xs
xsm
sm
md
lg

เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 2

เลอสรร กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและลุงมหา กำลังนั่งชมการแสดงฟ้อนรำ มีชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งเข้ามากระซิบกระซาบบอกกำนันธงว่ามีตำรวจบุกเข้ามา เลอสรรสงสัย

“มีอะไรหรือครับ กำนันธง”
“ชาวบ้านมาบอกว่า มีตำรวจเข้ามาในงาน ท่าทางเหมือนจะมาจับใคร”
“ไม่ต้องห่วงกำนัน เรื่องตำรวจขอให้บอกคุณเลอสรร”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ศรีนวลเห็นท่าไม่ดี หยุดเล่นลำตัด เลอสรร กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้อง พากันลุกออกจากที่นั่งเดินออกไป

บันลือ สารวัตรสมภพและตำรวจคนอื่นๆ กำลังรื้อค้นตามมุมต่างๆ โดยไม่เกรงใจชาวบ้าน ทำให้งานและการละเล่นต่างๆ ชะงักหยุดลง ชาวบ้านถูกตรวจค้นอาวุธ บันลือแยกเดินตามรอยเลือดแยกไปยังอีกมุม สารวัตรสมภพชักปืนออกมาแล้วยิงไปยังมุมๆ หนึ่งซึ่งน่าสงสัย ชาวบ้านกรีดร้องวิ่งหนีกันวุ่นวาย
เลอสรรเดินนำ กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้องเข้ามาหาสารวัตรสมภพ
“มีอะไรกันครับ”
สารวัตรสมภพ หันมามอง
“คุณเป็นใคร ผมสารวัตรสมภพ”
“ผม เลอสรร ชิณวร ลูกชายท่านผู้ว่าทรงยศครับ”
“ที่แท้ก็คนกันเอง ผมรู้จักท่านผู้ว่าเป็นอย่างดี ท่านเคยเมตตาช่วยเหลือผม ตอนรับราชการใหม่ๆ ท่านสบายดีเหรอครับ”
“ครับท่านสบายดี มีอะไรจะให้ผมช่วยไหมครับสารวัตร”
“คนร้ายหนีเข้ามาในงานครับ”
“ผมยังไม่เห็นเลยครับ”
เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดติดต่อกัน ทุกคนชะงักหันไปมอง
“เสียงดังมาจากเรือนพักพวกลำตัด”
“น่าจะเกิดเหตุที่นั่น รีบไปกันเถอะครับ”
ทุกคนพากันวิ่งออกไป

สมิงกำลังพยายามเดินหลบหนีไปยังมุมหนึ่งซึ่งเป็นเรือนรับรอง สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกลำตัด สมิงเดินต่อไม่ไหวล้มลงไปโดนข้าวของที่วางอยู่หล่นลงมาเสียงดัง ศรีนวลและชาวคณะลำตัดหญิง เปลี่ยนเสื้อเสร็จพอดี จึงเปิดประตูออกมาดูกัน
“สมิง”
ศรีนวลเข้าไปหาสมิง แล้วพบว่าสมิง อุ้มเด็กทารก
“นั่นลูกใคร”
“มันถูกทิ้งไว้ที่ชายป่า สมิงเลยช่วยมันไว้เอาบุญ”
“แล้วนั่น” ศรีนวลมองเห็นแผลโดนยิง “สมิงโดนใครยิงมา”
“ไอ้บันลือ มันกับพวกกำลังตามมา”
“เร็วพวกเรา มาช่วยกัน”
ศรีนวลหันไปบอกพวกลำตัด ศรีนวลรับเด็กมาจากสมิง พวกลำตัดช่วยกันพยุงสมิงเข้าไปหลบในเรือนพัก บันลือเดินตามรอยเลือดมาเห็นรอยเลือดไปหยุดที่หน้าเรือนพัก

บันลือกำลังยิงปืนขึ้นฟ้าอยู่ที่หน้าเรือนพักทำให้ชาวบ้านแตกตื่น เข้ามาดู เลอสรร สารวัตรสมภพ กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้อง ตำรวจที่เหลือและน้อย พากันวิ่งมาดูเหตุการณ์
“เกิดอะไรขึ้นคุณบันลือ พบไอ้สมิงแล้วใช่มั้ย”
“ผมเห็นรอยเลือด นี่ไงครับ รอยเลือดหายเข้าไปในเรือนพัก ไอ้สมิงมันต้องอยู่ข้างในแน่ๆ”
“งั้นก็บุกเข้าไปดูกันเลย...คนที่อยู่ข้างใน ออกมาให้หมด ออกมา”
สารวัตรสมภพตะโกนบอก ตำรวจกระจายกำลังรายล้อมเรือนพัก สารวัตรสมภพและบันลือ เล็งปืนไปยังประตูเรือนพัก สักครู่ก็เห็นประตูเปิดออกพวกลำตัดหญิงทยอยกันเดินออกมา โดยมีศรีนวลอยู่ในกลุ่มด้วย
“มีอะไรกันคะ”
“ไม่คิดเลย ว่าจะได้เจอกันอีก ศรีนวล”
“นี่เป็นเรือนของใคร”
“เราจัดให้เป็นที่พักของพวกลำตัด พรรคพวกของศรีนวล” กำนันธงบอก
“ไอ้สมิงอยู่ข้างในใช่มั้ย” บันลือถาม
“สมิงไหน”
“อย่ามาทำเป็นไก๋ไม่รู้จักซิศรีนวล”
“ถ้าหมายถึงสมิงที่เป็นเพื่อนชั้น เขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ไม่จริง ไอ้สมิงมันโดนยิงหนีมาทางนี้ แล้วนี่ก็รอยเลือดเห็นมั้ย มันหายเข้าไปในเรือนหลังนี้” บันลือเดินเพื่อจะเข้าไปค้น แต่ศรีนวลมาขวางไว้ “หลีกไป”
“เข้าไปไม่ได้ ที่นี่เป็นเรือนพักของพวกผู้หญิง ผู้ชายห้ามเข้า”
“ทำไมจะเข้าไม่ได้ เธอต้องซ่อนไอ้สมิงเอาไว้ข้างในนี้แน่”
“อย่ามากล่าวหาชั้นนะ”
“สารวัตร บุกเข้าไปเลย มันอยู่ข้างในแน่นอน”

บันลือหันไปบอกสารวัตรสมภพ สารวัตรสมภพและตำรวจคนอื่นๆ ขยับตัวจะเข้าไปลุยแต่แล้วเลอสรรรีบเข้ามาขวางไว้
“เดี๋ยวครับสารวัตร”
“มีอะไรครับ”
“ผมว่าเราควรจะให้เกียรติผู้หญิงบ้างนะครับ”
“ใช่ค่ะ ข้างในมีผู้หญิงท้องแก่กำลังจะคลอดลูก รอยเลือดที่เห็นน่ะก็เป็นน้ำคร่ำ พวกชั้นเพิ่งพยุงเข้ามานอนพักเมื่อกี้นี้เอง ถ้าไม่เชื่อก็ส่งคนเข้ามาดูได้”
“เอางั้นก็ได้ ชั้นจะส่งตัวแทนเข้าไปดู” สารวัตรสมภพหันไปทางตำรวจ “หมู่ เข้าไปดูสิ”
ตำรวจลังเล อึกอัก ไม่อยากเข้าไป
“ให้คนอื่นเข้าไปแทนได้มั้ยครับ คือว่า...ไปดูผู้หญิงคลอดลูกน่ะ ประเดี๋ยวของผมเสื่อม โบราณเค้าห้าม”
“งั้นใครก็ได้” ตำรวจทุกคนมองหน้า เกี่ยงกันไม่อยากเข้า สารวัตรสมภพหันมาหาบันลือ “งั้นคุณบันลือ”
“ผมเข้าไปไม่ได้สารวัตร ผมลงมหาอุตไว้เดี๋ยวเสียของหมด”
เลอสรร ตัดสินใจรับอาสาแทน
“ถ้างั้น ขอผมเป็นตัวแทนเข้าไปดูให้นะครับ”
“แต่คุณเลอสรรไม่กลัว...”
“ผมไม่ได้เล่นของ เข้าไปดูก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“งั้นก็ต้องรบกวนคุณเลอสรรด้วยครับ”
เลอสรร เดินไปหาศรีนวล จากนั้นศรีนวลก็เปิดประตูให้เลอสรรเดินเข้าไป

เลอสรรเดินเข้ามาในเรือนพักมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นใครอยู่เลย ศรีนวลยืนที่ประตูกันไม่ให้คนอื่นเข้ามา สักครู่เลอสรรสังเกตเห็นบางอย่างขยับตัวอยู่ที่กองผ้าห่มซึ่งพับเทินกันไว้ที่มุมตู้ ศรีนวลเดินเข้ามาที่เลอสรร เลอสรรชักปืนแล้วเดินเข้าไปยังกองผ้าห่มแล้วเห็นสมิง นอนเจ็บอยู่โดยมีผ้าห่มคลุมไว้ ข้างๆ เห็นทารกนอนอยู่ สมิงหันไปมองหน้าเลอสรร สายตาสมิงเริ่มเบลอ เนื่องจากเสียเลือดใกล้สลบ
ใต้ผ้าห่ม สมิงมีปืนเตรียมพร้อมจะยิงได้ตลอดเวลาโดยที่เลอสรรมองไม่เห็น ขณะที่เลอสรรก็เล็งปืนเตรียมพร้อมจะยิงสมิงได้ทุกเมื่อเช่นกัน
“แกเป็นใคร”
“ชั้นสมิง”
เลอสรรมองหน้าสมิงนิ่ง แล้วหันไปหาศรีนวล ศรีนวลส่งสายตาวิงวอนขอให้เลอสรรช่วยเหลือ สักครู่เลอสรรก็ตัดสินใจเก็บปืนเดินไปหาศรีนวล
“ช่วยสมิงด้วยค่ะคุณเลอสรร”

เลอสรรและศรีนวล เปิดประตูออกมาแล้วหันไปหาทุกคนที่กำลังรอฟังคำตอบ
“ว่าไงครับคุณเลอสรร เจอไอ้สมิงหรือเปล่า”
“ไม่มีคนชื่อสมิงครับ มีแต่ผู้หญิงกำลังจะคลอด ผมว่าใครที่รู้จักหมอตำแยแถวนี้ รีบไปตามมาด่วนเลยนะครับ ไม่งั้นแย่แน่”
“จริงเหรอ” บันลือไม่อยากเชื่อ
“ถ้าไม่เชื่อก็เข้าไปซิครับ ตามสบาย”
เลอสรรผายมือท้าทายให้บันลือเดินเข้าไปพิสูจน์
“ไม่แน่ใจ”
ศรีนวลได้จังหวะรีบเร่งให้คนเตรียมทำคลอดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“อ้าว...มัวแต่ยืนกันอยู่ได้ ไม่ได้ยินเหรอ ไปตามยายปลิกหมอตำแยมาให้ที แล้วใครก็ได้วิ่งไปต้มน้ำร้อนมาหน่อย เร็ว”
ชาวบ้านคนหนึ่งรับอาสาไปตามหมอตำแย ขณะที่คนอื่นๆ เริ่มแบ่งงานกันช่วยทำคลอด
“เดี๋ยวชั้นไปตามยายปลิกเอง”
“งั้นเดี๋ยวชั้นไปเอาน้ำร้อนมา”
“ใครมีผ้าสะอาดๆ ฉีกมาทำผ้าอ้อมห่อเด็กด้วยนะ เอามาเยอะๆ”
บันลือละความสนใจเดินออกไป สารวัตรสมภพหันมาหาเลอสรร
“ขอบคุณมากนะครับคุณเลอสรร วันนี้ผมคงต้องขอตัว ยังไงฝากกราบท่านผู้ว่าฯด้วย”
“แล้วผมจะบอกคุณพ่อให้นะครับ”
เลอสรรทำความเคารพสารวัตรสมภพ จากนั้นตำรวจก็แยกย้ายกันออกไป เลอสรรหันมาหาศรีนวล ศรีนวลส่งคำขอบคุณเลอสรรด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ คุณเลอสรร”

ภายในเรือนพัก ลุงมหากำลังช่วยทำแผลให้สมิงซึ่งสลบไป โดยมีศรีนวล เลอสรร ผู้ใหญ่ต้องและกำนันธงเฝ้ามองอยู่ ทารกนอนหลับอยู่บนเบาะ เปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดตัวแล้วดูสะอาดขึ้น
“ขอบคุณมากนะคะคุณเลอสรรที่ช่วยสมิงเอาไว้ในครั้งนี้”
“พอดีผมได้ยินว่าสมิงเป็นเพื่อนของศรีนวล ก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจทุกคน”
“สมิงไม่ใช่โจรอย่างที่ทุกคนเข้าใจหรอกครับ สมิงเป็นคนดี เพียงแต่ถูกใส่ร้ายทำให้ต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนแบบนี้” กำนันธงบอก
“เรื่องนี้ชั้นรับรองค่ะคุณเลอสรร เรื่องที่เกิดกับสมิง ชั้นกับพ่ออยู่ในเหตุการณ์ตลอด แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรสมิงได้ ไม่เชื่อก็ถามชาวบ้านลานเทคนอื่นๆ ก็ได้ ทุกคนรักและสงสารสมิง”
“ผมเชื่อครับ เพราะถ้าสมิงไม่ใช่คนดี กำนันกับศรีนวลคงไม่กล้าเอาตัวเข้าไปยุ่งขนาดนี้”
“สมิงเสียเลือดมาก ตอนนี้หลับไปแล้วคงจะอ่อนเพลียมาก ให้พักผ่อนเยอะๆ ร่างกายจะได้ฟื้นเร็ว สมิงแข็งแรงอยู่แล้ว” ลุงมหาบอก
“แล้วจะเดินได้เหมือนเดิมไหมลุงมหา”
“แผลไม่ลึก ไม่โดนเส้นเอ็นอะไร แผลหายก็เดินได้ปกติ”
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลุงมหามีความรู้ทางนี้”
“ตอนเป็นทหารเกณฑ์ เจ้ามหามันอยู่หน่วยพยาบาลน่ะครับ ก็เลยได้วิชาแพทย์มาเยอะจะว่าไป มันก็เก่งตรงรักษาคนอื่นนี่แหละ แต่ใจของมันกลับรักษาไม่ได้ ไม่งั้นคงไม่อยู่เป็นโสดมาจนป่านนี้หรอก” กำนันธงบอก
“เอาเข้าไป เล่นไม่เลิกเลยนะเอ็ง เอ้อ...แล้วไอ้หนูนี่ล่ะจะทำไงกับมันดี” ลุงมหาหันไปมองเด็กทารก
“ถ้าแม่มันไม่มารับไป ศรีนวลก็คงต้องรับเลี้ยงไว้เอาบุญ”
ศรีนวลมองทารกน้อยที่นอนหลับอยู่อย่างเมตตา

เช้าวันรุ่งขึ้น ศรีนวลกำลังอุ้มทารกน้อยแล้วป้อนนมอยู่หน้าบ้านพัก ภายในบ้าน สมิงลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆ พบว่ามี น้อยสาวใช้ทำงานบ้านนั่งเฝ้าอยู่ เมื่อเห็นสมิงตื่น น้อยก็รีบออกมาบอกศรีนวล
“สมิงตื่นแล้วพี่ศรีนวล”
ศรีนวลรีบส่งเด็กทารกให้น้อยอุ้ม แล้วเดินเข้าไปหาสมิง น้อยอุ้มเด็กตามมา
“เป็นยังไงบ้างสมิง ไม่เจ็บแผลแล้วใช่มั้ย”
“ถึงเจ็บสมิงก็ทนได้”
“ทำเก่งอีกแล้ว”
สมิงมองไปที่ทารก น้อยอุ้มทารกมาใกล้ๆ สมิง
“เด็กคนนี้ดวงแข็งจริงๆ น่าสงสารที่แม่มันใจร้ายทิ้งลูกได้ลงคอ”
“ศรีนวลตั้งชื่อให้แล้วว่า บุญเหลือ”
“บุญเหลือสมชื่อจริงๆ”
“พาบุญเหลือไปอาบน้ำก่อนนะน้อย”
“จ้ะ ศรีนวล”
น้อยอุ้มบุญเหลือออกจากห้องไป ศรีนวลหันมาเอ่ยปากขอบุญเหลือจากสมิง
“ศรีนวลขอนะสมิง ศรีนวลจะเลี้ยงบุญเหลือเอง”
“ได้ซิ ถือซะว่ามันเป็นลูกของเรา”
“สมิงพูดแบบนี้ คนจะเข้าใจศรีนวลผิด”
“ถ้าชาวบ้านเข้าใจผิด สมิงจะรับผิดชอบเอง”
“สมิงหมายถึงอะไร”
“ศรีนวลก็น่าจะรู้นะ ว่าสมิง...เอ้อ...”
สมิงรู้สึกเขิน ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกรัก จึงได้แต่พูดตะกุกตะกัก
“ศรีนวลไปก่อนนะ วันนี้ต้องทำกับข้าวเลี้ยงแขก”
ศรีนวลเดินออกไป สมิงนึกเจ็บใจตัวเองที่ปล่อยโอกาสในการบอกรักศรีนวลให้หลุดมือไป
“ไอ้ปากเอ้ย...อยากจะพูดอะไรก็ไม่ยอมพูด”
สมิงตบปากตัวเองเป็นการลงโทษความขลาดของตน

สมิงกำลังฝึกเดินอยู่เงียบๆ คนเดียว แต่การเดินไม่ค่อยสะดวกนักเนื่องจากแผลยังอักเสบอยู่ จังหวะหนึ่งขณะที่สมิงกำลังเดินอยู่นั้น จู่ๆ ก็เซถลากำลังจะล้ม แต่แล้วเลอสรร ซึ่งผ่านมาแถวนั้นรีบเข้ามาพยุงร่างของสมิงเอาไว้ได้ทัน
“เกือบไปแล้ว แผลยังไม่หายดีก็อย่าเพิ่งรีบเดินเลยครับ” สมิงหันมามองเลอสรร รู้สึกไม่คุ้นเคย “จำผมได้ใช่มั้ย คนที่เจอกับคุณเมื่อคืน”
“จำได้ คุณนั่นเอง”
“เรียกผมว่าเลอสรร”
“ผมสมิง”
“ผมรู้จักคุณแล้ว คนแถวนี้เล่าเรื่องของคุณให้ฟัง โดยเฉพาะศรีนวล รู้สึกเธอจะชื่นชมคุณมากเลยนะ”
“เรื่องเมื่อคืนผมอยากจะ ขอบคุณ”
“เรื่องเล็กน่าสมิง ผมรู้สึกถูกชะตากับคุณยังไงไม่รู้ เราสองคนมาเป็นเพื่อนกันดีกว่า”
เลอสรรยื่นมือมาเพื่อให้สมิงจับมือตน สมิงเห็นในไมตรี และลักษณะที่ดูเปิดเผยของเลอสรร จึงยื่นมือมาจับแล้วยิ้มให้
“ขอบคุณในมิตรภาพที่คุณยื่นมาให้ สมิงยินดีเป็นเพื่อนกับคุณ”
“ได้เลย มา...ถ้าจะฝึกเดิน ผมจะช่วย”
“ไม่เป็นไร ผมฝึกคนเดียวได้”
“อย่าปฏิเสธ เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะสมิง”
เลอสรรช่วยพยุงสมิงให้ฝึกเดิน ด้วยท่าทีสนิทสนม

เวลาผ่านไป สมิงเริ่มเดินคล่องแคล่วขึ้น กำลังเดินมาวางมะพร้าวเพื่อเป็นเป้าสำหรับฝึกยิงปืน และเห็นเลอสรรหยิบปืนยาวขึ้นมาทำความรู้จักเนื่องจากเป็นปืนแบบต่างจังหวัด เลอสรรไม่คุ้นเคยกับปืนแบบนี้ จึงตรวจดูและเตรียมพร้อมเพื่อฝึกยิง สมิงนึกว่าเลอสรรยิงไม่เป็นเลยสอนเลอสรรยิงปืน
“ก่อนยิง นายต้องทำใจให้นิ่งก่อน เล็งเสร็จแล้วก็ตัดสินใจเหนี่ยวไก อย่าวอกแวก”
“ได้เลยครับ ประเดี๋ยวศิษย์จะแสดงให้ดู”
เลอสรรเอาปืนยาวประทับบ่า เล็งแล้วยิงออกไป กระสุนพุ่งเข้าเป้าตรงเผงทุกนัด ทำให้สมิงทึ่ง
“ฝีมือแบบนี้ ไม่ใช่ธรรมดา”
“ถึงตานายแล้ว”
สมิงเอาปืนยาวมาประทับบ่าแล้วลั่นกระสุนออกไป กระสุนเข้าเป้าอย่างแม่นยำทุกนัด ศรีนวลเดินตบมือเข้ามาแสดงความชื่นชม
“ฝีมือกินกันไม่ลง เข้าเป้าทุกนัดทั้งคู่เลย”
“มาฝึกมือกันหน่อยซิศรีนวล”
“ได้ซิ ช่วงนี้ห่างไปนาน ถ้าไม่เข้าเป้าก็อย่าว่ากันนะ”
“ศรีนวลยิงปืนเป็นจริงๆ เหรอ”
“ยังต้องเรียนอีกเยอะค่ะ คุณเลอสรร”
ศรีนวลรับปืนมาจากสมิง แล้วจากนั้นก็ลั่นกระสุนออกไป กระสุนเข้าเป้าทุกนัดเช่นกัน ทำให้เลอสรรอ้าปากค้าง
“โอ้...นึกไม่ถึงจริงๆ”
“คนแถวนี้เค้าฝึกยิงปืนกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่แม่นให้มันรู้ไป”

ทั้งสามคนผลัดกันฝึกยิงปืนด้วยความสนิทสนม ระหว่างนั้นน้อยวิ่งเข้ามา
“เร็วจ้ะพี่ศรีนวล ไปที่เถียงนาเร็ว”
“มีอะไรน้อย”
“โจรขโมยควายจ้ะ มาด้อมๆ มองๆ ไอ้คนนี้มันขโมยมาหลายครั้งแล้ว”
“น้อยไปบอกพ่อนะ ประเดี๋ยวพวกชั้นจะไปสกัดมันก่อน”
สมิงรีบไปคว้าปืนที่แขวนไว้ตามมุมต่างๆ ส่งให้ศรีนวลและเลอสรร แล้วจากนั้นทุกคนก็พากันวิ่งออกไป

บริเวณเถียงนา โจรคนหนึ่งกำลังดึงควายให้เดินตามและมีโจรอีกสองคนถือปืนคอยคุมเชิงอยู่ด้านหลัง ศรีนวล สมิง เลอสรร พากันวิ่งมาหยุดมองที่มุมหนึ่ง โจรที่มีปืนหันมาเห็นจึงยิงสกัด ศรีนวล สมิง เลอสรรต่างหลบเข้าที่กำบัง โดยศรีนวลเข้าไปหลบใกล้ๆ กับเลอสรร ขณะที่สมิงหลบอยู่คนเดียว ทั้งสามคนช่วยกันยิงต่อสู้กับพวกโจร
ระหว่างยิงต่อสู้สมิงหันไปเห็นท่าทีของเลอสรรที่คอยหยอกล้อกับศรีนวล แล้วหัวเราะต่อกระซิบกัน สมิงหงุดหงิดหันไประบายอารมณ์ด้วยการยิงกระหน่ำใส่พวกโจรจนตายเรียบ ศรีนวล และเลอสรร รีบออกไปสำรวจ เลอสรรหันมายกนิ้วให้สมิง
“สมิง แม่นเหลือเชื่อจริงๆ อย่างงี้ไว้มีโอกาสผมจะชวนไปล่าสัตว์ด้วยกัน”
“สมิงไม่ฆ่าสัตว์เพื่อเกมกีฬา แต่จะฆ่าเมื่อจำเป็นเท่านั้น” สมิงบอกเสียงเข้ม
“ศพไอ้โจรพวกนี้ จะทำยังไงกันดีล่ะ”
“ผมว่ารอให้กำนันมาก่อน อย่าเพิ่งไปเคลื่อนย้ายนะครับ ต้องทำไปตามขั้นตอนของกฎหมาย” ฝนเริ่มลงเม็ดปรอยๆ “ฝนมา รีบเข้าบ้านกันก่อนดีกว่า”
“แต่ว่าศพ”
“สมิงเฝ้าให้หน่อยนะ ไปเถอะศรีนวล ถูกฝนประเดี๋ยวจะไม่สบาย”
เลอสรรรีบถอดเสื้อคลุมแล้วเอามาคลุมให้ศรีนวล จากนั้นทั้งคู่ก็พากันวิ่งจากไปทิ้งสมิงยืนอยู่กลางสายฝนอย่างเดียวดาย สมิงมองตามด้วยความน้อยใจ

ภายในบ้านกำนันธง เลอสรรกำลังเอาผ้ามาเช็ดผมที่เปียกฝน แล้วสักครู่ก็จามออกมา ศรีนวลเดินเข้ามาหา แล้วเอามืออังศรีษะวัดไข้
“ตายจริง คุณเลอสรรตัวร้อน”
“แล้วศรีนวลล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ศรีนวลไม่เป็นอะไร”
“น่าอายจริงเรา ถูกฝนเหมือนๆ กัน แต่ผมกลับไม่สบายอยู่คนเดียว”
“คนกรุงเทพฯ จะให้เหมือนคนต่างจังหวัดได้ยังไง มาค่ะ คุณเลอสรรนอนลง ประเดี๋ยวศรีนวลเช็ดตัวให้”
ศรีนวลจับเลอสรรให้นอนแล้วหันไปคว้าขันน้ำและผ้ามาเช็ดตัวตัวให้ “อย่าอาบน้ำนะคะ ให้เช็ดตัวอย่างเดียว”
ที่หน้าห้อง สมิงหยุดยืนมองด้วยความน้อยใจแล้วสักครู่ก็ตัดสินใจเดินเข้ามาเพื่อขัดจังหวะ ศรีนวลหันไปเห็น สมิงยังคงเปียกโชก เสื้อผ้ายังไม่ได้เปลี่ยน
“อ้าว...สมิง เรื่องโจรขโมยควายพ่อว่าไงบ้าง”
“กำนันบอกว่ามันมาจากในเมือง ตระเวนขโมยมาหลายบ้านทางการเคยออกหมายประกาศจับแล้วด้วย”
“สงสัยตอนนี้พ่อคงรีบเข้าเมืองไปแจ้งพวกอำเภอแล้ว ดีไม่ดีคืนนี้กลับไม่ทันเรือเมล์เที่ยวสุดท้าย”
สมิงหมั่นไส้ที่ศรีนวลเช็ดตัวให้เลอสรร โดยเลอสรรเริ่มเคลิ้มแล้วผล่อยหลับ สมิงจึงเอ่ยปากขอทำให้เอง
“ศรีนวล สมิงขอน้ำอุ่นๆ ดื่มสักแก้วเถอะ เรื่องเช็ดตัวคุณเลอสรรน่ะ เดี๋ยวสมิงทำแทนเอง”
“แต่ว่าสมิงไปต้มน้ำเองก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ศรีนวลทำให้สมิงดีกว่า เรื่องในครัวสมิงไม่ค่อยถนัด”
ศรีนวลไม่ค่อยอยากไป แต่ก็จำต้องทำตามคำขอของสมิง เธอจึงส่งผ้าและขันน้ำให้สมิงทำแทน สมิงมองเลอสรรซึ่งนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขก็หมั่นไส้ จึงแกล้งเช็ดตัวให้แรงๆ จนเลอสรรตกใจตื่น
“โอ๊ย...เจ็บ”
“โทษที แรงไปหน่อย”
เลอสรรมองหาศรีนวล
“ศรีนวลไปไหน ทำไมกลายเป็นนายมาเช็ดตัวแทนล่ะ”
“ศรีนวลคงไม่ค่อยอยากทำให้นายมั้ง เลยใช้ให้ชั้นทำแทน”
เลอสรรมองไปที่ประตูเพื่อความแน่ใจว่าศรีนวลไม่ได้อยู่ในห้อง เลอสรรจึงกระซิบกับสมิง
“พูดก็พูดเถอะสมิง รู้ไหม ตอนนี้ชั้นอยากจะวานนายสักเรื่องจะได้มั้ย”
“อะไร”
“ช่วยเป็นพ่อสื่อให้ชั้นหน่อย คือช่วยบอกศรีนวลให้ทีว่าฉันรักศรีนวล” สมิงอึ้ง “ว่าไงสมิงทำได้ไหม ฉันไม่กล้าบอกศรีนวลตรงๆ”
“ได้...ฉันจะบอกศรีนวลให้” เลอสรรดีใจ
“ขอบใจมากสมิง อย่างนี้ซิ! เขาเรียกรักกันจริง! จับมือที”

เลอสรรยื่นมือไป สมิงฝืนใจจับมือกับเลอสรรอย่างเซ็งๆ สมิงยิ้มอย่างขมขื่น

เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 2 (ต่อ)

ศรีนวลกำลังต้มน้ำและทำกับข้าวอยู่ที่มุมครัว สมิงเดินเข้ามาหา ศรีนวลหันไปรินน้ำให้
“น้ำเดือดพอดี นี่จ้ะสมิง”
สมิงรับน้ำอุ่นมาดื่ม แล้วแอบมองศรีนวล หาวิธีที่จะชนะใจหญิงสาว
“ให้สมิงช่วยนะ”
“ก็ไหนบอกว่าไม่ถนัดงานครัว”
“เห็นศรีนวลเหนื่อย สมิงก็อยากจะช่วย”
“ไม่เหนื่อยหรอก ศรีนวลชินแล้ว”
“แล้ววันนี้ทำกับข้าวอะไร”
“ข้าวต้ม เห็นคุณเลอสรรตัวร้อน น่าจะได้กินอะไรอ่อนๆ”
สมิงแอบน้อยใจที่ศรีนวลทำกับข้าวให้เลอสรร
“แล้วศรีนวลจะทำอะไรให้สมิงบ้าง”
“ก็ข้าวต้มนี่แหละ กินด้วยกัน ไม่ยุ่งยากดี ตอนนี้คุณเลอสรรเป็นไงบ้าง”
“ก็ดี”
“ไข้ลดลงหรือยัง”
“ตัวไม่ร้อนเท่าไหร่”
“ตายจริง งั้นก็แสดงว่าตัวยังร้อนอยู่น่ะซิ”
“ก็คงงั้น ทำยังไงได้ล่ะ”
“คนเป็นไข้ต้องมีคนเช็ดตัวให้บ่อยๆ ไข้จะได้ลดเร็วๆ สมิงช่วยดูข้าวต้มให้หน่อยนะ”
ศรีนวลหันไปหยิบขันน้ำและผ้าเพื่อไปเช็ดตัว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวสมิงไปเช็ดแทนดีกว่า”
“ไม่เอาละ สมิงเช็ดตัวแป็บเดียวก็ทิ้งแล้ว ให้ศรีนวลทำเอง สมิงดูข้าวต้มแทนศรีนวลดีกว่า ถ้าเดือดแล้วก็หรี่ไฟแค่นั้นเอง”
ศรีนวลเดินออกไป ไม่สนใจความรู้สึกของสมิง ทำให้สมิงน้อยใจหันมามองหม้อข้าวต้มเซ็งๆ

บรรยากาศยามเย็น ท้องฟ้ามืดสลัว ฟ้าแล่บ ฝนเริ่มโปรยลงมา ศรีนวลเดินออกมาชะเง้อมองไปที่หน้าบ้าน รอการกลับมาของกำนันธง น้อยวิ่งไปเก็บผ้าที่ตากไว้แล้วเข้ามาในบ้าน
“ฝนตกแบบนี้ สงสัยพ่อคงจะค้างในเมืองแน่เลยคืนนี้”
“ลุงมหาตามไปด้วย คงจะพากันเที่ยวเพลินแน่เลยนะพี่ศรีนวล”
“บุญเหลือเป็นไงบ้าง”
“หลับไปแล้วจ้ะ เด็กคนนี้หลับง่าย กินง่ายไม่กวนเลย เดี๋ยวชั้นเก็บผ้าแล้วว่าจะเอาข้าวไปให้พี่สมิง”
“ชั้นเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ในครัวน่ะ”
น้อยเดินหอบผ้าเข้าไปข้างใน ฟ้าแล่บเป็นระยะ ศรีนวลมองไปทางห้องนอนของเลอสรร

สมิงยืนตากฝนนิ่งที่หน้าเรือนพักโดยไม่ยอมหนีฝน น้อยวิ่งหิ้วปิ่นโตเข้ามาแล้วแปลกใจ
“อ้าว...พี่สมิง ไปยืนตากฝนทำไมล่ะ เข้ามาๆ ประเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ดีๆ จะได้ป่วยกับเค้าบ้าง”
“จะบ้าเหรอ พี่สมิงจะป่วยไปทำไม”
“ก็เผื่อศรีนวลจะมาดูแลสมิงบ้างน่ะซิ” น้อยส่ายหน้า
“งั้นก็ตากฝนต่อไปละกัน ชั้นกับบุญเหลือกินข้าวกันก่อน ไม่รอแล้ว”
น้อยเดินหิ้วปิ่นโตเข้าไปในห้องเล็กๆ ข้างๆ ห้องที่สมิงพัก
สมิงยืนตากฝน ฟ้าแล่บเข้าใบหน้า แว่วหนึ่งของความคิดสมิงรู้สึกเป็นห่วงศรีนวล

เลอสรรนอนหลับอยู่ ศรีนวลเปิดประตูยกถาดใส่อาหารเข้ามา ศรีนวลเดินเข้ามาในห้องที่มือสลัวมีแสงฟ้าแล่บส่องทางเป็นระยะ แล้ววางถาดอาหารข้างๆ เลอสรร ฟ้าแล่บส่องมาเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเลอสรรนอนหลับนิ่ง
“คุณเลอสรรๆ”
ศรีนวลปลุกเลอสรร เลอสรรลืมตาขึ้นมาแล้วยิ้มให้
“นี่ความฝันหรือความจริง”
“ความจริงค่ะ ลุกขึ้นเถอะค่ะ มากินข้าว”
เลอสรรเอื้อมมือมาจับมือของศรีนวลเอาไว้ แล้วหอมเบาๆ
“ใช่แล้ว ไม่ใช่ความฝันแน่นอน กลิ่นของศรีนวลหอมแบบนี้ผมจำได้”
“ปล่อยค่ะ อย่าทำแบบนี้”
“ขอหอมให้ชื่นใจอีกทีเถอะ ไม่เคยได้กลิ่นอะไรหอมแบบนี้มาก่อนเลย”

เลอสรรเริ่มดึงตัวศรีนวลเข้ามากอด แล้วหอมเบาๆ ร่างของศรีนวลสั่นสะเทิ้ม พยายามบ่ายเบี่ยง

สมิงเดินฝ่าสายฝนมาหยุดยืนหน้าบ้านแล้วมองไปที่หน้าต่าง ที่หน้าต่างศรีนวลเดินหนีเลอกสรรมาหยุดยืนด้วยความเขินอาย สักครู่ก็เห็นเลอสรรเดินตามเข้ามากอดเล้าโลม สมิงหน้าชากำหมัดแน่น อยากจะขึ้นไปชก แต่แล้วเมื่อเห็นท่าทางของศรีนวลที่ดูจะยินยอมก็ทำให้เขาชะงัก สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมา
“ศรีนวล”
สมิงยืนมองเลอสรรและศรีนวล ซึ่งกำลังพลอดรักกันอยู่ สักครู่น้ำตาสมิงเอ่อปนกับสายฝน แล้วเขาก็ค่อยๆ หันหลังเดินออกไป

ที่ท่าเรือ กำนันธงและลุงมหา ขึ้นจากเรือเร็วที่มาส่งแล้ววิ่งฝ่าสายฝนมาหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ฝนหนอฝน รออีกหน่อยก็ไม่ได้ จะถึงบ้านอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่หน้าฝนซะหน่อย ทำไมวันนี้ฝนดันตกมาได้ไง”
“นั่นซิ ไม่มีตั้งเค้ามาก่อนเลยนะมหานะ”
“นี่ชั้นหิวจนไส้จะกิ่วแล้วนะกำนัน”
“ไม่รู้วันนี้ศรีนวลทำกับข้าวอะไรบ้าน ไป...ทนอีกหน่อย เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”
กำนันธงและลุงมหาพากันวิ่งฝ่าสายฝนออกไป

ภายในห้องเลอสรร ศรีนวลหนีการเล้าโลมของเลอสรรมาที่เตียง
“อย่าค่ะ คุณเลอสรร อย่ารังแกศรีนวลแบบนี้”
“ผมไม่ได้รังแกนะศรีนวล ผมแค่อยากจะบอกศรีนวลให้รู้ว่าผมรักศรีนวลแค่ไหน”
“ไม่ค่ะ เรายังไม่ได้แต่งงานซะหน่อย”
“แล้วผมจะให้พ่อมาสู่ขอนะ ผมสัญญาจะไม่มีวันทอดทิ้งศรีนวลเป็นอันขาด”
“อย่าค่ะ อย่า”
“ศรีนวล ผมรักศรีนวลจริงๆ เห็นใจผมเถอะ”
เลอสรรค่อยๆ เล้าโลมจนในที่สุดศรีนวลก็อ่อนลง แล้วเริ่มปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ ท่ามกลางความมืดสลัวและสายฟ้าที่แล่บแปลบปลาบเป็นระยะ

กำนันธงและลุงมหา วิ่งเข้ามาในบ้าน กำนันธงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาส่งให้ลุงมหาเพื่อเช็ดเนื้อตัวที่เปียกโชกไปด้วยฝน
“เอ้า เช็ดซะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“ขอบใจกำนัน”
กำนันธงมองหาศรีนวล แต่ไม่เห็น
“เอ...ศรีนวลมันหายไปไหน ศรีนวลๆ เอ็งอยู่ไหน”
กำนันธงตะโกนเรียกหาศรีนวลแล้วเดินไปดูตามมุมต่างๆ

ศรีนวลนอนซบอยู่บนอ้อมอกของเลอสรรลืมตาขึ้นมาแล้วรีบลุกขึ้น
“พ่อกลับมาแล้ว”
ศรีนวลรีบหยิบเสื้อผ้ามาใส่ ขณะที่เลอสรรงัวเงียลุกขึ้นมา
“จะรีบไปไหนศรีนวล”
“พ่อมาแล้วค่ะ คุณเลอสรรรีบแต่งตัวเร็ว”
“งั้นเดี๋ยวผมจะไปบอกพ่อของศรีนวลเองว่าเรารักกัน”
“ไม่ได้นะคะ คุณทำแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไมล่ะ ผมบริสุทธิ์ใจ แล้วก็รักศรีนวลจริงๆ นี่”
“แต่มันไม่เหมาะ คือเรายังไม่ได้แต่งงานกัน หากใครรู้เข้าศรีนวลจะเสียหาย พ่อก็คงเดือดร้อนแน่”
“ก็ได้ งั้นผมจะรอให้ศรีนวลพร้อม แล้วจะมาทำให้ถูกต้องตามประเพณี”
เลอสรรดึงศรีนวลเข้ามากอดแล้วจูบลา เสียงกำนันธงใกล้เข้ามา
“ศรีนวล ศรีนวล”
“ศรีนวลต้องไปแล้วค่ะ”
ศรีนวลรีบเดินออกจากห้องไป

ศรีนวลเดินออกจากห้องแล้วรีบเข้าไปในครัวทำทีเป็นกำลังอุ่นแกงทำครัวอยู่ กำนันธงเดินเข้ามา
“อยู่นี่เอง ทำไมพ่อเรียกตั้งนานไม่ตอบ”
“อ้าว พ่อเรียกเหรอ ศรีนวลไม่ได้ยิน”
“ตะโกนลั่นบ้านแบบนี้ ไม่ได้ยินได้ไง”
“คือ เอ้อ...พอดีศรีนวลกำลังคิดอะไรเพลินๆ น่ะจ้ะพ่อ เลยไม่ได้ยิน”
“เอ็งคิดอะไรของเอ็ง”
“ก็ เอ้อ...เรื่องกลอนลำตัดน่ะพ่อ ศรีนวลคิดกลอนลำตัดอยู่”
กำนันธงพยักหน้า เชื่อว่าศรีนวลคิดกลอนลำตัดจริงๆ
“แล้วมีอะไรกินบ้างวันนี้ พ่อกับลุงมหาเพิ่งกลับมากำลังหิว”
“จ้ะพ่อ งั้นเดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำอาบท่าก่อน แล้วศรีนวลจะยกสำรับไปให้”

กำนันธงเดินออกไป ศรีนวลรีบจัดแจงอุ่นอาหารที่ทำไว้แล้ว

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฟ้าเริ่มสางฝนหยุดตกแล้ว สมิงเดินออกมาจากห้องพักและกำลังจะเดินออกไปเป็นจังหวะ
เดียวกับที่น้อยอุ้มบุญเหลือออกมา
“นั่นพี่สมิงจะไปไหน”
“เข้าป่า”
“อ้าว...ขาหายดีแล้วเหรอ”
“สมิงไม่ตายง่ายๆ หรอก” สมิงรับบุญเหลือจากน้อยมาอุ้ม “เอ็งอยู่ที่นี่นะบุญเหลือ ถ้าไปกับพ่อเอ็งจะลำบาก”
“งั้นชั้นพาบุญเหลือมันไปอาบน้ำก่อนนะเมื่อคืนฉี่รดที่นอน” ขณะที่สมิงส่งบุญเหลือให้น้อย ศรีนวลเดินหิ้วปิ่นโตเข้ามาพอดี น้อยเดินไปแล้วร้องบอกศรีนวล “พี่ศรีนวล พี่สมิงจะไปแล้วนะ”
“ทำไมล่ะ แผลสมิงยังไม่หายดีเลยนะ” ศรีนวลทำหน้าแปลกใจ สมิงเบือนหน้าหนีศรีนวล ในใจปวดร้าวและน้อยใจนัก ศรีนวลสังเกตแล้วรับรู้ได้ “สมิงมีอะไร โกรธใครเหรอ”
“เปล่า สมิงไม่มีสิทธิ์โกรธ”
“บอกศรีนวลมานะ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมสมิงถึง...”
สมิงหันมาสบตาศรีนวลด้วยความน้อยใจ ศรีนวลเริ่มรู้ความหมายของดวงตานั้น
“โกรธศรีนวลใช่มั๊ย”
“ทำไม”
เสียงสั่นเครือของสมิงที่กำลังตัดพ้อทำให้ศรีนวลเริ่มสะเทือนใจในการกระทำของตนเมื่อคืน
“สมิงรู้”
“หัวใจสมิงถูกเหยียบย่ำ แต่สมิงก็ยังภักดีศรีนวลเหมือนเดิม” ศรีนวลน้ำตาคลอ
“ศรีนวลเสียใจมากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ศรีนวลเป็นคนผิดเอง ศรีนวลใจง่ายทำให้ทุกคนผิดหวัง”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ศรีนวลเอามันกลับคืนมาไม่ได้หรอ ว่าแต่กำนันยังไม่รู้ใช่ไหม”
“ยังจ๊ะ”
“แล้วคุณเลอสรรเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
“เขาบอกว่าจะมาสู่ขอศรีนวล แล้วก็แต่งงานตามประเพณี”
“แน่ใจนะศรีนวลว่าเขาจะทำอย่างที่เขาพูด”
“แน่ใจซิ เขาสัญญากับศรีนวลแล้ว เขาไม่โกหกหรอก”
“ถ้างั้นพี่ก็ขออวยพรให้ศรีนวลมีความสุข และขอให้คุณเลอสรรเขารักษาสัญญากับศรีนวล อย่าทำให้ศรีนวลผิดหวัง ไม่อย่างงั้นพี่กับคุณเลอสรรก็คงจะต้องขาดกัน”
ขณะที่สมิงและศรีนวลคุยกันอยู่นั่น ดำลูกน้องของบันลือโผล่ออกมาจากพุ่มไม้แอบดู แล้วรีบหลบไป

ดำวิ่งเข้ามาหาบันลือ สารวัตรสมภพ แดง และตำรวจคนอื่นๆ ซึ่งซุ่มรออยู่ที่มุมหนึ่งห่างออกไป
“ว่าไงไอ้ดำ”
“ไอ้สมิงมันหลบอยู่ที่เรือนหลังนั้นจริงๆ ด้วยพี่”
“ผมว่าแล้วไงสารวัตร ว่าพวกมันต้องหลอกพวกเราซ่อนตัวไอ้สมิงไว้ในบ้าน”
“แกแน่ใจเหรอไอ้ดำ”
“แน่ใจซิครับ ไอ้สมิงแน่ผมจำไม่ผิด”
“สารวัตรจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ไม่ได้นะ พวกมันแหกตาสารวัตรแบบนี้ มันหยามกันชัดๆ”
“งั้นก็ไปจับมันให้ได้คาหนังคาเขา แบ่งกำลังกันออกไปจับเป็นไม่ได้ จับตายไปเลย”
ทุกคนพากันเดินออกไป

ที่หน้าบ้านกำนันธง ชาวบ้านกำลังทยอยมาจ่ายค่าเช่าที่ให้กับเลอสรรโดยมีลุงมหาเป็นผู้ช่วย ชาวบ้านบางคนหอบหิ้วเอาผลไม้ ข้าวสาร พริกแห้ง มาฝากด้วยความมีน้ำใจ กำนันธงและผู้ใหญ่ต้องช่วยจัดคิว และดูแลต้อนรับพวกชาวบ้านที่เพิ่งมาถึง
“รายต่อไป นางบุญมา เช่าที่ดินด้านหลังคลองคดจำนวน 10ไร่”
บุญมาเดินหิ้วพริกแห้งเข้ามาหาเลอสรร
“นี่จ้ะ ค่าเช่า ชั้นเตรียมไว้แล้ว” บุญมาจ่ายค่าเช่าที่ดิน “แล้วนี่ก็พริกแห้งจ้ะ ชั้นเอาไปให้ท่านข้าหลวงด้วยค่ะ”
“ทีหลังไม่ต้องก็ได้จ้ะป้า เกรงใจ”
“ท่านมีบุญคุณ ให้ที่ดินชั้นเช่าทำกิน ตอบแทนแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”
บุญมาเดินออกไป ลุงมหาเรียกรายชื่อต่อไป
“รายต่อไปเลย ลุงสำเนียง”
ก่อนที่ลุงสำเนียงจะเดินออกมา กลุ่มของบันลือ ดำ แดง ตำรวจจำนวนหนึ่งก็กรูกันเข้ามาล้อมจับราวกับว่าทุกคนเป็นคนร้าย
“ทุกคนยกมือขึ้น”
“นี่อะไรกัน มีเรื่องอะไร”
“เงียบเลยกำนัน รู้เห็นเป็นใจกับไอ้ผู้ร้าย ทุกคนอย่าขยับ”

กำนันธง ลุงมหา เลอสรร ผู้ใหญ่ต้อง และชาวบ้านมองหน้ากันไปมา ด้วยความแปลกใจ

ที่หน้าเรือนพัก สารวัตรสมภพและตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง กำลังล้อมเรือนพักเอาไว้ จากนั้นสารวัตรสมภพก็เข้าไปถีบประตูให้เปิดออกแล้วเข้าไปข้างใน
“เฮ้ย หยุด”
ภายในห้องพัก น้อยกำลังให้นมบุญเหลืออยู่ น้อยตกใจร้องวี๊ดว้าย
“ว้าย อะไรกันนี่ เกิดอะไรขึ้น”
สารวัตรสมภพมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นสมิง
“ไอ้สมิงอยู่ไหน”
“ไม่มีจ้ะ ไม่มี”
“โกหก บอกมาเดี๋ยวนี้”
สารวัตรสมภพเข้าไปข่มขู่น้อย น้อยร้องโวยวาย
“อย่าทำฉันนะ ฉันไม่รู้จริงๆ”
สารวัตรสมภพ หันไปสั่งให้ลูกน้องไปค้นห้องที่มุมหนึ่งซึ่งคาดว่าอาจจะมีใครซ่อนตัวอยู่ ตำรวจพากันกรูเข้าไปค้นดู แต่ไม่เจออะไร

ที่บ้านกำนันธง บันลือ ดำ แดงและตำรวจคนอื่นๆ กำลังรื้อค้นตามมุมต่างๆ กำนันธงเห็นว่าสิ่งที่บันลือทำเป็นการคุกคามชาวบ้านจึงไม่พอใจ
“ขอโทษเถอะ พ่อบันลือถ้าจะรื้อค้นน่ะ ขอเป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า”
“กำนันมีปัญหาอะไร ถึงชั้นจะไม่ใช่ตำรวจ แต่ชั้นก็มาช่วยในฐานะพลเมืองดี กำนันกับลูกสาวต่างหากที่ช่วยซุกซ่อนคนร้ายเอาไว้”
“แล้วไหนล่ะคนร้าย รื้อค้นกันแบบนี้ ข้าวของชั้นเสียหายหมด”
“ใช่ แล้วแบบนี้ใครจะรับผิดชอบ”
ชาวบ้านส่งเสียงรับเซ็งแซ่ด้วยความไม่พอใจ
“ใช่ๆ”
“หุบปาก”
บันลือตวาดเสียงดังด้วยท่าทีข่มขู่ ทำให้ชาวบ้านชะงัก แดงและดำ เดินเข้ามารายงาน
“ไม่มีร่องรอยเลยครับ”
“ในบ้านก็ไม่มี”
“ความจริงแล้ว ต่อให้เป็นตำรวจ จู่ๆ จะมารื้อค้นบ้านคนอื่นตามอำเภอใจไม่ได้นะ จะต้องมีหมายค้นมาด้วย” เลอสรรบอก
“หมายค้นอยู่ในกระบอกปืนจะดูมั๊ย”
บันลือหันปืนมาจ่อเล็งเข้ามาหาเลอสรร
“คุณทำแบบนี้ ผิดข้อหาพยายามฆ่าแล้วนะ”
สารวัตรสมภพและลูกน้องเดินเข้ามา
“คุณบันลือ คุณเก็บปืนก่อนดีกว่า”
บันลือหันมามองสารวัตรสมภพ แล้วเก็บปืน
“มันอยู่ที่เรือนพักใช่มั๊ย”
“ไม่มี”
“แต่ผมเห็นจริงๆ มันยืนคุยกับนังศรีนวลหน้าเรือนพัก”
“นังศรีนวลอยู่ไหน ใครเห็นมั้ง”
บันลือมองไปรอบๆ เพื่อคาดคั้นทุกคนให้ตอบ มุมหนึ่งห่างออกไป ศรีนวลและสมิงแอบมองเหตุการณ์อยู่ ศรีนวลรีบพาสมิงหนีไปทางหนึ่ง แต่ท่าทางสมิงอยากที่จะออกไปสู้กับพวกบันลือ แต่ศรีนวลขอไว้ แล้วรีบพาออกไป

ศรีนวลเดินมาส่งสมิงที่ชายป่า
“มีกระท่อมร้างอยู่เลยเข้าไปด้านโน้น สมิงไปหลบที่นั่นก่อน”
“ศรีนวลห้ามสมิงไม่ให้ออกไปสู้กับพวกมัน ทำไม”
“ไม่ได้ ถ้าพวกมันเห็นสมิง ความผิดจะมาถึงพ่อกำนันและพวกเราทุกคน อย่าลืมซิตอนนี้สมิงเป็นโจรไม่ใช่ชาวบ้าน”
“ก็ได้ สมิงจะเชื่อศรีนวลและจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
“รีบหลบไปก่อนเถอะ ศรีนวลได้ยินเสียงคนเดินมาทางนี้แล้ว”
สมิงหลบเข้าป่าไป เพียงชั่วขณะที่สมิงเดินหายไป บันลือก็เดินนำสารวัตรสมภพ กำนันธง เลอสรร ลุงมหา
ผู้ใหญ่ต้อง และตำรวจคนอื่นๆ เข้ามาทันที ศรีนวลหันมาเจอพอดีก็แกล้งตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง
“อ้าว...มีเรื่องอะไร มากันเยอะแยะเชียว”
“ชั้นต่างหากที่ต้องถามเธอศรีนวลว่าเธอมาทำอะไรที่นี่” บันลือถาม
“ชั้นจะมาทำอะไรก็เป็นเรื่องของชั้น”
“เมื่อกี้ชั้นเห็นเธอยืนคุยกับไอ้สมิงที่เรือนพัก เธอพาไอ้สมิงมาซ่อนที่นี่ใช่มั๊ย”
“กระจายกำลังกันออกไป ค้นให้ทั่ว”

สารวัตรสมภพสั่งลูกน้อง ตำรวจกระจายกำลังกันออกค้นหาสมิงตามชายป่า ศรีนวลรู้สึกวิตกเกรงสมิงจะโดนจับได้

เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 2 (ต่อ)

สารวัตรสมภพนำกำลังตำรวจเดินตรวจค้นไปตามพุ่มไม้ด้านหนึ่ง บันลือ ดำ แดง พากันแยกไปอีกด้านหนึ่ง ศรีนวล เลอสรร กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้อง ช่วยกันแกล้งเดินหา เลอสรรหันไปเห็นเงาของสมิงโผล่ออกมาจากต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งบันลือกำลังเดินมุ่งไปทางนั้นพอดี และก่อนที่บันลือจะมองเห็นเงาสมิง เลอสรรก็แกล้งทำเป็นร้องโอยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“โอ๊ย”
เลอสรรแกล้งสะดุดรากไม้ล้มลง บันลือหันมา
“จะบ้าเหรอ เสียงดังเดี๋ยวคนร้ายก็รู้ตัวหรอก”
“โธ่พ่อคุณ ก็เห็นแล้วว่าคุณเลอสรรหกล้ม ไหนเป็นไงมั่ง” ลุงมหาเข้ามาดูเลอสรร
“เท้าแพลงนิดหน่อย”
“ไหนของดูซิ”
เลอสรร ผู้ใหญ่ต้องและลุงมหา เบี่ยงเบนความสนใจ เปิดจังหวะให้สมิงรีบหลบไป บันลือหันไปหาสมิงต่อแต่สมิงหายไปแล้ว
กำนันธงเห็นว่าปลอดคน จึงหันมากระซิบถามศรีนวล
“สมิงหายดีแล้วรึ ศรีนวล”
“ก็ยังหรอกจ้ะ แต่โชคดีที่สมิงเป็นคนระวังตัว เลยรู้ว่าพวกมันส่งคนมาซุ่มดูความเคลื่อนไหว ไม่งั้นคงไม่รอดแน่”
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองแท้ๆ”
บันลือหันมามองทำให้การสนทนาของศรีนวลและกำนันธงหยุดลง

สารวัตรสมภพและลูกน้องเดินสำรวจตามมุมต่างๆ แต่ไม่เจอจึงเดินกลับมาหากำนันธงและคนอื่นๆ ซึ่งยืนสังเกตการณ์อยู่ กำนันธงแกล้งไก๋สอบถาม
“เจอร่องรอยบ้างมั๊ยครับสารวัตร”
“ไม่เจอ”
บันลือและพวกพากันเดินเข้ามาสมทบ
“แต่ถึงไม่เจอ กำนันธงก็ควรถูกแจ้งข้อหาให้ความช่วยเหลือโจรนะสารวัตร”
“ขอโทษนะครับคุณบันลือ ถ้าไม่มีหลักฐานกรุณาอย่ากล่าวหากันไม่งั้นคุณโดนฟ้องกลับแน่” เลอสรรบอก
“แต่คนของฉันเห็นว่าไอ้สมิงมันอยู่กับศรีนวลเมื่อเช้า”
“ถ้าแน่ใจอย่างนั้นก็แจ้งข้อหาไปเลย แต่ถ้าพลาดขึ้นมาผมจะเล่นคุณข้อหาสร้างพยานเท็จ”
“เอาละๆ ครั้งนี้ขอให้เลิกแล้วต่อกัน ไม่เจอคนร้ายก็ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณเลอสรร พากำนันธงกับพวกกลับได้แล้วครับ ไม่มีอะไรแล้ว”
“ขอบคุณมากครับสารวัตร ที่ให้ความยุติธรรมกับพวกเรา”
เลอสรรทำความเคารพสารวัตรสมภพ จากนั้นก็พาศรีนวล กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้องกลับไป
“ทำไมต้องยอมมันด้วย สารวัตร”
“แล้วคุณมีหลักฐานอะไรมั๊ยล่ะที่จะไปกล่าวหาเค้า อย่าลืมซิว่ากำนันธงน่ะ มันมีแบ็คอัพคือท่านผู้ว่าฯทรงยศ แล้วคุณเลอสรร ลูกชายท่านผู้ว่าฯ ก็ยังเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจอีกด้วย”
“แสดงว่าสารวัตรจะเลิกล้มเรื่องไอ้สมิงแล้วใช่มั๊ย ผมยินดีจะจ่ายค่าหัวไอ้สมิง 5 หมื่นบาท ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย”
“วางใจเถอะคุณบันลือ ผมไม่ทิ้งเรื่องไอ้สมิงแน่นอน เพียงแต่วันนี้จังหวะเราไม่ดีก็ควรถอยออกมาก่อน ไม่งั้นพวกมันจะไหวตัวทัน ยังไงผมจะส่งสายสืบมาคอยจับตาความ เคลื่อนไหวของพวกมัน ครั้งหน้าต้องไม่พลาดแบบนี้”
สารวัตรสมภพให้ความมั่นใจกับบันลือทำให้บันลือเย็นลง แล้วจากนั้นทุกคนก็พากันเดินออกไป สมิงออกจากที่ซ่อนแห่งหนึ่งแล้วรีบเดินหลบเข้าไปในป่า

กระท่อมกลางป่าแห่งหนึ่ง สมิงเดินโซเซเข้ามาด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อมาถึงกระท่อมก็เปิดประตูเข้าไปด้านใน สภาพภายในกระท่อมดูเก่าและยังต้องทำความสะอาดอีกมาก สมิงหันไปหยิบผ้าขี้ริ้วมาเริ่มปัดกวาด แต่แล้วสมิงก็รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างในป่า ด้วยสัญชาตญาณ สมิงรีบชักปืนพกประจำตัวเตรียมยิงเนื่องจากระแวงว่าอาจเป็นพวกบันลือติดตามมา
สักครู่ก็เห็นน้อยเดินออกมาจากป่า บ่ายหน้าเข้ามาที่กระท่อม น้อยเห็นสมิงจะยิงก็ตกใจ
“ว้าย อย่ายิงๆ”
“มาทำอะไร”
“ศรีนวลสั่งให้เอาของใช้มาให้จ้ะ นี่จ้ะ”
น้อยส่งย่ามใส่ของใช้ส่วนตัวพวกผ้าขาวม้า เสื้อผ้าให้สมิง
“ขอบใจ”
“ศรีนวลฝากบอกว่าสมิงอย่าหนีไปไหน จะคอยมาทำแผลให้ทุกวัน มะ...เดี๋ยวน้อยช่วยทำความสะอาดให้ ออกไปรอข้างนอกก่อน”
น้อยเข้าไปปัดกวาดทำความสะอาด สมิงเดินออกมายืนมองข้างนอก
น้อยทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย แล้วหันมาจัดปิ่นโตให้สมิงซึ่งนั่งรออยู่ที่มุมหนึ่ง
“กินข้าวก่อนซิ”
“ขอบใจ”
“มีน้ำพริกป่า ฝีมือศรีนวลที่พี่สมิงเคยชอบด้วยนะ”
“ตอนนี้สมิงคงชอบไม่ได้แล้วละน้อย”
“อ้าว ไม่อร่อยเหรอ”

สมิงไม่ตอบ ก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเงียบๆ น้อยเลิกสนใจเดินไปปัดกวาด ดูแลความสะอาดตามจุดต่างๆ

เย็นวันนั้นที่บ้านกำนันธง เลอสรร กำนันธง ลุงมหาและศรีนวล กำลังกินข้าวด้วยกัน โดยขณะกินข้าวกำนันธงแอบสังเกตเห็นท่าทางของเลอสรรที่ดูจะให้ความสนใจศรีนวลเป็นพิเศษ
ขณะที่ศรีนวลพยายามระมัดระวัง ไม่แสดงความใกล้ชิดกับเลอสรรต่อหน้าพ่อ แต่บางครั้งก็หลุดจนกำนันธงรู้สึกได้
“นี่เรียกว่าอะไรครับ”
“น้ำพริกป่าค่ะ ไม่รู้จะเผ็ดไปหรือเปล่า”
“ลืมบอกไป คุณเลอสรรกินเผ็ดไม่เก่ง” ลุงมหาบอก
“แต่รสมือของศรีนวล ถึงจะเผ็ดแต่ก็อร่อยนะครับ ผมชอบ”
เลอสรรพยายามเอาใจศรีนวล ขณะที่ศรีนวลส่งน้ำให้
“ดื่มน้ำก่อนนะคะ” เลอสรรรับน้ำไปดื่ม
“เอ๊ะ ทำไมน้ำหอมจังเลย”
“น้ำฝนลอยดอกมะลิค่ะ ดื่มแล้วชื่นใจดี”
“ไม่เคยกินข้าวที่ไหนอร่อยเหมือนที่ลานเทเลยครับ”
“รสมือศรีนวลมันก็แค่แม่ครัวบ้านป่า คงจะเทียบกับรสมือแม่ครัวเมืองหลวงยังไม่ได้หรอกครับคุณเลอสรร”
“แต่รสมือบ้านป่าแบบนี้ ผมว่าลงได้ลองแล้วคงไม่มีใครลืมได้แน่ครับ”
เลอสรรหันมาส่งสายตาให้ศรีนวลซึ่งนั่งอมยิ้มเขินอายอยู่ กำนันธงเหลือบมองแล้วเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ

ศรีนวลกำลังเก็บถ้วยชามและทำความสะอาดครัวอยู่คนเดียว สักครู่กำนันธงก็เดินเข้ามา ศรีนวลหันมาเห็น
“พ่อจะเอาอะไรหรือจ้ะ หรือว่าพรุ่งนี้อยากให้ชั้นทำอะไรกิน”
“เปล่า เพียงแต่พ่อมีเรื่องอยากจะมาพูดกับเอ็งหน่อย”
“เรื่องอะไรจ้ะ”
“ก็เรื่อง เอ็งกับคุณเลอสรร”
ศรีนวลสะดุ้งเล็กน้อย เข้าใจผิดคิดว่าพ่อรู้
“มีอะไรหรือจ้ะ”
“พ่ออยากจะเตือนให้เอ็งระมัดระวังตัวเองไว้บ้างในเรื่องของคุณเลอสรรกับเอ็ง คุณเลอสรรน่ะท่านเป็นลูกเจ้าลูกนาย ส่วนเอ็งถึงจะเป็นลูกกำนันอย่างพ่อ แต่มันก็เป็นขี้ข้าเขาอีกที หากมีอะไรเกินเลยไป น้ำตาเอ็งจะเช็ดหัวเข่า”
“ทำไมละจ้ะพ่อ สมมติถ้าชั้นกับคุณเลอสรร เอ้อ...รักกัน ทำไมต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าด้วย”
“เอ็งคิดว่าคนป่าคนดงอย่างเรา ใครเขาจะมาจริงจังกับเอ็งศรีนวล ในเมืองมีผู้หญิงสาวๆ สวยๆ อีกมากมาย ก้าวเท้าจากลานเทไปใจคนมันก็เปลี่ยน พ่อเห็นมานักต่อนักแล้ว”
“ไม่ยกเว้นแม้แต่คุณเลอสรรเลยเหรอจ๊ะพ่อ”
“ผู้ชายมันก็เหมือนๆ กันทั้งนั้น ถ้าเอ็งไม่อยากเสียใจก็ห่างๆ เขาเอาไว้ดีกว่า” ศรีนวลไม่ตอบได้แต่ครุ่นคิด ไม่อยากรับคำ “ว่าไงล่ะศรีนวล ได้ยินที่พ่อพูดแล้วนะ”
“จ้ะพ่อ ชั้นได้ยินแล้วจ้ะ”
กำนันธงเดินออกไป ขณะที่ศรีนวลรู้สึกหนักใจเกรงสิ่งที่พ่อเตือนจะเป็นจริง

ศรีนวลทำงานครัวเสร็จก็เดินออกมา แล้วผ่านหน้าห้องนอนของเลอสรร เลอสรรเปิดประตูออกมา
“ศรีนวล”
“คะ”
“เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า”
“อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวพ่อเห็นเข้า”
เลอสรรไม่ฟังเสียง รีบดึงศรีนวล ขณะที่ศรีนวลเกรงกำนันธงจะเห็นจึงขัดขืน แต่ที่สุดก็ยอมตามเลอสรร
เข้าไปในห้อง
เลอสรรดึงศรีนวลเข้ามาแล้วปิดประตูลงกลอน จากนั้นก็หันมากอดศรีนวล
“คิดถึงที่สุดเลย ศรีนวล”
“อย่าเลยค่ะ เมื่อกี้พ่อเพิ่งมาเตือนไม่ให้ศรีนวลใฝ่สูง”
“ใฝ่สูงยังไง”
“พ่อกลัวว่าคุณเลอสรรจะไม่จริงใจกับคนบ้านนอกอย่างศรีนวล หากกลับไปกรุงเทพฯเมื่อไหร่ คุณก็จะลืมศรีนวลคนนี้”
“ศรีนวลคิดว่าผมจะเป็นคนใจโลเลอย่างนั้นหรอ หรือจะให้ผมสาบานต่อหน้าพระให้ตายในสามวันเจ็ดวัน”
“ไม่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นซิค่ะ”
“แต่ผมอยากให้ศรีนวลเชื่อใจ และรู้ว่าผมรักศรีนวลมากแค่ไหน และชาตินี้ผมจะไม่มีวันลืมเมียคนสวยของผมที่ชื่อศรีนวลได้เป็นอันขาด”
เลอสรรเข้ามาคลอเคลีย ศรีนวลปัดป้อง
“อย่าค่ะ อย่า”
“ศรีนวลยังไม่เชื่อใจผมอีกเหรอ”
“เชื่อแล้วค่ะ”
“งั้นคืนนี้อย่าเพิ่งรีบไปนะ”
“แต่ว่าศรีนวลกลัวพ่อจะ...”
“ไม่มีใครรู้หรอกน่า นะจ้ะคนดี”

เลอสรรดึงศรีนวลมาที่เตียง แล้วเริ่มกอดจูบ จากนั้นก็เอื้อมมือไปปิดไฟ

เช้าวันรุ่งขึ้น น้อยเดินมารับปิ่นโต ตะกร้าใส่อาหารและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จากมือศรีนวล ซึ่งเพิ่งทำเสร็จ และกำลังจะออกจากบ้าน
“มา ส่งมา น้อยช่วยถือเอง”
“รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวสมิงจะรอ”
“เมื่อกี้ชั้นเดินผ่านลุงกำนัน วันนี้แกเป็นอะไรก็ไม่รู้นะ ยิ้มให้แกก็ไม่ยิ้ม แถมยังทำตาดุใส่ชั้นอีกแน่ะ ศรีนวล” น้อยถามศรีนวล
“เอ้อ...คือพ่อกำลังเข้าใจพี่น้อยผิดอยู่น่ะ”
“เข้าใจผิดเรื่องอะไรอีกล่ะ ชั้นไม่ได้ทำอะไรนะ” น้อยรีบบอก
“ก็ เอ้อ...ถ้าแกดุ แกด่าอะไร พี่น้อยก็อย่าไปเถียงแกนะ ใจเย็นๆ เงียบๆ ไว้เป็นดี”
“แกเข้าใจชั้นผิดเรื่องอะไรกัน”
“อย่าไปสนใจเลย ไปกันเหอะ ประเดี๋ยวสมิงจะรอ
เลอสรรเดินออกมาที่ระเบียงบ้านแล้วรีบตามมาหาศรีนวล
“ศรีนวล จะไปไหน” เลอสรรถาม
“ไปเยี่ยมสมิงในป่าจ้ะ”
“งั้นผมไปด้วยคน”
“แต่ว่า...”
“ให้ผมไปด้วยเถอะ ลุงมหากับกำนันธงหายไปไหนกันไม่รู้ตั้งแต่เช้า ศรีนวลจะปล่อยให้ผมอยู่บ้านคนเดียวได้ยังไง”
“แต่เดินไกลหน่อยนะจ้ะ เป็นสิบกิโลเลย”
“ศรีนวลไปไหน ผมไปด้วย อย่าลืมนะเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจฝึกมาอย่างดีแล้ว”
ศรีนวลมองเลอสรรแล้วยิ้มก่อนจะพากันเดินไป

บริเวณลำธารกลางป่า ศรีนวล เลอสรรและน้อยพากันเดินตามกันมา เลอสรรมีท่าทางเหนื่อยอ่อน เนื่องจากยังไม่ชินกับการเดินป่าเหมือนศรีนวลและน้อย เมื่อถึงลำธารเลอสรรจึงหยุดล้างหน้าและดื่มน้ำแก้กระหาย
“ได้น้ำเย็นๆ แบบนี้ ค่อยยังชั่วหน่อย”
“ไหนคุยว่าฝึกมาอย่างดีไง”
“ผมก็ไม่ได้บ่นอะไรนี่ ได้น้ำไปแล้วจะให้เดินต่ออีกสิบกิโลก็ยังไหวนะ”
“ไม่ต้องเดินแล้วค่ะ กระท่อมอยู่ข้างหน้านี่เอง คุณชมธรรมชาติแถวนี้ไปก่อนนะ”
“ผมจะเข้าไปเยี่ยมสมิงครับ”
“ไม่ต้องหรอก ประเดี๋ยวศรีนวลไปกับพี่น้อยเอง คุณรอที่นี่นะคนดี” น้อยมองอากัปกิริยาของทั้งคู่
“ก็ได้”
ศรีนวลและน้อยเดินมุ่งหน้าไปยังกระท่อม เลอสรรนั่งเล่นล้างเนื้อล้างตัวอยู่ริมลำธาร

ศรีนวลเดินมากับน้อย ในมือเห็นตะกร้าใส่อาหาร ปิ่นโตและข้าวของเครื่องใช้ และยาเล็กๆ น้อยๆ สำหรับปฐมพยาบาลสมิง ศรีนวลและน้อยเดินเข้าไปด้านในของกระท่อมเห็นสมิงนอนหลับอยู่
“สมิง สมิง” ศรีนวลส่งเสียงเรียกให้สมิงตื่น แต่ด้วยที่สมิงเป็นไข้ จึงทำให้นอนซมอยู่บนเตียง ศรีนวลเข้าไปจับตัวเอามืออังที่แก้มสมิง “ตัวร้อนจี๋เลย”
“สงสัยแผลที่ขาคงจะอักเสบ ไข้เลยขึ้น”
สมิงฝืนตัวเองพยายามลุกขึ้นมา
“ไม่เป็นไร สมิงหายแล้ว”
“แหม เห็นศรีนวลก็หายทันทีเลยนะ” น้อยแซว
“ว่าเข้าไปนั่นพี่น้อย สมิงกินข้าวกินยาสักหน่อยนะจะได้หายไวๆ”
ศรีนวลและน้อย ช่วยกันเปิดปิ่นโตให้สมิงกินข้าว น้อยหยิบกระบอกไม้ไผ่สำหรับใส่น้ำมาดูเห็นว่าไม่มีน้ำอยู่เลย
“น้ำหมดแล้ว เดี๋ยวไปตักน้ำที่ลำธารมาให้นะ”
“เอามาเผื่อสำหรับเช็ดตัวด้วยนะพี่น้อย”
“จ้ะศรีนวล”
น้อยเดินออกไป ศรีนวลตักอาหารจะป้อนให้แต่สมิงชะงัก ไม่ยอมกิน ศรีนวลแปลกใจ
“กินซิ จะได้มีแรง”
“สมิงกินเองได้”
“อย่าดื้อซิสมิง อ้าปากเร็ว” สมิงเบือนหน้าหนีไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้ศรีนวลหน้าเสีย รู้สึกน้อยใจ “ทำไมล่ะ สมิงรังเกียจศรีนวลเหรอ”
“เปล่า สมิงไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่...”
“เพียงแต่อะไร”
“ศรีนวล เอ้อ...มีเจ้าของแล้ว ไม่สมควรที่จะให้ศรีนวลป้อนมันจะเป็นการทำลายจิตใจของศรีนวลและคุณเลอสรรเอง”
“แต่สมิงเจ็บไข้ไม่สบาย ศรีนวลต้องดูแลเพราะศรีนวลรัก และยกย่องสมิงเหมือนพี่ชายของศรีนวล”
“พี่ชาย”
“จ้ะสมิง ถึงชาตินี้เราจะรักกันไม่ได้ แต่สมิงก็จะอยู่ในใจของศรีนวลเสมอ”
“ก็ได้ ต่อไปสมิงจะดูแลในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่รอคอยผู้หญิงที่มันรักหากวันใดที่ศรีนวลและคุณเลอสรร เป็นอิสระจากกัน สมิงก็จะมาขอโอกาสจากศรีนวลอีกครั้ง”
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะสมิง แต่สำหรับตอนนี้ สมิงกินข้าวก่อนเถอะ”
ศรีนวลป้อนข้าวให้สมิง สมิงอ้าปากรับ แล้วเริ่มกินข้าว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนดัง ปังๆๆๆ จากบริเวณลำธาร
“เสียงปืน”
“เสียงมาจากลำธาร ตายจริง คุณเลอสรร”

ศรีนวลรีบผลุนผลันออกไปด้วยความเป็นห่วงเลอสรร สมิงรีบตามไป

ที่ลำธาร เลอสรรกำลังต่อสู้กับขวดและเหิมแบบ 2 รุม 1 แต่เลอสรรเหนือชั้นกว่าด้วยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาจากโรงเรียนนายร้อยจึงสามารถแย่งปืนมาจากขวดและเหิม จากนั้นก็ล้มขวดและเหิมลงได้ไม่ยากนัก น้อยร้องห้ามปราม ศรีนวลและสมิงวิ่งเข้ามาพอดี ก่อนที่เลอสรรจะจัดการขวดและเหิมขั้นเด็ดขาด
“เลอสรร อย่า...”
เลอสรร ชะงักหันมา
“ห้ามทำไม สมิง”
“นั่นพวกเดียวกัน”
“ใช่ค่ะคุณเลอสรร นั่นคือขวด และเหิม คนบ้านลานเทเพื่อนศรีนวลเอง”
เลอสรรได้รับคำยืนยันจากศรีนวลจึงยอมปล่อย ขวด และเหิม
“อย่าถือสาผมนะ ผมไม่รู้จริงๆ คิดว่าเป็นพวกไอ้บันลือ”
“ฝีมือคุณไม่เลวเลย” ขวดเอ่ยชม
“แบบนี้ ถ้าสู้กับสมิงคงจะกินกันไม่ลงแน่” เหิมบอก
“อย่าเอาผมไปเทียบสมิงเลย เราอยู่ข้างเคียงกัน”
“ใช่ สมิงจะไม่ทำร้ายคนที่เป็นเพื่อน”
“แล้วขวดกับเหิมล่ะ มาที่นี่ได้ยังไงกัน”
“ก็สมิงหายไปหลายวัน พวกเราเป็นห่วงเลยออกมาตาม”
“พอดีเจอกับคุณเลอสรร ก็เลยเข้าใจกันผิด”
“งั้นก็ไปพักที่กระท่อมกันก่อน คงยังไม่ได้กินข้าวกันมาใช่มั๊ย ไปเร็ว เดี๋ยวจะหาอะไรให้กินกัน” ศรีนวลบอก ทุกคนพากันเดินไปที่กระท่อม

ศรีนวลกับน้อยก่อกองไฟหน้ากระท่อมเพื่อทำกับข้าวเพิ่ม โดยศรีนวลลวกผักจิ้มน้ำพริกเพิ่ม แล้วเอาไว้จัดวางให้สมิง ขวด เหิมและเลอสรร ซึ่งนั่งล้อมวงกินข้าวร่วมกันอย่างเป็นกันเอง น้อยนั่งปิ้งปลาอยู่ที่กองไฟ
“ไม่รู้ว่าจะมา กับข้าวกับปลาเลยน้อยไปหน่อย”
“แค่นี้ก็เป็นบุญปากของชั้นแล้วจ้ะศรีนวล”
“ใช่ อยู่แต่ในป่าวันๆ ต้องขุดเผือกขุดมันมาเผากิน เบื่อจะตายวันนี้ได้น้ำพริกฝีมือศรีนวล แหม...แซ่บหลาย”
“สมิงป่วยหลายๆ วันหน่อยก็ดี ชั้นจะได้ไม่ต้องกลับไปอดๆ อยากๆ อยู่กลางป่าอีก”
“ถ้าเอ็งตะกละเห็นแก่กิน ก็กลับไปอยู่ในหมู่บ้านซิไอ้ขวด ไม่ต้องมาทนลำบากกับข้า”
“แหม พี่ ชั้นก็แค่ล้อเล่น พี่สมิงอยู่ไหน ชั้นก็อยู่นั่นไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว”
“แล้วนี่ สมิงจะพักอยู่ซักกี่วัน หรือกินเสร็จจะออกเดินทางกันเลย”
“ไม่ได้นะ สมิงยังไปไหนไม่ได้ แผลยังไม่หายดีเลย น่าจะพักอีกสักวันสองวัน” ศรีนวลรีบบอก
“ใช่ครับ กินยาแก้อักเสบที่ผมฝากศรีนวลมาให้ครบโด๊สก่อนแผลจะได้ไม่ติดเชื้อ” เลอสรรบอก
“ก็ได้ สมิงจะพักที่นี่อีกสองวัน หลังจากแผลแห้งแล้วก็ค่อยเข้าป่า”
น้อยซึ่งนั่งปิ้งปลาอยู่ที่กองไฟ เดินเอาปลาที่ปิ้งเสร็จมาเพิ่มให้ ทุกคนกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย

อีกด้านหนึ่ง มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดงและพวก ซึ่งซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้านเศรษฐี เพื่อรอจังหวะเข้าปล้นในนามสมิง
“หลังนี้แหละบ้านไอ้เสี่ยฮ้อ ได้ข่าวว่ามันซ่อนทองเอาไว้ในตุ่มจำนวนมาก” บันลือบอก
“ทำไมมันรวยขนาดนั้น”
“มันเป็นเจ้าของโรงสี เอาเปรียบรีดชาวนาจนร่ำรวยมันเอาเงินเปลี่ยนเป็นทองเก็บไว้ในตุ่ม คนแถวนี้รู้กันทั่ว”
“งั้นก็ลงมือเลย”
“อย่าลืมนะเราจะปล้นในนามของไอ้สมิง”
มเหศักดิ์ยิงปืนขึ้นฟ้า ปังๆๆๆ แล้วเริ่มร้องตะโกน
“ไอ้เสือสมิง เอาวา...”
พวกโจรเอาผ้าคลุมหน้าแล้วยิงปืนขึ้นฟ้า ร้องตะโกนชื่อว่าเป็นแก๊งค์ของเสือสมิงเข้าปล้น คนในบ้านเอาปืนออกมายิงต่อสู้ แต่แล้วก็โดนยิงตาย โจรบุกเข้าบ้านยิงคนอย่างโหดเหี้ยม
หลังจากบันลือ มเหศักดิ์เก็บลูกน้อง 3 คนของเสี่ยฮ้อแล้วก็จับตัวเสี่ยฮ้อไว้
“พวกแกเหรอไอ้สมิง ทำไมต้องปิดหน้าด้วยว่ะ”
มเหศักดิ์ บันลือ จับเสี่ยฮ้อบังคับให้บอกที่ซ่อนตุ่มทอง
“หุบปากเดี๋ยวนี้ ตุ่มทองอยู่ไหน”
“ตุ่มทองอะไร ฉันไม่มี” มเหศักดิ์ตบเสี่ยฮ้อด้วยปืน
“บอกมา ไม่งั้นแกตาย”
มเหศักดิ์ขึ้นไกปืน
“ได้ ฉันจะพาไป” เสี่ยฮ้อพาไปใต้ถุนบ้านชี้ที่ฝังตุ่มทองไว้ “ตรงนี้แหละ”
“ไหนว่ะ ไม่เห็นมีเลย”
“ก็ขุดลงไปซิไอ้โง่”
ดำ แดง ขุดเจอตุ่มทอง 2 ตุ่มฝังอยู่ ตรวจดูเรียบร้อย
“ขอบใจเสี่ย ขอโทษนะ”

บันลือตบด้วยปืนจนเสี่ยฮ้อสลบ

เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 2 (ต่อ)

กำนันธง ลุงมหาได้ยินเสียงปืนออกมาจากบ้าน พร้อมผู้ใหญ่ต้องกับลูกบ้าน 4-5 คน วิ่งถือปืนเข้ามาหน้าบ้านกำนันธง
“เสียงปืนที่ไหนผู้ใหญ่”
“บ้านเสี่ยฮ้อ เศรษฐีแถวบางไทรโดนปล้น”
“หา...ไอ้โจรพวกไหน”
“ได้ยินว่าเป็นพวกของสมิง”
“ไม่จริง สมิงมันไม่ทำแบบนั้นแน่เป็นไปไม่ได้”
“แต่ใครๆ ก็ได้ยินว่าตอนเข้าปล้นมันตะโกนว่าไอ้เสือสมิง เอาวา...”
ศรีนวล เลอสรร และน้อยเดินเข้ามา ทั้งหมดเพิ่งกลับจากไปหาสมิงที่กระท่อมกลางป่า
“ถ้างั้นสมิงโดนสวมรอยแล้วละพ่อ” ศรีนวลบอก
“ใช่ครับ ผมเพิ่งแยกจากสมิงกับพวกเมื่อกี้เอง”
“ไอ้พวกโจรมันป้ายสีสมิงเพื่ออะไร”
“งั้นไปดูให้รู้แน่เลย”
“งั้นผมไปด้วยนะครับ”
“ใช่ศรีนวลไปด้วย”
“คุณเลอสรร กับนังศรีนวลไปไม่ได้”
“อย่าห่วงเลยลุงมหา ให้ผมไปเถอะ ผมเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ผมไม่กลัวหรอกครับเท่ากับเป็นการฝึกไปด้วย”
เลอสรรส่งสายตาขอร้องลุงมหา จนลุงมหาใจอ่อน กำนันธงหันไปคว้าปืนมาส่งให้ลุงมหา
“ว่าไงมหา” กำนันธงถาม
“ก็ตามใจ”
“งั้นก็รีบไป
ทั้งหมดรีบเดินออกไป

ที่บ้านเสี่ยฮ้อ มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดง และพวกโจร กำลังยิงต่อสู้กับพวกชาวบ้านแถวบางไทร สักครู่กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้านพาพวกวิ่งเข้ามาสมทบกับชาวบางไทร กำนันธงเข้าปะทะยิงกับพวกมเหศักดิ์ บันลือ
“พวกมันปิดหน้าปิดตากันหมด เพื่อไม่ให้ชาวบ้านจำมันได้”
“พ่อ”
“มันอำพรางไม่ให้ใครจำมันได้พฤติกรรมอย่างนี้ต้องเป็นคนที่เรารู้จัก”
“นั่นซิ ท่าทางพวกมันคุ้นๆ นะพ่อ”
“เป็นคนลานเทหรือเปล่า”
กำนันธงวิ่งนำลุงมหา ผู้ใหญ่ต้อง และพวกชาวบ้านเข้าไปใกล้ๆ

บันลือ มเหศักดิ์ ดำ แดงและพวก เห็นกำนันธงนำชาวบ้านเข้ามาปะทะ บันลือหงุดหงิดที่โดนขัดขวางทำให้ขนทองหนีไปไม่ได้
“ทองอยู่ไหนไอ้ดำ”
“ใส่ในถุงนี่แล้วพี่บันลือ หนักมาก”
“เองก็เอาทองหนีไปก่อนซิวะ”
“งั้นเอ็งแบกไปให้ลูกน้องแยกถุงทอง”
“ไปไม่ได้ มันล้อมไว้หมดแล้ว”
“โธ่เว้ย... พวกมันเป็นใครว้า”
“นั่นไง ไอ้กำนันธงอยู่นั่น”
บันลือหันไปมองกำนันธงด้วยความแค้นใจ
“เอาไงดีมเหศักดิ์”
“เอาตัวรอดกันก่อน ไม่งั้นตายยกรังแน่”
“ไปเร็วอย่าให้ไอ้พวกนี้จับได้ ความแตกแน่ ไอ้ดำให้สมุนคนอื่นแบกทองไป”
บันลือสั่งดำ แต่ไปไม่รอด เพราะเลอสรรยิงมันจนทองในถุงกระจาย บันลือ มเหศักดิ์ หนีไปได้ เสี่ยฮ้อเขามาขอบอกขอบใจกำนันธงชาวบ้านดีใจที่เอาชนะโจรได้

กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง ลุงมหาช่วยกันพยุงชาวบ้านที่โดนยิงเข้ามาให้เลอสรร ศรีนวลและชาวบ้านหญิงคนอื่นๆ ช่วยทำแผลให้
“เอาไงดี เราไม่รู้กันว่าไอ้โจรพวกนั้นมันเป็นใคร”
“ไม่มีหลักฐานอย่างงี้ สมิงก็ยังไม่พ้นมลทินซิครับ”
“คงต้องปล่อยไปก่อน สักวันความจริงก็จะปรากฏเองว่าไอ้พวกที่ปล้นมันเป็นใคร”
“น่าสงสารสมิงต้องมารับกรรมเพราะการกระทำของคนอื่น”

เลอสรร กำนันธงและศรีนวลรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักที่สมิงต้องทนแบกรับข้อกล่าวหา

วันต่อมาที่กระท่อมกลางป่า ขวด เหิม กำลังช่วยกันเก็บของเตรียมตัวออกเดินป่า สมิงเดินสำรวจดูที่หน้ากระท่อม ท่าทางของสมิงดูแข็งแรงและหายดีแล้ว ศรีนวลและเลอสรรเพิ่งเดินมาถึงทันเวลาพอดี
“เตรียมตัวจะไปแล้วเหรอสมิง”
“นั่นสมิงดูแข็งแรงขึ้นมากเลยนะ”
“ใช่ แผลหายเป็นปกติ ไม่มีอาการอะไรแล้ว”
“ได้เวลาแล้วศรีนวล สมิงคงรบกวนศรีนวลแค่นี้ ส่วนเรื่องไอ้โจร ที่แอบอ้างเป็นสมิง ศรีนวลไม่ต้องห่วงนะ สมิงต้องสืบรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร”
“แต่กว่าจะรู้ ชื่อเสียงของสมิงก็ป่นปี้ไปหมด”
“ใครจะเข้าใจยังไงก็ช่าง สมิงขอแค่ให้ คุณเลอสรร ศรีนวล ลุงกำนันและพี่น้องชาวลานเททุกคนเข้าใจสมิงเป็นพอ” สมิงเอามือของเลอสรรและศรีนวลมาจับกันไว้ “สมิงยินดีที่ศรีนวลได้ผู้ชายดีๆ อย่างคุณเลอสรร เป็นคู่ครอง
ขอให้คุณเลอสรรรักและทะนุถนอมศรีนวลไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถึงศรีนวลจะเป็นผู้หญิงบ้านป่าแต่ศรีนวลก็คืออัญมณีล้ำค่าของบ้านป่าที่คุณจะหาจากที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว”
“วางใจเถอะสมิง ผู้ชายที่ชื่อเลอสรรคนนี้ จะรักและซื่อสัตย์ต่อศรีนวลไปจนวันตาย และขอสัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้ศรีนวลต้องเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว”
ศรีนวลยิ้มเอียงอาย ประทับใจกับคำมั่นสัญญาที่เลอสรรลั่นวาจาไว้ต่อหน้าสมิง ขวดและเหิมเก็บของเสร็จ เดินเข้ามา
“พร้อมแล้วสมิง”
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ และบุญคุณที่คุณเลอสรรเคยช่วยสมิงเอาไว้ สมิงจะจดจำเอาไว้จนวันตาย”
“เราเป็นเพื่อนกันนะสมิง ถึงจะมีเวลาคบหากันไม่มาก แต่ชั้นและสมิงต่างก็จริงใจต่อกัน ชั้นจะจดจำความเป็นเพื่อนของเราไว้จนวันตายเช่นกัน”
“ได้เพื่อน สมิงก็จะจดจำความเป็นเพื่อนนี้ไว้เช่นกัน ลาก่อน”
สมิงจับมือร่ำลากับเลอสรร แล้วหันไปยิ้มอวยพรให้ศรีนวล จากนั้นก็เดินนำขวดและเหิมเข้าป่าไป เลอสรรดึงร่างศรีนวลมาประคองกอดอย่างมีความสุข

หลายวันต่อมา กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้องและพวกชาวบ้านกำลังช่วยกันแต่งองค์ผ้าป่าให้ดูสวยงาม โดยเอากระดาษสีมาปักตกแต่งแซมไปกับก้านไม้ไผ่ที่เหน็บด้วยธนบัตรนานาชนิด
อีกมุมหนึ่ง เลอสรรและศรีนวลก็กำลังช่วยตกแต่งองค์ผ้าป่าเช่นกัน เพียงแต่เลอสรรและศรีนวลยังไม่กล้าแสดงความสนิทสนมกันมากนัก เนื่องจากกำนันธงอยู่ด้วย
“ปีนี้ท่าทางผ้าป่าจะกองใหญ่นะกำนัน”
“ปีนี้ข้าวดีน่ะ คนบ้านเราเลยมีเงินมาทำบุญกันเยอะ”
“เงินทำบุญได้เท่าไหร่ นับยอดหรือยัง”
“ฉันนับเมื่อคืนได้เกือบห้าหมื่นน่ะจ้ะ จดลงบัญชีไว้แล้ว” ศรีนวลบอก
“ได้ยินว่าพวกบางไทรเขาก็เอาผ้าป่ามาช่วยด้วยนะ เห็นว่าเป็นการตอบแทนที่กำนันธงกับพวกบ้านเราไปช่วยไล่โจรเมื่อวันก่อน”
“งานปีนี้คงคึกครื้นน่าดู ศรีนวลเอ็งอย่าลืมบอกพวกแม่ครัวให้ทำกับข้าวดูแลพวกบางไทรอย่าให้ขายหน้านะ”
“จ้ะพ่อ รับรองไม่ให้ขายหน้าคนบ้านลานเทเด็ดขาด”
“งานนี้ขอผมไปด้วยนะ จะได้ไปเปิดหูเปิดตากับเค้าบ้าง”
“เชิญค่ะคุณเลอสรร แต่งานบ้านนอกบ้านนาอาจจะไม่สนุกอย่างที่คุณเลอสรรคิดก็ได้นะคะ”
“ที่ไหนมีศรีนวล ที่นั่นต้องสนุกอยู่แล้ว เชื่อผมซิ” เลอสรรกระซิบบอกศรีนวล ศรีนวลยิ้มเอียงอาย กำนันธงหันมาส่งสายตาปราม ทำให้ศรีนวลชะงักด้วยเกรงใจพ่อ

ที่บ้านเถ้าแก่ชิ้น เถ้าแก่ชิ้น บันลือ มเหศักดิ์ ดำ แดง และลูกน้องอื่นๆ พากันรวมตัวคุยกัน
“ไอ้กำนันธงมันกำลังจะไปทอดผ้าป่ากัน ปีนี้ได้ยินว่าได้เงินถึงห้าหมื่นเลยนะเถ้าแก่”
“บ้ะ...ไม่เบาเลยนี่หว่า”
“เมื่อครั้งที่แล้วพวกมันทำให้เราชวด ยังไงคราวนี้ต้องแก้มือให้ได้”
“ลื้ออย่าให้พลาดอีกละกัน รับรองว่าถ้าทำสำเร็จอั๊วะจะตบรางวัลทุกคนแน่นอน”
“ได้เลยเตี่ย งานนี้จะไม่มีคำว่าพลาดแน่”
บันลือหยิบกระดาษปากกามา แล้วเริ่มวาดรูปเพื่อวางแผนการปล้น

เช้าวันรุ่งขึ้น ขบวนกลองยาวกำลังแห่ผ้าป่า มุ่งหน้าไปยังวัด ศรีนวล เลอสรร ผู้ใหญ่ต้อง ชาวบ้านแต่งตัวสีสันสวยงาม ชาวบ้านพากันร่ายรำกันสนุกสนาน
“งานนี้กำนันธง ไม่ได้มาด้วยเหรอครับผู้ใหญ่”
“พอดีเมื่อเช้า ควายตาเบี้ยวมันตาย กำนันแกต้องรีบไปดู ถ้าเป็นโรคจะได้ไปรายงานที่อำเภอทัน”
“พ่อบอกว่า ถ้าเสร็จธุระแล้วจะรีบตามไปที่วัดพร้อมกับลุงมหาจ๊ะ”
“วัดอยู่ไกลมั๊ยครับ”
“เดินตามทางไปเรื่อยๆ ประเดี๋ยวก็ถึง ถ้าคุณเลอสรรหิวต้องทนไว้ก่อน รอไปกินที่วัดนะคะ พวกแม่ครัวเค้าเตรียมอาหารต้อนรับเราไว้ที่โน่น”
“คงอร่อยสู้ฝีมือเมียผมไม่ได้หรอก” เลอสรรกระซิบกับศรีนวล
“คุณเลอสรรพูดจาอะไรให้ระวังหน่อย ชาวบ้านอยู่กันเยอะแยะ”
เลอสรรหันไปเห็นใครบางคนปิดหน้าปิดตาแอบซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ห่างออกไป
“ตรงโน้นเหมือนมีคนซุ่มอยู่นะ”
“ไหนคะ ไม่เห็นมี”

“เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย”

ศรีนวลหันไปมอง แต่พวกโจรพากันหลบเข้าพุ่มไม้ แต่แล้วสักครู่เลอสรรและศรีนวลก็จับสังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหวบางอย่าง
“นั่นไง บอกพวกเราระวังตัวไว้นะศรีนวล ผมว่าพวกมันมีปืน”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้ามันกล้าปล้นเป็นได้เห็นดีแน่”
ผู้ใหญ่ต้องหันไปมองเห็นพวกโจรซึ่งซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ มีจำนวนมากขึ้น
“พวกมันดักรอพวกเราเต็มไปหมด”
ศรีนวลชักปืนที่พกไว้ออกมา แล้วส่งให้เลอสรรรับไว้
“นี่ของคุณ”
“แล้วศรีนวลล่ะ”
“นี่ไงคะ” ศรีนวลชักปืนของตัวเองขึ้นมา จากนั้นก็ยิงปืนขึ้นฟ้าทันที เสียงปืนทำให้กลองยาวชะงัก หันมองศรีนวล “ทุกคนระวัง”
ขาดคำ พวกโจรที่ปิดหน้าตาก็ยิงปืนเข้าใส่ ชาวบ้านพากันหมอบลงกับพื้น ศรีนวล เลอสรร ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้านที่มีปืน พากันยิงตอบโต้

เลอสรร ศรีนวลพากันหลบเข้าที่กำบังแล้วยิงต่อสู้ ขณะที่ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้านแยกไปอยู่อีกมุม เลอสรรหันไปเห็นดำและแดงซึ่งโพกผ้าปิดหน้าดักรอยู่ แล้วจากนั้นก็เกิดตะลุมบอนกัน โดยดำและแดง เปิดฉากสู้กับเลอสรรแบบ 2 รุม1 ขณะที่ศรีนวลกำลังต่อสู้กับโจรอีกคน
ระหว่างต่อสู้กันดำชักมีดออกมา แล้วจ้วงแทงมาที่เลอสรร แต่เลอสรร เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ จึงใช้ศิลปะป้องกันตัวจัดการแย่งมีดมาได้แล้วถีบดำล้มไป
ศรีนวลจัดการคู่ต่อสู้ล้มลง แดงได้จังหวะจึงเข้าไปล็อกศรีนวลเป็นตัวประกันแล้วแย่งปืนมา ศรีนวลล้มลงและกำลังจะถูกยิง เลอสรรเห็นเข้าก็รีบปามีดออกไป มีดปักมือแดงทำให้ปืนหล่นไป ดำและแดงรีบถอยหนีไป

ผู้ใหญ่ต้องซึ่งคุมกองผ้าป่าอยู่กับพวกชาวบ้าน กำลังยิงต่อสู้อยู่กับพวกโจร แต่แล้วมเหศักดิ์และบันลือซึ่งโพกผ้าปิดหน้า บุกเข้ามาประชิดตัว แล้วยิงชาวบ้านที่ดูแลต้นผ้าป่าตาย ผู้ใหญ่ต้องเสียทีโดนมเหศักดิ์ยิงใส่จึงรีบหนีหลบเอาชีวิตรอดไปก่อน มเหศักดิ์และบันลือยึดเอาต้นผ้าป่าได้จึงรีบหันไปสั่งลูกน้อง
“เก็บเงินเร็ว”
พวกลูกน้องพากันรวบเงินเก็บเข้าถุง ขณะที่มเหศักดิ์และบันลือช่วยยิงต่อสู้ คุ้มกันเอาไว้

เลอสรร ศรีนวลรีบเข้ามาสมทบกับผู้ใหญ่ต้องและพวกชาวบ้านที่พยายามยิงต่อสู้ไม่ให้มเหศักดิ์ บันลือ แย่งเอาผ้าป่าไปได้โดยง่าย มเหศักดิ์ บันลือและพวก เมื่อเก็บเงินจากต้นผ้าป่าใส่ถุงเรียบร้อยก็เริ่มถอยหนีไป ศรีนวลโมโหที่โดนปล้นเงินไปโดยง่ายจึงขาดสติ
“มันกำลังจะหนีแล้ว ยิงคุ้มกันให้ด้วยชั้นจะไปเอาเงินคืน”
“อย่าศรีนวล”
ศรีนวลไม่ฟังเสียง วิ่งฝ่ากระสุนตามพวกโจรไป เลอสรรจะวิ่งตามแต่โดนพวกโจรยิงสวนจึงต้องหลบอยู่กับที่ ตามไปไม่ได้
“เป็นอะไรมั๊ยครับคุณเลอสรร”
“ผมไม่เป็นไร แต่ศรีนวลกำลังตามพวกมันไป”
“นังศรีนวลนี่ มันบ้าบิ่นจริงๆ”
กำนันธง ลุงมหาและชาวบ้านชายอื่นๆ พากันวิ่งถือปืนลัดทุ่งมาสมทบ
“เสียงปืนยิงกันสนั่นเกิดอะไรขึ้น”
“เราถูกโจรปล้นกองผ้าป่า แล้วตอนนี้ศรีนวลกำลังตามพวกโจรไปทางโน้นครับ”
“งั้นพวกเรารีบตามเร็ว”
ทุกคนพากันวิ่งตามไป

ศรีนวลวิ่งหลบกระสุนมาที่มุมหนึ่ง แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับมเหศักดิ์ บันลือ ซึ่งโพกผ้าปิดหน้า ศรีนวลถูกพวกบันลือ มเหศักดิ์จับ
“ทิ้งปืน”
ศรีนวลจำต้องทิ้งปืน แล้วจากนั้นเธอก็ถูกบันลือจับตัวมัดมือไพล่หลังแล้วพาตัวเธอไปรวมกับพวกโจรคนอื่นๆ ซึ่งรออยู่
“ปล่อยชั้นนะ ปล่อย”
“อย่าดิ้นไปหน่อยเลยเหนื่อยเปล่าๆ” บันลือบอก ศรีนวลจำเสียงได้
“แก ชั้นจำเสียงแกได้ ไอ้...บันลือ”
บันลือดึงผ้าปิดหน้าออกเช่นเดียวกับมเหศักดิ์และคนอื่นๆ
“เก่งนี่ จำเสียงพี่ได้ด้วยนะที่รัก”
ศรีนวลมองไปรอบๆ เห็นโจรมเหศักดิ์
“แก ไอ้มเหศักดิ์ ที่แท้พวกแกก็ร่วมมือกันปล้น เลวที่สุด ไอ้พวกนรก”
“รู้มากนัก เก็บเลยมั๊ยพี่”
ดำชักปืนจะยิงศรีนวล แต่แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นติดๆ กันหลายนัด ปังๆๆๆ ทุกคนชะงัก เมื่อหันไปเห็นเลอสรร กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้องและพวกกลุ่มชาวบ้านยิงเข้ามา ศรีนวลได้โอกาสสะบัดหลุดแล้ววิ่งหนี บันลือรีบตาม
“คิดจะหนีเหรอนังตัวดี”
ดำ แดง ทำท่าจะตามไปช่วยบันลือ แต่มเหศักดิ์เรียกไว้
“ให้บันลือจัดการนังศรีนวลคนเดียวก็พอ มาช่วยข้ายิงสกัดพวกมันเร็ว”

มเหศักดิ์นำทีมซุ่มยิงโต้ตอบกับฝ่ายตรงข้าม

เลอสรร กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้านช่วยกันยิงโต้ตอบ เลอสรรเห็นว่าบันลือกำลังไล่ตามศรีนวล เลอสรรแยกไปช่วยศรีนวล
“ยิงคุ้มกันให้ด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ผมจะดูข้างหลังให้ รีบไปเถอะครับ”
เลอสรร รีบวิ่งแยกตัวออกไปกำนันธงและพวกยิงคุ้มกันให้
ขณะเดียวกัน มเหศักดิ์และพวก เริ่มรู้สึกว่ากำลังเสียเปรียบจึงเริ่มยิงแล้วถอยไป

ศรีนวลวิ่งหนีมาทางด้านหนึ่ง บันลือวิ่งไล่ตามมา บันลือวิ่งไม่ทันจึงยกปืนขึ้นเล็งจะยิงแต่แล้วเลอสรรก็พุ่งตัวจากมุมหนึ่งเข้ามาใส่บันลือ ทำให้ล้มลงทั้งคู่ เลอสรรและบันลือ กอดปล้ำกันเพื่อแย่งปืน ศรีนวลหันมาเห็นรีบวิ่งเข้ามา แล้วหยิบปืนขึ้นมาเล็งจะยิง แต่บันลืออาศัยจังหวะกระแทกเลอสรรทรุดลงไปจุก บันลือเข้าไปแย่งปืนศรีนวลมาได้
“นึกว่าเธอจะแน่กว่าชั้นเหรอศรีนวล”
บันลือลั่นกระสุนจะยิงศรีนวล แต่แล้วเลอสรรพุ่งเอาตัวเข้ามาขวางทำให้เลอสรรโดนยิงล้มลง
“คุณเลอสรร”
“อยากตายใช่มั๊ย งั้นเอ็งได้ตายแน่คราวนี้”
บันลือจะยิงซ้ำอีกครั้ง แต่แล้วกำนันธงวิ่งเข้ามาแล้วยิงใส่บันลือ บันลือเห็นท่าไม่ดีจึงถอยไป ลุงมหาและพวกชาวบ้านรีบมาสมทบ จากนั้นก็เข้ามาช่วยพยุงเลอสรร โดยมีศรีนวลคอยดูแล
บันลือถอยหนีไปสมทบกับมเหศักดิ์ ดำ แดงและพวก หลังจากยิงโต้ตอบกันสักพักก็ถอยหนีไป

ชาวบ้านสองคนช่วยกันพยุงเลอสรรเข้ามา ศรีนวล กำนันธง ลุงมหา และผู้ใหญ่ต้อง รีบตามมาดูอาการ น้อยซึ่งเฝ้าบ้านอยู่รีบเข้ามาช่วย
“ไปต้มน้ำร้อนมาที”
“ได้จ้ะ เดี๋ยวชั้นไปเอง”
“ต้องผ่าใช่มั๊ย”
“ใช่ ช่วยเอามีดแล้วก็ตะเกียงมาให้หน่อย”
“ผู้ใหญ่หยิบมีดกับตะเกียงมาให้ที อยู่ในตู้” ผู้ใหญ่ต้องรีบไปเปิดตู้หยิบมีดสำหรับผ่ากระสุนและตะเกียงมาจุดเตรียมพร้อม “เอาผ้าสะอาดๆ มาเยอะๆ ต้องใช้ทำแผล”
“ได้จ้ะ เดี๋ยวศรีนวลเอามาให้”
ศรีนวลรีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อหยิบผ้า ขณะที่กำนันธงรับมีดจากผู้ใหญ่ต้องเอามาเผาไฟตะเกียงเพื่อฆ่าเชื้อโรค ลุงมหารีบเข้ามาดูบาดแผลของเลอสรร เห็นเลอสรรโดนยิงที่ไหล่ จึงฉีกเสื้อเพื่อเปิดแผลให้กว้าง
“ได้แล้วจ้ะ ผ้ามาแล้ว”
ศรีนวลถือผ้าสะอาดสำหรับทำแผลมาวางไว้
“คอยใช้ผ้าซับเลือดให้ด้วยนะ ลุงต้องผ่าเอากระสุนออก เสร็จแล้วใช่มั๊ยกำนัน”
“เสร็จแล้ว”
กำนันธงส่งมีดที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาให้ลุงมหา น้อยยกอ่างใส่น้ำร้อนมาวาง
“ผู้ใหญ่ ศรีนวล แล้วก็นังน้อย ออกไปก่อน”
“จ้ะ”
น้อยและผู้ใหญ่ต้องรีบออกไป ขณะที่ศรีนวลลังเลอยากช่วย
“เอ็งด้วยศรีนวล ประเดี๋ยวเห็นเลือดแล้วเป็นลมเป็นแล้งไป”
“ชั้นทนได้จ้ะพ่อ ให้ชั้นช่วยเหอะ”
“งั้นก็ดี มาเป็นลูกมือให้ลุงหน่อย”
ลุงมหาเริ่มผ่าตัดคีบกระสุนออกมา โดยมีศรีนวลและกำนันธงคอยช่วย ขณะที่เลอสรรสลบไป

ที่บ้านเถ้าแก่ชิ้น เถ้าแก่ชิ้นกำลังนั่งนับเงินจากองค์ผ้าป่าที่ปล้นมาได้ บันลือ มเหศักดิ์ ดำ แดงและลูกน้องยังอยู่กันพร้อมหน้า
“ได้มาห้าหมื่นกว่าๆ งานนี้ก็ถือว่าคุ้ม ฮ่ะๆๆ”
“แบ่งให้พวกชั้นบ้างนะเตี่ย”
“ไม่ต้องห่วง พวกลื้อจะได้รับส่วนแบ่งแน่นอน แต่ถ้าครั้งหน้าใครลากหัว ไอ้สมิงมาให้อั๊วะได้ มีรางวัลให้อย่างงามแน่นอน”
“เรื่องไอ้สมิง ไม่ต้องห่วง เถ้าแก่กับผมมีศัตรูคนเดียวกัน ยังไงผมก็จะไม่ปล่อยมันไว้แน่”
“ฮ่ะๆ นี่ส่วนของลื้อ เอาไป ฮ่ะๆ”

เถ้าแก่ชิ้นหยิบเงินขึ้นมาแล้วแบ่งให้บันลือและมเหศักดิ์

จบตอนที่ 2

อ่านต่อตอนที่ 3 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น