สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 7
กรรัมภากดแตรลั่น แปร๋นๆ พยายามจะขับฝ่ามาให้ถึงบริษัท ก้องฟ้ากับเจ้าที่ยืนมองอยู่หน้าบริษัทฯ
"เฮ้ยๆๆหลีกทางซีเว้ยเฮ้ย นักข่าวพวกนั้นไม่กลัวตายเลยจริงจริ๊ง" เจ้าที่บอก
"นั่นอะดิ พี่แก้มยิ่งขับรถ ตีนผีเรียกพี่อยู่ด้วย"
"แล้วแกเคยเห็นรึปล่าวไอ้ก๊อง ว่าตีนผีมันเป็นยังไง"
ก้องฟ้าส่ายหน้า
"ฮึ ไม่เคยเห็นซ๊ากที"
"นี่ไงตีนผี เอาไปซ๊ากทีมั้ย"
เจ้าที่จับขาตัวเองขึ้นมาตบๆๆ ก้องฟ้าสะดุ้ง
"เฮ้ย น้าเป็นยาม ใช่ผีที่ไหนเล่า"
เจ้าที่ถอนใจ แอบบ่น
"เฮ่อ...ไอ้นี่ เมื่อไหร่มันจะรู้ซะที่ว่าตรูเป็นใคร"
กรรณากับเนตรสิตางศุ์วิ่งออกจากบริษัทมาดู
"ตีนผีที่ไหน มันมากดแตรก่อกวนแถวนี้ห่ะก๊อง"
"ตีนผีที่ชื่อแก้มอ่ะเจ๊ มาทายซิ นักข่าวฉบับไหนจะดวงจู๋ถูกพี่แก้มทับ ฮ่ะๆ"
"เฮ้ย...กองทัพนักข่าวมาจากไหนเนี่ยะ!" กรรณาบอก
"รีบไปช่วยยัยแก้มกันเร็ว!"
กรรณา เนตรสิตางศุ์ ก้องฟ้ารีบวิ่งออกไปหน้าประตูรั้ว...กรรัมภาขับรถมาจอดพอดี…พอเปิดประตูหิ้วกระเป๋าลงจากรถ นักข่าวก็เบียดกันถ่ายรูป แย่งกันถามด้วยคำถามเดิมๆ
"คุณแก้มคะคุณแก้ม...ช่วยตอบหน่อยค่ะ"
"เพื่อนฉันไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น หลีกทางเซ่...หลีก"
"ขอร้องล่ะค่ะ อย่าถ่ายรูป" เนตรสิตางศุ์บอก
"แค่เรื่องกระเป๋าปิดเป้า...มันจะอยากรู้อะไรกันนักหนาวะ ขอทางหน่อยคร๊าบ น้ามาช่วยกันขวางหน่อยดิ"
"ได้เลย เดี๋ยวน้าจัดการเอง เฮ้ยหลีก...หลีกเซ่"
เจ้าที่หิ้วคอเสื้อดึงนักข่าวออกไปทีละคนๆ แต่ละคนตัวกระเด้งออกไปอย่างงๆ
นักข่าว 1ถาม
"เฮ้ย ใครดึงวะ"
"นั่นซิ ใครดึงฉันนี่" นักข่าว 2ว่า
ก้องฟ้ากระโดดตบมือกับเจ้าที่
"ก็ยามนี่ไง ยามดึง เก่งมากน้า!"
"หา!"
นักข่าวมองก้องฟ้าอย่างงงๆ เพราะมองไม่เห็นใครเลย นอกจากก้องฟ้าที่พูดอยู่คนเดียว ขณะที่กรรณา เนตรสิตางศุ์พากรรัมภาวิ่งหลบเข้าไปประตูรั้วบริษัท
ขณะเดียวกัน ปาร์คจุนจี นั่งดูข่าวหน้าหนึ่ง ที่มีรูปกรรัมภาใช้กระเป๋าปิดเป้าให้ตัวเอง เขาดูแล้ววาง...วางแล้วดูไปมาจนอารมณ์ยัวะค่อยๆเพิ่มขึ้น
"หมดกันปาร์คจุนจี!"
เมื่อเขาเงื้อมือจะเขวี้ยงหนังสือพิมพ์ แต่ลีจองกุ๊กรีบยกมือห้ามเสียก่อน
"ฮาจิมา!(อย่าทำ)"
ปาร์คจุนจีชะงักค้าง ขบกรามมองหน้าลีจองกุ๊ก
"ข่าวทำอาไรปาร์คจุนจีไม่ได้หรอก ถ้าปาร์คจุนจีไม่ทำตัวเอง"
ปาร์คจุนจีโยนหนังสือพิมพ์ใส่อกลีจองกุ๊กแทน
"นายแหละทำฉัน!"
"อุ๊บ!"
"คิดได้ไง ให้ยัยแฟนคลับโรคจิตนั่นมาหาที่กองถ่าย ไส้ในของฉันโผล่ออกสื่อเลยเห็นมั้ย"
ปาร์คจุนจีพูดเสร็จก็นั่งขยี้หัวอย่างหงุดหงิด กระทืบเท้าเหมือนเด็กถูกขัดใจ ลีจองกุ๊กกางหนังสือพิมพ์ดูรูป
"ไหนอ่ะ...รูปแค่นี้เอง ไม่เห็นอะไรเลย ฉันว่านายน่าจะขอบใจคุณแก้มมากกว่านะ ที่ช่วยเอากระเป๋าแบรนด์เนมนั่นปิดเป้าเงินล้านของนายไว้ทัน ไม่อย่างงั้นล่ะก็...ฮึ่ม"
ลีจองกุ๊กแกล้งทำหน้าหื่นใส่ ปาร์คจุนจีหนีบขา เสียวว๊าบ โยนหมอนอิงใส่
"ไอ้บ้า! ไม่อย่างงั้น ทำไม"
"ไม่อย่างงั้น วันนี้ฉันคงหูแฉะ เพราะหนังสือเกย์และอัลบั้มปลุกใจเสือป่า กระหน่ำโทรมาขอคิวนายน่ะซี"
"ก็ลองดู ถ้านายรับงานประเภทนั้นให้ฉัน ฉันจะไล่นายออก"
"โอ๊วๆ กลัวจังเลย ไล่ออกเถอะครับ อยากจะออกใจจะขาดอยู่แล้วเนี่ยะ ไล่ออกเลย...ไล่ซี...จะเก็บกระเป๋าบินกลับไปกินต๊อกบ็อกกีแกล้มโซจูที่โซลเดี๋ยวนี้เลย"
พอลีจองกุ๊กเล่นไม้นี้ ปาร์คจุนจีก็แพ้ทางทุกที ทำเป็นหยิบองุ่นขึ้นมากิน
"ไล่ให้โง่เหรอ เรื่องอะไรจะให้นายออกไปสบายคนเดียวห่ะ!"
ลีจองกุ๊กยิ้มขำ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ลีจองกุ๊กหันไปเปิด คิมซองซูถือหนังสือพิมพ์เดินโวยเข้ามา
"อะไรเนี่ยะ นักข่าวไทย ทำไมลงข่าวแบบนี้!"
"โธ่เอ้ย...ฉันกำลังอารมณ์เสีย นายจะเข้ามาย้ำทำไมห่ะซองซู"
"อารมณ์เสียทำไม นายมีข่าว ฉันซีต้องอารมณ์เสีย อุตส่าห์เสียเหงื่อบู๊กับไอ้แฟนขี้โม้ของยัยแฟนคลับคนนั้นจนหน้าหล่อๆของฉันเกือบเสียโฉมแล้วดูซิ ไม่เห็นมีรูปลงข่าวเลยสักหน้า"
"อ๋อ ที่โวยนี่...สรุปว่าคุณซองซูอยากเป็นข่าว" ลีจองกุ๊กบอก
"เออดิ เป็นดาราแล้วไม่มีข่าว แล้วจะดังได้ไง จริงไหม๊จุนจี นายนี่มันสุดยอดนักโปรโมตตัวเองจริงๆว่ะ กล้าปล่อยข่าวเป้าหลุดออกมาแบบนี้"
"เฮ้ย พูดทุเรศอะไรของนายซองซู ฉันตั้งใจที่ไหน มันเป็นแค่อุบัติเหตุ"
"อุบัติเหตุเหรอ! หึๆแต่ผู้จัดการของนายก็จงใจเชิญแม่ 2สาวนั้นมาที่กองถ่ายเองไม่ใช่เหรอ หา...หรือนายจะเถียงว่าไม่ใช่"
ลีจองกุ๊กอ้ำอึ้ง เถียงไม่ออก ปาร์คจุนจีพลอยพูดไม่ออกไปด้วย ซองซูยิ้ม
"อ่ะๆ ในฐานะเพื่อน ฉันจะเชื่อว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ วันหลังช่วยแนะนำคนนั้นที่ชื่อแก้มให้รู้จักหน่อยซิ ฉันอยากรู้จักว่ะ แฟนคลับไทยคนนี้สวยตรงสเป็กฉันว่ะ"
ปาร์คจุนจีนึกหวงกรรัมภาขึ้นมา
"นี่แฟนคลับของฉัน ทำไมฉันต้องแนะนำให้นายรู้จักด้วย ห่ะทีแฟนคลับของนาย ฉันยังไม่เห็นเคยสนใจเลย"
ปาร์คจุนจีโยนองุ่นเข้าปากอย่างกวนๆ ซองซูหน้าแตก เดินออกไปจากห้องไปอย่างฉุนๆ ลีจองกุ๊กแอบยิ้ม ปากก็บ่น แต่จุนจีก็แอบหวงแฟนคลับตัวยงคนนี้
"ยิ้มอะไร! ไหน...อยู่ไหน จะให้ฉันแต่งชุดไหน ไปเอามาซี เดี๋ยวป๊ะไล่ออก"
"คร๊าบเจ้านาย ขู่จังเลย"
ลีจองกุ๊กเดินไปจัดเตรียมเสื้อผ้าที่เข้าชุดกัน จุนจีหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูรูปแก้มอีกครั้ง…คิดจะทำอะไรบางอย่าง
ภายในบริษัทซิกส์เซนส์ ก้องฟ้ากำลังนั่งอยู่หน้าคอมฯ ดูข่าวแก้มปิดเป้าปาร์คจุนจีในพันทิป
"โอ้โห....มีคนตั้งกระทู้ประมูลกระเป๋าปิดเป้าของพี่แก้มกันใหญ่ ฮ่ะๆๆๆ เฮ้ยๆๆ มีกระทู้ด่าพี่แก้มเยอะ พอๆกันเลย ... ยัยหน้าวอก ไม่เจียมตัว จุนจีน่ะแฟนฉัน เราแอบคบกันอยู่อย่างลับๆ ฉันไม่อยากให้จุนจีต้องตอบคำถาม เลยต้องรักกับเค้าแบบหลบๆซ่อนๆ ปิดบังฐานะที่แท้จริงของตัวเอง แล้วหล่อนเป็นใครยัยหน้าเห่ย ถึงมายุ่งกับเป้าจุนจีของฉัน ฮ่ะๆๆ"
"ฮ่ะๆๆ แบบนี้เค้าเรียกว่า รักแท้ต้องหวงเป้า" เจ้าที่บอก
เจ้าที่พูดพลางเต้นท่าไมเคิล แจ๊กสันลูบเป้า เนตรสิตางศุ์ขำ กรรัมภาขำประชด แต่กรรณาไม่ขำ
"ก็เพราะมีคนอย่างพวกนายไง ไอ้ข่าวคลิปหลุดมันถึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นี่คุณก๊อง! งานที่ฉันให้หาน่ะ ได้หรือยัง"
ก้องฟ้ายื่นกระดาษที่จดรายละเอียดให้
"โอ๊ย หาได้ตั้งนานแล้วครับ! ... อ่ะครับบอสผมเช็กจากทะเบียนรถ ตอนนี้รถเบนซ์ของด๊อกเตอร์แผนยุทธคันที่เกิดอุบัติเหตุจอดขายอยู่ที่เต๊นท์นั้นแหละครับ ผมโทร.ไปถามแล้วด้วย ทางเต๊นท์บอกว่ารถยังอยู่ แต่ต้องรีบไปแล้ว เพราะมีคนกำลังสนใจจะซื้อ"
"อ้าว...แล้วทำไมไม่รีบบอก ไปเหอะ! ยัยเนตร ยัยแก้ม แก 2 คนต้องไปช่วยฉันดูว่า ในรถคันนั้นมีวิญญาณใครอยู่บ้างมั้ยตอนนี้ แล้วตอนที่เกิดเรื่องรถตกน้ำในวันนั้น เกิดอะไรขึ้นกับคุณพิมอรกันแน่ มันเป็นแค่อุบัติเหตุ.."
"หรือว่าฝีมือคน" กรรัมภาพูดต่อทันที
กรรณาพยักหน้า
"อื้อ!"
"เนตรอยากจะรู้แล้วซี รีบไปเหอะ"
3สาวพยักหน้า รีบหันไปหยิบกระเป๋า กล้อง ข้าวของต่างๆ
"จุ๊ๆๆ นี่ถ้าฉันไม่ตายเสียก่อน ฉันอยากจะเก็บแม่สาวๆ พวกนี้ไว้ทั้ง 3 คนว่ะ" เจ้าที่บอก
"แต่ผมว่า น้ารนหาที่ตายแล้วล่ะ" ก้องฟ้าว่า
3 สาวกำลังจะก้าวออกจากบ้าน เสียงโทรศัพท์ในออฟฟิศก็ดังขึ้นเสียก่อน
"ฮัลโหล บริษัทซิกส์เซนส์ครับ...พี่แก้มเหรอครับ เดี๋ยวเดี๊ยว! พี่แก้มอย่าเพิ่งไป โทรศัพท์"
กรรัมภาแปลกใจ
"ใครโทรมา"
ปาร์คจุนจีในชุดเท่...กำลังยืนให้ลีจองกุ๊กจัดเสื้อดูความเรียบร้อยให้ ตัวเองถือโทรศัพท์คุยอย่างวางฟอร์ม
"ผมเอง"
"ผมน่ะใคร" กรรัมภาถาม
"ปาร์ค...จุน...จี!"
กรรัมภาอึ้งไปชั่วครู่ ไม่คิดว่าปาร์จุนจีจะเป็นคนโทร. หาเธอ เพื่อนอีก 2 คนแปลกใจ เนตรศิตางศุ์แกว่งมือที่หน้ากรรัมภา
"ยัยแก้ม ทำไมยืนนิ่งไปเลย ใครโทรมา"
"ฮัลโหล...ฮัลโหล...เป็นอะไร ทำไมไม่พูด"
กรรัมภาหลุดจากภวังค์ ตั้งสติ วางฟอร์ม
"แฮ้ม! โทรมาหาฉัน มีธุระอะไรไม่ทราบคุณปาร์ค...จุน...จี!"
ทุกคนอ้าปากค้าง
"คุณเห็นข่าวรึยัง! คุณทำให้ผมเสียภาพพจน์หมดแล้ว รีบมาหาผมเดี๋ยวนี้เลย เราต้องหาทางเคลียร์ข่าวพวกนี้กัน"
ลีจองกุ๊กฟังแล้วถอนใจ ปาร์คจุนจีชอบใช้อำนาจแบบนี้แทนที่จะพูดจาขอร้องดีๆ แต่คราวนี้กรรัมภาใจแข็ง แสบสันใส่
"ฉันไม่ไป!"
ปาร์คจุนจีหน้าเสีย
"ว่าไงนะ"
"เผอิญว่าฉันรับปากเพื่อนไว้ ว่าจะไปช่วยงาน สำหรับฉัน...เพื่อนสำคัญกว่าปาร์คจุนจี!"
"เธอ! กล้าปฏิเสธผมเหรอ"
"แค่นี้นะ ฉันไม่มีเวลาคุยด้วย อันนยอง(บ๊ายบาย)!"
กรรัมภาวางสายไป ทำเอาทุกคนอึ้ง
เจ้าที่ว่า
"ว้าว! เป็นไปได้เหรอเนี่ยะ ขอตบมือให้กับความเด็ดเดี่ยวของเธอ"
"พี่แก้มเลิกคลั่งปาร์จุนจีได้จริงๆเหรอเนี่ยะ" ก้องฟ้าถาม
ปาร์คจุนจีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
"ฮัลโหล...ฮัลโหล! กล้าวางหูใส่ฉันเหรอ ระดับปาร์คจุนจี ผู้หญิงทุกคนอยากจะวิ่งเข้าใส่ ยัยแฟนคลับคนนี้อวดดีมาจากไหน กล้าปฏิเสธฉัน"
"เอ่อ...คุณแก้มคงจะช็อกที่เป็นข่าว" ลีจองกุ๊กบอก
"ไม่ต้องมาแก้ตัวแทน! ต่อไปนี้ ฉันขอสั่งห้ามยัยนั่นมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เข้าใจมั้ย"
ปาร์คจุนจีโยนโทรศัพท์ให้ ลีจองกุ๊กรับแทบไม่ทัน
"เย้ย!"
ที่นิติเวช หมอวรวรรธทำงานเสร็จใส่ชุดหล่อเดินสะพายกระเป๋าออกมากดลิฟต์รอ เสียงลิฟต์มาถึง...ติ๊ง! ประตูเปิดออกช้าๆ แล้วต้องตกใจ
"เฮ้ย!"
พงอินทร์จอมเซอร์ยืนคาบอมยิ้ม ท่าทางกวนโอ๊ยอยู่ข้างใน
"ผมมาตามนัดครับหมอ"
พงอินทร์พูดพลางเดินออกมาจากลิฟต์
วรวรรธขำๆบอก
"ผมยังชอบผู้หญิงครับ ไม่เคยคิดจะนัดกับผู้ชาย"
"อ่ะๆ อย่ามาฟอร์มตลกเลยหมอ คราวก่อนหมอบอกว่าไปช่วยผมซื้อรถไม่ได้ เพราะไม่ว่าง...มีนัด แต่ท่าทางวันนี้หมอจะว่างแล้ว เสร็จงานแล้วใช่มั้ยครับ"
"เอ่อ...ก็คงงั้น"
วรวรรธโกหกไม่ออก
"งั้นรีบไปเลยหมอ รถคันที่พี่สาวผมขับตกน้ำยังจอดอยู่ที่เต้นท์รถ หมอต้องช่วยผมไป เอารถคันนั้นมาให้ได้ มันคือหลักฐานสำคัญชิ้นสุดท้าย! ไปครับ"
"เฮ้ย...เดี๋ยว!"
"จะบ่ายเบี่ยงอะไรผมอีกล่ะหมอ"
"โอเคผมไป! แต่ถ้าจะไปกับคุณในสารรูปแบบนี้ คงถูกไล่ออกมาทั้งคู่ คุณคงต้องเปลี่ยนอะไรนิดหน่อย"
พงอินทร์เลิกคิ้วสงสัย
กองทัพนักข่าวรออยู่หน้าบริษัทซิกส์เซนส์ ก้องฟ้าเดินออกมา นักข่าวถาม"คุณแก้มอยู่ไหน ขอสัมภาษณ์หน่อย...คุณแก้มครับ คุณแก้ม!"
เสียงนักข่าวตะโกนเรียกกันโหวกเหวก ก้องฟ้าต้องรีบยกมือห้าม
"ใจเย็นๆครับ ใจเย็นๆ คุณแก้มขอทำใจแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวจะออกมาให้พวกคุณถามจุใจเลย แต่ว่า...คอแห้งกันมั้ยครับ มารอนานแบบนี้ผมจัดเตรียมเครื่องดื่มเย็นๆไว้ให้บริการคร๊าบ"
ก้องฟ้าหันไปดีดนิ้วเรียก
"เฮ้ย...บ๋อย! เสิร์ฟน้ำ"
เจ้าที่เข็นรถครื่องดื่มออกมา
"มาแล้วคร๊าบ"
แต่นักข่าวพากันตกใจ อึ้งตาค้าง เพราะเห็นแต่รถเข็น แต่ไม่เห็นคนเข็น
"เฮ้ย!"
"เป็นอะไรครับ เสิร์ฟน้ำให้ฟรีแค่นี้ต้องต๊กใจ"
"อ่ะ...รับไปคนละแก้วนะครับ"
เจ้าที่ยกเสิร์ฟ...นักข่าวยิ่งช็อกตาเหลือกตามๆกันเมื่อเห็นแก้วลอยมาเข้ามือตัวเอง
ระหว่างที่นักข่าวพากันยืนช็อกอยู่นั้น...กรรณากวักมือเรียกเนตรสิตางศุ์พากรรัมแอบวิ่งลัดเลาะมาจากหลังบริษัท ตรงไปที่รถ กดรีโมตเปิดประตู เสียงรีโมตทำให้เหล่านักข่าวหลุดจากตะลึง หันไปมอง
"คุณแก้มครับ คุณแก้ม ช่วยตอบคำถามหน่อย"
"เร็ว...ขึ้นรถเร็วๆๆ"
ทั้ง 3 รีบขึ้นรถ กรรณาเป็นคนขับ รีบเร่งเครื่องออกไป นักข่าววิ่งตามรถไป เจ้าที่ยืนมองถอนใจแอบบ่น
"สุดโค่ย!ขนาดผีอย่างเรา ยังหยุดนักข่าวไม่อยู่เลย"
3 สาวขับเข้ามาที่อู่รถ พร้อมเสียงบ่นของกรรัมภา
"จะชวนฉันมาอู่ซ่อมรถก็ไม่บอกกันล่วงหน้า ดูดิ...ฉันแต่งตัวแบบนี้ไปเดินหารถต้องตับแลบแน่ๆ ไหนจะรองเท้าอีก วันนี้ล่อส้นสูงมาตั้ง4นิ้ว เกิดฉันสะดุดหกล้มไป ปราด้าของฉันต้องเป็นรอยแหงแก๋ หรือไม่ ก็น้ำมันเครื่องติดรองเท้าชั้นแน่ๆ"
"บ่นพอหรือยังห่ะ ที่พูดมาทั้งหมดนี่ เพราะแกอยากจะหาข้ออ้างทิ้งเพื่อนไปหานายอุนจิที่โรงแรมนั่นใช่มั้ย" กรรณาถาม
"พูดบ้าๆ จะไปหาเขาทำไม"
เนตรสิตางศุ์พลอยมองจับผิดไปด้วย
"แหมๆๆ ต่อหน้าพวกเราทำเป็นปากแข็ง แต่ลับหลังอยากจะไปหานักร้องเกาหลีนั่นใจแทบขาดใช่มั๊ยล่ะ"
"ไม่จริ๊ง! ฉันไม่ได้อยากไป แล้วก็เลิกพูดถึงผู้ชายใจดำคนนั้นได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ"
เพื่อน 2 คนโพล่งพร้อมกัน
"นั่นไง!"
"ไม่ใช่! ฉันหมายถึงเปลี่ยนใจไม่ช่วยแกสืบเรื่องรถต่างหาก"
"ได้ค่ะคุณนาย! ไม่พูดถึงเขาแล้วค่า"
เจ้าของอู่รถเดินเข้ามาพอดี เห็นสามสาวยืนเถียงกันเลยทักขึ้น
"มีอะไรให้ช่วยไหมครับ"
"สวัสดีค่ะ ฉันสนใจรถเบนซ์ทะเบียนนี้น่ะค่ะ ขอดูรถหน่อยได้มั๊ยคะ"
กรรณาหยิบล้วงกระดาษจดทะเบียนรถให้พนักงานดู
"คันนี้อีกแล้วเหรอคะ เพิ่งจะขายไปเมื่อตะกี้นี้เอง"
"ว่าไงนะ! ขายไปแล้วเหรอ ขายให้ใครคะ"
เจ้าของอู่เดินนำสามสาวที่ดูร้อนรนเข้ามา
"รถคันนี้มาถึงอู่ไม่ถึงเดือน ซ่อมเสร็จเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ"
"โอ๊ย...ยังไม่ทันซ่อมเลย คนซื้อมาซื้อซากทั้งที่ยังไม่ได้ซ่อมนี่แหละ ไม่รู้จะเอาไปทำไม"
"ใครเป็นคนซื้อไปคะ"
เจ้าของอู่รถหยุดเดิน ชี้ไปทางรถเบ๊นซ์พิมอร
"นั่นไงครับ คนซื้อเขากำลังดูรถอยู่ทางโน้นแน่ะ"
ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตผูกเนคไท มาดนักธุรกิจคนหนึ่งยืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างรถเบนซ์คันนั้น ยืนหันหลังให้กรรณาที่เดินเข้ามา เขากำลังคุยกับพนักงานขายที่เอาสัญญาซื้อขายมาให้เซ็นต์
เนตรสิตางศุ์ถาม
"ใครอ่ะยัยกรรณ คนที่บ้านตาด็อกเตอร์ชีกอนั่นรึปล่าว"
"ไม่รู้ดิ มองด้านหลัง ฉันไม่คุ้นเลยว่ะ"
"เอาไงล่ะ"
"แกเห็นอะไรที่รถนั่นไหมยัยเนตร"
เนตรสิตางศุ์ส่ายหน้า
"ฮึ...ไม่เห็นอะไร"
"ถ้างั้นก็ต้องเข้าไปที่รถแล้วล่ะ ไป!"
กรรณาดึงกรรัมภาและเนตรสืตางศุ์เพื่อพาไปที่ซากรถนั่น กรรัมภาดึงมือกลับ
"ฮ่ะๆ...อย่าบอกนะ จะให้ชั้นไปจับรถคันที่เมียดอกเตอร์แผนยุทธขับตกน้ำตายคันนั้น"
กรรณาดีดนิ้ว
"ถูกต้องค่ะคุณนาย"
ว่าแล้วกรรณาดึงมือกรรัมภาไป
"วันนี้ต้องเห็นภาพสยองอีกแล้ว แกนะแกไม่บอกให้เตรียมใจล่วงหน้าเลย"
กรรณาเดินนำสองสาวเข้าไปใกล้รถ จนถึงหนุ่มผู้เป็นเจ้าของรถหมาดๆ
กรรณาถาม
"ขอโทษนะคะ เอ่อคุณ..."
หนุ่มคนนั้นหันมาพอดี...กลายเป็นพงอินทร์ที่ตัดผมโกนเคราเสียเกลี้ยงเกลา จนดูหล่อสะอาดสะอ้านเป็นคนละคน
"นายโจ้!"
กรรัมภากระซิบถามกรรณา
"หล่อจนอึ้งไปเลยเหรอ มา งั้นชั้นเอง"
ว่าแล้วกรรัมภาก็ก้าวฉับมายืนข้างหน้า ลืมอารมณ์หงุดหงิดไปทันที
กรรัมภายิ้มหวาน
"สวัสดีค่ะ ฉันแก้ม เป็นเพื่อนของยัยกรรณห้าวเป้งและยัยเนตรค่ะ"
กรรณาไม่ทันทักท้วงหันมาถลึงตาใส่กรรัมภา
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมพงอินทร์ เรียกเก๋ๆว่านายโจ้ก็ได้ครับ"
พงอินทร์หันไปมองกรรณา ยิ้มๆ
"เรารู้จักกันแล้ว ใช่ไหมคุณ"
"รู้จักกันแล้วเหรอคะ" เนตรสิตางศุ์ถาม
กรรัมภาบอก
"รู้จักคนหล่อขนาดนี้เก็บเงียบเชียวนะ"
แม้เขาจะดูดีขึ้นผิดหูผิดตา แต่เขาก็ยังเป็นนายจอมกวนสำหรับกรรณาอยู่ดี
"นายคนนี้ไงที่เป็นน้องชายคุณพิมอร น้องเขยด็อกเตอร์แผนยุทธ" กรรณาบอก
"แหม...ผมไม่ชอบตำแหน่งน้องเขยนั่นเลย ทำไมคุณไม่แนะนำผมให้สนิทสนมกว่านี้ บอกว่าผมเป็นเพื่อนสมัยประถมของคุณก็ได้"
เนตรสิตางศุ์บอก
"นี่เธอกับคุณโจ้รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆเหรอ ทำไมถึงปิดพวกเราล่ะ"
"ฉันไม่ได้ปิด แต่ฉันไม่อยากจะจำ"
ตอนนั้นเองหมอวรวรรธที่กำลังดูร่องรอยเครื่องอยู่ที่กระโปรงหน้ารถโผล่หน้ามามอง เมื่อได้ยินเสียงโวยๆของกรรณา แปลกใจที่เห็นเนตรสิตางศุ์
"คุณเนตร!"
"หมอ! มาทำอะไรที่นี่คะ"
วรวรรธเดินเข้ามา
"ผมต่างหากต้องถามคุณ มาทำอะไรกันที่นี่"
"ฉันจะมาดูรถคันนี้!"
"เห็นจะไม่ได้! เพราะผมซื้อรถคันนี้แล้ว"
พงอินทร์จ้องกรรณานิ่ง ตาเขาปราศจากรอยกระเซ้าเย้าแหย่อีกต่อไป
"ฉันก็คงไม่มีปัญญาซื้อต่อจากนายหรอกนะ แค่ขอดูแป๊บเดียว"
"ไม่ได้ ก็คือไม่ได้ นายแผนยุทธส่งคุณมาขัดขวางผมหรือไง"
"คุณแผนยุทธไม่เกี่ยว ฉันอยากจะดูของฉันเอง เอาเลยยัยแก้มยัยเนตรบุกเข้าไปในรถเลย"
พงอินทร์พยายามขวางทั้ง 3 ไว้ไม่ให้เข้าใกล้รถ กรรณากับกรรัมภาช่วยกันดึงพงอินทร์ไว้
ทำให้เนตรสิตางศุ์เข้าไปตัวรถทำท่าจะเปิดประตูรถ หมอวรวรรธรีบเข้ามาจับมือขวางไว้
"เข้าไปไม่ได้นะคุณเนตร คุณโจ้ต้องการรถคันนี้ไปใช้เป็นวัตถุพยานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพี่สาวเค้า เนตรเข้าไปหลักฐานในรถอาจจะหายหมด"
"หมอพูดแบบนี้จะหมายความว่าเนตรและเพื่อนๆมาทำลายหลักฐานเหรอคะ"
"แล้วคุณเนตรมาทำอะไรล่ะครับ"
"ไม่บอก!"
"ถามดีๆไม่ตอบใช่มั๊ย มานี่เลย"
วรวรรธคว้ามือเนตรสิตางศุ์เดินไป
"หมอจะพาเนตรไปไหน"
ทิ้งให้พงอินทร์คอยขวาง 2 แขนคอยดึงดันกรรณากับกรรัมภาไว้
"เอาเลยยัยแก้มจับรถเลย" กรรณาบอก
กรรัมภาถอดถุงมือเกือบจะยื่นมือไปจับรถได้แล้ว
"อึ๊บ"
แต่พงอินทร์ก็จับแขนกรรัมภาหยุดเธอไว้ทัน
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ผมพูดดีๆแล้วนะ ถ้าคุณ 2 คนยังไม่ฟัง ผมจะให้ทางอู่รถโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้"
"อุ้ย หยุดเถอะยัยกรรณ เดี๋ยวฉันได้ขึ้นหน้าหนึ่งอีกนะแก มันไม่งาม!"
กรรณาจำต้องหยุด ยืนเจ็บใจ
หมอวรวรรธจูงเนตรสิตางศุ์เดินมา
"จะจูงเนตรไปถึงไหนหมอ คุยกันตรงนี้แหละ"
วรวรรธหยุด
"สัญญาก่อนว่าจะคุยกันดีๆ"
"เนตรสัญญาก็ได้ค่ะ แต่หมอต้องช่วยเนตรเรื่องรถคันนั้นนะคะ"
"ช่วยยังไง"
"ก็อย่าให้นายโจ้เอารถคันนั้นไป จนกว่าเนตรจะเสร็จธุระกับรถคันนั้นซะก่อน"
"ผมจะทำอย่างงั้นได้ไงเนตร นายโจ้ซื้อรถคันนั้นแล้วนะ แล้วผมก็มีหน้าที่ต้องช่วยงานนายโจ้ด้วย"
"หมอต้องช่วยงานอะไรนายโจ้คะ"
"คุณบอกผมมาก่อนว่าคุณมาทำอะไร ผมถึงจะบอกคุณ"
"ชิ! เนตรไม่บอก มันเป็นความลับของเนตรและเพื่อนๆ"
"เนตร!"
"อย่ามาเสียงดังใส่นะ!"
"เนตรอยากกวนทำไมล่ะ"
"หมอนั่นแหละกวน ถ้าไม่บอกเค้า ก็อย่าหวังว่าเค้าจะบอกอะไรตัวเองเลย"
เนตรสิตางศุ์หันเดินกลับไป
"เนตร! มันเรื่องอะไรกันเนี่ย"
วรวรรธยืนอ่อนใจ
กรรณาพยายามข่มใจคุยกับพงอินทร์ดีๆ
"เอาอย่างงี้นายโจ้ ถ้านายยอมให้ฉันดูรถของพี่สาวนายดีๆ นายจะให้ฉันทำอะไร ฉันจะยอมทำตามที่นายสั่งทุกอย่าง"
พงอินทร์ลูบคาง กรุ้มกริ่ม
"ว้าว...ข้อเสนอแซ่บๆแบบนี้ กระตุ้นต่อมอยากให้เปรี้ยวปากขึ้นมาเชียว แต่...ผมไม่สน!"
กรรณาหน้าเสีย
"เพราะผมจะใช้รถคันนี้เพื่อจะขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เป็นคดีฆาตกรรม"
คำพูดของพงอินทร์ทำให้กรรณาแปลกใจ เขาคิดเหมือนเธอ
"แล้วคุณล่ะ ทำไมถ่อมาถึงที่นี่เพื่อดูรถคันนี้"
"เพราะฉันก็สงสัยเหมือนกับคุณ"
"อ้าว...ไปบอกเค้าซะงั้น!"
กรรณานึกขึ้นได้ จับปากตัวเองที่ดันหลุดปากออกไป พงอินทร์หรี่ตามองกรรณาทันที
"ตกลงคุณเป็นใครกันแน่ ห่ะ คงไม่ใช่ที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่นายแผนยุทธจ้างมาจริงหรอกมั้งแบบนี้"
"เอ่อ..."
กรรณาถึงกับอ้ำอึ้ง
"บอกมาพวกคุณเป็นใคร"
"เรา...เอ่อ...เราเป็นนักสืบค่ะ!"
กรรัมภารีบชิงพูดออกไปเสียก่อน
"นักสืบ! พวกคุณเนี่ยะนะ"
"ใช่ เราเป็นนักสืบที่คุณแผนยุทธจ้างมาสืบเบื้องลึกเบื้องหลังการตายของคุณพิมอร" กรรณาบอก
"ไอ้ขุนแผนเนี่ยะนะจ้างพวกคุณมา หึ มันเอาแต่พล่ามว่าพี่สาวผมตายเพราะอุบัติเหตุ แล้วมันจะจ้างพวกคุณมาสืบทำไม ผมไม่เชื่อ!"
"คุณไม่เชื่อก็ตามใจ งั้นแก้มไป...เรากลับกันเถอะ"
กรรณาพูดพลางขยิบตาให้กรรัมภา พลางคว้ามือข้างที่ใส่ถุงมือ
"แล้วนี่ร้อนจะตาย สวมถุงมืออยู่ได้ ถอดออกเหอะ"
กรรณาทำเป็นดึงถุงมือออกจากมือกรรัมภาพลาง ดุนหลังกรรัมภาให้เซไป
"ว้ายๆๆ ส้นสูงฉัน"
พลั่ก! กรรัมภาส้นพลิกล้มมือไปจับที่ตัวรถ ดวงตาของเธอเบิกกว้างทันที แต่เงียบไว้ ไม่พูดอะไร จนพงอินทร์เข้ามาดู
"เจ็บตรงไหนบ้างรึปล่าวคุณ...คุณ!"
พงอินทร์ยื่นมือไปประคองพยุงกรรัมภาขึ้นมา ทำให้เธอผละจากซากรถนั้น กรรณาแอบจุ๊ปากอย่างขัดใจ เธอหลุดจากภาพที่เห็น
"ห่ะ! เอ่อ...ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ กลับเถอะยัยกรรณา"
กรรัมภารีบพยักหน้าดึงกรรณาเดินไป
กรรณาถามเบาๆ
"แกเห็นอะไรมั้ย"
"เห็นซิ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"
เนตรสิตางศุ์เดินงอนวรวรรธกลับมาพอดี
"ไปเร็วยัยเนตรกลับ"
2 สาวดึงเนตรสิตางศุ์ให้รีบเดินไป พงอินทร์ยืนมอง วรวรรธเดินกลับมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ
"นี่หมอรู้จัก 3 สาวๆนี้ด้วยเหรอครับ"
"เอ่อ...คุณเนตรเป็นแฟนผมน่ะครับ"
พงอินทร์พยักหน้า ยิ้มๆ แฟนหมอเป็นเพื่อนกับกรรณา ชักสนุกแล้ว
"โลกมันกลมจริงๆนะครับ"
อ่านต่อหน้า 2
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในห้องรับแขก บริษัทซิกส์เซนส์ สุคนธรสบอก
"แกเห็นผู้หญิงอยู่ในรถคุณพิมอร"
เสียงตะหลิวเคาะกระทะดัง เป้ง
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร" สุคนธรสถามต่อ
"ไม่รู้ ชั้นมองเห็นไม่ถนัด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ชั้นเห็นแต่ว่ามีผู้หญิงอยู่ในรถกับคุณ
พิมอรในนาทีสุดท้ายก่อนที่รถจะพุ่งลงน้ำ" กรรัมภาบอก
"แสดงว่าคุณพิมอรถูกฆาตกรรมไม่ใช่อุบัติเหตุ"
เป้งๆๆๆ
เจ้าที่บ่น
"เสียงใครมาเปิดอู่รับซ่อมปะผุรถแถวนี้เหรอ"
"ป่าว...ไอ้เนตรงอนหมอวรรธ เลยทำกับข้าวอะไรซักอย่าง"
ทันใด ทุกคนฉุนจนจามพรวดๆๆออกมาพร้อมกัน
สุคนธรสบอก
"นี่มันกลิ่นแห่งความอาฆาตพยาบาลอย่างรุนแรง"
เนตรสิตางศุ์อุดจมูก โผล่มา
"ไม่ช่าย! กลิ่นฉันกำลังทำข้าวผัดน้ำพริกนรกใส่พริกขี้หนูสวนอยู่นะ"
เจ้าที่บอก
"เตรียมท้องรออาหารสุดแสนพิสดารบานตะไทได้เลย แต่ไม่ต้องยกมาถวายเค้านะ เค้าไดเอท"
ทุกคนกลืนน้ำลายเฮือก กลัวเมนูพิศดารมาก
"มันงอนหมอเรื่องอะไร ช่างเหอะ เอาไว้ก่อน งั้นสรุปได้ตอนนี้ว่าคุณพิมอรถูกฆาตกรรม
แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ จากฝีมือของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งยังไม่รู้ว่ามีสาเหตุจากเรื่องอะไร" สุคนธรสบอก
"ผู้หญิงทะเลาะกันถึงขั้นฆ่ากันตายได้ มันจะมีเรื่องอะไร้ ถ้าไม่ใช่เรื่องหึงหวง" เจ้าที่บอก
"แต่อย่างคุณแผนยุทธ ไม่น่าจะทำให้ผู้หญิงแย่งกันได้" กรรัมภาบอก
"น้อยไปสิ นายนั่นน่ะปากหวาน เอาใจเก่ง แสนดี มีหรือผู้หญิงจะไม่หลง ยิ่งอยู่บ้านเดียวกัน ใกล้ชิดกันทุกวันมันก็เหมือนขี้ผึ้งแห้งๆ ลนไฟโลกันตร์" กรรณาบอก
สุคนธรสถาม
"แกหมายถึง..."
"ใช่...จะมีใครไปได้อีก นอกจาก"
4 สาวโพล่งพร้อมกัน
"แม่บ้านจารุณี!"
ในซุปเปอร์มาเก็ต จารุณีเดินเข็นรถเลือกของบนชั้น มีใครบางคน มองตามจารุณีจากด้านหลัง สายตานั้นแอบมองเธอผ่านช่องว่างระหว่างชั้นสินค้าจากทางด้านหลัง เธอหยุดที่หน้าชั้นวางน้ำมัน กำลังเอื้อมหยิบขวดน้ำมันตรงหน้า ทันใดนั้น เธอก็หันไปเห็นอะไรบางอย่าง ตะลึง !
"ฮะ !"
ป้ายราคาน้ำมันยี่ห้อข้างๆ มีกากบาทขีดฆ่าที่ราคาจริงแล้วเขียนราคาใหม่ที่ถูกกว่าเดิม 2 บาท
"ถูกกว่าตั้งสองบาท เกือบเสียค่าโง่ไปแล้วไหมล่ะ"
น้ำมันราคาถูกเหลือแค่บนชั้นสูง เธอพยายามเอื้อมแต่เอื้อมไม่ถึง
ผู้ชายมาดแมนคนหนึ่งเข็นรถผ่านมา เธอมองเขาแว่บหนึ่งแล้วแกล้งเอื้อมสุดมือ กะให้เขาเห็นว่าเธอหยิบไม่ถึง เขาเดินมาหยุดยืนข้างๆเธอ เขายิ้มให้ เธอยิ้มตอบ คิดว่าเขาคงต้องช่วยเธอหยิบสินค้าบนชั้นให้เธอแน่
ผู้ชายคนนั้นเอื้อมหยิบน้ำมัน จารุณียิ้ม แต่ผู้ชายเอาน้ำมันขวดนั้นเอาใส่ในรถเข็นตัวเอง แล้วเดินไปเลย เธอหน้าเหวอ
"สุภาพบุรุษมันสูญพันธุ์ไปหมดโลกแล้วจริงๆเหรอเนี่ย"
จารุณีเดินสะบัดไป สายตาคู่นั้นยังมองตามอย่างไม่วางตา
สายตานั้นแอบมองจารุณีไปห่างๆ เธอรู้สึกได้ว่ามีใครแอบมอง เลยแกล้งทำนิ่งๆ ราวห้าวินาที ปล่อยให้อีกฝ่ายตายใจ แล้วหันขวับไปมอง เจ้าของสายตาก้มตัวหลบ กระเป๋าเป้ผลุบหายไป หลังเคาน์เตอร์ขายสลัด วินาทีที่หลบนั้น มือไปปัดมีดบนเคาน์เตอร์ตกพื้น
จารุณีกัดฟันกรอด
"ไอ้โรคจิต"
เธอก้าวฉับๆ ไปจับไอ้โรคจิต พอใกล้ถึง เท้าก็ไถลพื้นไปหยุดหลังเคาน์เตอร์สลัด ตะโกนลั่น
"แอบมองชั้นทำไม"
แต่ไม่พบใคร ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว เธอปั้นหน้าไม่ถูก มองไปที่พื้นเห็นมีดสั้นวางอยู่บนพื้นก็ตกใจ
"มีด ! ชั้นโดนปองร้ายหรือนี่"
เธอหันซ้ายหันขวา กลืนน้ำลายเอื้อก แล้วรีบเดินกลับไป เข็นรถออกไป
ถนนแถวบ้าน ณ เวียงทับ จารุณีกอดถุงใส่ของเดินเร็วๆ กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน เท้าใครบางคนเดินตามเธอจนเธอรู้สึกได้ เธอชำเลืองไปด้านหลัง ใจไม่ดี รีบเดินจ้ำอ้าว จนเกือบจะวิ่ง
เช่นเดียวกับเท้าที่เร่งฝีเท้าตามเร็วขึ้น
จารุณีรีบจนสะดุดขาตัวเองหน้าคะมำล้มลง ถุงหลุดมือ ของกระจายเต็มพื้น
"ว้าย !"
แววตาและรอยเท้าที่ตามเธอมา ย่อตัวช่วยประคองจารุณีไว้ทันท่วงที เธอเงยหน้าขึ้น เห็นก้องฟ้ามองมาด้วยสายตาอ่อนโยน แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านด้านหลัง ทำให้เขาดูเหมือนมีรัศมีเปล่งรอบศีรษะ ประหนึ่งเทพบุตร เธอตะลึงงัน
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
จารุณีรู้สึกตัว รีบดึงแขนออกจากมือก้องฟ้าอย่างไว้ตัว
"มักเน่น้อย...เปล่า ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ"
จารุณีหันไปเห็นเป็นก้องฟ้าก็รีบทำเป็นแบ๊วน่ารัก แบบนางเอกเกาหลีใสๆ
"นายสะกดรอยตามชั้น นายต้องการอะไรจากชั้นฮะ ไอ้มักเน่คนเลว ไอ้มักเน่คนรกโลก"
เธอทุบตีก้องฟ้า เขาคว้าข้อมือสองข้างของจารุณีไว้
"ใจเย็นๆ สิครับ ผมแค่มาช้อปปิ้ง เห็นคุณจารุณีมาคนเดียวก็เลยคอยดู เผื่อว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ ทุกทีผมเห็นคุณจารุณีกลับจากซื้อของทีไร ต้องหิ้วของพะรุงพะรังกลับไปทุกที"
จารุณีแอบอายเขิน
"นายคอยจับตาดูชั้นอยู่ตลอดเลยเหรอ"
ก้องฟ้าหลบสายตา
"ครับ"
"นายเกือบจะเข้าไปนอนในคุกแล้วรู้ไหม วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก"
ก้องฟ้าเกาท้ายทอยแก้เก้อ แต่โคตรเหมือนพระเอกเกาหลี แต่จารุณีมองตาเยิ้ม
"ฮ้า...ท่านี้ เหมือนพระเอกเรื่อง แค้นที่สุด สะดุดรักเลย"
พอเขาหันมา เธอก็เฉไฉหันไปเก็บของแทน
"ไม่ต้องครับ ผมจัดการเอง"
ก้องฟ้าเก็บของบนพื้นใส่ถุง
จารุณีจะลุกขึ้น เขาปราดเข้าไปประคอง
"ผมช่วย"
"ไม่ต้องชั้นเดินเองได้ โอ๊ย !"
ก้องฟ้ารวบเอวจารุณีหมับ เธอเงยหน้ามองเขาที่อยู่ใกล้มาก สองสายตาประสานกัน รอบๆ คล้ายบนโลกของเขาและเธอหยุดหมุน
"อย่าดื้อเลยครับ นูน่าเดินไม่ไหวหรอก ให้มักเน่ช่วยดีกว่าครับ"
จารุณีลังเล
จารุณีขี่หลังก้องฟ้าค่อยๆ โผล่มาจากเนิน เสียงเพลงรักเกาหลีดังขึ้นจากโทรศัพท์ของเขา เธออมยิ้มบอก
"เพลงเข้ากับบรรยากาศจังเลย เหมือนละครเกาหลีหลายๆเรื่อง เกือบทุกเรื่องเลย"
"อะไรนะครับ"
"เออ...ป่าวจ้ะ มักเน่ก๊องรับโทรศัพท์ก่อนก็ได้"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่มีธุระสำคัญอะไร"
เธอโคตรซึ้งแอบมองเขาอย่างรู้สึกดีเหลือเกิน ยิ่งเสียงเพลงดังต่อเนื่อง เธออดใจไม่ไหวซบหน้ากับบ่าของเขา
เขาชำเลืองมองไปที่หน้าจารุณี แล้วหันกลับมาชำเลืองมองอีกข้าง เห็นพวงกุญแจที่เอวจารุณี เขากระตุกยิ้ม เสร็จโจ๋!
ภายในห้องนอนกรรณา บ้าน ณ เวียงทับกลางวัน ก้องฟ้าโชว์พวงกุญแจของจารุณีให้กรรณาดู
"ยอดมากไอ้น้องรัก"
"แค่ใช้สมอง..ผสมกับรูปร่างนิด หน้าตาหน่อย เสน่ห์อีกเล็กน้อย เรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องกล้วยๆ"
"เออ...เก่ง คราวนี้ล่ะ เราจะได้เข้าไปในห้องแม่บ้านจารุณี แล้วสืบให้ได้ว่าในกล่องเหล็กนั่นมีอะไร อะ เอาไป"
กรรณาควักแบงก์ร้อยส่งให้
"หนึ่งร้อย ! ผมเอาเท้าซ้ายก่ายหน้าผากคิดแผนหัวแทบแตก ลงทุนเปลืองเนื้อเปลืองตัวเสียผู้เสียคน แต่ได้ค่าจ้างแค่หนึ่งร้อยเนี่ยนะ ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำอีก"
"ไม่ใช่ค่าจ้างโว้ย ชั้นให้ตังค์แกให้แกเอากุญแจไปปั๊ม จะได้เอาพวงจริงมาคืนคุณแม่บ้านก่อนที่แกจะรู้ตัว"
ก้องฟ้าชูถุงพลาสติกขึ้น เปิดถุง หยิบก้อนดินน้ำมันที่มีรอยปั๊มกุญแจตรงกลางวางโชว์ให้กรรณาดู
"ผมปั๊มไว้หมดทุกดอกแล้ว เราแค่เอาดินน้ำมันพวกนี้ไปให้ช่างทำกุญแจใหม่ได้เลย สบายบรื๋อ"
"ในที่สุดเงินที่ชั้นส่งเสียแกเรียนก็ไม่สูญเปล่า เจ๋งมากไอ้น้องรัก"
"ทีนี้จะจ่ายค่าจ้างได้หรือยัง"
ก้องฟ้าจะคว้าแบงค์ แต่กรรณาชักมือกลับทันควัน
"ยัง งานยังไม่เสร็จ"
"อะไรอีกล่ะ"
กรรณาไม่ตอบ
ก้องฟ้าย่องหลบตามมุมเสาเหมือนสายลับ แล้วมองเข้าไปในครัว ไม่เห็นใครจึงเข้าไปหยุดที่โต๊ะกลางห้อง เอาพวงกุญแจของคุณแม่บ้านจารุณีออกจากกระเป๋า แล้วก้มเอาไปวางใต้โต๊ะลึกๆ เขาคลานออกมาเจอเท้าใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ก็ชะงักกึก แล้วแหงนหน้ามอง พงอินทร์ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลคดูดี หน้าตาสะอาดสะอ้านมีรอยเคราเขียวเข้ม ตัดผมหล่อ กำลังมองก้องฟ้า
"มาหาใครครับ"
พงอินทร์สวมรอยอย่างเนียนๆ
"หาปลิง ได้ข่าวว่าที่นี่มีปลิงดูดเลือดตัวใหญ่มาก"
ก้องฟ้างง จ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วนึกออก
"พี่โจ้ ! พี่โจ้จริงๆ ด้วย ทำไมหล่องี้อะพี่ หล่อไม่บันยะบันยัง จรัสมากๆ"
"ถ้าชมหวังผล เสียใจด้วยนะ ก๊อง พี่ไม่ใช่คนบ้ายอ"
"ผมไม่ได้ยอ ผมพูดจริง ตอนพี่ผมยาว ผมว่าพี่หล่อเหมือนแอนดี้ คาร์โรลล์ แต่พอมาลุคนี้บักเจิดยังชิดซ้าย บักเจิดหรือสตีเว่นเจอราลด์นักเตะลิเวอร์พูลที่หล่อๆ อะพี่"
"เดอะค้อป"
"ใช่พี่ ผมแฟนลิเวอร์พูลตัวยงเลย"
"We’ll never walk alone"
"ถูก... พี่โจ้นึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงลุกมาโมดิฟายตัวเองซะหล่อโฮก"
"พี่ทำเพื่อคนที่พี่รัก"
"โห...แมนมาก สุภาพบุรุษตัวจริง"
"ผู้ชายอกสามศอกอย่างเรา มันต้องแมนทั้งข้างในและข้างนอก สาวๆ จะได้คลั่งไคล้"
"ผมอยากแมนได้เหมือนพี่จัง"
พงอินทร์โอบไหล่ก้องฟ้า
"ขั้นแรก...ถ้าเราอยากแมน เราก็ต้องทำในสิ่งที่คนแมนๆ เขาทำกัน"
หน้าตาพงอินทร์กรุ้มกริ่มมาก
แผนยุทธเซ็นต์เอกสารอยู่บนโต๊ะเสร็จก็ปิดแฟ้ม เอนตัวกับเก้าอี้ หลับตาอย่างคนเหนื่อยล้า ช่อเพชรคืบคลานจากด้านหลัง จับไหล่แผนยุทธนวดคลึงไปมา ยืนโอบล้อมคอแผนยุทธอย่างหวงแหน แต่แผนยุทธไม่รู้ตัว
"ชั้นอยากช่วยผ่อนคลายให้คุณได้เหมือนเมื่อก่อนจัง"
แผนยุทธหลับตานึกถึงกรรณา ที่เขาแอบดูเธอบนรถไฟฟ้า เงาดำเอียงหน้าจูบแก้ม ภาพในความคิด กรรณายื่นหน้ามาจูบแก้ม แผนยุทธเอียงหน้ารับสัมผัสจูบนั้น เขาเริ่มกระสับกระส่าย หายใจติดขัด ความรู้สึกต้องการทางเพศเกิดขึ้น
"คุณรู้สึกหรือคะ คุณรู้ใช่ไหมคะว่าชั้นอยู่ที่นี่"
แผนยุทธลืมตา แววตาหื่นกระหายแล้วลุกออกไปจากห้อง
"คุณจะไปไหน!"
ประตูห้องกรรณามีผ้ายันต์ติดอยู่ด้านในห้อง แผนยุทธรัวเคาะประตู น้ำเสียงร้อนรน
"คุณกรรณ คุณกรรณ"
กรรณาเปิดประตูออกมา
"มีไรคะ"
ช่อเพชรยืนอยู่หลังแผนยุทธ
"คุณมาหามันทำไม"
หูกรรณาแว่วเสียงผีช่อเพชรที่กรีดร้องดังอีก
"ผมโดนผีหลอก"
แผนยุทธไม่รอช้าก้าวเข้าไปในห้อง มือดึงกรรณาเข้าไปด้วย
"แอร๊ย... คุณแผนยุทธ นี่คุณจะเคลมมันเรอะ นังชะนี...ห้ามยุ่งกะผัวชั้น น้า!"
ช่อเพชร จะพุ่งเข้าไปในห้อง ประตูปิดปัง ผ้ายันต์เหนือประตูส่องแสงวาบ จนผีช่อเพชร กระเด็นออกไป
"แอร๊ย! นังชะนี ถ้าแกโง่ปล่อยให้ผัวชั้นหลอกได้ แกต้องตาย"
ในห้องนอนกรรณา แผนยุทธลนลานปิดผ้าม่านทุกบาน แกล้งทำเป็นว่ากลัวผีหลอก
"ถ้าคุณจะกลัวขนาดนี้ เราไปคุยกันที่วัดดีกว่าไหม เดี๋ยวใครมาเห็นคุณอยู่ในห้องชั้น ชั้น
ได้เหม็นฉึ่งแน่"
"ผมขอโทษ แต่มันน่ากลัวมากจริงๆ เกิดมาผมไม่เคยเจออะไรสยดสยองเท่านี้มาก่อน"
"ยังไง"
"ผีผู้หญิงผมยาว มันห้อยหัวลงมาจากเพดาน มันบีบคอผม มันจะฆ่าผม"
พูดไม่ทันจบ แผนยุทธก็เงยหน้าและมองไปรอบๆห้อง
"เธอยังอยู่แถวนี้ไหม"
"ใช่คุณพิมอรหรือเปล่า"
"ผมไม่แน่ใจ ผมไม่กล้ามอง ช่วยผมด้วยนะคุณกรรณ...ผมกลัว"
มือเย็นเฉียบของแผนยุทธจับและบีบกระชับมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อย เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง อย่างคนเครียดจัด
"เมื่อไหร่เรื่องมันจะจบสักที แค่ผมสูญเสียคุณพิมไป ชีวิตผมก็แย่มากพออยู่แล้ว แต่นี่ผมต้องมาเจออะไรก็ไม่รู้ พูดให้ใครฟังเขาก็หาว่าผมบ้า ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป สักวันผมคงบ้าขึ้นมาจริงๆ"
"อดทนไว้คุณ เชื่อชั้น"
"คุณจะช่วยผมใช่ไหม"
แผนยุทธเริ่มโอบเอว กรรณาไม่ทันรู้ตัว มัวแต่สงสารแผนยุทธ
"คุณจ้างชั้นแล้วนี่"
แผนยุทธจับมืออีกข้างของกรรณา
"คุณกรรณครับ...เออ...ผม"
"โดน !" เสียงพงอินทร์ดังลอดเข้าห้องมา
กรรณาผุดลุกขึ้น แผนยุทธวืด
"นายโจ้นี่"
กรรณาจะออกไป แผนยุทธคว้าแขนกรรณาไว้
"อย่าไปสนใจเลยครับ นายโจ้คงทำอะไรเรียกร้องความสนใจ"
"เสร็จ ! พวกแกต้องเสร็จแน่ๆ เจ็บไหมหล่ะ เจ็บไหมๆ"
เสียงก้องฟ้าดังไม่แพ้กัน
"อูย...โอ๊ย อูย ไม่ไหวแล้ว เจ็บมากๆๆ"
"ก๊อง !"
กรรณาสะบัดแขน เปิดประตูออกไปจากห้องเลย
"คุณกรรณ ! นายโจ้อีกแล้ว...กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม"
แผนยุทธตามกรรณาไป
กรรณาวิ่งลงบันได แผนยุทธตามหลังมาติดๆ กรรณามองไปที่ห้องรับแขก พงอินทร์กับก้องฟ้าใส่ชุดนักเตะลิเวอร์พูล โพกผ้า สีป้ายหน้า ยืนเชียร์บอลอยู่หน้าทีวี ก้องฟ้าลุ้นเก็งไปทั้งตัว
"อูย...อาว์"
บอลเข้าประตู
"เข้าแล้วโว้ย !"
ทั้งสองคนกระโดดกอดกันกลม กรรณาไม่พอใจ แผนยุทธมองลุคใหม่ของพงอินทร์อย่างแปลกใจ ก้องฟ้าหันมาเห็นกรรณากับแผนยุทธยืนตีหน้ายักษ์ ก็สะดุ้ง ทำชู่ว์...ให้พงอินทร์เงียบเสียงลง
พงอินทร์หันไปมองตาม
"อ้าว...คุณกรรณา พี่แผน ดูบอลด้วยกันไหมครับ"
"รู้จักตัดผมตัดเผ้าให้ดูดีขึ้น น่าจะเปลี่ยนนิสัยให้ดีขึ้นตามบ้างนะ เชียร์บอลเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน หัดเกรงใจกันบ้างสิ"
"ขอโทษที พอดีว่าเมื่อตะกี้ลิเวอร์พูลเพิ่งยิงประตูหนึ่งศูนย์ในนาทีสุดท้าย แหม..มันเข้ายากจริงๆ กว่าจะเข้า หืดขึ้นคอ ! เหงื่อตกทั้งสองฝ่ายเลย จริงไหมครับ คุณกรรณา"
"นายโจ้ !"
พงอินทร์ทำหน้าแบ๊วๆ ไม่รู้เรื่อง
"ทำไมต้องมาดูบอลที่นี่ ทำไมไม่ไปดูบ้านนาย"
พงอินทร์ทำเครียด
"เฮ้ย พี่แผนเริ่มเป็นอัลไซเมอร์แล้ว มีใครพาไปหาหมอหรือยัง"
"ชั้นไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์"
"ไม่เป็น แล้วทำไมถึงลืมว่าบ้านหลังนี้เป็นของคุณย่าผม ผมย่อมมีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ เพราะผมชื่อ..พงอินทร์ ณ เวียงทับหลานชายแท้ๆ ที่ใช้นามสกุลเดียวกับท่านมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้เพิ่งมาเปลี่ยนเหมือนใครบางคน"
"ไอ้โจ้ !"
แผนยุทธจะพุ่งเข้าไปชกพงอินทร์ กรรณากระโดดขวางกลาง
"อย่าชกกัน"
ก้องฟ้าวิ่งเข้าไปดึงแขนพงอินทร์
"ถึงชั้นจะเป็นใคร อย่างน้อยชั้นก็เป็นพี่เขยนาย แล้วย่านาย...ก็ไปเชิญชั้นมาเอง นึกว่าชั้นอยากมารึไง แกมันเด็กเมื่อวานซืน ไม่รู้เรื่องราวอะไรของผู้ใหญ่ แต่แกควรจะหัดให้ความเคารพกันบ้าง"
"จะให้ผมเคารพ ถามตัวเองก่อนไหมว่าทำตัวให้น่าเคารพพอหรือยัง"
"ชั้นไปทำอะไรให้แกหนักหนา"
"อย่าให้ผมพูดตรงนี้เลย เดี๋ยวภาพที่พี่สร้างไว้มันจะแอ๊บแตก"
"ชั้นไม่เคยสร้างภาพ คุณย่ากับคุณพิมรู้ดี"
"คุณย่าท่านไม่รู้ต่างหาก พี่พิมก็ไม่รู้ ถึงต้องมาตายไปแบบนี้ไง"
"นายกำลังว่าคุณย่ากะพี่สาวตัวเองโง่งั้นสิ"
พงอินทร์โกรธ จะพุ่งเข้าไปหา แผนยุทธจะใส่พงอินทร์เหมือนกัน
"คุณแผนยุทธ นายโจ้อย่า"
ก้องฟ้าดึงแขนพงอินทร์ กรรณารั้งแผนยุทธไว้
"มวยข้างหนามบอล ระบาดมาถึงนี่เลยว่ะ"
" คุณย่ากับพี่พิมไม่ได้โง่ แต่ทุกคนเป็นคนดี มองโลกในแง่ดีเกินไป คิดว่าไอ้ทนายปากกัดตีนถีบที่ขยันเรียนจนจบปริญญาเอกเป็นด็อกเตอร์จะเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง แต่ที่ไหนได้ งูเห่าก็ยังคงเป็นงูเห่าเหมือนเดิม งูเห่าเลี้ยงยังไงมันก็ไม่เชื่อง"
แผนยุทธฮึดฮัด
"มึงว่ากูงูเห่าเหรอ ไอ้..."
"พอเถอะค่ะ ชั้นขอร้อง กรุณาเห็นแกวิญญาณคุณพิมอรด้วยเถอะ ทุกคน"
ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันไม่กระพริบตา จนในที่สุดแผนยุทธตัดสินใจเดินกลับไปทำงาน แต่ยังโวยวายไปตลอด
"ไอ้เด็กเลว ชั้นจะไล่แกออกจากบ้าน ชั้นจะเอาตำรวจมาจับแก คอยดู"
กรรณามองตาม
"ไม่ตามไปง้อเหรอ เค้าไม่หายหรอกนะ ถ้าไม่มีคุณไปคอยออเซาะ"
"ชั้นอยากอยู่เลาะฟันจากปากพวกนายมากกว่า มานี่เลยไอ้ก๊อง !"
กรรณาดึงผ้าพันคอก๊อง พาลากออกไป
"โอ๊ยๆๆ พี่กรรณ"
พงอินทร์มองตาม 2 พี่น้องไป
มุมหนึ่งในบ้าน ณ เวียงทับ ก้องฟ้าแกล้งตาเหลือก เธอเหวี่ยงน้องชายกระเด็นไปติดกำแพง
"กระดูกหักหมดเลี้ยว"
"แกเอาอะไรคิด ถึงไปแหกปากตะโกนในบ้านคนอื่นเขา ถึงเราจะจนแต่เราก็ต้องมีมารยาท ทำไมสอนไม่รู้จักจำ"
"พี่โจ้เป็นคนชวน ผมเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ทำไร ผมก็แค่ทำตาม"
"ผู้ใหญ่ชวนไปทำไร ก็ต้องเฮโลทำตามเขาไปหมดเลยงั้นสิ ถ้าเขาชวนไปกินขี้หมา แกก็จะกินงั้นเหรอ ทำไมไม่ใช้หัวคิดเอาเองบ้าง ว่าอะไรควรไม่ควร แกไม่มีหัวคิดเองแบบนี้ ถ้าไปอยู่ใกล้ตัวอย่างผิดๆ เลวๆ ทรามๆ ระวังจะเสียคน"
พงอินทร์เดินเข้ามาพอดี
"อ้าว...คุณ พูดงี้ก็หาว่าผมเป็นตัวอย่างที่ผิดๆ เลวๆ ทรามๆ งั้นสิ"
ก้องฟ้ากระโดดไปหลบหลังพงอินทร์ เธอทำเหมือนว่าไม่มีพงอินทร์ยืนอยู่ตรงนั้น
"ถ้าชั้นรู้ตัวว่านายทำตัวไม่มีหัวคิดอีก ชั้นจะไล่นายออกจากการเป็นผู้ช่วย ให้ไปเป็น
ลูกน้องพวกนักเลงอันธพาลให้สมใจ"
"เฮ้ยคุณ ว่าผมเป็นนักเลงอันธพาลเลยเหรอ"
พงอินทร์ยืนประจันหน้ากับกรรณา
"มีอะไรคุยกันดีๆ นะครับ ผมขอตัวเข้าไปสำนึกผิดในห้องก่อน"
ก้องฟ้าวิ่งหนีไป
"ไอ้ก๊อง!"
กรรณาจะตามน้องชายไป แต่พงอินทร์ขวางไว้
"เฮ้ย..."
กรรณาเดินหนีพงอินทร์ไปอีกทาง พงอินทร์ตาม
กรรณาวิ่งออกมาหน้าบ้าน พงอินทร์คว้าแขนกรรณา
"ถ้าคุณจะด่าก๊อง คุณมาด่าผมดีกว่า"
"ชั้นว่าน่าจะเปลืองน้ำลายเปล่าๆ"
"แต่ผมไม่กลัวเปลืองน้ำลายหรอกนะ ที่จะบอกคุณว่า ขอโทษที่ส่งเสียงดังขัดจังหวะหมู
เขากำลังจะหาม"
"นายหมายความว่าไง"
"แหมคุณ ทำเป็นตามไม่ทัน เมื่อตะกี้คุณกับพี่เขยผมวิ่งออกมาจากห้องคุณใช่ไหม"
"ใช่ ...เฮ้ยนาย มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด"
"นึกว่าผมไม่รู้เหรอว่าเมื่อกี้พวกคุณทำอะไรกันอยู่"
"คุณแผนยุทธโดนผีหลอกก็เลยขอความช่วยเหลือจากชั้น"
"พี่ยุทธโดนผีหลอก ผีอะไรคุณ ผีหื่น ผีงูบนหัวหรือผีคันคาย ผีขาดคาลาไมด์ ถึงต้องขอให้คุณช่วยเกา"
"ไอ้โจ้"
"อุตส่าห์เป็นถึงด็อกเตอร์ แต่คิดมุขเคลมสาวปัญญาอ่อนมาก ทำอย่างกับว่าคุณเป็นหมอผี"
กรรณาชะงัก
"เอ๊ะ หรือว่าคุณเป็นหมอผี ตอนเด็กๆ คุณเคยโม้นี่ ว่าคุณได้ยินเสียงผะ...ผะ...ผี"
"นายจะเข้าใจยังไงมันก็เรื่องของนาย ชั้นไม่จำเป็นต้องอธิบาย เพราะพูดไป คนสมองฝ่อ
อสรกุ๊ยอย่างนายก็ไม่มีวันเข้าใจ ถ้านายยังห่วงใยในสวัสดิภาพดั้งจมูกของนาย เชิญกลับรังของนายไปเลยไป้ ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาระรานกัน"
กรรณาเดินไปเลย
"คงต้องทนรำคาญนานหน่อยนะคุณ บอลฤดูกาลนี้เพิ่มเริ่มต้น คุณยังได้เห็นหน้าผมไปอีก
นานแน่"
สีหน้าพงอินทร์แน่วแน่ พร้อมจะประกาศสงครามกลางบ้าน
บ้านไตรรัตน์ เวลากลางวัน สุคนธรสเดินเงียบๆ มาหยุดยืนหน้าห้อง หันซ้ายหันขวาเช็กว่าไม่มีใคร แล้วเรียกเสียงกระซิบ
"โกลเดน โกลเดน"
โกลเดนเบบี๋ยังไม่มา
สุคนธรสเสียงแข็ง
"โกลเด้นเบบี๋"
"มาแล้วจ้า"
"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเดี๋ยวนี้ต้องให้เรียกหลายๆ ทีถึงจะโผล่มาได้"
"ถึงเป็นผีก็ต้องมีธุระปะปังกันบ้าง พี่รสเรียกหนูมาทำไม"
"เข้าไปดูให้หน่อย วิญญาณที่อยู่ในห้องเป็นใคร"
"แล้วทำไมไม่ดูเอง แค่นี้ก็ต้องใช้หนู"
"ถ้าพี่ทำได้ พี่ทำไปแล้ว ไม่ต้องพูดมาก เข้าไปดูเร็ว"
"ก็ได้..."
โกลเดนเบบี๋วิ่งทะลุกำแพงเข้าไปในห้อง สุคนธรสคอยอย่างใจจดใจจ่อ
โกลเดนเบบี๋ทะลุกำแพงเข้ามาหยุดยืนข้าวของในห้องโดนค้นกระจายเป็นหย่อมๆ ได้ยินเสียงกุกกักๆ หันไปมองทางเสียง วิญญาณเด็กหญิงก้มค้นหาของในลิ้นชัก
"สวัสดีจ้า"
เธอไม่หัน มัวแต่ค้นหาของ โกลเดนเบบี๋เดินเข้าไปหา
"ฮาโหล ทำอะไรอยู่หรือจ๊ะ"
เธอสะบัดหน้ามาหา หน้าตาขึงขัง
"ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา"
เธอมองทะลุกำแพงออกไป เห็นสุคนธรสยืนอยู่หน้าห้อง
"เธออีกแล้ว !"
"พวกเรามาดีนะจ๊ะ ถ้าเธอมีปัญหาอะไรอยากให้พี่รสช่วย ก็บอกมาได้เลยนะ พี่รสช่วยได้"
"นี่ห้องของชั้น ออกไป !"
เธอตะโกนใส่หน้า แรงโกรธทำให้โกลเดนเบบี๋กระเด็นลอยไปติดกำแพง
" รังแกผู้ใหญ่บาปนะจะบอกให้ ไม่ต้องมองอย่างงั้น ถึงเราจะตัวเท่ากัน แต่พี่อายุมากกว่าน้องหลายปี"
เธอขยับปากกำลังจะไล่ โกลเดนเบบี๋ยกมือห้าม วิญญาณเด็กหญิงปากปิดเองหมับ
"อะๆ ใจเย็นๆ ก่อนสิ ท่าทางน้องคงติดอยู่ในนี้คนเดียวนาน อารมณ์ถึงได้บ่จอย อยากมีเพื่อนไหม เราเป็นเพื่อนกันได้นะ พี่มีอะไรสนุกๆ ชวนน้องเล่นเพียบเลย เช่นแบบนี้"
โกลเดนเบบี๋แปลงร่างเป็นชุดตัวโจ๊กเกอร์ ใส่วิกผมฟูหลากสี โชว์โยนลูกบอลหลายๆ ลูก จากนั้น แปลงกายเป็นกระต่าย แต่หัวและหน้ายังเป็นตัวเองอยู่
"ชอบม้า...ชอบม้า"
เธอยังหน้านิ่ง
"พี่ชื่อโกลเดนเบบี๋ น้องชื่ออะไร"
"ไม่บอก"
โกลเดนเบบี๋กลับสู่สภาพเดิม
"ทำไม"
"พี่ไตรเคยสอนว่า ไม่ให้บอกชื่อกับคนแปลกหน้า"
"พี่ไตร พี่ไตรเป็นอะไรกับน้องเหรอ"
"พี่ไตรสอนด้วยว่า อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า เธอออกไปจากห้องชั้นเดี๋ยวนี้"
โกลเดนเบบี๋เห็นท่าไม่ดี เลยใช้วิธีหลอกล่อต่อ
"ไม่บอกไม่เป็นไร...เรามาเล่นกันดีกว่านะ ดูนี่"
โกลเด้นท์กระโดดขึ้นแล้วเปลี่ยนรูปร่างเป็นจรวดมิซซายพึ่งฟิ้วฟ้าวไปรอบๆ ห้อง เธอมองตามหน้านิ่งโดยตลอด โกลเดนเบบี๋โดดลงมายืนในรูปร่างปกติ แล้วหมุนตัวอย่างเร็วคล้ายพายุหมุน กระดาษในห้องปลิวว่อน พายุหมุนเล็กๆ นั้น แบ่งตัวออกมาเป็นพายุหมุน 3 ลูกเรียงกัน
พายุหยุดหมุน กลายเป็นโกลเดนเบบี๋ 3 คนยืนอยู่ แล้วเริ่มร้องเพลงประสานแบบภาษาที่ไม่มีในโลก
"โป้ง ชิก กะ โป้ง ปึง ปัง - ปัง ชิก กะ ปัง โป้ง โป้ง - ชิก กะ โป้ง ชิก กะ ปัง โป้ง ปัง ปัง - ฮูเล่ ฮูเล่ ฮูเลเฮ่ ฮูล่า ฮูล่า ฮูล่า ฮ่า"
วิญญาณเด็กยังคงยืนมองหน้าไร้อารมณ์ เธอสะบัดหน้า ตุ๊กตาลอยไปหา โกลเดนเบบี๋หลบทัน
"เล่นแรงไปปะเนี่ย"
"ออกไป !"
ตุ๊กตาและของเล่นในห้องลอยใส่ โกลเดนเบบี๋กระเด้งหลบไปมา
"ฮ่าๆๆ ไม่รู้ซะแล้ว ลิงยังเรียกพี่"
แต่เธอหายไปจากห้องแล้ว โกลเดนเบบี๋มองหา
"อ้าว หายไปไหนแล้วอะ"
โกลเดนเบบี๋มองหารอบห้อง หันไปข้างหลัง เจอเธอยืนอยู่ตรงหน้า
"ออกไป !"
สุคนธรสเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้อง โกลเดนเบบี๋ก้าวเท้าเดินออกมาจากกำแพง
สุคนธรสสะดุ้ง ร้อง
"โกลเด้น เป็นไงบ้าง เฮ้ย !"
โกลเดนเบบี๋อยู่ในสภาพผมหน้าเปื้อนสี ผมหลุดลุ่ย เบะร้องไห้
กรรณาเดินหงุดหงิดเข้ามา
"ถ้าผ้ายันต์กันผีของยัยรส ไล่นายห่ามนี่ได้น่าจะดี"
เสียงผิวปากดังหวืด กรรณาหันหาเสียงเห็นก้องฟ้ายืนหลบหลังพุ่มไม้ พร้อมกวักมือเรียกเธอ
วิ่งไปหาน้องชาย
"ได้ยัง"
"ยัง...ยังไม่ได้ก็แย่แล้ว"
ก้องฟ้าส่ายพวงกุญแจที่ปั๊มมาใหม่ไปมา กรรณาตกใจ รีบตะครุบกุญแจเก็บใส่กระเป๋า กระซิบบอก
"เฮ้ย ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวนายห่ามเห็น"
"นายห่าม ใครพี่"
กรรณามองไปที่ระเบียงหน้าบ้าน
"นั่นไง ตายยากชะมัด พูดปุบโผล่มาปั๊บ"
พงอินทร์ยืนจิบกาแฟ ทำเป็นชมนกชมไม้อยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน แล้วโบกมือทักทาย ก้องฟ้าโบกมือกลับ พูดลอดไรฟัน
"พี่โจ้สะกดรอยตามพี่เหรอ"
"ถ้ามันสิงชั้นได้ มันคงสิงไปแล้ว"
"อ้าว...งี้เราก็ทำภารกิจล้วงลับแหกตับคุณแม่บ้านยากอะดิ"
"ก็เอออะดิ แต่บ่ยั่น เรามีกันตั้งสองคนหนึ่งหัว กลัวไร เราต้องแบ่งหน้าที่กัน แกไปจัดการหมอนั่น ทำให้มันไปให้พ้นๆ จากชั้น ที่เหลือชั้นจัดการเอง"
"ผมต้องทำไงอะ"
"เอ้า นายสนิทกับหมอนั่นนักไม่ใช่เหรอ คิดเอาเองสิว่าจะทำยังไง"
ก้องฟ้ามองพงอินทร์ คิดๆ
พงอินทร์ชะเง้อมองหากรรณา
"ยัยกรรณหายไปไหนแล้ววะ"
เสียงก้องฟ้าดังขึ้น
"พี่โจ้หลบ"
พงอินทร์หันไปเจอลูกบอลลอยมา เขายกมือคว้าบอลได้อย่างง่ายดาย
"เฮ้อ...เกือบไปแล้วไหมล่ะ แค่เดาะบอลผมยังห่วยเลย เพราะงี้แหละ ผมถึงไม่ค่อยกล้าไปเล่นบอลกับใคร กลัวโดนหัวเราะเยาะ วันๆขลุกอยู่กับพี่กรรณ จนจะไม่เหลือความเป็นแมนแล้ว พี่ครับ..พี่รู้ไหม ผมน่าสงสารมาก ผมอยากมีพี่ชายที่รักกัน เข้าใจกัน ทำกิจกรรมชายๆด้วยกัน แต่นี่...ผมคงต้อง..."
"เคๆๆ ไม่ต้องรำพันมาก มันเวอร์ พี่สอนให้"
"เฮ....ดีใจมั่กๆ ขอบคุณมากพี่ ขอกอดที"
"สองทีไปเลยไอ้น้อง"
"จูบด้วย ได้ไหมครับ...อ่าล้อเล่ง"
ก้องฟ้ากอดโจ้แน่น แล้วแอบชูนิ้วโอเคให้กรรณาที่แอบซุ่มอยู่
"เสร็จไปหนึ่ง เหลืออีกหนึ่ง"
อ่านต่อหน้า 3
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในห้องครัว จารุณีใบหน้าซีดเซียว กำลังคนหม้อต้มแกงจืด ส่วนมูมู่นั่งหั่นผัก กรรณาย่องเข้ามาที่ประตูแอบมอง แล้วผลุบหน้ากลับไปใช้ความคิด
"เอาไงดีวะ"
"จะเอาอะไร"
กรรณาหันไป ตกใจสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นจารุณียืนอยู่ตรงหน้า
"เฮ้ย !"
"เธอจะเอาอะไรมิทราบ"
"เอา...เอาส้มตำค่ะ วันนี้คุณแม่บ้านจะออกไปตลาดหรือเปล่าคะ หนูจะฝากซื้อส้มตำ"
"ไม่ไป"
"หนูไปให้ก็ได้ค่ะ" มูมู่บอก
"ไม่ต้อง ! แกกับชั้นมีงานบ้านต้องทำอีกมาก ไม่ได้อยู่ว่างๆ ถ้าเธออยากทานก็เดินออกไปซื้อเองก็แล้วกัน"
กรรณามองหน้าจารุณี
"ทำไมคุณแม่บ้านหน้าซีดจัง"
"คุณแม่บ้านไม่ยอมทานข้าวตั้งแต่เมื่อวานค่ะ" มูมู่บอก
"นังมูมู่ !"
"ทำไมล่ะคะ หรือว่าคุณแม่บ้านไม่สบายหรือเปล่า ไปหาหมอเถอะค่ะ ออกไปตอนนี้เลย"
"ชั้นจะเป็นจะตายก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ"
จารุณีหันกลับไปในครัวเหลือบมอง เห็นว่า กรรณาออกไปแล้ว จึงควักลิปสติดออกมาทา
"ทาปาก! คุณแม่บ้านไม่เคยทาปากนี่คะ ทำไมวันนี้" มูมู่ว่า
"ยุ่งน่า...ทำงานไป"
จารุณีแอบยิ้มมุมปาก
กรรณาเดินไปเดินมาในสวน เห็นพงอินทร์เดาะบอลให้ก้องฟ้าดู
"เกิดมาไม่เคยล่อเสือออกจากถ้ำด้วย เอาไงดีวะ...คิดออกแล้ว"
หน้าบ้าน ณ เวียงทับ เวลากลางวัน สุคนธรสกดกระดิ่ง...ติ่งหน่อง มูมู่วิ่งตะโกนมาจากในบ้าน
"มาแล้วค่ะ มาแล้ว"
มูมู่เปิดประตู สุคนธรส กรรัมภา เนตรสิตางศุ์ ไตรรัตน์อยู่ในชุด MR. CLEAN กรรัมภากับเนตรสิตางศุ์เป็นสาวใช้แบบเมดฝรั่ง ใส่วิกผมเป็นลอนๆ ใส่ชุดสีฟ้า มีผ้ากันเปื้อนลูกไม้ สุคนธรสกับไตรรัตน์เป็นเมดชาย ไตรรัตน์ยังใส่เฝือกอยู่เลย หน้าตาเบื่อโลกมากๆ
ทั้งสี่คนถือไม้ปัดขนไก่ ไม้กวาด ไม้ถูพื้น ถังน้ำเล็กๆ เต้นเป็นสเต็ปง่ายๆ ประกอบเพลงที่เปิดจากวิทยุ
สุคนธรสบอก
"เบื่อๆ ผมเบื่องานบ้าน"
เนตรสิตางศ์บอก
"ทำจนตายก็ไม่มีวันเสร็จ"
ไตรรัตน์จำเนื้อไม่ได้ แอบดูที่จดหลังมือ
"เอ่อ...เช้า"
พงอินทร์เตะบอลส่งให้ก้องฟ้า ได้ยินเสียงเพลงดังแว่วมาจากหน้าบ้านก็เหลียวดู
"พี่โจ้รับ"
ลูกบอลลอยมา พงอินทร์โขกบอลจนกระเด็นไปไกล ก้องฟ้าวิ่งไปเก็บ
สาวๆ สามคนชำเลืองมอง ไตรรัตน์เลยต้องเนียน
"เช้าเช็ดเย็นเช็ด จนอยากกลายเป็นเป็ด ก๊าบๆๆๆ"
สามสาวจำใจเดินเป็นเป็ดตามไตรรัตน์
"ก๊าบๆๆ"
ทุกคนเดินเป็ดเป็นวงกลม กรรัมภาก้าวไปข้างหน้ามูมู่ ประดุจนางพญาหงส์
"คุณเองก็เจอปัญหาเช่นนี้อยู่ใช่ไหมคะ"
มูมู่พยักหน้าหงึกหงัก
"พวกเราจะช่วยทำให้งานบ้านกลายเป็นเรื่องสนุก เพราะเราคือ..."
"มิสเตอร์แอนด์มิสคลีนเนอร์ !" ทุกคนพูดพร้อมกัน
มูมู่ยังยืนงงแล้วปรบมือเปาะแปะ ดึงเศษเหรียญจากกระเป๋าใส่ถังที่อยู่ในมือเนตรสิตางศุ์
กรรณาวิ่งออกมาดูจากในบ้าน
"สุดยอดเลยเพื่อนชั้น "
จอทีวีกำลังฉายฉากหนึ่งในละคร “มายาร้อยใจ” อยู่ ในฉากมีจุนจี ซองซู และปาริฉัตรปะทะคารมกัน แล้วภาพถูกตัดเข้าภายในห้องส่งที่มีพิธีกร จุนจี ซองซูนั่งอยู่บนเวที มีเสียงแฟนคลับกรี๊ดดังสนั่น
พิธีกรบอก
"สวัสดีครับ...กลับเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ Late Night กับ Art Vacation ครับ"
แฟนคลับจำนวนมากชูป้ายไฟปาร์คจุนจี และ คิมซองซู ทั้งหมดกรี๊ดเสียงดังสนั่น
"เมื่อเบรกที่แล้วเราคุยกับสองหนุ่มซูเปอร์สตาร์ระดับเอเชีย คุณปาร์คจุนจีและคุณคิมซองซู
ถึงเรื่องละครมายาร้อยใจไปแล้ว ตอนนี้มาถึงคำถามสบายๆ กันบ้างดีกว่า ถ้าพูดถึงเมืองไทย พวกคุณคิดถึงอะไรครับ"
"ผมนึกถึงอาหารไทยครับ อาหารไทยสวยและหวานมาก" ซองซูพูดแล้วทำตาเยิ้มใส่แฟนคลับ
"อร่อย...หรือเปล่าครับ ไม่ใช่สวย"
"อ้อ ครับอร่อยๆ"
แฟนคลับกรี๊ด
ลีจองกุ๊กนั่งอยู่แถวคอนโทรล ส่ายหน้า ยิ้มนิดๆ พอใจและหมั่นไส้กับความเยอะของซองซู
"ผมคิดถึงทะเล ทะเลเมืองไทยสวยมั่กๆ ครับ"
ซองซูรีบแทรกเอาหน้า
"ใช่ครับ ผมเคยเห็นรูปทะเลสมอ สวยมาก"
"สมอ อ้อ...สมุยใช่ไหมครับ สมอ...นั่นใช้กับเรือครับ"
"สมุย...ใช่ครับ สมุยชั้นหนึ่งเล้ย ทะเล สายลม แสงแดด ผมอยากซื้อบ้านอยู่ที่นั่น ผมรักเมืองไทยครับ"
"แล้วคุณจุนจีล่ะครับ ถ้ามีคนถามคุณว่าให้อยู่เมืองไทยตลอดไป คุณจะตอบว่าอะไรครับ"
หน้าพิมพ์พิลาศตะโกนไล่ครอบครัวจุนจีไปจากบ้าน แว่บเข้ามาในหัว จุนจีตอบทันที
"ไม่"
ทุกอย่างเงียบกริบ
"เอ่อ...ไม่กล้าปฎิเสธน่ะครับ"
จุนจีถึงรู้ตัวว่า เผลอพูดความในใจออกไป ลีจองกุ๊กปาดเหงื่อ
"แต่...ผมเป็นคนเกาหลี ครอบครัวผมอยู่เกาหลี ถ้าผมอยู่ที่อื่นผมคงดูแลท่านลำบาก ถ้าเป็นไปได้ ผมจะมาเที่ยวเมืองไทยให้บ่อยที่สุดครับ"
ปาร์คจุนจีฉีกยิ้มหวาน แฟนคลับกรี๊ด
"โอ้โห...คุณจุนจีตอบได้ซึ้งใจแฟนๆ มากๆ เลยครับ สมกับเป็นตัวอย่างที่ดีของแฟนๆ จริงๆ"
ลีจองกุ๊กถอนหายใจโล่งอก
"มาถึงคำถามที่สาวๆ อยากรู้ คุณสองคนคิดยังไงกับผู้หญิงไทยครับ"
"ผู้หญิงไทยอ่อนโยน น่ารัก ผมอยากมีแฟนเป็นคนไทย" ซองซูพูดพลางลุกขึ้น กางแขนไปทางแฟนคลับ
แฟนคลับกรี๊ดเสียงดัง
"ท่าทางว่าสาวๆ หลายคนอยากขอใบสมัครกันแล้ว แล้วคุณจุนจีล่ะครับ คิดยังไงกับสาวไทย"
"ผู้หญิงไทย..."
ทันใด มือขาวซีดของพิมพ์พิลาศโผล่มาจากด้านหลังกำคอจุนจีและจิกด้วยเล็บ จนเสียงเขาหายไป
"อ่า อ่า อี้ก"
ทุกคนงง
จุนจีกระแอม จับคอตัวเองเพราะรู้สึกเจ็บๆ เขางงกับตัวเองเหมือนกัน แล้วพยักหน้านิดๆ ขอโทษ
"ผมคิดว่าผู้หญิงไทยยิ้ม... ก้าบๆๆ"
ทุกคนยกเว้นลีจองกุ๊กต่างขำกลิ้ง เพราะคิดว่าจุนจีเล่นมุข
"คุณจุนจีพูดว่าอะไรนะครับ"
"ก๊าบๆๆ" จุนจีตกใจ พยายามชี้ที่คอตัวเอง
ซองซูและทุกคนยิ่งขำ จุนจีเครียด ลีจองกุ๊กรีบหันไปทำมือขอพักกับผู้กำกับรายการ
วิญญาณพิมพ์พิลาศในชุดแดงกำลังยืนบีบคอจุนจีอยู่จากด้านหลัง
หน้าตึก ณ เวียงทับ จารุณียืนคอแข็ง
เนตรสิตางศ์แนะนำตัว
"พวกเรามาจากบริษัทรับทำความสะอาดบ้านค่ะ"
"วันนี้พวกเรามีโปรโมชั่นทดลองใช้ ไม่พอใจยินดีให้ไล่ออกจากบ้าน"
จารุณีบอก
"งั้นไล่เลยแล้วกัน เพราะชั้นไม่พอใจเวลามีคนแปลกหน้าเข้าบ้าน"
ไตรรัตน์บอก
"แต่พวกเราทำให้ฟรีนะครับ"
"สารรูปอย่างนี้เหรอจะทำงานบ้านให้ชั้น"
ไตรรัตน์บอก
"นี่มันเป็นแค่การแสดง จริงๆ แล้วผม แข็งแรงส์ !นะจะบอกให้"
"เชิญไป แข็งแรงส์ ที่อื่นเถอะ มูมู่ ส่งแขก !"
กรรัมภาบอก
"เอ่อ...เรามีโปรโมชั่นพิเศษ ทดลองใช้วันนี้ ติดจานดาวเทียมให้ฟรี ดูซีรีย์เกาหลีได้
มากกว่าสามสิบช่อง ตอนนี้มีละครเรื่อง หวานใจกับนายห่อหมก ของปาร์คจุนจีกำลังออนแอร์ด้วย ได้ดูห่อหมกของจุนจี เอ๊ย ดูห่อหมกปลาช่อนฝีมือจุนจี"
จารุณีสนใจขึ้นมาทันที
กรรณาแอบมองอยู่ไกลๆ เห็นทั้งหมดเดินตามแม่บ้านจารุณีเข้าไปในบ้าน
"ทางสะดวก ปลอดโปร่งแล้วเรา ฮ่าๆ"
กรรณาวิ่งออกไปทางหลังบ้าน
ก้องฟ้าเห็นพวกกรรัมภาเข้าไปในบ้าน
"ไปเล่นตรงโน้นเถอะพี่โจ้ ผมจะเตะฟรีคิท"
ก้องฟ้าคว้าลูกบอลจากพงอินทร์วิ่งนำไป เขามองอย่างสงสัย แล้วเกาคาง
"คุ้นๆ แฮะ"
"ฟรีคิทพี่โจ้ ฟรีคิท"
"โอเคๆ"
พงอินทร์วิ่งตามก้องฟ้าไป
ภายในบ้าน ณ เวียงทับ แก๊งค์กรรัมภากำลังเตรียมทำความสะอาด จารุณีกับมูมู่อยู่ด้วย
"ที่นี่สะอาดอยู่แล้ว พวกคุณไม่ต้องทำหรอก พวกคุณติดจานดาวเทียมเลยแล้วกัน"
พวกกรรัมภาอึกอัก
"ติดวันนี้เลยไม่ได้เหรอ"
"ได้ค่ะ เฮ้ย ได้ฮะ แต่เราต้องขอเช็คก่อนว่าจะติดตำแหน่งไหน จานของเราถึงรับสัญญาณดาวเทียมได้ดีที่สุด" สุคนธรสบอก
"มูมู่พาคุณเขาไป"
สุคนธรสพยักหน้าให้กรรัมภา ไตรรัตน์หึง
"ผมไปด้วย"
สุคนธรสกระซิบบอกก่อนพูดปกติ
"ช่วยดูสังขารตัวเองนิสนึง ... ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่เรา พวกนายทำความสะอาดไปเถอะ อย่าให้เสียชื่อมิสเตอร์แอนด์มิสคลีนเนอร์"
สุคนธรสกับกรรัมภาออกไปกับมูมู่ จารุณีจ้องไตรรัตน์กับเนตรสิตางศุ์ ไตรรัตน์จึงเบี่ยงความสนใจของจารุณีโดยควักเครื่องดูดฝุ่นอัติโนมัติออกมาจากกระเป๋า
"คุณแม่บ้านครับ ผมมีเครื่องทุ่นแรงมาเสนอคุณแม่บ้านครับ...ใช่ไหมซาร่า"
"ใช่ค่ะจอร์ช...เพียงแค่กดปุ่ม"
เครื่องดูดฝุ่นทำงานเองโดยไม่ต้องมีคนบังคับ จารุณีตื่นตา
"โอ้ว...ล้ำมากๆ"
"เท่านี้คุณแม่บ้านก็จะมีเวลาท่องโลกอินเตอร์เน็ต มีเวลาชิทแชทกับหนุ่มๆได้มากขึ้น"
ในห้องพักนักแสดงของสตูดิโอ หมอกำลังส่องไฟฉายดูในคอจุนจี
ลีจองกุ๊กบอก
"อยู่ดีๆ เสียงจุนจีก็กลายเป็นเป็ด แต่พอหมอมาก็หาย มันจะปกติได้ยังไงครับ หมอเช็กไม่ละเอียดหรือเปล่าครับ"
"ละเอียดแล้วนะครับ เอาเป็นว่าคุณจุนจีแวะไปเช็กที่โรงพยาบาลอีกทีก็แล้วกัน จะได้เช็กได้ละเอียดกว่านี้"
"คุณจุนจีพร้อมเมื่อไหร่ บอกผมได้เลยนะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ" พิธีกรบอก
จุนจีพยักหน้ารับ พิธีกรและหมอออกไป เขาจับคอตัวเอง กระแอมเสียง
ลีจองกุ๊กกระซิบบอก
"ชั้นรู้ว่านายเป็นอะไร"
"ขอร้อง อย่าโยง"
ซองซูก้าวเข้ามาในห้อง หน้าตาหงุดหงิด
"คืนนี้ชั้นมีนัด"
ลีจองกุ๊กถาม
"แล้วไง"
"แล้วไง พวกนายจะช่วยเร่งทำเวลาหน่อย อย่าเพิ่งเรียกร้องความสนใจตอนนี้ คนอื่นเขาเสียเวลา"
"ถ้าชั้นจะทำแผนเรียกร้องความสนใจ ชั้นไม่ให้จุนจีทำอะไรน่าเกลียดให้เสียภาพพจน์พระเอกหรอก"
"พวกนายอาจจะอยากสร้างคาแรกเตอร์แบบนั้นให้จุนจีก็ได้"
"คาแร็กเตอร์น่าเกลียดน่ะเหรอ"
"คาแร็กเตอร์น่ารัก ตลก อารมณ์ดี เพราะตอนนี้สาวๆ ที่เมืองไทยเริ่มจะคลั่งไคล้ชั้นมากขึ้นทุกวัน"
"ที่พูดออกมา คิดนานไหม"
"ไม่ได้คิด พูดเลย"
"เออ ถึงว่า"
ลีจองกุ๊กพาจุนจีออกไป
"ถึงว่าอะไร ฮึ...รู้ทันหน่อยทำเดินหนี"
กรรณามองซ้ายมองขวาเดินย่องเข้ามา ให้แน่ใจว่าไม่มีใคร แล้วหยิบพวงกุญแจออกมา จะไข แต่มีกุญแจอยู่เยอะมาก
"อ้าว...ดอกไหนล่ะเนี่ย ลองทุกดอกแล้วกัน"
กรรณาไขประตูทีละดอก แต่ก็ยังไม่ใช่สักที จนกระทั่งผ่านไป 4-5 ดอก เธอเสียบลูกแจเข้าไป หมุนดังแกร๊ก เธอดีใจ
สุคนธรสกับกรรัมภามาถึง
"ยัยกรรณ"
"เฮ้ย มาทำไม"
"มาช่วยแกไง เผื่อแกต้องการความช่วยเหลือ"
"แล้วคุณแม่บ้านกะยัยมูมู่ล่ะ"
"ไม่ต้องห่วง คุณไตรกับยัยเนตรจัดการอยู่ ส่วนยัยมูมู่พวกชั้นหลอกให้ออกไปซื้อของนอกบ้านแล้ว อย่ามัวแต่ถาม รีบๆ เข้าไปเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า แผนแตกหมด"
สามสาวเข้าไปในห้อง
บริเวณสนาม ก้องฟ้าเตะลูกบอลไปมากับพงอินทร์ จนก้องฟ้าชักเหนื่อยหอบ
"พักบ้างเถอะ เตะมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ ไม่เหนื่อยบ้างไง"
ก้องฟ้าหอบ
"ไม่เหนื่อยเลย...พี่"
"แต่พี่ว่าเราเหนื่อย พักก่อนเถอะ พี่ไปเอาน้ำมาให้"
พงอินทร์จะเดินไป ก้องฟ้าวิ่งตามไปคว้าตัว หอบหน้าเขียว
"พี่ๆๆ เดี๋ยวผมไปเอาเอง พี่รอตรงนี้เถอะ"
ก้องฟ้าวิ่งออกไป พงอินทร์มองตามแล้ว มองไปทางบ้านพักจารุณี คิดๆ อย่างผิดสังเกต
กรรณาเข้ามาในห้อง ล็อกประตู แล้วปราดไปก้มหยิบหีบออกมาจากใต้เตียง หีบล็อกกุญแจแน่นหนา เธอชูพวงกุญแจขึ้น
"ถ้ากุญแจห้องแม่บ้านเป็นดอกนี้ ดอกที่ไขหีบนี้ก็น่าจะอยู่ใกล้ๆ กัน"
กรรณาเลือกดอกข้างๆ เสียบเข้าไป หมุนดังแกร่ก
"เยี่ยม"
กรรณาเปิดหีบออก เห็นกล่องความลับของแม่บ้านจารุณีอยู่ข้างใน
เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาพอดี กรรณารับสาย
"อะไรก๊อง"
ก้องฟ้แอบคุยโทรศัพท์หลังพุ่มไม้ หอบเบาๆ
"เสร็จยังพี่กรรณ ผมจะต้านพี่โจ้ไม่ไหวแล้ว"
"ขออีกห้านาทีเท่านั้นไอ้น้องรัก ชั้นใกล้จะได้รู้ความลับสุดยอดของคุณแม่บ้านจารุณีแล้ว"
กรรณารีบวางสาย
สามสาวพยักหน้าให้กัน กรรณาเปิดฝากล่องที่อยู่ในหีบออก ทุกคนจ้องลุ้น เมื่ฝากล่องเปิดจนสุด สีหน้าลุ้นของสาวๆกลายเป็นตะลึงงัน
ในบ้าน ณ เวียงทับ เนตรสิตางศุ์พลิกดูหนังสือทำอาหารบนชั้นและชวนจารุณีคุยไป ไตรรัตน์ถูบ้านหน้าเซ็งสนิทอยู่ใกล้ๆ
"อุ้ย ! ข้าวเกรียบปากหม้อ แค่เห็นภาพก็น้ำลายสอแล้วนะคะคุณแม่บ้าน คุณแม่หนูเคย
ทำให้ทาน แป้งเหนียวนุ่ม ไส้ข้างในก็กลมกล่อม"
จารุณีกลืนน้ำลายเฮือก
"หยุดพูดเรื่องอาหารสักทีได้ไหม"
"ขอโทษค่ะ หนูเห็นหนังสืออาหารไม่ได้ อุ๊ย ! มีขาหมูเยอรมัน สปาเก็ตตี้หอยลาย
ซีซาร์สลัด"
จารุณีกลืนน้ำลายเฮือก ตาลอยคว้าง ก้องฟ้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา หอบแฮ่กๆ
"มักเน่!!"
จารุณีทำตัวตรงปกติ ทั้งๆที่จะเป็นลม
ก้องฟ้าเจอไตรรัตน์และเนตรสิตางศุ์แต่ทำเป็นไม่รู้จัก แล้วคุณแม่บ้านยืนหายใจฟืดฟาดด้วยความโกรธ
"นูน่าจา! อยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"
จารุณีทนหิวข้าวไม่ไหว เกิดอาการหน้ามืด ตาลอยคว้างเป็นลมล้มพับ
"คุณแม่บ้าน !"
ก้องฟ้าพุ่งเข้าไปรับร่างไว้ได้ทัน
"คุณแม่บ้านเป็นอะไรครับ"
"มักเน่จ๊ะ โอย..."
เนตรสิตางศุ์กับไตรรัตน์จะเข้ามาดูคุณแม่บ้าน
"ไม่ต้องห่วงทางนี้ รีบไปช่วยพี่กรรณก่อนเร็วพี่"
ไตรรัตน์ประชด
"ได้จ้ามักเน่ ของนูน่า...ฮ่าๆ"
เนตรสิตางศุ์กับไตรรัตน์วิ่งออกไป
กรรณาดึงแผ่นซีรีย์เกาหลีออกจากหีบ พยายามค้นๆ
"อะไรวะ มีแต่ซีรีย์เกาหลีเป็นกะตั้ก!" สุคนธรสบอก
กรรัมภาบอก
"แจงดองกัน คิมแรวอน ปาร์คจุนจี เนี่ยอะนะ หลักฐานสำคัญที่คุณแม่บ้านแกซ่อนไว้ มิน่า...ตอนเสนอเรื่องจานดาวเทียมถึงหูผึ่ง ที่แท้ป้าแกก็บ้าซีรีย์เกาหลีเหมือนกัน"
"อุตส่าห์ลงทุนสืบขนาดนี้ กลับเจอแต่ละครเกาหลีอ่ะแก ไม่ได้อะไรเล้ย" กรรณาบอก"งั้น...ชั้นว่าเรารีบออกจากห้องกันก่อนความจะแตกนะ" สุคนธรสบอก
"เออๆ...ไปยัยกรรณ" กรรัมภาว่า
กรรณาหงุดหงิด
"อึ่ย!"
ทั้งสามเปิดประตู ผ่าง! ถึงกับตาตั้ง ช็อก เพราะเจอพงอินทร์ยืนขวางประตูอยู่
"ขโมย!"
กรรณาบอก
"พวกฉันไม่ได้ขโมย"
"แล้วเข้าไปทำไม อย่าบอกนะว่าคุณเป็นนักสืบบ้าๆ บอๆ อะไรไม่ก็รู้"
สามสาวอึ้ง พงอินทร์จ้องพวกเธออย่างคาดคั้น
ในสตูดิโอ บนเวที ซองซูกำลังวาดลวดลายแดนซ์อย่างพลิ้วไหว แฟนคลับกรี๊ด ห่างออกไป จุนจีวอร์มร่างกายเตรียมพร้อมขึ้นโชว์ ลีจองกุ๊กอยู่ด้วย
"จุนจี นายจะดื้อไปถึงไหน นายก็เห็นอยู่แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายมันไม่ใช่เรื่องปกติ"
"หาหมอคนใหม่ที่เก่งกว่านี้ให้ชั้นด้วย ถ้าหาไม่ได้ ชั้นจะบินกลับไปหาที่เกาหลี"
"หมอที่ไหนก็ช่วยนายไม่ได้หรอก นอกจากหมอผี"
จุนจีหยุดกึก มองหน้าลีจองกุ๊ก
"ชั้นบอกนายตรงๆ เลยก็ได้ ตอนนี้คนในกองถ่าย เขาลือกันให้แซดว่านายโดนผีเข้า รู้ตัวบ้างไหม"
"ไม่ใช่! ไม่มีอะไรเกี่ยวกับผีทั้งนั้น"
"ไม่เกี่ยวได้ยังไง ตั้งแต่เรามาเมืองไทยก็เกิดเรื่องพิลึกเยอะแยะ จุนจี... ชั้นรู้ว่า นายก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย นายอย่าปฎิเสธความจริงเลย ย่านายต้องการความช่วยเหลือ เราไป ให้คนที่เขาช่วยเราได้ช่วยเราเถอะ อย่างเช่น...บริษัทซิกส์เซนส์"
"ไม่ ! ชั้นจะไม่ไปเจอยัยแฟนคลับสตอล์กเก้อร์โรคจิตนั่นเด็ดขาด!"
"แล้วนายมีทางเลือกอื่นเหรอวะ"
"มี"
"อะไร"
"รีบทำงานให้เสร็จ แล้วกลับเกาหลีบ้านชั้นให้เร็วที่สุด"
จุนจีเดินออกไป
"ย่านายคงยอมให้เสร็จง่ายๆ หรอก"
วิญญาณพิมพ์พิลาศที่ฟังอยู่ตลอด เดินผ่านหลังลีจองกุ๊กไป
พิธีกรกล่าวแนะนำ
"และเวลาที่ทุกท่านรอคอย ซูเปอร์สตาร์เกาหลีฉายาเทพบุตรหน้าหยก ปาร์คจุนจี !"
แฟนคลับจุนจีกรี๊ด ไฟบนเวทีหรี่ ตากล้องถ่าย เพลง Intro เริ่มบรรเลง
จุนจีที่เริ่มเต้น ภาพปรากฎบนหน้าจอมอนิเตอร์ที่ตั้งเรียงกันทั้ง 3 จอ ทีมงานคุมภาพและเสียงอยู่ที่แผงคอนโทรล จุนจีเต้นกับแดนเซอร์ หน้านิ่งๆ ไม่ขยันบริหารเสน่ห์อย่างซองซู แต่ดูแล้วโคตรเท่ห์ แฟนคลับกรี๊ด น้ำหูน้ำตาไหล คลั่งไคล้ ซองซูมองจุนจีอยู่ข้างเวที อย่างหมั่นไส้
ลีจองกุ๊กยืนลุ้นข้างเวที พึมพำบอกพิมพ์พิลาศ
"อย่าเพิ่งนะครับคุณย่า ถือซะว่าเห็นแก่หลาน"
เพลงโซโล่มาจนถึงจังหวะที่จุนจีต้องเริ่มร้องท่อนแรก
จุนจีอ้าปากร้องคำแรกออกมา แต่กลายเป็นร้องคำเบิ้ลซ้ำตลอดเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ทั้งๆที่ร้องสด นักดนตรีงง เลยเล่นคีย์ย้อนกลับไปมาตามจุนจี เลยไปกันคนละทางสองทาง
มุมข้างเวที พิธีกรยืนอยู่กับผู้กำกับเวที
"รีบไปดูซีดีเร็ว แผ่นสะดุดแล้ว"
ผู้กำกับเวทีบอก
"จุนจีร้องสดครับ ไม่ได้เปิดแผ่น"
"เฮ้ย"
จุนจีบังคับตัวเองไม่ได้ ร้องคำซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น ดนตรีหยุดลงแล้ว ผู้คนงงกันทั้งห้องส่ง
พิธีกรสั่ง
"สั่งหยุดก่อน...เร็วๆ"
สิ้นคำ หน้าจอมอนิเตอร์ 3 จอดับเรียงกัน พรึ่บๆๆ ทั้งไฟ ทั้งเสียงดับพรึ่บ จอดำสนิท
จุนจีหยุดร้อง เสียงเซ็งแซ่ของแฟนคลับเริ่มดัง
"นั่นไง !"
ตากล้องมองกันไปมา กล้องเป็นอะไร หยุดทำงาน ลีจองกุ๊กเข้าไปหาจุนจี
"นายว่า..."
"ไม่ใช่ เป็นเรื่องแอคซิเดน อย่าโยง"
จู่ๆ หน้าจอมอนิเตอร์จอแรกติดเองซ่า !
ทีมงาน1ร้อง "เฮ้ย"
ทีมงานอีกคนถาม "อะไร"
ทีมงานอีกคนบอก
"หน้าจอติดได้ไง ข้าถอดปลั๊กออกแล้ว!"
ทีมงานชูปลั๊กที่ถอดให้ดู ทุกคนตรงนั้นอ้าปากค้าง แล้วค่อยๆ หันไปที่หน้าจอพร้อมกัน
จอตัวที่สองติดขึ้นมา ซ่าๆ จออีกสามอันติด หน้าจอทั้งสามเป็นเส้นซ่าๆ แล้วค่อยๆ ปรากฏเป็นหน้าพิมพ์พิลาศแว้บขึ้นมา ภาพนั้น ชัดบ้าง หายบ้าง พิมพ์พิลาศขยับปากพูดอะไรบางอย่างซ้ำๆ แต่เสียงซ่าดังกลบ ทีมงานสองคนตาโต
หน้าพิมพ์พิลาศบูดเบี้ยวไปตามภาพของทีวีที่ล้มสลับซ่า
จุนจี ลีจองกุ๊กกำลังเข้าไปข้างใน แล้วชะงัก
เสียงทีมงานบอก "ผีหลอก !"
ทีมงานถอยจากจอมอนิเตอร์ ทีมงาน แฟนคลับพวกหน่วยกล้าตายไม่กลัวผี วิ่งไปที่หน้าจอ ซองซูวิ่งมาอีกทางด้วยพอดี จุนจี ลีจองกุ๊ก ซองซูต่างอึ้งกันไป
"คุณย่า !" จุนจีพึมพำ
พิมพ์พิลาศบนจอสะบัดหน้าไปทางจุนจี ทั้งเขาและลีจองกุ๊กต่างผงะ ! เธอขยับปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ฟังไม่ได้ศัพท์
ซองซูบอก
"ยืดเสียงสิ"
ทีมงานเลื่อนปุ่มยืดเสียง มือสั่นริกๆ ด้วยความกลัว ภาพยังคงล้มสลับซ่าอยู่
"ชั้น...กะ...ยุ..."
"ยืดอีก" ซองซูว่า
ทีมงานยืดเสียงอีก ภาพเกือบหยุดซ่า เห็นเป็นหน้าพิมพ์พิลาศชัดขึ้น
"ชั้น...ตะ...การ...ยุ...ธรรม !"
ทีมงานยืดเสียงอีก
ภาพจากทั้งสามจอเปลี่ยนจากภาพแคบเป็นภาพพิมพ์พิลาศยืนอยู่บนเวที ทุกคนละจากจอมอนิเตอร์ไปมองบนเวที สายตาทุกคู่ไม่พบอะไรบนเวที ทุกคนจึงมองสลับไปมา ระหว่างมอนิเตอร์และบนเวที
พิมพ์พิลาศในมอนิเตอร์ยังคงยืนอยู่บนเวที แต่บนเวทีตามสายตาผู้คนกลับว่างเปล่า จังหวะพอดีที่ช่างเสียง ยืดเสียงพอเหมาะพอเจาะพอดี
"ชั้น ต้อง การ ความ ยุ ติ ธรรม!"
ทุกคนกรี๊ดเสียงดัง โวยวาย สตูดิโอแทบแตก!
พงอินทร์ยืนขวางประตูห้องจารุณี คุยกับสามสาว
พงอินทร์บอก
"ผีหลอกอีกแล้ว ปัญญาอ่อนมาก คุณเชื่อจริงหรือแกล้งเชื่อเพื่อหวังอย่างอื่น"
"ที่พวกเราเชื่อ เพราะพวกเราใช้สัมผัสพิเศษดูแล้ว คุณแผนยุทธมีผีตามอยู่จริงๆ" สุคนธรสว่า
"สัมผัสพิเศษ"
"วันนั้นชั้นจับรถพี่สาวคุณ ชั้นเห็นว่าการตายของพี่สาวคุณไม่ใช่อุบัติเหตุ" กรรัมภาบอกพงอินทร์อึ้ง
สุคนธรสเสริม
"ชั้นได้กลิ่นวิญญาณหึงหวงตามคุณแผนยุทธ"
"พี่พิมไม่ใช่คนขี้หึง"
สุคนธรสถาม
"ชั้นพูดตอนไหนว่าเป็นวิญญาณคุณพิมอร"
พงอินทร์พูดกับกรรณา
"แล้วคุณก็ได้ยินเสียงวิญญาณ คุณกรรณาแว่วเสียงผี ฮ่าๆๆ ดูเป็นยอดมนุษย์กันดีนะ ดูหนังกันมากไปเปล่า"
"ชั้นไม่แปลกใจหรอกที่นายจะไม่เชื่อ เพราะมันเป็นสิ่งที่ชั้นเคยบอกนายไปเมื่อยี่สิบปีก่อน
แล้วนายก็มองว่าเป็นเรื่องตลก เอาไปเล่าต่อเป็นเรื่องโจ๊กหลอกเด็กคนอื่นๆ"
พงอินทร์เงียบกริบ
"สิ่งที่พวกเราทำอยู่นี่ก็เพราะอยากจะหาตัวฆาตกรที่ฆ่าคุณพิมอร นายจะจับพวกชั้นส่งตำรวจก็ได้ ถ้านายคิดว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร เพื่อหาความยุติธรรมให้พี่สาวนาย"
พงอินทร์ยืนมองอย่างสับสนในความคิด เนตรสิตางศุ์ประคองไตรรัตน์เข้ามา
"กรรณ รส แก้ม"
เนตรสิตางศุ์วิ่งเข้าไปหาเพื่อน
"พบหลักฐานอะไรไหม"
พงอินทร์จ้องหน้า
"คุณเป็นแฟนหมอวรวรรธ"
"ค่ะ"
"ผมชื่อไตรรัตน์เป็นลูกชายเจ้าของตลาดหญิงจำเริญ และเป็นสามีของคนนี้ ผมเอานามสกุลผมเป็นประกัน เพื่อยืนยันว่าทุกอย่างเป็นความจริง"
สุคนธรสมองไตรรัตน์...
"สามีใครคะ หล่อมาก"
ไตรรัตน์ยักคิ้วกวนๆ ทั้งเขาและสุคนธรสกอดกัน ซึ้งๆ
พงอินทร์หนักใจ พูดไม่ออก
อ่านต่อหน้า 4
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 7 (ต่อ)
ในบ้าน ณ เวียงทับ ก้องฟ้าส่ายยาดมไปมาที่จมูก จารุณียังนอนสลบอยู่บนโซฟา เขาลุกขึ้นชะเง้อมองไปที่หน้าต่าง ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากรรณา
"พี่ๆ เป็นไงบ้าง เจออะไรในห้องคุณแม่บ้านไหม"
เขาหันกลับไป จารุณีนั่งตัวตรงดิ่ง
"เฮ้ย !"
โทรศัพท์เขาร่วงหลุดจากมือเพราะความตกใจ
"มักเน่! พี่สาวนายไปค้นห้องชั้นทำไม"
เขาอ้ำอึ้ง "เอ่อ..."
จารุณีคว้าไหล่สองข้างของเขาเขย่าถาม ราวกับซีนพระเอกนางเอกในละครน้ำเน่ายังไงอย่างนั้น
"ชั้นถามว่า พี่สาวนายไปค้นห้องชั้นทำไม"
"พี่กรรณสงสัยว่า นูน่าจาเป็นฆาตกรฆ่าคุณพิมอร"
จารุณีอึ้ง คลายมือออกจากไหล่เขา
"นายก็สงสัยด้วยใช่ไหม"
ก้องฟ้าไม่ตอบ
"หน้าอย่างชั้นนี่มันเหี้ยมโหดขนาดเป็นฆาตกรฆ่าคุณผู้หญิงได้หรือไง"
"ผมไม่ได้สงสัยนูน่าจานะครับ แต่ผมเป็นลูกน้องเขา ลูกพี่ว่ายังไง ผมก็ว่าตามนั้น อีกอย่าง มันก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น ยังไม่ใช่ข้อสรุป"
"แล้วอะไรถึงทำให้เธอสันนิษฐานแบบนั้น"
"เอ่อ...คือ พี่กรรณเคยเห็นคุณแม่บ้านแอบออกมาจากห้องของคุณพิมอร ท่าทางลับๆ ล่อๆด้วย"
"อยากรู้นักใช่ไหม ว่าชั้นเข้าไปทำไม ม่ะ!"
จารุณีคว้ากระชากข้อมือเขาไปที่ห้องนอนพิมอร
ประตูห้องเปิดออก จารุณีเหวี่ยงก้องฟ้าเข้าไปในห้องพิมอร เธอเดินตามเข้ามา ชี้ไปที่กำแพง
"นี่ไง เหตุผลที่ชั้นเข้ามาในห้องนี้ทุกคืน !"
ก้องฟ้ามองตาม เห็นโทรทัศน์โฮมเธียเตอร์ขนาดใหญ่ ข้างฝาติดโปสเตอร์ซีรีย์เกาหลีและพระเอกเกาหลีเต็มพรืด หนึ่งในนั้นมีรูปของปาร์คจุนจี
หัวเตียงนอนมีรูปถ่ายครึ่งตัวขนาดใหญ่ของพิมอรตั้งไว้ประจันหน้าเข้าหาจอโทรทัศน์
"ทุกคืน ชั้นจะต้องเอาซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่ๆ มาอัปเดตให้คุณผู้หญิงดู เราสองคนโตมาด้วยกัน มีนิสัยเหมือนกันอยู่อย่างเดียวคือติดละคร เราดูละครหลังข่าวด้วยกันทุกวัน เราทะเลาะกันตลอด เพราะคุณพิมอรชอบนางเอก แต่ฉันเชียร์นางร้าย"
ในอดีต เด็กสาวสองคนในวัยประมาณ 15 ปีจ้องโทรทัศน์สี ละครในโทรทัศน์เป็นเรื่อง 5 คม สมัยที่ วิลลี่ แมคอินทิชยังหนุ่มมาก
"จนมาถึงยุคซีรีย์เกาหลีฮิต เราสองคนก็ดูด้วยกันทุกเรื่อง"
ทีวีสีกลายเป็นทีวีจอแบนทันสมัย ละครในจอเป็นซีรีย์เกาหลี จารุณีกับพิมอรนั่งดู ต่างร้องไห้กระซิกๆ จารุณีส่งกล่องทิชชู่ให้พิมอรไปเช็ดน้ำตาและน้ำมูก
อีกวัน จารุณีกับพิมอรดูซีรีย์เกาหลีแนวตลก จารุณีหัวเราะก๊าก พิมอรหัวเราะ แต่ยังมีมาดของความเป็นผู้ดี
"สัญญานะว่าถ้าเราคนใดคนหนึ่งเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คนที่เหลือต้องมาเปิดซีรีย์เกาหลีให้ดู
เหมือนเดิมนะ"
"ค่ะคุณพิม สัญญา"
จารุณีน้ำตานองหน้า
"คุณพิมจากไปแล้ว ชั้นต้องทำตามสัญญา เอาละครเกาหลีมาเปิดให้คุณพิมดู บางทีชั้นก็
นั่งดูด้วยจนดึก ทำให้ชั้นรู้สึกว่าคุณพิมยังไม่ได้จากไปไหน"
ก้องฟ้าส่งกล่องทิชชู่ให้ จารุณีมองอย่างซึ้งใจแล้วสาวทิชชู่มาเช็ดน้ำตา เขาร้องไห้ไปด้วย
"นูน่าจากับคุณพิมอรดูท่าทางผูกพันกันมากเลยนะครับ"
"เราโตมาด้วยกันนี่ เราเป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้อง ถึงคุณพิมจะมีชีวิตที่ดีกว่าชั้น แต่ชั้นก็ไม่เคยอิจฉา โดยเฉพาะเรื่องที่คุณพิมได้แต่งงาน แต่ชั้นยังเป็นสาวโสด" จารุณีสะอื้นไป เล่าไป
ก้องฟ้าสะอื้นตาม
"ถ้าอย่างงั้น ทำไมนูน่าจาจะต้องขู่พี่กรรณด้วยล่ะครับ ว่าถ้ามายุ่งกับคุณแผนยุทธแล้วจะมีจุดจบเหมือนคุณพิมอร นูน่าจาพูดเหมือนคุณพิมอรไม่ได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ"
"ก็ใช่น่ะสิ ชั้นเชื่อว่าคุณพิมคิดสั้น"
"คิดสั้น"
"ใช่ ระยะหลังคุณพิมดูเครียดๆ ถึงคุณพิมจะไม่พูด แต่ชั้นก็รู้ว่าคุณพิมเครียดเรื่องความเจ้าชู้ของคุณแผนยุทธ ถ้าชั้นต้องตกอยู่ในสภาพอย่างคุณพิม ชั้นขออยู่เป็นสาวโสดตลอดไปดีกว่า และอีกอย่าง ชั้นก็เชื่อว่าสักวันชั้นต้องเจอคนดีๆ ที่เป็นเนื้อคู่ของชั้นจริงๆ แม้ว่า...เค้าจะเกิดมาช้าไปหน่อยก็ตาม"
จารุณีมองก้องฟ้าตาเยิ้ม เขาลุกไปที่ประตู
"เอ่อ...ผมว่าเราออกไปจากห้องนี้ดีกว่าครับนูน่า เกรงใจคุณพิมอร"
จารุณีขวางประตู
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ คุณพิมเขาอยากให้ชั้นเป็นฝั่งเป็นฝามาตั้งนานแล้ว"
"เอ่อ...คุณแม่บ้านครับ"
ก้องฟ้าก้าวถอย จารุณีก็ก้าวตาม
"แล้วอีกอย่าง เลิกเรียกคุณแม่บ้านซะที เรียกนูน่าเหมือนเดิม สิจ๊ะ"
ก้องฟ้าถอยมาติดทีวี จารุณีเดินตามมา บิดตัวอายๆ หยิบรีโมทมาเปิดทีวี เล่นแผ่นละครที่คาอยู่
"นูน่าจาครับ"
"หือ มีอะไรก็พูดมาสิจ๊ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ชั้นอยากจะพูดกับมักเน่ก๊องให้หมดเปลือก"
ตอนนี้ภาพในทีวีเป็นละครเรื่องรักใสๆของสาวใหญ่กับนายกระเตาะ เป็นฉากที่ปาร์คจุนจีกำลังกอดนางเอกของเรื่องที่มีอายุมากกว่าหลายปี
"ทำไมจะต้องมากอดกันตอนนี้ด้วยวะ"
จารุณีบิดตัวงอ อาย ปิดหน้า นั่งลงกับพื้น
"ก๊องรู้ไหม ว่าชั้น..."
ก้องฟ้าย่องๆออกมา จารุณีเอามือปิดหน้า ดิ้นไปดิ้นมาคนเดียว
"หยุดนะ ปล่อยชั้น"
จารุณีพูดคำเดียวกับที่นางเอกในจอพูด
"ผมเปล่า"
"แอร๊ยๆๆ เขิลๆๆ"
จารุณีถีบขาไปมา จนไปถีบโต๊ะทีวี โต๊ะล้ม ทีวีตกมา ก้องฟ้าตกใจ โดดมาคร่อม ป้องกันตัวจารุณีไว้
"นูน่าจา"
ก้องฟ้าประคองจารุณีที่ยังตกใจอยู่
"นี่...เธอปกป้องชั้นไว้ มักเน่"
จารุณีซึ้งใจมาก
"ค่อยๆ ลุกครับ"
ทั้งสองลุกขึ้นได้อย่างปลอดภัย
"ขอบใจมากนะ มักเน่ก๊อง"
จารุณีจะโผมาหา ก้องฟ้ารีบทำเป็นเก็บของที่ตกกระจัดกระจาย
"เก็บของๆ คุณพิมอรก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวคุณพิมอรโกรธและจะมาหาผมตอนกลางคืน"
"จ้า..."
ก้องฟ้าไล่เก็บของจนมาที่หลังทีวี พบสมุดปกแดงเข้มเล่มหนึ่งกางคว่ำหน้าอยู่ในซอก เขาเงยขึ้นดูพบว่า สมุดเล่มนี้ถูกซ่อนอยู่หลังทีวี ในฝาผนังที่เจาะเป็นช่องไว้นั่นเอง
"สมุดอะไร"
ก้องฟ้าฉวยจังหวะที่จารุณีเผลอ รีบเปิดสมุดดูทันที หน้าแรกมีลายเซ็นพิมอร เขียนกำกับอยู่
บริเวณข้างทางรกร้าง เวลากลางคืน กลุ่มคนงานก่อสร้างกำลังมุงชี้ชวนกันดูวิพากษ์วิจารณ์ ตรงบริเวณนั้นมีการล้อมเชือกสีเหลืองกันบริเวณไว้ โดยรอบๆเป็นบริเวณลานก่อสร้างตึก ที่ยังเป็นแค่โครงๆตอๆ มีกองอุปกรณ์หินปูนทรายวางอยู่ และที่นั่นมีแท็กซี่สีแปลกตา ไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมจอดอยู่
รถณัฐเดชจอดเอี๊ยด ฝุ่นตลบ ณัฐเดชโดดลงมาพร้อมวรวรรธ จะรีบเดินเข้าไปภายในเขตรั้วนั้น ตำรวจรีบเข้ามารายงาน
"สารวัตรครับ ศพอยู่ทางนี้ครับ"
นายตำรวจเดินนำไป ณัฐเดชและวรวรรธเดินตาม
ในเวลาเดียวกัน ทั้งหมดทิ้งตัวนั่งลงพร้อมกันที่ห้องรับแขกในบริษัทซิกส์เซนส์
"เฮ้อ"
"โชคดีนะ ที่มีคุณไตรรัตน์ไปด้วย นายโจ้จึงยอมเชื่อว่าเราไม่ใช่ขโมย" เนตรสิตางศุ์บอก
เจ้าที่กระโดดออกมา
"แต่จริงๆ ก็เป็นขโมย"
"อะไรพี่ยาม พวกผมไปเป็นขโมยอะไรใครตอนไหน" ก้องฟ้าถาม
"คนอาจไม่รู้ แต่ผีสางเทวดารู้นะ จริงมั้ยครับคุณแก้ม"
กรรัมภาถึงกับสะอึก ทุกคนหันไปมองกรรัมภาที่มีอาการผิดสังเกตขึ้นมา
"ปิดบังอะไรเรา บอกมา!" กรรณาถาม
กรรัมภากระเด้งลุกขึ้น กระเป๋าสะพายหล่นพื้น กล่องใส่ซีรีย์เกาหลีของปาร์คจุนจีร่วงลงมาจากกระเป๋าใบกล่อง
กรรณาถาม
"เฮ้ย นี่แกขโมยแผ่นของคุณแม่บ้านมาเหรอ"
"แฮะ...ยืมมาดู เดี๋ยวเอาไปคืน"
"ไหนบอกไม่สนใจนายอุนจิแล้วไง" เนตรสิตางศุ์ถาม
"ชั้นจะดูพระรอง ไม่ได้ดูนายจุนจีย่ะ"
กรรัมภาเก็บซีรีย์ เพื่อนๆ มองไม่เชื่อ ทันใด กระดิ่งบ้านดังขึ้น ติ๊งหน่อง...
ก้องฟ้าออกมาจากในบ้าน
"บริษัทปิดแล้วครับ รบกวนมา มาใหม่ พรุ่งนี้เช้านะคร้าบ...มาได้ไงวะ !"
ลีจองกุ๊กกับจุนจีนั่งอยู่บนโซฟา จุนจีใส่แว่นตาดำ ไขว่ห้าง ดูหน้าไม่ค่อยเต็มใจมาที่นี่สักเท่าไหร่
"ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป จุนจีทำงานไม่ได้แน่ๆ ขอความเห็นใจจากพวกคุณ กรุณาช่วยเราด้วยนะครับ"
"มาขอให้เราช่วย ถามเจ้าตัวเขาหรือยังว่าอยากให้เราช่วยหรือเปล่า" กรรณาว่า
จุนจีนั่งเฉยไม่สนใจ ลีจองกุ๊กกระทุ้งศอกใส่ จุนจีจำใจตอบ
"ถ้าไม่อยากแล้วจะมาให้เสียเวลาทำไม"
"ไม่กลัวพวกเราเป็นสิบแปดมงกุฎแล้วเหรอครับ" ก้องฟ้าถาม
เนตรสิตางศุ์ปราม
"ก๊อง"
กรรณาโอบไล่เนตรสิตางศุ์
"ก๊องพูดถูก ดูสิคะ คุณ ยัยนี่นะ เห็นหน้าใสๆ อย่างนี้ แต่เรื่องต้มตุ๋นผัดแกงทอดเนี่ย เก่งมากจะบอกให้ กลัวอ๊ะเปล่า"
จุนจีฮึดฮัด ลีจองกุ๊กแตะแขนห้ามจุนจีไว้
"ผมต้องขอโทษแทนจุนจีด้วยที่เคยพูดไม่ดีกับพวกคุณ แต่ตอนนี้จุนจีเชื่อแล้วว่า พวกคุณเป็นคนดี ไม่มีมงกุฎ ใช่ไหมจุนจี"
"เออ"
"ถ้าพวกคุณช่วย ผมยินดีจ่ายค่าเหนื่อยให้คุณเพิ่มอีกสามเท่า"
"ต้องสี่เท่า..เท่านั้น" ก้องฟ้าบอก
"สี่เท่าก็สี่เท่าสิ" จองกุ๊กบอก
กรรณากระซิบบอกเนตรสิตางศุ์
"สี่เท่า ! เรายกเลิกเคสคุณแผนยุทธได้เลยนะเนี่ย"
"ฝันไปเถอะ ยังไงกรรณก็ต้องทำเคสคุณแผนยุทธจนจบ อย่ามาทำเนียน เงินไม่มีความหมายกับพวกเราเท่าความรู้สึกของเพื่อนหรอกค่ะ"
ก้องฟ้าบอก
"ช่าย พี่แก้มต้องเสียใจ เสียหน้า เสียตัว"
กรรณา"หือ"
"เอ๊ย ขอโทษครับ เสียชื่อเสียง ตกเป็นข่าวจนถูกนินทาไปทั้งประเทศ"
เนตรสิตางศุ์บอก
"และที่สำคัญแก้มเป็นเจ้าของเคสนี้แล้วด้วย เราต้องให้แก้มตัดสินใจ ถ้าแก้มโอ พวกเราก็โอ แต่ถ้าแก้มไม่ พวกเราก็ไม่..."
"ใช่ คุณต้องไปคุยกับแก้มเอง" กรรณาว่า
ลีจองกุ๊กลุกขึ้น
"ไม่มีปัญหา คุณแก้มอยู่ไหน "
"นั่งลง ! ถามจริงคุณเป็นผู้จัดการส่วนตัวหรือเป็นร่างทรงนายนั่นกันแน่ ถึงต้องแทนทุกอย่าง หน้าที่คุยกับยัยแก้มไม่ใช่ของคุณ แต่เป็นของ..." กรรณาบอก
กรรณาและทุกคนมองไปที่จุนจีเป็นตาเดียว
จุนจีเซ็งมาก
บริเวณเรือนกระจก บริษัทซิกส์เซนส์ กรรัมภากดข้อความแชทในโทรศัพท์ว่า “ก๊อง เขาคุยอะไรกัน ทำไมนายนั่นยังไม่กลับ” แต่ยังไม่ทันกดส่ง จุนจีเดินเข้ามา เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เลยรีบแกล้งโทรศัพท์
"คุณพ่อรอแก้มอยู่ จะให้แก้มออกไปหาเดี๋ยวนี้ ได้ค่ะ"
กรรัมภาทำเนียนจะเดินออกไปจากตรงนั้น จุนจีดักหน้าคว้าโทรศัพท์มาดูหน้าจอ ไม่เห็นว่าใช้สายอยู่ก็ยิ้มกวน
กรรัมภาแย่งโทรศัพท์มา แล้วบ่น
"คุณ !ไม่มีมารยาท"
"คุณจะเอายังไงก็ว่ามา"
"เอาอะไร"
"จินจา ! (สำเนียงเกาหลีแปลว่า จริงๆ เลย) เอางี้นะคุณ ถือซะว่าเราแลกกัน คุณช่วยผมเรื่องคุณย่า ผมไม่แจ้งความจับคุณเรื่องอาการโรคจิตของคุณ"
"ไม่ใช่ชั้นหรอกที่โรคจิตแต่เป็นคุณต่างหาก คุณมันหลงตัวเอง คิดถึงแต่ใจตัวเอง แต่ไม่คิดถึงใจคนอื่น เห็นแก่ตัวคับแคบ ใจดำยิ่งกว่าอีกา"
"มันจะมากไปแล้วนะคุณ"
"แล้วที่คุณด่าชั้น มันน้อยมากเลยสินะ คุณนี่เหมือนใครนะ พ่อแม่คุณก็ออกจะดี๊ดี ถ้าคุณได้ความเป็นสุภาพบุรุษจากคุณอาเกรียงไกรเพิ่มขึ้นอีกนิดก็คงจะดี"
"เฮ้ยนี่..ล้อชื่อพ่อผมเลยเหรอ เอาเรื่องพ่อมาจากไหน อย่างคุณ..ไม่มีทางรู้จักพ่อผมได้หรอก"
"ชั้นไม่รู้จักหรอก แต่พ่อชั้นรู้จัก ไม่ได้อวดนะ แค่จะบอก พ่อชั้นเป็นไฮโซ เป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าสินค้าเครื่องสำอาง พูดชื่อปุ๊บคุณจะต้องร้องอ๋อ ส่วนพ่อคุณก็เป็นอดีตลูกไฮโซเหมือนกัน อย่าบอกนะว่าไม่รู้"
"ไม่รู้"
"แต่ชั้นรู้ พ่อชั้นเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่คุณเป็นคนดี บูชาความรัก ไม่เห็นแก่เงินทองลาภยศ ชั้นก็เลยเดาว่า คุณต้องเป็นคนดีแถมคุณยังสู้ชีวิต จากเด็กลูกครึ่งไทยเกาหลีไก่กามาเป็นซูเปอร์สตาร์ ชั้นถึงถวายหัวเป็นแฟนคลับคุณเพราะชั้นชื่นชมในความขยัน อดทนไม่ได้กรี๊ดแค่หน้าตาเพราะฉะนั้นอย่ามาว่าว่าชั้นเป็นโรคจิตอีก"
จุนจีอึ้งไปเลย
"โอเค ผมไม่เรียกคุณว่าโรคจิตแล้วก็ได้ ผมซึ้งใจแล้วว่า ผมโชคดีแค่ไหนที่มีคุณเป็นแฟนคลับ ผมมีสิ่งจะตอบแทนคุณด้วย"
"อะไร"
"ผมจะอนุญาตให้คุณรู้ว่า วิญญาณคุณย่าตามผมทำไม"
"กล้าพูดนะ"
"โอเคๆ คุณแก้มครับช่วยผมด้วยเถอะครับ ผมอยากรู้ว่าคุณย่าตามรังควานผมทำไม ผมขอร้อง พอใจยัง"
"ไหว้ก่อนดิ"
"อ่ะ" จุนจีไหว้
"ทำตัวแบบนี้ตั้งแต่แรกซะก็สิ้นเรื่อง ฮะๆ"
พระจันทร์เต็มดวง สุคนธรสวางเชิงเทียนไว้บนหิ้งพระเล็กๆ หูหนีบโทรศัพท์คุยกับไตรรัตน์
"มาบริษัท ออกมาช่วยทำพิธีให้ไอ้แก้ม พิธีไม่ใช่ปาร์ตี้ แคะขี้หูบ้างนะ ไม่ได้อยู่กับแก้มสองคน อยู่กันเยอะ ให้ถ่ายรูปไปเป็นหลักฐาน อย่ามาไร้สาระ แค่นี้นะ"
สุคนธรสวางสายหงุดหงิด
"โทษทีนะแก เรียกมากะทันหัน" กรรัมภาบอก
"ไม่เป็นไร งานบริษัท แต่มีเวลาให้ชั้นเตรียมตัวอีกนิดก็จะดี รายนี้ท่าทางไม่ธรรมดาด้วย ใช่ไหมคะท่านเจ้าที่"
เจ้าที่มองไปที่หน้าบ้าน
"ถูก โค-ต-รน่ากลัว ชะอุ้ย ! ไม่ได้ว่าอะไรครับ"
"หา..น้าก็เป็นคนเห็นผีเหรอ" ก้องฟ้าถาม
เจ้าที่กอดคอ
"เออ..แล้วเอ็งไม่เห็นผีหรอกเหรอ"
ก้องฟ้าส่ายหัว
"ไม่อ่ะ น้า ผมไม่มีพรสวรรค์"
สุคนธรสกับกรรัมภามองไปหน้าบ้าน แต่ไม่เห็นอะไร
"มาแล้วเหรอคะ"
เจ้าที่บอก
"มาตั้งแต่พ่อหนุ่มนี่มาแล้วครับ"
จุนจีนั่งกลางห้อง ลีจองกุ๊กนั่งห่างออกไป ทั้งสองมองไปเห็นสุคนธรสกับกรรัมภาพูดกับอากาศ ก็มองหน้ากันอย่างงงๆ
"โอเค งั้นเราเริ่มกันเลย ก๊อง!" สุคนธรสบอก
ก้องฟ้าเข้าใจทันทีว่า สุคนธรสอยากให้ทำอะไร
"โอเค...จัดไป" ก้องฟ้าวิ่งออกไปหน้าบ้าน สี่สาวเดินไปนั่งล้อมจุนจี สุคนธรสจุดเทียนบนหิ้ง
"จำไว้นะคุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องมีสติอย่าโวยวาย"
จุนจีพยักหน้า แต่แอบมองอุปกรณ์ที่ใช้ทำพิธีดูไม่น่าเชื่อถือ สาวๆ หลับตาทำสมาธิ บรรยากาศดูขลัง
ลีจองกุ๊กกำลังจะย่องออกไปข้างนอก
"อยู่ตรงนี้ท่าจะต้องหัวโกร๋น"
สุคนธรสพนมมือ
"ขอเชิญดวงวิญญาณที่ติดตามคุณจุนจีเข้า...." สุคนธรสยังพูดไม่จบ
วิญญาณพิมพ์พิลาศมองจากนอกรั้วไปทางก้องฟ้า ขณะที่เขาจะเอื้อมมือไปจับสายสิญจน์เพื่อจะดึงออก แต่สายสิญจน์ขาดผึงเอง ตามด้วยผ้ายันต์ปลิวที่หลุดอย่างง่ายดาย
ก้องฟ้าเขาอ้าปากค้าง เจ้าที่กระโดดมาขวาง
"อย่าเพิ่งเข้า เขายังไม่อนุญาต"
วิญญาณนั้นลอยพุ่งเข้าใส่ จนเจ้าที่กระเด็นไปกองกับพื้น
"น้ายามโดนผีเล่นงาน แล้วเราจะเหลือเหรอ"
ก้องฟ้าเผ่น จุนจีกับลีจองกุ๊กได้ยินแต่เสียงโวยวายโครมโคราม
"เกิดอะไรขึ้น"
โคมไฟหน้าบ้านแตกเพล้ง! ทุกคนหันขวับไปทางหน้าบ้าน
กระถางต้นไม้แตก ไม้กวาดทางมะพร้าวปลิว เก้าอี้สนามกระเด็น ต้นไม้หัก ทุกสิ่งพังพินาศตามทางที่วิญญาณผ่านมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าประตูบ้าน
ประตูบ้านเปิดเอง ทุกอย่างหยุดนิ่ง สายตาทุกคู่เพ่งมองไปที่ประตูบ้าน บรรยากาศเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงลม ทุกคนมองค้างไปสองวิ สุคนธรสย่นจมูกฟืดหนึ่งครั้ง
โคมไฟในบ้านแตกเพล้ง ! ไฟดับมืดพรึ่บ ก้องฟ้าวิ่งมาถึงลีจองกุ๊กพอดี ทั้งคู่กระโดดกอดกัน ร้องเสียงหลง
"อ๊าก!"
ในแสงสลัวของค่ำคืนนั้น สาวๆเกาะกันเป็นกระจุก หันหลังชนกัน มองรอบๆ เบิกตาโพลง ระแวงว่า ผีจะโผล่มาตรงไหน ก้องฟ้าจุดเทียนไขขึ้นมา แสงไฟวอมแวมอยู่ตรงหน้า
"เฮ้อ..อย่างน้อย ก๊องก็โชคดี ที่ไม่มีเซ้นส์อะไร และไม่เห็นผี อ่ะๆ ต่อๆกันไปนะครับ"
ก้องฟ้าต่อไฟให้คนอื่นๆ ทุกคนต่อไฟกันไปเป็นทอดๆ จนกระทั่งไปจบที่จุนจีเป็นคนสุดท้าย ทันทีที่เทียนของจุนจีสว่างขึ้น ก็ปรากฏร่างของพิมพ์พิลาศในชุดแดงยืนอยู่ด้านหลังของเขา
เนตรสิตางศุ์เห็นพิมพ์พิลาศ ผงะ! ตาโพลง เซไปจับแขนเพื่อน คนอื่นๆสัมผัสได้ มองมาที่จุดเดียวกัน จุนจีหน้าฉงน ที่เห็นสี่สาวจ้องมาที่ด้านหลังของตน
"พวกคุณ..มอง อะไร"
พิมพ์พิลาศยืนส่งสายตาคมวาวชวนขนหัวลุกอยู่ด้านหลังจุนจี โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย
"เขา..อยู่ข้างหลังคุณ" กรรัมภาบอก
"ใคร..ย่า วิญญาณย่าอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ"
จุนจีรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวแบบไม่มีสาเหตุ
"ชั้นต้องการความยุติธรรม!"
กรรัมภาถาม
"เขาพูดอะไร"
กรรณาคว้ามือกรรัมภาขึ้นมา
"หลานต้องช่วยย่า ย่าถูกฆาตกรรม ได้ยินมั้ย ย่าถูกฆาตกรรม"
กรรัมภาบอก
"คุณย่าคุณถูกฆาตกรรม"
"อะไรนะ"
พิมพ์พิลาศชี้มาที่กรรัมภา
"เธอ เธอเห็นและได้ยินชั้นใช่มั้ย บอกหลานชั้นว่า ชั้นจะไม่ไปไหนจนกว่าเขาจะเอาตัวฆาตกรที่ฆ่าชั้นมารับโทษ"
"ย่าคุณอยากให้คุณหาตัวคนร้ายมารับโทษ เขาถึงจะเป็นสุข"
"คุณมั่วแล้ว ย่าถูกงูกัดตาย มันเป็นอุบัติเหตุ"
พิมพ์พิลาศวี้ดเสียงลั่น
"ชั้นถูกฆาตกรรม!"
พิมพ์พิลาศโมโห แว่บไปโผล่มุมนั้นที มุมนี้ที ฉุนพล่าน กิ่งไม้หักเปรี๊ยะๆๆ มาเป็นท่อนๆ
ลีจองกุ๊กถาม
"อะไร เกิดอะไรขึ้น"
"เขา..เขาจะฆ่าพวกเราทุกคน ว้าก" ก้องฟ้าบอก
ก้องฟ้าโดดกอด ลีจองกุ๊กอุ้ม ทั้งคู่สติแตกวิ่งหนีไปหาที่ซ่อนใต้โต๊ะ
สุคนธรสถาม
"คุณพิมพ์พิลาศ คุณหยุดอาละวาดได้มั้ย บริษัทเราจะพังอยู่แล้ว"
"โกรธใครก็ไปทำคนนั้นสิคะ ทำไมต้องมาทำคนไม่เกี่ยวด้วย" กรรณาว่า
"ไหนว่าตอนเป็นคน เป็นผู้ดีไฮโซไม่ใช่เหรอคะ ทำไมตอนเสียชีวิตแล้ว เหมือนไม่เคยมีใครอบรมบ่มนิสัยมาก่อนเลยล่ะคะ" เนตรสิตางศุ์ถาม
กรรณา สุคนธรส โพล่งพร้อมกัน
"โห แรงมาก"
"พวกเรา...."
สุคนธรสเรียกเพื่อนๆ ยื่นมือจับกันและกัน ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร ทั้งหมดสงบนิ่ง หลับตาและเริ่มแผ่เมตตา แสงขาวนวลแผ่ออกจากร่างของสาวๆ กระจายออกไปทางพิมพ์พิลาศที่รับได้ถึงกระแสแห่งความเมตตา จนเริ่มลดอารมณ์ลง ชุดสีแดงถูกเปลี่ยนเป็นชุดสีเทาแทน
ลีจองกุ๊กและก้องฟ้าที่อยู่ใต้โต๊ะ แปลกใจ
"พวกเขาทำอะไรกันน่ะ สามัคคีชุมนุมเหรอ"
"เขาทำสมาธิแล้วแผ่เมตตาแผ่ส่วนกุศลให้พิมพ์พิลาศมั้งครับ"
พิมพ์พิลาศสงบลง
"มีคนจงใจฆ่าชั้น..มันจัดฉากหลอกให้ชั้นมาถูกงูกัดที่นั่นเวลานั้น"
งูกัดพิมพ์พิลาศ...เชิงเทียนหล่นพื้น... เธอล้มลง ก่อนสิ้นลมมีรองเท้าส้นสูงสีแดงสดก้าวเข้ามา
เธอเห็นปลายเท้า สวมคลุมโอเวอร์โค้ตแบบผู้หญิง แต่พอเลื่อนมาถึงใบหน้าก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้หญิงคนนั้นหันหลัง เผยให้เห็นเส้นผมยาวประบ่า แต่ไม่เห็นหน้า แล้วภาพก็วูบค้าง และดับไป
"ชั้นเห็น..มัน..ไอ้ฆาตกร มันอยู่ที่นั่น มันยืนมองชั้นขาดใจตายต่อหน้าต่อตามัน"
"คุณเห็นตัวคนร้ายเหรอ" กรรัมภาถาม
พิมพ์พิลาศทบทวน
"มันคือความทรงจำสุดท้ายที่ชั้นมี ชั้น จำได้ลางเลือน เพียงแค่นั้น"
ไฟในบ้านเริ่มติดเป็นปกติอีกครั้ง
"น่าสงสารจัง" กรรณาบอก
กรรัมภาบอก
"อย่างน้อยตอนนี้เราก็พุ่งเป้าไปได้เลยว่า ฆาตกรต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ"
"พวกคุณ..อธิบายให้ผมฟังด้วยสิว่าเกิดอะไรขึ้น" จุนจีว่า
"คุณพิมพ์พิลาศมั่นใจว่าตัวเองถูกฆาตกรรม เพราะเห็นผู้หญิงสวมรองเท้าสีแดงยืนดูอยู่ตอนที่กำลังสิ้นใจ" กรรณาบอก
"และย่าคุณอยากให้คุณสืบเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้ได้" กรรัมภาว่า
"ผู้หญิงหรือ"
พิมพ์พิลาศยืนร้องไห้
"ย่าไม่มีใครอีกแล้ว ย่าเหลือแค่หลานคนเดียวเท่านั้น จักรรับปากกับย่านะ"
กรรัมภาบอก
"คุณย่าอยากให้คุณรับปากว่าจะช่วย"
จุนจีไม่ตอบแววตาดูแข็งขึ้นทันที
"ผู้จัดการผมจะทำบุญไปให้ แล้วต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายกัน ผมทำให้เค้าได้แค่นั้น"
"จักร"
พิมพ์พิลาศช็อก เศร้ามาก ความเสียใจล้นพ้นทวี
กรรัมภาบอก
"นั่นไม่เรียกการทำบุญ มันเป็นแค่การตัดปัญหา"
"จะเรียกอะไรก็ช่าง ผมจะทำแค่นี้"
"ไม่เข้าใจเหรอว่า สิ่งที่ยึดติดให้ย่าของคุณไปผุดไปเกิดไม่ได้ ก็คือความคับข้องใจก่อนสิ้นใจ ตราบใดที่ไม่แก้ปมนี้ให้หลุด ย่าคุณก็จะวนเวียนติดตามคุณอยู่อย่างนี้ ไปที่ชอบๆไม่ได้" กรรัมภาบอก
"งั้น ก็ช่วยไม่ได้"
จุนจีเดินหนีออกไป กรรัมภารีบตามออกไป
พิมพ์พิลาศทั้งเสียใจ คับข้องใจ
"แกเกลียดย่า อยากเห็นย่าทุกข์ทรมานทั้งๆที่ตายไปแล้ว อย่างนั้นเหรอ...ทำไม"
พลัน ... ก๊อกน้ำในห้องครัวเปิดเอง สาวๆที่กำลังจะตามทั้งสองออกไป ต่างชะงัก
"ทำไม!"
แล้วก๊อกฝักบัว ห้องน้ำทุกห้องเปิดเอง เสียงดังซู่ๆ
ลีจองกุ๊กและก้องฟ้าพยายามจะหนีออกนอกตัวบ้าน
"ไม่อยู่แล้วโว๊ย"
"ก๊องไปด้วย"
พิมพ์พิลาศกรีดเสียงสูง
"ทำไม"
ทันใดประตูบ้านก็ปิดเอง โครมครามทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน ลีจองกุ๊กและก้องฟ้าเบรกเอี๊ยด !!
"เราโดนขังแล้ว" สุคนธรสบอก
"ว๊าย...แล้วเอาไงดี ช่วยด้วย" เนตรสิงตางศุ์บอก
เจ้าที่โผล่มาตรงประตูทางออกบอก
"ผมเอง...ผมปิดประตูเอง"
"อ้าว...พี่ยามหมายความว่าไง"
"ก็แค่อยากให้เขาคุยกันเองสองคน และก็..."
เจ้าที่ชี้ไปที่พิมพ์พิลาศที่ยืนเศร้าร้องไห้อยู่
"อยากให้อยู่ที่นี่ซักพัก"
ลีจองกุ๊กสีหน้ากลัวๆ ถาม
"พวกคุณคุยกะใคร"
"คุยกะผีไงค่ะ"
"ว๊าก !"
อ่านต่อตอนที่ 8