xs
xsm
sm
md
lg

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 5

ครู่ต่อมา อันยาเดินมาส่งแสนที่หน้าห้อง

"ส่งผมแค่นี้พอ คุณไปนอนเถอะ"
"ขอบคุณที่อุตส่าห์มาส่งฉันนะคะด็อกเตอร์" อันยาบอก
"ไม่เป็นไรครับ"
แสนมองหน้าอันยาอย่างครุ่นคิดว่าควรจะพูดดีไหม อันยามองแสนอย่างสงสัย
"มีอะไรรึเปล่าคะ?”
"ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ ก็ระบายออกมาบ้างก็ได้นะ เก็บเอาไว้คนเดียว จะอึดอัดเปล่าๆ"
"ทำไมด็อกเตอร์ถึงคิดว่าฉันไม่สบายใจล่ะคะ?”
"ก็ผมสังเกตคุณ" แสนพูดไปแล้วก็ยั้งไว้ "เอ่อ...ความจริงก็ดูไม่ยาก เอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกัน...ดึกมากแล้ว ผมกลับนะ"
แสนเดินออกไป อันยามองตามอย่างคาใจ
"สังเกตเราเหรอ?”

อันยาเดินกลับเข้ามาด้านในห้องแล้วหยิบมือถือมาเปิดดูก็เห็นมิสคอลจากทวยเทพ
"ทวยเทพ 87 มิสคอล!" อันยาตกใจ "โทร.มาขนาดนี้ มีใครเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย!”
อันยากดไปอีกก็เห็นข้อความจากธกฤต อันยาชะงักไป
"บอสส่งข้อความมา!!”
อันยายังไม่กล้าอ่าน เธอกุมหัวเครียดๆ ก่อนจะตัดสินใจ
"เป็นไงเป็นกัน" อันยาเปิดอ่าน "เรื่องดร.แสนเป็นไงบ้าง ใกล้ปิดจ๊อบรึยัง? ผมรอฟังข่าวดีอยู่" อันยาเครียด "โถ่เอ๊ย !”
ทันใดมือถือก็สั่นขึ้นอีกที่หน้าจอเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือทวยเทพ
"ทวยเทพ?" อันยาคิดแล้วตัดสินใจรับสาย "ฮัลโหล"
อันยายังไม่ทันพูดอะไร เสียงทวยเทพก็ดังขึ้นมาใส่เป็นชุด
"ทำไมไม่รับโทรศัพท์! ผมโทรไปเป็นร้อยรอบ คิดจะโทรกลับบ้างมั้ย! แล้วนี่กลับรึยัง ผมรอที่คอนโดตั้งนาน นี่ ผมชักจะไม่ไว้ใจคุณแล้วนะ"
อันยาที่เครียดอยู่แล้ว พอทวยเทพโวยวายใส่ก็ปรี๊ดทันที
"ฉันกลับมาแล้ว เพิ่งกลับ ! พอใจรึยัง ก่อนจะโวยวาย ถามกันดี ๆได้มั้ย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว!!! ฉันเหนื่อย!! ได้ยินมั้ยว่าเหนื่อย"
พอได้ยินอันยาปรี๊ดกลับมา ทวยเทพก็ยิ่งโมโห
"นี่ผมเป็นห่วงคุณนะ!! แล้วไปไหนมา ไปกับใคร ไปทำงานอะไร ทำไมกลับดึกแบบนี้"
อันยาโมโหก็ยิ่งโต้กลับ "งานน่ะไม่ดึกหรอก แต่ฉันไปคาราโอเกะมา ร้องเพลงสนุกมาก"
"อัน นี่ นี่คุณยอมรับแล้วเหรอ ว่าคุณไปลั๊ลลากับมัน"
"ใช่ อย่างน้อยเค้าก็ไม่มาจ้องจับผิดฉัน ตกลงที่โทรหาฉัน 87 มิสคอล เพื่อจะถามแค่นี้ใช่มั้ย? ถ้างั้นแค่นี้นะ ฉันเพลีย ไม่อยากคุย"
"นี่ อย่าวางสายนะอัน ห้ามวาง!! นี่คิดว่าจะทำยังไงกับผมก็ได้งั้นเหรอ คุณเห็นผมเป็นอะไร ผมทนมาพอแล้วนะ อัน อัน"
อันยาวางสาย
"โถ่เว๊ย! แล้วคุณจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้กับผม"
ทวยเทพไม่สบอารมณ์มาก ๆ

เช้าวันต่อมา อาโปเดินเข้ามาในร้านในขณะที่คุยโทรศัพท์กับเมรีไปด้วย
"ค่ะคุณแมรี อาโปกำลังแวะซื้อกาแฟร้านโปรดของบอส ไปเอาใจค่ะ"
เมรีคิดในใจ "ดีมาก ระหว่างที่นังนั่นไม่อยู่ เราต้องประจบบอสเอาไว้เยอะๆ"
"เรื่องชะเลียขอให้บอก อาโปถนัดที่สุด!!” อาโปว่า
สายตาของอาโปก็เหลือบไปเห็นธกฤตกำลังนั่งคุยอยู่กับอันยาที่มุมร้านพอดี
"คุณเมรีคะ แจ็คพอร์ตค่ะ!! อาโปเห็นของดี แค่นี้ก่อนนะคะ!! เดี๋ยวอาโปจะรีบโทรกลับ"
อาโปรีบขยับไปแอบฟังอันยาคุยกับธกฤต
"อันขอโทษนะคะบอส อันขอร้อง ขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้งนะคะ"
ธกฤตมีสีหน้าไม่พอใจมากๆ เขาครุ่นคิด อันยาที่หน้าจ๋อยพยายามง้อเจ้านายอย่างสุดๆ อาโปยื่นหน้ามาแอบดูด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นมาก

อาโปเอามาแฉอย่างภูมิอกภูมิใจ
"ขอโทษขอโพยกันใหญ่เลยค่ะ นี่บอสคงจับได้แล้ว ว่ามันแอบไปรับจ๊อบที่อื่น!!”
"ตกลงที่ไปเจอมา ได้ฟังมา รู้มาแค่เนี๊ยะเหรอ" เมรีว่า
"อ้าว ก็นังอันยามันพูดแค่นี้นี่คะ แล้วบอสก็เอาแต่เครียด ไม่พูดอะไรสักที อาโปแอบฟังอยู่ตรงมุมมันไม่ค่อยถนัด ได้ยินแค่นี้ก็เก่งแล้วค่ะ"
"โถ่เอ๊ย ไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย"
"ทำไมจะไม่มีล่ะคะ บอสรู้เช่นเห็นชาติมันแล้ว ถ้าพวกเราไปคอยเจาะยาง ต้องได้หน้า เขี่ยมันตกอันดับได้แน่ๆค่ะ"
"แต่ต้องทำให้บอสรู้ให้ได้ ว่าไม่ควรเลี้ยงงูพิษอย่างมัน แต่จะทำยังไงล่ะ โถ่เอ๊ย"
เมรีคิดหนัก ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเมรีดัง เมรีไม่สนใจและไม่อยากรับ
"คุณแมรี ไม่รับสายเหรอคะ" อาโปถาม
"ไม่มีอารมณ์ แกรับแทนฉันซิ"
อาโปรับสาย "ฮัลโหล" อาโปแปลกใจ "คุณทวยเทพ ทวยเทพไหนคะ"
เมรีชะงักกึ้กแล้วหันมา
"ทวยเทพเหรอ" เมรีไม่อยากจะเชื่อ "มานี่ ฉันคุยเอง"

เมรีแย่งโทรศัพท์กลับมาแล้วก็ยิ้มร้ายออกมาทันที

เมรีคุยสายกับทวยเทพ

"ไม่ทราบว่า คุณได้เบอร์ของฉันมาจากใครคะ?”
ทวยเทพจิบกาแฟก่อนตอบ
"เบอร์ของเฮดฮันเตอร์ชื่อดัง คงไม่หายากเท่าไหร่ ทีคุณยังหาที่อยู่ผมได้ไม่ยากเลยนี่"
เมรียิ้มพอใจและเริ่มหยอดทันที
"คุณคงไม่ได้จะโทรมาให้ฉันช่วย หาพนักงานให้หรอกนะคะ"
ทวยเทพนิ่งคิดก่อนจะตอบ
"ผมมาคิด ๆ ดู ครั้งที่แล้ว ผมพูดกับคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
เมรียิ้ม ที่ทวยเทพเผยไต๋ออกมาแล้ว
"แล้วคุณก็เลยอยากเจอฉัน เผื่อไถ่โทษ อย่างนั้น ใช่มั้ยคะ ?”
เมรีอ่อยไปอย่างตรงจุดแล้วรอดูจังหวะที่ปลาจะฮุบเหยื่อ เธอหันไปสบตากันกับอาโป อาโปชูนิ้วโป้งชมว่ายอดเยี่ยมไปเลย

อันยานั่งคุยกับคิมหันต์โดยที่สีหน้ายังดูเครียดๆ
"โชคดีแล้วน่ะเจ๊ ที่คอยังไม่ขาด บอสยังให้โอกาสเรา" คิมหันต์บอก
"แต่อีกแค่ครั้งเดียว บอสบอกว่า ถ้าใช้คนใหม่ ต้องมาเริ่มใหม่ อาจจะยิ่งเสียเวลาครั้งนี้ ห้ามทำให้เค้าผิดหวังเด็ดขาด"
อันยาถอนหายใจเครียด
"เอาน่า ครั้งเดียวมันก็เป็นโอกาสนะเจ๊"
"แต่ฉันยังคิดไม่ออก ว่าต่อไปเราจะทำยังไงกัน? เฮ้อ"
โต๊ะข้าง ๆ เม้าธ์กันเสียงดังจนอันยากับคิมหันต์ต้องหันไปมอง
"โหย เมื่อคืนละครมันส์มากแก!! ยัยนางเอกแก้แค้น หลอกพาผอ.ไปโรงแรม แล้วโทรตามเมียมาเคลียร์ ผอ.โดนเมียตบเละเลย มันสะใจจริงๆ"
อันยากับคิมหันต์หันมามองหน้ากันแล้วส่ายหน้า
"คุยกันเสียงดัง น่ารำคาญจริง ๆ"
โต๊ะข้าง ๆ ยังอินกันใหญ่จึงเม้าธ์กันอย่างออกรสออกชาติ
"ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย จะผอ.หรือขอทาน จะฉลาดเป็นกรดแค่ไหน สุดท้ายก็แพ้เสน่ห์ผู้หญิงวันยังค่ำ"
คิมหันต์ได้ยินก็สะดุด แต่อันยาไม่ได้สนใจ
"ย้ายโต๊ะกันดีกว่า ตรงนี้เสียงดัง" อันยาบอก
"เดี๋ยวเจ๊! เรื่องที่เค้าพูดมันน่าสนใจนะ!” คิมหันต์ว่า
"ละครน้ำเน่านั่นอ่ะนะ!”
"ไม่ใช่ ผมหมายถึงผู้ชายไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน สุดท้ายก็แพ้เสน่ห์ของผู้หญิง" คิมหันต์มองอันยาแล้ว
นึกได้ "แต่ วิธีนั้นคงไม่เหมาะกับเจ๊ว่ะ"
"อย่ามาประมาทเสน่ห์ฉันนะยะ ดูอย่างอีตาทวยเทพสิ!”
"นั่นพี่ทวยเทพ ไม่ใช่ด็อกเตอร์แสน"
"ทำไม คิดว่าด็อกเตอร์แสน ไม่สนใจฉัน ?”
คิมหันต์นิ่งๆ โดยไม่ยอมเออออ
"จะบอกอะไรให้ เมื่อคืนตอนเค้ามาส่งฉันที่ห้อง มันมีอะไรบางอย่าง"
คิมหันต์ทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ อันยาเตรียมเล่า

เหตุการณ์ในอดีต แสนก้มลงเก็บให้พอดีกับที่อันยาก็ก้มลงเก็บเหมือนกัน สองคนเงยหน้าขึ้นมา โดยที่หน้าใกล้กันมาก ด้วยความเมาอันยามองแสนอย่างไม่สะเทิ้น แต่แล้วแสนกลับหลบสายตาจากอันยา.. และถอยห่างออกมาก่อน..
"เช็ดหน้าซะสิ"แสนบอก
มือแสนที่ส่งผ้าให้อันยาแตะโดนมืออันยาทำให้มือนั้นมีอาการสั่นไหวเบาๆ อันยาสังเกตได้ถึงปฏิกิริยานั้นเขาก็ชะงักไป
แสนทำทีเป็นลุกขึ้นไปรินน้ำกิน เขาขยับมือตัวเองที่สั่นให้คลายด้วยท่าทางที่ดูไม่ปกติเท่าไหร่ อันยามองแสนอย่างสังเกต แม้จะเมาแต่เธอก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ

อันยายิ้มเจ้าเล่ห์
"เค้าต้องคิดอะไรกับฉันแน่ ๆ"
"แค่เนี๊ยนะ ด็อกเตอร์เค้าประคองเจ๊มาจนเมื่อยแล้วรึเปล่า กล้ามเนื้อเลยกระตุก"
"นี่แกไม่เชื่อฉันเหรอ งั้นมีอีกช็อตนึง"

อันยาเล่าตอนที่แสนพูดกับเธอ
"ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ ก็ระบายออกมาบ้างก็ได้นะ เก็บเอาไว้คนเดียว จะอึดอัดเปล่าๆ"
"ทำไมด็อกเตอร์ถึงคิดว่าฉันไม่สบายใจล่ะคะ?”
"ก็ผมสังเกตคุณ" แสนพูดไปแล้วก็ยั้งไว้ "เอ่อ...ความจริงก็ดูไม่ยาก เอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกัน ...ดึกมากแล้ว ผมกลับนะ"
แสนเดินออกไป อันยามองตาม

อันยามีสีหน้ามั่นใจมาก
"เค้าใช้คำว่าสังเกต ได้ยินมั้ย ด็อกเตอร์คิดอะไรกับฉันแน่ ๆ ถ้าไม่คิดอะไร จะมาคอยดูฉันทำไม”
"คนทำงานด้วยกัน เค้าอาจจะไม่ได้ตั้งใจสังเกต แต่มันเห็นเองก็ได้นะ"
"ยังไงก็ไม่เชื่อใช่มั้ย งั้นคอยดู" อันยาหันไปมองโต๊ะข้างๆ ก่อนบอกคิมหันต์ "ฉันจะทำให้นางเอก
จากละครที่โต๊ะข้างๆคุยกัน หนาวไปเลย ฉันจะใช้สเน่ห์ของฉัน ทำให้ด็อกเตอร์ออกจากงาน"
คิมหันต์ตะลึงเพราะนึกไม่ถึง "เฮ้ย นี่ นี่เอาจริงเหรอเจ๊ แล้ว แล้วเจ๊จะทำยังไง ?”
อันยาไม่ตอบแต่แววตามุ่งมั่นมาก

อันยาคุยกับแสนเรื่องตารางนัด
"ด็อกเตอร์คะ เรื่องนัดคุณสมพงษ์วันมะรืนนี้ เค้าขอเปลี่ยนสถานที่จากที่บริษัทของเค้า เป็นร้านอาหารในกรุงเทพฯแทนค่ะ"
"เหรอครับ" แสนแปลกใจนิดหน่อย "ปกตินักวัจิยคนนี้ไม่ชอบนัดคุยงานนอกบริษัทนี่นา"
อันยาลุ้นๆ ว่าแสนจะเชื่อมั้ย
"ก็คง...อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างมั้งคะ"
"ก็ได้ครับ ตกลงตามที่เค้าบอกมาแล้วกัน"
แสนอนุญาติในที่สุด

อันยาเดินออกมายืนพิงประตูด้วยความโล่งอก
"เรียบร้อย! ทีนี้แหละ คุณเสร็จฉันแน่ ด็อกเตอร์แสน"
อันยายิ้มร้ายอย่างมั่นใจมาก

เสียงคิมหันต์ดังขึ้น

"แผนพิชิตใจด็อกเตอร์แสนในเดทเดียว"
คิมหันต์เดินตามอันยาที่เลือกเสื้อผ้าอยู่ในศูนย์การค้า
อันยาตอบ "ใช่ แค่เดทเดียวเท่านั้น เพราะเรามีเวลาไม่มาก และไม่ใช่จะหาโอกาสแบบนี้ได้บ่อยๆ"
"เดทเดียวเอาอยู่เนี่ย ไม่ยากไปหน่อยเหรอเจ๊ นี่ไม่ใช่ในหนังนะ"
"อย่าเพิ่งเถียง ฟังแผนฉันก่อน"
อันยาแสดงสีหน้ามั่นใจก่อนจะโม้แผนที่คิดมาเป็นอย่างดี

ภาพในหัวของอันยาเห็นแสนนั่งรับประทานอาหารกับอันยาในร้านหรูโรแมนติคสุดๆ ทั้งสองคนกินไปแล้วก็จ้องหน้ากันไปอย่างเขินอายคล้ายคนมาเดทแรก
อันยาอธิบาย "เริ่มด้วย ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ อาหารถูกปาก บทสนทนาถูกใจชวนให้เคลิ้ม"

อันยาทำสีหน้าเคลิ้มก่อนจะพูดจริงจังขึ้น
"ก่อนจะถึงหมัดเด็ด ที่จะทำให้ผู้ชายร้อยทั้งร้อยต้องแพ้"

คิมหันต์หน้าตื่นเต้นตามว่ามันเป็นยังไง

บังเกิดภาพในมโนของอันยา เป็นผับหรูบนตึกระฟ้าบรรยากาศชวนแก่การเดทกันมากๆ อันยาก้าวเข้ามาพร้อมกับแสนที่สายตาหลงใหลอันยาเหลือเกิน

"บรรยากาศสุดโรแมนติค เสียงแก้วไวน์กระทบกันเบาๆ เคล้ากับดนตรีแจ๊ส คู่รักโอบกอดและเต้นรำกันอย่างใกล้ชิด...ชิด.. ชิด.. ชิด... ชิดมากจนกระทั่ง...”
แสนในความคิดของอันยากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู
"อันยา..คุณเป็นแฟนผมนะ"

อันยาคอนเฟิร์ม
"ถ้าด็อกเตอร์เค้ารู้สึกอะไรกับฉันจริงๆ แล้วเจอบรรยากาศแบบนั้น โอกาสแบบนั้น จะไม่ฉวยเอาไว้ มันเป็นไปไม่ได้เลย"
คิมหันต์แสดงสีหน้าลังเล
อันยาพูด "ฉันจะทำให้ด็อกเตอร์ขอฉันเป็นแฟน แล้วออกจากเพียงพอดีเพื่อมาร่วมสร้างอนาคตกับแฟนสาว แล้วทั้งหมดนี้ มันจะทำให้เราสองคน ได้ปิดจ็อบยังไงล่ะ เตรียมดีใจไว้ได้เลย"
อันยาพูดแล้วก็หยิบชุดสวยชุดนึงขึ้นมาแล้วก็เดินไปจ่ายเงิน ขณะที่คิมหันต์ยังยืนนิ่งอยู่อย่างลังเล

อาโปทำหน้าตาตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นเมรีเดินออกมาจากห้องลองเสื้อ
"โอว๊าว.. นึกว่านางฟ้าเหาะลงมาจากสวรรค์นะคะเนี่ย"
"ไม่ได้สิ ผู้ชายของเพื่อนร่วมงานตัวดี อุตส่าห์นัดเดทฉันทั้งที จะธรรมดาได้ยังไง" เมรีบอก
"เริ่ดหรูเอ็กซ์คลูซีฟแบบเนี๊ยะ อย่าว่าแต่จะล้วงความลับนายทวยเทพเลยค่ะ อาโปว่าแม้แต่หัวใจเค้า คุณแมรีก็คงจะล้วงเอามาได้"
"เยอะไปย่ะ แต่..ก็คงจะจริงอ่ะนะ คิดแล้วมันสะใจ ยัยอันโก๊ะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแฟนตัวเองซมซามมาขอเดทกับฉัน ฉันจะใช้โอกาสนี้ เอาคืนให้ยัยนั่นให้จุกไปเลย"
เมรียิ้มร้ายอย่างรอวันชะรำแค้น

อันยาเดินออกมาพร้อมถุงที่ใส่ชุดใหม่ที่ซื้อมา โดยที่คิมหันต์ยังมีสีหน้ากังวล
"นี่เจ๊ ผมถามจริงๆเถอะ ถึงขั้นต้องเล่นกับหัวใจคนอื่นแบบนี้ ยังสบายใจอยู่ได้เหรอ"
อันยาหันขวับ "ใครว่าฉันสบายใจ" อันยารีบแก้ตัว "ลองคิดดีๆนะ วิธีเนี๊ยะยังปรานีกว่าที่จะไปดิสเครดิตด็อกเตอร์ซะอีก อย่างน้อยเค้าก็เต็มใจลาออกเพราะตามใจแฟน"
คิมหันต์ชะงักไป "เออ จริงด้วย จะว่าไปก็ทำร้ายจิตใจกันน้อยกว่า"
อันยาพยักหน้าเพราะไม่อยากให้คิมหันต์จับไต๋ได้ว่าแอบชอบแผนนี้
"แต่ผมก็ยังคาใจอยู่นะเจ๊ สมมติว่าแผนนี้สำเร็จ แล้วด็อกเตอร์ยอมออกจากงานเพื่อเจ๊ จนเราปิดจ็อบได้เรียบร้อยแล้วเนี่ย เจ๊จะทำยังไงกับเค้าอ่ะ"
อันยาชะงักไปกับคำถามนี้
คิมหันต์พูด "แบบว่าจะหาเรื่องเลิก หรือว่า ก็..เนียนๆคบต่อไปเลย เพราะจะว่าไปด็อกเตอร์แสนก็โพร์ไฟล์ไม่เลว"
"เรื่องนั้น....”
อันยาคิด พอคิดไปคิดมาเธอก็แอบอมยิ้มไม่รู้ตัว
"เฮ้ย ยิ้มยังงี้หมายความว่าไงเนี่ย"
"ยิ้มอะไร ฉันไม่ได้ยิ้ม" อันยาปฏิเสธ
"เมื่อกี๊ยิ้มชัดๆ นี่ ! หรือว่าทำแผนนี้สวมรอยเพราะอยากเป็นแฟนด็อกเตอร์"
"บ้า !" อันยาขึงขัง "ใครจะไปคิด ฉันทำทุกอย่างเพื่องานของเราเท่านั้นย่ะ ! ชัทอัพเลยนะ"
"ไม่คิด แล้วทำไมต้องโวยด้วย ร้อนตัวไปเปล่า?”
"ก็แกถามอะไรบ้าๆ!" อันยาแก้ตัว "ทีแรกฉันยิ้ม เพราะ" อันยาโบ้ยไป "เห็นป้ายเซลล์นั่นต่างหาก มันลดเยอะดี"
คิมหันต์ขี้เกียจเถียง "ถ้าไม่คิดจริงก็ดี เพราะถ้าวันนึงเค้ารู้ขึ้นมา ว่าเราเข้ามาหาเค้าเพราะจุดประสงค์อะไร คนที่เสียใจจะได้มีแค่เค้าฝ่ายเดียว อย่าเผลอไปชอบเค้าก็ดีแล้ว"
อันยาอึ้งไปกับคำพูดของคิมหันต์
คิมหันต์นึกได้ก็หยิบซองเอกสารมาส่งให้ "เกือบลืม นี่เอกสารหักภาษีค่าคอมมิชชั่นเคสก่อนๆของเจ๊ เก็บให้ดีๆล่ะ อย่าให้ใครสงสัย"
อันยารับเอกสารมา "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ที่นั่นไม่มีใครสงสัยอะไรฉันสักนิด"

อันยาตอบคิมหันต์ แต่คาใจว่าทำไมฟังเรื่องเมื่อกี๊จากคิมหันต์แล้วรู้สึกจ๋อยลงชอบกล

เมขลาเหลือบมองเพียงดาวอย่างกลัวๆ เอกชัยมองเมขลาอย่างเอาใจช่วย

"นี่เธอจะเป็นเลขาใหม่อยู่รอมร่อแล้ว ยังพิมพ์จดหมายภาษาอังกฤษผิดเพียบ เธอก็รู้นี่ว่าเจ้านายใหม่เธอ เนี๊ยบ เป๊ะ เพอร์เฟ็ค" เพียงดาวว่า
"เมถึงอยากให้พี่เพียงช่วยดูให้ไงคะ มันใช้ไม่ได้เยอะเลยเหรอคะ"
เพียงดาววาดวงกลมล้อมรอบย่อหน้าหนึ่งย่อหน้า
"ก็ผิดแค่ย่อหน้าเดียวเองนี่เจ๊"
"ใช้ได้แค่ย่อหน้าเดียวย่ะ"
เมขลาหน้าเสียว่าแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ
"ฉันว่าเจ๊เข้มเกินไปแล้ว น้องเมไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้ะ ดูอย่างคุณอันยาสิ ก็ไม่ได้เป๊ะอะไรมาก ยังทำงานถูกใจด็อกเตอร์แสนเลย" เอกชัยบอก
เมขลาฟังเอกชัยแล้วใจชื้นขึ้น
"จะอ้างแบบนั้นไม่ได้นะยะ ฮึ่ย นี่ ฉันจะปล่อยให้มีเลขาไร้ประสิทธิภาพอยู่ในบริษัท แล้วเป็นแบบอย่างแย่ๆอย่างนี้ไม่ได้" เพียงดาวว่า
เอกชัยกับเมขลาเหวอกันไป เมื่อเห็นเพียงดาวเริ่มทำท่าจะกำจัดจุดอ่อน

เอกสารแต่ละชุดถูกวางคว่ำหน้าลงแรงๆอย่างมีอารมณ์
"นี่ก็ผิดฟอร์แม็ทซ์ อันนี้ก็พิมพ์ผิดตั้งเยอะ !!นี่ก็ด้วย ใช้คำไม่เป็นทางการในรายงานการประชุม โอ๊ย ยัยอันยานี่เป็นเลขาประสาอะไร หาความรอบคอบไม่เจอเลย" เพียงดาวว่า
"เค้าแค่พิมพ์เอกสารผิดนิดผิดหน่อย ไม่ได้ฆ่าคนตาย" เอกชัยบอก
"เอกสาร มันก็คือหน้าตาของเจ้านาย ถ้าผิดพลาดไปนายก็เสีย! ไม่รู้ว่าด็อกเตอร์แสนทนร่วมงานกับเลขาแบบนี้เข้าไปได้ยังไง"
เสียงอันยาดังขึ้น "ก็เพราะด็อกเตอร์มองเห็นความสามารถอื่นของฉันน่ะสิคะ"
เพียงดาว เอกชัย และเมขลาชะงักเมื่อหันไปเห็นอันยาตัวต้นเหตุเดินมา
"ไอ้ความสามารถอื่นที่ว่ามันคืออะไรไม่ทราบ"
"คุณอันยาจัดการคุณหญิงเหมือนกับน้องอิงค์กี้ได้ แถมยังช่วยโครงการภาคสนามของด็อกเตอร์ แจ่มกว่าพิมพ์เอกสารตั้งเยอะ"
เพียงดาวว่าเอกชัย "สาระแน.." แต่เพียงดาวจิกสายตาใส่อันยา "เก่งแต่เรื่องอื่น งานหลักๆของตัวเองกลับไร้ระบบระเบียบ"
"ระเบียบจัดเกินไป" อันยาตอกกลับ "ก็ขาดความสร้างสรรค์ คร่ำครึน่ะสิคะ"
"แต่ไม่มีระเบียบทุกอย่างมันก็จะเละเทะ อีเหละเขละขละ" เพียงดาวว่า
"แต่ว่ามันก็ไม่ซ้ำซาก ซังกะตาย น่าเบื่อนะคะ" อันยาบอก
"แต่เผอิญไอ้ความน่าเบื่อที่เธอว่าน่ะ มันคือหัวใจของงานเอกสารของเลขาย่ะ ถ้ามันไม่เป๊ะ ไม่เนี๊ยบ เหมือนรายงานของเธอ ก็ต้องไปแก้"
อันยาเหวอที่เพียงดาวมาสั่ง
"ฉันแก้ก็ได้ค่ะ"
เพียงดาวกระหยิ่มที่อันยาดูเหมือนจะยอมหมอบให้
อันยาพูด "แต่ต้องเป็นคำสั่งของด็อกเตอร์แสน เจ้านายฉัน" อันยาหยิบเอกสารกลับไป
เพียงดาวยังเหวอไม่เลิกเมื่อโดนย้อนเต็มๆ
"หูย !! สะใจอ่ะ" เอกชัยหันไปเห็นเพียงดาวตาเขียวก็สงบปากสงบคำ
เพียงดาวแค้นจนตาเดือดปุดๆ

แสนบอกอันยา
"คุณเพียงดาวเตือนก็เพราะหวังดีกับบริษัทนะครับ ผมว่าคุณควรจะฟังคำแนะนำของเธอนะครับ"
อันยาทำหน้าตาบ่งบอกว่าไม่อยากฟัง
"คุณนี่ ไม่เหมือนเลขาซะจริงๆ" แสนบอก
"แค่ฉันไม่ใช่คนหัวอ่อน คะๆขาๆเชื่อฟัง ก็เป็นเลขาไม่ได้เหรอคะ"
แสนนิ่งไปพร้อมกับมองอันยาอย่างเอ็นดู "คุณอาจจะดูไม่เหมือนเลขาคนอื่นๆ แต่สำหรับผม คุณเป็นเลขาที่ดีมาก โอเคมั้ย"
อันยาชะงักไปกับน้ำเสียงและสายตาที่ส่งความรู้สึกดีนั้นมาให้
อันยาเขินขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว "ฉัน..ไปแก้ให้ตามนั้นก็ได้ค่ะ"
อันยาอ่อนลงเองอย่างไม่รู้ตัว เธอหยิกปึกเอกสารจะออกไป
"เออ เรื่องนัดคุณสมพงษ์พรุ่งนี้ ตกลงเค้าคอนเฟิร์มอยู่ใช่มั้ย"
อันยานึกได้ "ค่ะ พอดีร้านอาหาร้านนั้น ไม่ไกลคอนโดฉันเท่าไหร่ ฉันขอไปเจอคุณที่ร้านเลยได้มั้ยคะ"
"ไม่มีปัญหาครับ"
อันยาพยักหน้าแล้วเดินออกมา

อันยาหอบเอกสารออกมาด้วยความโล่งอก
"เสร็จไปหนึ่งเรื่อง" อันยามองเอกสารในมือ "ต้องรีบเคลียร์เจ้าพวกนี้"
อันยาวางหอบเอกสารลงบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าที่ไม่พอเธอก็หยิบกระเป๋าถือที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานไปแขวนไว้ แล้วซองเอกสารจากไรท์เพอร์เซิ่ลก็หล่นลงมา อันยาหยิบมาวางบนโต๊ะ แล้วเอากองงานใหม่ทับลงไป

อันยาลงมือแก้เอกสารอย่างขะมักเขม้น

อ่านต่อหน้า 2

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ภายในร้านอาหารที่ดูโรแมนติคสุดๆ คิมหันต์ซึ่งทำตัวเหมือนแขกในร้าน แต่มีท่าทางตื่นเต้นนิดๆ กำลังพูดผ่านบลูทูธ

"กำลังหนุนประจำที่เรียบร้อย"
อันยาที่ยืนอยู่หน้าร้านคุยผ่านบลูทูธตอบมา
"เห็นเป้าหมายแล้ว อีกไม่เกิน 10 วินาที"
อันยาชะเง้อมองออกไปก็เห็นรถแสนแล่นมาจอด อันยาเก็บอุปกรณ์สื่อสาร จัดผม เช็คความเป๊ะอีกเล็กน้อยแล้วเดินออกไป

แสนลงจากรถมามองร้านแล้วก็ยิ่งแปลกใจเพราะไม่เหมือนสถานที่คุยงานเอาซะเลย
"ทำไมนัดมาร้านแบบนี้นะ"
เสียงอันยาดังขึ้น "ด็อกเตอร์คะ"
แสนหันไปมองตามเสียงเรียกแล้วก็ชะงักไป อันยาเดินสโลว์โมชั่นเข้ามาหาในสภาพที่สวยจัดหนักเป็นพิเศษ แสนมองอันยาแล้วก็อึ้งไป จนกระทั่งอันยามาหยุดยืนตรงหน้าเขาก็ยังพูดอะไรไม่ออก
"ทำไมถึงมองฉันแบบนั้นล่ะคะ" อันยาถาม
แสนเขินจึงเสไปมองร้าน "คือ... นี่เรามาคุยงาน หรือว่าเป็นงานเลี้ยงเนี่ย?”
"คุยงานเฉยๆค่ะ แต่ว่าฉันอยากแต่งตัวให้เข้ากับลุคของร้านเนี๊ยะน่ะค่ะ"
แสนพยักหน้าว่าเป็นอย่างนั้นเองเพราะนึกว่ามาผิดงาน
"ทำไมคะ" อันยาหยอดถาม "มัน..ดูไม่ดีเหรอคะ?”
"เปล่า คุณ..สวยจนผมแปลกใจ ต่างหาก"
อันยาฟังแสนพูดออกมาซื่อๆ ก็แอบยิ้ม
"แปลกใจง่ายจัง ระวังจะมีอะไรให้แปลกใจอีกเยอะนะคะ"
แสนงงไปเบาๆกับคำพูดของอันยา
"เอ่อ ฉันหมายถึง เรื่องงานน่ะค่ะ" อันยาพูดแก้
แสนพยักหน้าแล้วก็เดินเข้าไป อันยาจงใจเดินช้าหนึ่งเสต็ปแล้วหยิบบลูทูธมาสื่อสารกับคิมหันต์
"ได้ยินแล้วใช่มั้ย ด็อก บอกว่าฉันสวย จนเค้าแปลกใจ"
คิมหันต์ยังไม่ตีปีกตามอันยา
"นี่เพิ่งช็อตแรก ข้างในน่ะของจริง เอาให้อยู่"
อันยาไม่หวั่นไหว
"จิ๊บๆ คอยดูก็แล้วกัน"

แสนและอันยานั่งอยู่ด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศรอบๆ ที่โรแมนติ๊ค โรแมนติค แสนสังเกตตรงที่นั่งอยู่ก็รู้สึกว่าประหลาดยิ่งกว่าตรงหน้าร้านซะอีก
คิมหันต์ซึ่งนั่งอยู่อีกมุมแอบมองไปที่โต๊ะของแสนและอันยาด้วยความเป็นห่วง
"ดูหน้าด็อกเตอร์ซะก่อน จะเชื่อรึเปล่าเนี่ย ว่ามาคุยงาน"
คิมหันต์ส่ายหน้า
อันยาพยายามทำให้เนียน
"คุณสมพงษ์คงจะชอบร้านนี้นะคะ เลยนัดเราที่นี่ ทั้งที่ ดูไม่เหมือนที่คุยงานเลย" อันยาว่า
"นั่นน่ะสิครับ" แสนเห็นด้วย
"อุ๊ย คุณสมพงษ์โทรมาค่ะ" อันยารับสาย "สวัสดีค่ะ อันยาเลขาด็อกเตอร์แสนค่ะ อะไรนะคะจะมาเลท เหรอคะ ค่ะ"
คิมหันต์ซึ่งแกล้งโทรไปปลอมเสียง "ตกลงว่าตามนั้นนะ พวกคุณทานข้าวกันไปก่อนเลย" คิมหันต์วางสาย
อันยาบอกแสน
"คุณสมพงษ์จะเลทประมาณชั่วโมงนึงค่ะ ต้องทานข้าวกับเจ้านาย ก็เลยให้เราทานอาหารกันไปก่อน ด็อกเตอร์หิวรึยังคะ"
"ยังเลยครับ"
อันยาชะงัก เธอคิดว่า อ้าว แบบนี้ก็ผิดแผนน่ะสิ เธอปั้นหน้ายากขึ้นมานิดๆ
แสนรู้ตัว "แต่คุณคงหิวแล้ว งั้นเราสั่งอาหารเลยก็ได้นะ" แสนเรียกพนักงาน
อันยาโล่งอก "ขอบคุณค่ะ พอดีฉันยังไม่ได้กินมื้อเช้ามาเลย"
พนักงานส่งเมนูให้แสนและอันยา อันยารับเมนูมาเปิดด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

เหตุการณ์ในอดีต คิมหันต์ถามอันยาอย่างไม่แน่ใจ
"แค่กินข้าวด้วยกันเนี่ย มันจะมัดใจด็อกเตอร์เค้าได้ยังไง ทุกทีเจ๊ก็กินข้าวกับด็อกเตอร์ออกบ่อย"
"นี่มันไม่เหมือนทุกทีย่ะ" อันยาบอก
"ยังไง?”
อันยาควักแท็ปเล็ตขึ้นมาโชว์ "ดูนี่นะ ผลการสำรวจเค้าบอกว่า 71% ของคู่เดทที่ประทับใจกันในเดทแรก เพราะพบว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ใจตรงกัน”

แสนบอกอันยา
"เชิญคุณสั่งก่อนเลยครับ"
"ด็อกเตอร์ก่อนดีกว่าค่ะ ขอฉันดูอีกนิด"
แสนพูดกับเด็กเสิร์ฟ "ผมขอ...”
อันยาเล็งจังหวะอย่างลุ้นระทึก
แสนกับอันยาพูดพร้อมกัน "เซ็ทอาหารไทยชุดเอ"
แสนชะงักไป อันยาทำท่าตกใจเบาๆ
"อาหารไทยเซ็ทเอ ทั้งคู่ใช่มั้ยคะ" เด็กเสิร์ฟถาม
แสนกับอันยาตอบ "เอ่อ ครับ / ค่ะ"
ทั้งสองคนรับคำแล้วมองหน้ากันแล้วก็อึ้งๆ ไป
"แหม ใจตรงกันเลยนะคะ" เด็กเสิร์ฟบอก
อันยาทำเป็นเขินเบาๆ กับประโยคของเด็กเสิร์ฟ แสนมองอันยาอย่างรู้สึกประหลาดใจแกมด้วยรอยยิ้มเบาๆ เด็กเสิร์ฟมองแขกสองคนอย่างชื่นชม

หลายวันก่อน แม็กกาซีนกองเป็นตั้งอยู่ในร้านกาแฟ อันยากำลังดูนิตยสารเล่มนึง
"บทสัมภาษณ์ด็อกเตอร์ทุกเล่มบอกตรงกัน ว่าเค้าชอบอาหารไทยก็ตรงกับที่ฉันทำงานให้เค้ามา"
"ข้อมูลปึ้กซะจริงน๊ะ" คิมหันต์แซว
"ไม่ได้สิ โอกาสมันน้อย เพราะฉะนั้นต้องชั่วร์ ! แล้วที่ฉันให้ไปเซิร์ซมาล่ะ"
คิมหันต์โชว์ภาพหน้าจอมือถือของตัวเองซึ่งเป็นเมนูรายการอาหารของทางร้านที่หาไว้ล่วงหน้า
"อ่ะ เมนูร้าน"
อันยามองแล้ววิเคราะห์ "ดูจากเมนูร้านนี้ วิเคราะห์ร่วมกับนิสัยของด็อกเตอร์ที่กินอะไรง่ายๆโอกาสในการสั่งเซ็ทอาหารไทยชุดเอ 78.88 เปอร์เซนต์ คอนเฟิร์ม"
อันยาพูดอย่างมั่นใจ

คิมหันต์ที่แอบดูอยู่ถึงกับเซอร์ไพร์ส
"แม่นไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะ เจ๊เรา"
คิมหันต์แอบทึ่ง

เมื่อเด็กเสิร์ฟเดินไปแล้ว แสนก็เปรยกับอันยา
"ทุกที ผมเห็นคุณ ไม่ค่อยสั่งอาหารไทยเท่าไหร่นะ"
"นั่นสิคะ สงสัยวันนี้ จะมีอะไรพิเศษกว่าทุกที ฉันถึงได้.. ใจตรงกับด็อกเตอร์"
แสนยิ้ม "แต่ผมว่า มันคงจะบังเอิญมากกว่า"
อันยาหน้าเจื่อนไปที่แสนไม่รับมุก เด็กเสิร์ฟเดินกลับมาอีกที
"ขอโทษค่ะ เมื่อกี๊นี้ลืมถามไปว่าจะรับเครื่องดื่ม" เด็กเสิร์ฟหันเมนูให้ดู
"ผมขอ.." แล้วแสนกับอันยาก็พูดพร้อมกันอีก "น้ำอัญชัญครับ / ค่ะ"
เด็กเสิร์ฟแซว "แหม...ใจตรงกันอีกแล้วนะคะ"
อันยามองแสนด้วยสายตาที่เหนือกว่า "คงจะบังเอิญมากกว่าค่ะ"
แสนมองสายตาอันยาด้วยตาเป็นประกาย อันยาทำเป็นไม่สนใจ กลับเป็นแสนเองที่มองอันยาอย่างรู้สึกเซอร์ไพร์สขึ้นมา

ณ ออฟฟิศเพียงพอดี เพียงดาวเปิดเอกสารของอันยาออกตรวจอย่างจับผิด เมขลาและเอกชัยมองลุ้นอย่างเอาใจช่วย
"ไม่ผิดแล้วใช่มั้ยล่ะครับ ก็บอกแล้วว่าคุณอันยาเค้าเก่ง" เอกชัยว่า
เพียงดาวมีสีหน้าหงุดหงิดเพราะจับผิดไม่ได้
"เมื่อวาน เมเห็นอันโกะนั่งแก้เอกสารทั้งวัน ดูตั้งใจมากเลยนะคะ" เมขลาบอก
"ก็น่าจะตั้งใจซะตั้งแต่แรก ฉันจะได้ไม่ต้องมาปากเปียกปากแฉะ"
เอกชัยกับเมขลาแอบโล่งใจแทนอันยา
เพียงดาวพูดต่อ "ที่ฉันทำทั้งหมดเนี่ยเพราะเห็นแก่บริษัทนะ ถ้าแม่นั่นรักจะอยู่ที่นี่ไปนานๆ ก็ต้องทำหน้าที่เลขาไม่ให้บกพร่อง ถูกรึเปล่า"
เอกชัยกับเมขลารับคำ "ครับ / ค่ะ"
"คราวนี้รู้จักปรับปรุงตัว ก็ยังดี"
เพียงดาวรวบเอกสารเตรียมจะเดินไป แต่แล้วที่ด้านล่างของกองเอกสารก็มีซองแปลกๆ แพลมออกมา เพียงดาวเพ่งมองอย่างแปลกใจ
"ซองอะไร ?”
มุมซองด้านบนมีแบรนเนอร์ติดชื่อ “ไรท์เพอร์เซิ่ลคอมพานี ” พร้อมที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์
"ไรท์เพอร์เซิ่ลคอมพานี บริษัทเรามีดีลกับที่นี่ด้วยเหรอ ?” เพียงดาวงง
เอกชัยเข้ามามุงด้วย "ไรท์เพอร์เซิ่ล เอ ชื่อนี้คุ้นๆ" เอกชัยคิด "นึกออกแล้ว นี่มันบริษัทจัดหางานนี่ครับ"
เพียงดาวกับเมขลาประหลาดใจ

อันยายังคงรับประทานอาหารด้วยหน้าตาเบิกบานอยู่กับแสน โดยไม่รู้ว่าที่เพียงพอดีเกิดอะไรขึ้น
"ชอบอาหารที่นี่มั้ยคะ" อันยาถาม
"ก็อร่อยดีครับ" แสนบอก
"ขยันทำแต่งานแบบคุณ คงไม่ค่อยได้มาร้านแบบนี้"
แสนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะบอก
"ครับ ลำพังตัวผมเอง คงไม่ได้มา แต่บางครั้งคุณหญิงกับคุณอิงค์กี้ก็ขอให้มาเป็นเพื่อน"
อันยาที่จิบน้ำอยู่แทบจะสำลัก
"บางครั้งผมก็..ไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธเพื่อน"
อันยาหน้าเสียไปอย่างไม่รู้ตัว
แสนแอบเห็นอาการของอันยาก็ยิ้มๆ "ทีหลัง ผมจะอ้าง ว่าเลขาไม่อนุญาตให้มา ดีมั้ย ?”
อันยาแอบงอนโดยไม่รู้ตัว "ฉันจะไปมีสิทธิ์ห้ามคุณได้ยังไงล่ะคะ ถ้าคุณอยากจะไปกับสองคนนั้น"
อันยาแขวะเบาๆแล้วก็ตักอาหารมาสวาปามใหญ่โดยไม่มองหน้าแสนอีก แสนสังเกตอาการของอันยาแล้วก็เห็นว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมเงยหน้ามาสบตาเขาเลย
"คุณ..ไม่พอใจอะไรรึเปล่า?” แสนถาม
อันยาเคี้ยวตุ้ยๆ ในขณะตอบ "ฉันจะไม่พอใจอะไรล่ะคะ" อันยาลุกขึ้น "ฉันขอตัวไปห้องน้ำนะคะ"

อันยาลุกไปเลย แสนมองตามแบบไม่เข้าใจนิดๆ

คิมหันต์ที่แอบมาคุยกับอันยาในมุมลับตาคนถามอย่างไม่เข้าใจ

"ทำอะไรของเจ๊เนี่ย เดทกำลังรันไปได้สวยๆ อยู่ๆทำหน้าคว่ำออกมาทำไม"
"ต้องถามด็อกเตอร์มากกว่า ฉากหน้าทำเป็นตั้งใจช่วยชาวนาปลูกข้าว แต่จริงๆแอบเดทกับสาวๆไปทั่ว"
"เจ๊ว่าไงนะ ?”
"เค้าเคยมาร้านแบบนี้แล้ว กับยัยคุณหญิงเหมือน แล้วก็แม่ดารานั่นน่ะ" อันยาเห็นสายตาคิมหันต์เหล่มาอย่างสงสัย "ไม่เชื่อเหรอ ด็อกเตอร์พูดเองกับปากเมื่อกี๊นี้เลยนะ"
"ผมไม่ได้สงสัยด็อกเตอร์ แต่เจ๊นั่นแหละที่น่าสงสัย หึงป่ะเนี่ย"
อันยาช็อค "นี่พูดบ้าอะไรของแก ฉันน่ะนะ หึง ?”
"ก่อนจะทำแผนก็แอบยิ้มแปลกๆ พอทำแผนแล้วรู้ว่าเค้าเคยมากับผู้หญิงคนอื่นก็เดือดแบบนี้ไม่หึงแล้วเรียกว่าอะไรครับ"
อันยาอึดอัดมากแต่ก็ยอมรับ "เออ ! ฉันยอมรับก็ได้ ว่าฉันเสียฟอร์ม ก็เห็นว่าวันๆเอาแต่ทำงาน ไอ้เราอุตส่าห์พามาหาความศิวิไลซ์ ดันบอกว่าเคยมากับผู้หญิงคนอื่นแล้ว นี่ฉันพาเค้ามาทีหลังแม่พวกนั้นซะอีก แล้วมันเสียมั้ย"
คิมหันต์เหล่ "ยิ่งพูดยิ่งดู..เหมือนหึงเลยว่ะเจ๊"
"ขีดเส้นใต้สิบเส้น เสียฟอร์มเฉยๆ"
"ขีดเส้นใต้ สิบเอ็ดเส้น ระหว่างเสียฟอร์ม กับเสียงาน เจ๊จะต้องเลือกแล้ว"
อันยาชะงักแล้วคิดว่านั่นน่ะสิ

เอกชัยโวยวาย เมขลามีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ในขณะที่เพียงดาวยิ้มเยาะ
"ไม่จริง คุณอันยาไม่ได้คิดจะหางานใหม่ ก็เค้าออกจะทำงานที่นี่ได้แจ่ม" เอกชัยหันขวับ "เจ๊นั่นแหละ ไปหาเรื่องเค้า ทำให้เค้าอยากออก"
"รู้ตัวเร็ว เคลมไว ไปเร็ว ก็ดี คงตระหนักแล้วล่ะสิว่าตัวเองไม่เหมาะกับที่นี่"
"แต่เมว่า เราไม่ควรสรุปกันไปเองนะคะ เราแค่เห็นซองนั่น ก็เหมาไปแล้วว่าอันโกะจะออกจากงาน คิดไปเองยังไงไม่รู้นะคะ"
"นั่นสิ ขอบคุณนะเม ที่ช่วยเตือนพี่ มันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้"
"ติดต่อกับบริษัทจัดหางาน ถ้าไม่ได้หางานใหม่ แล้วจะติดต่อไปทำไมล่ะย่ะ" เพียงดาวว่า
"ก็ไม่รู้.. หรือว่า" เอกชัยหยิบซองออกมา "จะลองแกะซองดู"
"ก็ดี จะได้รู้ๆไปเลย ว่ายัยนั่นหางานใหม่จริงๆ"
เมขลาตกใจจึงเข้ามาขวาง "ได้ยังไงคะ นี่มันเรื่องส่วนตัวของอันโกะนะคะ"
เมขลาว่าแล้วก็ยึดซองนั้นกลับมาที่ตัวเอง เพียงดาวกับเอกชัยชะงักกันไป
"พูดเล่นน่ะ ใครจะไปทำจริงๆล่ะ ฉันเป็นผู้ใหญ่นะ จะทำแบบนั้นได้ยังไง"
"งั้นเมจะคืนซองนี่ไว้ที่เอกสารของอันโกะตามเดิม แล้วถ้ามีใครแกะซอง เม คงต้องเล่าให้อันโกะฟังตามจริง
"ไม่ต้องมาขู่หรอกน่ะ ฉันไม่สนใจหรอก" เพียงดาวเดินไปเลย
เอกชัยมองซองด้วยความอยากรู้แต่เห็นสายตาเมขลาเขาก็เดินตามเพียงดาวไปอีกคน ลับหลังเมขลา เพียงดาวกับเอกชัยสบตากันต่างเห็นแววตาคาใจและอยากรู้ของกันและกัน

อันยาเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วพยายามจะปรับฟีลให้สมูทแต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่ออาหารถูกเก็บไปแล้ว แต่มีของหวานวางรออยู่ เป็นสตรอว์เบอร์รีพานาคอตต้าที่ตกแต่งไว้น่ากินมาก
"ผมสั่งขนมมาให้ ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณรึเปล่านะ" แสนบอก
อันยามองขนมอย่างประหลาดใจ
"ไม่ชอบเหรอ" แสนถาม
"ฉัน เคยบอกคุณเหรอว่าฉันชอบสตรอว์เบอร์รี"
"เปล่า ผมเดาเอาว่า พวกชีสเค้ก หรือช็อคโกแลตเค้กคงธรรมดาไปสำหรับคุณ คุณน่าจะชอบสตรอว์เบอร์รี แต่สตรอว์เบอร์รีช็อทเค้กก็คงจะธรรมดาไปอีก เมนูนี้อร่อยด้วย มีสไตล์ด้วย น่าจะถูกใจคุณ"
อันยาอึ้งไปทันที
"คุณเดาขนมจากสไตล์ของฉัน ?”
"ผมไม่ได้ทำอะไรให้คุณ ไม่พอใจอีกใช่มั้ย ?”
"รู้มั้ย ว่าคุณเป็นคนแรกที่ไม่ได้บ่นว่าฉันเยอะ ให้ไปลดๆความเป็นตัวเองลง"
"เวลาใครบอกว่าอันนี้เยอะ อันนั้นน้อย เค้าใช้อะไรวัด คุณเป็นอย่างที่เป็นมันก็ดีอยู่แล้ว"
อันยาอึ้งๆ และรู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่างที่ได้ยินเช่นนั้น
"กินสิครับ เดี๋ยวขนมจะไม่อร่อยนะ"
อันยาตักขนมขึ้นมาชิมแล้วก็ชะงักไปพร้อมทั้งมีตาเป็นประกาย
"อร่อยจัง !!! ฉันชอบที่สุดเลยค่ะ"
แสนยิ้มปลื้มที่เห็นอันยาดีใจเหมือนเด็กๆ
"งั้นก็กินเยอะๆนะ"
อันยากินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็นึกได้ "คุณ...ลองชิมดูบ้างมั้ยคะ ?”
อันยาตักขนมขึ้นมาแล้วส่งช้อนให้แสน แสนมองอันยาแล้วก็ชะงักไป สีหน้าของอันยามีแต่ความสดใสจริงใจเล่นเอาแสนใจเต้น

คิมหันต์ที่ลุ้นอยู่โล่งอก
"ค่อยยังชั่วหน่อย มันต้องแบบนี้สิเจ๊"
คิมหันต์ที่ลุ้นๆ อยู่รู้สึกสบายๆ ทันใดนั้นเขาก็ปรายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างด้านนอกหน้าต่างร้าน คิมหันต์หันหน้ากลับมาแล้วหันขวับไปมองอีกที แล้วเขาก็อ้างปากค้างเพราะตกตะลึง
"เฮ้ย !”

อันยาชวนแสนกินขนม
"จะได้รู้ไงคะว่าขนมอร่อยจริงๆรึเปล่า" อันยาถาม
แสนยังเขินๆ ว่าจะกินดีไม่กินดี
ทันใดมือถือของอันยาสั่นเพราะมีข้อความเข้า อันยาชะงักเพราะกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เธอต้องวางช้อนแล้วเปิดดูข้อความที่ส่งมา หน้าจอมือถือ โชว์ข้อความว่า “SOS”
“SOS อะไร ?”
อันยาหน้าเสียด้วยความสงสัยว่าเรื่องอะไร

เมรีเดินเคียงคู่มากับทวยเทพ
"ร้านสวยดีนะคะ หรือว่า นี่จะเป็นร้านโปรดของแฟนคุณ" เมรีถาม
ทวยเทพชะงักที่เมรีเดาถูก "ถ้าผมตอบว่าใช่ นี่เป็นร้านโปรดของอันเค้า คุณยังอยากเข้าร้านนี้อยู่รึเปล่า"
"ยิ่งอยากมากเลยล่ะค่ะ"
เมรีตาเป็นประกาย เธอเดินนำเข้าไปเลย ทวยเทพยิ้มชอบใจที่เมรีกล้าเล่นกับไฟ คิมหันต์และอันยามาแอบดูที่มุมหนึ่ง อันยาแทบอยากจะกรี๊ด
"อีตาทวยเทพ กล้าควงยัยเมรีมาได้ยังไง"
"นี่ไม่รู้ว่าไปแอบกิ๊กกันตอนไหน ล้วงความล้งความลับกันไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้" คิมหันต์ว่า
"โอ๊ย อย่าเพิ่งทำให้เครียดกว่านี้ได้มั้ย ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย"
"อย่าให้เค้าจับได้เชียวนะเจ๊ ว่าเจ๊มากับด็อกเตอร์แสน"

คิมหันต์กำชับ

อันยาบอกแสนด้วยอาการเร่งรีบร้อนใจ

"คุณสมพงษ์ขอเปลี่ยนที่นัดค่ะ เรารีบไปกันดีกว่านะคะ"
แสนแปลกใจ "เหรอครับ" แสนเห็นท่าทางอันยาจะไปให้ได้ก็ยอม "ก็ได้ครับ"
แสนลุกขึ้น อันยาใจร้อนจึงจูงแขนแสนไปเลย
"เดี๋ยวคุณสมพงษ์ต้องมีประชุมต่อ เดี๋ยวจะไม่ทันค่ะ"
แสนงงๆ ว่าทำไมอันยารีบขนาดนี้ อันยาจูงแสนออกไปเฉยเลย

ทวยเทพกับเมรีเดินมาโดยมีพนักงานเดินนำมา ขณะที่อันยารีบจูงแสนออกไป เมรีกับทวยเทพเดินเข้ามาโดยกำลังจะสวนกับอันยาและแสนที่กำลังเดินออกไป คิมหันต์ที่แอบดูเมรีกับทวยเทพอยู่ช็อค
เมรี ทวยเทพและพนักงานเดินมาใกล้จะสวนกับแสนและอันยามากๆ ทันใดนั้นรถเข็นอาหารก็แล่นมาขวางหน้า คิมหันต์เอาเมนูปิดหน้า ก้มหน้าก้มตาทำท่าเหมือนขอโทษ
คิมหันต์บีบเสียง "โทษครับ โทษ...”
เมรีผงะ ทวยเทพไม่พอใจ
"เสียมารยาท เข็นรถมาแบบนี้ได้ยังไง" เมรีว่า
คิมหันต์ก้มหน้าก้มตาแล้วรีบเสือกรถผ่านไป
"ขอโทษด้วยนะคะ" เด็กเสิร์ฟมอง "นั่นไม่ใช่เครื่องแบบพนักงานเรานี่?”
เมรีหัวเสียแต่แล้วก็หันไปทางด้านที่แสนและอันยาเคยอยู่แต่ปรากฎว่าไม่มีใครแล้ว คิมหันต์เข็นรถไปจอดหลบมุมแล้วถอนหายใจโล่งอก
พนักงานพาทวยเทพและเมรีมาที่โต๊ะฝั่งหนึ่ง แต่เมรีมองแล้วหันไปทางโต๊ะเดิมของแสนและอันยา
"ฉันว่าโต๊ะนี้วิวดีกว่านะ" เมรีเดินมาบอกเด็กเสิร์ฟ "ช่วยเคลียร์โต๊ะนี้ให้ฉันด้วย"
"ค่ะ"
เมรีสั่งแล้วหันไปยิ้มหวานให้กับทวยเทพซึ่งพอดีสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นด้านหลังของอันยากำลังเร่งรีบเดินออกไปอยู่ที่สุดทางเดิน
เมรีชะงักไปทันที "เอ๊ะ !”
คิมหันต์ที่แอบอยู่เห็นว่าเมรีเดินจ้ำไปตามทางเดินที่อันยาเพิ่งออกไป

อันยาและแสนรอเคลียร์บิลอยู่ แสนเห็นอันยาท่าทางกระวนกระวายมาก
แสนแปลกใจ "นี่เราต้องรีบไปขนาดนี้เลยเหรอ ?”
"เอ่อ ค่ะ คุณสมพงษ์ขอมาน่ะค่ะ"
พนักงานถือบัตรเครดิตมาคืนแสน แสนเซ็นชื่อเสร็จ อันยาโล่งอก เธอจะรีบนำออกไปทันที คิมหันต์โผล่มาแอบอยู่ตรงมุม ส่งซิกบอกอันยา
"ข้างหลัง" คิมหันต์ชี้ไป
อันยาขนลุกเกรียว เมรีเดินออกมา อันยาหมุนมาเอาแสนมาบังตัวเองไว้
"เอ่อ ฉัน.." อันยาเหลือบเห็นมุมที่พนักงานเตรียมขนมอยู่ "อยากสั่งขนมหน่อย คุณไปคอยที่รถก่อนนะคะ"
อันยาพูดแล้วก็หลบเข้าประตูเล็กๆที่เป็นส่วนเตรียมขนมทันที แสนงงแต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร ก็ได้ยินเสียงเรียก
"ด็อกเตอร์แสน ใช่มั้ยคะ ?”
แสนหันไปมองเมรีแล้วก็จำได้ "คุณ ? ที่ไปที่บริษัทวันนั้น"
"นี่เจอคุณอีกแล้วเหรอเนี่ย"
เมรีประหลาดใจมากๆ ที่มองหาอันยาไม่เจอ แต่กลับเจอแสนอีกแล้ว

อันยาเข้ามาแอบในส่วนที่พนักงานเตรียมขนม พนักงาน 2 คนที่อยู่ในนั้นมองอันยาอย่างงงๆ
"ฉัน...มาดูว่าขนมที่สั่งไว้ ได้รึยัง?”
พนักงานมองหน้ากันอย่างมึนๆ อันยาเนียนเข้ามาและทำท่าไม่ยอมออกไปด้วย

เมรีไม่อยากจะเชื่อ
"ขอโทษนะคะ เมื่อกี๊นี้คุณเห็นผู้หญิง ตัวเล็กๆ ผมยาวประมาณนี้มั้ยคะ"
อันยาที่แอบมองเหตุการณ์อยู่ในห้องขนมหวาดหวั่นมาก
"เอ่อ คุณหมายถึง..” แสนถาม
"ที่ใส่ชุดสี...น่ะค่ะ" เมรีบอก
แสนคิดแล้วกำลังจะตอบ อันยาหวาดเสียวที่สุด
ทวยเทพเดินตามเมรีมา
"มีอะไรเหรอ" ทวยเทพเห็นแสนก็ชะงักไปอย่างแรง "แก !! ทำไมแกมาอยู่นี่"
แสนชะงักไปเหมือนกันเมื่อเห็นว่าทวยเทพมากับเมรี
"ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกคุณ ขอตัวนะครับ" แสนจะเดินไปเลย
ทวยเทพอดไม่ได้ "คงไม่ได้เอาเวลางานมาเที่ยวกับแฟนคนอื่นเค้าหรอกนะ"
แสนที่กำลังจะเดินไปชะงักหันกลับมา
"ผมว่าคุณถามคำถามนั้นกับตัวเองดีกว่า ลูกผู้ชายไม่ควรทำอะไรต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง" แสนว่า
"อย่างที่แกก็ชอบทำน่ะเหรอ ต่อหน้าทำเป็นสุภาพบุรุษ ลับหลังก็อยากจะแย่งแฟนชาวบ้าน"
เมรีฟังทวยเทพและแสนตอบโต้กันก็รู้สึกว่ามีนัยแปลกๆชอบกล
"ผมว่าคนที่ต้องตรวจสอบตัวเอง น่าจะเป็นฝ่ายคุณมากกว่า ขอตัวนะครับ" แสนบอก
แสนเดินออกไปทันที
"เดี๋ยวค่ะ คุณ" เมรีจะตามไปถามเรื่องอันยา
ทวยเทพไม่พอใจจึงดึงเมรีไว้ "ทำไมใครๆชอบไปยุ่งกับมันนัก คุณมากับผมนะ"
"ฉันแค่ถามหาคนกับเค้าเฉยๆ ฉันเห็นยัยอันยา"
ทวยเทพชะงักไปทันที
"อะไรนะ" ทวยเทพเครียดทันที "แล้วคุณอยากจะให้เค้าเจอเรารึไง บ้ารึเปล่า"

ทวยเทพเดินออกไปเลย เมรีอึ้ง

อันยาโล่งอกหลังจากตื่นเต้นเกือบตาย

"ตกลง สั่งขนมอะไรไว้เหรอคะ" พนักงานถาม
"เอ่อ ลืมไป ว่าแคนเซิ่ลไปแล้ว ขอโทษทีนะคะ"
อันยาว่าแล้วก็หันขวับจะชิ่งไปอย่างว่องไว
"คุณคะ ระวัง !!” พนักงานเตือน
พนักงานยกถาดใส่เค้กขึ้นมาพอดี อันยารีบหันจึงไม่ทันมองทำให้ชนเผละเข้าจนเค้กร่วงใส่หัว หล่นใส่ชุด
"ว๊ายยย !!”
พนักหน้าหน้าจ๋อย
คิมหันต์เข้ามาดูอันยา "เจ๊ รอดแล้วนะ" คิมหันต์เห็นสภาพอันยา "อ้าว ?เฮ้ยยย ทำไมเป็นเงี๊ยะ !”
อันยาเลอะเค้กเต็มๆ คิมหันต์มองเหวอๆ

เมรีตามมาง้อทวยเทพที่เดินหนีออกมา
"นี่คุณโกรธฉันเหรอคะ ฉันไม่ได้สนใจด็อกเตอร์นั่นจริงๆนะ แล้วเรื่องอันยา ฉันอาจจะ..ประมาทไปหน่อย แต่มันก็..ไม่มีอะไรไม่ใช่เหรอคะ"
"ไม่น่าพาคุณมาที่นี่จริงๆ" ทวยเทพว่า
เมรีไม่พอใจ "จริงๆคุณก็อยากควงฉัน เพื่อเย้ยอันยาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"
ทวยเทพตกใจที่เมรีจับได้ "อย่ามาทำรู้ดีนะ!”
"ไหนๆก็กล้าลองแล้ว ทำไมจะมาหยุดอยู่แค่นี้ล่ะคะ"
"คุณไม่รู้เรื่องอะไรหรอก" ทวยเทพบ่นคนเดียว "ไอ้ดร.มันได้เอาไปฟ้องอันน่ะสิ"
"ถามจริงๆเถอะ ด็อกเตอร์แสน เค้าเกี่ยวข้องอะไรกับแฟนคุณ ทำไมพวกคุณพูดกันแปลกๆ"
ทวยเทพหันมาแล้วจะเผลอพูด "ก็เพราะมัน..." ทวยเทพชะงักแล้วก๋นึกได้เมื่อเห็นแก่อันยา "ผมไม่ชอบผู้หญิงถามมากวันนี้ไม่มีอารมณ์แล้ว ถ้าอยากให้ไปส่งก็ตามมาก็แล้วกัน" ทวยเทพเดินไปเลย
"ห๊ะ !!! ฮึ่ย !! ไอ้คนขี้ขลาด กลัวแฟนจนขึ้นสมอง เสียเวลาจริงๆ"
เมรีเสียเส้นมากและอยากจะบ้า

อันยาเอาทิชชู่ชุบน้ำซับผมที่เปื้อนครีมเค้ก หัวของเธอแฟบเปียกเสียทรงไปแล้วแถมชุดยังเลอะอีก
"ดูสภาพฉันซิ !แบบนี้แผนดินเนอร์สุดโรแมนติคตอนค่ำ ที่จะพาด็อกเตอร์ไป ก็หมดกัน" อันยาว่า
"เฮ้อ....เจ๊นะเจ๊ ก็ไม่น่าเลือกร้านที่เคยมากับพี่ทวยเทพเค้าเลยนี่ เสี่ยงเห็นๆ"
"ก็ใครจะไปนึกล่ะ ว่านายนั่นจะควงยัยเมรีมา บ้าที่สุด นี่ถ้ากลับไปนะ โดนแน่ !!! ทำแผนฉันพัง กำลังไปได้สวยๆอยู่แล้ว"
อันยาเอาทิชชู่ซับชุดต่อ คิมหันต์มองแล้วส่ายหน้าเพราะกลุ้มพอกัน

เพียงดาวกับเอกชัยอยู่ตรงหน้าโทรศัพท์สำนักงาน
"ก็...ไม่เห็นจะต้องแกะซองเลย" เพียงดาวบอก
เพียงดาวว่าแล้วก็ยกหูโทรศัพท์แล้วกดเบอร์ลงไป
"โห เห็นแค่ปราดเดียว จำเบอร์ได้ด้วย"
"ฉันน่ะ ขั้นไหนแล้ว" เพียงดาวได้ยินเสียงคนรับสาย "สวัสดีค่ะ นั่นใช่ ไรท์เพอร์เซิ่ลคอมพานีรึเปล่าคะ"
พีอาร์พูดจากโทรศัพท์ "ค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ"
เพียงดาวกับเอกชัยมองหน้ากัน
"ถามเลย"
"ที่นั่นใช่บริษัทจัดหาคน จัดหางานรึเปล่าคะ" เพียงดาวถาม
พีอาร์สาวทำหน้าที่อย่างดี
"ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการได้รับบริการแบบไหนคะ ?”

เพียงดาวหันมาคุยกับเอกชัย
"ไม่ผิดจริงๆ เป็นบริษัทหางาน"
เอกชัยหน้าเสีย "โถ่เอ๊ย นี่คุณอันยาอยากหางานใหม่จริงเหรอเนี่ย"
เพียงดาวลอยหน้า
เอกชัยฮึดจึงยึดหูโทรศัพท์จากเพียงดาวมา เพียงดาวเหวอๆว่าเอกชัยจะทำอะไร
เอกชัยพูดโทรศัพท์ "ขอโทษนะครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ คือ เร็วๆนี้มีผู้สมัครชื่อคุณอันยารักษ์เรืองรอง มาขอให้คุณจัดหางานให้รึเปล่าครับ"
พีอาร์ชะงักไปกับคำถามของเอกชัย
"เอ่อ ผู้สมัครชื่ออะไรนะคะ ?”
"คุณอันยา รักษ์เรืองรองครับ" เอกชัยบอก
พีอาร์ฟังชื่อซ้ำอีกทีแล้วก็ยังอึ้งอยู่เพราะเธอจำได้ว่าอันยาเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ของบริษัท
เอกชัยถามย้ำอย่างตื่นเต้น
"คุณครับ ว่ายังไงครับ?”

เพียงดาวตีเอกชัยเข้าให้
"ถามโต้งๆยังงั้นได้ยังไงล่ะ ผ่านทดสอบไอคิวมารึเปล่า ความลับของบริษัทใครเค้าจะบอกง่ายๆ"
"โถ่ ก็มันใจหายนี่ ผมอยากรู้ ว่าคุณอันยาให้ที่นั่นหางานให้จริงๆรึเปล่า"
"แล้วรู้มั้ย? หน้าแตกอีกต่างหาก เค้าก็บอกว่า ขอโทษค่ะ บอกไม่ได้"
เอกชัยเสียดาย "โถ่ คุณอันยานะ จะออกจริงๆเหรอเนี่ย"
เอกชัยยังงอแงเพราะไม่อยากให้มันเป็นจริง เพียงดาวส่ายหน้าอย่างเวทนา

อันยานั่งหน้าจ๋อยมากับแสนในรถ
"คุณสมพงษ์แคนเซิ่ลนัด?”
"ค่ะ เค้าฝากขอโทษมา ที่ทำให้ด็อกเตอร์ต้องเสียเวลา"
อันยาแอบลอบถอนใจที่แผนตัวเองพังทลาย
แสนมองท่าทางจ๋อยๆของอันยาแล้วก็ปลอบใจ
"แค่นักวิจัยเลื่อนนัดเราแค่นี้ คุณไม่ต้องจ๋อยขนาดนั้นก็ได้"
อันยาพูดโดยหมายถึงตัวเอง "ฉันทำผิดพลาด ! แล้วยังซุ่มซ่าม ทำตัวเองเลอะเทอะไปหมด หัวก็เปียก หน้าก็ลบหมด ชุดก็เปียก" อันยาผิดหวัง "ทั้งๆที่มันน่าจะไปได้ดีแล้วแท้ๆ" อันยาชะงัก "เอ่อ ฉันหมายถึง นัดคุยงานวันนี้น่ะค่ะ"
แสนมองอันยาแล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เธออมยิ้มบางๆ
"ถ้าผมคุณไม่เปียก แล้วจะอารมณ์ดีขึ้นมั้ย"

อันยามองแสนเพราะไม่เก็ทว่าหมายความว่ายังไง

อ่านต่อหน้า 3

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ในสวนสาธาณะแห่งหนึ่งที่บรรยากาศร่มรื่นสวยงาม มีผู้คนไม่พลุกพล่านนัก แสนจ่ายเงินค่าเช่าจักรยานหนึ่งคัน

"คุณแสน เรามาที่นี่กันทำไมคะ?” อันยาถาม
แสนตบเบาะจักรยาน "นั่งสิ"
อันยายังงงๆ แต่ว่านั่งก็ได้ แล้วแสนก็ขี่จักรยานออกไป อันยาตกใจจนเกือบจับตัวแสนไว้ไม่ทัน

อันยานั่งซ้อนจักรยานแสนมาแต่สีหน้ายังไม่เริงร่า เพราะความผิดหวังวันนี้ยังครอบงำอยู่
"รู้สึกเป็นยังไงบ้าง" แสนถาม
"ก็...รู้สึกเหมือน...นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานน่ะค่ะ"
แสนหัวเราะเพราะตอบได้กำปั้นทุบดินจริงๆ
"ถึงเราจะกลับบริษัทตอนนี้ ก็ไปถึงตอนเลิกงานแล้วอยู่ดี ผมเลยพาเลขามาปรับอารมณ์ดีกว่า"
"ปรับอารมณ์?” อันยางง
"ตอนนี้ผมคุณ น่าจะแห้งขึ้นแล้วนะ แล้วอารมณ์ดีขึ้นรึยัง?”
อันยาชะงักไปเพราะเพิ่งจะสังเกตว่าลมพัดผมของเธอปลิวไสว เธอจับผมดูก็พบว่าค่อยๆแห้งขึ้นแล้วเธอก็เหลือบมองแสนก่อนจะแอบยิ้มในวิธีการของแสน
"คุณไม่น่าจะต้องคิดมากเลย ถึงหัวจะเปียก หน้าจะลบไปบ้าง คุณก็..ไม่ได้ดูแย่นะ"
"จะบอกว่าแบบนี้... ฉันก็ดูน่ารักดีใช่มั้ยคะ"
"ผมไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย"
"ถ้าไม่ดูแย่ ก็ต้องดูดีสิคะ"
"ไม่รู้สิ จำเป็นด้วยเหรอ"
"คุณแสน เมื่อเช้าคุณยังชมว่าฉันสวย"
"ฟังหลายรอบ แล้วคุณไม่เบื่อเหรอ"
"มันก็อยู่ที่ว่า..ใครเป็นคนพูด..คนบางคน ก็อยากให้ชมบ่อยๆ"
แสนไม่ชมแต่แอบยิ้มด้วยหัวใจที่พองโตชอบกล อันยาเหลือบมองสีหน้าของแสนแล้วก็เก็บยิ้มไว้ไม่มิดพอๆ กัน

ต่อมาแสนส่งขวดน้ำดื่มให้อันยา
อันยารับมาด้วยหน้าตาที่สดชื่นขึ้น "สดชื่นจัง ! ฉันไม่ได้มาที่แบบนี้ตั้งนานแล้ว"
"เมื่อก่อน ตอนที่ผมเรียนอยู่ในกรุงเทพ ผมมาที่นี่บ่อยๆ"
"คุณหญิงเหมือน กับคุณอิงค์กี้ ชอบที่แบบนี้ด้วยเหรอคะ"
"ผมไม่ได้มากับสองคนนั้น นอกจากเพื่อนคนนึง" แสนหมายถึงแพม "คุณเป็นคนแรกนะที่ได้ซ้อนท้ายรถจักรยานผม"
อันยาที่กำลังดื่มน้ำอยู่ อึ้งๆ เพราะรู้สึกเหมือนน้ำเปล่าจะหวานขึ้นมาทันที แสนยืนมองวิวอยู่อย่างสุขใจที่ได้กลับมาสถานที่ที่ชอบ อันยาเหลือบมองแสนแล้วก็แอบอมยิ้มหน้าบานเพราะมีความสุข
"เราเป็นคนแรกงั้นเหรอ"
อันยาเผลอปลื้มอย่างลืมตัว

อาโปซึ่งมีขนมขบเคี้ยวอยู่เต็มปากตาโตเพราะประหลาดใจ
"เจอด็อกเตอร์แสนอีกแล้วเหรอคะ ?”
"ใช่ แปลกชมัด เจอร่องรอยของยัยอันยาทีไร ต้องเจอด็อกเตอร์คนนั้นทุกที หรือว่ามันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน" เมรีว่า
"แน่ใจเหรอคะ ว่าไม่ได้ตาฝาด" อาโปเคี้ยวขนมกรุบๆ
เมรีหันมาทำตาจิกใส่อาโป
"แน่ใจก็แน่ใจค่ะ อาโปเชื่อคุณแมรี" อาโปส่งขนมให้ "กินหนมมั้ยคะ"
เมรีผลักขนมออก "เพราะมีลูกน้องอย่างเธอนี่แหละ งานฉันถึงได้ไม่คืบหน้า ! แทนที่จะเอาแต่กิน ช่วยกันคิดหน่อยสิ"
เมรีหัวเสีย อาโปหน้ามุ่ยเพราะเรื่องอะไรจะมาโทษเรา

แสนมาส่งอันยาที่หน้าคอนโด
"ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยให้ฉันสบายใจขึ้น" อันยาบอก
"ไม่เป็นไรครับ ถึงวันนี้ อะไรๆมันจะแปลกๆไปบ้าง แต่ว่า.." แสนยิ้มพราย "ก็สนุกดีนะ"
อันยาฟังแล้วติดๆ ว่าแสนหมายความว่ายังไง "ค่ะ.. งั้นก็ ขับรถกลับให้หนุกๆนะคะ บายค่ะ"
"ครับ"
แสนและอันยาสบตาลากันอย่างรู้สึกดีๆ แล้วแสนก็หันหลังจะเดินไป
อันยาชะงักแล้วความรู้สึกหนึ่งก็แว่บขึ้นมา แสนเดินไปถึงประตูรถแล้วและกำลังจะเปิดมันออก อันยาวิ่งตามมา
"ด็อกเตอร์คะ"
แสนชะงักแล้วหันกลับมามองอันยาอย่างแปลกใจ
"มีอะไรครับ"
"คือ...ช่วย..ขึ้นไปที่ห้องฉัน...ได้มั้ยคะ ?”
อันยาฮึดถามออกไปอย่างใจกล้า

อาโปเดินตามก้นเมรีออกมาด้วยสีหน้าเมื่อยมากๆ ทั้งสองคนกำลังเดินผ่านเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของบริษัท
"คิดจนสมองจะระเบิดแล้วนะคะคุณแมรี ยังไงอาโปก็คิดไม่ออกว่าทำไมคุณแมรีไปหายัยอันโก๊ะทีไร ถึงเจอด็อกเตอร์แสนตลอด"
เมรีรำคาญ "เลิกคิดเถอะย่ะ อย่างเธอคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกหรอก"
"จะดีเหรอคะ อีกนิดเดียว อาโปอาจจะคิดออกแล้วนะคะ"
"ชาติหน้าตอนบ่ายๆรึเปล่า"
"อุ๊ย อันนั้นมันก็นานเกินไปค่ะ"
"ฉันประชด!!”
อาโปเหวอ ตอนนั้นเองพีอาร์สาวก็เดินเข้ามาหาทั้งคู่
"คุณแมรีคะ มิ้วขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ เรื่องพี่อันยาน่ะค่ะ"
เมรีและอาโปชะงักกึ้กกันไปทันที
"เรื่องยัยอันยา มีอะไรเหรอ"
"มิ้วได้ยินว่าพี่เค้าลาพักร้อนอยู่ แต่วันเนี๊ยะ มีคนจากบริษัทนึงโทรมา บอกว่าพี่อันยาเป็นพนักงานบริษัทเค้า แล้วถามว่าพี่อันยามาขอให้บริษัทเราหางานให้รึเปล่า ? มันแปลกมากเลยนะคะ"
เมรีกับอาโปหูผึ่งขึ้นมาอย่างแรง
"บริษัทนั้น คือที่ไหน ?”
"รู้สึกจะชื่อ บริษัทเพียงพอดีอะไรนี่แหละค่ะ" พีอาร์บอก
อาโปแทบจะกรี๊ดดด
"คนที่โทรมาถาม เค้าบอกอีกนะคะว่าพี่อันยาเป็นเลขาให้ผู้บริหารคนนึงของที่นั่น"
"ใคร เลขาของใคร ?” อาโปถาม
"ยังจะต้องถามอีกงั้นเหรอ" เมรีแค้นมาก "ยัยอันยา ที่แท้ก็ไปเป็นเลขาให้ด็อกเตอร์แสน นี่....เราโดนมันต้มมาตลอดเลยเหรอเนี่ย แสบจริงๆ"

เมรีเจ็บใจมากแล้วในที่สุดความแตกดังโพละซะแล้ว

คิมหันต์ซึ่งหมดหน้าที่ผู้ช่วยในการเดทของอันยาแล้วได้รับโทรศัพท์จากอันยา

"เจ๊ชวนด็อกเตอร์ขึ้นห้อง"
อันยาไม่ค่อยชอบใจกับการใช้คำของคิมหันต์
"ชวนเข้ามาในห้องเฉยๆ ใช้คำให้มันถูกหน่อย แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ถ้าเรารอต่อไป มันจะมีโอกาสอีกรึเปล่า ?”
คิมหันต์เวิ่นเว้อแทน
"โหเจ๊ ในที่สุด ความโสดที่เฝ้าเก็บงำ มาเป็นสิบๆปี"
อันยาทำหน้าตาไม่อยากเชื่อ
คิมหันต์พูดจากมือถือ "ยี่สิบ.. สามสิบปี"อันยาทำหน้าเมื่อย "เพราะเอาแต่บ้างาน เอาแต่แข่งกับเพื่อนร่วมงาน ในที่สุดมันก็จะถึงจุดสิ้นสุดกันวันนี้"
อันยาอยากอัดคิมหันต์มาก "มากไปแล้วย่ะ ! แล้วฉันไม่ได้จะมาพรากความโสดอะไรอย่างที่แกว่า ฉันแค่ต้องการให้ด็อกเตอร์เค้าขอเป็นแฟน แค่นั้น ไม่ติดเรท"
"เฮ้อ" คิมหันต์ไม่ได้ฟังเลย "ถ้าเจ๊ เป็นกระต่ายน้อยวัยขบเผาะผมคงเป็นห่วงนะ แต่ ปูนนี้แล้ว เอนจอยให้เต็มที่นะเจ๊ ช่องทางเปิดแล้วทั้งที !”
อันยาพูดจากมือถือ "ไอ้ ไอ้บ้า ไอ้คิมหันต์ ถ้าพูดอะไรเข้าหูไม่เป็น ไม่ต้องพูดก็ได้"
อันยาวางสายจากคิมหันต์แล้วก็ทำหน้ามุ่ยเพราะอารมณ์เสียเบาๆ แล้วเธอก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นครุ่นคิดว่าต้องจัดการให้ได้

อันยาเดินออกมาจากห้อง แสนที่นั่งรออยู่ลุกขึ้นแล้วเดินมาหา
"ไหนล่ะครับ หลอดไฟที่บอกว่าจะให้ผมช่วยเปลี่ยนให้" แสนถาม
"ขอโทษจริงๆนะคะ ที่ช่างไม่ว่างเอาตอนนี้ เลยต้องรบกวนคุณ"
"เรื่องแค่นี้เองอันยา คุณจะขอให้ผมช่วยมากกว่านี้ก็ยังได้"
อันยาฟังแสนที่พูดอย่างจริงใจตรงไปตรงมาด้วยความปลาบปลื้ม แล้วเธอก็เดินนำแสนไปที่มุมหนึ่งก่อนจะชี้ให้ดูไฟบนเพดาน
"ดวงนี้ค่ะ"
แสนมองแล้วเดินไปที่สวิทซ์เพื่อจะลองเปิดดู
อันยาถลาเอามือตัวเองไปบังสวิทซ์ไว้ทันควัน "ยะ อย่าเปิดค่ะ" แสนนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ "คือมันติดๆดับๆ" อันยาคิดหาข้ออ้าง "เหมือนไฟในหนังสยองขวัญน่ะค่ะ" อันยาทำท่าขนลุกขนพอง "ฉันไม่ชอบมอง ไม่ต้องเปิดดูหรอกค่ะ เสียแน่ๆ เปลี่ยนเลยค่ะ"
"โอเค" แสนขำอันยา "คุณนี่ กลัวอะไรแปลกๆนะ"
อันยายิ้มแหยๆ แม้ไม่เถียงแต่ในใจคิด
"ใช่สิ ก็ฉันกลัวคุณรู้นี่ ว่าไฟมันไม่ได้เสีย"
อันยาโกหกรอดไปหนึ่งเปราะก็แอบโล่งใจ
"แล้ว..หลอดไฟอันใหม่ล่ะครับ" แสงถาม อันยายังทำหน้างงอยู่ "ก็จะเปลี่ยนหลอดก็ต้องมีหลอดสำรองใช่มั้ย?”
อันยาอ้ำอึ้งไป 2 วินาที "อ๋อ ใช่ค่ะ มี ! มีแน่ๆค่ะ
อันยารีบรับคำแล้วเดินออกไป ทั้งที่จริงแล้วไม่มีหลอดไฟ เธอแอบหันหน้าไปคิดว่าจะเอาไงดี แสนมองอันยาแล้วรู้สึกแปลกๆ

เมขลาเดินผ่านหน้าโต๊ะทำงานอันยาก็คิด เธอเดินไปหยิบซองเอกสารขึ้นมาดูก็เห็นว่ายังอยู่ดี เพียงดาวและเอกชัยเดินผ่านมาเห็นก็รีบบอก
"ไม่สึก ไม่หรอ ไม่มีอะไรเสียหาย ใช่มั้ยครับ น้องเม" เอกชัยถาม
"ขอโทษนะคะ เมก็แค่..อยากเช็คดู" เขลาบอก
"ทีนี้คงรู้แล้วนะ ว่าพวกเราไม่ได้มีปัญหา คนอื่นต่างหาก" เพียงดาวเหลือบไปทางโต๊ะทำงานของอันยา "ที่แอบทำอะไรลับหลัง"
เอกชัยฟังเพียงดาวจ๋อยๆ และไม่กล้าเถียงอีก เมขลายังไม่ปักใจ เธอนิ่งคิด เพียงดาวมีสีหน้าปลงกับอันยามากๆ เพราะเชื่อไปแล้วว่าอันยากำลังหางานใหม่ทำ

อันยาบอกกับแสนแบบพยายามให้เนียนที่สุด
"แม่บ้านกำลังออกไปซื้อให้อยู่ค่ะ เดี๋ยวก็คงได้ คุณไม่ได้รีบไปไหนใช่มั้ยคะ"
"อ๋อ ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ผมรอได้"
อันยาแอบโล่งอกที่แก้ปัญหาได้ไม่ยาก แล้วเธอก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาส่งให้แสน
"ล้างหน้าล้างตาซะหน่อยสิคะ ห้องน้ำอยู่ทางนั้นค่ะ"
แสนยังไม่รับผ้า "ไม่เป็นไร ผมก็..ไม่ได้ร้อนอะไร"
"แต่ไปล้างหน้าให้สดชื่น แล้วนั่งรอเย็นๆ มันสบายกว่านะคะ" อันยาเห็นแสนยังเฉยอยู่จึงจูงใจเพิ่ม "เอ่อ ห้องน้ำฉัน วิวสวยนะคะ"
แสนยิ่งอึ้งไปกว่าเดิม
อันยาเห็นว่าไม่ได้ผลก็บังคับเลย "คุณเชื่อฉันเถอะค่ะ" อันยาเอาผ้ายัดใส่มือแสนเลย "คุณย่าฉันสอนมาว่าเราต้องดูแลแขกให้สบายที่สุด"
อันยาหันไปทางรูปถ่ายของย่ากับตัวเอง โดยคุณย่ามีท่าทางกุ๊กกิ๊กกว่าย่าทั่วๆไป โพสท์ท่าไม่ได้ด้อยไปกว่าหลานเลย แสนมองรูปย่ากับอันยาขำๆ
"โอเค เพื่อไม่ให้ย่าคุณไม่สบายใจ" แสนรับผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไป
อันยาแทบจะหมดแรง เธอหันขวับไปทันทีเพราะมีเรื่องต้องทำอีกมาก

อันยาวิ่งพล่านเตรียมเซ็ทสถานการณ์ เธอเปิดตู้เย็นเพื่อมองหาเครื่องดื่ม อันยาหอบออกมาแล้วหมุนตัวกลับไปหยิบผลไม้ ขนมอะไรออกมาอีก ขวดน้ำจะร่วงหล่น อันยาย่อตัวลงรับไว้แล้วรีบลุกขึ้น เปิดขวดน้ำ จัดนู่นเตรียมนี่อย่างวุ่นวายไปหมด

แสนล้างหน้าล้างตาแล้ว เขาเอาผ้าขนหนูมาซับแล้วก็ชะงักเพราะรู้สึกถึงกลิ่นหอมที่แตะจมูก แสนสูดกลิ่นผ้าขนหนูแล้วอมยิ้ม แสนวางผ้าลงกำลังจะออกไป เขาหันมามองกระจกอีกแล้วยกมือขึ้นเสยผม แล้วก็รู้สึกแปลกใจว่าตัวเองเสยผมทำไม

แสนเดินออกมาจากห้องน้ำผ่านจุดที่อันยาจะให้เปลี่ยนหลอดไฟ เขากำลังจะเดินผ่านไป แต่แล้วแสนก็เหลียวมองสวิทซ์ไฟอย่างติดใจสงสัย

สวิทซ์ไฟอีกดวงถูกดับลง ภายในห้องรับแขกเปลี่ยนไปจากเดิมมากมาย ม่านถูกรูดลง ไฟหรี่ลง เพลงแจ๊สหวานๆ กังวานออกมาจากเครื่องเล่น กระถางดอกไม้สดผูกโบว์เก๋ๆ เพิ่งถูกนำมาตั้งทำให้ห้องดูโรแมนติคขึ้นมาก

แสนเดินออกมาเห็นก็ตะลึงเบาๆ อันยาสบัดเรือนผมทำสวย เธอรินไวน์ส่งให้แสน
"ดื่มอะไรเย็นๆก่อนสิคะ"
"เอ่อ ขอบคุณครับ แต่ ขอน้ำเปล่าดีกว่า" แสนรินน้ำเปล่าดื่มเอง
อันยาชะงักไปแล้วบ่นกับตัวเอง
"แล้วจะทำให้เคลิ้มได้ยังไงล่ะ"
อันยาหันมาปรากฎว่าแสนกำลังมองดอกไม้ในกระถางด้วยสีหน้าครุ่นคิด
อันยาเนียนหวานต่อ "คนรักธรรมชาติอย่างคุณ น่าจะชอบดอกไม้ ใช่มั้ยคะ ?”
"นี่ใกล้ค่ำแล้ว เดี๋ยวต้นไม้จะคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ไม้กระถางไซส์ขนาดนี้ไม่ควรจะเอาไว้ในห้อง มันจะแย่งอากาศกับคุณนะ"
ว่าแล้วแสนก็ถือกระถางต้นไม้ออกไปวางไว้ที่ระเบียง อันยาเหวอๆ พอแสนกลับเข้ามายังเปิดม่าน แล้วเพิ่มไฟให้สว่างขึ้นด้วย
"ผมว่าเราอยู่กันสองคน มืดๆมันไม่ค่อยดี"
อันยามองแสนอึ้งๆ
อันยคิดในใจ “What !!!! นี่ไม่ถูกใจสักอย่าง ?”
แสนเห็นอันยาอึ้งไปก่อนจะหันไปรินไวน์กระดกเอาๆ เพื่อแก้กลุ้ม
"อันยา ดื่มเยอะขนาดนั้น ไม่ดีหรอกนะ" แสนเตือน
อันยาไม่หยุด "ช่างฉันเถอะค่ะ" อันยาคิดในใจ "เรามันไม่มีสเน่ห์จริงๆใช่มั้ย ?”
"ถ้าคุณอยากสดชื่น เอานี่ดีกว่า" แสนหยิบผลไม้ส่งให้อันยาแทน
อันยามองแสนอย่างไม่อยากเชื่อฟังแล้ว แต่แสนพูดขอดีๆ
"นะคุณ เชื่อผม" แสนยื่นผลไม้ไปใกล้ริมฝีปากอันยาคล้ายกับจะป้อน
อันยาเลยยอมกัดเข้าไปคำนึง
แสนดีใจจึงเผลอลูบหัวอันยาอย่างเอ็นดู "เก่งมาก เด็กดี ต้องแบบนี้สิ"
อันยาอึ้งกับความอ่อนโยนที่แสนแสดงออกมาแล้วก็เผลอยิ้มตาม แสนเห็นรอยยิ้มอันยาก็ชักเขินๆ ทำตัวไม่ถูก แล้วเขาก็ผละไปที่สเตอริโอ
"ฟังเพลงแบบนี้แล้ว มันยิ่งเหงาๆนะ" แสนมองไปที่ชั้นซีดีก่อนจะหยิบแผ่นใหม่มาใส่เข้าไป "ถ้าอารมณ์ไม่ดีอยู่ ฟังอะไรที่มันคึกคักหน่อยดีกว่า"
เสียงเพลง LOVE ของวงคูณสามซุปเปอร์แก็งค์ดังออกมา
"คุณ.. คุณรู้ได้ว่านั่นเป็นแผ่นโปรดของฉัน" อันยาว่า
"อ้าวเหรอ ผมไม่รู้หรอก" แสนบอก
"ทุกที เวลาที่ฉันอารมณ์ไม่ดี ฉันก็เปิดแผ่นนี้แหละ นี่ แล้วฟังเฉยๆไม่ได้นะ มันต้องมีท่าประกอบด้วย" อันยาร้องตามและทำท่าประกอบเพลง
อันยาเห็นแสนขำ
"ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ตัวเองทำไม่ได้ล่ะสิ"
"ทำไมจะทำไม่ได้ ผมก็แค่..ไม่อยากทำ" แสนบอก
"ไม่อยากทำ หรือว่าไม่กล้า"
"ทำไมจะไม่กล้า" แสนนึกสนุกจึงเต้นตามอันยา "ก็แค่นี้เอง"
อันยาขำกิ๊ก เมื่อเห็นแสนในมุมแบบนี้ ทั้งสองหัวเราะและแดนซ์ด้วยกันโดยไม่นึกเลยว่าจะสนุกขนาดนี้ อันยาแดนซ์มันส์จนเซจะล้ม แสนรีบเข้าไปประคองไว้
อันยาหัวเราะและยังคึกคักอยู่ "ขอบคุณค่ะ" ตอนที่อันยาจะคลายตัวออกจากวงแขนของแสน เธอเพิ่งเห็นว่าใกล้กันขนาดไหน และแสนที่จ้องมองอยู่กลับหลบตา
อันยาชะงักและรู้ว่าจังหวะที่ต้องการมาถึงแล้ว เธอขยับตัวเข้าไปใกล้
"คุณแสน" อันยาแตะแขนของแสนเบาๆ "ที่คุณชม..ว่าฉันเป็นเลขาที่ดีที่สุดของคุณ...คุณหมายถึง
แค่เรื่องงาน เท่านั้นเหรอคะ"
แสนอึ้งไปกับคำถามของอันยา เขาหันมาสบตา อันยาขยับเข้ามาใกล้แสนมากยิ่งขึ้น โดยไม่รู้ตัวสายตาที่ดึงดูดนั้นทำให้แสนโน้มใบหน้าลงไปใกล้จนอันยาถึงกับต้องหลับตาลงด้วยใจอันระทึก
แสนถอยออก "ขอโทษ ผมว่า วันนี้ผมกลับก่อน..ดีกว่า"
แสนผละไปจากตรงนั้นซะเฉยๆ อันยาลืมตาขึ้นแล้วก็อึ้ง

แสนผลุนผลันกำลังจะออกไปจากห้อง แล้วอันยาก็วิ่งตามมา
"คุณแสน...ฉัน..ฉันทำอะไรผิดเหรอคะ"
อันยามองสีหน้าที่ลำบากใจของแสนแล้วผงะ เธอรู้สึกอายมาก
"ช่างมันเถอะค่ะ คุณกลับเถอะ เดี๋ยวไฟ ค่อยให้ช่างมาเปลี่ยน" อันยาจะเดินเข้าไป
"ไฟคุณไม่ได้เสีย" แสนพูด อันยาชะงักแล้วหันกลับมา "ผม.. ลองเทสต์ดู..แล้ว"
อันยายิ่งอายและเสียหน้ากว่าเดิม
"ฉัน...ช่วงนี้ฉันคงเครียดไปหน่อย...ก็เลยทำอะไรบ้าๆ คุณอย่าถือฉันเลยนะคะ" อันยากลัวมาก "อย่าเกลียด...ฉันเลยนะ" อันยาอยากร้องไห้ "ฉันขอโทษ"
อันยาหันขวับจะกลับเข้าไป เธออายจนมองหน้าแสนไม่ได้อีกแล้ว แสนเห็นท่าทางอันยาแล้วก็ใจหล่นวูบ เขาเข้าไปจับมือเธอเอาไว้ อันยาหันมามองแสน
"คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ผมแค่..." แสนสบตาอันยาแล้วพูดออกมาอย่างอ่อนโยนและหวังดีจริงๆ "เพราะว่าเป็นคุณ" แสนลูบผมอันยาอย่างอ่อนโยน "คุณมีค่ามากกว่าที่จะให้ใครมาทำเล่นๆด้วย"
แสนเลื่อนมือมากุมมือทั้งสองของอันยาไว้อย่างปลอบใจ ก่อนจะหันหลังออกจากห้องไป อันยายังยืนนิ่งอยู่ตรงจุดเดิม ขาก้าวขยับไปไหนไม่ได้ ร่างกายยังจำสัมผัสที่อบอุ่นของแสน สองหูก็ยังก้องไปด้วยคำพูดของเขา
"เพราะว่าเป็นคุณ คุณมีค่ามากกว่าที่จะให้ใครมาทำเล่นๆด้วย"
สายตาอันยาเหมือนกับหลุดลอยจากจุดที่ตัวเองอยู่ไปไกลแสนไกล

ธกฤตทำสีหน้าประหลาดใจ
"ท่านอยากพบอันยา"
"ก็คุณบอกว่า คุณอันยากำลังดำเนินแผนเพื่อเกลี้ยกล่อมด็อกเตอร์แสน ก้าวหน้าไปได้ดี ผมเลยอยากฟังด้วยตัวเองว่าแผนที่ว่ามันคืออะไร แล้วมันจะได้ผลจริงๆรึเปล่า"
"แหม ท่านครับ ท่านพูดเหมือนกับว่า.. ไม่เชื่อฝีมือเรา"
"ถ้าคุณมั่นใจคนของคุณจริง ก็ไม่น่ามีปัญหา ที่จะให้เค้ามาพบผมนี่ จริงมั้ย" เหนือเทพว่า
ธกฤตที่เคี้ยวอาหารอยู่รู้สึกเหมือนอาหารฝืดคอชอบกล เขาดื่มน้ำตามลงไป
"ท่านพูดถูก ผมจะรีบนัดอันยาให้ท่าน"
"ผมต้องการพบคุณอันยา พรุ่งนี้"
ธฤกตชะงักเพราะไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้และเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจเอาซะเลย

เมรีบ่นอาโปที่ต้วมเตี้ยมขึ้นรถมา
"โอ้เอ้อยู่นั่นล่ะ บริษัทบ้านั่นอยู่ตั้งไกลนะ"
"แหม เพราะไกลไงคะ อาโปถึงต้องเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เติมพลังก่อนสู้ศึกหนักค่ะ" อาโปว่า
"ไม่ต้องชาร์จพลังไป ยัยอันยาก็แพ้เราราบคาบอยู่แล้ว คราวนี้แหละ" เมรีหยิบมือถือขึ้นมา "ฉันจะถ่ายคลิป เอาหลักฐานไปประจานบอส ว่านางยังไม่เลิกสับรางรับจ็อบ"
เมรีโชว์มือถืออยู่ดีๆ ก็มีสายเข้า
อาโปมองจากหน้าจอ "น้องมิ้ว พีอาร์โทรมาค่ะ"
เมรีแปลกใจแต่ก็กดรับ "ฮัลโหล พอดีพี่กำลังยุ่งน่ะค่ะ ต้องรีบไปแฉโพยคนบางคน"
อาโปสีหน้ากระหยิ่มกับในสิ่งที่จะไปทำ
"อะไรนะ อันยาจะเข้าไปที่ออฟฟิศเรางั้นเหรอ?”

เมรีกับอาโปมองหน้ากัน มือที่เตรียมจะใส่เกียร์ปล่อยลงทันใด

คิมหันต์กดกริ่งประตูห้องอันยาด้วยความหงุดหงิดเบาๆ พอกำลังจะกดอีกรอบประตูก็เปิดออก

"โห เจ๊ กดกริ่งตั้งนาน นอนเพิ่งตื่นเหรอ"
อันยายังอยู่ในสภาพมึนๆ เหมือนหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องอะไรค้างคาอยู่
"เจ๊ก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าบอสเรียกประชุมด่วน บอกว่าสำคัญมากด้วย ทำไมยังไม่เตรียมตัวอีก"
อันยาอึกอักเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ
"ไม่ปกตินะเนี่ย ปกติพอบอกว่าเรื่องงาน เคยช้าซะที่ไหน" คิมหันต์นึกได้ "หรือว่าเมื่อวานนี้กับด็อกเตอร์แสน มีปัญหาอะไร?”
อันยาชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อแสน
"ตกลงเมื่อวานเป็นไง สำเร็จมั้ย ?”
"เรื่องนั้น แกอย่าเพิ่งถามเลย" อันยาได้สติ "ใช่ ! ฉันต้องไปประชุม ต้องไปเจอบอส"
"เออ ! ต้องงี้สิเจ๊" คิมหันต์ค่อยโล่งอกที่เห็นสติของอันยากลับมา
"ฉัน.. ฉันมีเรื่องสำคัญต้องบอกบอส"
คิมหันต์ลุ้น "แผนเจ๊ สำเร็จใช่มั้ย?”
"แต่ก่อนบอกบอส ฉันต้องบอกแกก่อน"
"มือระดับเจ๊ ไม่พลาดหรอกใช่ม๊า ?”
"ฉัน..." อันยาฮึดแล้วพูดออกไป "ฉันอยากเลิกแผนทั้งหมด"
คิมหันต์นึกว่าหูฝาดและไม่อยากจะเชื่อ


เมรีกับอาโปรีบเร่งเดินมาตามทางเดินของตึกออฟฟิศไรท์เพอร์เซิ่ล
"มาถึงนี่เองก็ดี จะแฉต่อหน้าบอสนี่แหละ" เมรีว่า
อาโปชะเง้อมองหา "ทำไมมันยังไม่มาอีกคะเนี่ย"
เมรีมองอันยาอย่างขัดใจแล้วก็เห็นว่าอีกด้านหนึ่ง ธกฤตกำลังเดินมา
"บอสนี่ คุยกับบอสก่อนดีมั้ยคะ" อาโปถาม
ยังไม่ทันที่เมรีจะเดินไปหาธกฤต เธอก็เห็นว่าธกฤตเดินนำใครบางคนมาซึ่งก็คือเหนือเทพ เมรีกับอาโปชะงักเพราะรู้สึกได้ว่าคนที่ธกฤตพามาเป็นคนสำคัญทั้งสองต่างมองกันอย่างสนใจ
"คุณอันยา มาแล้วใช่มั้ย" เหนือเทพถาม
เมรีกับอาโปได้ยินเหนือเทพถามถึงอันยาก็ชะงักกันไปด้วยความประหลาดใจ ธกฤตซึ่งรู้ว่าอันยายังมาไม่ถึงก็หน้าเสียก่อนจะพูดเลี่ยงๆ
"ขอเชิญท่าน ที่ห้องทำงานของผมก่อนนะครับ"
ธกฤตเดินนำเหนือเทพเข้าไปในห้องทำงาน เลขาของธกฤตกำลังจะตามเข้าไปดูแล แต่อาโปรั้งตัวเลขาของธกฤตไว้
"น้องคะ คนที่มาพบบอสนี่ใครเหรอคะ ดู..ไม่ธรรมดาเลย" อาโปถาม
"แล้ว ยัยอันยา เกี่ยวกับนัดครั้งนี้ได้ยังไง" เมรีสงสัย
เลขาของธกฤตชะงักไปว่าจะเอายังไงดี

อาโปโชว์ซองกิฟวอยเชอร์หรูหราขึ้นมาแล้วพูด
"ได้ยินว่าคุณน้อง หาโรงแรมพักผ่อนชิลล์ชิลล์ที่บาหลีอยู่"
เมรีพูดต่อ "พอดีว่าพอยท์พี่เหลือ แลกรีวอร์ดตั๋วเครื่องบินไปกลับพร้อมที่พักระดับห้าดาวที่นั่นมาได้พี่เองก็..ยังไม่มีเวลาไป"
"ถ้าหากว่า คุณน้องยอมช่วยเหลือกันเล็กๆน้อยๆ" อาโปบอก
อาโปขยับกิฟวอยเชอร์หลอกล่อ เลขาของธกฤตครุ่นคิดหนักเลยทีเดียว

ธกฤตต้อนรับขับสู้เหนือเทพ เลขาเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้ามาพร้อมกับถาดใส่กาแฟ เลขานำกาแฟเข้ามาเสิร์ฟ แต่พอเสิร์ฟเสร็จแล้วก็ยังไม่รีบออกไป เธอทำทีดูแลจัดการในห้อง ทั้งหยิบแฟ้มบ้าง จัดโน่นนี่บ้าง ขณะที่ธกฤตคุยกับเหนือเทพ เลขาก็แอบฟังไปด้วย
ประตูห้องทำงานธกฤตแง้มอยู่ อาโปกับเมรีก็มาแอบฟังอยู่ พอมีคนเดินผ่าน ทั้งสองก็ทำเป็นเล่นโทรศัพท์เนียนๆ แล้วก็รีบยื่นหูไปแอบฟังต่อ

แสนที่เพิ่งมาถึงออฟฟิศได้ฟังข่าวก็ประหลาดใจ
"อันยาขอลากิจ?” แสนทวนคำ
"ค่ะ ฝ่ายบุคคลเพิ่งแจ้งมา นี่อันโกะไม่ได้แจ้งด็อกเตอร์ไว้เหรอคะ" เมขลาถาม
แสนส่ายหน้าอย่างไม่สบายใจ เขาพึมพำกับตัวเอง
"เพราะเรื่องเมื่อวานนี้รึเปล่า"
แสนนึกถึงตอนที่อันยาทำท่าทางกลัวมาก "อย่าเกลียด...ฉันเลยนะ" แสนอยากร้องไห้ "ฉันขอโทษ" อันยาหันขวับจะกลับเข้าไป อายจนมองหน้าแสนไม่ได้อีกแล้ว

แสนคิดไม่สบายใจเรื่องอันยาขึ้นมา แต่เพียงดาวที่อยู่บริเวณนั้นคิดไปอีกเรื่องอย่างอดไม่ได้จริงๆ
"นี่เค้า คงกะจะบอกพวกเราตอนที่ได้งานใหม่ชัวร์ๆก่อนมั๊งคะ ตามสเต็ปมันก็ต้องแบบนี้แหละนะ" เพียงดาวบอก
แสนนิ่วหน้าด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เอกชัยเศร้า ส่วนเมขลาทำสีหน้าเจื่อนๆ
"ได้งานใหม่ หมายถึงอันยาน่ะเหรอ"
"จริงๆ มันก็ยังไม่สมควรพูด แต่เพียงหวังดีนะคะ เห็นด็อกเตอร์กว่าจะหาเลขาได้แต่ละคนย๊ากส์ยาก บอกไว้ก่อน จะได้เตรียมหาคนไว้แต่เนิ่นๆน่ะค่ะ"
"เตรียมหาคน" แสนไม่อยากเชื่อ "อันยาเค้าบอกพวกคุณว่าจะลาออกอย่างนั้นเหรอ"
เอกชัยยิ่งฟังก็ยิ่งเศร้า เมขลาพูดไม่ออก ขณะที่เพียงดาวทำสีหน้าแบบคนรู้ดี

อันยาเดินคู่มาคิมหันต์ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
"คิมบอมบ์...แก โกรธฉันรึเปล่า ที่ฉันตัดสินใจแบบนี้"
"โกรธสิเจ๊" คิมหันต์บอก อันยาชะงัก "ที่เจ๊คิดช้า! น่าจะรู้ตัวเองตั้งแต่แรก เล่นเอาเหนื่อยเลย ลงทุนลงแรง ลุ้นไส้จะบิดไปตั้งหลายยกแล้ว"
อันยาจ๋อยๆ เพราะเกรงใจลูกน้อง
"แต่.. ช่างมันเหอะ ผมเองก็ไม่ค่อยสบายใจตั้งแต่ตอนเจ๊รับจ็อบนี้แล้วล่ะ มันไม่เหมือนที่เราเคยทำๆมา เลิกๆไปซะก็ดี แต่บอส จะว่ายังไงเนี่ยสิ"
"ฉันคิดไว้แล้ว จะขอทำเคสชดใช้ให้เท่ากับ หรือมากกว่าเปอร์เซนต์ที่จะได้ จากค่าตัวด็อกเตอร์ ถ้าบริษัทไม่เสียผลประโยชน์ บอสก็น่าจะยอม แต่ว่า..เราคงต้องเหนื่อยกันหน่อย"
"ว่าไง ว่าตามกัน" แต่สีหน้าไม่ค่อยแน่ใจ นึกขึ้นมาแล้วสงสัย "แต่ถามจริงๆเถอะ ว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น แทนที่จะจูงใจด็อกเตอร์ให้ออกจากงาน ตัวเองกลับมาขอออกจากโปรเจ็คท์ซะเอง"
อันยามองหน้าคิมหันต์และกำลังจะตอบ ทันใดนั้น ธกฤตที่เดินออกมาพอดีก็เห็นอันยาเข้า เขารีบรี่เข้ามาหา
"อันยา ทำไมถึงมาช้าขนาดนี้" ธกฤตถาม
"บอส ขอโทษนะคะ อันก็มีเรื่องสำคัญอยากจะบอกบอสเหมือนกัน เข้าไปคุยกันข้างในดีมั้ยคะ"
ยังไม่ทันที่อันยาจะได้พูดอะไรมากกว่านี้
เสียงเหนือเทพดังขึ้น "คนนี้เองเหรอ มือหนึ่งของไรท์เพอร์เซิ่ล"

อันยากับคิมหันต์ชะงักไปเพราะไม่นึกมาก่อนว่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วย

อ่านต่อหน้า 4

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 5 (ต่อ)

เหนือเทพซึ่งเดินตามหลังธกฤตรีบเดินมาดูตัวอันยา ธกฤตรีบแนะนำ

"นี่ท่านประธานกรรมการบริษัทวิชชั่นออฟฟิวเจอร์ ท่านเหนือเทพ เกียรติ์ธนากร ท่านเป็นลูกค้าของเธอไงล่ะ"
อันยาอึ้งจนพูดไม่ออก เธอมองหน้าคิมหันต์เพราะไม่นึกว่าจะได้เจอกับเหนือเทพในเวลานี้ เมรีกับอาโปเดินออกมา เมรีพยายามข่มความแค้นใจเอาไว้จนแทบจะไม่ไหว
อันยายกมือไหว้เหนือเทพ "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบท่านค่ะ"
"ต้องขอโทษท่านด้วยนะครับ" ธกฤตพูดกับอันยา "นี่ท่านรอจนกำลังจะกลับอยู่แล้วนะ" ธกฤตคาดคั้นอยู่ในที "คงจะมีข่าวดีให้ท่านใช่มั้ย"
อันยามองหน้าคิมหันต์แล้วคิดในใจว่ายากแล้วที่จะบอกไปว่าจะเลิก
เมรีโพล่งออกมา "ต้องขอโทษที่ดิฉันมาขัดจังหวะนะคะ แต่ดิฉันว่าการที่ทุกคนได้ทราบความจริงมันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทมากกว่า"
เหนือเทพกับธกฤตประหลาดใจที่เมรีสอดเข้ามาแบบนี้
เมรีพูดกับเหนือเทพ "ดิฉันชื่อเมรีค่ะ ทำตำแหน่งเดียวกับคุณอันยา" เมรีปรายตามองอันยา "ที่อุตส่าห์ได้รับความไว้วางใจสูดสุด แต่กลับเอาเวลางานไปเที่ยวเล่น"
อันยากับคิมหันต์มองเมรีอย่างประหลาดใจว่าจะมาไม้ไหน
"ฉันบังเอิญไปเห็น ว่าอันยาใช้เวลาที่ควรจะทำงาน แต่งตัวสวยนัดแคนดิเดทไปนั่งเล่นอยู่ที่ร้านหรู คงจะเพลินไปกับชื่อเสียง และหน้าตาของด็อกเตอร์แสน ซะจนลืมหน้าที่ของตัวเอง" เมรีว่า
อันยามองเมรีที่มาฉกกัดกันในจังหวะที่เธออ่อนไหวที่สุดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เมรีพูดกับอันยา "คงไม่โกรธฉันหรอกนะ ที่ต้องมาพูดความจริง เพราะเวลาแต่ละนาทีของบริษัทเราไม่ใช่จะเสียไปฟรีๆ ฉันพูดเพราะอยากเตือนสติ ให้เธอทำงานให้สมกับที่บอส และท่านอุตส่าห์ไว้ใจ"
ธกฤตหน้าเสียเพราะไม่พอใจทั้งอันยาและเมรีจนจุกแทบจะพูดไม่ออก เขาต้องหันไปเล่นงานเมรี
"เมรี เอาความหวังดีของเธอเก็บไปก่อนเถอะนะ อันยาเธอไม่ได้ทำให้ฉัน และท่านผิดหวังหรอกใช่มั้ย"
อันยาเห็นสายตาที่คาดหวังของธกฤต สายตาอาฆาตของเมรี และท่าทางมีอำนาจของเหนือเทพที่กดธกฤตอยู่
"บอกท่านซิ ว่าแผนของเธอก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว" ธกฤตว่า
อาโปสอดขึ้น "มัวแต่ไปเดทกับผู้ชาย คงจะมีความก้าวหน้าอะไรหรอกค่ะ"
ธกฤตหันไปส่งสายตาพิฆาตให้อาโปเงียบ อาโปยอมหุบปากแต่สายตายังไม่ยอมรับผิด
"ค่ะ ฉันไปเดทกับด็อกเตอร์จริง" อันยายอมรับ
"นั่นไง เห็นมั้ยคะ ว่าฉันไม่ได้จ้องจับผิดใคร แต่อันยาทำจริงๆ" เมรีว่า
"แต่ว่านั่นมันเป็นแผน" อันยาบอก ทุกคนชะงักไป "ฉันคิดว่าคนอย่างด็อกเตอร์ ใช้ไม้แข็งหรือวิธีตรงๆ คงไม่ได้ผล ฉันจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว โน้มน้าวให้ด็อกเตอร์อยากเปลี่ยนงานค่ะ"
"ยังไงเหรอ" เหนือเทพถาม
"ถ้าจะโน้มน้าวด็อกเตอร์แสนได้ ก็ต้องเป็นมากกว่าเลขาของเค้าค่ะ" อันยาบอก
"นี่เธอบอกว่า ตัวเองจะข้ามขั้นไปเป็นแฟนเค้าเหรอไง อย่างเธอน่ะนะ" เมรีว่า
อันยาฮึดจึงบอกไป "ฉันกับด็อกเตอร์แสน เรากำลังเริ่มคบหากัน"
ทุกคนชะงักไปอีกรอบ โดยเฉพาะคิมหันต์ที่เหวอมากๆ
"แต่ว่า เราจะเพิ่งเริ่มต้น ก็เลย..ยังไม่ได้บอกใครเท่าไหร่" อันยาบอก
เมรีไม่เชื่อ "ไม่จริง เธอโกหก!”
"เมรี อย่าเสียมารยาทสิ" ธกฤตเข้าไปบีบไหล่อันยา "ใช้วิธีเลื่อนสถานะตัวเองให้เป็นคนพิเศษของเค้าเพื่อจูงใจให้เค้าคล้อยตามเรา ไม่เลวเลย" ธกฤตพูดกับเหนือเทพ "ผู้ชายส่วนใหญ่ก็แพ้ทางแบบนี้ทั้งนั้นนะครับ"
ธกฤตมองเหนือเทพที่ยังนิ่งอย่างลุ้นๆ ว่าเหนือเทพจะว่ายังไง
“...ผมไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ฟังแผนการแบบนี้" เหนือเทพบอก ธกฤตกับอันยาหวาดๆ "ไม่เคยมีใครทุ่มเทกับงานนี้เท่าคุณมาก่อน ผมจะให้โอกาสคุณ"
ธกฤตฟังแล้วโล่งอกมากๆ เมรีแทบช็อค เธอรู้สึกเหมือนใครเอามีดมากรีดตรงหัวใจซ้ำๆ ในขณะที่อันยารู้สึกเหมือนวิญญาณจะหลุดจากร่าง

แสนตำหนิเพียงดาวและเอกชัย
"ถึงพวกคุณจะเป็นห่วงอันยาเค้าแค่ไหน ก็ไม่ควรจะพูดกันไปเอง หรือไปยุ่งกับการตัดสินใจในเรื่องส่วนตัวของเค้านะครับ" แสนบอก
เพียงดาวกับเอกชัยจ๋อย
"เม ผมไม่นึกนะว่า คุณก็..เป็นไปด้วย" แสนว่า
"น้องเมไม่ผิดหรอกครับ ห้ามพวกเราซะด้วยซ้ำ" เอกชัยบอก
"ขอโทษค่ะด็อกเตอร์ ก็นายเนี่ย" เพียงดาวโทษเอกชัย "โวยวายทำเป็นเรื่องใหญ่ เพียงก็เลยพลอย
ตื่นเต้นกับไปด้วย ปกติก็ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกค่ะ"
เอกชัยสวน "เหรอ?”
เพียงดาวเขม่นสายตาใส่เอกชัยทำนองว่าทำไมยะ แสนมอง ทั้งสองก้มหน้าแล้วก็เลยพากันชักแถวจากไป
เมขลายังห่วงอยู่ "ด็อกเตอร์คะ แล้วด็อกเตอร์ไม่กังวลเลยเหรอคะ ที่มีเอกสารจากบริษัทจัดหางานมาถึงอันโกะ"
แสนนิ่งคิดไปก่อนจะตอบ "อันยาเค้าอาจจะมาจากที่อื่น และดูต่างจากทุกคนที่นี่ แต่ผมก็เห็นว่าเค้าตั้งใจทำงานไม่แพ้ใคร ถ้าเค้าจะไม่เป็นเลขาของผมต่อ แปลว่าเค้าต้องคิดดีแล้ว"
"นี่ถ้าอันโกะรู้ว่าดร.เชื่อในตัวเค้าขนาดนี้ ต้องไม่ลาออกแน่ๆค่ะ"
เมขลายิ้มกับสิ่งที่แสนพูดถึงอันยา แสนฟังเมขลาแล้วในใจก็แอบนึกถึงอันยาด้วยความเป็นห่วง

คิมหันต์คนกาแฟด้วยความข้องใจมากๆ
"ได้ยินว่ามีคนจากเพียงพอดีโทรมาถามเรื่องเจ๊ถึงที่ออฟฟิศ ไหนบอกว่าคนที่นั่นไม่มีใครสงสัยไง"
"ใครจะไปนึกล่ะ ว่าแค่มีเอกสารไรท์เพอร์เซิลอยู่ฉบับเดียว มันจะเป็นเรื่องได้เดี๋ยวก็ต้องไปเคลียร์อีก โอ๊ย" อันยาปวดขมับ
"จะว่าไป เจ๊ก็.." คิมหันต์ปลอบ "เก่งออกน๊ะ นี่ !" คิมหันต์แหย่ถาม "ตอนแรกที่คิดจะเลิก เพราะกะว่า...จะไปเป็นแฟนด็อกเตอร์แบบเต็มๆตัวแล้วใช่ป่ะ ชอบเค้าแล้ว ก็เลยจะเลยหลอกเค้าใช่ม๊า"
อันยาที่จิบกาแฟอยู่แทบสำลัก
"ฉัน...ยังไม่ได้คบกับด็อกเตอร์"
คิมหันต์แทบปัดส้อมจิ้มเค้กหล่น "ห๊ะ !! นี่ นี่เจ๊หลอกบอสกับคุณเหนือเทพเหรอ"
"ก็จะให้ทำยังไงเล่า ยัยเมรี เตรียมมีดมาแทงข้างหลังฉันซะขนาดนั้น"
"ก็จริง... แต่..ถ้าไม่ได้ปิ๊งกับด็อกเตอร์ แล้วทำไมตอนแรก เจ๊ถึงจะเลิก"
อันยาอึ้งไป

เมขลาเสิร์ฟกาแฟให้แสนแทน
"คอฟฟีเบรกค่ะ"
"ขอบคุณครับ" แสนบอก
เมขลาเดินออกไป ตอนที่เปิดประตูห้องออกกว้าง สายตาของแสนก็เหลือบไปมองที่โต๊ะทำงานของอันยาซึ่งไร้เงาเจ้าของโต๊ะ
แสนพยายามดึงตัวเองกลับมาทำงาน แต่สายตากลับเหลือบมองไปที่มือถือ แสนคิดแล้วหยิบมือถือขึ้นมา หน้าจอแสนเซิร์ซหาชื่อของอันยาแล้วเตรียมจะกดโทรออก
แสนครุ่นคิด แสนกำลังจะกดโทรอยู่แล้วแต่แล้วเขากลับวางมือถือลง

แสนถอนใจเพราะรู้สึกไม่แน่ใจที่จะโทร.ไปหาอันยาในตอนนี้

อันยาเลี่ยงจะไม่ตอบ

"เพราะอะไรก็ช่างมันเถอะ อย่าไปพูดถึงมันเลย"
"ก็อยากรู้" คิมหันต์บอก
อันยามองคิมหันต์ในทำนองเยอะไปแล้ว
คิมหันต์พูด "โหเจ๊ เราลุยโปรเจ็คท์นี้มาด้วยกัน จู่ๆเจ๊มีหวั่นไหว ลังเลจนจะเลิก แล้วสาเหตุอะไรก็ไม่ให้เพื่อนร่วมทีมรู้เลยเหรอ บอกหน่อยดิ"
อันยาอ้ำอึ้ง "ก็..”
อันยาย้อนนึกไปถึงสาเหตุที่สร้างความลังเลใจซึ่งเป็นตอนที่แสนพูดกับเธอว่า
"คุณเป็นอย่างที่เป็นมันก็ดีอยู่แล้ว"
อันยาอึ้งๆ และรู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่างที่ได้ยินเช่นนั้น
เธอนึกถึงตอนที่แสนพูด "เพราะว่าเป็นคุณ.." แสนลูบผมอันยาอย่างอ่อนโยน "คุณมีค่ามากกว่าที่จะให้ใครมาทำเล่นๆ ด้วย"
แสนเลื่อนมือมากุมมือทั้งสองของอันยาไว้อย่างปลอบใจ

อันยาสารภาพความในใจบางส่วนออกไป
"ฉัน...แค่รู้สึกว่า..ถ้าไม่ต้องหลอกคนๆนั้นอีก มันก็คงดี"
คิมหันต์อึ้งฟังสิ่งที่อันยาพูดซึ่งน้อยนิด แต่แววตาที่เธอแสดงออกดูมีอะไรมากกว่านั้น
อันยาตัดบท "แต่แกลืมมันไปเถอะ เราหันหลังกลับไม่ได้ ด็อกเตอร์เค้าก็แค่เปลี่ยนงานแต่ถ้าเราพลาด คงโดนเหยียบจมดิน! แล้วฉันก็ทำให้บอสผิดหวังไม่ได้"
คิมหันต์ฟังอันยาแล้วก็พูดไม่ออก เขาได้แต่ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง
"ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องหาวิธีให้ด็อกเตอร์แสนไปทำงานกับวิชชั่นออฟฟิวเจอร์ให้ได้"
อันยาต้องตัดความหวั่นไหวในใจทิ้งไปแล้วกลับมายืนหยัดในภารกิจของตัวเอง

ก็อกน้ำที่อ่างล้างหน้าถูกเปิดทิ้งเอาไว้ เมรีร้องไห้อย่างเจ็บปวดกับการถูกหักหลังและความพ่ายแพ้ที่ได้รับ เธอขยุ้มกระดาษทิชชูทิ้งเอาทิ้งเอาอย่างโกรธแค้น เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
เสียงอาโปดังตามมา "คุณแมรีคะ คุณแมรี เป็นอะไรรึเปล่าคะ"
เมรีสะอึกสะอื้น
"ไม่ต้องมายุ่ง จะไปไหนก็ไป !”
อาโปที่อยู่หน้าห้องน้ำรู้ว่าเจ้านายเจ็บสาหัส ถึงจะโดนไล่แต่ก็ยังสงสารเจ้านายอยู่ดี

เหตุการณ์ที่ผ่านมา ธกฤตตักเตือนเมรี
"คุณทำแบบนั้นมันไม่สมควร เราจะเสียเครดิตกับทางลูกค้านะ ดีนะที่อันยาทำให้ท่านประธานฯพอใจได้"
เมรียิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ เธอกำมือข่มความสะเทือนใจพร้อมทั้งปรายสายตาไปที่ธกฤตอย่างน้อยใจ
ธกฤตรู้ตัว "ผมรู้ ว่าคุณไม่พอใจ ที่ผม..ไม่ได้บอกเรื่องเคสด็อกเตอร์แสนกับคุณ แล้วไปให้โอกาสกับอันยา แต่คุณต้องเข้าใจนะ อันยาเค้าขู่ว่าจะลาออก"
"ก็ให้มัน เอ๊ย เค้า ! ลาออกไปสิคะ" เมรีว่า
ธกฤตมองหน้าเมรีทำนองว่ามันเป็นไปไม่ได้ เมรีรู้ทั้งรู้ก็ยังเจ็บ
"เมรี ไม่ต้องกังวลนะ ถึงอันยาเค้าจะได้ปรับตำแหน่ง แต่ผมก็ไม่ทอดทิ้งทางคุณแน่คุณทำงานให้บริษัทได้ดี ผมจะปรับเงินเดือนให้" ธกฤตบอก
เมรียังมีสีหน้าเจ็บ แค้นเคือง และไม่พอใจ
"โอเค คุณไม่ต้องขึ้นตรงกับอันยาก็ได้ ขึ้นตรงกับผม ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องมีปัญหากระทบกระทั่งกับอันยา นี่มันก็พิเศษมากแล้วนะ" ธกฤตบอก
"ค่ะ พิเศษ ที่ไม่ต้องโดนยัยอันยากดขี่ แต่ก็คงจะโดนเยาะเย้ยอยู่ดี" เมรีว่า
"พวกคุณน่ะเป็นพนักงานบริษัทเดียวกันนะ จะญาติดีกันไม่ได้เลยเหรอ"
เมรีมองธกฤตแว่บหนึ่งเหมือนจะโกรธมาก แต่แล้วจู่ๆ คำว่าญาติดีก็ซึมเข้ามาในหัวสมอง เธอเกิดปิ๊งไอเดีย !!
"ขอโทษค่ะ มันอดน้อยใจไม่ได้ แต่..ที่บอสพูดมันก็ถูก ยังไง เราก็ควรเห็นแก่บริษัทมากกว่า" เมรีบอก
ธกฤตเหล่ว่าเมรีพูดจริงหรือเปล่า
"แมรีรู้ตัวดีค่ะ ว่าทำยอดได้น้อยกว่าอันยาเค้า ถึงจะทำงานมานานกว่า ก็คงเทียบไม่ได้ควรจะยอมรับความจริง และเลิกสร้างปัญหา อย่างนั้นใช่มั้ยคะ"
"คุณคิดได้แบบนั้น มันก็ดีแล้ว"
"ถ้างั้นแมรี ขอโอกาสบอส เพื่อแก้ไขความผิดพลาดของตัวเอง จะได้มั้ยคะ"
เมรีบอกธกฤตด้วยสีหน้าท่าทางราวกับรู้สึกผิด ธกฤตนิ่งไปเพราะยังไม่รู้ว่าเมรีขออะไร

เสียงเอกชัยดังขึ้น
"ได้ !! ต้องได้สิจ๊ะน้องเม"
เอกชัยขอร้องเมขลาจนแทบจะไหว้
"ด็อกเตอร์แสนไม่ให้เราสาระแนเรื่องคุณอันยา แต่ไม่ได้ห้ามถามไถ่สารทุกข์สุกดิบนี่นา" เอกชัยใจเสีย "เมื่อวานก็ลา วันนี้ก็ยังไม่มา ไม่ใช่ว่าคุณอันยาเค้าออกไปแล้วจริงๆนะ โทรไปตามเค้ากลับมาทำงานเถอะน๊า พี่เอกคิดถึง"
เมขลาห่วงอันยาก็จริง แต่ก็ลำบากใจที่จะทำตามคำขอของเอกชัย แล้วเพียงดาวก็เดินเชิ่ดๆเริ่ดๆมาด้วยหน้าตาแฮปปี้
"น่าเวทนาจริงจริ๊ง ใครอยากจะเทใจให้คนที่เค้าหมดใจกับบริษัทเราก็ตามใจ แต่วันเนี๊ยะ ฉันจะเตรียมใจไว้รอรับสิ่งดีๆที่กำลังจะมา"
เพียงดาวยิ้มกระหยิ่มก่อนจะพูดเป็นนัยๆ แล้วเดินเชิ่ดๆเริ่ดๆไปแบบไม่แยแสเอกชัยอีก
"สิ่งดีๆที่กำลังจะมา เค้าหมายถึงอะไร" เอกชัยมองเมขลา "เอ วันนี้แต่งตัวดูครบกว่าทุกทีนะจ๊ะ"
"พี่เอก จำไม่ได้รึไงคะ ก็วันนี้น่ะ" เมขลากำลังจะพูด
เอกชัยหันไปเห็นสิ่งที่รอคอยซะก่อน
"คุณ คุณอันยา" เอกชัยมองไปรอบๆ "ไม่มีกล่อง ไม่มีรถเข็น ไม่มีอุปกรณ์ขนย้าย"
"ไม่มีหรอกค่ะ" อันยาบอก เอกชัยชะงัก "อันไม่ได้จะลาออก อย่างที่เข้าใจผิดกันหรอกค่ะ"
เอกชัยชะงักไป "รู้..รู้ด้วยเหรอครับ"

เอกชัยหน้าเจื่อนไป เมื่อรู้ว่าปกปิดความสาระแนไว้ไม่มิดซะแล้ว

อันยาอธิบายกับแสน

"มีคนทาบทามเสนองานใหม่มาให้ฉันจริงค่ะ แต่..ฉันปฏิเสธไปแล้ว"
แสนฟังอันยาแล้วก็รู้สึกโล่งอก
"จริงๆ คุณไม่ต้องบอกผมก็ได้ นอกจากว่าคุณจะออก คุณถึงค่อยบอกผม" แสนบอก
"ก็ฉันไม่อยากให้คุณเข้าใจผิดนี่คะ แค่ลางานกะทันหันอย่างเมื่อวานนี้ มันก็ไม่ดีอยู่แล้ว"
แสนเห็นอันยารู้สึกผิดก็เห็นใจ
"ผมอาจจะเป็นเจ้านายที่..เข้มงวดก็จริง แต่..เวลาที่เพื่อนร่วมงานมีปัญหา ก็ใช่ว่าจะใจดำซ้ำเติมกันนะครับ" แสนบอก
"ช่วงนี้ฉัน..ดูมีปัญหามากเลยเหรอคะ" อันยาถาม
แสนชะงักไปเพราะคิดว่าจะพูดหรือไม่พูดเรื่องวันก่อนดี "อันยา เรื่องเมื่อวันก่อนน่ะ.”
อันยาทำหน้าเป็นกลบเกลื่อน "แหม เสียดายจัง น่าจะอัดคลิปเต้นของคุณเอาไว้ รับรองทุกคนที่บริษัทเห็นต้องอ้าปากค้างเลย"
"ทำไม ผมเต้น มันประหลาดตรงไหน" แสนถาม
อันยาเลียนแบบท่าเต้นแสนที่ทื่อๆ
"ไม่เหมือนเลย ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย" แสนบอก
"คุณบอกเองนะ ว่ามันแย่"
"คุณเต้นไม่เหมือน ผมไม่ได้เต้นแบบนั้น"
"งั้นพิสูจน์" อันยาชูมือถือเตรียมอัด
แสนเข้าไปบังหน้าจอมือถือ "ไม่ต้องมาเนียนเลย ผมไม่หลงกลหรอก แสบนักนะ"
แสนเผลอจับมืออันยาเพื่อห้ามถ่ายคลิป ทั้งสองคนชะงักกันไป แสนรู้ตัวจึงปล่อยมือ เขามองอันยาที่ดูเขินๆ
"ยิ้มออกก็ดีแล้ว..เห็นอย่างนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อย"
อันยาฟังแสนพูดเหมือนเป็นห่วงก็เล่นเอาใจเต้น
"คุณ..เป็นห่วงฉันเหรอคะ"
อันยาช้อนสายตามองแสน แสนมองตอบมา สายตาของอันยาทำให้เขาหวั่นไหว แสนกำลังจะตอบ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น อันยาได้สติ
"สงสัยคุณเพียงดาวจะเอาเอกสารของคุณบุรินทร์มาให้"
อันยาเดินไปเปิดประตู แต่แล้วคนที่ปรากฎกายขึ้นกลับไม่ใช่เพียงดาวแต่เป็นพิลาสินีที่สวย สมาร์ท แววตาคมกริบแฝงความฉลาด และมั่นใจในตัวเอง อันยาเจอออร่าที่ไม่ธรรมดาของผู้มาใหม่เข้าก็ถึงกับชะงักไป

พิลาสินียืนเด่นอยู่ที่หน้าประตูห้องแสนโดยยังคงไม่ก้าวเข้ามา
"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่า..นัดด็อกเตอร์ไว้รึเปล่าคะ" อันยาถาม
อันยาหันไปมองทางแสน แสนส่ายหน้าให้แทนคำตอบ
อันยาพูดกับพิลาสินี "ขอโทษนะคะ ด็อกเตอร์ยังไม่สะดวกให้พบตอนนี้"
พิลาสินีมองแสนประมาณว่า “อยากลองดีเหรอ” แล้วเธอก็ก้าวเข้ามาในห้องเลย
พิลาสินีพูดกับแสน "กล้ามากนะด็อกเตอร์แสน อยากเจอพิษแบคทีเรียจากแอฟริการึเปล่า"
"ไม่ต้องอาศัยพิษจากแอฟริกาหรอกครับ แค่ขัดใจด็อกเตอร์แพม ก็คงจะโดนคนทั้งออฟฟิศนี้เล่นงานแล้วล่ะ เห็นใจพนักงานตาดำๆอย่างผมเถอะนะ" แสนบอก
พิลาสินีอมยิ้มที่แสนตอบมุกอย่างถ่อมตัว
"ที่ปฏิเสธว่าไม่ได้นัดคุณ มันก็จริง แต่ยังฟังไม่จบนะ สำหรับด็อกเตอร์แพมไม่ต้องนัดก็เข้ามาได้เสมอ" แสนบอก
พิลาสินีทำเป็นนิ่งขรึมก่อนจะบอก "งั้นศาลลดโทษให้กึ่งนึง"
แล้วพิลาสินีก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ แสนก็พลอยหัวเราะเบาๆไปด้วย อันยาได้แต่ยืนเหวออย่างไม่เข้าใจ และชักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินชอบกล
"ดูสิ เลขาคุณงงใหญ่แล้ว" พิลาสินีบอก
"อันยา ขอโทษทีที่ไม่รีบแนะนำ นี่ด็อกเตอร์พิลาสินี เป็นผู้บริหารฝ่ายวิจัยอีกคนของเพียงพอดี แล้วก็เป็นเพื่อน..”
"แค่เพื่อนร่วมงาน" พิลาสินีแหย่แสน "อย่าบอกว่าสนิทกับฉันล่ะ" พิลาสินีเข้ามาคล้องแขนแสนไว้
แสนหัวเราะมุกท่าเยอะของพิลาสินี
"ครับ เราน่ะ ไม่สนิทกันเลย"
แสนปล่อยให้พิลาสินีคล้องแขนไว้อย่างสบายๆ ดูสนิทสนมสุดๆ อันยามองแขนของทั้งสองคนที่คล้องกันไว้แล้วก็รู้สึกเหมือนจะหูอื้อตาลายขึ้นมา

เพียงดาวพูดอย่างเพ้อเหมือนพูดถึงพระเอกนางเอกในนิยายรัก
"สองคนเนี๊ยะเหมาะกันยิ่งกว่า กิ่งบรอนซ์ ใบแพลททินั่ม"
เมขลาแปลกใจคำเปรียบเปรยของเพียงดาว
"กิ่งทองใบหยกมันเก่าไปแล้วไงครับ" เอกชัยบอก
เมขลาพยักหน้าเข้าใจ
"ที่ผ่านมา ที่อะไรๆมันวุ่นวาย ก็เพราะด็อกเตอร์พิลาสินี หรือด็อกเตอร์แพมเธอไปดูงานที่แอฟริกามาครึ่งปี พวกไม่มีหวัง ก็เลยเข้ามารุมทึ้งด็อกเตอร์แสน"
อันยาชะงักไปกับคำว่าพวกไม่มีหวัง เธอรู้สึกว่าทำไมกระทบตัวเธอ
"คนที่เจ๊ว่าเค้าว่าไม่มีหวังน่ะ คนนึงเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ เซเล็บแถวหน้า อีกคนก็เป็นนางเอกดาวรุ่งมาแรงเลยนะเจ๊" เอกชัยบอก
"แต่ด็อกเตอร์แพม ของฉัน คือนางเอกตัวจริง ก็ลองเบิ่งตาดูสิ ใครที่ทั้งสวย สมาร์ท ปราดเปรียว และที่สำคัญไอคิวระดับเดียวกับด็อกเตอร์แสน จะหาใครเหมาะกันเท่านี้อีก"
อันยาชักทนไม่ไหวจึงขัดขึ้นมา "แต่...ถ้าคนสองคนเหมือนกัน แล้วจะต้อง..มีอีกคนนึงไปทำไมล่ะคะ"
"โห คุณอันยา พูดได้เจ๋งอ่ะ" เอกชัยบอก
เพียงดาวแทบช็อคที่อันยากล้าเถียง
"ฉันว่าคนเหมือนกันอยู่ด้วยกัน ไม่เห็นจะสนุกเลย ต้องต่างกันสิคะ" อันยาอมยิ้ม "มันถึงจะโรแมนติค"
"โอ้โห ยิ่งพูดก็ยิ่งโดน โดนใจเอกฝุดๆ" เอกชัยบอก
"รู้จักกันมานาน แล้วยิ่งเหมือนกันมาก มาอยู่ด้วยกัน คงน่าเบื่อ มันจะดีตรงไหน?”
 
อันยาสรุป

ฟากพิลาสินีพาแสนเข้ามาที่ห้องทำงาน ชักชวนให้มาเอาของฝาก

"ไหนดูซิ ว่ายี่สิบปีที่เรารู้จักกันมา ด็อกเตอร์แพมจะหิ้วอะไรจากแอฟริกามาฝากผม"
"ท้าฉันเหรอ บอกได้เลยว่ายี่สิบปีผ่านไป ฉันก็ยังไม่พลาดหรอกนะ"
พิลาสินีหยิบห่อของเล็กๆออกมาส่งให้แสน
"แค่เนี๊ยะ?”
"เชื้อไวรัสที่คร่าชีวิตคนไปกว่าครึ่งโลก ยังเล็กกว่านี้ตั้งเยอะ"
"จะบอกว่า ของน้อยแต่ควอลิตี้ไม่ธรรมดา?”
พิลาสินีพยักหน้า แสนเปิดห่อแล้วเทของข้างในออกมาดูพบว่าเป็นเมล็ดข้าวเปลือก แสนก็ถึงกับตาเป็นประกาย
"ไปขอชาวบ้านมา สดๆจากไร่เลยนะ"
"ต.ม.ให้คุณเอาเข้าด้วยเหรอ" แสนถาม
"ไม่ได้เอามาวิจัยนี่ แค่เอามาเป็นของฝากเพื่อนนิดๆหน่อยๆ ก็เพื่อนฉันดันไม่เหมือนคนอื่น ไปแอฟริกามีแต่คนจะฝากซื้อเพชร แต่ด็อกเตอร์แสนกลับอยากจะได้เมล็ดข้าวเป็นของสะสม"
"โอเค ผมยอมแพ้ ยกนี้คุณชนะ" แสนบอก
"ต้องแน่อยู่แล้ว ความสัมพันธ์ 20 ปีของเรา จะให้ฉันรู้ใจคุณน้อยกว่านี้ได้ยังไงล่ะคะ"
แสนชอบใจความแสบเบาๆ ของพิลาสินี ขณะพิลาสินียิ้มที่ของฝากถูกใจแสน
ทั้งสองช่างดูเป็นคู่เหมือนที่เข้ากั๊นเข้ากัน

เพียงดาวยังยืนยัน
"แต่สองคนนี้เค้าเกิดมาเพื่อกันและกัน!”
"รู้ได้ยังไงคะ?” เมขลาถาม
"ก็เค้ารู้จักกันมาแต่เล็กแต่น้อย พวกเธอคิดว่า มันเป็นความบังเอิญงั้นเหรอ พวกเธอประสบการณ์ชีวิตยังน้อย ไม่เคยสังเกตล่ะสิ"
อันยา เอกชัย และเมขลายังไม่เก็ทว่าเพียงดาวจะอ้างอะไร
"เคยเห็นคู่สร้างคู่สมที่เค้าเจอตัวกันมาตั้งแต่เด็กๆมั้ยล่ะ แล้วก็เกื้อกูล สนับสนุนดูแลกันมาพอโตขึ้น ก็แต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันไปจนแก่จนเฒ่า คู่ชีวิตแบบเนี๊ยะ เค้าเรียกว่าฟ้าสร้างสวรรค์ส่ง"
"โหว โรแมนติคอ่ะ ไม่น่าเชื่อว่าเจ๊จะพูดอะไรโรแมนติคอย่างนี้ได้"
เพียงดาวยืดก่อนจะรีบสำทับเพิ่ม "ที่สองคนเนี๊ยะเค้าเจอกัน มันไม่ใช่แค่ความบังเอิญ เพราะฉะนั้นพวกแมลงหวี่แมลงวัน"
อันยาชะงักเพราะรู้สึกเข้าตัวอีกแล้ว
"ตัวไหน ก็อย่าได้หวัง หมดสิทธิ์ !” เพียงดาวว่า
เพียงดาวเดินไปอย่างผู้มีชัย อันยายังทำสีหน้าเถียงอยู่ เอกชัยจิ้นๆอยู่แล้วนึกได้จึงหันมามองอันยาอย่างเกรงใจ
"ผมก็..ยังเห็นด้วยกับคุณอันยาอยู่นะ แต่..ที่เจ๊เค้าพูด..ก็น่ารักดีอ่ะ อีกอย่าง ก็ยังไม่มีใครเหมาะกับด็อกเตอร์แสนเท่ากับด็อกเตอร์แพมจริงๆ"
อันยาชะงักไปเพราะรู้สึกคำแทงใจชอบกล
"เอ หรือว่าคุณอันยาจะแข่งด้วย ถ้าเป็นคุณอันผมเชียร์เต็มที่เลยนะ" เอกชัยบอก
"พี่เอก คุณอันยาเค้าเป็นเลขาของด็อกเตอร์นะ ไม่คิดอะไรอย่างนั้นหรอก" เมขลาว่า
"ค่ะ ฉันมันเป็นแค่เลขา" อันยาประชดเบาๆ "ไม่กล้าคิดอะไรเกินเลยกับด็อกเตอร์หรอกค่ะ"
"น่าเสียดาย ถ้าคู่เหมือนต้องด็อกเตอร์แพม ถ้าคู่ต่างต้องคุณอันยาเลยน๊า"
อันยายิ้มเจื่อนๆ แบบไม่รับมุกเอกชัยแต่ในใจก็หวั่นไหวเหมือนกัน

อันยาเดินบ่น
"เม้าท์อะไรกันไร้สาระ อย่าไปฟังมาก อันยา !”
อันยาทำเป็นบอกปัดว่าไม่สนเพราะลึกๆ กำลังสนเข้าอย่างจัง เธอเดินมาถึงหน้าห้องทำงานแสนแล้วก็คิด อันยาดูนาฬิกาแล้วก็เคาะประตูห้อง
"คุณแสนคะ"
อันยาเปิดประตูเข้าไป
"ไปทานอาหารเที่ยงกันมั้ย...”
อันยาพูด แต่ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีใครอยู่
"ไปไหนของเค้า?”

อันยาเดินมาที่หน้าห้องทำงานพิลาสินีด้วยอารมณ์อยากรู้อยากเห็น ประตูห้องพิลาสินีแง้มเปิดไว้ครึ่งบาน ด้านในห้องแสนและพิลาสินีกำลังคุยกันอย่างสนิทสนม
"ช่วงที่ฉันไม่อยู่ คุณพาสาวไปซ้อนท้ายรถจักรยานมา ?” พิลาสินีถาม
อันยาหูผึ่งอย่างสนใจขึ้นมาทันที เธอเข้ามาแอบฟังใกล้ๆ
"ใคร" พิลาสีนีสั่งยิ้มๆ "บอกมาเดี๋ยวนี้ !”
แสนอมยิ้มแต่ไม่ตอบ
พิลาสินีมองแสนแบบแอบลุ้นอยู่ในใจว่าแสนจะมีแฟนแล้วหรือเปล่า
อันยารู้สึกเป็นคนพิเศษขึ้นมา
ในที่สุดแสนก็ยอมบอก
"เลขาผมเอง"
พิลาสินีชะงักไปก่อนจะโล่งใจ "โถ่เอ๊ย นึกว่ามีข่าวดีแล้วซะอีก ที่แท้ก็ไปกับเลขา"
อันยาชะงักที่ทำไมพิลาสินีพูดเหมือนไม่แคร์ เหมือนพิลาสินีเห็นเธอเป็นม้านอกสายตามากๆ
พิลาสินีถามแสนเหมือนกับหวงเพื่อน
"แล้วบอกคุณอันยารึเปล่า ว่าเบาะท้ายรถจักรยานคุณ เป็นของฉันนะ"
แสนขำแล้วส่ายหน้า "เป็นของคุณเมื่อไหร่"
"ก็ไม่เคยมีสาวๆคนไหนได้นั่ง นอกจากฉันคนแรก คนเดียว"
แสนยิ้มโดยเห็นเป็นแค่คำพูดขำๆ แต่อันยาที่อยู่หน้าห้องช็อคไปแล้ว
อันยาเปรยเบาๆ "อะไรนะ.." อันยาลองนึกย้อนกลับไป
อันยานึกถึงตอนที่แสนบอก "นอกจากเพื่อนคนนึง คุณเป็นคนแรกนะที่ได้ซ้อนท้ายรถจักรยานผม
อันยาที่กำลังดื่มน้ำอยู่อึ้งๆแล้วรู้สึกเหมือนน้ำเปล่าจะหวานขึ้นมาทันที...
"เราเป็นคนแรกงั้นเหรอ"

เมื่อนึกถึงตอนนั้นอันยาก็ทำหน้าเหวอมาก
"ไม่..ไม่ใช่คนแรกนี่" อันยาไม่อยากจะเชื่อ "เพื่อนที่ว่า คือด็อกเตอร์แพม งั้นเหรอ?”

อันยาแทบจะทรุดเลยทีเดียว

อ่านต่อตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น