xs
xsm
sm
md
lg

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 9

เมื่อเอ่ยชื่อช่อเพชร...บรรยากาศภายนอกบ้านพงอินทร์ที่นิ่งๆอยู่ ก็เริ่มปั่นป่วนทันที ยอดไม้โบกไปมา ที่พื้นมีใบไม้แห้งปกคลุม ไกลออกไปใบไม้ปลิวม้วนเคลื่อนเข้ามาใกล้บ้านเรื่อยๆ เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ตรงมา วิญญาณของช่อเพชรเลือนลางปรากฏขึ้นในชุดเทาดำ กำลังลอยตรงมาที่บ้าน แต่ละก้าวเคลื่อนที่เร็วราวกับล่องลอยมา เสียงโหยหวนล่องลอยมากับสายลม

กรรณาครุ่นคิด
"เจ้านายกับเลขาสาว... เข้าสูตรเป๊ะๆ ไม่งั้นคุณพิมอรคงไม่บันทึกลับเอาไว้ในไดอารี่ส่วนตัว"
พงอินทร์ขรึม เศร้า
"พี่พิมต้องหัวใจสลายเมื่อพบว่า พี่แผนกับผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งไง"
กรรณาอึ้งไป...เป็นไปอย่างที่เธอสงสัย

วิญญาณช่อเพชรปรากฏขึ้นชัดๆ ที่หน้าบ้าน ในชุดสีเทาดำ กระแสความเคียดแค้น น่าขนลุก ลมพัดใบไม้ปลิว ควันลอยคละคลุ้ง เธอพยายามจะเข้าไปในบ้านพงอินทร์ แต่ทันใดก็มีแสงสว่างขาวนวลเปล่งออกมา ภายในแสงนั้น ร่างของพิมอรค่อยๆลอยออกมาขวางช่อเพชรตรงประตูทางเข้า
วิญญาณทั้งคู่ประจันหน้ากันเป็นครั้งแรกหลังทั้งคู่เสียชีวิต กระแสแห่งความสงบ เย็น ปะทะ กระแสของความร้อน พลุ่งพล่าน ทำให้เกิดกระแสลมปั่นป่วนเหมือนมีพายุ

ภายในบ้าน พงอินทร์เจ็บปวดแทนพิมอร
"โธ่...บาปกรรมจริงๆเลยเรา หลงสงสัยคนผิดมาตั้งนาน ว่าชู้รักของด็อกเตอร์คือคุณแม่บ้านจารุณี ที่แท้ก็เป็นยัยเลขาต่างหาก นี่นาย! แล้วคุณพิมอรจับได้ไงว่า พี่เขยนายแอบมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้"
"ผมอ่านเจอชื่อผู้หญิงคนนี้ ในบันทึกลงวันที่ราวเกือบ 2 เดือน ก่อนที่พี่พิมจะเสีย"
"คุณพิมบันทึกว่า"
ตามคำในบันทึก... "ช่อเพชรมาหาฉันที่บ้าน!"
"ลุยถึงบ้านเลยเหรอ"
พอเล่ามาถึงตอนนี้...กรรณาก็ได้ยินเสียงโหยโหวนของวิญญาณดังมาเต็ม 2 หู เธอแทบหยุดหายใจ ค่อยๆหันไปมองที่ประตูทางเข้า…แม้มองไม่เห็นวิญญาณ แต่ก็รู้ว่าวิญญาณทั้งสองอยู่ตรงไหน รู้ว่า พิมอรอยู่ตรงนั้นโดยไม่บอกพงอินทร์
กรรณาหลับตาลงแอบส่งกระแสจิตสื่อสารกับพิมอร
"เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น เล่าให้ฉันฟังซีคะคุณพิมอร"
ทางด้านนอก วิญญาณทั้งสองยังประจันหน้ากันอยู่ แม้พิมอรจะปิดปากนิ่ง แต่กรรณาสัมผัสได้กับความรู้สึกนั้นอันเป็นความทรงจำของพิมอร
"ช่อเพชร...ช่อเพชรเขามาหาฉัน"

ภายในห้องรับแขก บ้าน ณ เวียงทับตอนกลางวัน ช่อเพชรสวมส้นสูงเดินปรี่เข้ามาในบ้าน ตรงไปยังด้านหลังขอวพิมอรที่กำลังยืนจัดดอกไม้ในแจกันอยู่
"พิมอร"
มอรถือแจกันหันมา รอยยิ้มเบิกบานเปลี่ยนเป็นแปลกใจที่เห็นคนแปลกหน้ามาเยือน
"คุณเป็นใครคะ ขอโทษนะคะ ฉันจำไม่ได้ว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน"
ช่อเพชรมองมอรด้วยสีหน้าหึงหวง
"คุณไม่รู้จักฉันหรอก แต่คุณแผนยุทธกับฉันรู้จักกันดี"
พิมอรชักรู้สึกไม่ดี ท่าทางช่อเพชรไม่ได้มาดีแน่
"หมายความว่ายังไงคะ"
"ก็หมายความว่า ฉันเป็นเมียของเค้าน่ะซิ"
"ฉันกับพี่แผน เราแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันมาเป็น 10 ปีแล้ว คุณเป็นใคร อยู่ๆ ก็มาอ้างตัวว่าเป็นเมียของสามีดิฉัน"
พิมอรยังคงเก็บอาการอย่างดี สมเป็นคนอยู่ในศีลในธรรม
"เอ๊ะก็บอกว่าฉันเป็นเมียเค้า เมียที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย นี่...แหกตาดูซะ"
ช่อเพชรดึงทะเบียนสมรสออกมาจากซองน้ำตาลที่ถือมาด้วย ยื่นให้พิมอรดู
พิมอรถือทะเบียนสมรสเดินมาที่บริเวณริมระเบียงบ้าน พิจารณาทะเบียนสมรสแล้ว
หันไปมองช่อเพชร
"ทะเบียนสมรสซ้อน"
ทั้งสองยืนประจันหน้ากัน
"แจ่มแจ้งแล้วใช่มั้ย ว่าคุณแผนยุทธเค้าไม่ได้รักเธอ เค้าไม่ได้อยากอยู่กับเธออีกแล้ว"
พิมอรไม่ตอบโต้
"เค้าไม่ได้รักเธอแล้ว เค้าบอกกับฉันว่าอยากจะเลิกกับเธอ แต่เธอไม่ยอมหย่าให้เค้า"

วิญญาณทั้งสองยังคงประจันหน้าอยู่ที่เดิม
"วิญญาณเธอยังคงยึดติดกับโลภะ โมหะ โทสะ และกามารมณ์ ไม่ไปผุดไม่ไปเกิด"
"นี่...หยุดนะ แกมันเหมือนกับชั้นนั่นแหละ ถึงไม่ได้ไปไหนเหมือนกัน"
"ฉันอยู่เพราะความรัก ความเมตตาที่ฉันมีกับน้องชายฉัน ไม่เหมือนเธอ"
"นังสารเลว"
ช่อเพชรปล่อยความโกรธออกมาเป็นแสงสีเทาขยายออกมา แต่พิมอรยังคงสงบนิ่ง ปกป้องด้วยแสงสีขาว
"เธอยังคงอยู่ในวงเวียนวัฏจักรของอวิชชา"
"แก...นังพิมอร แกมันดีนักเหรอไง ห่ะ!"
ช่อเพชรโมโหสุดขีด แสงสีเทากลายเป็นไฟลุกขยายวงไป แต่ความสงบของพิมอรทำให้ไฟที่พุ่งไปหาดับลง ยิ่งกว่านั้น แสงขาวนวลจากตัวพิมอรได้เปล่งแสงสว่างขึ้นจนแทบจะกลบไฟและแสงสีเทาจากตัวช่อเพชร
"แอร๊ย"
"ฉันขอแผ่เมตตาและส่วนกุศลที่ฉันมีให้แก่เธอ ขอให้เธอมีดวงตาเห็นธรรมสักที"
"ไม่...ไม่...แอร๊ย"
ช่อเพชรค่อยๆหายไป ทุกอย่างกลับมาสงบลงเช่นเดิม

กรรณาลืมตาขึ้นเหมือนกำลังฟังพงอินทร์เล่าจากสมุดบันทึก แต่จริงๆแล้วฟังจากวิญญาณพิมอรต่างหาก เวลานี้ วิญญาณพิมอรมานั่งอยู่ข้างๆพงอินทร์แล้ว
"แล้วหลังจากวันที่ผู้หญิงคนนั้นมาหาที่บ้าน มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณพิมอรอีกคะ"
พงอินทร์ยังคงพาซื่อเล่าต่อไป...
"พี่พิมบันทึกว่า ตั้งแต่มีเรื่องกันวันนั้น ก็มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นกับพี่พิม...อย่างเช่นมีโทรศัพท์โทร. เข้ามาแล้วไม่ยอมพูด..."
ภาพในอดีต โทรศัพท์ในบ้านดัง พิมอรเดินลงบันไดมา มองโทรศัพท์อย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจรับ เธอฟังซักพัก เสียงจากโทรศัพท์ เป็นเสียงหายใจ ฟืดฟาดๆๆ
"ฮัลโหลๆ"
เสียงเงียบไป
"สวัสดีค่ะ จะพูดกับใครคะ"
เสียงตอบดัง ฟืดฟาดๆ
"โรคจิตหรือไงนะ โทร.มาแล้วไม่พูด คุณเป็นใคร"
เงียบ พิมอรมองโทรศัพท์ ประสาทเสีย
พงษ์อินทร์บอก
"สงสารพี่พิมพ์...พี่ต้องถูกทำสงครามประสาทอย่างมาก"
กรรณาได้ยินเสียงวิญญาณพิมอรกำลังเล่า
"แล้วก็มีจดหมายลึกลับส่งมาให้ฉันที่บ้าน....ฉันเปิดดูก็พบเป็นซากหนูตาย"
กล่องพัสดุภัณฑ์วางบนโต๊ะกลางบ้าน พิมอรสงสัย มองรอบๆกล่อง ไม่มีที่อยู่ หรือนามบัตรอะไร
ทันทีที่เปิดกล่องออก เธอชะโงกดูในกล่องแล้วร้องกรี๊ด ... หนูตายนอนอยู่ในกองเศษกระดาษตัดฝอยๆ
กรรณาร้องกรี๊ด ขยะแขยง พงษ์อินทร์มองงงๆ
พงษ์อินทร์มองหน้ากรรณา
"เป็นอะไร ทำยังกับเห็นหนูตาย"
"พี่คุณ ก็ต้องเจอ กับเรื่องที่ทำให้สติแตกมากมายน่ะสิ"
วิญยาณพิมอรถอนใจแล้วเล่าต่อ

"ใช่ แต่...เท่านั้นยังไม่พอนะ"

พิมอรในมาดผู้ดี สวย แต่งตัวในชุดราตรีสั้นเหมือนจะไปงานเลี้ยง กำลังสั่งงานพนักงานขายในร้านจิวเวลรี่พิมอรของตัวเอง

พนักงานผงกหัวรับคำสั่งอย่างเคารพ เปิดประตูให้พิมอรเดินออกจากร้านไป ที่มุมข้างร้าน ช่อเพชรใส่เสื้อมีฮู้ดคลุมหัวไม่เห็นหน้า ยืนซุ่มจับตาดูอยู่ และสะกดรอยตามไปทันที
พิมอรเดินตรงมาที่ลิฟท์ เธอรู้สึกได้ว่า มีคนสะกดรอยตาม ลิฟท์ยังไม่ยอมมาสียที เธอหันไปมองข้างหลังเห็นคนสวมฮู้ดเดินตรงเข้ามาใกล้ทุกที มือ 2 ข้างของมันล้วงเข้าไปในกระเป๋าเหมือนมีอาวุธ เธอตกใจรีบเดินหนีไป เธอล้วงมือถือขึ้นมาจะกดโทร. แต่มือสั่นมากด้วยความกลัว ทำอะไรไม่ถูก จังหวะนั้นเดินผ่านบันไดหนีพอดี เธอตัดสินใจผลักประตูเดินหนีเข้าไป
พิมอรเดินลงบันไดหนีไฟ พลางกดมือถือหาแผนยุทธ แต่เขาไม่รับสาย
"รับสายซีแผนยุทธ...ทำอะไรอยู่ รับสายหน่อย"
เสียงประตูหนีไฟเปิดออก พิมอรแหงนหน้ามอง เห็นคนสวมฮู้ดเปิดประตูตามเข้ามา อารมณ์ตกใจมาก รีบก้าวลงบันได ส้นสูงเหยียบพลาด จนเกือบล้มร่างร่วงตกบันได โชตดีที่มือข้างหนึ่งของพิมอรคว้าราวบันไดไว้ แต่ข้อเท้าก็เจ็บ รองเท้าข้างหนึ่งหลุด มือถือร่วงกับพื้น
"อ๊าย"
เธอกระเผลกลงบันได คนสวมฮู้ดก็รีบวิ่งลงบันไดตามมาอย่างไม่ลดละ คนสวมฮู้ดตามลงมา พร้อมกับเงื้อมือชักมีดแวววับขึ้นมาถือ
"ช่วยด้วยๆ"
พิมอรร้องลั่น รีบหนีจนก้าวพลาดร่วงกลิ้งลงบันได 3-4ขั้นลงไปสลบกับพื้นบันไดหนีไฟชั้น 1..ใกล้กับประตูทางออก
"ว้าย!"
จังหวะนั้นคนสวมฮู้ดตามมาทัน มันกระโดดข้ามบันได 2 ขั้นลงมาที่พิมอรพร้อมกับเงื้อมีดจะแทง เสียงรปภ. ดังขึ้น
"คุณพิมครับ...คุณพิม"
ช่อเพชรรีบหนีไปก่อนที่รปภ.จะมาถึง
"อ้าว...คุณพิมครับ...คุณพิม"
พิมอรเป็นลมล้มฟุบอยู่กับพื้น รปภ.ตกใจทำอะไรไม่ถูก รีบกดวอร์บอกรปภ.คนอื่นแล้ววิ่งออกไปตาม
พงอินทร์เล่าตามบันทึก
"พี่พิมเครียดมาก หมดความอดทนที่ถูกฝ่ายโน้นตามราวี เลยตัดสินใจจ้างนักสืบตามย้อนรอยผู้หญิงคนนั้นบ้าง"

พงอินทร์คับแค้นใจ เล่าต่อตามในบันทึก ขณะที่วิญญาณพิมอรนั่งอยู่ด้วย โดยที่พงอินทร์ไม่รู้ มีแต่กรรณาที่ได้ยิน มีสีหน้าสลดใจ
"จนถึงหน้าสุดท้ายที่พี่พิมเขียนบันทึก มันเป็นวันๆ เดียวกับที่พี่พิมหายตัวไป"
"คุณพิมเขียนว่ายังไงคะ"
กรรณาหันไปถามข้างๆที่รู้ว่า วิญญาณของพิมอรนั่งอยู่ แต่พงอินทร์กลับคิดว่า กรรณาถามตัวเอง เลยหยิบบันทึกมาเปิดหน้านั้นส่งให้กรรณา
"อ่ะ คุณลองอ่านดูเอาเองก็แล้วกัน"
กรรณารับบันทึกมามองตรงหน้า แต่มีเสียงของพิมอรพูดให้ฟังแทน
"ฉันเบื่อ...เบื่อที่จะเล่นสงครามกับผู้หญิงคนนั้นเต็มทน กว่าจะมีใครแพ้ใครชนะ. คงต้องมีใครสักคนที่เป็นบ้าไปเสียก่อน เพราะฉะนั้นพอกันที ในเมื่อเค้าอยากจะเจอฉัน ฉันก็จะไปเจอเค้า ไปคุยกันให้รู้เรื่องให้มันจบสิ้นกันเสียที "
สิ้นเสียงพิมอร สมุดบันทึกปิดลงเอง ปัง! บ่งบอกว่าบันทึกจบลงแค่นี้ และพิมอรก็หันขวับไปมองไปที่ประตูบ้าน แผนยุทธเปิดประตูเข้ามา
กรรณากับพงอินทร์ตกใจ เธอรีบซ่อนสมุดบันทึกไว้ที่เบาะโซฟาข้างหลังทันที พงอินทร์เหลือบมองมือเธอ
"คุณกรรณ! คุณเข้ามาทำอะไรที่นี่ดึกๆดื่นๆ"
"อ๋อ...คือ...ฉัน"
กรรณาไม่ทันจะตอบ พงอินทร์ก็กระโดดเข้าพนักโซฟามาทิ้งตัวนั่งลงข้างกรรณา ที่บัดนี้วิญญาณพิมอรได้หายไปยืนอยู่กลางห้องแล้ว
พงอินทร์เอนตัวพิงพนักกางแขนพาดยาวไป เลยทำให้ดูเหมือนโอบไหลกรรณาอยู่
"ผมเชิญคุณกรรณมารื้อฟื้นความหลังกัน ตามประสาคนมีอดีตร่วมกันน่ะครับพี่แผน"
คำพูดกำกวมทำเอาแผนยุทธฟิวส์ขาด
"ไอ้บ้าเอ้ย! เลิกพูดจากำกวมทำให้ผู้หญิงดูเสียหายซะที มันไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย"
"อู้หู...พี่คงสุภาพบุรุษมากซินะ ถึงได้ทำกับพี่สาวผมแบบนี้"
พงอินทร์ฉุนขาดจนโพล่งออกไป กรรณาต้องรีบยื่นมือไปตะปบขาอ่อนเขาไว้เพื่อให้เขาหยุดพูด
"หุบปากน่านายโจ้!"
"อึ๋ย!"
พงอินทร์สะดุ้งก้มลงมองมือกรรณา ที่อยู่ใกล้เป้าเขาแค่คืบ เช่นเดียวกับแผนยุทธที่ตาโตมองไปที่มือกรรณา
"มะๆมือคุณเกือบจะโดน"
"หรือนายอยากจะโดน หึ!W
กรรณาทำหน้าขู่
"คุณกรรณ...ในฐานะที่คุณมาทำงานให้ผม ผมไม่สบายใจเลยที่เห็นคุณมาอยู่บ้านน้องเมียผมดึกดื่นมืดค่ำ ผมอุตส่าห์จัดห้องหับให้คุณพักอย่างดี ทำไมคุณถึงไม่รีบกลับไป พักผ่อนล่ะครับ"
กรรณาทำปิดปากหาว ลุกขึ้น
"เอ่อ...หาว ฉันก็ง่วงแล้วเหมือนกัน"
แต่พงอินทร์ยังไม่เลิกต่อปากต่อคำ
"แหมๆพี่แผน อยู่ๆ ก็มาไล่ให้คุณกรรณไปนอน นกรู้จริงๆ ว่าพรุ่งนี้คุณกรรณก็จะเก็บข้าวของกลับบ้านแล้ว"
"กลับบ้าน!"
กรรณาหันมามองหน้าพงอินทร์ที่เขี่ยบอลสร้างเรื่องไม่เลิก เขานั่งไขว่ห้างส่งยิ้มกวนๆให้

ทางด้านอัมพวา หัวเรือหางยาวลอยลำมาในความมืด ลุงดับเครื่องเปลี่ยนไปใช้พายเรือล่องมาตามคลองอย่างแผ่วเบา 2 ข้างเต็มเป็นด้วยป่าโกงกาง บรรยากาศวิเวกโหวงเหวง กรรัมภาเหลือกตามองซ้ายขวานั่งอยู่ข้างๆปาร์คจุนจี
"ไหนคุณว่าจะพาฉันมาดูสายรุ้งไง มองไปทางไหน มีแต่ป่าโกงกาง มืดตึ๊ดตื๋อไปหมด"
"ก็ลุงคนนั้นน่ะ บอกว่าจะพาโพ้มมาดูไฟสวยๆ ผมก็เลยลงเรือมาด้วย ไหนล่ะ ไฟของลุง ม่ายเห็นมีสักดวงเดียว ... เฮ้ย!"
ลุงถือตะเกียงส่องหน้ายิ้มฟันหลอ
"ใจเย็นๆไอ้หนุ่ม เดี๋ยวเอ็งได้เห็นแล้วจะร้องโย่วๆ ทุกคนที่เข้ามาในคลองผีหลอกนี่ ไม่มีใครผิดหวังกลับไป"
กรรัมภากับปาร์คจุนจีตาเหลือกมองหน้ากัน
"คลองผีหลอก!"
"แหะๆๆ โน่นไง ไอ้หนุ่ม นังหนู แสงไฟที่ว่า มันออกมาโน่นแล้ว"
ลุงคนขับเรือชี้มือไป กรรัมภากับปาร์คจุนจีเหนียวคอกลืนน้ำลาย ค่อยๆ หันมองตามมือไป แล้ว...ทั้งคู่ต้องเพ่งมอง อึ้งตะลึง
บริเวณดงต้นลำพูในป่าโกงกาง ปรากฏแสงไฟระยิบระยับค่อยๆลอยออกมา...จากตอนแรกมีเพียงดวง 2 ดวง ต่อมาค่อยๆเพิ่มขึ้นๆ จนกลายเป็นกลุ่มแสงไฟระยิบระยับกลุ่มใหญ่
"นั่นมันแสงอะไร"

ขณะที่ลุงหรี่ไฟตะเกียงเจ้าพายุ แล้วค่อยๆพายเรือเงียบๆ เข้าไปใกล้ จนเห็นตัวหิ่งห้อยเป็นดวงไฟชัดขึ้น

"หิ่งห้อย! ว้าว...ระยิบระยับยังกับดาวแน่ะ"

ลุงหยุดเรือนิ่งให้ทั้ง 2 ดูฝูงหิ่งห้อยจากที่รวมกลุ่มกันอยู่ ก็ค่อยๆแตกกระจายออก จนระยิบระยับไปทั่วทั้งคลุ้งน้ำ และมีบางตัวบินมาวนอยู่รอบๆ ปาร์คจุนจีและกรรัมภาที่เรือ ความมืดสลัวเมื่อครู่สว่างระยิบระยับขึ้น ปาร์คจุนจีประทับใจมาก และแล้วก็อึ้ง แสงระยิบระยับรอบตัวกรรัมภา ทำให้เธอดูสวยสดใสมาก เธอพยายามทำมือจะรับตัวหิ้งห้อยไว้ แต่พวกมันก็ค่อยๆ บินสูงขึ้นๆ แล้วก็จากไป ทั้งคู่มัวแต่แหงนเงยหน้ามองตาม ไม่ทันมอง เมื่อหันมา หน้ากับจมูกเลยชนกัน ทั้ง 2 ตะลึง
ลุงคนขับเรือ รีบยกมือถือขึ้นมา
"ช็อตนี่แหละเด็ด!"
สองคนไม่รู้ตัว ลุงเก็บโทรศัพท์
"เอ่อนี่เอ็ง 2 คนพักอยู่ที่ไหน เดี๋ยวลุงไปส่ง"
สองคนได้สติ หันมา งงๆ
"ฉันว่าจะหารถกลับกรุงเทพน่ะค่ะลุง"
"เรากำลังหาที่อยู่พอดีเลยครับลุง ช่วยพาพวกผมไปหน่อยสิครับ"
"คุณหมายความว่าไง"
"ก็หมายความว่าผมและคุณจะค้างที่นี่"
"ค้าง!"
"ผมยังไม่อยากกลับ ผมยังไม่อยากกลับไปเป็นจุนจี นักร้อง นักแสดงซุปเปอร์สตาร์ชาวเกาหลี ผมยังอยากเป็นจุนจีที่อยากทำอะไรก็ได้ตามใจอยู่ที่นี่"
กรรัมภาอึ้ง

กรรณาเดินกลับเข้ามาที่ตึกใหญ่ แผนยุทธตามเข้ามา วิญญาณมืดดำช่อเพชรปรากฏตัวขึ้น ยืนมองอย่างหึงหวง
"เดี๋ยวครับคุณกรรณ! คุณจะกลับบ้านได้ยังไง ในเมื่องานของเรายังไม่เสร็จ"
"อ๊าย...ของเรา! เดี๋ยวนี้คุณใช้คำว่าเรา กับนังแพศยานี่แล้วเหรอ"
กรรณาแสบแก้วหู พยายามข่มใจกับคำด่าของช่อเพชร หันไปตอบแผนยุทธอย่างใจเย็น
"ก็ในเมื่อฉันเก็บข้อมูลที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์จากบ้านหลังนี้ได้หมดแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ กลับไปทำงานต่อที่ออฟฟิศได้แล้วค่ะ"
"แล้วผมล่ะครับ"
"เราก็ค่อยนัดเจอกัน คุยกันเป็นระยะ"
"แล้วคุณไม่ต้องอยู่ฟังแล้วเหรอครับ ว่าวิญญาณที่ตามผมอยู่จะพูดอะไร"
"ไล่มันไป! คุณไปง้อมันทำไม เฉดหัวมันไปให้พ้น แกไม่มีปัญญาหาผัวแล้วใช่มั้ย ถึงต้องมาทำออดอ้อนเรียกร้องความสนใจให้ผัวฉันรั้งแกไว้"
กรรณาเดินขึ้นบันได แผนยุทธตามติด
"ห่ะ ขอโทษนะคะ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร คำพูดถึงได้หยาบคายขนาดนี้"
"มึงด่ากูเหรอ"
"พอเถอะ! ฉันอยู่ต่อไปก็รำคาญเสียงผีที่ตามคุณเปล่าๆ มันมีแต่เสียงด่าทอ ไม่ประเทืองปัญญาอะไรขึ้นมา"
"ฟังมัน มันด่าฉัน ฉันไม่ยอม ไล่มันไป"
แผนยุทธบอก
"แล้วถ้าคุณกรรณไม่อยู่ ก็หมายความว่า ผมต้องอยู่กับ... เอ่อ...ผี ตามลำพัง"
"ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต ไม่ยอมไปไหนเด็ดขาด เราจะต้องอยู่ด้วยกันไปจนวันตาย"
"ถึงฉันอยู่ คุณก็ต้องอยู่กับผีอยู่ดี เพราะผีตัวนี้ตามติดคุณเป็นตังเมไปทุกที่ ไม่เว้นเวลาที่คุณเข้าห้องน้ำ"
กรรณาถอนใจทำหน้าเบื่อหน่าย
"เฮ่อ...แค่นี้นะคะ ฉันนอนดีกว่า ก่อนที่หูจะเน่า"
กรรณามาถึงหน้าห้องนอนพอดี เปิดเข้าห้อง ปิดประตูปังล็อกแน่นหนา เสียงแผนยุทธตะโกนตามอยู่ด้านนอก
"คุณอย่าทิ้งผมนะคุณกรรณ ผมรู้ว่าคุณช่วยผมได้ ผมถึงได้จ้างคุณมา อย่าทิ้งผมนะ"
แผนยุทธเคาะประตูห้อง แล้วท้อใจก่อนหันเดินไปห้องนอนตัวเอง
"ฉันไม่ทิ้งคุณหรอกที่รัก ฉันจะอยู่กับคุณ เป็นเมียของคุณคนเดียว ไม่ยอมให้อีหน้าไหนมาแย่งคุณไปจากฉัน"
วิญญาณช่อเพชรโผเข้ากอดแผนยุทธ ทำให้เขารู้สึกตัวเย็นวาบจนขนลุก
"เฮ้ย!"
ภาพสะท้อนของกระจกตู้โชว์เห็นวิญญาณของช่อเพชรกอดแผนยุทธอยู่

ลุงคนขับเรือเดินถือตะเกียงนำกรรัมภากับจุนจีผ่านสวนมืดๆ ตรงมาที่บ้านพักโฮมสเตย์
หลังเล็กๆริมน้ำหลังหนึ่ง
"อัมพวาน่ะคนดี ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อย่าคิดว่ามาแล้วจะมีที่ซุกหัวนอน กรุณาจองก่อนล่วงหน้า ไม่งั้นจะสมน้ำหน้าเอย"
"นี่คุณ ลุงแกร้องเพลงอะไรอยู่"
"ร้องเพลงที่ไหนกัน แกกำลังด้นกลอนด่าเราอยู่ ว่ามาเที่ยวแล้วไม่รู้จักจองที่พักล่วงหน้า"
"อ่ะ ถึงแล้ว! เหลืออยู่หลังเดียว หลังอื่น...เกลี้ยงงง ปรกติหลังนี้เค้าไม่ปล่อยให้ใครมาพักนะ ถ้าไม่ใช่เส้นลุง...อด! เอานี่...กุญแจ พักให้สบายนะ"
ลุงส่งกุญแจให้ปาร์คจุนจี
"ขอบกุนกั๊บลุง"
"ขอบคุณค่ะลุง"
"เออ...ขอให้คืนนี้นอนหลับลงกันนะ แล้วพรุ่งนี้ตื่นเช้าๆ จะได้ตักบาตร มีพระพายเรือมาบิณฑบาตถึงหน้าเรือนเลย โชคดีๆ หึๆๆ"
ลุงเดินไป กรรัมภายืนมองตามลุงอย่างตะหงิดใจ ขณะที่ปาร์คจุนจีเดินไปไขกุญแจประตู
"ลุงแกพูดจาแปลกๆ ก็แล้วทำไมเราจะหลับไม่ลงล่ะ"
"เปิดประตูได้แล้ว มา...คุณแก้ม เข้ามานอนกันเถอะ!"
กรรัมภาเห็นเทพบุตรสุดหล่อ ปาร์คจุนจีกำลังยืนกวักมือเรียกอยู่
"รู้แล้ว!ทำไมฉันถึงหลับไม่ลง เพราะคืนนี้ฉันจะได้นอนร่วมห้องกับซุปเปอร์สตาร์ เรื่องจริงเหรอเนี่ยะ อ๊าย"
กรรัมภายก 2 มือขึ้นกัดนิ้ว ยืนมองปาร์คจุนจีเดินเข้าบ้านไป…เธอยืนทำใจ
ขณะที่ลุงคนเรือกดดูโทรศัพท์ที่หน้าห้อง

"แบบนี้ต้องอัพเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม โปรโมตโฮมเสตย์ชมหิ่งห้อยของเราซะหน่อย"

กรรัมภาค่อยๆเดินโผล่มาที่ประตูห้องมองเข้าไปในบ้าน ใจเต้นโครมครามกับประสบการณ์การค้างคืนร่วมบ้านกับไอดอลเกาหลีที่กำลังจะเกิดขึ้น ภายในบ้านเตียงนอนขนาดย่อมวางอยู่กลาง
 
ห้องเลย มีโต๊ะ ตู้ เก้าอี้อยู่นิดหน่อย แต่ไม่เห็นปาร์คจุนจี
"เตียงนอนมันน่าจะเล็กกว่านี้อีกสักกะติ๊ด เอ้ย! ไม่นะ ยัยแก้ม แกต้องไม่คิด มันจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
เธอก้าวเข้ามาในห้อง...หันหลังปิดประตูใส่กลอน ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำออกมา
"อาบแต่น้ำอุ่น ไม่ได้อาบน้ำเย็นๆ แบบนี้มานานแล้ว บรื๋อ"
กรรัมภาค่อยๆหันไปมอง...ต้องเข่าอ่อนหลังพิงประตู
"ห่ะ!"
ปาร์คจุนจีสวมแต่กางเกง ไม่ใส่เสื้อกำลังใช้ผ้าเช็ดตัว เช็ดๆผมที่เพิ่งสระเสร็จจนหัวยุ่ง เขาสะบัดผม เป่าผมที่ปรกหน้า เสยผม หล่อโคตรๆ เขาเห็นเธอยืนช็อกพิงประตู มือข้างหนึ่งทาบหน้าอกอยู่ ก็ยิ้มกว้าง
"เพิ่งเห็นผู้ชายไม่ใส่เสื้อเป็นครั้งแรกเหรอคุณ"
เขาทำท่าจะเดินเข้าไปหา เธอรีบชี้หน้าห้าม
"หยุดอยู่ตรงนั้น...อย่าเข้ามานะ!"
ปาร์คจุนจีตกใจ หยุดกึก
"ทำไมผมถึงจะเข้าใกล้คุณไม่ได้ สิ่งที่พวกแฟนคลับใฝ่ฝันคือการได้กระทบไหล่ผมไม่ใช่เหรอ นี่ไง ไหล่ผมอยู่นี่แล้ว"
จุนจีตบๆไหล่ที่มีกล้ามเป็นมัดๆของตัวเอง
"มามะ ผมจะให้คุณกระทบไหล่ได้ตามสบาย"
แล้วเขาก็คล้องผ้าขนหนูเข้ากับคอ เดินขยับไหล่เข้าไปทำเป็นจะชนกับไหล่เธอ เธอหนีอย่างเข่าอ่อน หัวใจจะหยุดเต้นให้ได้
"บอกว่าอย่าเข้ามา...ออกไปไกลๆ ฉันกลัวแล้ว ฉันกลัว"
"ฮ่ะๆๆ คุณสติดีรึปล่าวเนี่ยะ คุณประกาศตัวว่าเป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งของผม แต่มากลัวอะไรกับการได้อยู่ใกล้ๆกับผม"
กรรัมภาโพล่ง
"ฉันกลัวจะห้ามใจไม่อยู่น่ะซี"
"ห่ะ!"
เขายืนอึ้ง เธอนึกได้รีบปิดปาก แล้วก็เฉไฉทำเป็นยกมือปัดๆตัวเอง
"เฮ่อ...ร้อนจังเลย ฉะๆฉันเข้าห้องน้ำก่อนนะ เชิญคุณนอนหลับไปเลยไม่ต้องรอฉัน"
กรรัมภาทำอะไรไม่ถูก หันหาประตูห้องน้ำแต่ดันไปเปิดประตูห้องแทน
"นี่คุณ นั่นมันประตูห้อง ประตูห้องน้ำอยู่นี่"
เขาเปิดประตูห้องน้ำรอ เธอฝืนยิ้มเดินตัวลีบๆผ่านเขาเข้าประตูห้องน้ำ
"แน่ใจนะว่าคุณจะไม่กระทบไหล่ผมก่อนอาบน้ำ ผมให้โอกาสคุณ"
ปัง! เธอรีบปิดประตูใส่หน้า เขายืนขำที่ได้แกล้งเธอ
"โธ่เอ้ย ทำเป็นปากเก่ง ที่แท้ก็แพ้รัศมีปาร์คจุนจี"
ปาร์คจุนจีสนุก... ที่ได้รู้จุดอ่อนของเธอทุกอย่างแล้ว เขาเดินเช็ดผมผ่านตู้เล็กไปเท้าแขนมองออกไปนอกหน้าต่าง โดยไม่สังเกตเห็นว่า มีวิญญาณยายแก่ๆ สวมเสื้อคอกระเช้าใส่ผ้าถุงเดินตามหลังผ่านกระจกตู้ ตึง!

ประตูห้องน้ำค่อยๆเปิดออกมา กรรัมภาเช็ดผมจนแห้งหมาดๆสวมเสื้อคลุมอาบน้ำแบบผ้าฝ้ายถูกๆ ที่ทางโฮมสเตย์มีไว้ให้ ค่อยๆโผล่หน้าออกมามองกวาดตาไปทั่วห้อง แต่ไม่เห็นปาร์คจุนจีอยู่ในห้อง แม้แต่บนเตียง
"หือ หายไปไหน"
เธอเอาเสื้อผ้าไปแขวนในตู้ มือยังใส่ถุงมือ เธอมองหาไปที่นอกหน้าต่าง เดินผ่านเตียง อยู่ๆก็มีมือมาจับหมับที่ข้อเท้า เธอตกใจร้องลั่น
"อ๊าย…ผีจับขา"
"ฮ่ะๆๆ"
เธอก้มมองเห็นเขานอนใส่เสื้อกล้ามอยู่บนเสื่อข้างเตียง
เธอเท้าสะเอว สุดฉุน
"คุณ! ทำบ้าอะไรอยู่ข้างเตียง"
"อ้าว ผมก็เสียสละเตียงให้คุณไง เจ็บคอมากมั้ยคุณ กรี๊ดซะลั่นบ้านเลย ไหนบอกว่าเก่งปราบผี แล้วกลัวผีทำไม ฮ่ะๆๆ เอ๊ะแล้วระหว่างกลัวผีกับกลัวห้ามใจไม่อยู่ อันไหนกลัวมากกว่ากันฮ่ะๆๆ"
"ทุเรศ! แกล้งฉันได้เลยเอาใหญ่ แกล้งได้แกล้งดี นี่ๆๆๆตัวจริงปาร์คจุนจีเป็นอย่างงี้เองเหรอ นี่ๆๆ"
เธอหันไปคว้าหมอนบนเตียงมาตีปาร์คจุนจี
"หยุดๆ โอ๊ย! จมูกผม"
ปาร์คจุนจีล้มหงายเก๋งลงไปนอนจับจมูกอยู่บนเตียง กรรัมภาตกใจมาก อ้าปากค้าง หมอนร่วงจากมือ
"ฉันทำจมูกคุณหักเหรอ ฉันขอโทษ จุนจี ไหนดูซิ"
เธอถลาไปก้มลงดูเขาที่เตียง เลยถูกเขาจับมือพลิกตัวตรึงไว้กับเตียง
"ว้าย!"
"โชคดีที่จมูกผมไม่หัก ไม่อย่างงั้น คุณเดือดร้อนแน่ ต้นสังกัดผมที่เกาหลีจะต้องฟ้องคุณหมดตัว แฟนคลับผมจะต้องตามล่าคุณ แล้วคุณก็ต้องถูกถอดออกจากตำแหน่งแฟนคลับอันดับหนึ่งของผมด้วยฮ่ะๆๆ"
เขาหัวเราะแต่เธอนอนตัวอ่อนปวกเปียกแทบละลายไปเมื่อเขาคร่อมอยู่บนตัวเธอ และแล้วปาร์คจุนจีก็ค่อยๆหยุดหัวเราะ มองหน้ากรรัมภาที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ตามองตา เขาพบว่า ตกหลุมรักกรรัมภาไปแล้ว เขาก้มหน้าลงไปจะจูบเธอ ในระยะใกล้จนจมูกจะชนกัน แต่ตาเจ้ากรรมของเธอดันเห็นวิญญาณยายเจ้าของที่โผล่มาอยู่ข้างหลังปาร์คจุนจี
"อ๊าย"
กรรัมภาดึงมือที่ถูกตรึงหลุด ปาร์คจุนจีหน้าทิ่มลงบนเตียงแทน
"อู๊ย....อยู่ๆ ก็กรี๊ดขึ้นมา เป็นอะไร"
"คุณก็ลืมตาดูเอาเองซี"
เขาทิ้งตัวลงนอนหงายข้างเธอ ลืมตาขึ้นมอง เห็นวิญญาณยายลอยเศร้าสร้อยอยู่ตรงหน้า
"หา...ผะๆผี"
ทั้ง 2 รีบกระโดดขึ้นเตียงคว้าผ้าห่มมาคลุมโปง
แต่ครู่เดียวกรรัมภาก็ตวัดผ้าห่มลุกขึ้นนั่ง ถอดถุงมือข้างหนึ่งออกยื่นไปสัมผัสรัศมีวิญญาณ ได้ยินผียายพูดบอก
"ยายเป็นเจ้าของที่ดินตรงนี้...ลูกหลานมันแบ่งสมบัติกันแล้ว ไม่มีใครทำบุญมาให้ยายเลย...ฮือๆๆ"
เมื่อบอกแล้ววิญญาณยายก็หันเดินหายไป กรรัมภามองอย่างสงสาร
เธอหันมามองปาร์คจุนจีที่คลุมโปงอีกที ...นิ่งไปแล้ว
"จุนจี...จุนจี...คุณ"
เงียบ! กรรัมภาค่อยๆดึงผ้าห่มออก เห็นเขาหลับไปอย่างหมดแรง เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน เธอยิ้มขำ ก่อนจะแอบมองหน้าเขาใกล้ๆ เคลิ้มๆ เขาขยับตัว เธอตกใจรีบทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ทำเป็นหลับ ก่อนจะค่อยๆเหล่ไปมองหน้าเขา ยิ้มอย่างมีความสุข
"ฉันจะจำไปจนวันตาย ว่าครั้งหนึ่งเคยนอนข้างๆ จุนจี"

แล้วกรรัมรัมภาก็หลับตา...นอนหลับไป
 
อ่านต่อหน้า 2

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 9 (ต่อ)

ยามเช้าตรู่ ปาร์คจุนจียังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง อยู่ๆก็มีหมอนโยนใส่

"ตื่นๆ"
เขาสะดุ้งตื่นร้อง "เฮ้ยๆๆ"
เขาลุกขึ้นนั่งตาสว่างเห็นเธอยืนอยู่
"เป็นบ้าอะไรเนี่ยะ มาปลุกฉันแต่เช้า รู้มั้ย เวลาไม่มีคิวงาน ฉันต้องนอนเยอะๆ หน้าจะได้ใสๆ"
ปาร์คจุนจีทิ้งตัวลงจะนอนอีก แต่กรรัมภาดึงแขนไว้
"เมื่อคืนมีผีมาขอส่วนบุญ ยังมีแก่ใจจะนอนลงอีกเหรอ"
"ห่ะ...ผี! มาอีกแล้วเหรอ"
เขากระเด้งขึ้นนั่งหันให้ควั่ก
"ยายเค้าไม่ได้ตั้งใจมาหลอกหลอนเราหรอก แต่ยายเค้ามาให้ช่วย"
"ช่วย...ช่วยยังไง"
"เอาน่า...นอกจากช่วยยายแกแล้ว เรายังได้สะสมบุญด้วย"

ในเวลาต่อมา ทั้งคู่กำลังใส่บาตรพระที่พายเรือมาบิณฑบาต ใส่บาตรเสร็จ กรรัมภาก็นั่งพนมมือรับพรจากพระ ปาร์คจุนจีมองแล้วทำตาม จนกระทั่งพระพายเรือไป เธอก็หยิบแก้วน้ำกับถ้วยที่เตรียมไว้มากรวดน้ำ
"ตักบาตรทำบุญแล้ว เราก็มากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้คุณยายกัน"
เธอสอนเขาให้แตะไปที่ถ้วย...แล้วกรรัมภาก็ท่องบทกรวดน้ำจนจบ
ตอนนั้น ทั้งคู่มองไปเห็นวิญญาณคุณยายกลับมาอิ่มบุญในชุดขาว โผล่มาขอบใจทั้ง 2 อยู่ที่ดงกล้วย
"นะๆนั่น...วิญญาณคุณยายนี่"
"ใช่ คุณยายมาขอบคุณเรา คุณยายกลายเป็นวิญญาณที่อดๆ อยากๆ เพราะลูกหลานลืมทำบุญไปให้ ขอให้วิญญาณคุณยายไปสู่สุขคติด้วยเถอะ"
"สาธุ!"
เธอหันไปมองเขาอย่างรู้สึกดี
"คุณเองก็อย่าลืมทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้คุณย่าพิมพ์พิลาศของคุณบ้างนะ"
"รู้แล้วล่ะน่า"
"งั้นเรากลับกรุงเทพกันได้แล้ว ป่านนี้คุณลีจองกุ๊กคงจะห่วงคุณแย่แล้ว"
"คุณยากจะกลับ ก็กลับซิ"
"อ้าว ฉันกลับแล้วคุณล่ะ"
"ผมชักชอบที่นี่ซะแล้ว"
ปาร์คจุนจีเดินบิดขี้เกียจไป
"นี่...อย่าบอกนะว่านายจะอยู่ต่อ"
ปาร์คจุนจีหันมาตะเบะให้
"เย! (ใช่)"

ภายในบริษัทซิกส์เซนส์ สายวันเดียวกัน กรรณาวางสมุดบันทึกของพิมอรลงบนโต๊ะ สมุดดูหวานๆ และเศร้าๆ ลายมือตัวเล็กๆ เขียนกวีเหงาๆ สั้นๆ ด้วยหมึกสีคราม มีรูปการ์ตูนเป็นหน้าผู้หญิงแบบการ์ตูนตาโต วาดเองง่ายๆ ด้วยดินสอ ที่มีน้ำตาหยดๆ หลายรูป
ทุกคนที่มาร่วมประชุม เนตรสิตางศุ์ สุคนธรส ไตรรัตน์ วรวรรธ พงอินทร์ ณัฐเดช ก้องฟ้า รวมทั้งเจ้าที่มองจ้องไปที่หลักฐานชิ้นสำคัญเป็นตาเดียว
"สมุดบันทึกของคุณพิมอรที่พบในบ้าน ณ เวียงทับ!"
ณัฐเดชท่าทางตื่นเต้นมาก
"อ่า! หลักฐานชิ้นสำคัญ เจอสาเหตุจูงใจให้คุณพิมอรฆ่าตัวตาย เอ่อ...ไม่ใช่ซิ สาเหตุที่นำมาสู่การเสียชีวิตของคุณพิมอรบ้างมั้ย"
"มีค่ะ...ผู้หญิงชื่อช่อเพชร"
วรวรรธพยายามนึกถึงชื่อนี้ว่า ผ่านตาในหลักฐานเดิมที่พงอินทร์เอามาให้บ้างมั้ย
"ช่อเพชร!ในหลักฐานเดิม ไม่ปรากฏคนชื่อนี้อยู่เลย ในสมุดบันทึกบอกรึปล่าวครับว่า เป็นใคร"
"หึ เป็นคนใกล้ตัวไอ้ด็อกเตอร์ชีกอพี่เขยผมเอง"
ไตรรัตน์บอก
"ขอทายเล่นๆว่า ผู้หญิงคนนี้ถ้าไม่เป็นลูกค้าสาวในสำนักงานก็ต้องเป็นเลขาของด็อกเตอร์แผนยุทธชัวร์"
พงอินทร์ลุกขึ้นยื่นมือไปขอจับมือไตรรัตน์ทันที
"โอ้ว...สมกับเป็นอดีตเสือผู้หญิง ถูกต้องครับ ช่อเพชรเป็นเลขาของนายแผนยุทธ"
ไตรรัตน์ชู 2 มือเฮดังลั่น สุคนธรสมองยี้ๆขบกรามพูดด้วยความหึงๆ
"ภูมิใจมากนักเหรอที่เคยเจ้าชู้มาก่อน"
"อึ๋ย! แต่ตอนนี้ไม่แล้วจ้ะ รักรสคนเดียว รักรสคนเดียว เหมียวๆหง่าว"
ไตรรัตน์รีบนั่งลงทำเป็นเหมียวคลอเคลียสุคนธรส
"เดี๋ยวเถอะ...มาหง่าวอะไรตรงนี้"
คนอื่นพากันโห่ขำ...
ตอนนั้นเองที่ณัฐเดชก้มดูมือถือเพราะสุพิชชาทั้งไลน์ ทั้งวอซแอปเข้ามาตลอด เจ้าที่เรียกให้เนตรสิตางศุ์ดูณัฐเดช เจ้าที่แอบยืดคอดู
"คุณเนตร....คุณเนตร"
เนตรสิตางศุ์มองเห็นท่าทางณัฐเดชกระวนกระวาย เลยกดส่งข้อความไปว่า เดี๋ยวโทร.กลับ แล้วเงยหน้ามอง ณัฐเดชกลบเกลื่อนด้วยการพูดเข้าประเด็น
"เอ่อ...คุณพิมอรบันทึกไว้ยังไงต่อ ผู้หญิงที่ชื่อช่อเพชรมีความสัมพันธ์กับดอกเตอร์แผนยุทธถึงขั้นไหน"
"ถึงขั้นจดทะเบียนสมรสซ้อน"
สุคนธรสบอก
"เลวมาก! ผิดกฎหมายและศีลธรรม ผู้ชายเจ้าชู้แบบนี้มันน่าจับตอนให้หมดโลก"
ไตรรัตน์รีบนั่งหนีบเป้า ชี้มาที่ตัวเองแล้วส่ายหน้าว่า ตัวเองไม่ใช่คนอย่างนั้น
"วิญญาณคุณพิมอรเล่าให้กรรฟังเองเลยว่า ถูกผู้หญิงคนนั้นตามคุกคาม บุกมาถึงบ้าน สั่งให้คุณพิมอรเลิกกับด็อกเตอร์แผนยุทธ"
"ถ้างั้นคุณช่อเพชรก็คือ ผู้ต้องสงสัยที่เราต้องรีบหาตัวมาให้เร็วที่สุด เราอาจรู้ความจริงว่าวันที่เกิดอุบัติเหตุรถตกน้ำ เกิดอะไรขึ้นกับคุณพิมอรกันแน่" เนตรสิตางศุ์บอก
วรวรรธบอก
"แต่ตอนที่ตำรวจงมรถขึ้นมาจากน้ำ รายงานสอบสวนบอกว่า ประตูรถล็อกหมดทุกบาน และพบศพคุณพิมอรอยู่ในรถเพียงคนเดียว โดยไม่มีร่องรอยการต่อสู้"
"พี่ว่า...อ่า"
เสียงมือถือของณัฐเดชดังขึ้นขัดจังหวะ ทำเอาการคุยชะงัก
ณัฐเดชกดรับ ป้องปากพูด
"เอ่อ...โทษนะ ฮัลโหล กำลังประชุมอยู่ครับ เดี๋ยวโทร.กลับนะครับ"
สุพิชชาที่โทร.มาไม่ยอมวางสายง่ายๆ แต่ณัฐเดชตัดสินใจวางสายไปก่อน ขณะที่พงอินทร์ขมวดคิ้วคิดแล้ว
"เดี๋ยวก่อนครับ...เดี๋ยว! เมื่อกี้ผมหูฝาดไปรึปล่าว ที่คุณกรรแว่วเสียงผี บอกว่าวิญญาณพี่พิมอรออกมาเล่าให้ฟังด้วยตัวเอง"
กรรณาฉุน
"แหม...ให้ฉายาฉันถึงขนาดนี้ นายยังข้องใจอะไรอีกห่ะ ก็ฉันแว่วเสียงผี ก็ไม่แปลกที่ฉันจะได้ยินเสียงวิญญาณพี่สาวนาย"
"ก็แล้วคุณได้ยินตอนไหน ไม่เห็นบอกผมเลย ปล่อยให้ผมอ่านบันทึกให้ฟังอยู่ได้"
"ฉันก็ฟังทั้งสองอย่างนั่นแหละ มันต้องใช้ข้อมูลทุกระบบ เข้าใจไหม"
กรรณายักคิ้วเยาะ พงอินทร์ชี้หน้า
"กรรณาแว่วเสียงผีๆๆกุ๊กๆๆกู๋..อ่าบรู๊ว"
"พี่กรรณๆ..นี่เค้าล้อเลียนพี่นะเนี่ย" ก้องฟ้า
"เอาไงว่ามาเลย ไอ้คุณโจ้ ปากชิวาว่าบ็อกๆ"
"โห..พี่ๆ นี่พี่กรรณเค้าว่าพี่ปากปีจอนะ"
"อ้าว..แรงไปป่าวเนี่ย" พงอินทร์ถาม
"ไม่แรงเลย เพราะมันคือความจริง ปากชิวาว่าบ๊อกๆๆ"
"แว่วเสียงผีๆๆ กุ๊กๆๆกู๋..อ่าบรู๊ว"
กรรณาถลกแขนเสื้อทำท่าจะมีเรื่องกับพงอินทร์ สุคนธรส เนตรสิตางศุ์ต้องรีบช่วยกันห้ามพัลวัน
"กรรณาแว่วเสียงผี ฝ่ายน้ำเงิน โจ้ ชิวาว่า ฝ่ายแดง ทั้งคู่จะทำการชกกัน" ก้องฟ้าบอก
สุคนธรสตีก้องฟ้า
"หยุดได้แล้ว ก๊อง..."
ตอนนั้นเองเสียงมือถือณัฐเดชก็ดังขึ้นอีก เขาถอนใจ
"เอ่อ...งั้นหยุดพักให้ 2 คนนี่เคลียร์กันให้เสร็จ พี่ขอออกไปคุยโทรศัพท์ก่อน"
ณัฐเดชลุกเดินถือมือถือออกไป ทุกคนหยุด...พากันมองตาม
"คุณคิดเหมือนผมมั้ย" วรวรรธถาม
เนตรสิตางศุ์กระซิบ

"คุณพีช โทร.จิกขนาดนี้เลยเหรอคะ"

ณัฐเดชเดินออกมานอกห้อง หันมองซ้ายขวาเพื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ วิญญาณเจ้าที่โผล่มามองอยู่ตรงหน้าบอก

"ไม่มี้...ไม่มีใครอยู่แถวนี้ ไม่ต้องกลัวใครจะได้ยินหรอก คุยเลยๆ"
ณัฐเดชกดรับสายที่ดังไม่หยุด เจ้าที่ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นมาก
"ฮัลโหลพีช...พี่กำลังประชุมเรื่องคดีอยู่นะคะ เรื่องสำคัญค่ะ ที่ ที่ทำงานไงคะ"
"โทร.ไม่รู้จักเวล่ำเวลาแบบนี้ อนาคตสารวัตรที่มียศพลเอกรออยู่จะพังพินาศหมด แบบนี้มันต้องสั่งสอน ด่าให้สำนึกเลยสารวัตร"
"ปล่าวค่ะพีช พี่ไม่ได้ว่าอะไรพีช"
"อ้าว!"
"นะคะ คนดีของพี่ เดี๋ยวก็เสร็จนะคะ"
"ตุ๊ย! ทีกะน้องสาวกะน้องเขยล่ะดุยังกับเสือ ด่างี้ยังกะพ่นไฟได้ ทีกับแฟนตัวเองล่ะก็เชื่องเป็นแมวเชียว โด่เอ้ย...ไม่แน่จริงนี่หว่า"
"ห่ะ ว่าไงนะ"
เจ้าที่ถึงกับกลัวหัวหด คิดว่าณัฐเดชโกรธที่ได้ยินตัวเองด่า
"เย้ย! ปละๆๆปล่าวนะ ผมไม่ได้พูด"
"ตอนนี้พีชอยู่ที่ไหนนะคะ!"

ภายในหน่วยงานของณัฐเดช สุพิชชานั่งไขว่ห้างกระโปรงสั้นอยู่ที่เก้าอี้ต่อหน้าผู้การ
"อยู่ที่หน่วยคุณค่ะ กำลังนั่งรอคุณอยู่ในห้องกับ...ผู้การ"
สุพิชชาพูดพลางส่งสายตามองไปที่ผู้การที่กำลังนั่งจ้องขายาวๆขาวๆ ของเธออยู่อย่างลืมตัว
แล้วพูดรำพึงรำพันกับตัวเอง
"ว้าว...วิวัฒนาการผู้หญิงไทย ความขาวกำลังเป็นยีนเด่น โครโมโซมกระดูกตั้งแต่เล็บเท้า ปลีน่อง และขาอ่อนช่างเรียวงามสมดุลย์ มีผลทำให้คดีอาชญกรรมทางเพศเพิ่มขึ้น"
สุพิชชาแอบยิ้มพอใจ
"พี่ณัฐทำงานไปเถอะ พิชจะรอพี่อยู่ที่หน่วย คุยกับผู้การสนุ้กสนุกค่ะ"
ผู้การได้ยินอย่างนั้นก็ตัวพอง แสดงอำนาจข่มณัฐเดชต่อหน้าสุพิชชาทันที
"บอกสารวัตรณัฐเดชทำงานไป ขยันๆหน่อย คดีที่ให้ไปทำ ยังคลี่คลายไม่ได้สักคดีแบบนี้ระวังผมจะเสนอลดยศกลับมาเป็นผู้กองอย่างเดิม แล้วจะ Sad ฮ่ะๆๆ"
สุพิชชาได้ยินก็มีสีหน้าหมั่นไส้ผู้การขึ้นมาทันที
"แล้ววันๆ ผู้การทำสากกะเบืออะไรบ้างคะ!"
"หา!"
ผู้การถึงกับศอกทรุด ยิ้มเบี้ยว ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกกับท่าทีที่เปลี่ยนไปและแววตาดูร้ายกาจของสุพิชชา
ณัฐเดชได้ยินก็ตกใจ เจ้าที่เงี่ยหูเข้ามาฟัง
"พีช! น้องพูดอะไรน่ะ"
สุพิชชากำลังเดือด
"ขณะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องทำงานหนัก แต่ผู้บังคับบัญชาเอาแต่สบาย นั่งชี้นิ้วสั่งยังกับเป็นง่อยพิกลพิการอยู่กับหน่วย"
ผู้การอ้าปากค้าง
"คะๆคุณพูดดีๆนะ พิๆการตรงไหน ร่างกายผมแมนทั้งแท่งครบอาการสามสิบสอง"
ณัฐเดชตกใจ
"พีชเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ไม่เอานะ แล้วออกมาจากห้องผู้การเดี๋ยวนี้"
แต่สุพิชชาดูราวกับไม่ได้ยินที่ณัฐเดชสั่ง หัวเราะแบบมีอาการประสาทๆ
"ฮ่ะๆๆ มือขาน่ะครบ32 แต่สมองคงจะพิการมาก ถึงสั่งงานให้แขนขาทำงานเองไม่ได้ ต้องอาศัยแขนขาลูกน้องทำงานให้ แล้วก็รอรับผลงาน ไม่ต่างอะไรกับพวกปลิงดูดเลือด"
"หยุดนะพิช"
"ไม่ใช่ปลิงธรรมดาเพลนๆซะด้วย แต่เป็นปลิงชีกอ"
"เย้ย!"
ผู้การถึงกับร่วงตกเก้าอี้ สุพิชชาหัวเราะลั่น
"พี่ขอร้องล่ะพีชออกมาจากห้องได้แล้ว ไปรอพี่ที่บ้าน พี่จะไปหาพีชเดี๋ยวนี้"
"ไม่ค่ะ พีชจะรอพี่ณัฐอยู่ที่หน่วย รีบมานะคะ"
สุพิชชากดวางสายแล้วมองไปที่ผู้การที่กำลังลุกขึ้นโวยอย่างเสียฟอร์ม
"นั่นประตู! จะเดินออกไปเอง หรือจะให้ผมใช้กำลัง"
สุพิชชาเดินเข้ามาตบ 2 มือลงบนโต๊ะ เท้าโต๊ะยื่นหน้ายื่นตาทำเซ็กซี่ใส่ผู้การ โชว์คอเสื้อลึกเห็นร่องอก ทำเอาผู้การสะดุ้งถอยหลังชนฝา กลืนน้ำลายฝืดคอ
"จะใช้พลังจิตกับพีชหรือคะ..ผู้การ"
แล้วสุพิชชาก็เดินควงกระเป๋าหัวเราะออกไป ทิ้งให้ผู้การโกรธควันออกหู
"ฮึ่ม...ไอ้ณัฐเดช ...แกมันขายนาย"

ณัฐเดชรีบผลุนผลันหน้าตาตื่นกลับเข้ามาในห้อง เนตรสิตางศุ์มองจับอาการได้ ลุกขึ้นถาม
"มีเรื่องอะไรคะพี่ณัฐ"
"เอ่อ...ปล่าวจ้ะ คุยกันไปถึงไหนแล้ว เอ่อ...พอดีมีเรื่องสำคัญ พี่ต้องรีบไปก่อน"
ณัฐเดชพูดพลางหยิบข้าวของตัวเอง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาใคร กลัวจะถูกจับได้
"เรื่องสำคัญอะไรคะพี่ณัฐ ท่าทางพี่ณัฐเครียดมาก เนตรช่วยได้ไหมคะ"
ณัฐเดชฝืนยิ้ม
"เฮ้ย...ไม่มีอะไรหรอก งานตำรวจมันก็เป็นอย่างงี้แหละ พวกเราคุยกันไปก่อนนะ เสร็จธุระแล้วพี่จะรีบกลับมา"
กรรณาบอก
"ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาหรอกพี่ น้ำมันแพง โทร.คุยกันก็ได้"
"ใช่ครับ เดี๋ยวเรื่องคุณช่อเพชร ผมกับกรรจะช่วยกันจัดการเอง"
"ชิ! มั่วอีกแระ ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกับนายสักคำ"
พงอินทร์ทำหน้าหูทวนลม
"ขอบใจมากนะทุกคน งั้นพี่ไปก่อน"
ไตรรัตน์ถาม
"เฮ้ยเดี๋ยว ฉันไปเป็นเพื่อนมั้ยวะ"
"เฮ้ยไม่ต้อง แกเฝ้าเมียแกไปเถอะ เดี๋ยวหายนะเว้ย"
"พี่ณัฐอ่ะ" สุคนธรสว่า
เนตรสิตางศุ์และหมอวรวรรธจับตาดูความผิดปกติ ณัฐเดชหัวเราะแล้วรีบเดินออกไป ลืมแม้แต่จะร่ำลาเนตรสิตางศุ์เหมือนที่เคยห่วงนักห่วงหนา
"ดูดิ...พี่ณัฐรีบจนลืม"
"หือ...ของก็เอาไปหมดแล้วนี่นา...ลืมอะไรล่ะหมอ"
เนตรสิตางศ์หน้าเศร้า
"ลืมลาเนตรน่ะซิ"
ทุกคนยิ้มขำ วรวรรธลูบหัวปลอบ
ไตรรัตน์บอก
"โถ....ให้พี่ณัฐลืมเนตรซะบ้างเถอะ จะได้เลิกเป็น กขค เราไง"
เนตรศิตางศุ์ค้อนไตรรัตน์ ขณะที่สุคนธรสยังสงสัยไม่เลิก
"ธุระอะไรของพี่ณัฐ ถึงได้ทิ้งประชุมกับพวกเราไปกลางคัน"
"โอ้ย...ไม่ใช่ธุระอะไรหรอก ผมแอบได้ยินคุณพีชเค้าโทรมา ไม่รู้มีเรื่องอะไร คุณณัฐถึงได้รีบแจ้นไปขนาดนั้น" เจ้าที่บอก
"คุณพีชเหรอ" กรรณาถาม
กรรณาหันไปถามเจ้าที่ ทำเอาพงอินทร์หันมองขวับ…แต่ไม่เห็นคนที่กรรณาพูดด้วย
"คุณพูดกับใคร"
"ผี!"
"ยัยแว่วเสียงผี..กุ๊กๆกู๋"
"เฮ้ย...เอาอีกแล้ว มาต่อยกันเลยดีกว่าไอ้ปากชิวาว่าบ๊อกๆ"
"เอาละครับ..ท่านผู้ชม ยกที่สองเริ่มแล้ว" ก้องฟ้าบอก
ทุกคนโวยวายห้ามปราม ทั้งคู่ชุลมุน เนตรสิตางศุ์และวรวรรธไม่ค่อยพอใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับณัฐเดช

รถตู้ติดโลโก้ขนาดใหญ่ 2-3 คันแล่นตามกันเข้ามายังทางเข้าของรีสอร์ต เบญจาในชุดดูดี ก้าวออกมายืนรอต้อนรับ.... บริเวณใกล้เรือนไทยโกลเดนเบบี๋ปรากฏขึ้นพร้อมกับกวักมือเรียก
"เร็วเข้าคุณตา มีคนมา"
วิญญาณหลวงพิชัยภักดีปรากฏตัว
"โธ่นังหนู ถ้าไม่มีคนมาซิแปลก ที่นี่มันรีสอร์คนะเว้ยเฮ้ย ไม่ใช่ป่าช้าผีดุ"
หลวงพิชัยภักดีทำหน้าหลอกผี แต่โกลเดนเบบี๋เสกกล้องทางไกลอันใหญ่ยักษ์มองส่องไป…เห็นรถตู้ทั้ง 2 คันเข้ามาจอดเรียง ชายสูงวัยท่าทางมีเงินเป็นเจ้าสัว ก้าวลงจากรถตู้คนละคัน .เบญจายกมือไหว้ต้อนรับ
"เอ๊ะ...ทำไมมีแต่ผู้ชาย"
"จะเป็นอ้ายหรืออีมันก็เป็นข่าวดีทั้งนั้นแหละวะ รีสอร์ตของเจ้าติณห์กำลังฮอตๆๆ"
"ฮอตแล้วทำไมรถตู้คันใหญ่ยักษ์ตั้ง 2 คัน ถึงมีคนนั่งมาแค่นี้ล่ะ"
"ก็....เอ่อ"
หลวงพิชัยภักดีเกาหัวเมื่อหาเหตุผลมาเป็นคำตอบให้โกลเดนเบบี๋ไม่ได้
"ไหนๆ...หนูดูซิ!"
โกลเดนเบบี๋ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นใส่มองดูชัดๆ เห็นเบญจากำลังยืนพูดกับเจ้าสัวทั้ง 2 แต่เจ้าสัวยืนห่างๆ กันราวกับมีอะไรมากั้นหว่างกันไว้
"เออว่ะ...มันน่าแปลกอย่างที่เอ็งว่าว่ะนังหนู เอ๊ะ!"
"เอ๊ะ!อะไรเอ่ยคุณตา"
"เงาที่พื้นน่ะ เอ็งดู!"
วิญญาณทั้งคู่สังเกตที่พื้นหญ้าบริเวณที่เจ้าสัวทั้ง 2 ยืนอยู่ เห็นเงาคนที่พื้นหญ้า มีมากเป็น10ไม่ใช่เจ้าสัวแค่ 2-3คนอย่างภาพที่เห็น
"เงาคนเยอะแยะเลยคุณตา แต่ไหงมีคนแค่ 2คน"
"มันชักกลิ่นไม่ดีแล้วนังหนู"
ทั้ง 2 มองไปเห็นเบญจาเดินนำทั้ง 2 ไป แต่ไม่ได้พากรุ๊ปเจ้าสัวทั้ง 2 ไปทางห้องพักที่รีสอร์ต แต่กลับตรงไปยังเรือนไทย
"อ้าว...ห้องพักอยู่ทางนู้น แล้วไมพาไปทางนั้นล่ะ"
"นั้นมันทางไป…"

หลวงพิชัยภักดีเม้มปาก หนวดกระดิก ชักไม่สบอารมณ์ เบญจาเดินนำเจ้าสัวทั้ง2ไป สีหน้าซ่อนยิ้มร้าย เพราะรู้ว่ากำลังถูกจับตาดูอยู่ แต่ยังทำเป็นไม่รู้

เรือนไทยที่ดูเงียบๆร้างๆเหมือนเช่นเคย... แต่เบญจากำลังเดินนำเจ้าสัวตรงไป ทั้ง 2 วิญญาณย่อส่วนไปโผล่มายืนมองบนกิ่งลำดวนหน้าเรือนไทย

"นังเบญจามันถือวิสาสะ พาคนมาเรือนของฉันทำไม ฮึ่ม"
"เค้าจะมาถ่ายรายการคนค้นผีมั้งคุณตา"
"หึ! คนไม่อยู่ส่วนคน มาหากินกับผีอย่างฉันล่ะก็ ได้เจอดีแน่"
"หนูว่าไม่ใช่หรอกคุณหลวง"
จิตของญาณินปรากฏขึ้นที่ใต้ต้นลำดวน
"อุ้ยตายว้ายกรี๊ด...ญาณินจิตสัมผัส!"
"นี่ไม่ใช่เวลาเล่นโกลเด้น"
"ก็หนูไม่รู้นี่...ว่ายัยเบญจานั่นพาพวกอาเสี่ยมาทำไมที่เรือนไทยเนี่ยะ"
"มันต้องมีอะไรแน่"
"แล้วมันอะไรล่ะ" หลวงพิชัยภักดีถามญาณิน
"หนูมีความรู้สึกว่า..สิ่งที่เราเห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงๆ"
"แปลว่า มีการบิดเบือนภาพที่เรารับรู้ได้ด้วยสายตา ให้เบี่ยงเบนไป...งั้นเหรอ"
"แปลกมาก แม้แต่วิญญาณอย่างคุณตาหรือโกลเดน ก็โดนมันหลอกได้ แสดงว่า มันต้องเป็นอาคมขั้นแอดว้านซ์มากมาย..ไม่น่าเป็นไปได้ ญินจะลองใช้มนต์ล้างอาคมที่ยัยรสสอนไว้ดูนะคะ"
ญาณินหลับตาพนมมือขึ้นท่องมนต์ล้างอาคมอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่เบญจาพาเจ้าสัวทั้ง 3 เดินไปถึงหน้าเรือนไทย กำลังก้าวขึ้นเรือนไทย
ญาณินท่องมนต์เสร็จ เป่าลมไปข้างหน้าส่งไปถึงเรือนไทย 3 ครั้ง ปรากฏภาพ เรือนไทยร้างตรงหน้าเปลี่ยนไปเป็นสปามีผู้หญิงนุ่งผ้าโจงกระเบน กับตะเบงมานประยุกต์ที่เอ็กซ์มากๆ รอต้อนรับตั้งแต่ทางเข้าเรือนไทย และเจ้าสัว 2 คนที่เดินเข้าเรือนไทยกับเบญจา ปรากฏมีมาเป็นแก๊งค์หัวงูนับ10คน ไม่ใช่มีแค่2อย่างที่เห็น และต่างทำหน้าหื่น แสดงอารมณ์ลูบคาง เลียปากกันแผล่บๆ ทำเอาวิญญาณตกใจร้องลั่น "เฮ้ย!"
"เรือนไทยของฉัน มันกลายเป็นอะไรไปซะแล้วนี่"
"ผู้หญิงพวกนั้นนุ่งน้อยห่มน้อย โดยเฉพาะท่อนบนนี่ดิ ไม่เหมาะสมๆ...บรื๋อ ติดเรทฉอฉิ่งมากอ่ะคุณตา"
ญาณินเครียด
"เรือนไทยของคุณหลวงถูกเปลี่ยนเป็นสปาจนได้"
"โฮ่ย...นังมิรันตีมันแอบเข้ามาทำให้เรือนฉันกลายเป็นซ่องตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้เลย"
"พวกเราถูกอาคมชั้นสูงบังตาไว้จนไม่เฉลียวใจค่ะ คุณหลวง"
"จะชั้นสูง หรือชั้นวิมานไหนก็ช่าง บังอาจมาหลบหลู่ ลบเหลี่ยมข้ามหัวฉันแบบนี้W
"มันต้องสั่งสอน"
"หนูณินตามเจ้าติณห์มาดูผลงานมอมมี่ของมัน!"

ญาณินที่นั่งหลับตาเข้าสมาธิถอดจิตอยู่ที่โต๊ะทำงานลืมตาขึ้น ติณห์มองจ้องอยู่
"Hi! เวลคัมดาร์ลิ้งค์ ถอดจิตออกไป เจอพิเรนทร์อาไรมั้ย"
อรวรรณบอก
"พิรุธค่ะคุณติณห์! ยัยเบญจามีพฤติกรรมอะไรน่าสงสัยมั้ยคะคุณหนู"
"เราพลาดไปแล้วค่ะป้าออ"
ญาณินพูดพลางลุกขึ้นหยิบข้าวของใส่กระเป๋าของตัวเอง
"พลาดยังไงคะ"
"พวกเราถูกหลอกล่อให้มัวแต่ไปสนใจเรื่องเบญจา จนถูกปิดหูปิดตา ไม่รู้ว่าเรือนไทยได้ถูกดัดแปลงเป็นสปาไปแล้ว"
"สปา! No…no…no impossible ถ้ามัมทำอย่างงั้น ตอนที่พาช่างเข้ามาทำงานที่เรือนไทย พวกเราก็ต้องเห็นซีคุณณิน"
"นั่นซิคะคุณณิน ก็เราจับตาดูอยู่ ถ้าใครทำอะไรจะรอดพ้นสายตาเราไปได้ยังไง"
"ที่เราไม่เห็นก็เพราะเราถูกอาคมบังตาเอาไว้น่ะซีป้า"
ติณห์ถาม
"บังตายังไง พูดชัดๆเคลียร์ๆซิคุณณิน"
"มันเหมือนการสับเปลี่ยนมิติไงคะ หรืออย่างเช่นในหนังฮอลีวู้ด ที่มีการใช้ภาพฟรีซนิ่ง บังกล้องวงจรปิดเอาไว้ จนเราไม่รู้ว่าเบื้องหลังภาพนั้นมีการเคลื่อนไหวทำอะไรอยู่บ้าง"
"ว้าว...I see…นี่มันไสยศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ไงแน่"
ตูม! อยู่ก็มีตัวอะไรทะลุมิติกลิ้งเข้ามาในห้อง ควันโขมง ทำเอาทั้ง3สะดุ้งตกใจ
"เฮ้ย! อุกกาบาต"
ที่แท้เป็นวิญญาณโกลเดนเบบี๋ลุกขึ้น ราวกับเจอระเบิด ผมเผ้ากระเซิง เนื้อตัวดำด้วยเขม่า ควันโขมง
"เค้าเอง...ไม่ใช่อุกกาบาตที่ไหน รีบไปเร็วๆ เถอะเจ๊จีจ้า คุณหลวงจะไปไล่ที่เค้า ปัดโธ่เอ้ย...กลับเจอเค้าไล่ที่แทน"
"ห่ะ!"

ทั้ง 3 รีบวิ่งออกไปทันที

ณัฐเดชรีบเดินมาในหน่วยด้วยสีหน้าเครียดมาก เห็นสุพิชชากำลังยืนคุยอยู่กับตำรวจนอกเครื่องแบบหนุ่มๆ 3คนอยู่ที่มุมหนึ่ง โดยที่หนุ่มๆเอาเครื่องดื่มมาให้ และด้านหลังเห็นผู้การแอบด้อมๆมองๆซุ่มดูอยู่ เขาถอนใจ รีบเดินเข้าไปหาเธอ
 
"มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้พีช"
ตำรวจทั้ง 3 รีบยกมือตะเบะณัฐเดชทันที ขณะที่สุพิชชาหันมายิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"อ้าว...มาแล้วเหรอคะพี่ณัฐ พีชเดินเล่นระหว่างรอพี่ พอดีเจอหนุ่ม 3 คนนี้เข้าดูซิคะ อุตส่าห์ซื้อกาแฟมาเลี้ยง แล้วก็ชวนคุยเป็นกันเอง สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของประชาชนจริงๆค่ะ"
ตำรวจทั้ง 3 ก้มหน้าทำหน้าแหย ณัฐเดชตีหน้าเฉย
"มีงานก็ไปทำได้แล้ว...ไป"
"ครับผม!"
ทั้ง 3 ตะเบะแล้วรีบชิ่งไปทันที ขณะที่ณัฐเดชหน้าบึ้งมองสุพิชชา เธอทำซื่อไม่รู้
"เป็นอะไรคะพี่ณัฐ เจอหน้าพิชก็ทำบึ้งใส่"
"พีชนั่นแหละเป็นอะไร มาทำไมที่ทำงานพี่ แล้วก็ไปว่าผู้การแบบนั้น มานี่...เราต้องคุยกัน"
ณัฐเดชคว้าแขนเธอจะพาจูงเดินไป เพราะเห็นผู้การแอบมองอยู่มุมไกล แต่เธอสะบัดมือ
"พีชไม่ไป! อยากคุยก็คุยกันตรงนี้เลย"
"ไปคุยกันที่อื่นน่าพีช นี่มันที่ทำงานพี่ ขอร้องไว้หน้าพี่บ้าง ไป"
ณัฐเดชคว้ามืออีก แต่เธอสะบัดเต็มแรง จนแก้วกาแฟร่วงตกพื้น แล้วก็เอะอะเสียงดัง
"พีชบอกว่าพีชไม่ไป พี่ณัฐจะด่าจะว่าอะไรพีช ก็ว่ามันตรงนี้ พีชไม่ได้ทำอะไรผิด"
"เอ่อ พีชเบาๆ...นะคะ พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ"
" พี่ไม่ได้ว่า แต่พี่แสดงออกว่าไม่อยากให้พีชมาที่ทำงานพี่ พี่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคบกันใช่มั้ย นี่น่ะเหรอที่พี่บอกว่าจริงใจกับพีช อยากจะดูแลพีช ดีแต่พูดทั้งนั้น! หึ ขนาดเรื่องของพีชพี่ยังทำไมได้อย่างที่พูด แล้วเรื่องงานพี่จะทำสำเร็จได้เหรอ พีชจะไม่เชื่อพี่อีกแล้ว ฮือๆๆ"
สุพิชชาหันเดินร้องไห้ไป
"พีช...พีช!W
ณัฐเดชจะตามไป แต่ผู้การออกมายืนขวางหน้าเสียก่อน
"อย่างงี้นี่เอง งานการถึงไม่เอาอ่าว คดีไม่คืบหน้า เพราะมัวแต่ติดผู้หญิงแล้วก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆเพลนๆซะด้วย แต่เป็นผู้หญิงที่ดูถูกผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผมขอแนะนำคุณว่า ผู้หญิงคนนี้เขาป่วย ควรจะได้รับการแนะนำและเยียวยาจากหมอเฉพาะทาง คงไม่ต้องให้ผมบอกนะว่า หมออะไร ส่วนคุณ ผมจะรายงานเรื่องคุณกับท่านผู้บัญชาการ"
ณัฐเดชถึงกับอึ้ง คอตก ยืนมองผู้การเดินหัวเสียไป

หลวงพิชัยภักดีพยายามจะเข้าไปในเรือนไทย แต่พอก้าวเข้าใกล้ก็เจออาคมบางอย่างจากในบ้านพุ่งเข้าใส่เป็นลูกไฟโลกันต์ราวกับพลุแตก ผ่านหัวไปแบบหวุดหวิด
"เฮ้ย เล่นของหนักเลยเหรอวะ. ออกมานะ! นั่นมันบ้านของฉัน เย้ย ไอ้พวกหมาลอบกัด ใช้ลูกปืนครกยิงกูเลยเหรอเนี่ยะ มึงโหดมาก"
ตูม!คุณหลวงหลบอีกลูก แต่มาเจออีกลูกเข้าเต็มหน้าอก
"โอ๊ก!"
หลวงพิชัยภักดีกระเด็นกลิ้งไปไกล ก่อนจะหยุดกองนอนคว่ำฟุบหน้า ตัวดำควันขโมงราวไก่ขอทาน
ทุกคนตามมาเห็นต่างตกใจ
"คุณหลวง!/แกรนปา"
โกลเดนเบบี๋หายตัวไปเขย่าปลุกคุณหลวง
"คุณตา...เป็นไงมั่ง อย่าตายนะ"
หลวงพิชัยภักดีเงยหน้าขึ้น พ่นควันออกจากปาก หนวดที่ปากไหม้แหว่งหายไปข้างหนึ่ง เนื้อตัวดำไปด้วยเขม่า ไอควันโขมง
"ห้ามไม่ทันแล้วนังหนู ฉันตายมานานแล้ว แต่วันนี้...พวกมันต้องตาย"
คุณหลวงลอยตัวลุกขึ้น ยืน กระทืบเท้าชี้ไปที่เรือนไทย แล้วทำท่าจะบุกเข้าไปที่เรือนไทยอีก
"พอเถอะคุณหลวง อย่าพยายามเลย"
"นั่นมันบ้านของฉันนะหนูญิน ฉันเกิดแก่เจ็บตายที่บ้านหลังนี้ ฉันไม่ยอมให้พวกมันเอาบ้านฉันมาปู้ยี่ปูยำทำเป็นสำนักนางโลมเด็ดขาด"
"ผมก็ไม่ยอม! ผมจะอนุรักษ์เรือนหลังนี้ไว้ให้ลูกๆทั้ง 5 คนของผมกับญาณินได้เห็น"
ทุกคนถึงกับตกใจหันมามอง
"ฮู้ว...ตั้งเป้าจะมีตั้ง5เลยเหรอคะ ล้อมคอกไว้รอดีกว่าไหมคะ" อรวรรณว่า
ญาณินมองหน้าอรวรรณที่ยิ้มแห้งๆ ญาณินรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ตอนนี้เรือนของคุณหลวงมีรัศมีของอาคมแก่กล้ามาก ปกคลุมไปทั่วบริเวณ"
"ต้องเป็นฝีมือมัมเอาใครมาทำพิธีแน่ๆ" ติณห์ว่า
"แต่คุณแม่คุณไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์นี่คะ จะทำเรื่องอย่างงี้ได้ยังไง" อรวรรรบอก
"ผมต้องไปถามให้รู้เรื่อง"
ติณห์รีบเดินปรี่เข้าไปที่เรือนไทย ญาณินรีบหันไปบอกหลวงพิชัยภักดีกับโกลเดนเบบี๋
"ไว้เป็นหน้าที่ณินจัดการเองนะคะ คุณหลวงกับโกลเดนรออยู่ข้างนอกนี่แหละ อย่าพยายามฝ่าอาคมเข้าไป ให้พลังวิญญาณถูกทำร้ายจนอ่อนลงเลย"
ญาณินพยักหน้าให้อรวรรณ ต่างชวนกันรีบวิ่งตามติณห์เข้าไป คุณหลวงตะโกนตามหลัง
"ไปไล่พวกมันออกมาจากบ้านฉันให้หมดนะ อย่าให้ข้าศึกมันยึดที่มั่นของเราได้"
"ศึกบางระจันจำให้มั่นพี่น้องชาติไทย เกียรติศักดิ์สร้างไว้แด่ชนชาติไทยรุ่นหลัง"
หลวงพิชัยภักดีขานรับ
"แม้ชีวิต ยอมอุทิศคราชาติอัปปาง เลือดไทยต้องมาไหลหลั่ง ทาทั่วพื้นแผ่นดินทอง"
ทั้ง 2 วิญญาณต่างร้องเพลงปลุกระดม

ภายในสปา ติณห์ ญาณิน อรวรรณเดินเข้ามา โดยมีพนักงานสาว 1ต้อนรับตามห้าม
"เดี๋ยวค่ะ คุณคะ เข้าไม่ได้นะคะ สปาของเราไม่รับแขกแปลกหน้าค่ะ"
"ทำไมไอจะเข้าไม่ได้ นี่ที่เป็นรีสอร์ตของไอ ไอจะไปที่ไหนก็ได้ หลีกไป"
ทั้ง3 เดินฝ่าเข้ามาถึงด้านในจนได้ แล้วต้องยืนตะลึงมอง
"I don’t believe it!"
"เรือนคุณหลวง เปลี่ยนสภาพเป็นสปาสมบูรณ์แบบ โดยที่เราไม่รู้ระแคะระคายเลย"
ภายในถูกตกแต่งเป็นสปาแทบจำสภาพเดิมไม่ได้ มีป้ายบอก ห้องนวดไทย สปาเท้า ขัดตัว อบสมุนไพร มีพนักงานแต่งตัวโป๊คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มต้อนรับลูกค้าชายกระเป๋าหนัก ที่มารอคิวเข้านวดสปาอยู่เต็มไปหมด อรวรรณสุดทน กัดเหล่าพนักงาน
"ต๊ายตาย นี่มันชุดพนักงานสปาเหรอเนี่ยะ ทำไมมันโป๊เปลือยแหวกลึกไปถึงสะดือยังงี้ล่ะหนู ถ้าไม่อายผีสางเทวดา ก็อายพ่อแม่บ้างนะหนู"
เหล่าพนักงานพากันมองอย่างไม่พอใจ ติณห์โกรธมาก ยืนกำหมัดแน่น
"มัม...มัมอยู่ไหน ทำไมถึงทำกับแกรนด์ปาถึงขนาดนี้"
ติณห์ตามหาตัวมิรันตี แต่มีเจ้าสัวคนหนึ่งเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามาในชุดเสื้อคลุมที่พร้อมจะไปทำสปาพร้อมกับพนักงานสาวคนหนึ่ง เจ้าสัวหันมาเห็นญาณินเข้าก็สนใจ
พนักงาน2บอก
"เชิญห้องนวดด้านนี้ค่ะเจ้าสัว"
"เดี๋ยว! ป๋าเปลี่ยนใจไม่นวดกับหนูแล้ว แต่ป๋าจะนวดกับหนูคนนี้"
เจ้าสัวพูดพลางก้าวมายืนมองญาณินหัวจรดเท้าอย่างตาเป็นมัน ติณห์หันขวับมา
"อย่ามายุ่งกับญาณินของไอ!"
"เฮ้ย...เอะอะอะไรวะ ลื้อเป็นใคร อั๊วจ่ายค่าเมมเบอร์แพงนะเว้ย อั๊วจะนวดกับคนนี้"
เจ้าสัวพูดพลางคว้าข้อมือญาณินหมับ เธอดึงมือกลับ
"ปล่อย ฉันนวดไม่เป็น"
"อั๊วนวดให้ฟรีดีกว่า ค่าเมมเบอร์ไม่ต้อง"
ติณห์เงื้อหมัดต่อยเจ้าสัวเข้าเต็มกรามไป1หมัด เจ้าสัวล้มตึงสลบเลย พนักงานพากันกรีดร้องอย่างตกใจ รีบเข้าไปช่วยดูอาการเจ้าสัว ติณห์คว้าจูงมือญาณิน พลางถามพนักงาน
"มัมของไออยู่ไหน...คุณมิรันตีอยู่ไหน"

ไม่มีใครตอบ อรวรรณเดินตามทั้งคู่ไป
 
อ่านต่อหน้า 3

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 9 (ต่อ)

เบญจาเดินออกมาขวางทางดักหน้าติณห์ไว้

"คุณมิรันตีกำลังมีแขก ไม่ว่างจะพบใคร"
"หลีกไป"
"ไม่หลีกค่ะ พวกคุณนั่นแหละ ออกจากเรือนไทยไปซะ ตอนนี้ที่นี่เป็นของคุณมิรันตีแล้ว"
"พวกคุณถือสิทธิ์อะไรเข้ามายึดเรือนไทยไป ที่มีชื่อของคุณติณห์เป็นเจ้าของถูกต้องตามกฎหมาย" ญาณินบอก
"ฉันคิดว่าคุณมิรันตีก็รู้ความจริงข้อนี้ดี แต่ในฐานะที่เป็นแม่ของคุณติณห์ คุณมิรันตีก็มีสิทธิ์จะเข้ามาบริหารทรัพย์สินของลูกชายของตัวเอง ก่อนที่จะถูกใครบางคนแอบยักยอกไปจนหมดตัว"
อรวรรณทนไม่ไหว
"หุบปากนะหล่อน คุณญาณินมีบุญคุณช่วยชีวิตเอาไว้ หาที่อยู่ที่กินให้สุขสบาย หล่อนกลับคิดเนรคุณมาใส่ไฟเค้า คนอย่างคุณณินไม่เคยคิดจะอยากได้สมบัติของใคร คงเป็นหล่อนมากกว่ามั้งที่ทำดีเอาหน้า คอยเลียแข้งเลียขา อยากได้ดิบได้ดี หลีกไป"
อรวรรณผลักเบญจาให้หลีกทาง แต่เบญจาทำเป็นล้ม เจ็บ
"ว้าย"
ทนายสมชาติเดินออกมาเห็นพอดี รีบเข้ามาพยุงเบญจาขึ้น
"คุณป้าออ! ทำไมมาทำเด็กอย่างงี้ล่ะครับ"
"เด็กเหรอ เด็กผีมากกว่ามัง"
เบญจาแววตาน่ากลัวเหลือบมองมาที่อรวรรณทันที
"อยู่ๆ ที่แรกทำเป็นลูกกาเหว่าเพิ่งออกจากไข่ ให้คนเก็บมาเลี้ยงดูฟูมฟัก เลี้ยงไปเลี้ยงมา ก็แปลงร่างเป็นงูเห่ามาแว้งกัดซะงั้น"
"ป้าออคะ พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"
"ผมว่าพวกคุณติณห์ทำกับคุณเบญจาเกินไปนะครับ คราวก่อนก็จับส่งตำรวจทีนึงแล้ว ทุกอย่างคุณมิรันตีเป็นคนสั่งให้ทำนะครับ คุณเบญจาเป็นแค่คนรับคำสั่งปฏิบัติตาม พวกคุณทำอะไรคุณ มิรันตีไม่ได้ ทำไมต้องมารังแกเด็ก"
"Shut up คุณสมชาติ นี่คุณก็หูบอดตาหนวกไปกับเค้าด้วยเหรอ"
"หูหนวกตาบอดครับคุณติณห์"
"ไม่ต้องมาแก้ ผมจะพูดผิดของผมอย่างงี้ แต่ผมไม่มีวันเชื่อคนผิดเหมือนกับคุณ หลีกไป ผมจะไปหามัม"
ติณห์จูงมือญาณินแหวกเบญจากับทนายสมชาติไป อรวรรรณเดินตามพลางหันมาสะบัดหน้าค้อนใส่ทนายสมชาติอย่างผิดหวัง
"เชอะ"

ภายในห้องรับแขกในเรือนไทย มิรันตียกจิบน้ำมะตูมอุ่นๆ ขณะที่กำลังคุยกับฝรั่ง
"ขอบคุณมากนะคะที่สนใจสปาของเรา ทางคุณจัดกรุ๊ปลูกค้าจากทางเยอรมันมาได้เมื่อไหร่ ติดต่อเบญจาเลขาส่วนตัวของดิฉันทันทีนะคะ ถ้ากรุ๊ปที่มาใหญ่มากๆ ดิฉันจะได้เตรียมพนักงานไว้ต้อนรับเพิ่ม ลูกค้าจะได้ไม่ต้องมานั่งรอคิวให้เสียอารมณ์"
"โอเค โพ้มจะรีบติดต่อเอเยนต์ที่เยอรมันด่วนที่ซูดเลยคร้าบ"
ติณห์พาญาณินบุกเข้ามา อรวรรณตามหลังมา
"เฮ...ยู! ท่าทางจะขี้เมื่อยนะเรา"
มิรันตีตกใจ ชะงักมองอย่างไม่พอใจ ขณะที่ฝรั่งหันมามอง พาซื่อ พยักหน้ายิ้ม
"ช่วยหาโคนนวดเก่งๆ ให้โพ้มสักคน โพ้มจะลองนวดดูวันนี้ จะได้ไปคุยให้ลูกทัวร์โพ้มฟังว่าเจ๋งจริงๆ"
"เจ๊งต่างหาก ไม่เจ๋งหรอก"
ฝรั่งงง
"เจ๊ง! เจ๊ง What?"
"ก็แปลว่าที่นี่จะไม่ทำสปาอีกแล้วน่ะซิ ไป...ยู...ออกไปได้แล้ว...get out!"
"แกหยุดนะติณห์ มาไล่ลูกค้าฉันทำไม"
"ฉันบอกให้แกออกไปไง get out! ไป"
ฝรั่งตกใจลุกขึ้นรีบเดินออกไป
"เดี๋ยวมิสเตอร์นอยเออร์...อย่าเพิ่งไป เรายังไม่เซ็นสัญญากันเลยนะ มิสเตอร์"
มิรันตีหันขวับมามองติณห์เลยไปที่ญาณินอย่างเจ็บใจ ขณะที่เบญจากับทนายสมชาติเดินตามเข้ามายืนดูสถานการณ์อยู่ฝั่งมิรันตี
"ยัยแม่มด! แกไปเป่าหูอะไรอีกห่ะ นัยติณห์ถึงได้คลั่งมาไล่ลูกค้าฉันไปแบบนี้"
"ณินไม่ได้เป่าหูนะคะ"
"หล่อนมันตอแหล คิดเหรอว่าฉันไม่รู้ว่า หล่อนกำลังเสี้ยมให้ติณห์มาทำลายล้างฉัน"
"ใครกันแน่ที่คิดทำลายล้าง ถึงได้เอาเรือนไทยที่รักของคุณตามาทำอาบอบนวดแบบนี้"
มิรันตีฉุนขาด เขวี้ยงพัดในมือใส่หน้าติณห์
"โสโครก! ความคิดสกปรกของแก ถ่ายทอดจากนังญาณินได้เร็วจริงนะ"
"เอะอะมัมก็โทษแต่คุณณิน ไม่ถามตัวเองบ้างเหรอครับ ว่าทำถูกต้องมั้ยที่เข้ามายึดเรือนไทยทำอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่เรือนไทย คุณตายกให้ผม"
"งั้นแกก็เซ็นต์ยกให้ฉันซะ ทนายสมชาติ"
"ครับผม"
ทนายสมชาติหันไปหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ออกมายื่นให้ติณห์ มิรันตีมองจ้องติณห์ด้วยสายตาบังคับ
"ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นแม่แกอยู่ล่ะก็ เซ็นต์ยกที่นี่ให้ฉันเดี๋ยวนี้"
ติณห์ปัดเอกสารจากมือทนายสมชาติจนกระเด็น
"ผมไม่เซ็น"
"จะลองดีกับฉันเหรอ"
"เลิกทำสปา แล้วให้คนของมัมออกไปจากเรือนไทยให้หมด"
"งั้นเราก็ไปเจอกันที่ศาล ฉันจะฟ้องศาลเพื่อขอเข้าดูแลจัดการทรัพย์สินทั้งหมดของตาแก"
"งั้นผมก็จะส่งทนายเข้าสู้"
ติณห์หันมามองทางทนายสมชาติด้วยความผิดหวัง
"ทนายคนใหม่ บอกทนายของมัมเตรียมรับมือไว้ให้ดี"
"ออกไป! พานังแฟนจอมลวงโลกของแกกับบ่าวของมันออกไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้ว"

ติณห์จูงมือญาณินเดินออกมาด้วยสีหน้าเครียดจัด อรวรรณเดินตาม ขณะที่ญาณินแอบมองสอดสายตาไปทั่วทุกจุดที่คิดว่า จะมีการทำเครื่องรางของขลังกันผีเอาไว้ เสา ขื่อ หลังคา กระจก แต่กลับไม่พบอะไร แอบพูดกระซิบบอกติณห์เบาๆ
"ถ้าเรากลับออกไปจากเรือนไทยมือเปล่า วิญญาณของคุณหลวงต้องหมดโอกาสกลับเข้ามาในเรือนของท่านตลอดไป"
"แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้แกรนด์ปาเข้าบ้านไม่ได้"
"ฉันยังหาไม่พบเลยค่ะติณห์ ตามเสา ขื่อ คาน ประตูไม่มีวี่แววของเครื่องรางของขลังหรือยันต์กันผีเลย"

อรวรรณถาม

"แล้วเอาไงดีล่ะคะคุณหนู เราถูกเฉดไล่หัวออกจากเรือนแบบนี้"

"ป่วน!"
ติณห์กับอรวรรณ ร้อง "หือ? / หา"
"ถ่วงเวลาให้ฉันอยู่ในเรือนไทยนานอีก10นาที ฉันจะหาของนั่นให้พบ"
ติณห์กับอรวรรณมองหน้ากัน แล้วยกนิ้วโอเค
"โอเค"
ทั้งคู่รับคำแล้วแยกตัวไปคนละทาง ติณห์หันเดินแยกตัวไปยังห้องนวด ขณะที่อรวรรณหันไปคว้าขวดผลิตภัณฑ์น้ำมันนวดตัวที่วางโชว์อยู่ขึ้นเปิดดม
"หือ...กลิ่นมะพร้าวหอมชื่นใจ ว้าย...หลุดมือ"
อรวรรณทำขวดหลุดมือ...น้ำมันนวดตัวกระจาย เหล่าพนักงานตกใจ
"อุ๊ย...ขอโทษค่ะ ป้าไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวป้าเก็บให้นะ"
อรวรรณนั่งลงจะหยิบขวด แต่มือกลับปัดให้ขวดกลิ้งไป น้ำมันยิ่งหกเรี่ยราดเป็นทางยาว
"จะหนีไปไหนล่ะ มาให้จับซะดีๆ ทำไมขวดมันถึงได้ลื่นอย่างงี้ ดูดิ ยิ่งเลอะไปกันใหญ่ เดี๋ยวป้าเช็ดให้นะ"
อรวรรณหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดๆวน แต่กลับกลายยิ่งละเลงน้ำมัน
"เช็ดๆๆ"
"เช็ดอย่างงั้นก็ยิ่งเลอะไปกันใหญ่ซีป้า ว้าย"
เหล่าพนักงานเหยียบโดนพากันลื่นกันใหญ่
"ฮ่ะๆๆๆ เอ้ย นังหนูซุ่มซ่าม เดี๋ยวตะเบงได้หลุดหรอก"
ญาณินอาศัยความชุลมุนรีบเดินหลบหายไปที่มุมหนึ่ง

ติณห์โผล่หน้าเข้าไปยังห้องนวดที่เจ้าสัวคนหนึ่งกำลังนอนพริ้ม ให้ผู้หญิงละเลงน้ำมันนวด
"เป็นไงครับ นวดแล้วสบายมั้ย"
"ว้าย!อะไรกันคุณ เข้ามาทำไม"
"ผมมาช่วยนวดฮ้า ลองผลิตภัณฑ์นี่ดูมั้ยฮ้า...กรวดจากภูเขาไฟ"
ติณห์ดึงดอกไม้ปลอมจากแจกันมาคาบไว้ แล้วเทกรวดลงบนหลังเจ้าสัว เจ้าสัวร้องเอะอะ
"ตามด้วยครีมชีสอิมพอร์ตจากนอก"
ติณห์หันไปคว้าขวดครีมทามือบีบตามลงไป
"จากนั้นก็ละเลงๆ นวดๆ"
เจ้าสัวร้องลั่น
"เฮ้ย อะไรวะ"
"ยังไม่สะใจเหรอฮ้า งั้นต้องหยดด้วยน้ำตาเทียนเพิ่มความแซ่บฮะ"
ติณห์หันไปคว้าเทียนอโรม่าในถ้วยแก้วมมาสะบัดน้ำตาเทียนใส่
"โอ๊ย..อ่า..โอ้ว...แกจะฆ่าฉันหรือไง"
เจ้าสัวลุกขึ้นวิ่งออกจากห้อง
"จะหนีไปไหนค่ะป๋า"
ติณห์วิ่งตามออกไป
ติณห์ถือเทียนออกมาเจอเจ้าสัวคนอื่นๆก็สะบัดน้ำตาเทียนใส่ เจ้าสัว พนักงานสาวพากันตกใจวิ่งหนี
ออกมาเจอน้ำมันที่อรวรรณเทไว้ก็เลื่อนล้มระเนระนาด
"เฮ้ย - ว้าย"
ติณห์วางเทียนหันไปคว้าขวดน้ำมันมาช่วยอรวรรณละเลงเพิ่ม
มิรันตี เบญจา ทนายสมชาติได้ยินเสียงร้องลั่นก็วิ่งออกมาดู แล้วตกใจ
"ว้าย! อะไรกันน่ะ สปาของฉันเละหมดแล้ว ไปซี มัวยืนดูอยู่ทำไมไปจัดการอะไรซักอย่างไล่ติณห์กับป้าออออกไป"
ทนายสมชาติกับเบญจารีบเข้ามา เบญจาดึงอรวรรณ สมชาติดึงคุณติณห์
"พอเถอะครับคุณติณห์"
"อยากลองนวดน้ำมันด้วยใช่มั้ย เอ๊า...ลองซะ"
"เหว๋อ"
ติณห์ผลักสมชาติลื่นก้นขวิด
"หยุดเดี๋ยวนี้นะป้าออ...หยุด"
อรวรรณหันมาบีบน้ำมันใส่เบญจา
"อุ้ย...ไม่เจตนา"
เบญจาโกรธ
"ยัยป้า! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ"
"ไม่ไป แน่จริงก็จับให้ได้ซี... กิ้วๆ"
อรวรรณวิ่งหลบ เบญจายืนทำอะไรไม่ถูกแล้วก็นึกถึงญาณิน หันมองหาแต่ไม่เห็นญาณิน เลยรีบเข้าไปบอกมิรันตี
"คุณมิรันตีค่ะ พี่ญาณินหายไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ"
มิรันตีโกรธ
"มันจะทำอะไรของมันอีก จับได้นะ ฉันจะเอามันเข้าคุก"

ญาณินหลบมุมมาหาจนทั่ว แต่ไม่พบอะไร
"อยู่ไหนนะ มันซ่อนอยู่ที่ไหน ไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบหาให้พบ"
ญาณินมองไปเห็นพวกพนักงานสาวกำลังเดินมากระจายกันตามหาเธอ เธอรีบหลบเข้าห้องข้างๆทันที
ปิดประตู ล็อก ภายในห้องเป็นห้องโล่งๆ ที่ยังไม่ตกแต่งอะไร มีแค่ผ้าไหมไทย ตั่ง โต๊ะเครื่องแป้งวางอยู่ ญาณินยืนหันมองไปรอบๆพลางมองตัวเอง
"ญาณิน...อย่าใช้แต่ตา ต้องใช้สติค้นหา"
เธอตัดสินใจนั่งลงบนตั่ง หลับตาเข้าสมาธิ
"อะไร...ที่ทำให้วิญญาณคุณหลวงกับโกลเด้นท์เข้าบ้านไม่ได้ อะไร...ที่ซ่อนอยู่จนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อะไร...ที่เหมือนไม่มีตัวตน อะไร...ที่ฝังอยู่ในเรือนจนเป็นเนื้อเดียวกัน"
พอคิดถึงตรงนี้ ญาณินก็มองเห็นทะลุปลายอุโมงค์ ลืมตาผึงขึ้นมายิ้ม สีหน้ามั่นใจ
"เขียนยันต์ด้วยผง! ผู้มีวิชาสูงจะเขียนแล้วลบ มองด้วยตาไม่เห็น ต้องใช่แน่ๆ"
ญาณินรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายติดตัวใบเล็กๆของตัวเอง หยิบเหล็กสีขาวแตกลายงา ที่มีความยาวแค่คืบด้ามสลักลาย ปลายแหลมฝังเข็มออกมามอง
"เหล็กจารเหล็กน้ำพี้ ใช้ขีดเขียนอักขระลงบนโลหะ จารสร้างเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล คงช่วยได้"
ญาณินถือเหล็กจารพนมมือท่องมนต์บูชาครู่ใหญ่...

ด้านนอก มิรันตีพาเบญจา ทนายสมชาติและผู้คน แยกย้ายออกตามหาญาณินไปทั่วเรือนไทย
"แยกย้ายกันตามหาให้ทั่ว...ค้นให้หมดทุกซอกทุกมุม"
ทนายสมชาติพาคนแยกไป ส่วนมิรันตีเดินมาทางห้องที่ญาณินอยู่
ญาณินท่องมนต์บูชาเหล็กจาร...แล้วก็ลืมตาขึ้นปากยังสวดมนต์ ก้าวลงจากตั่ง คุกเข่าลง แล้วเริ่มใช้เหล็กจารเขียนลงไปบนพื้น พร้อมท่องบทสวดมนต์เร็วขึ้น.... และแล้ว ตัวอักขระสีทองถูกเขียนเป็นลายผ้ายันต์ ก็ปรากฏขึ้นเต็มพื้นห้องไปหมด เธอตื่นตา ท่องบทสวดมนต์จบ ปักเหล็กจารไว้กับพื้นไม้ ลุกขึ้นหมุนมองรอบตัว
"พื้นเรือนถูกเขียนยันต์ลงอาคมไว้หมดทั้งหลัง ซ่อนไว้เนียนแบบนี้ ใครจะไปรู้"
และแล้วตัวอักขระเริ่มกระพริบ ญาณินตกใจ
"โอ๊ะๆๆ มนต์เกือบจะคลายแล้ว ตัวอักขระกำลังจะเลือน"
ญาณินรีบหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปไว้ได้แค่รูปเดียว...ตัวอักขระก็เลือนหายไปทันที เหล็กจารที่ปักอยู่ล้มลงนอนกับพื้นทันที ญาณินรีบกดเช็ครูป...เห็นรูปชัดเจน
เธอถอนใจ
"โฮ่ว...เกือบไม่ทัน"

ตอนนั้นเองที่ญาณินได้ยินเสียงคนเดินมาที่หน้าห้อง เธอหันขวับไปมอง

ญาณินเปิดประตูออกมาเจอมิรันตี เบญจา ทนายสมชาติยืนอยู่หน้าห้อง

"เข้าไปทำอะไรในห้องนั้น"
"ญินรับรองค่ะคุณแม่ ว่าไม่ได้แตะต้องข้าวของมีค่าในห้องนี้เลย"
"อย่ามาย้อนฉัน! บอกมา หล่อนเข้าไปทำอะไร"
มิรันตีปรี๊ดใส่ เธออึ้งไป เบญจาแอบยิ้มสะใจ ญาณินมองสู้ตากับเบญจา
"ถึงบอกไปคุณแม่ก็คงไม่ฟังที่ณินพูด"
"นังปากชั่ว"
มิรันตีเงื้อมือจะตบญาณิน แต่ติณห์เข้ามาจับเอามือแม่ไว้ทัน
"อย่าทำอะไรณินนะครับคุณแม่"
มิรันตีกระชากมือออกจากติณห์
"แกมันสมองฝ่อไปแล้วติณห์ เห็นการกระทำของแม่นี่แต่ละอย่าง แกยังดูไม่ออกอีกเหรอห่ะ ว่านังนี่มันไม่ใช่คนดี มันกุเรื่องราวอภินิหารต่างๆมาหลอกแก"
"ผมว่ามัมนั่นแหละควรจะเตือนตัวเองให้ระวังคนใกล้ตัวเอาไว้"
ติณห์พูดพลางมองไปที่เบญจา
"เราออกไปจากที่นี่กันเถอะครับญาณิน"
เบญจานึกสงสัย
"เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป ยังไม่ค้นตัวเลย"
ญาณินอึกอักกลัวโดนค้นเจอของไสยศาสตร์และมือถือที่ถ่ายรูปเอาไว้
"รีบไปดีกว่าค่ะติณห์"
"คุณแม่คะ เบญจาว่าค้นตัวก่อนนะคะ เผื่อว่าเขาจะเอ่อ..."
อรวรรณถามแทรก
"จะอะไร"
"ปล่อยมัน! แล้วนับแต่นี้ อย่าเหยียบเข้ามาที่เรือนไทยสปาของฉันแม้แต่ก้าวเดียวนะ"
เบญจาขัดใจที่ไม่ได้ค้นตัวญาณิน ก่อนเหลือบมองเข้าไปในห้อง มองสงสัยว่าญาณินจะ
เจออะไรมั้ย

ภายในบริษัทซิกส์เซนส์ สุคนธรสรับสายของญาณิน
"พื้นเรือนไทยถูกลงยันต์ไว้ทั้งหลังเลยเหรอแก ยันต์อะไรของมัน แกส่งรูปมาให้ฉันดูซิ"
"รูปอยู่นี่พี่รส เจ๊แกส่งมาแล้ว"
เสียงก้องฟ้าที่นั่งอยู่หน้าจอคอมฯบอก ไตรรัตน์ วรวรรธกับเนตรสิตางศุ์รีบกรูกันเข้าไปดูทันที ทุกคนอึ้งกันเป็นแถว
"โอ้โห...เล่นลงยันต์ละเลงกันทั้งหลังแบบนี้ ยันต์เป็นแผ่นๆของที่รักน่ะเด็กๆไปเลย" ไตรรัตน์บอก
สุคนธรสกำหมัดใส่ไตรรัตน์ พลางเดินมาดูที่จอ เห็นว่า พื้นเรือนไทยเต็มไปด้วยยันต์ที่เปล่งรัศมีขึ้นมา
"อ้าว อึ้ง ทึ่ง เงียบ ไปเลยยัยรส แกเคยเห็นยันต์แบบนี้บ้างรึปล่าว" เนตรสิตางศุ์ว่า
สุคนธรสถาม
"แกจะฉันให้พูดความจริงหรือโกหกล่ะ"
"โกหก" วรวรรธบอก
"เคยเห็น"
เนตรสิตางศุ์หันไปทำหน้าอ่อนใจกับวรวรรธ ไตรรัตน์ตบมือถูกใจ
"ฮ่ะๆๆเป็นไง...เมียผมแซ่บเวอร์"
"งั้นรีบบอกความจริงกับคุณญินไปเถอะครับ" วรวรรธบอก
สุคนธรสยกมือถือขึ้นพูด
"ฮัลโหล เจ๊ยังอยู่มั้ย"

เปิดสปีคเกอร์โฟน โดยมีติณห์ อรวรรณ หลวงพิชัยภักดี โกลเดนเบบี๋นั่งกลุ่มกันอยู่ในห้อง
"ฟังอยู่! ตกลงมันยันต์อะไรกันแน่ยัยรส"
"งานนี้ฉันไม่รู้จริงๆว่ะเจ๊"
"อ้าว!"
"ไม่ต้องอ้าวหรอกเจ๊ คราวนี้เจ๊เจอของที่ไม่รู้ที่มาที่ไปแล้ว คนที่เขียนยันต์นี่ขึ้นมา ต้องมีวิชาอาคมเข้าขั้นปรมาจารย์แน่"
ติณห์ถาม
"เรามีวิธีไหนที่จะหาตัวคนที่ทำยันต์นี้ได้มั้งครับ"
"เห็นแต่ในรูป ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก"
"งั้นก็ง่ายนิดเดียวค่ะ คุณรสก็มาที่รีสอร์ตนี่ซิคะ มาดูให้เห็นของจริงกะตาตัวเอง"
โกลเดนเบบี๋ดีใจ
"เฮ...ใช่ๆ มาเลยพี่รส มาสั่งสอนไอ้คนที่บังอาจทำให้เรือนไทยของคุณตากลายเป็นอาบอบนวดไปซะแล้ว น่าฉงฉานวิญญาณผู้สูงอายุที่ถูกไล่ที่ ถ้างานนี้พี่รสไม่มาช่วย เห็นทีคุณตาต้องย้ายไปอยู่บ้านบางแค"
"บ้านอะไรของเอ็งห่ะ บ้านบางแค ทำไมฉันต้องไปอยู่ที่นั่นด้วย"
"บอกไป คุณตาก็ไม่เห็นภาพหรอก ไว้วันหลังหนูจะพาไปนะบอกได้คำเดียวว่าที่นั่น สาวๆสวยๆเพียบ"
"จริงเรอะ! เอ็งสัญญาแล้วนะ ห้ามผิดคำพูดนะเว้ย"
"โอเค! นู๋ไม่ลื๊ม...ไม่ลืม สักวันจะต้องพาคุณตาไปมีประสบการณ์ที่นั่นให้ได้"
ญาณินบอก
"งั้นเป็นอันว่าตกลงนะรส แกรีบมา ถ้าเขินช้า ฉันกลัวว่าทุกอย่างมันจะสายเกินแก้"
ญาณินหันไปมองหน้าติณห์...ติณห์ยกนิ้ว
"โอเค"

ไตรรัตน์โวยวายใส่สุคนธรส ท่ามกลางความตกใจของเนตรสิตางศุ์ วรวรรธ ก้องฟ้า
"ไม่ ผมไม่ให้คุณไป"
"เป็นบ้าอะไร มาห้ามฉันห่ะนายไตวาย ฉันจะไปช่วยเพื่อนฉัน แล้วก็ช่วยนายติณห์เพื่อนเลิฟคุณด้วยไง"
"ไม่เอาๆๆ ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น ถ้า...คุณไม่ให้ผมไปด้วย ฮ่ะๆๆ"
ไตรรัตน์เปลี่ยนมาหัวเราะใส่ สุคนธรสตีๆไตรรัตน์
"อี้ย์...นายไตวาย ตลกนักหรือไง นี่ๆๆเสียเวลาทำมาหากินจริงๆเลย"
"อู๊ยๆๆ มือหนักแบบนี้ สเป๊กผมเลย"
ไตรรัตน์เข้าไปทำท่าหื่นใส่ สุคนธรสใช้กระเป๋าตี
"ตาบ้า...นี่ๆๆ"
เนตรสิตางศุ์ วรวรรธทำหน้าอ่อนใจ
"เอาเข้าไป! ตบตีกันให้ตาย ตีกันแบบนี้เห็นมาเยอะแล้ว ลูกดกกันทุกคู่" วรวรรธบอก
"ดกอะไรกัน ฉันยังไม่ได้...อุ๊บ"
ไตรรัตน์รีบปิดปากสุคนธรส
"ยังไม่ได้อะไรครับคุณรส"
"เอ่อ..."
อยู่ๆก้องฟ้าก็ร้องขึ้น ทำเอาทุกคนตกใจ ไตรรัตน์เป่าปากโล่ง ก้องฟ้าจับจ้องอยู่ที่ไอแพดในมือ กำลังดูรูปในFacebook
"เป็นเรื่องแล้ว มีรูปพี่แก้มกับปาร์คจุนจีโผล่ในFacebook!"
เนตรสิตางศุ์กับวรวรรธรีบมาดู เห็นกรรัมภากับปาร์คจุนจีนั่งมองหน้ากันในเรือดูหิ่งห้อย
เนตรสิตางศุ์บอก
"จริงด้วย! ใครเอาไปโพสต์อ่ะ 2 คนนั่นลืมเอามือถือไปไม่ใช่เหรอ"
"ไม่รู้คนลงคนแรกเป็นใคร แต่มันส่งต่อๆกันมาเป็นทอดๆ จนเป็นลูกโซ่แล้ว"
วรวรรธเพ่งอ่าน
"รูปลงไว้ว่าที่อัมพวา รีบโทรบอกคุณลีจองกุ๊กเร็วคุณเนตร"

ในเวลาต่อมา รถตู้วิ่งบนถนนด้วยความเร็ว ลีจองกุ๊กคุยโทรศัพท์มือถืออย่างร้อนใจ
"จุนจีโทร.มาบอกผมแล้วครับว่าอยู่ที่อม-พะ-วา ห่ะ!มีรูปหลุดออกมาในFacebook จริงเหรอครับเนี่ยะ ผมกำลังจะเอารถตู้ไปรับ 2 คนนั่นเดี๋ยวนี้แหละครับ ขอบคุณนะครับที่โทร.มาบอก"
ลีจองกุ๊กดวางสาย ขยี้หัวจนยุ่งสุดเครียด

"อุตส่าห์โกหกกองถ่ายแทบตายว่าไม่สบาย ไปถ่ายละครไม่ได้ แต่ดันมีรูปหลุดไปนั่งเรือกับสาวอยู่ที่อม-พะ-วา โธ่จุนจี....ขยันมีแต่เรื่อง กุ๊กจะกลายเป็นไก่ถูกถอนขนหมดตัวก็คราวนี้แหละ"

ภายในรถตู้อีกคัน อติเทพกำลังดูภาพ Facebook ปาร์คจุนจีกับกรรัมภาในมือถือ สีหน้ายิ้มเหี้ยม เขาเก็บมือถือหันไปบอกลูกน้องที่ทำหน้าที่เป็นคนขับ ภายในนั่งกันอยู่ 4คน

ในเวลาเดียวกัน ปาร์คจุนจีก้าวเข้ามายืนยืดแขนสูดอากาศ อยู่ริมคลอง 2ฟากฝั่งเป็นเรือกสวนเขียวชอุ่มและบ้านเรือนไทย
"ฮ๊า!...โพ้มชอบบรรยากาศแบบนี้ที่ซูด"
"ไม่เชื่อ"
กรรัมภาเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ
"อะไรคุณ"
"อย่ามาสร้างภาพ ความจำฉันดีนะ ก็คุณบอกเองว่า โพ้มไม่ชอบอาหารทาย โพ้มไม่ชอบภาษาทาย โพ้มไม่ชอบประเทศทาย"
"แต่โพ้มชอบผู้หญิงทาย"
ปาร์คจุนจียื่นหน้ามาพูดที่ข้างๆหู กรรัมภาหยุดกึก มองหน้าเขาตาแป๋ว
"โพ้มโกหก ทีงี้ดันเชื่อ...ฮ่ะๆๆ"
ปาร์คจุนจีหัวเราะเยาะใส่หน้า กรรัมภาทั้งโกรธทั้งอาย
"นาย...นายไม่ใช่ปาร์คจุนจีในฝันที่ฉันสร้างภาพเอาไว้เลย แต่นายเป็นนายขี้จุ๊ที่สุดในโลก"
"ขี้จุ๊...ฮะฮ่าๆ ภาษาตลกดี...ขี้จุ๊แปลว่าอาไร"
"ก็แปลว่าโกหกไงล่ะ ขี้ฮกเบเบ๋ ขี้ฮกตาละลา ขี่จุ๊เบ่เบ๋ ขีจุ๊ตาละลา ขี๋ตั๋วเบเบ่ ขี้ตั๊วะตาละลา"
ปาร์คจุนจีตบมือป๊าบอย่างนึกสนุก
"ว้าว! ร้องไปๆ อย่าหยุดๆ"
กรรัมภาร้องไปเรื่อยๆ เขาเต้นตามจังหวะอย่างเท่ เธอยืนมองค้าง เขาเต้นหมุน360องศากลับมายืนโพสต์จับหมวกพลางชี้มาที่กรรัมภา เธอลืมตัว
"แอร๊ย...เท่มากค่ะ โอปป้า"
"โอเก๊! ผมเท่ามาก ผมยอมรับ"
เธอนึกได้ แล่บลิ้นใส่
"แบร่!! ปาร์คจุนจีเพี้ยนไปแล้ว"
กรรัมภาเดินหนี ปาร์คจุนจีรีบตามมา
"จะหนีไปไหนคุณแก้ม ที่รักของโอปะ"
"ห่ะ!"
กรรัมภาหันมามอง
"ผมขี้จุ๊ ผมไม่ได้พูดจริง"
"โอ๊ย...ปวดประสาท"
เธอเดินหนี เขาเดินตามแล้วมองไปเห็นคนพายเรืออยู่ในคลอง เลยดึงแขนกรรัมภาไว้
"เดี๋ยวๆคู้ณ...ผมอยากพายเรือ"
เธอถอนใจอย่างโล่งอก
"โชคดีนะ ที่นายขี้จุ๊"
"ปล่าว ผมพูดจริง"
กรรัมภาเหว๋อ

ปาร์คจุนจียืนอยู่ในเรือแจวที่ผูกอยู่กับท่า ถอดหมวกโค้งให้กรรัมภา
"เชิญลงเรือค้าบคุณแก้ม"
เธอยืนเก้ๆกังๆอยู่บนบันไดท่าไม้
"ทำไมไม่ไปขี่จักรยาน ทำไมไม่ไปขี่หลังช้างม้าวัวควาย ทำไมต้องอยากพายเรือด้วย"
"ก็เพราะผมชอบผู้หญิงไทยมั่กๆกั๊บ"
"โอ๊ยนี่...ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย"
"ถ้าไม่เกี่ยว งั้นผมไปคนเดียวก็ได้"
"อ๊าย…ไม่ได้นะ! ถ้าเกิดนายตกน้ำตกท่าไปใครจะช่วย ฉันนี่แชมป์ว่ายน้ำระดับมัธยมคอนแวนต์เลยนะ จะบอกให้ ลงก็ลงวะ"
กรรัมภาก้าวขาลงเรือ เรือขยับ กรรัมภาตกใจร้องลั่น
"ว้าย...ตกแล้วๆ อ้าย"
ปาร์คจุนจีโอบไว้ทัน แต่เธอยังหลับหูหลับตาร้องอยู่
"อ้าย"
"จะร้องให้คนแตกตื่นทั้งอัมพวาหรือไงคุณ ผมกอดคุณไว้แล้วไม่ตกแล้ว"
เธอลืมตา เห็นมือเขาโอบเอวไว้ เขารีบคลายมือออก
"อ่ะ...นั่งซิคุณจะได้พายเรือกันไปซะที"
ทั้ง 2 นั่งลงคนละฝั่งหันหน้าเข้าหากัน ปาร์คจุนจีปลดเชือกผูกเรือ มองพายที่วางอยู่ใกล้เธอ
"นั่งเฉยอยู่ทำไมคุณ พายอยู่นั่น พายซีคุณ"
"หา! ออ....พายเหรอ...เอ่อ...ฉันกำลังจะพายอยู่เนี่ยะ"
เธอคว้าพายมาพาย แต่เรืออยู่กับที่ไม่ยอมไป
"ทำไมไม่เห็นเรือมันจะไปเลย เรือมันทอดสมอเอาไว้รึปล่าว"
"ทอดสมออะไรกัน คุณพายเรือไม่เป็นน่ะซิ แล้วคุยว่าเป็นคนไทย"
"แล้วหน้าอย่างนาย คงพายเป็นสินะ"
เขาขี้เกียจเถียง ยื่นตัวไปแย่งพายมา
"เอามานี่"
"หึ ยังจะโชว์ออฟอีก เกิดพายอยู่กับที่ ฉันจะหัวเราะให้ฟันหักเลยนะคอยดู"
ปาร์คจุนจีจ้วงพายลงน้ำ แค่ 2-3 ที เรือก็เคลื่อนออกจากท่าไป กรรัมภาอ้าปากค้าง
"เอาซิ หัวเราะให้ฟันหักเลย ฮ่ะๆๆๆ"
เขาพายเรือไปหัวเราะร่าเริงลั่นคลอง กรรัมภาค้อนๆ แล้วก็อมยิ้ม คิดประทับใจ... "ครั้งหนึ่งในชีวิต ยัยแก้มได้ล่องเรือน้อยลำเดียวกับปาร์คจุนจี"
"อ๊า..นี่เอง เคาถึงมีสำนวนไทย ว่าผู้ชายพายเรือ ฮิๆๆๆ"

รถตู้แล่นมาถึงอัมพวา...จอดที่มุมหนึ่ง นักเลงทั้ง 4 ลงจากรถ เปิดประตูให้อติเทพก้าวลงมา ทั้ง 4 แยกย้ายกันไป อติเทพสวมแว่นกันแดดหน้าเอาจริง แล้วเดินไป
ภายในห้องรับแขก บ้านไตรรัตน์ เวลาสาย หญิงกำลังพลิกเปิดดูแคตตาล็อคเครื่องประดับสุดหรู ไปมา
"นี่ ของเจ๊แหวว เขามีแต่แบบสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะป๊า"
เสี่ยจำเริญสวมแว่น ยังคงเพ่งแปลนตลาดบนกระดาษขนาดใหญ่บนโต๊ะ ไม่หันมาสนใจ แต่ถาม
"อือ..ม้าอยากได้มั้ยละ"
"โอย ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ที่ป๊าซื้อๆให้ก็แทบไม่ได้หยิบออกมาใช้เลย"
"ก็หัดเอาออกมาใส่โชว์กะเขาซะบ้าง เดี๋ยวของจะบูดหมด"
เคที่ กับทิพย์ เดินพรวดเข้ามา ทิพย์หอบแผ่นฟีเจอร์บอร์ดแผ่นโตมาพะรุงพะรังด้วย
"มอร์นิ่งคะ ป๊า ม้า ทำอะไรกันอยู่คะ" เคที่ทักทาย
"สวัสดีคะคุณพี่จำเริญ คุณพี่หญิง โชคดีจังที่วันนี้ทิพย์แวะมาเจอคุณพี่พอดี"
เสี่ยจำเริญกับเจ๊หญิง เงยหน้ามองกันอย่างงงๆ
เสี่ยจำเริญยิ้มแหย
"อา..คุณทิพย์ อาหนูเคที่"
เจ๊หญิงบอก
"มากันแต่เช้าเชียว"
สองแม่ลูกพรวดเข้ามาทิ้งตัวลงนั่ง เคที่มองหา
"ธไรส์ ละคะ"
"ตี๋น้อยไม่อยู่"
"อุ๊ย คุณพี่จำเริญ ทำอะไรเหรอคะ"
"จัดแผงตลาดใหม่น่ะ"
"แผงตลาดใหม่เหรอคะ น่าสนใจจัง"
"มามี้ ไม่เอาน่า ร้านที่ LA กับที่ NY ยังไม่พออีกเหรอ"
ทิพย์งง รับมุขไม่ทัน
"หะ หา"
เคที่ขยิบตาให้แม่แล้วชี้ที่รักแร้ตัวเอง เพื่อบอกถึงฟีเจอร์บอร์ดที่ทิพย์หนีบอยู่
"แล้วไหนจะโปรเจกต์พัฒนาอสังหาที่เชียงใหม่อีกนะคะ แค่นี้เคที่ว่ามาม้า ก็ไม่มีเวลาแล้ว"
"อ้อ..ชะ ช่าย แหม แม่ก็ลืมไปสนิท"
ทิพย์เก้ๆกังๆ พยายามหยิบดึงฟีเจอร์บอร์ดใหญ่ที่พกมาขึ้นมากางทับไปบนแปลนตลาดที่เสี่ยจำเริญดูอยู่ เสี่ยสะดุ้ง
"นี่เลยคะคุณพี่ ที่ที่เชียงใหม่ของเราไงคะ"
เห็นรูปถ่ายแบบที่ดินริมเชิงเขาพร้อมภาพวาด 3 มิติของ Mega Complex Shopping Mall บนเชิงเขานั้น แปะๆอยู่เต็มฟีเจอร์บอร์ด

2 แม่ลูกนั่งยิ้มภูมิใจ ขณะที่เสี่ยจำเริญ กับเจ๊หญิงทำหน้าไม่ถูก
 
อ่านต่อหน้า 4

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 9 (ต่อ)

ปาร์คจุนจีพายเรือเจอเรือขายผลไม้ของชาวบ้าน 2-3 ลำพายสวนมา…

"กล้วยน้ำว้า ส้มโอ มะละกอ แตงโมมาแล้วจ้า"
ทุกคนพากันทักทายเป็นมิตร
ชาวบ้าน1ถาม
"หวัดดีจ้า มาเที่ยวเหรอจ๊ะ"
"ค่า - คับ"
ชาวบ้าน2 บอก
"แหม...พ่อรูปหล่อนี่ หน้าตาเหมือนลูกครึ่งเลยนะ พายเรือเก่งซะด้วย"
"ผมเคยฝึกพายตอนเล่นละครน่ะครับ"
ปาร์คจุนจีพูดพลางโชว์เบ่งกล้ามหมุนพาย
"ห่ะ!"
กรรัมภาบอก
"อ๋อ...เค้าเป็นลูกครึ่งน่ะค่ะ ตอนเด็กๆ พ่อแม่เคยเอามาเลี้ยงอยู่ริมคลองก็เลยพายเป็น"
ชาวบ้าน1บอก
"ออ...ไปล่ะนะ เที่ยวให้สนุก"
"ค่า - ครับ"
"กล้วยน้ำว้า ส้มโอ มะละกอ แตงโมมาแล้วจ้า"
ชาวบ้านพายไปแล้ว กรรัมภาก็หันมาดุ
"อยากให้คนจำได้หรือไงห่ะว่านายเป็นใคร ถึงไปบอกเค้าอย่างงั้น"
"เฮ่อ...เกิดเป็นปาร์คจุนจีนี่มันลำบากจริงๆ ต้องเป็นคนขี้จุ๊อยู่ตลอดเวลา"
กรรัมภานึกเห็นใจ
"เออนี่นายขี้จุ๊ อยากไปเที่ยวสวนผลไม้กันไหม"
ปาร์คจุนจีสนใจขึ้นมาทันที
"แถวนี้มีผลไม้เป็นสวนเลยเหรอ"
"ก็ที่อัมพวานี่แหละ แหล่งปลูกผลไม้ขึ้นชื่อเลยล่ะ นายรีบพายเร็วๆ เข้าซิ คลองทางด้านโน้น มีสวนผลไม้เต็มไปหมดเลย เราไปชิมสดๆจากต้นกันเลย"
"แล้วเพิ่งจะมาบอก ไม่งั้นรีบไปนานแล้ว"
ปาร์คจุนจีจ้ำพาย กรรัมภาหัวเราะ
"เอ๊าเร็วนายขี้จุ๊...บึ้ดจ้ำบึ้ดๆๆ"
ปาร์คจุนจีพายเรือลอดสะพาน ... บนสะพานอติเทพเดินมองเห็นปาร์คจุนจีพายเรืออยู่ที่คลองด้านล่างก็ถอดแว่นกันแดดออกมองไป
"อยู่นี่เองไอ้ปาร์คจุนจี"
อติเทพล้วงมือถือกดโทรทันที

เสี่ยจำเริญ กับเจ๊หญิง กวาดตามองตามการ Present ไปมาของสองแม่ลูกไป
"นี่ละคะ เห็นมั้ยคะ ป๊า ม้า ว่ามันจะอลังการงานสร้างขนาดไหน โปรเจกต์ซุปเปอร์เมกะช้อปปิ้งมอลล์คอมเพล็กซ์ของเคที่ รับรองรายได้กระฉูด นักท่องเที่ยว ไทย จีน ฝรั่ง ต้องติดใจ มาแล้วมาอีก เรียกว่าเต็มตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าหนาว เรียกว่าไม่มีที่ยืนอ่ะค่ะ"
"ใช่ ค่ะ เนี่ยทิพย์ออกเงินค่าออกแบบอาคารไปแล้วเป็นล้านเลยนะคะ ถ้าเราไม่รีบสร้าง เดี๋ยวมีใครมาสร้างตัดหน้าก่อนเราล่ะคะ ทีนี้จะเสียดาย"
"ต้องวันนี้พรุ่งนี้อะคะ ป๊า ม้า"
เสี่ยจำเริญ กับเจ๊หญิง พยักหน้าหงึกๆ ก่อนยิ้มแหยให้
"จ๊ะ แต่ชั้นว่ารูปไอ้ Shopping mall นี่มันคุ้นๆนะเสี่ย"
"ใช่ๆ คล้ายๆ Paragon นะคุณ"
สองแม่ลูกสายตาเว้าวอนปนลุ้น ก่อนสะดุ้งปนงง
"พารากอน..ไปอยู่กลางดอย..อืม"
"อ๋อ ก็..ดีนะ เฮีย จะได้เอาไว้ให้ชาวดอยได้มาช็อปกันไง" เจ๊หญิงแดกดัน
เคที่ดีใจ สวนทันที
"ดีใช่มั้ยคะม้า งั้นม้าช่วยเซ็นเช็คให้หนูเลยนะคะ 15 ล้าน หนูจะได้รีบเอาไปจองผู้รับเหมาเขาเลย โปรเจ็กต์จะได้เริ่มซะที นะคะมาม้า"
เคที่ หันไปจับมือเขย่าดีใจไปมากับทิพย์
"ดี ดี งั้นเดี๋ยวหนูเตรียมโทร.ไปหาผู้รับเหมาเลยนะ ว่าเราเอาแน่"
สองแม่ลูกหันมาอีกที ไม่เห็นเสี่ยจำเริญกับเจ๊หญิงซะแล้ว
"อ้าว ป๊า ม้า ไปไหนคะ กลับมาก่อนค่ะ"
เจ๊หญิง เสี่ยจำเริญสะดุ้ง หันมายิ้มๆ
"ออ คือเฮียเขาเวียนๆนะจ๊ะ ไม่รู้เป็นอะไร สงสัยเลือดลมอุดตันกระทันหัน"
"ใช่ๆ ขอตัวสูดอากาศแป้บนะ"
ทั้งสองรีบเดินหายไปหน้าบ้าน ขณะที่สองแม่ลูกมองหน้ากันไปมา

สวนผลไม้แห่งหนึ่ง พื้นที่กว้างขวาง ปาร์คจุนจีกับกรรัมภาเดินอยู่ท่ามกลางแนวต้นที่มีผลไม้ดกเต็มต้นโดยเธอถือตะกร้าผลไม้ติดมือมาด้วย
"สงบร่มรื่นดีนะ...ถ้าผมมีสวนผลไม้แบบนี้ก็คงดี"
"หน้าอย่างนายจะมาทำสวนทำไร่ไหวเหรอ"
"คุณคิดว่าเป็นนักร้องสบายนักหรือไงห่ะ"
"ยังไงก็สบายกว่าทำสวนแหละน่า"
"ถ้าผมเป็นคนธรรมดาๆ ที่ไม่มีใครสนใจ ผมอาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้"
ปาร์คจุนจีพูดพลางดึงส้มมาปอกกิน มองธรรมชาติดูสงบในจิตใจ กรรัมภาฟังแล้วรู้สึกดี เขามองหน้าเธอ
"เอ่อ...มะ...มองหน้าหาเรื่องหรือไง"
"ไหนอ้าปากซิ"
"หา!"
ปาร์คจุนจีไม่พูดพร่ำยื่นส้มป้อนเข้าปากให้ กรรัมภามองค้าง เขายิ้ม เธอเขินรีบลุกหนี
"ฉันจะเก็บไปฝากเพื่อนๆดีกว่า"
กรรัมภาแหงนหน้าเก็บส้มใส่ตะกร้า... เธอเขย่งปลายเท้าเก็บส้มที่กิ่งหนึ่ง หนอนผลไม้หลายตัวร่วงลงมาใส่ที่แขน
"แอร๊ย"
"เป็นอะไรคุณ"
เขาตกใจวิ่งเข้ามาดู เธอทิ้งตะกร้า โผกอดเขาแน่น หลับหูหลับตาร้อง
"หนอนๆๆ มันร่วงมาเกาะฉัน ช่วยเอามันออกไปที…อ๊าย...เอาออกไป เร็วๆ"
"ชิ้ว คุณก็อย่าร้องซิ เดี๋ยวมันตกกะใจ ยิ่งเกาะแน่นนะ"
ปาร์คจุนจีขำพลางช่วยเขี่ยหนอนออกไปให้
"มันออกไปหมดหรือยัง"
"หนอนออกไปหมดแล้ว"
กรรัมภาหยุดร้อง...ลืมตาขึ้นมอง เห็นตัวเองกอดเขาอยู่
"ฉันทำอะไรลงไปเนี่ยะ"
เธอรีบปล่อยมือจะผละออก แต่เขากลับเป็นฝ่ายที่กอดไว้แทน ทั้ง 2 อึ้งมองหน้ากัน
เขายื่นหน้ามาจะจูบ เธอกำลังจะเคลิ้ม แต่แล้วตาต้องเบิกกว้างเมื่อมองไปที่ด้านหลังเขา
"จุนจี" เธอเขย่าเขาให้หยุด เขามองไปเห็นอติเทพยืนอยู่ แต่มีพวก 4 คนกระจายเดินเข้ามาโดยรอบ
เขาผละออกจากเธอ มองอติเทพอย่างไม่พอใจ
"ไม่ใช่บังเอิญแน่ๆ ที่คุณมาเจอผมที่นี่"
"ขอโทษ ที่ผมต้องตามมาขัดจังหวะ ความสุขของคุณทั้งคู่ แต่เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
"ถ้าจะคุยกับปาร์คจุนจี ต้องติดต่อนัดคิวผ่านผู้จัดการส่วนตัวก่อน ไปเถอะคุณแก้ม"
เขาก้มลงช่วยหยิบตะกร้ากับส้มใส่ให้ แล้วจูงมือเธอเดินไป
เขาเดินจูงมือเธอมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก ลูกน้องอติเทพทั้ง 4 เดินปรี่ตามมาด้วยสีหน้าบ่งบอกว่ามาร้าย กรรัมภาเหลียวมองเห็นหนึ่งในนั้นทำท่าชักปืนที่เหน็บเอว เลยรีบบอก
"จุนจีหนีเร็ว"
"หนีทำไม"
"พวกนั้นมีปืน หนีก่อนเถอะ เร็วซี…วิ่ง"
กรรัมภากระชากแขนปาร์คจุนจีวิ่ง
นักเลง1บอกแล้วชักปืนออกมาสั่งการ
Wเฮ้ย...มันหนีแล้ว แยกกันไปเซ่ ดักจับมันไว้"
นักเลงทั้ง 4 วิ่งแตกกันไปคนละทางบนเนื้อที่สวนที่กว้างมาก อติเทพตามหลังมา...ยืนมอง
"วันนี้ถ้ามรดกไม่เป็นของกู มึงถูกกองอยู่ที่นี่แน่ไอ้จุนจี"

อติเทพไม่พูดเปล่าๆ ชักปืนกล็อกสีดำมะเมื่อมออกมาด้วย แล้วรีบวิ่งตามไป

ทั้งคู่วิ่งหนีมาในสวน โดยมีนักเลง 1กับ 2 วิ่งไล่กวดมา

นักเลง1ตะโกนมา
"หยุดนะ...อย่าหนี"
นักเลง1ยิงขู่มา2นัด...ปังๆ ไม่กะให้โดนจริงๆ กระสุนเจาะถูกต้นไม้กระจาย
"แอร๊ย"
เขาเอาไหล่โอบป้องกันเธอไว้ นักเลง2ยิงมาอีก3นัด...ปังๆๆ
กรรัมภากรี๊ดแล้วก็สะดุดล้มลงใต้ต้นผลไม้ จนหลุดไปจากมือปาร์คจุนจี
"ว้าย!"
"คุณแก้ม!"
เขาหันกลับมาจะคว้าตัวเธอ แต่นักเลง1วิ่งพร้อมกับเล็งปืนมา
นักเลง1บอก
"ถ้ายังอยากร้องเพลงต่อ มึงหยุดอยู่ตรงนั้นเลย ไอ้หน้าไก่ต้ม"
"ไก่ต้มเหรอ"
ปาร์คจุนจีกระโดดโหนกิ่งต้นผลไม้ เตะมือที่ถือปืนของมันจนกระเด็นไป แล้วโหนกลับไปเตะปากมันอีก2 ครั้งซ้อนจนเซล้มหงายตึงไป
แต่นักเลง 2 โผล่มาจากด้านหลังเข้ารวบตัวปาร์คจุนจี
"ว้ายจุนจี!"
เขาถูกดึงลงแล้วถูกมันล็อกจากด้านหลัง เขาเลยออกแรงดันมันไปข้างหลัง
"อ๊าก"
นักเลง 2หลังไปกระแทกกับต้นไม้ จุนจีเตะอัดมันด้วยท่าเทควันโดเข้าที่คอมันอีกดอก
"ย๊าก"
นักเลง 3กับ 4 ตามมาถึง ปรี่เข้าไปรุมเขาที่ยืนหันหลังอยู่
"จุนจี...ระวังข้างหลัง"
นักเลง 3 ต่อย ปาร์คจุนจีก้มหลบต่ำทัน แล้วสวนต่อยเข้าที่ลิ้นปิ่นมัน แล้วหมุนเตะเข้าที่อกและหน้าของนักเลง 4 ถึง 2 ครั้งซ้อน จนลงไปนอนกุมปากเลือดกลบ

นักเลง1 ลุกขึ้นสะบัดหัวหายมึน หันมองหาปืน ...กรรัมภาหันมาเห็นพอดี...ต่างคนต่างเห็นปืน เธอใกล้กว่าคว้าปืนได้ก่อน แต่ถูกนักเลง1เข้าตะครุบตัว ล็อกแขนพยายามแย่งปืน
"เอาปืนมา"
"ไม่ให้!"
"กูบอกให้เอามา อ๊าก"
นักเลง1ร้องลั่นเพราะถูกกรรัมภากัดมันที่มือ มันกระชากผมเธอ แล้วผลักกระเด็น
"อ๊าย"
ปาร์คจุนจีที่กำลังสู้กับนักเลง 3-4 ตกใจ หันมามอง
"คุณแก้ม"
ปาร์คจุนจีซัดนักเลง 3-4 ล้มคว่ำไป จะเดินไปหากรรัมภาที่ถูกแย่งปืนไปและจิกหัว...นักเลง 2ปรี่เข้ามาต่อยขวางอีก เขาต่อยเข้าที่ท้องมันแล้วจับทุ่มข้ามไหล่ ก่อนข้ามร่างมันปรี่เข้าไปหานักเลง 1ที่กำลังจิกคอเสื้อกรรัมภาให้ขึ้นมา...
"ฤทธิ์มากนักเหรออีหนู"
นักเลง1 เงื้อมือที่ถือปืนจะตบกรรัมภา แต่ปาร์คจุนจีเข้ามาจับแขนมันไว้ทัน
"ปล่อยแฟนคลับฉันนะ...ย๊าก"
ปาร์คจุนจีบิดแขนมัน จนได้ยินเสียงกระดูกลั่น ตามอัดศอกเข้าที่สีข้าง แล้วเหวี่ยงมันทุ่มลงกับพื้น เตะสวนเข้าปลายคางอีกดอก แย่งปืนหลุดติดมือมาได้ นักเลง 1สลบเหมือด เขาเข้ามาโอบประคองเธอที่ทรุดอยู่กับพื้นขึ้นมา
"คุณแก้ม! คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากมั้ย"
เขาจับที่แก้ม เช็ดเลือดที่ปากให้เธอ
"เกิดมาไม่เคยโดนผู้ชายจิกหัวเลย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต มันเจ็บมากเลยเห็นดาวยิบๆเต็มไปหมด ฮือๆๆ"
"ผมขอโทษ...ขอโทษจริงๆที่พาคุณมาเจ็บตัวเพราะผม"

ปาร์คจุนจีดึงกรรัมภามากอดไว้ เขาได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาหาทางด้านหลัง

ปาร์คจุนจียกปืนเล็งหันไปช้าๆ เห็นอติเทพยืนถือปืนจ่อมาเหมือนกัน เขายืนโอบปกป้องเธอจ่อปืนเผชิญหน้ากับอติเทพ มีลูกน้องทั้ง 3 ที่สะบักสะบอมอยู่ข้างหลัง อติเทพเตะลูกน้อง1ที่นอนสลบเกะกะทาง

"ไอ้โง่เอ้ย! แค่นักร้องคนเดียวจัดการไม่ได้"
ลูกน้องช่วยกันลากนักเลง1ออกไป
"หึ คงคิดซินะว่า ฉันจะอ่อนปวกเปียกให้พวกแกเชือดได้ง่ายๆ ประเมินฉันต่ำไปเว้ย"
"หุบปาก! เซ็นต์ยอมรับพินัยกรรมมาให้กูเดี๋ยวนี้ เหลือใบสุดท้ายแค่ใบเดียวเท่านั้น มึงจะเว้นไว้ทำซากอะไรวะ"
อติเทพควักเอกสารใบสุดท้ายที่ปาร์คจุนจียังไม่ได้เซ็นออกมา
"ก็เว้นไว้เซ็นต์หลังจากที่หาตัวฆาตกรฆ่าคุณย่าพบแล้วน่ะซิ"
"ฆาตกรก็ไอ้งูเห่านั่นไง เกี่ยวไรกับกู"
"ไอ้งูเห่าเหรอ มันตัวเดียวกับไอ้งูเห่าที่คุณย่าอุตส่าห์เลี้ยงดูเอาไว้อย่างดี แต่มันไม่สำนึกบุญคุณ กลับแว้งมากัดเอารึปล่าว ใช่ตัวเดียวกันมั้ย"
"มึงด่ากูเหรอ มึงหาว่ากูฆ่าพี่พิมพ์เหรอ ไอ้ปากหมา มึงจะเซ็นต์หรือไม่เซ็นต์"
"ไม่เซ็นต์"
"ไม่เซ็นต์งั้นมึงตาย"
"แกไม่กล้ายิงชั้นหรอก ไอ้อติเทพ"
อติเทพตัวสั่น ไม่กล้าลั่นไกตามที่จุนจีบอก
"ชั้นตาย แกก็อดรับมรดกคุณย่า"
ปาร์คจุนจีเดินเข้าไปหาอติเทพ แบบพร้อมเจรจา
"เอางี้ดีกว่า ชั้นมีข้อเสนอ"
"จุนจี!! อย่าเข้าไป"
"ข้อเสนออะไร"
จุนจีเดินมาหยุดหน้าปืนที่อติเทพถือจ่ออยู่ ไวปานฟ้าแลบ จุนจีจับปืนอติเทพ ใช้วิชาทหารที่เรียนมา แย่งปืนอติเทพแล้วจ่อปืนไปที่อติเทพแทน
"เฮ้ย...อย่านะโว้ย"
"แกต้องการอย่างงี้ใช่มั้ย"
ปัง ปัง ปัง ปาร์คจุนจียิงปืนลงไปที่พื้นตรงหน้า อติเทพปิดหูตกใจร้องลั่น ขณะที่นักเลงทั้ง4 ไหวตัวพากันหนีไป เขาเห็นอติเทพตกใจก็หัวเราะลั่น
"ฮ่ะๆๆๆ ผมว่า...แกกับชั้นมาซัดกันตัวต่อต่อตัวดีกว่า"
"ได้ ถ้ากูชนะ มึงต้องเซ็นต์ให้กู"
"โอเค!"
ตั๊บ! ปาร์คจุนจีชิงจังหวะชกเข้าคางอติเทพก่อน
กรรัมภาตกใจร้อง "ว้าย!"
"อ๊าก... แก"
อติเทพถีบนำเข้าท้องปาร์คจุนจี แต่เขาปัดขาออก ต่อยอัดเข้าที่ท้อง อก คอหอยของอติเทพอย่างรวดเร็ว 3 หมัดซ้อนตามลำดับ อติเทพเจ็บแต่จับคอปาร์คจุนจีล็อกไว้ต่อยไปที่สีข้าง 2 หมัด ปาร์คจุนจีเจ็บแต่ 2มือตบไปที่ป้องหูของอติเทพพร้อมกัน ประสาน 2มือทุบไปที่ท้ายทอย จนอติเทพเข่าทรุดปล่อยมือ ปาร์คจุนจีถีบซ้ำ ตามด้วยกระโดดปลายคาง อติเทพหน้าหงายตาค้าง สลบกลางอากาศล้มลงไปนอนแผ่หลา
ปาร์คจุนจียืนหอบ กรรัมภาดีใจวิ่งโผเข้าไปกอด
"จุนจีของฉัน...เก่งที่สุดเลย มายไอดอล"

ปาร์คจุนจีพากรรัมภาเดินหนีไป

ลีจองกุ๊กมาจอดรถตู้รออยู่ที่จุดนัดพบ...เดินไปเดินมารออย่างร้อนใจ
 
"นัดกันไว้ตรงนี้ แล้วทำไมป่านนี้แล้วยังไม่มา"
แล้วลีจองกุ๊กก็ต้องชะงักเมื่อเห็นปาร์คจุนจีกับกรรัมภาเดินจูงมือกันมาแต่ไกล
"โอ๊ะโอ๋ว! งานเข้าซะแล้ว"

ลีจองกุ๊กรีบวิ่งตูดสั่นเข้าไปหา
"จุนจีๆ"
พอเข้ามาถึงก็รีบแทรกตัวระหว่างปาร์คจุนจีกับกรรัมภาทันที ดึงมือทั้ง 2 ออกจากกัน
"นายเป็นยังไงมั่ง ทำไมปากแดงๆ เหมือนปากแตก"
ลีจองกุ๊กหันขวับมามองกรรัมภาในสภาพโทรมพอกัน
"ห่ะ! หรือว่าไปทำอะไรกันมา"
"ปละ...ปล่าวนะคะ ไม่ได้ทำอะไรกัน อย่าเข้าใจผิด"
ปาร์คจุนจีหัวเราะลั่น
"ฮ่ะๆๆ ถ้าทำก็ดีน่ะซิ"
"นี่...จะบ้าเหรอ ถึงฉันจะบ้านักร้อง แต่ฉันก็ยังเป็นกุลสตรีไทยนะยะ"
กรรัมภาเดินงอนไปที่รถ ปาร์คจุนจีตะโกนตาม
"กุลสตรีอะไร มากัดไหล่ผมเนี่ยะ ยังเป็นรอยฟันอยู่เลย"
กรรัมภาตะโกนกลับมา"บ้า"
"ห่ะ...มีกัดกันด้วยเหรอ กุ๊กจะเป็นลม"
ปาร์คจุนจียืนมองกรรัมภาเดินขึ้นรถอย่างมีความสุข

ห้องรับแขก บ้านไตรรัตน์ เวลากลางคืน เคที่พลิกเปิดดูหนังสือแคตตาล็อคอยู่อย่างสนใจ ทิพย์นั่งชำเลืองดูอยู่บ้าง แล้วเหลียวไปมองสนใจของมีค่ารอบๆ ก่อนชำเลืองมองไปนอกบ้านว่า ปลอดคนไม่มีใคร
"ยัยเจ๊กับตาเสี่ยจำเริญหายไปไหนกันนะ ไม่กลับมาซะที... นี่ลูก มัวแต่ดูอยู่ได้ ลูกมาที่นี่บ่อยๆ ลูกต้องรู้จักห้องหับที่นี่ดีซิ" ทิพย์พูดกระซิบเสียงเบา
เคที่ตอบแบบไม่มอง
"ก็ใช่นะสิคะ ทะลุหมดทุกซอกทุกมุมแล้วค่ะ"
" แล้วทำไมไม่พาแม่ไปห้องน้ำ แล้วเดินชมรอบๆบ้านเสียหน่อยละ"
" ได้สิคะ มี้จะไปก็บอก"
ทิพย์ดึงแคตตาล็อคออกจากมือเคที่
"นี่ พอได้แล้ว มามัวดูของในหนังสือมันได้อะไร ไป"
ทิพย์รีบดึงมือฉุดให้ลุก เคที่งง
" รีบพาแม่ไปดูของจริงๆ แบบในหนังสือ ของจริงๆ ที่จับได้ หยิบได้น่ะ"
เคที่เข้าใจทันที ตาเป็นประกาย

สองแม่ลูกค่อยๆก้าวเดินอย่างระวังพลางสอดส่ายมองไปมารอบๆตัว
"แหม ถ้วยจีนลายครามเมื่อกี้นี่ ถ้ามันเล็กกว่านั้นอีกนิดนะ"
" มามี้ นั่นแค่ของไก่กา ข้างบนนี่เถอะ เป้งๆ ทั้งนั้น"
ทิพย์ตาวาว ก่อนก้าวเดินตามต่อ

ทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นสอง ที่เป็นโถงทางเดินโล่ง ไม่มีเครื่องเรือนเครื่องประดับอะไรให้เห็นเลย
"ไหนละ ไม่เห็นมีอะไรเลย นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นบ้านเศรษฐีเจ้าของตลาดใหญ่กลางกรุงละก็นะ"
"แหม มามี้ ใจเย็นๆ เขาเรียกว่าผ้าขี้ริ้ว"
"ที่ชอบห่อ..ทอง ใช่มั้ย"
เคที่ยิ้ม พยักหน้างึก พูดกระซิบ
"ไปคะมี้"
เดินมาถึงห้องแรก เคที่ชำเลืองๆ แล้วทำเมินๆ สะบัดหน้าเดินต่อ
"เดี๋ยวๆ ห้องนี้"
" โน..มามี้ ห้องไธรซ์กะยายไม้กระดานนั่น เคที่ไม่อยากเข้า"
ทิพย์พูดกระซิบ
"เอ้า..ก็ดูหน่อยไม่ดีเหรอ"
เคที่สะบัดเดินต่อ ไม่รอฟัง ทิพย์จำต้องตาม
เคที่พูดกระซิบ

"มี้ตามเคที่มาเถอะ"
 
อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น