อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 8
โกมลและลูกน้องลากแสนเข้ามาในมุมลับตาคนมากขึ้น ลูกน้องโกมลเอากระสอบคลุมหัวแสน
"ไอ้แสน!! ค่าที่แกหมิ่นเกียรติ์กำนันอย่างฉัน" โกมลส่งท่อนไม้ให้ลูกน้อง
ลูกน้องรับท่อนไม้มาโดยจับท้องตัวเองที่ยังเจ็บอยู่ เขาจะฟาดร่างแสนเพื่อแก้แค้น
เสียงอันยาดังขึ้น "หยุดก่อน"
ไม้หน้าสามห่างจากกระโหลกศีรษะแสนไปแค่เซ็นติเมตรเดียว อันยาวิ่งฝ่าดงรกๆออกมาแล้วหอบเพราะไม่คุ้นเคยพื้นที่
"แก" โกมลเพ่งมอง "นังเลขาด็อกเตอร์นี่หว่า"
ลูกน้องโกมลพูดกับแสนที่สลบอยู่ "ลูกน้องสวยนะมึง" ลูกน้องถามโกมล "ให้ฉันสั่งสอนนังนี่ด้วยมั้ยครับ"
"ปล่อยมันไปก็โง่สิ มันเห็นเราแล้ว ก็ดี ! ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องครั้งที่แล้ว แกหลอกให้ฉันช่วยแก แต่สุดท้ายก็ไปช่วยให้ไอ้ด็อกเตอร์มันได้หินบดมาเยอะแยะ นังนกสองหัว"
"ไม่.. ไม่ใช่นะ ฉันจะเล่นงานด็อกเตอร์จริงๆ แต่...แต่เค้าดันแก้ปัญหาได้ เรื่องครั้งที่แล้ว ฉันก็ผิดหวังเหมือนกัน" อันยาว่า
โกมลกับลูกน้องมองอันยาแบบยังไม่เชื่อ
อันยาย้ำ "จริงๆนะ"
โกมลพูดกับลูกน้อง "ส่งไม้นั่นให้มัน" โกมลบอกอันยา "แกฟาดมันให้ฉันดูซิ"
อันยาตกใจ "ห๊ะ"
"ทำไม่ได้ ? เนี่ยเหรอบอกว่าเป็นศัตรู" โกมลกระชากอันยามา "แกจะเป็นรายต่อไป" โกมลสั่งลูกน้อง "จัดการมันได้แล้ว"
ลูกน้องโกมลเงื้อไม้จะฟาดแสน
"ฉันเป็นคนของคุณเหนือเทพ !! เหนือเทพ เกียรติ์ธนากร ประธานกรรมการบริษัทวิชชั่นออฟฟิวเจอร์" อันยาประกาศ
"พูดอะไรวะ !”
"จริงๆนะ" อันยาพูดกับโกมล "คุณน่าจะรู้จักไม่ใช่เหรอ คุณค้าปุ๋ย ค้ายาค้าเมล็ดพันธุ์ก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว เค้าเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการนี้ คุณจะงัดข้อกับเค้ายังงั้นน่ะเหรอ"
ลูกน้องโกมลหงุดหงิด "นังนี่มันพูดอะไรของมันน่ะกำนัน"
"อย่างแกน่ะนะ จะรู้จักคนระดับนั้น" โกมลไม่เชื่อ
"ถามใหม่ดีกว่า" อันยาเล่นบทบาทคนมั่นใจ "ว่าอย่างฉันน่ะเหรอ จะมาเหยียบหญ้าเน่าๆอยู่ในที่แบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องทำงานให้คนระดับคุณเหนือเทพล่ะก็ ไม่มีทาง"
อันยาตอบโกมลอย่างท้าทาย โกมลมองอันยาและมองแสนอย่างชั่งใจ
อันยาเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้แสน แล้วมองแสนที่หน้าช้ำและยังหมดสติอยู่ด้วยความปวดใจ อันยาเอาผ้าเช็ดคราบสกปรกออกจากแผลให้แสน แสนสะดุ้งตื่นขึ้นแล้วมองไปรอบๆ
"นี่ผม...มาอยู่นี่ได้ยังไง" แสนถาม
อันยาไม่ทันตอบ พุฒก็เดินเข้ามา
"โล่งอก ด็อกเตอร์ลืมตาได้ซะที! นี่เคราะห์ดีนะ หนูอันยาไปเจอตัวเข้า ไม่งั้นจะนอนอยู่ในป่าอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ เฮ้อ...คนดีๆอย่างคุณไม่น่าต้องเจอเรื่องเลยจริงจริ๊ง" พุฒว่า
"คนดีแต่ขัดผลประโยชน์คนอื่นแบบผม ก็คงต้องเจอแบบนี้ล่ะ แต่แปลกที่มันเล่นผมแค่นี้ทำไมถึงยอมปล่อยมาง่ายๆ" แสนบอก
อันยาชะงักไป แต่พยายามไม่แสดงพิรุธออกมา
"เรื่องนั้นคงต้องว่ากันยาว พอดีวันนี้แม่นังแตงกวาพาลูกสาวไปช่วยงานวัดเลยไม่อยู่ทั้งคู่ หนูอันยาคอยดูด็อกเตอร์ตลอดเลย หน้าตาเหมือนจะร้องไห้ คงกลัวด็อกเตอร์ไม่ฟื้น" พุฒบอก
อันยารีบปฏิเสธ "ฉัน.. ฉันไม่ได้ร้องไห้นะ"
แสนมองอันยาอย่างรู้สึกดีที่รู้ว่าอันยาเป็นห่วง
พุฒเห็นสายตาแสนก็ขอตัว "ผมไปดูรถให้ก่อนนะ ว่ามารึยัง" พุฒเดินไป
อันยาเห็นพุฒไปแล้วก็ทำอะไรต่อไม่ถูก
"ทำไมคุณถึงไปช่วยผมได้" แสนถาม
"ฉัน..เห็นคุณหายไป เป็นห่วง เลยลองไปดู แล้วก็ไปเจอ.." อันยาโกหก "คุณสลบอยู่"
แสนฟังคำตอบอันยาแล้วก็ใจอ่อนยวบลง
"คุณแสน ฉันรู้ว่าคุณไม่พอใจเรื่องทวยเทพ แต่ฉันกับเค้าเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆฉันจะระวังไม่ให้มีเรื่องไม่ดีเกิด.." อันยายังพูดไม่จบ
แสนพูดแทรก "ยังมึนๆอยู่เลย" แสนสบตาอันยา "คุณเช็ดหน้าให้ผมต่อได้มั้ย?”
อันยาชะงักเมื่อรู้ว่าแสนไม่เอาเรื่องเธอแล้วก็ดีใจ อันยาก้มลงเช็ดหน้าให้แสนต่อด้วยระยะที่ใกล้ขึ้น
"ผ้านี่หอมจัง ใส่น้ำหอมด้วยเหรอ" แสนถาม
"เปล่านี่...”
"งั้นก็..คงเป็นน้ำหอมของคุณ"
อันยาอายจนหน้าแดง "ไหนว่ามึนอยู่ไงล่ะ ทำไมจมูกดี! คงไม่ต้องเช็ดแล้ว"
แสนดึงผ้าที่อันยาถือเอาไว้เพื่อไม่ให้อันยาผละไป เขาสบตาแล้วบอกอันยา
"ขอบคุณนะที่ช่วยผมไว้ ..จะตอบแทนยังไงดี?" แสนขยับหน้ามาใกล้ยิ่งขึ้น "ติดหนี้เป็นเงินต้องใช้ด้วยเงิน คุณช่วยชีวิตผม งั้น..สงสัยต้องยกชีวิตผมให้"
อันยาอายและงงสุดๆ "คุณ..พูดอะไรของคุณเนี่ย"
"หรือว่าคุณไม่อยากได้"
ทั้งสองคนสบตากันแล้วก็ต่างเห็นความหวั่นไหวอย่างลึกซึ้งของกันและกัน นิ้วแสนแตะที่ปลายนิ้วของอันยาและกำลังจะเลื่อนไปกุมมือ ทันใดนั้นก็มีเสียงพิลาสินีเดินเข้ามา
"แสน !!”
อันยากับแสนชะงักแล้วถอยออกห่างกันตามมารยาททันที
พิลาสินีพูดต่อ "ฟื้นแล้วเหรอคะ ฉันใจไม่ดีเลย เนี่ยเพิ่งจะแจ้งทางโรงพักไป"
"ชาวบ้านก็ช่วยกันหาตัวคนร้ายค่ะ ช่วยหาช่วยถามกันแทบทุกบ้าน"
"ตกลงคุณจำได้มั้ยคะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใคร ! ที่มันทำกับคุณแบบนี้"
แสนอึ้งไปแล้วก็บอก "คง..จะเป็นพวกติดยา อยากหาเงินไปซื้อยาน่ะ"
พิลาสินีมองแสนโดยที่สายตายังมีคำถาม
"ผม..ไม่เห็นหน้าเค้าหรอก หรือไม่..ก็อาจจะเป็นคนงานรับจ้างที่อื่น ผมไม่คุ้นลักษณะท่าทางเค้าเลย"
อันยาฟังคำตอบของแสนที่ตอบอย่างไม่ค่อยคล่องนักก็ประหลาดใจยิ่งกว่าพิลาสินี
แสนยอมรับเมื่ออยู่กับอันยาตามลำพัง
"ผมรู้ว่าทำแบบนี้ไม่ถูก แต่...ถ้าบอกแพมไปตามตรงว่าผมมีศัตรูอยู่ที่นี่ แพมอาจจะขอยุติโครงการ ครั้งนี้ผมจำเป็นจริงๆ"
"นี่แปลว่า คุณจะทำต่อ ?”
"อันยา ตั้งแต่ศึกษาด้านพันธุกรรมข้าวมา ผมได้รับรู้ปัญหาเมล็ดพันธุ์โดนโก่งราคามาตลอดผมคิดว่าสักวัน ต้องผลักดันโครงการนี้ขึ้นมาให้ได้"
"ถึงกับต้องยอมเสี่ยงชีวิต ยังงั้นเลยเหรอคะ?”
"คุณอาจจะไม่เห็นด้วย ที่ผมจะพูด.. แต่ผมคิดจริงๆ ผมไม่กลัวตาย แต่กลัวอยู่อย่างสิ้นหวังเหมือนคนที่ตายแล้วมากกว่า ผมหวังจะให้ชีวิตเกษตรดีขึ้น ผมทำงานทุกๆวันด้วยความหวังอันนี้"
"แล้ว..คุณไม่คิดเหรอ ว่ามีคนหวังให้คุณอยู่ต่อไปอีกนานๆ คนที่เค้ารักคุณน่ะ"
แสนสบตาเหมือนจงใจพูดกับอันยา "ถ้าเค้ารักผม..ผมจะพยายามอยู่ต่อให้ได้"
อันยาชาวูบไปทั้งตัวเพราะรู้สึกเหมือนแสนจงใจบอกกับเธอ
"ใครรักคนอย่างคุณ คนนั้นก็บ้าแล้ว" อันยาเดินหนีไปเลย
แสนมองตามอันยาที่เดินหนีไปด้วยความอายก็อมยิ้ม เขารู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงจับใจของอันยา
พิลาสินีประคองแสนลงจากรถ อันยาและเมขลาช่วยกันขนกล่องอุปกรณ์ต่างๆ ลงมา
"นี่ถ้าผลเอกซเรย์ออกมามีปัญหา ! ฉันจะกลับไปที่โรงพัก ให้เค้าหาตัวคนร้ายให้ได้"
"โชคดีว่าหัวผมแข็ง ไม่งั้นบรรดาคุณจ่าที่โรงพัก โดนด็อกเตอร์พิลาสินีข่มขู่แน่ๆ" แสนว่า
"พูดเป็นเล่นไปนะคะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆซะหน่อย...คุณทิ้งจักรยานไว้ที่นี่ นั่งรถฉันกลับหอพักก็แล้วกัน"
แสนชะงักมองไปทางอันยาที่กำลังจะเอาของเข้าไปเก็บด้านในพร้อมเมขลา
"เอ่อ ผมว่าจะขอติดรถเข้ากรุงเทพพร้อมกับอันยาน่ะ"
พิลาสินีชะงัก "เข้ากรุงเทพ วันนี้เลยเหรอคะ ทั้งๆที่เพิ่งจะโดนทำร้ายเนี่ยนะคะ"
"ก็..นอนพักไปบนรถก็ได้นี่ครับ อันยาเค้าเป็นคนขับ"
อันยายังงงๆ ว่าทำไมแสนถึงจะกลับด้วย
"ธุระอะไร สำคัญขนาดนั้นคะ พักผ่อนก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะ"
"ผมไม่เป็นอะไรแล้ว หมอก็ยืนยันแล้วนี่ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" แสนพูดกับอันยา "ผมรออยู่ที่รถคุณนะ"
แสนเดินไปเลย พิลาสินีงงๆ เธอมองอันยาที่ทำสีหน้าไม่ค่อยถูก เมขลาก็มองอันยาแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแน่นอน
อันยาที่ทำหน้าที่สารถีไม่วายถามแสนด้วยความแปลกใจ
"ด็อกเตอร์แพมพูดถูกนะคะ คุณน่าจะกลับหอพักมากกว่า"
แสนทำหน้านิ่งแต่ไม่ตอบ
อันยารู้ว่าขัดไม่ได้ "แล้วนี่จะให้ฉันไปส่งที่ไหนล่ะคะ"
แสนไม่ตอบแต่หยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์หาใครบางคน
"ครับ คุณย่า" แสนพูด อันยาชะงัก "ไม่ได้ไปกินข้าวกับคุณย่าหลายวัน ชักคิดถึงแล้วล่ะครับ"
ลดาพูดจากมือถือ "ย่าก็คิดถึงพ่อแสนจ้ะ แหม นึกว่าจะลืมย่าซะแล้ว"
"ผมไม่ลืมหรอกครับ แต่คุณย่าไม่ต้องยุ่งยากทำหลายอย่างนะครับ มีอะไรผมก็กินได้"
ลดาพูดจากมือถือ "น่ารักจริงๆ แบบนี้ ย่ายิ่งจัดเต็ม แล้วเจอกันนะจ๊ะ"
แสนกดวางสาย
"นี่..นี่คุณจะไปหาคุณย่าเนี่ยนะ ไม่คิดจะบอกเจ้าของบ้านเค้าสักคำเลยเหรอ"
"ถ้าผมไม่บอก คงแอบคุยกับคุณย่าไม่ให้คุณรู้แล้วล่ะ" แสนบอก
"ถ้ายังงั้น ช่วยถามเจ้าของบ้านด้วย ว่าเค้าอนุญาตให้คุณไปบ้านรึเปล่า”
"อนุญาตอยู่แล้ว ใจคอคุณจะให้คนเจ็บ หาข้าวกินเองเหรอ"
"ถึงอยู่ที่หอพักบริษัท คุณก็มีคนหาข้าวให้กิน" อันยาหมายถึงพิลาสินี "อิ่มเหมือนกันนั่นแหละ"
แสนจับท้อง "อิ่มตรงนี้" แสนจับหัวใจ "แต่กลัวตรงนี้จะไม่อิ่ม"
แสนยิ้มแล้วเหลือบมองอันยา
อันยาทำหน้าไม่ถูก เธอขับรถเป๋ไปเป๋มาจนคันข้างหลังบีบแตรใส่ แสนจับได้ว่าอันยาเสียอาการ ก็แอบขำ
"ถ้าอยากกินข้าว มากกว่าหยอดน้ำข้าวต้ม ก็ช่วยนั่งเงียบๆด้วย" อันยาว่า
อันยาส่ายหน้าทำเป็นวางฟอร์มใส่ แต่จริงๆแล้วเขินมาก
บุรินทร์และพิลาสินีนั่งคุยกันที่มุมสวยๆ ในออฟฟิศ ทั้งคู่ถือเครื่องดื่มในมือคนละถ้วย
"คนรู้จักของแสน ที่กรุงเทพงั้นเหรอ" บุรินทร์ทวน
พิลาสินีตอบรับ "ค่ะ เค้าบอกว่าเข้าไปเยี่ยมคนรู้จัก แต่พอถามว่าเป็นใครก็ไม่ยอมบอก"
บุรินทร์เหลือบมองพิลาสินีแล้วทำเป็นมองกำแพงก่อนจะพูดเปรยๆ
"กำแพงเนี่ย ถ้ามันสูงนัก ก็จะบังไม่ให้เราเห็นวิวที่อยากเห็น เรื่องบางเรื่องถ้าอยากรู้ก็ต้อง.. ปีนข้ามกำแพงไป"
"บอสพูดเรื่องอะไรคะ"
"แค่สื่อสาร อยากรู้อะไรก็ถามดีๆ มันก็ข้ามไปได้"
"มันจำเป็นด้วยเหรอคะ ถ้าที่ที่เราอยู่มันดีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องปีนข้ามไป"
บุรินทร์ยิ้ม "จำเป็นรึเปล่า ไม่มีใครตอบได้นอกจากตัวเราเอง ว่าเราแคร์เค้ามากแค่ไหน"
พิลาสินีสะอึกไปเพราะจริงๆแล้วแคร์มาก
"ถ้างั้นทำไมอีกฝ่ายนึง ถึงไม่ปีนข้ามมาก่อน ทำไมต้องเป็นฝ่ายเราด้วย" พิลาสินีไม่เข้าใจ
พิลาสินีวางแก้วกาแฟแบบหมดอารมณ์จะดื่มต่อ
"ขอบคุณนะคะ ที่พยายามชี้แนะ แต่แพมไม่ใช่อย่างผู้หญิงคนอื่นที่มาตามกรี๊ดกร๊าดแสนให้ตรงไปตรงมาแบบนั้น คงไม่ได้" พิลาสินีลุกไป
บุรินทร์ยกกาแฟขึ้นจิบแล้วก็บ่น "ขม!!" บุรินทร์หันไปมองตามพิลาสินี "ไม่เหมือน? ก็ชอบเขาเหมือนกัน ไม่ใช่เหรอ?”
บุรินทร์มองตามแล้วก็นึกเป็นห่วงแผลในใจของพิลาสินี
คิมหันต์รีบย้ำเอาดีเข้าตัว
"เห็นมั้ยเจ๊ ว่าเราทำถูก เจ๊ช่วยด็อกไม่ให้โดนซ้อมตายไปซะก่อน" คิมหันต์สงสัย "แล้วกำนันแค้นขนาดนั้น เจ๊ทำยังไงให้เค้ายอมปล่อย"
"ระหว่างเลือดกับเงิน ถ้ายังมีความเป็นพ่อค้าอยู่ เค้าก็ต้องเลือกเงิน ไหนจะกลัวอิทธิพลของคุณเหนือเทพอีก" อันยาว่า
คิมหันต์ปรบมือให้ "สมกับเป็นเฮดฮันท์เตอร์มือหนึ่ง" คิมหันต์เห็นสีหน้าของอันยายังหม่นอยู่ "ทำไมยังทำหน้ายังงี้แผนดิสเครดิตด็อกเตอร์ครั้งนี้ เท่ากับได้ช่วยชีวิตเค้าไม่ให้โดนผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นทำร้ายเลยนะ"
"ด็อกเตอร์ เค้าบอกฉันว่ายังไงแกรู้มั้ย บอกว่าไม่กลัวตาย กลัวอยู่อย่างสิ้นหวังมากกว่า ความหวังของเค้าก็คือได้ช่วยเกษตรกร"
"ก็ถ้าไม่มีลมหายใจแล้ว จะช่วยใครได้สักคนมั้ยล่ะ ถ้าเค้าอยู่ต่อ วันหลังก็คงมีโอกาส"
อันยาฟังคิมหันต์แล้วก็นิ่งคิด
"เจ๊ช่วยชีวิตด็อกเตอร์ไว้เลยนะ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว แผนนี้มันดีต่อทุกๆฝ่ายและยิ่งสำเร็จเร็วเท่าไหร่ ด็อกเตอร์ยิ่งปลอดภัยเร็วขึ้น ลุยไปเลยเจ๊"
อันยาพยายามคิดตามคิมหันต์เพื่อให้หนักแน่นพอที่จะหักหลังแสนได้
ลุงแก่ๆ วิ่งออกกำลังกลางสวนสาธารณะ เด็กๆ กินขนมจนหน้าตาเลอะเทอะ อาม่ารำไท้เก๊ก คนพาสุนัขมาอึ ทวยเทพนั่งมองบรรยากาศรอบๆ แล้วก็รู้สึกไม่เจริญตาเอาซะเลย
"คุณแคนเซิ่ลนัดที่ร้านหรูของเรา มาที่นี่เนี่ยนะ" ทวยเทพถาม
"ทำไมล่ะคะ ก็ร่มรื่นดีออก" อันยาว่า
อันยามองวิวสระน้ำ สะพาน สายลมพัดผ่านกิ่งไม้ใบหญ้า ทวยเทพยังระคายสายตากับอาม่าที่รำไท้เก็กอยู่จึงไม่คล้อยตาม
"ช่างมันเถอะ ! เรื่องผู้หญิงอื่น ผมไม่มีอีกแล้วจริงๆนะอัน"
"งั้นรับปากได้มั้ย ว่าคุณจะไม่มาขัดเรื่องฉันกับคุณแสนอีก" อันยาถาม
"อัน !! ให้ผมทนดูคุณสนิทอี๋อ๋อกับมันงั้นเหรอ"
อันยาพูดให้ทวยเทพยอม แม้ไม่อยากโกหกแล้ว "มันแค่งาน ! แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยด้วย ฉันบอกคุณกี่ร้อยครั้งแล้ว นี่คงโดนเมรีเป่าหูมาล่ะสิ ว่าฉันเอาตัวเข้าแลก"
ทวยเทพสะอึกไปเพราะเป็นเรื่องจริง
"ถ้าฉันเป็นแบบนั้นจริง คุณก็น่าจะเห็นลายมาตั้งนานแล้ว คุณเองไม่ใช่เหรอที่พยายามจะเปย์ให้ฉันมากกว่าใครๆ"
"ผมแค่อยากให้ ไม่ได้อยากซื้อคุณด้วยเงินนะ" ทวยเทพกลับมาย้ำ "ไม่เกินเลยจริงๆนะ"
อันยาพยักหน้า ทวยเทพยังครุ่นคิดเพราะหนักใจมาก
"มันใกล้จะจบแล้ว ฉันทุ่มเทให้กับงานนี้มาก ถ้ามันพัง เพราะคุณหมดความอดทนเราก็ไม่ต้องคุยกันอีก!”
"โอเคๆ แต่คุณห้ามไปหลงลมมันเด็ดขาด ไอ้ด็อกเตอร์นั่น !ผมเห็นสายตามันมองคุณแล้วไม่น่าไว้ใจเลย"
อันยาหลบตาและไม่ต่อคำทวยเทพ
ทวยเทพแอบสงสัย "แล้วนี่..นอกจากเรื่องเมรี..มีใครมาพูดอะไรไม่ดี" ทวยเทพหมายถึงเรื่องปุ๊กลุก "ให้คุณฟังอีกรึเปล่า" อันยาไม่เก็ท "ช่างเถอะ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว"
ทวยเทพเข้ามายืนใกล้อันยาเพราะอยากจะโอบ อันยาขยับหนี ทวยเทพได้แต่ยืนใกล้ๆ เขาคิดว่ายังไงก็ยังไม่เสียอันยาไป
กระจาดหลายใบรวมทั้งภาชนะจักสานที่ใส่ของได้มากมายวางอยู่ ทุกใบล้วนมีเมล็ดพันธุ์ที่ถูกเก็บรวบรวมมาแยกชนิดกันไว้ ชาวบ้าน 2-3 คนยังช่วยกันเอาเมล็ดพันธุ์มาเทใส่กระจาดที่ว่างอยู่ซึ่งเป็นเมล็ดมาบ้าง เป็นช่อดอกแห้งๆที่มีเมล็ดอยู่ข้างในบ้าง เป็นก้านที่เอามาใช้ปักขยายพันธุ์บ้าง
แสน พิลาสินี พุฒ และพวกชาวบ้านมองเมล็ดพันธุ์ที่รวบรวมมาได้อย่างชื่นใจ
"ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ พอให้ทุกคนออกไปเก็บ ไปหากันมา พืชผักสมุนไพรที่ใช้ประโยชน์ได้ แค่รอบๆหมู่บ้านเราเนี่ย ยังเยอะขนาดนี้ ถ้าเราเอามาเพาะ มาปลูกกันดีๆ อู๊ย กินกันไม่หวาดไหว ไม่ต้องซื้อผักที่อื่นให้เปลืองเงินจริงๆนะครับเนี่ย" พุฒบอก
แสนกับพิลาสินีมองผลงานการรวบรวมของพวกเขาและชาวบ้านอย่างภาคภูมิใจ
ป้าย “ศูนย์วิจัยพืชผักพื้นบ้าน” โดดเด่น สวนที่มีลักษณะคล้ายสวนป่า มีพืชผักขึ้นเป็นกลุ่มบ้าง กระจายกันบ้างอยู่ทั่วไป แตงกวารดน้ำต้นผักอยู่ที่มุมหนึ่ง เธอคุยกระจุ๋งกระจิ๋งกับต้นไม้เหมือนคุยกับเพื่อน
"วันนี้รดแค่นี้ก่อนนะ กินเยอะเดี๋ยวอ้วน! ล้อเล่นน่ะ เดี๋ยวรากไม่แข็งแรง"
แตงกวาย้ายไปรดต้นอื่นๆต่อ อันยาเดินมาเห็นแตงกวาก็เข้าไปทัก
"ไม่ไปทำการบ้านเหรอแตงกวา" อันยาถาม
"ทำอยู่จ้ะ"
"พี่หมายถึงการบ้านที่คุณครูให้ในแบบฝึดหัดน่ะ"
"น้าแสนบอกว่า การอนุรักษ์พืชผักพื้นบ้านไว้ให้ชุมชน เป็นการบ้านของพวกหนู อีกหน่อยพวกเราจะได้ไม่โดนเอาเปรียบ เพราะมีแหล่งอาหารที่ยั่งยืนของเราเอง แล้วคนเราจะเรียนแค่ในตำราไม่ได้ จะกลายเป็นพวกเก่งวิจารณ์ แก่ทฤษฎี แต่ไม่มีปัญญาทำชีวิตให้ดีขึ้น"
อันยาอึ้งที่มาเป็นชุด
"ไม่วิจารณ์และ.." อันยาหันมาชม "ปลูกต้นไม้เก่งมากเลย"
แตงกวายิ้มกว้าง "หนูทำการบ้านที่คุณครูให้เสร็จแล้วล่ะจ้ะ ไม่ต้องเป็นห่วง"
อันยายกนิ้วให้แตงกวาว่าเยี่ยมไปเลย
"น้าอันยา อยากรดน้ำต้นไม้ด้วยกันมั้ยคะ" แตงกวาชวน
อันยามองกระบอกรดน้ำที่แตงกวายื่นส่งให้ก็กลับอึกอัก
"น้า..." อันยาสลด "มือสกปรกน่ะจ้ะ ไว้วันหลังนะ" อันยาพูดแล้วก็ผละไป
แตงกวาไม่เข้าใจ "สกปรก ตรงไหน?”
แตงกวามองตามหลังอันยาไปแล้วก็เพ่งที่มือแต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไร อันยาเดินหลบไปอีกมุม แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู ที่หน้าจอเป็นชื่อและเบอร์โทรของธกฤตซึ่งเป็นเบอร์ที่เพิ่งรับสายไป เสียงธกฤตย้อนมาก้องในหัว
"ได้เวลาแล้วนะอันยา ลงมือตามแผนของคุณเหนือเทพได้แล้ว"
อันยาเครียด เธอคิดว่าถึงเวลาแล้วจริงๆเหรอนี่
อันยาเดินมายืนอยู่ต่อหน้าเมล็ดพันธุ์มากมายที่ชาวบ้านรวบรวมมา แสนอธิบาย
"เมล็ดพันธุ์ทุกอย่าง ทุกชนิด จะแบ่งไว้เป็นสามส่วนนะอันยา ส่วนแรกจะเก็บไว้ที่นี่ เอาไว้เพาะทำพันธุ์ต่อ แล้วก็วิจัยเพิ่มเติม ซึ่งส่วนนี้แพมจะเป็นคนมารับช่วงไป"
อันยาบันทึกตามคำบอกของแสน
"ส่วนที่สอง เก็บไว้ที่บริษัทเรา เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเมล็ดพันธุ์สำรองอยู่" แสนบอก
อันยาพยักหน้าเห็นด้วยกับไอเดียกันเหนียวนี้
แสนอธิบายต่อ "ส่วนที่สาม จะแจกจ่ายให้กับชุมชนอื่นๆที่สนใจ จะได้ขยายผลและสร้างค่านิยมให้คนหันกลับมากินผักพื้นบ้านกันมากขึ้น"
อันยาจดที่แสนบอกเสร็จสรรพ
"ผมรบกวนคุณ ทำบัญชีชื่อเมล็ดพันธุ์พวกนี้ทั้งหมด เช็คจำนวน แล้วแยกออกเป็นสามส่วนตามที่บอกไปด้วยนะครับ"
"ได้เลยค่ะ"
อันยายิ้มรับคำแสน แต่เมื่อมองเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของทุกคนแล้วก็ใจห่อเหี่ยว
และหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ในอดีต ที่ถูกคิมหันต์ถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ
"ทำบัญชีปลอม?”
"ใช่ ทำตามลิสต์นี้ทุกอย่าง" อันยายื่นแฟ้มให้ "แต่เปลี่ยนจำนวน จนกว่าจะถึงเวลานั้น จะได้ไม่มีใครสงสัย"
คิมหันต์พยักหน้าและรับแฟ้มมา เมรีกับอาโปมองอันยาและคิมหันต์ที่ปรึกษากันอยู่
"มันใกล้จะปิดจ็อบกันแล้ว เจ๊จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้จริงๆ เหรอ" อาโปถาม
"ที่ผ่านมา ฉันรอให้เรื่องมันสุกงอมอยู่ ยิ่งตกลงมาช้ามากเท่าไหร่ เวลาตก เสียงมันก็จะยิ่งดัง และยิ่งเละมากเท่านั้น!”
อาโปยักหน้าว่าเป็นอย่างนี้นี่เอง
"แต่ก่อนที่มันจะปิดจ็อบด็อกเตอร์แสน ฉันนี่แหละจะชิงปิดจ็อบพวกมันก่อน"
เมรีพูดอย่างมั่นใจมาก
ณ มุมเปลี่ยวลับตาคน โกมลกับลูกน้องรอคอยบางสิ่งอยู่ รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด อันยาลงมาพร้อมกับคิมหันต์
โกมลแกล้งยั่ว "กะว่าถ้าไม่มา จะไปตามที่ศูนย์วิจัย"
"ถ้าฉันจบ คุณก็จบด้วยนั่นแหละ ของอยู่ที่ท้ายรถ" อันยาบอก
โกมลพยักหน้าให้ลูกน้องไปขนมา ท้ายรถมีเมล็ดพันธุ์ที่อันยาลักลอบแบ่งเอามา
โกมลเยาะเย้ย "เนี่ยเหรอขุมทรัพย์ที่ด็อกเตอร์คุยนักคุยหนา"
"มันก็ไม่ต้องกรีดเลือดตัวเองซื้อ เหมือนของแพงๆที่มีคนเอามาขาย"
โกมลมองอันยาแล้วคิดว่านังนี่มันจะอยู่ข้างไหนกันแน่
"เจ๊!" คิมหันต์ปรามอันยา "เอาเป็นว่า กำนันเอาไปจัดการตามที่บอกก็แล้วกันครับ"
โกมลเอ้าเท้าเขี่ยเมล็ดพันธุ์หน้าตาเฉย อันยาเห็นก็ของขึ้น คิมหันต์จับเอาไว้ อันยารู้สึกสับสนมากๆ เมื่อเห็นความไม่เคารพของโกมล
"หึ พืชผักไม่มีพิษ" โกมลเหลือบไปทางอันยา "แต่น่าเสียดายที่คนมันมีพิษ"
อันยาฟังโกมลแขวะก็รู้สึกบาดลึกในใจ
"ไม่ต้องห่วง เรื่องเรียบร้อยตามที่คุณเหนือเทพต้องการแน่ๆ" โกมลสะใจ "ทีนี้แหละ ไอ้แสน ชื่อของมันจะโดนคนที่หมู่บ้านนี้ ลบออกไปด้วยหัวแม่ตีน"
โกมลรู้สึกสาสมใจซะจริงๆ
ขณะที่แสนตรวจดูต้นไม้ในศูนย์พร้อมกับบันทึกข้อมูลด้วยความสนใจและเพลิดเพลิน พิลาสินีสะพายกระเป๋าเดินมาหา
"เลยเวลางานไปสิบห้านาทีแล้วนะคะ รถตู้มารอได้สักพักแล้วค่ะ"
แสนชะงักไปแล้วบอกพิลาสินี "ผมยังอยากทำอะไรต่ออีกนิดหน่อยน่ะ"
"โอเค งั้นฉันอยู่ด้วย จะให้ช่วยอะไรก็บอก ขอแค่..อย่าให้ไปจับผีเสื้อ"
"ไม่เป็นไร คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมรับปากกินข้าวเย็นกับลุงพุฒแล้วด้วยแล้วค่ำๆผมจะติดรถคนในหมู่บ้านกลับ"
พุฒเดินออกมาพอดี แสนส่งสายตาให้พุฒช่วยยืนยัน
พุฒพูด "ครับ ไม่ต้องห่วง มีรถเข้าไปส่งด็อกเตอร์แน่นอนครับ"
พิลาสินีผิดหวังที่ไม่ได้กลับกับแสน "พักหลังเนี่ยนอกเวลางาน เราแทบจะไม่ได้เจอกันเลยนะคะ
รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ “เพื่อนร่วมงาน” ตรงตัวเป๊ะ"
แสนชะงักไปเมื่อรู้ว่าเพื่อนน้อยใจ "เพราะอย่างงี้ไง ผมถึงได้ขอให้เพื่อนสนิท มาเป็นเพื่อนร่วมงาน
ถึงไม่ได้เจอกันเวลาอื่น ก็ยังได้ทำงานด้วยกัน"
พิลาสินีฟังคำตอบของแสนแล้วก็รู้สึกเหมือนถูกกันออกจากสถานะที่แอบหวังจึงตัดพ้อเบาๆ
"ที่ไม่ว่างเนี่ย ขอให้มีแต่เรื่องงานจริงๆนะคะ ไม่ใช่..แอบทำเรื่องลับๆอะไรอยู่" พิลาสินีพูดแล้วอายขึ้นมาที่ตัวเองงอน เธอจึงรีบผละไป
แสนมองตามพิลาสินีแบบเป็นห่วงนิดๆ พิลาสินีเดินห่างออกมาแล้วก็หยุด เธอถอนใจออกมาอย่างอึดอัด
แสนนั่งล้อมวงกินข้าวอยู่กับครอบครัวของพุฒ
"ผมถามจริงๆนะครับ ทำไมไม่บอกด็อกเตอร์สวยๆเขาไปล่ะ ว่าที่อยู่เย็นเนี่ย เพราะจะเข้าไปขุดผักป่า หาสมุนไพรมาเพิ่มในโครงการ" พุฒถาม
"พ่อกับน้าแสนจะเข้าป่าเหรอจ๊ะ แตงกวาอยากไปด้วย"
"ผู้ใหญ่คุยกัน เด็กอย่าแทรกรู้มั้ย" มาลีปราม
"ขอโทษจ้ะ เดี๋ยวแตงกวาค่อยพูดใหม่ ตอนพ่อคุยกับน้าแสนเสร็จแล้วก็ได้จ้า"
มาลีกับพุฒมองแตงกวา
"ผมไม่อยากให้แพมเค้ารู้สึกว่าไม่ได้มีส่วนร่วมน่ะครับ แต่จะชวนบุกป่าเข้าไปด้วยกัน เค้าก็คงไม่ไหว" แสนบอก
"ด็อกเตอร์ไม่อยากเกินหน้าเพื่อนร่วมงานนี่เอง" มาลีสรุป
"ใส่ใจเพื่อนร่วมงานมันก็ดีครับ แต่อย่าลืมใส่ใจ “เพื่อนร่วมใจ” บ้างนะครับ" พุฒแซว
"เพื่อนร่วมใจ แปลว่าอะไรเหรอจ๊ะ" แตงกวาสงสัย
"ก็ เหมือนที่แม่เป็นเพื่อนร่วมใจของพ่อไงล่ะลูก" พุฒบอก
"พ่อ...แก่แล้วพูดอะไรไม่อายลูก อายแขกเลยนะ" มาลีว่า
พุฒยิ้มกรุ้มกริ่มให้มาลี แล้วเสียงมือถือของแสนก็ดังขึ้น แสนมองหน้าจอแล้วก็ยิ้ม
"สงสัยเพื่อนร่วมใจของด็อกเตอร์จะโทรมา" พุฒบอก
แสนส่ายหน้าให้กับมุกของพุฒก่อนจะลุกไปคุยมือถือในบริเวณที่ห่างออกไป
อันยามีสีหน้าเป็นห่วงแสนและไม่สบายใจในแผนการของตัวเอง เธอโทรมาหาเพราะอยากจะเตือน
"คุณย่า ให้โทรมาชวนผมไปชิมเมนูเด็ดเหรอ" แสนถาม
"เปล่าหรอกค่ะ ฉัน..โทรมาเองแหละ"
แสนชะงักไปด้วยความรู้สึกดีใจ เขาคลี่ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
"ปกติ คุณไม่เคยโทรมาหาผมนอกเวลางานเลย" แสนว่า
อันยาอ้ำอึ้ง "ฉัน....เอ่อ ฉันได้ยินว่าคุณไม่ได้กลับมากับรถตู้ มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ"
แสนพูดจากมือถือ "คุยกันแค่สองคน อย่าเพิ่งบอกใครนะ ลุงพุฒกับสมาชิกโครงการจะพาผมลุยป่าไปหาสมุนไพรเพิ่ม"
อันยาพยักหน้าเข้าใจ
"ทุกคนกระตือรือร้นกับงานนี้มาก ผมคิดถูกจริงๆที่ทำโครงการ เมื่อก่อนเคยคิดหนักเลยว่าจะทำยังไงให้ชาวบ้านเป็นทาสนายทุนน้อยลง ผมว่าเรามาทางนี้กันได้" แสนพูดต่อ
อันยายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกผิดเมื่อเห็นว่าแสนคาดหวังกับโครงการนี้มากแค่ไหน
"คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไปกันหลายคน ถ้าพวกนั้นมาเล่นงานอีก อาจจะจับได้คาหนังคาเขา"
อันยากลืนน้ำลายอย่างยากเย็น "ค่ะ รอบคอบไว้ก็ดี... แล้วถ้า...” อันยาคิดในใจ "ถ้าพรุ่งนี้มีเรื่องอะไรขอให้เข้มแข็งเอาไว้นะคะ"
แสนพูดจากมือถือ "ว่ายังไงนะอันยา"
"ถ้า..." อันยาพูดไม่ออก "งั้นแค่นี้นะคะ" อันยาวางอย่างรวดเร็ว
แสนงงที่จู่ๆอันยาก็รีบวางสายไป แต่ก็อิ่มใจที่อันยาดูเป็นห่วงเขา แสนมองมือถือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"สงสัยจะมีคนอิ่ม จนเปิบข้าวไม่ลงแล้วมั๊งจ๊ะแม่"
พุฒแซวมาจากวงข้าวเมื่อปรายตามาเห็นอาการอินเลิฟของแสน
อันยาคุยมือถือกับคิมหันต์ด้วยความกระวนกระวายใจ
"คิมบอมบ์ ทางนี้ยังเงียบอยู่เลย หรือว่าพวกกำนันโกมลเล่นตุกติกกับเรา"
เพียงดาวเดินก้าวไวๆ เข้ามาหา อันยารีบบอกคิมหันต์
"แค่นี้ก่อนนะ" อันยาวางสาย
"มาอยู่นี่เองเหรอ แม่เลขาตัวดี !” เพียงดาวว่า
"มีอะไรเหรอคะ" อันยานึกว่าเรื่องแสน "ด็อกเตอร์ มีเรื่องอะไรใช่มั้ยคะ?”
เพียงดาวไม่อยากเชื่อ "ฉันมาตามใคร เรื่องมันก็ต้องของคนนั้นสิยะ"
อันยาอึ้งไปเพราะไม่รู้ว่าเพียงดาวหมายความว่ายังไง ?
คอมพิวเตอร์ของเอกชัยโชว์หน้าเพจที่มีคนส่งอีเมลล์มา ในนั้นมีคลิปภาพการพบกันระหว่าง ธกฤต อันยา และ เหนือเทพ มีข้อความอยู่ด้านล่างของคลิป พิลาสินี เพียงดาว เมขลา และเอกชัยนั่งดูอยู่กันพร้อมหน้า เพียงดาวอ่านข้อความ
"ผู้หญิงคนนี้ อันยา รักษ์เรืองรองเป็นพนักงานของบริษัทไรท์เพอร์เซิ่ล บริษัทจัดหางานมีชื่อ แต่จงใจเข้ามารับตำแหน่งเลขานุการของด็อกเตอร์แสนซ้ำซ้อนเพื่อวัตถุประสงค์อื่น คนเพียงพอดีจะยังไว้ใจทาสของนายทุนหน้าเลือดอีกหรือ"
อันยาแทบทรุดทั้งยืน
เอกชัยอธิบาย "มีคนใช้ชื่อ “นิรนาม” ส่งคลิปนี้มาที่อีเมลล์กลางของบริษัทครับ แล้วยังเอาไปแปะในเว็บไซด์ด้วย ตอนนี้ทั้งออฟฟิศคงเห็นกันหมดแล้ว"
"ฝ่ายไอที ตรวจสอบแล้ว บอกว่านี่ไม่ใช่คลิปตัดต่อ อันยาเธอรู้จักคนพวกนี้ได้ยังไง"
"ไรท์เพอร์เซิ่ล.. ที่เดียวกับ..ที่เคยส่งเอกสารมาให้เธอนี่" เมขลาบอก
พิลาสินีมองอันยาด้วยความประหลาดใจ
เมขลาเกรงใจอันยาแต่ก็ต้องพูด "ตอนนั้นอันยาบอกว่า บริษัทนี้มาทาบทามให้ไปทำตำแหน่งอื่นค่ะ"
"แต่ไม่ใช่ครั้งนี้แน่ !! ไม่มีทางที่ผู้บริหารระดับสูงของวิชชั่นจะมาสัมภาษณ์ตำแหน่งเลขาด้วยตัวเอง" พิลาสินีพูดกับอันยา "เธอเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้ยังไงกันแน่"
อันยาช็อคเพราะนึกไม่ถึงว่าจะโดนกับตัว เธอแทบพูดไม่ออก "คือ..ฉัน....”
"ฉันเคยคิดนะ! ว่าเธอดูไม่เข้าพวก คนอย่างเธอไม่น่าจะมาทำงานที่นี่ได้ แต่พวกเราก็ยังไว้ใจเธอมาตลอด ว่าตั้งใจมาทำงานเพื่อส่วนรวมเหมือนๆกัน แต่เธอกลับรู้จักตัวเรือดพวกนี้!! เรื่องจริงมันเป็นยังไง ห๊ะ"
เพียงดาวคาดคั้นอย่างเอาเรื่อง
อ่านต่อหน้า 2
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 8 (ต่อ)
อันยาอึ้งไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
"ถ้าอธิบายไม่ได้ คงต้องเชิญไปคุยกับตำรวจ ! ใครจะไปนึกว่าทำงานอยู่ด้วยกันดีๆ จะมีลับลมคมใน ให้ไว้ใจไม่ได้แบบนี้"
"ผมว่าทุกคนตกใจกันเกินไปรึเปล่าครับ" เสียงแสนถามขึ้น
แสนเดินเข้ามา ระหว่างที่ทุกคนกำลังแตกตื่นกับคลิปของอันยา
"แสน คุณยังไม่ได้เห็นคลิปนี้ใช่มั้ย" พิลาสินีถาม
อันยามองแสนแล้วก็หัวใจหล่นไปที่ตาตุ่ม เมื่อเห็นพิลาสินีจะให้แสนดูคลิป
"ผมได้รับตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว" แสนบอก ทุกคนอึ้งกันไปเพราะไม่นึกว่าแสนจะได้รู้ก่อนใคร "มีคนส่งเข้ามาที่อีเมลล์ผมเหมือนกัน"
"ก็คุณเองไม่ใช่เหรอ ที่ทนพวกนั้น.. บริษัทวิชชั่น ไม่ได้มากที่สุด" พิลาสินีว่า
"ใช่ ผมไม่เห็นด้วยกับบริษัทจอมขูดรีดนั่น แต่ไม่เห็นด้วยมากกว่าเรื่องที่อันยาจะเป็นคนของเค้า ผมเชื่อว่าเรื่องคลิปนี่ อันยาจะต้องอธิบายได้ ใช่มั้ยครับ"
พิลาสินีมองแสนว่าไว้ใจคนมากไป เพียงดาวก็ขัดใจ ในขณะที่เอกชัยและเมขลายังไม่รู้ว่าจะเข้าข้างใคร
"ถ้างั้น" พิลาสินีพูดกับเมขลา "โทรไปเช็คกับไรท์เพอร์เซิ่ล ว่าอันยาเป็นพนักงานของที่นั่นจริงมั้ย"
อันยาสะดุ้งเฮือก
"ถ้ามันเป็นตามที่อีเมลล์นี้บอก ทางนั้นก็ไม่มีทางยอมรับหรอกว่าอันยาเป็นพนักงานของเค้า" เพียงดาวว่า
พิลาสินีบอก "ฉันมีวิธีค่ะ"
"อันยาเป็นเลขาผม ผมจะคุยกับเค้าเอง" แสนบอก
แสนเข้าชนกับพิลาสินีเพื่อปกป้องลูกน้อง ในขณะที่พิลาสินียืดหยัดเพื่อปกป้องความมั่นคงของบริษัท ส่วนอันยาเครียด
อันยานั่งรออยู่ในห้องด้วยความกระวนกระวาย เธอพยายามพิมพ์ข้อความในมือถือแต่แสนเดินเข้ามาเสียก่อน อันยาผงะโดยที่ข้อความยังไม่ได้ส่ง อันยารีบเอาเสื้อคลุมมาคลุมทับมือมือถือที่กำลังพิมพ์ข้อความอยู่
"ทีนี้คุณบอกผมได้แล้ว ทำไมถึงมีภาพคุณกับคนพวกนี้...” แสนถาม
อันยาคิดหนักว่าจะพูดยังไงให้แสนเชื่อ
แสนเห็นอันยาเครียดก็เห็นใจ เขาบีบไหล่อันยาให้กำลังใจ "ไม่ต้องกลัวนะ ขอแค่ คุณพูดความจริงผมรับรองว่าจะปกป้องคุณเอง"
อันยาประหลาดใจ "คุณแสน..นี่ คุณไม่สงสัยฉันเหมือนคนอื่นๆ?”
แสนนิ่งไปอึดใจก่อนถอนใจออกมา
"ใครที่เค้าใส่ร้ายคุณแบบนี้ แย่มาก! ผมรู้นะอันยา ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่ใช่อย่างที่อีเมลล์สกปรกนั่นใส่ความแน่"
อันยาฟังแสนแล้วก็รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบแน่นที่แสนยังคงเชื่อใจคนโกหกอย่างเธอ
"แต่คุณบอกผมได้มั้ย ว่าเพราะอะไรคุณถึงเจอกับคนอย่างนายเหนือเทพ" แสนถาม
อันยาอึดอัดใจเหลือเกิน "คุณแสน...ฉันมีเรื่อง..ที่ยังไม่ได้บอกคุณ ความจริง..ที่คุณยังไม่รู้"
อันยาข่มใจพูดออกไป
เมขลานั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเอกชัยโดยเซิร์ทเบอร์โทรของไรท์เพอร์เซิ่ลมาได้
เมขลาพูดเสียงอ่อยเพราะไม่สบายใจ "ได้เบอร์มาแล้วค่ะ"
เพียงดาวเตรียมจะกดเบอร์โทรออก
"แต่ครั้งที่แล้ว เราถามพนักงาน แล้วเค้าไม่ยอมบอกนะเจ๊"
พิลาสินีพูดสวนทันที "บอกว่าต้องการให้คุณอันยา หาตำแหน่งงานให้ ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจ บริษัทไม่ยอมเสียโอกาสหรอก"
"ค่ะ คุณแพมฉลาดจริงๆ"
เพียงดาวเตรียมจะกดเบอร์ ทุกคนลุ้น เมขลากับเอกชัยใจไม่ดีเพราะไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย
แสนประหลาดใจ
"เรื่องที่ผมยังไม่รู้ ?”
"ฉันเป็นพนักงานของที่นั่นจริง" อันยาบอก แสนอึ้ง "เมื่อก่อน..นี้น่ะค่ะ" แสนโล่งใจ "ฉันไม่กล้า
ใส่เรื่องนี้ในประวัติสมัครงาน กลัวว่า.. จะโดนตั้งแง่ แล้วจะไม่ได้งานที่นี่"
แสนนิ่งเมื่อได้ฟังคำตอบของอันยา ความเสียใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา
"ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้มาก่อน ส่วนเรื่องคุณเหนือเทพ เจ้านายเก่าของฉัน พอเค้ารู้ว่าฉันทำงานกับคุณ ก็นัดคุณเหนือเทพให้มาเจอฉัน เพื่อให้ฉันยื่นข้อเสนอให้คุณ คือวันที่โดนถ่ายคลิปนั่นแหละ ฉันไปเพราะเกรงใจนายเก่า แต่ฉันก็ปฏิเสธข้อเสนอของพวกเค้าไปแล้วนะคะ"
อันยาอธิบายและมองหยั่งท่าทีของแสน แสนหนักใจมากจนไม่สบตาอันยา เขาเดินออกไปทันที อันยาอึ้ง
แสนยืนอยู่ที่ระเบียงโดยมีท่าทางไม่สบายใจ อันยาเดินตามออกมามองแสนแล้วก็กลุ้มยิ่งกว่า
อันยาคิดในใจ "ไม่รอดแล้วแน่ๆ เค้าไม่เชื่อเธอแล้ว"
แสนหันมาเห็นอันยาแล้วก็เดินเข้ามาหา อันยาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตาแสน
แสนเอ่ย "ผมขอโทษนะ"
อันยาชะงักเพราะนึกว่าหูฝาดไป
“...ที่ผมเคยพูดไม่ดี ดูถูกอาชีพเฮดฮันเตอร์"
ภาพตอนที่แสนพูดในอดีตย้อนกลับมา "และถึงพูดแบบนี้ออกไป พวกเฮดฮันเตอร์ก็ไม่เข้าใจ ประชดว่าผมกินอุดมการณ์บ้าง มองอะไรคับแคบ อยู่แต่ในโลกของความฝันบ้าง พวกนั้นก็คิดแต่เรื่องของผลประโยชน์"
"คำพูดผมคงทำให้คุณรู้สึกแย่..มาตลอดเลยใช่มั้ย" แสนถามอันยา
อันยาอึ้งที่แสนกลับเป็นฝ่ายรู้สึกผิดต่อเธอแบบนี้
"ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแล้ว ตกลงว่าคุณ" อันยาไม่อยากเชื่อ "เชื่อฉัน?”
"ทำไมผมถึงจะไม่เชื่อคุณ คนเรามีอดีตกันทุกคน แต่นั่นไม่ได้ลบล้างความจริงในตอนนี้ ว่าคุณเป็นเลขาที่ดีที่สุดของผม ช่วยผม ช่วยชาวบ้าน ช่วยบริษัทเราทำเรื่องดีๆตั้งมากมาย ผมมากกว่าที่ต้องขอโทษคุณ ที่เคยพูดไม่ดีเรื่องอาชีพเก่าของคุณ ผมขอโทษนะครับ"
อันยาจุกที่เป็นฝ่ายได้รับคำขอโทษ ความรู้สึกของเธอยิ่งสับสนไปหมด
"คุณยังไม่ได้ตอบเลย ว่าหายโกรธผมรึยัง" แสนง้อแบบน่ารักๆ "เอางี้ เพื่อไถ่โทษ ผมจะขอให้คุณย่าทำแต่ของโปรดคุณเลยดีมั้ย?" อันยายิ่งพูดไม่ออก "ไฟเขียวให้อาทิตย์นึงเลยเอ้า"
แสนไม่ทันพูดจบ อันยาก็เอื้อมมาจับและกุมมือทั้งสองของแสนไว้แน่น ความรู้สึกที่ต้องหลอกคนที่ดีกับตัวเองขนาดนี้อึดอัดเหมือนใจเธอจะขาด
"อันยา...เป็นอะไร ทุกทีก็เห็นสู้คนนี่คุณ" แสนบีบมืออันยาตอบ "ไม่ต้องกลัวนะ ว่าใครจะไม่เข้าใจ" แสนปลอบ "ใครจะว่ายังไง ผมเชื่อคุณ ผมเชื่อในตัวคุณนะอันยา"
แสนเชื่อในความบริสุทธิ์ของอันยาจนหมดหัวใจ
ณ บริษัทไรท์เพอร์เซิ่ล พีอาร์ของบริษัทที่คุยสายอยู่ถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ
"ไม่ต้องการเจ้าหน้าที่คนอื่น นอกจากคุณอันยา รักษ์เรืองรอง เลยเหรอคะ"
เพียงดาวคุยสายโดยเปิดเป็นสปีคเกอร์โฟนให้ทุกคนได้ยินถ้วนหน้า พิลาสินีพยักหน้าแล้วย้ำกับเพียงดาว
"ค่ะ พอดีมีคนแนะนำมา ตกลงว่าคุณอันยายังทำงานอยู่ที่นั่น จริงใช่มั้ยคะ?”
เพียงดาวพูดออกไป ทุกคนลุ้นคำตอบด้วยใจระทึก
แสนบอกทุกๆคน
"ถึงยังไงอันยาเค้า ก็ไม่ได้ทำงานที่นั่นอีกแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเค้าโดนเพื่อนร่วมงานเก่าที่เคยมีเรื่องกันกลั่นแกล้ง"
พิลาสินีกับเพียงดาวเถียงไม่ออก เพียงดาวกระซิบบอกพิลาสินี
"ตรงกับที่แม่พีอาร์ ไรท์เพอเซิ่ลนั่นบอกนะคะ...ว่ายัยอันยาลาออกไปแล้ว"
"สิ่งที่อันยาบอกคุณ ตรงกับที่บริษัทนั้นบอกก็จริง แต่ฉันก็ว่ามันแปลกอยู่ดี ที่อันยาย้ายจากตำแหน่งระดับซุปเปอร์ไวเซอร์มาเป็นแค่เลขาของคุณ" พิลาสินีบอก
ทุกคนฟังพิลาสินีอย่างคิดตาม แม้แต่แสนก็ชะงักไปก่อนจะตอบคำถามของพิลาสินี
"ผมว่า.. คนที่หันหลังให้กับทุนนิยมเพราะเบื่อพิษสงของมัน กำลังเพิ่มขึ้นนะ ถ้าพวกเราทุกคนภูมิใจในการทำงานที่นี่ ก็น่าจะเชื่อได้ ว่าต้องมีคนที่ตัดสินใจแบบเดียวกับอันยา"
พิลาสินีและเพียงดาวอึ้งที่แสนย้อนมาแบบนี้ ในขณะที่เอกชัยและเมขลาโล่งอก
เมขลากับเอกชัยเบรกดื่มกาแฟกับอันยา ต่างช่วยกันปลอบใจ
"พวกเราเข้าใจแล้วนะ ที่อันโกะจำเป็นต้องไปเจอคนพวกนั้น เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะนะอันโกะ"
อันยาพยักหน้าแต่ยังรู้สึกตัวชาๆ เพราะเพิ่งรอดจากวิกฤตมาได้หวุดหวิด
"แล้วไม่ต้องห่วงว่าใครจะเม้าท์ เดี๋ยวผมจะเม้าท์ให้ดังกว่า ว่าคุณอันยาคือฮีโร่" เอกชัยว่า อันยาชะงัก "เปลี่ยนจากโลกทุนนิยมมาสู่ความพอเพียง"
"ไม่ถึง..ขนาดนั้นหรอกค่ะ" อันยาบอก
"แล้วถ้าใครกล้าว่าคุณ ผมจะจัดกองกำลัง" เอกชัยบอก เมขลากับอันยางง "สุนัขในปากผมเนี่ย กัดไม่เลี้ยง" เมขลาขำ อันยาพูดไม่ออก "ใครจะมาว่าคุณไม่ได้ครับ ในเมื่อคุณไม่ผิด"
อันยายิ้มเจื่อนด้วยความรู้สึกแสลงใจเหลือเกิน
พีอาร์บอกคิมหันต์ด้วยท่าทางที่ยังตกใจไม่หาย
"ดีนะ ถ้าพี่คิมมาถึงฟรอนท์ช้าอีกนิดเดียว! หนูจะพูดไปแล้ว ว่าพี่อันยาไม่รับทำเคสใหม่ช่วงนี้"
"ถ้าพูด มีหวังเดือดร้อนกันถ้วนหน้า! นี่คำสั่งคุณบุรินทร์นะ ถ้าลูกค้าใหม่ๆโทรมาถาม ต้องเก็บเรื่องเจ๊ทำงานที่นี่ไว้เป็นความลับก่อน" คิมหันต์บอก
"ค่ะ" พีอาร์รับคำก่อนจะเดินไป
คิมหันต์ถอนใจเมื่อรอดจากการชะตาขาดอย่างหวุดหวิด เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู
หน้าจอมือถือเห็นข้อความจากอันยาที่ส่งมาว่า “ SOS มีสายเข้า ให้พีอาร์บอกว่าฉันออกแล้ว”
"มีสายเข้า ให้พีอาร์ บอกว่าฉันออกไปแล้ว เฮ้อ ถ้าหัวไม่ไว มีไม่เก็ทได้นะเนี่ย"
คิมหันต์ส่ายหน้าเพราะช่างหวุดหวิดซะจริงๆ
ที่ร้านค้าสินค้าเกษตรของโกมล ลูกน้องโกมลและเด็กในร้านทยอยกันเก็บร้าน ประตูด้านหน้าปิดไปแล้ว เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ลูกน้องตะโกนบอก "ไม่ขายแล้วไว้มาใหม่พรุ่งนี้"
อันยาตะโกนเข้าไป "นี่ฉันเอง !! คนของคุณเหนือเทพ"
ลูกน้องโกมลชะงักแล้วเดินไปเปิดประตู อันยาที่สวมแว่นกันแดด ใส่หมวกที่ดึงลงมาพรางหน้าตา มีท่าทางร้อนรน
"มีเรื่องอะไร"
อันยารีบเข้ามาในร้านเพราะกลัวคนเห็น "ฉันมีเรื่องด่วน ต้องคุยกับกำนันโกมลเดี๋ยวนี้"
โกมลไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
"คุณเหนือเทพอยากยกเลิกแผน?”
"ใช่ ท่านบอกว่า..." อันยาอึกอัก "วิธีนี้เสี่ยงเกินไป"
โกมลนิ่งไป อันยาเหลือบมองอย่างลุ้นๆ โกมลลุกขึ้นผลักเก้าอี้ไปกระแทกเสียงดัง
โกมลกราดเกรี้ยวอันยา "เธอเห็นฉันเป็นอะไร !!! นึกว่าแค่เอาคุณเหนือเทพมาอ้าง แล้วจะกลับไปกลับมายังไงก็ได้งั้นเหรอ"
อันยาช็อค เมื่อเห็นโกมลโกรธมาก
โกมลจ้องเข้าไปในดวงตาของอันยา "เกิดปอดขึ้นมารึไง ห๊ะ!" อันยาผวา "จะบอกให้ ที่ฉันร่วมมือ
ไม่ใช่เพราะหงอ กลัวอิทธิพลของใคร! แต่อยากเห็นวันที่ไอ้ด็อกเตอร์มันหมดท่า เสื่อมเสียชื่อเสียง โดนคนเค้าเกลียดขี้หน้า มันสะใจซะกว่าแค่ให้มันเลือดตกยางออก เพราะงั้น ใครก็มาหยุดเรื่องนี้ไม่ได้ !”
โกมลประกาศลั่น อันยารู้สึกถึงความอันตรายของโกมลจึงรีบคว้ากระเป๋าออกไป
อันยาผละออกมาโดยยังเหนื่อยหอบและตกใจอยู่ พอเห็นว่าออกมาไกลแล้วเธอก็หาที่พิงอย่างรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
คำพูดของแสนย้อนกลับมาในหัว "ใครจะว่ายังไง ผมเชื่อคุณ ผมเชื่อในตัวคุณนะอันยา"
อันยาน้ำตาซึม
"ฉันขอโทษ คุณแสน ขอโทษ....”
อันยาปาดน้ำตา แต่น้ำตาก็ยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเสียใจมากแค่ไหนเธอก็หมุนวันเวลาคืนมาไม่ได้อีกแล้ว
อาโปตื่นเต้น
"คนจากบริษัทเพียงพอดี โทรมาเช็คยัยอันยา"
พีอาร์ตอบรับ "ค่ะ"
อาโประริกระรี้กับเมรี "เริ่ดไปเลยค่ะ คุณแมรี แผนเราสำเร็จ"
"คุณเมรีคะ แต่บอสไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้นี่คะ เห็นพี่คิมบอกให้เก็บเป็นความลับ" พีอาร์ว่า
เมรีพยักหน้าให้อาโปหยิบของกำนัลออกมา
"พอดีคุณแมรี มีบัตรสปาระดับเอ็กคลูซีฟ ไปใช้บริการฟรีได้ทั้งปี"
พีอาร์อึ้งไป
เมรีพูดต่อ "ถ้าน้องมีน้ำใจกับพี่ นอกจากบัตรนี้แล้ว มีอะไรดีๆพี่ก็จะนึกถึงแค่น้องโทรกลับไปที่บริษัทนั้น แล้วบอกเค้าว่า...”
เสียงคิมหันต์ดังขึ้น "คุณอันยา โดนแทงข้างหลังจากเพื่อนร่วมงานเก่า ควรระวังคนๆนี้ไว้ให้ดีๆ"
เมรีกับอาโปแทบช็อค เมื่อคิมหันต์โผล่มา
"หนู ยัง.. ยังไม่ได้รับปากว่าจะช่วยพี่เมรีนะคะ" พีอาร์แก้ตัว
เมรีมองคิมหันต์ด้วยสายตาเดือดดาลแต่ยังวางท่าเป็นนางพญาเหมือนไม่กลัว
ภาพจากคอมพิวเตอร์ของธกฤตลิงค์มาจากกล้องวงจรปิดของบริษัท เป็นภาพเมรีกับอาโปกำลังถ่ายคลิปการพบปะกันของธกฤต อันยา และเหนือเทพ แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะต่อกระซิกกัน เมรีหน้าซีด อาโปตัวสั่นเพราะมองไม่เห็นทางรอด คิมหันต์มองทั้งสองคนอย่างสะใจ
"คุณหลอกผม !! ไหนคุณบอกว่าจะช่วยอันยา เนี่ยน่ะเหรอช่วย" ธกฤตว่า
"บอส ฟัง..ฟังคุณแมรีหน่อยนะคะ พูด..พูดกับบอสสิเจ๊ ว่าเราถ่ายคลิปอย่างอื่น ไม่ใช่คลิปเนี๊ยะ" อาโปแก้ตัว
เมรีที่ยิ่งเครียดๆอยู่เจออาโปหาทางรอดอย่างสติแตกก็ยิ่งพูดไม่ออก
"ยังกล้าพูดอีกนะ เห็นชัดขนาดเนี๊ยะ ดูจากที่คลิปถูกถ่ายมา ผมเลยไปขอเช็คกล้องวงจรปิด แค่นี้ก็รู้แล้วว่าฝีมือใคร"
เมรีกับอาโปเจ็บใจมากที่มาพลาดแบบนี้
"คงคิดล่ะสิ ว่าลบข้อมูลในมือถือ ในคอมพ์ตัวเองแล้ว แค่นั้นมันก็จบ" คิมหันต์ส่ายหน้า
"คุณก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเคสด็อกเตอร์แสนจำเป็นต่อความอยู่รอดของบริษัทเรา เพราะไอ้ความแค้นส่วนตัวบ้าๆของคุณ เกือบจะทำพวกเราพังทั้งหมดแล้วรู้มั้ย" ธกฤตว่า
"ดีนะที่เจ๊ผม ฉลาด เอาตัวรอดได้ บริษัทเราเลยไม่เดือดร้อน เพราะฝีมือพวกคุณ"
เมรียิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ
"เสียเวลาที่จะคุยกับพวกคุณ ! หาความจริงใจไม่ได้ ผมไล่พวกคุณออก"
อาโปตาเหลือก "บอส !!! อย่า อย่าไล่พวกเราเลยนะคะ ให้อาโปทำงานชดใช้ความผิดแทนเถอะค่ะ จะให้หาเคส 10 20 100เคสเลยก็ได้ แต่อย่าไล่หนูเลยนะฮะ"
ธกฤตไล่ "ออกไปได้แล้ว"
ธกฤตจ้องอาโปด้วยสายตาดุมาก อาโปเลยไม่กล้าได้แต่ร้องไห้กระซิกๆ เมรีหยัดกายขึ้นมองธกฤตด้วยสายตาตัดพ้อแล้วก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดสักคำ ผิดกับอาโปที่แตกตื่นร้องไห้ที่ตกงานจนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเดินตามเมรีออกไป
ธกฤตถอนใจเพราะรู้สึกเจ็บจริงๆ คิมหันต์มองตามทั้งสองไปแบบสงสารนิดๆ ที่ถึงกับโดนไล่ออกแต่เขาก็โล่งใจมากกว่า
ลดาทำโจ๊กเป็นมื้อเช้าให้อันยา ชามโจ๊กจัดหน้าสวยงามมีเครื่องเป็นรูปหน้ามีรอยยิ้มน่ารักๆ วางอยู่ ลดาเอาโบว์มาผูกรอบชามแถมท้ายก่อนจะเตรียมยกไปให้หลานสาว
ลดาเคาะประตูห้องอันยา
"หนูอัน ออกมากินมื้อเช้าเร๊ว ย่าเตรียมของโปรดเราไว้ให้แล้วนะ"
ลดารออยู่อึดใจแต่ก็ไม่มีเสียงตอบของอันยา
"หนูอัน.. ไม่รีบมากินมื้อเช้า เดี๋ยวไปทำงานสายนะ"
เสียงอันยาดังออกมาจากในห้อง "คุณย่า..วันนี้อันลางาน ไว้สายๆอันค่อยไปกินนะคะ"
ลดาแปลกใจ "ลางาน ลาอะไรกันบ่อยๆ หนูอัน"
ลดาบ่นอย่างไม่เข้าใจว่าอันยาเป็นอะไร
ณ อาคารเล็กๆบริเวณสวนอินทรีย์ที่ทำเป็นศูนย์วิจัยของแสนและเมขลา เมขลาคุยมือถือกับอันยา
"ด็อกเตอร์แสนไม่โกรธที่อันโกะลา แต่ดูเค้าเป็นห่วงมากกว่า เพราะช่วงนี้เธอลาบ่อยเลยนี่ยังไงก็พักผ่อนให้มากๆ จะได้หายปวดหัว ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้นะ"
อันยาวางสายจากเมขลาในขณะที่เธอยังอยู่ในชุดนอน อันยามีสีหน้าป่วยทางใจมากกว่าอย่างอื่น
"ขอโทษนะคุณแสน..วันนี้..ฉันคงไม่มีหน้าไปเจอคุณ"
อันยาบีบมือแน่นเมื่อรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับแสน
เมขลาวางสายจากอันยาแล้วเดินกลับไปหาพิลาสินี
"ตกลงหาเจอมั้ย?”
"หาทั่วแล้วค่ะ ไม่เจอเลย" เมขลาบอก
พิลาสินีหยิบบัญชีรายชื่อเมล็ดพันธ์มาดู "ผัก และสมุนไพรตัวอื่นๆ ก็ครบตามรายการแต่ทำไมลำดับที่2-6 ถึงหายไป"
"ด็อกเตอร์แสนก็ยืนยันว่าทางเค้าส่งเมล็ดพันธุ์มาให้คุณแพมครบทุกชนิดแล้ว"
"แล้วมันจะหายไปได้ยังไงล่ะ ต้องเป็นชนิดที่ฉันตั้งใจจะทำวิจัยเพิ่มด้วย!" พิลาสินีหัวเสีย
มีชาวบ้าน 2-3 คนเดินเข้ามาที่ศูนย์ พุฒที่ช่วยดูแลต้นไม้อยู่เดินมาบอก
"ด็อกเตอร์ครับ พวกนี้เค้ามาถาม ว่าเอ่อ..." พุฒทำสีหน้าไม่ถูก
"เรามาขอซื้อเมล็ดพันธุ์เพิ่มครับ พอดี" ชาวบ้านชี้ไปที่อีกคน "เพื่อนผมบอกว่าเค้าซื้อเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านหายากได้จากที่นี่"
พิลาสินี พุฒ และเมขลาต่างก็งง
"ซื้อที่นี่เหรอ ?” เมขลาถาม
"ครับ นี่ไงครับ" ชาวบ้านหยิบถุงใส่เมล็ดพันธุ์ที่แปะรายละเอียดต่างๆไว้ขึ้นมาให้ดู
"ตราของบริษัทเราจริงๆ แต่..โครงการเราไม่ขายเมล็ดพันธุ์นี่คะ จะแจกจ่ายให้กับชุมชมที่มาร่วมโครงการเท่านั้น" เมขลาบอก
พิลาสินีเสียงเข้มขึ้น "คุณซื้อมาจากใครเหรอคะ"
ชาวบ้านทั้งสองมองหน้ากัน แล้วชาวบ้านคนหนึ่งก็ยื่นใบส่งของให้กับพิลาสินี
"มันมีใบรับรองมาด้วยครับ ว่าเป็นของแท้"
เมขลารีบรับมาให้พิลาสินีดู พิลาสินีอ่านชื่อและลายเซ็นท้ายกระดาษแล้วก็ต้องอึ้งไป เมขลาก็ชะโงกหน้ามาดูด้วย
"นี่มัน ลายเซ็นของด็อกเตอร์แสนนี่คะ" เมขลาว่า
พิลาสินี เมขลา และพุฒต่างตกตะลึง โดยเฉพาะพิลาสินีที่งุนงงและไม่อยากจะเชื่อ ลูกน้องโกมลที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่มีสีหน้าพอใจก่อนจะรีบผลุบหายไป
ลูกน้องมารายงานโกมล โกมลพอใจมาก
"นังด็อกเตอร์สวยๆนั่น โวยวายใหญ่เลยใช่มั้ย ดี ดีมาก" โกมลพอใจ
"ไม่ออกไปซ้ำมันเหรอครับ"
"ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนี่ คนที่ทำเลวคือไอ้แสน ส่วนกำนันดีเด่นอย่างฉัน ไม่รู้ ไม่เห็นอะไร"
โกมลกับลูกน้องยิ้มอย่างสะใจ ปรานีเดินออกมาหาแล้วพูดอย่างร้อนใจ
"พี่ ลูกเราไม่สบายนะ กินข้าวกินปลาไม่ลง คอยแต่จะอาเจียน" ปราณีกังวลว่าลูกจะท้อง แต่ยังไม่กล้าพูด "ไม่รู้ว่าลูกจะเป็นอะไรรึเปล่า อาการมันเหมือนคนทะ"
โกมลตัดบททันี "มันจะเป็นอะไรก็เรื่องของมัน!! ฉันเอือมระอากับมันเต็มทีแล้ว วันๆไม่ทำอะไรคอยแต่เพ้อถึงผู้ชาย ฉันทำงานเหนื่อย ไม่อยากฟังเรื่องหยุมหยิมพวกนี้"
โกมลเดินออกไปทันที ลูกน้องรีบเดินตามไป ปรานีเครียดเพราะไม่รู้จะปรึกษาใคร โกมลเดินพ้นหน้าเมียออกมาแล้วก็บ่นกับลูกน้อง
"กำลังอารมณ์ดีเรื่องไอ้แสนอยู่แท้ๆ"
ป้าคนนึงเข้ามาเม้าท์ที่แผงขายล็อตเตอรี
"ได้ยินเรื่องนั้นรึยัง เรื่องด็อกเตอร์แสนน่ะ"
"ที่ว่าโกง ขายเมล็ดพันธุ์เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองน่ะเหรอ" คนขายล็อตเตอร์รี่ว่า
ในมุมอื่นๆของหมู่บ้าน ที่วัด คนมาทำบุญก็ยังเม้าท์
"ไหนว่าจะแจกคน ไม่ขายยังไงล่ะ"
"หน้าตาก็ออกซื่อ ใจบาปกว่าที่คิด"
ที่ร้านกาแฟในตลาด พุฒออกตัวแทนแสน
"เฮ่ย ใช่ฝีมือด็อกเตอร์จริงๆรึเปล่า เรื่องมันยังพิสูจน์อยู่นะ"
ชาวบ้านในร้านกาแฟครุ่นคิด แล้วลูกน้องของกำนันก็มาพร้อมชาวบ้านอีกกลุ่ม
"มันมีหลักฐาน ทั้งซองเมล็ดพันธุ์ ทั้งลายเซ็น ด็อกเตอร์แสนคงดิ้นหลุดร๊อก"
ชาวบ้านฟังแล้วก็ชักจะเข้าข้างลูกน้องกำนัน
"เดี๋ยวเนี๊ยะ คนดีหายาก จริงๆถ้าบอกจะขายซะแต่แรก แบ่งเปอร์เซนต์ให้พวกชาวบ้านนิดหน่อย ก็ไม่มีใครว่าอะไรหร๊อก จริงมั้ย"
ชาวบ้านพากันพยักหน้า
"แต่ดันชอบสร้างภาพ ทำเป็นคนดีแจกของ พอดีแตก มันเลยเสียความรู้สึก"
พวกชาวบ้านที่ฟังพุฒอยู่ในตอนแรกพยักหน้ารับตามลูกน้องโกมลกันเป็นส่วนมาก พุฒกลุ้มใจ
บุรินทร์สอบเรื่องแสนอยู่
"ตกลงความจริงมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมเมล็ดพันธุ์ในความดูแลของคุณถูกขายไปให้ที่อื่น"
"ผม..ไม่ทราบจริงๆครับ ผมให้อันยาคัดเมล็ดพันธุ์ทุกอย่างส่งให้แพมเค้าแล้ว" แสนบอก
อันยาอึดอัดมากแต่ต้องโกหก "ก่อนส่งให้ด็อกเตอร์พิลาสินี ฉัน..ก็เช็คจำนวนแล้ว ว่าครบนะคะ"
"สงสัย จะมีคนแอบอ้างชื่อผม ขโมยเอาเมล็ดพันธุ์ไปขาย พวกที่ไม่ประสงค์ดีน่ะครับ"
อันยาสะเทือนแต่ก็ต้องนิ่งไว้
"แต่ลายเซ็นในใบส่งของของคุณเนี่ยสิ ! จะแก้ตัวยังไง" บุรินทร์ถาม
อันยาเหลือบมองแสน
เหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาอีก เวลานั้นอันยาเอาเอกสารมาให้แสนเซ็น
"เซ็นใบรับของให้หน่อยนะคะ อุปกรณ์ที่คุณสั่งมาใช้ในโครงการน่ะค่ะ ฉันเช็คแล้วของมาครบค่ะ"
แสนรับมาตรวจดูแล้วเซ็น อันยาเลื่อนหน้ากระดาษแผ่นแรกออกทำให้เห็นว่ามีกระดาษอีกแผ่นซ้อนอยู่ด้านหลัง แต่อันยาจงใจเปิดเฉพาะช่องเซ็นเอกสารโดยเอากระดาษแผ่นแรกบังข้อความส่วนบนไว้
"เอ่อ ทางนั้นเค้าขอสองใบค่ะ"
แสนพยักหน้าแล้วจรดปากกาเซ็นเอกสารอีกใบ
อันยามองแสนเซ็นเอกสารอย่างลุ้นๆ เมื่อเห็นแสนเซ็นเสร็จเรียบร้อย อันยาแอบโล่งใจ
อ่านต่อหน้า 3
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 8 (ต่อ)
พวกพนักงานจับกลุ่มสังเกตการณ์หน้าห้องบุรินทร์โดยไม่มีแก่ใจทำงาน ทุกคนซุบซิบกันด้วยความสงสัยว่าสถานการณ์ในห้องจะเป็นอย่างไร
"คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับบริษัทเรา โดยเฉพาะกับคนอย่างด็อกเตอร์แสน"
"ต้องเข้าใจผิดกันแน่ๆ.. ด็อกเตอร์ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ" เมขลาว่า
พิลาสินีก้าวฉับๆ เข้ามา พนักงานที่ออกันอยู่แตกฮือ พิลาสินีไม่สนใจใคร เธอเคาะประตูห้องบุรินทร์แล้วกระชากออกทันที
แสน อันยา และบุรินทร์ที่ยังคุยกันค้างอยู่ประหลาดใจก่อนจะพากันลุกขึ้น
"ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายพิสูจน์ลายมือ" พิลาสินีชูกระดาษขึ้นแล้วบอกแสน "เค้ายืนยันมาว่ามันคือลายเซ็นของคุณจริงๆ”
เพียงดาว เมขลา เอกชัยและพนักงานทุกคนตะลึง แสนพูดไม่ออก อันยาเจ็บแทนแต่ก็ต้องทำเป็นไม่รู้อะไร
พิลาสินีผิดหวังมากจึงพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาย "แสน พูดตรงๆมาเลยดีกว่า คุณยังแค้นฉันที่ฉันเผลอเอาข้อมูลของคุณมาทำใช่มั้ย"
แสนตกใจ "อะไรนะ?”
"ปากคุณพูดว่า ให้เรามาทำงานนี้ด้วยกัน แต่จริงๆแล้ว คุณไม่อยากให้ฉันได้วิจัยเมล็ดพันธุ์พวกนั้น ก็เลยขายมันไปซะ"
"แพม ผมว่าใจเย็นๆก่อน ค่อยๆคุยกัน ดีกว่านะ" บุรินทร์ว่า
"ไม่มีทางหรอกค่ะ แสนน่ะเค้าเปลี่ยนไปแล้ว!! มิน่าพักหลังคุณถึงแปลกๆไป หลบหน้าฉันหายเข้ากรุงเทพตลอด" พิลาสินีตัดพ้อ
อันยาสะดุ้งเพราะรู้ว่าจริงๆแล้วแสนไปหาคุณย่าของเธอต่างหาก
"ขนาดเลิกงานที่ศูนย์แล้วก็ยังไม่ยอมกลับออฟฟิศ เพราะว่าแอบ..ทำเรื่องลับหลังอยู่นี่เอง"
"ผมเปล่า นั่นผมไปหาเมล็ดพันธุ์กับชาวบ้านต่างหาก" แสนบอก
"ไปหาเมล็ดพันธุ์ กับยักยอก มันไม่เหมือนกันนะคะ"
พนักงานที่แอบฟังอยู่สะดุ้งโหยง
แสนเจ็บปวด "แพม ไม่มีครั้งไหนที่คุณไม่เชื่อความคิดตัวเองเลยใช่มั้ย"
"ก็มันถูกมาตลอด! ถ้าคุณยังโกรธฉัน พูดมาตรงๆเลยดีกว่า ไม่ต้องมาทำดีต่อหน้า แล้วตลบหลังกันแบบนี้" พิลาสินีหันไปทางอันยา "ตอนนี้ ฉันรู้แล้ว ทำไมคุณถึงเชื่อใจแม่เลขานี่นักก็เพราะว่าแม่นี่ช่วยคุณทำงานนี้ ช่วยคุณหักหลังฉัน"
"อันยาไม่เกี่ยว !” แสนว่า
"ใช่ เพราะเค้าฟังคำสั่งของคุณยังไงล่ะ"
แสนเห็นท่าทางพิลาสินีก็รู้ว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีผลแล้ว
"พูดอะไรกันไป..ตอนนี้ ก็คงไม่มีประโยชน์"
"ใช่ คำพูด มันไม่ช่วยอะไรอีกแล้ว" พิลาสินีพูดกับบุรินทร์ "แพมทำงานกับคนที่หักหลังเพื่อนไม่ได้ค่ะบอส" พิลาสินีประกาศเพื่อกดดันแสน "แพมขอลาออก"
พนักงานทุกคนตกตะลึงกันไปหมด
แสนอึ้งเพราะรู้ว่าพิลาสินีต้องการอะไร "อย่าพูดอย่างนั้นเลย ที่ปัญหามันเกิดขึ้น มันอยู่ในความรับผิดชอบของผม คุณไม่ต้องลำบากหรอกแพม" แสนพูดกับบุรินทร์ "บอส ผมรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับ ผมขอลาออก"
พนักงานทุกคนช็อคกันไปหมด แสนเดินพรวดผ่านหน้าพิลาสินีไปแล้วหันไปมองพิลาิสนีอย่างน้อยใจและเจ็บปวดที่ต้องมาแตกกันแบบนี้ พิลาสินีเองก็ใจจะขาดแต่ก็ฝืนเชิดคอไว้ด้วยความโกรธจนหน้ามืด
บุรินทร์ทรุดลงกับเก้าอี้เพราะไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ ในที่สุดวินาทีนี้ก็มาถึง อันยาได้ฟังคำว่าลาออกของแสนแต่กลับเจ็บปวดมากกว่าจะสมใจ
คิมหันต์รอโทรศัพท์ด้วยความกระวนกระวาย สักพักก็มีสายเข้ามา คิมหันต์มองหน้าจอแล้วรับโดยไม่ลังเล
"ตกลง..สำเร็จแล้วใช่มั้ยเจ๊ ?”
คิมหันต์ได้ฟังคำตอบแล้วก็วางสายด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง
แสนยืนนิ่งอยู่ในห้อง เขามองตู้เอกสารที่มีแฟ้มงานเรียงกันซึ่งล้วนเป็นโครงการที่ตั้งใจจะสานต่อแบบไม่นึกจริงๆ ว่าจะกลายเป็นแบบนี้ อันยาเดินเข้ามามองแสนที่กำลังอาลัยอาวรณ์แล้วก็เจ็บแปลบแต่เธอต้องฝืนเข้มแข็งเอาไว้
"คุณแสน...มี มีอะไรจะให้ฉันช่วยมั้ยคะ"
แสนข่มความปวดร้าวเมื่อรู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
"ขอบคุณนะ แต่ผม..อยากอยู่คนเดียว"
แสนตอบแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก เขาเบือนหน้าไปทางอื่น อันยามองแสนแล้วก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด อับอาย และอะไรอีกหลายอย่าง แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้เลยเพราะตัวเองซะอีกที่เป็นสาเหตุ อันยาได้แต่ข่มใจแล้วพาตัวเองออกมาจากห้อง อันยาที่เดนิมาหน้าห้องเจ็บปวดที่ทำให้แสนเสียใจ
ธกฤตดีใจจนออกนอกหน้า
"ด็อกเตอร์แสนลาออกแล้ว !! นี่มันเป็นข่าวดีที่สุดของบริษัทเราเลยนะ หัวหน้าคุณเก่งมากคิมหันต์"
คิมหันต์ยิ้มเจื่อนๆ แบบไม่ยักกะดีใจมากอย่างที่คิด
ธกฤตพูดต่อ "ไม่ต้องห่วงนะ ทุกอย่างที่ผมเคยรับปาก พวกคุณจะได้ตามนั้น อันยาเค้าได้เลื่อนตำแหน่งคุณก็ต้องได้ด้วยเหมือนกัน"
“..ขอบคุณครับ"
"เดี๋ยวพออันยาเคลียร์เรื่องทางนั้นเสร็จ เราต้องไปฉลองกัน ผมเลี้ยงเองหรือคุณไปดริงค์กับผมก่อน วันนี้เลยมั้ย"
"ไม่..ไม่เป็นไรครับ" คิมหันต์ไม่มีอารมณ์ แต่กลัวนายโกรธเลยพูด "รอเจ๊ดีกว่าครับ"
"ฮะๆ นั่นสิ ฉลองพร้อมหน้ากันดีกว่านะ ฮ่ะๆ ข่าวดีจริงๆ"
"ผม..ขอตัวกลับไปทำงานนะครับ"
"วันนี้พักสักหน่อยก็ได้ พวกคุณเหนื่อยมาเยอะแล้ว"
คิมหันต์ไม่พูดอะไร เขายิ้มอย่างมีมารยาทให้ธกฤตแล้วเดินออกไป ธกฤตยังดีใจไม่เลิก แล้วเสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น
เลขาพูดมาจากโทรศัพท์ "บอสคะ คุณเมรีขอคุยสายด้วยน่ะค่ะ"
ธกฤตชะงักไปทันทีแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
"บอกไปว่าผมไม่คุย"
ธกฤตส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา เขาจะไปนั่งคำนวณผลประโยชน์ที่ได้จากเรื่องแสน เลขาพูดจากโทรศัพท์สายใน
"บอสคะ คุณเมรีฝากข้อความถึงบอสน่ะค่ะ จะฟังมั้ยคะ"
ธกฤตเซ็ง "ไม่ !" เลขาจะวาง แล้วธกฤตก็นึกได้ "เดี๋ยว โอนมาฟังหน่อยก็ได้"
เสียงโอนข้อความเข้ามาในห้องธกฤต
เสียงเมรีจากโทรศัพท์ "บอสคะ เมรีขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้น รู้ว่าทำให้บอสลำบาก แต่ขอโอกาสเมรีอธิบาย และแก้ไขสิ่งที่ทำลงไป ขอให้เมรีได้พบบอส..”
ธกฤตกดปุ่มตัดข้อความออกก่อนจะฟังจบ
"เรื่องเก่าๆ" ธกฤตกดโทรศัพท์บอกเลขา "ทีหลัง ไม่ต้องรับฝากข้อความแล้วนะ"
ธกฤตส่ายหน้าแบบไม่มีความปรานีให้เมรีแม้สักนิด
แสนถือกล่องใส่แฟ้มเดินมาเพราะต้องทยอยขนของออก เขาหอบกล่องที่ซ้อนกันอยู่ผ่านกลุ่มพนักงานที่ด้านหน้า พนักงานมองแสนอยู่ห่างๆ แต่ไม่ทักทายและไม่คุยด้วยเหมือนเคย พนักงานได้แต่มองเขาด้วยแววตาสมเพชและห่างเหิน อันยาเห็นสายตาที่พนักงานมองแสนแล้วก็ทนดูไม่ได้จึงเข้ามาหาแสน
"ฉันช่วยค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
อันยาไม่สนใจคำปฏิเสธ เธอเข้าไปช่วยถือกล่องและจงใจมายืนเคียงข้างแสน พนักงานซุบซิบกัน เมขลากับเอกชัยเดินออกมาเห็น เมขลาก็ทนไม่ได้เหมือนกัน
เมขลาเดินมาหา "ด็อกเตอร์คะ มีอะไรให้เมช่วยมั้ยคะ เมอยากช่วย.." เมขลาอยากจะร้องไห้เพราะศรัทธาแสนมาก "จริงๆนะคะ"
แสนไม่อยากให้ใครมาสงสาร "ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก" แสนมองไปทางพนักงานที่ซุบซิบกัน "เมอย่ามาคุยกับผมเลย เดี๋ยวจะมีปัญหากับคนอื่นนะ" แสนผละไป
เมขลาพูดกับเอกชัย "พี่เอก เมไม่อยากเชื่อเลย เมไม่เชื่อว่าด็อกเตอร์จะทำ"
เอกชัยพูดไม่ออก เขามองตามแสนและอันยาแต่ไม่สามารถพูดได้อย่างเมขลา เอกชัยใจหายเหลือเกิน แสนและอันยาเดินออกมาแล้วก็ต้องชะงักเมื่อพิลาสินีเดินผ่านมา พิลาสินีทำเหมือนไม่เห็นแสน เธอเดินคอเชิดผ่านไปเหมือนแสนเป็นเพียงอากาศ อันยาเห็นแสนข่มอารมณ์ไว้อย่างเจ็บปวด
พนักงานซุบซิบเรื่องที่พิลาสินีทำเป็นมองไม่เห็นแสน อันยามองแสนที่ทำเป็นก้าวเดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่รู้ว่าจริงๆแล้วแสนทรมานใจมาก
พนักงานเอาแชมเปญมาวาง
"ฉลองข่าวดีเหรอครับ" พนักงานถาม
"มาฉลองล่วงหน้าน่ะ" ธกฤตว่า พนักงานรินไวน์ให้ "ขอบใจนะ"
พนักงานจะเดินไป ทันใดนั้นเมรีในชุดเดรสแนวเซ็กซี่ก็ปรากฎตัวขึ้น
"เดี๋ยวก่อนค่ะ" เมรีพูดกับพนักงาน "ขอแก้วให้ฉันอีกที่นึง"
ธกฤตพูดกับพนักงาน "ไม่ต้อง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แขกของผม"
พนักงานงงแต่มองสายตาคมของธกฤตแล้วก็ไม่กล้าบริการเมรีก่อนจะเดินหลบออกไป
"บอสคะ ใจคอจะไม่คุยกับเมรีสักคำเลยเหรอคะ" เมรีว่า
"เพื่ออะไร" สายตาของธกฤตยังแค้น "ถ้าคุณยังอิจฉาอันยา ผมจะบอกอะไรให้ เค้าได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกแน่ๆ วันนี้ด็อกเตอร์แสน ลาออกแล้ว"
เมรีอึ้ง เธอกำมือจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
"ถือว่าผมบอกข่าวดีให้คุณฟังก็แล้วกันนะ ทีนี้คงรู้แล้วว่าระหว่างคุณกับอันยา ผมต้องเลือกอันยาอยู่แล้ว"
"ค่ะ ฉันเข้าใจ" เมรีนั่งลงตรงข้าม ธกฤตแปลกใจ "ฉันรู้ดี ว่าตัวเองผิด" เมรีตัดพ้อ "และไม่มีค่าเท่ากับอันยาที่เค้าทำเงินให้บอส ให้บริษัทได้มากกว่า แต่ถ้าบอสยอมให้เวลาฉันแค่เล็กน้อย...นอกจาก จะไม่เสียสิ่งที่ต้องการจากยัยอันยาแล้ว ยังจะได้เพิ่ม..”
เมรีเลื่อนเรียวขาของตัวเองที่อยู่ใต้โต๊ะไปไล้ที่หน้าแข้งของธกฤต
เมรีพูดต่อ "ขึ้นมาอีกด้วย"
ธกฤตชะงักแต่ยังนิ่งไว้โดยดูไม่ออกว่าเคลิ้มหรือไม่
"บอสจะลังเลอะไรคะ ในเมื่องานนี้ มันมีแต่ “ได้” กับ “ได้” เมรีบอก
เมรีเห็นว่าธกฤตไม่ผละออกจึงเอามือลูบไล้ไปบนมือของธกฤต แววตาของธกฤตที่มองเมรีอย่างเป็นปฏิปักษ์ในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนไป
ธกฤตหลับพักอยู่บนเตียง เมรีที่อยู่ข้างๆ กระดกเครื่องดื่มลงคอ
เมรีมีแววตาเจ็บแค้น "นังอันยา ฉันไม่มีทางยอมแพ้แก"
เมรีวางแก้วลง สายตาของเธอทั้งปวดร้าวและมีความหวังแรงกล้า
เอกชัยป้อพนักงานสาวๆ 2-3 คนที่มาแวะทักทายที่มุมประชาสัมพันธ์
"จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ แสดงความยินดีกับพี่เอกหน่อยสิ พี่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งใหม่น๊า"
สาวๆ ทำหน้าแปลกใจ เอกชัยทำมือเป็นรูปตัววีทาบกับคาง โชว์หล่อ
"ตำแหน่งคนที่หล่อสุดในออฟฟิศนี้ไงล่ะจ๊ะ" เอกชัยบอก สาวๆขำแล้วพากันส่ายหน้า "พอด็อกเตอร์แสนลาออกไป พี่ก็ครองตำแหน่งนี้แบบสายฟ้าแล่บเลย"
วารสารวิทยาสารโยนโครมมาบนโต๊ะประชาสัมพันธ์
"แล้วแบบเนี๊ยะ ยังหล่ออยู่รึเปล่ายะ" เพียงดาวว่า
เอกชัยงงๆ พวกพนักงานสาวก็งงที่อยู่ๆ เพียงดาวมาเหวี่ยง เมขลามากับเพียงดาวด้วยหน้าตาที่บอกว่ารู้เรื่องแล้ว
เอกชัยหยิบวารสารมาดู "วิชชั่นออฟฟิวเจอร์เตรียมต้อนรับว่าที่ซีอีโอใหม่ ด็อกเตอร์แสน เผื่อนนาดี นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นผันตัวมาจับมือกับยักษ์ใหญ่ เฮ้ย !! ไม่จริงอ่ะ"
"จะไม่จริงได้ยังไง เค้าจะเซ็นสัญญากันวันสองวันนี้อยู่แล้ว ฉันล่ะผิดหวังจริงๆ" เพียงดาวว่า
เมขลายังเข้าข้างแสน "ด็อกเตอร์อาจจะมีเหตุผลก็ได้ค่ะ ความเสียหายที่เกิดขึ้น ด็อกเตอร์ก็รับผิดชอบไปหมดแล้ว ทั้งลาออก ทั้งจ่ายค่าปรับสิบเท่า คุณบุรินทร์ไม่อยากรับค่าปรับด้วยซ้ำ"
"คุณบุรินทร์ใจดีเกินไป ไม่ฟ้อง ไม่แจ้งความ กลัวด็อกเตอร์แสนมีความผิดติดตัว แต่ดูสิออกไปไม่ทันไร ก็ตีปีกไปอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว อะไรนะทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้"
พิลาสินีเดินมาถึง ทุกคนที่เม้าท์มอยกันอยู่ก็พลอยชะงักกึกกันไปด้วยความเกรงใจ
"แค่ทักทาย คุยธรรมะยามเช้าครับ สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยงอะไรทำนองนี้ครับ แหะๆ" เอกชัยบอก
"ไม่เห็นจะยาก… ว่าคนเราเปลี่ยนได้ยังไง ก็เงินมันซื้อคนได้ยังไงล่ะ" พิลาสินีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งและเจ็บปวด รอยแผลเรื่องแสนยังคงไม่จางหายไปได้ง่ายๆ
ธกฤตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะเลื่อนซองๆนึงวางตรงหน้าอันยา
"ค่าตอบแทนของงานนี้ ตามที่เราคุยกันไว้ แถมด้วยส่วนต่างอีก 30% ตามที่คุณเหนือเทพบอกไว้"
อันยามองซองเช็คแต่ความรู้สึกที่น่าจะยินดีกลับกลายเป็นห่อเหี่ยวผิดกับธกฤตที่เริงร่ามากๆ
"เป็นเพราะไอเดียของคุณแท้ๆ นำผลประโยชน์มาให้บริษัทเรามหาศาล ขอบใจมากนะอันยา"
"เพราะคุณเหนือเทพยอมตามข้อเสนอด้วยล่ะค่ะ ไม่งั้นฉันคงเกลี้ยกล่อมด็อกเตอร์แสนให้ยอมไปทำงานกับวิชชั่นไม่สำเร็จ" อันยาบอก
อันยาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
เหตุการณ์ในอดีต อันยายืนยันกับเหนือเทพ
"ทางเดียวที่จะโน้มน้าวให้ด็อกเตอร์แสนทำงานกับวิชชั่นออฟฟิวเจอร์ได้ พวกคุณต้องยอมให้เค้าได้สานต่อโครงการเพื่อสังคมค่ะ"
ธกฤตฟังอันยาแล้วก็สะดุ้งเพราะกังวลว่าเหนือเทพจะไม่ชอบใจ
"คุณน่าจะมีวิธีอื่นพูดกับเค้านะ ตกงานแล้ว คงไม่ใจแข็งเท่าไหร่หรอก" เหนือเทพบอก
"เรื่องนี้ฉันยืนยันได้" อันยาพูดกับเหนือเทพ "ถ้าคุณไม่ลงทุนกับความต้องการของเขาก่อน ก็ไม่มีทางที่เขาจะเดินตามเกมความต้องการของคุณแน่ๆ"
เหนือเทพมีสีหน้าครุ่นคิด
แสนอึ้งเมื่อได้ฟังอันยา
"มันเป็นไปไม่ได้หรอกอันยา วิชชั่นออฟฟิวเจอร์มุ่งเน้นแต่ผลกำไร ร่ำรวยอยู่บนความทุกข์ยากของเกษตรกร ผมไม่เคยเห็นภาพตัวเองร่วมงานกับบริษัทแบบนั้น"
"ฉันเข้าใจค่ะ และต้องขอโทษด้วยเรื่องที่ต้องนำข้อเสนอของวิชชั่นมาบอกคุณ เพราะฉันคิดว่าบางที… ความเปลี่ยนแปลงอาจจะเกิดขึ้นได้"
"ความเปลี่ยนแปลงอะไร" แสนถาม
อันยาทำเป็นครุ่นคิดแล้วเก็บดอกไม้ที่ร่วงบนพื้นแต่ยังสวยอยู่ส่งให้แสน
"นี่อาฟเตอร์ค่ะ"
"อาฟเตอร์ ทีหลัง”
"แล้วบีฟอร์ของมัน คืออะไรคะ?” อันยาถาม
"ก่อนหน้าที่มันจะมาเป็นดอกไม้ งั้นเหรอ ? นี่คุณเล่นอะไรของคุณ"
"ก็เล่นกับฉันหน่อยสิคะ"
แสนมองอันยาที่พยายามชวนเล่น เขาจึงยอมชี้ไปที่ดิน อันยาชี้ไปที่น้ำ แสนชักสนุกจึงหยิบเศษใบไม้แห้งขึ้นมา อันยาบีบจมูกแล้วชี้ไปที่ห้องน้ำ แสนหัวเราะ แล้วอันยาก็ชี้ไปที่ถังขยะ แสนที่ขำๆอยู่ชะงักไป
"จากขยะ เปลี่ยนเป็นดอกไม้ คุณเองก็รักธรรมชาติ ไม่ลองใช้วิธีธรรมชาติเปลี่ยนแปลงโลกนี้หน่อยเหรอคะ" อันยาถาม
แสนอึ้งไป "คุณนี่ร้ายจริงๆ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกอันยา ผมคนเดียวจะเปลี่ยนแนวคิดขยะของวิชชั่นออฟฟิวเจอร์ให้กลายเป็นดอกไม้ประดับโลกเนี่ยนะ"
"ตำแหน่งซีอีโอ ต้องทำอะไรได้บ้างแน่ๆค่ะ อย่างน้อยก็ต้องดีกว่าซีอีโอที่คิดแบบเดียวกับพวกวิชชั่น ที่มีแต่จะโลภกันเข้าไปใหญ่"
แสนอึ้งแล้วชะงักไป อันยาเข้ามาบีบมือแสนเพื่อส่งพลังใจให้
"ถ้าเป็นคุณ ฉันเชื่อว่าต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงดีๆให้เกิดขึ้นได้แน่ ฉันเชื่อในตัวคุณนะคะ คุณแสน"
แสนมองมืออันยาที่กุมมือเขาเอาไว้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังดี และรู้สึกดีที่อันยาอยู่ตรงนี้กับเขา
อันยานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน แล้วแสนก็เดินเข้ามา แสนได้พบอันยาก็รู้สึกสดใสขึ้น แม้จะยังไม่เท่าตอนก่อนเกิดเรื่องที่เพียงพอดี
"มีอะไรเหรอคะ ถึงนัดฉันมาที่นี่" อันยาถาม
แสนมองอันยา แล้วทั้งสองก็พูดออกมาพร้อมกัน
"ผมมีของมาฝากคุณด้วย"
"ฉันมีของมาฝากคุณ"
ทั้งสองขำที่ใจตรงกัน
"โอเค เลดี้เฟริส์ท" แสนบอก
อันยายื่นกล่องเล็กๆให้ แสนแกะออกมาแล้วพบว่ามันคือปากกาด้ามหรูสำหรับผู้บริหาร
แสนชะงักไป "สวยดี… ท่าทางจะแพง คุณไม่น่าสิ้นเปลือง"
"มันไม่ใช่ปากกาธรรมดานะคะ ฉันลงของไว้แล้ว" อันยาบอก แสนแปลกใจ "ปากกาเนี๊ยะจะช่วยให้ท่านซีอีโอเซ็นอนุมัติแต่โปรเจ็คท์ดีๆ ถ้าโปรเจ็คท์ไหนไม่ดี จะเซ็นไม่ติด"
จากที่กังวลอยู่ตอนแรกแสนก็ยิ้มออก "แน่ใจเหรอว่าเวทมนตร์ของคุณจะเวิร์คจริงๆ"
"เวิร์คสิคะ ถ้าคนเซ็นเป็นคุณ ขอบคุณมากนะคะคุณแสน ที่คุณเชื่อฉัน ยอมรับข้อเสนอของวิชชั่นออฟฟิวเจอร์"
แสนไม่ตอบแต่กลับบอกอันยา "แบมือมาสิ"
อันยาแปลกใจ แสนกำบางอย่างเอาไว้แล้วใส่มันในมือของอันยา
"อะไรคะ"
"ตู้เย็นมั๊ง" แสนตอบกวนๆ
"คุณแสน ขี้เล่นไปรึเปล่า เมื่อก่อนไม่เห็นขนาดนี้"
"ผมติดมาจากคุณไง"
อันยานิ่วหน้าแกล้งงอน แล้วค่อยๆคลี่นิ้วออกเพื่อดูสิ่งที่อยู่ในกำมือแล้วก็พบว่ามันเมล็ดข้าว
"เป็นข้าวที่ผมปลูกตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรี รวงแรกในชีวิตเลยนะ เม็ดที่หนึ่งผมให้แม่..เม็ดที่สองถึง 98 ใส่ซองไว้ที่บ้านที่แม่ริม เป็นที่ระลึก" อันยาอึ้งๆ ที่เขานับ "เม็ดที่ 99 ผมให้..…..คนที่ผมเกลียด"
แสนพูดว่าเกลียด แต่อินเนอร์ของเขาตรงข้ามสุดๆ
แสนพูดต่อ "ไม่ลง…"
"ถ้าไม่มีคำสุดท้าย เอาปากกาคืนจริงๆ" อันยาว่า
แสนหัวเราะ อันยายิ้มอย่างมีความสุข ทั้งสองต่างรับของฝากจากใจอีกคนไปด้วยความรู้สึกดีๆ
อันยาดื่มเครื่องดื่มสีสวยหวานด้วยหน้าตาเคลิบเคลิ้มมีความสุข
"อิจฉา คนลักกี้อินเกม แล้วยังลักกี้อินเลิฟ !!”
"อินล้งอินเลิฟอะไร คุณแสนเค้าก็แค่ตอบแทนที่ฉันเป็นกำลังใจให้เค้า" อันยาบอก
"นี่ลองว่าเจ๊ พลิกวิกฤตมาเป็นโอกาสได้ขนาดเนี๊ยะ" คิมหันต์ตัดสินใจพูด "ก็ลืมเรื่องที่ผมเคยพูดไปเถอะ ที่ว่าเจ๊กับด็อกเตอร์ไม่ควรรักกัน"
อันยาชะงักไปเพราะไม่นึกว่าจะได้ยินคิมหันต์พูดในสิ่งที่เธอก็แอบหวังอยู่จนได้
"ตอนเนี๊ยะ อะไรๆมันก็เป็นไปด้วยดี รอแค่ด็อกเตอร์เซ็นสัญญาในงานเลี้ยงประจำปีของบริษัทวิชชั่นวันพรุ่งนี้ ภารกิจเราก็จะจบสมบูรณ์"
อันยาพยักหน้าอย่างรู้สึกทึ่งตัวเองเหมือนกันที่เดินทางมาถึงวันนี้ได้
"ตอนนี้ด็อกเตอร์ได้งานใหม่" คิมหันต์เหล่อันยา "แล้วยังได้คนเยียวยาใจจากเรื่องที่เพียงพอดี ลงตัว เพอร์เฟ็คท์หมด" คิมหันต์ครุ่นคิด "จะมีก็แค่..”
"แค่อะไร"
"อย่าให้ด็อกเตอร์รู้ก็แล้วกัน ว่าเจ๊ปลอมตัวมาทำแผนดิสเครดิตเค้า เจ๊ก็จะวินหมดทั้งเรื่องงาน เรื่องความรัก แค่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับให้ได้"
อันยาครุ่นคิดตามแล้วก็อยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่เธอกลับไม่มั่นใจเอาซะเลย
เหนือเทพนั่งอยู่หัวโต๊ะ ผู้บริหารอีก 3-4 คนนั่งถัดมา อีกฟากคือนักข่าวที่มาทำข่าวเศรษฐกิจ
"ได้ข่าวว่างานเลี้ยงประจำปีของวิชชั่นออฟฟิวเจอร์ จะมีไฮไลท์พิเศษ คือการเซ็นสัญญาว่าจ้างซีอีโอใหม่ ด็อกเตอร์แสน เผื่อนนาดี นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น จริงรึเปล่าคะ" นักข่าวถาม
"ครับ ทางเรายินดีอย่างมากที่ด็อกเตอร์แสนตกลงมาร่วมงานด้วย" เหนือเทพบอก
"แล้วพอจะเปิดเผยได้มั้ยคะ ว่าใช้ไม้เด็ดอะไรถึงมัดใจด็อกเตอร์ได้ เพราะที่ผ่านมาด็อกเตอร์แสนปฏิเสธการทำงานกับบริษัทพาณิชย์เกษตรขนาดใหญ่มาตลอด"
"ผมว่า.. คำถามนั้น เก็บเอาไว้ถามด็อกเตอร์แสน ในงานวันพรุ่งนี้ดีกว่านะครับ"
นักข่าวต่างคาใจเพราะอยากรู้มาก เหนือเทพยิ้มพอใจ
ม.ร.ว.เหมือนเช็คข่าวกับคนรู้จักทางมือถือ
"ข่าวชัวร์แน่นะคะ? เชื่อสิคะ หญิงแค่แปลกใจเท่านั้นเอง ขอบคุณค่ะ" ม.ร.ว. เหมือนแปลกใจ "เกิดอะไรขึ้น แสนถึงยอมไปทำงานที่วิชชั่นฯ"
ม.ร.ว.เหมือนกดมือถือเพื่อโทรหาแสนแต่ก็ไม่มีคนรับ ปลายสายขึ้นว่า “หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดให้บริการ”
ม.ร.ว.เหมือนขัดใจ เธอมองไปทางโซนร้านค้า "ช่างมัน ยังไงก็ต้องหาของขวัญก่อน"
ม.ร.ว.เหมือนก้าวฉับๆ เข้าไปปฏิบัติหน้าที่แฟนคลับวีไอพีทันที
อิงค์กี้ที่กำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้าอยู่วางสายมือถือ แล้วหันไปบอกผู้จัดการอย่างเอาแต่ใจ
"ยกเลิกอีเว้นท์พรุ่งนี้ค่ะ"
"อุ๊ย เงินตั้งเยอะนะคะคุณน้อง"
"แต่ด็อกเตอร์รับตำแหน่งซีอีโอทั้งที ถ้าอิงค์กี้ไม่ไป ยัยหญิงเหมือนต้องฉวยโอกาสควงด็อกเตอร์ออกงานสบายใจเฉิบสิคะ นาทีนี้ไม่เสียดายเงินค่ะ"
อิงค์กี้ยืนยันเสียงเฉียบ ผู้จัดการคอหดและไม่กล้าเถียง
ภายในห้องทำงานใหม่ของอันยาหลังจากที่เธอรับตำแหน่งใหม่จึงได้ห้องเป็นสัดส่วน
คิมหันต์ถาม "ไม่ไปงานเซ็นสัญญา ทั้งที่เจ๊เป็นคนสำคัญช่วยให้วิชชั่นได้ตัวด็อกเตอร์แสนไปน่ะนะ"
"ถ้าแกภูมิใจมาก อยากไป ทำไมไม่ไปซะเองล่ะ"
คิมหันต์ชะงักเพราะต่างก็รู้สึกเหมือนกันคือตะขิดตะขวงใจกับความสำเร็จในครั้งนี้
"คุณแสนเค้าไม่รู้เรื่องแผนการของเรา ถ้าไปอยู่ในงาน ฉันก็ต้องปั้นหน้าเล่นละครกับบอส กับคุณเหนือเทพอีก ว่าเราสามคนไม่มีลับลมคมในอะไร ฉันเหนื่อย ไม่อยากจะโกหกใครอีกแล้ว" อันยาบอก
"ก็จริง แล้วทำไมเลิกงานแล้วยังไม่กลับ" คิมหันต์มองไปรอบๆ ห้องใหม่ที่หรูกว่า กว้างกว่ามุมทำงานเดิม "อย่าบอกนะว่าเห่อห้องทำงานใหม่"
"ฉันปลอมตัวไปเป็นเลขาซะนาน งานคั่งค้างอีกหลายสิ่งน่ะสิ จะอยู่เคลียร์งานที่นี่อีกสักพัก"
"งั้นผมไปก่อนนะ"
อันยาพยักหน้าให้ คิมหันต์เดินออกไป อันยาทำงานต่อแต่ก็ไม่ค่อยมีสมาธิแล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นป้ายคะแนนที่วางพิงอยู่ตรงมุมห้อง มีตัวเลข 100 คะแนนเต็มใส่อยู่
อันยาคิดย้อนไปถึงอดีต
อ่านต่อหน้า 4
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 8 (ต่อ)
เหตุการณ์ในอดีตครั้งนั้น เสียงเอกชัยดังขึ้น
"ปิ๊งป่อง!!”
พร้อมป้าย 100 คะแนนชูขึ้น เมื่ออันยาแต่งตัวเริดเดินผ่านมา เอกชัยเป็นคนชูป้าย เมขลาที่อยู่ข้างๆ ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเล่นนั้นเท่าไหร่
"คุณเอก เล่นอะไรคะเนี่ย" อันยาถาม
"เช็คเรตติ้งหน่อยครับ ชุดนี้กรรมการให้..เต็มร้อย เลยครับ"
เอกชัยชอบอกชอบใจใหญ่ แต่อันยากลับทำหน้านิ่งก่อนจะกระชากป้ายมา
เอกชัยหน้าเสีย "คุณอันยาโกรธเหรอครับ"
"เมบอกแล้ว ว่าอย่าเล่น"
อันยาถอดเอาเลข 0 ตัวหลังออกแล้วใส่เลข 1 ลงไปจนเป็น “101”
"คะแนนชุดของคุณเอกวันนี้ค่ะ" อันยาบอก
"ห๊ะ ว้าว จริงเหรอครับ นี่ผมได้ 101 คะแนนเลยเหรอ"
"อีก 1 คะแนน เป็นคะแนนความคิดสร้างสรรค์ ที่คิดเกมสนุกๆ มาให้ฉัน" อันยาบอก
เอกชัยดีใจที่อันยาชม อันยาหยิบป้ายมาใส่เป็น 100 คะแนนเหมือนเดิมก่อนจะส่งให้เมขลา
"อันนี้คะแนนของเมจ้ะ เต็มร้อยเท่ากัน" อันยาบอก
"อันโกะปลอบใจเมรึเปล่า"
อันยามองเมขลา "เมน่ารักขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ สดใสแล้วก็เป็นตัวของตัวเอง ใช่มั้ยคะคุณเอก"
"ใช่เลยครับ พูดอีกก็ถูกอีก"
อันยา เอกชัย และเมขลาแฮปปี้ที่ได้แลกเปลี่ยนคำชมและความสนุกสนานให้กัน
อันยานั่งอยู่ลำพังในห้องทำงาน กว้างหรูดูดีแต่เงียบเหงา...ไม่มีเสียงหัวเราะเหมือนที่เพียงพอดี อันยาถอนใจ
เมขลากับเอกชัยมาลาอันยาด้วยความใจหาย
"จริงๆอันโกะไม่ต้องออกตามด็อกเตอร์ก็ได้ เดี๋ยวคุณบุรินทร์ก็อาจจะหาตำแหน่งใหม่ลงให้" เมขลาบอก
"ถึงฉันอยู่ต่อ ก็คงเข้าหน้าพนักงานคนอื่นไม่ติดอยู่ดีน่ะแหละ" อันยาบอก
เอกชัยกับเมขลาอึ้งเพราะมันก็จริง
"ออกปุปปับแบบนี้ อันโกะจะลำบากรึเปล่า มีอะไรให้เมช่วยได้ก็บอกนะ" เมขลาบอก
"น้องเม อย่างคุณอันน่ะไม่เดือดร้อนหรอก คนสวยๆเก่งๆแบบนี้ จะหางานดีแค่ไหนก็ได้" เอกชัยชักจะเศร้า "แต่ยังไง.. ก็มาเยี่ยมกันบ้างนะครับ"
เอกชัยเอาป้ายคะแนนมาส่งให้
"ที่ระลึกจากผม..ไว้เอาไปเล่นที่ที่ทำงานใหม่" เอกชัยบอก
อันยาดูป้ายคะแนนแล้วยิ้ม "ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ"
"แล้วต้องมาเยี่ยมเราสองคนบ้างนะ เมอยากเจออันโกะอีกจริงๆนะ"
เมขลาเกาะแขนอันยาด้วยสายตาจริงใจ อันยากอดลาเมขลา เอกชัยเศร้า
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต อันยาก็ถอนใจ
"งานการไม่ทำ นั่งคิดถึงที่นั่นทำไมนะ"
อันยาเพิ่งรู้สึกตัวว่ารู้สึกดีกับเพื่อนๆที่เพียงพอดีซะแล้ว
อันยาเดินมาจะเข้าห้องน้ำหญิงแต่ปรากฎว่าประตูล็อคไปแล้ว อันยาคิดว่าจะเอายังไงดี เธอหันไปด้านหลังซึ่งเป็นประตูห้องน้ำชาย อันยาลองบิดหมุนดูก็พบว่าประตูเปิด อันยามองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นไม่มีคนเธอก็เข้าไป
อันยาล้างมือแล้วส่องกระจกดูความเรียบร้อย ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้า
อันยาตกใจ "ตายแล้ว?”
อันยาหันผิดหันถูกแล้วรีบหลบเข้าไปในห้องน้ำห้องในสุดแล้วปิดประตูไว้ อันยาพยายามแอบเท้าของตัวเองไม่ให้คนมองเข้ามาเห็นแล้วเหลือบมองออกไป
อันยาเห็นเท้าคู่ที่เดินเข้ามาตรงพื้นที่ส่วนกลางของห้องน้ำกลับเป็นรองเท้าส้นสูง
"ห๊ะ !!”
เมรีวางกระเป๋าสะพายไว้ใกล้อ่างล้างหน้าตามด้วยธกฤตที่รีบปิดล็อคประตูชั้นนอกของห้องน้ำ เมรีโอบธกฤตแล้วนัวเนียกัน
"แมรี เกิดมีคนมาเห็นเข้า เค้าจะสงสัยนะ ว่าคุณออกไปแล้ว ทำไมยังมาที่นี่อีก"
"นี่ก็ไม่มีใครนี่คะ" เมรีมองผ่านๆ ก็เห็นห้องน้ำเงียบๆ "ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันน่ะออกปลอม ไม่ได้ออกจริง"
อันยาที่อยู่ในห้องน้ำชะงักว่าหมายความว่าไง
เมรีพูดต่อ "รอให้คุณเขี่ยยัยอันยาตกจากหัวหน้าแผนกเมื่อไหร่ ฉันก็จะกลับมารับช่วงต่อ"
อันยาอึ้งจนแทบช็อค
"แต่ก็ต้องให้เวลาผมบ้าง อันยาเพิ่งทำผลงานชิ้นโบว์แดง" ธกฤตบอก เมรีชักสีหน้า "สัก..เดือนสองเดือน ไม่นานหรอก ผมจะหาทางบีบเค้าออก... เพื่อคุณ"
"ถ้าแค่นั้นฉันรอได้ค่ะ คิดแล้วสะใจพิลึก! แม่นั่นคงได้ใจว่าฉันออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองโดนหลอก!”
อันยาตัวสั่นเทิ้มเพราะไม่นึกไม่ฝัน
"ตัวเองไปหลอกด็อกเตอร์แสนได้ นึกว่าฉลาดตายล่ะ จริงๆแล้วก็โง่พอๆกัน" เมรีว่า
"ด็อกเตอร์แสนทำเป็นเล่นตัว ต้องมีโครงการวิจัยเพื่อสังคมไม่งั้นไม่ยอมทำงานที่วิชชั่น เดี๋ยวคอยดู ทำงานไปสักพัก ก็กลายเป็นเครื่องจักรคอยป้อนกำไรให้บริษัทอยู่ดี"
"วิชชั่น หลอกด็อกเตอร์แสนงั้นเหรอคะ?” เมรีถาม
อันยาชะงักแล้วก็หัวใจเต้นถี่ด้วยความตกใจ
"เค้าเป็นบริษัทเอกชนนะคุณ ไม่ใช่ประชาสงเคราะห์ ที่ว่าจะทำโครงการเพื่อสังคมก็แค่ฉาบหน้าเค้กหลอกเท่านั้นแหละ สุดท้ายก็หาวิธีบีบให้ด็อกเตอร์ทำตามความต้องการของบริษัทตัวเองอยู่ดี ก็อย่างที่รู้ๆ พัฒนาพืชที่ตอบสนองกับปุ๋ย และยาเคมี ในต้นทุนต่ำที่สุดแต่ได้กำไรสูงสุด ถ้าไม่ทำก็จะต้องชดใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาล สุดท้ายด็อกเตอร์ก็กลายเป็นทาสของบริษัท ขยับตัวไปไหนไม่ได้"
"ต๊าย แบบนี้ยัยอันยาก็ทำบาปมหันต์เลยน่ะสิ หลอกให้ด็อกเตอร์แสนไปตกนรกชัดๆ" เมรีหัวเราะชอบใจ
อันยาที่ฟังเรื่องทั้งหมดแทบช็อค
"คุณนี่ไม่เลวเลยนะ ยืมมือคนอื่นทำบาป แล้วตัวเองก็รอรับผลประโยชน์อย่างเดียว" ธกฤตว่า
"ช่วยไม่ได้ ก็ฉันฉลาด" เมรีลูบไล้ธกฤต "ฉันรู้..ว่าควรอยู่ข้างใคร"
เมรีกับธกฤตหัวร่อต่อกระซิก ส่วนอันยาแทบใจจะขาดและคิดว่าจะทำยังไงดี
ธกฤตเดินออกมาพร้อมกับจัดเสื้อให้เรียบร้อย แล้วเขาก็เดินไป สักพักเมรีก็เดินออกมา เมรีเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวแล้วก็นึกได้ เมรีเปิดประตูห้องน้ำกลับเข้ามาหยิบกระเป๋าถือ แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเจอกับอันยาที่ออกมาจากห้องน้ำเล็กพอดี
"นี่ เธอ..เธออยู่ในนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่" เมรีถาม
"ก็นานพอจะได้ยินทุกคำที่เธอกับไอ้เจ้านายลามก!! พูดกันนั่นแหละ" อันยาว่า
เมรีอึ้ง แล้วบานประตูก็เปิดออกอีกหน
"ทำไมยังไม่รีบตามมาอีก" ธกฤตช็อคเมื่อเห็นอันยา "อัน..อันยา"
"ตกใจมากมั้ยคะบอส ฉันเพิ่งรู้ว่าค่าตอบแทนของความทุ่มเทที่เอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อคนใจสุนัขอย่างบอส!! มันก็เสียค่าโง่ดีๆนี่เอง !” อันยาว่า
ธกฤตกับเมรีทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่นึกว่าจะโดนจับเร็วขนาดนี้ อันยามีเรื่องที่เป็นห่วงอยู่ในใจจึงไม่พร้อมจะเสียเวลากับทั้งสองคน เธอรีบพรวดออกไป
"นั่น นั่นเธอจะไปไหน!!” เมรีว่า
อันยาไม่ตอบแต่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
"บอส นังนั่ง มันแปลกๆนะคะ แทนที่มันจะเคลียร์กับเรา กลับรีบออกไปไหนก็ไม่รู้" เมรีบอก
"คุณไม่รู้ แล้วผมจะรู้ได้ยังไง"
เมรีนึก "งานเซ็นสัญญาของด็อกเตอร์แสน มันต้องไปที่นั่นแน่ๆ มันต้องไปบอกด็อกเตอร์ไม่ให้เซ็นสัญญา เพราะว่ามันจะไม่ได้ผลประโยชน์ ทำยังไงดีคะบอส"
เมรีกับธกฤตเครียดเพราะงานงอกอย่างหนัก
ม.ร.ว.เหมือนยื่นกล่องของขวัญกล่องเล็กแต่หรูให้แสน
"ยินดีด้วยนะคะแสน คุณดูเหมาะกับตำแหน่งนี้มากๆ"
แสนมีสีหน้าสับสนเพราะไม่ได้สบายใจนัก "ขอบคุณครับ"
อิงค์กี้มาถึง พอเห็นม.ร.ว.เหมือนกับแสนก็รีบแทรกตัวเองเข้ามาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่
"สำหรับคนเก่งของอิงค์กี้ อยากดินเนอร์กับท่านซีอีโอจะแย่แล้ว ไว้เรานัดกันนะคะ"
"เป็นซีอีโอบริษัทใหญ่ ต้องน่าเชื่อถือ ขืนดินเนอร์กับเจ้าแม่ข่าวก็อซซิป เสียชื่อแย่" ม.ร.ว. เหมือนว่า
"เดี๋ยวนี้ใครๆก็เดทนางเอกกันทั้งนั้น ไฮโซเซเล็บรวยพันล้านหมื่นล้านก็แต่งงานกับนางเอก ไม่มีใครแลหม่อมราชวงศ์แก่ๆหรอกค่ะ"
"นี่เธอ !”
"ตกลงรับนัดอิงค์กี้นะคะ พรุ่งนี้เป็นยังไงคะ"
"ขอบคุณนะครับ ที่ชวน แต่ผม.." ใจของแสนยังพะวงกับเรื่องการเซ็นสัญญาอยู่ "พอดีผมยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องคิด"
ม.ร.ว.เหมือนเบ้หน้าใส่อิงค์กี้ด้วยความสะใจ ก่อนจะชวนบ้าง "ถ้ามีเรื่องอะไร ปรึกษาหญิงได้นะคะ มีเพื่อนท่านพ่อเป็นผู้บริหารของที่นี่อยู่ด้วย"
อิงค์กี้เจ็บใจที่หญิงเหมือนขโมยซีน
"ขอบคุณครับ แต่ผม..ขอเวลาคิดเองดีกว่า ผมขอตัวก่อนนะครับ" แสนผละไป
อิงค์กี้กับม.ร.ว.เหมือนเหวอทั้งคู่
"อุตส่าห์งัดเอาเพื่อนพ่อมาอ่อย ก็ไม่ได้ผล"
"แต่ก็มีสาระกว่าดินเนอร์ของเธอแน่ๆ" ม.ร.ว. เหมือนคิด "แสนรับตำแหน่งใหม่ แต่ทำไมดูเครียดจัง"
หญิงเหมือนสงสัยในท่าทีของแสน
แสนหลบผู้คนเข้ามาในห้องแต่งตัวส่วนตัว แล้วก็หยิบปากกาที่อันยาให้ขึ้นมาก่อนจะครุ่นคิดถึงตอนที่สนทนากับอันยา
"แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกอันยา ผมคนเดียวจะเปลี่ยนแนวคิดขยะของวิชชั่นออฟฟิวเจอร์ให้กลายเป็นดอกไม้ประดับโลกเนี่ยนะ" แสนบอก
อันยาพูด "ตำแหน่งซีอีโอ ต้องทำอะไรได้บ้างแน่ๆค่ะ อย่างน้อยก็ต้องดีกว่าซีอีโอที่คิดแบบเดียวกับพวกวิชชั่น"
แสนมองปากกานิ่งทั้งที่อยากจะเชื่อ แต่ทำไมใจไม่สงบเอาซะเลย
"มันจะเป็นไปได้จริงๆเหรอ ?”
แสนดูยังสับสนและไม่แน่ใจ
อันยากระหืดกระหอบมาถึงงานเลี้ยงอย่างรีบร้อนจนมาถึงโต๊ะลงทะเบียน โดยที่อันยาสวมเสื้อผ้าไม่เข้ากับงาน
"ฉันชื่ออันยา รักษ์เรืองรอง จากไรท์เพอเซิ่ลค่ะ"
พนักงานมองเสื้อผ้าอันยาอย่างไม่วางใจ "ขอโทษนะคะ ขอบัตรเชิญด้วยค่ะ"
อันยาค้นหาบัตรเชิญ พนักงานเหล่ว่ามีรึเปล่า
"นี่ค่ะ"
พนักงานชะงักไปเพราะไม่นึกว่าจะมีบัตรจริงๆ "เชิญค่ะ"
อันยาจะเดินเข้าไป ทันใดนั้นรปภ.ก็มากั้น อันยาชะงัก
"ขอโทษด้วยนะครับ คุณไม่มีสิทธิ์เข้างาน"
"อะไรนะ! ก็ฉันมีบัตรเชิญ นี่ไงล่ะ"
"มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงมา คุณไม่มีสิทธิ์เข้างานครับ"
อันยาอึ้ง
ธกฤตในชุดงานเลี้ยงคุยสายอยู่ ข้างๆกันมีเมรีที่ตามมาด้วยแต่ไม่ได้สวมชุดสำหรับงานเลี้ยงเหมือนอันยามีเพียงแจ็คเก็ตคลุมไว้ให้ดูสุภาพขึ้น ธกฤตวางสาย เมรีรีบถามทันที
"เป็นยังไงบ้างคะ"
"คนของคุณเหนือเทพ ทำงานได้ดีมาก อันยาเข้าไปในงานไม่ได้แน่" ธกฤตบอก
เมรีกับธกฤตโล่งอก แล้วสักพักเมรีก็หน้าตื่น
"แล้วโทรศัพท์ล่ะคะ ?”
สตาฟรับโทรศัพท์จากเจ้านายแล้วพยักหน้ารับคำ
"ครับ ได้ครับ"
สตาฟวางสายแล้วเคาะประตูห้องแสน
"ขอโทษนะครับ ด็อกเตอร์" สตาฟเปิดประตูเข้าไป "ผมขออนุญาต เก็บเครื่องมือสื่อสารเพื่อไม่ให้รบกวนท่าน" สตาฟมองไปรอบๆห้อง "ระหว่างเซ็นสัญญา"
ภายในห้องว่างเปล่าเพราะแสนไม่อยู่แล้ว
อันยานั่งรออยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ แล้วแสนก็เดินมา พอเห็นอันยาแสนก็ยิ้มให้
"อันยา คุณมาด้วยเหรอ แล้วนี่มีเรื่องอะไร แต่คุยสั้นๆก่อนนะ เดี๋ยวผมต้องไปเซ็นสัญญาแล้ว"
อันยาโล่งอกมากที่เห็นแสน "คุณแสน คุณต้องเชื่อฉันนะ คุณเซ็นสัญญานั่นไม่ได้เด็ดขาด"
แสนชะงักไปเพราะไม่รู้ว่าอันยาหมายความว่ายังไง
เหนือเทพไม่อยากจะเชื่อ
"ด็อกเตอร์แสนหายไป ตอนเนี๊ยะนะ" เหนือเทพถาม
"ขอโทษด้วยครับ ทางเราไม่นึกว่าจะมีเรื่อง..ก็เลยไม่ได้เฝ้าเค้าไว้" สตาฟบอก
เหนือเทพโกรธธกฤต "ลูกน้องคุณ !! ต้องการอะไรกันแน่ !! ถ้าการเซ็นสัญญาวันนี้เสียหายไปผมจะเอาเรื่องบริษัทคุณให้ถึงที่สุด"
ธกฤตกับเมรีหน้าเสีย
"รบกวนท่านเลื่อนกำหนดเซ็นสัญญาไปท้ายงานหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุด” ธกฤตบอก
เหนือเทพสั่งร.ป.ภ. "รีบๆไปตามหาเข้าสิ !! สั่งคนเช็ควงจรปิด หาตัวให้เจอให้ได้"
ธกฤตเครียด แล้วทั้งธกฤตกับเมรีก็รีบออกไปกับร.ป.ภ.
อันยาเล่าเรื่องที่วิชชั่นจะหักหลังแสนในภายหลังออกไป
"อย่างที่ฉันบอก ถึงสัญญาจะเขียนไว้อย่างเรียบร้อย แต่หลังจากทำงานไปสักพัก พวกเค้าก็จะบีบคุณให้ร่วมมือทำโปรเจ็คท์สูบเลือดสูบเนื้อเกษตรอยู่ดี"
แสนอึ้งเพราะนึกไม่ถึงจริงๆ
"แล้วนี่คุณ.. รู้ได้ยังไง ?” แสนถาม
"ฉันได้ยินพวกเค้าพูดกันลับหลัง ฉันขอโทษนะคะ ที่รู้ไม่ทันพวกนั้น! ถ้าสายกว่านี้อีกนิดเดียว คุณคงกลายเป็นทาสคนเลือดเย็น! มากับฉันค่ะ ไปจากที่นี่กันดีกว่า"
อันยาจูงแสนเพื่อจะพาออกไป แต่แล้วธกฤตกับเมรีก็เข้ามาพร้อมร.ป.ภ.
"ด็อกเตอร์แสน กรุณาอยู่ก่อนนะครับ และอย่าเชื่ออะไรที่ผู้หญิงคนนี้พูด" ธกฤตบอก
"สายไปแล้วค่ะ ด็อกเตอร์รู้ความจริงหมดแล้ว พวกคุณหลอกเค้าไม่สำเร็จ" อันยาบอก
ธกฤตมองแสนแล้วก็เห็นแววตาแสนที่ไม่มีความวางใจตัวเขาสักนิด ขณะที่อันยายืนข้างแสนเต็มที่ เมรีไม่ยอมแพ้
"แล้วด็อกเตอร์รู้รึเปล่า ว่าเธอหลอกเค้าสำเร็จด้วย" เมรีบอก
อันยาอึ้ง ทุกคนหันมามองเมรีเป็นตาเดียว
เมรีมองแสนก็เห็นว่าเขายังงงอยู่ "นี่คงยังไม่รู้ใช่มั้ยคะ ว่าคนที่คุณเชื่อใจนักหนา ที่แท้ มันเป็นคนที่หลอกคุณมากที่สุด"
"ผมเคยบอกคุณแล้ว ว่ากรุณาให้เกียรติ และสุภาพกับอันยาด้วย" แสนบอก
เมรีหัวเราะเย้ย "ฉันอยากรู้จริงๆ ถ้าคุณรู้ว่านังนี่มันหลอกคุณยังไงบ้าง ยังจะปกป้องมันอยู่อีกมั้ย"
"อันยา เราไปกันดีกว่า"
เมรีทนไม่ไหว "มันปลอมตัวไปเป็นเลขาของคุณที่เพียงพอดีเพื่อดิสเครดิต ทำให้คุณตกงาน แล้วมาทำงานกับวิชชั่นออฟฟิวเจอร์"
แสนที่จะพาอันยาไปถึงกับชะงักกึ้ก อันยาแทบทรุดกับสิ่งที่เมรีพูดออกมา
ม.ร.ว.เหมือนพูดกับสตาฟ
"มีคนเห็นด็อกเตอร์แสนทางนั้นเหรอ" ม.ร.ว. เหมือนยัดเงินให้ "นี่รางวัล"
ม.ร.ว.เหมือนรีบเดินไป อิงค์กี้ที่แอบมองอยู่รีบตามไป
แสนไม่อยากจะเชื่อ
"ผมไม่รู้ว่าคุณแค้นอะไรอันยาขนาดไหน แต่ที่คุณปั้นเรื่องมา มันแย่มาก ไม่มีใครเค้าทำกันหรอกนะ ผมขอโทษนะ แต่ผมว่าคุณคงป่วยแล้วล่ะ" แสนบอก
"คุณไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด ?” เมรีถาม
"อันยา ไม่ใช่คนแบบนั้น" แสนบอก
อันยายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนแส้ความผิดโบยตี
เมรีพูดกับอันยา "ฉันยอมรับความสามารถของเธอจริงๆ หลอกคนระดับด็อกเตอร์แสนได้สนิททำยังไงเหรอ?" เมรีพูดกับแสน "คุณด็อกเตอร์ ถามจริงๆ ซื่อหรืออะไรมันบังตา"
อิงค์กี้และม.ร.ว.เหมือนเดินมาได้ยินการสนทนานี้เข้าพอดี เมรีชี้ไปที่อันยาเหมือนชี้ตัวผู้ต้องหา
"เลขาของคุณ เคยอยู่บริษัทจัดหางาน แล้วเธอก็ชวนให้คุณมาทำงานกับวิชชั่น บริษัทที่เคยทาบทามคุณมาตั้งนานแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญ?”
แสนอึ้งไปกับคำถามของเมรี แต่เขายังคงเชื่อในตัวอันยา
"คุณคงจะหลงแม่นี่เอามากๆ ถึงได้มองว่าเรื่องไม่บังเอิญพวกนี้ เป็นเรื่องบังเอิญไปได้" เมรีว่า
แสนหันไปมองอันยาโดยหวังจะเห็นความแน่วแน่ของเธอ แต่ทว่าอันยากลับสั่นและไม่กล้าสบตา
"อันยา...ที่เค้าพูด มันไร้สาระ ใช่มั้ย ?” แสนถาม
ธกฤตรีบยุ "อันยาต้องการเปอร์เซนต์เพิ่ม เลยมายุไม่ให้คุณเซ็นสัญญา เชื่อผม เซ็นตอนนี้คุณจะได้ผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย"
แสนไม่สนใจที่ธกฤตพูด เขาถามอันยา "พวกเค้าหลอกผม แต่ว่าคุณ ไม่ได้หลอกผม ใช่มั้ย?”
อันยามองหน้าแสนไม่ได้
"ทุกอย่างที่คุณบอกผม แล้วผมเชื่อ... เพราะผมไว้ใจคุณ มันจริงใช่มั้ย" แสนถามย้ำ
อันยาทนไม่ไหวต่อไปอีกแล้ว "คุณแสน" อันยาเงยหน้ามองแสนแล้วก็น้ำตาซึม "ฉันขอโทษ"
แสนอึ้งเพราะไม่นึกจริงๆจะได้ยินคำนี้
"ฉัน...ฉันผิดไปแล้ว"
ในที่สุดอันยาก็ไม่สามารถจะเก็บความลับนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป
ม.ร.ว.เหมือน และอิงค์กี้รี่เข้ามาหาอันยาอย่างโกรธแทนแสนสุดขีด
"แก !! ฉันนึกอยู่แล้ว ว่าร้ายกาจอย่างแกต้องไม่ธรรดาแน่ๆ"
"อย่ายอมนะคะแสน มันทำกับคุณขนาดนี้ ต้องฟ้องร้องให้ราบไปเลยค่ะ"
แสนมองอันยาแบบยังไม่อยากจะเชื่อ
"ไม่...ไม่จริง"
อันยาพยายามอธิบาย "คุณแสน.. ฉันอาจจะเคยหลงผิดทำเรื่องชั่วๆ อย่างที่อดีตเจ้านายเลวๆนี่บอก แต่...พอฉันรู้จักกับคุณ...มากขึ้น ฉันก็ไม่อยาก...ทำตามแผนการพวกนั้นอีก ฉัน..ฉันอยากจะเลิกตั้งหลายครั้ง"
แสนยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บลึกเพราะไม่เคยนึกมาก่อนเลยจริงๆ
"แต่.. ฉันกลัวคุณจะเป็นอันตรายเรื่องกำนันโกมล ฉันก็เลย...คิดว่าให้คุณออกจากงาน ยังดีกว่าต้องเสี่ยงอยู่ที่นั่น" อันยาบอก
"พอเถอะ! จะพูดยังไง มันก็แค่เหตุผลที่ช่วยให้คุณหักหลังคนที่เค้าไว้ใจคุณ..ได้สะดวกๆ หน่อย ก็เท่านั้น"
อันยาใจจะขาด "แต่ครั้งนี้..คุณต้องเชื่อฉันนะคะ ฉันอาจจะเคยโกหกคุณ แต่..ครั้งนี้ฉันหวังดีกับคุณจริงๆ ฉันไม่ได้หลอกคุณ อย่าเซ็นสัญญากับวิชชั่นออฟฟิวเจอร์"
"จะเชื่อคนที่เค้าหลอกคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหรอคะ ตอนนี้คุณก็ไม่มีงานอื่นทำแล้วเซ็นสัญญากับเราเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด"
เมรีพยักหน้าให้ธกฤต ธกฤตพาร.ป.ภ.เข้ามาใกล้แสน
แสนถอยห่างทันที "อย่าเข้ามา !!! ผมไม่ไว้พวกคุณ พวกคุณทุกคน"
แสนมองธกฤต เมรี และอันยา อันยาเจ็บลึก
แสนพูดต่อ "ผมมีสิทธิ์ฟ้องพวกคุณได้ จากสิ่งที่พวกคุณทำ ถ้าไม่อยากโดนหนักขึ้น ก็ถอยออกไป"
ทุกคนอึ้ง !! ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้ยังอยากจะเข้ามา
แสนพูดกับทั้งสองคน "ผมยังไม่ต้องการคุยกับใครทั้งนั้น"
ทั้งสองชะงักเมื่อเห็นแสนเอาจริง ทั้งสองจึงไม่กล้า แสนเดินไปแบบไม่อยากมองและไม่อยากได้ยินอะไรอีก
ธกฤตกับเมรีเครียด
อันยามองตามแสนแล้วใจจะขาด เธอจึงตัดสินใจในนาทีนั้น
แสนเดินออกมาจากงานแล้วกระชากเน็คไทออกด้วยความรู้สึกโกรธ สิ้นหวัง ผิดหวัง และอับอายมากที่สุด อันยาตามมาเรียกไว้
"คุณแสน...”
แสนชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกของอันยา แต่เขาไม่หันหลังและยังคงเดินต่อไป
อันยารีบเดินตามมา "ฟังฉันก่อน ฉันขอร้อง"
แสนไม่หันไปมองเพราะไม่อยากจะมองหน้าอันยาด้วยซ้ำ
"ให้ฉันชดใช้อะไรให้คุณบ้างนะ ฉัน...ฉันยังพอมีคอนเน็คชั่นอยู่ ฉันจะหางานใหม่ที่ดีไม่แพ้ที่เดิมให้คุณ นะคะ"
แสนทนไม่ไหวจึงหยุดเดินแล้วพูดประชด "หลังจากที่...ทำลายทุกอย่างที่ผมสร้างมากับมือพังไปหมดแล้ว ก็จะมาลูบหัวด้วยงานที่ทำเงินได้มากๆงั้นเหรอ"
"ฉัน..ฉันไม่ได้หมายความว่ายังงั้นนะคะ ฉัน..”
"อันยา ผมถามคุณจริงๆ ผมเคยไปทำอะไรให้คุณ"
อันยาอึ้งและได้แต่ส่ายหน้า
"คุณแค่อยากได้ผลประโยชน์ !! ถึงกับต้องหลอกลวงคนอื่น ทำลายเกียรติ์ ศักดิ์ศรี และความภาคภูมิใจของคนๆนึง ทำให้เพื่อนไม่มองหน้าเค้า แล้วยังทำลายโอกาสของเกษตรกรที่เค้าดูแลอยู่! ทุกๆคนที่หวังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แล้วมันต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่" แสนผิดหวังที่สุดในชีวิต "อันยา คุณ..คุณทำได้ยังไง"
อันยายิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ
แสนหยิบปากกาที่อันยาให้ขึ้นมา "สิ่งที่คุณเสนอให้ มันอาจจะแพงแสนแพง แต่สำหรับผม รอยยิ้มของชาวบ้าน ข้าว พืชพันธุ์เกษตรไร้สารพิษ และคนข้างกายที่จริงใจ นั่นต่างหากคือสิ่งที่มีค่า ไม่ใช่ของฉาบฉวยพวกนี้"
แสนวางปากกาลงที่ชั้นวางของบริเวณนั้น
"มันไม่มีค่าเลยสักนิด.. สิ่งเดียวที่ผมต้องการ...จากคุณ คือไปให้ไกล...คนไร้หัวใจอย่างคุณ ! เราอย่าพบอย่าเจอกันอีก"
แสนตัดรอนอย่างผิดหวังที่สุดในชีวิตแล้วเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองอันยาอีก อันยาแทบทรุดเพราะไม่นึกเลยว่าความโกรธของแสนจะเผาผลาญความรู้สึกดีๆของเธอไปได้ขนาดนี้
แขกในงานเลี้ยงซุบซิบและรอคอยกันอย่างกระวนกระวาย เหนือเทพที่อยู่ใกล้เวทีวางหูจากสายโทรศัพท์ที่รายงานเข้ามาแล้วก็หน้าเสีย เขาเดินมาบอกสตาฟ
"ให้พิธีกรขอโทษแขก บอกว่ากำหนดการเซ็นสัญญาซีอีโอใหม่" เหนือเทพกัดฟัน "ต้องเลื่อนออกไปวันอื่น"
สตาฟรับคำเหนือเทพแล้วเดินไปทำตามคำสั่ง เหนือเทพหงุดหงิดและเสียอารมณ์มาก
คิมหันต์มาถึงก็มองไปรอบๆ เพื่อจะหาทางเข้างาน แล้วเขาก็เห็นอันยาเดินไร้เรี่ยวแรงออกมาเสียก่อน
"เจ๊ ไหนบอกจะไม่มางานไง" คิมหันต์หยิบมือถือขึ้นมา "แล้วที่ส่งข้อความให้ผมรีบมาด่วนเนี่ยมีเรื่องอะไร" พอเห็นสีหน้าอันยาชัดๆ คิมหันต์ก็ถาม "นี่เจ๊เป็นอะไร ?”
คิมหันต์งงมากเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
คิมหันต์เจ็บใจเมื่อได้รู้ความจริงจากปากอันยา
"บอสอาจจะดูเคี่ยวๆ แต่ไม่นึกเลยว่าจะหักหลังพวกเราได้! ยัยเมรีนั่นก็แสบมากแบบนี้มันต้องเอาคืนนะเจ๊"
คิมหันต์หัวเสียที่โดนหักหลัง แต่พอเห็นอันยาไม่ด่าทอและเอาแต่นั่งนิ่ง น้ำตาซึม คิมหันต์ก็นิ่งลง
"เจ๊..เสียใจเรื่องด็อกเตอร์แสนมากเลยเหรอ"
อันยาปาดน้ำตา "ไม่น่าใช่มั้ย ? แค่เค้าพูด..ว่าอย่าเจอกันอีก มันจะทำให้ฉันเสียใจได้ขนาดนี้"
คิมหันต์บีบมืออันยาด้วยความเห็นใจ
"ตอนแรกที่รับทำงานนี้ ฉันไม่เคยสนใจเลย ว่าถ้าความแตกด็อกเตอร์จะรู้สึกยังไง แต่..ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ฉันไม่พร้อมจะให้เค้าเกลียดฉัน"
"เดี๋ยวพอผ่านไปสักพัก ด็อกเตอร์อารมณ์ดีขึ้น เค้าก็.. อาจจะโกรธเจ๊น้อยลงนะ"
"โกรธน้อยลง.. หรือต่อให้ เค้ายอมให้อภัยในสิ่งที่ฉันทำ แต่อะไรๆ มันคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่มีทาง...”
"อย่าซ้ำเติมตัวเองแบบนี้สิเจ๊"
"ถ้ามีใครมาทำกับแก เหมือนที่ฉันทำกับด็อกเตอร์ หลอกแก หักหลังแกขนาดนี้..แกจะทำใจได้รึเปล่า" อันยาเจ็บใจ "ฉันทำตัวเอง เลือกทำสิ่งที่โง่ ที่ผิด เพราะความอยากเอาชนะ"
"แต่สุดท้าย เจ๊ก็พยายามช่วยด็อกเตอร์นะ"
"แต่ถ้าฉันไม่หลอกเค้าตั้งแต่แรก เค้าก็ไม่ต้องมาอยู่จุดนี้หรอก" อันยาถอนใจ "คิมบอมบ์ แกจำที่
เราคุยกันได้มั้ย แกบอกว่า แค่เก็บเรื่องที่ฉันหลอกเค้าไว้เป็นความลับ ทุกอย่าง มันก็จะโอเคน่ะ"
คิมหันต์พยักหน้า
"ฉันอยากจะทำอย่างนั้น อยากจะเก็บความลับนี้เอาไว้ แต่ว่า...ในใจลึกๆ ฉันกลัว กลัวมาตลอด...ว่าฉันคงปิดมันไว้ไม่ได้ เพราะความเลวที่ฉันทำ ทำให้ฉันไม่คู่ควรจะได้รับสิ่งดีๆ แล้วมัน..ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ"
อันยาร้องไห้และรู้สึกเหมือนคนจะจมน้ำราวกับไม่มีใครมาฉุดให้เธอพ้นจากกระแสน้ำเชี่ยวนี้ได้
แสนที่เดินอยู่ริมทางรู้สึกทุกข์ทรมานจนไม่อาจกลับที่พักได้ในตอนนี้ เขาเดินไปในใจก็หวนคิดถึงอดีตไป
แสนนึกถึงตอนที่อันยาชวนเขาออกจากงาน
"มีเฮดฮันเตอร์โทรมาติดต่อผม ?”
อันยาพยักหน้าแล้วมองไปรอบๆว่าไม่มีพนักงานคนอื่นอยู่แถวนั้นเธอจึงพูดออกมาเบาๆ แววตาลุ้นหยั่งเชิง
"ค่ะ ดูเหมือนเค้าอยากติดต่อคุณให้ไปทำงานกับบริษัทเกษตรยักษ์ใหญ่แห่งนึง ให้ข้อเสนอที่" อันยาระมัดระวังคำ "ค่อนข้างดีเลยล่ะ"
แสนนึกถึงตอนที่อันยามารายงานแสนหน้าจ๋อยๆ
"โรงงานที่ไกลออกไป ก็ไม่มีของค่ะ เค้าบอกว่า..ต้องส่งให้ที่อื่น"
"ไม่น่าเชื่อ ปกติปูนขาวไม่ใช่ของหายากขนาดนั้น" แสนว่า
แสนนึกถึงตอนที่อันยายอมรับ
"ฉันเป็นพนักงานของที่นั่นจริง" แสนอึ้ง "เมื่อก่อน..นี้น่ะค่ะ" แสนโล่งใจ "ฉันไม่กล้าใส่เรื่องนี้ในประวัติสมัครงาน กลัวว่า.. จะโดนตั้งแง่ แล้วจะไม่ได้งานที่นี่"
แสนนิ่งเมื่อได้ฟังคำตอบของอันยา ความเสียใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา
"ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้มาก่อน"
แสนนึกถึงตอนที่อันยาถามเขา
"ตกลงว่าคุณ…" อันยาไม่อยากเชื่อ "เชื่อฉัน?”
"ทำไมผมถึงจะไม่เชื่อคุณ คนเรามีอดีตกันทุกคน แต่นั่นไม่ได้ลบล้างความจริงในตอนนี้ ว่าคุณเป็นเลขาที่ดีที่สุดของผม" แสนบอก
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แสนก็หยุดชะงัก เมื่อเขาทบทวนทุกสิ่งแล้วก็พบว่าที่โดนหักหลังเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่ฝันร้าย แล้วเขาก็นึกถึงสิ่งที่เคยติดใจสงสัยขึ้นมา
"ทำไงดี? ด็อกเตอร์แสน ทำไมคุณถึง.. / โชคดีแบบนี้" อันยาว่า
แสนงง "โชคดี ?”
"โชคดีเกินไป...โชคดีเกินไปแล้ว"
"หมายความว่ายังไง ?”
แสนอึ้งเพราะเพิ่งจะได้คำตอบวันนี้เอง
"ที่ว่าโชคดีเกินไป หมายความว่ายังงี้เอง"
แสนปวดร้าวเมื่อรู้สึกว่าตัวเองโง่ที่สุดในชีวิต เขาผิดหวังและบาดเจ็บจนไม่อยากเห็นใครๆ
วันต่อมา บุรินทร์บอกพิลาสินี
"น่าเสียดายนะ ที่คุณไม่อยากทำโครงการชุมชนสีเขียวต่อ ผมจะหาคนอื่นมาดูแลแทนก็แล้วกัน"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว แพมขอตัวไปทำงานต่อนะคะ" พิลาสินีจะลุกเดินไป
"เอ่อ คุณรู้เรื่องที่แสน ยกเลิกเซ็นสัญญากับวิชชั่นออฟฟิวเจอร์รึยัง คุณ คิดว่ายังไง?” บุรินทร์ถาม
"คงจะตกลงผลประโยชน์กันไม่ลงตัวมั๊งคะ" พิลาสินีบอก
"แต่ผมว่าแสน เค้าอาจจะไม่ได้อยากทำงานที่นั่นเท่าไหร่ จริงๆเรื่องที่เกิดขึ้น ทางเราเองก็สรุปเร็วไปหน่อย..มันยัง..”
"ถ้าเค้าไม่ผิด จะลาออกทำไมคะ แล้วยังยอมชดใช้ค่าเสียหายด้วย ก็เท่ากับยอมรับผิด"
บุรินทร์อึ้งเมื่อเห็นพิลาสินียังเจ็บแค้นเรื่องแสนไม่เบาลงเลย
"ผมเป็นห่วงคุณนะแพม แสนเค้าก็ชดใช้ให้กับทางบริษัทแล้ว คนเราถ้าไม่รู้จักคำว่า อภัย มันจะ..อยู่อย่างไม่มีความสุขนะ"
"ถ้าเป็นคนอื่น แพมคงไม่สนใจ แต่นี่เป็นแสน ผู้ชายคนเดียวที่แพมเชื่อว่าเค้าเข้าใจแพมยอมรับแพมอย่างที่แพมเป็น ไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปที่มีปมกลัวผู้หญิงที่เก่งกว่า แพมคิดว่าเค้าไม่มีวันจะมองแพมเป็นคู่แข่ง"
"แต่คุณเอง.. ลึกๆก็มองเค้าเป็นคู่แข่ง ไม่ใช่หรือไง ?”
พิลาสินีอึ้งไปเพราะไม่นึกว่าบุรินทร์ดูออก "ผู้หญิงมองผู้ชายเป็นคู่แข่งไม่น่าเกลียดนี่คะ แต่ไม่ว่ายังไงผู้ชายก็ไม่ควรคิดแข่งกับผู้หญิง! ให้แพมมองเรื่องแสนโกงแพม...เป็นเรื่องธรรมดา ใครๆก็ทำพลาดกันได้" พิลาสินีส่ายหน้า "แพมคิดแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ"
พิลาสินีเดินออกไปทันที บุรินทร์ถอนใจในความดื้อของพิลาสินี
เอกชัยโล่งอกแล้วจึงพูดขึ้น
"ที่มันร๊กอกอยู่เนี่ย โล่งเลย ผมด่าพวกวิชชั่นทุ๊กวัน ขืนด็อกเตอร์แสนไปเป็นซีอีโอที่นั่นจริง ด่าไป ต้องคอยระวังไม่ให้กระทบด็อกเตอร์ ยากเกิ๊น"
"ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นนะคะ จู่ๆด็อกเตอร์จะไปทำงานที่นั่น แล้วจู่ๆก็ไม่ทำ" เมขลาว่า
"แต่พอด็อกเตอร์ไม่ทำงานกับพวกนั้น ฉันก็ค่อย..รู้สึกดีขึ้นหน่อย ทีแรกนึกว่าโดนทุนนิยมกลืนไปทั้งตัวแล้วซะอีก"
ทั้งสามเม้าท์กันอยู่ แล้วพิลาสินีก็เดินผ่านมา
"เออ แล้วพวกเธอคิดว่าต่อไป เค้าจะทำอะไรต่อ ด็อกเตอร์แสน" เพียงดาวเห็นพิลาสินีก็รีบเปลี่ยน
เรื่อง "คนที่จะมาประชุม ที่เมืองอะไรสักอย่าง ในข่าวเมื่อเช้านี้น่ะ มันเป็นงานประชุมอะไรน๊า"
เอกชัยกับเมขลาหน้าเจื่อนๆ เพราะรู้ว่าพิลาสินีต้องได้ยินแน่ๆ และก็ไม่ด้านพอจะแถกไปอย่างเพียงดาว
เพียงดาวเปรย "ไม่ได้พูดเรื่องอะไรที่มันเกี่ยวกับคนแถวนี้เลย...พูดถึงด็อกเตอร์แสนคนที่รัฐ รัฐอะไรน๊า"
พิลาสินีเดินผ่านไปอย่างอารมณ์ไม่ดี เพียงดาวใจหายแว๊บ เมขลากับเอกชัยถอนใจและคิดว่าเกือบไปแล้ว พิลาสินีเดินพ้นจากสายตาทุกคนก็มาหยุดยืนเจ็บใจที่ยังได้ยินใครๆพูดถึงแสน เพราะตัวเธอก็ยังคิดถึงเขาอยู่
เมรีไม่อยากเชื่อ เธอตั้งท่าวีนเต็มที ในขณะที่อาโปก็ยืนกรานหนุนเจ้านายอยู่
"ให้ฉัน ไปขอโทษนังอันยา ให้มันยอมช่วยเรางั้นเหรอ ไม่มีทาง ให้กลั้นใจตายยังดีกว่า" เมรีว่า
"ไม่ต้องกลั้นใจหรอก เราตายแน่! ถ้าด็อกเตอร์แสนไม่เซ็นสัญญากับวิชชั่น ไอ้เหนือเทพมันจะฟ้องเรียกค่าเสียหายล็อตใหญ่ จะล่มจมกันอยู่แล้วรู้มั้ย !!” ธกฤตว่า
"แล้วคิดเหรอคะ ว่าด็อกเตอร์จะยอมเชื่อน้ำลายนังนั่นอีก เค้ารู้แล้วว่ามันหลอกเค้า" อาโปบอก
"ผมไม่รู้! แต่อันยาเคยทำได้ เค้าก็อาจจะทำได้อีก! ผมก็ต้องคิดหาทางรอดไว้ก่อน ไม่ใช่อย่างคุณนี่ ไม่ทำอะไรเลย ตัวเองนำความเดือดร้อนมาแท้ๆ"
"นี่คุณโทษว่าเป็นความผิดฉันเหรอ ?” เมรีถาม
"หรือไม่จริง ถ้าคุณไม่ยุให้ผมหักหลังอันยา ป่านนี้บริษัทเราสบายไปแล้ว"
"อ๊าย ! ตอนนั้นบอกว่าจะทำทุกอย่างเพื่อฉัน ตอนนี้มาโทษฉันเหรอ ไอ้ทุเร่ศ!” เมรีว่า
"เออ ผมโทษคุณ เพราะคุณ ทุกอย่างเลยพังหมด ไม่น่า.. ผมไม่น่าหลงผิดเลยจริงๆ"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วบานประตูก็เปิดออก อันยาอยู่ตรงหน้าประตู ขณะที่คิมหันต์อยู่ข้างๆ
ธกฤตตาโต "อันยา ฟังนะ ถ้าคุณยอมไปคุยกับด็อกเตอร์แสนให้เซ็นสัญญากับวิชชั่นผมจะให้..”
เมรีสวน "คุณธกฤต !! นี่คุณกลับลำ ทำแบบนี้กับฉันเหรอ"
"ถ้าไม่ช่วยก็อย่ายุ่ง" ธกฤตพูดกับอันยา "ผมเขียนสัญญาล่วงหน้ารับประกันให้คุณเลยก็ได้ รับรองว่าครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว"
"ขอบคุณนะคะ ที่บอสอุตส่าห์มองเห็นคุณค่าของฉันจนได้" อันยาบอก
"ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณ เก่งที่สุดในบริษัทเรา" ธกฤตพูด เมรีกับอาโปแค้นมาก
พนักงานคนอื่นๆ ที่อยู่หน้าห้องซุบซิบและดูเหตุการณ์กันใหญ่
"คุณธกฤต ฉันไม่ยอมนะ แล้วที่ฉันเสียให้คุณไปล่ะ คุณสัญญาแล้วว่าจะทำเพื่อฉัน" เมรีบอก
"รู้สึกมาขัดจังหวะยังไงไม่รู้ คุยกับคู่ขาให้เรียบร้อยก่อนดีมั้ยคะ" อันยาแขวะ
"ผมไม่มีอะไรต้องคุยกับเค้า อยากคุยกับคุณมากกว่า" ธกฤตบอก
เสียงภรรยาของธกฤตดังขึ้น "แต่ฉันมีเรื่องคุย"
ภรรยาธกฤตซึ่งเป็นสาวร่างใหญ่ มาดดุ ปรากฎตัว พนักงานต่างถอยให้เป็นทิวแถวเพราะรู้ฤทธิ์ดี
"ต๊าย ! มาดามมดมาเอง" อาโปตกใจ
"ที่..ที่รัก คุณ..คุณมาได้ยังไงเนี่ย" ธกฤตตกใจกว่า
อันยากับคิมหันต์แอบขยิบตาให้กันอย่างรู้กัน
"มีผู้หวังดี ไม่อยากให้ฉันถูกหลอกนานน่ะสิ"
เมรีมองอันยาแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ด อันยาลอยหน้าลอยตาใส่
"เมื่อกี๊ได้ยิน ว่าใครเป็นคู่ขาของใครนะ" ภรรยาธกฤตพูดกับเมรี "หล่อน ต่อหน้าทำเป็นพูดดีซื้อข้าวซื้อของมาให้ แต่ลับหลังแกสอยผัวฉันเหรอ"
"เปล่า เปล่านะคะ หนู หนูไม่กล้าหรอกค่ะ" เมรีตกใจ
"เอ่อ...ส่วนหนู ไม่เกี่ยวค่ะ" อาโปวิ่งหนีออกมา
"นังอาโป !" เมรีจะชิ่งตาม
ภรรยาธกฤตมาขวาง "ฉันเช็คมือถือผัวฉันแล้ว เบอร์เธอมันโชว์หราตอนตีสาม งามหน้ามั้ย" ธกฤตสาดน้ำจากแก้วน้ำใส่เมรี "ฉันทำความสะอาดให้!”
เมรีโดนสาดน้ำใส่ก็โกรธจนควันออกหู เมรีพุ่งเข้าหาภรรยาธกฤต ทั้งสองตบตีทะเลาะกัน ธกฤตรีบห้ามทัพทำให้โดนศอก หมัด เข้าไปด้วย
พนักงานที่อยู่หน้าห้องสะดุ้งตามจังหวะของคนด้านใน
อันยาและคิมหันต์เดินออกมาแล้วยักคิ้วให้กัน ทั้งสองคนเดินออกไปแบบเท่ๆ แล้วคิมหันต์นึกได้ ก็กลับมาหาเลขาธกฤตที่มุงดูเหตุการณ์อยู่หน้าห้อง
คิมหันต์ยื่นซองขาวสองใบให้ "จดหมายลาออก ของเราสองคน"
คิมหันต์ยื่นจดหมายให้เลขาฯอย่างมั่นใจ แล้วเดินเท่ๆออกไปพร้อมอันยา อาโปมองด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะหันกลับไปมองในห้องแล้วคิดในใจว่าตายละ จะรอดมั้ยเนี่ย !
อันยาและคิมหันต์เดินออกมา คิมหันต์ยังสะใจ
"ไอ้ธกฤตทั้งโดนฟ้อง ทั้งโดนเมียตบ ยัยเมรีก็สภาพแย่พอกัน ผมฟินและทีนี้เจ๊ จะเอาไงต่อ"
อันยาคิด..
พนักงานต้อนรับบอกกับอันยาและคิมหันต์
"ด็อกเตอร์แสนคืนห้อง แล้วก็ย้ายออกไปแล้วค่ะ"
"ย้ายออกไปแล้ว" คิมหันต์พูดกับอันยา "ทำไมไปเร็วยังเงี๊ยะ"
อันยาหน้าเสียเพราะไม่นึกว่าแสนจะหลบหน้าเธอไปเร็วขนาดนี้
คิมหันต์ถามต่อ "แล้ว พอจะทราบมั้ยครับ ว่าด็อกเตอร์ไปไหน?”
ณ ไร่สตรอว์เบอร์รีท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็น ไร่แห่งนี้ทอดไกลไปจรดทิวเขา คนงานทำงานอยู่ในไร่กันอย่างประปราย รองเท้าบู้ทสุดเท่คู่หนึ่งย่ำเข้ามา พวกคนงานต่างพากันหันมาหามองสิน หนุ่มใหญ่เจ้าของไร่สตอรว์เบอร์รี
สินบอกคนงาน "วันนี้พอแค่นี้ก่อน.. กลับกันได้แล้ว"
พวกคนงานไปปิดน้ำแล้วยกมือไหว้สินก่อนจะทยอยกันกลับ
เสียงหนานปิงดังขึ้น "อะไรกัน! จะเลิกแล้วเรอะ"
หนานปิงลุกพรวดมาจากบริเวณศาลามุงจากข้างไร่ แล้วโวยวายกับสิน
"ยังไม่จบเพลงเลย" หนานปิงชี้ไปที่เครื่องเสียงซึ่งเล่นบีโธเฟนอยู่ "เดี๋ยวก็อารมณ์ค้างกันหรอก"
สินถามคนงาน "ไง อารมณ์ค้างมั้ย ?”
คนงาน 2-3 คนส่ายหน้า
"ไม่ได้หมายถึงพวกแก ฉันหมายถึงสตรอว์เบอร์รี!” หนานปิงบอก
สินชะงัก คนงานหัวเราะกัน
"สตรอว์เบอร์รีนะพ่อ ไม่ใช่แมว มันจะได้ฟังเพลง" สินว่า
"แกไม่รู้อะไร สตรอว์เบอร์รีน่ะฟัง แมวน่ะมันไม่ฟัง"
"พ่อไม่ใช่สตอรว์เบอร์รีซะหน่อย รู้ได้ไง ว่ามันฟังเพลง" สินถาม
"แกก็ไม่ใช่สตรอว์เบอร์รี รู้ได้ไงว่ามันไม่ฟัง" หนานปิงสวน
หนานปิงเถียงหน้าตายแบบไม่ยอม สินส่ายหน้าเพราะเถียงสู้ไม่ได้ พอดีกับที่สิงห์เดินมาตามซะก่อน
"เถียงอะไรกันอีกล่ะครับ" สิงห์ถาม สองคนอ้าปากจะอธิบาย สิงห์รีบบอก "เมื่อกี๊นี้ไม่ใช่คำถาม แค่ทักเฉยๆ น้าฟองให้ผมมาตามไปกินข้าว"
สินกับหนานปิงชะงักกันไป
กับข้าวพื้นเมืองวางบนโต๊ะแลดูน่ากินมาก สินกับหนานปิงอาบน้ำผลัดผ้าแล้วเดินเถียงกันมา
"เชื่อหลานชายอยู่ได้ มันบอกให้เปิดเพลงให้สตรวอ์เบอร์รีฟังก็เชื่อ หลงหลานไม่เข้าเรื่อง" สินว่า
"ก็หลานข้าน่ารัก ไม่เถียงผู้ใหญ่สามคำไม่ตกฟากอย่างพ่อมัน ข้าก็ต้องหลงสิวะ" หนานปิงบอก
สินเหล่หนานปิง หนานปิงลอยหน้าลอยตาไม่แคร์
"หลานสุดที่รัก มันไม่เห็นหลงพ่ออุ๊ยบ้าง ไปเปิดเพลงให้ข้าวนาไหนฟังซะก็ไม่รู้!” สินว่า
"จะนาไหน ไร่ไหน สวนไหน ก็คนไทยเหมือนกัน ฉันยินดียกหลานให้ส่วนรวม ไม่ใจแคบเหมือนบางคน" หนานปิงบอก
"ถ้าผมใจแคบ ไอ้แสนมันไม่ได้ไปจากนี่หร๊อก ฮึ่ย ไม่อยากจะกงกินมันแล้ว! ข้าวเนี่ย"
"ไม่กินข้าว แล้วก็ต้องไม่กินกับด้วยนะเว้ย อดให้ท้องกิ่วไปเลย"
"โห พูดแบบนี้มันดูถูกกันนี่"
"ไว้มาว่า ตอนฉันดูแกผิดดีกว่า"
สิงห์มองอย่างเหนื่อยใจเพราะไม่รู้จะห้ามยังไง เขาหันไปเห็นฟองคำถือถาดใส่กับข้าวเดินมาก็รีบหลีกให้
"น้าฟอง มาได้จังหวะพอดีเลย"
สินกับหนานปิงที่เถียงกันอยู่ชะงักทันที ฟองคำวางถาดกับข้าวลงบนโต๊ะโดยไม่พูดอะไรแต่ทว่าสายตาคมกริบ
หนานปิงท้าเบาๆ "แน่จริง แกก็เถียงต่อสิ"
"นึกว่าฉันไม่แน่เหรอ" สินทำท่าจะแรง แต่แล้วก็พูด "วันนี้มีอะไรกินบ้างจ๊ะแม่"
สินยิ้มให้ฟองคำอย่างเกรงใจเมีย หนานปิงอยากเย้ยแต่เห็นแววตาของฟองคำก็ไม่กล้าพอกัน สิงห์โล่งอกที่จบไปอีกหนึ่งยก ทุกคนนั่งประจำที่ เตรียมตัวกินข้าวเย็นพร้อมหน้า
"เห็นกับข้าวพวกนี้แล้วนึกถึงแสนนะ มีแต่ของโปรดแสนทั้งนั้น" ฟองคำบอก
"ฉันไม่เห็นจะนึกเลย ลูกผู้ชายอกหลายศอกอย่างฉัน ไม่มานั่งอาลัยลูกหร๊อก ไปเล๊ย ไอ้แสน ไปช่วยชาวบ้าน ไม่ต้องกลับมาเลยก็ได้" สินว่า
ฟองคำเหล่ สินรู้ตัวจึงหุบปากแล้วรีบตักกับข้าวให้ฟองคำอย่างประจบประแจง
"แม่ชอบไอ้นี่ใช่มั้ยจ๊ะ กินเยอะๆนะจ๊ะ"
จู่ๆฟองคำซึ่งมองไปตรงประตูก็ชะงักและร้องขึ้น
"แสน !!”
"แหมแม่ คิดถึงลูกจนตาลายแล้ว ไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาว มันจะกลับมาได้ยังไง" สินบอก
เสียงแสนดังขึ้น "พอดี ผมหยุดยาวแล้วล่ะครับ"
แสนพูดพลางวางกระเป๋าเดินทางลง ร่องรอยความทุกข์อยู่ในดวงตาของเขาแต่เขาก็พยายามยิ้มกลบเกลื่อน
"เฮ้ย !!! ตัวจริงนี่หว่า" สินบอก
ฟองคำ สิงห์ และหนานปิงต่างลุกจากโต๊ะแล้วเข้าไปรุมล้อมจับเนื้อจับตัวแสนด้วยความคิดถึง แสนยกมือไหว้ฟองคำและหนานปิง
"แม่ พ่ออุ๊ย" แสนบีบแขนสิงห์แล้วทัก "พี่สิงห์"
สินแหวกสิงห์เข้ามาแล้วรีบเข้ามาตบบ่าลูกชาย
“ แหม ทำไมมาไม่บอกก่อน เมื่อ..เมื่อกี๊นี้พ่อแค่ล้อเล่นนะ" สินหัวเราะกลบเกลื่อน "แล้วนี่เป็นไงมาไง ทำไมแกถึงหยุดยาวได้"
แสนที่กล้ำกลืนทุกข์ไว้ ได้แต่ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย
แสนวางกระเป๋าเสื้อผ้าลง ฟองคำง่วนดูความเรียบร้อยในห้อง
"ยังไม่สะอาดเท่าไหร่ แม่ไม่รู้ว่าแสนจะมาวันนี้" ฟองคำบอก
"ถ้าบอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพร์สสิครับ" แสนว่า
ฟองคำมองแสนแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู
"ห้องนี่เดี๋ยวผมทำเอง แม่ทำกับข้าวให้กินแค่นี้ก็พอแล้ว" แสนบอก
ฟองคำยิ้มแล้วถามเชิงหยอก "แล้วทำไมกินน้อย..ฝีมือแม่ไม่ตกสักหน่อย"
แสนชะงักแล้วตอบเลี่ยงไป
"พอดีผม..ไม่ค่อยหิว..”
ฟองคำมองลูกแล้วก็รู้สึกว่าลูกมีอะไรบางอย่างในใจ "แสน..." คำฟองลูบหัวลูกชาย "ถ้ามีอะไร ลูกบอกแม่ได้นะ"
แสนเงยหน้ามองฟองคำแล้วก็รู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของแม่ เขาจับมือฟองคำมาบีบเอาไว้
สินไม่อยากจะเชื่อ
"แสนมันออกจากงานแล้ว"
"มันจะกลับมาช่วยเราปลูกสตรอว์เบอร์รี ?” หนานปิงทวนคำ
ฟองคำพยักหน้า
หนานปิงไม่เข้าใจ "เฮ่ย ไหนว่าจะทำงานเพื่อเกษตรกร.. ทำไมมันถึงออก ? หลานชายข้ามันไม่ใช่คนเหลาะแหละ เอ๊ะ ! หรือมัน" หนานปิงคิดเอาเอง "จะอกหัก ?”
"ลูกชายผมน่ะนะอกหัก ไม่มีทาง!! แล้วที่ว่าจะมาอยู่นี่ อยู่จริงๆ ไม่ใช่แค่ชั่วคราวแน่นะ จะอยู่ไปตลอดเลยใช่มั้ย ?”
สิงห์ปราม "ค่อยๆถามทีละคำถามสิครับ"
หนานปิงกับสินรู้ตัวจึงระงับความตื่นเต้น
"ที่ถามมา" ฟองคำนิ่งไปก่อนจะบอก "ฉันก็ไม่รู้"
ทั้งสามหนุ่มชะงักกันไป
"แม่จ๊ะ" สินอ้อนเมีย "ฉันอยากรู้จริงๆ ยังไงเข้าไปถามมันอีกทีได้มั้ย"
"พ่อก็รู้ ว่าแสนไม่ได้ช่างพูดเป็นต่อยหอยแบบพ่อ"
หนานปิงขำสะใจ แต่สินหน้าเสีย
"เอาเป็นว่าลูกกลับมาบ้านเราก็ดีแล้ว พ่อก็คิดถึงแสนมันไม่ใช่เหรอ" ฟองคำถาม
"แหม ก็เห็นมันรักงานมันออกจะตาย ทำไมจู่ๆถึงออกมาเฉยเลย มันต้องมีอะไรแน่ๆ" สินว่า
ทุกคนชะงักแล้วนิ่งอึ้งกันไป
"ฉันว่าที่น้าฟองพูดก็ถูกนะ ถ้าแสนมันอยากบอก มันคงบอกเราเอง ไปซักไซ้มากมันจะไม่ดี" สิงห์บอก
"ไอ้สิงห์มันเตือนแกน่ะ" หนานปิงว่า
สินชะงักเหล่สิงห์ สิงห์ยิ้มแก้เก้อให้ ฟองคำถอนใจเพราะรู้สึกห่วงลูกชายอยู่ลึกๆ
วันต่อมา แสนคุมคนงานให้ตัดแต่งต้นสตรอว์เบอร์รีให้โปร่งเหมาะกับการแตกดอกออกผล พอคนงานก้มลงทำงาน แสนก็มองไปยังไร่สตรอว์เบอร์รีที่ทอดไกลออกไป แสนมองเห็นภาพท้องทุ่งนาเขียวขจีซ้อนขึ้นมา เขารีบดึงตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบันแล้วถอนใจ
ณ แปลงสตรอว์เบอร์รีท้ายไร่ที่ห่างไกลผู้คน แสนหลบลี้ไปทำงานอยู่ตามลำพัง สินมองแสนจากที่ไกลลิบในขณะที่แสนทำงานอยู่ที่แปลงท้ายไร่อย่างโดดเดี่ยว
สินมองแสนที่ทำงานอยู่คนเดียวด้วยท่าทางเหมือนมีอะไรกดดันในใจ
อ่านต่อตอนที่ 9