xs
xsm
sm
md
lg

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 2

อันยาไม่อยากจะเชื่อ ในขณะที่ชดพยายามเปลี่ยนยางรถอยู่

"คุณพาฉันมาดูที่นาของสมาชิกโครงการ" อันยาทวนคำ
"ก็ใช่น่ะสิ แล้วคิดว่าผมจะพาคุณมานอกเมืองทำไม ถ้าไม่ใช่ให้มาออกฟิลด์ด้วยกัน" แสนบอก
อันยาเอียงหน้าหลบเพราะหน้าแตกสุดชีวิต
"แล้วที่คุณจะลงให้ได้น่ะ คิดว่าผมจะพาคุณไปต้มยำทำแกงที่ไหนเหรอ ถึงได้สู้สุดชีวิตขนาดนั้น"
อันยาหน้าแหย คิดว่าเรื่องอะไรจะบอกให้อาย แต่สายตาของเธอดันเผลอเหลือบไปมองโรงแรมม่านรูด
แสนมองตามสายตาอันยาแล้วก็ชะงัก "เฮ้ย อย่าบอกนะ ว่า...”
"เปล่านะ!" อันยารีบปฏิเสธ "ฉันไม่ได้คิด ใครจะไปคิดอะไรอย่างนั้น ถึงแม้จะมีพวกเจ้านายที่ชอบพาเลขาสวยๆมาเคลมตามม่านรูดก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจริงๆนะ ว่าคุณจะทำ"
แสนอึ้ง อันยาก็อึ้งเพราะรู้สึกว่ายิ่งพูดกลับยิ่งแฉความคิดของตัวเอง
"โอเค" อันยาจ๋อย "ก็ฉันถามตั้งหลายทีแล้ว ว่าคุณจะฉันพาไปไหน คุณก็ตอบไม่เคลียร์ แล้วจะให้ฉันเข้าใจว่ายังไงล่ะ" อันยาหวั่นใจ "นี่อย่าโกรธฉันเลยนะ"
แสนทนไม่ไหวก็ถึงกับปล่อยกร๊าก
อันยามองงงๆ "ขำอะไร ?”
"ให้ตายเหอะ ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเห็นใครคิดเพ้อเจ้อได้เท่าคุณมาก่อน" แสนหัวเราะใหญ่ "คุณคิดได้ไงเนี่ย" แสนหัวเราะไม่เลิก "โอ๊ย คุณนี่ตลกจริงๆ"
อันยาอายมากและแค้นด้วย "แต่มีเรื่องนึงที่ฉันไม่เพ้อเจ้อ ไอ้ที่นานั่นมันเป็นพื้นที่อันตรายถ้าคุณจะไปต่อ ก็เชิญไปคนเดียว ฉันจะกลับ"
อันยาหันขวับก่อนจะเดินเหวี่ยงไปทันที

อันยายืนรออย่างหัวเสียที่ริมถนน แสนเดินมาตาม
"แถวนี้ไม่มีแท็กซี่ หรือว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านมาหรอกนะคุณ" แสนบอก
อันยายังยืนเชิ่ดเพราะยังไงก็จะรอ
"ส่วนรถโดยสาร ก็สัก สองชั่วโมงมาคัน คุณได้รอจนผิวไหม้แน่" แสนพูดต่อ
อันยาฟังแล้วเผลอลูบผิวอย่างหวาดเสียว แต่พอเห็นแสนมองอยู่เธอก็เชิดต่อ
อันยาขยับเข้าใต้ร่มไม้ "ฉันรอคนรถเปลี่ยงยางเสร็จ แล้วค่อยกลับก็ได้"
"น้าชดต้องอยู่รอผม กว่าผมจะเสร็จธุระกลับออกมา ก็ค่ำๆนู่น" แสนบอก
"ไม่เป็นไร ฉันรอได้ ยังไงก็ยังดีกว่าเสี่ยงเข้าไปเจอพวกอันธพาลท้องถิ่นที่มันจ้องรอทำร้ายเราอยู่"
"ได้ งั้นถ้าพวกนั้นย้อนกลับมาทางนี้ คุณก็..ระวังตัวแล้วกันนะ"
แสนเลิกชักชวนแต่ไม่วายหยอดระเบิดทิ้งไว้ก่อนหันกลับ
อันยาเหวอไปก่อนจะตะโกนไล่หลัง "ก็ไหนคุณบอกว่าพวกมันไม่กลับมาแล้วไง"
แสนหันมา "แล้วคุณเชื่อผมเหรอ คุณจะฝากชีวิตไว้กับ คำพูดแค่ประโยคเดียวของเจ้านายใหม่ที่คุณเพิ่งรู้จัก เนี่ยนะ?”
อันยาฟังแสนแล้วอยากจะกรี๊ด เธอหันไปมองชดที่กำลังเปลี่ยนยางเห็นว่าชดตัวผอมๆ ดูสู้ใครไม่ได้ เธอมองไปบนท้องถนนรอบข้างก็เปลี่ยวและไม่น่าไว้ใจ อันยาหันกลับมามองแสนที่ทำท่าถือไพ่เหนือกว่าอีกครั้งแบบไม่อยากจะยอม

แสนยื่นรองเท้าบู้ทยางที่เอามาจากท้ายรถตู้ให้อันยา
"เปลี่ยนซะ รองเท้าคู่นี้มันพาคุณลุยคันนาไปถึงจุดหมายไม่ได้หรอก" แสนบอก
อันยามองบู้ทเหมือนกับเห็นสัตว์ประหลาด
"ขอบคุณที่หวังดี" อันยาก้มมองรองเท้าอย่างมั่นใจ "แต่ฉันเดินได้"
"อย่าเลยคุณ เชื่อผมเถอะ ผมมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ผมรู้..”
อันยาชิงพูด "อย่าดูถูกผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงว่าไม่คล่องตัว หรือทำอะไรสู้ผู้ชายอย่างคุณไม่ได้ฉันจะเดินแซงหน้าคุณให้ดู"
อันยาตอกใส่แสนเข้าอีกดอก

ส้นรองเท้าอันยาติดแหง่กเข้ากับร่องแตกบนคันดิน อันยาพยายามจะดึงออก
"อ้าวคุณ ถ้าจะแซงก็แซงได้แล้วนะ ผมรอนานจนเมื่อยแล้ว" แสนแซว
แสนยืนรออยู่ด้วยสีหน้าผู้ชนะ
"นี่ ทำไมคุณไม่บอก ว่ามันทั้งเป็นหลุม เป็นร่อง แล้วยังมีโคลนเป็นหย่อมๆแบบนี้"
"ผมน่ะนะ ไม่บอก ผมบอกคุณแล้วนิ"
"หยุด ! ถ้าจะซ้ำเติมกันล่ะก็ ไม่ต้องเลยค่ะ"
แสนยอมเงียบ อันยาถอนส้นออกมาจากร่องดินได้ แต่ตัวเซไปจนเกือบล้มดีที่จับพุ่มไม้ไว้ได้ทัน
อันยาร้อง "ว๊าย !”
แสนแอบขำ อันยามองแสนแค้นๆ ก่อนจะบ่นกับตัวเอง
อันยาคิดในใจ "ตำแหน่งหัวหน้าแผนกแลกกับหน้าแตกทุกๆสิบนาทีนี่ มันคุ้มกันมั๊ย ห๊ะ อันโกะ !”
อันยาเซ็งกับความโก๊ะของตัวเอง เธอปัดเศษใบไม้ที่ติดมาจากพุ่มไม้ออกจากเสื้อผ้า และกระเป๋าสะพาย
ทันใดนั้นสายตาของอันยาก็เหลือบไปเห็นบุ้งตัวน้อยกระดื๊บๆ อยู่บนกระเป๋าสีแดงของตัวเอง
"ห๊ะ !”

เสียงกรี๊ดอย่างเสียจริตของอันยาดังสนั่นไปทั่วท้องทุ่งกว้าง
"กรี๊ด !!”
อันยาสะบัดกระเป๋าไล่บุ้งเป็นการใหญ่
"อ๊าย ไปสิ ไป ชิ้ว ไป ว๊ายๆๆ" อันยากลัวบุ้งมาโดนมือจึงกระโดดเหยง
แสนเห็นอันยากรี๊ดแตกไร้สติอย่างแรง แสนเห็นว่าตำแหน่งที่อันยายืนอยู่หมิ่นเหม่กับขอบคันนาซึ่งเป็นดินเหลวมากๆ ก็ชักเป็นห่วงจึงรีบเดินกลับมา
"อันยา หยุดก่อน ใจเย็นๆ"
อันยาชะงัก "เย็นได้ยังไงเล่า มันไม่ได้เกาะตัวคุณนี่ ชิ่วๆ"
"อันยา คุณถอยออกมาเร็ว ตรงนั้นน่ะยืนไม่ได้"
"แล้วให้ฉันไปซบต้นไม้" อันยาว่า อีกด้านมีต้นไม้ที่บุ้งลงมาเกาะ "ให้หนอนลงมาอีกหลายๆตัวรึไง"
"อันยา คุณเชื่อผม"
"คุณไม่ช่วย ก็ไม่ต้องพูด" อันยากระทืบเท้า
ทันใดนั้นดินที่อ่อนก็ยวบลงไป อันยาเสียศูนย์
"ว๊าย !!”
แสนตกใจ "อันยา"
อันยาคว้าเอวแสนเอาไว้เพื่อทรงตัวแต่ก็หนักเกิน แสนเลยเซถลาลงไปด้วย
"เฮ้ย" / "แอร๊ยย..."

อันยาและแสนไถลร่วงลงไปจากคันดินสูงชัน

อันยาที่อยู่ในปลักตมอีกด้านของคันนาค่อยๆ ลุกขึ้นมา เธอรู้สึกเคล็ดขัดยอกไปหมด

"โอ๊ย กระดูกฉันหักรึเปล่าเนี่ย"
"ลุกได้รึเปล่าคุณ" แสนถาม
แสนยื่นมือมาเพื่อจะช่วยฉุดตัวอันยาขึ้น แต่พอเห็นสภาพอันยาชัดๆ เขาก็ชะงัก
"อุ๊บส์" แสนพยายามกลั้นขำ
"ขำอะไรยะ ไม่เห็นจะน่า..”
อันยามองแสนที่หน้าเปื้อนโคลนมะเมื่อมก็ทนขำไม่ได้เหมือนกัน
"ฮ่ะๆ"
แสนกลั้นขำไว้ไม่ไหว เขาหัวเราะสภาพอันยาดังลั่น

ณ ตึกออฟฟิศไรท์เพอร์เซิ่ล ธกฤตบอกเมรี
"อันยาเค้าก็แค่ลาพักร้อนตามปกติ ที่ผมอนุมัติก็เพราะว่ามันเป็นสิทธิ์ของเค้า วันลาเค้าเหลืออยู่ผมก็ต้องให้ ก็แค่นั้น
"แต่บอสคะ ช่วงนี้งานมันโหลดมาก แล้วอันยากลับกล้าลาซะยาวเหยียด ไม่มีเหตุผลซะเลย ว่ามั๊ยคะ" เมรีถาม
ธกฤตชะงัก "อันยาเค้าไม่ได้ไม่มีเหตุผล แต่ว่าเค้า"
เมรีกับอาโปรอฟังกันจนหูผึ่ง
ธกฤตได้สติ "เค้ามีเหตุผลอะไร ทำไมคุณไม่ถามเค้าเองล่ะ ในเมื่อคุณบอกว่าเค้าโทรมาบอกคุณเองเรื่องที่ขอลางาน 2 เดือน"
เมรีชะงัก "คือ.. คือ ตอนนั้นแมรีลืมถามเค้าไปน่ะค่ะ"
"งั้นก็อย่ามาสรุปว่าเค้าไม่มีเหตุผล และพลอยทำให้ผม คนที่เซ็นอนุมัติให้ไม่มีเหตุผลไปด้วย"
เมรีหน้าเจื่อน
"คุณแมรีไม่ได้กะจะว่าบอสนะคะ แค่สงสัยว่าบอสอนุญาตไปได้ยังไง พิลึกจริงๆน่ะค่ะ" อาโปบอก
ธกฤตจ้องหน้าอาโป เมรีหยิกอาโปเข้าให้
"เอาเป็นว่า ถ้าคุณอยากรู้เหตุผลก็ไปถามอันยาเค้าเองก็แล้วกัน คุณสองคนก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันนี่ ใช่มั๊ย"
เมรีกัดฟัน "ค่ะบอส"
เมรีสะกิดอาโปให้ลุกเดินไปด้วยกัน
"อ้อ จำได้ว่าวันลากิจของคุณเต็มแล้วนะ ในเมื่อคุณห่วงว่างานของบริษัทเราจะทำไม่ทัน คงจะไม่ใช้วันลาเกินเหมือนทุกทีนะ" ธกฤตว่า
เมรีกับอาโปเหวอกันไปเพราะโดนอีกดอก ทั้งสองหน้าเสียก่อนจะรีบออกไป ธกฤตส่ายหน้าเพราะคิดว่าเกือบไปแล้ว

เมรียังคุกรุ่นอยู่ไม่หาย
"อาโป แกได้ยินเหมือนที่ฉันได้ยินมั๊ย"
อาโปพยักหน้าด้วยความแค้น
ทั้งสองพูดพร้อมกัน "บอสช่วยมัน"
"บอสต้องช่วยยัยนั่นปิดบังอะไรอยู่" เมรีว่า
"บอสโกรธที่เราว่าบอสไม่มีเหตุผล" อาโปบอก
"โถ่เอ๊ย ! หูเชื่อมต่อกับสมองได้รึเปล่า ฟังได้แค่เนี๊ยะน่ะเหรอ"
"อ้าว ก็อาโปฟังในสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดเสริมเติมแต่งเวิ่นเว้อไงคะ"
"แต่ถ้าแกไม่คิดเสริมเติมแต่งซะบ้าง เผลอๆจะหลุดจากเก้าอี้ สัญชาตญาณของฉันบอกว่าบอสต้องรู้เห็นเป็นใจอะไรบางอย่างกับยัยอันโก๊ะแน่ๆ หรือว่า" เมรีตกใจ "จะแอบฮั้วกันเรื่องตำแหน่งหัวหน้าแผนกไว้แล้ว"
"โนว์ ไม่ได้นะคะ ถ้ายัยนั่นได้โปรโมท เราสองคนอยู่ไม่ได้แน่ๆ" อาโปบอก
"ฉันไม่มีวันยอมหรอกน่า" เมรีคิด "ยัยอันโก๊ะ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าหล่อนหาเรื่องลาไปทำอะไรแน่"
เมรีหมายมั่นปั้นมือว่าจะรู้ความจริงให้ได้

จอร์จ สุนัขตัวหนึ่งเห่าเสียงดังลั่น
"เห่าอะไรนักหนาวะ บักจอร์จ" พุฒว่า
พุฒกับแตงกวากำลังช่วยกันตากสมุนไพรที่ลานหน้าบ้าน ทั้งสองหันไปมองทางทิศที่จอร์จเห่าขรม
ทั้งสองเห็นแสนกับอันยาซึ่งเปื้อนโคลนไปทั้งตัวเดินมา ในมือของอันยาคีบรองเท้าส้นสูงแกว่งไกว
พุฒกับแตงกวาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง "ด็อกเตอร์ / น้าแสน !”
ทั้งสองรีบไปหาผู้มาเยือน
แสนยกมือไหว้ "สวัสดีครับลุง นี่เลขาคนใหม่ผม คุณอันยาครับ"
"แนะนำไปตอนนี้ เค้าก็คงจำหน้าฉันไม่ได้หรอก" อันยาวางรองเท้าก่อนจะยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะ"
"โอ้โห ทั้งเสื้อผ้า ทั้งรองเท้าเลอะหมดเลยนะครับ" พุฒว่า
อันยาหน้าแหยอย่างเสียดาย แต่จะทำยังไงได้
"มิน่า บักจอร์จถึงเห่า เพราะว่ามันจำไม่ได้นี่เอ๊ง" แตงกวาลูบหัวจอร์จ "จอร์จนี่น้าแสนไงล่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกแตงกวา อย่าว่าแต่จอร์จมันจะจำน้าไม่ได้เลย น้าก็แทบจำตัวเองไม่ได้เหมือนกัน" แสนบอก
"ว่าแต่ ไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะครับ ถึงได้เละเทะกันมาแบบนี้" พุฒถามซื่อๆ

มาลีกับพุฒหัวเราะกันยกใหญ่
"ที่ตรงนั้นน่ะดินมันเหลว ทีหลังหนูอันยาต้องเชื่อด็อกเตอร์เค้า ใส่บูทน่ะถูกแล้ว" พุฒบอก
แสนและอันยาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าของพุฒและมาลีเรียบร้อยแล้วนั่งคุยด้วย
"ฉันจะจำไว้ตลอดชีพ ไม่มีลืมเลยล่ะค่ะ!”
มาลีกับพุฒยิ้มๆ มาลีสังเกตอันยาที่นั่งข้างๆแสนแล้วก็รู้สึกว่าเหมาะกันจังจึงอดที่จะถามไม่ได้
"ว่าแต่ หนูรู้จักกับด็อกเตอร์มานานแค่ไหนแล้วล่ะ"
อันยาคิดแล้วนับนิ้ว "รวมวันนี้ด้วยก็ 3 วันแล้วค่ะ"
"รู้จักกันแค่ 3 วัน แต่ว่าดูสนิทกันจังเลยนะคะ" มาลีว่า
แสนกับอันยาชะงักแล้วหันมามองหน้ากัน
"น้าเห็นด็อกเตอร์เวลามากับผู้ช่วยคนอื่น ดู..ไม่สบายๆเหมือนมากับหนูคนนี้" มาลีบอก
"อ๋อ เพราะเราลงสปาโคลนมาด้วยกันมั๊งครับ" แสนยิงมุก
ทุกคนหัวเราะกับมุกของแสนยกเว้นอันยา
แตงกวาชอบใจ "หนูอยากทำสปาโคลนด้วย"
"ฉลาดพูดนะเรา รู้เหรอว่าสปาจริงๆน่ะมันเป็นยังไง" พุฒถาม
"อยากทำเหรอ งั้นคราวหน้าดีมั๊ย"
แสนแหย่และขยี้ผมแตงกว่าอย่างเอ็นดู
มาลีแอบเหล่มองอันยากับแสนด้วยแววตาที่คิดไปไกล
แตงกวาตื่นเต้น
"จริงเหรอจ๊ะแม่ ที่น้าอันเป็นแฟนของน้าแสน"
มาลีจ้อไป ตรวจดูข้าวเหนียวที่นึ่งไว้ในซึ้งไปด้วย
"อุ๊ย สายตาแม่มาลีเคยผิดซะที่ไหนล่ะ แล้วสวยขนาดนั้น จะเป็นแค่ผู้ช่วยได้ยังไง" มาลีบอก
"แต่น้าแสนเค้าไม่เลือกแฟนที่ความสวยหรอกจ้ะแม่" แตงกวาแย้ง
"หืม หล่อเลือกได้อย่างด็อกเตอร์ จะมีแฟนไม่สวยไปทำไมล่ะ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงทั้งสวยทั้งเก่งด้วย มีตั้งเยอะตั้งแยะ อย่างแม่แกไง" มาลีว่า
"จะว่าไปก็ถูกเหมือนกันน๊า"

แตงกวาคล้อยตามแม่ไปอย่างไร้เดียงสา

อันยาฟังแล้วรู้สึกตะหงิดๆ

"ด็อกเตอร์คะ คุณรู้สึกมั๊ยว่าน้ามาลี มอง และถามอะไรฉันแปลกๆ"
"มันแปลกยังไงเหรอคุณ" แสนถามกลับ
"ก็ถามเหมือนกับว่า ฉันกับคุณเป็น..." อันยากระดากและไม่กล้าพูด "นั่นน่ะ"
แสนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ถามเหมือนว่าเราเป็นอะไรกันน่ะ ไม่ต้องมาแอ็บไม่รู้เรื่องเลยนะ ฉันรู้นะ คุณรู้มากจะตาย" อันยาว่า
"ทำงานด้วยกันวันเดียว" แสนเย้า "คุณรู้จักผมมากขนาดนั้นเลย?”
"ไม่ใช่เพราะคุณน่าทำความรู้จักหรอกนะ แต่นี่เป็นความสามารถพิเศษของฉันต่างหาก"
"ครับ ครับ.. แต่ผมว่า คุณคิดมากไปนะ ไม่มีอะไรหรอก ไป ไปดูที่นาทางโน้นเถอะ"
แสนพูดแล้วก็รีบเดินนำไป อันยาเลยถามต่อไม่ได้

ซากต้นข้าวแครแกร็นล้มตายอยู่ข้างๆ บริเวณซึ่งเดิมเคยเป็นนามาก่อน แต่ตอนนี้มีเพียงกอหญ้าหรอมแหรม อันยามองซากต้นข้าวพิกลพิการและผืนดินโทรมตรงหน้า แสนบอกพุฒอย่างเป็นงานเป็นการ
"ผลตรวจตัวอย่างดินยืนยันว่าเป็นปัญหาดินเปรี้ยวอย่างที่เราคิดกันจริงๆ ข้าวที่เคยปลูกที่นี่ถึงได้แคระแกร็น ไม่สมบูรณ์อย่างนาผืนอื่น" แสนว่า
"เฮ้อ..ถ้าดินเปรี้ยวจริง ก็แก้กันหนักเลยนะครับ" พุฒบอก
"แต่ก็ยังมีทางแก้ ตกลงว่าลุงอนุญาตให้ทางบริษัทมาแก้ไขสภาพดินเปรี้ยวนะครับ"
"ครับ ก็ผมสัญญากับด็อกเตอร์แล้ว ว่าจะไม่ขายที่นาไปอย่างคนอื่นๆ ถึงพวกนั้นจะได้เงินถุงเงินถัง แต่ผมเห็นเค้าถลุงกันแป๊บๆก็หมด แล้วสุดท้ายก็ไม่มีเหลืออะไรเลย"
พุฒมองไปยังนาข้าว แม้จะปวดร้าวแต่แววตาของเขายังคงมีความหวัง
"ถึงอาชีพทำนามันจะเหนื่อย และไม่รวยอย่างคนอื่นเค้า แต่ได้กินข้าวที่เราปลูกเอง ได้เห็นคนที่เค้ากินข้าวของเราแล้วมีเรี่ยวมีแรง มันก็ภูมิใจ ถึงจะรวยจะจน คนทุกคนก็ต้องกินข้าวด้วยกันทั้งนั้น จริงมั๊ยล่ะครับด็อกเตอร์"
พุฒหันมาบอกแสนด้วยความหนักแน่น แสนยิ้มและบีบแขนพุฒอย่างให้กำลังใจ
"ครับ ผมคนนึงล่ะ ที่รอกินข้าวจากนาของลุง เรามาช่วยกันให้ที่นี่กลับมาสมบูรณ์นะครับ"
พุฒพยักหน้าให้แสนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณและมีหวัง

อันยานั่งยุกยิกบนแคร่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในความสะอาด พอเห็นแสนเดินมา เธอรีบปรับมู้ดส่งยิ้มให้
"บันทึกไว้หมดแล้วใช่มั๊ย ข้อมูลที่ผมบอกน่ะ"
"ไม่ตกหล่นสักนิ๊สค่ะบอส" อันยาว่า
แสนหยั่งเชิง "คุณคิดยังไงที่คนเราจะทนอยู่กับความลำบาก เพียงเพื่อ.จะรักษาที่ดินของบรรพบุรุษเอาไว้"
อันยาบ่ายเบี่ยงไม่อยากตอบ "ชั้นต้องคิดด้วยเหรอคะ"
"คุณคงไม่เห็นด้วย"
"ค่ะ ฉันไม่เห็นด้วย"
แสนชะงักที่อันยาตอบออกมาตรงๆ
"แต่ไม่ใช่เรื่องที่ลุงพุฒเก็บที่ดินไว้ ฉันไม่เห็นด้วยที่คุณมองว่าฉันไม่เห็นด้วยต่างหากล่ะ"
"โอเค ผมขอโทษ ถ้าหากว่าผมเข้าใจคุณผิด"
"ไม่ใช่ผิดเฉยๆ แต่ผิดมาก ถ้าคุณได้ดูใบประวัติสมัครงานของฉัน คุณจะรู้ว่าก่อนหน้านี้ฉันไปอยู่อเมริกามาเป็นสิบปี แล้วรู้มั๊ยคะ ว่าทำไมฉันถึงกลับมาที่นี่" อันยาว่า
"งั้นเพราะอะไรล่ะครับ" แสนถาม
"เมื่อ 3 ปีก่อน ฉันกลับมาเพราะเป็นห่วงคุณย่าท่านไม่ยอมย้ายไปอยู่อเมริกากับเรา ฉันหมายถึง คุณพ่อ คุณแม่แล้วก็ตัวฉัน เพราะว่าย่าไม่อยากจะทิ้งบ้านสวนที่ท่านเติบโตมา ท่านไม่อยากไปจากเมืองไทยค่ะ"
"คุณก็เลย..กลับมาที่นี่ เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน"
อันยาพยักหน้าแบบนางเอกมาก "ฉันเลยพอเข้าใจลุงพุฒ ว่าการขายที่ดินที่ตัวเองผูกผันมาตั้งแต่เกิดก็คงจะเหมือน..เฉือนเลือด เฉือนเนื้อของตัวเอง"
แสนแอบอมยิ้มกับคำตอบของอันยา
"แต่ว่า ฉันก็ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ" อันยาหยั่งเชิง "ถ้าคุณแค่มาแก้ปัญหาดินเปรี้ยว ทำไมถึงต้องโดนคนขู่จะทำร้ายด้วย"

แสนชะงักไปทันทีเมื่อฟังคำถามของอันยา

ที่นาอีกผืนของพุฒซึ่งอยู่ห่างไปคนละฝั่งมีกล้าข้าวที่กำลังงอกงามเขียวสดสมบูรณ์

"นี่เป็นนาที่ไม่ได้มีปัญหาดินเปรี้ยว แล้วทั้งหมดเนี่ย ปลอดจากสารพิษ ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีทั้งหมด" แสนว่า
อันยามองอย่างทึ่งๆ
"ข้าวออร์แกนิค" อันยาพูด
"ใช่ หรือเรียกว่าข้าวเกษตรอินทรีย์ ปีที่แล้วโครงการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์ของเรา มีเกษตรกรเข้าร่วมมากขึ้น เพราะเมล็ดพันธุ์ที่เราพัฒนาให้ผลผลิตดี โดยไม่ต้องใช้สารเคมีอันตราย เวลาบำรุงก็ใช้ปุ๋ยคอก และน้ำหมักชีวภาพ ส่วนการกำจัดศัตรูพืชก็ใช้น้ำหมักจากสมุนไพรที่พัฒนาสูตรกันขึ้นเอง"
อันยาพยักหน้า
"ก็เลยไปขัดผลประโยชน์กับพวกค้าปุ๋ย ค้ายาปราบศัตรูพืช ใช่มั๊ยล่ะคะ"
แสนพยักหน้า "ที่นี่กำนันโกมลเป็นพ่อค้าปุ๋ยเคมีรายใหญ่ เค้าไม่พอใจที่ทางบริษัทมาชักชวนชาวบ้านเข้าโครงการข้าวและพืชผักอินทรีย์ มันทำให้เค้าเสียผลประโยชน์มากขึ้นเรื่อยๆ"
"แปลว่าคนที่ลงมือเมื่อตอนกลางวันนั่นก็..”
"เรายังสรุปไม่ได้ เพราะว่าขาดหลักฐาน" แสนบอก
"และเพราะว่าขาดหลักฐาน คุณก็เลยขาดความปลอดภัยที่นี่"
"ผมไม่เป็นอะไรหรอก พวกนั้นคงยังไม่กล้า เพราะว่าโครงการปีที่แล้วทำให้บริษัทมีชื่อเสียง พวกเค้าคงกลัวเหมือนกัน ถ้าทำอะไรบุ่มบ่ามไป"
"มองโลกในแง่ดีเกินไปรึเปล่าคุณ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้คนเราตายไว เท่ากับไปขัดผลประโยชน์เรื่องเงินๆทองๆของคนอื่นอีกแล้ว"
"แต่ถ้าผมไม่ขัด ผลประโยชน์ของชาวบ้านก็ต้องไหลเข้ากระเป๋านายทุนจนหมด คุณรู้มั๊ยทุกวันนี้อาหารส่วนใหญ่ที่กินกันอยู่ มีสารพิษตกค้างและปนเปื้อนมากแค่ไหน ต้องมีคนที่ทำเกษตรแบบปลอดภัย ปลูกข้าว ปลูกผักดีๆให้คนไทยกินนะอันยา"
อันยาชะงักไป เมื่อได้เห็นความตั้งใจอันแรงกล้าของแสน
แสนนึกได้ "มานี่สิ ผมมีอะไรจะให้คุณดู"
แสนพูดแล้วก็รีบจูงมืออันยาไปอย่างลืมตัว

เสียงอันยาดังขึ้น "ให้ฉันลองกินข้าวเหนียวเปล่าๆเนี่ยนะ"
แสนแปลกใจนิดๆกับท่าทีเยอะของอันยา เบื้องหน้าทั้งคู่หน้ามีกระติ๊บข้าวเหนียวร้อนๆวางรอท่าอยู่
"ครับ ถ้าคุณไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราดีจริงรึเปล่า แล้วจะช่วยผลักดันโครงการนี้ได้ยังไง" แสนบอก
อันยาไม่สบอารมณ์เพราะชีวิตนี้ไม่เคยมีคนบังคับให้กินสิ่งที่ไม่อยาก แต่เมื่อเห็นแววตาจริงจังของแสนเธอก็ไม่กล้าขัด อันยาค้อนๆ แล้วก็จำใจกิน เธอกลั้นใจหยิบข้าวเข้าปากแล้วก็ชะงักไป
"เป็นไงคุณ?” แสนถาม
"นี่มันข้าวอะไร !” อันยาถามกลับ
"ก็..ข้าวเหนียวอินทรีย์ ที่เก็บเกี่ยวตอนต้นปี"
"แน่." อันยากลืนข้าวแบบเกือบติดคอ "แน่ใจเหรอ ?”
"แน่ใจสิ"
"ไม่นะ!" อันยาหยิบมากินอีก กินอีก แล้วก็กินอีก
"คุณ เบาๆ เดี๋ยวสำลัก" แสนเตือน
อันยาลืมตัว "อร่อยอ่ะว์ ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยกิน..ข้าวอะไรอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย ทั้งนุ่ม เหนียวหนึบกำลังกิน แล้วก็หอมม๊าก" อันยาจี๊ดสุดๆ "นี่ถ้าได้ส้มตำไก่ย่างอีกหน่อยนะ"
"จริงนะ อร่อยจริงๆนะ"
อันยายกนิ้วให้ "สุโค่ยอ่ะ"
แสนมองอันยาที่เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อย่างรู้สึกเป็นปลื้มและอดเอ็นดูกับท่าทางจัดเต็มของหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้
"เอ้า เลอะแล้ว" แสนว่า
อันยาพูดโดยที่ข้าวยังเต็มปาก "องไอ๋?”
แสนชี้ไปที่แก้ม อันยาเอามือปัด แสนส่ายหน้าว่ายังไม่ออก อันยาหงุดหงิด
"ผมเอาออกให้" แสนเอื้อมมือไปหยิบข้าวออกจากหน้าอันยาให้โดยไม่ทันคิดอะไร "นี่ไง ออกแล้ว"
อันยาอึ้งๆ เมื่อแสนเข้ามาหยิบข้าวออกให้อย่างชิดใกล้จึงสะเทิ้นไปเบาๆ
แต่ไม่ได้ซึ้งนานเสียงกรี๊ดแปดหลอดของปุ๊กลุ๊กก็ดังขึ้น
"อร๊าย!! บาดตาที่สุด"
แสนและอันยาหันไปเจอกับปุ๊กลุ๊ก ลูกสาวกำนันแห่งบ้านนกกระเต็นยืนถลึงตาแทบโปนออกมานอกเบ้า
"นังชะนีบีเคเค หล่อนใช่มั๊ย ที่แม่มาลีบอกว่าเป็นแฟนของด็อกเตอร์"
แสนและอันยาต่างก็เหวอกันไปทั้งคู่
"กล้ามากเลยนะยะ ที่แสล๋นหน้ามาถึงถิ่นฉัน งั้นมารับรางวัล ลูกตบนรกเรียกพ่อของปุ๊กลุกซะทีเห๊อะ"
ปุ๊กลุกเดือดก่อนจะถลาเข้ามาหาอันยาอย่างบ้าเลือด แสนเหวอ

อันยาช็อคจนข้าวเหนียวหลุดจากมือเพราะงงว่านี่มันอะไรกัน

อ่านต่อหน้า 2

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 2 (ต่อ)

ปุ๊กลุ๊กเงื้อมือเข้ามาจะตบ ไวกว่าความคิดอันยาไปหลบข้างหลังแสนได้ทัน

“นึกว่าเอาพี่แสนบังหน้าแล้วจะพ้นเหรอยะ !”
แสนจับข้อมือปุ๊กลุ๊กไว้ “ปุ๊กลุ๊ก ใจเย็นๆ”
“บอกไปสิ ว่าฉันไม่ใช่แฟนคุณ!”
“ถึง..ถึงผมจะมีแฟนแล้ว” แสนงง “ผมก็ยังเป็นพี่ชาย เป็นเพื่อนของปุ๊กลุ๊กได้นะ”
อันยาเหวอ “ด็อกเตอร์ ทำไมพูดงี้ล่ะ”
แสนส่งซิกทางสายตาขอให้อันยาอย่าเพิ่งพูดอะไร
ปุ๊กลุกกรี๊ดแตก “ไม่จริง !!! ยอมรับแล้วเหรอว่าพาแฟนมาหยามหน้าปุ๊กลุ๊ก สันดานผู้ชายมันเป็นอย่างนี้ ได้แล้วก็ทิ้งขว้าง เห็นเราเป็นของเล่น”
อันยาผงะแล้วมองแสนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ถ้าปุ๊กลุ๊กเห็นว่าผมเป็นคนแบบนั้น ! งั้นคงเลิกเสียเวลากับผมได้สักที ไปกันเถอะ คุณอัน”
“ไม่นะ!” ปุ๊กลุ๊กชี้หน้า “แก! แกต้องเลิกกับพี่แสน นังหน้าว่อก”
อันยาของขึ้นทันที “หน้าว่อกเหรอ!! หน็อย ยัยตัวดำ ยัยหน้าคล้ำ ยัยผิวหมอง”
ปุ๊กลุกช็อคก่อนจะจับหน้า “อ๊าย ! รู้มั๊ยว่าเป็นใคร ฉัน ปุ๊กลุกลูกสาวกำนันโกมลนะ”
ปุ๊กลุ๊กคว้ากระด้งมาจะฟาดอันยา อันยาหยิบผ้าห่อข้าวเหนียวขึ้นมาสะบัดพรึ่บ
“แก !! ทำอะไรของแก !!” ปุ๊กลุ๊กถาม
“เอาไว้ซับน้ำตาที่เช็ดหัวเข่าไง” อันยาว่า ปุ๊กลุกอึ้ง “ถ้าริจะรักคนหลายใจอย่างด็อกเตอร์ ก็ต้องไม่แคร์ที่จะช้ำ! ฉันเองมีผ้าเช็ดหน้าเป็นโหลๆ ไว้คอยซับน้ำตาให้กับกิ๊กแต่ละคนที่เวียนมาไม่ซ้ำหน้ากันของเค้า”
ปุ๊กลุกช็อค “ห๊ะ ! ไม่จริง”
“จริง !” อันยาเถียง
“ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง !”
“จริง ! แท้แน่นอน ไม่ต้องย้ำซ้ำซาก”
ปุ๊กลุกลังเล “งั้น.. งั้นเรื่องคุณหญิงเหมือน กับ..ยัยอิงค์กี้นางเอกสาวจอมฉาวนั้นก็เรื่องจริงน่ะสิ”
อันยาพยักหน้าแล้วเก็กท่าเศร้าสร้อยเสียอกเสียใจ
“จะเหลือเหรอ” อันยาบอก
“พี่แสน ที่นังนี่พูด มันไม่จริงใช่มั๊ย”
แสนตอบไม่ถูก
อันยาใส่ไฟ “จะบอกให้นะ สองคนนั้นน่ะเวียนมารายวัน นี่เรายังไม่ได้พูดกันถึงรายปักษ์รายสัปดาห์ที่ด็อกเตอร์เค้าสต็อกหญิงไว้อีกนับไม่ถ้วนเลย”
“พี่แสน ปฏิเสธสิ ว่ามันไม่จริง!” ปุ๊กลุ๊กบอก
แสนอึกอักเพราะไม่เคยเล่นละครแบบนี้มาก่อน อันยาแกล้งเตะหลังเท้าแสนเข้า
แสนพูด “โอ๊ย ! ตัด.. ตัดใจจากผมซะเถอะ”
“พี่แสนทำกับปุ๊กลุ๊กแบบนี้ได้ยังไง !! ปุ๊กลุกเกลียด เกลียดพี่แสน ทำลายหัวใจรักบริสุทธิ์ดวงน้อยๆของปุ๊กลุกได้ลงคอ ฮือ”
ปุ๊กลุ๊กวิ่งซวนเซวิ่งกระเซอะกระเซิงไป
แสนโล่งอก “หวังว่าเค้าจะไม่เป็นอะไรมากนะ”
“คุณแสน !!! เมื่อครู่ฉันเกือบโดนทำร้ายร่างกาย คุณจะว่ายังไงห๊ะ”
อันยาทำหน้าตาเอาเรื่อง แสนยิ้ม

อันยาของขึ้นจึงจะเคลียร์กับแสนให้ได้
“เมื่อเช้านี้สอง ตอนบ่ายจัดใหญ่มาอีกคน คุณยังมีผู้หญิงซุกไว้อีกกี่คนกันแน่คะ” อันยาว่า
“ปกติ เลขาคนอื่นเค้าไม่กล้าถามผมแบบนี้ ?” แสนบอก
“ฉันไม่เห็นจะต้องเกรงใจคนอย่างคุณเลย คุณไปหลอกปั่นหัวผู้หญิงทิ้งไว้ทั่ว” อันยาว่า แสนจะพูด แต่อันยาไม่เว้นช่องให้เขาพูด “แล้วก็ให้เลขาอย่างฉันมาตามเช็ดตามล้าง!” แสนจะพูด อันยาก็แทรกขึ้นอีก “แล้วที่ยัยปุ๊กลุกปุ๊กล่ำนั่น บอกว่าคุณเห็นเค้าเป็นของเล่น ได้แล้วก็ทิ้งขว้าง มันหมายความว่ายังไง นี่ฉันกำลังช่วยเจ้านายทำเรื่องผิดๆใช่ไหม”
อันยาใส่ไม่หยุดจนแสนต้องเอามือขึ้นมาปิดริมฝีปากบางของเธอไว้ อันยาอึ้ง
“ฟังผมบ้าง ไม่ใช่อย่างงั้นนะ หัวใจผมไม่ได้เต้นแรงกับทุกคน”
อันยามองแสนอย่างตกตะลึงไป แสนเห็นอันยาเงียบเลยเอามือออก
แสนจ้องตาอันยาจริงใจ “ผมต้องผูกมิตรกับปุ๊กลุกเพราะเค้าเป็นลูกสาวของกำนันโกมลที่ค้าปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืชที่ผมเล่าให้คุณฟังไง ผมหวังว่าจะโน้มน้าวกำนันให้มาสนใจแนวทางเกษตรอินทรีย์ดูบ้าง แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเกินกันเลยอย่างที่เค้าพูด”
อันยาฟังแสนนิ่งๆ โดยไม่เถียง แต่สายตาก็ยังครุ่นคิด มาลีเดินมาพร้อมกับมือถือของแสน
“ด็อกเตอร์คะ เมื่อกี๊คนรถโทรมา เค้าบอกว่าจะเอารถมาคอยที่ด้านหน้านะคะ”
แสนพูดกับอันยา “ไปครับ กลับกันซะที วันนี้” แสนพูดหยอกๆ “สนุกมาพอแล้ว”
แสนเดินนำไปก่อน อันยาชะงักกับประโยคสุดท้ายแล้วหันขวับพร้อมกับคิดในใจว่าหมอนี่..แอบกวนนะเนี่ย !

อันยาปรี๊ดให้คิมหันต์ฟัง
“สนุกตรงไหน เค้าเห็นฉันเป็นอะไร นี่คงสะใจล่ะสิที่เห็นสภาพฉัน เป็นแบบนี้ !”
คิมหันต์มองอันยาที่แต่งชุดชาวบ้านซึ่งผิดจากลุคเดิมไกลโข
คิมหันต์ทึ่ง “เค้าก็เก่งนะ ผมพูดตั้งเยอะ เจ๊ไม่ยอมเปลี่ยนแม้แต่รองเท้าสักข้าง ไปทำงานกับเค้าแค่สองวัน แต่งตัวบ้านเลย”
“ชั้นจำเป็นต้องใส่ย่ะ” อันยาโมโห “ฉันไม่ได้เปลี่ยนสไตล์เพราะตานั่น โคลนมันเลอะชุดต่างหาก ชั้นจะไปซื้อชุดเปลี่ยนเดี๋ยวนี้” อันยาลุกจะไป
คิมหันต์เบรกไว้ “ใจเย็นๆคุยกันก่อน เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ เออ ว่าแต่เจ๊..แน่ใจนะ ว่าเจ๊ไม่ได้แบบว่า..”
“แบบว่าอะไร !”
“ก็แบบว่า ไม่ได้เผลอใจอ่อน ตอนที่เค้าบอกว่า” คิมหันต์ทำหน้าเคลิ้ม “หัวใจผมไม่ได้เต้นแรงกับทุกคน”
“ฉันไม่ได้ใจง่ายเหมือนแม่ผู้หญิงพวกนั้นนะ ที่เห็นผู้ชายเป็นพระเจ้า เห็นความรักเป็นที่พึ่งใครจะฟาดฟันกันเพราะผู้ชายก็เรื่องของเค้า แต่ว่าฉันจะเปลี่ยนตัวเองเพื่องานเท่านั้นย่ะ”

อันยาคอนเฟิร์มว่าไม่เสียท่าให้แสนแน่ๆ แต่พอคิมหันต์จ้อง เธอก็หลบตาไม่กล้าสู้ตา

นาฬิกาที่ล็อบบี้คอนโดบอกเวลาในช่วงหัวค่ำ ทวยเทพมานั่งรออยู่ที่ล้อบบี้ อันยาเดินเข้ามาด้วยเสื้อผ้าสไตล์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย

“ผมมันง่ายเกินไปจนคุณเบื่อใช่มั๊ย”
ทวยเทพตัดพ้ออย่างน้อยใจ อันยาหันมาเห็นทวยเทพที่ยืนรออยู่ก็ตกใจ
“ย้ายที่ทำงานไปซะไกล ผมก็อุตส่าห์ให้อภัย แต่พอโทรหา คุณก็ไม่รับสายอีก อันนี่ ทำไมคุณถึงเปลี่ยนไปแบบนี้”
“เอาไว้ ค่อยคุยกันวันหลังนะ ชั้นไม่มีอารมณ์จะคุยเรื่องแบบนี้ตอนนี้” อันยาจะเดินไป
ทวยเทพน้อยใจ “ต้องคุยตอนนี้ ผมมารอคุณตั้งนาน แล้วจะชิ่งไปง่ายๆแบบเนี้ยะน่ะเหรอ”
“พูดให้ดีๆนะ ใครชิ่ง ! ฉันขอให้คุณมาคอยฉันงั้นเหรอ”
“ใช่สิ คุณไม่ได้ขอให้ผมมาคอย แม้แต่โทรศัพท์ผม คุณก็ไม่รับ”
อันยาถอนใจ “มือถือฉันโดนน้ำเข้าตอนที่ล้มลงไปในปลักโคลน” อันยานึกได้ว่าไม่ควรเล่า “ฉันออกไปทำงานนอกสถานที่ แล้วมันมีอุบัติเหตุนิดหน่อย”
“ไม่ใช่แค่นิดหน่อยล่ะมั๊ง ต้องมีอะไรแน่ๆ คุณถึงได้ ดูหมดเรี่ยวหมดแรงซะขนาดนี้แน่ใจเหรอ ว่าคุณแค่ไปทำงาน ?”
“ถามยังงี้หมายความว่ายังไง ! แล้วคุณคิดว่าฉันไปทำอะไร”
ทวยเทพอึ้งไปเมื่ออันยาแรงใส่
“ที่บอกว่าเป็นห่วง จริงๆห่วง หรือว่าหวง กันแน่ ถ้าเป็นอย่างหลัง ฉันขอบอกเอาไว้นะ ว่าคุณไม่มีสิทธิ์ !”
ทวยเทพอยากจะเถียง แต่อันยาพูดขึ้นก่อน
“ฉันเพลียมาก อย่าเพิ่งเพิ่มปัญหาให้ตอนนี้ ! เชิญคุณกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
อันยาพูดแล้วก็ก้าวฉับๆ เข้าไปด้านในโดยไม่สนใจทวยเทพอีก
“อัน... อัน..” ทวยเทพเรียก อันยาไม่หันมา “ทำไมทำตัวแปลกๆแบบนี้นะ”
ทวยเทพข้องใจมากๆ

เช้าวันต่อมา คิมหันต์ซึ่งมีแก้วกาแฟวางอยู่ตรงหน้าถามทวยเทพแบบหยั่งเชิง
“แหมพี่ นึกยังไง ถึงเรียกผมมาเลี้ยงกาแฟแต่เช้า”
“ก็..ฉันเห็นมีแต่นายคนเดียวที่สนิทกับอันนี่ของฉันมากที่สุด” ทวยเทพบอก “ดูเหมือนช่วงนี้เค้า
วุ่นๆนะถามจริงๆเถอะ เจ้านายของอัน เค้าไม่มีใครแล้วเหรอ ถึงส่งผู้หญิงตัวเล็กๆไปทำงานซะไกล”
“พี่ก็ห่วงเกินไป” คิมหันต์ว่า ทวยเทพถลึงตาใส่ “เจ๊เค้าก็แค่.. เป็นประเภทฝันให้ไกลไปให้ถึง มุ่งพิชิตเเป้าหมาย อุปสรรคหน้าไหนมาขวางก็ไม่สนทั้งนั้น”
“นิสัยแฟนฉันเป็นยังไง ทำไมฉันจะไม่รู้”
คิมหันต์เจอเข้าไปดอกนึง
ทวยเทพพูดต่อ “แต่ฉันว่าคุณธกฤตเค้าให้อันทำเรื่องเกินตัวนะ แค่เปิดสาขาใหม่ของบริษัททำไมต้องไปลงคงลงโคลนอะไรด้วย ดูมันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย”
คิมบอมบ์ชะงัก
คิมหันต์คิดในใจ “เจ๊ ไปหลุดปากบอกอะไรนายทวยเทพเข้าวะเนี่ย”
“ฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าเรื่องงานธรรมดาๆแน่” ทวยเทพว่า
คิมหันต์คิในใจ “งานงอกแล้ว จะตอบยังไงดีว๊า”
ทวยเทพจ้องคิมหันต์ด้วยสายตาบีบคั้นรอคำตอบ
“เอ่อ..ผมว่าพี่อย่าคิดมากเลย เรื่องนั้นน่ะมัน”
“เรื่องนั้น!! นายก็รู้ใช่มั๊ย”
“พี่ ใจเย็นๆก่อนนะ ผมว่าเจ๊ เค้าจัดการได้”
“แต่ฉันรับไม่ได้ ถ้าอันเค้าจะแอบไปคบกับผู้ชายคนอื่น”
คิมหันต์ชะงักไปเพราะทีแรกนึกว่าทวยเทพจะรู้เรื่องภารกิจล่าแสนซะอีก !
“มันจริงใช่มั๊ย บอกมาเลยดีกว่า !” ทวยเทพถาม
“โถ่ นึกว่าเรื่องอะไร พี่เข้าใจผิดใหญ่แล้ว ฟังผมนะพี่”
คิมหันต์โล่งอกและพูดโกหกเพื่อกล่อมทวยเทพ

อิงค์กี้ยิ้มเฟคหน้าแบ๊วมาก
“ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ อิงค์กี้พูดว่ายินดีที่ได้รู้จัก คุณอันยา เลขาคนใหม่ของด็อกเตอร์”
อันยาเหวอกับระดับความเฟคที่เข้มข้นของอิงค์กี้
อันยาคิดในใจ “เมื่อวานเพิ่งจะกรี๊ดใส่ฉันไม่ใช่เหรอยะ เปลี่ยนสีไวไปรึเปล่า ?” อันยาพูดอย่างเป็นทางการ “ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”
อิงค์กี้ชะงักไปนิดที่อันยารู้ทันแต่ก็รีบฉีกยิ้มหวาน แล้วหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมใบสวยวางตรงหน้า
“ถ้าไม่รู้จัก ก็ลองไปเซิร์ซข้อมูลในเว็บไซด์ดูได้ จะรู้ว่าเป็นของฝากระดับโกลด์พรีเมี่ยมที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะค่ะ”
อันยากวาดตาสำรวจกระเป๋าอย่างรวดเร็วก่อนจะถาม
“คุณให้ฉัน ?”
“ใช่ค่ะ เมื่อวานนี้เราพบกันแบบขลุกขลักไปนิ๊ส พอดีมีมารมาขวาง อิงค์กี้ก็เลยต้องปราบมาร แต่วันเนี๊ยะ ไม่มีใครมาหาเรื่องแล้ว อิงค์กี้เลยอยากให้คุณ…”
“อันยาค่ะ”
“ชื่อเพราะ วันหลังจะให้คนเขียนบทเอาไปตั้งเป็นชื่อนางเอกในบทที่อิงค์กี้จะเล่นนะคะ”
อันยาขมวดคิ้วด้วยสีหน้าไม่ปลื้ม
“คุณอันยาคงรู้แล้ว ว่าจริงๆอิงค์กี้มีจิตใจเป็นมิตรกับทุกคน ยิ่งเป็นเลขาของคุณแสนด้วยแล้วล่ะก็ อิงค์กี้ยิ่งนับเป็นเพื่อนสนิทเลยล่ะค่ะ”
อันยาฟังอิงค์กี้ตีหน้าใส่ก็ได้แต่ฝืนยิ้มแห้งๆ กลับไปให้
เสียงม.ร.ว.เหมือนดังขึ้น
 
“เหรอยะ สนิทมากเลยเหรอยะ”

ม.ร.ว.เหมือนเยื้องย่างเข้ามาพูดจิกอย่างรู้ทัน

“เห็นเมื่อวาน หล่อนบอกอยากจะจ้างคนเอาน้ำกรดไปสาด คนที่ริอาจจะถ่ายคลิป”
อิงค์กี้หน้าเสียแล้วรีบแก้ตัว “ใส่ร้าย นี่นางเอกนะคะ ไม่ใช่ตัวอิจฉา”
“น้อยไปน่ะสิ !” เหมือนพูดกับอันยา “ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ชอบ ทั้งหน้าฉัน และยัยนังเอกสอดไส้สตรอว์เบอร์รีนี่หรอก”
“ยัยป้าหญิง !” อิงค์กี้ไม่พอใจ
“ฉันยังพูดไม่จบ อย่ามาโขมยซีน” เหมือนพูดกับอันยา “แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่ใช่พวกหน้าไหว้หลังหลอกเหมือนกับบางคน”
“คุณอันยา ปิดโสตประสาทหูไว้ค่ะ อย่าไปฟัง”
ม.ร.ว.เหมือนไม่สน “ความบาดหมางของเมื่อวาน ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ถ้าคุณฉลาดล่ะก็ ต้องรีบคว้าโอกาสดีๆที่ฉันให้คุณในครั้งนี้”
ม.ร.ว.เหมือนวางกระเป๋าแอร์เมสแบบเดียว สีเดียวกันเป๊ะกับของอิงค์กี้ให้อันยาแล้วก็เพิ่งจะเห็นว่าบนโต๊ะมีวางอยู่แล้ว
ม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้ตกใจ “เอ๊ะ !!”
“รู้สึกว่าคุณสองคนจะชอบคน และสิ่งของสเป็คเดียวกันเลยนะคะ”
ม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้จ้องตากันอย่างรังเกียจ
“ของก็อปรึเปล่าค่ะป้า” อิงค์กี้ถาม
“ระดับฉัน มีแต่ของเกรดเอ!” เหมือนบอก
สองสาวจ้องกันชนิดตาจะลุกเป็นเพลิง
“หลบไปดีกว่า ฉันมาก่อน !”
ม.ร.ว.เหมือนพูด “แต่ฉันคือหม่อมราชวงศ์หญิงเหมือนนิรมิตร ชั้นต้องอยู่แถวหน้าเสมอ”
“ป้าเหมือนก็แค่นั่งแถวหน้า แต่ฉันอยู่บนเวที”
“หนอยนั่งนี่!!” เหมือนทำท่าจะเงื้อมือตบ
“เอ้าซี่ นางเอกเดี๋ยวนี้ก็ตบเป็นไฟได้ไม่แพ้ตัวอิจฉา !”
“หยุดค่ะ ! เลิกทะเลาะกันซะที ไหนว่ามาดีกันไงล่ะคะ”
ม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้แย่งกันพูด “แล้วเธอจะรับของของใคร / รับของใครล่ะคะ คุณเลขา”
ทั้งสองสาวทั้งข่ม ทั้งแย่งชิงกันจะเอาคำตอบจากอันยา

แสนเพิ่งมาถึง เขาถือกระเป๋าเอกสารมาแล้วเห็นด้านหลังของอันยาก็จะเข้ามาหา แต่พอเห็น ม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้อยู่ด้วยก็ชะงักไปหลบดูเหตุการณ์
อันยาถามอย่างรู้ทัน
“นี่เป็นการให้ของ หรือว่าเป็นการบังคับกันแน่คะเนี่ย ?” อันยาถาม
อิ้งค์กี้พูด “รู้เอาไว้ ว่าถ้าใครดีกับฉัน ฉันจะดีตอบเป็นร้อยเท่า”
ม.ร.ว.เหมือนพูดต่อ “เธอควรจะเลือกข้างให้ถูก ใครกันแน่มีเปอร์เซนต์มาเป็นนายผู้หญิงของเธอ
อนาคตทางการงานจะได้แจ่มไปนานๆ”
ม.ร.ว.เหมือนทำท่าจะเถียง
อันยารีบเบรค “ไม่ต้องข่มกันมากหรอกค่ะ ฉันเลือกได้แล้ว”
แสนรอฟังอย่างลุ้นๆ
อันยาตัดสินใจแล้วพูด
“ฉันขอไม่รับของจากคุณทั้งคู่”
ทั้งม.ร.ว .เหมือนและอิงค์กี้อึ้ง
“นี่หล่อนยังไม่พอใจอะไรอีก เงินเดือนหล่อนทั้งปี ยังซื้อหูหิ้วกระเป๋าไม่ได้ด้วยซ้ำ” เหมือนว่า
“รู้จักคิดหน่อยสิ ของอาจจะเหมือนกัน แต่ซุปตาร์อย่างฉันให้เธอเองกับมือเลยนะ” อิงค์กี้บอก
อันยาจ้องตาทั้งคู่อย่างมั่นใจ “ของๆพวกคุณจะราคาแค่ไหนก็ตาม หน้าที่การงานของฉันมันก็แพงและมีค่ากว่านั้นมากค่ะ”
ม.ร.ว.เหมือน และอิงค์กี้จี๊ดที่โดนย้อน
อันยาพูดต่อ “ถ้าคิดว่าจะเอาของพวกนี้ มาล่อให้ฉันยอมจัดคิวด็อกเตอร์แสนให้ หรือว่าให้คอยเป็นหูเป็นตา ปัดแมลงหวี่แมลงวัน ซึ่งมันไม่ใช่หน้าที่ของเลขาอย่างฉันที่ต้องมาทำ ฉันก็คงรับของๆพวกคุณไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
อิงค์กี้พูดกับม.ร.ว.เหมือน “ทำไมมันรู้อ่ะ !”
ม.ร.ว.เหมือนชักสีหน้าเพราะไม่พอใจที่อันยารู้ทัน
“ฉันไม่มีวันแลกแฟชั่นวูบวาบพวกนี้ กับชื่อเสียง และเครดิตในการทำงานที่มั่นคงของตัวเองหรอก เชิญคุณสองคนเอาสินบนไปล่อคนที่เค้าคิดอะไรตื้นๆจะดีกว่า อ้อ ได้เวลางานแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” อันยาเดินเชิ่ดผ่ากลางทั้งสองสาวไปทันที
ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้เจ็บใจๆๆ
แสนซึ่งแอบมองเหตุการณ์อยู่อมยิ้มออกมาด้วยความชื่นชมในตัวอันยา

อันยาเดินกระแทกส้นเท้าบ่นมา
“นึกว่าเราไม่รู้ล่ะซี๊ ! ของเมดอินเสิ่นเจิ้นทั้งคู่ ชิ ! ให้ฉันแลกตำแหน่งหัวหน้าแผนกกับของปลอมเนี่ยนะ !” อันยาส่ายหน้า “ไม่มีวันซะล่ะ”
โทรศัพท์ที่โต๊ะเลขาฯดังขึ้น
อันยารับสาย “สวัสดีค่ะออฟฟิศเพียงพอดี เลขาด็อกเตอร์แสนพูด” อันยาชะงักไป “ด็อกเตอร์ ? ขอเชิญฉันที่ห้องกรรมการบริษัทเหรอคะ?”
อันยาแปลกใจ

บุรินทร์มองอันยาค้างแบบว่าเกินคาดจริงๆ
“บอส นี่คุณอันยาที่บอส บอกว่าอยากพบไงครับ” แสนแนะนำ บุรินทร์ยังมองตะลึงอยู่ “บอส”
เพียงดาวแขวะ “ปกติ ไม่ค่อยมีคนแต่งกายไม่สุภาพเข้ามาพบบอสน่ะค่ะ”
อันยาชะงักและหน้าเสียไปเล็กน้อย
“ไม่สุภาพอะไรกัน” บุรินทร์แก้ตัวให้อันยา “ก็แค่แปลกใหม่หน่อยเท่านั้นเอง บริษัทเราไม่ตัดสินใครที่การแต่งตัวหรอกนะ”
เพียงดาวเหวอไป เธอเดินไปทิศอื่นอย่างอารมณ์เสีย
“ผมได้ยินข่าวซุปเปอร์เลขาคนใหม่ของแสน ที่รับมือคุณหญิงกับคุณอิงค์กี้ได้ เลยอยากเจอตัวจริงมาก”
“ท่านชมเกินไปแล้วค่ะ ฉันก็แค่ทำหน้าที่ของเลขา” อันยาประชด “เคลียร์ทางสะดวก เอ่อ อำนายความสะดวกให้เจ้านายน่ะค่ะ”
บุรินทร์ฟังไม่ออกว่าประชดจึงตบบ่าแสน “นายโชคดีจริงๆ ที่ได้เลขาไหวพริบเยี่ยมแบบนี้
อันยาทำเป็นยิ้มยินดีกับคำชมแต่ในใจคิดว่า
“เหมือนกันหมดทุกวงการ เข้าข้างพวกผู้ชายด้วยกัน !”
“ครับ แต่ว่าบอสคงไม่ได้เรียกพวกเรา มาเพื่อพูดเรื่องนี้ แค่นั้นมั๊งครับ” แสนบอก

บุรินทร์ชะงักไปนิดๆ ที่แสนรู้ทัน

เสียงอันยาพูดขึ้น

“มีรายการสดมาขอสัมภาษณ์ด็อกเตอร์”
บุรินทร์ยิ้มกว้างแต่พอเห็นสีหน้าแสนนิ่งๆ ก็หุบยิ้มลงเล็กน้อย
บุรินทร์พูดกับอันยา “ใช่ ตั้งแต่ก่อนจะรับรางวัลนักวิยท์ดีเด่นแล้ว เดี๋ยวก็สกู๊ปข่าว เดี๋ยวแม็กกาซีน เดี๋ยวจดหมายเชิญไปออกรายการ ยิ่งพอรับรางวัลไปแล้ว ยิ่งฮอทใหญ่”
“ถ้าให้ฉันเดานะคะ ด็อกเตอร์..มักจะปฏิเสธ” อันยาบอก
บุรินทร์เซอร์ไพร์ส “อันยา จะไม่ให้ผมเรียกคุณว่าซุปเปอร์เลขาได้ไงเนี่ย”
“ไม่ต้องตื่นเต้นมากก็ได้นะครับ บอส” แสนว่า
“ก็มันใช่เลย แสน ฉันรู้ว่านายอยากจะทำงาน มากกว่าออกสื่อนะ แต่ว่า..”
แสนพูดต่อให้ “..แต่ว่ามันช่วยประชาสัมพันธ์ให้บริษัทเราด้วย”
“แหม ท่องได้เลยนะ” บุรินทร์ว่า
“แต่ผมไม่แน่ใจว่ารายการ “ผู้หญิงอยากบอก” ต้องการรู้เรื่องการทำงานของเราจริงรึเปล่า”
“ฉันดูรายการนี้ค่ะ”
บุรินทร์และแสนหันไปมองอันยาที่ตาเป็นประกาย
“โอเค เค้าเน้นเชิญหนุ่มฮอทจากหลายๆวงการมาสัมภาษณ์ อาจจะเจาะถามเรื่องส่วนตัวมากไปนิด แต่..ก็ไม่ถึงขั้นเสียหายอะไรนี่คะ”
แสนนิ่งอยู่เพราะว่าไม่ชอบอะไรแบบนั้น
“ฉันยังเคยชอบดาราคนนึง ที่หล่อมวาก แล้วเค้าเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เค้าเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันตั้งใจเรียนจนได้ที่หนึ่งของชั้นแน่ะค่ะ” อันยาบอก
บุรินทร์ฟังอันยาชอบใจ
“ถึงแม้ว่าผู้ชมจะเลือกชมรายการเพราะอยากจิ้นแขกรับเชิญ”
แสนสะดุ้งนิดๆ
“โทษทีค่ะ ปลื้มแขกรับเชิญ แต่ฉันก็เชื่อ ว่าหลายๆคนจะได้รับสารดีๆกลับไป” อันยาพูดกับแสน “เชื่อฉันเถอะค่ะ ต้องมีบางคนประทับใจ แล้วก็อยากทำอะไรดีๆมากขึ้น เพราะได้เห็นสิ่งที่ด็อกเตอร์ และบริษัทนี้ทำแน่ๆค่ะ”
บุรินทร์ปลื้มคำพูดของอันยามากๆ จนถึงกับยกนิ้วให้และพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว แสนอึ้งไปเมื่อได้ฟังแบบนั้นก็ต้องคิดหนักแล้ว

แผ่นซีดีถูกยื่นมาตรงหน้าอันยา
แสนพูด “คุณชนะ นี่ซีดีภาพการทำงานของผมและทีมงาน โปรเจ็คท์ข้าวอินทรีย์ที่หมู่บ้านนกกระเต็นเมื่อปีที่แล้ว ตามที่บอสสั่ง ว่าให้ส่งซีดีนี้ให้รายการเปิดระหว่างการสัมภาษณ์สด”
อันยาแอบเยสในใจ แต่ทำสีหน้าเหมือนไม่มีอะไร
“ชนะอะไรกัน ฉันก็พูด..เพราะว่าหวังดีต่อคุณ ต่อบริษัทเท่านั้นแหล่ะค่ะ”
อันยายิ้มให้แสนเหมือนจริงใจแต่ทว่าแอบมีแววตาร้ายเมื่อแสนไม่ได้มองอยู่

คิมหันต์คุยมือถือด้วยสีหน้าตกใจ !
“โหดไปรึเปล่าเจ๊ !! นี่มันทำลายเครดิตกันขั้นรุนแรงเลยนะ”
อันยาที่คุยกับคิมหันต์อยู่กระสับกระส่าย
“แต่โอกาสมันมาแล้วนี่ ถ้าเราไม่คว้าเอาไว้ตอนนี้ ! แล้วต้องรอถึงเมื่อไหร่”
คิมหันต์ไม่สบายใจ
อันยาพูดจากโทรศัพท์ “แกทำได้น่ะ ฉันรู้!” อันยาแหย่ “หนุ่มๆสมัยนี้ มีสะสมเอาไว้อยู่แล้ว จริงป่ะล่ะ”
“แหม ก็มีบ้าง มันธรรมดาของผู้ชาย”
อันยาพูดจากโทรศัพท์ “งั้นก็รีบจัดการซะ ทางรายการผู้หญิงยิงอะไรพอรู้ว่าได้คิวด็อกเตอร์ ก็รีบแทรกคิวถ่ายทำมาให้เลย ตอนบ่ายสองวันนี้”
คิมหันต์อึ้ง “ห๊ะ บ่ายสองเนี๊ยะนะ” คิมหันต์หันมองนาฬิกาก็พบว่า 11 โมงเข้าไปแล้ว
อันยาพูด
“เค้าว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก ด็อกเตอร์กำลังฮอท ต้องรีบสัมภาษณ์ให้รับกับกระแสน่ะ”
อันยารู้ว่าคิมหันต์ยังไม่สบายใจจึงปลอบ
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ถือว่าเป็นกรรมของอีตาด็อกเตอร์นั่นก็แล้วกัน ที่เค้าเองก็ทำกับพวกผู้หญิงเอาไว้เยอะ กรรมก็เลยส่งฉันมาตามสนองอยู่นี่ไง”
คิมหันต์ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำครั้งนี้
อันยาพูดจากโทรศัพท์ “เอาล่ะ รีบจัดการ แล้วรีบเอาของมาส่งเร็วๆเข้าล่ะ”
คิมบอมบ์ได้ยินเสียงอันยาวางสายไปแล้วแต่ยังลังเลใจไม่หาย

นาฬิกาข้อมือของอันยาบอกเวลา 13.55 นาฬิกา
อันยาร้อนใจ “มัวทำอะไรอยู่นะ”
อันยากดมือถือเมื่อเห็นหน้าจอว่าสายต่อไปหาชื่อ “คิมบอมบ์” แต่ไม่มีคนรับสาย
“โถ่เอ๊ย !” อันยาเซ็ง
เมขลาเดินมาเห็นท่าทางอันยา
“อันโกะ เป็นไรรึเปล่าจ๊ะ” เมขลาถาม
อันยาสะดุ้งด้วยความตกใจ “โถ่! ตกใจหมด”
“ท่าทางเธอไม่ค่อยโอเคเลยนะ มีอะไรให้ฉันช่วยมั๊ย”
อันยาอึดอัดใจว่าจะเอายังไงดี
อันยาเห็นรถตู้มีสติ๊กเกอร์รายการ “ผู้หญิงอยากบอก” แปะหราอยู่ รถตู้จอด ทีมงานทยอยกันลงมา

อันยาพูดออกมาว่า “มี”

อ่านต่อหน้า 3

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 2 (ต่อ)

เมขลายืนรอที่หน้าออฟฟิศ

“ไม่เห็นจะมีใครเลย”
เมขลาลังเลกำลังจะเดินกลับเข้าไป
เสียงมอเตอร์ไซค์กระหึ่มมา รถจอดอย่างเร่งรีบชนิดเกือบจะเฉียดตัวเมขลา
เมขลาตกใจ “ว๊าย!”
เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ถอดหมวกกันน็อคออกซึ่งก็คือคิมหันต์ซึ่งหล่อเทพแบบเกาหลี แต่หน้าโทรมเหงื่อเพราะขี่มอเตอร์ไซค์มาไกลและมาถึงอย่างเคร่งเครียดและอึมครึมมาก
แม้จะเห็นว่าทำให้เมขลาตกใจ แต่คิมหันต์ก็ไม่มีแก่ใจถามไถ่ เขาสอดส่ายหาอันยาไปทั่ว
เมขลามอง “คุณ ใช่คนที่เอาของมาส่งให้อันโกะ เอ๊ย คุณอันยารึเปล่าคะ”
คิมหันต์หันมามองเมขลาด้วยท่าทางที่ยังไม่ไว้ใจ
“คุณอันยาต้องไปรับแขกให้ด็อกเตอร์แสน เลยฝากให้ฉันรับของจากคุณไปให้เค้าน่ะค่ะ” เมขลาเห็นซองซีดีที่สอดไว้ในเสื้อคิมหันต์ “ใช่ของในซองนั่นรึเปล่าคะ” เมขลาชี้ไป
เมขลาเอื้อมมือจะหยิบ
คิมหันต์รีบพูด “ไม่ต้อง! ผมเอาไปให้เจ๊ เอ่อ.. คุณอันยาเอง”
“ฉันเอาไปให้ได้ค่ะ คุณอันยาสั่งฉันเอาไว้” เมขลาจะหยิบอีกทำให้ทั้งสองยื้อกันไปมา
คิมหันต์ตะคอก “พูดไม่รู้เรื่องเหรอ ผมบอกว่าผมจะเอาไปให้เอง !!...อุ่ย” คิมหันต์รู้สึกตัวว่าพูดแรง
เมขลาชะงักกึ้ก
“งั้น..” เมขลาถอยออกมา “คุณอันยาอยู่ข้างในค่ะ”
คิมหันต์อึ้งเมื่อเห็นเมขลาหน้าเสีย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เมขลาก็หันหลังเดินเข้าไปเสียแล้วคิมหันต์ถอนใจที่เผลอดุไปแล้ว

ซีดีในมือคิมหันต์ยื่นส่งมาให้อันยา
“อันโกะได้ของแล้ว งั้นเมขอตัวก่อนนะ” เมขลาบอก
คิมหันต์ยิ้มเหมือนจะขอโทษ
เมขลายิ้มตอบแบบดูเป็นมิตรขึ้นแล้วเดินออกไป
พอเมขลาเดินไปแล้ว คิมหันต์ก็หันมาถามอันยาทันทีด้วยท่าทางไม่พอใจ
“ทำไมเจ๊ให้คนอื่นมารับของแทน มันเสี่ยงแค่ไหนรู้มั๊ย ไม่ใช่เจ๊พังคนเดียวนะ ผมก็พังด้วย”
“ก็แกอยากมาเลททำไมล่ะ ไม่ต้องเครียดน่ะ ระดับฉัน ดูคนเป็น คุณเมเค้าไม่มีอะไรหรอก ไม่มีทางเปิดดูของข้างในแน่ๆ”
คิมหันต์ยังไม่เห็นด้วยเท่าไหร่
“เอาของมาได้แล้ว” อันยาบอก
คิมหันต์อึดอัดแต่แพ้ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของอันยา เขายื่นซองใส่ซีดีให้พร้อมกับถาม
“แน่ใจแล้วเหรอ ว่าจะทำจริงๆ”
อันยามองแล้วก็สู้กับจิตใจตัวเอง
“ลืมไปแล้วเหรอ ว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ ยิ่งปิดจ็อบได้ไวเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
อันยาเอื้อมไปหยิบซีดีมาเลย
“ขอบใจมากนะ ทีนี้แกกลับไปได้แล้วล่ะ”

สตาฟเดินมาบอกเมขลา
“จะเริ่มถ่ายทำแล้วเหรอคะ” เมขลาถาม
“ครับ ด็อกเตอร์บอกว่าอยากให้คุณอันยาเตรียมพร้อมอยู่ในสถานที่ถ่ายทำด้วย” สตาฟบอก
เมขลารับฟังความต้องการของสตาฟ

อันยาหันหลังจะไปแต่คิมหันต์กลับจับมืออันยาเพื่อรั้งเอาไว้
“เจ๊ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ที่เราทำ มันจะทำลายศักดิ์ศรี และหน้าตาของคนๆนึงไปตลอดชีวิตของเค้าเลยนะ”
อันยาเครียดเพราะก็รู้อยู่แก่ใจ
เมขลาเพิ่งจะเดินมาถึงบริเวณใกล้ระเบียง
“ถ้าเลิกได้มันก็ดี แต่.. พวกเรามีทางเลือกงั้นเหรอ!”
อันยาดึงมือออกจากคิมหันต์แต่คิมหันต์ยังไม่สบายใจจึงจะแตะตัวอันยาอีก
“เจ๊ !”
อันยาหนีมือของคิมหันต์ “กลับไปได้แล้ว”
เมขลาเพ่งมองการแสดงออกของสองคนนี้ว่ายังไงกันนี่ อันยานึกอะไรขึ้นได้จึงหยิบปึกเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วส่งให้คิมหันต์
“เอ้านี่ ค่าน้ำมันแก”
คิมหันต์ยื่นมือมารับเงิน
“พอรึเปล่า” อันยาถาม
คิมหันต์พยักหน้าแต่ยังมีสีหน้าไม่สบายใจอยู่
“ไปได้แล้ว” อันยาผลักให้คิมหันต์กลับไป
คิมหันต์ผละไป
เมขลาใจหาย “อันโกะ.. โถ่เอ๊ย!”
เมขลาที่แอบมองอันยาอยู่รู้สึกเห็นใจมากๆ

คิมหันต์เดินกลับออกมาทางมุมประชาสัมพันธ์แล้วใช้สายตาเหลือบมองหา
คิมหันต์เรียกแม่บ้าน “ขอโทษนะครับ เมื่อครู่นี้มีผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาวๆ รู้สึกว่าจะเป็ประชาสัมพันธ์ของที่นี่ เค้าไปไหนแล้วรู้มั๊ยครับ”
“ประชาสัมพันธ์? งั้นคงเป็นคุณเม เข้าไปดูเค้าถ่ายรายการข้างในแล้วมั๊งคะ” แม่บ้านบอก
“เหรอครับ งั้นไม่เป็นไร ขอบคุณครับ”
แม่บ้านเดินจากไป
“ว่าจะขอโทษซะหน่อย” คิมหันต์เดินออกไป
คล้อยหลังคิมหันต์ไปนิดเดียว เมขลาเพิ่งเดินออกมาเห็นด้านหลังคิมหันต์ที่กำลังเดินออกไป
“ทำไมอันโกะถึงชอบผู้ชายแบบนี้นะ ถึงกับกล้ามาไถเงินแฟนในที่ทำงาน”

เมขลาเฮิร์ทแทนอันยา

แสนนั่งให้ช่างผมเซ็ทผมให้เขาอยู่ พี่หนูตุ่ม พิธีกรที่ถือสคริปท์อยู่ในมือกำลังคุยซ้อมคิวอยู่กับแสนไปด้วย

บริเวณโดยรอบคือจุดถ่ายทำรายการซึ่งเป็นห้องประชุมที่กรุกระจกให้เห็นสวนอันร่มรื่นรอบๆ ออฟฟิศเพื่อบ่งบอกคอนเซปต์ความเป็นกรีนและอีโคออฟฟิศ สตาฟกำลังเซ็ทเตรียมถ่ายใกล้จะเสร็จ พนักงานเพียงพอดีบางส่วนมารอดูการถ่ายทำ
อันยาเดินเข้ามาในบริเวณที่เตรียมไว้สำหรับถ่ายทำรายการและเห็นแสนคุยกับพิธีกรอยู่
หนูตุ่มพูด “ประมาณเนี๊ยะแหล่ะค่ะ ไอคิวระดับด็อกเตอร์ ไม่พลาดอยู่แล้วโน๊ะ” หนูตุ่มดูนาฬิกา “อีก 15 นาทีนะคะ” หนูตุ่มผละไป
ช่างแต่งหน้าจะโบ๊ะหน้าเพิ่มให้แสน แสนยกมือห้าม
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็พอแล้ว”
อันยาเดินเข้ามา
“ตบเพิ่มอีกนิด ไม่ดีเหรอคะ” อันยาบอก แสนเหล่อันยา “เคร เคร ฉันไม่แกล้งและ ไม่ต้องห่วงนะคะ แล้วทุกอย่างก็จะเรียบร้อย”
อันยาพูดปลอบแต่เหมือนกับว่ามีอะไรลึกๆ อยู่ในใจ

อันยายื่นแผ่นซีดีให้กับสตาฟซึ่งตั้งโต๊ะควบคุมทางเทคนิคอยู่ไม่ห่างจากจุดที่ถ่ายทำ บนโต๊ะมีโน้ตบุ๊คที่เปิดซีดีได้ มีสายเชื่อมต่อกับโปรเจ็คเตอร์
“เปิดได้เลยนะคะ ฉันเช็คแผ่นให้แล้ว” อันยาบอก
“โอเค ขอบคุณครับ” สตาฟพูด
สตาฟรับแผ่นซีดีจากอันยาแล้วเอามาวางไว้ใกล้ๆ กับโน้ตบุ๊ค อันยามีแววตาร้ายกาจและมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ

อันยายืนมองทีมงานเซ็ทฉากอย่างกระหยิ่มใจแล้วจึงถามสตาฟ
“เอ๊ะ จอแอลซีดีที่จะฉายภาพการทำงานของด็อกเตอร์ อยู่ตรงไหนเหรอคะ” อันยาถาม
แต่เพียงดาวเป็นคนก้าวออกมาตอบ
“ไม่ได้ใช้แอลซีดีแล้วล่ะ บอสสั่งให้ใช้อันนั้น”
เพียงดาวชี้ไปที่ฉากขาวด้านหลังซึ่งเป็นโปรเจ็คเตอร์ไซส์ยักษ์ อันยาผงะไปเล็กน้อย
“บอสอยากให้ผู้ชมเห็นภาพการทำงานของด็อกเตอร์ และพนักงานบริษัทเราชัดๆ”
อันยาชักจะหวิวๆ
“คุณอันยาว่า อันนี้ชัดพอมั๊ยครับ ?” เอกชัยถาม
“เอ่อ...ชัด..ชัดเลย !” อันยาชักเครียด
“โปรเจ็คท์ปีที่แล้วเราทุกคนทำงานกันหนักมาก โดยเฉพาะด็อกเตอร์ ถ้าแพร่ภาพออกไป แล้วมีคนเห็นความตั้งใจของเรา ก็จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่นี่น่ะจ้ะ”
เมขลาพูดด้วยความหวังในขณะที่อันยาฟังแล้วกลับเสียววูบ
“เมรู้เรื่องที่อันโกะเชียร์ด็อกเตอร์ให้ยอมถ่ายรายการแล้วนะ อันโกะเก่งมากๆเลย ขอบใจนะจ๊ะที่ทำเพื่อบริษัทเรา”
อันยาอึ้งๆ แม้แต่จะยิ้มตอบเมขลาก็ยังยาก

อันยาเอ่ยถาม “มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ ?”
“อันยา ผมเห็นสคริป์ของรายการทั้งหมดแล้ว” แสนคิดแล้วตัดสินใจพูด “ตอนแรกที่ผมไม่เห็นด้วยกับคุณ ผมขอโทษนะ จริงๆมันก็โอเค ผมสามารถ สื่อสารแนวคิดการเกษตรแบบยั่งยืนของบริษัทเรากับผู้ชมได้มากเลยล่ะ”
อันยาอึ้งเพราะไม่นึกว่าแสนจะถึงกับมาขอโทษ
“ไม่..ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่” อันยาอึกอักเล็กๆ “ของเลขาอย่างฉันอยู่แล้ว”
“จริงๆมีเรื่องที่..ผมอยากจะบอกคุณอีกเรื่อง”
อันยาขมวดคิ้ว แปลกใจว่าแสนจะพูดอะไร
“เมื่อเช้าผมเผอิญไปได้ยินที่คุณหญิงเหมือนกับคุณอิงค์กี้เอาของมาให้คุณ”
อันยาชะงักและเริ่มใจเสีย
อันยาคิดในใจ “โอ้ย จะชมให้ชั้นรู้สึกแย่ไปถึงไหนเนี่ย!”
“สิ่งที่คุณพูดกับพวกเค้า ผมว่ามันเป็นมากกว่าหน้าที่ มันคือความซื่อสัตย์ และความเคารพตัวเองที่นับวันจะหาได้ยากขึ้น ในยุคที่คนบูชาเงิน หลงใหลวัตถุกันแบบนี้”
อันยาอึ้งและชะงักไปพลางคิดในใจว่า อ้าว ชมหรอกเหรอ แล้วเธอก็นึกไปถึงคำพูดตัวเองในอดีต
“ฉันไม่มีวันแลกแฟชั่นวูบวาบพวกนี้ กับชื่อเสียง และเครดิตในการทำงานที่มั่นคงของตัวเอหรอก เชิญคุณสองคนเอาสินบนไปล่อคนที่เค้าคิดอะไรตื้นๆจะดีกว่า”
อันยารับคำชมด้วยยิ้มฝืนๆ
อันยาโดนชม แต่เธอรู้สึกเหมือนโดนด่า “บอส.. ..ชมเกินไปแล้วล่ะค่ะ”
“คุณสมควรได้รับคำชม เลขาคนก่อนที่เค้าต้องรับมือกับเรื่องนี้” แสนเว้นไว้ไม่พูด “ผมก็ไม่โทษเค้าหรอกนะ เค้าแค่ไม่มีจุดยืนที่มั่นคงเหมือนกับคุณ”
อันยาคิดในใจ “ใช่ จุดยืนฉันที่ต้องดิสเครดิตคุณให้ได้ มันมั่นคงมาก”
“ตอนแรกผมว่าจะไม่พูด แต่มาคิดๆดู คนดีควรได้รางวัลไม่ใช่เหรอครับ ใครทำดีเราก็ต้องชื่นชม” แสนยิ้มจากใจ “ผมคิดไม่ผิดจริงๆที่ผมไว้ใจคุณ อันยา”
อันยามองแววตาของแสนที่ชื่นชมมาอย่างไม่ระแคะระคายเลยสักนิดแล้วก็แทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว...

อาโปลับๆล่อๆรื้อกองแฟ้มหาของบางอย่างอยู่ที่โต๊ะพนักงานคนหนึ่ง
“อยู่ไหนน๊ะ” แล้วอาโปก็ตาโตเมื่อเห็นบางอย่างซึ่งก็คือแฟ้ม “จดหมายลา”
อาโปมองซ้าย ขวา เจ้าของโต๊ะยังไม่กลับเขาจึงรีบหยิบแฟ้มมาเปิดไล่หารายชื่อจดหมายที่ต้องการ
อาโปเห็นชื่อที่เซ็นรับรองไว้ด้านล่างของจดหมายว่าคือ “นางสาวอันยา รักษ์เรืองรอง”
“เจอแล้ว จดหมายลาของยัยอันยา ดูซิ ว่าลาไปไหนกันแน่”
อาโปรีบไล่อ่านเนื้อความของจดหมายอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
เสียงก้อยดังขึ้น “พี่อาโป ?”
อาโปรีบปิดแฟ้มซึ่งปิดแรงซะจนแฟ้มหล่นลงมา อาโปหันมายิ้มกลบเกลื่อน
“พี่ทำอะไรคะ” ก้อยถาม
“เอ่อ คือๆ หาแฟ้มไม่เจอน่ะจ้ะ แฟ้มรายชื่อลูกค้าน่ะ พี่ว่าพี่วางลืมไว้แถวนี้” อาโปทำท่าหา
“มีเหรอคะ” ก้อยช่วยพลิกหา
ระหว่างที่ก้อยช่วยหาแฟ้ม อาโปก็ก้มลงแอบแง้มดูจดหมายลาของอันยาที่ดูค้างไว้
“พี่คะ ก้อยว่าไม่มีหรอกค่ะ ก้อยเพิ่งจัดไป” ก้อยเหลือบไปเห็นแฟ้ม “จดหมายลา” หล่นอยู่ที่พื้น “อ้าว” ก้อยเอื้อมมือจะไปหยิบ
อาโปเสียดายและอยากคว้าเอาไว้มากๆ “พี่ พี่ช่วยหยิบจ้ะ”
อาโปทำเป็นคืนแฟ้มให้ก้อย แต่สายตาแอบกวาดดูสุดฤทธิ์
ก้อยหยิบมาได้ก็ปิดแฟ้มเลย “ถ้าก้อยเห็นแฟ้มพี่ จะเอาไปคืนให้นะคะ”

อาโปจำยอมพยักหน้าก่อนจะเดินออกมาแต่มีท่าทางหวาดเสียวไม่หาย

อันยายืนอยู่ด้วยท่าทางหวาดๆ เธอมองบรรยากาศการเตรียมถ่ายทอดสดอย่างอึดอัดในขณะที่ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ทีมงานตะโกนบอกคิว

“เดี๋ยวเชิญด็อกเตอร์นั่งที่เก้าอี้ได้เลยนะครับ”
เมขลาเดินมาอย่างตื่นเต้น เธอเข้ามาหาอันยาซึ่งกำลังมีหน้าตาซีดเซียวอยู่
“อุ๊ย มือเย็นเจี๊ยบเลย ตื่นเต้นแทนด็อกเตอร์เหรอจ๊ะ” เมขลาถาม
“จริงด้วยครับ หน้าซีดเลยนะครับเนี่ย” เอกชัยว่า
แสนที่กำลังจะไปนั่งหันมามองแล้วก็สังเกตเห็นเหมือนกัน
“ไม่สบายรึเปล่าอันยา ?” แสนถาม
อันยามองแสนที่ถามขึ้นอย่างห่วงใย
คิมหันต์คิดในใจ “ที่เราทำ มันจะทำลายศักดิ์ศรี และหน้าตาของคนๆนึงไปตลอดชีวิตของเค้าเลยนะ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ คือ..” อันยามองบนโต๊ะซึ่งมีซีดีวางอยู่อย่างบีบหัวใจมากๆ “ด็อกเตอร์คะ คือว่า”
“คุณมีอะไรจะบอกผมเหรอ”
“คือว่า ฉัน...ฉัน”
เมขลา เพียงดาว และเอกชัยต่างพากันมองมาด้วยความสงสัย
“บอกมาเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” แสนบอก
อันยาอึดอัดและลำบากใจมากๆ เมื่อมองจอโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่ยักษ์แล้วไม่อยากนึกถึงสิ่งที่จะเกิด
“คือฉัน..” อันยาอึกอัก
สตาฟเร่ง “ด็อกเตอร์ครับ!”
อันยาชะงักแต่ก็ต้องห้ามตัวเองไว้ “คือ..คือฉันแค่จะบอกว่า”
อันยาบีบมือที่เกร็งไปหมดเพราะลุ้นว่าจะพูดหรือไม่พูด
ในที่สุดอันยาก็พูดออกมา “โชคดีนะคะบอส” อันยาฝืนยิ้มให้
แสนแปลกใจเล็กๆ แต่ก็พยักหน้าให้ก่อนจะเดินไปประจำที่ อันยาเบือนหน้ากลับมาทันทีด้วยความเครียด
“เป็นเอามาก ! ตัวเองไม่ได้ออกทีวีเองซะหน่อย” เพียงดาวว่า
เพียงดาวอดแขวะอันยาไม่ได้

เริ่มการถ่ายทำ กล้องจับที่พี่หนูตุ่มซึ่งกำลังพูดเปิดรายการ
“สวัสดีค่ะท่านผู้ชม พี่หนูตุ่มขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ช่วงสนทนาของ ผู้หญิงอยากบอก! และแขกรับเชิญของเราในวันนี้มีดีกรีเป็นถึงด็อกเตอร์หนุ่ม ที่ทั้งหล่อและโสดด้วยอ่ะว์! ไม่น่าเป็นไปได้เลยใช่มั๊ยล่ะคะ ขอเชิญคุณผู้ชมพบกับด็อกเตอร์แสน เผื่อนนาดี ค่า”
แสนนั่งอยู่บนเก้าอี้แขกรับเชิญ เขายกมือไหว้ผู้ชมในรายการ
เสียงปรบมือจากพนักงานของบริษัทดังขึ้นอย่างเชียร์กันเต็มที่ เพียงดาวเชียร์แสนออกนอกหน้า พอเอกชัยและพนักงานมองเธอก็รีบกลับมาวางฟอร์ม อันยาไม่มีสมาธิ ตาของเขาคอยจับจ้องไปที่โต๊ะของสตาฟที่วางซีดีนั้นเอาไว้ !

เมรีตบโต๊ะทำงานอย่างอารมณ์ขึ้น !
“ขนาดจดหมายลา ก็ยังไม่มีรายละเอียดว่ายัยนั่นลาไปไหน ?”
“ค่ะ อาโปกวาดสายตาจนทั่วทั้งแผ่นกระดาษแล้ว เขียนไว้แค่ขอลาพักร้อน แค่เนี๊ยะอ่ะค่ะ”
เมรีพูดเสียงเบา “อุตส่าห์แอบไปค้นแฟ้มของฝ่ายบุคคลทั้งที ไม่ได้เรื่องอะไรเลย”
อาโปหน้าเสีย
ทันใดก็มีเสียงคิกคักดังมาจากโต๊ะของพนักงานที่อยู่ไม่ไกลกันนัก เมรีสงสัยจึงลุกขึ้นไปดู เมรีโผล่หน้ามาเห็นพนักงาน2-3 คนกำลังมุงดูรายการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ตอยู่
เมรีพูดแขวะเข้าให้ “มีความสุขอะไรกันนักหนาห๊ะ”
“คุณแมรี” พนักงานอ้อนวอน “นี่เวลาเบรคพวกหนู ขอล่ะนะคะ ด็อกเตอร์คนเนี๊ยะไม่ดูไม่ได้จริงๆค่ะ”
“บ้าผู้ชายกันอยู่ได้ ไร้สาระ”
พนักงานไม่สนใจคำแขวะของอาโป เธอหันไปจิ้นหน้าจอคอมพิวเตอร์กันต่อ อาโปกับเมรีทำไม่สนใจแล้วจะเดินไป แต่แล้วอาโปก็อดใจไว้ไม่ได้
“มันจะหล่อสักแค่ไหน”
อาโปยื่นหน้าไปดูแล้วก็ชะงักค้างตะลึงลานไปเลย
“อะไรมันจะขนาดนั้นยะ” เมรีสงสัย
เมรียื่นหน้าเข้ามาดูอีกคน
“ก็ ..ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย” เมรีพูดแบบนั้นแล้วก็สั่ง “หน้าจอแคบไปรึเปล่า ขยายให้เห็นชัดๆหน่อยสิ”
เมรีพูดพลางมองโดยสายตาไม่หลุดจากจอภาพเลย

ด็อกเตอร์แสนหล่อออร่ามากๆ
หนูตุ่มพูด “เราคุยเรื่องภูมิหลังที่มาที่ไป และงานของด็อกเตอร์กันเยอะแล้ว ทีนี้ มาเข้าเรื่องที่สาวๆอยากรู้กันดีกว่าค่ะ เรื่องความรัก”
สิ้นประโยคพี่หนูตุ่ม บริเวณถ่ายทำก็มีเสียงจิ้นกระจายมาจากรอบทิศ
“มีข่าวเม้าท์ซุบซิบๆมาว่าด็อกเตอร์มีสาวๆมาต่อคิวรอยาวเหยียดเลย นาทีเนี๊ยะเลือกขึ้นมาสักคนรึยังคะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” แสนยิ้มๆ อย่างถ่อมตัว
หนูตุ่มหันไปถามพนักงานบริษัท “ทุกคน จริงหรือไม่จริงค๊า”
เสียงตอบจากคนรอบๆบอกว่า “จริงๆๆๆ”
“คงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วมั๊งคะ ต้องตอบแล้วล่ะค่ะ”
แสนรวบรวมสติก่อนจะพูด “ตอนนี้ผมทุ่มเทให้เรื่องงานมากที่สุดครับ ส่วนเรื่องหัวใจเอาไว้ให้แน่ใจก่อน แล้วค่อยบอกดีกว่านะครับ”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันใด
“อุ๊ยตาย! พูดแบบนี้ เหมือนจะมีซัมวันในใจแล้ว ใครคือผู้โชคดีคนนั้นกันเอ่ย..จะใช่หม่อมราชวงศ์เซเล็บแถวหน้า หรือว่าดาราสาวดาวรุ่งมาแรง หรือว่าจะมีม้ามืดคนอื่นๆอีกคะ”

พนักงานที่อยู่รอบๆ ซุบซิบกันด้วยความสงสัย

ขณะที่อันยาซึ่งกังวลเรื่องซีดีอยู่ เธอเพิ่งรู้สึกถึงเสืยงซุบซิบรอบๆ เลยหันไปมองทางแสน แสนมองมาทางอันยานิดๆ ก่อนจะเบนสายตากลับไป

แสนพูดต่อ “เอาไว้ ให้เวลาช่วยตอบคำถามนี้ดีกว่านะครับ เพราะเวลาย่อมจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีที่สุด ว่าใครจะมารักผู้ชายบ้างานอย่างผม”
“แหม จะถล่มตัวไปไหนคะ แต่ตอบเลี่ยงมาอย่างนี้แล้ว ไม่คาดคั้นก็ได้ งั้นมีอีกคำถามนึง คนเก่งๆอย่างด็อกเตอร์ มองความรักยังไงเหรอคะ”
“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้นะครับ ถ้าเป็นเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวก็ว่าไปอย่าง” แสนพูด คนฮาๆกันใหญ่ “แต่..ผมเปรียบเทียบแบบนี้ก็แล้วกัน เวลาที่เราสนใจเมล็ดพันธุ์สักชนิดนึง แล้วเอาไปปลูกในแปลงทดลอง พอมันงอกขึ้นมาอย่างที่เราต้องการ เราก็จะเชื่อมั่นในคุณภาพของมัน แต่กับความรัก ผมว่า มันเหมือนการเกษตรในพื้นที่จริง เราต้องรัก และต้องเชื่อในเมล็ดพันธุ์นั้นซะก่อน แล้วมันถึงจะงอกงาม”
ทุกคนอึ้งๆไปกับคำตอบของแสน มีเสียงโห่ฮิ้วมาพอประมาณ เอกชัยฮิ้วนำใครๆ จนเพียงดาวต้องตีให้อย่าเยอะ
อันยาฟังคำพูดเกี่ยวกับความเชื่อใจของแสนแล้วก็ยิ่งรู้สึกบีบคั้น
“แหม แล้วบอกว่าไม่เชี่ยว เล่นเอาพี่หนูตุ่มหมดคำถามเลยค่ะ คุยเรื่องส่วนตัวกันมาเยอะแล้ว เดี๋ยวเราเปลี่ยนบรรยากาศมาชมภาพการทำงานของด็อกเตอร์กันบ้าง ดีมั๊ยคะ” หนูตุ่มบอก
สตาฟได้รับสัญญาณให้ฉายภาพไปที่จอโปรเจ็คเตอร์ อันยาชะงักเพราะคิดว่าเวลานี้มาถึงแล้วจริงๆเหรอเนี่ย
“เดี๋ยวจะได้เห็นกันแล้วนะคะ ว่าเวลาทำงาน ด็อกเตอร์แสนไฟแรงขนาดไหน”
สัญญาณภาพเริ่มมาบนจอโปรเจ็คท์เตอร์
อันยารู้สึกเหมือนทั้งตัวสั่นคลอนไปหมดเหมือนข้อต่อแต่ละข้อแทบจะหลุดออกจากกัน
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ” หนูตุ่มบอก
หนูตุ่มและบรรดาพนักงานบริษัทรอชมกันอย่างใจจดใจจ่อ
ภาพแรกปรากฎบนจอโปรเจ็คท์เตอร์ซึ่งเป็นภาพของห้องว่างๆห้องหนึ่ง แสน เมขลาและพนักงานเพียงพอดีต่างก็แปลกใจเพราะห้องนี้ดูไม่คุ้นเอาซะเลย
เสียงอันยาดังขัดขึ้นมา “หยุด หยุดก่อนค่ะ”

อันยาวิ่งพรวดพราดลงมาทางด้านหน้าด้วยสีหน้าซีเรียสมากๆ
“เดี๋ยวก่อน” อันยาหอบด้วยความตื่นเต้น “ฟัง.. ฟังฉันก่อนนะคะ”
หนูตุ่มหน้าเสียแต่ด้วยความมีประสบการณ์จึงหันไปส่งซิกให้สตาฟตัดเข้าโฆษณาทันที ภาพโฆษณาปรากฎขึ้นมาบนมอนิเตอร์
หนูตุ่มวีน “อะไรคะคุณน้อง เราถ่ายทอดสดกันอยู่นะคะ ดีนะตัดเข้าโฆษณาทัน”
แสนเห็นท่าทางของอันยาก็บอกกับหนูตุ่ม “ใจเย็นๆนะครับพี่หนูตุ่ม อันยาเลขาของผม คงมีอะไรบางอย่างที่สำคัญมากอยากจะบอกเรา”
“เร็วๆเข้านะคะ เดี๋ยวจะต้องตัดเข้ารายการแล้ว” หนูตุ่มทำท่าปวดหัว
“ว่าไงอันยา คุณมีอะไร?” แสนถาม
“ซีดี..เปิดไม่ได้ค่ะ” อันยาบอก
“ทำไมล่ะ ไหนคุณบอกว่า..ทุกอย่างเรียบร้อย”
“ลืมที่ฉันเคยบอกไปก่อน เอาเป็นว่า ตอนนี้ห้ามเปิดเด็ดขาดนะคะ” อันยาพูดจริงจังมาก
แสนพูดกับหนูตุ่ม “ผมว่าเราต้องเชื่ออันยานะครับ มันคงต้องมีปัญหาบางอย่าง ขอโทษด้วยนะครับ”
โปรดิวเซอร์มีท่าทางหนักใจขึ้นมาทันที
“ถ้าไม่ออนแอร์ภาพการทำงานของด็อกเตอร์ แล้วจะเอาอะไรออกอากาศกันล่ะครับ”
ทุกคนชะงักกันไป เพียงดาว เอกชัย และเมขลาต่างประหลาดใจ

หนูตุ่มเปิดประตูห้องทำงานด็อกเตอร์เข้าไปพร้อมกับแก้สคริปต์สดหน้างานด้วยตัวเอง
“ที่บอกว่าภาพบรรยากาศการทำงานของด็อกเตอร์ ก็คือพาบุกห้องทำงานของด๊อกเตอร์เลยค่ะอยากรู้แล้วใช่มั๊ยคะ ว่าห้องทำงานของหนุ่มโสด จะมีอะไรบ้าง”
แสนนำหนูตุ่มเข้ามาในห้องแล้วตอบข้อซักถามต่างๆเกี่ยวกับสิ่งของในห้องทำงาน โปรดิวเซอร์กับสตาฟโล่งอกกัน
อันยาดูภาพจากมอนิเตอร์อยู่ห่างๆ เมื่อเห็นว่าแก้สถานการณ์ได้แล้วก็ค่อยสบายใจขึ้น เพียงดาว เอกชัย และเมขลาพากันโล่งอก

เมรีหน้าเหวอยังกับโดนผีหลอก
“เดี๋ยว ! รีไวน์กลับไปเมื่อกี๊นี้ซิ ยัยผู้หญิงที่มาโวยวายก่อนตัดเข้าโฆษณานั่นน่ะ”
พนักงานคนหนึ่งกำลังอินน์ “รอให้จบก่อนได้มั๊ยคะ”
“เอ๊ะ พวกเธอนี่ ฉันจะดูว่าใช่ยัยอันยารึเปล่า คล้ายมากๆ” เมรีว่า
“เจ๊แมรีสั่ง ไม่ได้ยินเหรอยะ”
พนักงานอีกคนพูด “ไม่ใช่หรอกค่ะ พี่อันโกะลายาวตั้ง 2 เดือน ป่านนี้คงบินไปเยี่ยมครอบครัวที่เมกาแล้วดูรายการกันต่อดีกว่านะคะ”
พนักงานไปดูรายการกันต่อพลางจิ้นไปด้วยโดยไม่สนใจเมรีเลย เมรีอึ้งเพราะไม่มีอารมณ์จะมาจ้งจิ้นอีกแล้ว

อันยาปั้นหน้าอินโนเซนส์อธิบาย
“คงมีคนแอบมาเปลี่ยนซีดีไปน่ะค่ะ ฉันสังเกตเห็นว่ามันไม่ใช่แผ่นเดียวกับที่ด็อกเตอร์ให้ฉันมาทีแรก ตอนแรกก็ไม่ค่อยแน่ใจ พอภาพแรกขึ้นเท่านั้นแหละ ฉันก็มั่นใจว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล ถึงต้องเสียมารยาทลงไปเตือนนี่แหล่ะค่ะ”
แสน เพียงดาว เมขลา เอกชัย หนูตุ่ม และทีมงานฟังคำอธิบายของอันยากันอย่างตั้งอกตั้งใจ
อันยาแกล้งไม่รู้ “ตกลงข้างในซีดีอันเนี๊ยะ เป็นภาพอะไรเหรอคะ”
“ก็หนังอย่างว่าแหละครับ” สตาฟบอก
อันยาทำท่าตกใจ “ซีดีหนังอาร์เหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับ เรทเอ็กซ์ยกกำลังสองเลยต่างหาก”
อันยาสะดุ้งโหยง
อันยาคิดในใจ “แล้วบอกว่าไม่อยากทำ จัดหนักเลยน๊ะ คิมบอมบ์”
“วุ๊ย บัดสีบัดเถลิง” เพียงดาวว่า
“ถ้าเจ๊ทนไม่ได้ ส่งซีดีมาทางนี้เลยครับ” เอกชัยพูดกับสตาฟ
เพียงดาวถลึงตาใส่
“แหม๊ จะเอาไปทำลายให้ต่างหาก” เอกชัยบอก
“นี่ดีนะคะ ที่คุณเลขามาเบรคไว้ก่อน ไม่งั้นรายการสัมภาษณ์ด็อกเตอร์ได้กลายเป็นประเด็นร้อนไปแทนแน่ๆค่ะ” หนูตุ่มว่า
“ผมขอบคุณนะอันยา เพราะความช่างสังเกตของคุณ ทำให้เรื่องราวไม่บานปลาย ถ้าภาพในซีดีลามกนี่หลุดออกไป ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ” แสนกล่าว
“ต้องขอบคุณคุณหนูตุ่มมากกว่าค่ะ ที่ไหวพริบดี รีบแก้สถานการณ์ได้ทันท่วงที” อันยาบอก
“อันนั้นมันแน่อยู่แล้ว ใครจะปล่อยให้รายการสัมภาษณ์ด็อกเตอร์ผิดพลาดได้ล่ะค๊า”
ทุกคนยิ้มออกอย่างโล่งใจ
“ใครกันนะ ที่มันกล้าหาเรื่องใส่ร้ายคนดีๆอย่างคุณแสน เลวจริงๆ!” เพียงดาวว่า

อันยาที่กำลังโล่งอกสะดุ้งเฮือก เธอหันหน้าหลบมาและมีเหงื่อแตกเบาๆ

อ่านต่อหน้า 4 

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 2 (ต่อ)

อันยาเดินผ่านประตูเข้ามาพูดกับแสน

“ทีมงานกลับกันไปหมดแล้วล่ะค่ะ” อันยาเห็นแสนหน้าเครียดๆ “เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ผมกำลังสงสัยเรื่องผู้ไม่ประสงค์ดี ที่มาเปลี่ยนแผ่นซีดีระหว่างถ่ายทำน่ะครับ” แสนบอก
อันยาใจคอไม่ดี “ด็อกเตอร์ สงสัยอะไรเหรอคะ ?”
“ถ้าถึงขนาดเข้ามาในออฟฟิศนี้ได้ บางทีเค้าก็อาจจะ..อยู่ใกล้มากกว่าที่ผมคิด”
อันยารู้สึกเหมือนอากาศติดลำคอขึ้นมา
“นี่ผมทำให้คุณกลัวรึเปล่า ถ้าเค้าไม่หวังดีกับผม เลขาอย่างคุณก็อาจเดือดร้อนไปด้วย” แสนว่า
อันยาคิด แล้วพูดกะล่อน “ฉันคงไม่โดนเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่คุณสิ ทั้งโดนขู่ ทั้งมีคนพยายามจะดิสเครดิต ดูมีอันตรายรอบตัวไปหมด คุณไม่กลัวบ้างรึไงคะ”
“กลัวตายน่ะไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่อุปสรรคพวกนี้ คอยรบกวนไม่ให้โครงการช่วยเหลือชาวบ้านสำเร็จ บอกตามตรงบางครั้งผมก็ท้อนะ ท้อจนอยากเลิกทำ แต่คิดถึงบรรดาลุงป้าน้าอา สมาชิกชาวนาที่ร่วมสู้ในโครงการมาด้วยกัน ผมก็ต้องหยุดความคิดที่จะเลิกทำ”
อันยารู้สึกขัดใจแต่ก็ทำพูดดีเพื่อนำแสนไปสู่เป้าหมายให้ได้
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของด็อกเตอร์ค่ะ แต่บางครั้งคนเรา ก็ต้องทำเพื่อตัวเองด้วย” อันยาหยอด “ไม่ลองเปลี่ยนไปทำงานที่ใหม่ ที่ให้เงื่อนไขดีกว่า แล้วคุณก็ได้ทำโปรเจ็คท์ดีๆโดยไม่ต้องเสี่ยงภัยดูบ้างเหรอคะ คือว่าฉัน..เป็นห่วงคุณน่ะค่ะ”
แสนนิ่งไปก่อนจะถามพร้อมรอยยิ้มบางๆ “ถ้าผมย้ายงาน แล้วคุณจะไปเป็นเลขาให้ผมที่บริษัทใหม่รึเปล่า”
อันยาที่กำลังพาแสนไปสู่จุดหมายของตัวเองอยู่เจอคำถามแบบนี้เข้าก็ชะงักและไปไม่เป็นเลย
“เอ่อ ไม่รู้สิคะ ที่ใหม่เขาจะอยากรับฉันเหรอ พนักงานแบบฉันมีเยอะแยะไป ฝ่ายบุคคล อาจจะดึงใครที่มีแววขึ้นมา ปั้นให้เป็นเลขาก็ได้ เค้าไม่จำเป็นต้องจ้างฉันนี่คะ”
แสนชะงัก “คุณ.. พูดเหมือนไม่ใช่เลขาธรรมดาๆ”
“อะไรกัน! ฉัน.. ออกจะธรรมดา ไม่เห็นจะไม่เหมือนเลขาตรงไหน” อันยายิ่งโพสท์ท่าเลขาก็ยิ่งไม่เหมือน “นี่คุณระแวงฉันเหรอ ?”
“ใจเย็นคุณ ผมแค่สงสัยว่าคำพูดคุณดูล้ำๆเกินที่เลขาเค้าพูดกัน แต่ไม่ได้สงสัยอะไรหรอก” แสนแหย่ “หน้าตาอย่างคุณเนี่ยนะ จะมาทำพิษอะไรใส่ผม”
อันยาคิดในใจ “ก็หน้าตาอย่างฉันเนี่ยแหละ ที่เมื่อบ่ายหวิดจะล่มชื่อคุณจมดินไปแล้ว”
“คุณอาจจะแสบ แต่อย่างคุณ ไม่ใช่คนร้ายแน่ๆ ผมแน่ใจ ว่าผมมองคนไม่ผิด”
แสนพูดอย่างเชื่อมั่น แต่อันยาฟังแสนแล้วจะอึดอัดใจ

อันยามองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนโต๊ะกระจกในร้านกาแฟ
“คุณผิดแล้วล่ะค่ะด็อก.. คุณไม่ควรจะไว้ใจคนอย่างฉันหรอก !”
อันยาพูดประชดตัวเองและแล้วคิมหันต์ก็พรวดเข้ามาฟาดกระเป๋าลงกับเก้าอี้อย่างแรง
“เจ๊!! เจ๊เป็นอะไร !! เร่งผมให้เอาซีดีไปส่งให้แทบตาย ผมเงี๊ยะต้องบึ่งรถเหงื่อแตกซิ่กกว่าจะถึงปากช่อง แต่เจ๊ดันมากลับลำ เบรครายการซะเอง!! ถ้าตอบไม่ดีนะ”
อันยาอึกอักและพยายามแก้ตัว “เอ่อ ก็ ฉันมาคิดๆดูแล้ว” อันยาแกล้งให้เหตุผล “ถ้าซีดีนั่นออกอากาศไป ไม่ใช่แค่เพียงพอดีจะไล่ด็อกเตอร์ออกหรอก วิชชั่นออฟฟิวเจอร์ก็อาจจะไม่อยากรับเค้าเข้าทำงาน”
“ทำไมจะไม่รับ !! บริษัทนั้นเค้ากล้าจ้างเรามาซะขนาดนี้ เจ๊บอกเหตุผลจริงๆมาดีกว่า” คิมหันต์จับผิด “แพ้หน้าวิ๊งค์ๆของด็อกเตอร์นั่นใช่มั๊ย”
“บร๊า นี่แกฟังฉันหน่อยได้มั๊ย !! เดี๋ยวนี้รายการสดมันจบแล้วจบเลยซะที่ไหน มันมีคลิปมีอะไรให้ย้อนดู วิวดูได้เป็นหมื่น แสน ล้านครั้ง ถ้าด็อกเตอร์โดนยิงจนพรุน ต่อให้วิชชั่นออฟฟิวเจอร์รับเค้าเข้าไป เค้าก็ไปทำงานกับใครไม่ได้ ใครจะเคารพผู้บริหารที่ภาพลักษณ์พังยับแล้วแบบนั้น”
คิมหันต์ค่อยๆ เบาลง “แล้วทำไมทีแรก เจ๊ไม่เห็นนึกถึงเรื่องนี้เลยล่ะ”
“ก็ ก็มันเพิ่งจะนึกได้ตอนจะฉายซีดีไงล่ะ” อันยายืนยัน “รับรองน่ะคิมบอมบ์ ฉันอันโกะ ตัวแม่อันดับหนึ่งของไรท์เพอเซิ่ลนะ ไม่มาอ่อนให้ผู้ชายคนเดียวหรอก ฉันมีเหตุผล”
“เออ พอพูดถึงเรื่องผู้ชาย มีเรื่องจะบอกอีกเรื่อง วันนี้แฟนเจ๊” คิมหันต์พูด อันยาถลึงตาใส่ คิมหันต์เปลี่ยนสรรพนาม “พี่ทวยเทพ มาซักฉันว่าเจ๊แอบนอกใจเค้ารึเปล่า?” อันยาหน้าเหวอ “ฉันก็เลยบอกเค้าไปว่าใช่”
อันยาตกใจ “ห๊ะ !”
“ซะที่ไหนล่ะ ก็บอกไปว่าไปทำงาน ไว้ใจได้ ใช่มั๊ย?”
“กวนนะ เดี๋ยวโดน ! ครั้งนี้ฉันพลาด ฉันยอมรับ แต่จะรีบจัดครั้งหน้าเร็วๆนี้แน่”
“ไม่เร็วก็ต้องเร็วแล้วล่ะเจ๊ เพราะที่ผมหัวเสีย มันก็มีเหตุผลด้วยเหมือนกัน”
อันยาชะงัก “เหตุผลอะไร?”

หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเมรีปรากฎหน้าจอยูทูบที่มีภาพอันยาโผล่มาขัดจังหวะรายการอยู่ที่ริมจอ ซึ่งถูกแค็บไว้เป็นภาพนิ่งและซูมขยายขนาดไว้ แต่เพราะคุณภาพไม่ดีทำให้หน้าไม่ชัดมาก อีกทั้งยังมีเงาทาบหน้าด้านหนึ่งและเบลอหน่อยๆ
เมรีเอียงซ้ายที เอียงขวาที ก่อนจะออกไปยืนไกลๆ แล้วมองเข้ามาหลังจากยื่นหน้ามามองใกล้ๆแล้ว
“คุณแมรี เดี๋ยวตาเหล่ไม่สวยนะคะ” อาโปบอก
“หึย !! ยัยหนูตุ่มนี่ไวเป็นบ้า จะตัดเข้าเข้าโฆษณาช้าๆหน่อยก็ไม่ได้ ดูซิ มีภาพอยู่นิดเดียว ชัดก็ไม่ชัด !!” เมรีว่า
“แต่ว่าเสียงแหลมๆที่ตะโกนขัดจังหวะรายการก่อนตัดเข้าโฆษณา ที่เรารีไวน์ฟัง” อาโปแคะหู “สักร้อยรอบได้นั่นน่ะ มันก็..ใกล้เคียงอยู่นะคะ”
“ภาพและเสียงมันอาจจะไม่ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ถ้าลองทำอะไรโก๊ะๆแบบนี้แล้วล่ะก็” เมรีมั่นใจขึ้น “สัญชาตญาณฉันบอก เราเจอตัวคนโกหกว่าลาไปพักร้อนแล้ว”

เมรีมองภาพอันยาด้วยสายตาอยากเอาชนะมากๆ

หน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงหน้าเพจยูทูบรายการ “ผู้หญิงอยากบอก” ซึ่งคลิปนั้นโดนหยุดไว้ขณะพิธีกรกำลังสัมภาษณ์แสน แต่อันยาโผล่มาขัดจังหวะ

รายการตรงมุมล่างของคลิปเป็นภาพเล็กๆ และไม่ชัดเจน อันยาซึ่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่มีสีหน้าเครียด เธอย้อนคิดถึงในอดีต
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ร้านกาแฟ โดยที่อันยากำลังอึ้ง!!
“ยัยเมรีรู้เรื่องแล้ว !”
“มีพนักงานของเราที่ตามกรี๊ดด็อกเตอร์แสนอยู่ เปิดรายการดูในออฟฟิศ แล้วบริษัทก็กว้างเท่าแมวดิ้นตาย มันจะเหลือเหรอเจ๊” คิมหันต์บอก
อันยาลน “นี่! แล้วนี่ฉันจะทำไงดี แล้ว แล้วยัยนั่นรู้เรื่องแค่ไหน !! แล้ว….”
“ใจเย็นๆเจ๊ ชะตายังไม่ขาด”
“ไม่ต้องมาแกล้งปลอบเลยนะ ไม่ขาดได้ไง ศัตรูเจอที่มั่นของเราแล้วแบบเนี๊ยะ” อันยาบอก
“พวกนั้นสงสัยว่าเจ๊ แอบทำงานที่อื่นโดยใช้วันลาของบริษัท”
อันยาตกใจ “ห๊ะ !!”
“เค้ามาหาเรื่องผม คาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ ว่าเจ๊แอบสับรางรับจ็อบซ้อนใช่มั๊ย”
“คนอย่างอันโกะเนี่ยนะ จะเสี่ยงออกจากบริษัทหรูๆ เพื่อไปรับจ็อบเป็นพนักงานบริษัทบ้านนอก กินฟางแทนข้าวกันรึไง !”
“พวกนั้นยังไม่รู้ก็ดีแล้ว แต่ฟันเฟิร์มได้เลยว่าสองคนนั่นไม่หยุดแค่นี้แน่ เตรียมรับมือให้ดีเถอะเจ๊!”
อันยาผงะเพราะคิดว่าจริงด้วย

อันยาถอนใจเพราะยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไปดี
เสียงแสนดังขึ้น “ยังไม่ไปทานข้าวกลางวันอีกเหรอครับ”
แสนเดินออกมาหน้าห้องพอเห็นอันยายังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เขาก็เข้ามาถาม
อันยาตกใจเบาๆ “พอดีฉันดูอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะค่ะ”
แสนมองจอคอมพิวเตอร์ซึ่งเห็นว่าเป็นคลิปสัมภาษณ์เขา แสนเลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจ
อันยารีบปิดคลิป “ฉันเปล่าดูคลิปคุณนะ”
แสนส่งสายตามาประมาณว่าก็เห็นๆ อยู่
อันยาแก้ตัวเป็นพัลวัน “คือ..ฉันเปิดคลิปคุณจริง แต่ไม่ได้ดูคุณ ฉัน..ฉันจะดูว่าตอนที่ฉันไปขัดจังหวะรายการ มันน่าเกลียดมากมั๊ย”
“ถึงคุณวิวคลิปผม ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ” แสนบอก
“แต่ฉันว่า! ฉันไม่ใช่แก๊งค์แฟนคลับคุณ จะได้ร้องกรี๊ดๆตามไลค์ตามทวีตคุณไปทุกที่”
“นั่นแหละ” แสนยิ้มขี้เล่น “อยู่กับคุณ..ผมถึงได้สบายใจ”
อันยาอึ้งกับความรู้สึกดีและความไว้วางใจที่แสนถ่ายทอดออกมา เธอจึงรู้สึกหน่วงในอกขึ้นมาอีก
อันยาพึมพำเบาๆ “อย่าสบายใจนักเลย”
แสนยื่นหน้าเข้ามามองใกล้ๆ อันยาเงยหน้าขึ้นมาเห็นหน้าแสนอยู่ไม่ห่างก็ตกใจ
“คุณนี่...ชอบพึมพำอะไรคนเดียวนะ เมื่อกี๊นี้พูดอะไรเหรอ?” แสนถาม
อันยาอึ้งๆ เพราะไม่นึกว่าแสนจะถาม “ทำ..ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วยล่ะ”
“เผื่อว่าคุณมีความลับอะไรไง ?”
อันยาสะดุ้งเฮือกแล้วก็หน้าซีดเลยทีเดียว
แสนขำ “คุณนี่ตลกจัง แหย่อะไรก็ตกใจ เที่ยงกว่าแล้ว ออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกันมั๊ย? ผมไปรอข้างนอกนะ คุณจะได้เก็บข้าวของสะดวกๆ” แสนจะเดินไป
อันยาตัดสินใจ “ด็อกเตอร์คะ คือ…”
แสนหันกลับมาเห็นสายตาอันยาที่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

แสนเลิกคิ้วสูง ขณะที่เขาและอันยาอยู่ในร้านอาหาร
“มีเฮดฮันเตอร์โทรมาติดต่อผม ?” แสนงง
อันยาพยักหน้าแล้วมองไปรอบๆ ว่าไม่มีพนักงานคนอื่นอยู่แถวนั้น แล้วเธอจึงพูดออกมาเบาๆ และมีแววตาลุ้นหยั่งเชิง
“ค่ะ ดูเหมือนเค้าอยากติดต่อคุณให้ไปทำงานกับบริษัทเกษตรยักษ์ใหญ่แห่งนึง ให้ข้อเสนอที่” อันยาระมัดระวังคำพูด “ค่อนข้างดีเลยล่ะ” อันยาลองถาม “คุณสนใจจะลองฟังมั้ยล่ะคะ”
แสนตัดบททันที “ดีแล้วล่ะอันยา ที่คุณไม่ต่อสายเค้ามาให้ผม”
“ไม่สนเลยเหรอคะ”
อันยาชะงัก เธอรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของแสน
แสนพยักหน้า “พวกนั้นพยายามติดต่อหาผมหลายครั้งแล้ว ไม่มีประโยชน์หรอกครับ คุยกันไปก็เท่านั้น”
“แต่ว่า เมื่อวานที่เราคุยกัน คุณยังพูดเลยว่าบางครั้ง” อันยาพูดเสียงเบา “การทำงานที่นี่ก็มีอุปสรรค”
“แต่มันก็เป็นอุปสรรคที่ผมรับได้มากกว่า ไปทำงานสบายขึ้น แต่ต้องทิ้งให้เกษตรกรลำบาก ผมทำไม่ได้หรอก และถึงพูดแบบนี้ออกไป พวกเฮดฮันเตอร์ก็ไม่เข้าใจ ประชดว่าผมกินอุดมการณ์บ้าง มองอะไรคับแคบ อยู่แต่ในโลกของความฝันบ้าง พวกนั้นก็คิดแต่เรื่องของผลประโยชน์”
อันยาแทบสะอึกเพราะรู้สึกเหมือนโดนเหยียบหน้าตรงๆ !
“แต่ผลประโยชน์มันก็จำเป็นไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นคนเราจะอยู่รอดได้ยังไง แล้วไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ เพราะเงินหรอกเหรอที่ทำให้โครงการเพื่อการเกษตรต่างๆมันเกิดขึ้นได้”
“ใช่ เงินจำเป็น และมีประโยชน์มากถ้าเราใช้มันเพื่อการพัฒนา ใช้ทำสิ่งดีๆ แต่ถ้าเอาไปถม
ซื้อความสุขความพอใจส่วนตัว สะสมแก่งแย่งแข่งดีกัน เงินก็เป็นเครื่องมือทำลายล้างที่ทรงพลังที่สุด สังคมมันถึงได้ทราม และตกต่ำอยู่ถึงทุกวันนี้”
อันยาเจ็บแปลบเข้าไปถึงขั้วใจเหมือนโดนตบหน้าเข้าฉาดใหญ่จนถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“พอพูดเรื่องนี้ทีไรผม…” แสนส่ายหน้าแล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูด “อันยา คุณใจแข็งกับคุณหญิงเหมือนและอิงค์กี้ได้ หวังว่า..คงไม่ใจอ่อนกับคนพวกนี้นะ”
อันยาเชิดหน้าและสู้สายตาแสน “ฉันอาจจะใจอ่อนกับคนที่เค้าทำมาหากินสุจริต พวกเฮดฮันเตอร์ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วพวกเค้าก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดทั้งหมด”
แสนแปลกใจนิดๆที่อันยาตึงใส่ “ถ้าคุณมีเพื่อนหรือมีคนรู้จักเป็นพวกนั้น ผมก็..ขอโทษด้วยนะ แต่คุณอย่าใส่ใจเลย เพราะคุณไม่ได้เป็นแบบคนพวกนั้น ทานต่อดีกว่าครับ”
แสนหยุดโต้ก่อนจะชวนอันยาให้สนใจอาหารตรงหน้า
อันยาคิดในใจ “นี่ถ้าเค้ารู้ว่าตัวจริงของเราเป็นใคร แล้วเรามาทำอะไรล่ะก็…”

อันยาเครียดยิ่งกว่าเดิม

ณ ร้านอาหารไทยสุดหรูหราแห่งหนึ่ง ธกฤตยิ้มแล้วพูดเอาใจ

“ผมได้ยินมาว่าร้านนี้ ได้รับการโหวตให้เป็นร้านอาหารไทยอันดับหนึ่ง เพิ่งจะมีโอกาสมาวันนี้เอง ขอบคุณท่านมากนะครับที่เชิญผมมา”
“วิชชั่นออฟฟิวเจอร์ของเรา ใช้บริการจัดหาพนักงานของบริษัทคุณอยู่บ่อยๆ เราก็น่าจะมีโอกาสรับประทานอาหารร่วมกันบ้าง” เหนือเทพบอก
ธกฤตยิ้มในไมตรีที่เหนือเทพทอดมาให้ พนักงานตักข้าวเสิร์ฟให้ทั้งสองคนซึ่งบนโต๊ะมีอาหารเพียบพร้อมอยู่แล้ว
“ลองชิมข้าวหอมมะลิของที่นี่ดูสิ” เหนือเทพชวน
ธกฤตลองชิมตามคำเชิญ
“สมกับเป็นร้านอาหารชั้นหนึ่ง ข้าวดีมากครับ (ชิมอีก) ดีจริงๆ จนผมอยากจะขอซื้อข้าวสาร
นี่กลับไปให้แม่ครัวที่บ้านหุงให้ ทางร้านคงไม่รังเกียจที่จะบอกพันธุ์ข้าวล่ะมั๊ง”
“นี่เป็นข้าวที่พัฒนาจากงานวิจัยของด็อกเตอร์แสน”
ธกฤตชะงักไป
เหนือเทพพูดต่อ “แต่ก่อนทางร้านเคยใช้ข้าวที่พัฒนาจากบริษัทเรา แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้พันธุ์ข้าวของด็อกเตอร์แสนแทน” ธกฤตชักจะฝืดคอขึ้นเรื่อยๆ “ทีนี้คุณคงเข้าใจแล้วใช่มั๊ย ว่าเพราะอะไรทางเราถึงต้องการตัวเค้านัก นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว พนักงานของคุณที่ไปทาบทามด็อกเตอร์ได้ผลเป็นยังไงบ้าง”
ธกฤตวางช้อนเพราะรู้สึกกลืนข้าวได้ยากขึ้น

ส้อมจิ้มเค้กถูกกระแทกลงข้างจานใบเล็ก
“กำลังพยายาม !! นี่คุณจะบอกผม ว่ายังไม่มีแผนอะไรเลยงั้นเหรอ” ธกฤตว่า
“แต่บอสคะ มันไม่เหมือนงานเฮดฮันท์แบบที่เราเคยทำกันมา อีกนิดเดียวอันก็จะเหมือนพวกปาปารัซซี่ หรือว่าสปาย ที่คอยจับผิด และทำลายฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว” อันยาว่า
“ถ้าคุณไม่ถนัดงานแบบนี้ แล้วจะมีใครในบริษัทไรท์เพอร์เซิ่ลของเราที่ถนัด ?” ธกฤตแกล้งหยอด “เมรีเป็นยังไง ?”
อันยาตกใจ “บอส ! ไม่ได้นะคะ ไหนบอกว่าจะให้เวลาอันสองเดือนไงคะ”
“อันยา วิชชั่นออฟฟิวเจอร์เป็นลูกค้ารายใหญ่ของเรา และไม่เคยมีครั้งไหนที่ผู้บริหารใหญ่ระดับคุณเหนือเทพมาบรีฟงานเราด้วยตัวเอง”
อันยาเครียด
“เวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เสียไปมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่คุณก็ควรจะบอกผมได้ ว่าเวลาที่เหลือคุณมีแผนอะไร ที่จะทำให้ด็อกเตอร์แสนออกจากเพียงพอดี”
อันยาโพล่งออกไป “3 วันค่ะ ! ภายใน 3 วัน อันรับรองว่าจะมีความคืบหน้าให้บอส”
อันยาละล่ำละลักขอโอกาสจากธกฤต ธกฤตมีสีหน้าครุ่นคิด

คิมหันต์หน้าตื่น
“3 วันจะต้องรายงานแผนก่อการร้ายให้บอส”
พนักงานรีเซปชั่นและแม่บ้านหันมา
คิมหันต์พูดเสียงเบาลง “ไปเสนอทำไมเจ๊ แค่นี้ก็จะเอาตัวไม่รอดแล้ว”
“แต่ถ้าไม่นำเสนอ บอสมีหวังปันใจไปให้ยัยเมรีแน่ๆ” อันยาว่า
“กลัวไปได้ ถึงคุณธกฤตไม่บอก ยัยนั่นก็อาจจะรู้อยู่ดีแหละ” คิมหันต์บอก
อันยาตกใจ “ห๊ะ !”
“ที่แวะมา ก็จะปรึกษาเรื่องนี้แหละ จู่ๆยัยคุณเมรี กับยัยฮิปโปก็ขอรถตู้บริษัทไปปากช่องพรุ่งนี้ช่วงเช้า อ้างว่านัดลูกค้า แต่ผมไปแอบเช็คมา มีแต่รายเล็กๆ ดีลทางโทรศัพท์ก็ได้ ไม่เห็นต้องไปเอง แล้วเจ๊คิดว่า เค้าจะไปเที่ยวรีสอร์ทกันรึเปล่า ?”
อันยาเหวอไปทันที

เสียงเมรีดังขึ้น “ที่เนี่ยนะ ?”
เมรีถอดแว่นกันแดดสุดโฉบเฉี่ยวออกแล้วมองไปเบื้องหน้าซึ่งก็คือตึกออฟฟิศเพียงพอดี เมรีมีสายตาไม่อยากจะเชื่อ
“เพียงพอดี เป็นบริษัทเอกชนขนาดกลาง ทำโครงการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ให้ชาวนาชาวสวนเงี๊ยะค่ะ ไม่รู้ว่ายัยอันโก๊ะมาทำไรที่นี่นะคะ” อาโปว่า
“ทีแรกฉันสงสัยว่าชีแอบมารับจ็อบรึเปล่า แต่..ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจซะแล้ว” เมรีว่า
“หรือคุณแมรีสงสัยว่า ยัยนั่น” อาโปตื่นเต้นมาก “จะมาทำงานประจำที่นี่”
เมรีเซ็ง “โอ๊ย ! คนหัวสูงอย่างยัยอันโก๊ะน่ะเหรอ จะอยากมาอยู่ที่แบบนี้ ไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้สักนิด ให้ฉันจับให้ได้ก่อนเถอะ ! ว่าชีเล่นไม่ซื่ออะไรอยู่”
เมรีทำสายตาจิกราวกับเหยี่ยวที่รอขย้ำเหยื่อ

เมขลาส่ายหน้าท่าทางไม่ไหวเอามากๆ
“อุ๊ย เมทำไม่ได้หรอก อันโกะให้คนอื่นช่วยดีกว่า”
อันยาคอยมองไปตรงทางเข้าด้วยสีหน้าร้อนรนและพยายามขอร้อง
“เม เธอเป็นประชาสัมพันธ์นะ ถ้าไม่ใช่เธอก็ไม่มีใครช่วยฉันได้แล้วล่ะ มีคนบอกว่าพวกนั้นจะมาแน่ๆ”
“แต่ว่าเม..” เมขลาอึดอัดมาก “ไม่…” เมขลาพูดลำบากมาก “ไม่เคยโกหกเลยนะ”
“ห๊ะ !!” อันยาไม่อยากจะเชื่อ “สักนิดนึงก็….ไม่เคยเหรอ”
“ก็…เคยเกือบๆนะ แต่ว่า” เมขลาส่ายหน้า
อันยากลุ้มที่มาขอร้องคนแบบนี้เข้า แต่เธอก็ตัดสินใจเล่นละครฉากใหญ่
“ฉันรู้ว่ามันทำให้เมลำบากใจ แต่ถ้าเมไม่ช่วยล่ะก็..”อันยาแอ็บท่าทางกลัวมาก “ฉันต้องโดนเค้าทำร้าย”
เมขลาตกใจ “ทำร้าย !อันโกะ ไม่ได้พูดเล่นใช่มั๊ย ทำไมเค้าจะต้องมาทำร้ายเธอ”

เมขลาหน้าเหวอไป เพราะไม่อยากจะเชื่อ

อันยาเกิดมโนภาพ เห็นเมรีเดินกระแทกส้นเท้าอย่างดุดันเข้ามายังที่ทำงานแห่งหนึ่ง อันยาบรรยายเหตุการณ์

“ผู้หญิงคนนี้ แฟนของเค้ามาชอบฉันเข้า โดยที่ฉันไม่ได้สนใจสักนิด แต่ฝ่ายชายก็ยังมาตามตื๊อฉันไม่เลิก”
อันยากำลังโดนชายคนหนึ่งตามตื๊อ โดยพยายามเอาช่อดอกไม้มาให้ เมรีเดินมาเห็นเข้าก็ตาลุกเป็นไฟ
เสียงอันยาบรรยาย “แม้ว่าฉันจะอธิบายกับเค้าแล้ว ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับแฟนของเค้า เค้าควรจะดูแลผู้ชายของตัวเองให้ดีๆ แต่เค้าก็ไม่ฟัง”
อันยาเหลียวมาเห็นเมรีตรงดิ่งเข้ามา ก็หันไปบอกด้วยทำท่าทางปฏิเสธว่าไม่มีอะไรกัน แต่เมรีกระชากดอกไม้ของฝ่ายชายมาปาเข้าใส่อันยา

เมขลาตกใจ
“ห๊ะ เค้าทำกับเธอถึงขนาดนั้นเลยเหรอ !”
“น้อยไปน่ะสิ ผู้หญิงคนนั้นเค้ายัง..” อันยาทำท่านางเอกมากๆ “ทำให้ฉันอับอายมาก”

ภาพในความคิดของอันยา เห็นเป็นตอนที่ เมรีตบซ้าย ตบขวาใส่อันยา พนักงานต่างมาหยุดดู มีคนล็อคแขนชายคนที่เป็นแฟนสมมติของเมรีไว้ไม่ให้ไปช่วย และยังมีพวกสาระแนรุมถ่ายคลิปกันตรึม

เมขลาช็อค
“นี่...มันจะมากเกินไปแล้ว!” เมขลาบอก
“ฉันต้องออกจากงานเลยนะเม ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ฉัน…ก็ทนทำงานที่นั่นต่อไปไม่ได้” อันยาบอก
“เธอต้องออกจากงานเก่า เพราะยังงี้เองน่ะเหรอ ?”
อันยาพยักหน้าพร้อมกับตีสีหน้าจ๋อยมาก
ยังไม่พอนะ แฟนเค้าขอเลิก แล้วเค้าทำใจไม่ได้ โทษว่ามันเป็นความผิดฉัน เค้าเลยจะตามรังควานฉันไม่ให้ได้อยู่สงบสุขเลย”
“อะไรกัน นี่มัน…ยังกับเรื่องในละครหลังข่าว” เมขลาว่า
อันยาสะดุ้งแต่รีบพูดเนียน “ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เจอกับตัวเองถึงได้รู้ ว่าชีวิตคนเรามันยิ่งกว่าในละครซะอีก”
“มันไม่ใช่ความผิดเธอเลยนะอันโกะ คนสวยๆ อย่างเธอ ก็ต้องมีผู้ชายมาตามตื๊ออยู่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นบ้ารึเปล่าที่มาโทษเธออยู่ฝ่ายเดียว”
“นั่นสิ ฉันถึงไม่ต้องการจะเจอหน้าเค้า ครั้งที่แล้วฉันก็ยัง..มีบาดแผลฝังลึกอยู่ในใจ” อันยาบอก
“โถ่…ฉันสงสารเธอจังเลย” เมขลานึกได้ “แล้วนี่แฟนเธอ ไม่ช่วยอะไรบ้างเลยเหรอ”
อันยาชะงักไป “แฟนฉัน?”
อันยางงงันไปว่าตัวเองมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ เมขลานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันก่อน

ภาพเหตุการณ์วันก่อน คิมหันต์รับเงินมาจากอันยา อันยานึกอะไรขึ้นได้จึงหยิบปึกเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วส่งให้คิมหันต์
“เอ้านี่ ค่าน้ำมันแก”
คิมหันต์ยื่นมือมารับเงิน

เมขลายิ่งคิดก็ยิ่งอิน
“ทำไมเธอถึงต้องเจอแต่คนที่เอาเปรียบและร้ายกับเธออย่างงี้นะ อันโกะ”
อันยาไม่สนใจประเด็นแฟนเพราะมัวแต่โฟกัสว่าเมขลาจะโดนบิลท์มาจนได้ที่แล้วรึยัง
“ก็นั่นน่ะสิ ตกลง เธอจะช่วยฉันใช่มั๊ยเม ?”
อันยามีสีหน้าวอนขออย่างที่สุด !

เมขลาออกปากปฏิเสธไปจนได้
“ที่นี่ไม่มีพนักงานชื่ออันยาค่ะ”
เมรีกับอาโปเผชิญหน้ากับเมขลาด้วยออร่าที่แรงทั้งคู่
เมรีไม่สะท้าน “นึกดีๆซิ ไม่มีจริงเหรอ”
เมขลาชะงักว่าทำไมปฏิเสธยากจัง “ไม่..ไม่มีค่ะ” เมขลาแต่ไม่ค่อยมั่นใจ
อาโปพูดกับเมรี “หรือว่า ที่นี่ไม่ได้เค้าไม่ได้เรียกว่าอันยา แต่ว่าเรียก “อันโก๊ะ”
เมรียิ้มเยาะที่มุมปาก อาโปหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ อันยาที่แอบดูอยู่ด้านหลังเริ่มหัวเสีย เมขลาของขึ้น
“ที่นี่เราทุกคนมีการศึกษา ไม่เรียกใครอย่างไม่ให้เกียรติ์แบบนั้นหรอกค่ะ เรา..ไม่มีพนักงานชื่อนี้จริงๆ” เมขลาบอก
อาโปกับเมรีชะงัก แต่เมรีมองตาเมขลาแล้วรู้สึกไม่เชื่ออยู่ลึกๆ
“ถ้ามีการศึกษา ก็แปลว่าไม่โง่ แสดงให้ฉันดูหน่อยว่าเธอมีสมอง” เมรีหยิบแบงค์พันมาวางให้ เมขลาอึ้ง
อันยาตกใจว่าจะแน่ใจในตัวเมขลาดีไหมเนี่ย
เมขลาคิดก่อนจะรับเงินไป เมรีกับอาโปเห็นอย่างนั้นก็ยิ้ม
อันยาหน้าเสีย
เมขลาจับแบงค์พันพลิกไปพลิกมาแล้ววางคืนให้เมรี “เงินไม่สะอาด ที่นี่ไม่รับหรอกค่ะ”
เมรีกับอาโปถูกหักหน้าเต็มๆ
“เธอ !! ไม่มีมารยาทเป็นประชาสัมพันธ์ได้ยังไง ห๊ะ !! ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว” เมรีนึกได้ “ฉันจะขอพบด็อกเตอร์แสน สมองอัจฉริยะของเค้า ต้องจำอะไรๆได้ดีกว่าเธอแน่”
อันยาเหวอ
“จะขอพบด็อกเตอร์ มันจะมากไปแล้ว”
“ไม่จำเป็นค่ะ ดิฉันเป็นคนพาพนักงานใหม่ไปแนะนำกับแผนกต่างๆ ถ้ามีใครเข้ามาใหม่ดิฉันก็ต้องทราบ”
“แต่ฉันไม่เชื่อ พวกพนักงานระดับล่าง มักจะทำงานสะเพร่า หลงๆลืมๆกันทั้งนั้นแหละ”
เมรีส่งซิกทางสายตาไปให้อาโปแล้วตัวเองก็หันขวับจะเดินเข้าไปด้านในเลย
“เข้าไปไม่ได้นะคะ ถ้าไม่ได้นัด” เมขลาบอก
อาโปเข้ามาขวางไว้ “ด็อกเตอร์เค้าเป็นคนของประชาชนย่ะ ให้เค้าบอกเองแล้วกันว่าได้มั๊ย”
อาโปดันเมขลาออกไป
อันยาเห็นเมขลากันไว้ไม่อยู่แล้วก็คิดว่าจะทำยังไงดี
“ไม่งั้นฉันจะเรียกรปภ.นะคะ คุณ คุณ !” เมขลาตะโกนไล่หลัง
เมรีกับอาโปไม่สนใจ ทั้งสองจะบุกขึ้นไปท่าเดียว เมขลาหันมาทางอันยา อันยาพยักหน้าจะวิ่งไปตามรปภ.แต่พอจะไปเท่านั้นแหละ
เสียงแสนดังขึ้น “อันยา นั่นคุณเหรอ”
อันยาชะงักแล้วหันมาเห็นแสนซึ่งหิ้วกระเป๋าเอกสารเดินเข้ามาพอดี
เมขลาตกใจจึงเผลออุทาน “ด็อกเตอร์”
เมรีกับอาโปได้ยินเข้าก็หันขวับ
“ด็อกเตอร์ ? ใช่ด็อกเตอร์แสนรึเปล่า ?” เมรีสงสัย
อันยาที่แอบอยู่เห็นว่าเมรีไหวตัวกำลังหันหลังกลับมา อันยาหนาวไปถึงกระดูกสันหลังชิ้นล่างสุด
“ไม่นะ !”

อันยาเหวอมากๆ ครุ่นคิดหนักว่าจะทำยังไงดี

อ่านต่อตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น