สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
เมื่อสังคมมนุษย์ถือเงินตราเป็น“พระเจ้า” “กะหรี่”จึงขายตัวกันเกลื่อนเมือง!
แต่กะหรี่ส่วนใหญ่ขายตัวด้วยจำเป็น เพราะไม่มีหญิงใดอยากพลีร่าง ให้ชายที่ไม่รักหรือไม่รู้จักระบายความไคร่กับเธอ และหากเธอพบชายวิปริตวิตถาร เธอจะปฏิเสธการร่วมเพศแลกกับเงินเสมอ!
ผมใช้ชีวิตวัยเด็กที่ซอย “ท่าเขียวไข่กา” สี่แยกบางกระบือ ซึ่งมีซ่องบริการหนุ่มกลัดมันหลายแห่ง ยุคนั้น..ซ่อง“ตรอกคานเรือ”โรงซ่อมรถรางไฟฟ้า มีหญิงให้บริการในราคา 10 บาทต่อครั้ง ในขณะที่ซ่อง “ยายชู”ปลดปล่อยความใคร่ครั้งละ 20 บาท
การเปิดซ่องกะหรี่มิใช่เรื่องง่ายนะ เจ้าของซ่องต้องจ่ายเงินให้ตำรวจหลายกลุ่ม วิธีที่ตำรวจมารับเงินจากเจ้าของซ่องมีหลายรูปแบบ เช่น
วันหนึ่ง..ผมกับเด็กท่าเขียวฯ ตั้งวงเตะฟุตบอลพลาสติกสีแดง อยู่ปากทางเข้าซ่อง “ยายชู” โดยผมทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตู ซึ่งใช้รองเท้าแตะสองข้างวางแทนเสาโกล เมื่อเพื่อนเตะลูกบอลเข้าประตู ผมก็หันหลังวิ่งไปเก็บลูกบอลพลาสติกสีแดง ที่อยู่ข้างขอบฟุตปาทห่างออกไปราว 4 เมตร โดยมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งช้าๆ มาที่บอลลูกนั้นด้วย
ผมวิ่งไปถึงก่อนและเก็บลูกบอลสีแดงที่หนักผิดปกติ แต่ผมคิดได้แค่แว้บเดียว..ลูกบอลก็ถูกตำรวจ
ร่างทะมึน คว้าเอาไปวางในตะแกรงหน้ารถมอเตอร์ไซค์
“ไอ้ตี๋..บอลลื้อไม่ใช่ลูกนี้โว้ย โน่น..บอลลื้ออยู่โน่น..”
อืม..มีบอลสีแดงอีกลูกหนึ่งอยู่ห่างไปราว 2 เมตร ผมวิ่งไปเก็บบอลลูกนั้น ซึ่งน้ำหนักเบากว่าบอลลูกแรกครับ
รถมอเตอร์ไซค์ตำรวจแล่นไปแล้ว เพื่อนเด็กจอมแก่นที่บ้านอยู่ข้างซ่องบอกผมว่า
“..มึงเกือบซวยแล้วรู้ไหม..ในลูกบอลมีเงินยัดอยู่ข้างใน เจ้าของทุกซ่องมันส่งส่วยให้ตำรวจน่ะ..”
บางครั้งตำรวจกับเจ้าของซ่อง ยังสร้างละครเรื่อง “ตำรวจจับกะหรี่” เพื่อเป็นผลงานให้ผู้กำกับคนใหม่ โดยเจ้าของซ่องจะจัดกะหรี่จำนวนหนึ่ง ให้ตำรวจบุกเข้า “ทะลายซ่อง” เพื่อเป็นข่าวดังในหน้าหนังสือ
พิมพ์ จากนั้นเจ้าของซ่องก็มาประกันตัวกะหรี่ทุกคน ปิดซ่องอีกสักสองสามวัน ก่อนจะเปิดให้บริการพร้อมส่งส่วยกันตามปกติ
กะหรี่มักเป็นหญิงวัยรุ่นจากต่างจังหวัด ส่วนใหญ่จะมาจากภาคอีสานและภาคเหนือ มีทั้งพ่อแม่ขายลูกสาวแลกกับเงินก้อนโตเพราะจน หญิงสาวเหล่านั้นจึงจำต้องยอมขายตัวในซ่อง ด้วยกตัญญูต่อพ่อแม่บัง
เกิดเกล้า แต่หญิงสาวบางคนโดนชายใจโฉดลวงหลอก จึงถูกบังคับให้จำต้องขายตัวอยู่ในซ่อง ฯลฯ
ชาวบ้านแถบท่าเขียวไข่กามักเห็นหญิงสาวเหล่านั้น ถูกแมงดาคุมซ่องทำร้ายร่างกายเสมอ หญิงบางคนวิ่งหนีมานอกซ่องได้ หรือหนีไปแจ้งความถึงโรงพักโน่น ทว่าสุดท้าย..เธอเหล่านั้นมักถูกส่งตัวกลับมาที่
ซ่องอีก
ชาวบ้านรู้ว่า ตำรวจ-เจ้าของซ่อง-แมงดา เป็นพวกเห็นแก่เงินและชั่วช้าสุดๆ เพราะทำมาหากินบนเรือนร่างหญิงที่อ่อนแอกว่า ที่ต้องเผชิญทุกข์อันแสนสาหัสที่จำต้องเป็น“กะหรี่”ครับ
ยุคนี้..กะหรี่ในเมืองใหญ่ของสังคมไทย มิได้ลำบากเยี่ยงชนบทที่ยังถ่อยเถื่อน แถมกะหรี่ก็มิได้มีแต่หญิงอีกต่อไปแล้ว หากแต่มีกระหรี่ชายขายบริการให้หญิงด้วย อ้อ..เกย์หรือชายลังเลทางเพศขายตัวก็มีถมไป เพราะสังคมไทยหลงไปกับความฟุ้งเฟ้อสารพัด สังคมจึงมีกะหรี่เพิ่มขึ้นทุกหัวระแหง
ใครอยากรู้เรื่องการพนัน-ยาเซ็กซ์-หญิงขายตัว เปิดเว็บดูได้เลยจริงไหม รมต.กระทรวง ICT?
แต่คนที่เป็นกะหรี่เหล่านั้นก็มีศักดิ์ศรี เพราะเขาขายแค่ตัวมิได้ขายจิตวิญญาณ ที่สำคัญกะหรี่ชาย-หญิง-เกย์พวกนี้ ไม่เคยโกงชาติ-ไม่เคยขายชาติเลยครับ
ต่างกับกะหรี่การเมืองทั้งหญิง-ชาย-เกย์ ที่ขายตัว-ขายจิตวิญญาณ-ขายประชาชน-ขายชาติ ขายทุกอย่างให้กับ”เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง” โดยไม่สนใจผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี-ควร-ไม่ควรฯลฯ เพราะกะหรี่การเมืองหวังแต่ลาภยศและเงินทองเท่านั้น
เฮ้อ..วันนี้กะหรี่การเมืองชั่วๆ พวกนี้ กำลังลอยหน้าลอยตาอยู่เต็มบ้านเมือง แถมกะหรี่การเมืองบางคนยังยอมให้ “เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง” เสวยสุขบนเรือนกายคุณเธอจนท้องไม่มีพ่อ นี่เป็นเศษเสี้ยวของกะหรี่การเมืองไทย ที่ไร้คุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม-ความซื่อสัตย์ ทั้งต่อชาติและประชาชน
เห็นไหมว่า..กะหรี่ที่จำเป็นต้องขายร่างกาย กับกะหรี่การเมืองที่ขายทั้งกายและจิตวิญญาณ รวมทั้ง
ขายชาติขายประชาชนแบบหน้าด้านๆ นั้น ความชั่วช่างต่างกันราว “มือ”กับ “ตีน”เลย..จริงไหม?
ถ้อยคำ “ชัย ราชวัตร” ที่ไม่ยอมเป็น“ชัย ชินวัตร” จึงเปรียบเทียบ “กะหรี่ขายตัว”กับ “หญิงชั่วขายชาติ”ได้ตรงเผงที่สุดว่า
“โปรดเข้าใจ กะหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว กะหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ”
“ชัย ราชวัตร”ไม่ต้องบอกกับคนไทยหรอกว่า อี“หญิงคนชั่ว”ที่ “เร่ขายชาติ”ชื่อเรียงเสียงใด เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่โง่ พวกเขารู้ว่า..อีหญิงคนชั่วที่เร่ขายชาติ ให้ “เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง”นั้น..เป็นลูกเต้าใครครับ
อย่างไรก็ตาม..ต้องให้ความยุติธรรมกับเธอคนนั้นด้วยว่า เธอมิใช่กะหรี่ขายตัวเยี่ยงกะหรี่ทั่วไปในสังคมไทยแน่นอน แต่เธอจะเป็นกะหรี่การเมืองหรือไม่นั้น คนไทยเอาโจทย์ง่ายๆ นี้ไปตีความเองก็แล้วกัน
ส่วนพี่ชายที่เป็น”เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง”นั้น มีพฤติกรรมเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า เต็มไปด้วยความชั่วช้าสามานย์สุดบรรยายได้ครบถ้วน เพราะทั้งโกงชาติ-ขายชาติอย่างต่อเนื่อง จนถูกคนไทยส่วนใหญ่ขับไล่ตกเก้าอี้ “อภิมหาเสนาบดี”ไปแล้ว แถมยังถูกศาลฯลงโทษความผิดให้ติดคุก 2 ปี จนต้องเร่ร่อนราว “หมาจรจัด”อยู่ในต่างแดน
แต่ “เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง”ผู้ชั่วช้านี้ ก็ยังใช้เงินโกงชาติตั้ง “ซ่องกะหรี่การเมือง”อีกครา รวมทั้งทุ่มเงินให้กะหรี่การเมืองทั้งหลาย ไปซื้อเสียงเลือกตั้งชนะคู่แข่งทางการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า
“เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง”ได้เปลี่ยนรัฐสภา ให้กลายเป็น “ซ่องกะหรี่การเมือง” ของตระกูล “โกงจนชิน” อีกทั้งยังใช้รัฐบาลกะหรี่การเมือง โกงชาติและเร่ขายชาติกันอย่างโจ๋งครึ่ม
ที่สำคัญ..วันไหน “เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง”นึกครึ้ม อยากชี้นิ้วสั่งบรรดากะหรี่การเมืองของตน รวมทั้งกองทัพแดงให้คุกคามใครหรือทำชั่วอะไรเจ้าของซ่องกะหรี่การเมืองก็จะสไกป์ บงการจากแดนไกลให้กะหรี่การเมืองขี้ข้าทั้งหลายของตน ซึ่งไร้ความรับผิดชอบในชั่วดีและไร้ความรักชาติ ให้ทำงานชั่วๆ ของตนโดยไม่สนใจใครหน้าไหน หรือไม่เกรงกลัวต่อกฏหมายใดๆ ทั้งสิ้น
เช่น ออกกฏหมายนิรโทษกรรม ความผิดทั้งปวงของตนและพวกพ้อง แก้รัฐธรรมนูญมาตราต่างๆ ที่ขายชาติได้ โดยไม่ต้องให้รัฐสภาเห็นชอบ ลิดรอนสิทธิของประชาชนและศาลรัฐธรรมนูญ โดยยกอำนาจร้องเรียนการทำผิดรัฐธรรมนูญ ที่เคยส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญและอัยการสูงสุดได้ ให้ส่งผ่านแค่อัยการสูง
สุดคนเดียวเท่านั้น
อีกทั้งเพื่อควบคุมวุฒิสมาชิกไว้ในกำมือ “เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง”จึงแก้รัฐธรรมนูญ ให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะ ส.ว.จะต้องใช้ฐานพรรค “เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง” ช่วยหาเสียงซื้อเสียงให้
ส.ว.ไงล่ะ นั่นทำให้สภา ส.ว.หวนคืนสู่ระบบ “วุฒิสภาผัวเมีย”อีกครั้งหนึ่ง
นี่ยังไม่รวมการใช้เงินภาษีอากรคนไทยทั้งชาติ ละลายไปกับนโยบายประชานิยม รวมทั้งการกู้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อผลาญและโกงกินเงินของชาติกันอย่างบ้าระห่ำ ฯลฯ
นั่นคือผลงานชั่วของบรรดากะหรี่การเมือง ที่ “เจ้าของซ่องกะหรี่การเมือง”แดนไกล กับน้องสาวในฐานะ “อภิมหาอำมาตย์ไพร่แดง”ที่หน้าด้าน ทำการโกงชาติและเร่ขายชาติกันอย่างเร่งด่วน เพราะกลัวรัฐบาลและรัฐสภากะหรี่การเมืองของตน ที่ทำชั่วอยู่ทุกวี่วันจะล้มครืนลงในไม่ช้านี้ครับ
เฮ้อ..ชัดไหมล่ะว่า “กะหรี่แค่เร่ขายตัว..แต่หญิงชั่วคนไหนหว่า ที่เป็นกะหรี่ทางการเมืองเที่ยวเร่ขายชาติไทย..???