อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 11
ทางด้าน ลดากินข้าวกับคิมหันต์พร้อมกับคุยเรื่องอันยา โดยกับข้าวที่ทั้งสองกินอยู่ คือเมนูอาหารอย่างเดียวกับที่อันยาทำแข่งนั่นเอง
"น้ำพริกเนี่ยเหรอครับ ที่คุณย่าให้สูตรเจ๊เค้าไปทำแข่ง" คิมหันต์ถาม
"ใช่จ้ะ แต่สูตรเดิม คือน้ำพริกล้านนาเฉยๆ ย่าช่วยปรับสูตรให้มันเหมาะกับที่มีสตรอว์เบอร์รีเป็นส่วนผสม เป็นยังไงบ้าง" ลดาถามกลับ
คิมหันต์ทำสีหน้าฟินมาก "หืม.. ถ้าเจ๊เค้าทำอร่อยได้แค่เสี้ยวเดียวของคุณย่า ก็ชนะขาดแล้วครับ"
"จริงๆ นะ ไม่ได้อำให้ย่าดีใจใช่มั้ย" หญิงชราว่า
"ก็ดูผมกินซะก่อนสิ หมดห่วงได้เลยครับคุณย่า หลานคุณย่าชนะใสๆ"
อันยาหลบมายืนอยู่ลำพังแล้วปาดน้ำตา เธอนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
อันยาอึ้งเมื่อเจอสองสาวตอกเข้าให้ เธอมองหน้าแสนด้วยสีหน้าที่จ๋อยมาก แสนเห็นสายตาของอันยา อันยาลุ้นว่าแสนจะใจอ่อนหรือเปล่าแต่แล้วแสนก็หันไปตักอาหารของม.ร.ว.เหมือนมากินแทน
อันยาข่มความปวดร้าวแล้วบังคับให้ตัวเองเดินไป สิงห์เดินมาตามเห็นอันยากำลังจะเดินไป เขารีบเรียก
"เอ้า นั่นจะไปไหนคุณอัน"
"เก็บของน่ะสิ ฉันแพ้แล้ว อย่าว่าแต่เค้าจะกินอาหารที่ฉันทำเลย แค่มอง เค้ายังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ" อันยาบอก
อันยาพูดแล้วก็จะเดินไป
"นายแสนมองหรือไม่มอง คุณไปดูด้วยตาตัวเองดีกว่ามั้ย" สิงห์ว่า
สิงห์บอกอันยาด้วยสีหน้าเร่งเร้าให้เธอไปให้ได้
อันยาเดินกลับมากับสิงห์ด้วยสีหน้าที่ยังสับสน แสนกำลังกินน้ำพริกที่ผิดสูตรของอันยาจนหน้าแดงไปหมดเพราะทั้งเผ็ดทั้งเค็มและมีรสชาติแปลกๆ อีกสารพัดในน้ำพริก ในขณะที่จานของม.รว.เหมือนกับอิงค์กี้ถูกกินจนหมดไปแล้ว
"ด็อกเตอร์คะ แบบนี้มันฆ่าตัวตายชัดๆ อย่ากินอีกเลยค่ะ" อิงค์กี้บอก
ม.ร. ว. เหมือนพูด "แสน..หญิงขอร้องล่ะ หยุดกินน้ำพริกนรกแตกนั่นเถอะค่ะ เดี๋ยวกระเพาะก็พังพอดี
ม.ร.ว.เหมือนใจจะขาดรอนๆ
แต่ไม่ว่าใครจะว่ายังไง แสนก็ยังกัดฟันกินน้ำพริกของอันยาต่อไปจนหมด อันยามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอมองแสนน้ำตาคลอ
อันยาพูดกับสิงห์ "เค้า...เค้ากินได้ยังไง มัน..น้ำพริกนั่นมันแย่มาก"
สิงห์ไม่พูดอะไร เขาได้แต่ยิ้ม
สินและหนานปิงมองแสนแบบไม่อยากจะเชื่อ
หนานปิงพูดกับสิน "ไหนแกว่ารสชาติมันแย่นักแย่หนาไง"
สินได้แต่มองแสนที่หน้าแดงและเหงื่อแตกไปหมดจากการกัดฟันกินน้ำพริก สินพูดไม่ออก
"เออ ไอ้นี่มันแข็งแต่ปาก พอให้มันตัดสินใจ ก็เห็นชัดๆว่าใจอ่อน" หนานปิงบอก
แสนรวบช้อนส้อม เมื่อกินทุกจานเสร็จ เขาจับท้องอย่างรู้สึกแสบก่อนจะพูด
"ผมตัดสินแล้ว คงจะพอใจกันแล้วนะครับ" แสนเดินออกไปจากที่นั่นทันที
ม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้งงมาก
"แล้วแบบนี้จะตัดสินยังไงคะเนี่ย" อิงค์กี้ว่า
ม.ร.ว.เหมือนพูด "แสนเค้าทานจานของฉันหมดก่อน หนูน่าจะชนะ ใช่มั้ยคะ"
"หมดก่อนหลังไม่สำคัญ ของฉันเค้าก็กินหมด" อิงค์กี้บอก
"ฉันตอบแทนนายแสนให้ก็แล้วกัน มันตั้งใจกินของทุกคนหมด คือให้เท่ากัน" สินบอก
ม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้ฟังแล้วรู้สึกขัดใจ
"แต่..ให้ฉันพูดบ้างแล้วกันนะ ผลการแข่งขันโดยรวมของพวกเธอไม่เท่ากัน" หนานปิงบอก
"ไม่เท่า ? พ่ออุ๊ย เลือกคนที่เหมาะสมได้แล้วใช่มั้ยคะ" อิงค์กี้ถาม
"คนที่มีคะแนนนำน่ะ" หนานปิงบอก ม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้ตื่นเต้น "คืออันยา"
ทั้งสองสาวเหวอไปรวมทั้งปุ๊กลุกด้วย
ปุ๊กลุกไม่อยากเชื่อ "ทำไมล่ะคะ ยัยนั่นทำอาหารได้แย่ที่สุดเลยนี่คะ"
"ก็อาหารฉันให้แสนตัดสิน เค้าตัดสินเท่ากัน แต่ที่ไม่เท่ากันเนี่ย คือในส่วนที่ปลูกสตรอว์เบอร์รีอันยาเป็นคนเดียวที่ลงไหลได้ครบ เพราะฉะนั้นอันยาก็ต้องได้ขึ้นนำน่ะสิ" หนานปิงบอก
ม.ร.ว.เหมือนพูด "อ้าว ก็..ก็เรื่องปลูกสตรอว์เบอร์รี ไม่นับแล้วไม่ใช่เหรอคะ"
"ใครบอก" หนานปิงขัดขึ้น ทั้งสามสาวยิ่งเหวอ "ฉันให้โอกาสพวกเธอพิสูจน์ตัวเองในแบบที่เธอบอกว่าถนัดแล้ว แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะล้มกติกาของตัวเอง ลองคิดให้ดีๆ คนที่ลงมือทำมากกว่า แต่ได้ผลเท่ากับคนที่ลงมือทำน้อยกว่า จะยุติธรรมได้ยังไง เสียงข้างมากไม่ใช่จะถูกเสมอไปนะ"
ม.ร.ว.เหมือน อิงค์กี้ และปุ๊กลุกจี๊ดมาก แต่ก็พูดไม่ออกเพราะเถียงหนานปิงไม่ได้
"ยินดีด้วยนะอันยา" สิงห์บอก
อันยาเข้าไปไหว้หนานปิง สิน และฟองคำ "ขอบคุณพ่ออุ๊ย คุณลุง คุณป้ามากนะคะ"
"ขอบคุณฉันทำไม เธอไปขอบคุณคนที่ช่วยให้เธอได้อยู่ต่อดีกว่านะ" หนานปิงบอก
อันยาฟังหนานปิงแล้วก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
แสนที่เข้ามาในห้องปวดท้องจากการกินน้ำพริกของอันยา แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู แสนเดินไปเปิด แล้วชะงักไปเมื่อเห็นว่าอันยายืนถือถาดใส่น้ำสมุนไพรมารออยู่ แสนทำทีจะปิดประตูทันที
"อย่าเพิ่งค่ะ อย่างน้อยก็รับน้ำสมุนไพรนี่ก่อน ฉันอุตส่าห์ต้มและคั้นเองกับมือเลยนะคะ" อันยารีบบอก "คราวนี้ฉันชิมแล้ว รับรองว่ารสชาดปกติ"
แสนมองอย่างลังเลว่าจะรับหรือไม่รับดี อันยาเอาน้ำใส่มือของแสนทันที
"ฉันขอร้อง เผื่อมันจะได้ช่วยให้คุณแสบท้องน้อยลง" อันยาบอก
แสนยอมรับเอาไว้ในที่สุดแล้วก็ตอบเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน
"ขอบใจ" แสนจะเดินเข้าห้อง
อันยารีบบอก "ขอบคุณนะคะคุณแสน ขอบคุณจริงๆ ที่คุณอุตส่าห์กินอาหารของฉัน"
แสนนิ่ง เขาคิดว่าจะต้องพูดอะไรบางอย่าง แสนหันมาบอกอันยา
"อย่าเข้าใจผิด ผมแค่.." แสนอ้าง "ไม่ต้องการให้พวกคุณมาเอาชนะกันด้วยวิธีการแบบนี้ อีกอย่าง
ข้าวทุกเม็ด อาหารทุกอย่างมีคุณค่า น้ำพริกของคุณ ถ้าผมไม่กิน ก็คงจะต้องทิ้ง"
อันยาอึ้งที่แสนพูดตรงๆ
"ผมกิน เพราะเสียดายอาหาร ก็แค่นั้น"
"ไม่เป็นไรค่ะ จะกินเพราอะไร ฉันก็ดีใจ จริงๆนะคะ แล้วฉันสัญญาวันหลัง วันหลังฉันจะทำอาหารที่ดีกว่านี้ให้" อันยายกนิ้วก้อยขึ้นมาสัญญา
แสนมองอันยาที่ให้สัญญาอย่างกระตือรือร้นดูจริงใจและน่ารักมาก เขาเกือบจะเผลอยิ้ม แต่แล้วก็รู้ตัวจึงทำฟอร์มกลับมาอีก
"คงดีกว่า ถ้าคุณจะไม่ทำอาหารอีก" แสนปิดประตูเข้าห้องไปทันที
อันยาเหวอที่แสนมาย้อนเธอซะงั้น แต่เธอก็ยังยิ้มปลื้มใจอยู่ดี
แสนกลับเข้ามาในห้องแล้วมองน้ำสมุนไพรในมือ เขาเพิ่งเห็นว่ามีริบบิ้นผูกรอบแก้วเอาไว้ พอจับดูก็เห็นว่าที่ริบบิ้นเขียนไว้ว่า “หายไวไวนะคะ คุณแสน ”
แสนอ่านแล้วก็เผลอยิ้ม เขาลองดื่มน้ำสมุนไพรดูก็ปกติจริงตามที่อันยาบอก แสนเคลิ้มไปชั่วอึดใจ แต่พอรู้ตัว เขาก็มีสีหน้าสลดลง แสนรีบวางแก้วสมุนไพรด้วยความไม่ชอบใจที่ตัวเองเผลอใจไปอีกแล้ว
ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้ล้างจานกันอยู่คนละมุม ทั้งสองล้างไปก็กระแทกกระทั้นจานไปอย่างอารมณ์เสีย
"ไม่อยากจะเชื่อ!! ว่าแสนยังใจอ่อนกับมันอยู่"
"ขนาดทำสุดฝีมือ ก็แค่เท่ากับคนอื่น นี่ฉันเป็นนางเอกอันดับหนึ่งนะ"
ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้ต่างขัดหม้ออย่างรุนแรงเพื่อระบายอารมณ์จนฟองกระเด็นไปโดนอีกฝ่าย
อิงค์กี้โวย "โอ๊ย ล้างจานหรือล้างรถยะ เลอะเทอะขนาดนี้"
ม.ร.ว.เหมือนสวน "พอดีเห็นสิ่งสกปรกติดเยอะ ช่วยล้างให้ยังไงล่ะ"
"อุ๊ย ฉันก็เห็นสิ่งสกปรกเหมือนกัน" อิงค์กี้เอาฟองป้ายหญิงเหมือน
แล้วสองสาวก็ระบายอารมณ์ด้วยการปาระเบิดฟองใส่กันจนเละเทะ ปุ๊กลุกถือของเดินเข้ามาเห็น
"พวกเธอทำอะไรกันเนี่ย แทนที่จะคิดสกัดดาวรุ่ง มาตีกันเป็นเด็กๆ แบบนี้น่ะสิยัยนั่นถึงได้นำไปก่อน"
"แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ตัวเองท้องเลยเดินลอยชายสบาย ไม่ได้มาทำอาหาร"
"แล้วก็ไม่ต้องมาปลูกสตรอว์เบอร์รีอย่างพวกฉันด้วย โอ๊ย !!! ถ้าอยากชนะ ฉันต้องกลับไป
ปลูกสตรอว์เบอร์รีจริงๆเหรอเนี่ย ไม่เอานะ"
ม.ร.ว. เหมือนพลอยหวาดกลัวไปด้วยเพราะไม่อยากปลูกเหมือนกัน ทั้งสองสาวต่างก็กลุ้มใจว่าจะทำยังไงดี
อันยายังปลื้มไม่หาย เธอคุยโทรศัพท์กับลดา
"คุณแสนเค้าอุตส่าห์กินน้ำพริกของอัน ถึงมันจะผิดสูตรไปตั้งเยอะ คุณย่าว่ามั้ยคะว่าถ้ารออีกหน่อย เค้าคงจะยอมยกโทษให้อัน"
ลดาฟังแล้วก็ยังเป็นห่วงหลานจับใจ
"เฮ้อ ย่าก็นึกว่าจะยกโทษให้ตั้งแต่ยกนี้แล้ว พ่อแสนเนี่ย ใจแข็งจริงๆ นี่ ถ้าหนูง้อเค้าไม่ไหว ย่าไปช่วยพูดให้ดีมั้ย" ลดาบอก
อันยาพูดด้วยเสียงหนักแน่น
"เดี๋ยวเค้าจะหาว่าอันทำให้คุณย่าลำบากน่ะสิคะ อันทำผิดเอง ก็ขอแก้ไขเอง.. แล้วที่บ้านคุณแสน เค้าก็อุตส่าห์ให้โอกาสทั้งที" อันยาว่า
ลดาเงียบไป อันยาเริ่มกังวล
"ที่อันง้อเค้าขนาดนี้ คุณย่าคิดว่าอันทำไม่ถูกรึเปล่าคะ ?” อันยาถาม
"ไม่หรอกจ้ะ ย่ารู้ ว่าหนูอันทำไปเพื่ออะไร หนูมีเจตนาดี...แต่อย่าลืมนะลูก ถึงเราจะอยากไถ่โทษมากแค่ไหน ก็ต้องอย่าลืม ที่จะรักตัวเราเองด้วยนะ"
อันยานิ่งไปสักครู่ก่อนจะตอบ
"ค่ะคุณย่า .... อันไม่อยู่ คุณย่าดูแลตัวเองด้วยนะคะ"
"ไม่ต้องห่วงย่าหรอกจ้ะ ..อันนั่นแหละ ที่ต้องดูแลทั้งตัว และหัวใจของตัวเองให้ดี"
ลดากดวางสาย รอยยิ้มที่มีให้หลานเมื่อครู่ค่อยๆ สลดลง ลดาฟังอันยาแล้วนึกถึงเรื่องบางอย่าง ลดาเดินไปเปิดลิ้นชักก่อนจะหยิบกล่องไม้ออกมาเปิดออก แล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเก่ามากแต่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี มันเป็นผ้าเช็ดหน้าที่มีระบายเป็นลูกไม้ถักโดยรอบ ริมขอบด้านซ้ายล่างปักเป็นตัวอักษร “NP” ลดาพูดกับผ้าเช็ดหน้า
"อันเค้าทำให้ฉันนึกถึงตัวเองเหลือเกิน...ถ้าเมื่อก่อน ฉันมีความกล้าแค่ครึ่งนึงของหลาน" ลดามีแววตาอาลัย "เรื่องของเรา ก็คงไม่ต้องจบลงแบบนั้น"
ลดามองผ้าเช็ดหน้าในมือด้วยสายตาเศร้า เพราะคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาจับใจ
ฟากหนานปิงกำลังมองเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เพราะคิดถึงใครบางคนอยู่เช่นกัน
สักครู่ก็มีเสียงเคาะประตู คนงานเปิดประตูเข้ามาโดยเอาเสื้อผ้าที่ซักแล้วเข้ามาวางให้ หนานปิงหันไปมองโดยไม่ได้ว่าอะไร คนงานเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จก็เดินออกมา คนงานเห็นผ้าเช็ดหน้าวางไว้ข้างหมอนก็หันไปถามหนานปิง
"ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ จะให้ซักมั้ยคะ?”
หนานปิงรีบเข้าไปหยิบอย่างหวงแหน
"บอกตั้งกี่ที ไม่รู้จักจำ ผืนนี้ฉันซักเอง" หนานปิงว่า
คนงานยิ้ม "ถ้าแม่อุ๊ยรู้ คงดีใจ"
คนงานเดินออกไป หนานปิงหันไปมองรูปภรรยา
"ไม่โกรธใช่มั้ยเดือน... ที่ฉันยังไม่ลืมเค้า...อย่างน้อย ฉันขอเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นความทรงจำคงไม่ว่าฉันนะ"
ผ้าเช็ดหน้าของหนานปิงเหมือนผ้าเช็ดหน้าของลดาแต่ปักคำว่า “LD” อยู่
คิมหันต์คุยสายกับลดา
"ครับคุณย่า ขอบคุณที่โทรมาบอกนะครับ รู้ว่าเจ๊ทำอาหารแล้วมีคนกินผมก็โล่งครับ สวัสดีครับ" คิมหันต์วางสาย
คิมหันต์นั่งกินข้าวอยู่กับเมขลา
"เป็นไงคะ ด็อกเตอร์หายโกรธอันโกะรึยัง" เมขลาถาม
"ถ้าถามถึงเรื่องนี้ก็...ยัง" คิมหันต์บอก เมขลาผิดหวัง "แต่ก็มีลูกใจอ่อนนะ" เมขลาสนใจฟัง "เห็นว่ายอมฝืนกินน้ำพริกนรกแตกของเจ๊เข้าไป"
"แต่ฉันก็เข้าใจนะคะที่ด็อกเตอร์ยังโกรธอยู่ อันโกะคงต้องเหนื่อยหน่อย"
"สุดๆอ่ะครับ แต่ก็ถือว่าคืบหน้านะ แต่ทางเราเนี่ยสิ ที่ยังไม่คืบไปไหน"
คิมหันต์กับเมขลาจ๋อยๆกันไปทั้งคู่
"จะเข้าไปค้นหาหลักฐานมาจากกำนันโกมลเองเนี่ย มันเสี่ยงมากเลยนะคะ"
คิมหันต์คิดเพราะถึงเสี่ยงก็ยังอยากจะหาทาง
"จริงๆบ้านกำนัน ก็มักจะมีชาวบ้านหรือคนละแวกนั้นเข้าๆออกๆกันอยู่ตลอดเพียงแต่ฉันน่ะ เป็นคนของบริษัทฝ่ายตรงข้าม"
“ และเจ๊ผม ก็ดันเคยไปบอกยกเลิกแผนการ เค้าก็เลยไม่ไว้ใจพวกเราแล้ว ทีนี้จะหาเหตุอะไรเข้าไปดีน้า"
ทั้งสองคนครุ่นคิดกันต่อ แล้วจู่ๆคิมหันต์ก็ขยับตัวด้วยท่าทางเหมือนคิดอะไรได้
"คิดออกแล้วเหรอคะ"
"คิดว่าจะสั่ง..ชาอีกถ้วยน่ะครับ" คิมหันต์บอก เมขลาเหวอไป "คุณเอาอะไรเพิ่มมั้ย ?”
เมขลาเซ็งเพราะนึกว่าคิมหันต์คิดแผนออก
คิมหันต์และเมขลาเดินออกมาจากร้านกาแฟด้วยกัน
"ขอโทษนะคะ ที่เมช่วยอะไรไม่ได้เลย"
คิมหันต์ฟังเมขลาแล้วก็ชะงักไป "ใครว่าคุณช่วยไม่ได้ คุณน่ะช่วยผมได้เยอะเลย เวลาแบบเนี๊ยะผมต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนมากที่สุด ไม่งั้น..ผมอาจจะหันหลังวิ่งหนีความผิดของตัวเองไปดื้อๆ"
เมขลาเข้าใจและเชื่อมั่น "คุณไม่ทำหรอก"
"คุณมองคนในแง่ดีเกินไปรู้มั้ย"
"ฉันเห็นคนตั้งเยอะพูดว่าตัวเองดี แต่พอเกิดเรื่อง ก็รีบปัดความผิดไปให้คนอื่นแทบไม่ทัน อย่างน้อยคุณกับอันโกะ ก็กล้าทำกล้ารับ ดีกว่าคนพวกนั้นซะอีก"
"เชียร์กันขนาดเนี๊ยะ" คิมหันต์ยิ้มอย่างซึ้งใจ "อย่าบอกว่าไม่ได้ช่วยอะไรผมอีกนะ"
เมขลาปลื้มกับคำพูดและสายตาขอบคุณที่คิมหันต์ตอบกลับมาให้เธอ
"เฮ้อ... จะมีวิธีอะไรให้เข้าไปในรังของศัตรูได้เนียนๆบ้าง" คิมหันต์ถาม
วัยรุ่นคนนึงเดินมาพร้อมเอกสารในมือ
"พี่คะ ขอเวลาแค่ 5 นาที ตอบแบบสอบถามให้หน่อยได้มั้ยคะ"
"พอดีพี่สาวคนนี้ต้องรีบกลับน่ะครับ เดี๋ยวจะไม่ทันรถ" คิมหันต์บอก
เมขลาดูนาฬิกาแล้วบอก "ไม่เป็นไร ฉันว่าทัน มา พี่ทำให้" เมขลารับแบบสอบถามมา
คิมหันต์มองๆเมขลาที่กรอกแบบสอบถามอยู่แล้วก็ปิ๊ง เขาหยิบแบบสอบถามจากมือเมขลามา
"นี่ไง! นี่ไงล่ะ"
"พี่ ไม่ต้องแย่งกันค่ะ หนูมีหลายชุด" เด็กวัยรุ่นจะส่งอีกชุดให้คิมหันต์
"ไม่ใช่อย่างงั้น คือ เดี๋ยวพวกพี่ทำให้นะ แป๊บนึง" คิมหันต์ดึงตัวเมขลามาคุยกันสองคน "คุณเมผม
ว่านี่แหละครับ แผนของเรา"
เมขลายังไม่เคลียร์ "ยังไงเหรอคะ?”
คิมหันต์พูดแล้วก็เล่าแผนที่ปิ๊งขึ้นมาได้ให้เมขลาฟัง เมขลาฟังอย่างตั้งใจ
เสียงอุ๊บอิ๊บดังลั่น "อะไรนะคะ !! ไม่สำเร็จ"
อิงค์กี้กำลังคุยโทรศัพท์กับอุ๊บอิ๊บด้วยความหงุดหงิด
อุ๊บอิ๊บพูดจากโทรศัพท์ "คุณน้องขา... ทั้งอีเวนท์ ทั้งโฆษณารอคิวคุณน้อง เค้าบอกว่าถ้าเดือนนี้ยังไม่ได้จะหาพรีเซนเตอร์ใหม่แล้วนะคะ พี่อุ๊บอิ๊บไม่รู้จะถ่วงเวลาให้ยังไงแล้ว"
"พี่อุ๊บอิ๊บ อย่าให้อิงค์กี้ต้องพูดซ้ำ บอกแล้วไงคะ ถ้าไม่ได้หัวใจและเรือนกายของด็อกเตอร์ยังไงอิงค์กี้ไม่กลับ"
"แต่จากที่พี่ฟัง พี่ว่าด็อกเตอร์ ดูไม่ใจอ่อนเลยนะคะ" อุ๊บอิ๊บคิด "มันต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง ไหนลองเล่าให้ฟังสิคะว่า" อุ๊บอิ๊บออกเสียงโอเว่อร์ "โลเคชั่นที่คุณน้องอยู่เป็นยังไงบ้าง" อุ๊บอิ๊บฟังแล้วก็ตกใจมาก "ตายแล้ว"
อิงค์กี้ฟังเสียงอุ๊บอิ๊บอุทานแล้วก็ตกใจไปด้วย
อุ๊บอิ๊บพูดจากโทรศัพท์ "ลุคสาวชาวไร่ อยู่กระต๊อบ โดนแดดเผา!! แล้วยังไปเป็นนังก้นครัว ต๊ายโบราณมาก ผู้ชายเดี๋ยวนี้ไม่ปิ๊งแบบนั้นหรอกค่า!!! ฟังคุณพี่นะคะ ...จำละครเรื่องล่าสุดที่คุณน้องเล่นได้มั้ย? นึกสิคะนึก นึก ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พระเอกถึงได้ตกหลุมรักนางเอก"
อิงค์กี้คิดแล้วก็ตกใจ "ห๊ะ!! จะให้อิงค์กี้จับด็อกเตอร์มาขัง แล้วทรมานเหมือนในละครเหรอคะ?”
อุ๊บอิ๊บมีสีหน้าเซ็งมาก
"คุณน้องจำสับสนแล้ว!! นั่นมันเรื่องก่อนโน้น ...เรื่องล่าสุด ...นางเอกเค้าทำแบบนี้!”
อิงค์กี้ตั้งใจฟังมากก่อนจะยิ้มออกมา
"แผนการเริ่ดมากค่ะพี่อุ๊บอิ๊บ ขอบคุณนะคะ รับรองด็อกเตอร์ไม่รอดมืออิงค์กี้แน่ๆค่ะ"
อิงค์กี้มีแววตาเจ้าเล่ห์
หนานปิงกำลังเล่นหมากรุกอยู่กับสิน อิงค์กี้เดินมาเมียงมองและมีแววตาครุ่นคิด
"รุกฆาต!” หนานปิงเสียงดัง
สินเซ็ง "เฮ้อ เซ็ง ...เล่นกี่ทีก็แพ้พ่อ"
"ฮ่า ๆ เรามันกระดูกคนละเบอร์เว้ย!”
"ข่มตลอด ....ไม่เล่นด้วยแล้ว" สินว่า
อิงค์กี้ที่เดินเข้ามาเห็นยิ้มร้ายแล้วขยับไปหาหนานปิง
"อิงค์กี้ขอดวลกับคุณปู่สักกระดาน ได้มั้ยคะ?”
"อย่าเลย! ... ชาตินี้เอ็งไม่มีทางชนะข้าได้หรอก"
"แล้วถ้าอิงค์กี้ชนะล่ะคะ?”
"ไม่มีทาง!”
"เอางี้ ถ้าอิงค์กี้ชนะ สามารถขออะไรคุณปู่ ได้ 1 อย่าง"
"เอาสิวะ!! ยังไงก็ขอไม่ได้อยู่แล้ว!!! เพราะยังไงก็แพ้!!! ฮ่า ๆ" หนานปิงหัวเราะลั่น
เวลาผ่านไป กระดานหมากรุกโล่งและแล้วอิงค์กี้ก็วางขุนลง!
อิงค์กี้พูด "รุกฆาต!!”
หนานปิงกับสินตกใจ "เฮ้ย!”
"เป็นไปไม่ได้ พ่อแพ้นังหนูนี่ได้ยังไง!” สินว่า
หนานปิงเซ็งมากจนพูดไม่ออกเพราะเสียฟอร์มสุด ๆ
"ไปหัดเล่นหมากรุกที่ไหนมา ถึงได้เก่งนัก!” สินถาม
"พ่อหนูเป็นเซียนหมากรุกค่ะ" อิงค์กี้บอก ทั้งสองคนเงิบ "คุณปู่แพ้แล้ว ต้องทำตามสัญญานะคะ อิงค์กี้สามารถขอได้ 1 อย่าง"
"อย่าบอกนะ ว่าจะขอไอ้แสน" หนานปิงพูดดัก
"อิงค์กี้ไม่ขอแบบนั้นหรอกค่ะ อิงค์กี้รู้ว่าเรื่องด็อกเตอร์ต้องทำตามกติกา"
"ถ้างั้นเราจะขออะไร?”
อิงค์กี้ยิ้มเจ้าเล่ห์สุด ๆ
แสนชะงักมองพ่อด้วยความสงสัย ฟองคำที่กำลังล้างผักมองทั้งสองคนคุยกันอยู่ห่างๆ
"ให้ผมพาอิงค์กี้ไปเที่ยวน้ำตก" แสนทวนคำ
สินพยักหน้า สิงห์ถือถาดใส่ผักเข้ามาวางแล้วนั่งฟังการสนทนา ฟองคำถามสวนไปทันที
"ทำไมจู่ ๆ ให้ลูกพาแม่ดาราคนนั้นไปน้ำตก อย่าบอกนะว่าพ่อถือท้ายข้างดารา" ฟองคำว่า
สินพูดแบบไม่สบตา "ไม่มีอะไร๊ เราเป็นเจ้าบ้านก็ต้องดูแลแขกให้ดี จะให้เค้ามาคลุกอยู่แต่ในไร่ มันก็ยังไงอยู่"
ฟองคำพูดหน้าดุ "พ่อ เอาความจริง ไม่งั้นถ้าแม่ไปรู้เอง พ่อรู้นะ ว่าจะเป็นยังไง"
สินพูดจ๋อย ๆ "ก็พ่ออุ๊ยน่ะสิ ดันไปเล่นหมากรุกแพ้แม่หนูนั่น เค้าเลยขอให้เจ้าแสนพาเค้าไปเที่ยวน้ำตก"
"ดีจริง ๆนะ เล่นหมากรุกเอาลูกเป็นรางวัล"
"โธ่แม่ก็ ...ใครจะไปรู้ ว่าแม่หนูนั่นมีพ่อเป็นเซียนหมากรุก" สินพูดกับแสน "ช่วยพาเค้าไปหน่อยนะ
พ่อกับพ่ออุ๊ยรับปากเค้าไปแล้ว อย่าให้เสียผู้ใหญ่เลยนะลูก"
"คนต้นคิดเป็นแม่ดาราคนนั้น บอกตามตรง แม่ไม่ไว้ใจ"
"โธ่แม่ ...ลูกเราเป็นผู้ชายตัวออกใหญ่ แม่หนูนั่นคงไม่ลากไปทำอะไรง่าย ๆหรอก จะว่าไป เค้าก็เป็นเพื่อนเจ้าแสน คิดซะว่า พาเพื่อนไปเที่ยวแล้วกันนะ"
ฟองคำมองสินตาดุ สินหลบตาเมียแล้วหันไปพูดกับแสน แสนทำสีหน้าไม่อยากไปเลย
"ถือว่าทำเพื่อพ่อกับพ่ออุ๊ยแล้วกันนะ ไม่งั้นโดนถอนหงอกแน่ ๆ" สินอ้อนวอน
แสนอึ้งเพราะไม่อยากจะตอบรับเลยจริงจริง
"เป็นอันว่าตกลงแล้วนะ" สินตัดบท "แหม..อภิชาติบุตรจริง ๆ ขอบใจนะแสนที่แกไม่ทำให้พ่อเสียหน้า ตกลงว่า..ตามนี้แหละนะ" สินรีบชิ่งไปทันที
สินรีบเดินออกไปก่อนแสนจะเปลี่ยนใจ ฟองคำมองแสนด้วยความเป็นห่วงนิดๆ
ฟองคำเอาขยะจากในครัวจำพวกเศษผักต่างๆ มาทิ้งเพื่อรอทำปุ๋ยหมัก ที่ทิ้งขยะของบ้านแสนมีการแยกขยะไว้อย่างดี สิงห์เดินตามฟองคำออกมา
ฟองคำทิ้งขยะไปก็บ่นไป "พ่อเนี่ยน๊า จริงๆเลย"
"คุณน้าครับ" สิงห์เรียก ฟองคำหันไป "ถ้า...คุณน้าเป็นห่วง ว่าคุณอิงค์กีจะมีแผน ผมมีวิธีไม่ให้เข้าแผนของเค้า"
"ยังไงเหรอพ่อสิงห์"
ฟองคำถามด้วยความสงสัย
อันยากำลังรดน้ำแปลงสตรอว์เบอร์รี โดยมีสิงห์ยืนคุยอยู่ใกล้ ๆ
"ไปเที่ยวน้ำตก?”
"ใช่! ไหลก็ลงหมดแล้ว ไปเที่ยวผ่อนคลายบ้าง ทำงานหนักมาตั้งหลายวันแล้ว" สิงห์หยอด "วิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ บางทีอาจจะทำให้คนที่พูดยากๆพูดกันง่ายขึ้นก็ได้ นะ"
อันยาชะงักแล้วคิดตาม
อ่านต่อหน้า 2
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ตอนเช้าของวันใหม่ แสนกำลังดูที่หน้ากระโปรงรถเพื่อตรวจเช็คเครื่องยนต์ อิงค์กี้วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ห่างออกไปเป็นสินกับหนานปิงที่ยืนส่งอยู่ ฟองคำเอาเสื่อกับของกินใส่ท้ายรถให้แสน
"วันนี้อากาศดี เหมาะกับการเล่นน้ำ...พอไปถึงน้ำตก เราเล่นน้ำกันนะคะด็อกเตอร์" อิงค์กี้ชวน
ปุ๊กลุกเดินเข้ามาในสภาพแต่งตัวพร้อม อิงค์กี้มอง
ปุ๊กลุกถาม "มองอะไร"
"อย่าบอกนะ ว่าจะตามไปด้วย"
"อย่าหวังเลย ว่าฉันจะให้หล่อนไปกับพี่แสนแค่สองคน" ปุ๊กลุ๊กพูดกับแสน "ปุ๊กลุกไปเที่ยวน้ำตกด้วยนะจ๊ะ...ลูกของเรา จะได้อารมณ์ดี ไปกันได้แล้วใช่มั้ยคะ"
อิงค์กี้เหวอ เธอหันไปมองสินกับหนานปิงก่อนจะเข้าไปกระซิบใกล้ๆ
"คุณพ่อ พ่ออุ๊ยคะ ที่เราคุยกันไว้ มันไม่ใช่แบบนี้นะคะ"
หนานปิงพูดกับปุ๊กลุก "หยุดเลยเรา!! ท้องโตแบบนี้ จะไปเดินน้ำตกได้ยังไง!! เดี๋ยวลื่นล้มไป...รู้จัก
ห่วงลูกห่วงเชื้อซะบ้าง อยู่ที่นี่แหละ"
ปุ๊กลุกเหวอ
"เอ้าแสน รีบๆไปแล้ว เดี๋ยวแดดร้อน ไปเลย ไป" สินดันหลังแสนให้รีบไป
"ขับรถดี ๆ เดินทางปลอดภัยนะลูก"
อิงค์กี้ยกมือไหว้อย่างสวยงามแล้วพูดเสียงหวานจ๋อย "ขอบคุณนะคะพ่ออุ๊ย คุณพ่อ"
หนานปิงกับสินพยักหน้าให้อย่างเสียไม่ได้ อิงค์กี้ขึ้นรถไปกับแสน แล้วรถก็แล่นออกไป ปุ๊กลุกมองตามด้วยความเจ็บใจมาก
บริเวณจุดพักผ่อนริมน้ำตก แสนกับอิงค์กี้เดินมาด้วยกัน อิงค์กี้ยิ้มระรื่นมาก
"ที่นี่สวยจังเลยนะคะ"
แสนตอบสั้นๆ "ครับ"
อิงค์กี้ปั้นหน้าเศร้า "อิงค์กี้ดีใจที่สุดเลยค่ะ ที่ได้มาเที่ยวที่นี่กับด็อกเตอร์ ตั้งแต่อิงค์กี้เป็นดารา ก็ไม่เคยได้เที่ยวแบบนี้เลย....ไปไหนก็มีแต่คนมุง"
"ทุกอย่างมันก็ต้องมีข้อดีข้อเสียแบบนี้แหละครับ เรื่องปกติ"
"ค่ะ ด็อกเตอร์พูดอะไรก็ถูกไปหมด" อิงค์กี้มองไปไกล "ด็อกเตอร์คะ เราขึ้นไปแถวต้น ๆ น้ำกันดีกว่า อยู่แถวนี้เดี๋ยวคนมุงอิงค์กี้อีก"
"ก็ได้ครับ"
อิงค์กี้ดีใจมาก "ด็อกเตอร์น่ารักที่สุดในโลกเลยอ่ะ"
ว่าแล้วอิงค์กี้ก็เกาะแขนแสนเดินออกไป
อิงค์กี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในขณะที่เดินมากับแสน แสนมัวแต่ดูน้ำตกโดยไม่ค่อยสนใจอิงค์กี้เท่าไหร่
อิงค์กี้ออเซาะ "อุ๊ย!! เป็นอะไรไม่รู้ค่ะด็อกเตอร์ ..อยู่ ๆ ก็แสบผิว ด็อกเตอร์ดูให้หน่อยสิคะ อิงค์กี้โดนตัวอะไรกัดรึเปล่า?”
อิงค์กี้จะเปิดซอกคอให้ดู แต่โชคดีที่ม.ร.ว.เหมือนเดินเข้ามาเสียก่อน
"นี่หล่อน! ทำอะไรหัดเกรงใจเจ้าป่าเจ้าเขาบ้างสิยะ!”
อิงค์กี้เซ็งและตกใจมาก เธอรีบจัดเสื้อให้เป็นปกติ
"นี่ป้ามาได้ยังไง!!! ใครจุดธูปเชิญมาไม่ทราบ"
"ทำไม น้ำตกนี้เป็นสมบัติของชาติ ใครจะมาก็ได้" ม.ร.ว. เหมือนขยับไปพูดใกล้ ๆ อิงค์กี้ "ฉันไม่ปล่อยให้หล่อนทำมารยาใส่แสนง่าย ๆ หรอกย่ะ"
"ป้ารู้เรื่องน้ำตกได้ยังไง!”
"คนที่ไม่อยากให้หล่อนมีความสุข บอกมาน่ะสิ"
"นัง..นังบ้านนอกท้องโตนั่น อั๊ย !”
ม.ร.ว.เหมือนยิ้มสะใจ อิงค์กี้จี๊จนขึ้นสมอง
แสนมองอิงค์กี้และม.ร.ว.เหมือนคุยกันประสาผู้หญิงแล้วก็ถอนใจโล่งอก
สิงห์กับอันยาเดินเข้ามาในบริเวณน้ำตก อันยามองสายน้ำแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น
"ป่านนี้ คุณอิงค์กี้คงรีบทำคะแนนไปถึงแล้ว ขืนมัวแต่ชมวิวแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่ทันเค้านะ" สิงห์ว่า
"ฉันมาพักผ่อน ใครจะวุ่นวายทำคะแนนกับใคร ...ก็เชิญตามสบายเถอะค่ะ"
อันยามองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินเข้าไปในน้ำตกอีกทาง
สิงห์มองตามอันยาประมาณว่าจะลุ้นขึ้นมั้ยเนี่ย
อิงค์กี้และหญิงเหมือนเดินประกบสองข้างของแสน ในขณะที่หญิงเหมือนชวนแสนคุย อิงค์กี้ก็พยายามวางแผน
อิงค์กี้คิดในใจ "นังป้าหญิง! นังก้างปลาวาฬ ฉันจะเขี่ยให้กระเด็นเลยคอยดู"
"น้ำตกสวยจังเลยนะคะแสน" ม.ร.ว. เหมือนบอก
"ครับ"
สิงห์เดินมาอีกด้าน แสนหันไปเห็นก็แปลกใจแล้วก็ผละจากหญิงเหมือนไปหาสิงห์ อิงค์กี้ได้จังหวะ ก็รีบลากหญิงเหมือนให้ห่างออกไปแล้วพูด
"ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิคะ คุณหญิง"
อิงค์กี้ลาก หญิงเหมือนไปใกล้น้ำตก แสนไม่สนใจเพราะมัวแต่คุยกับสิงห์
"มาเหมือนกันเหรอ?” แสนถาม
"เออ .. มาดูแลความปลอดภัยของลูกพี่ลูกน้อง" สิงห์มองไปทางอิงค์กี้ "มีคนกลัว.. ว่านายจะถูกทำมิดีมิร้าย"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า" แสนบอก
สิงห์ทำหน้ากวน "นี่ไม่ได้มาคนเดียวนะ จะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าพี่มากับใคร?”
แสนรู้ทันสิงห์ "พี่จะมากับใคร ก็ไม่เกี่ยวกับผมนี่"
"เดี๋ยวนี้พูดได้แต่คำว่าไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยว นายเป็นคนไม่มีหัวใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฮึ"
แสนชะงักไปเพราะตอบสิงห์ไม่ออก
ระหว่างที่แสนคุยกับสิงห์ ม.ร.ว.เหมือนก็มัวแต่มองแสนทำให้โดนอิงค์กี้ดันให้เดินไปเหยียบแอ่งโคลนโดยไม่รู้ตัว
"อุ๊ย! ขอโทษค่ะคุณหญิง อิงค์กี้ไม่ได้ตั้งใจ"
ม.ร.ว.เหมือนหงุดหงิดมาก "นังดาราปัญญาทึบ!!! ซุ่มซ่าม!!! ดูสิ ขาฉันเลอะไปหมดเลย"
ม.ร.ว.เหมือนเดินไปที่น้ำตกก่อนจะวักน้ำล้างโคลนที่ขา อิงค์กี้ยิ้มสะใจ
แสนตอบสิงห์ "ใช่ ผมมันใจดำ เพราะงั้นก็อย่าให้ใครต้องมาเสียเวลากับผมเลย"
อิงค์กี้รีบเดินมาหาแสน
"ด็อกเตอร์คะไปทางโน้นดีกว่าค่ะ ....อิงค์กี้ได้ยินคนคุยกัน เค้าบอกว่าน้ำตกตรงโน้นสวยมากเลยค่ะ" อิงค์กี้รีบลากแสนไป
สิงห์มองตามไปแล้วก็ส่ายหน้าว่ามันจะใจแข็งไปถึงไหน แสนเดินมากับอิงค์กี้ ทีแรกเขาใจลอยอยู่เล็กน้อยแต่แล้วก็เริ่มนึกอะไรได้
"เอ๊ะ แล้วคุณหญิงเหมือนล่ะครับ?”
"อ๋อ ..เห็นบ่นว่าร้อน ขี้เกียจเดินแล้วค่ะ ...ไม่ต้องไปสนใจป้าเค้าหรอกค่ะ เรารีบไปกันดีกว่า"
อิงค์กี้รีบพาแสนเดินไปอย่างเร็ว
อันยาเดินเล่นชมนก ชมไม้ ชมน้ำตกไปเรื่อยๆ โดยพยายามไม่นึกถึงแสน แต่ก็อดไม่ได้
"ป่านนี้คงอยู่กับยัยอิงค์กี้" อันยาถอนใจ "ไหนบอกว่าจะไม่สนใจเค้าไงล่ะ"
อันยาเซ็งตัวเองและพยายามจะไม่คิด
อิงค์กี้พาแสนออกมาพ้นระยะม.ร.ว.เหมือนแล้วก็รีบจัดการตามแผน ด้วยการวิ่งนำแสนไป
"อุ๊ย เสียงน้ำดังมากเลยค่ะ ทางนี้ค่ะ"
อิงค์กี้รีบเร่งให้แสนเดินตามมา แสนจะเดินตามแต่แล้วก็เห็นขยะอยู่ที่พื้น แสนชะงัก
อันยานั่งเหม่ออยู่ที่โขดหินริมน้ำตก น้ำตกเบื้องหลังมีป้ายติดไว้เป็นแบ็คกราวด์ว่า “อันตราย ห้ามลงเล่นน้ำบริเวณนี้” ในมืออันยามีเมล็ดข้าวที่แสนเคยให้ไว้ จู่ ๆ ก็มีมือหนึ่งมาดึงไป
ม.ร.ว.เหมือนพูด "อะไรน่ะ ขอดูซิ!”
"แค่เมล็ดข้าวน่ะ ขอคืนให้ฉันเถอะ"
"แล้วทำไมต้องทำท่าหวงซะขนาดนั้นด้วย ใครให้มางั้นเหรอ"
อันยาชะงักเพราะไม่กล้าตอบ
ม.ร.ว.เหมือนนึก "แสนใช่มั้ย เธอได้มาจากแสนใช่มั้ย"
ม.ร.ว.เหมือนมีแววตาอิจฉาในขณะที่ขึ้นเสียงคาดคั้น
อิงค์กี้นึกว่าแสนเดินตามมาแล้วจึงปฎิบัติการตามแผน เธอเดินไปใกล้น้ำตกแล้วมองหามุมที่จะกระโดดลงไป
อิงค์กี้นึกถึงตอนที่อุ๊บอิ๊บบอกกับเธอ
"ในบทละครเรื่องที่แล้ว นางเอกแกล้งตกน้ำ พระเอกรีบกระโดดตามลงไปช่วยพอขึ้นมาได้ ..คิดดูนะคะคุณน้อง ตัวเปียก ๆ เนื้อโดนเนื้อ หน้าใกล้หน้าพระเอกเกินห้ามใจ ก็เลย จุ๊บ นางเอก...หลังจากนั้นพระเอกก็รักนางเอกแทบคลั่ง"
อิงค์กี้ยิ้มแล้วกระโดดลงไปในน้ำทันที !
แสนเอาขยะทิ้งลงถังแล้วก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง แสนหันไปมอง
อิงค์กี้พรวดขึ้นมาเหนือน้ำแล้วปากก็ตะโกนลั่น
"ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
อิงค์กี้ผลุบๆโผล่ๆอยู่ในน้ำอย่างลุ้นระทึกมากมาย
"ช่วยด้วยค่ะ ด็อกเตอร์ ช่วยอิงค์กี้ด้วย!”
ทันใดนั้นอิงค์กี้ก็เห็นคนวิ่งมา เธอคิดว่าเป็นแสนจึงยิ่งตะโกนดังกว่าเดิม
"ด็อกเตอร์ อิงค์กี้อยู่นี่ค่ะ ด็อก...." อิงค์กี้อึ้งเมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งมาพร้อมห่วงยาง
"ใจเย็นๆก่อนนะครับ ลอยตัวไว้อย่างนั้นแหละ"
อิงค์กี้หันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาแสน
"ด็อก.. ด็อกเตอร์ !! ด็อกเตอร์ !”
เจ้าหน้าที่กระโดดลงมาอยู่ห่างจากอิงค์กี้เป็นระยะก่อนจะเอาห่วงยางให้เธอเกาะ
"เกาะห่วงยางเอาไว้ครับ เกาะไว้"
"ว้าย ไม่ ไม่เอานะ ออกไป๊ ลงมาทำไม๊ ฉันไม่เกาะห่วงยาง ฉันจะเกาะด็อกเตอร์!!”
เจ้าหน้าที่พยายามเอาห่วงยางให้อิงค์กี้เกาะ แต่อิงค์กี้พยายามผลักห่วงยางหนีแถมว่ายน้ำหนีเจ้าหน้าที่เฉยเลย
"ไม่อ๊าว !! ปล่อยฉัน !! อย่ายุ่ง"
"อ้าว ว่ายน้ำเป็นนี่ ? แล้วร้องให้ช่วยทำไม"
"ไม่ได้ร้องหานายก็แล้วกัน" อิงค์กี้มองหาแสน "ด็อกเตอร์ ไปไหนของเค้าเนี่ย ฮื่อ!”
อันยาจะเอาของคืนมา แต่หญิงเหมือน ไม่ยอมให้
"ใครให้มา ก็ช่างเถอะ ฉันขอคืน"
"ตอบมาก่อน ว่าใช่ของๆแสนรึเปล่า!”
อันยาไม่ตอบ เธอดึงจะเอาของคืนจากหญิงเหมือน
"ปากแข็งนักเหรอ" หญิง เหมือนกระชากมาได้ก็ชูของไปเหนือน้ำ "จะตอบหรือไม่ตอบ !”
อันยาหน้าเสีย "คุณหญิง อย่านะ เดี๋ยวหล่น !”
"หล่อนก็ตอบมาสิ"
อันยาไม่ตอบแต่จะเข้าไปคว้าของ
หญิงเหมือนโมโห "หนอย เธอลองดีกับฉันเหรอ !”
แสนเดินออกมาเห็นอันยาพยายามแย่งของจากหญิงเหมือน หญิงเหมือนสะบัดมืออย่างแรงด้วยความโกรธจนเมล็ดข้าวร่วงจากมือแล้วหล่นลง
อันยาตกใจ "ไม่นะ !”
อันยาเอื้อมมือไปคว้าไว้สุดตัวซึ่งก็คว้าเอาไว้ได้ อันยาโล่งอกแต่แล้วเท้าที่เหยียบโขดหินอยู่อย่างหมิ่นเหม่มากๆ ทำให้เธอเสียการทรงตัวจนเซลงไปในน้ำเบื้องล่าง เสียงน้ำตกแตกกระจายดังตูม หญิงเหมือนช็อค แสนที่มองเห็นเหตุการณ์อยู่ผงะไปอย่างตกใจจนถึงกับเผลอร้องออกมา
"อันยา !”
แสนวิ่งพรวดเข้ามา ณ จุดเกิดเหตุ
หญิงเหมือนเห็นแสนก็ตกใจ "หญิงเปล่านะคะ หญิงไม่ได้ผลักเค้าตกลงไปนะ !”
แสนกวาดตามองที่น้ำตกก็เห็นแต่พรายน้ำแต่ไม่เห็นร่างอันยา เขารีบถอดรองเท้าออกแล้วกระโดดลงน้ำไป อันยาที่อยู่ในน้ำพยายามตะกายน้ำเพื่อทรงตัวจนโผล่ศีรษะขึ้นมาได้
แสนที่มองหาอยู่เห็นอันยา "อันยา !" แสนรีบว่ายไปหา
ปรากฎว่าบริเวณที่อันยาโผล่ขึ้นมาเป็นกระแสน้ำวน อันยาว่ายต้านน้ำไม่ไหวเพราะยิ่งว่ายก็ยิ่งถูกน้ำดูดเอาไว้
อันยาจมลงไป "ช่วยด้วย"
แสนรีบว่ายเข้ามาหาแต่พอปะทะกับกระแสน้ำเขาก็ชะงักไปทันที อันยาที่อยู่ใต้น้ำตะเกียกตะกาย จนสำลักน้ำทั้งปากและจมูก แสนที่ลอยตัวอยู่ห่างๆ หันรีหันขวาง เขาคิดว่าจะทำยังไงดี
หญิงเหมือนที่อยู่บนโขดหินหน้าซีด อิ้งค์กี้ที่เปียกไปทั้งตัวเดินมาทางด้านหลัง
"ด็อกเตอร์ ! ลงไปในน้ำทำไม ห๊ะป้า"
หญิงเหมือนหันมาบอก "น้ำวน!! ไปตามเจ้าหน้าที่มาช่วย เร็ว ! เร็วสิ"
อิงค์กี้เหวอแต่ห่วงแสน เลยรีบหันหลังไปทำตามคำสั่ง
อันยาตะเกียกตะกายว่ายแต่ก็สู้แรงน้ำไม่ไหวจึงเริ่มนิ่งและจมลง แสนมองหาทาง แล้วก็เห็นเถาวัลย์ที่ห้อยออกมาริมน้ำตก เขาจึงรีบว่ายเลาะไปกระชากเถาวัลย์ออกมาให้ยาวที่สุดแล้วเอามามัดเอวตัวเองเอาไว้ให้แน่นก่อนจะว่ายลงไปหาอันยา
อันยาที่อยู่ใต้น้ำหายใจไม่ได้ก็ทรมานมากๆ เธอยิ่งจมลงๆ แสนดำว่ายมองหาอันยา เขาดำน้ำอยู่นานจนกระทั่งทนไม่ไหว จึงต้องโผล่หน้าขึ้นมาหายใจ แสนโผล่หน้าขึ้นมา หญิง เหมือนเห็นว่าแสนยังช่วยอันยาไม่ได้ก็ใจเสีย แล้วแสนก็รีบดำกลับลงไปใหม่
ใต้น้ำที่มืดสลัวน่ากลัว แสนว่ายหาอันยา แต่มองไปตรงไหนๆก็มีแต่ความสลัว พรายฟองน้ำ และเงามืด
แสนหาอยู่นานจนราวกับว่าจะช่วยอันยาไม่ได้ ร่างของอันยาลอยไปตรงที่มีแสงส่อง แสนว่ายมาเห็นเข้าก็รีบไปคว้าตัวเธอมาทันที
แสนโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกับอันยาในอ้อมแขน เขาสาวเถาวัลย์ที่มัดกับร่างกลับเข้าหาฝั่ง
หญิงเหมือนโล่งอก "แสน ทางนี้ค่ะ ทางนี้!”
แสนพาอันยามาโดยท่ากอดไขว้หน้าอกเพื่อให้จมูกและปากของอันยาพ้นน้ำ เขาพาเธอว่ายน้ำกลับมาจนถึงฝั่ง
แสนวางร่างของอันยากับโขดหินแบนๆ ริมฝั่งแล้วเรียกเธอให้ได้สติ
"อันยา เป็นอะไรมั้ย"
อันยาไม่ตอบสนองแต่มีใบหน้าที่ซีดมาก
แสนยกคางอันยาขึ้นแล้วกดหน้าผากของเธอให้ต่ำเพื่อให้สิ่งอุดตันในลำคอหลุดออกมา แล้วแสนก็ก้มหน้าลงไปแนบแก้มอันยาใกล้ๆ บริเวณจมูกและปากของเธอเพื่อสัมผัสว่ายังมีลมหายใจหรือเปล่า แสนพบว่าลมหายใจอันยาแผ่วลงไปมาก
หญิงเหมือนมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ใจเสียมาก แสนก้มลงบีบจมูกอันยาแน่นก่อนจะดูให้คางแหงนขึ้น แล้วเป่าลมเข้าไปในริมฝีปากของอันยา
หญิงเหมือนตกใจ อิงค์กี้ที่วิ่งมาพร้อมเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยก็ชะงักไปด้วย แสนเป่าปากผายปอดให้อันยาตามหลักการปฐมพยาบาลแต่อันยาก็ยังไม่ตอบสนอง แสนกดหน้าอกนวดหัวใจให้เต้นด้วยสีหน้าที่กดดัน เขาคอยดูว่าอันยาจะรู้สึกตัวหรือไม่
หญิงเหมือนพูดกับเจ้าหน้าที่ "นี่คุณ ไม่ทำอะไรเลยเหรอ"
"ก็เค้าช่วยอยู่ ผมเพิ่งประสานไปทางอุทยาน เดี๋ยวหน่วยจะส่งรถมา"
แสนหอบด้วยความเหนื่อยแต่ก็ยังคงผายปอดสลับกับกดนวดหัวใจให้อันยาไม่หยุด หญิงเหมือน อิงค์กี้ และเจ้าหน้าที่มองด้วยความหวั่นใจ แสนนวดหัวใจโดยพยายามอย่างไม่หยุดหย่อน
"หายใจสิ อันยา หายใจ...”
แสนแทบจะขาดใจแต่ยังคงทำซีพีอาร์อย่างต่ออย่างและไม่ยอมแพ้ อิงค์กี้และหญิงเหมือนเห็นอารมณ์ความรู้สึกของแสนที่พยายามช่วยอันยาก็ได้แต่ยืนอึ้งและพูดไม่ออก
ในที่สุดแสนก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง หัวใจของอันยาเต้นแรงขึ้นใต้ฝ่ามือของแสน แสนนวดหัวใจต่อ ด้วยความมีหวังขึ้นเรื่อยๆ แล้วเขาก็ก้มหน้าลงแนบแก้มอันยาเพื่อฟังเสียงลมหายใจใกล้ๆ แสนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่แรงขึ้น แสนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
อันยาค่อยๆ ลืมตาเห็นแสนแต่ก็ยังคงอ่อนเพลียอยู่ "คุณ..คุณแสน"
แสนซบหน้าลงข้างบ่าอันยาด้วยความโล่งอกสุดชีวิต หญิงเหมือนกับอิงค์กี้อึ้ง
อันยาห่มเสื้อแจ็กเก็ตของเจ้าหน้าที่ป่าไม้โดยมีสีหน้าดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ
"ผมยกเลิกรถพยาบาลแล้ว แน่ใจนะครับ ว่าไม่เป็นไรจริงๆ" เจ้าหน้าที่ถาม
"จริงค่ะ ขอบคุณนะคะ ฉันหายหนาวแล้วด้วย" อันยาส่งเสื้อคืนให้เข้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่รับเสื้อคืนแล้วก็ผละไป อันยาชะงักเมื่อนึกอะไรได้เธอก็หน้าเสีย
อันยารีบควานหา แล้วหยิบเมล็ดข้าวจากกระเป๋ากางเกง "ไม่หาย" อันยาดีใจ
แสนเห็นอันยาดีใจที่ของไม่หายก็กลับโกรธขึ้นมา
"คุณบ้าไปแล้วรึเปล่า ! กระโดดลงไปเอาของแบบนั้นได้ยังไง !”
"แสน หญิง หญิงไม่ได้ตั้งใจทำหล่นนะคะ" หญิง เหมือนพูดกับอันยาแบบรู้สึกผิดนิดๆ "ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ"
แสนไม่สนหญิงเหมือน เขาว่าอันยาต่อ "จะยังไงก็ตาม คุณก็ไม่ควรทำโง่ๆ กระโดดลงไป"
อันยามองแสนที่ตวาดใส่แล้วก็หน้าเสียเพราะไม่เคยเห็นเขาโกรธออกมาแรงๆแบบนี้
"คุณแสน ฉัน..ฉันขอโทษ..ฉัน"
"คุณพูดได้แต่ขอโทษ!! รู้มั้ย ว่าที่ดีกว่าคำขอโทษคืออะไร คือเลิกทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนแบบนี้ซะที!”
หญิงเหมือนกับอิงค์กี้อึ้งไปด้วย
"ผมถึงได้บอกไง ว่าให้คุณกลับไปซะ !” แสนขึ้นเสียง
อันยาน้อยใจ "คุณแสน"
"ถ้าอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อผม ก็ช่วยกลับไป กลับไปที่กรุงเทพ แล้วก็อย่ากลับมาอีก" แสนบอก
แสนต่อว่าแล้วก็หันหลังเดินไปเลย หญิงเหมือนกับอิงค์กี้อึ้ง
อันยาช็อคมากแต่มือของเธอยังกำเมล็ดข้าวไว้แน่นก่อนที่น้ำตาจะซึมออกมา
เมขลาขับรถมาจอดโดยยืมรถที่บ้านมา คิมหันต์ที่นั่งอยู่ข้างๆเตรียมตัวเตรียมใจ
"ขอบคุณนะครับคุณเม ถ้าเกิดพวกนั้นจับได้ ผมจะ..บอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ" คิมหันต์บอก
"ฟังดู..เหมือนจะปลอดภัยนะ ช่างมันเถอะ ยังไงก็มาถึงขึ้นนี้แล้ว" เมขลาว่า
เมขลากับคิมหันต์ทำใจเตรียมบุกรังของศัตรู เมขลามองไปที่บ้านโกมล
"ฉันจะเบนความสนใจ และถ่วงเวลาลูกน้องกำนันให้ ถ้าหาไม่เจอยังไง ให้คุณแก่ความปลอดภัยก่อน หนีออกมาก่อนจะโดนใครเห็นเข้านะ"
"ครับ แต่ผมหวังว่าเราจะเจออะไรนะ"
เมขลาพยักหน้าเพราะหวังเช่นนั้นเหมือนกัน
ลูกน้องของกำนันโกมลมารับหน้าเมขลาที่หน้าบ้านก็แปลกใจ
"มาขอทำแบบสอบถาม?”
"ค่ะ ทางเราอยากทราบความเห็นของชาวบ้าน ที่มีต่อบริษัทเพียงพอดีเราน่ะค่ะ" เมขลาบอก
"ต้องมาทำที่นี่ด้วยเหรอ?”
"เราอยากได้ข้อมูลของคนระดับผู้นำตำบลบ้าง" เมขลาบอก ลูกน้องโกมลยืดเล็กๆ
"ก็... อยากช่วยนะ แต่.. ไม่ค่อยว่างเนี่ยสิ" ลูกน้องแคะเล็บ
"เรามีค่าตอบแทนในการทำแบบสอบถามให้ด้วยค่ะ"
เมขลาว่าแล้วก็หยิบเครื่องคิดเลขมากดโชว์ตัวเลขให้ลูกน้องโกมลดู พอดูแล้วลูกน้องโกมลก็ชะงักไปอย่างสนใจ
เมขลากำลังทำการอธิบายแบบสอบถามกับลูกน้องโกมลที่มานั่งด้วยกันอยู่ในบ้าน รถของเมขลาจอดอยู่ในลานบ้านของโกมล ขณะที่ไม่มีผู้คนสนใจ ประตูรถด้านหลังรถก็เปิดออก คิมหันต์ที่ซ่อนตัวอยู่รีบลงมาจากรถ เด็กรับใช้ในบ้านเดินมา คิมหันต์จึงรีบหลบหลังรถด้วยความตื่นเต้น พอเด็กรับใช้เดินไปแล้ว คิมหันต์ก็รีบย่องเข้าไปในบ้าน
ในที่สุดคิมหันต์เข้ามาในบ้านโกมลได้สำเร็จ เขามองไปรอบๆ บ้านว่าจะเริ่มหาจากจุดไหนก่อนดี
คิมหันต์ลองชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องต่างๆ ซึ่งเป็นห้องนอนบ้าง ห้องพระบ้างด้วยใจลุ้นระทึกตลอด
อ่านต่อหน้า 3
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 11 (ต่อ)
เพียงดาวถือถาดกาแฟมาพร้อมกับบ่นไปด้วย
"ดูซิฉันเลยต้องมาชงกาแฟให้ด็อกเตอร์แพมแทน! ยัยเมเป็นอะไรของเค้า ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยหยุดเคยลา"
"ทีตอนเจ๊หยุด น้องเค้ายังบริการคุณบุรินทร์แทนเจ๊ ผมไม่เห็นเค้าบ่น" เอกชัยว่า
เพียงดาวชะงัก "รู้แล้วน่า เฮ้อ...ยัยเมหยุดไปคน ออฟฟิศยิ่งเหงาเข้าไปใหญ่ รู้สึกมั้ยว่าหมู่เนี้ยะ บรรยากาศออฟฟิศเรามันอึมครึมยังไงไม่รู้ มัน..ไม่สนุกเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร"
"เฮ้อ...ก็คนดีๆอย่างด็อกเตอร์แสนถูกใส่ร้ายจนต้องลาออก จะสนุกได้ยังไง" เอกชัยว่า
"แกว่าไงนะ ด็อกเตอร์ถูกใส่ร้าย ?” เพียงดาวงง
"อ๋อ ผมหมายถึง “อาจจะ” ถูกใส่ร้าย ผมยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี ว่าคนอย่างด็อกเตอร์จะทำผิดแบบนั้นจริงๆ" เอกชัยพูดทั้งๆ ที่รู้ว่าแสนไม่ได้ทำ
"ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันแหละ แต่จะทำไงได้ มันมีหลักฐานนี่"
เพียงดาวยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายที่แสนต้องมีเรื่องออกไป
"เฮ้อ.." เอกชัยบ่น "ก็ติดตรงหลักฐานนี่แหละ" เอกชัยแอบเอาใจช่วย "น้องเม คุณคิมทำให้ได้นะ"
เอกชัยซึ่งรู้แผนของคิมหันต์ก็คิดเอาใจช่วย
คิมหันต์หาของในห้องทำงานแล้วก็หันไปเห็นตู้เซฟ คิมหันต์สนใจจึงตรงเข้าไปดู ประตูห้องทำงานที่คิมหันต์อยู่ค่อยๆ แง้มออก คิมหันต์ที่กำลังสำรวจเซฟอย่างสนใจชะงักเมื่อได้ยินเสียงประตู คิมหันต์เห็นกรอบรูปของกำนันจึงคว้ามาเตรียมป้องกันตัว
"ฉันเอง !!” เมขลาบอก
คิมหันต์ใจหายแวบ เขาลดกรอบรูปลง
"ฉันบอกลูกน้องกำนัน ว่ามาห้องน้ำ เจออะไรบ้างรึยัง" เมขลามองตู้เซฟ "ถ้าคุณหาเมล็ดพันธุ์ฉันว่าไม่น่าเก็บในที่แบบนี้หรอก"
"แล้วมันควรจะเก็บที่ไหน?”
เมขลาพาคิมหันต์เดินมาบริเวณโรงเรือนเล็กๆนอกตัวบ้านซึ่งเป็นห้องก่อด้วยปูนอย่างหยาบๆ เพื่อเอาไว้เก็บของ
"ของพวกเนี้ยะ เค้าไม่เก็บไว้ในบ้าน น่าจะเก็บในห้องเก็บของหรือโรงเรือนสำหรับเก็บพวกของเกษตรต่างๆมากกว่า"
คิมหันต์เข้าไปดูในห้องเก็บของห้องหนึ่งซึ่งเปิดเข้าไปได้ และมีแต่พวกเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ กับของไม่ใช้แล้ว
"คงไม่ใช่อันนี้"
เมขลาหันไปเห็นว่าใกล้ๆกันมีอยู่อีกห้องนึงซึ่งที่ประตูมีแม่กุญแจคล้องอยู่ เมขลากับคิมหันต์ต่างก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
เมขลามองหน้าห้องก็เห็นขวดน้ำยาต่างๆ "ข้างนอกนี่มีพวกปุ๋ย ยาเคมี บางทีข้างในนี้อาจจะมีของที่เราหาอยู่นะคะ"
คิมหันต์เห็นรอยแตกที่อยู่เหนือหัวขึ้นไปก็เขย่งเท้าชะเง้อมองเข้าไป คิมหันต์เห็นว่าในห้องมีอุปกรณ์การเกษตรต่างๆ เก็บไว้
"ผมเห็นมีพวกของเกษตรเต็มเลย"
"ทำไงถึงจะเข้าไปได้" เมขลาจับแม่กุญแจที่คล้องอยู่ด้วยความเสียดาย
ขณะที่เมขลากำลังสำรวจดูแม่กุญแจ ก็มีเสียงรถยนต์ดังมา ทั้งสองคนชะงัก
"มีคนกลับมา"
เมขลาชะเง้อดู "รถของกำนัน" เมขลาเสียดายมาก "วันนี้เราคงต้องพอแค่นี้ก่อน"
คิมหันต์กับเมขลาหน้าเจื่อนไป
โกมลเดินเข้ามาเห็นลูกน้องกำลังเขียนตอบแบบสอบถามก็แปลกใจ
"ทำอะไรของเอ็งวะ"
ลูกน้องตกใจที่เห็นนายกลับมาตอนนี้ "เอ่อ..กำนัน ทำไมวันนี้กลับเร็วจัง"
"ฉันถาม ว่าเอ็งทำอะไร"
เมขลารีบเดินมา "ฉันขอให้ลูกน้องกำนันช่วยตอบแบบสอบถามให้บริษัทเราน่ะค่ะ"
โกมลแปลกใจ "เธอ.. เป็นคนของเพียงพอดีนี่" โกมลมองลูกน้องอย่างไม่ชอบใจ
"เราอยากได้ความเห็นของคนระดับผู้นำตำบลด้วยน่ะค่ะ" เมขลาบอก
โกมลหยิบแบบสอบถามมาจากลูกน้องมาดู "ความเห็นต่อการทำงานของพนักงานเพียงพอดี" โกมลเน้นเสียง "แย่ !! ไม่มีความจริงใจ ขนาดเป็นถึงระดับด็อกเตอร์ก็ยังหลอกลวง"
เมขลารู้ว่าโกมลหมายถึงใคร เธอบีบมืออย่างแค้นที่โกมลว่าแสนทั้งที่ตัวเองใส่ร้ายแสน
"อ้อ แต่ตอนนี้ ไม่มีคนๆนั้นแล้ว จากคะแนนติดลบ ก็ขึ้นมาเป็นศูนย์” โกมลเย้ย โกมลติ๊กคะแนนให้แทนลูกน้องเสร็จสรรพและส่งแบบสอบถามให้เมขลา
ลูกน้องทวง "ค่าตอบแทนที่รับปากไว้ล่ะ" โกมลเหล่ลูกน้อง "ก็แค่แบบสอบถามน่ะกำนัน เค้าจะได้รู้ไง ว่าหมู่บ้านเราไม่ต้องการบริษัทเค้า แม้แต่นิดเดียว"
เมขลาเอาซองให้ลูกน้องกำนันแล้วทำท่าจะไป แต่ก็ทนไม่ไหวจึงหันกลับมาบอก "บริษัทเราอาจจะมีคนที่โดนกล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์ แต่อย่างน้อยก็ไม่มีคนที่ตีหน้าซื่อทั้งที่ตัวเองทำความผิด"
"เธอพูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง" โกมลถาม
เมขลาชะงักแล้วรีบตัดบท "ขอตัวนะคะ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ" เมขลารีบเดินออกไป
โกมลและลูกน้องมองตาม โกมลมองอย่างครุ่นคิด
เมขลาเดินกลับมาที่รถแล้วมองหาคิมหันต์ เธอเปิดประตูด้านหลังดูแล้วมองดูจุดที่คิมหันต์เคยซ่อนตัวแต่ก็ไม่เห็นใคร
"อยู่ไหนของเค้า"
เมขลาหันหาไปมาแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นลูกน้องโกมลจับตัวคิมหันต์อยู่ หน้าคิมหันต์มีรอยโดนชก
"หามันอยู่ใช่มั้ย"
เมขลามองหน้าคิมหันต์ ทั้งสองหน้าซีดลง
ส่วนอันยาตักน้ำมารดต้นสตรอว์เบอร์รี และเริ่มไอเพราะไม่ค่อยสบาย แต่เธอก็ยังคงรดน้ำต่อแล้วความทรงจำที่ไม่งดงามเริ่มผุดขึ้นมารบกวน
อันยานึกถึงตอนที่แสนต่อว่าเธอ
"ถ้าอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อผม ก็ช่วยกลับไป กลับไปที่กรุงเทพ แล้วก็อย่ากลับมาอีก"
แสนต่อว่าอันยาแล้วก็หันหลังเดินหนีไป
น้ำที่รดสตรอว์เบอร์รีไหลรินนองลงมาที่พื้น
เสียงสิงห์ดังขึ้น "ยังมารดน้ำอีกเหรอ"
อันยาหันไปเห็นสิงห์ก็เพิ่งรู้ตัวว่าทำน้ำนองพื้น
สิงห์คุยกับอันยา
"ไม่คิดเหรอว่า ที่นายแสนโกรธคุณมากขนาดนั้น เพราะว่าเค้าเป็นห่วงคุณ"
"คุณว่าอย่างนั้นเหรอคะ" อันยาส่ายหน้า "แต่ยังไง เค้าก็ยังไล่ฉันอยู่ดี" อันยาน้อยใจ "ฉัน..มาทำอะไรอยู่ที่นี่กันแน่"
สิงห์ฟังอันยาแล้วก็รู้สึกสงสาร
"บางที มันอาจจะจริงอย่างที่คุณแสนพูด ว่าที่ฉันทำมันไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าฉันจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่มีผล"
สิงห์แทรกขึ้น "คุณบอกว่ามาแข่งขันเพื่ออะไรนะ" อันยาชะงักไป "อยากจะให้นายแสนเข้าใจว่าคุณเสียใจมากแค่ไหนใช่มั้ย งั้นก็อย่าเพิ่งตัดรอนตัวเอง...ถ้าคุณจะปลูกความเชื่อใจ ลงในใจของใคร คุณก็จะต้องเชื่อ ในตัวเองให้ได้ซะก่อน"
อันยาฟังสิงห์นิ่งและครุ่นคิด
โกมลและลูกน้องคาดคั้นเอาคำตอบจากคิมหันต์และเมขลาที่ถูกมัดมือไว้ทั้งคู่
"เข้ามาหาอะไรในบ้านฉัน คิดจะทำอะไรกันแน่"
คิมหันต์มองหน้าเมขลาโดยต่างไม่ยอมปริปาก โกมลพยักหน้าให้ลูกน้อง ลูกน้องเดินเข้าไปหาคิมหันต์
"สงสัยอยากเจ็บกว่านี้" ลูกน้องถือมีดเข้ามา
"อย่านะ ใช้อาวุธทำร้ายคน โทษหนักนะ !” เมขลาขู่
"แล้วรู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองเป็นผู้บุกรุก และไม่มีโอกาสจะออกไปฟ้องตำรวจที่ไหนด้วย" โกมลว่า
เมขลาหน้าเสีย ลูกน้องเอามีดมาใกล้หน้าคิมหันต์
เมขลาร้องเสียงหลง "ไม่ !!”
คิมหันต์โพล่งออกมา "ฉัน..!! ฉันมาเนี่ย เพราะอยากได้ส่วนแบ่ง !!”
โกมลและลูกน้องชะงัก
"แกว่าไงนะ"
"กำนันก็น่าจะรู้ข่าวแล้ว ว่าด็อกเตอร์แสนไม่ยอมเซ็นสัญญากับวิชชั่น เค้าจับได้ว่าเจ๊หลอกเค้า พวกผมก็เลยไม่ได้อะไรสักอย่าง เจ๊ก็เตลิดไปแล้วเพราะกลัวโดนฟ้อง เมล็ดพันธุ์พวกนั้น ที่ผมให้คุณเอาไปขาย มูลค่ามันก็ไม่ใช่น้อยๆ ผมต้องการส่วนแบ่ง"
"หนอย !! พวกฉันอุตส่าห์ช่วยแก ยังมีหน้ามาทวงเงินอีกเหรอ" ลูกน้องจะฟาดหน้าคิมหันต์
เมขลาโพล่งออกมา "ถ้า! ถ้าเรามีเมล็ดพันธุ์มาขายอีกล่ะ"
ลูกน้องชะงัก
เมขลาพูดต่อ "ก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าพวกคุณคงไม่ยอมแบ่งเงินให้ พอด็อกเตอร์แสนลาออกไปโครงการก็หยุดชะงัก เมล็ดพันธุ์ที่เหลือ..ก็ถูกทิ้งอยู่แบบนั้น ถ้าพวกคุณสนใจฉันจัดการให้ได้นะ"
"คิดว่าพวกเราจะสนใจไอ้เมล็ดพันธุ์บ้านๆนั่นเหรอ" ลูกน้องว่า
"แต่มันก็ขายได้ไม่ใช่เหรอ ถ้าขายให้ที่อื่น ที่เค้าไม่มีพันธุ์พวกนี้ ผมรู้นะ คุณไม่ได้แค่จัดฉากแต่เอาของเราไปขายจริงๆ ลองมีคนซื้อครั้งนึงแล้ว ก็ต้องขายได้อีก"
โกมลกับลูกน้องมองหน้ากันเพราะความโลภชักจะเข้ามาครอบงำ แต่โกมลยังมีสิ่งที่ค้างคาใจ
"แล้วทำไมพวกแกต้องลอบเข้ามาด้วย ถ้าจะมาถามเรื่องเงินตั้งแต่แรก"
คิมหันต์และเมขลาชะงักว่าจะตอบยังไงดี
"ก็ไม่คิดว่ากำนันจะยอมน่ะสิ ก็เลย จะหาเมล็ดพันธุ์ที่เหลือ เอามาแบล็คเมล์" คิมหันต์แก้ตัว
"หนอย !! กล้ามากนะแก" ลูกน้องอัดคิมหันต์
"นี่ ถ้าเค้าเป็นอะไร จะไม่ขายให้นะ ถ้าไม่ได้คนในอย่างเราช่วย พวกคุณไม่ได้ของแน่ๆ"
โกมลส่งสายตาให้ลูกน้องหยุด ลูกน้องเสียดายมากเพราะอยากอัดคิมหันต์ต่อ
เมขลาโล่งอกที่คิมหันต์รอดจากการเป็นกระสอบทรายสักที
ลูกน้องกำนันเดินมาคุมเมขลาและคิมหันต์ให้ขึ้นรถ
"อ้อมออกไปทางด้านหลัง อย่าให้ใครเห็นว่าพวกแกมาหากำนัน"
เมขลาประจำที่คนขับ คิมหันต์เข้าไปในรถ แล้วเมขลาก็ออกรถไปตามทางที่ลูกน้องโกมลบอก
ลูกน้องโกมลกลับเข้ามา
"เรียบร้อยแล้วครับ ให้มันไปทางด้านหลัง คงไม่มีใครสังเกตเห็นผู้ช่วยเก่านังอันยา"
โกมลยิ้มเยาะ "เสียดายที่ไอ้แสนมันไม่ได้มารู้ ว่าตอนนี้คนรอบๆตัวมัน กลายสภาพเป็นหมาล่าเนื้อกันหมด หึ พอเนื้อตกล่ะแย่งกันฉีกกินแทบไม่ทัน แกจำไว้นะ ไม่มีใครอยู่ข้างใครจริงๆ ผลประโยชน์เท่านั้นแหละวะที่มันเป็นใหญ่"
โกมลสะใจที่คนของแสนมาหักหลังขายเมล็ดพันธุ์ให้ตัวเอง
เมขลาจอดรถอยู่ริมทางที่ปลอดผู้คน คิมหันต์และเมขลาต่างจดจ่อฟังบางอย่างอยู่
เสียงโกมลดังขึ้น "พวกแกจะขายเท่าไหร่ ถ้าโก่งราคาก็อย่าคิดนะว่าฉันจะสนใจ"
คิมหันต์ร้องเยส
"อัดติดจริงๆ !”
"ไม่อยากเชื่อเลย เราทำได้ ทำได้จริงๆ" เมขลาดีใจ
"คุณหัวไวมากเลยนะ ที่หลอกพวกมันให้อยากได้เมล็ดพันธุ์ที่เหลืออยู่ในโครงการ"
"ก็ฉันยังไม่อยากตายนี่ ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียว ว่าต้องรอด ต้องเอาความจริงมาช่วยด็อกเตอร์ให้ได้"
คิมหันต์พยักหน้าเพราะดีใจมากๆที่ทำสำเร็จ
"แล้วคุณ เจ็บมากมั้ย" เมขลามองแผลที่โดนซ้อมบนหน้าของคิมหันต์
"ไม่เล๊ย ผมลืมความเจ็บไปแล้ว สิวๆ" คิมหันต์จับแผลโชว์ "อู๊ย !!”
"ใจร้อนเกินไปนะคุณเนี่ย" เมขลาว่า
เมขลาควานหาปลาสเตอร์ยามาได้ก็เอามาแปะให้คิมหันต์
คิมหันต์มองเมขลาที่มาดูแลด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม "ขอบคุณนะครับ"
เมขลาแปะปลาสเตอร์ให้พอเห็นสายตาของคิมหันต์เธอก็เขิน พอแปะเสร็จเมขลาก็เอียงหน้าหลบสายตาแต่ซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่มิด
ปุ๊กลุกลูบท้องแล้วหัวเราะอย่างสาแก่ใจ
"เสียดายไม่ได้เห็นด้วยสองตานะลูกนะ ยัยอันยาโดนด็อกเตอร์ตวาดใส่ สมน้ำหน้า ฮะๆๆ"
อิงค์กี้กับหญิงเหมือนกลับไม่ขำ
ปุ๊กลุกพูดกับหญิงเหมือน "นี่ อย่าบอกนะว่ารู้สึกผิด มันไม่ตายซะหน่อย" ปุ๊กลุ๊กนึก "นี่ถ้าฉันหายใจไม่ออกบ้าง ด็อกเตอร์จะผายปอดให้เหมือนกันน่ะสิ" ปุ๊กลุ๊กมีตาเป็นประกาย
อิงค์กี้กับหญิงเหมือนรำคาญจึงเดินหนีไปทันที
"นี่ ! ปากเป็นบื้อไปรึไง ทำไมไม่เม้าท์ยะ ปลวกกินสมองรึไง"
อิงค์กี้กับหญิงเหมือนเดินมาด้วยท่าทางที่อึดอัดมากๆ
"ป้าก็เห็นใช่มั้ย"
"ใครป้าเธอ! ฉันบอกตั้งร้อยครั้ง ให้เรียกคุณหญิงเหมือน"
อิงค์กี้กระชากกิ่งไม้ "เจ็บใจจริงๆเลย ด็อกเตอร์เป็นห่วงยัยสารพัดพิษนั่นขนาดนั้น"
หญิงเหมือนไม่พูดแต่หน้าเสียไปเหมือนกัน
อิงค์กี้มีสีหน้าขัดใจมาก และคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
ฟากอันยาเดินอย่างระโหยโรยแรงกลับมา แล้วเธอก็ชะงักเมื่อเห็นว่าตรงพื้นหน้ากระต๊อบ กระเป๋าเสื้อผ้า และของใช้อื่นๆของเธอมากองอยู่บริเวณนั้น
"ทำตามคำสั่งเจ้าของบ้านได้แล้ว อย่าให้ด็อกเตอร์เค้าต้องเดือดร้อนเพราะเธออีก" อิงค์กี้ว่า
ปุ๊กลุกเดินออกมาแล้วส่ายหน้าก่อนจะบอกอันยา "ฉันท้องอยู่ ก็เลย..ช่วยอะไรไม่ได้"
"เธอช่วยฉันเก็บของ !” อิงค์กี้สั่ง
ปุ๊กลุกชะงักไป หญิงเหมือนมายืนเมียงมองอยู่ด้วยแต่ไม่กล้าออกโรงเยอะ เพราะยังรู้สึกผิดอยู่ อันยาข่มอารมณ์ก่อนจะไปหยิบของตัวเองขึ้นมา
อิงค์กี้ขัดขวาง "แน๊ะ พอมาตากแดดตากลมเข้า ยิ่งด้านยิ่งหนากว่าเดิมอีกเหรอ"
อันยาไม่สนเพราะจะเอาของคืน อิงค์กี้ไม่ยอมจึงกระชากกลับพรวดจนของในกระเป๋าระเบิดออกมาทั้งเสื้อผ้า ของใช้ และที่ชาร์จมือถือที่หล่นมาด้วย
อิงค์กี้ชะงัก แต่ไม่เลิก "ฉันเตือนเธอดีๆแล้วนะ" อิงค์กี้หยิบของมากระชาก ทึ้ง ดึง กระทืบ เอาที่ชาร์จมือถือมาขว้างกระแทกไปโดนหิน
ปุ๊กลุกกระซิบบอกหญิงเหมือน "นี่ ถ้าไม่เห็นกับตา ไม่เชื่อจริงๆนะ ว่านี่นางเอก"
อันยามองของที่โดนทำลายแล้วก็จี๊ดมาก แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ไว้ "อยากทำอะไรก็ทำ !! ทำไปเลยถ้าอยากจะเสียแรงฟรี"
อิงค์กี้เหลืออด "นี่หล่อน ขนาดนี้แล้ว ยังจะด้านหน้าอยู่อีกงั้นเหรอ"
"ใช่! ฉันหน้าด้านหน้าทน ฉันมันเลวทำลายอนาคตคุณแสน แล้วฉันยังมีหน้ามาขอให้เค้าให้อภัย เค้าไล่ก็ไม่ไปอีกด้วย ! แล้วมีอะไรอีก อยากจะว่าอะไรอีก"
"อย่า.. อย่านึกนะว่าฉันจะหาคำมาว่าเธออีกไม่ได้ ยัย ยัยสารพัดพิษ ยัยงูพิษ ยัยตุ๊กแก กิ้งก่า ไส้เดือน กิ้งกือ แมลงเม่า หอยแมลงภู่"
"ด่าอะไรเนี่ย" ปุ๊กลุ๊กขัดรู้สึกขัดใจกับหญิงเหมือน "ไม่ช่วยเค้าเหรอ"
"ฉันไม่ได้มาด่าหล่อนเฉยๆนะ ฉันมาช่วยแสนเค้าไล่หล่อนไปต่างหาก ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง"
"จะด่า จะว่า จะไล่ จะทำอะไรก็เชิญ แต่ฉันจะไม่ไปไหน"
หญิงเหมือนทนไม่ไหวจึงก้าวออกมาบ้าง
"ทั้งๆที่ทำให้แสนเค้าไม่สบายใจอย่างนี้เหรอ เธอน่าจะตื่นได้แล้ว ตัวเองทำกับเค้าไว้ขนาดนั้น ยังไงเค้าไม่มีวันให้อภัย ถึงพยายามให้ตาย ก็มีแต่ทำให้เค้าเกลียดขี้หน้ามากขึ้น"
อันยาอึ้งเพราะคำของหญิงเหมือนแทงทะลุขั้วใจของเธอจนน้ำตาซึม
"นี๊ !ของจริง มันต้องอย่างนี้" ปุ๊กลุ๊กชูนิ้วให้ แต่หญิงเหมือนเมิน
อันยาเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็น้ำตาไหล "ใช่ คุณพูดถูก ไม่ว่าฉันจะพยายามแค่ไหน ก็คงจะมีแต่..ทำให้เค้าเกลียดฉันมากขึ้น"
"รู้แล้ว ยังด้านอยู่ทำไมอีก" อิงค์กี้ว่า
อันยาของขึ้นเหมือนกัน "แล้วนึกเหรอว่าฉันไม่อยากไป" ทั้งสามคนชะงัก "บางที..ฉันอยากหนีไปให้
พ้นๆ ทำไมฉันถึงต้องทนให้เค้าว่า เค้าไล่ฉันด้วย ถึงฉันจะทำผิดแค่ไหน แต่ฉันก็มีหัวใจ ฉันก็เจ็บ...เจ็บจนบางครั้ง....ก็แทบจะไม่อยากทน"
อิงค์กี้เสียงอ่อนลง "งั้น..เธอก็ไปซะสิ จะมายืนบ่นอยู่ทำไม"
อันยาปาดน้ำตา "สำหรับพวกคุณ ถ้าไปจากคุณแสนวันนี้ ก็ยังมีโอกาสได้เจอเค้า เพราะถึงยังไงพวกคุณก็เป็นเพื่อนเค้า แต่ฉัน! คนที่ทำร้ายเค้าอย่างฉัน ถ้าวันนี้ฉันหันหลังเดินจากเค้าไป ฉันก็จะไม่มีวันได้เจอเค้าอีกเลย"
ทั้งสามสาวอึ้ง
อันยาพูดต่อ "ฉันถึงหันหลังกลับไม่ได้! ฉันรู้ว่าพวกคุณเกลียดฉัน อยากให้ฉันไป แต่ถ้าฉันไป ฉันต้องสูญเสียเค้าไปตลอดชีวิต พวกคุณไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง"
อันยาเดินผ่ากลางทั้งสามคนแล้วพรวดเข้าห้องก่อนจะปิดประตูดังปัง ทั้งสามคนอึ้งกันไป
ปุ๊กลุกได้สติ "หนอย ! ทำมาอ้าง ด็อกเตอร์ไม่ได้เจอเธอก็ดีแล้วนี่ !" ปุ๊กลุ๊กหาพวก "ใช่มั้ย"
หญิงเหมือนกับอิงค์กี้อึ้งรับประทานและไม่พูดอะไร
อ่านต่อหน้า 4
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ครอบครัวของแสนกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่ที่โต๊ะอาหาร
สินตักไข่ใส่จานให้แสน "เอ้าโด๊ปซะหน่อย วันนี้ใช้แรงไปมาก"
ทุกคนชะงักมองสิน
"แหม พ่อดูแลลูกชายไม่ได้รึไง วันนี้พระเอก ช่วยนางเอกที่จมน้ำทั้งที" สินบอก
แสนชะงัก "ผมไม่ใช่พระเอก และเค้าก็ไม่ใช่นางเอก ผมก็แค่..ปล่อยให้ใครตายไปต่อหน้าไม่ได้"
ทุกคนอึ้งที่แสนไม่มีอารมณ์คล้อยตาม
"แต่ได้ยินว่า พยายามช่วยสุดชีวิต" สิงห์บอก
แสนวางช้อนลงโดยอัตโนมัติ
สิน ฟองคำ และหนานปิงเหล่ลูกพี่ลูกน้องคู่นี้
"แค่เค้าต้องมาขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ที่นี่ ผมก็ดูใจร้ายมากอยู่แล้ว ถ้าต้องมาเป็นอะไรไปอีกทีนี้ผมก็คงผิดเต็มประตู" แสนบอก
"พูดแต่เรื่องผิดๆ ถูกๆ จริงๆแล้วนายก็แค่เป็นห่วงเค้า ถึงได้พยายามช่วยซะแทบแย่" สิงห์ว่า
แสนลุกขึ้น
"ขอโทษนะครับ ผมไม่หิวแล้ว" แสนบอก
"แสน อย่าไปสนใจไอ้สิงห์เลยน่ะ กินๆไปเถอะ" หนานปิงว่า
"โทษครับ เห็นคนปากแข็ง แล้วมันอดไม่ได้" สิงห์บี้ข้าวในจาน
ทุกคนชะงักกับสิ่งที่สิงห์พูดแต่ก็ไม่มีใครเถียงให้แสนสักคน
แสนรู้ตัว "ทุกคนคิดอะไรอยู่ก็ตาม แต่ที่ผมอยากให้เค้ากลับไป เป็นความจริง แล้วเค้ายิ่งกลับไปเร็วเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีกับตัวเค้าเองมากเท่านั้น" แสนจะเดินไป
"แล้วมันดีกับเรามั้ย"
แสนหันมา "แน่นอนสิครับ"
แสนตอบก่อนจะเดินออกไปแต่ในใจไม่ได้หนักแน่นเหมือนเสียงและท่าทางที่เขาพยายามแสดงออก
เสียงอุ๊บอิ๊บดังขึ้น "พี่เลื่อนให้ไม่ได้แล้วนะค๊า"
อิงค์กี้ขยับสมาร์ทโฟนเพื่อให้รับสัญญาณได้ชัดๆ
"แต่พี่อุ๊บอิ๊บคะ แต่ด็อกเตอร์น่ะยัง"
อุ๊บอิ๊บพูดจากโทรศัพท์ "โอ๊ย ! ระหว่างผู้ชายที่ไม่ตกหลุมพรางเราซะที กับอีเวนท์ ละคร โฆษณาที่จ่ายเหนาะๆหลายล้าน คุณน้องต้องเลือกแล้วล่ะค่ะ ขอเตือนว่าถ้าไม่มาทำงาน!! คงโดนฟ้องเรียกค่าเสียหายกันหัวโต"
อิงค์กี้เหวอกับประโยคสุดท้าย
แก้วใส่น้ำสตรอว์เบอร์รี่แกว่งเบาๆ อยู่ในมือของหญิง เหมือน บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่แต่ยังไม่ถูกตัก หญิงเหมือนกระดกน้ำสตรอว์เบอร์รีด้วยหน้าตาปลงๆ แล้วหันไปจะรินเพิ่ม แก้วอีกใบถูกนำมาวางรอ
อิงค์กี้พูด "รินให้ด้วยสิ"
"มีมือก็รินเอง" หญิงเหมือนกระแทกขวดให้
"ก็ยังดี ที่ไม่งกกิน" อิงค์กี้หยิบขวดมารินเอง แล้วนั่งลงข้างๆหญิงเหมือน "มานั่งตากลมดื่มน้ำสตรอว์เบอร์รีแบบนี้ อีกนิดก็จะดูเหมือนพวกอกหักรักคุด"
หญิงเหมือนตาเขียวใส่อิงค์กี้ก่อนจะหันไปดื่มอึกๆ มากขึ้น
"แล้วทำไมฉันต้องมานั่งท่าเดียวกับป้าด้วย"
อิงค์กี้นั่งกอดเข่าถือแก้ว ฟีลเดียวกับหญิงเหมือนเป๊ะ
ทั้งสองคนมองท่าของกันและกันแล้วรีบเปลี่ยนท่า ทั้งสองสะบัดหน้าพรื่ดออกจากกัน
อันยานั่งกอดเข่าซึมโดยมีอาการไอนิดๆ ปุ๊กลุกนอนแผ่หราอยู่อีกมุมโดยหลับจนกรนไปแล้ว อันยาค่อยๆลุกออกไปจากกระต๊อบ
อันยาออกมาที่หน้าประตูหวังจะมาเก็บของ ของที่หล่นออกมาหน้ากระต๊อบถูกยัดเก็บใส่กระเป๋าให้เหมือนเดิมแล้ว แม้จะไม่ค่อยเรียบร้อยนักก็ตาม
อันยาหยิบดูอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
หญิงเหมือนประชดอิงค์กี้เข้าให้
"นางเอกนะยะ ไปเก็บของให้มันทำไม"
"ฉันฝืนธรรมชาติตัวเองไม่ได้" อิงค์กี้บอก หญิงเหมือนนิ่วหน้า "คนดี ยังไงก็ต้องทำดี"
หญิงเหมือนแทบสำลักน้ำสตรอว์เบอร์รี
"ว่าแต่ฉัน ป้าถอยคนแรกเลยไม่ใช่เหรอ" อิงค์กี้ถาม
"ใครว่าฉันถอย ฉันแค่..." หญิง เหมือนคิดถึงภาพที่ได้เห็นในอดีต
ภาพตอนที่แสนนวดหัวใจอันยาโดยพยายามอย่างไม่หยุดหย่อน
"หายใจสิ อันยา หายใจ...”
แสนแทบจะขาดใจ แต่ยังคงทำซีพีอาร์ต่ออย่างไม่ยอมแพ้
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น หญิงเหมือนก็อึ้งไป
อิงค์กี้เองก็คิดอะไรอยู่เหมือนกัน
ภาพในหัวอิงค์กี้เห็นตอนที่อันยาพูด "คนที่ทำร้ายเค้าอย่างฉัน ถ้าวันนี้ฉันหันหลังเดินจากเค้าไป ฉันก็จะไม่มีวันได้เจอเค้าอีกเลย....”
ทั้งหญิงเหมือนและอิงค์กี้ซึมลึก แต่แล้วอิงค์กี้พูดขึ้นก่อน
"ยัยนั่นมันบ้า ถ้ารู้ว่ามันบ้าขนาดนี้ ฉันไม่เสียเวลามาแข่งปลูกสตรอว์เบอร์รีให้แดดเผาฟรีๆหรอก นี่เพราะคิดว่าด็อกเตอร์จะใจอ่อนนะ ถึงได้ยอมเสียเวลา"
หญิงเหมือนเจ็บลึก
"ไม่ใจอ่อน ยังพอทน แต่ต้องเห็นเค้าเป็นห่วงผู้หญิงคนอื่นอยู่ตำตานี่สิ"
อิงค์กี้หันมามองรู้สึกว่าหญิงเหมือนอาการหนักกว่าตัวเองซะอีก
"ถ้างั้น.. เราสองคน..มาทำอะไรอยู่ที่นี่"
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วก็ชักจะสงสัยตัวเองขึ้นมา
เวลาผ่านไป ทั้งสองสาวเปลี่ยนจากนั่งเป็นยืน ในมือถือแก้ว ร้องเพลงตะโกนในสภาพเมาดิบกันไป "ปล่อยให้ไหลไป ให้ลอยลงสู่ทะเลให้หายไป ให้มันอย่าคืนย้อนมา ทิ้งไป เพราะรักนั้นทำกับเราให้เสียใจ ให้ลอยลงไป ให้ไปไกลๆ ไม่มีอะไรต้องเหลือ ทิ้งแล้วทุกอย่าง...”
เสียงร้องเพลงอกหักของสองสาวดังก้องไปทั่วอย่างไม่อายคนแถวนั้น
หนานปิงกับสินเดินมาด้วยกัน โดยมีปุ๊กลุกคอยใส่ไฟ
"เมื่อคืนพวกนั้นไปปาร์ตี้กันข้างนอกกลับมาดึ๊กดึกค่ะ ป่านนี้คงนอนก้นโด่งอยู่ขาดคุณสมบัติสะใภ้ที่ดีอย่างแรง พ่ออุ๊ยกับคุณพ่ออย่าไปยอมนะคะ ตัดสิทธิ์พวกนั้นไปเลยค่ะ"
หญิงเหมือนดังขึ้น "แล้วพวกเดินลอยชาย คอยยุคนอื่นเค้าไปวันๆ ดีกว่าตรงไหนไม่ทราบ"
ปุ๊กลุกยังไม่รู้ตัว "อุ๊ย ถ้ามีคนเลวๆ อย่างนั้น เราก็ต้อง...." ปุ๊กลุ๊กชะงักแล้วหันไป
หญิงเหมือน และอิงค์กี้แต่งพริ้งเต็มร่างมายืนเท้าเอวมองอยู่พร้อมด้วยกระเป๋าลากไซส์ยักษ์ของทั้งคู่
"สงสัยต้องเอาสตรอว์เบอร์รีดิบยัดปาก จะได้เลิกพูดมาก ใส่ร้ายคนอื่น" อิงค์กี้ว่า
"อ๊าย" ปุ๊กลุ๊กรีบหลบหลังสิน "คุณพ่อคะ พวกมันหาเรื่องปุ๊กลุก ว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณพ่อนะคะ”
"หนอย ดูซิยังจะกล้าพูดอีก !”
สินเบรก "หยุด ! อย่าเพิ่งตีกัน ทุกทีเลยนะพวกเธอ"
"แต่งตัวกันมาเต็มยศแบบนี้ สงสัยว่าไม่ต้องคิดเรื่องสิทธิ์ เรื่องแข่งอะไรกันอีกแล้ว" หนานปิงว่า
อิงค์กี้กับหญิงเหมือนดูเตรียมพร้อมจะไปแล้ว
หญิงเหมือนและอิงค์กี้มาลาแสนด้วยตาละห้อย
"ไม่เปลี่ยนใจจริงๆเหรอคะ ท่านพ่อของหญิงฝากงานใหม่ให้คุณได้จริงๆนะคะ"
"อย่างแสน ไปเล่นละครดีกว่าค่ะ รับรองว่าดังแน่ๆ อิงค์กี้ฝากทางผู้จัดให้เอง"
สินกระแอมอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ ทั้งสองสาวเลยชะงักไป
"ขอบคุณที่หวังดีนะครับ แต่ผมอยู่แบบนี้สบายใจกว่า" แสนบอก
ทั้งสองสาวตาละห้อยกว่าเดิม
"ทางโน้น คงเป็นห่วงพวกคุณแย่แล้ว คิดถูกแล้วล่ะครับ" แสนบอกกับทั้งคู่ "พวกเรายังเป็นเพื่อนกันเสมอนะครับ"
ทั้งสองสาวยิ่งละห้อยเพราะไม่มีหวังเลยจริงๆ แล้วฟองคำก็เดินออกมาพร้อมปุ๊กลุกซึ่งถือตระกร้าของฝากมาด้วย 2 ใบ
ปุ๊กลุกพูดหน้าระรื่น "ไปแล้วไปลับนะยะ" ปุ๊กลุ๊กยังถือตระกร้าอยู่
ฟองคำมองปุ๊กลุก ปุ๊กลุกรู้ตัว
"คุณแม่ให้พวกเธอย่ะ คุณแม่เนี่ยใจบุญไม่เลือกเลยนะคะ"
สินกับหนานปิงกระแอมกันใหญ่เพื่อขู่ไม่ให้ปุ๊กลุกลำเลิกฟองคำ
"ถ้าฉันไม่ใจบุญ คงจะต้องมีคนกลับเพิ่มอีกคนนึง" ฟองคำว่า
"ขอ ขอโทษค่ะ" ปุ๊กลุ๊กตบปากตัวเอง "เมื่อวานไปกินของแสลงมาแน่ๆ"
"ปากก็เลยเหม็น" อิงค์กี้ว่า
ปุ๊กลุกไม่พอใจ "นี่หล่อน!”
สินกับหนานปิงกระแอมขึ้นมาอีก ปุ๊กลุกเห็นสายตาฟองคำก็ไม่กล้า
ทันใดนั้น อันยาก็เดินมา อันยาเดินมาเห็นแสน แสนหน้านิ่งไม่มองตอบ อันยาหน้าสลดไปก่อนจะถามสองสาว
"พวกคุณ" อันยาไม่อยากเชื่อ "ทำไมจู่ๆ ถึงได้จะกลับกะทันหัน"
"อย่าเข้าใจผิดนะ ไม่ใช่เพราะเธอ" หญิง เหมือนมองแสนแล้วก็เศร้าลึกๆ "แต่เพราะฉันไม่อยากรบกวนแสนเค้าแล้ว" หญิง เหมือนข่มใจ "อีกอย่าง ฉันยังมีงานสังคมรอให้ไปตัดริบบิ้นอีกเพียบ"
"ฉันก็มีละครแห่งปีรอให้เล่นอีกหลายเรื่อง มันช่วยไม่ได้จริงๆ" อิงค์กี้บอก
ทั้งสองสาวยังคงเชิดใส่อันยาแทบจะหยดสุดท้าย แล้วรถสองคันก็แล่นตามกันมา สองสาวหันไปหาแสน
"ลาก่อนนะคะ อิงค์กี้จะจดจำแสนไว้ในใจตลอดไป"
"ถ้าเปลี่ยนใจ หญิง..ยังรอคุณอยู่นะคะ"
"เดินทางปลอดภัยนะครับ" แสนอวยพร
ทั้งสองสาวเศร้ามากแต่ก็ต้องหักใจ หญิงเหมือนหันมาทางอันยาแล้วตัดสินใจเดินเข้ามากระซิบ
"ระหว่างเธอกับยัยนี่" หญิง เหมือนหมายถึงปุ๊กลุก "ที่ไม่รู้ว่าท้องกับใคร ฉันยอมยกแสนให้เธอ ถ้ามันได้แสนไป ฉันคงต้องเอาปี๊บคลุมหัวบินไปเมืองนอก อย่าไปยอมมันเชียว"
อันยาชะงักเพราะนึกไม่ถึงที่หญิงเหมือนจะมาออกตัวเชียร์เธอ หญิงเหมือนกับอิงค์กี้ต่างก้าวขึ้นรถของตัวเองดุจดั่งนางพญา ทั้งสองโบกมือลาแสนอย่างอาลัยมาก อันยามองตามรถทั้งสองคันที่แล่นไป หญิงเหมือนยังทำปากขมุบขมิบบอกมาว่า “อย่าลืมล่ะ” อันยาหัวเราะเบาๆ
รถของอิงค์กี้แล่นนำหน้ามาอยู่ดีๆ ก็จอด...
หญิงเหมือนที่นั่งอยู่ในรถได้รับข้อความ ที่หน้าจอมือถือเป็นข้อความมาจากอิงค์กี้
หญิงเหมือนอ่าน "จอดรถหน่อยสิ" หญิง เหมือนแปลกใจ "มีอะไรของเค้า?”
รถของหญิงเหมือนจอดลงต่อท้ายรถของอิงค์กี้ อิงค์กี้เดินมาที่กระจกรถ หญิงเหมือนกดกระจกเลื่อนลงเพื่อคุยกัน
"นั่งด้วยคนสิ นั่งอยู่ข้างหลังคนเดียว มันฟุ้งซ่าน" อิงค์กี้บอก
หญิงเหมือนไม่นึกมาก่อน "โทรศัพท์มีก็แชทเชิทอะไรไปสิ"
"แชทไม่ได้ รถลงเขา ฉันมึน ! ก็แค่จะหาเพื่อนคุย ใจดำ!" อิงค์กี้จะหันหลังกลับ
"เดี๋ยว" หญิง เหมือนเปิดประตูรถให้ "ห้ามพูดเรื่องแสนนะยะ เดี๋ยวแซด"
อิงค์กี้หันมาทำฟอร์ม แต่ก็เดินเชิ่ดเข้ามานั่งในรถตามคำอนุญาตของหญิงเหมือน แล้วประตูรถก็ตปิดลง
อิงค์กี้นั่งคู่บนเบาะหลังกับหญิงเหมือน สองสาวคุยกันดังออกมา
"นี่ป้า เรื่องด็อกเตอร์น่ะ พูดนิ๊สนึง ได้มั้ยอ่ะ"
"ค่ำนี้ฉันต้องไปงานดินเนอร์การกุศล เกิดร้องไห้ ตาบวมไม่หายจะทำยังไง"
"เอ๊ะ! ใช่งานราตรีฟ้าสีทองรึเปล่า ? งานนั้นฉันก็ได้รับเชิญ"
"นี่ฉันต้องเจอหล่อนอีกแล้ว? กรรม !”
"แหม แล้วนึกว่าฉันอยากเจอกับป้านักรึไง"
รถของหญิงเหมือนแล่นลงเขาไป ผู้หญิงทั้งสองคนเม้าท์กันไป เถียงกันมา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไปกันได้ดี
บุรินทร์ฟังคลิปเสียงที่คิมหันต์และเมขลาแอบอัดมาได้ พอฟังจบเขาก็ทำหน้านิ่งไป
"เรื่องทั้งหมดเมเป็นพยาน และยืนยันได้ค่ะว่าเป็นฝีมือกำนันโกมลจริงๆ ด็อกเตอร์แสนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ว่าโดนใส่ร้าย" เมขลาบอก
บุรินทร์มีแววตาเสียใจเหลือเกิน เขามองหน้าคิมหันต์
"แล้วที่คุณทำแบบนี้ ไม่กลัวจะต้องคดีไปด้วยเหรอ"
คิมหันต์ใจจริงก็กลัว เขามองหน้าเมขลาขอความเข้มแข็งก่อนจะตอบบุรินทร์
"กลัวครับ แต่เวลาที่ผ่านมา ที่ผมทำเรื่องไม่ดีกับด็อกเตอร์ มันไม่สบายใจอยู่ลึกๆตลอด อย่างน้อยความรู้สึกนั้นมันก็จบลงซะที"
"บอสคะ อันโกะกับคุณคิมสำนึกผิด แล้วก็พยายามแก้ไขความผิดด้วย เราไม่เอาเรื่องพวกเค้าไม่ได้เหรอคะ"
"ความผิดที่เค้าทำ ถ้าแจ้งความก็เป็นคดีอาญาทันที ไม่ใช่ผมจะตัดสินใจเองได้" บุรินทร์พูดกับคิมหันต์ "คุณเองก็คงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว"
"ครับ..”
เมขลามองคิมหันต์ด้วยความรู้สึกเห็นใจมาก
"แต่ตัวผมเอง ถึงจะ.." บุรินทร์โกรธอยู่ไม่น้อย "ไม่ชอบเรื่องที่เกิดขึ้น !! แต่ก็เห็นความจริงใจของคุณที่มาสารภาพผิดเอง" บุรินทร์ตัดสินใจ "ถ้า..เรื่องมันเข้าสู่ขบวนการทางกฎหมาย ผมจะขอให้ทางบริษัทเราไม่เอาเรื่องคุณกับอันยาเพิ่มก็แล้วกัน"
"แค่นี้ ก็ขอบคุณมากแล้วล่ะครับ แล้วก็.. " คิมหันต์ก้มหน้าอย่างเสียใจ "ขอโทษ ..ผมขอโทษจริงๆครับ"
เมื่อได้เอ่ยคำนั้นกับบุรินทร์ออกไปแล้ว คิมหันต์ก็ยิ่งรู้สึกอย่างชัดเจนว่าตัวเองทำผิดไปจริงๆ
เมขลาถามคิมหันต์เมื่อเดินออกมาด้วยกัน
"คุณโอเคมั้ยคะ"
"เฮ้อ พอได้มาเห็นสีหน้าคนที่เราทำให้เค้าเป็นทุกข์ เต็มสองตาแบบนี้ ผมเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันแย่แค่ไหน"
เมขลาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคิมหันต์
"เจ้านายคุณใจดีมาก ไม่งั้นผมคงได้แผลที่หน้าเพิ่ม" คิมหันต์จับแผลบนหน้าที่ยังไม่หายดี "ผมเห็นแก่ตัว ทำกับคนดีๆแบบนี้ได้ยังไง ไหนจะ...ด็อกเตอร์แสนอีก ตอนนี้ผมเข้าใจเจ๊อันเลย ว่าทำไมเค้าถึงรู้สึกผิดมาก"
"อีกหน่อยอะไรๆต้องดีขึ้นแน่ค่ะ นี่คุณบุรินทร์ก็รับปากจะยังไม่บอกใครเรื่องพวกคุณ"
"ถ้ายังงั้น เค้าจะล้างความผิดให้ด็อกเตอร์แสนได้ยังไงล่ะครับ"
พิลาสินีแทบช็อคเมื่อได้รู้เรื่องจากบุรินทร์
"เรื่องขายเมล็ดพันธุ์เป็นฝีมือกำนันโกมล บอสมีหลักฐานแล้วด้วย"
"ใช่ ตอนนั้น" บุรินทร์ละอายใจ "เราตัดสินเรื่องแสน..กันเร็วเกินไป"
พิลาสินียังไม่อยากจะเชื่อ
"แล้ว.. แล้วหลักฐานพวกนั้น ที่บอกว่าแสนโกง"
"ก็.." บุรินทร์พูดรวมๆ "ฝีมือของพวกนั้น จัดฉากหลอกเรา"
พิลาสินีได้แต่นิ่งอึ้งและพูดไม่ออก
"แพม...คุณเป็นอะไรมั้ย"
"แพม..แพมงงไปหมดแล้ว แล้วที่แพมโกรธแสนมาตลอดหลายเดือนเนี่ย รู้สึกว่าเราตัดขาดกันแล้ว ไม่ใช่แม้แต่คนรู้จัก! แล้วจู่ๆบอสก็มาบอกว่าแสนไม่ผิด แล้วยังงี้...แพมควรจะทำยังไง"
บุรินทร์มองพิลาสินีแล้วก็รู้เลยว่าเธอทั้งเจ็บทั้งอึดอัดมากๆ
"แพมพูดกับแสนเค้าแรงมาก แรงมากๆ ตอนหลังๆแสนไม่แก้ตัวอะไรเลย เค้าแค่ชดใช้ความผิดแล้วก็ลาออก หน้าเค้า แพมก็ยังไม่ยอมมองด้วยซ้ำ" พิลาสินีร้องไห้
บุรินทร์ปลอบใจ "แพม..คุณไม่รู้นี่ ว่ามันจะมีการใส่ร้ายกันเกิดขึ้น"
"แพมทำร้ายแสนได้ยังไง ทำได้ยังไง.." พิลาสินีร้องไห้หนักขึ้นและหนักขึ้น
บุรินทร์แตะมือปลอบ พิลาสินีร้าวรานใจเมื่อไม่สามารถหมุนวันเวลาแย่ๆ เหล่านั้นมาแก้ไขได้อีก
อ่านต่อตอนที่ 12