อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 7
บุรินทร์เข้ามาตบบ่าแสนอย่างปลาบปลื้ม
"เยี่ยมมากเลยแสน โปรเจ็คท์ดีขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เสนอเรื่องนี้ตั้งแต่แรก"
"ผมคิดว่าจะค่อยๆทำเองไปก่อน ไม่คิดว่าจะนำมาพรีเซนท์ตอนนี้ ผมว่า..เรื่องนี้เราต้องทำอย่างรอบคอบ"
"ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก เห็นมั้ยว่าพนักงานทุกคนก็เห็นชอบด้วย" บุรินทร์บอก
พิลาสินีเดินมาหาแสน
พิลาสินีแซวแบบตัวเองเจ็บนิดๆ "ซุ่มเงียบเลยนะคะ มีโปรเจ็คท์ดีๆ ก็ไม่เล่าให้ฟังบ้างเลย"
บุรินทร์และแสนชะงักไปเมื่อพิลาสินีเดินเข้ามา
"แพม เดี๋ยวผมขอคุย..”
แสนมองบุรินทร์ด้วยแววตาขอร้อง "เอ่อ ให้ผมถามแพมเองนะครับบอส" แสนพูด บุรินทร์เหมือนจะไม่ยอม "นะครับ" แสนขอ สุดท้ายบุรินทร์ก็พยักหน้า
พิลาสินีมองบุรินทร์และแสนด้วยความแปลกใจ
พิลาสินีตอบแสนอย่างตรงไปตรงมา
"ข้อมูลที่ฉันเอามาพัฒนาเป็นโปรเจ็คชุมชนสีเขียว ได้มาจากฐานข้อมูลส่วนกลางของบริษัทเราค่ะ"
แสนฟังและอ่านสีหน้าของพิลาสินีก็สัมผัสถึงความตรงและจริงใจ แต่เขาก็ลองถามย้ำ "คุณแน่ใจเหรอแพม?”
"ทำไมฉันต้องไม่แน่ใจด้วยล่ะคะ" พิลาสินีเอะใจ "หรือว่าข้อมูลของฉัน มีปัญหาอะไร?”
แสนนิ่งว่าจะพูดหรือไม่พูดดี
"แสนคะ มีเรื่องอะไรใช่มั้ย" พิลาสินีถาม สีหน้าของแสนบ่งบอกแม้ปากของเขาจะไม่พูดออกมา "คุณก็รู้ฉันไม่ชอบเรื่องไม่โปร่งใส คุณต้องบอกฉัน"
คิมหันต์พูดกับอันยาด้วยความอึดอัด
"ผมบอกก็ได้ ใช่ ผมแอบเอาไฟล์ข้อมูลของด็อกเตอร์แสนใส่ไปในทรัมฟ์ไดร์ฟของคุณเม คุณเมเค้าคงคิดว่ามันมาจากฐานข้อมูลกลางของบริษัท คงไม่รู้หรอกว่าเป็นฝีมือผม"
"คิมบอม!" อันยายั๊วจัด "ทำไมแกถึงไม่บอกฉันก่อน !!! ข้ามไลน์กันอย่างงี้ได้ยังไง"
คิมหันต์จ๋อยแต่ว่าก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว
"แล้วอีกหน่อยฉันจะไว้ใจใครได้ ฉันต้องคอยระวังแก เหมือนที่คอยระวังยัยเมรีกับยัยอาโปรึเปล่า"
คิมหันต์อึ้ง "เจ๊ ที่ผมทำมันผิด ผมยอมรับ!! แต่ผมไม่มีวันเหมือนสองคนนั่นแน่ๆ เจ๊พูดยังงี้ได้ยังไง"
"ก็นายอยากทำให้ฉันไม่ไว้ใจเอง!”
"ดี งั้นจะบอกให้ ผมก็ไม่ไว้ใจเจ๊เหมือนกัน!" คิมหันต์บอก อันยาชะงัก "ที่ผมต้องลงมือเอง มันเป็นเพราะอะไร เจ๊เคยถามตัวเองบ้างมั้ย"
อันยายังมองคิมหันต์ด้วยสายตาโมโหและไม่เข้าใจ
"ก็เพราะเจ๊นั่นแหละ เจ๊เปลี่ยนไป! รู้ตัวบ้างรึเปล่า ! ปากก็บอกว่าจะปิดจ็อบให้ได้ แต่การกระทำน่ะตรงกันข้าม วันๆคอยแต่ห่วงว่าด็อกเตอร์แสนเค้าจะรู้สึกอะไรกับตัวเองเจ๊รู้ตัวมั้ย ว่าเจ๊กำลังหลงเค้า จนลืมงานของเราแล้ว"
คิมหันต์ระเบิดสิ่งที่อัดอั้นใจออกมา เขามองอันยาอย่างผิดหวังมากๆ อันยาอึ้ง เพราะสิ่งทิ่คิมหันต์พูดตรงเสียจนรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า คิมหันต์มองอันยาที่นิ่งอึ้งพูดไม่ออกแล้วก็หันหลังเดินหนีไป
อันยาเรียก "คิมบอม คิมบอม!”
อันยาเรียกแต่คิมหันต์ไม่ยอมหันกลับมา
เมขลากับเพียงดาวช่วยกันเก็บเอกสารงานสัมมนาที่เหลืออยู่
"ปลื้มอ่ะ คู่ขวัญของบริษัทพรีเซนท์ได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่ เหมาะสมกันไม่มีใครเกินเลยจริงๆ"
เพียงดาวปลื้มตามไม่เลิก แล้วพิลาสินีก็ก้าวฉับๆมาอย่างโกรธจัดและทำหน้าตาเอาเรื่อง
"เม เธอไปเอาไฟล์ข้อมูลที่ฉันใช้ทำโปรเจ็ทค์มาจากไหน"
เมขลาแปลกใจท่าทีของพิลาสินี "ก็..จากฐานข้อมูลรวมไงคะ เม..จำได้ว่าบอกด็อกเตอร์แล้ว"
"ยังงั้นเหรอ?”
พิลาสินีหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาโชว์หน้าจอที่เป็นหน้าเว็บบริษัท บ็อกซ์ขึ้นตัวอักษร “ไม่พบไฟล์ข้อมูลชื่อโครงการชุมชุมชนเกษตรอินทรีย์...”
"มันไม่ได้อยู่ในเว็บกลางของบริษัท แต่เป็นข้อมูลงานของด็อกเตอร์แสนเค้าต่างหากล่ะ"
เมขลากับเพียงดาวอึ้ง!!
"ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ เธอเอางานของด็อกเตอร์แสนมาให้ฉันได้ยังไง แล้วเธอทำแบบนี้ทำไม" พิลาสินีถาม
"เม.. เมเปล่านะคะ เม ไม่ได้ทำ...”
"ไม่ได้ทำ!! งั้นข้อมูลบ้าๆนี่มาอยู่ในนี้ได้ยังไง!" พิลาสินีหยิบทรัมฟ์ไดร์ฟมาปาทิ้งด้วยความโมโห
แสนกับบุรินทร์เดินออกมาเห็นพิลาสินีกำลังดุเมขลาก็รีบเข้ามา
อันยาซึ่งเดินกลับเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
"ถ้าเธอไม่ได้ทำ งั้นฉันทำเองยังงั้นเหรอ !! แบบนี้บอสกับแสนเค้าก็ต้องนึกว่าฉันเป็นหัวขโมย ก็อปปี้งานของแสนเค้าเพื่อเอาหน้า ฉันก็กลายเป็นผู้ร้ายยังงั้นสิ" พิลาสินีว่า
เมขลาช็อค เมื่อโดนพิลาสินีคาดคั้นอย่างโกรธจัด เธอทำท่าจะร้องไห้
อันยาทนดูเมขลาที่รับเคราะห์แทนตัวเองไม่ได้
"คุณแพม ใจเย็นๆ คุยกันดีๆเถอะค่ะ"
พิลาสินีสวน "เธอไม่เกี่ยว !! ฉันต้องเคลียร์กับคนของฉัน"
อันยาชะงัก แสนเข้ามาห้ามอีกคน
"แพม ที่ผ่านมาคุณเมเค้าทำงานดีมาตลอด นี่เพิ่งเกิดเรื่องครั้งแรก ค่อยๆคุยกันดีกว่า"
"แต่คนที่เดือดร้อนมากที่สุด คือคุณนะคะ แล้วฉันก็เสียหายด้วย"
"เม...ไม่ต้องกลัวนะ บอกผมได้มั้ย ว่าทำไมไฟล์ข้อมูลผมถึงไปอยู่ที่คุณ ลองนึกดูดีๆ" แสนถาม
เมขลาได้สติจากแสน แม้จะกลัวมากแต่เธอก็ค่อยๆนึก "เม.. เมขอยืมใช้โน้ตบุ๊คของคุณอันยา บางที..”
อันยาหน้าซีด แสนและพิลาสินีก็หันมามองอย่างแปลกใจกัน อันยาหวาดๆว่าเมขลาจะรู้หรือเปล่า
"บางที..." เมขลาพูดขึ้น อันยาลุ้นมากๆ "เมอาจจะเผลอ...เซฟงานมาโดยไม่ตั้งใจ"
อันยามองเมขลาด้วยความรู้สึกเหมือนคอเพิ่งรอดจากเขียง
"นี่เพราะความสะเพร่าของเธอ !!! ทำให้ทุกคนเค้าต้องเดือดร้อนกันไปหมด รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป!” พิลาสินีถาม
"เม..เมขอโทษนะคะด็อกเตอร์ เม..ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เม..." เมขลาร้องไห้จนตัวสั่น
อันยามองเมขลาแล้วบีบมือตัวเองแน่นเพราะรู้สึกผิดต่อเมขลามาก แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะรับผิด
อันยาคิดในใจ "เม ฉันขอโทษ......”
"ฉันรับคนไร้ประสิทธิภาพแบบนี้ไว้ไม่ได้ ฉันขอไล่...”
เพียงดาว บุรินทร์ และอันยาอึ้ง
บุรินทร์เข้าไปห้าม "ผมขอล่ะแพม ! ถ้าเมเค้าไม่ได้ตั้งใจ แบบนี้มันก็รุนแรงเกินไป"
"ไล่คนทำงานชุ่ยออก ไม่เรียกว่ารุนแรงหรอกค่ะ" พิลาสินีบอก
เมขลายิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
"ผมขอด้วยคนนะแพม" แสนบอก พิลาสินียังโกรธมาก "รอให้ใจเย็นลงกว่านี้ แล้วค่อยตัดสินใจคนที่เค้าตั้งใจทำงานมาตลอด จู่ๆมาโดนไล่ออกกะทันหัน อย่างน้อยก็ควรจะให้เวลาเค้าบ้าง นะ ผมขอร้อง"
แม้จะโกรธมากแต่พิลาสินีก็ยอมยั้งเอาไว้ตามคำขอของแสน
พิลาสินีคุยกับแสนตามลำพังในมุมที่ค่อนข้างสงบ
"ฉันจะคืนโปรเจ็คท์ให้คุณ ถ้ามีใครถามว่าทำไมฉันไม่ทำต่อ ก็จะบอกว่าติดงานอื่น" พิลาสินีบอก
"แพม ทำแบบนั้นคุณจะมีปัญหาเรื่องเครดิตนะ" แสนท้วง
"จะให้ฉันทำไม่รู้ไม่ชี้ แล้วเอาผลงานของคุณ มาเป็นผลงานตัวเองยังงั้นเหรอคะ"
แสนนิ่งไป ก่อนจะพูดยิ้มๆ "คุณรู้มั้ย จริงๆแล้วผมไม่โกรธเลย เพราะผมรู้ว่าด็อกเตอร์พิลาสินี ไม่มีทางจะเอาเปรียบผม เรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องมีสาเหตุอื่น"
พิลาสินีโล่งใจที่ได้ยินแสนพูดแบบนี้
"ด็อกเตอร์พิลาสินีเก่งจะตาย ไม่เห็นต้องก็อปปี้งานใครเลย นี่โชคดีนะ ที่เค้าไม่รู้ว่าเป็นข้อมูลของผม ไม่งั้นคงไม่มีคนเอาข้อมูลนี้ไปพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม"
"ยังจะมาชมฉันอีก!”
"จริงๆนะ ไม่ต้องดูอะไรมาก แค่ชื่อโครงการ ยังตั้งได้ดีกว่าของผมเลย"
"แสน...ฉันต่างหากนะ ที่ต้องปลอบใจคุณ"
แสนเข้ามาจับมือพิลาสินีเอาไว้
"ผมต้องเอาใจคุณสิ เพราะคุณต้องมาช่วยผมสานโครงการนี้ต่อ" แสนบอก พิลาสินีอึ้ง "โครงการ
อนุรักษ์เมล็ดพันธุ์ ต้องมีโครงการชุมชนสีเขียวมาช่วยขยายผล คุณลืมเรื่องใครเป็นคนต้นคิดไปได้มั้ย นี่คือผลงานที่พวกเราจะทำมันเพื่อบริษัท และเพื่อชาวบ้าน"
พิลาสินีมองแสนอย่างพิศวงที่เขาช่างไม่หวงความดีความชอบเอาซะเลย
"แต่แบบนี้มันไม่แฟร์กับคุณ" พิลาสินีย้ำ
"ผมจะดีใจและวางใจ ถ้าคนที่จะมารับผิดชอบโปรเจ็คท์นี้เป็นคุณช่วยรับทำโปรเจ็คท์นี้ เพื่อเพื่อนตาดำๆได้มั้ยครับ ด็อกเตอร์แพม"
พิลาสินีรู้ว่าที่แสนพูดมาทั้งหมดก็เพื่อให้เธอสบายใจ เธอซึ้งในความใจดีของแสนจนต้องเข้าไปกอดเขาเอาไว้
"ฉันขอโทษนะคะ แสน ขอโทษ"
แสนลูบหลังเพื่อปลอบพิลาสินี "ขอโทษทำไม คุณไม่ผิดซะหน่อย เรามาทำงานนี้ด้วยกันนะแพม ถือว่าเป็นโครงการของพวกเรา"
แสนกอดปลอบใจพิลาสินีแบบเพื่อน พิลาสินีพยักหน้ารับและรู้สึกดีกับแสนเหลือเกิน อันยาซึ่งตามมาสังเกตการณ์รู้สึกร้าวลึกเมื่อได้เห็นภาพนั้น อันยาหันหลังกลับมาโดยไม่กล้ามองทั้งสองคนอีก
อันยาออกมาขับรถเพื่อหนีความว้าวุ่นในใจ แล้วเธอก็มาเจอรถติดเสียอีก อันยาหงุดหงิด จู่ๆ คำพูดของตัวเองก็ดังก้องขึ้นมาในหัว
"เสร็จจากสัมมนาเนี๊ยะ ฉันต้องได้คำตอบหัวใจของด็อกเตอร์แสนแน่ๆ"
อันยาได้สติกลับมาเพราะเสียงดีเจจากคลื่นวิทยุที่เปิดอยู่ดังขึ้น
"พร้อมกับบทเพลงที่ขอมา น้องเอฝากข้อความนี้ถึงคุณบีด้วยค่ะ “ ถึงเธอจะทำผิดแค่ไหน เราก็อภัยให้เธอได้ ไม่ใช่เพราะใจเรากว้าง แต่เพราะใจเรา..มีแต่เธอ เราทำใจแข็งกับ คนที่เรารัก ไม่ได้จริงๆ"
อันยาฟังแล้วย้อนคิดถึงภาพที่ได้เห็น
แสนลูบหลังปลอบพิลาสินี "ขอโทษทำไม คุณไม่ผิดซะหน่อย เรามาทำงานนี้ด้วยกันนะแพม ถือว่าเป็นโครงการของพวกเรา"
แสนกอดปลอบใจ พิลาสินีพยักหน้ารับอย่างรู้สึกดีกับแสนเหลือเกิน
อันยาเหมือนจะได้ยินคำตอบที่ตัวเองค้นหาอยู่
ดีเจพูด "นี่คือบทเพลงสำหรับคนที่มีรัก และยอมได้เพื่อคนที่เรารัก...”
เสียงดนตรีดังขึ้น แล้วก็เฝดดับไปทันที อันยาปิดเสียงวิทยุแล้วซบหน้าลงกับพวงมาลัย เสียงแตรรถข้างหลังบีบไล่ อันยาเงยหน้าขึ้นมาแล้วจะรีบออกรถ แล้วเธอก็รู้สึกแปลกๆ เธอลองแตะๆที่ขอบตาล่าง ก็พบว่ามีน้ำตาซึมออกมา อันยาส่องกระจกดูก็อึ้งเมื่อเห็นน้ำตาซึมออกมา
อันยาตกตะลึง เธอมองน้ำตาที่ติดปลายนิ้วมองกระจกดูน้ำใสๆ ที่คลอดวงตา เหมือนกับว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน อันยาป้ายน้ำตาออกแต่มันก็ยังคงซึมออกมา อันยาสะอื้นเบาๆ อย่างงุนงงมากว่าตัวเองเป็นอะไร เธอไม่รู้เลยว่าหัวใจของตัวเองได้พ่ายแพ้ลงอย่างยับเยิน
เพียงดาวพาเมขลามาเลี้ยงเครื่องดื่ม
"หว๊าดเสียวจริงจริ๊ง นึกว่าเธอจะต้องตกงานซะแล้ว เพิ่งจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาด็อกเตอร์แพมแค่ไม่กี่วัน" เพียงดาวว่า
"แต่เมชักกลัวซะแล้วค่ะ ว่าจะทำงานไม่ถูกใจด็อกเตอร์แพม"
"อย่าปอดไปเลย สมัยฉันเป็นเลขาใหม่ๆ ซบหน้าร้องไห้กับถาดกาแฟตั้งร้อยหนได้ล่ะมั๊งใครมาจะเข้าใจ ความทุกข์ของเลขา" เพียงดาวบีบแขนเมขลาอย่างปลอบใจ
"ขอบคุณนะคะพี่เพียง"
เพียงดาวพยักหน้า "ครั้งเนี๊ยะ เพราะด็อกเตอร์แสนช่วยพูดไว้แท้ๆ"
"ด็อกเตอร์เป็นคนดีจริงๆนะคะ ถ้าเป็นคนอื่น ก็คงจะโกรธที่โดนเอาข้อมูลไปใช้แล้วสะเพร่าอย่างเมก็คงจะต้องออก"
"ฉันว่าไม่ใช่แค่นั้นหรอก" เพียงดาวบอก เมขลาแปลกใจ "ไม่ใช่แค่ดี แต่" เพียงดาวเคลิ้ม "เป็นเพราะพลังรักที่ด็อกเตอร์แสนมีต่อด็อกเตอร์แพม เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี เห็นสองคนเหนียวแน่นขนาดเนี๊ยะ กองเชียร์อย่างฉันก็โล่งอก ใครหน้าไหนก็มาแทรกกลางระหว่างสองคนนี้ไม่ได้"
เพียงดาวจิ้นต่อไปตามประสา ขณะที่เมขลางงๆว่าเพียงดาววกกลับไปที่เรื่องนั้นได้ยังไง
อันยาเดินตรงเข้ามาในห้างฯ แล้วก็เห็นคิมหันต์กำลังกดปุ่มเกมตู้จอใหญ่เบิ้มกระหน่ำอยู่ คิมหันต์เล่นเสร็จไป 1 รอบและกำลังจะขึ้นเกมใหม่ แล้วจู่ๆก็มี Player 2 มาเล่นด้วย คิมหันต์อึ้งๆ
"เจ๊ มาได้ยังไง?”
"ถ้าไม่รู้ว่าอดีตเกรียนอย่างแก ชอบทำอะไร ฉันจะเป็นบอสแกได้ยังไงล่ะ" อันยาเล่มเกมไปด้วย
คิมหันต์ฟังแล้วชักสีหน้า
อันยาเตือน "ไม่มอง ระวัง แพ้ไม่รู้นะ"
คิมหันต์กลับไปแข่งกับอันยา ทั้งสองสู้กันสุดฤทธิ์
อันยายั่วคู่ต่อสู้ "ช้าแบบนั้นจะไปทันอะไรล่ะ อ้าวๆ เสียคะแนนแล้วนะ"
คิมหันต์ยิ่งกดปุ่มถี่ยิบแต่ก็สู้อันยาไม่ได้จึงแพ้ในที่สุด
อันยาร้องออกมา "เยส !”
คิมหันต์ถาม "สนุกพอแล้วใช่มั้ย"
คิมหันต์เดินผละไปยังหัวเสีย อันยาจ๋อยแล้วรีบเดินตามคิมหันต์ไป
คิมหันต์เดินมาอย่างเคืองๆ มืออันยายื่นมาพร้อมเหรียญหยอดตู้เกมที่แลกมาให้
"อ่ะ ! ฉันใช้คืนให้"
"ง้อลูกน้องได้แย่มาก ! ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ จะได้ดีใจที่ผู้ปกครองแลกเหรียญมาให้" คิมหันต์จะเดินหนีไปอีก
"ฉันก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว! ต้องมาง้อลูกน้องในที่แบบนี้ ก็น่าจะเห็นใจกันบ้าง"
คิมหันต์ชะงักแล้วหันมามองอันยาที่ยืนทำหน้าจ๋อย
"ผมน่ะเหรอไม่เห็นใจเจ๊ คิดดูสิว่าที่ผ่านมา ผมช่วยเจ๊ทำอะไรไปบ้าง ทั้งเรื่องซีดี ทั้งขนปูน ทั้ง..”
อันยาโพล่งออกมา "แกพูดถูก"
คิมหันต์ชะงัก
"ช่วงนี้ฉัน...ค่อนข้างจะ.." อันยารู้สึกว่าพูดยากจัง "ออกนอกลู่นอกทางไปนิดหน่อย"
"มากเลยล่ะ !”
อันยาสะดุ้งแล้วช้อนตามองคิมหันต์ คิมหันต์เห็นสายตาของอันยาเข้าก็ใจอ่อน
"รู้แล้วน่า...คือฉัน.." อันยาอึดอัดไม่รู้จะพูดยังไงดี "คงจะเป็นเพราะเค้าเชื่อฉันสนิทใจ เชื่อว่าฉันดีกับเค้าจริงๆ" อันยาเจ็บใจตัวเอง "เป็นถึงด็อกเตอร์แท้ๆ ทำไมไม่สงสัยอะไรบ้าง! เค้าเชื่อว่าฉันดี มันทำให้ฉัน..ไม่อยากจะทำไม่ดี ไม่อยากจะเชื่อ ว่าตัวเองต้องมารู้สึกแบบนี้"
คิมหันต์เดินเข้ามาหาอันยา "ชอบเค้าใช่ป่ะ?”
อันยารีบส่ายหน้า คิมหันต์เหล่ประมาณว่าอย่าโกหก !
"ก็คง...เคลิ้มๆไปนิดหน่อยอ่ะ"
อันยาต้องยอมรับหน้าเจื่อนๆ แบบไม่เต็มร้อย
ทวยเทพพูดพร้อมกับเฉือนสเต็กด้วยความโมโห
"อันไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลย ไอ้ด็อกเตอร์นั่นมันหม้อใส่อันฝ่ายเดียว"
เมรีฟังทวยเทพอย่างตั้งใจเผื่อจะได้เบาะแสอะไรเพิ่ม
ทวยเทพนึกได้ "ผมลืมไป ครั้งที่แล้ว คุณบอกว่าไม่อยากฟังเรื่องอัน"
"ยังจำได้ด้วยเหรอคะ ช่างมันเถอะ วันนั้น ฉันอารมณ์ไม่ดี แต่วันนี้ฉันโอเค พอฟังได้" เมรีบอก
"จริงๆอันเค้าเคยห้ามไม่ให้ผมเล่าเรื่องพวกนี้ให้คุณฟัง" ทวยเทพว่า
เมรีแอบจิกสายตา
"แต่ไหนๆตอนนี้คุณก็รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว คงไม่ต้องปิดบังอะไรกันอีก" ทวยเทพบอก
"คุณทวยเทพคะ" เมรีใส่ไฟ "ที่คุณบอกว่าอันยาไม่ได้รู้สึกอะไรกับด็อกเตอร์แสน ขอโทษนะคะคุณแน่ใจได้ยังไง ด็อกเตอร์เค้าก็เป็นคนมีชื่อเสียง แถมหน้าตา" ทวยเทพจ้องด้วยสายตาจิกมาเมรีเลยไม่กล้าชม "ก็ถือว่าไม่เลว..”
"แต่มันก็กระจอกอยู่ดี! เป็นแค่ผู้บริหารของบริษัทขนาดกลาง ขับรถคันละแค่หลักแสนบ้านหรือคอนโดหรูๆก็ไม่มี! ทำงานอย่างมันทั้งชาตินี้ก็ไม่รวย ผู้หญิงทุกคนน่ะ ก็ฝันอยากมีชีวิตหรูๆกันทั้งนั้น กับผู้ชายจืดๆแบบนั้น พอรู้จักเข้าจริงๆก็ต้องเบื่อ"
"มั่นใจจริงนะ" เมรีว่า ทวยเทพหันมา เมรีกลับคำ "น่าปลิ้มจังนะคะ ที่คุณเชื่อใจอันยาขนาดนี้"
ทวยเทพชะงักแล้ววางมีดกับส้อม "แต่ก็ดูที่เค้าตอบแทนผมสิ"
เมรีลูบไหล่ปลอบ แล้วไล้มือขึ้นไปที่ข้างแก้มทวยเทพ "เลิกกินจานหลักเถอะค่ะ บางทีของหวานที่รออยู่ อาจจะอร่อยกว่าก็ได้"
ทวยเทพลูบไล้แขนของเมรี ทั้งสองคนสบตากันจนประกายสปาร์คแล่นวูบวาบในดวงตา
คิมหันต์สาธยายความยุ่งยากให้อันยาฟัง
"นี่มันผิดกฎวิชาชีพเลยนะ เหมือนหมอห้ามปิ๊งกับคนไข้ ครูห้ามรักกับนักเรียน เฮดฮันเตอร์ก็ห้ามจีบแคนดิเดทของตัวเอง"
"เกินไป! มันก็มีตั้งหลายคนที่เค้าลงเอยกัน" อันยาบอก
"แต่ไม่ใช่ เฮดฮันเตอร์ที่ไปปลอมตัว โกหกหลอกแคนดิเดท !! อย่างเจ๊น่ะ"
"ไม่ต้องย้ำได้มั้ย เฮ้อ..รู้น่าว่าไม่ควร แต่มันไม่ได้ตั้งใจนี่" อันยาหวิวๆ "ฉันไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่เค้าเข้ามาวุ่นวายในใจฉัน ไล่เท่าไหร่..ก็ไม่ยอมไป"
คิมหันต์มองอันยาแล้วก็ชักจะสงสาร
"บอกมาซะแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ผมไม่ใช่ไม่มีหัวใจนะเจ๊ เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันลำบาก ถ้าเจ๊เจอใครสักคนที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้.. ผมก็ไม่ต่อต้านหรอก แล้วถ้าหากว่า..ด็อกเตอร์กับเจ๊ใจตรงกัน ก็ไม่เห็นจะต้องปิดกั้นตัวเอง"
"ไม่มีทาง !!”
"ทำไมล่ะ ในเมื่อเค้าก็ดีกับเจ๊ขนาดนั้น บางที เค้าอาจจะยอมรับตัวจริงของเจ๊ก็ได้"
"ด็อกเตอร์แสนเค้ารักด็อกเตอร์แพม"
อันยาโพล่งออกมาอย่างสุดจะทนไหว คิมหันต์ชะงัก
อันยาจ๋อย "ที่ฉันฝากข้อความบอกแก หลังจากงานสัมมนาจะหาคำตอบหัวใจด็อกเตอร์แสนให้ได้ ฉันรู้คำตอบแล้ว"
"ผมเคยพูดว่าด็อกเตอร์แพมโพร์โฟล์ดี เจ๊สู้ไม่ได้ก็จริง แต่.. ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นร้อยเปอร์เซนต์หรอกนะ"
"ฉันเห็นมากับตา ด็อกเตอร์น่ะ นอกจากไม่โกรธที่โดนขโมยข้อมูล ยังขอร้องไม่ให้คุณบุรินทร์ระงับการสัมมนาของด็อกเตอร์แพม เพราะกลัวว่าด็อกเตอร์แพมจะเสียหายทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบแท้ๆ ก็ยังปลอบใจด็อกเตอร์แพม อะไรที่ทำให้คนเราให้อภัย และดีกับอีกคนนึงได้ขนาดนั้นล่ะ ถ้ามันไม่ใช่ เพราะรัก"
คิมหันต์อึ้งไปเพราะยอมรับกับสิ่งที่อันยาพูดมา อันยาจ๋อยเมื่อมารู้ตัวเองก็ตอนที่อกหักแล้วอย่างนี้
บอร์ดในห้องนอนมีกระดาษที่เพิ่งปรินท์ออกมาจากเครื่องปรินท์ฝีมืออาทเวิร์คของคิมหันต์แปะอยู่ ด้านบนตรงกลางแปะคำขวัญ “จับจ้องที่เป้าหมาย ไม่ใช่ที่ปัญหา” ต่ำลงมามีรูปเป้าหมายต่างๆ รูปแรกเป็นป้ายบอกตำแหน่ง “Division Chief” รูปต่อมาเป็นปึกเงินกองโต รูปสุดท้ายเป็นนรูปหน้าเมรีโดนเท้าอันยาเหยียบ
คิมหันต์พรีเซนต์ "จับจ้องที่เป้าหมาย ไม่ใช่ที่ปัญหา ตำแหน่ง ! เงิน !! และชนะเจ๊เมรี นี่คือรางวัลที่เจ๊จะได้รับ"
"โห...นี่ลงทุนปรินท์ออกมาขนาดนี้เลยเหรอ" อันยาอึ้ง
"เพื่อให้เจ๊มีกำลังใจ มากกว่านี้ก็ยังไหว"
อันยาพยักหน้าอย่างซาบซึ้งกับความทุ่มเทของคิมหันต์
"ผมเคยได้ยินมาว่านักมวยคนนึงเค้าใช้วิธีนี้ เค้าทำรูปตัวเองคาดเข็มชัดแชมป์เปี้ยน แล้วจ้องมองทุกวัน ในที่สุด เค้าก็ได้เข็มขัดแชมป์ของจริงมาครอง"
อันยาพยักหน้า ทีนี้เธอก็ชักรู้สึกว่าสมจริงสมจังมากขึ้นแล้ว
"เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ๊ ท้อแท้ เพลียใจ หวั่นไหว ว่อกแว่ก หรือวาบหวิวอะไรก็ตามให้มาดูที่นี่ แล้วท่องเอาไว้" คิมหันต์ชี้ไปที่คำขวัญ "ต้องจับจ้องที่เป้าหมาย"
อันยาฮึด "ฉันต้องทำให้ได้ ฉันจะกลับมาทำภารกิจ และไม่หวั่นไหวกับด็อกเตอร์แสนอีก"
อันยาได้แรงเชียร์จากคิมหันต์ก็ฮึดสู้ขึ้นมาใหม่
ประตูห้องเปิดอ้าออก ทวยเทพโอบกอดเมรีหัวเราะคิกคักด้วยความเมามายเข้ามาในห้อง
เมรีอ้อนทวยเทพ "แดนซ์มาก จนเดินไม่ไหวแล้ว อุ้มเข้าไปหน่อยสิ"
เมรีมองทวยเทพด้วยสายตาเซ็กซี่ ทวยเทพทำตามคำขอ เขาช้อนตัวเมรีแล้วอุ้มขึ้นมา ทวยเทพเดินตรงไปที่โซฟาและกำลังจะวางเมรีลง
"ห้องนอนฉัน...อยู่ทางนั้น...” เมรีบอก
ทวยเทพชะงักไป เมรีส่งสายตายวนยั่วยวน
ทวยเทพค่อยๆวางเมรีลงบนเตียงแล้วก็อ้อยอิ่งอยู่
"ถอดรองเท้าให้ฉันหน่อยสิ" เมรีขอ
นาทีนี้ทวยเทพไม่ขัดใจ เขาเลื่อนไปถอดรองเท้าส้นสูงทั้งสองข้างของเมรีออกทำให้เห็นขาขาวๆของเมรี เขาลูบจากข้อเท้าขึ้นมาให้อย่างเอาใจ เมรีเคลิบเคลิ้ม เธอค่อยๆยันกายขึ้นมาหาทวยเทพ
ร้อนจัง...คุณไม่ร้อนเหรอ ?”
เมรีลูบไหล่ของทวยเทพแล้วไล้ลงมาจนถึงคอเสื้อ มือของเธอค่อยๆปลดกระดุมเสื้อ ทวยเทพปล่อยให้เมรีปลดกระดุมไปหนึ่งเม็ด สองเม็ด พอจะต่ำลงไปกว่านั้นเขาก็จับมือห้ามไว้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเบือนหน้าไป
เมรีงง "ทำไม...หรือว่าคิดถึงแฟนขึ้นมา"
ทวยเทพนิ่งไม่ตอบ แต่มีสีหน้าเครียดขึ้น
"ไหนบ่นนักบ่นหนา ว่าเค้าไม่แคร์คุณไงล่ะ"
ทวยเทพทนไม่ไหวจึงยอมปริปาก "ได้กิ๊ก.. ก่อนได้แฟน มันแปลกๆ"
เมรีไม่อยากจะเชื่อ "คุณ !!! ฉันก็นึกอยู่แล้ว ว่าทำไมนังอันยามันถึงไปทำเรื่องแบบนั้นได้เพราะมีแฟนกินหญ้าอย่างคุณนี่เอง"
"พูดเรื่องอะไรของคุณ" ทวยเทพถาม
"ยังไม่รู้ล่ะสิ ว่าถูกมันหลอก รู้มั้ยที่มันบอกว่าไปทำงานน่ะ มันงานอะไร"
ทวยเทพกับเมรีพูดพร้อมกัน "ก็งานเลขา.. / มันไปอ่อยด็อกเตอร์แสน!”
"พูดซี้ซั๊วอะไรของคุณ!!” ทวยเทพว่า
"มันประกาศกับบอส กับฉันเอง ว่าแผนการที่จะให้ด็อกเตอร์ออกจากงาน คือมันจะยอมเอาตัวเองเข้าแลก" เมรีบอก
"บ้า ไม่มีใครทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นหรอก" ทวยเทพบอก
เมรีหัวเราะ "ครั้งที่แล้ว เราเจอมันที่ไหนล่ะ ร้านอาหารที่คุณเคยไปกับมันใช่มั้ย คนไปคุยงานเค้าไปที่แบบนั้นกันเมื่อไหร่"
"หยุดพูดนะ!! อัน ..อันเค้าไม่ได้ทำแบบนั้น เค้ายังหึงผมเรื่องคุณด้วยซ้ำ"
เมรีส่ายหน้า "ฉันไม่แปลกใจเลยที่มันต้องไปอ่อยด็อกเตอร์ ผู้ชายที่คุณว่าจืดนั่นน่ะ ยังมีลูกเล่นมากกว่าคุณเยอะ ซื่อบื้อแบบนี้ ไม่มีวันได้แอ้มนังสารพัดพิษนั่นหรอก ทึ่มเอ๊ย"
เมรีผลักทวยเทพออกไปจากห้องแล้วปิดประตูใส่หน้าด้วยความโมโห
ทวยเทพที่อยู่หน้าห้องยืนอึ้ง
"ไม่ ไม่จริง !!! อันนะอัน คุณ !! คุณจะทำกับผมแบบนี้ไม่ได้"
ทวยเทพกำหมัดแน่น ความตกตะลึงค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความปวดร้าวและเจ็บใจในตัวอันยา
อ่านต่อหน้า 2
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 7 (ต่อ)
อันยาเตรียมตัวจะไปทำงาน พอเธอเดินผ่านโทรศัพท์ในห้องพักจึงกดฟังข้อความ ในระหว่างที่สวมรองเท้าปรากฎว่ามีหนึ่งสายที่ไม่ได้รับ
"หนูอัน มะม่วงแก้วที่หนูชอบออกลูกแล้วนะ ถ้าหนูมา ย่าจะทำน้ำปลาหวานรอนะจ๊ะ"
อันยาชะงักแล้วรีบเดินไปที่โทรศัพท์ เธอกดโทรออกแต่อีกฝั่งกลับไม่มีคนรับสาย
"ไม่มีผู้รับสาย กรุณาฝากข้อความหลังเสียงสัญญาณ"
"คุณย่าคะ ขอโทษนะคะที่ช่วงนี้อันหายๆไป งั้นเย็นนี้อันจะไปหานะคะ จะไปกินมะม่วงให้พุงกางไปเลย"
อันยาฝากข้อความเสร็จก็วางสาย เสร็จแล้วเธอก็มองสำรวจตัวเองก่อนจะท่องคาถา
"จับจ้องที่เป้าหมาย ไม่ใช่ที่ปัญหา"
อันยาเตรียมพร้อม
อันยาเดินเข้ามาในที่ทำงานด้วยความรู้สึกประดักประเดิดนิดๆ ที่แต่งตัวธรรมดาแบบนี้ แล้วเธอก็ได้ยินเพียงดาวบ่นกับเอกชัยและเมขลา
"เบื่ออ่ะ วันนี้คุณแพมไม่เข้า ไปธุระข้างนอกทั้งวันเลย"
อันยาได้ยินเข้าก็ชะงักแล้วรู้สึกว่าทำไมถึงแอบพอใจก็ไม่รู้
"ด็อกเตอร์พิลาสินีไม่มางั้นเหรอ" อันยายิ้มๆ แล้วก็นึกได้ "ไม่เกี่ยวกับเราซะหน่อย!”
เพียงดาวหันมาเห็นอันยา
"มีแต่พวกไม่เจริญตา"
เพียงดาวจะแขวะมากกว่านี้แต่ก็ชะงักไปเสียก่อน เมขลาและเอกชัยมองอันยาด้วยความประหลาดใจกันทุกคน
"คุณ.. คุณอันยา นี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ หรือว่าไม่มีเวลาซักรีดเสื้อผ้า" เอกชัยถาม
"พี่เอก ถามผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้นะคะ" เมขลาบอก
"สงสัยพายุทอร์นาโดจะข้ามทวีปมาขึ้นฝั่งที่ไทยนะเนี่ย!!” เพียงดาวบอก
"ทำไมถึงไม่แต่งตัวแบบเดิมล่ะครับ"
เอกชัยถึงกับทำสีหน้าผิดหวังเลยทีเดียว
แสนทวนคำตอบอันยาด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
"อยากดูกลมกลืน เหมือนคนอื่นๆ?”
"ค่ะ ฉันว่าบางทีคนเรา ก็ไม่ต้องเป็นตัวของตัวเองมากหรอก เหมือนๆคนอื่นเค้าบ้างก็ได้" อันยาบอก
แสนนิ่วหน้าเพราะเหตุผลที่ให้มายิ่งไม่น่าเชื่อ
อันยาคิดในใจ "คุณบอกว่าฉันเป็นตัวฉันเองก็ดีแล้ว งั้นฉันจะไม่เป็นตัวเอง! คุณจะได้ไม่ต้องมามอง ไม่ต้องมาชมฉันยังไงล่ะ"
"แน่ใจเหรอ ว่าคนเรา จะทิ้งความเป็นตัวเองไปได้ง่ายๆ" แสนถาม
"เห็นมั้ย แค่เปลี่ยนชุดให้ธรรมดา เราก็ดูธรรมดาแล้ว"
"พอดี ผมมีอะไรมาฝาก"
แสนหยิบริบบิ้นม้วนหนึ่งที่มีสีสันและลวดสายสดใสมากออกมา
อันยาตาเป็นประกาย "ว้าว น่ารัก"
แสนเหล่มาแบบรู้ทันว่านั่นไง ลายออกซะแล้ว
"ก็...แค่ริบบิ้น" อันยาพยายามจะไม่มองของโปรด
"ผมจำได้ว่าคุณชอบใช้ของพวกนี้ เห็นแล้วเลยนึกถึง" แสนบอก
อันยากลั้นใจ "ไม่ค่ะ ฉันไม่ชอบแล้ว"
แสนไม่เข้าใจว่าอันยาเป็นอะไร "คุณไม่อยากได้จริงๆเหรอ" แสนถือล่อ
อันยากลั้นใจยิ่งขึ้น "คุณเอาไปให้คนอื่นเถอะค่ะ! ถึงให้ฉัน ฉันก็ไม่ใช้หรอก"
อันยาปฏิเสธแล้วรีบเดินจ้ำไปทางอื่น แสนมองตามแล้วมองริบบิ้นที่อยู่ในมือว่าจะเอายังไงดี?
อันยาเดินไปจนพ้นสายตาของแสนแล้วก็หยุดลงก่อนจะบ่นกับตัวเอง
"มาทำดีด้วยทำไม เมื่อวานก็เพิ่งจะกอดด็อกเตอร์แพมไปแท้ๆ"
อันยาพยายามจะหนีใจตัวเองให้ได้
อันยาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้วก็เห็นโพสท์อิทเรียบๆ และธรรมดามากวางอยู่ 1ปึก พร้อมกระดาษโน้ต อันยาหยิบขึ้นมาอ่าน
"สำหรับวันที่คุณ..อยากเป็นคนธรรมดา..”
อันยาชะงักไปด้วยความแปลกใจ แล้วแสนก็เดินออกมาเฉลย
"ผมเห็น ว่าบนโต๊ะคุณ ไม่ค่อยจะมีของธรรมดาๆน่ะ"
ที่โต๊ะทำงานอันยา เต็มไปด้วยอุปกรณ์ แอสเซสซอรี่แต่ละอย่างที่ไม่ธรรมดาเอาซะเลย
"ผมก็เลย.." แสนพูดไปยิ้มไป "ไปหาอะไรเรียบๆมาให้"
อันยามองแสนแล้วก็เกิดอาการ หัวใจของอันยาเต้นแรงมากๆ จนกลัวว่าแสนจะได้ยิน
อันยาพยายามสั่ง "อย่า อย่าเต้นแรงสิ หยุดนะ"
"เอาไว้วันไหน ที่คุณอยากกลับไปเป็นแบบเดิม" แสนชูม้วนริบบิ้น "ก็มาเอาไปนะ มันยังรอคุณอยู่"
อันยาพบว่าห้ามใจตัวเองช่างยากเหลือเกิน เธอมองแสนที่ทำน่ารักใส่แล้วถ้อยคำของคิมหันต์ก็ลอยเข้ามา
"ถ้าหากว่าด็อกเตอร์กับเจ๊ใจตรงกัน บางที ก็ไม่เห็นจะต้องปิดกั้นตัวเอง”
แสนยิ้มให้อันยาแล้วก็กำลังจะกลับเข้าไปในห้องทำงาน อันยามองแสนแล้วก็พยายามต่อสู้กับจิตใจตัวเองอย่างหนักว่าจะเอายังไงดี
"ด็อกเตอร์คะ" อันยาเรียก แสนหันมา "ฉัน...ฉันอยาก..ได้..." อันยายังไม่ทันได้พูดว่าอยากได้ริบบิ้น
เสียงปุ๊กลุกดังขึ้น "พี่แสน"
อันยาและแสนต่างก็ชะงักกันไปเมื่อได้ยินเสียงใครที่ฟังดูคุ้นๆ พอทั้งสองหันไปก็เห็นปุ๊กลุกเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าที่เธอหอบมาในอ้อมแขน เมขลากับเอกชัยวิ่งตามมาในสภาพหอบแฮ่กๆ
แสนกับอันยาอึ้ง
เพียงดาวตกใจจนเสียงดัง
"หนีออกจากบ้าน!”
ปุ๊กลุกเชิดหน้า แสน อันยา เอกชัย และเมขลามายืนเป็นพยานรับรู้พร้อมกับซักถามกันถ้วนหน้า
ปุ๊กลุกอ้อนแสน "ก็พ่อไม่เข้าใจปุ๊กลุก พอพูดถึงพี่แสน พ่อก็โกรธ บอกว่าถ้าผู้ชายเค้าไม่ติดต่อมาก็แปลว่าเค้าไม่คิดอะไร อย่าเพ้อ ! พ่อน่ะไม่เข้าใจว่าพี่แสนงานยุ่ง"
"กำนันโกมลพูดไม่ถูกนะ" เอกชัยว่า ปุ๊กลุกรีบพยักหน้าที่มีคนเข้าข้าง "ผมหมายถึงเรื่องอื่น.. แต่เรื่องเนี๊ยะ ตรงเผงเลย"
"ไอ้ ไอ้หนวดปลาดุก ตับเต่า เหาฉลาม ขอให้ทั้งชาตินี้หาแฟนไม่ได้" ปุ๊กลุ๊กแช่ง
เพียงดาวกระแอม "นี่ออฟฟิศนะคะ ไม่ใช่ข้างสนามบอล กรุณาอยู่ในความสุภาพด้วย"
"พี่แสน ปุ๊กลุกไม่มีที่ไปแล้ว มีพี่เป็นหลักพักพิงหลักสุดท้าย ให้ปุ๊กลุกอยู่กับพี่ด้วยคนนะ"
เอกชัย เมขลา และเพียงดาวตกใจ อันยารู้ฤทธิ์ปุ๊กลุกอยู่แล้วเลยไม่ตกใจ
แสนปฏิเสธ "ไม่ได้หรอกครับ ทำแบบนั้น ปุ๊กลุกจะเสียหายนะ"
"ก็อยากเสียอยู่" ปุ๊กลุ๊กบอก ทุกคนมอง "เอ่อ ไม่รู้ล่ะ" ปุ๊กลุ๊กเหวี่ยงทันที "ถ้าพี่ไล่ปุ๊กลุก ปุ๊กลุกก็จะหนีไปให้ไกลๆ ไม่ให้พ่อหรือใครๆตามตัวเจอเลย คอยดู"
ปุ๊กลุกขู่ใส่ทุกคน พวกแสนมองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี
อันยาเดินคู่มากับแสนเพื่อรายงานเรื่องเกี่ยวกับปุ๊กลุก
"ฉันโทรไปบอกที่บ้านกำนันแล้วค่ะ ว่าปุ๊กลุกอยู่ที่ออฟฟิศเรา แล้วนี่ก็ให้ ทุกคนช่วยกันกล่อม พูดดีๆด้วย ปุ๊กลุกจะได้ไม่ก่อความวุ่นวาย ก่อนที่คนทางบ้านจะมารับ"
"เฮ้อ...ถ้าไม่มีคุณสักคน ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยนะเนี่ย" แสนบอก
"เฮ้อ ถ้าไม่มีคุณสักคน ชีวิตฉันคงสงบสุขเกินไปนะคะ" อันยาย้อน
แสนหัวเราะในคำประชดของอันยา อันยาพลอยขำแสนไปด้วย ทั้งสองรู้สึกดีๆต่อกัน อันยาชะงัก
อันยาคิดในใจ "ไม่ได้ จะมายิ้มหน้าบานยังงี้ ไม่ได้นะอันยา" อันยารีบหุบยิ้ม
"คุณรู้มั้ย ทุกคนพูดเหมือนกันหมด ให้ผมมีแฟนไปซะ ปัญหาแบบนี้จะได้หมด แต่ก่อนผมก็ไม่เคยคิดนะ แต่ว่าตอนนี้" แสนมองอันยาตาวาววับ
อันยาหัวใจเต้นแรงอีกแล้ว "ไม่ ไม่นะ !" อันยาพูดออกมา "เอ่อ ได้เวลาแล้วล่ะค่ะ คุณนัดกับบอสไว้นี่คะ เดี๋ยวก็เลทหรอก รีบไปสิคะ"
อันยารีบไล่ให้แสนไป แล้วเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"ขืนปรึกษาเรื่องขอคุณแพมเป็นแฟน เรารับไม่ไหวแน่ๆ" แล้วอันยาก็นึกได้จึงเตือนตัวเอง "ต้องจับจ้องที่จุดหมายสิอันยา.. อย่า-ว่อก-แว่ก"
อันยากลับมาท่องคาถาเตือนสติตัวเอง
อันยากำลังจะขึ้นรถเตรียมตัวกลับ พร้อมกับคุยมือถือกับเอกชัย
"ฝากปุ๊กลุกด้วยนะคะคุณเอก วันนี้อันขอตัวกลับก่อน ขอบคุณค่ะ คุณเอกนี่น่ารักที่สุดเลย"
อันยาหยอดขอบคุณเอกชัยก่อนจะวางสาย แล้วขึ้นรถ
ช่องว่างตรงที่วางขาบริเวณเบาะหลังมีวัตถุนูนๆ ที่ถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อสูทของอันยา อันยาออกรถไป โดยไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ
อันยาขับรถมา ในระหว่างจอดรอเพื่อเลี้ยวข้ามแยกอันยาก็ก็หยิบลิปสติกขึ้นมาจะทา พอส่องกระจกหน้าเธอก็เพิ่งจะเห็นเสื้อสูทที่ควรจะแขวนอยู่กลับตกลงมาคลุมช่องว่างตรงเบาะหลัง
"หล่นตั้งแต่เมื่อไหร่"
อันยามองๆ โดยมือยังถือลิปสติกค้างไว้ อันยาเห็นว่าเสื้อสูทยุกยิกได้ ลิปสติกในมืออันยาปาดพลาดทำริมฝีปากของเธอเลอะ
"ห๊ะ !!" อันยาคว้าสเปรย์ฉีดผมที่ติดรถไว้ขึ้นมา "หยุด หยุดนะ !! ถ้าขยับ แกเจอสเปรย์จัดทรงทั้งหน้าแน่ๆ"
วัตถุกลมๆ ที่อยู่ใต้ผ้าเกร็งจนสั่นมากๆ
"บอกว่า..อย่าขยับยังไงล่ะ"
อันยาพ่นสเปรย์ออกไปทันที ปุ๊กลุกพรวดออกมาจากผ้าโดยเอาสูทบังหน้าแทบไม่ทัน
"ยัย ยัยบ้า !! ไม่ให้ขยับได้ยังไงเล่า ก็คนมันคัน!!”
อันยาเหวอไป เมื่อเห็นว่าเป็นปุ๊กลุก "ไม่ใช่โจรนี่"
"โจรที่ไหนสวยขนาดนี้ล่ะยะ" ปุ๊กลุ๊กถาม
อันยาเหวอไป
เอกชัยสารภาพด้วยใบหน้าซีด
"ผมรับโทรศัพท์แค่แป๊บเดียว หายแว๊บไปไหนไม่รู้ครับ ให้คนช่วยหาทั้งออฟฟิศแล้วก็ไม่เจอ"
"แล้วกำนันโกมลมารึยัง" แสนถาม
"เค้าส่งคนมาครับ คงอาย ไม่กล้ามารับลูกสาวเอง พวกนั้นก็ช่วยตามหาด้วย แต่ก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่าปุ๊กลุกหายไปไหน"
แสนอึ้งๆ เพราะนึกแล้วว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นจนได้
อันยาเช็ดลิปสติกออกขณะที่พยายามจะถอยรถ
"หยุดนะ ห้ามกลับไปที่ออฟฟิศนั่นน่ะ" ปุ๊กลุ๊กสั่ง
"ขอโทษ พวงมาลัย กับคันเร่ง อยู่ในมือ และที่เท้าฉัน" อันยาบอก
อันยาหันไปถอยรถต่อ
"จะส่งตัวฉันกลับงั้นเหรอ ไม่มีทาง!” ปุ๊กลุ๊กว่า
ปุ๊กลุกหันซ้ายขวา แล้วก็เห็นกล่องรองเท้าหรูตรงเบาะหลังจึงเปิดออก
อันยาใจหล่นวูบ "นี่! ถือวิสาสะค้นของคนอื่นเค้าได้ยังไง"
"อย่าลืม ฉันเพิ่งแอบขึ้นรถเธอ แล้วจะต้องเกรงใจเรื่องอื่นทำไมยะ"
อันยาชะงักไปเพราะที่ปุ๊กลุกพูดก็ถูกอยู่
"ว๊าว" ปุ๊กลุ๊กหยิบรองเท้าออกมา "สวยนะ ท่าทางจะแพงมาก"
"นี่ ปล่อยมือจากเจ้าหญิงของฉันเดี๋ยวนี้!”
"เจ้าหญิง" ปุ๊กลุ๊กหัวเราะแล้วล้วงกระเป๋าหยิบคัตเตอร์ขึ้นมาจ่อที่รองเท้า "งั้นตอนนี้เจ้าหญิงของเธอตกเป็นตัวประกันแล้ว"
"ห๊ะ !! นั่นๆ ลิมิเต็ดอิดิชั่นน่ะยะ เธอ..ทำยังงี้ไม่ได้นะ"
"ขอโทษ คัตเตอร์นี่มันอยู่ในมือฉัน" ปุ๊กลุ๊กขยับคัตเตอร์ไปมาใกล้ๆ รองเท้า
อันยาเจ็บใจ แต่ก็สูญเสียเจ้าหญิงคู่นี้ไม่ได้จริงๆ
"เธอ..เธอต้องการอะไร"
ปุ๊กลุ๊กมองสำรวจไปรอบๆ ห้องชุดของอันยา อันยาหน้าคว่ำแต่ก็ต้องทำใจ
"ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว มันก็ไม่เหมาะสมจริงๆ นั่นแหละ ที่จะไปพักห้องพี่แสนเค้าแบบนั้น" ปุ๊กลุ๊กบอก
"คุณแสนเค้าไม่ยอมให้เธอเข้าห้องมากกว่า" อันยาว่า
ปุ๊กลุกจิกหน้าใส่ อันยาจ้องตาสู้
ปุ๊กลุกยังเอารองเท้ามาขู่ "ถ้าอยากให้รองเท้าเธอ อยู่รอดปลอดภัย ก็ต้องให้ฉันพักที่นี่แล้วฉันจะนอนในห้องด้วย เธอก็นอนข้างนอกตรงนี้" ปุ๊กลุ๊กชี้โซฟา
อันยาไม่อยากจะเชื่อ "นี่เธอ!!”
ปุ๊กลุกจ่อคัตเตอร์ที่รองเท้าแล้วมองด้วยสายตาประมาณว่า อย่าหือนะ อันยาอยากจะบ้า
อันยาเข้ามารวบแผ่นป้ายคำขวัญและอะไรต่างๆที่คิมหันต์มาติดไว้ออก
"บ้าบอที่สุด ! จะให้ใครเห็นไม่ได้"
อันยารีบเก็บของเหล่านั้นไปอย่างรวดเร็ว
ปุ๊กลุกมองไปทางห้องนอนก็เห็นว่าอันยายังไม่ออกมา ปุ๊กลุ๊กจึงกดเปิดมือถือ หน้าจอมีมิสคอลมาจาก “แม่” เยอะมากแต่ปุ๊กลุกไม่สนใจ เธอกดโทรออกหาเพื่อน
"นี่แก ฉันอยู่กรุงเทพแล้วนะ เออ !!บ้านนังเมียเลขาของด็อกเตอร์ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไงฉันมาบ้านมันทำไม ? แกไม่รู้อะไร เดี๋ยวพอตกดึกด็อกเตอร์มาหามัน ทีนี้แหละ ฉันก็จะ..." ปุ๊กลุ๊กเคลิ้ม "ให้พี่แสนเค้ารู้ ว่าผลิตภัณฑ์จากท้องนาหวานมันกว่านังบาร์บี้ป่าคอนกรีตนี่เยอะ"
ปุ๊กลุกบอกเพื่อนด้วยความมั่นใจมากๆ แล้วเสียงประตูห้องนอนก็เปิดออก ปุ๊กลุกรีบวางสายแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เมื่อกี๊นี้ฉันได้ยินเสียงคุยกัน เธอโทรหาใคร" อันยาถาม
"ไม่ใช่พ่อฉันก็แล้วกัน" ปุ๊กลุ๊กย้ำ "ยังไงคืนนี้ฉันก็จะนอนที่นี่"
อันยาสุดเซ็งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วเสียงมือถือของเธอก็ดัง อันยาหยิบขึ้นมาดู
ปุ๊กลุกรอคอยว่าเป็นแสน "ใครโทรมา"
"พ่อเธอมั้ง" อันยาสวน ปุ๊กลุกสะดุ้ง "เรื่องของฉัน โจรจับตัวประกันอย่างเธอ ไม่เกี่ยว" อันยารับสาย "ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันอันยาค่ะ" อันยาฟังไปก็หน้าซีด "อะไรนะคะ คุณย่า อยู่ที่ห้องฉุกเฉิน !" อันยาตกใจและกลัวจนจับใจ "ฉัน..ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ"
อันยาวางมือถือลงแล้วลนลาน คว้ากระเป๋ากับกุญแจรถ เธอทำอะไรตกๆหล่นๆด้วยความลน
ปุ๊กลุกเอ่ยถาม "จะไปไหน"
"ย่าฉันเข้าโรงพยาบาล" อันยานึกได้ "มีของกินอยู่ในตู้เย็น แล้วก็อยู่เฉยๆ อย่าก่อเรื่องล่ะ"
ปุ๊กลุกเก็ยความสงสัยเอาไว้ไม่ไหว "แล้วพี่แสน เค้าจะมาที่นี่รึเปล่า"
อันยาชะงักไป "เค้าจะมาทำไมไม่ทราบ !!" อันยานึกได้ว่าเธอเคยโกหกว่าเป็นเมียแสน "วันนี้เค้าไม่มาหรอก ถ้าผิดหวัง ก็กลับบ้านไปได้นะ" อันยาพูดจบก็เดินออกไปเลย
ปุ๊กลุกชะงัก แล้วชักสีหน้าใส่อันยา
อันยาเดินอย่างรีบร้อนไปที่รถ เธอจับที่เปิดประตูแล้วก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ไขกุญแจ อันยารีบควานหากุญแจแต่ยิ่งรีบก็ยิ่งหาไม่เจอ
"อยู่ไหนนะ"
อันยาทนไม่ไหวจึงเทของในกระเป๋าออกมากองกับพื้น กุญแจรถตกลงมาแล้วกระเด็นไปบนพื้นถนน อันยาวิ่งตามไปจะเก็บ ทันใดนั้นรถเก๋งคันหนึ่งก็บีบแตรไล่เสียงดังเพราะอันยาตัดหน้ารถกะทันหัน
อันยาร้องลั่น "ว๊าย !!”
แสนเข้ามารวบตัวอันยาหลบมาด้านข้างได้ทัน
เจ้าของรถไขกระจกมาถาม "โดนรึเปล่า?" แสนส่ายหน้า เจ้าของรถตำหนิ "ทีหลังระวังหน่อยสิคุณ " แล้วเขาก็ขับรถไป
"คุณแสน นี่คุณมาได้ยังไงคะ" อันยาถาม
"ผมได้รับข้อความที่คุณส่งมาว่าปุ๊กลุกอยู่กับคุณ ผมเป็นห่วง ก็เลยตามมาดู" แสนบอก
"ปุ๊กลุก ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
"ผมเป็นห่วงคุณ" แสนบอก อันยาอึ้งไป "รู้ว่ารับมือกับปุ๊กลุกมันไม่ง่าย แล้วนี่คุณกำลังจะไปไหน"
อันยานึกได้ "คุณแสน ฉันต้องทิ้งปุ๊กลุกไว้บนห้อง ฉัน..คุณย่าฉันเข้าโรงพยาบาล ฉันต้องรีบไป"
อันยาหันไปมองกองของที่เทมาจากกระเป๋าก่อนจะกอบของกลับลงไป แสนมองงงๆ
อันยาส่งบางอย่างให้ "คุณขึ้นไปหาปุ๊กลุกได้เลย นี่กุญแจ ฉัน..ฉันไปก่อน"
แสนคว้าแขนอันยาไว้ "อันยา นี่ลิปสติกไม่ใช่กุญแจ"
อันยาชะงัก "ขอโทษ" อันยาตบขมับตัวเองเบาๆ "ฉันรีบไปหน่อย" อันยาควานหากุญแจ
"ผมไม่ขึ้นไปดูปุ๊กลุกหรอก มานี่มา" แสนจูงอันยาไปที่รถตัวเอง "ผมไปส่งคุณเอง"
อันยาขืนตัวไว้เพราะไม่อยากจะอ่อนไหว "ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้"
อันยาดึงมือออกจากแสนแล้วหันกลับ แล้วเธอก็หารถตัวเองไม่เจอ อันยาพยายามหมุนหา
"รถคุณอยู่ตรงโน้น" แสนชี้บอก อันยาเหวอ "คุณน่ะลนไปหมดแล้ว แบบนี้ขับรถไปเองไม่ได้หรอก เชื่อผม เลิกดื้อซะที”
แสนย้ำแล้วพาอันยาที่ยังดูลังเลอยู่ไปที่รถของตัวเอง
ปุ๊กลุกหัวเสีย ในขณะที่สวาปามของกินของอันยาไปแล้วมากมายโดยทิ้งเศษซากกองอยู่บนโต๊ะ
"ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าพี่แสนไม่มา!”
ทั้งที่พูดอย่างนั้น แต่ปุ๊กลุ๊กก็กระวนกระวายหันรีหันขวาง แล้วเธอก็หันไปเห็นมือถือของอันยาที่วางลืมทิ้งไว้
"เอ๊ะ !ยัยนั่นลืมไว้นี่นา"
ปุ๊กลุกหยิบมือถือมาเซิร์ซหาชื่อของแสนแล้วก็เจอเข้าจนได้ ที่หน้าจอเป็นชื่อพร้อมเบอร์โทรของแสน
"สถานการณ์เป็นใจให้เราจริงๆ"
ปุ๊กลุกยิ้มกริ่มอย่างมีแผน
ณ โรงพยาบาลชานเมือง
อันยาทวนคำ "หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน"
อันยาหน้าซีด ที่กลัวอยู่แล้วก็ยิ่งเป็นหนักขึ้น
"ตอนนี้คุณหมอกำลังช่วยขยายหลอดเลือดให้นะคะ ถ้าการตอบสนองดี คนไข้ก็จะไม่ต้องผ่าตัด แต่ต้องรอดูอาการก่อนค่ะ"
"คุณพยาบาลคะ บอกคุณหมอนะคะ จะรักษาด้วยวิธีที่แพงแค่ไหนก็ได้ ขอแค่ให้ช่วยย่าฉันได้ ให้ย่าฉันทรมานน้อยที่สุด"
"ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทางเรารักษาเต็มที่อยู่แล้ว" พยาบาลบอก
อันยายังดูกังวลมากๆ แสนเข้าไปปลอบและให้สติ
"อันยา คุณพยาบาลเค้าพูดถูกแล้วนะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเค้าเถอะ"
แสนค่อยๆพาอันยาออกมาจากบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินเพื่อให้เธอสงบสติ
แสนพาอันยามานั่ง สีหน้าของอันยายังไม่ดีขึ้น พอนั่งได้อึดใจเธอก็ผุดลุกขึ้นแล้วมองไปทางหน้าห้องฉุกเฉินอีก
"อันยา.. คุณย่าคุณอยู่ในมือหมอแล้ว คุณพักบ้างเถอะ" แสนบอก
อันยาฟังแสนแล้วก็ยอมหันกลับมา แต่ทว่าเธอกลับมีสีหน้าอัดอั้นมากๆ
"ถ้า..ถ้าฉันเอาใจใส่คุณย่ามากกว่านี้ หมั่นไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ ก็คงไม่เป็นแบบนี้"
แสนมองอันยาแล้วก็รู้สึกได้ถึงความทุกข์ ความรู้สึกผิดมากๆ
อันยาพูดต่อ "ช่วงหลังฉันมัวแต่ทำงาน! จนลืมเรื่องคุณย่าซะสนิท เมื่อเช้าคุณย่าฝากข้อความเอาไว้ให้ฉันไปหาที่บ้านสวน ฉันตั้งใจจะไปตอนเย็น แต่..ก็มาเกิดเรื่องปุ๊กลุก" อันยาเจ็บปวด "ฉัน ฉันมัวแต่สนใจเรื่องอื่น.. จนลืมย่าของตัวเอง"
แสนฟังอันยาแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองก็มีส่วนไปด้วย
"พ่อ..ให้ฉันมาอยู่ที่นี่เพื่อให้ดูแลคุณย่า แต่ดูสิ ว่าฉันทำอะไร" อันยาสะอื้น
"อันยา..คุณอย่าโทษตัวเองฝ่ายเดียว ผมก็ผิดด้วย ที่ให้คุณช่วยเรื่องของผมมากเกินไป"
อันยาส่ายหน้า "แต่ฉันต้องรู้ตัวเองสิ ไม่ใช่ปล่อยให้คุณย่าเป็นแบบนี้..ฮือ นี่ถ้าคุณย่า" อันยาแทบจะพูดไม่ออก "ถ้าคุณย่าเป็นอะไร" อันยาใจจะขาด "ฉัน...ฉันจะทำยังไง"
แสนมองอันยาอย่างเห็นใจมากเหลือเกิน เขาคิดว่าจะพูดยังไงให้อันยามีกำลังใจดีขึ้น
"อันยา...แล้วถ้าคุณย่าคุณปลอดภัย คุณจะทำอะไรให้ท่าน"
"ฉันจะไม่อยู่ห่างท่านอีกแล้ว จะใช้เวลากับคุณย่าให้มากขึ้น จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก" อันยาบอก
แสนพยักหน้า "งั้น... คุณก็เริ่มทำเพื่อท่านตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ ตั้งสติ และเข้มแข็งเอาไว้ ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเองให้ดีก่อน จะมีใครดูแลคุณย่า"
"คุณแสน แล้ว แล้วถ้าเกิดว่าคุณย่า"
แสนส่ายหน้าไม่ให้อันยาพูด "อันยา ผมรับรองว่าคุณย่าคุณจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ไม่ได้ แต่ถ้าคุณอยากทำอะไรให้ใคร ตัวคุณเองต้องพร้อม...คุณจะต้องเข้มแข็ง คุณทำเพื่อคุณย่าได้มั้ย"
อันยานิ่งไปเพราะยอมรับในสิ่งที่แสนพูด เธอพยักหน้ารับทั้งน้ำตาเหมือนเด็กที่ฟังผู้ใหญ่สอน
"ดี.. ดีมากอันยา"
แสนลูบหัวปลอบอันยา อันยาซึ่งอ่อนแอมากค่อยๆซบศีรษะลงกับไหล่ของแสน แสนชะงักไปแต่ก็โอบอันยาเข้ามาปลอบด้วยความเห็นใจ
ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของอันยาถูกเปิดค้างเอาไว้โดยมีร่องรอยรื้อค้น ปุ๊กลุกนั่งแต่งหน้าแต่งตาอยู่จนพอใจแล้วก็หยิบมือถือของอันยาขึ้นมากดพิมพ์ข้อความ
"แสนขา....คิดถึงคุณจัง ถ้ามาหาฉันคืนนี้ จะมีรางวัลให้นะคะ ม๊วฟ ม๊วฟ"
ปุ๊กลุกพิมพ์ข้อความเสร็จก็กดส่งออกไป แล้วก็มองตัวเองในกระจกก่อนจะคิดว่าสวยจังนะเรา ปุ๊กลุ๊กรออย่างมีหวัง
แสนและอันยานั่งรออย่างอ่อนเพลีย อันยานั่งจะหลับมิหลับแหล่ อันยาสัปประหงกลงมาจนเหมือนหน้าจะทิ่ม แต่แล้วก็ยืดตัวขึ้นมาเองได้ แสนที่มองอยู่โล่งอก อันยาค่อยๆ เอนลงมาใหม่ แสนเหล่ว่าทีนี้จะยังไง อันยาไม่ทันจะหน้าทิ่มก็ลืมตาตื่นขึ้น
"คุณดูเพลียมากนะ นั่งพิงดีๆ แล้วหลับสักงีบเถอะ" แสนบอก
อันยาส่ายหน้า แต่เสียงอู้อี้ "ไม่ ฉันไม่ง่วง"
อันยาพยายามมานั่งหลังตรงตามเดิมแต่แล้วก็เริ่มโงนเงนอีก ทีนี้ตัวของเธอเอนจะร่วงลงไปอีกฝั่ง แสนรีบไปจับไว้เมื่อเห็นว่าอันยาไม่ตื่น เขาก็ขยับให้ศีรษะอันยาพิงกับเบาะของเก้าอี้ แต่อันยาพลิกตัวพอดี ศีรษะเลยร่วงลงมาลงมาที่ตักของแสน แล้วอันยาก็ซุกนอนที่ตักของแสนเลย
แสนมองอันยาที่นอนหนุนตักเขาเหมือนกับเด็กๆ แล้วก็ยิ้มเอ็นดู เขาเขี่ยไรผมที่หล่นมาเคลียแก้มไปไว้ที่หลังหูให้เธออย่างเบามือ
ปุ๊กลุกนอนรอด้วยท่าทางเซ็กซี่ แต่สีหน้าเซ็งมาก
"ฮ่วย ! ดึกป่านนี้ ยังไม่มาอีก!" ปุ๊กลุ๊กหาว
ปุ๊กลุกเซ็งสุดขีด เธอจะลุกขึ้น แล้วทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงออดหน้าห้องดัง ปุ๊กลุกชะงักแล้วรีบกลับไปนอนตามเดิม
ชายคนหนึ่งมายืนรอหน้าห้องของอันยาอย่างหงุดหงิด เขาลองบิดลูกบิดปรากฎว่าประตูไม่ได้ล็อค ชายคนนั้นก้าวเข้ามาในห้องก็เห็นว่าส่วนอื่นไฟปิดไว้จนมืด มีแต่ไฟสลัวโรแมนติคจากห้องนอนที่แง้มบานประตูไว้ส่องลอดออกมา ชายคนนั้นเดินตามแสงไฟเข้าไป
ปุ๊กลุกซึ่งเอาผ้านวมคลุมร่างของตัวเองเอาไว้ใจเต้นระทึกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนก้าวเข้ามาในห้อง
"มาแล้ว" ปุ๊กลุ๊กตื่นเต้นจนไส้จะบิด แต่ก็พยายามเก็กสวยขณะอยู่ใต้ผ้านวม
ชายที่เดินเข้ามาคือทวยเทพ ทวยเทพพูดเสียงเมาๆ "อัน คุณทำยังงี้ได้ยังไง"
ปุ๊กลุกที่อยู่ใต้โปงชะงัก
"พี่แสน ทำไมเสียงแปลกๆ" ปุ๊กลุ๊กมองผ้านวม "คงเพราะเราอยู่ในนี้มั้ง?”
ทวยเทพมีสีหน้าน้อยใจและเจ็บใจ
"ดูสิ ยังนอนนิ่ง ไม่สนใจกันอีก ตื่นขึ้นมา!! ขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยอัน"
ปุ๊กลุกยุกยิกแล้วเลิกชายผ้าที่คลุมปลายเท้าขึ้นเพื่อจงใจโชว์เรียวขาอ่อย
ทวยเทพเห็นขาโผล่ออกมาก็ชะงัก "นี่ !! ไม่คุย แล้วยังให้ผมดูเท้าคุณอีกเหรอ ไม่สุภาพเลยนะอัน"
ปุ๊กลุกที่อยู่ใต้ผ้าห่มงงๆ
"บ่นอะไรของเค้าวะเนี่ย"
"ผมไม่ดูเท้าคุณ หันหน้ามาคุยกันเดี๋ยวนี้"
"เฮ้ย !! เห็นหน้าก็จบเห่สิ" ปุ๊กลุ๊กว่า
ทวยเทพปราดมาทางหัวนอนแล้วจะดึงผ้านวมที่คลุมตัวปุ๊กลุกออก ปุ๊กลุบกดดับไฟข้างหัวเตียง ทำให้ห้องที่สลัวอยู่มืดสนิท
"เฮ้ย ! คุณดับไฟทำไม" ทวยเทพโวย
ทวยเทพยังงงงวยอยู่ แล้วริมฝีปากของปุ๊กลุกก็ประทับลงมาที่ปากเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทวยเทพส่งเสียงอู้อี้ ปุ๊กลุกล็อคอปล้ำทวยเทพมั่วๆ ทวยเทพดิ้นๆ ก่อนที่จะค่อยๆ หยุดลง
ทวยเทพทิ้งตัวลงไปตามแรงรัดเกี่ยวของปุ๊กลุกอย่างสมยอมในที่สุด
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 7 (ต่อ)
อันยาที่นอนซุกตักแสนอย่างสบายค่อยๆตื่นขึ้น แล้วก็ชะงักไปเมื่อรู้ตัวว่ากำลังนอนตักแสนอยู่ เธอเหลือบมองเห็นแสนหลับตาอยู่ก็โล่งอก อันยาค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ
"ใครน๊า บอกว่าไม่ง่วง" แสนว่า
อันยาหน้าแตกที่โดนจับได้
แสนลืมตาขึ้นมายิ้มเอ็นดูอันยา "ผมล้อเล่น! คุณได้งีบบ้างดีแล้ว จะได้มีแรง"
"คุณก็..ปล่อยให้ฉันนอนตักคุณอยู่ได้ ! เก้าอี้ว่างมีตั้งเยอะตั้งแยะ"
"แต่ตักผมก็ว่างเหมือนกันนี่" แสนบอก
แสนมองอันยาด้วยแววตาคมวับ
อันยาคิดในใจ "ตักว่าง แต่หัวใจไม่ว่าง"
อันยามองแสนแบบหาเรื่องหน่อยๆ แสนมองอันยาอย่างยั่วเล่นด้วยความสนุก อันยาเห็นแววตาแสนแล้วก็ต้องหลบเมื่อรู้สึกหัวใจชักจะจะเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว
พยาบาลเข้ามาเรียก "คุณอันยาคะ"
อันยารีบเบนความสนใจไปแล้วรีบถาม
"คุณย่า ปลอดภัยแล้วใช่มั้ยคะ ?”
แม้จะอ่อนเพลีย แต่ลดา ย่าของอันยาก็ยังยิ้มบางๆให้อันยา
"หนูอัน" ลดามองหลาน "ไม่สบายรึเปล่า ดูหน้าตาซึมๆนะเราน่ะ"
"คุณย่า ดูถามเข้าสิ ก็ซึมเพราะคุณย่าล้มเข้าโรงพยาบาลนี่ไงล่ะคะ"
ลดาหัวเราะเบาๆ "ย่ามาพักร้อนน่ะ เทวดาคงเบื่อที่วันๆย่าเอาแต่อยู่บ้านสวนไม่ยอมไปไหน เลยให้มาเปลี่ยนที่นอนบ้าง"
"ยังจะพูดเป็นเล่นอีกนะคะ"
ลดายิ้มอย่างไม่ซีเรียสแล้วก็หันไปเห็นแสน
"นั่นใคร แฟนเหรอจ๊ะหนูอัน" ลดาทำตาพราวขึ้นมานิดๆ "หล่อดีนะ"
อันยาสะดุ้งพรวด ขณะที่แสนหัวเราะ
"สวัสดีครับ ผมแสนครับ"
"เค้าเป็นเจ้านายของอันค่ะ" อันยาบอก
"อ้าว เราเคยเล่าให้ย่าฟังว่าเจ้านายเราชื่อธะ.." ลดาคิด "ธะอะไรสักอย่าง"
อันยาตกใจก่อนจะรีบบอก "อันนั้นเจ้านายเก่าน่ะค่ะ อันเปลี่ยนงานแล้ว เราอย่าพูดถึงเรื่องงานอัน
เลย คุณหมอเพิ่งขยายหลอดเลือดให้คุณย่า ให้ยาคลายเครียดด้วย อย่าเพิ่งพูดเลยค่ะ"
"มิน่า ย่ารู้สึกอารมณ์ดี๊ดี ตอนแรกนึกว่าเพราะเห็นหน้าแฟนหนูอันซะอีก"
อันยาย้ำ "ไม่ใช่แฟนค่ะคุณย่า"
"จ้ะๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ชื่อพ่อแสนใช่มั้ยจ๊ะ" ลดาถาม แสนหัวเราะไปถึงไหนต่อไหน "ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาเยี่ยมย่าเป็นเพื่อนหนูอัน"
"ไม่เป็นไรครับ รู้มั้ยครับ ว่าคุณย่าเป็นคุณย่าที่น่ารักมาก ยังสวยอยู่เลย ถ้าไม่บอก ผมไม่รู้ว่ามีหลานสาวโตขนาดนี้แล้วนะครับ"
"อุ๊ย พูดอย่างนี้ย่าก็เขินแย่ แหม..ไม่อยากจะบอก หลายคนเค้าก็พูดแบบนี้แหละ พ่อแสนเองก็น่ารักเหมือนกัน นี่ถ้าย่ายังสาว ต้องตกหลุมรักแน่ๆ"
"คุณย่า.." อันยาอาย
ลดาหาได้แคร์ไม่ แสนหัวเราะขำกับท่าทีของอันยาและรู้สึกถูกชะตากับลดามากๆ เช่นเดียวกับลดาที่คุยกับแสนอย่างเพลิดเพลิน อันยาเหล่แสนกับย่าแบบรู้สึกหมั่นไส้เบาๆขึ้นมา
อันยาเดินออกมากับแสน แสนมองอันยาก็เห็นสีหน้าของเธอยังไม่สบายใจ
"คุณย่าก็ปลอดภัยแล้ว ทำไมยังหน้าเครียดอยู่อีก ไม่อารมณ์ดีเหมือนย่าเลยนะคุณเนี่ย"
"จะให้สบายใจได้ยังไงคะ.. ครั้งนี้โชคดี ที่คุณย่าไม่เป็นอะไรมาก แต่ต่อไป ฉันจะแน่ใจได้ยังไง ว่าจะโชคดีอีก"
"อันยา ที่คุณบอกว่าจะไม่อยู่ห่างคุณย่า จะได้มีเวลาดูแลท่าน ใช้เวลากับท่านได้มากขึ้น คุณลองพูดกับท่านรึยัง"
"ฉันเคยชวนท่านเป็นสิบๆหนแล้วให้มาอยู่ที่คอนโดด้วยกัน แต่ท่านน่ะรักบ้านสวนมาก ถ้าจะให้ฉันอยู่ที่บ้านสวนกับคุณย่า ก็คงต้องออกจากงานที่เพียงพอดี เพราะมันไกลกันมาก"
แสนรีบบอก "ไม่ได้นะ ผมไม่อนุญาต" อันยามองแสน แสนรีบกลบเกลื่อน "คือ..ผมกับคุณ เราเป็นเจ้านาย และเลขาที่เคมิคัลกันมาก ถ้าคุณไม่อยู่ ผมคง..ลำบาก"
"ฉันก็..ยังไม่ออกตอนนี้หรอกค่ะ" อันยานึก "ต้องทำภารกิจให้สำเร็จก่อน"
"ภารกิจของเลขา ไม่มีวันเสร็จสิ้นหรอกคุณ.." แสนว่า อันยาเพิ่งรู้ตัวเพราะดีที่แสนไม่เอะใจ "เอายังงี้คุณไม่รู้จะพูดกับคุณย่าคุณยังไงใช่มั้ย งั้น..ผมจะพูดให้เอง ให้คุณย่ายอมมาอยู่กับคุณที่คอนโด"
"ห๊ะ !" อันยาไม่อยากเชื่อ "ฉันเป็นหลานสาวสุดที่รักของคุณย่า ยังชวนไม่สำเร็จเลย คุณจะชวน?”
แสนพยักหน้า อันยาทำหน้าไม่เชื่อ "เอายังงี้ ถ้าผมทำได้ คุณมีรางวัลให้ผมมั้ยล่ะ"
อันยาส่ายหน้าแล้วยิ้มมุมปากประมาณว่า แสนทำไม่ได้แน่ๆ
"งั้นตกลงแล้วนะ ถ้าผมทำสำเร็จ ผม..ขออะไรคุณได้อย่างนึง"
"เชิญเลยค่ะ" แล้วอันยาก็นึกได้ "นี่ แต่ห้ามขออะไรที่ฉันให้ไม่ได้นะ บอกไว้ก่อน"
"ไหนตอนแรก บอกว่าผมทำไม่ได้แน่ๆไง"
"ก็แค่พูดกันไว้ก่อน ไม่ได้กลัวนะ"
"โอเค งั้นมาลองดูกัน" แสนมองนาฬิกา "นี่ใกล้จะเช้าแล้ว เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่คอนโดนะ"
"ค่ะ" อันยานึกขึ้นได้ "ลืมไปเลย เราหายกันมาตั้งนาน ไม่รู้ว่าปุ๊กลุกเป็นยังไงบ้าง?”
อันยาเพิ่งนึกเรื่องปุ๊กลุกขึ้นมาได้ แสนเองก็ชะงักไปเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
แสงสาดส่องเข้ามาในห้องนอนของอันยา ทวยเทพลืมตาขึ้นมองไปยังด้านหลังของผู้หญิงที่เคียงข้างกันมาทั้งคืน
ทวยเทพเข้าไปกอดจากด้านหลัง "อัน..คุณนี่ร้ายจริงๆ มีวิธีให้ผม โกรธคุณไม่ลงตลอดเลย"
ปุ๊กลุกที่โดนกอดยุกยิกๆ เมื่อโดนปลุก
ทวยเทพพูดต่อ "เรื่องที่ผ่านมา ผมยกโทษให้ แต่คุณต้องไม่ลืม เมื่อคืนนี้ของเรานะ" ทวยเทพเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ตอบ "โอเคมั้ยอัน"
ทวยเทพยื่นหน้าข้ามไปมอง จังหวะเดียวกับที่ปุ๊กลุกขยี้ตาตื่นขึ้นมาพอดี
"อัน!!" ทวยเทพขยี้ตา "เฮ้ย เธอ.. เธอเป็นใคร"
ทวยเทพลุกพรวดพร้อมกางเกงบ็อกเซอร์ เขากระโดดลงจากเตียง ปุ๊กลุกก็ลุกพรวดเหมือนกัน เมื่อเห็นหน้าทวยเทพชัดๆ
ปุ๊กลุกมองหา "พี่แสนล่ะ แก แกมาได้ยังไง พี่แสน พี่แสนช่วยด้วย!! ไอ้หื่นกามมันจะทำมิดีมิร้ายเมียพี่"
"แสน? หมายถึง ไอ้ด็อกเตอร์นั่นน่ะเหรอ"
"อย่ามาขึ้น “ไอ้” กับพี่แสนของฉันนะ"
"ฉันอยู่บนเตียงนี่มาทั้งคืน ไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้แสนนั่น อันไม่มีทางให้มันเข้ามาเหยียบในห้องนี้หรอก"
"ฉันก็ไม่ยอมให้นังนั่นได้กกพี่แสนของฉันเหมือนกัน เมื่อคืนนี้พี่แสนเค้าเป็นของฉันคนเดียว"
ทั้งสองคนต่างประกาศแล้วต่างก็รู้สึกถึงอะไรแปลกๆ ทันใดนั้นทั้งสองก็ต่างมองและเรียกหาคนที่คิดว่าตัวเองอยู่ด้วยเมื่อคืน
"อัน" / "พี่แสน"
ไม่มีเสียงตอบ ทวยเทพและปุ๊กลุกต่างพรวดออกไปตามหาคนของตัว
ทวยเทพมองหาอันยาไปทั่วห้อง ปุ๊กลุกพรวดออกมาเรียกหาแสนเหมือนกัน
"อัน" / "พี่แสน"
ทวยเทพกับปุ๊กลุกตามหาเป้าหมายจนทั่ว
"อัน" / "พี่แสน"
ทั้งสองพยายามหาร่องรอยของคนทั้งสอง แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ทั้งสองแต่ถอยหลังมาชนกันเองซะงั้น
"เฮ่ย" / "แก"
"ทำไมมีแต่เธอ" / "ทำไมมีแต่แกคนเดียว"
"งั้น..งั้นเมื่อคืนนี้ก็..." ปุ๊กลุ๊กไม่อยากจะยอมรับ "ไม่..ไม่จริง!!! อร๊าย"
ปุ๊กลุกกรี๊ดแตกแล้วคว้าของมาฟาดใส่ทวยเทพ
"ไอ้หื่นกาม!! แกพรากขโมยความสาวของฉันไปจากพี่แสน แก!! ไอ้โจรปล้นสวาท"
"พูดดีๆ ใครปล้ำใครกันแน่ เธอน่ะ มาล็อคคอฉันก่อน"
"พูดอะไรของแก สาวบริสุทธิ์อย่างฉันน่ะเหรอ จะทำแบบนั้น"
"โหย...นี่ถ้ารู้ว่าเป็นเธอ ต่อให้โดนล็อคคอ ฉันก็จะกลั้นใจตาย"
"แก๊ !!! ไอ้สารเลว ตายซะเถอะ!" ปุ๊กลุ๊กเอาของปาอย่างหนักหน่วง
ทวยเทพรีบไปคว้าเสื้อที่หล่นบนพื้นตรงประตูห้องนอนมาสวม
"ใน..ในเมื่อเธอก็ไม่ชอบฉัน ฉันก็สยองเธอ งั้น.. งั้นถือว่าเราไม่เคยเจอกัน" ทวยเทพว่า
"ไอ้ ไอ้ !!! ฉันต่างหากที่ต้องพูดประโยคนั้น"
ปุ๊กลุกถือแจกันพุ่งมาหาทวยเทพ ทวยเทพถอยกรูด แจกันจะฟาดหน้าแต่ทวยเทพหลบออกทางประตูได้ทันหวุดหวิด ปุ๊กลุกที่ถือแจกันค้างอยู่ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรงและทำอะไรไม่ถูก เธออยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก
แสนขับรถพาอันยามาส่ง เขากำลังจะเลี้ยวเข้าไปยังที่จอดรถ ทันใดนั้นก็มีรถของทวยเทพขับสวนเลนแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ทำเอารถที่กำลังจะเข้ามาเลนนั้นเบรคเอี๊ยดแทบไม่ทัน
"ขับรถประสาอะไรวะ !” คนขับรถคันนึงตะโกนว่า
ทวยเทพไม่สน เขาบึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว
แสนและอันยาที่อยู่ห่างออกมามองเห็นแต่ไกล แสนส่ายหน้าในพฤติกรรมแย่ๆ ที่เห็น ขณะที่อันยาเพ่งมองรถคันนั้นในระยะห่างแล้วก็รู้สึกว่าใช่
"เอ๊ะ นั่นมัน...”
"มีอะไรเหรอ"
อันยาไม่กล้าบอก "เอ่อ ฉันคงตาฝาดน่ะค่ะ เรารีบขึ้นไปดูปุ๊กลุกดีกว่าค่ะ"
แสนเอารถเข้าไปจอด ขณะที่อันยายังประหลาดใจอยู่นิดๆ
ข้าวของแต่งห้องของอันยาตกลงมาแอ้งแม้งบนพื้นหลายชิ้น แสนมองอย่างงงๆ อันยาเดินออกมาจากในห้องนอนพร้อมกับส่ายหัว
"ในห้องก็ไม่อยู่ค่ะ กระเป๋าที่เค้าเอาติดตัวมาก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน" อันยาบอก
"บทจะมาก็มา จะไปก็ไปเนี่ย ยังไม่แปลกเท่าไหร่ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าต้องทำห้องคุณเละเทะแบบนี้ด้วย" แสนว่า
"ห้องนอนก็รก ยังกับเกิดสงครามแน่ะค่ะ ปุ๊กลุกจะมีเรื่องอะไรรึเปล่าคะเนี่ย"
อันยาถามอย่างไม่สบายใจ
เอกชัยวางหูโทรศัพท์ลง แล้วหันมาบอกแสน
"ที่บ้านกำนันโกมล บอกว่าปุ๊กลุกกลับไปถึงบ้านแล้วล่ะครับ"
แสนกับอันยามองหน้ากันแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"แต่ว่า เอ่อ" เอกชัยอึกอัก "กำนันบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับด็อกเตอร์น่ะครับ"
"กำนันโกมลอยากคุยกับผม?” แสนงง
โกมลพูดซีเรียสแต่ก็พยายามจะไม่แสดงอารมณ์โกรธที่มีออกไปมาก
"ใช่ บอกมาซิ เรื่องที่เกิดขึ้น คุณจะรับผิดชอบยังไง"
แสนถอนใจก่อนจะอธิบาย
"ปุ๊กลุก มาหาผมก็จริง แต่ว่าเค้าไม่ได้อยู่กับผม เค้าพักอยู่ที่ห้องของเลขาผม และผมไม่ได้ไปที่นั่นเลยจนถึงเมื่อเช้า ซึ่งลูกสาวของกำนันก็กลับไปแล้ว"
โกมลยังมีอคติถึงจะฟังแล้วแต่ก็ไม่อยากจะเชื่อ
"จะบอกว่าลูกผม หายไปหาคุณวันกับคืนนึง โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยยังงั้นเหรอ ที่ผมยอมเจรจาคุยกับคุณดีๆ คุณก็น่าจะสำนึกบ้าง ถ้ายังมีความเป็นลูกผู้ชาย"
แสนหนักแน่นที่จะยืนยันต่อไป
"กรุณาอย่ามองเรื่องนี้จากมุมมองทั่วๆไป ว่าผู้ชายทุกคน มีผู้หญิงมาหาแล้วจะต้อง..ทำเรื่องที่ไม่ดี ฉวยโอกาสเหมือนกันหมด ปุ๊กลุกเหมือนน้องสาวของผม ผมไม่เอาเปรียบเค้าแน่ๆ"
โกมลฟังที่แสนพูดโดยที่แววตาไม่ยอมรับเลย
แสนพูดจากโทรศัพท์ "ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมมีคนที่ยืนยันได้ ว่าผมไม่ได้อยู่กับลูกสาวคุณเมื่อคืนนี้"
โกมลโพล่งออกมาอย่างเหลืออด
"มันก็คนของแกทั้งนั้นแหละ!!”
แสนพยายามจะพูดโน้มน้าวให้โกมลเปิดใจรับฟัง
"ผมไม่อยากจะผิดใจกับกำนันนะครับ แต่ผมก็รับผิดชอบในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำไม่ได้ ถ้ากำนันยอมปล่อยวางอคติที่มีต่อผมบ้าง ก็จะรู้ ว่าผมพูดความ...”
แกร็ก โกมลวางหูไปโดยที่แสนยังไม่ทันพูดจบ
"เฮ้อ...ทุกวันนี้ยังเกลียดกันไม่พอใช่มั้ย" แสนกลุ้มใจ
แสนเครียดแต่จนปัญญาจะอธิบายไปมากกว่านี้ เพราะรู้ว่าโกมลคงไม่ฟังเขาอยู่ดี
ลูกน้องของโกมลยุใส่ไฟแค้นเข้าไปอีก
"ของอย่างนี้ ถ้าจับไม่ได้คามือคาตีน ใครจะไปยอมรับล่ะครับกำนัน !”
โกมลโมโหมาก "ลูกสาวข้า ทำไมมันโง่อย่างงี้วะ"
"แล้วน้องปุ๊กลุก ว่ายังไงบ้างล่ะกำนัน" ลูกน้องโกมลถาม
"มันบอกว่ามันไปนอนกับเพื่อน!! จะเค้นคอให้มันพูด ! ข้าก็ไม่อยากจะมองหน้ามัน!!เห็นแล้วมัน...ฮึ่ย !! ทำไมคนอย่างข้าต้องมีลูกสาวแบบมัน"
"โกรธลูกไปก็เท่านั้นล่ะ ไอ้ด็อกเตอร์หน้าขาวนั่น มันหล่อ ผู้หญิงที่ไหนก็หลงมันทั้งนั้น เนี่ยคงห้ามไม่ให้น้องปุ๊กลุกบอกความจริงกำนันน่ะสิ"
"ไอ้แสน ถ้ามันมาเหยียบถิ่นนี้ล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่สงบสุข"
โกมลพูดออกมาด้วยความแค้น
อันยามีสีหน้าไม่สบายใจ
"คุณยังต้องไปลงฟิลด์ที่หมู่บ้านนกกระเต็นอีก ผิดใจกับกำนันแบบนี้ จะไม่เป็นไรเหรอคะ"
"ถ้าเลี่ยงไม่ไปที่นั่น เค้าก็ยิ่งคิดว่าผมทำจริงๆ" แสนบอก
"ถึงคุณไป เค้าก็คิดอยู่ดี ! นี่ ฉันพูดจริงๆนะ ในเมื่อปัญหามันเยอะขนาดเนี๊ยะคุณ..ไม่ลองคิดดูเรื่อง.." อันยาพูดไม่ออกแต่ก็คิดในใจ "เรื่องเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ พูดสิอันยา !!”
อันยามองหน้าแสนก็เห็นสีหน้าที่จริงจังของเขาทำให้พูดออกไปไม่ได้
"คุณ...เป็นห่วงผมมากเลยเหรอ?” แสนถาม
อันยาชะงักไป "ฉัน..ห่วงตัวเองจะตกงานต่างหากล่ะ ถ้าบอสอย่างคุณเป็นอะไรไป เลขาอย่างฉันจะเหลือเหรอ เดี๋ยวฉันจะรีบเคลียร์งาน แล้วจะขอลากลับไปดูคุณย่าให้เร็วหน่อยนะคะ"
อันยาหันหลังให้แสนแล้วก็โกรธตัวเองเบาๆที่เผลอเป็นห่วงแสนออกไป เธอจะรีบชิ่ง
แสนพูดขึ้น "อันยา.. ขอบคุณนะ..ที่เป็นห่วง"
อันยาชะงักด้วยความรู้สึกอุ่นในใจที่ได้ยินแบบนั้น แสนยิ้มบางๆ ด้วยความดีใจที่ยังมีบ่อเกิดความสุขอยู่ตรงนี้ อันยาเหลียวมามองแสน ขณะที่สายตาของสองคนกำลังจะสื่อสารความรู้สึกดีๆแก่กัน พิลาสินีก็เดินเข้ามา
"มาออฟฟิศได้ซะที เมื่อคืนไปไหนมาไม่ทราบคะ ลืมไปแล้วรึไง ว่านัดคุยงานออนไลน์กับฉัน ปกติคุณไม่เคยลืมนัดของเรานะคะ"
แสนนึกได้ก็ตกใจเบาๆ "ขอโทษทีแพม เมื่อวานนี้ผม.." แสนมองอันยา "มีธุระด่วนนิดหน่อย"
พิลาสินียังนิ่งอยู่
แสนหวานใส่ "งั้นจะให้ผมชดเชยยังไง บอกมาได้เลยครับ ด็อกเตอร์พิลาสินี"
"รู้ตัวก็ดีแล้ว งั้นเย็นนี้คุณต้องช่วยฉันเรื่องโครงการ ที่เราจะทำด้วยกันน่ะ มาช่วยกันทำรายละเอียดที่ยังขาดอยู่ด่วนเลย"
"เย็นนี้เหรอ คือผม" แสนมองอันยา "รับปากว่าจะไปเยี่ยมคุณย่าของอันยาเค้า พอดีคุณย่าเค้าเข้าโรงพยาบาลน่ะ"
"อ้าว ยังงั้นเหรอ" พิลาสินีพูดกับอันยา "แล้วคุณย่าเธอเป็นอะไรมากรึเปล่าอันยา"
"ตอนนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ" อันยาตัดใจบอกกับแสน "คุณช่วยคุณแพมเถอะค่ะ เรื่องคุณย่า..ฉันดูแลท่านเองได้"
อันยาบอกแสนแล้วเดินออกมา ความรู้สึกดีๆที่ก่อเกิดในตอนแรกดับวูบลงไป อันยามาหยุดอยู่บริเวณหน้าห้องแล้วพยายามย้ำเตือนใจตัวเอง
"ดีแล้วอันยา จะว่อกแว่กไม่ได้"
อันยาต้องห้ามใจและห้ามใจต่อไป
อันยาเดินซื้อของในซูเปอร์มาเก็ตเพื่อเตรียมตัวไปเฝ้าไข้ลดา
"เจ๊อยู่กับด็อกเตอร์แสนทั้งคืน !!” คิมหันต์ถาม
อันยาหันมา "อยู่ด้วยกันบนรถ จากนี่ถึงนครปฐม โรงพยาบาลใกล้ๆบ้านสวนของคุณย่า แล้วก็ดูอาการคุณย่าอยูจนเกือบเช้า แล้วคุณแสนเค้าก็ขับกลับมาส่งฉันที่นี่"
"โอ้โห สวีทกันบนรถ ที่โรงพยาบาล แล้วก็ในรถอีกรอบ"
อันยาถือมีดที่โชว์อยู่บนชั้นขึ้นมา
คิมหันต์รีบบอก "แหม รู้ ! ว่าแค่เพื่อนกันยามวิกฤต แต่แบบเนี๊ยะ..ไม่ยิ่ง..ใจหวั่นไหวใหญ่เหรอ"
"ด็อกเตอร์เค้าก็ทำเพราะเห็นแก่ผู้หญิงตาดำๆคนนึง ที่กลัวมากจนไร้สติก็เท่านั้นเอง" อันยาเหมือนพูดกับตัวเอง "จะหวั่นไหวไปทำไม" อันยาบ่น "นี่ก็คงทำงานเพลินอยู่กับด็อกเตอร์แพม"
"แหม ถามนิดเดียว ตอบซะเยอะ" คิมหันต์ว่า อันยาเหล่คิมหันต์ "เปล๊า ไม่ได้ว่าเจ๊แก้ตัวนะ คิดงั้นได้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเอาหัวใจของตัวเองไปเสี่ยง"
อันยาดูนาฬิกา "เลิกคุยนอกเรื่องได้แล้ว เดี๋ยวฉันต้องรีบไปเฝ้าอาการคุณย่า"
อันยาคุยโทรศัพท์มือถือกับเจ้าหน้าที่แบบไม่อยากจะเชื่อ !!
"คุณย่าออกจากโรงพยาบาลแล้ว งั้นเหรอคะ?”
คิมหันต์ที่ช่วยอันยาหิ้วของอยู่มองและฟังด้วยความสนใจ
"แต่เมื่อวานนี้คุณหมอบอกว่า...”
เจ้าหน้าที่พูดจากโทรศัพท์ "คุณหมอตรวจเช็คอาการแล้ว ดีขึ้นมาก ก็เลยอนุญาตให้ออกได้ค่ะ"
"ค่ะ" อันยายังงงๆ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ "แล้ว.. แล้วนี่ใครเป็นคน พาคุณย่าฉันกลับคะ?”
อันยาฟังเจ้าหน้าที่ตอบแล้วก็อึ้งมากๆ จนแทบไม่อยากจะเชื่อ
คิมหันต์เห็นสีหน้าของอันยาก็พลอยสงสัยไปด้วยว่าเกิดเรื่องอะไรกัน
อันยาเดินสปีดมาเพื่อจะรีบไขข้อข้องใจ คิมหันต์เดินตามขาแทบจะขวิด
อันยาโพล่งออกมา "ไม่จริง เป็นไปไม่ได้"
"โหย..เมื่อกี๊ก็เหยียบมาร้อยกว่า ปาดชาวบ้านเค้าไปทั่ว ผมเดี๋ยวก็หัวใจจะวายไปอีกคน"
อันยาไม่สนใจคิมหันต์ เมื่อมาถึงหน้าห้องเธอก็ล้วงเอากุญแจห้องออกมา
คิมหันต์ลองเอามือหมุนลูกบิดดูก็พบว่าเปิดได้ "ไม่ได้ล็อค นี่ถ้าไม่ใช่เจ๊ลืมล็อค ก็แปลว่ามีคนอยู่จริงๆ"
"ฉันเคยให้กุญแจห้องคุณย่าไว้ แต่ว่า" อันยายังไม่อยากเชื่อ
"ทีเมื่อกี๊ล่ะรีบ ทียังงี้มายืนลังเล" คิมหันต์ว่า
คิมหันต์ตัดบทแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที
อันยาและคิมหันต์เดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของลดาสลับกับเสียงหัวเราะทุ้มๆของใครบางคน
เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาก็เห็นลดากำลังพูดคุยเพลิดเพลินอยู่กับแสน อันยาอึ้งแบบไม่อยากจะเชื่อสายตา
ลดาหันมาเห็นอันยา "อ้าวหนูอัน ดูซิ มาถึงห้องช้ากว่าพวกเราซะอีกนะ"
คิมหันต์เหล่มองอาการอันยาที่ยังเหวออยู่แล้วก็หันไปยกมือไหว้ลดา
"ไหว้พระเถอะจ้ะพ่อคิม" ลดาบอก
อันยาพูดกับแสน "นี่คุณ..ไปรับคุณย่ามาเหรอคะ"
"ครับ..ก็ตามสัญญาไง" แสนบอก
อันยาเพิ่งนึกได้ว่าไปสัญญาเอาไว้อีก เธอรีบเดินไปกระซิบคุยกับลดาสองคน
"คุณย่าคะ ทำไม..ถึงยอมมากับ...คนที่เพิ่งรู้จักกันล่ะคะ"
แสนได้ยินที่อันยาถามลดาก็หันหน้าไปอีกทางเหมือนกับไม่ฟังแต่แอบยิ้ม
"พูดอะไรยังงั้นล่ะ คุยกันตั้งสองครั้งแล้วนะ" ลดาว่า "เมื่อบ่ายพ่อแสนมาเยี่ยมย่าที่โรงพยาบาล พอรู้ว่าย่าหายดีแล้ว เค้าก็เลยชวนย่ากลับมานี่แหละ"
"แล้วทำไม ถึงไม่มีใครบอกหนูเลย ดีนะที่ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้ง"
"อย่าไปว่าพ่อแสนนะ ย่าอยากเซอร์ไพร์สเราน่ะ ไงจ๊ะ เซอร์ไพร์สมั้ย"
อันยาอึ้ง "มากค่ะ" อันยาพูดกับแสน "ขอคุยกับตัวการสร้างเซอร์ไพร์สสักครู่... มานี่เลยคุณ"
อันยารีบดึงแสนให้มาเคลียร์กัน ลดากับคิมหันต์มองตามไปว่าแสนจะรอดมั้ย
อันยาพาแสนเข้ามาคุยกันสองคนในครัว
"คุณแสน นี่..นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณควรจะอยู่ คุณ..คุณไม่ได้ทำงานอยู่กับคุณแพมเหรอ?”
อันยาถามแสนด้วยความข้องใจมาก แสนมองท่าทีอันยาแบบไม่ได้ซีเรียสตามแม้แต่น้อย
พิลาสินีตอบคำถาม
"แสนเค้าบอกว่ารับปากผู้ใหญ่ไว้แล้ว ว่าจะไปเยี่ยม เค้าไม่อยากจะผิดคำพูด ก็เลยขอปรึกษางานกับฉันวันอื่น"
"ไม่เป็นไรค่ะ เพียงแค่มาถามกำหนดส่งเอาไว้เฉยๆ ไม่ใช่ว่าต้องส่งวันนี้พรุ่งนี้ รอได้ค่ะ" เพียงดาวบอก
เพียงดาวรีบพูดให้พิลาสินีสบายใจ พิลาสินีคิดๆ แล้วตัดสินใจลองถาม
"เอ่อ..แสนเค้า สนิท กับเลขาเค้ามากเลยเหรอ"
เพียงดาวชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามนี้ "จะว่าสนิทก็สนิทนะคะ"
พิลาสินีชะงักไป
"เจอกันไม่เท่าไร ก็..ดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย" เพียงดาวใส่ความเห็นตัวเอง "แต่คงเป็นเพราะแม่นั่นบ้าๆบวมๆ ไม่รู้จักกาละเทศะ คุณแสนใจดี ไม่ถือสา ก็เลยดูเหมือนสนิทกัน"
พิลาสินีฟังเพียงดาวแล้วครุ่นคิด
เพียงดาวเหล่พิลาสินีแบบกลัวเธอจะคิดมาก "แต่เพียงว่า.. ก็แค่เจ้านายลูกน้องกันธรรมดาแหล่ะค่ะ คุณแสนเป็นกันเองกับพนักงานทุกคนอยู่แล้ว"
"ฉันก็..ไม่ได้ว่าอะไรนี่ นานๆทีแสนเค้าจะมีเลขาที่ถูกใจ มันก็ดีแล้ว" พิลาสินีบอก
"คุณแพมนี่ใจดีไม่แพ้คุณแสนเลย คุณแสนน่าจะได้เลขาที่ปกติกว่านี้ คนแบบนั้นน่ะ แค่เหมาะจะเอามาเป็นไม้กันหมา เอ๊ย กันบรรดาแฟนคลับไม่ได้รับเชิญของคุณแสนเท่านั้นแหละค่ะ เป็นอะไรมากกว่านั้นไม่ได้หรอกค่ะ"
เพียงดาวพูดกันให้เสร็จสรรพ แล้วก็มองว่าพิลาสินีจะว่ายังไง
พิลาสินีพูด "งั้นอีก 2-3 วันฉันจะส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ให้ ให้ฉันคุยกับแสนเค้าก่อน"
"ค่ะ" เพียงดาวเห็นพิลาสินีไม่ต่อประเด็นก็ผละไป
พอเพียงดาวไปแล้ว พิลาสินีก็นิ่งคิดพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ
"ใครๆเค้าก็รู้...ว่าฉันคิดยังไงกับคุณ" พิลาสินีตัดพ้อเบาๆ "แสน.. คุณจะปล่อยให้ฉันรออีกนานแค่ไหน...”
พิลาสินีชักจะอ่อนใจ
แสนตอบอันยา
"พรุ่งนี้ ผมค่อยคุยงานกับแพมเค้า เพราะวันนี้ผมนัดกับคุณย่าคุณไว้แล้ว"
อันยายังคิดไม่ถึง "นี่..นี่คุณทำยังไง คุณย่าฉันถึงได้ยอมมาอยู่ที่นี่ ทีฉันชวนตั้งหลายหนย่าก็ไม่เคยใจอ่อน"
"ผมก็แค่...”
อันยารอฟังอย่างใจจดจ่อ
"แค่...." แสนพูด อันยารอฟังมากๆ "ไม่บอก คุณต้องเลี้ยงข้าวเย็นผมก่อน"
แสนทำสีหน้าโชว์เหนือใส่อันยา อันยาทำหน้าเหรอหรา แล้วแสนก็ผละจากตรงนั้นไปเลย อันยาไม่อยากจะเชื่อ
แสน อันยา คิมหันต์ และลดากินอาหารร่วมโต๊ะกัน ลดามองอาหารที่ตั้งโต๊ะอยู่ก่อนจะบอก
"นี่ถ้าย่าอาการดีขึ้นกว่านี้ ของพวกเนี๊ยะ ไม่ได้แอ้มย่าหรอก ย่าทำเองอร่อยกว่าตั้งเยอะ"
อันยาเหล่แล้วคิดในใจว่าย่าเราขี้คุยจริงๆ
"ถ้ายังงั้น ผมต้องมาพิสูจน์รสมือคุณย่าซะแล้ว" แสนบอก
"มาพิสูจน์ได้ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเลยจ้ะ สำหรับพ่อแสนย่าไฟเขียวให้มาได้ทุกวันเลย" ลดาบอก
คิมหันต์กับอันยาทำหน้าเหรอหรา ทั้งสองมองกัน อันยารีบบอก
"คุณย่า คุณแสนเค้าอยู่ตั้งไกล แล้วงานเค้าก็เยอะด้วยนะคะ"
"แต่ผมอยากมาทานอาหารฝีมือคุณย่าจริงๆนี่ครับ" แสนบอก
อันยาอึกอัก "แต่ว่า..”
"หนูอัน เราน่ะเป็นเลขาหรือว่าเป็นเจ้านายของพ่อแสนกันแน่ ฮึ !”
อันยาชะงักเมื่อเจอย่าตัวเองเบรคซะงั้น
"ตกลงว่าผมมาได้ ตามนั้นนะครับคุณย่า" แสนสรุป
อันยาทนไม่ไหว "ไม่ตามน้ำค่ะ นี่..ถ้าคุณมาที่นี่บ่อยๆ แฟนๆคุณได้ยกโขยงมาฉีกอกฉันน่ะสิ"
"พ่อแสน เค้าบอกย่า ว่าเค้ายังไม่มีแฟนนี่นา" ลดาบอก
"ครับ ผมยังไม่มีแฟนจริงๆ"
"แต่ก็มีพวกแฟนคลับ ยั๊วะเยี๊ยเต็มไปหมด ฉันไม่เอาตัวเองขึ้นเขียง เสี่ยงเพื่อปากท้องของคุณหรอกนะ" อันยาบอก
ลดางอแงเพื่อช่วยแสน "แต่ถ้าพ่อแสนไม่มาที่นี่ งั้น..ย่ากลับบ้านสวนดีกว่า"
อันยาและคิมหันต์เหวอกันไป
"คุณย่า ก็อยู่กับเจ๊อันไงครับ ไม่เอาน่า" คิมหันต์เกลี้ยกล่อม
"แต่พ่อแสนรับปากว่าจะมาเยี่ยมย่าบ่อยๆนะ ย่าถึงได้มา"
อันยาหน้าเหวอ เธอมองหน้าแสน "เนี่ยเหรอ วิธีที่...คุณทำให้คุณย่า..ยอมมาอยู่กับฉัน ?”
"ครับ ผมบอกคุณย่า ว่าถ้ามาอยู่ที่นี่ จะไม่ให้คุณย่าเหงา ผมจะมาเยี่ยมบ่อยๆ"
คิมหันต์กระซิบกับอันยา
"สงสัยย่าเจ๊ จะกลายเป็นแฟนคลับด็อกเตอร์อีกรายแล้วล่ะ" คิมหันต์เป็นห่วง "เจ๊! ต้องมาติดแหง่กอยู่ด้วยกันสามคนแบบนี้ ไม่เวิร์คแน่ๆ"
"รู้แล้ว" อันยาพูดกับแสน "คุณแสนคะ..”
"คุณ...ดูลำบากใจนะ" แสนว่า
"คุณคงเข้าใจใช่มั้ยคะ ว่าฉันไม่อยากรบกวนคุณ"
"หนูอัน แต่คุณแสนเค้าบอกย่าว่าเค้าไม่ลำบากนะจ๊ะ" ลดาว่า
"คุณย่า ให้เจ๊กับด็อกเตอร์เค้าเคลียร์กันเองนะครับ มา กินข้าวกันครับ จะได้แข็งแรง" คิมหันต์บอก
แสนบอกอันยา "ก็ได้ครับ" อันยาโล่งใจที่แสนทำท่าจะยอม "งั้นเอาสัญญาข้อนั้นมาใช้ตอนนี้เลย ผมขอให้คุณอนุญาต.. ให้ผมมาเยี่ยมคุณย่าได้ทุกวัน"
คิมหันต์ที่ตักกับข้าวให้ลดาอยู่ถึงกับชะงัก ส่วนอันยาอึ้งยิ่งกว่า
แสนย้ำ "คุณสัญญาแล้วนะ"
อันยาเก็บจานเข้ามาในครัวก่อนจะวางลงเสียงดัง แต่บ่นเสียงเบาแบบสุดอัดอั้น
"แสบพอกัน ทั้งคุณย่า ทั้งคุณแสน" อันยากลุ้ม "ทำไมยิ่งหนี ต้องยิ่งเจอด้วย"
อันยาอัดอั้น คิดหนักว่าจะหนีใจตัวเองพ้นมั้ยนะ
อ่านต่อหน้า 4
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 7 (ต่อ)
โลกของแสนกลายเป็นสีชมพูหวาน เขากำลังปั่นจักรยานอย่างมีความสุขมาตามทางหน้าบริษัท ขณะเพียงดาว เอกชัย และเมขลา รุมแย่งตอกบัตรอยู่เพราะกลัวไม่ทันเวลา
ทั้งสามได้ยินเสียงเพลงดังมาจากด้านหลัง พอหันไปมองแล้วก็ผงะกันเป็นแถบๆ เมื่อเห็นเป็นแสนถือกระเป๋าเอกสารเดินผ่านมาพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย ทุกคนนึกว่าหูฝาด
แสนเห็นทุกคนมองมาก็อายๆ ทักทายทุกคนสั้นๆ แล้วเดินเขินๆ ไป ทุกคนเหลียวมองตาม จนคอบิดเป็นองศาเดียวกัน!
แสนส่งเอกสารที่เซ็นแล้วให้เพียงดาวที่เข้ามารับเอกสารในห้อง
"คราวหน้า เอาของทั้งวีคนี้มาให้ผมเลยก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ"
"เอามาให้หมด ได้เลยเหรอคะ" เพียงดาวถาม
เพียงดาวรีบรับแฟ้มกลับก่อนจะหันกลับมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เพียงดาวบ่นคนเดียว "ไปอารมณ์ดีมาจากไหน?”
บรรยากาศหลังเลิกประชุม พนักงานในห้องต่างก็เหนื่อยล้า หน้าตาเบื่อและเครียดกันหมด
"หน้าเจ๊เหมือนโดนยาเบื่ออ่ะ" เอกชัยว่า
"ประชุมเรื่องยากขนาดนี้ ใครยิ้มอยู่ได้ก็บ้า" เพียงดาวว่า
แล้วก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลัง เมขลา เพียงดาว และเอกชัยหันไปก็เห็นแสนกำลังคุยมือถืออยู่
แสนคุยด้วยหน้าตาเริงร่ามาก "ครับ ผมไปเดี๋ยวนี้แหละครับ แล้วเจอกันนะครับ"
แสนวางสายแล้วยิ้มอย่างมีความสุข เขาหอบเอกสารเดินออกไปแบบไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไรสักนิด เพียงดาว เอกชัย และเมขลามอง
"เฮ่ย !!! จำได้ว่าเมื่อก่อนขรึมกว่านี้ ด็อกเตอร์เป็นไรอ่ะ" เอกชัยงง
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจไปตามๆ กัน
เสื้อผ้าชุดทำงานของแสนถูกพับวางไว้อย่างเรียบร้อย แสนที่อยู่ในชุดวอร์มสบายๆ ยืนส่องกระจก เช็คตัวเองโดยที่หน้ายังบลิ๊งค์เหมือนเอนโดฟินหลั่งตั้งแต่ยังไม่ออกกำลังกาย
แสนในชุดกีฬาสบายๆ เดินออกมา เพียงดาว เมขลา และเอกชัยเห็นแสนในลุคสปอร์ตแถมหน้าตายังมีความสุขอีกก็มองหน้ากัน
เพียงดาว เอกชัย และเมขลามานั่งกินขนมหลังเลิกงานแต่จุดประสงค์ที่แท้จริงคือเม้าท์มอย
เพียงดาวละเลียดกินเค้กพร้อมทั้งพูดอย่างปลาบปลื้ม "ต้องนัดไปเอ็กซ์เซอร์ไซส์กับด็อกเตอร์แพมแน่ๆ ด็อกเตอร์แพมทำให้โลกใบเก่าสีเทาของด็อกเตอร์แสน กลายเป็นสีชมพู"
เมขลาพยักหน้าคล้อยตามแต่เอกชัยยังนิ่วหน้า
"ฉันว่าไม่ใช่อ่ะ ตอนสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน ฉันสัมผัสไม่ได้เลย..ถึงคลื่นความสปาร์ค สวีท สยิวกิ้วอะไรทำนองนั้น มันแบบ..เบๆอ่ะ" เอกชัยว่า
เมขลาชะงักแล้วคิดตามเอกชัย
"ของแบบนี้ มันต้องบีฮายด์เดอะซีนย่ะ ต่อหน้าพวกเราเค้าจะสวีทกันได้ยังไง" เพียงดาวบอก
"งั้น...ผมให้เจ๊ ถูกครึ่งนึงก็ได้"
"ครึ่งไหนถูก ครึ่งไหนไม่ถูกเหรอคะ" เมขลาถาม
"ครึ่งที่บอกว่าด็อกเตอร์โลกสีชมพูเพราะมีหัวใจมีรัก ผมว่า ถั่วต้ม"
เพียงดาวยืดอกภาคภูมิใจ
"แต่ที่บอกว่าคนระบายโลกสวยให้ด็อกเตอร์คือด็อกเตอร์แพม ไม่-ถั่วต้ม" เอกชัยบอก
"วุ้ย ทำไมจะไม่ใช่ยะ ทั้งสองคนเหมาะสมกันที่สุดแล้ว" เพียงดาวบอก
"เจ๊กำลังโดนอุดมคติของตัวเองครอบงำ จนมองไม่ซึ้งถึงความจริงอันสามัญ คนจะรักกันไม่ต้องมีใบปริญญาเท่ากัน อุดมการณ์เดียวกัน เซลล์สมองเจริญเติบโตเท่ากันหรอกนะเจ๊"
"วุ้ย แต่ฉันก็ไม่เชื่อว่าด็อกเตอร์จะชอบคนอื่น ที่มันด้อยกว่า ด็อกเตอร์เค้ามีสมองนะยะ" เพียงดาวว่า
"แต่นี่มันเรื่องของหัวใจ ไม่ใช่สมองนะครับ"
"แต่เรื่องที่เราพูดกันมันต้องมีมูลย่ะ ของฉันน่ะมีมูลเห็นๆ แต่คำพูดลอยๆของแกล่ะ ถ้าด็อกเตอร์ติดหญิงอื่นอยู่จริง งั้นแม่นั่นเป็นใครไม่ทราบ บอกได้มั้ย" เพียงดาวว่า
เอกชัยกับเมขลาชะงักกันไป
ลดาที่อยู่ในชุดสปอร์ตเหมือนกันเดินหน้าพริ้งเคียงข้างแสน
"พ่อแสนเนี่ย รู้ใจย่าจริงๆว่าชอบต้นไม้ ขอบใจนะจ๊ะที่ชวนย่ามาที่สวนเนี่ย" ลดาบอก
"ผมกลัวคุณย่าอยู่แต่ในคอนโดแล้วจะเบื่อ เกิดอยากกลับบ้านสวนขึ้นมา ผมก็ไม่มีคนให้อ้อนสิครับ"
"ถ้าพ่อแสนขยันพาย่ามาเปลี่ยนบรรยากาศแบบนี้ทุกวัน ย่าคงไม่อยากกลับบ้านสวนหรอกจ้ะ"
อันยาที่เดินตามหลังแสนและลดามาทำหน้าตื่น
"มาทุกวัน!" อันยาเข้ามาแทรก "เอ่อ นานๆทีก็พอมั๊งคะคุณย่า"
"ถ้าหนูอันไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะจ๊ะ พ่อแสนเค้าเต็มใจพาย่ามาใช่มั้ย"
แสนรับหน้าเป็น "ครับ" แสนทำสายตาเย้ยอันยาเบาๆ อันยาผงะ
"พาย่าไปดูต้นไม้ตรงนั้นหน่อยสิจ้ะ" ลดาคุยหนุงหนิงกับแสนต่อ
"คุณย่า ถ้าคุณย่ามาหนูก็ต้องมาสิคะ" อันยาเดินตามมาเรียกร้อง "หนูเป็นหลานคุณย่านะคะ"
แสน อันยา และลดาเดินในสวนสาธารณะ แสนกับลดาสนิทสนมกันราวกับอันยาเป็นส่วนเกินที่พยายามตามทั้งสองให้ทัน
หลายวันผ่านไป แสนขี่จักรยานให้ลดาซ้อนท้ายอย่างสวีท อันยาขี่จักรยานตามโดยพยายามจะตีคู่ แต่ก็ต้องคอยหลบคนที่วิ่งมา หลบเด็กเล่นสเก็ตซ์ อันยาตามไม่ทันแม้จะปั่นแทบตายจนเหนื่อยโฮก
แสนมานั่งพักซับเหงื่อ ลดาส่งไอศกรีมให้แสน อันยามาขอบ้าง ลดาส่งให้แค่น้ำเปล่า อันยางงๆ ว่าทำไมตัวเองได้แค่นี้
วันต่อมา อันยาสอนโยคะให้ลดาโดยที่แสนมาเรียนด้วย อันยาจัดท่าให้ย่าแบบตั้งใจสอนมาก แต่ลดาเอาแต่คุยกับแสน อันยาเรียก ลดาถึงค่อยหันกลับมาหัดต่อ ระหว่างหัดลดาก็คุยจุ๊กจิ๊กคุยกับแสนตลอด อันยาเหล่แสนตาเขียวปั๊ดจนแสนต้องสะกิดเตือนให้ลดาหันกลับไป ลดาเชื่อแสนเลยหันมาตั้งใจหัด อันยางอน
แสนมานั่งพักซับเหงื่อ ลดาส่งไอศกรีมให้แสนและส่งไอศกรีมที่เหมือนกันให้อันยา อันยาเย้ยแสน แต่ปรากฎว่าลดาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาช่วยซับหน้าให้แสนด้วย อันยาเหวอแล้วก็รีบยื่นหน้าเข้าไปเพราะอยากให้ย่าซับให้ด้วย ลดาชี้ไปที่ผ้าขนหนูของอันยาว่าให้ซับเอง แล้วก็ซับหน้าให้แสนต่อ อันยามองแสนอย่างอาฆาต
วันที่สาม อันยารีบเช่าจักรยานแบบซ้อนสองเพื่อให้ลดาซ้อนเธอ แล้วส่งคันสำหรับขี่คนเดียวให้แสน อันยาส่งแววตาเย้ยแสนก่อนจะรีบขี่พาลดาไป ระหว่างขี่จักรยานให้ลดาซ้อนท้าย แสนก็ยังขี่ตีคู่มาคุยกับลดากระจุ๋งกระจิ๋งเหมือนเดิม อันยาพยายามปั่นให้เร็วขึ้นเพื่อจะหนีแสน
ลดาติง "ช้าๆหน่อย ย่าจะคุยกับพ่อแสน"
อันยาเหวอเพราะโขมยซีนไม่ได้ตามเคย ลดาส่งไอศรีมโคนให้อันยา อันยาดีใจ แต่ปรากฎว่าของแสนได้โคนใหญ่กว่า
วันที่สี่อันยาสอนโยคะแต่ตาก็คอยมองแสนกับลดาที่หัดไปคุยกันไปตลอด จนอันยาเผลอเอนตัวมากไปจึงล้มดังพลั่ก อันยาเจ็บหลัง แสนกับลดาขำ อันยางอนจึงเดินหนีไปเลย อันยาหนีไปนั่งงอนคนเดียวแล้วก็มีแมสเสจเข้ามาที่มือถือของเธอ
อันยาเห็นว่าเป็นแมสเสจจากแสนที่บอกว่า “ที่ 6 นาฬิกา” อันยางงๆ แต่ก็หันหลังกลับไป ปรากฎว่าแสนและลดาทำท่าโยคะที่อันยาสอนให้อย่างตั้งใจเพื่อโชว์ว่าจำได้นะ อันยาที่งอนๆอยู่ก็ยิ้มออก
วันต่อๆมา แสน ลดา และอันยาอยู่ตรงที่เช่าจักรยานเพราะกำลังจะเช่าจักรยานสองคัน แต่แล้วแสนก็เปลี่ยนใจเช่าคันที่ขี่ได้สามคน ทั้งสามคนปั่นจักรยานคันเดียวกัน แสนปั่นนำ ลดาอยู่กลาง ส่วนอันยาอยู่ท้าย พอแสนคุยกับลดา อันยาก็รีบพูดบ้าง
ลดาส่งไอศครีมโคนใหญ่ให้แสน อันยาทำเป็นไม่สน แสนรับไอศกรีมมาจากลดาและส่งต่อให้อันยา ในขณะที่ตัวเองหยิบโคนเล็กมาแทน อันยาเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มออก
แสน อันยา และลดาเดินกินไอศกรีมด้วยกันคุยกันไปพลางในบรรยากาศอบอุ่นน่ารักเหมือนครอบครัวเดียวกัน
ลดามองแสนกับอันยาที่คุยหยอกกันไปมาแล้วก็อมยิ้ม
แสนนั่งอยู่กับลดาเพื่อดื่มน้ำพักเหนื่อย ในมือแสนยังถือขวดน้ำดื่ม ลดามองแสนแล้วก็คิดอะไรบางอย่างในใจ
"คุณย่าดื่มน้ำอีกมั้ยครับ" แสนถาม
"พอแล้วล่ะจ้ะ เอ่อนี่พ่อแสน ย่ามีเกมให้เล่น เราเล่นกับย่าหน่อยนะ" ลดาชวน
แสนยิ้ม "เกมอะไรครับคุณย่า"
"ชื่อเกม วินาที”
แสนนิ่วหน้าเพราะไม่เคยได้ยิน
"เริ่มเลยนะ ภายใน 7 วินาทีให้พ่อแสนตอบมาว่าชอบ หรือไม่ชอบ หลานสาวของย่า"
แสนที่ดื่มน้ำอยู่แทบจะสำลัก
ลดาดูนาฬิกา "หนึ่งวิ สองวิ"
"คุณ..คุณย่าครับ"
"ลืมบอกไป ไม่ตอบถือว่า “ชอบ” นะ อุ๊ยแป๊บเดียว 5 วิแล้ว" ลดาเร่ง
"คุณ..คุณย่า"
"หก เจ็ด...”
แสนพูดอะไรไม่ออก ลดามองแสนพร้อมกับยิ้มกริ่ม แสนได้แต่ยิ้มอายๆ แต่พูดไม่ออกเลยเพราะโดนจับได้เต็มๆ แล้วอันยาก็เดินมา
"คุยอะไรกันอยู่คะ เห็นยิ้มกันใหญ่" อันยาถาม
"ย่าเล่นเกมกับพ่อแสนเค้า" ลดาบอก
"เล่นกันแค่สองคน ไม่แฟร์นี่ ต้องให้อันเล่นด้วย"
ลดายิ้ม แสนหันไปแอบยิ้มที่อันยางานเข้าไม่รู้ตัว
"อยากเล่นจริงๆนะ" ลดาถาม
"อยากมากเลยค่ะ"
แสนยิ่งกลั้นขำมากขึ้นที่อันยาไม่ได้รู้ตัวเลย
"ชื่อเกม”วินาที” เดี๋ยวย่าจะจับเวลาเลยนะ ภายใน 4 วินาที" ลดาบอก แสนขำที่เวลาน้อยกว่าเขาอีก "เราต้องตอบมาว่าชอบพ่อแสน หรือไม่ชอบ" อันยาเหวอ "ไม่ตอบถือว่าชอบนะ"
อันยาอายมากๆ "คุณ..คุณย่า"
"หนึ่ง..”
"คุณย่าเล่นอะไรเนี่ย" อันยาอาย
"ไม่ตอบแปลว่าชอบนะ สามแล้ว !”
"คุณ.." อันยามองหน้าแสนแล้วมองหน้าลดาแต่ก็พูดไม่ออก
"สามครึ่ง"
อันยาอึดอัดมากๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี
ลดานับต่อ "สี่..”
"ไม่รู้ค่ะ !!!” อันยาตอบออกมา
"มันไม่มีในช้อยส์นะ"
"คุณย่าน่ะ เล่นอะไรก็ไม่รู้" อันยาอายจึงเดินหนีไปเลย
ลดามองแสนก็เห็นแสนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ "ดีใจล่ะสิ ที่เค้าไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ" แสนยิ้มแทนคำตอบ "เรานี่น๊า เป็นลูกผู้ชายแท้ๆ เรื่องแค่นี้ทำไมไม่ยอมบอกหลานย่าสักที"
แสนขำและเขินหน่อยๆ ก่อนจะบอกลดาดีๆ "สำหรับผม ถ้าไม่ชอบต้องรีบบอก.. เค้าจะได้ไม่คอยเราเก้อ แต่ถ้าตรงกันข้าม ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ"
ลดาส่ายหน้าและมีท่าทางไม่เห็นด้วย แต่ก็ยิ้มแบบเข้าใจในความปากแข็งของแสน
"ระวังเถอะ ไม่รีบแล้วจะต้องเสียใจ ของแปลก และดี มีจำกัดนะ" ลดาว่า
แสนยิ้มๆที่ลดาแซว
อันยาหลบมามโนอยู่คนเดียวแบบอับอายมาก
"คุณย่านะคุณย่า...แล้วจะมองหน้าคุณแสนได้ไงเนี่ย"
"พูดคนเดียวอีกแล้ว" แสนว่า อันยาสะดุ้ง "คุณย่าให้ผมมาตาม ท่านหิวแล้ว"
อันยาพยักหน้าแล้วก้มหน้าก้มตาเดินตามแสนโดยที่ยังอายอยู่ แล้วจู่ๆแสนก็หันมาพูด
"ผมบอกให้เอามั้ย" อันยางงๆ "ว่าเมื่อกี๊ตอนเล่นเกมกับคุณย่าผมตอบท่านว่ายังไง"
อันยาชะงักกึ้ก แล้วก็ใจเต้นตึ้กตั้กอย่างเกินควบคุมขึ้นมาทันที
"บอก..บอกฉันเหรอ?”
แสนพยักหน้า "คุณอยากรู้รึเปล่าล่ะ"
อันยาใจเต้นแรงมาก เธอคิดในใจ "อยาก...อยากสิ!!”
แสนทำท่าจะบอก
อันยาทำหน้าตาตั้งใจฟังและลุ้นมากๆ
"ท่าทางคุณคงไม่อยากฟัง" แสนเดินไปทันที
"นี่ !จะบอกก็บอกมาสิ ฉันฟังได้" อันยาว่า
แสนยิ้มกรุ้มกริ่ม "แปลว่าอยากรู้?”
อันยารีบปฏิเสธ "เปล่า!" อันยาแก้ตัว "ก็เห็นว่าคุณอยากบอก"
"ไม่อยากรู้" แสนกวน "งั้นก็ไม่บอก"
อันยาวืดเลยและคิดในใจว่าอะไรของเค้า แสนเดินนำไปแล้วแอบยิ้มที่ได้แกล้งอันยา
"เอ้า คุณ เร็วๆ ผมหิวแล้ว" แสนบอก
อันยายังเหวอไม่หาย เธอเดินตามแสนไปด้วยความหมั่นไส้ว่าทำไมเขาถึงมากวนหัวใจกันแบบนี้
อันยาคนกาแฟในถ้วยพลางบ่นกับคิมหันต์
"มาครับครับกับคุณย่าทุ๊กวัน คุณย่าก็เอาใจยังกับเป็นแม่ยกเลย นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นเจ้านายนะ ฉันพาคุณย่าย้ายบ้านหนีแล้ว นี่ย่าฉันนะ เทคโอเวอร์ไปเฉยเลย"
คิมหันต์ฟังอันยาบ่นแบบไม่ได้อินไปด้วย
"เฮ้อ..เบื่อ พวกบ่นไม่จริงเนี่ย"
"อะไร"
"ทำเป็นบ่นแต่จริงๆจะโชว์รึเปล่า ว่าด็อกเตอร์แสนมาหาทุกวัน"
อันยาชะงักแล้วรีบแก้ตัว "ด็อกเตอร์มาหาคุณย่าต่างหาก ไม่ได้มาหาฉันสักหน่อย"
"นี่ ผมชักงงแล้วนะ เห็นดูรักกันดีกับด็อกเตอร์แพม แล้วไงมาแหมะอยู่กับเจ๊กับคุณย่าทุกวัน มันทะแม่งๆว่ะ"
"เค้าบอกว่า..คุณย่าทำให้เค้าคิดถึงแม่อุ๊ย ย่าของเขา ที่เสียไปแล้ว ได้คุยกับคุณย่าทำให้รู้สึกเหมือนเจอครอบครัวน่ะ"
"แล้วเจ๊เชื่อเค้าเหรอ ?”
"เต็มร้อย!" อันยาบอก คิมหันต์ชะงัก "ถ้าเมื่อก่อนนะ เชื่อเต็มร้อยว่าชอบฉันแน่ๆ" คิมหันต์เข้าใจ" แต่บอกตรงๆ หลังจากเห็นเค้ากับด็อกเตอร์แพมที่งานสัมมนานั่นมาแล้ว...ไม่กล้าคิด"
คิมหันต์เห็นร่องรอยความปวดใจของอันยาแล้วก็เห็นใจจึงไม่อยากสะกิดแผลของเธออีก
"คิดอย่างนั้นได้ก็ดีเจ๊ จะได้ไม่มีปัญหาซับซ้อนทีหลัง"
อันยาชักคิด "นี่ แกว่าฉันไม่ควรคิดจริงๆใช่มั้ย หรือว่าควรคิดอ่ะ ?”
อันยาถามคิมหันต์โดยที่เสียงจากหัวใจก็ยังเรียกร้องอยู่
คิมหันต์ยังไม่ทันได้ตอบ มือถือของอันยาก็ดังขึ้น อันยาดูหน้าจอแล้วก็ตาเหลือก
คิมหันต์สงสัย "ใครโทรมาเหรอเจ๊"
อันยาอธิบายกับธกฤตและเหนือเทพ
"ด็อกเตอร์แสนคงเห็นแก่ผลระยะยาว ไม่อยากมีเรื่องกับเพื่อนร่วมงาน ก็เลย..ไม่เอาเรื่องที่ข้อมูลตัวเองโดนก็อปปี้น่ะค่ะ"
ธกฤตและเหนือเทพฟังแล้วก็อึ้งๆกันไป
"เฮ่ย..จะดักดานภักดีต่อบริษัทนั้นทำไมกันนักหนา" ธกฤตว่า
"แล้วแผนที่คุณบอกว่าจะมัดใจเค้า แล้วค่อยเกลี้ยกล่อมให้ยอมเปลี่ยนงานล่ะ" เหนือเทพถาม
"ฉันก็...พยายามโน้มน้าวเค้าอยู่ค่ะ แต่มันคง...ต้องใช้เวลา"
เหนือเทพฟังอันยาแล้วก็นิ่งไป ธกฤตกับอันยาเสียวๆ ว่าธกฤตจะว่ายังไง
"แต่ผมไม่มีเวลารอแผนของพวกคุณแล้ว" เหนือเทพว่า
ธกฤตกับอันยาชะงักกันไป
"วิชชั่นออฟฟิวเจอร์ต้องระดมทุนเพื่อขยายกิจการ ผมและกรรมการจะดันซีอีโอคนใหม่ขึ้นเพื่อเรียกเครดิตกับผู้ถือหุ้น และผมต้องการให้ด็อกเตอร์แสนมาประจำตำแหน่งนี้"
"อันยาบอกคุณเหนือเทพสิ ว่าเธอทำได้" ธกฤตพูด
อันยามองสีหน้าเร่งเร้าของธกฤตแล้วก็รู้สึกลำบากใจมาก
ธกฤตเร่ง "พูดสิอันยา รับรองกับท่านสิ"
อันยามองเหนือเทพด้วยความรู้สึกกดดันมากเหลือเกิน
"ฉัน...." อันยาคิดในใจ "แต่ฉันไม่อยากทำต่อแล้ว"
ธกฤตเร่ง "บอกท่านสิอันยา"
อันยามองเหนือเทพโดยที่ลึกๆอยากจะพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกจริงๆออกไป
อาโปจิกหน้าบ่นอย่างไม่พอใจ
"หมั่นไส้มันจริงๆ พอเรื่องแตก ชีเลยลอยหน้าเข้ามาในออฟฟิศได้อย่างเปิดเผยคอเชิ่ดว่าเป็นคนที่บอสไว้ใจ"
เมรีมองไปที่ห้องทำงานธฤตแล้วเม้มริมฝีปากด้วยความเจ็บใจ
"อาโปล่ะอยากให้ด็อกเตอร์แสนมาเห็นซะจริงจริ๊ง ว่าชีไม่ใช่แม่เลขาแสนดี แต่เป็นนางปีศาจคอยล่าหัวคน" อาโปพูดใส่หน้าเมรี
"เฉพาะมันนะยะ ฉันน่ะเป็นนางฟ้าช่วยให้คนได้งานดีๆ" เมรีมองไปทางห้องธฤกต "แต่นังอันโกะเป็นนางมารทำแผนเขี่ยคนให้ออกจากงาน"
"เมื่อไหร่เราจะปราบมารร้ายตัวนี้ได้ซะทีคะเนี่ย"
"เมื่อกี๊นี้ที่แกพูดมา มันก็น่าสนนะ" เมรีทำสายตาที่มีแววร้ายขึ้นมาทันที
อาโปชะงักเพราะสงสัยว่าเมรีหมายถึงอะไร
เมรีและอาโปเห็นเหนือเทพออกมาจากห้อง โดยมีธกฤตและอันยาเดินมาส่ง อันยามีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอึดอัด ธกฤตและอันยาไหว้ลาเหนือเทพ เมรีแอบถ่ายคลิปการพบปะกันของทั้งสามคนนี้เอาไว้ เมรีกับอาโปยิ้มร้ายเมื่อคิดในใจว่าอันยาเสร็จแน่ๆ
อันยาเดินมาโดยมีสีหน้าที่ยังคงหนักใจอยู่ มือถือของเธอดังขึ้น อันยารับสาย
"ค่ะ คุณแสน มีอะไรเหรอคะ?”
แสนรับถุงใส่ของจากพนักงานคนหนึ่งมา พลางบอก
"ขอบใจมากนะ" แสนหันพูดกับอันยา "ผมได้มาแล้วนะ"
อันยาทำหน้างง
แสนพูด "คุณย่าบอกว่าถ้าผมหามะดันได้จะทำต้มกะทิสายบัวปลาทูสูตรโบราณให้ชิม"
"คะ? แล้วคุณบอกฉันเพื่อ..?”
"ก็วันนี้คุณหยุดงานไปธุระ ผมก็เลยโทรมาบอกก่อน ว่าเย็นนี้ผมจะแวะไป"
"ขอโทษด้วยนะคะ ช่วงนี้ฉัน...ลาบ่อยไปหน่อย"
แสนย้ำอย่างหาคนเอาใจ
"ถ้างั้นต้องชดเชย...ต้อนรับเจ้านายให้ดีๆ"
"ค่า คุณเจ้านาย เลขาตาดำๆอย่างฉันไม่กล้าขัดใจคุณหรอกค่ะ"
"ถ้าคุณทำตัวดี" แสนต่อรอง "ผมจะแบ่งปลาทูให้ สองตัวเลย"
อันยาส่ายหน้าก่อนจะพูดใส่โทรศัพท์
"ค่ะ เจอกันค่ะ" อันยาวางสาย แล้วความคิดเรื่องเหนือเทพก็กลับมา "คุณแสน ถ้าคุณรู้ว่าฉันหยุดมาทำไม คุณคงไม่มีความสุขแบบนี้หรอก"
อันยารู้สึกเสียดแทงในใจเมื่อเรื่องที่คุยกับเหนือเทพย้อนกลับมาให้คิด
ในภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมา เหนือเทพพูดขึ้น
"ผมไม่มีเวลารอแผนของคุณ แต่ผมมีแผนที่เหมาะสมกว่าไว้ให้พวกคุณ"
ธกฤตและอันยาต่างก็ประหลาดใจ
"ผมทราบมาว่าตอนนี้ด็อกเตอร์แสนกำลังทำโครงการส่งมอบเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านคืนสู่เกษตรกร ถ้าโครงการนี้สำเร็จและขยายผลออกไป จะต้องกระทบต่อยอดค้าเมล็ดพันธุ์ของเราแน่ๆ บริษัทเราจะเสียผลประโยชน์ไม่น้อย"
อันยาฟังเหนือเทพที่พูดด้วยความขุ่นเคืองอย่างไม่รู้ตัวก็แอบเหน็บ
"ทุกวันนี้ก็รวยไม่รู้จะรวยยังไง แต่เกษตรกรต้องเป็นหนี้" อันยาโพล่งออกมา
"คุณว่าอะไรนะ" เหนือเทพถาม
ธกฤตไม่ทันได้ฟังอันยา แต่ก็แก้ตัวแทนให้ "ทางเราไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกครับท่านอยากให้เราทำยังไง ก็ว่ามาได้เลยครับ"
เหนือเทพพยักหน้าอย่างพอใจ เขาส่งแฟ้มๆ นึงให้
"นี่คือแผนการที่ผมบอก โครงการนี้ต้องยุติลง และด็อกเตอร์แสนต้องมาเป็นซีอีโอใหม่ให้กับเราในวันครบรอบของบริษัทอีก2เดือนข้างหน้า"
"เอ๊ะ ตอนแรกแค่ให้ด็อกเตอร์ลาออกไปอยู่ที่วิชชั่นแค่นั้นไม่ใช่เหรอคะ เรื่องโครงการ" อันยาว่า
เหนือเทพเหลือบมองอันยาที่ขัดจังหวะ ธกฤตรีบแก้ให้อีก
"ท่านอุตส่าห์ไว้ใจเรานะอันยา"
"ถ้าทำสำเร็จผมเพิ่มค่าตอบแทนให้ทางคุณอีก 30%" เหนือเทพว่า ธกฤตตาโต "พร้อมสัญญาให้บริษัทคุณจัดหาพนักงานให้เรา 5 ปีเต็ม"
"ขอบคุณ ขอบคุณมากครับท่าน" ธกฤตพูดกับอันยา "ขอบคุณท่านสิอันยา"
"แต่ถ้าไม่สำเร็จ แล้วผมต้องเสียผลประโยชน์ บริษัทคุณก็จะไม่มีที่ยืนในวงการนี้อีก"
ธกฤตและอันยาต่างก็อึ้งกันไป
"ซึ่งผมก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น" เหนือเทพเปลี่ยนมายิ้มๆ
"ครับ รับรองเลยครับ บริษัทเราต้องทำสำเร็จแน่ๆ นะอันยา"
ธกฤตพยายามรับรองกับเหนือเทพ ขณะที่อันยาตกอยู่ในความกดดันมหาศาล
ด้านทวยเทพยังคงนอนอุตุอยู่บนที่นอน เขาเอาหมอนปิดหูหนีเสียงแม่บ่น
"งานการก็ไม่สนใจทำ ให้หาเมียแล้วมีหลานให้ฉันก็ไม่ทำอีก !!! วันๆเอาแต่เที่ยวกับนอนลุกขึ้นมาเลยนะ"
"แม่ ผมโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ ช่วงนี้ มันไม่ค่อยสบายใจ ไม่อยากทำอะไร" ทวยเทพว่า
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วคนใช้ก็เดินเข้ามา
"มีคนมาขอพบคุณทวยเทพค่ะ"
"บอกไปว่าฉันหยุด ไม่ทำงาน"
หญิงแม่ของทวยเทพจิกมองลูกชายอย่างไม่พอใจ
"เค้าบอกว่ามีธุระส่วนตัวค่ะ ชื่อคุณเมรี"
ทวยเทพไม่อยากเชื่อ "ห๊ะ"
"ผู้หญิงเหรอ ท่าทางจะเป็นแม่พันธุ์ได้รึเปล่า ?" หญิงแม่ถาม คนใช้งงๆ "รีบไปบอกเค้าเลยว่าเดี๋ยวลูกฉันลงไป" คนใช้ออกไปตามคำสั่ง
ทวยเทพเซ็ง "โหยแม่...”
"ตาขาว หลบหน้าผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่ คุยกันดีๆเผื่อฉันจะได้มีหลานสักที"
ทวยเทพส่ายหน้าเพราะมันใช่ซะที่ไหน
เมรีด่าทวยเทพ
"คุณเป็นผู้ชายรึเปล่า จัดการแฟนตัวเองไม่ได้สักแอะ! วันนี้มันยังมาที่บริษัท นี่คงคืบหน้ากับด็อกเตอร์แสนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว"
"โว๊ย !! วันนี้มันวันอะไรวะ เจอผู้หญิงด่าสองเด้งติด !!! ไหนคุณบอกจะไม่ยุ่งกับผมแล้วไง" ทวยเทพว่า
"ฉันนึกว่าคุณจะไปห้ามแฟนคุณ ยุ่งกับผู้ชายคนอื่นได้ นี่อะไร ไม่มีน้ำยาแม้แต่นิดเดียว"
ทวยเทพนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่เขาไปมีอะไรกับปุ๊กลุกแล้วก็แค้นเมรีจนปัดกรอบรูปหล่นลงมา
เมรีตกใจ "ว๊าย !! ทำไม จะหาเรื่องฉันเหรอ"
"ก็เพราะไอ้คำยุยงของคุณ ผมถึงได้...." ทวยเทพไม่พูดเพราะไม่อยากให้ความแตก "รีบๆออกไปเลยนะ ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว"
"นี่ ! ฉันเอาข่าวนังอันยามาบอกคุณแท้ๆ"
"ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เรื่องของผมกับอันก็ไม่ดิ่งลงเหวแบบนี้หรอก ไปให้พ้น"
เมรีถอยกรูดเมื่อเห็นทวยเทพโกรธมากก็รีบถอยออกไป พอเมรีไปแล้ว หญิงแม่ก็เดินออกมา หลังจากแอบฟังอยู่
"ไปไล่เค้าทำไม ผู้หญิงถ่อมาหาถึงบ้านแท้ๆ แล้วชาตินี้ฉันจะได้มีหลานกับเค้ามั้ย"
ทวยเทพอยากจะบ้า "แล้วนึกว่าผมไม่อยากมีเมียรึไง แต่เมียผมต้องเป็นคนที่ผมรัก" ทวยเทพชะงัก "ไม่.. เราจะไม่ยอมเสียอันไปแบบนี้" ทวยเทพเดินออกไปทันที
ทวยเทพพรวดพราดเดินออกไป หญิงแม่มองตามว่าจะได้เรื่องรึเปล่า
อันยาระบายออกอย่างใจไม่ดี
"คิมบอบ์ ทำไมครั้งนี้ ฉันไม่สบายใจเลย..อย่างตอนเปลี่ยนปูนขาว ฉันยังไม่รู้สึกแบบนี้"
"ฝืนใจอีกนิดเดียวน่าเจ๊ เดี๋ยวมันก็จะจบแล้ว" คิมหันต์บอก
"ฝืนใจ ? ทั้งๆที่ฉันเป็นคนคิดแผนปลอมตัวนี่ขึ้นมาคนแรก ตอนนี้ต้องใช้คำว่าฝืนใจ?”
"ก็..เจ๊ไปหวั่นไหวกับด็อกเตอร์นี่นา มันก็..คงมีผล"
"ด็อกเตอร์แสน วันๆเอาแต่พูด" อันยาสะเทือนใจ "ว่าเกษตกรเป็นหนี้นะอันยา ปลูกข้าวปลูกผักเท่าไหร่ก็เป็นหนี้ เราต้องมาช่วยกัน อย่าทิ้ง อย่าดูดายปล่อยให้พวกเค้าต้องสู้กับพ่อค้าหน้าเลือดตามลำพัง"
"เจ๊โดนสะกดจิตแล้วจริงๆแหละ เจ๊ เราสองคนเหมือนขึ้นขี่หลังเสือแล้ว ถ้าเราไม่ไปให้ถึงจุดหมาย โดดลงมาก่อน"
"ก็ต้องโดนเสือกัด ! เสือใหญ่อย่างคุณหนือเทพ ทำได้จริงแน่ๆ" อันยาเจ็บปวด "ถ้าเราจะเป็นคนดี เหมือนทุกๆคนที่เพียงพอดี ต้องแลกกับ.. ค่าเสียหายของบริษัท อนาคตการทำงานของทั้งฉันและแก และทุกๆอย่างที่เราทำกันมา ก็จะไม่เหลือ"
อันยาถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม คิมหันต์ที่กลัวการสูญเสียไม่แพ้กันก็พูดไม่ออกไปด้วย
อันยาเดินไหล่ตกกลับมาแล้วก็มีเสียงเรียกจากใครคนหนึ่ง
"อัน"
อันยาเห็นว่าเป็นทวยเทพก็หลบสายตาจากเขาแล้วจะเดินไปเลย
"คุณฟังผมหน่อยได้มั้ย เรื่องเมรีมันไม่มีอะไรแล้วจริงๆนะ ผมเลิกยุ่งกับเค้าเด็ดขาดแล้วให้สัญญา หรือสาบานก็ได้ ให้ผมทำยังไงก็ได้"
อันยาไม่มอง ไม่พูดและจะหลีกจากทวยเทพไปให้ได้
"อย่าทำแบบนี้สิอัน ผม..ผมยอมรับแล้วว่าผิด! จะไม่ทำอีกแล้ว ขอโอกาสให้ผมนะอัน"
"ฉันบอกแล้วไง ว่าให้ไปหาคนใหม่ อยากควงกับใครก็เรื่องของคุณ"
"ก็ผมไม่ต้องการใคร นอกจากคุณคนเดียว จริงๆนะอัน"
ทวยเทพวุ่นวายยื้อยุดกับอันยาอยู่ แล้วแสนก็มาถึงโดยในมือหิ้วถุงใส่มะดันมาด้วย อันยาและทวยเทพชะงักไป อันยารีบฉวยจังหวะผละออกจากทวยเทพ
ทวยเทพอึ้งที่เห็นแสน "แก!!!" ทวยเทพพูดกับอันยา "เพราะยังงี้ใช่มั้ย คุณถึงถีบหัวส่งผม"
"ทวยเทพ คุณเป็นคนผิดนะ" อันยาว่า
"คุณกับมันไปถึงขั้นไหนกันแล้วล่ะ !! คุณโกรธผม ทั้งที่ตัวเองก็อ่อยไอ้ด็อกเตอร์นี่อยู่ มันแฟร์แล้วเหรออัน ! ผมไม่ยอมนะ ผมไม่ยอมให้คุณทำแบบนี้"
"เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตเรียกว่าบุกรุก อย่างที่คุณทำ เรียกว่าคุกคาม" แสนว่า
"ปากดีนัก ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าแกรู้ว่าอันเค้าเข้ามาหาแกเพราะเรื่องอะไร แกยังจะปากดียังงี้มั้ย"
"ทวยเทพ!” อันยาโกรธ
"อันยา คุณมีสิทธิ์ป้องกันตัวเองจากคนที่สร้างความเดือดร้อนให้คุณ ผมจะแจ้งรปภ.ไม่ให้ผู้ชายคนนี้มาก่อกวนที่นี่อีก" แสนบอก
"อันยาหลอกแก" ทวยเทพโพล่งออกมา อันยาอึ้ง "อยากรู้มั้ยว่าเค้าหลอกอะไรแก"
แสนมองทวยเทพพูดแบบไม่อยากจะเชื่อหู
อันยาบอกทวยเทพ "มะรืนนี้ฉันว่าง ตอนนั้นคงอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เราคงพอคุยกันได้"
แสนมองอันยาอย่างไม่เข้าใจ ทวยเทพยังฮึดฮัดทำท่าอยากจะพูด
อันยาขู่ "ถ้าคุณยังทำตัวแย่ๆแบบนี้อีก แม้แต่เงาฉัน คุณก็ไม่ได้เห็นแน่ๆ"
อันยากับทวยเทพจ้องตากันอย่างวัดใจ
"กลับไปก่อน....ฉันจะไปตามนัด" อันยาบอก
ทวยเทพเจ็บใจมากๆ แต่ก็ต้องยอมผละไปแต่ก็ไม่วายมาสั่งแสน
"อย่าแตะต้องแฟนฉัน แม้แต่ปลายเล็บนะเว้ย !”
อันยาไม่พอใจ "ทวยเทพ"
ทวยเทพต้องยอมผละไปทั้งที่ยังกัดฟันกรอด
แสนเหลียวมามองอันยาอย่างไม่เข้าใจ อันยาหลบตาวูบ
แสนกับอันยาขึ้นลิฟท์มาด้วยกันตามลำพัง แล้วแสนก็ทนไม่ไหว
"เห็นชัดๆว่าเค้าก่อความรำคาญให้คุณ ทำไมคุณต้องยอม แล้วเค้าพูดอะไร ที่ว่าคุณหลอกผม มันหมายความว่ายังไง"
อันยาเครียดไม่รู้จะพูดยังไงดี "ทวยเทพเค้าหมายถึง เรื่องที่ฉัน...ยังเป็นเพื่อนกับเค้าอยู่ เค้านึกว่าคุณไม่รู้เรื่องนี้"
แสนอึ้งที่ได้ฟังคำตอบเพราะไม่รู้มาก่อนว่าป่านนี้เรื่องยังไม่จบ
"ก็อย่างที่ฉันเคยบอก ทวยเทพ..เค้าต้องการเวลา..ที่จะห่างฉัน" อันยาบอก
แสนยิ่งฟังก็ยิ่งเหนื่อยใจมากๆ
ลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นของอันยา อันยาก้าวออกไปก่อน
แสนจะก้าวออกไปแต่แล้วเขากลับหยุดส่งถุงใส่ของให้อันยา "ขอโทษ.. ผมขอตัวดีกว่า ฝากนี่ให้คุณย่า ด้วย เดี๋ยวผมจะโทรไปขอโทษท่านเอง"
แสนพูดจบแบบไม่สบตาอันยา ลิฟท์ปิดลง อันยายืนอยู่หน้าลิฟท์เพียงลำพัง
ลดาพูดด้วยความผิดหวังและไม่พอใจ
"ย่าเคยเตือนเราแล้ว อย่าให้ความหวังกับคนที่เราไม่คิดจะลงเอยด้วย นายทวยเทพอะไรเนี่ย เห็นครั้งเดียวก็รู้แล้ว ว่าหลงตัวเอง มองไม่ออกซะทีว่าผู้หญิงเค้าไม่ได้รัก" ลดาว่า
ลดามองวัตถุดิบที่แสนฝากมาให้ด้วยความเสียดาย
"มะดันนี่ไม่ใช่หาง่ายๆนะ ดูสิ พ่อแสนไปหามาจนได้ แล้วนี่เค้าจะเข็ดไม่กล้ามาหาหนูอันอีกรึเปล่า" ลดามองอันยาอย่างตัดพ้อ
อันยาอึดอัดใจไม่น้อยจึงบ่นออกมาเบาๆ "บางที เค้าอยู่ห่างๆอันไว้ มันอาจจะดีกว่า"
"หนูอัน ว่ายังไงนะ"
อันยารู้ตัวก็รีบกลบเกลื่อน "คุณย่า.. ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยังไงอัน..ก็ต้องดีกับคุณแสน" อันยาคิดในใจ "อันต้องดีกับเค้า จนกว่าภารกิจจะเสร็จ"
ลดามองหลานสาวแต่อันยาไม่สบตา เธอรีบเดินออกไป ลดายังคิดต่อเพราะรู้สึกว่าอันยามีอะไรแปลกๆ
แสนยืนอยู่ต่อหน้าสมาชิกโครงการซึ่งเป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน เขาแนะนำพิลาสินีกับทุกคน
"ด็อกเตอร์พิลาสินี เป็นหัวหน้าโครงการคู่กับผม จะมาช่วยดูแลโครงการอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์ด้วย และจะเป็นผู้รับผิดชอบหลักตอนที่เรานำเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านมาปลูกและเพาะขยายพันธุ์"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ถ้าใครต้องการคำปรึกษาอะไร ก็มาคุยกับฉันได้ค่ะ" พิลาสินีบอก
ชาวบ้านบางคนยกมือไหว้พิลาสินี พิลาสินีพยักหน้ารับไหว้โดยไม่ประนมมือตอบ เธอยิ้มนิดๆให้อย่างมีภูมิ เมขลาหันไปคุยกับอันยาซึ่งเหม่อมองแสนอยู่ พอเมขลาเรียกอันยาถึงรู้สึกตัว
"อันโกะ มีอะไรรึเปล่า เมเรียกตั้งนาน"
"เอ่อ คิด..คิดเรื่องงานอยู่น่ะ เมมีอะไรเหรอ" อันยาถาม
"เมตื่นเต้นน่ะ เพิ่งลงฟิลด์กับด็อกเตอร์แพมครั้งแรก ไม่รู้จะทำงานได้ถูกใจมั้ยถ้ายังไง อันโกะช่วยเมด้วยนะ"
"เมทำได้อยู่แล้ว ต้องมั่นใจไว้ก่อนรู้มั้ย คนอื่นจะได้ไม่กล้าดุเรามาก" อันยาบอก เมขลาพยักหน้า เชื่อฟังอันยา อันยานึกขึ้นมา "นี่เม..ยังรู้สึกไม่ดีกับเรื่องตอนสัมมนาอยู่รึเปล่า ?”
เมขลาชะงักไปก่อนตอบ "ช่างเถอะ เมผิดเองแหละ ไม่รู้พลาดเอาข้อมูลของด็อกเตอร์แสนไปให้ด็อกเตอร์แพมได้ยังไง"
อันยาเผลอ "เธอไม่ผิดนะ" เมขลามองอันยาด้วยความแปลกใจ "เอ่อ หมายถึง ฉันรู้ว่าเมไม่ได้ตั้งใจ"
"ขอบใจนะ ที่อันโกะไม่ตัดสินเม ดีจังเลยที่เมมีเพื่อนแบบอันโกะ"
เมขลาจับมืออันยาอย่างขอบใจ อันยาอึ้งๆ และยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
"ไม่ต้องขอบใจฉันหรอก ฉันอาจจะไม่ใช่คนดี อย่างที่เมคิดหรอกนะ"
เมขลาฟังอันยาพูดด้วยความประหลาดใจ เธอยังไม่ทันจะถาม พุฒก็บอกทุกคน
"เดี๋ยวผมจะพาไปดูสวนที่อยู่ใกล้ๆกับป่า มีพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านหลายเลยล่ะครับ อาจจะใช้เป็นศูนย์วิจัยได้"
แสนพยักหน้าตอบ "ดีเลยครับ แต่เดี๋ยวขอผมไปหยิบอุปกรณ์ก่อน"
แสนเดินออกไปเตรียมตัว อันยามองตามแล้วก็ครุ่นคิด
แสนเดินมาหยิบอุปกรณ์ทั้ง สมุดบันทึก กล้องถ่ายรูป ตลับเมตร สายวัด แล้วก็หันมาเจออันยา
"ฉันช่วยนะคะ" อันยาบอก
"ไม่เป็นไรครับ" แสนเดินไปทันที
อันยารู้ว่าแสนยังโกรธอยู่จึงเดินตามมาอธิบาย "คุณแสน เรื่องเมื่อวานนี้ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ"
แสนหยุดแล้วหันมาถาม "คุณรู้เหรอ ว่าผมคิดอะไร"
"คุณ..คิดว่าฉัน..ทำไมถึงยังคบคนที่ไม่น่าไว้ใจ ทำไมไม่เลิกคบ..คนที่สร้างปัญหาให้"
แสนนิ่งอึ้งไป เมื่อได้ยินอันยาพูดออกมาตรงกับใจ
"คุณก็รู้อยู่แล้ว เพราะอะไรล่ะอันยา ทำไมต้องทำให้ตัวเองเสี่ยงด้วย คนที่เป็นห่วงคุณ จะไม่สบายใจนะ" แสนว่า
"ฉันจัดการได้ จริงๆนะคะ" อันยาบอก
แสนทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อ
อันยาชักรู้สึกว่าแสนเยอะ "คุณ..ก็ไม่น่าจะต้องโกรธนี่คะ ยังไง มันก็เป็นปัญหาของฉันกับทวยเทพ"
แสนยิ่งโกรธกว่าเดิม "ผมขอถอนคำพูด" อันยางง "ที่ผมบอกว่าคุณรู้อยู่แล้ว จริงๆแล้วคุณไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลย.." แสนพูดเสียงเบา "ว่าผมคิดยังไง" แสนเดินไปเลย
"หมายความว่าไง ?”
อันยาเดินตามแสนไปเพื่อจะเคลียร์ แล้วก็เห็นว่าแสนเดินไปสมทบกับกลุ่มของพุฒ และพิลาสินีเรียบร้อยแล้ว อันยาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
พุฒเดินนำแสน พิลาสินี อันยา และเมขลาสำรวจสวนใกล้ชายป่า แสนซักถามพุฒเกี่ยวกับพื้นที่ ชาวบ้านคนอื่นๆก็ช่วยอธิบายด้วย อันยาและเมขลาช่วยกันบันทึกข้อมูลให้เจ้านายแต่สายตาอันยาคอยเหลือบมองแสน แต่แสนไม่สบตาเธอเลย แสนเอาแต่คุยกับพิลาสินี อันยาจ๋อย
แสนสำรวจดูดงไม้ที่มีสมุนไพรอยู่คนเดียว พิลาสินีเห็นแสนก็ลุยพงเข้าไปหา
"แสนคะ ว๊ายย !!! ผี.. ผีเสื้อ แสนช่วยด้วย"
แสนหันไปมองพิลาสินีร้องกลัวผีเสื้อก็หัวเราะ
"ด็อกเตอร์พิลาสินี แบคทีเรีย เชื้อไวรัสอะไรก็ไม่กลัว กลัวผีเสื้อตัวเล็กๆ" แสนโบกมือไล่ให้ "ไปแล้วครับ"
"คุณก็รู้ ฉันมีปมกับผีเสื้อ ก็พอเดาได้แต่แรกแล้วล่ะ ว่าทำโปรเจ็คท์ปลูกพืชผักขนาดนี้ต้องหนีไม่พ้นแน่ๆ แต่เพราะคุณชวนนะ ฉันถึงได้ยอมมารับงานนี้"
แสนแกล้งให้ตกใจ "อุ๊ย มันบินมานั่นแล้ว"
พิลาสินีตกใจจึงเข้าไปเกาะแสนแน่น
"เฮ้ย ไหนอ่ะ ไหน"
แสนหัวเราะ
พิลาสินีทุบแสนเข้าให้ "ขอให้เจอ..ตัวอะไรที่ตัวเองกลัวบ้างเหอะ"
"เสียใจ ไม่มี !”
แสนหัวเราะเยาะพิลาสินี พิลาสินีหน้าคว่ำแต่ก็ยังยิ้มได้ เธอคิดว่าเขาแกล้งแปลว่าเขาสนิทกับเธอ อันยาที่ถือแก้วน้ำมาจะให้แสนมองภาพทั้งสองคนหยอกล้อกันก็อึ้งไป
อันยาเดินกลับมา
"ท่าทาง คงจะไม่หิวน้ำแล้ว"
อันยายกแก้วน้ำที่ตั้งใจเอามาให้แสนขึ้นมาดูดแก้กระหายซะเอง แล้วสิ่งที่คุยกับแสนก็แว่บขึ้นมา
แสนพูดแบบยิ่งโกรธกว่าเดิม "ผมขอถอนคำพูด" อันยางง "ที่ผมบอกว่าคุณรู้อยู่แล้ว จริงๆแล้วคุณไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลย" แสนพูดเสียงเบา "ว่าผมคิดยังไง" แล้วแสนก็เดินไปเลย
อันยาหันไปมองแสนและพิลาสินีที่อยู่ไกลๆ เธอเห็นแสนสำรวจต้นไม้พลางต่อล้อต่อเถียงกับพิลาสินีอย่างสนุกสนาน
อันยาเตือนตัวเอง "เรื่องอื่นไม่สำคัญนะอันยา...อย่า-ว่อก-แว่ก"
อันยาเตือนสติตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย
แสนมองไปทางหนึ่งซึ่งติดกับป่า แล้วหันมาบอกพิลาสินี
"เดี๋ยวผมไปสำรวจตรงนั้นหน่อย คุณไม่ต้องไปหรอก ท่าทางผีเสื้อจะเยอะ"
แสนทำหน้าล้อพิลาสินี พิลาสินีเหล่แสนกลับด้วยสายตาประมาณว่าแกล้งนักนะ แสนยิ้มๆแล้วเดินไปคนเดียว
แสนเดินสำรวจสวนด้านที่ติดกับป่า เขาเห็นพุ่มไม้ไหวๆอยู่ด้านหลังก็หันไป
แสนชะงัก "แพม ผมบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องเข้ามาหรอก"
แสนมองไปก็เห็นว่าบริเวณหลังพุ่มไม้มีเงาคนหลบวูบ แสนชะงักแล้วแกล้งทำเป็นก้มดูต้นสมุนไพร แต่มือของเขากำบางอย่างบนพื้นเอาไว้
ลูกน้องโกมลที่คลุมหน้าซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้พรวดออกมาพร้อมมีดในมือ แสนหลบทันแล้วเอาดินปาใส่ตาแต่ก็ไม่โดนจังๆ ลูกน้องโกมลปัดดินออกแล้วรีบวิ่งตามแสน แสนวิ่งหนีไปเจอพงรกจึงไปต่อไม่ได้ ลูกน้องโกมลวิ่งมาดักหน้าไว้ แสนระวังตัวและถีบใส่ ลูกน้องโกมลเอี้ยวตัวหลบก่อนจะอัดเข้าหน้าแสน แสนล้มแต่คุกเข่ายันไว้ ลูกน้องโกมลจะเข้ามาซ้ำ แสนต่อยเข้าที่ท้องแล้วบิดมือลูกน้องโกมลเพื่อแย่งมีดมาแล้วขู่กลับ
"อยู่เฉยๆ"
ลูกน้องโกมลผงะจะหนี แสนเตะขาของเขาจนพับล้มลงไปอีกแล้วก็จะเข้าไปจับตัว ทันใดนั้นแสนก็โดนฟาดจากด้านหลังจนล้มลงไป โกมลทิ้งท่อนไม้ในมือลงแล้วหลังมือใส่ลูกน้องหนึ่งที
"โง่นัก ให้มันไหวตัวได้"
ลูกน้องจ๋อยก่อนจะรีบไปหิ้วแสนขึ้นมา สองคนหันรีหันขวางก่อนจะรีบลากตัวแสนเข้าไปในป่าใกล้ๆ
อันยาที่แอบมาดูหน้าซีดเผือด เธออึ้งไป เมื่อเห็นว่าแสนตกอยู่ในอันตราย
อ่านต่อตอนที่ 8