xs
xsm
sm
md
lg

อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อันโกะกลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 6

บุรินทร์หน้าบานเมื่อเห็นทั้งแสนและพิลาสินีอยู่พร้อมหน้า

"ทุกคนที่เนี่ย คิดถึงคุณจะแย่นะ แพม ผมเห็นจะต้องกักตัวคุณไว้ ไม่ปล่อยให้ไปดูงานที่ไหนอีกสักพักล่ะ"
"แบบเนี๊ยะฉันก็ต้องไปยื่นเรื่องกับกระทรวงแรงงานแล้วล่ค่ะะ แต่พอดีว่า ฉันไม่อยากฟ้อง เพราะฉันก็คิดถึงทุกคนเหมือนกัน" พิลาสินีบอก
พิลาสินีพูดว่าคิดถึงทุกคนแต่แอบปรายสายตาไปทางแสน บุรินทร์เห็นสายตาของพิลาสินีก็พอรู้อยู่แต่เขาก็ทำนิ่งๆไม่พูดอะไร
"คุณกลับมาเนี่ยได้จังหวะพอดีเลยนะ เดี๋ยวจะมีงานสัมมนาประจำปีของบริษัทเรา คุณก็ต้องไปด้วยนะแพม ไปเปลี่ยนบรรยากาศ ประชุมนอกสถานที่กันบ้าง"

เอกชัยอวดแว่นกันแดดอันโตที่สีและลายเด็ดดวงอยู่กับเมขลา
"แว่นพี่แจ่มมั้ยจ๊ะน้องเม พี่จะใส่ไปงานสัมมนาต่างจังหวัด"
"เราต้องอยู่ในห้องประชุมฟังบรรยายกันไม่ใช่เหรอคะ" เมขลาท้วง
"โอ๊ย บอสน่ะหาข้ออ้าง สัมมนาต่างจังหวัดก็จัดให้ไปเที่ยวนั่นแหละ ประชุมบังหน้านิๆโหน่ยๆ"
เพียงดาวตีเอกชัย "ประชุมจริง ไม่ล้อเล่นย่ะ แล้วกิจกรรมต่างๆก็เพื่อให้กระชับมิตร ไม่ใช่เที่ยวเล่นอย่างที่แกพูด"
"โห จริงจังม๊าก แล้วข้างหลังนั่นอะไร" เอกชัยไปคว้าหมวกปีกกว้างมากมา "เนี่ยนะคนจะไปฟังบรรยาย หมวกกว้างกางออกมาเป็นหนามบอลได้เลยอ่ะ"
เพียงดาวหน้าเสียที่โดนจับได้ "ก็... เผื่อเดินเล่นนิดหน่อยอ้ะ คืนมานะยะ"
เพียงดาวไล่ตามเอาหมวกคืนจากเอกชัย เมขลาหัวเราะขำทั้งสองคน

บุรินทร์เดินนำแสนและพิลาสินีมาโดยทั้งสามยังคุยกันต่อเนื่อง
"นี่คงยังไม่ลืมกันนะ ว่าพวกคุณต้องพรีเซนต์โปรเจ็คท์แข่งกันตอนท้ายงานสัมมนา ปีเนี๊ยะเป็นคิวของคุณสองคนนะ"
พิลาสินียิ้มๆ "แพมไม่ลืมหรอกค่ะ บอสจัดให้แบทเทิลโปรเจ็คท์กันทุกปีจนเป็นประเพณีของบริษัทเราไปแล้ว โปรเจ็คท์ของใครชนะ ก็ได้ลงมือทำก่อนใช่มั้ยคะ?”
"ใช่ บริษัทก็จะหนุนโปรเจ็คท์นั้นเต็มที่"
พิลาสินีพูดกับแสน "ไม่รู้ว่าคู่แข่งของแพม ซุ่มเงียบเตรียมงานอะไรไว้นะคะ"
แสนส่ายหน้า "ปีนี้ไม่แข่งกันสักปีไม่ได้เหรอครับ ผมยังอยากทำงานที่มีอยู่ก่อน มากกว่าเตรียมพรีเซนท์อันใหม่"
บุรินทร์กับพิลาสินีมองหน้าแล้วตอบพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
"ไม่ได้ !”
แสนชะงักเบาๆ ที่ทั้งสองตอบพร้อมกันเชียว
"ฉันอุตส่าห์ตั้งตารอจะแข่งกับคุณ อย่าหวังว่าจะหนีไปได้ดื้อๆ" พิลาสินีบอก
"ได้ยินเจ้าแม่สั่งแล้วนะ" บุรินทร์มองนาฬิกาข้อมือ "อ้าว จะเที่ยงแล้วนี่ งั้นมื้อนี้ผมขอเลี้ยงพวกคุณเอง กินข้าวและคุยกันหน่อย"
ทั้งสามคนเดินมาอยู่ดีๆ เพียงดาวก็โผล่ออกมา
"บอสคะ ขอเวลาแป๊บ" เพียงดาวชูมือถือโดยกดฟังก์ชั่นถ่ายภาพเตรียมไว้ "ขอเก็บภาพหน่อยค่ะ"
"เนื่องในโอกาสอะไร?” บุรินทร์ถาม
"ก็ด็อกเตอร์แพมกลับมาจากดูงานน่ะสิคะ" เพียงดาวบอก
บุรินทร์ขยับตัวมายืนเรียงกันสามคนยอมให้ถ่าย เพียงดาวกดไปหนึ่งแชะแล้วก็บอก
"ทีนี้ ขอเชิญบอส ออกมาก่อนนะคะ" เพียงดาวบอก บุรินทร์ทำหน้างงๆ "อยากได้รูปคู่ของด็อกเตอร์แสนกับด็อกเตอร์แพมน่ะค่ะ"
"เอ้า ! ผมกลายเป็นส่วนเกินซะงั้น"
"อย่าโกรธนะคะบอส แฟนคลับ เอ๊ย พนักงานเราหลายคน คิดถึ๊งคิดถึงตอนที่ด็อกเตอร์แสนกับด็อกเตอร์แพมทำงานอยู่ด้วยกัน ถ่ายรูปติดบอร์ดให้พวกเค้าชื่นใจหน่อยค่ะ"
แสนขำๆ พิลาสินีอมยิ้มตามแต่ก็แอบดีใจ
"ชิดๆ ชิดกันอีกนิดค่ะ"
เพียงดาวถ่ายรูปคู่แสนกับพิลาสินีอย่างอิ่มอกอิ่มใจ

บุรินทร์มองดูสองคนนี้ยืนคู่กันแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เพราะก็ดูเหมาะกันดี

อาโปนั่งเล่นเกมในมือถืออยู่ เมรีเดินมาเห็น

"ว่างนักใช่มั้ยเนี่ย"
"ต๊าย !! เกือบจะชนะอยู่แล้ว หล่อนแส่เข้ามาทำไมยะ" อาโปหันไปพอเห็นเมรีเข้าก็เข่าอ่อน "ขอบุคณมากนะคะที่มาเตือนด้วยความหวังดี คนเราไม่ควรจะใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระ"
อาโปปาดเหงื่อแล้วรีบปิดเกมอย่างว่องไว
"ไม่ต้องปิด" เมรีบอก
"คุณแมรีจะเล่นเหรอคะ" อาโปถาม
"ฉันจะถามแก ว่าในเกมอะไรมันสำคัญ"
"ก็.." อาโปคิดๆ ตอบมั่นใจ "ต้องเล่นให้ชนะไงล่ะคะ"
"ใช่ เล่นเกมต้องเล่นให้ชนะ ถ้าแค่เสมอหรือแพ้ เลเวลมันก็ไม่ขึ้น"
เมรีคว้าปึกเอกสารออกมาวางที่หัวกระดาษมีข้อความว่า “กำหนดการสัมมนาประจำปี”
อาโปอ่าน "งานสัมมนาต่างจังหวัดบริษัทเพียงพอดี เอ่อ ปรินท์มาทำไมเหรอคะงานบริษัทเค้า เราไม่เกี่ยว"
"แล้วถ้าเราหวังดี อยากช่วยเปิดโปงเลขาตัวแสบที่มันปลอมตัวมาก่อการร้ายในบริษัทเค้าล่ะคิดว่าทางนั้นเค้าจะสนมั้ย"
"คุณ.. คุณแมรี แต่บอสบอกว่าให้..ช่วยๆกันไม่ใช่เหรอคะ"
"หรือว่าแกอยากช่วยให้มันลอยหน้าได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกไป" เมรีบอก อาโปอึ้งเพราะไม่อยาก "มันก็ต้องแนบเนียน ทำเหมือนว่าเราไม่เกี่ยว มันพลาดท่าเองยังไงล่ะ แค่คิดก็แทบรอไม่ไหวแล้ว ถ้ายัยนั่นโดนจับได้ว่าปลอมตัวมา อาจจะโดนบริษัทเพียงพอดีฟ้อง หรือว่าติดคุกได้เลยนะ"
"ถึง..ถึงกับถูกฟ้อง หรือว่าติด..ติดคุกเลยเหรอคะ"
"มันก็คู่ควรกับนังนั่นแล้วล่ะ! แบบนี้สนุกกว่าชิงตำแหน่งหัวหน้าแผนกซะอีก! ฉันจะให้มันได้รับบทเรียนที่มันกล้ามาลอบกัดฉัน"
เมรีกะทวงแค้นคืนให้ได้

อันยาเดินหน้าเพลียๆกลับเข้ามาที่หน้าคอนโดฯ แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นทวยเทพยืนรออยู่ ด้านหลังของเขาซ่อนอะไรเอาไว้ ทวยเทพยิ้มหวานฉาบหน้า

"อันนี่ ดอกไม้สวยๆสำหรับคนสวยๆครับ"
อันยามองทวยเทพแล้วก็เดินผ่านไปเฉยๆ
ทวยเทพมั่นใจเลยว่าอันยาโกรธจึงไปดักหน้า "ถ้าดอกไม้มันไม่พอ คุณอยากได้อะไร บอกผมมาเลย"
"บอกได้เลยใช่มั้ย" อันยาถาม ทวยเทพมีสีหน้าดีขึ้นโดยเตรียมรับออร์เดอร์ "ไปให้ไกลๆ อย่ามาให้ฉันเห็นคุณอีก" อันยาผลักทวยเทพออก
"อัน อัน !!" ทวยเทพหน้าเสียแต่ยังทำเนียน "มันน่าจะเป็นผมมากกว่านะที่อารมณ์เสีย"
อันยาหันขวับมาโดยอยากให้ทวยเทพเลิกแกล้งเซ่อซะที
"เราไว้ใจศัตรูไม่ได้ แต่มิตรที่แอบไปจับมือกับศัตรู ไว้ใจไม่ได้มากที่สุด !! ฉันเห็นคุณไปกับยัยเมรี เพราะงั้น ! อย่ามายุ่งกับฉันอีก" อันยาว่า
ทวยเทพทนไม่ได้จึงโพล่งออกมาบ้าง "แล้วทีคุณ ไปเดทกับไอ้ด็อกเตอร์นั่นล่ะ อย่านึกนะว่าผมไม่รู้"
"ฉันทำงาน ฉันบอกคุณไปตั้งแต่แรกแล้ว"
"ผม..ผมก็ไปกับเมรี" ทวยเทพมั่วไปบ้าง "เพราะอยากสืบความลับให้คุณ"
"ถ้าโกหกได้แค่นี้ อย่าพูดให้ตัวเองดูแย่กว่าเดิมเลย" อันยาบอก
ทวยเทพหน้าเสียที่อันยาจับได้ อันยาจะเดินไป
ทวยเทพคว้าแขนอันยาไว้แล้วใช้ลูกอ้อน "อัน...ผมผิดไปแล้ว แต่..มันก็เพราะคุณนะ มีผู้หญิงรอเดทกับผมเต็มไปหมด แต่คุณกลับทำกับผมแบบนี้ ถ้าคุณ..คิดถึงใจผมบ้าง ผมไม่มีทางสนใครอยู่แล้ว"
"ฉันใจร้ายใช่มั้ย" อันยาทำเป็นอ่อนลง เธอจับไหล่ทวยเทพ
ทวยเทพอึ้งและรู้สึกมีความหวังขึ้นมา
"งั้น...ฉันจะปรับปรุงตัว" อันยาบอก ทวยเทพไม่อยากจะเชื่อ "จะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก" ทวยเทพมองอันยาว่าเธอพูดจริงรึเปล่า "ฉันจะให้คุณ...มีอิสระ อยากเดทกับใครก็เดทไปเลยนะ ยัยเมรี หรือใครก็ได้ ไปดีนะคะ"
อันยาปล่อยมือจากทวยเทพแล้วเดินสวยๆเข้าไป ทวยเทพอึ้งอยู่อึดใจ
"อัน นี่คุณ บอกเลิกผมเหรอ อัน !! เฮ้ย หึงแล้วอย่าทำแบบนี้สิ อัน"
อันยาผลักประตูเข้าไป ทวยเทพจะเดินตาม ประตูเหวี่ยงมาแรงจนเกือบจะชน ทวยเทพเซ พอจะตามก็เห็นอันยาเดินไปลิบแล้ว
"ฮึ่ย !! ทำไมง้อยากง้อเย็นนักว๊ะ ทีตัวเองผิดไม่เห็นมาง้อเราบ้าง"
ทวยเทพหัวเสียแต่ยังไม่คิดว่าจะโดนตัดสัมพันธ์เข้าจริงๆ

อันยาเข้ามาในห้องแล้วถอนใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
"ความแตกก็ดีตรงนี้แหละ ไม่ต้องปั้นหน้าให้เมื่อยอีก เฮ่อ..”
อันยาจะขยับตัวแต่แล้วความคิดอื่นก็แว่บเข้ามา
อันยานึกถึงตอนที่พิลาสินีคุยกับแสน
"แล้วบอกคุณอันยารึเปล่า ว่าเบาะท้ายรถจักรยานคุณ เป็นของฉันนะ"
แสนขำพลางส่ายหน้า "เป็นของคุณเมื่อไหร่"
"ก็ไม่เคยมีสาวๆคนไหนได้นั่ง นอกจากฉันคนแรก คนเดียว"

อันยาทำหน้าจ๋อยแต่ก็พยายามไล่ความสิ้นหวังออกไป
"เค้าบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันนี่...แผนเธอยังไปได้น่า..อันยา"

อันยาปลุกปลอบใจตัวเองโดยไม่รู้เลยว่าใจถลำลึกไปขนาดไหนแล้ว

วันต่อมา ม.ร.ว.เหมือนเดินมามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง พอเห็นบริเวณประชาสัมพันธ์ไม่มีใคร ก็จะรีบผ่านเข้าไป

เอกชัยเดินออกมา "แฮ่มๆ เชิญแลกบัตรก่อนดีมั้ยครับ"
"ฉันเป็นเพื่อนของแสน"
"แต่คุณหญิงก็ไม่ใช่พนักงานที่นี่นะครับ"
ม.ร.ว.เหมือนไม่สน "นายก็ไม่ใช่ประชาสัมพันธ์เหมือนกัน" ม.ร.ว. เหมือนจะเดินไป
เอกชัยมาขวางไว้แล้วโชว์บัตรให้ดู "ใครว่าไม่ใช่ล่ะครับ ผมเพิ่งมาแทนน้องเมเค้า"
"เอาผู้ชายอย่างนายมาเป็นประชาสัมพันธ์เนี่ยน๊ะ"
"หรือว่าอย่างผม ดูน่าจะเป็นผู้บริหารมากกว่า" เอกชัยเสยผมเก๊กหล่อ
ม.ร.ว.เหมือนทำหน้าแหย ทันใดนั้นก็มีเสียงหวานใสก้องกังวานของอิงค์กี้ดังมา
"คุณพนักงานสุดหล่อ ต้องได้เลื่อนขั้นเร็วๆนี้แน่นอนค่ะ" อิงค์กี้หยิบเงินมาวาง "รับขวัญตำแหน่งใหม่เล็กๆน้อยๆ"
เอกชัยมองเงินอึ้งๆ
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อุ๊ย อิงค์กี้ต้องรีบไปรอพบด็อกเตอร์ก่อน" อิงค์กี้จะเดินไป
ม.ร.ว.เหมือนไม่ยอมจึงวางเงินทับลงบนเงินอิงค์กี้ "สองเท่า !! แค่นี้ฉันไปได้แล้วใช่มั้ย"
เอกชัยยิ่งอึ้ง
"ผู้หญิงแก่ๆนี่น่าสงสารจัง ต้องทุ่มเงินซื้อผู้ชาย" อิงค์กี้ว่า
"ด่าออกมาได้ ตัวเองเริ่มก่อนชัดๆ"
"ฉันแค่รับขวัญตำแหน่งใหม่ของพี่คนนี้เฉยๆ"
"พี่เอก เอกชัยครับ"
ม.ร.ว.เหมือนไม่สน เธอว่าอิงค์กี้ "มาทีหลัง อย่าแซงคิว บทนางเอกที่เล่นไปไม่ซึมเข้าสมองบ้างรึไง"
"ป้าก็ทำตัวเป็นนางอิจฉา คอยขัดแข้งขาอยู่ได้ นางเอก พระเอกเค้าจะมีความสุขกัน" อิงค์กี้สวน
ม.ร.ว.เหมือนรวบเงินของอิงค์กี้มาปาทิ้ง
"ไม่ต้องเอาเงินมัน ฉันจะจ่ายให้อีก 2 เท่า"
เอกชัยตื่นเต้นมากๆ
อิงค์กี้โมโห เธอกวาดเงินของหญิงเหมือนทิ้งเหมือนกัน "อย่าไปรับเงินนังป้านี่ ฉันจะให้อีก 5 เท่า"
"โหย ถ้ารู้ว่าตำแหน่งดีขนาดนี้ ขอเป็นไปนานแล้ว" เอกชัยว่า
อันยากับเมขลาเดินเข้ามาด้วยกันเพราะสงสัยว่ามีเรื่องอะไร พอเห็นเหตุการณ์เข้าทั้งสองก็ชะงัก
"เอาอีกแล้ว !!" เมขลาพูดกับอันยา "อันโกะ พี่เอกชัยไม่เคยรับมือสองคนนี่ซะด้วย"
"คุณเอก ดูแฮปปี้จะตาย"
เอกชัยมองหญิงเหมือนและอิงค์กี้ที่ผลัดกันเอาเงินออกมาเกทับบลั๊ฟแหลกกันก็ตาโตเท่าไข่นกกระจอกเทศ !!
แล้วเพียงดาวก็เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์อีกคน เธออกจะแตก
"ตายแล้ว นายเอกชัยนี่ใช้ไม่ได้เลย !!”
"อันโกะเราจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้นะ"
อันยายืดแล้วเตรียมพร้อม "เดี๋ยวอันจัดการเอง"
อันยาจะเดินออกไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพิลาสินีดังขึ้นซะก่อน
"ที่นี่ไม่ใช่บ่อนที่จะมาเกเงินทับกันแบบนี้ !”

พิลาสินีเดินตรงเข้ามาหาขบวนความวุ่นวายระหว่างม.ร.ว.เหมือน และอิงค์กี้อย่างไม่กลัวเกรง
"คนนึงเป็นนางเอกของประชาชน อีกคนก็เป็นผู้ดีเก่า ไม่ทราบว่าสุภาพสตรีทั้งสองไม่เคยเรียนรู้กฎเกณฑ์สังคมเลยเหรอคะ ว่าให้สินบนพนักงานมันผิด"
ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้ชะงัก เมื่อเห็นจะจะว่าคนที่เข้ามาแทรกคือใคร
"ด็อกเตอร์แพม !!”
อันยาหันไปถามเมขลาด้วยสายตา
"ไม่มีคนที่มาตื๊อด็อกเตอร์คนไหน ไม่รู้จักคุณแพมหรอกค่ะ" เมขลาบอก
"อย่างที่ฉันบอก ถ้าด็อกเตอร์แพมอยู่ พวกสิ้นหวังกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง" เพียงดาวย้ำ
"ฉันไปช่วยด็อกเตอร์ดีกว่าค่ะ" อันยาจะเดินออกไป
"ฉันว่าหล่อนรอดูอยู่เฉยๆดีกว่า แค่เนี๊ยะสำหรับด็อกเตอร์แพม มันเด็กๆ"
อันยานิ่วหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ชะงักเท้าเอาไว้
ม.ร.ว.เหมือนเถียงอย่างไม่ยอม
"แล้วมารยาทสังคมไม่ได้บอกเหรอ ว่าแขกของคนอื่น ด็อกเตอร์ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย"
"พวกคุณไม่ได้นัดกับแสนไว้" พิลาสินีว่า
อิงค์กี้อึ้ง "รู้.. รู้ได้ไง!!”
"เมื่อวาน ฉันใช้เวลากับแสนเค้าทั้งวัน" พิลาสินีบอก ทั้งสองสาวเหวอ "เราคุยกันถึงสเก็ตซ์ดวลวันนี้ด้วย เค้าไม่ได้มีนัดกับพวกคุณ"
"มันก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่ดี มีแต่แสนคนเดียวที่จะบอกว่าพวกฉันอยู่ได้ หรือไม่ได้"
อิงค์กี้สนับสนุน "ใช่ ด็อกเตอร์แสนคนเดียว"
ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้กลับมาเข้าพวกกันซะงั้น แล้วทั้งสองก็พากันจะแหวกทางเดินเข้าไป พิลาสินีมาขวางหน้า
"ฉันก็คิดอยู่แล้วล่ะ ว่าพูดภาษาคนกันไม่รู้เรื่องหรอก"
ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้แทบกรี๊ด พิลาสินีหันไปทางด้านหลังซึ่งมีรถเข็นใส่กล่องเพาะเชื้อแบคทีเรียและพวกหลอดทดลองที่เพาะเชื้อเอาไว้ พิลาสินีเข็นมา
"แหมอยากรู้จริงๆว่าเชื้อแบคทีเรียพวกเนี๊ยะจะมีผลต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยังไง"
ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้ชะงักกึ้ก พิลาสินีหยิบกล่องเพาะเชื้อขึ้นมาทำท่าจะเปิด
ม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้ตกใจ "ว๊ายย เธอ เธอจะทำอะไร หยุดนะ"
"จริงด้วย ถ้าเปิด เชื้อต้องฟุ้งกระจายแน่ๆ ฟุ้งไปทางนั้นที" พิลาสินีมองไปทางหญิงเหมือน "ทางนี้ที" พิลาสินีมองไปทางอิงค์กี้
"แก แก ฝากไว้ก่อนเถอะ"
อิงค์กี้เปิดไปก่อน พิลาสินีทำท่าจะเปิดกล่องขู่ม.ร.ว.เหมือน ม.ร.ว.เหมือนไม่กล้าเสี่ยงจึงวิ่งเปิดหนีไปเหมือนกัน
พิลาสินีวางกล่องเพาะเชื้อลงแล้วเอาผ้าคลุมไว้เหมือนเดิม เธอปัดมือประมาณว่าเรียบร้อย อันยา เมขลา เพียงดาว และเอกชัยต่างตะลึงไปตามๆกัน
เพียงดาวปรบมือกับอันยาและเมขลา "ด็อกเตอร์แพมทุบสกอร์ตามเคย !!" เพียงดาวหันไปจิกตาใส่อันยา "บางคนที่เข้าใจว่าตัวเองแน่ คงรู้แล้ว ว่าไม่ได้พิเศษตรงไหน"
อันยาสะอึกที่เพียงดาวมาตอกย้ำกันซึ่งๆหน้า เพียงดาวรีบเดินไปประจ๋อประแจ๋กับพิลาสินี

อันยามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

พิลาสินีหยอกแสน

"ฉันไปตั้งครึ่งปี คุณยังไม่คืบหน้ากับสาวๆคนไหนเลยเหรอคะ ไม่ไหวเลยนะ"
"คุณก็เลยช่วยตัดบทให้ใช่มั้ย ถ้าเค้ายังกลัวแบคทีเรียกันก็คงไม่กล้ามาอีกสักพัก" แสนว่า
พิลาสินีหัวเราะ
"นี่ ฉันช่วยเป็นกันชนให้แบบนี้แล้ว ต้องเลี้ยงกาแฟตอบแทนรู้มั้ย"
แสนหันไปทางอันยาที่แอบมองแสนกับพิลาสินีอยู่ แต่พอเห็นแสนมองมาอันยาก็ทำเป็นว่าไม่ได้มอง
"ได้สิ เดี๋ยวให้อันยาชงกาแฟเลี้ยงคุณเดี๋ยวนี้เลย" แสนบอก
อันยาหน้าเหรอเพราะนอกจากโดนแย่งซีนยังต้องมาชงกาแฟให้อีก
"มิน่าด็อกเตอร์แสนถึงยังโสด ฉันไม่รับเลี้ยงกาแฟจากออฟฟิศหรอก" พิลาสินีบอก
อันยาพยักหน้าแล้วพึมพำกับตัวเอง "ก็ดี...”
พิลาสินีควงแขนแสน "ต้องพาไปเลี้ยงที่ร้านโปรดของฉันสิ" อันยาเหวอกว่าเดิม "หลังอาหารเที่ยง ห้ามเบี้ยวด้วย"
พิลาสินีทวงรางวัลเสร็จสรรพก็ผละไป แสนส่ายหน้ายิ้มๆกับความเยอะของเพื่อน อันยามองตามแสนที่มองตามพิลาสินีไปด้วยท่าทางเอ็นดูแล้วก็จ๋อยยิ่งกว่าเดิม เธอพึมพำอยู่คนเดียว
อันยาพูดล้อเลียนเสียงเบา "ต้องพาไปเลี้ยงที่ร้านโปรดของฉัน" อันยาพรมนิ้วบนแป้นพิมพ์ไปด้วย
"คุณทำอะไรน่ะ"
อันยาสะดุ้งโหยง เพราะปรากฎว่าที่อันยาพรมนิ้วลงไปไม่ใช่แป้นพิมพ์แต่เป็นกระเป๋าที่วางทับคีย์บอร์ดไว้ต่างหาก อันยาเหวอจึงรีบเอากระเป๋ายัดลงเก็บอย่างอายๆ
แสนทำทีเดินเข้าไปแล้วแอบเหลือบมองอันยาก็เห็นอันยาดีดมือตัวเองโทษฐานที่โก๊ะอยู่ แสนมองแล้วแอบยิ้มบางๆ อันยารู้สึกแปลกๆ จึงหันขวับมา ปรากฎว่าเห็นแค่บานประตูที่ไหวอยู่เบาๆ เพราะแสนเข้าห้องไปแล้ว อันยามองๆ รู้สึกไปเองเหรอเนี่ยว่ามีคนแอบมอง"

ทั้งแฮนด์ครีมสำหรับฆ่าเชื้อ สเปรย์น้ำแร่ถูกทาและฉีดพรมไปทั่ว อิงค์กี้และม.ร.ว.เหมือนกำจัดเชื้อโรคกันอยู่
"ขอหน่อยสิ ของฉันหมดแล้ว !” อิงค์กี้บอก
ม.ร.ว.เหมือนไม่อยากให้ "ลืมตัวไปรึเปล่ายะ ทำไมฉันต้องให้หล่อนด้วย"
อิงค์กี้ค่อยๆยื่นมือเข้าไปตะบปที่แขนเหญิงเหมือน
"อ๊าย ทำอะไรของหล่อน สกปรกมีเชื้อโรครึเปล่าเนี่ย"
ม.ร.ว.เหมือนทนไม่ไหวจึงโยนแฮนด์ครีมแบบส่งๆไปให้
"รีบๆล้างเลยนะยะ"
อิงค์กี้รับแฮนครีมมาถูมือเป็นการใหญ่
ม.ร.ว.เหมือนส่ายหน้าด้วยความเจ็บใจมาก "นังด็อกเตอร์แบคทีเรีย เที่ยวแพร่เชื้อให้คนอื่น" ม.ร.ว. เหมือนฉีดสเปรย์น้ำแร่ไปด้วย "จะสั่งสอนชียังไงดีเนี่ย !! ฮึ่ย !!”
แล้วม.ร.ว.เหมือนก็เห็นอิงค์กี้กำลังอ่านป้ายประกาศเรื่องงานสัมมนาต่างจังหวัดที่แปะผนังอยู่
"งานสัมมนาต่างจังหวัดงั้นเหรอ?" อิงค์กี้พูด ม.ร.ว.เหมือนรีบมาเบียดอิงค์กี้เพื่ออ่าน "ที่วัง ไม่ได้สอนมารยาทเหรอไงยะป้า" อิงค์กี้ว่า
ม.ร.ว.เหมือนไม่สนใจจะตอบโต้ "พวกนั้นจะไปต่างจังหวัดกันงั้นเหรอ ?”
ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้แย่งกันอ่านป้ายด้วยความสนใจ

อันยาตอบพลาง เลือกชุดว่ายน้ำไปพลาง
"ใช่ งานสัมมนาประจำปีของเพียงพอดี จัดที่โรงแรมริมทะเล วิวสวยๆ เสื้อผ้าซัมเมอร์แจ่มๆ ตกกลางคืน..มีดาวเต็มฟ้า บรรยากาศเป็นใจมาก นี่แหละโอกาสพิชิตใจด็อกเตอร์"
"นี่เจ๊ยังคิดจะใช้แผนการมารยาหญิงอยู่อีกเหรอ ไหนบอกว่าด็อกเตอร์แพมมาแรงแซงโค้งปล่อยสาวอื่นรั้งท้ายไปแล้วไง ที่สำคัญคนทั้งออฟฟิศเค้าเชียร์คู่นี้กันอยู่ เจ๊จะเอาอะไรไปสู้" คิมหันต์ว่า
อันยาชะงัก "คนอื่นพูด ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่..แม้แต่แกก็พูดแบบนี้งั้นเหรอ ฉันสู้ด็อกเตอร์แพมไม่ได้ตรงไหน"
คิมหันต์ตอบทันที "ทุกตรง !!”
อันยาแทบผงะ
"เอาง่ายๆ เจ๊บ้าวัตถุ แต่เค้าเป็นพวก ทำงานเพื่อส่วนรวม เจ๊ปลอมตัวมา แต่เค้าเป็นด็อกเตอร์ตัวจริง ! เจ๊หาวิธีให้ด็อกเตอร์มารักเจ๊ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ว่าเค้าสองคน อาจจะรักกันจริงๆ"
อันยาเจ็บและจุกมาก "นี่ !!นี่แกต้องว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ"
"เจ๊ เลิกแผนการนี้ไปเถอะ" คิมหันต์เป็นห่วง "ก่อนที่..จะถลำลึกไปกว่านี้"
อันยาถูกจี้ใจดำแต่ยังไม่ยอมรับ "ฉันแยกแยะได้น่า! ว่านี่เป็นเรื่องงาน แล้วแกเองไม่ใช่เหรอที่ยุฉันให้ทำแผนนี้ตั้งแต่แรก"
"ก็ผมไม่นึกว่ามันจะทำให้เจ๊...เปลี่ยนไปแบบนี้"
"ฉัน..ฉันไม่ได้เปลี่ยนตรงไหน ฉันอาจจะมีลังเลบ้าง แต่ก็ไม่ลืมหรอกว่ารับปากอะไรไว้กับบอสกับคุณเหนือเทพ ทั้งสองคนก็ยังเห็นด้วยเลย มีแต่แกคนเดียวนั่นแหละ แกคอยดูให้ดีๆก็แล้วกัน"
อันยาลั่นคำพูดก่อนจะเดินไป คิมหันต์ถอนใจแบบไม่เชื่อกันบ้างเลย
อันยาเดินหลบมาอย่างหัวเสีย
 
"ต้องทำให้ด็อกเตอร์ชอบเราให้ได้"

อันยาพยายามจะเอาชนะโดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ

อ่านต่อหน้า 2

อันโกะกลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ณ ทะเลที่สวยสงบ เตียงไม้ริมหาดที่น่านั่งเล่น ชิงช้าน่ารักๆ อยู่ไม่ไกล สระว่ายน้ำที่เห็นทะเล บาร์ริมหาดสุดเก๋

อันยามองภาพรอบๆอย่างเคลิ้บเคลิ้มเพราะนี่ล่ะที่เธอหวังเอาไว้
"โรแมนติคแบบนี้แหละ ใช่เลย..”
ในขณะที่อันยากำลังวาดฝันอยู่ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง เอกชัย เพียงดาว และเมขลาเดินมา
เอกชัยช่วยเพียงดาวลากกระเป๋า "โอ๊ย ขนอะไรมาเยอะแยะเนี่ยเจ๊ มาแค่วันกับคืนเดียวเอง"
เพียงดาวตวัดสายตาไปมอง "บางคนยังเยอะกว่าฉันซะอีก"
อันยามีทั้งเสื้อผ้าและกระเป๋าที่เตรียมมาเยอะมาก
"คุณอันยา ผมนึกว่านางแบบที่ไหน" ทีอันยาเอกชัยกลับชม เพียงดาวเหวอ "น่าเสียดายนะครับ บรรยากาศแบบนี้น่าจะได้มากับแฟนมากกว่ามากับพวกเรา"
อันยายิ้มที่เอกชัยชม
"ที่ไม่มีคนดีๆคบ ก็คงเพราะทำตัวเอง !” เพียงดาวแขวะ
"ทำไมคุณอันเค้าจะไม่มีชอยส์ดีๆ อย่างเค้าน่ะสวยเลือกได้อยู่แล้ว ใช่มั้ยครับ"
"ขอบคุณนะคะที่คุณเอกเข้าใจอัน สำหรับอัน เรื่องงานต้องมาก่อนเรื่องผู้ชายค่ะ" อันยาบอก
เพียงดาวจิกหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ
"อุ๊ย นั่นด็อกเตอร์แสนกับด็อกเตอร์แพมนี่คะ" เมขลาบอก
แสนกับพิลาสินีเพิ่งจะมาถึง ทั้งสองเพิ่งจะลงมาจากรถของพิลาสินี
"อ๋อ ที่ไม่มารถตู้พร้อมพวกเรา เพราะแอบไปรับกันมานี่เอง" เอกชัยว่า
"สองคนไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายเดือน ก็คงอยากคุยกันตามลำพัง" เพียงดาวแขวะอันยา "แบบเนี้ยเรื่องงานก็ได้ ผู้ชายก็ไม่เสีย ดีกว่าเยอะ"
อันยาชะงักเพราะปากเพิ่งบอกไม่แคร์ผู้ชาย แต่สายตาของเธอกลับมองพิลาสินีกับแสนที่คุยกันดูมีความสุขอย่างอึ้งๆ

เพียงดาวอ่านใบรายละเอียดกิจกรรมอยู่ที่โต๊ะใกล้ลานกิจกรรม ขณะที่คนอื่นๆกำลังช่วยกันตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับจัดกิจกรรม เพียงดาวอ่านแล้วก็ตกใจ
"ต๊าย !! ทำไมมันมีแต่เกมสัปดี้สีปดนแบบนี้ ใครเป็นคนคิด" เพียงดาวมองไปทางเอกชัยแล้วยิ้มกริ่ม "ฉันไม่น่าถามเล๊ย!”
"แหม เจ๊ ก็บอสบอกว่า เล่มเกมเพื่อความปรองดอง จะให้แนบแน่นมันก็ต้องแนบเนื้อแบบนี้แหละ " เอกชัยหาพวก "ใช่มั้ยจ๊ะ น้องเม"
"แค่เห็นว่าเป็นเกมอะไร ยังไม่ได้เล่น ยังเขินเลยค่ะ" เมขลาบอก
"ด้านได้ อายอด..สนุกนะจ๊ะ เชื่อพี่..แบบนี้ล่ะปรองดองของจริง" เอกชัยกล่อม
อันยาที่ช่วยจัดของอยู่ได้ยินดังนั้นก็หูผึ่ง
"เจ๊กับน้องเม เตรียมไปนะคร๊าบ ผมจะทำสลากจับคู่ก่อน"
เอกชัยเขียนสลากสำหรับตัวเองแล้วม้วนสลาก
"คุณเอกคะ" อันยาเรียก
"มีอะไรให้ช่วยครับ คุณอันคนสวย"
"คุณเอกไปช่วย คุณเพียงดาวกับเมเค้าเถอะค่ะ เดี๋ยวอันทำสลากให้เอง"
เอกชัยหันไปเห็นเมขลากับเพียงดาวที่กำลังทำอะไรไม่ถูก "ครับๆ ก็ดีเหมือนกัน เขียนแต่ชื่อพนักงานหญิงนะครับ" เอกชัยเอาใบรายชื่อให้ "ขอบคุณครับ"
อันยาหยิบกระดาษที่ทำสลากขึ้นมาแล้วหลบไปที่มุมนึง
เวลาผ่านไป กระดาษเหล่านั้นก็กลายเป็นสลากเรียบร้อย สลากแต่ละอันผูกริบบิ้นสีๆเอาไว้โดยที่อันยากำลังเขียนสลากสองอันสุดท้าย เธอเขียนชื่อ “อันยา” เสร็จแล้วก็หยิบริบบิ้นมีลายสวยเด่นที่สุดมาผูก
"แจ่มมาก"
อันยาชื่นชมสลากของตัวเองเสร็จเธอก็หยิบสลากอันสุดท้ายมาเขียนชื่อ “ด.ร.พิลาสินี” แล้วเอาด้ายมอๆขี้เหร่ๆ มาผูก
"ขี้เหร่ขนาดนี้ ไม่มีใครหยิบแน่" อันยาพูดกับสลาก "โทษนะคะด็อกเตอร์แพม แต่เกมนี้ฉันอ่อนให้คุณไม่ได้จริงๆ"
อันยาใส่สลากที่ผูกด้ายขี้เหร่ของพิลาสินีและสลากโบสวยของตัวเองลงไปรวมกับสลากอื่นๆที่ผูกโบไว้เหมือนกันแต่เป็นโบว์สีธรรมดา อันยายิ้มพอใจ

ณ ลานจัดกิจกรรม บุรินทร์คุยเปิดงานภายใต้บรรยากาศสบายๆ พนักงานบริษัทอยู่กันพร้อมหน้า
"ผมดีใจนะที่เห็นพวกเรามาอยู่กันพร้อมหน้า ถึงจะมีการสัมมนาในวันสุดท้าย แต่เวลาอื่น ก็สนุกกันให้เต็มที่เลยนะ"
พนักงานปรบมือชอบใจกันใหญ่เพราะนี่แหละที่พวกเขาต้องการ
เอกชัยรับไมค์ต่อจากบุรินทร์ "ขอบคุณครับบอส เดี๋ยวเราจะมีกิจกรรมเรียกน้ำย่อยกันก่อน บอสอยากให้พวกเราปรองดองกัน ผมก็เลยมีเกมมาให้เล่น รับรองว่าจะร๊ากกันมาก!”
พนักงานตื่นเต้นสงสัยกันว่าเกมอะไร
"โอเค ตอนนี้พวกเราก็แบ่งเป็น 2 ทีมเรียบร้อยแล้ว คือทีมเอ และทีมบี" เอกชัยว่า
หัวแถวของทีมเอคือแสน
เอกชัยพูดต่อ "ตัวแทนของทีมเอคือด็อกเตอร์แสน" คนปรบมือกันใหญ่ "ส่วนทีมบี คือ!!!ผมเอง " เงียบกริบไม่มีใครปรบมือให้ "ปรบมือให้ก็ได้นะครับ ไม่บาป ! เดี๋ยวเราจะให้ตัวแทนของแต่ละทีมจับสลากเลือกคู่ เพื่อเป็นตัวแทนลงแข่งด้วยกัน น้องเมเอาสลากมาเลยครับ"
เมขลานำสลากมาให้แสน สาวๆในแถวพากันตื่นเต้นเพราะอยากเล่นเกมคู่กับแสน แสนมองสลากในกล่องแล้วจะตัดสินใจเลือก
อันยาลุ้นในใจ "ไม่มีทางที่จะมองข้ามสลากสวยๆของเราไปหรอก"
แสนมองมาเจอสลากของอันยาก็ทำท่าจะหยิบ
อันยาคิดในใจ "เยส อันนั้นแหละ!! หยิบเลย"
แต่แล้วแสนกลับเหลือบไปเห็นสลากมอๆ เขาเลือกหยิบสลากอันนั้นขึ้นมาแทน
"เออ อันนี้แปลกดี ไม่เหมือนอันอื่น"
อันยาเหวอก่อนจะลุกพรวด "ไม่ได้นะคะ !”
ทุกคนหันมามองอันยาเป็นตาเดียว
"คือฉัน...ฉันอาจจะทำสลากผิด ไม่รู้ลืมเขียนชื่อลงไปรึเปล่า" อันยาแก้ตัว
"งั้นเหรอ" แสนแกะออกอ่านทันที "ไม่ผิดนี่ นี่ไง ชื่อ...ด.ร.พิลาสินี"
พิลาสินีอมยิ้มเพราะได้เล่นคู่กับแสน พิลาสินีลุกขึ้นมายืนคู่กัน
"แสน คู่กับฉันนี่ห้ามแพ้นะ ขอเตือนเอาไว้ก่อน" พิลาสินีแซว
อันยาเหวอไปทันทีที่เหตุการณ์เป็นแบบนี้
"เอ่อ นั่งลงได้แล้วครับคุณอันยา ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณไม่ได้ทำอะไรผิด" เอกชัยบอก
อันยาทรุดลงนั่งมองแสนกับพิลาสินีด้วยความเสียดายมากๆ
"คราวนี้ตาตัวแทนทีมบีอย่างผมเลือกสาวสวยบ้างนะครับ ใครดีเอ่ย" เอกชัยจะจับสลาก

เสียงอิงค์กี้ดังขึ้น "เล่นอะไรกันคะ น่าสนุกจัง"

อิงค์กี้เดินลอยหน้ามา ตามด้วย ม.ร.ว.เหมือนที่รีบเบียดเสนอหน้าเข้ามาพอๆกัน ทุกคน ณ ที่นั้นชะงักไป

"เกมนี่.. อิงค์กี้ชอบเล่นเกม" อิงค์กี้เข้ามาควงแสนเลย "อิงค์กี้เล่นด้วยนะคะด็อกเตอร์"
เพียงดาวไม่ชอบใจ "ขอโทษค่ะ นี่เป็นกิจกรรมภายในบริษัทเรา คนนอกกรุณาดูเฉยๆ มืออย่าต้องของจะเสียค่ะ"
"ฉันไม่ใช่คนนอก ฉันเป็นเพื่อนสนิทของแสน ผู้บริหารฝ่ายวิจัยของที่นี่" ม.ร.ว.เหมือนเข้ามาควงแสนด้วย
แสนอึ้งๆ เพราะทำหน้าไม่ถูกว่าทั้งสองคนนี้มาได้ยังไง บุรินทร์แอบขำ พิลาสินีส่ายหน้าที่ทั้งสองมากันจนได้
"แต่ก็ไม่ใช่คนในของบริษัทเรา แล้วเราก็จำกัดจำนวนคนไว้แล้วด้วย" เพียงดาวบอก
เอกชัยมองแล้วก็ปิ๊งไอเดียอะไรได้ เขาไปดึงตัวเพียงดาวมากระซิบกระซาบ
"เจ๊ ลองคิดดูนะ ระหว่างกีดกันพวกเนี๊ยะ กับให้เค้าได้เห็นด.ร.แสน กับ ด.ร.แพมสวีทกันอะไรจะมันส์กว่า"
เพียงดาวทึ่ง "แกนี่ร้ายได้โล่ห์นะยะ"
"ขอร้องอย่าชม" เอกชัยบอก
"แต่พวกนางมีกันสองคนนะ จะทำยังไง"
เอกชัยคิดแล้วก็เดินมาหาม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้
"พวกเราตกลงให้พวกคุณเล่นเกมด้วยก็ได้" เอกชัยบอก
ม.ร.ว.เหมือนพูด "เจอคนฉลาดๆ แบบนี้ ค่อยยังชั่วหน่อย"
เอกชัยพูดกับพนักงาน "งั้นเราจะขอปรับกติกานิดหน่อย ให้ตัวแทนของแต่ละทีม มี3 คน ชายหนึ่ง
หญิงสอง" เอกชัยมองทีมเอแล้วก็เข้าไปดึงตัวอันยามาทันที "ให้คุณอันเป็นตัวแทนอีกคนนึงแล้วกัน"
"ห๊ะ ฉัน ฉันได้เล่นด้วยเหรอ" อันยางงๆ
"เต็มที่ไปเลยนะครับคุณอัน" เอกชัยพูดกับม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้ "ส่วนพวกคุณสองคนอยู่ทีมเดียวกับผม"
อิงค์กี้ กับม.ร.ว.เหมือนอยากจะบ้า
"ไม่มีทาง ถ้าไม่คู่กับแสน อิงค์กี้ไม่เล่น"
"ให้จับคู่กับ..ไอ้หน้าปลวกเนี่ยเหรอ ฝันไปเถอะ" ม.ร.ว. เหมือนว่า
"นี่เค้าอนุโลมให้ขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่เคารพกติกา" เพียงดาวพูดเสียงเฉียบ "ก็เชิญออกไปได้เลยค่ะ"
อิงค์กี้ กับม.ร.ว.เหมือนเจ็บใจ ทั้งสองมองพิลาสินีกับอันยาที่ลอยหน้ายืนใกล้กับแสนว่าจะเอายังไงดี
เพียงดาวถามย้ำ "ไงคะ จะเล่นหรือไม่เล่น ?”

ม.ร.ว.เหมือนกับอิงค์กี้ยืนอยู่กับเอกชัยอย่างจำใจ
ม.ร.ว.เหมือนมองไปทางพิลาสินี อันยากับแสนที่ยืนห่างออกไปด้วยสายตาอาฆาต "เรื่องอะไรฉันจะให้แม่พวกนี้ควงแสนเข้าเส้นชัยไปง่ายๆ"
"แล้วเดี๋ยวด็อกเตอร์จะต้องเสียดายที่ไม่ได้คู่กับฉัน!” อิงค์กี้ว่า
ทั้งสองสาวยอมแข่งด้วยแรงอาฆาต
เอกชัยพูดกับบุรินทร์
"ผมต้องเข้าแข่งกับสาวๆแล้ว" เอกชัยเสยผมหล่ออย่างกระดี๊กระด๊ามาก "ส่งไมค์ต่อให้บอสเลยละกันนะครับ"
"แกนี่มันแผนสูงจริงๆ เอ้า ! ฉันรับช่วงให้"
บุรินทร์รับไมค์พร้อมสคริปท์มาทำหน้าที่กรรมการแทน ในรอบแรกเห็นตัวแทนทีมเอคือแสนและพิลาสินี ส่วนทีมบีคือเอกชัยและม.ร.ว.เหมือนที่อยู่ที่จุดสตาร์ท
"กติกาของเกมมีดังนี้ ทั้งสองทีมจะต้อง" บุรินทร์อ่านสคริปท์ "นำผลไม้ที่วางอยู่ตรงนี้ ไปเข้าเส้นชัย"
ลานแข่งมีผลไม้วางอยู่ที่จุดเริ่ม ระหว่างทางมีสิ่งกีดขวางให้ข้ามเป็นระยะๆ ปลายทางเป็นเส้นชัย
"โดยทั้งสองคนห้ามใช้มือจับ อ้าวแล้วให้ใช้อะไร?” บุรินทร์อ่านเองก็งงเอง
เอกชัยแทรกเข้ามา "ใช้ตรงนี้" เอกชัยจิ้มที่แก้ม "ช่วยกันหนีบน้องผลไม้ไปครับบอส"
พนักงานพากันโห่ฮิ๊ว อันยาอึ้งๆ เพราะหึงโดยไม่รู้ตัว แสนขำๆ ส่วนพิลาสินีเขิน
"รอบนี้ทีมที่ชนะจะมีคะแนน 5 คะแนน โอเค ทั้งสองทีมพร้อมนะ 3 2 ... 1 !!! ไป !!” บุรินทร์สั่ง
แสนหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาแนบที่แก้ม พิลาสินีเอาแก้มมาชิด พนักงานเผลอจิ้นกันมากมาย อันยามองอย่างจ๋อยๆ
เอกชัยพยายามจะให้ม.ร.ว.เหมือนเอาแก้มมาแนบ แต่ ม.ร.ว. เหมือนพยายามเอียงแก้มหนี
"อ้าวคุณ ! เห็นมั้ยว่าเค้าไปกันแล้ว" เอกชัยว่า
แสนกับพิลาสินีใช้แก้มหนีบแอปเปิ้ลไปด้วยกัน ม.ร.ว.เหมือนเห็นแล้วก็ฮึด
"แสน รอฉันด้วย !" ม.ร.ว. เหมือนดันแอบเปิ้ลเต็มแรงทำให้กดหน้าเอกชัยอย่างแรง
เอกชัยร้องออกมา "โอ๊ย! เบาๆ"
แสนกับพิลาสินีเจอสิ่งกีดขวางจึงต้องก้าวข้าม ทำให้ทั้งสองยิ่งต้องแนบแก้มชิดกันมากขึ้นเพื่อไม่ให้แอปเปิ้ลหล่น แสนพูดให้คิวให้ก้าวพร้อมกัน คนดูทั้งบุรินทร์ เพียงดาว เมขลา และพนักงานยิ่งเฮตามระยะความใกล้ชิด
เอกชัยกับม.ร.ว.เหมือนข้ามสิ่งกีดขวางมาแล้วก็เถียงกันทะเลาะกันทำให้ทั้งสองยักแย่ยักยันไม่ได้ข้ามสักที แสนพาพิลาสินีข้ามสิ่งกีดขวางมาได้ ทั้งสองคนดีใจ แอปเปิ้ลจะร่วง แสนรีบเอียงแก้มเข้าไปดันแอบเปิ้ลทำให้ใบหน้าและริมฝีปากใกล้กับพิลาสินีมากๆ ซึ่งก็ดันได้ทันทำให้แอปเปิ้ลไม่ร่วง แสนยิ้มโล่งอกที่แอปเปิ้ลไม่หล่น พิลาสินียิ้มเขิน
พนักงานคนอื่นๆ กรี๊ดกร๊าดสนั่นโดยเฉพาะเพียงดาว อันยามองแล้วใจจะขาด เอกชัยกับม.ร.ว.เหมือนข้ามสิ่งกีดขวางมาได้ แสนรีบพาพิลาสินีให้ไปถึงเส้นชัย
ม.ร.ว.เหมือนเร่ง "เร็วๆสิยะ" ม.ร.ว. เหมือนรีบเกินจนเหยียบเท้าเอกชัยเข้า
"จ๊าก" เอกชัยทรุดลงไปทำให้แอปเปิ้ลตก
แสนและพิลาสินีรีบไปที่เส้นชัย
"ว๊าย !!" ม.ร.ว. เหมือนรีบหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมา "มาสิ เร็วๆ!" เอกชัยลุกไม่ขึ้น
แสนจูงมือพิลาสินีมาเข้าเส้นชัยจนได้
ทีมเอปรบมือดังสนั่นมีแต่อันยาที่หน้าจ๋อยเพราะผิดหวัง ม.ร.ว.เหมือนเจ็บใจจึงเอาแอปเปิ้ลทุบเอกชัยเข้าให้ ทีมบีโห่เพราะไม่พอใจ
"ไม่ต้องเสียใจ เดี๋ยวเรามีรอบแก้ตัว รับรองคราวนี้เราชนะแน่ๆ"
เอกชัยพยายามปลอบใจเพื่อนร่วมทีม

เมรีกับอาโปเดินมาด้วยกัน อาโปคุยมือถือเพื่อเช็คความเรียบร้อย
"ออกเดินทางแล้วเหรอคะ ดีค่ะ รีบๆมาเลยนะคะ" อาโปวางสาย "เค้ากำลังมาค่ะ ลูกเค้าเก่าของยัยอันยาที่จะมาช่วยเราแฉโพยมัน"
"ดี ทีนี้แหละอย่าว่าแต่อนาคตทางการงานของยัยนั่นจะพังยับ ทั้งชีวิตยัยอันโก๊ะต้องล่มจมแบบกู้ไม่ขึ้น" เมรีว่า
"คุณแมรีคะ ...พอสอยนั่งนั่นปลิวไปแล้ว คุณแมรีได้ตำแหน่ง ยังไงก็อย่าลืมลูกน้องตาดำๆ คนนี้นะคะ"
"ฉันไม่ลืมหรอกน่า"
อาโปฟังแล้วก็ใจชุ่มชื่นระริกระรี้ เมรีมองหาวี่แววของอันยาแล้วถามพนักงานที่ผ่านมา

"น้องคะ พนักงานบริษัทเพียงพอดี เค้าจัดงานกันอยู่ตรงไหนเหรอคะ"

รอบที่สอง ทีมเอซึ่งมีแสนและอันยา ยืนประจำที่ ส่วนทีมบีคือเอกชัยและอิงค์กี้ บุรินทร์ประกาศ

"กติการอบที่สองเราจะให้พาผลไม้ไปส่งเหมือนเดิม แต่ว่า..ผลไม้ลูกเล็กลง"
ผลไม้ที่วางเตรียมไว้ใกล้จุดสตาร์ทคือชมพู่ เพียงดาวกับสมาชิกมองกันแบบไม่อยากจะเชื่อ
"ไม่ให้จูบกันไปเลยล่ะ แบบนี้" อิงค์กี้ว่า
"จะจูบเลย ผมก็ไม่ถือนะครับ" เอกชัยเสนอหน้า
อิงค์กี้ผลักหน้าเอกชัยออกอย่างรังเกียจ
"ทีมไหนชนะจะได้ไปเลย 10 คะแนน หมายความว่า ถ้าทีมบีชนะรอบนี้ก็จะมีคะแนนนำทีมเอที่ชนะในรอบแรกไปได้ใสๆ" บุรินทร์อธิบาย
เอกชัยฮึด "สู้ตายล่ะเว้ย"
"เตรียมตัว 3 2 1ไป"
แสนหยิบชมพู่มาให้อันยาช่วยกันเอาแก้มมาหนีบ คู่ของเอกชัยกับอิงค์กี้เริ่มอย่างไม่อิดออด แต่คู่ของแสนนำไปก่อน อิงค์กี้ไม่ยอมแพ้ลากเอกชัยให้เดินเร็วตามทำให้ตามมาไม่ห่างมาก
บุรินทร์ เพียงดาว และพนักงานต่างลุ้นระทึกและเชียร์ทีมของตัวเองกันเสียงดังสนั่น แสนพาอันยามาถึงสิ่งกีดขวางแล้วจะพาข้าม
"เดี๋ยวเราข้ามพร้อมกันนะคุณ พอผมบอกข้าม คุณค่อยข้ามนะ เอาล่ะ ข้าม"
แสนจะก้าวข้ามแต่อันยากลับไม่ข้าม
อันยาตกใจ "มันจะหล่นอ่ะ!!”
"ไม่หล่นหรอก เอางี้ คุณยืนเฉยๆ แต่ห้ามเอาแก้มออกจากชมพู่เลยนะ"
อันยางงว่าแสนจะทำอะไร แล้วแสนก็กอดเอวอันยาก่อนจะยกให้ตัวลอยขึ้นพาข้ามสิ่งกีดขวางไป พนักงานที่ดูอยู่ต่างโห่ร้องวิ๊วฮิ๊ว พิลาสินีมองแล้วรู้สึกพิกล ส่วนเพียงดาวไม่ชอบใจ บุรินทร์อึ้ง แสนพาอันยาข้ามมาจนได้
"ทำได้แล้วเห็นมั้ย" แสนเบนไปสบตา
อันยาสบตาแสนอึ้งๆ แล้วจู่ๆภาพพิลาสินีที่ใกล้ชิดกับแสนในรอบแรกก็ซ้อนเข้ามา
อันยานึกถึงภาพตอนที่แสนรีบเอียงแก้มเข้าไปดันแอบเปิ้ล ทำให้ใบหน้าและริมฝีปากใกล้กับพิลาสินีมากๆ แสนยิ้มโล่งอก พิลาสินียิ้มเขิน
อันยาชะงักอย่างไม่พอใจขึ้นมา เธอจะถอยออก
"คุณ!" แสนโน้มเข้าไปเพราะกลัวผลไม้หล่น แล้วเขาก็ล้ำเข้าไปมากเกิน
ทันใดนั้นริมฝีปากของแสนก็เผลอแตะริมฝีปากของอันยา ทุกคนอึ้งกันไปหมด พิลาสินีและม.ร.ว.เหมือนก็อึ้งมากๆ
เพียงดาวอึ้ง "แม่เจ้า"

อิงค์กี้ที่จับคู่กับเอกชัยอยู่เห็นช็อตนั้นเข้าก็ผละจากเอกชัยปราดเข้ามาตบหน้าอันยาดังเพี๊ยะ ทุกคนอึ้งตะลึงกันไปหมด
"นังหนังหน้าซีเมนต์เรียกพี่ แกกล้าขโมยจูบด็อกเตอร์เหรอ!!”
"อิงค์กี้ มันเป็นอุบัติเหตุ" แสนกันอิงค์กี้ออก
อันยาพุ่งเข้ามาต่อยสวนอิงค์กี้
อิงค์กี้ร้อง "อ๊าย !! หน้า หน้าฉัน !! รู้มั้ยว่าถ้าจมูกฉันหัก แกต้องชดใช้เท่าไหร่"
"แล้วทีทำหน้าคนอื่นเป็นรอยล่ะ ยัยนางเอกอันธพาล" อันยาโกรธ
อิงค์กี้ไม่พอใจ "แก๊ !”
อิงค์กี้เข้าไปตะลุมบอนอันยาทันที
"อันยา !" แสนจะเข้าไปช่วย
ม.ร.ว.เหมือนเข้ามารั้งแสนไว้
"แสน คุณโดนยัยนั่นทำมิดีมิร้าย เป็นอะไรมากมั้ยคะ" ม.ร.ว. เหมือนมองอันยากับอิงค์กี้ "ช่างสอง
คนนั่นเถอะค่ะ ให้เค้าเคลียร์กันตามประสาผู้หญิงเถอะ"
อิงค์กี้สู้อันยาไม่ได้เมื่อหันไปเห็นอุปกรณ์ที่เป็นสิ่งกีดขวางเธอก็คว้ามา
"แกกล้าทำหน้าฉันเสียโฉม !" อิงค์กี้จะฟาดอันยา
เอกชัยจะเข้ามาช่วยแต่ก็โดนอิงค์กี้ถีบออกไป อิงค์กี้เอาอุปกรณ์จะฟาดใส่อันยาด้วยความโกรธจนหน้ามืด ทันใดนั้นแสนก็เข้ามารับไว้แทน อิงค์กี้อึ้งและอุปกรณ์นั้นก็หลุดมือ
"ด็อกเตอร์ !”
บุรินทร์วิ่งเข้ามาขวาง "พอ พอกันซะที !!! อย่าให้ผมต้องแจ้งจับใครโทษฐานทำร้ายร่างกายเลย"
อันยาจะไปดูแสน แต่พิลาสินีวิ่งเข้ามาถึงตัวแสนก่อน
"แสน แสนคะ เป็นอะไรรึเปล่า"
พิลาสินีรีบดูอาการแสนทำให้ไม่มีที่ว่างให้สำหรับอันยาที่อยากจะเข้ามา อันยาชะงักไป
พิลาสินีโกรธ "แพมว่าแบบนี้เราปล่อยไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องแจ้งความแล้ว"
"ฉัน ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้จะตีด็อกเตอร์นะ ด็อกเตอร์อิงค์กี้ขอโทษ" อิงค์กี้มองอันยาด้วยความเจ็บใจ "นังอันยาเพราะแก แกคนเดียว"
"หยุดซะที !! ถ้าคุณรู้สึกผิดจริงๆ ผมขอให้คุณกลับไป"
"ด็อกเตอร์" อิงค์กี้ไม่พอใจ
"แสน แต่เค้าทำคุณเจ็บนะคะ" พิลาสินีย้ำ
แสนพูดเสียงเบาลง "ผมไม่อยากให้ทุกคนหมดสนุกกัน"
พิลาสินีถอนใจอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่อยากขัด
"งั้นก็รีบกลับออกไป ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ เอาเรื่องเธอ"
ม.ร.ว.เหมือนเอ่ยปากไล่ "ใช่ ชิ้วๆ ไป"
เพียงดาวพูดกับม.ร.ว.เหมือน "ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องคนอื่น ก็เชิญกลับไปด้วยค่ะ"
ม.ร.ว.เหมือนทำหน้าไม่อยากเชื่อ
"เกมมันจบแล้ว !! เชิญพวกคุณสองคนกลับไปได้" บุรินทร์พูด
ม.ร.ว.เหมือนและอิงค์กี้พูดไม่ออก อิงค์กี้เดินจ๋อยๆ ออกไป ม.ร.ว.เหมือนเสียดายแต่ก็ต้องไป แสนถอนใจที่หมดเรื่องซะที จากที่ลุ้นแข่งอยู่คนอื่นๆ ก็เปลี่ยนมาซุบซิบวิพากวิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทน อันยามองพิลาสินีที่ดูแลแสนอยู่แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองช่างห่างไกลและเอื้อมไม่ถึงทั้งสองคนจริงๆ

อันยาหลบมาอยู่ตามลำพัง เธอนึกถึงจูบกับแสนโดยบังเอิญ
อันยามีสีหน้าสะเทิ้น แต่แล้วภาพพิลาสินีกับแสนก็เข้ามาแทรกในหัวของเธอ อันยานึกถึงตอนที่มองพิลาสินีที่ดูแลแสนอยู่แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองช่างห่างไกลและเอื้อมไม่ถึงทั้งสองคนจริงๆ

อันยาพยายามปลอบใจตัวเอง
"แค่นี้อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ อันโกะ!”
เสียงคิมหันต์ดังขึ้น "พูดซะดัง เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก"
อันยาชะงักแล้วใจหายวาบ เธอหันขวับมาแล้วถอนหายใจจนลมแทบหมดปอด
"คิมบอม ฉันตกใจหมด!" อันยานึกได้

"แล้วแกมาที่นี่ทำไมเนี่ย?”

พอเมรีกับอาโปเดินมาถึงก็เห็นร่องรอยของกิจกรรมที่เลิกไปแล้ว พนักงานกำลังพักกินเบรกอะไรกันอยู่บ้างประปราย

"เหมือนเค้าจะพักเบรกกันอยู่นะคะเจ๊" อาโปบอก
อาโปมองไปเห็นแสนนั่งอยู่กับพิลาสินี พิลาสินีคนกาแฟบริการแสนอยู่
"อุ๊ย นั่นด็อกเตอร์แสนนี่ อยู่กับใคร?” อาโปสงสัย
"ไม่เห็นยัยอันยาเลย" เมรีสงสัยด้วย "ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ ?”
"ดูสนิทกันด้วยนะคะ"
เมรีกับอาโปมองตากันแล้วต่อมความสงสัยก็ชักจะทำงาน
เพียงดาวกำลังมองไปทางพิลาสินีกับแสนด้วยสายตาปลาบปลื้มพร้อมทั้งเม้าท์กับพนักงานแถวนั้น
"ดูแลกันกระจุ๋งกระจิ๋ง น่ารักจริงๆเลยเนอะ คู่เนี๊ยะ"
เมรีส่งซิกด้วยสายตาให้อาโปจัดการ อาโปกระแซะเข้าไปในกลุ่มที่เพียงดาวยืนอยู่
"ขอโทษนะคะ พอดี ฉันกับเพื่อนฉันคนเนี๊ยะ เคยเห็นด็อกเตอร์แสนในทีวี เราสองคนรู้สึกชื่นชมในตัวด็อกเตอร์มาก"
เพียงดาวได้ยินคำชมแสนก็พราวด์แทนขึ้นมาทีเดียว
เมรีพูด "ด็อกเตอร์ทั้งเก่ง ฉลาด แถมยังทำงานเพื่อสังคม คนแบบนี้หายาก อดปลื้มไม่ได้น่ะค่ะ" เมรีมองไป "แล้วผู้หญิงสวยๆที่นั่งข้างๆด็อกเตอร์นั่น..ไม่ทราบว่า เค้าเป็นใครเหรอคะ"
"นี่คุณไม่รู้จักด็อกเตอร์แพมเหรอคะ" พนักงานคนหนึ่งถาม
เมรีกับอาโปหูผึ่งขึ้นมาทันที เพียงดาวส่งสายตาเบรกพนักงานเข้าทำให้พนักงานไม่กล้าสาธยายต่อ
"เอ่อ เป็นความลับมากเลยเหรอ.. บอกแฟนคลับอย่างเราไม่ได้เลยเหรอคะ?” อาโปถาม
"ไม่ได้ ! ขืนให้พวกนี้เล่า เรื่องก็จืดชืดหมด" เพียงดาวทำหน้าเม้าท์ขึ้นมาทันที "ในฐานะที่พวกคุณชื่นชมด็อกเตอร์แสน ฉันจะเล่าแบบจัดเต็มเลยนะคะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะคือด็อกเตอร์แพม ชื่อเต็มๆ ว่าพิลาสินี สนิทกับด็อกเตอร์แสนมาก" เพียงดาวเม้าท์ไม่หยุด
เมรีกับอาโปฟังอย่างเมามันส์เลยทีเดียว

อันยารีบปกป้องตัวเอง
"ที่ด็อกเตอร์ใกล้ชิดกับด็อกเตอร์แพม มันเป็นเพราะเล่นเกม ไม่ใช่ว่าเค้าเลิฟกันอย่างที่คนในบริษัทเม้าท์หรอก"
"แต่อย่าลืมนะเจ๊ ถ้าเค้าไม่มีซัมธิงกันจริง ใครจะเม้าท์" คิมหันต์ว่า
"ที่ฉันพูดนี่ แกไม่เชื่อเลยใช่มั้ย" อันยานึกได้ "หนอย อ้างว่าเป็นห่วงจะมาช่วย แต่จริงๆแล้วไม่ไว้ใจกันมากกว่า นี่มาเช็คฉันเหรอ ?”
คิมหันต์ชะงักที่โดนจับได้ "ก็..ผมอยากให้แน่ใจ ว่าแผนการมันจะราบรื่น ผมห่วงงานของเรามันผิดด้วยงั้นเหรอ"
"ไม่ต้องห่วง แผนฉันสำเร็จแน่ๆ"
"ยังไง ?? เมื่อกี๊ก็ยังยืนบ่นคนเดียว ปลอบใจตัวเองอยู่เลย"
อันยาอึ้งที่คิมหันต์ย้อน เธอมีสีหน้ายุ่งยากใจว่าจะเคลียร์ยังไงดี
"ฉันมีวิธีก็แล้วกันน่ะ เดี๋ยวคอยดู"

อันยาเคาะประตูห้องพักแล้วยืนรออยู่ ประตูเปิดกว้างออกโดยแสน
"อันยา..”
"ฉัน..ไปขอยามาให้น่ะค่ะ นวดยาสักหน่อยนะคะ ..ที่ล้มเมื่อกี๊นี้มันจะได้ไม่ปวด"
แสนอึกอักและยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีเสียงของพิลาสินีจากในห้องลอดออกมา
"ใครมาเหรอคะ แสน"
อันยาชะงัก พิลาสินีเดินมามองและยืนคู่กับแสน
"อันยาเค้าเอายามาให้น่ะ" แสนบอก
พิลาสินีชูยาในมือตัวเองขึ้นให้ดู "พอดีฉันเอามาให้แสนเค้าแล้วล่ะ"
อันยาอึ้งๆ เพราะนึกไม่ถึง และไปต่อไม่เป็นเมื่อเจอแบบนี้
"งั้นก็..." อันยามองแสนหน้าเจื่อน "คงไม่มีอะไรให้ช่วย..แล้วสินะคะ"
อันยายิ่งจ๋อยมากไปกว่าเดิม เธอคอตกและกำลังจะเดินไป
"เอ่อเดี๋ยว.. เข้ามาก่อนสิ" แสนเรียกไว้ พิลาสินีแปลกใจ "เมื่อกี๊บอสให้ขนมมาเยอะแยะเลย มาเอาไปแบ่งคนอื่นๆด้วยนะ"
อันยาชะงักแต่ก็ยอมเดินเข้าไปในห้องแสน เธอเข้าไปหยิบขนม แสนถือหลอดยาที่พิลาสินีให้มา จะเข้าไปในห้องน้ำ
"ทาเองจะถนัดเหรอคะ ฉันทาให้ดีกว่า" พิลาสินีบอก
อันยาได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมองแสน แสนมองอันยาอย่างรู้สึกเกรงใจ แต่พิลาสินีรีบบอก
"ไม่ต้องอายคุณอันยาเค้าหรอกน่า ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะ ที่แสนเค้าชอบทำอะไรเกินตัวไปช่วยอาจารย์แบกของหนักๆบ้าง ช่วยเพื่อนบ้าง พอเดี้ยงขึ้นมา เดือดร้อนฉันนี่แหละต้องนวดยาให้ประจำ มาเร็ว"
พิลาสินีจับแสนมานั่งปลายเตียงแล้วจัดแจงทายาให้แบบเขินนิดๆ แต่พิลาสินีพยายามทำเนียนๆไว้ อันยาเห็นภาพความสนิทสนมขนาดนี้ก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
"ขอบ..ขอบคุณนะคะ สำหรับขนม งั้น...ฉัน..ฉันไปก่อนดีกว่า"
แสนมองอันยาจ๋อยๆ เจื่อนๆ แล้วก็รู้สึกเป็นห่วงนิดๆ
อันยารีบเดินออกมาแบบไม่กล้าสู้สายตาของแสนและพิลาสินี อันยามายืนไหล่ลู่และจ๋อยยิ่งกว่าเดิมที่หน้าประตู ความเก่งเมื่อครู่ที่บิลค์มาไว้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้

คิมหันต์ยืนคอยอยู่บริเวณชายหาด พอเห็นอันยาเดินหน้านิ่งมาเขาก็รีบเดินมาเช็คผล
"ไงเจ๊ แผนทายาให้ด็อกเตอร์เป็นไงบ้าง ได้ผลมั้ย"
อันยาไม่อยากตอบและไม่อยากพูดถึง
"พูดอะไรหน่อยสิเจ๊ นี่คิดอะไรอยู่" คิมหันต์ว่า
อันยาสีหน้าสับสน กับภาพของแสนและพิลาสินีที่ได้เจอ มันพูดไม่ออกจริงๆ แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้น
เสียงเมรีดังขึ้น "ด็อกเตอร์แสนกับด็อกเตอร์พิลาสินีเค้าเหมาะสมกันจริงๆเลย"
คิมหันต์มองอันยาที่ริมฝีปากไม่ขยับเขาคิดในใจว่าใครพูด?
เมรีและอาโปเดินเฉิดฉายออกมา อันยากับคิมหันต์ชะงักว่าสองคนนี้มาได้ยังไง
"พวก...พวกเธอ มานี่มีธุระอะไรกันไม่ทราบ" อันยาถาม
"ก็แวะมาดูแฟนของเพื่อนหน่อยสิจ๊ะ แฟนเก่ายังไม่ทันหาย ก็อ้างว่ามีแฟนอีกรายแล้ว" เมรีว่า
"แต่ไม่ยักกะเห็นวี่แววความสวีทเลยนะคะ มีแต่คนเค้ารุมกันอวยด็อกเตอร์แสนกับด็อกเตอร์แพม ไม่รู้คนที่อ้างว่าตัวเองเป็นแฟน เอาอะไรมาอ้าง" เมรีพูด
อันยาโกหก "แฟนกันไม่จำเป็นต้องไปยืนโชว์ตัวคู่กันเสมอหรอกนะ คนที่ไม่มีแฟน ได้แต่แอบควงแขนผู้ชายของคนอื่น ไม่เข้าใจหรอก"
เมรีรู้ว่าโดนแขวะ "ยัยอันยา ! ลำบากแล้วยังไม่รู้ตัว รู้มั้ยว่าใครอนุญาตให้ฉันมาที่นี่"
"ใครบางคนทำงานย่ำอยู่กับที่ บอสก็เลยให้คุณแมรีกับอาโปมาตรวจดูการทำงาน"
อันยากับคิมหันต์ตกใจ "ว่าไงนะ !”
"ไม่เชื่อ ก็โทรถามบอสได้เลยนะ" เมรียื่นมือถือให้
อันยาชะงักไปอย่างแรง

พิลาสินีเดินออกจากห้องมาพร้อมกับแสนรับสาย
พิลาสินีแปลกใจนิดๆ "บอสมีเรื่องจะคุยกับฉันงั้นเหรอ? ค่ะ ได้ค่ะ" พิลาสินีวางสายแล้วพูดกับแสน คุณเพียงดาวโทรมาบอกว่าบอสมีเรื่องอยากคุย ไม่รู้เรื่องอะไร"
"งั้นคุณไปเถอะ ผมคงเดินเล่นอยู่แถวนี้"

พิลาสินีพยักหน้าแล้วเดินไป พอแยกกับพิลาสินีแล้วแสนก็เดินไปทางหนึ่ง

 
อ่านต่อหน้า 3

อันโกะกลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 6 (ต่อ)

อันยารู้ว่าเมรีกล้ายืนยันขนาดนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง เธอหาทางย้อนกลับ

"ถ้ามาเช็คงานจริงๆก็ดี! แต่ถ้ามาเพราะมีจุดประสงค์อื่น ฉันคงต้องรายงานบอสถ้ามีใครมารบกวนการทำงาน"
"ฉันว่าฉันกับยัยอาโปยังรบกวนการทำงาน น้อยกว่าด็อกเตอร์แพมคนสวยนั่นเยอะคนทั้งออฟฟิศลือกันให้แซ่ดว่าสองคนนั่นเป็นคู่รักตัวอย่าง ขณะที่เธอ ซึ่งอ้างว่าเป็นแฟนด็อกเตอร์แสน กลับดูแบบว่า…"
"เป็นแค่เลขาบ้านๆ เบ๊ๆน่ะค่ะ"
เมรีกับอาโปหัวเราะเยาะกันครืนใหญ่ อันยาเม้มริมฝีปากเพราะถูกจี้ใจดำ
คิมหันต์กระซิบอันยา "ยืนทำสมาธิอยู่ได้ยังไงเจ๊"
"ก็มันจริง" อันยาได้สติก็ฮึดบอกเมรีกับอาโป "ฉันไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไร" อันยานึกถึงคำพูดเลี่ยนๆที่เคยได้ยินมาก็พูดไปแบบไม่ค่อยมั่นใจ "ความรักที่คุณแสน เค้ามีต่อฉัน จะพิสูจน์ตัวมันเอง"
เมรีกับอาโปได้ยินแล้วยิ่งขำหนัก อาโปทำท่าจะอาเจียน
"อุ๊ย แพ้ท้องเหรอยะแก" เมรีว่า
"แพ้คำพูดบางคำน่ะค่ะ พูดออกมาด๊าย" อาโปว่า
อันยากับคิมหันต์มองหน้ากันแล้วรู้สึกว่าเสียปากเพราะไม่น่าพูดจริงๆ ยิ่งพูดยิ่งแย่ไปกันใหญ่
"เอ บอสจะว่ายังไงน๊า ถ้ารู้ว่าความจริงที่พวกเรามาเห็น มันไม่ได้ตรงกับที่บางคนขายของเอาไว้ ถ้าบอสรู้เข้าว่าจริงๆแล้ว เธอไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไรของด็อกเตอร์ล่ะก็..”
อันยาสะดุ้งเฮือกว่าจะทำยังไงดี เมรีพูดไม่ทันจบดีก็มีเสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งดังมาซึ่งก็คือแสนนั่นเอง
"อันยา คุณมาอยู่นี่เองเหรอ" แสนถาม
อันยาเห็นแสนเข้ามาก็ราวกับเห็นแสงสว่างของชีวิต เธอรีบเข้าไปเกาะแขนเหมือนกับคนที่พลัดพรากกันมานาน
"คุณแสน ไม่เจอกันตั้งหลายนาที คิดถึงจังเลยค่ะ" อันยาพูด
อันยากอดแขนแสนแล้วอ้อนยังกับลูกแมว เมรี อาโป แม้กระทั่งคิมหันต์ก็เหวอกันไป แต่คนที่เหวอที่สุดก็คือแสน
แสนถามอย่างไม่สบายใจ "อันยา... คุณเป็นอะไร?”
อันยาเนียนเป็นแฟนแสนต่อ "แหม ไม่ต้องอายหรอกค่ะ คนกันเองทั้งนั้น ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนเก่าฉันน่ะค่ะ"
แสนมองเมรีแล้วก็รู้สึกคุ้นๆหน้า "คุณ ? ที่เคยมาถามหาคนกับผมนี่"
อาโปคันปากมากจึงเข้ามากระซิบเมรี "อยากจะบอกด็อกจริงๆ ว่าโดนนังนี่มันหลอก"
"ถ้าบอสรู้ว่าเราแฉมันต่อหน้า ได้เด้งกันพอดี" เมรีหันมาบอกแสน "ค่ะ อันยาเป็นเพื่อนที่ฉันตามหาตัวอยู่"
อันยากระซิบบอกแสน "จริงๆแล้ว เค้าเป็น..แฟนใหม่ของแฟนเก่าฉันค่ะ"
แสนฟังแล้วก็อึ้งๆ เมรีมองอันยาแบบซ่อนแววตาที่แค้นไว้ไม่มิด ส่วนอันยามองเมรีแล้วคิดหาทางรอดอย่างหนัก
อันยากระซิบต่อ "คุณไปถามคุณเมก็ได้ ฉันพยายามหลบหน้า เพราะเค้าชอบหาว่าฉันเป็นต้นเหตุให้ผู้ชายคนนั้นไม่ใส่ใจเค้า ทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่"
อันยาหันมาพูดกับเมรีแบบจงใจให้ตีความได้หลายทาง
"เรื่องอดีตน่ะ ให้มันจบไปเถอะนะ ตอนนี้ ฉันกับด็อกเตอร์รักกันแล้ว ฉันไม่มีทางทำให้ใครผิดหวังหรอก"
อาโปอิจฉาจึงบ่นกับเมรี "นี่! มันได้ควงด็อกเตอร์จริงเหรอคะเนี่ย"
"คนบางคนพูดคล่องไปซะหมดทุกเรื่อง แต่บางคน แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าพูดโกหกไม่เก่ง" เมรีว่า
อันยากับคิมหันต์เหล่ๆ ว่าเมรีจะทำอะไรกันแน่
"ด็อกเตอร์แสนคะ คุณน่ะ" เมรีถามทันที "เป็นแฟนกับเพื่อนฉันอยู่จริงเหรอคะ"
อันยากับคิมหันต์มองหน้ากันเพราะเมรีเล่นถามแบบนี้แล้วแสนจะช่วยโกหกไหม อันยามองแสน ด้วยแววตาอ้อนวอน คิมหันต์กุมขมับเพราะคิดว่าแย่แล้ว แสนมองอันยาแค่แวบเดียวแล้วชั่งใจคิด
"ลำบากใจที่จะตอบความจริง ยังงั้นเหรอคะ ?” เมรีถามย้ำ
เมรีมั่นใจมากๆ ว่าครั้งนี้จะต้องจับโกหกอันยาได้ แสนอึดอัดกับคำถาม อันยากับคิมหันต์ลุ้น เมรีกับอาโปก็ลุ้นอยากให้อันยาหน้าแตก
"ผมไม่แน่ใจ...” แสนโพล่งขึ้น
"โป๊ะเช๊ะ!! นั่นไงล่ะ" อาโปว่า
เมรีเชิดหน้าอย่างเหนือกว่าทันที ส่วนอันยาแทบจะทรุด
"เพราะผมไม่ถนัดกับการใช้.. คำว่าแฟน ผมบอกได้แค่ ผมไม่อยากเห็นอันยาเค้าเสียใจ หรือว่าไม่สบายใจ เค้าเป็นคนที่ผม อยากเห็น..ว่าเค้ายิ้มได้" แสนยิ้มบางๆ "เวลาที่เค้ายิ้มโลกมันสดใสขึ้นนะ.. พวกคุณไม่รู้สึกเหรอ"
เมรีกับอาโปได้แต่อึ้งกันไป
แสนเห็นสายตาอิจฉาของเมรีก็ชะงักไปก่อนจะเตือนเมรี "ถ้ามีใครทำให้อันยาเค้าไม่สบายใจ ผมก็อยากให้คนๆนั้น ลองทบทวนดูใหม่ ทำให้คนอื่นไม่มีความสุข ก็เท่ากับทำลายความสุขของตัวเราเองด้วยนะครับ"
แสนแตะมืออันยาที่เกาะแขนของเขาไว้เบาๆ และส่งสายตาปกป้องพร้อมกับให้กำลังใจ อันยารู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ เมรีกำมือแน่นจนสั่นเทิ้มเพราะพูดหรือเถียงอะไรไม่ออก

อาโปยังเดินตาเคลิ้มลอย
"เค้าเป็นคนที่ผม อยากเห็น..ว่าเค้ายิ้มได้ เวลาที่เค้ายิ้มโลกสดใสขึ้น โอ๊ยยย จะมีสักคนมั้ยที่มาพูดแบบนี้กับเราบ้าง" อาโปเคลิ้ม
เมรีหยิกเข้าให้จนอาโปร้องว้าย
"ให้จับผิดมัน ว่าเล่นตุกติกกับบอสรึเปล่า ไม่ใช่ให้มาเคลิ้มมาอินน์แบบนี้"
"คุณแมรีอ่ะ ก็ด็อกเตอร์พูดซะ.. ขนาดนั้น จะไปจับผิดอะไรอีกล่ะคะ ซึ้งยิ่งกว่าบอกว่าเป็นแฟนตรงๆซะอีก"
เมรีตาเขียวปั๊ด
อาโปตบปากตัวเอง "พูดผิดค่ะ นังนั่งมันต้องมารยา หรือว่าทำของใส่ด็อกเตอร์แน่ๆ"
"ฉันไม่น่าปรานีมันเลย" เมรีว่า
อาโปทำตาโตว่าปรานีตรงไหน
เมรีพูดต่อ "น่าจะใช้แผนแฉความลับมันแต่แรก ดันไปเลื่อนซะ !! เพราะอยากจับโกหกมันเรื่องเป็นแฟนด็อกเตอร์ บอสจะได้รู้ว่าไว้ใจคนผิด"
"แต่ทีนี้ชีก็ดันคบกับด็อกเตอร์แสนจริงๆ แล้วเราจะเอายังไงต่อคะคุณแมรี"
เมรีไม่ตอบแต่แววตายังแสดงว่าไม่ยอมจบ

แสนกับอันยาเดินอยู่ด้วยกันด้วยท่าทางที่ดูเขินๆ เหมือนเพิ่งผ่านการสารภาพรักกันไปยังไงไม่รู้
"ขอบคุณมากนะคะ ที่อุตส่าห์ช่วย...” อันยาพูด
"แค่ขอบคุณเองเหรอ" แสนว่า
"คุณชอบทวงบุญคุณคนตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"ไม่ใช่กับทุกคน แค่บางคน ผมก็อยาก..ทวงรางวัลบ้าง"
อันยามองตาแสนแล้วก็รู้สึกยิ่งเขินมากเข้าไปอีก คิมหันต์ที่คุยมือถือเสร็จเดินตามมาสมทบ
"ขอบคุณนะครับด็อกเตอร์ ที่เมื่อกี๊อุตส่าห์ช่วยเจ๊เล่นละครตบตา"
อันยาชะงักไปทันที แสนเองก็อึ้ง อันยามองแสนว่าจะตอบอะไรคิมหันต์ แต่แสนก็ไม่ตอบปฏิเสธ
"ผมก็แวะมาดูเจ๊ เพราะเป็นห่วงนี่แหละ ศัตรูเก่าเค้าเยอะครับ"
อันยาตาเขียวใส่คิมหันต์
"มีคนโทรมาตามตัวแล้ว ผมคงต้องไปล่ะ" คิมหันต์ว่า
คิมหันต์ไม่วายดึงอันยามาย้ำกันสองคนแบบระวังไม่ให้แสนได้ยิน
"เจ๊ เชื่อผมเถอะ รีบหาทางปิดจ็อบด็อกเตอร์ เพราะเราไม่รู้ว่ายัยเมรีจะมาไม้ไหนอีก"
คิมหันต์เตือนอันยาก่อนจะผละไป

อันยาฟังคำเตือนของคิมหันต์แล้วก็ชักจะหนักใจขึ้นมา

ฟากบุรินทร์พูดอย่างซีเรียสพร้อมวางรายงานของพิลาสินีลง

"รายงานที่ส่งมาเนี่ยยังพรีเซนท์ไม่ได้"
พิลาสินีชะงักเพราะมั่นใจในตัวเองมาตลอดจึงไม่อยากเชื่อ
"จะไม่ได้ได้ยังไงคะ ฉันก็ทำมาถูกต้องทุกอย่าง"
"แต่ข้อมูลภาคสนามของคุณยังอ่อนเกินไป" บุรินทร์บอก
พิลาสินีถึงกับหลบตาบุรินทร์ไปวูบหนึ่ง
"บอสก็ทราบนี่คะ ว่าแพม..ยังไม่มีเวลาลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล"
"ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องจำกัดขอบเขตโปรเจ็คท์ลงมา" บุรินทร์บอก พิลาสินีมีสีหน้าหนักใจ "คงจะแก้ไม่ทันพรีเซนต์วันพรุ่งนี้แล้วล่ะ ถ้าไงครั้งนี้ก็ให้แสนเค้าพรีเซนต์ไปก่อน ส่วนคุณค่อยกลับไปแก้แล้วพรีเซนต์ใหมที่บริษัทก็แล้วกัน"
พิลาสินีรีบบอกเพราะเสียหน้า "ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแค่นี้แพมจัดการได้ แค่แก้งานให้เสร็จทันวันพรุ่งนี้ก็พอใช่มั้ยคะ"
"แพมแต่ว่า มันไม่มีความจำเป็นที่คุณต้องรีบเร่งขนาดนั้นนะ"
"พรุ่งนี้ ฉันจะพรีเซนต์แข่งกับแสนเค้าตามกำหนดการเดิม ขอโทษนะคะที่ทำให้บอสต้องยุ่งยาก"
พิลาสินีดึงเปเปอร์คืนมาแล้วลุกเดินออกไปทันที บุรินทร์มองตามอย่างไม่ค่อยสบายใจ

เมขลาไม่อยากเชื่อ
"ค้นข้อมูลด่วน ตอนเนี๊ยะน่ะเหรอคะ ?”
พิลาสินีพูดเสียงเครียด "ใช่ เธอค้นจากเว็บไซด์บริษัทนะ จากฐานข้อมูลส่วนกลางน่ะ แล้วรีบเอามาให้ฉันด่วนที่สุด" พิลาสินีส่งทัมไดร์ฟให้
เมขลารับมา "ค่ะ"
เมขลารับปากพิลาสินีแต่ยังมีสีหน้ากังวลเพราะรู้สึกได้ถึงความเครียดของพิลาสินี

คิมหันต์เดินครุ่นคิดมาจากด้านหนึ่งโดยไม่ทันได้สังเกตทาง เมขลาเดินถือกระเป๋าโน้ตบุ๊คมาด้วยสีหน้าเครียดๆ ก่อนจะเลี้ยวตรงหัวมุมแล้วชนเข้ากับคิมหันต์อย่างจังทำให้กระเป๋าโน้ตบุ๊คหล่นตุ้บไปบนพื้น!!!
"ขอโทษ ขอโทษครับ เป็นอะไรรึเปล่า"
พอเห็นว่าเป็นเมขลาคิมหันต์ก็อึ้งไป เมขลาก็เช่นกัน
"นาย !!”
เมขลาทำสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่วีน เธอรีบหาของพอเห็นว่ากระเป๋าโน้ตบุ๊คกองคลุกฝุ่นอยู่กับพื้นก็อึ้ง
เมขลาตกใจ "ตายแล้ว พังรึเปล่าเนี่ย"
เมขลารีบคว้ากระเป๋าโน้ตบุ๊คขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นเดือดเป็นร้อน
"เอ่อ คงไม่เป็นไรมั๊งครับ" คิมหันต์แย่งมาปัดฝุ่นให้ "หล่นแค่ทีเดียวเอง"
คิมหันต์ปัดๆ เขย่าๆ แล้วซิปที่ปิดไว้ไม่สนิทก็ดันอ้าออกทำให้โน้ตบุ๊คเปลือยๆหล่นตุ้บลงมา กระแทกกับพื้นเต็มๆ คิมหันต์ถือซองโน้ตบุ๊คค้างโดยพูดไม่ออก เมขลาหน้าซีดจนเหลือสองนิ้วแล้ว

คิมหันต์ถือกระเป๋าโน้ตบุ๊คอีกใบนึงมาให้
"ผมไปยืมเจ๊อันโกะมาให้คุณใช้ก่อน เห็นว่ารีบ ส่วนคอมที่เสีย ซ่อมเสร็จแล้วก็ส่งบิลมาที่ผมแล้วกันนะ"
เมขลาหงุดหงิดแต่ไม่อยากวีน คิมหันต์จัดแจงเปิดโน้ตบุ๊คของอันยาที่ไปยืมมาให้
ระหว่างที่รอหน้าจอโหลดอยู่ คิมหันต์ก็ถาม "เออ ทำไมบอสคุณต้องการข้อมูลด่วนตอนนี้ ผมรู้จากเจ๊ว่าพรุ่งนี้จะพรีเซนต์กันแล้ว อย่าบอกนะ ว่าเจ้านายคุณยังทำงานไม่เสร็จ"
คิมหันต์หยอกขำๆ แต่เมขลายิ่งรู้สึกไม่ดีที่คิมหันต์ดันพูดถูก เธอยิ่งหน้าเสียลงกว่าเดิม
หน้าจอโน้ตบุ๊คติด ไฟล์ต่างๆโชว์บนเดสก์ท็อป มีไฟล์นึงตั้งชื่อว่า “โครงการชุมชนเกษตรอินทรีย์และข้อมูลการลงพื้นที่โดยละเอียด-หมู่บ้านนกกระเต็น
เมขลาตัดบท "ใช้ได้แล้วใช่มั้ยคะ"
เมขลาเข้ามาใช้โน้ตบุ๊คเปิดเว็บไซด์ของบริษัทเพื่อเข้าไปในหัวข้อ “ข้อมูลการวิจัยในพื้นที่” แล้วเห็นว่ามีไฟล์ออกมาเพียบ
เมขลาอึ้ง "ทำไมมันมีเยอะแบบนี้ แล้วอันไหนใช้ได้บ้างเนี่ย?”
เมขลาเอาโน้ตที่จดสำหรับแจกพิลาสินีออกมาดูพร้อมกับไล่อ่านชื่อไฟล์การวิจัยด้วยหน้าตาคร่ำเคร่ง
คิมหันต์ดูอยู่สักพักก่อนบอก "หาแบบนั้น นายคุณรอเหงือกแห้งแน่ๆ" คิมหันต์ช่วย "ทำแบบนี้สิครับ"
คิมหันต์กดปุ่มคอนโทรลเอฟแล้วกรอกคำเฉพาะเข้าไป มีไฮไลท์คำที่ตรงกันโชว์ขึ้นมาเต็มไปหมด
"แค่นี้ก็ตัดชอยส์อันที่ไม่ใช่ออกไปได้ตั้งเยอะ" คิมหันต์บอก
เมขลาโล่งอก "จริงด้วยค่ะ" เมขลารู้สึกผิดกับคิมหันต์ "ขอโทษนะคะ ทีแรกฉันเครียดไปหน่อย เจ้านายฉัน ด็อกเตอร์แพมต้องแก้งานด่วน ต้องหาข้อมูลพื้นที่วิจัยอย่างละเอียดมาให้ได้น่ะค่ะ"
คิมหันต์ฟังเมขลาแล้วก็ชะงักไป
"ที่เจ้านายคุณต้องการคือข้อมูลพื้นที่วิจัย อย่างละเอียด?”
เมขลาพยักหน้าและตั้งใจเซิร์ซหาต่อไป คิมหันต์ปรายสายตาไปยังไฟล์ที่เห็นผ่านตาตั้งแต่แรก ก่อนจะอ่านตามชื่อไฟล์เบาๆ
“โครงการชุมชนเกษตรอินทรีย์ และข้อมูลการลงพื้นที่โดยละเอียด-หมู่บ้านนกกระเต็น”
คิมหันต์คิดแล้วมีสายตาที่มีแผนการอะไรบางอย่าง

อันยาแสดงสีหน้าประหลาดใจ
"คุณว่าอะไรนะคะ"
"ผมชวนคุณไปดื่มกาแฟ มันแปลกตรงไหนเหรอครับ" แสนบอก
"ด็อกเตอร์แพมไม่ว่างเหรอคะ" อันยาแอบประชด "ถึงได้มาฆ่าเวลากับเลขาอย่างฉัน"
"ผมชวนคุณกินกาแฟ เกี่ยวกับแพมตรงไหน อุตส่าห์จะปลอบใจ เห็นว่าคุณเพิ่งเจอโจทย์เก่ามา"
อันยาอึ้งไป "คุณจะปลอบใจฉันจริงๆน่ะเหรอ"
"เวลาเจอเรื่องแย่ๆ พักจิบกาแฟสักหน่อย กลิ่นหอมของกาแฟช่วยแก้เครียดได้นะ จะได้ไม่หน้าย่นแบบนี้ไง"
แสนเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากกลางหว่างคิ้วของอันยาที่หัวคิ้วผูกกันเป็นโบว์อยู่
"อุ๊ย ! คุณแสน"
"ไป กินกาแฟกัน จะได้ไม่เครียด" แสนจูงมืออันยาไปเฉยเลย
อันยามองมือแสนที่จูงมือตัวเองไว้แล้วก็เขินเบาๆ แสนกับอันยาเดินไปด้วยกันในบรรยากาศสบายๆ

ทั้งสองแอบเขินกันบางจังหวะ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกสดชื่นอบอุ่น

พิลาสินีและเมขลาเซ็ทมุมทำงานขึ้นในห้องพักของพิลาสินี พิลาสินีดูไฟล์ข้อมูลที่เมขลาค้นมา แล้วถามขึ้น

"โครงการชุมชนเกษตรอินทรีย์ พร้อมข้อมูลการลงพื้นที่อย่างละเอียด ไฟล์นี่เธอได้มาจากไหน"
เมขลาเข้ามาดูชื่อไฟล์ "เอ๊ะ เมเซฟไฟล์นี้มาด้วยเหรอเนี่ย ด็อกเตอร์ให้เมค้นจากฐานข้อมูลรวมของบริษัท ก็คงจะมาจากที่นั่นแหละค่ะ"
พิลาสินีเปิดไฟล์ออกดูก็เห็นว่ามีรายละเอียดต่างๆอยู่มากพอสมควร พิลาสินีชั่งใจคิด

หลังจากฟังรีเซปชั่นคอนโดบอก ทวยเทพก็ไม่อยากจะเชื่อ
"คุณอันยาไปต่างจังหวัด ?”
"ค่ะ ฉันเห็นมีกระเป๋าเดินทางเยอะเลยน่ะค่ะ เลยถามดู"
ทวยเทพบ่น "โทรไปก็ไม่รับสาย นี่ยังหายตัวไปอีก" ทวยเทพหงุดหงิดจึงหันไปถามรีเซฟชั่น "แล้วนี่เค้าไปที่ไหน เค้าบอกไว้รึเปล่า?”

เพียงดาวรบเร้าพิลาสินีซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางกองงานที่ยังแก้ไขอยู่ เมขลาคอยพิมพ์งานให้
"ประกวดเถอะนะคะ ทุกคนเค้ารอดูด็อกเตอร์กันทั้งนั้น ถ้าด็อกเตอร์ไม่เข้าร่วมงานกร่อยแย่" เพียงดาวว่า
"ตอนแรกก็คิดจะไปหรอกนะ แต่นี่ฉันยังแก้งานไม่เสร็จ" พิลาสินีบอก
เพียงดาวฟังแล้วก็เดือดร้อน เธอมองไปทางเมขลาเพื่อขอให้ช่วยกระตุ้นอีกแรง
"ด็อกเตอร์คะ ที่บรีฟมาให้เมพิมพ์ก็เกินครึ่งแล้ว ไปร่วมสนุกกับทุกคนก่อนสัก 2-3 ชั่วโมง แล้วค่อยมาทำต่อ ก็น่าจะได้นะคะ" เมขลาบอก
เพียงดาวรีบเสริม "ถูก !! ไม่ต้องไปนานก็ได้ นะค๊ะ"
พิลาสินีโดนรบเร้ามากๆ เข้าก็คิด เธอมองไปที่กองงานที่เป็นห่วงอยู่ว่าจะเอายังไงดี?

กองเสื้อผ้าและเครื่องสำอางค์วางเกลื่อนอยู่ภายในห้องพักของอันยา อันยามาร์คหน้าอยู่พลางเลือกชุดอย่างวุ่นวาย คิมหันต์ที่รู้เรื่องข้องใจขึ้นมาทันที
"ประกวดมิสเพียงพอดี !! เสียเวลาเปล่าน่าเจ๊ หาแผนอื่นที่มันได้ผลกว่านี้เหอะ"
อันยาหันมา "ก็ถ้าทุกคนเค้าเห็นว่าฉันสวย ฉันเริ่ด แล้วแก คิดว่าด็อกเตอร์จะว่ายังไง"
"ก็..คงมีปลื้มๆบ้าง ยังไงเค้าก็..ผู้ชายอ่ะนะ"
"เห็นมั้ย แล้วที่ฉันทำมันเสียเวลาตรงไหน!" อันยานึกขึ้นมาได้ "วันเนี๊ยะเค้ายังบอกยัยเมรีกับอาโป" อันยาเคลิ้ม "ว่าเวลาที่ฉันยิ้ม โลกมันสดใสขึ้น"
คิมหันต์มองอันยาที่อินจัดแล้วก็รู้สึกว่าเยอะไป
"เพราะงั้นฉันต้องรีบฮุคเข้ากลางใจของเค้า จะปล่อยไว้นานไม่ได้" อันยายิ้มมั่นใจ "ฉันรู้สึกนะ ว่าจะได้รู้ความจริงในใจด็อกเตอร์แสน เร็วๆนี้แหละ"
อันยามั่นใจแล้วมาร์คจะหลุด เธอรีบจับเอาไว้แทบไม่ทัน คิมหันต์ฟังๆแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะจริงเหรอ

พนักงานอิ่มอร่อยกับบาร์บีคิวอาหารทะเลในบรรยากาศสุดชิลและเฮฮา โต๊ะใกล้เวทีมีบุรินทร์ กับแสนนั่งอยู่ด้วยกันพร้อมพนักงานอื่นๆบางคน เอกชัยขึ้นมากล่าวบนเวที
"อิ่มกันรึยังครับทุกคน" เอกชัยถาม เสียงพนักงานรับว่าอิ่ม "ถ้าไม่อิ่มก็เลี้ยงไม่ไหวแล้วล่ะครับ" พนักงานฮา "ทีนี้ก็ได้เวลาที่ทุกคนรอคอยโดยเฉพาะหนุ่มๆอย่างผม ใช่แล้วครับ การประกวดมิสเพียงพอดี จะเริ่มขึ้น ณ บัดนาว"
บุรินทร์ แสน และพวกพนักงานพากันปรบมือ
"มาลุ้นกันนะครับว่าค่ำคืนนี้ สาวงามท่านไหนของเราจะได้ชื่อว่าเป็นนางฟ้าของเพียงพอดี ผมขอเชิญว่าที่นางฟ้ารายแรกขึ้นมาให้เราได้ปลาบปลื้มกันเลยนะครับ เริ่มจากเบอร์ 1น้องเปิ้ล จรัสศรี"
สักพักน้องเปิ้ลก็เดินออกมา แต่น้องเปิ้ลหน้าตาป้ามากๆ
"สวัสดีครับน้อง" เอกชัยตกใจ "เย้ย น้องของแม่รึเปล่าครับเนี่ย"
พนักงานหน้าเวทีขำกัน

คิมหันต์เดินกลับออกมาคนเดียวเพื่อเตรียมจะกลับ แล้วเขาก็หันไปมองทางด้านที่จัดงานซึ่งมีเสียงเฮฮาดังเข้ามา
คิมหันต์นึกเป็นห่วงขึ้นมา "จะไหวรึเปล่านะเจ๊?”
คิมหันต์คิด

ผู้เข้าประกวดหลายคนยืนเรียงกันประมาณ 7 คนอยู่บนเวที
"ผมเพิ่งรู้นะครับว่าพนักงานบริษัทเรา มีแต่คนสวยๆ" เอกชัยว่า
พนักงานที่ยืนเรียงกันอยู่ยิ้มแก้มปริเมื่อโดนชม
"สวย ไป-หมด ไม่เหลือเบย"
พนักงานจิกหน้าใส่เอกชัย
"ล้อเล่นน่ะครับ" เอกชัยปาดเหงื่อ "ทีนี้" เอกชัยดูสคริปท์ในมือ "ขอเชิญทุกท่านพบกับ"
รองเท้าของอันยาก้าวขึ้นมาจากบันได
เอกชัยประกาศ "สาวงามหมายเลข 8 นางสาวอันยา"
"รักษ์เรืองรอง"
อันยาปรากฎกายขึ้นบนเวทีพอดีกับซาวด์ที่รับกันอย่างพอเหมาะ เอกชัยที่ยืนหน้าทะเล้นอยู่กลางเวทีถึงกับชะงัก
บุรินทร์ แสน รวมถึงเหล่าพนักงานซุบซิบกัน

อันยาที่อยู่บนเวทีสวยแบบจัดเต็ม มีออร่าเปล่งประกายมาก
"ว๊าว นางเงือกน้อยผุดขึ้นมากมหาสมุทรรึเปล่าครับเนี่ย" เอกชัยตั้งสติได้ก็หันไปบอกผู้ชม "ปรบมือให้ผู้ประกวดหมายเลขแปดของเราหน่อยครับ" เอกชัยปรบมือนำ

สปอร์ตไลท์ส่องอันยา หล่อนโปรยยิ้มที่ดูสวยกินขาดให้ ทุกคนบนเวทีออกมา

ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างทยอยกันปรบมือ บุรินทร์ก็ปรบมือให้ด้วย ขณะหันไปเย้าแสน

"เลขาคุณเข้าประกวดไม่เห็นบอกกันเลยนะ"
แสนมัวแต่มองอยู่ทำให้ทีแรกไม่ได้ยิน "ว่าไงนะครับบอส"
บุรินทร์รู้ว่าแสนมองเพลิน "เอ้อ...ดูไปเถอะ"
แสนยิ้มอายๆ ที่โดนบุรินทร์จับได้ว่ามองอันยาไม่วางตา
เพียงดาวเดินหน้าจิกเข้ามา
"เห่อกันอยู่ได้ ไม่เห็นจะสวยตรงไหน"
บุรินทร์กับแสนชะงัก
"อ้าวคุณเพียงทำไมคุณเพิ่งมา"
"ติดเรื่องหญิงๆนิดหน่อยน่ะค่ะบอส"
บุรินทร์พยักหน้าแล้วถามประเด็นอื่นแทน "นี่ถ้าขนาดอันยาคุณว่าไม่สวย แล้วต้องขนาดไหนถึงจะสวยล่ะ"
เพียงดาวยิ้ม

เอกชัยตื่นเต้นกับอันยาอย่างออกหน้าออกตา
"ผมว่าไม่ต้องโหวตเราก็คงจะได้ผู้ชนะกันแล้วนะครับ"
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆมองค้อนเอกชัยกันให้ควับ
เอกชัยรีบบอก "ครับๆ โหวตก็ได้ แต่ความจริงมันก็ต้องเป็นความจริงวันยันค่ำ โอเค เดี๋ยวผมจะให้พนักงานทุกคนโหวตเลือกมิสเพียงพอดีของเรานะครับ"
เมขลาเดินมายกมือให้สัญญาณกับเอกชัย
"อะไรนะครับคุณเม ยังมีผู้เข้าแข่งขันอีกคนนึง เอ..." เอกชัยพูดกับพนักงาน "รู้มั้ยครับ ว่าใครเอ่ยที่ยังไม่ได้ขึ้นมาบนเวที"
เอกชัยถามไปทางพนักงาน ทุกคนต่างส่งเสียงขึ้นมาว่า ด.ร.แพม ด.ร.แพม แล้วเสียงเรียกชื่อ ด.ร. แพมก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
อันยามองไปทางพนักงานที่เรียกหา ด.ร. แพมยังกับแฟนคลับเรียกศิลปินแล้วก็ชักใจเสีย
"งั้นขอเชิญผู้เข้าประกวดหมายเลข 9 ด็อกเตอร์พิลาสินี ครับผม" เอกชัยประกาศ
พิลาสินีเดินขึ้นมาในลุคสวยสง่ามีรสนิยมผสมสไตล์การแต่งกายที่มีกลิ่นอายของการมาพักผ่อนที่ทะเล
พนักงานชอบใจ หลายคนพากันเชียร์พิลาสินีไปตามๆกัน พนักงานต่างปรบมือให้ยกใหญ่

พิลาสินีทักทายทุกคน
"สวัสดีค่ะ บอส และพนักงานทุกคน เอาใจช่วยฉันด้วยนะคะ"
พิลาสินียิ้ม เสียงปรบมือก็ยิ่งดังขึ้น อันยามองพิลาสินีแบบไม่นึกเลยว่าแฟนคลับของเธอจะเหนียวแน่นขนาดนี้

เพียงดาวยิ้มเย้ย
"ทีนี้ทราบคำตอบแล้วใช่มั้ยคะบอส"
"แต่ผมว่า" บุรินทร์มองไปทางแสน "อันยาเค้าก็สวยไม่น้อยกว่าแพมนะ ว่ามั้ยแสน?”
แสนชะงักเมื่อเห็นบุรินทร์กับเพียงดาวมองมาเหมือนรอคำตอบ แสนยิ้มๆ ไม่พูดอะไร
"เดี๋ยวดูผลโหวตจากทุกคนก็ทราบค่ะ ว่าทุกคนเค้าเห็นว่าใครสวยกว่า"
เพียงดาวพูดอย่างมั่นใจ

เมขลาเอากล่องไปรับผลโหวตจากพนักงานที่ต่างก็เขียนผลโหวตใส่กระดาษแล้วหย่อนใส่กล่อง พนักงานต่างร่วมโหวตกันอย่างกระตือรือร้น

เอกชัยมายุบุรินทร์
"เลือกคุณอันยาสิครับบอส สวยแนวใหม่ ฉีกสไตล์ไม่ซ้ำใคร นานๆบริษัทเราจะมีแบบนี้สักคน ต้องสนับสนุนคลื่นลูกใหม่นะครับบอส"
"เหลวไหล" เพียงดาวค้าน "เลือกด็อกเตอร์แพมเท่านั้นค่ะบอส สวยเลอค่าอมตะคลาสสิครสนิยมกินขาด เลือกเลยค่ะบอส"
"พวกคุณทำยังงี้ กดดันผมนะเนี่ย" บุรินทร์คิด "ถามแสนดีกว่า"
บุรินทร์หันไปแต่ปรากฎว่าเก้าอี้ของแสนว่างเปล่า
บุรินทร์งง "อ้าว ไปไหนแล้วล่ะ?”
"สงสัยไปเข้าห้องน้ำมั๊งครับ" เอกชัยบอก
เมขลาเดินมาบอกเอกชัย
"ต้องรีบแล้วล่ะ เดี๋ยวด็อกเตอร์แพมต้องกลับไปเคลียร์งานต่อ เมเก็บผลโหวต" เมขลาคิด "น่าจะครบแล้วนะ"
ระหว่างเอกชัยและเพียงดาวกำลังฟังเมขลาอยู่ บุรินทร์ก็รีบเขียนแล้วรีบพับกระดาษหย่อนใส่กล่องโหวตของเมขลา
"บอส เลือกใครไปคะ ?” เพียงดาวถาม
"เดี๋ยวผลออกมาก็รู้เอง ผมมั่นใจว่าคนที่ผมเลือกต้องชนะ" บุรินทร์บอก
บุรินทร์ยิ้มกริ่มทำเอาเพียงดาวกับเอกชัยไม่กล้าซักต่อ
"งั้นก็รีบประกาศผลโหวตเลยค่ะพี่เอก" เมขลาบอก
"โอเคๆ"
เอกชัยเดินนำเมขลาไป เมขลาตามไปพร้อมกล่องใส่ผลโหวต

เอกชัยถือไมโครโฟนเตรียมประกาศผล ผู้เข้าประกวดยืนพร้อมเพรียงกันอยู่
"ถึงเวลาประกาศผลกันแล้วนะครับ แหม..ผมล่ะตื่นเต้นจริงๆ" เอกชัยว่า
ผู้เข้าประกวดตื่นเต้นกันเบาๆ แต่อันยาตื่นเต้นมากเพราะอยากชนะ ขณะที่พิลาสินียืนสง่าอย่างมั่นใจและไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย

เอกชัยแกะซองดูแล้วก็ชะงัก "เอ๊ะ !! เอาล่ะสิครับ มีผู้เข้าประกวดของเราสองคนที่ได้คะแนนโหวตสูงสุด ! เท่ากันครับ"
บรรดาผู้ร่วมงานต่างเซอร์ไพร์สและอยากรู้กันมากขึ้น
"คนแรก ก็คือ...." เอกชัยเว้นวรรค ดนตรีขึ้น "ด็อกเตอร์พิลาสินี" พิลาสินียิ้มที่เป็นไปอย่างที่คิด" อันยาลุ้นๆ
เอกชัยประกาศต่อ "และคุณ.....อันยา"
อันยาโล่งที่ติดโผคะแนนเยอะสุดด้วย
"ทีนี้จะตัดสินยังไงดีครับเนี่ย"
พนักงานด้านล่างซุบซิบ วิพากวิจารณ์กัน
ทันใดนั้นเอกชัยก็มองตัวเลขบนกระดาษสรุปผลโหวตแล้วก็นึกขึ้นได้
"เดี๋ยวครับ จำนวนสมาชิกที่ส่งผลโหวตทั้งหมดมี 60 คน แต่จริงๆแล้ว พวกเรามีกัน61 คน ถ้าอย่างนั้น ต้องมีคนนึงที่ยังไม่ได้โหวต ไม่ทราบว่าเป็นใครครับ"
แสนเพิ่งเดินกลับเข้ามาที่โต้ะด้านหน้าเวทีพอดี
บุรินทร์รีบถาม "แสน เมื่อกี๊นี้นายยังไม่ได้โหวตมิสเพียงพอดีใช่มั้ย"
"เอ่อ..ครับ" แสนรับ
"นี่ เค้าป่วนกันหมดแล้ว แพมกับอันยาคะแนนเท่ากัน ตัดสินไม่ได้อยู่นะ" บุรินทร์ยกมือบอกเอกชัย "ด็อกเตอร์แสนยังไม่ได้โหวต"
"โอเคครับ งั้นผมขอผลโหวตสดๆจากด็อกเตอร์เลยก็แล้วกัน" เอกชัยพูดกับพนักงาน "เรามาดูกันครับคะแนนเดียวจากด็อกเตอร์แสนจะตัดสินว่าระหว่างด็อกเตอร์พิลาสินี กับคุณอันยา สาวงามท่านใดจะได้ครองตำแหน่งมิสเพียงพอดีของเรา"
แสนอึกอักเพราะรู้สึกลำบากใจขึ้นมา พนักงานเริ่มส่งเสียงเชียร์ พนักงานหญิงต่างเชียร์พิลาสินี “ด็อกเตอร์แพมๆๆ” พนักงานชายที่มีท่าทางเฮฮาส่งเสียงเชียร์อันยา “อันยา อันยา”
พิลาสินีและอันยาชักจะตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อกองเชียร์แบ่งออกเป็นสองฝ่ายแบบนี้
เอกชัยย้ำ "เชิญด็อกเตอร์โหวตได้เลยครับ"
อันยาส่งสายตาไปทางแสน ในขณะที่พิลาสินีก็มองไปทางแสน
แสนอึกอัก "ผม......”
อันยามองแสนด้วยแววตาขอโหวตเต็มที่
"ผมเลือก..." แสนลำบากใจแต่ก็พูดออกไป "ด็อกเตอร์แพม"
เพียงดาวทำท่าเยส ! กองเชียร์พิลาสินีปรบมือดีใจกันยกใหญ่
พิลาสินีที่เริ่มหวั่นๆ ยิ้มออก
เอกชัยอึ้งไปแต่ก็รีบยิ้มทำหน้าที่ "ปรบมือให้กับด็อกเตอร์พิลาสินี มิสเพียงพอดีของเราครับ"
ทุกคนปรบมือทั้งคนที่เลือกและไม่เลือกพิลาสินี บรรยากาศเข้าสู่การสังสรรค์ร่วมกันอีกครั้ง
พิลาสินีพูดออกไมโครโฟน "ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ขอบคุณค่ะ"
พิลาสินีปรายตามามองทางแสนแล้วยิ้มให้แสนอย่างมีความสุข อันยามองภาพที่พิลาสินียิ้มให้กับแสนแล้วแสนยิ้มตอบ โดยที่ตัวเองนั้นเป็นผู้แพ้
 
อันยาไหล่ตกและรู้สึกแทบหมดแรง

 
อ่านต่อหน้า 4

อันโกะกลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ณ คลับหรูกลางกรุง เมรีกำลังง่วนกับการคุยมือถือในขณะที่อาโปนั่งมองเด็กเสิร์ฟตาเป็นมัน

"มาไม่ได้แล้ว? ก็ตอนแรกคุณรับปากฉัน? เป็นเพราะฉันเลื่อนนัดก็เลยไม่ว่างแล้ว"
เมรีวางสายอย่างอารมณ์เสีย เธอหันไปต่อว่าอาโป
"รู้จักช่วยกันบ้างมั้ย เคสที่ดีลไว้จะให้มาแฉยัยอันยา ก็เปิดไปแล้วหมดแล้วเนี่ย"
"วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักๆจากเรื่องงานซะบ้างเถอะค่ะ" อาโปส่งสายตาให้เด็กเสิร์ฟ "น่ารักจังเลย ชื่ออะไรเหรอเราน่ะ"
เมรีเซ็ง เธอคว้ากระเป๋าทำท่าจะกลับ แต่พอหันไปก็เห็นทวยเทพยืนอยู่
"ขอ..ผมนั่งด้วยคนได้มั้ย พอดีเบื่อๆ อยากหาเพื่อนคุย" ทวยเทพพูดเลียนแบบไดอะล็อคของเมรีในอดีต
เมรีไม่อยากเชื่อ "เพื่อนคุยงั้นเหรอ คงไม่ใช่ฉันหรอก"
เมรีจะเดินไป ทวยเทพคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ อาโปที่กำลังดริ้งค์หันมามองตาโต ในใจคิดว่าโอ๊ว มีหนุ่มมาหลีนายเรา
"ครั้งที่แล้ว เราก็ยังไม่ได้.." ทวยเทพจงใจใช้คำที่มีนัยยะ "ไปอิ่มอร่อยด้วยกันเลย"
"อย่าพูดถึงครั้งที่แล้วเลย! ให้ฉันพูดตรงๆมั้ย คุณน่ะมันแหย! กลัวแฟนจนขึ้นสมองหน้าอย่างคุณไม่มีทางควงผู้หญิงคนอื่นได้ รอแฟนเอาสายจูงมาคล้องคอพาไปเดินก็พอ"
เมรีฉะทวยเทพเสร็จก็จะเดินไป ทวยเทพล็อคตัวเมรีเอาไว้แล้วจูบตรงนั้นเลย อาโปอ้าปากหวอและเผลอทำดริงค์หกไม่รู้ตัว
เมรีผลักทวยเทพออกแล้วตบเพี๊ยะเข้าให้ เธอคว้ากระเป๋าวิ่งออกไปจากตรงนั้น แขกบนฟลอร์ที่เห็นเหตุการณ์มองตามกันไปบ้างประปราย

เมรีออกมาสงบสติอารมณ์เพราะไม่นึกว่าจะโดนจู่โจมขนาดนี้ เธอเช็ดริมฝีปาก
"ไอ้..ไอ้บ้า !”
เมรีตั้งสติได้ก็จะเดินออก แล้วเธอก็ชะงักเมื่อเห็นทวพเทพมายืนรออยู่ด้วยสีหน้าจ๋อยๆ ลง
"ผมขอโทษ..ก็คุณ ท้าผมแบบนั้นทำไม เรื่องอันยา ผมไม่ได้แหย ไม่ได้กลัวเค้ามากขนาดจะเอาไปเปรียบกับ..ไอ้พวกสี่ขานั่น ผมก็แค่เกรงใจอันเค้าเฉยๆ" ทวยเทพบอก
เมรีเสียงดัง "หยุด !!”
ทวยเทพชะงัก
"ถ้าตอนนี้คุณพูดถึงยัยอันยาอีกคำ !! ก็ลืมไปได้เลย" จากสีหน้าโกรธ สีหน้าเมรีค่อยๆเปลี่ยนเป็นเซ็กซี่ "เรื่องที่..จะได้เดทกับฉันอีก"
"ก็ผมแค่อธิบาย..." ความหมายของเมรีเพิ่งเข้าหูทวยเทพ "อะ..อะไรนะ"
เมรีไม่พูดซ้ำแต่จากใบหน้าโกรธเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างมีจริตไปแล้ว ทวยเทพเห็นสีหน้าของเมรีเช่นนั้นจากที่จ๋อยอยู่ เขาก็เริ่มจะยิ้มออก

อันยาเดินใจลอยแล้วเผลอทำกระเป๋าถือหล่น เธอเพิ่งรู้ตัวจึงหันกลับไปหา แสนเดินมา กระเป๋าอันยาหล่นอยู่ไม่ห่างจากแสนมากนัก
"ผมเก็บให้" แสนก้มลงจะเก็บ
"ไม่ต้องค่ะ" อันยารีบเข้ามาแย่งเก็บไปก่อน
แสนชะงักเพราะรู้สึกได้ถึงอาการแปลกๆของอันยา อันยาเก็บกระเป๋าเสร็จก็ไม่สบตาแสน เธอหันขวับจะไปทันที
"นี่คุณ ..โกรธอะไรผมรึเปล่า" แสนถาม
อันยาชะงัก "โกรธคุณ ? ฉันจะโกรธคุณทำไมไม่ทราบ"
อันยาปฏิเสธแล้วเดินสะบัดออกไป แต่แล้วเธอก็หยุดแล้วหันกลับมา
"คุณก็แค่มองว่าฉันไม่สวย แล้วใครจะไปโกรธคุณได้"
แสนชะงัก แล้วคิดว่างานเข้าซะแล้ว
"แต่ก็แปลกนะ.. เมื่อกลางวันคุณเพิ่งบอก ว่าฉันยิ้มแล้วโลกมันสดใสขึ้น เพิ่งรู้ว่าคำชมของคนเรา มันขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวชม เดี๋ยวไม่ชม" อันยาว่า
แสนคิดแล้วบอกอันยา "คุณไม่ได้อยากชนะหรอก"
อันยาซึ่งนอยด์ใส่แสนอยู่ถึงกับงง
แสนพูดต่อ "แล้วคุณก็ไม่ได้อยากสวยที่สุดด้วย"
อันยาไม่อยากเชื่อ "ฉันไม่อยากชนะ ไม่อยากสวยที่สุด?”
แสนพยักหน้า
"แต่งมาซะขนาดนี้เนี่ยนะ ไม่อยาก?” อันยาถาม
"ใช่ คุณก็แค่..มาร่วมกิจกรรมสนุกๆ เพื่อทำให้ทุกคนเค้ามีความสุขกัน ถ้าไม่มีคุณซะคนงานเราคงไม่สนุกขนาดนี้"
"อ๋อเหรอ? เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าฉันเป็นคนดีขนาดนี้!" อันยาประชดแสนแล้วเดินไปทันที
แสนมองอันยาที่เดินงอนไปแล้วก็ใจหายเบาๆ "ให้คุณชนะ แล้วแพมเค้าแพ้ ทั้งงานก็กร่อยน่ะสิ"
แสนถอนใจเพราะต้องยอมให้อันยาโกรธ

อันยาหลบมายืนอารมณ์เสียอยู่คนเดียว
"บ้ารึเปล่า พูดมาได้ไงว่าเราไม่อยากชนะ ไม่อยากสวย"
อันยาหงุดหงิดเพราะทั้งเสียแผน ทั้งเสียอารมณ์

ผู้คนทยอยเดินออกจากผับเพื่อเตรียมกลับ ในกลุ่มคนมีเมรีเดินออกมาพร้อมกับอาโป
"ฉันมาคิดๆดู ควงนายนั่นไว้ก็ไม่เสียหาย" เมรีบอก
"ถ้าเป็นอาโปนะ ได้กล้ามๆขนาดนั้น..จะใช้งานให้คุ้มเลย" อาโปบอก
"แต่ฉันอยากใช้งานด้านอื่นมากกว่า จะว่าไปวิธีแฉยัยอันยาก็มีอีกตั้งหลายวิธี" เมรีดีดนิ้ว "ฉันจะใช้นายทวยเทพนี่แหละ มาเล่นงานมัน"
เมรีตาเป็นประกายเมื่อแผนเอาคืนร้ายๆ เริ่มขึ้นแล้ว

เช้าวันต่อมา เอกชัยหาวปากกว้างมากๆ ในสภาพหัวยุ่งเหยิง เขามีอาการเมาค้างและยังไม่ตื่นดี
"ห๊าว โดดสัมมนาได้มั้ยเนี่ย เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ตี 3 แน่ะ"
บุรินทร์เดินมา "เหรอ น่าสงสารเนอะ ปะ ลาออก !! ไปเมาซะให้พอ"
"โหย บอส พะ พูดเล่นคร๊าบบบ ถึงง่วงแค่ไหน ผมก็ยังฟิตเพื่องานของเราเสมอ"
เอกชัยลุกลน เขาวิ่งไปตรงที่รินน้ำส้มแล้วรีบรินใส่แก้วอย่างเร็ว
เพียงดาวที่อยู่ตรงนั้นพอดีเอ่ยเตือน "เบาๆหน่อยสิยะ!”
เอกชัยดื่มน้ำส้ม "อ๊าสส์ ตาสว่างแล้วครับ พร้อมประชุมเต็มร้อยเลยครับบอส"

บุรินทร์และทุกคนขำอาการรีบแก้ตัวของเอกชัย

อันยานั่งกินมื้อเช้าอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าที่ฟ้องว่าอารมณ์ยังไม่ดีขึ้น แสนเดินเข้ามาเห็นอันยาแล้วก็คิดอะไรบางอย่าง อันยาเอามีดหั่นแฮมในจานอาหารเช้าอย่างโหดเหี้ยม แล้วแสนก็เดินเข้ามา
"เค้าว่าเริ่มต้นวัน ให้อารมณ์ดีเข้าไว้ ทั้งวันจะได้มีแต่เรื่องดีๆ" แสนบอก
อันยาไม่สนและไม่ตอบแสน เธอยังคงหั่นแฮมต่อด้วยท่าทางโหด
"เวลาอารมณ์ไม่ดี ผมจะดูรูปตลกๆแก้เครียด คนเนี๊ยะ ตลกมากเลยนะ รับรองว่าดูแล้วต้องยิ้ม" แสนบอก
อันยาเบ้หน้าเบ้ตาไม่สน ไม่มอง เธอเอาแต่หั่นแฮม แสนยื่นมือถือมาให้ดู อันยาไม่อยากจะมอง แต่ก็ชักจะอดไม่ได้ ภาพในมือถือของแสนเป็นสแน็ปช็อตหน้าอันยาตลกๆในหลายอิริยาบททั้งตอนแอบหลับ ตอนกิน ตอนโก๊ะๆ
อันยาถึงกับทำมีดหั่นแฮมร่วง เธอมองหน้าแสนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"นี่! นี่คุณแอบถ่ายรูปฉันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่"
แสนยิ้มกริ่มแต่ไม่ตอบคำถาม
"ถ่ายไว้ตั้งหลายรูปแน่ะ..ถ่ายทำไม ?” อันยาถาม
อันยามีหน้าตาที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
แสนเลี่ยงไม่ตอบตรงๆ "นั่นสิ ทำไมนะ?" แสนยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้น "เมื่อคืนแค่เลือกตามใจ
เสียงส่วนใหญ่ แต่ส่วนตัว ผมว่า..." แสนชี้ที่ภาพในมือถือ "ดูแล้วอารมณ์ดีแบบนี้แหละ สวย”
อันยาฟังแสนแล้วก็อึ้งไป แสนชักเขิน เขาเก็บมือถือแล้วเดินไป
อันยาวางอุปกรณ์การกิน เธอยังทำอะไรไม่ถูกอยู่อึดใจก่อนจะเผลอยิ้มออกมา
"บ้า..”
แสนเหลือบมองปฏิกิริยาอันยา เมื่อเห็นว่าเธอยิ้มแล้วเขาก็โล่งอก อันยาเห็นว่าแสนมองมาก็แกล้งเก็กหน้าเหมือนเดิม แต่แสนยกนิ้วก้อยง้อ อันยาจะฟอร์มต่อก็ฟอร์มไม่รอดจึงหลุดอมยิ้มให้เห็นจนได้ แสนยิ้มกว้างอย่างดีใจที่เห็นว่าอันยาหายโกรธ อันยาซ่อนรอยยิ้มไม่ได้อีกต่อไป
ขณะที่สองคนส่งยิ้มให้กันอยู่ มือถือของอันยาก็ดังขึ้น อันยาสะดุ้งแล้วรีบหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ
"คิมบอม..”

อันยาชะงักไป

อันยาเดินมารับสายนอกห้องอาหาร

"แกมีอะไร เดี๋ยวฉันต้องเข้าห้องประชุมแล้วนะ ใกล้ได้เวลาเข้าสัมมนาแล้ว"
คิมหันต์มีสีหน้าไม่สบายใจ
"เจ๊ ผมก็..ไม่แน่ใจนะ แต่..ถ้าหากว่า ระหว่างพรีเซนต์มีอะไร"
อันยาฟังคิมหันต์ก็รู้สึกได้ถึงพิรุธ
คิมหันต์พูด "คือ.. ถ้าหากว่ามีปัญหาอะไร" อันยานิ่วหน้า "เจ๊ก็อย่าลืม หาทางยื่นข้อเสนอของวิชชั่นออฟฟิวเจอร์ให้ด็อกเตอร์แสนล่ะ"
"คิมบอม นี่แกทำอะไร? มีเรื่องอะไร ทำไมการพรีเซนต์ครั้งนี้มันถึงจะมีปัญหา?”
คิมหันต์ยิ่งร้อนรนใจมากขึ้นกับคำถามของอันยา
"ผม.." คิมหันต์ตัดสินใจไม่เล่าตอนนี้ "มันอาจจะ..ไม่มีอะไรก็ได้! เอาเป็นว่า เจ๊ลองดูสถานการณ์ก็แล้วกันนะ แค่นี้ก่อนนะเจ๊"
อันยาเรียกคิมหันต์
"คิมบอม นี่ ! คุยกันให้รู้เรื่องก่อน นี่แกแอบทำเรื่องอะไรไว้ คิมบอม"
คิมหันต์วางสายไปแล้ว อันยาโทรซ้ำแต่ทว่า..
"ปิดโทรศัพท์!”
อันยาอึ้งและชักใจไม่ดี

คิมหันต์มองมือถือแล้วพูดเหมือนพูดกับอันยา
"โทษนะเจ๊ เฮ้อ...บาปมากมั้ยวะเนี่ย ด็อกเตอร์แพมอาจจะไม่ใช้ก็ได้" คิมหันต์เดินกลับไปมาเพราะเครียด "ถึงใช้ก็ไม่เป็นไรน่ะ! ยังไงด็อกเตอร์แสนก็จะได้งานใหม่ที่วิชชั่นอยู่แล้วนี่"
คิมหันต์พยายามปลุกปลอบตัวเองจากความรู้สึกผิด

พิลาสินีเตรียมตัวอยู่ที่หัวโต๊ะสำหรับประชุม บุรินทร์เข้ามาหาพิลาสินี
"คุณโอเคแน่เหรอแพม"
"บอสไม่เชื่อใจกันตั้งใจเมื่อไหร่คะ" พิลาสินีว่า บุรินทร์ชะงักไป "นั่งฟังให้ดีๆ รอเซอร์ไพร์สกับโปรเจ็คท์ของแพมดีกว่าค่ะ รับรองว่าบอสจะไม่ผิดหวัง"
พิลาสินีมั่นใจจริงอย่างที่พูดแล้วเธอก็หันไปเตรียมตัวต่อ บุรินทร์ไปนั่งอย่างไม่มีทางเลือก แสนที่นั่งข้างบุรินทร์ดูสบายๆและอารมณ์ดีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่พนักงานทุกคนก็มานั่งรอฟังกันพร้อมแล้ว
พิลาสินีพูดใส่ไมค์โครโฟน
"สวัสดีค่ะ ท่านประธานในการสัมมนา" พิลาสินีมองไปทางบุรินทร์ "และพนักงานเพียงพอดีทุกคนที่จริงหัวข้อที่ดิฉันตั้งใจจะพรีเซนต์ตอนแรกไม่ใช่อันนี้หรอกนะคะ แต่หัวข้อใหม่เนี่ยมีข้อมูลสมบูรณ์ และน่าสนใจกว่า ลองฟังกันดูนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขออนุญาติเริ่มเลย..”
พิลาสินีเปิดไฟล์พรีเซนต์เทชั่นขึ้น ภาพจากโปรเจ็คเตอร์ฉายลงบนฉากขาวด้านหลัง ชื่อโครงการปรากฎขึ้นบนจอ “โครงการชุมชนสีเขียว แผนปรับปรุงวิถีเคมีสู่การเกษตรอย่างยั่งยืนหมู่บ้านนกกระเต็น”
บุรินทร์กับแสนที่นั่งดูการพรีเซนต์อยู่เห็นแค่วรรคแรกก็ชะงัก
"เอ๊ะ" บุรินทร์พูดกับแสน "แค่ชื่อยังคล้ายกันเลยเหรอ โปรเจ็คท์ของคุณกับแพมเนี่ย"
แสนก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน เขามองบนจอต่อ อันยาเข้ามาในห้องทีหลัง พอเห็นชื่อโปรเจ็คท์ของพิลาสินีเธอก็เพ่งมองด้วยความรู้สึกตะหงิดๆ
พิลาสินีคลิ๊กไปสู่หน้าถัดไปเพื่อโชว์ให้เห็นหัวข้อสำคัญๆในการนำเสนอ บุรินทร์ซึ่งอ่านเปเปอร์ของแสนแล้ว รวมทั้งแสนและอันยาอึ้งกันไปหมด
"คุณแสน ทำไมโปรเจ็คท์ของด็อกเตอร์แพม คล้ายกับของคุณเลยล่ะคะ" อันยาถาม
"ไม่ใช่แค่คล้ายนะ นี่มันฐานข้อมูลเดียวกัน แนวคิดอันเดียวกัน ต่างกันแค่ชื่อเท่านั้นเอง" บุรินทร์ว่า
"งานร่างแรกของคุณแพม เป็นแบบนี้รึเปล่าคะ" อันยาถาม
บุรินทร์ส่ายหน้า "ไม่ใช่" บุรินทร์พูดกับแสน "แสน ข้อมูลของคุณไปอยู่ที่แพมได้ยังไง"
เพียงดาวกับเมขลาที่นั่งห่างออกมาต่างแปลกใจที่ทั้งสามคนซุบซิบกันหน้าตาซีเรียส

"ทางนั้นมีเรื่องอะไรกันน่ะ"

บุรินทร์บอกแสนอย่างร้อนใจ

"ไม่ได้ ผมต้องระงับการพรีเซนต์ของแพมเอาไว้ก่อน"
"บอส ทำแบบนั้นไม่ได้นะครับ" แสนว่า
พิลาสินีพรีเซนต์อย่างภูมิใจ เธอมองมาทางบุรินทร์และแสนด้วยความสงสัยว่ามีอะไรกัน แต่เธอก็ยังคงต้องนำเสนองานต่อไป
"โปรเจ็คท์มันอันเดียวกัน ถ้าให้แพมพรีเซนต์ แล้วคุณจะเอาอะไรพรีเซนต์ แบบนี้คุณจะกลายเป็นฝ่ายที่มีปัญหาแทนนะแสน" บุรินทร์บอก
บุรินทร์บอกแสนด้วยสีหน้าเป็นห่วง แสนอึ้ง เขามองไปทางพิลาสินีอย่างหนักใจ อันยาหน้าซีด เมื่อนึกถึงคำพูดคิมหันต์ขึ้นมา
"ถ้าหากว่ามีปัญหาอะไร เจ๊ก็อย่าลืม หาทางยื่นข้อเสนอของวิชชั่นออฟฟิวเจอร์ให้ด็อกเตอร์แสนล่ะ"
อันยานึกโกรธคิมหันต์ เธอหันไปมองแสนที่หนักใจอยู่ด้วยความสงสารจับใจ

บุรินทร์ แสน และอันยาถกเครียดเพื่อพยายามหาทางออก
"ผมไม่นึกเลยจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้" บุรินทร์บอก "นายเก็บข้อมูลภาคสนามนั่นมาตั้งนานทำไมห๊ะ แสน ทำไมไม่ให้ผมระงับการพรีเซนท์ของแพม"
"ถ้าทำแบบนั้น แพมก็จะเสียหน้า และมีปัญหาความน่าเชื่อถือ ในสายตาพนักงานคนอื่นนะครับ" แสนบอก
อันยาไม่อยากเชื่อว่าแสนยังห่วงพิลาสินี "แล้วตัวคุณเองล่ะคะ คุณแสน คุณไม่ห่วงชื่อเสียง แล้วก็เครดิตงานของตัวเองเลยเหรอ ถ้าคุณไม่ได้พรีเซนต์"
"ไม่รู้ล่ะ ในฐานะที่ผมเป็นบอสของพวกคุณ ผมจะให้คุณโดนเอาเปรียบแบบนี้ไม่ได้ แพมต้องหยุดพรีเซนต์ แล้วต้องมาเคลียร์กันก่อน ว่าเค้าไปเอาข้อมูลของคุณมาได้ยังไง" บุรินทร์ว่า
บุรินทร์ไม่ฟังใครแล้ว เขาจะกลับเข้าไปในห้องประชุม
"บอสครับ บอส" แสนเสนอ "ถ้างั้น ผมมีทางออกอีกทางนึง"
แสนยื่นข้อเสนอออกไป

พิลาสินีจบการพรีเซนต์
"ไม่มีใครมีคำถามอีกแล้วใช่มั้ยคะ งั้นฉันขอจบการพรีเซนต์เท่านี้นะคะ"
พนักงานทุกคนต่างปรบมือให้กับโปรเจ็คท์ของพิลาสินีด้วยความชื่นชม พิลาสินีมองไปทางเก้าอี้ของบุรินทร์และแสนซึ่งมีป้ายชื่อตำแหน่งวางอยู่แต่ปราศจากคนนั่งแล้วก็หน้าเจื่อนไป
บุรินทร์เพิ่งกลับเข้ามา ตามด้วยแสนและอันยา พิลาสินีเดินผ่านไปใกล้แล้วก็ถามเสียงเบา
"มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะบอส" พิลาสินีผิดหวัง "นี่เท่ากับบอสไม่ได้ฟังพรีเซนต์ของแพมเต็มๆนะคะ"
บุรินทร์อดกลั้นความรู้สึกไว้ "ไว้เดี๋ยวค่อยพูดกันนะ"
บุรินทร์ไปนั่งที่ตามเดิมด้วยสีหน้าที่ดูเย็นชา พิลาสินีมองบุรินทร์อย่างไม่เข้าใจ เพียงดาวกับเมขลาก็เห็นถึงความผิดปกติ
"คราวนี้บอสเป็นอะไร ปกติต้องฟังลูกน้องตัวเองตลอดนะ"

เพียงดาวประหลาดใจแต่ก็ยังคงไม่รู้สาเหตุ

แสนขยับไมโครโฟนแล้วพูดกับทุกคน

"ขอเรียนให้ทราบก่อนนะครับ ว่าผมจะไม่ใช้โปรแกรมพรีเซ็นเทชั่น" ฟังแสนบอกทุกคนต่างประหลาดใจ "ผมขอเล่าโครงการที่เตรียมมาให้ฟังอย่างง่ายๆก็แล้วกันนะครับ"
พิลาสินีนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ "ทำอะไรของเค้า นี่เราแข่งกันอยู่นะ?”
บุรินทร์เหลือบมองพิลาสินีแล้วก็ยิ่งรู้สึกขัดใจมาก แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้
แสนเรียกอันยา "คุณน่ะ มานี่หน่อยสิ"
อันยาประหลาดใจ แต่แสนก็พยักหน้าเรียกซ้ำ อันยาเลยเดินมา
"แตงโมเนี่ย" แสนชี้ไปที่แอสเซสซอรี่ที่เป็นแตงโมในตัวอันยา "ราคาเท่าไหร่เหรอคุณ"
พนักงานขำๆ ในท่าที่แสนถามอันยา
อันยาอึ้งไป "ฉัน..ฉันจะไปจำได้ยังไงล่ะ ซื้อมาตั้งนานแล้ว"
"เอ๊ะ แต่ผมเห็นป้ายราคาติดอยู่" แสนทำเป็นมอง
"ไม่..ไม่จริงอ่ะ !" อันยาตกใจจึงรีบเช็คด้วยการจับต่างหูที่ติดแตงโมมาดู
พนักงานขำอาการหน้าตาตื่นของอันยา
"ก็...ไม่จริงจริงๆแหละ" แสนว่า
อันยาเหวอ พนักงานขำกันอีก
พิลาสินีมองแสนที่หยอกอันยาอยู่ด้วยสายตาหยั่งเชิงว่าแสนจะทำอะไร แล้วทำไมดูสนิทกับเลขาคนนี้อย่างแปลกๆ
"ผมขอเดาว่าคุณซื้อแตงโมนี่มาหมื่นสอง" แสนบอก
อันยารีบบอก "บ้า !! หมื่นสองมันราคากระเป๋าย่ะ"
พนักงานฮาครืน อันยาเหวอที่เผลอโก๊ะอีกแล้ว
"โอเค คุณซื้อแตงโมราคาไม่ถึงหมื่นสอง เพราะคุณว่ามันแพงเกินไปใช่มั้ย" แสนบอก อันยาพยักหน้า แสนพูดกับกลุ่มสัมมนา "แต่ทุกคนทราบมั้ยครับ ว่าเกษตรกรซื้อเมล็ดพันธุ์แตงโมกิโลกรัมละหนึ่งหมื่นสองพันบาท"
ทุกคนที่ฟังอยู่อึ้งๆกันไป
อันยาเผลอตกใจตาม "หมื่นสอง ค่าเม็ดแตงโมเนี่ยนะ ฉันเห็นพวกชาวบ้าน เดือนๆนึงใช้เงินไม่เกินสองสามพัน"
"ใช่ครับ คุณก็เห็นใช่มั้ย" แสนพูดกับกลุ่มสัมนนา "แต่พวกเค้าต้องจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์แพงมาก แล้วยังไม่รวมค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืชที่ต้องใช้กับเมล็ดพันธุ์พวกนี้อีก"
"แล้วทำไมพวกเค้าถึงไม่ปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ที่ไม่ต้องใช้ปุ๋ย ใช้ยาล่ะคะ ดีกับคนปลูกและคนกินมากกว่าด้วย"
"ข้อเท็จจริงที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ก็คือ เมล็ดพันธุ์ที่ซื้อมาจากบริษัทพาณิชย์เกษตรขาดปุ๋ย และยาไม่ได้ พวกนั้นจงใจพัฒนาพันธุ์พืชที่ตอบสนองต่อปุ๋ยและยาของตัวเอง ถ้าขาดมันพืชก็จะไม่โต" คนฟังอึ้งกันไป "ยิ่งกว่านั้นพวกเค้ายังใช้เทคโนโลยีที่ทำให้เมล็ดใช้ได้แค่ปีต่อปี เกษตรกรนำไปเพาะใช้เองไม่ได้ เพื่อที่ทางบริษัทจะได้ผูกขาดผลประโยชน์ไว้"
ทุกคนอึ้งงันไปกับข้อเท็จจริงสุดเส็งเคร็งที่แสนยกขึ้นมาพูด
"หมายความว่า ทุกวันนี้ถ้าเกษตรลงทุนปลูกแตงโมไปหนึ่งแสนบาท ประมาณหกหมื่นบาทเป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายให้กับบริษัท เท่ากับเกษตรกรของเราไม่ได้กำลังทำงานเพื่อตัวเอง แต่กำลังเหนื่อยยากเพื่อความร่ำรวยของบริษัท"
พิลาสินีชักจะอึดอัดจนทนไม่ไหว
"ทั้งมุกก่อนหน้านี้ แล้วก็เรื่องที่คุณพูดมา มันอาจจะน่าสนใจ แต่ยังไงนี่ก็เป็นสัมมนาวิชาการนะคะ ด็อกเตอร์แสน ฉันฟังมาตั้งนานก็ยังไม่ทราบโปรเจ็คท์ของคุณเลย" พิลาสินีว่า
"ขอโทษด้วยนะครับ ผมแค่อยากชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ เมื่อก่อน..บ้านเรามี พืชผักที่ปลูกได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้สารเคมี พืชพันธุ์เหล่านี้เป็นแหล่งอาหารคุณประโยชน์สูง ไม่มีต้นทุน และเกษตรกรก็สามารถเพาะพันธุ์ได้เอง แต่ทุกวันนี้พืชพันธุ์พื้นบ้านได้สูญหายไปกว่าหลายร้อยชนิดแล้ว" แสนบอก
ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายเมื่อได้ฟัง
"ดังนั้นโครงการที่ผมอยากจะทำต่อไป คือการอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน รวบรวมเมล็ดพันธุ์กลับคืนสู่มือของเกษตรกร ให้พวกเค้าได้เป็นเจ้าของเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง รวมทั้งสร้างเครือข่ายการบริโภคพืชผักพื้นบ้าน เพื่อลดวงจรการผูกขาดของบริษัท โปรเจ็คท์นี้จะแก้ได้ตั้งแต่ที่รากของปัญหา เมื่อเกษตรไม่ต้องเป็นทาสบริษัท พวกเค้าจะปลดหนี้ได้ สามารถกลับมาเป็นนายของตัวเอง เป็นผู้กุมชะตาชีวิตของตัวเอง"
ทุกคนเงียบกริบราวกับโดนสะกด ก่อนที่บุรินทร์จะปรบมือขึ้น แล้วพนักงานส่วนมากก็พร้อมใจกันยืนขึ้นแล้วปรบมือให้กับแสน
พิลาสินีอึ้งเพราะนึกไม่ถึงว่าแสนจะทำเรื่องที่เหนือกว่าขนาดนี้ แต่เธอก็ยืนขึ้นและปรบมือให้อย่างมีสปิริต อันยามองภาพความสำเร็จของแสนก็ปลื้มใจแต่ใจหนึ่งก็รู้ว่าตัวเองจะยิ่งตกที่นั่งลำบาก

อันยาปรบมือไปตามน้ำเพื่อสร้างภาพของเลขา แต่ทว่าในใจของเธอกลับสับสนวุ่นวายอย่างหนัก

อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น