กลุ่มผู้หญิงเพื่อไทยออกโรงป้องนายกฯ ร่อนแถลงการณ์ประณาม “ชัย ราชวัตร” กล่าวหาเปรียบเทียบ “ปู” กับ “โสเภณี” ซัดไร้จรรยาบรรณ ดูถูกเพศแม่ ย้อนถ้า “น้องไปป์” รู้แล้วจะคิดยังไงกับแม่ตัวเอง ด้านรองโฆษกรัฐบาลออกโรงป้องนายกฯ อ้างปาฐกถามองโกเลียส่งผลดีต่อประเทศ ส่วนรองโฆษกเพื่อไทยตะแบงตกร่อง ฝ่ายอำมาตย์ล้าหลัง ขาดสติ เถื่อนถ่อย ไร้รสนิยม
วันนี้ (3 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 11.00 น. กลุ่มผู้หญิงเพื่อไทย นำโดย น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม., นางฐิติมา ฉายแสง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทยจำนวน 16 คน ร่วมออกแถลงการณ์ขอประณามการกระทำของนายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในทางเสียหาย
น.ส.สุณีย์กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้รับเกียรติให้กล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตย ในโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศมองโกเลีย โดยความตอนหนึ่งได้กล่าวถึงการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 และระบุว่าประเทศไทยยังคงมีกลุ่มต่อต้านระบอบประชาธิปไตยอยู่นั้น ปรากฏว่านายสมชัยได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊คกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ในทางเสียหาย โดยใช้คำว่า “โปรดเข้าใจกระหรี่ไม่ใช่หญิงชั่ว กระหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ” คำพูดเช่นนี้ของเราเองที่เป็นผู้หญิงรู้สึกว่ามันแรงแรงเกินไป แล้วมีภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขณะถ่ายภาพคู่กับประธานาธิบดีของมองโกเลียประกอบข้อความด้วย กลุ่มผู้หญิงเพื่อไทยได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิของสตรี และดูถูกเหยียดหยามทำให้เสียชื่อเสียงต่อนายกรัฐมนตรี อย่างร้ายแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ น.ส.สุณีย์อ่านแถลงการณ์ข้อความ “โปรดเข้าใจกะหรี่ไม่ใช่หญิงชั่ว กะหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ” กล่าวไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้า
น.ส.สุณีย์กล่าวต่อว่า ประการแรกการกล่าวหาผู้หญิงเช่นนั้น แม้จะมิได้ระบุว่าเป็นผู้ใด แต่เป็นการสะท้อนความคิดของผู้พูดว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยามผู้หญิงซึ่งเป็นเพศแม่ของตนเอง เป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยงที่สุด ซึ่งสุภาพบุรุษเขาไม่ทำกัน การใช้คำพูดหยาบคายกับผู้หญิงโดยเปิดเผยผ่านสื่อออนไลน์เช่นนี้ เป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้พูดเป็นนักเขียน การพูดเช่นนี้เป็นละเมิดต่อจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพอย่างร้ายแรง สมควรได้รับการประณามโดยเปิดเผย
ประการที่ 2 การกล่าวหานายกรัฐมนตรีว่าเป็นหญิงชั่วเร่ขายชาตินั้น เป็นคำพูดที่บิดเบือนและสร้างความเสียหายกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารอย่างร้ายแรง เป็นการไม่ให้เกียรติกับผู้นำประเทศของตนเอง ทั้งที่การปาฐกถาของนายกรัฐมนตรี เป็นการพูดเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 และการพูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าปัจจุบันยังมีกลุ่มคนที่ต่อต้านประชาธิปไตยนั้น มิได้มีส่วนใดที่จะทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหาย แต่ตรงกันข้ามกลับเป็นการแสดงให้นานาชาติได้เห็นแนวทางของประเทศไทยและรัฐบาล ว่าต้องการสร้างความเป็นประชาธิปไตยของชาติให้เจริญพัฒนาต่อไป การกล่าวบิดเบือนใส่ร้ายผู้นำประเทศ และนำไปเปรียบเทียบกับคำว่ากะหรี่ของนายสมชัยเช่นนี้ จึงไม่อาจยอมรับได้
ดังนั้นกลุ่มผู้หญิงเพื่อไทยจึงขอประณามการกระทำของนายสมชัยว่าไร้ซึ่งจิตสำนึกและจรรยาบรรณของวิชาชีพ เป็นการพูดที่ขาดความรับผิดชอบ จึงขอให้นายสมชัยออกมาขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และสตรี พร้อมกับเรียกร้องให้สตรีทั้งหลายช่วยกันแสดงออกซึ่งความไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ ซึ่งกลุ่มผู้หญิงเพื่อไทยจะดำเนินการเรียกร้องไปยังสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันตรวจสอบและประณามการกระทำของบุคคลนี้ต่อไป
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ น.ส.สุณีย์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการประชุมกันอยู่ คิดว่าให้ฝ่ายกฎหมายพรรคดูแลเรื่องข้อกฎหมายให้เรียบร้อย แล้วค่อยดำเนินการทางกฎหมาย
ด้านนางฐิติมากล่าวว่า การกระทำของนายสมชัยเป็นการแสดงให้เห็นว่าหมดหนทางสู้ จึงต้องใช้วิธีการเลวร้ายต่ำทรามด้วยการด่าทอเพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับความเสียหายแล้วคิดว่ามันคงชนะ แต่แท้จริงแล้วทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อการแสดงออกไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง จึงอยากฝากบอกว่าคุณยังคงแพ้อยู่
ขณะที่นางเยาวนิตย์กล่าวว่า การกระทำของนายสมชัยที่กระทำไปเคยนึกถึงหัวอกของ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ หลังเอาแม่ของตนไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงที่ทำอาชีพดังกล่าว แต่เคยนึกถึงว่าน้องไปป์จะคิดอย่างไรกับเด็กที่กำลังเติบโต
ส่วน น.ส.อนุตตมากล่าวว่า การกระทำของนายสมชัยเป็นการกระทำที่รับไม่ได้และไม่ขอยอมรับ โดยเฉพาะมีการพาดพิงถึงบุคคลสำคัญระดับประเทศเช่นนี้ เปรียบเสมือนการไม่ให้เกียรติเพศแม่ของตนเอง ซึ่งสมควรแล้วหรือไม่ที่จะกระทำการเช่นนี้ จึงอยากเรียกร้องให้นายสมชัยออกมาขอโทษนายกรัฐมนตรี
และ น.ส.จารุพรรณกล่าวว่า กลุ่มผู้หญิงเพื่อไทยจะรีบดำเนินการแปลแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ไปยังสื่อต่างชาติ เพื่อประณามการกระทำของนายสมชัย และส่งไปต่อยังองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้การที่คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาจะเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปชี้แจงนั้น ตนเห็นว่าควรเรียกนายสมชัยไปชี้แจงด้วย
อีกด้านหนึ่ง ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล หรือตัวนายกฯ เกี่ยวกับจุดยืนเรื่องประชาธิปไตยแต่อย่างใด เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่และคนในประชาคมโลกต่างเข้าใจตรงกัน ว่าสิ่งที่นายกฯ พูด ส่งผลดีต่อประเทศ เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าคนไทยมีอุดมการณ์ด้านประชาธิปไตยตรงกับประเทศอื่นๆ
“ไม่ได้ถือเป็นการต่อว่าประเทศไทยต่อประชาคมโลก แต่เป็นความกล้าหาญที่พูดความจริงพูดออกมา แสดงให้เห็นว่าผู้พูดย่อมมองเห็นปัญหาของตัวเองและจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ และในขณะนี้ประชาคมโลกกำลังจับตามองว่าประเทศไทยจะเดินไปสู่ทิศทางใด ระหว่างการก้าวไปข้างหน้ากับโลกประชาธิปไตย หรือ เลือกเดินถอยหลังไปอยู่ภายใต้การกลัวอำนาจของคนกลุ่มหนึ่ง และคำพูดของนายกฯ เป็นคำตอบว่าประเทศไทยจะเดินบนเส้นทางประชาธิปไตย” ร.ท.หญิงสุณิสาระบุ
ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวต่อว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ออกมาโจมตีนายกฯด้วยวิธีการเช่นนี้ เพราะมีความพยายามปกป้องประโยชน์ของคนกลุ่มเดียว ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่หวั่นไหวและจะยืนเคียงข้างประชาชน เพราะรัฐบาลนี้มาจากเสียงของประชาชน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยอมรับการออกมาแสดงความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เห็นด้วย เพราะถือเป็นสิทธิ แต่ไม่จำเป็นในการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพราะจะสะท้อนตัวตนของผู้พูดว่าเป็นคนอย่างไร
“น่าเสียดายงานเขียนที่เคยใช้สื่อสารในเรื่องที่ดี แต่กลับมาใช้เสียดสีสตรี ซึ่งถือเป็นเพศแม่ ทั้งนี้การดูหมิ่นศักดิ์ศรีผู้หญิง และทำลายผู้ที่กล้าพูดความจริงต่อสังคม เรื่องนี้จะเป็นอุปสรรคในการส่งเสริมการพัฒนาสตรีไทยทั้งระบบอีกด้วย” ร.ท.หญิง สุณิสากล่าว
ส่วนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง ว่า ความจริงท่าทีและจุดยืนของนายสมชัย ก็ชัดว่าอยู่ฝ่ายอำมาตย์ล้าหลัง ตรงกันข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าอยู่ตลอด เห็นได้ชัดในหลายครั้ง อย่างเช่นการเชียร์เบอร์ 16 อย่างออกหน้าออกตา ในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้จะขาดสติอย่างเฉียบพลัน รุนแรง ถึงขั้นใช้ถ้อยคำที่รุนแรง เถื่อน ถ่อย ไร้ซึ่งรสนิยม เสียราคาการ์ตูนนิสต์อาวุโส ไม่ให้เกียรติผู้นำประเทศของตนเอง
ทั้งนี้ หลังจากพรรคเพื่อไทยประณามนายสมชัยในพฤติกรรมครั้งนี้แล้ว เห็นว่ายังไม่มีท่าทีสำนึก ยังคงยึดมั่นในมุมคิดแบบเดิม จึงขอเตือนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่ชัย ราชวัตร จะเอาความรู้สึก อารมณ์ร่วมของคนมาล้อเล่น พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องเครือข่ายประชาธิปไตยก้าวหน้า คนเสื้อแดง และเครือข่ายหนุนรัฐบาลทั้งหลาย ให้อดทน อยูในที่ตั้ง ไม่ออกมาดำเนินการใดๆ ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของฝ่ายต้องการยั่วยุ หรือการเดินทางไปประท้วง
ทั้งนี้ การเขียนข้อความแสดงความเห็น การมีปฏิกิริยาทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทุกฝ่ายต้องระมัดระวัง เพราะเมื่อท่านปฏิเสธการใช้คำหยาบคาย ก็ไม่ควรใช้กับอีกฝ่ายหนึ่งเช่นกัน แม้ ชัย ราชวัตร ใช้คำหยาบคาย เปรียบเทียบกับการปฏิบัติงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์รุนแรง แต่ฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าก็ไม่ควรใช้คำเดียวกันหรือแบบเดียวกันในการตอบโต้ฝ่ายอำมาตย์ล้าหลัง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มีอารยธรรมที่เหนือกว่า
ส่วน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Tosaporn Sererek ตอบโต้นายสมชัย ว่า ได้ยินข่าว ชัย ราชวัตร แล้วตกใจ แม้ความคิดเห็นทางการเมืองของเขาอาจจะไม่ตรงกับผม แต่ผมก็นับถือในความคิดของเขา และฝีมือการเขียนการ์ตูนของเขาคนที่เป็น "ลูกผู้ชาย" ไม่น่าจะมีความคิดแบบนี้ ไม่น่าจะใช้คำพูดแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงสมัยเรียนมัธยม ในวิชาวรรณคดีไทย บรมครูสุนทรภู่ท่านเขียนไว้ว่า "เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ" พระอภัยมณี และที่ท่านพูดไว้ในนิราศภูเขาทองว่า"ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิตแม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตรจะชอบผิดใจนมนุษย์เพราะพูดจา"ขอแสดงความเสียใจกับคุณชัย ราชวัตรกับชื่อเสียงเกียรติยศของคุณ ที่คุณทำลายลงครั้งนี้