xs
xsm
sm
md
lg

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 12

นาฬิกาหน้าห้องผ่าตัดชี้บอกเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว บิวตี้นั่งนิ่งซึมเซาอยู่มุมหนึ่ง ใบหน้าสวยและเสื้อยังมีรอยเลอะเลือดของศรีนวลให้เห็น ส้มเช้ง ฝรั่ง องุ่น นั่งจับกลุ่มกัน ท่าทีกระวนกระวาย รอฟังข่าวศรีนวล

“ทำไมแม่ไม่ออกมาซะทีล่ะพี่ส้มเช้ง” องุ่นร้องไห้ “แม่จะตายมั้ย”
ส้มเช้งกอดปลอบน้อง “อย่าพูดอย่างงั้นสิองุ่น”
ฝรั่งลูบหลังทั้งพี่และน้อง “แม่ไม่เป็นไรหรอก หมอกำลังเย็บแผลให้ เดี๋ยวแม่ก็หาย” พลางชี้แผลที่ขา “เนี่ย ดูซิ พี่รถคว่ำตั้งหลายครั้งยังไม่เป็นไรเลย”
บิวตี้มองดูพี่น้องต่างปลอบโยนกันอย่างรักใคร่ ดูอบอุ่น ยิ่งรู้สึกว้าเหว่ ชีวิตนี้ไม่มีใครเลย บิวตี้น้ำตารื้นขึ้นมาอีก

ณ สรวงสวรรค์ นางฟ้าลลิตาเพ่งมองดูบิวตี้จากจอภาพด้วยความเป็นห่วง
“ลัลน์ลลิตไม่เคยซึมเศร้าเช่นนี้เลย”
“นางคงสำนึกผิด” องค์เทวีกล่าว
“แต่ลัลน์ลลิตไม่ได้เป็นคนทำมีดบาดมือมนุษย์นางนั้นนี่คะเทวี”
“แต่เธอเป็นต้นเหตุ”
“เช่นนั้นลัลน์ลลิตจะถูกตัดคะแนนหรือไม่” นางฟ้าลลิตาตกใจ รีบดูมาตรวัดความดี
มาตรวัดนิ่งเฉยอยู่ แล้วค่อยๆ เกิดแสงสีทองแพรวพราวขึ้นมาหลายขีดแต่ยังไม่ถึงครึ่ง
นางฟ้าลลิตาตื่นเต้นคาดไม่ถึง “ได้คะแนนเพิ่ม”
ปรมะเทวีเพ่งพิจารณาดูที่มาตรวัด “นางคิดถึงคนอื่นจนลืมนึกถึงตนเอง”
นางฟ้าลลิตาดีใจ “จริงด้วยสิ ลัลน์ลลิตไม่ห่วงแม้กระทั่งความงาม ติดต่อกันเป็นเวลานานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”
ปรมะเทวีบอกกับบิวตี้ในจอภาพ “ทำต่อไป ลัลน์ลลิต วางตัวเองลงแล้วนึกถึงผู้อื่น เช่นนี้ต่อไปเถิด” พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ

บ่ายเกือบเย็น
บิวตี้มองส้มเช้ง ฝรั่ง และองุ่น ตาละห้อย นึกอิจฉาความรักความอบอุ่นที่ครอบครัวนี้มีให้กัน ธีภพเข้ามาทางด้านหลัง
บิวตี้เบือนหน้าหนีจากภาพของสามพี่น้อง มาเห็นธีภพมาดีใจ “พี่ธี”
ธีภพไม่ทันได้มองบิวตี้เพราะร้อนใจ ห่วงลูกๆ และ ศรีนวล จึงเดินผ่านบิวตี้ไปโดยไม่ทันสังเกต บิวตี้ยืนเก้อ น้อยใจ ธีภพทำเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ
ส้มเช้งเห็นธีภพ “ท่านประธาน” รีบไหว้ และบอกน้องๆ “เจ้านายของพี่กับแม่ ไหว้ซะ”
องุ่น ไหว้ ฝรั่งยังข้องใจไม่ยอมไหว้ พูดยวน
“เห็นแม่ผมเป็นแค่คนงานในโรงงาน ใช่ไหมถึงได้เพิ่งมา”
ส้มเช้งเอ็ด “เฮ้ย หรั่ง พูดอย่างงั้นกับท่านประธานได้ไง”
ธีภพไม่ถือสา “ไม่เป็นไร ผมตรวจงานอยู่ที่ลาดหลุมแก้ว พอรู้ข่าวก็รีบมาเลย”
“แล้วค่ารักษาแม่ผมจะว่าไง”
ส้มเช้งดุ “ไอ้หรั่ง”
ธีภพบอก “ไม่เป็นไร ดีแล้วที่ถามตรงๆ ค่ารักษาพยาบาล บริษัทจะรับผิดชอบทั้งหมด”
“ค่อยยังชั่วหน่อย เรามันคนจน” ฝรั่งว่า
“ขอบคุณท่านประธานค่ะ” ส้มเช้งไหว้ แล้วดึงฝรั่ง และองุ่น ให้ไหว้ตาม

บิวตี้ยืนเคว้งคว้างไม่มีใครใส่ใจ จังหวะนี้หมอออกมาจากห้องผ่าตัดพอดี
ส้มเช้งปราดเข้าไปถาม ท่าทีร้อนใจ “แม่เป็นไงบ้างคะหมอ”
“การผ่าตัดเรียบร้อยดีคนไข้ปลอดภัยครับ ตอนนี้อยู่ในห้องพักฟื้น”
บิวตี้ฟังแล้วโล่งใจ แต่ก็ยังรู้สึกผิด มองมือตัวเองที่เปื้อนเลือดศรีนวล ด้วยความเสียใจ
ธีภพมองบิวตี้ด้วยสายตาตำหนิ ว่าทำไมไม่ล้างมือ แต่บิวตี้มองประสานสายตากับธีภพ เห็นแววตาตำหนิ กลับเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องที่ทำศรีนวลเจ็บ น้ำตาคลอ เวลานี้หล่อนต้องการกำลังใจจากใครสักคน
ส้มเช้งถามเจือเสียงสะอื้นไห้ “แม่...ต้องตัดมือ...มั้ยคะหมอ”
ธีภพเบือนหน้าจากบิวตี้มาฟังคำตอบหมอ เลยดูคล้ายเมินหน้าหนีไม่อยากมองหน้าบิวตี้
องุ่นขวัญเสียร้องไห้อีก “แม่จ๋า”
ธีภพปลอบองุ่น “ไม่ต้องร้อง หมอไม่ได้ตัดมือแม่หนูหรอก ใช่ไหมครับหมอ”
“ไม่ตัดครับ แต่ต้องใส่เฝือกไว้ระยะหนึ่ง เพื่อให้เส้นเอ็น และแผล สมานติดกัน”
ส้มเช้งดีใจยิ้มทั้งน้ำตา กอดกับองุ่น และฝรั่ง “แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว ฮือๆ”
ธีภพบอกกับหมอ “ผมจะขอเป็นเจ้าของไข้รายนี้ครับ”
“เชิญติดต่อที่เคาน์เตอร์เลย” หมอบอกธีภพ
ธีภพปล่อยให้พี่น้องปลอบใจกัน ตัวเองเดินตรงไปติดต่อที่เคาน์เตอร์พยาบาล บิวตี้รู้สึกเจ็บปวดสุดทน น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาอีก ตัดสินใจเดินหนีไปจากตรงนั้น

ที่ห้องทำงานฝ่ายขาย พักตร์พิมลทำเป็นสนใจทำงาน แต่ครุ่นคิดกังวล ภาพเหตุการณ์ตอนที่ศรีนวลถูกเครื่องตัดบาดมือยังฝังใจ
“คนอย่างฉันไม่มีวันโดนหลอก อย่าเอาสมองของฉันไปเทียบกับสมองเล็กๆ ของเธอ”
“นี่เธอว่าฉันโง่เหรอ”
“ก็แล้วแต่ว่าสมองเล็กๆ ของเธอจะแปลความหมายออกมาได้รึเปล่า”
พักตร์พิมลปรี๊ด “มันจะมากไปแล้วนะ” ทุบโต๊ะเปรี้ยง
เครื่องตัดในมือศรีนวล กระเด้งด้วยแรงสะเทือน เลือดสาดกระเด็นมาโดนหน้าและตัวบิวตี้
พักตร์พิมลดึงตัวกลับมายังปัจจุบัน กระตั้วเปิดประตูเข้ามาเสียงดัง พักตร์พิมลสะดุ้งสุดตัว ดุกระตั้ว
“เปิดประตูค่อยๆ หน่อยได้ไหม หัดมีมรรยาทซะบ้าง”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” เห็นท่าทีพักตร์พิมลกังวลใจ “กระตั้วแค่จะมาถามว่าคุณแพ็ตจะไปเยี่ยมป้าศรีนวลไหมคะ
พักตร์พิมลหงุดหงิด “ทำไมต้องไปด้วย ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยซะหน่อย”
“นั่นสิคะ เราไม่เกี่ยว ไม่ไปดีกว่า”
“ปี เอาคลิปที่ถ่ายในห้องตัดมาดูอีกทีซิ”
ปีวราเอาคลิปให้พักตร์พิมลดู พบว่าในมุมที่ปีวราถ่าย เห็นแต่ข้างหลังศรีนวล จึงไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณแพ็ตไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ตั้วเป็นพยานได้ค่ะ แล้วเราก็ เรามีหลักฐานยืนยัน” กระตั้วปลอบ
“ปีวรา เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม” พักตร์พิมลกำชับ
ปีวรากลัวลนลานใหญ่ “ถึงให้พูดปีก็พูดไม่ได้ค่ะ เพราะตอนถ่ายคลิป ปีไม่เห็นอะไรเลยค่ะ”
พักตร์พิมลพยักหน้าอย่างพอใจ ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

บิวตี้เดินมาเพียงลำพังตามทางเดินโล่งๆ ในโรงพยาบาล รู้สึกว้าเหว่และหดหู่ ตรงทางเดินมีเก้าอี้ตั้งอยู่ บิวตี้ทรุดตัวลงนั่ง ไหล่งอ ก้มหน้า มองมือที่ยังมีรอยเลือดกระเด็นหลงเหลืออยู่ น้ำตาของบิวตี้ หยดรินลงตรงรอยเลือดนั้น
บิวตี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
มือธีภพยื่นผ้าขนหนูของโรงพยาบาล ที่ชุบน้ำหมาดๆ ส่งให้
“มือยังเลอะอยู่เลย เช็ดซะ”
บิวตี้เงยหน้าขึ้นเห็นธีภพ
“ผ้าสะอาด ผมขอมาจากพยาบาล”
“ขอบคุณค่ะ” บิวตี้ใช้ผ้าขนหนู เช็ดมือตัวเองช้าๆ ท่าทีหงอยๆ ซึมๆ
ธีภพลอบมองหน้าเศร้าของบิวตี้ ให้นึกสงสาร “ผมให้ฝ่ายบุคคลจัดการตามที่คุณขอแล้วนะ บริษัทจะออกค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด ถึงแม้ว่าอุบัติเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากความประมาทของป้าเอง ที่ไม่ใส่ถุงมือป้องกัน”
บิวตี้ไม่เห็นด้วย เล่าด้วยความโกรธ เช็ดมือแรงๆ “ยัยแพ็ตมาหาเรื่องจนฉันตัดผ้าผิด ป้าศรีนวลก็ช่วยแก้ ยัยแพ็ตก็ยังไม่ยอมเลิก ฉันทนไม่ไหวเลยว่าเขากลับไปมั่ง”
“คงไม่ได้ว่าเฉยๆ หรอก” ธีภพย้อนแย้ง
บิวตี้ฉุนขึ้นเสียง “ก็ได้ ฉันว่าเขาแรงๆ เขาเลยโกรธแล้วก็ตบที่แท่นตัด ป้าศรีนวลคงตกใจก็เลย...” พูดแล้วนึกสะเทือนใจจนเสียงสั่น ภาพสยองยังติดตา มองธีภพ สีหน้าทุกข์ ตรม
“พอกันทั้งคู่” ธีภพว่า
บิวตี้น้ำตาคลอ “ถ้าฉันเชื่อป้านวล ไม่ใส่ใจคำพูดของยัยแพ็ต ป้าก็คงไม่เจ็บตัว”
“แพ็ตมาหาเรื่องก่อน แน่หรือ” ธีภพถามพลางมองบิวตี้อย่างไม่แน่ใจ ราวกับจะค้นหาความจริง
บิวตี้นึกน้อยใจ “ไม่เชื่อที่ฉันพูดละสิ” แล้วเปลี่ยนกิริยาเป็นยิ้มหยัน น้ำเสียงห้วน “ฉันน่าจะรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่เคยเชื่อในตัวฉันเลย ฉันพูดอะไร ทำอะไรก็ไม่ดีไปหมด สำหรับคุณแล้วฉันคงเป็นมารร้ายเลยใช่ไหม”
บิวตี้มองจ้องธีภพอย่างน้อยใจ ธีภพจ้องตอบ ไม่พูดอะไร
บิวตี้กลับคิดว่าการที่ธีภพเงียบเพราะยอมรับ น้ำตาคลอขึ้นมาอีกหน อยากลุกหนีแต่สับสนอ่อนล้า ได้แต่เบือนหน้าหนี กลบเกลื่อนอาการด้วยการเช็ดนิ้วแรงๆ ทีละนิ้ว
ธีภพทอดเสียงอ่อนโยน “เช็ดไม่หมดหรอก ยังเลอะอยู่เลย มา...เช็ดให้”
แล้วดึงผ้าไปจากมือ เช็ดรอยเลือดที่หน้าบิวตี้
ธีภพจับบิวตี้ไว้ให้ตรง เอาผ้าสะอาดเช็ดหน้าให้ อย่างอ่อนโยนละมุนละไม บิวตี้มองหน้าธีภพ สายตาสองคนมาประสานกันพอดี บิวตี้รู้สึกอบอุ่นหวั่นไหว
ธีภพอ้อยอิ่งเช็ดหน้าบิวตี้อยู่ จนหยุดเช็ด ใบหน้าเลื่อนเข้ามาใกล้บิวตี้จนเกือบจะสัมผัสกัน
ธีภพเองก็รู้สึกหวั่นไหวไปกับนัยน์ตาเหงา เศร้า และโดดเดี่ยว คู่นั้น มันเป็นแววตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจากลัลน์ลลิต
ธีภพชะงัก ตัดใจ ถอยออกห่าง น้ำเสียงห่างเหินดังเดิม “ท่าทางคุณเหนื่อยมาก กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า ผมจะไปส่ง”
บิวตี้หมางเมินพอกัน “ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้” บิวตี้ลุกขึ้นอย่างเร็ว แล้วหน้ามืดจนซวนเซ
“ระวัง” ธีภพประคองกอดบิวตี้ไว้ทัน

บิวตี้อบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก เสียงโทรศัพท์ดัง ทำลายห้วงเวลาอันแสนหวานของสองคน

อ่านต่อหน้า 2

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)

เป็นธนาซึ่งยังอยู่ในร้านอาหารกับครอบครัวอรวิภา ที่โทร.หาธีภพ

“ธี พ่อกับแม่อยู่ที่ร้านกับหนูอรแล้วนะ ที่โรงพยาบาลเป็นยังไงบ้าง”
“ผ่าตัดเรียบร้อยแล้วครับ คนไข้อยู่ในห้องพักฟื้น”
“พรุ่งนี้พ่อจะไปเยี่ยม แล้วบิวตี้ล่ะเป็นยังไงบ้าง ธีช่วยดูแลด้วยนะแกคงตกใจมาก”
“ครับ บิวตี้อยู่กับผมตรงนี้ กำลังจะพาไปส่งบ้าน”
บิวตี้แอบตั้งใจฟัง เมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง
ภาวินีพูดแทรกเข้ามาในสาย “ธี รีบๆ หน่อยนะ อย่าให้น้องอรเขารอนาน”
“ได้ครับ” ธีภพพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฝากพ่อกับแม่ช่วยขอโทษน้องอรด้วยนะครับ พอดีมันฉุกเฉินจริงๆ ผมจะรีบไปนะครับ”
บิวตี้หน้าสลดเมื่อได้ยินธีภพพูดว่าจะไปหาอรวิภา จึงเดินหนีจากตรงนั้น
ธีภพเห็นบิวตี้เดินหนี รีบวางสาย “เดี๋ยวเจอกันครับ”
ธีภพรีบเดินตามพลางร้องถาม “บิวตี้ จะไปไหน”
“กลับบ้าน”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะไปส่ง”
บิวตี้หันกลับมา ปรับวีหน้าหม่นเป็นยิ้มแย้ม พูดดีๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้ อย่าปล่อยให้คุณน้องอรเค้ารอเลย รีบไปหาเค้าซะเถอะ บ๊ายบาย Have fun” พยายามทำร่าเริงไม่ใส่ใจ แต่สายตาเศร้า และเดียวดาย รีบจ้ำเดินหนี ไปที่ลิฟท์
“เดี๋ยว บิวตี้...” ธีภพก้าวตาม
ลิฟท์มาพอดี บิวตี้เข้าไปในลิฟท์คนเดียว ลิฟท์ปิดลง เห็นหน้าธีภพที่ค่อยๆ หายไปพร้อมกับประตูลิฟท์ปิดสนิท

บิวตี้ทั้งเสียใจ น้อยใจ ว้าวุ่น สับสนไปหมด ยืนหลับตาพิงผนังลิฟท์อย่างท้อแท้ ความเจ็บปวดอาการก่อนแปลงร่างแผ่ซ่านไปทั่วทุกรูขุมขน
บิวตี้ลืมตาขึ้นอย่างตกใจ “ลืมได้ยังไง ไม่นะ ทำไมต้องมาเกิดตอนนี้ด้วย”
บิวตี้มือสั่นรีบกดลิฟท์ชั้นใกล้ที่สุด ความเจ็บปวดทบทวีขึ้น
ประตูลิฟท์เปิด บิวตี้วิ่งโซเซจากลิฟท์ ไปตามทางเดินหน้าห้องผู้ป่วย มองเห็นป้ายสัญลักษณ์ห้องน้ำ บิวตี้ใกล้แปลงกายเต็มที่ พยายามลากขาไปให้ถึงห้องน้ำ
บิวตี้รวบรวมพลังผลักประตูเข้าไปด้วยแรงมนุษย์ เฮือกสุดท้าย พร้อมๆ กับสายฝนที่โปรยลงมา โดยไม่มีเค้ามาก่อน

ธีภพตามบิวตี้มาที่ประตูทางออกหน้าโรงพยาบาล กวาดตามองหาบิวตี้ ฝนยังคงตกอยู่
มองไปทั่วแต่ไม่เจอธีภพชักกังวล “ฝนตกด้วย เรียกรถได้หรือเปล่า”
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มาโทร.ตาม โทรศัพท์ดังไม่มีคนรับสาย เพราะโทรศัพท์และกระเป๋าอยู่ที่โรงงาน
“ดื้อชะมัดเลย”
ธีภพหงุดหงิด เดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อเอารถ

นกหงส์หยกบิวตี้เกาะอยู่ที่หน้ากระจก
บิวตี้คนเหม่อมองกระจก หน้าตาเศร้าหมอง “เธอมันก็แค่นกตัวหนึ่ง อย่าหวังเลยว่าจะมีใครมารัก”
บิวตี้น้ำตาคลอไปชั่วครู่แล้วสั่นหัว เชิดหน้าขึ้นอย่างทะนง แววตาเด็ดเดี่ยว นกบิวตี้บินขึ้นจากหน้าต่างระบายอากาศในห้องน้ำออกไป

นกบิวตี้บินไปในสายฝน สุดท้ายบินต่อไม่ไหว บินเข้ามาหลบในอาคารจอดรถ บิวตี้คน ตัวเปียกซ่ก นั่งหลบในซอก ตัวสั่นด้วยความหนาว
“จะบินกลับบ้านยังไงเนี่ย อูย...หนาว”
บิวตี้คนนั่งขดตัวสั่นอยู่ในซอกมืดๆ อับๆ ดูอ้างว้างเดียวดาย น่าเวทนา
ฟ้าผ่าเปรี้ยง บิวตี้สะดุ้ง หนาวสั่น น้ำตาไหลริน กอดตัวเองด้วยความหวาดกลัวและว้าเหว่

ฝ่ายธีภพเดินมาที่รถ ยังกังวลใจเรื่องบิวตี้ไม่คลาย
ตอนที่เขาเห็นหมดสภาพสาวไฮโซผู้เย่อหยิ่ง เป็นบิวตี้ที่กำลังร้องไห้สะอื้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไหล่งองุ้ม
ธีภพจับบ่าบิวตี้ไว้ เอาผ้าตรงสะอาดเช็ดหน้าให้ บิวตี้อย่างอ่อนโยนละมุนละไม
จนบิวตี้ลุกขึ้นอย่างเร็วแล้วซวนเซ
“ระวัง” ธีภพประคองกอดบิวตี้ไว้ทัน
บิวตี้อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ธีภพกระชับอ้อมแขน แน่นเข้ามาอีก
สุดท้ายบิวตี้ทำร่าเริงไม่ใส่ใจแต่สายตาเศร้า และเดียวดาย รีบจ้ำเดินหนี ไปที่ลิฟท์

ธีภพดึงตัวเองออกมา แต่ยังอดนึกถึงแววตาเศร้าและเดียวดายของบิวตี้ไม่ได้ จู่ๆ มีแสงสีทองจางๆลอยผ่านหน้าเขาไป
ธีภพสงสัยมองหาต้นกำเนิดของแสงอย่างประหลาดใจ
“แสงอะไร”
แสงสีทองจางนั้นลอยผ่านไปยังซอกมุมอาคาร ธีภพก้าวตามไปดูด้วยความอยากรู้
แสงสีทองหยุดที่ซอกตึก ธีภพเห็นนกบิวตี้ซุกตัวหนาวสั่นอยู่ในนั้น
ชายหนุ่มประหลาดใจ “นกหงส์หยก” พร้อมกับเอื้อมมือไปจับตัวอย่างอ่อนโยน
ธีภพจับนกมาพิจารณาใกล้ๆ แล้วต้องตกใจ
“บิวตี้ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เปียกโชกไปทั้งตัวเลย” เขาดึงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดขนให้นกบิวตี้
บิวตี้คน ปล่อยให้ธีภพเช็ดตัวให้ น้ำตาไหลริน
“นกร้องไห้ได้ด้วยเหรอ” ธีภพประหลาดใจยิ่งขึ้น เช็ดตรงตาให้เบาๆ “ขี้แยจัง” แล้วกอดบิวตี้คนไว้กับ “ปะ กลับ บ้านด้วยกันนะ”
บิวตี้คนซุกตัวกับอกธีภพ ซบหน้าอย่างอบอุ่น
“อ้อนใหญ่เลยนะ หิวละสิ”
บิวตี้คนพยักหน้า แล้วจาม ฮัดชิ้ว

แสงสีทองเมื่อครู่วาบกลับมาที่สรวงสวรรค์ แสงนั้นเปลี่ยนเป็นร่างปรมะเทวี
นางฟ้าลลิตาค้อมคำนับอย่างซาบซึ้ง “เทวี มีเมตตายิ่งนัก”
“ข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใด เพียงเกิดเวทนาว่าหากปล่อยนางไว้ อาจถึงจุดจบเร็วเกินลิขิต”
“วันนี้ลัลน์ลลิต อ่อนล้าทั้งกายและใจ หากไม่ได้เทวีช่วยนางอาจจะไม่มีพลังจะสู้ต่อไป”
“เราช่วยได้แต่เพียงกาย แต่จิตใจของนางอ้างว้างว้าเหว่ มีเพียงรักแท้เท่านั้นจะเยียวยาใจของนางได้” องค์เทวีกล่าว
นางฟ้าลลิตาค้างคาใจ “ธีภพคือรักแท้ที่เทวีกล่าวถึง ใช่หรือไม่คะ”
“ลิขิตแห่งสวรรค์ หรือคำสาปจากนรก เราไม่อาจหยั่งรู้”
นางฟ้าลลิตาทอดถอนใจ มองบิวตี้ในจอภาพอย่างห่วงใย

ฝนซา และหยุดตกในที่สุด แต่รถติดหนัก ธีภพโทรศัพท์ชี้แจงพ่อ
“พ่อครับ รถติดมาก ผมไม่แน่ใจว่าจะไปทันหรือเปล่า”
ธนาและภาวินียังอยู่ที่ร้านอาหาร ขอตัวลุกออกไปจากโต๊ะไปคุยสาย
“ไม่ได้นะ ปล่อยให้น้องเขารอตั้งนาน แล้วจะมาแคนเซิล เขาก็โกรธแย่น่ะซิ
“งั้น เดี๋ยวผมโทร.ไปขอโทษน้องอรแล้วกันนะครับพ่อ”
นกบิวตี้ได้ยิน ดิ้นเหมือนไม่พอใจ ธีภพลูบตัวให้สงบ ท่าทีอ่อนโยน
ธีภพวางสาย ขับรถไป มีนกหงหยกตัวเปียกเกาะอยู่เบาะข้างๆ

ธีภพกลับถึงบ้าน อยู่ในชุดนอนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีนกบิวตี้อยู่ข้างๆ สักครู่หนึ่งเขากดโทรศัพท์หาอรวิภา
“พี่ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
อรวิภาอยู่ในชุดนอน พูดโทรศัพท์อ่อนหวาน
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ไว้นัดอีกก็ได้ค่ะ น้องอรเข้าใจค่ะ”
“พรุ่งนี้น้องอรว่างหรือเปล่า”
นกบิวตี้บินออกไป ธีภพเผลอเรียกไว้
“อ้าว จะไปไหน”
“น้องอรไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ” อรวิภานึกว่าอีกฝ่ายพูดกับตัวเอง
บิวตี้คนนั่งหน้างออยู่นอกห้อง
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ พี่จะไปรับที่ร้าน”
“ค่ะพี่ธี กู้ดไน้ท์ค่ะ”
“กู้ดไนท์ครับ”
สาวไฮโซโลกสวย กดวาง นัยน์ตาเคลิ้มฝัน เครือวรรณเดินเข้ามาในชุดนอนเช่นกัน
“อ้าว ยังไม่นอนอีกเหรอคะลูกขา”
“แป๊บนึงค่ะ” อรวิภาเหม่อฝันหวาน “หม่ามี้ขา พี่ธีจะมารับน้องอรที่ร้านพรุ่งนี้”
เครือวรรณหมั่นไส้ “ตกลงได้แล้วเหรอจ๊ะว่าจะเลือก ธนบวร”
อรวิภาเขิน “แหมหม่ามี้ขา พี่ธีเขายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ”
“หม่ามี๊บอกน้องอรหลายครั้งแล้วนะว่า น้องอรสวย รวย เลือกได้ น้องอรต้องเป็นคนเลือกจ้ะ ไม่ใช่ให้ผู้ชายมาเลือก”
“แต่น้องอรอยากให้พี่ธีเป็นคนเลือกน้องอรมากกว่า”
อรวิภายิ้มเอียงอาย

ธีภพอุ้มบิวตี้คนแนบอกเข้ามาในห้อง บิวตี้มีอาการสะลึมสะลือเหมือนคนไข้ขึ้นสูง ตัวสะท้านหนาวสั่น
ธีภพวางนกบิวตี้ลงบนที่หมอน ลูบตัวอย่างเบามือ “ท่าทางเหมือนเป็นไข้เลย”
ธีภพเอาบิวตี้ซุกไว้ที่อกเพื่อให้อบอุ่น บิวตี้คนซบอกธีภพ
“สบายขึ้นไหม บิวตี้ แกต้องไม่เป็นอะไรนะ” ชายหนุ่มลูบหัวนกและจูบเบาๆ
ธีภพกอดบิวตี้คนไว้แนบอก แล้วจูบหัวบิวตี้เบาๆ อย่างอ่อนโยน บิวตี้คนหลับตาลงซุกซบกับอกธีภพอย่างอบอุ่น ผล็อยหลับไป

บ้านธีภพอยู่ในแสงสลัวในตอนเช้ามืด บิวตี้ไอ จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมอกของธีภพ
ธีภพกอดนกตัวเล็กๆ ไว้แนบอกและหลับไปตลอดคืน
บิวตี้คนพยายามจะลุกขึ้น ปวดหัวมาก ต้องกุมหัวไว้ “ปวดหัวจัง” นกบิวตี้จามหลายทีติดๆ กัน
บิวตี้หันไปดูนาฬิกา เห็นตัวเลขบอกเวลา 4.58 นาฬิกา
“จะเช้าแล้ว ทำไงดี” บิวตี้พยายามลุกขึ้น เดินโซเซมาหยุดยืนเกาะหน้าต่าง
ธีภพรู้สึกตัวตื่น ควานหานก ไม่เจอ ลืมตามองหา เห็นนกบิวตี้เกาะอยู่ที่หน้าต่าง
“บิวตี้ จะไปไหน ไม่สบายอยู่นี่นา”
บิวตี้คนหันมามองธีภพ “ฉันอยู่ไม่ได้” พลางแข็งใจ ฝืนโผบินออกจากหน้าต่าง
ในสายตาธีภพ เขาเห็นนกบิวตี้บินออกไป
“บิวตี้” ธีภพมองตามด้วยความเป็นห่วง

เช้าแล้ว ขณะที่ป้าจัน ตั้งโต๊ะอาหารเช้ารอบิวตี้ พรหน้าตื่นเข้ามาหาผู้เป็นป้า
“ป้า คุณบิวตี้ไม่สบาย ตัวร้อนนอนซม เลยป้า”
ป้าจันตกใจ “ตายจริง ไปเตรียมผ้ากับอ่างใบเล็กสำหรับเช็ดตัว เร็วๆนะ” แล้วรีบขึ้นไปดูบิวตี้
“จ้ะป้า”

ธีภพในชุดทำงานเดินเข้ามาในบ้าน จะรับบิวตี้ไปทำงานด้วยกัน เห็นป้าจันกับพรและสาวใช้อื่นๆวิ่งขึ้นบันไดไป ธีภพถามพร
“คุณบิวตี้ตื่นรึยัง”
“คุณหนูไม่สบายค่ะ นอนซมอยู่ที่ห้องค่ะ”
ธีภพเป็นห่วง

ป้าจันเช็ดหน้าให้บิวตี้ ในชุดคลุมนอน อย่างเบามือ บิวตี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วหลับตาลงใหม่
“โอย ปวดหัวจัง นี่กี่โมงแล้ว”
“เจ็ดโมงกว่าค่ะ”
บิวตี้ทรงกายลุกขึ้น อย่างยากลำบาก “ฉันต้องไปทำงาน”
ป้าจันท้วง “คุณหนูไปไม่ไหวหรอกค่ะ คุณหนูต้องไปหาหมอ”
“ไม่ ฉันจะไปทำงาน”
บิวตี้เดินออกไปเปลี่ยนชุด ป้าจันมองอย่างห่วงใย

ธีภพคอยบิวตี้อยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง บิวตี้เปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมาจากห้อง จามและสูดน้ำมูกออกมา ทั้งคู่สบสายตากัน บิวตี้ยังคิดถึงความอบอุ่นในอ้อมกอดเมื่อคืน ธีภพยังคิดถึงแววตาก่นเศร้าเมื่อวาน สุดท้ายทั้งคู่ต่างก็ปรับท่าทีให้เหมือนเดิม
ธีภพถามอย่างเป็นห่วง “ไม่สบายเหรอ”
“เป็นหวัดนิดหน่อย ไม่มีอะไรมาก”
“เมื่อวานโดนฝนล่ะสิ ผมบอกว่าจะมาส่งทำไมต้องเดินหนี”
“ฉัน ...กลับกับเพื่อน”
“เพื่อนคนไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“นายจะรู้ไปทำไม”
“เมื่อคืนผมโทร.มา ป้าจันบอกว่าคุณไม่ได้กลับบ้าน เป็นผู้หญิงไปค้างบ้านคนอื่นบ่อยๆ มันไม่ดีนะ คนที่เสียคือตัวคุณเอง” ธีภพตำหนิด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่สิ้นคิดอย่างนั้นหรอก ฉันรู้ว่าอะไรเหมาะ อะไรไม่เหมาะ คุณไม่ต้องห่วงหรอก เพื่อนคนนี้ไว้ใจได้เท่าๆ กับที่คุณไว้ใจตัวเองเชียวละ”
พูดไปแล้วบิวตี้ก็อดขำไม่ได้ เมื่อนึกได้ว่าคนที่เธอพูดถึงคือตัวธีภพนั่นเอง
“ผมคงไม่ไว้ใจคนที่ไม่รู้จักได้ขนาดนั้นหรอก คุณเป็นคนมีชื่อเสียง คนที่เข้ามาเขาอาจจะหวังผลประโยชน์มากกว่าตัวคุณจริงๆ”
บิวตี้แค้นใจ “ฉันยอมรับว่าเคยโง่จนโดนคนเลวหลอก แต่ตอนนี้ฉันฉลาดขึ้นแล้ว ฉันรู้แล้วว่าใครทำดีกับฉันเพราะผลประโยชน์ ใครดีกับฉันอย่างจริงใจ นายไม่ต้องห่วงหรอก”
“ดีแล้ว กลับมานอนบ้านตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้ คงจะดีมาก”
“ฉันจะพยายาม แต่...บางทีมันก็ยาก...ยากกว่าที่คุณคิดซะอีก” บิวตี้หน้าเศร้าลงเมื่อนึกถึงการเป็นนก
ธีภพถามในท่าทีห่วงใย “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าบิวตี้”
บิวตี้มองสบตาธีภพ “เปล่า ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย...กฎข้อที่สี่ของการเป็นประธาน เราไม่ควรไปทำงานสายไม่ใช่เหรอ”
ขาดคำร่างบิวตี้ทรุดฮวบลงด้วยอาการไข้ ธีภพตกใจ ประคองไว้ได้ทัน ร้องเรียกสติดังลั่น
 
“บิวตี้...บิวตี้”

อ่านต่อหน้า 3

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)

บิวตี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลประจำ แต่เป็นคนละโรงพยาบาลกับศรีนวล โดยในเวลานี้นอนพักฟื้นอยู่ในห้องผู้ป่วย

บิวตี้ฝันไป ฝันว่าตัวเองนอนหลับตาหนุนตักใครบางคนอยู่กลางเมฆหมอกสีขาว มือของใครคนนั้นลูบผมบิวตี้อย่างอ่อนโยน
“บิวตี้ เป็นยังไงบ้าง คนดีของแม่”
บิวตี้ลืมตาขึ้น เบิกตาโตด้วยความดีใจ “แม่...แม่ยังไม่ตาย” บิวตี้โผกอดเต็มรัก “แม่ขาบิวตี้คิดถึงแม่”
ลลิตากอดบิวตี้แน่นน้ำตาไหลริน “แม่ก็คิดถึงลูก คิดถึงตลอดเวลา...แม่ต้องไปก่อนแล้ว”
“ไม่นะ แม่ อย่าทิ้งบิวตี้ไป แม่ขา...”
บิวตี้สะดุ้งผวาตื่นร้องเรียกเสียงดัง “แม่”
ภาวินีกอดบิวตี้ไว้ “อาอยู่นี่จ้ะ นี่อาเอง”
บิวตี้กอดภาวินีแน่น ซบหน้า “แม่”
“โถ ไม่ต้องร้องไห้ลูก ไม่เป็นไรแล้ว” ภาวินีสงสาร ลูบตัวด้วยท่าทีอ่อนโยน “ไข้ลดแล้วนี่ เหงื่อออกซ่กเชียว”
บิวตี้รู้สึกตัว มองไปรอบๆ เห็นธนากับธีภพ นั่งรอดูอาการบิวตี้อยู่ที่โซฟา
ธีภพมองมาทางบิวตี้ สบตากัน เห็นความอ่อนโยนห่วงใยในแววตาของธีภพ
“สีหน้าดีขึ้นตั้งเยอะ เก่งนะหายเร็วจัง” ธนาว่า
“หิวมั้ย กินไหวหรือยัง” ธีภพถาม
บิวตี้ส่ายหน้า
“เพิ่งฟื้นไข้ คงยังไม่อยากทาน ไม่เป็นไรมื้อเย็นอาจะทำซุปมาให้นะจ๊ะ”
บิวตี้ตกใจ เบิกตาโพลงขึ้นมาอีก “เย็น ...แย่แล้ว ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ”
“บ่ายสอง สิบห้าจ้ะ”
บิวตี้ถอนใจโล่งอก
พยาบาลเข้ามา วัดความดันโลหิต
บิวตี้บอกกับพยาบาล “เอาน้ำเกลือออกให้ด้วย ฉันหายแล้ว ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลก็ได้”
“ต้องรอคุณหมอก่อนค่ะ”
บิวตี้ร้อนใจ ขืนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้จนค่ำ ความลับแตกแน่

พักตร์พิมลมาหาธีภพที่ห้องทำงาน กระตั้วตามมาเป็นเพื่อน
“เรียนคุณธีภพว่าฉันมีเรื่องจะปรึกษา” พักตร์พิมลบอก
“ท่านประธานมีภารกิจนอกบริษัทค่ะ”
“จะเข้ามากี่โมง”
“ท่านไม่ได้แจ้งค่ะ บอกแต่เพียงว่า พาคุณลัลน์ลลิตไปหาหมอ”
พักตร์พิมลแปลกใจ “ยัยบิวตี้ เค้าเป็นอะไร”
“ไม่ทราบค่ะ”
“อยู่โรงพยาบาลอะไร”
“ไม่ทราบค่ะ”
พักตร์พิมลฉุน “น่าเบื่อ อะไรก็ไม่ทราบๆ”
“เป็นหน้าที่ของเลขาที่จะต้องรู้ข้อมูลทุกอย่างของเจ้านายไม่ใช่เหรอ อ๊ะ อย่าตอบว่าไม่ทราบค่ะอีกนะ” กระตั้วซัก ประจบเอาใจพักตร์พิมล
“ดิฉันทราบเฉพาะข้อมูลที่เจ้านายต้องการให้รับรู้เท่านั้นค่ะ”
“พูดจาระวังปากด้วย เดี๋ยวเงินเดือนไม่ขึ้นแล้วจะรู้สึก”
พักตร์พิมลหุนหันออกไปอย่างโกรธๆ
กระตั้วทำหน้าทำตายั่วโมโหใส่เลขา แต่เลขาสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์เหมือนเดิม

อาการศรีนวลดีขึ้นเป็นลำดับ ต้องเข้าเฝือกมือ หมอให้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล เวลานี้ฝรั่งเอาน้ำให้แม่ดื่ม ส้มเช้งกลับจากทำงานอยู่ในชุดสาวโรงงาน เดินเข้ามา มีปีวราตามเข้ามาด้วย
“ทำไมกลับเร็วนักล่ะส้มเช้ง” ศรีนวลแปลกใจ
“งานตัดเสร็จแล้ว หัวหน้าอนุญาตให้ออกก่อนเวลาได้ พอดีเจอคุณปีวรา”
“ป้าจ๊ะ คุณพักตร์พิมลติดประชุม ฝากมาอวยพรให้ป้าหายไวๆ แล้วก็ฝากนี่มาด้วย” ปีวราส่งซองเงินให้
ศรีนวลไม่ยอมรับ “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ”
ฝรั่งโวย “อ้าว เขาให้มาก็รับไว้สิแม่ เดี๋ยวเสียน้ำใจกัน”
ศรีนวลดุลูก “แกไม่ต้องยุ่ง” แล้วหันมาทางปีวรา “ฝากบอกคุณพักตร์พิมลว่าบริษัทออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้ กับค่าชดเชยให้แล้ว”
“งั้น เอ่อ ฉัน กลับก่อนละกัน” ปีวราไหว้แล้วรีบออกไป
ฝรั่งเซ็ง “โธ่เอ๊ย รับไว้ให้หรั่งเอาไปซ่อมรถก็ยังดี”
ศรีนวลยังเคืองพักตร์พิมลที่เป็นต้นเหตุเรื่องนี้ “ไม่รับ ขี้เกียจเป็นบุญเป็นคุณกันอีก”
ส้มเช้งอดกังวลไม่ได้ “ทำอย่างนี้คุณพักตร์พิมลเขาไม่โกรธเราแย่หรือแม่”
ศรีนวลตัดบท “ช่างเถอะ ก็แม่พูดความจริง”
ส้มเช้งนึกได้ “วันนี้เลขาท่านประธานมาบอกว่าคุณบิวตี้ไม่สบายเข้าโรงบาล เหมือนกันนะแม่”
ศรีนวลตกใจนิดๆ “อ้าว ตายจริง เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่รู้ ฉันก็อยากไปเยี่ยมเหมือนกัน เมื่อวานแกอุตส่าห์มาอยู่เฝ้าแม่ทั้งวัน”
“ไปสิ ไปเยี่ยมแทนแม่ด้วย” ศรีนวลเป็นห่วง

ไม่นานต่อมาซองเงินถูกยื่นคืนให้พักตร์พิมล
“ป้าศรีนวลเขาไม่รับค่ะ”
พักตร์พิมลไม่พูดอะไร จะเดินออกจากห้อง
กระตั้วงง “จะไปไหนคะคุณแพ็ต”
“ไปพูดกับยัยศรีนวลให้รู้เรื่อง ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ อย่ามาโทษฉัน”
“ตั้วไปด้วยฮ่ะ”
พักตร์พิมลชะงักเมื่อเห็นกรเทพเปิดประตูเข้ามา
“บิวตี้ไม่สบาย พ่อจะไปเยี่ยม ลูกจะไปด้วยมั้ย”
“คงไม่ได้เป็นอะไรมากนักหรอก อย่าตื่นตูมนักเลย” พักตร์พิมลว่า
“เธอสองคนออกไปรอข้างนอก”
กระตั้วกับปีวราออกไปแล้ว กรเทพหันมาดุลูก
“เป็นพี่น้องกัน ไปเยี่ยมแสดงน้ำใจกันหน่อยไม่ได้หรือไง”
“เลิกพูดว่าแพ็ตกับยัยนั่นเป็นพี่น้องกันเสียทีได้ไหมคะ เขาไม่เคยคิดว่าแพ็ตเป็นพี่ แพ็ตก็ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นน้อง เราตัดขาดกันตั้งนานแล้ว”
“จะตัดกันได้ยังไง ในเมื่อเป็นสายเลือดเดียวกัน นามสกุลเดียวกัน”
“ก็ได้ ต่อไปนี้แพ็ตจะใช้นามสกุลของแม่”
“เหลวไหล”
“ไม่ดีเหรอคะ ต่อไปนี้ก็จะมีแต่พ่อกับยัยบิวตี้เท่านั้นที่เป็นคนสกุลเดียวกัน จะได้ดูแลกันตามสบาย ไม่ต้องเอาแพ็ตเข้าไปเกี่ยวด้วย”
พักตร์พิมลสะบัดหน้าเดินหนี ไป
กรเทพดุ “แพ็ต”
พักตร์พิมลไม่ฟังเสียงเดินออกไป กรเทพเหนื่อยหน่ายใจ

ด้านธนากับภาวินีเดินมาลาบิวตี้ที่ข้างเตียง
“กลับก่อนนะบิวตี้ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ”
“อากลับไปเตรียมของแป๊บนึงนะลูก คืนนี้จะมาอยู่เป็นเพื่อนนะจ๊ะ”
บิวตี้ไหว้ลา ธนา และภาวินีออกไป
ธีภพยังง่วนอยู่กับการส่งงานจากแล็บท็อป
บิวตี้ดูนาฬิกา เห็นสี่โมงกว่าแล้ว ลุ้นจัด หันมาพูดกับธีภพ “นายธี”
“มีอะไร”
“ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”
“ไม่ได้ หมอให้ดูอาการก่อนคืนนึง”
บิวตี้กระวนกระวาย มองออกไปทางหน้าต่าง ดูพระอาทิตย์ที่ใกล้ตกดินก็ยิ่งกังวล
“ช่วยคุยกับหมอให้หน่อยสิ ฉันอยู่แบบนี้ไม่ได้จริงๆ”
ธีภพส่ายหน้า คร้านจะเถียง “ก็ได้ แต่ห้ามหนีไปไหนนะ” พลางกดสายเรียกพยาบาล “กรุณาอยู่เป็นเพื่อนคนไข้ด้วยครับ”
เสียงพยาบาลรับ “ค่ะ” ดังมา

พอพยาบาลเข้ามา ธีภพก็ออกจากห้องไป

อ่านต่อหน้า 4

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)

พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ธีภพกลับเข้ามาในห้อง เจอพยาบาลยืนหน้าซีด ท่าทีกังวลร้อนรนใจอยู่

“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“คนไข้หนีกลับไปแล้วค่ะ” พยาบาลหน้าจ๋อย
“คุณไม่ได้เฝ้าไว้หรือครับ”
“เฝ้าค่ะ เธอบอกว่าจะเข้าห้องน้ำ แล้วก็หายไป ไม่ทราบว่าไปได้ไง ทิ้งไว้แต่ชุดคนไข้”
พยาบาลเปิดห้องน้ำให้ดู มีชุดคนไข้กองอยู่กับพื้น ธีภพมองเครียด

ฟากเจตน์ชาญแวะมาหาบิวตี้ที่บ้าน เจอพรบอกเรื่องบิวตี้ไม่สบาย
“คุณบิวตี้ ไม่สบายเข้าโรงพยาบาลค่ะ”
เจตน์ชาญตกใจ “อยู่โรงพยาบาลอะไร”
“โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” เจตน์ชาญออกไป

ขณะเดียวกัน ธีภพขับรถเข้ามาหน้าตาเครียดนึกฉุนเพราะคิดว่าบิวตี้หนีกลับ จ้องมองเจตน์ชาญที่กำลังขับรถสวนออกไปเขม็ง สองหนุ่มประสานสายตากันจังๆ เจตน์ชาญยิ้มกวนๆ พยักหน้าให้นิดหนึ่งเป็นการทักทาย
ธีภพมองเจตน์ชาญแล้วนึกถึงเรื่องที่คุยตักเตือนบิวตี้
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด คุณไม่ต้องห่วงฉันหรอกคุณธีภพ ถ้าคุณรู้ว่าฉันไปอยู่กับใครมาทุกคืน คุณต้องไม่ว่าอะไร เพราะคนๆ เนี้ยไว้ใจได้พอๆ กับตัวคุณเลยล่ะ”
ธีภพโกรธ “ผมคงไม่ไว้ใจคนที่ไม่รู้จักได้ขนาดนั้นหรอก คุณเองก็ต้องระวังด้วยคนที่เข้ามาเขาอาจจะหวังผลประโยชน์มากกว่าตัวคุณจริงๆ”
บิวตี้แค้นใจ “ฉันยอมรับว่าเคยโง่จนโดนคนเลวหลอก แต่ตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว ฉันรู้แล้วว่าใครจริงใจใครไม่จริง ใครทรยศ”
ธีภพดึงตัวเองกลับมา
“คนนี้เหรอ ที่คิดว่าจริงใจ” ชายหนุ่มหงุดหงิด แค่นยิ้มเยาะ
โทรศัพท์ดังขึ้นธีภพกดรับ “ครับแม่...คงหายแล้วมั้งครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงประชด “เห็นมีคนรับมาส่งที่บ้านเรียบร้อยแล้ว...แม่ไม่ต้องเอามาให้เขาหรอกครับ เดี๋ยวผมกลับไปกินแทนก็ได้ เดี๋ยวเจอกันครับ”
ธีภพวางสายแล้วเลี้ยวรถกลับ อย่างขุ่นเคืองใจ

คืนนั้น ธนา และ ภาวินี นั่งอ่านหนังสือกันอยู่คนละมุมห้อง
เจ้าเสืออยู่บนตักภาวินี ให้ภาวินีเกาคออย่างสบาย
นกบิวตี้ บินเข้ามา
เจ้าเสือเห็น ร้องทัก “มาหาพี่อีกแล้วหรือจ๊ะคนสวย รอก่อนได้ไหม พี่กำลังสบาย”
“เจ้านายแกกลับมาหรือยัง...ฮัดชิ้ว” บิวตี้ถาม
เจ้าเสือบ่น “อ้าว อ้าว ไม่สบาย เป็นไข้หวัดนกหรือเปล่าเนี่ย อย่าเอามาติดเค้านะ”
“ตัวเล็ก อุ๊ยระวังนะ คุณคะช่วยเอาเจ้าเสือออกไปข้างนอกก่อน เดี๋ยวมันรังแกตัวเล็ก” ภาวินีว่า
ธนาอุ้มเจ้าเสือออกไปนอกบ้าน
เจ้าเสือโวยวายไปตลอดทาง “ไรแว้ ผมยังไม่ทันทำไรเลยนะค้าบเจ้านาย ความยุติธรรมมีบ้างมั้ย ถ้าไม่กลัวติดไข้หวัดนกไม่ยอมจริงนะเนี่ย”
บิวตี้เดินมาใกล้ภาวินี “คุณอาขา บิวตี้ขอโทษที่ทำให้ คุณอาเป็นห่วง” พลางซุกหน้ากับแขนของภาวินี
ภาวินีหัวเราะ “ขี้ประจบจัง เจ้าตัวเล็ก อยากกินของอร่อยๆละสิ” จากนั้นพาบิวตี้ไปเทอาหารนกให้
ธีภพเข้ามาพร้อมกับธนา “ลูกชายกลับมาพอดี”
“ตกลงใครไปรับหนูบิวตี้ล่ะจ๊ะ ว่าจะถามลูกก็วางหูไปก่อน”
“นายเจตน์ชาญครับ ผมสวนทางกับเขาที่หน้าบ้านบิวตี้”
“ไม่จริง คุณเจตน์ไม่เกี่ยวอะไรเลย แค่เห็นเขาที่หน้าบ้านก็หาว่าเขาไปส่งฉันแล้วเหรอ ประสาทไม่มีเหตุผลเลย”
“ธีน่าจะเข้าไปดูน้องหน่อยนะว่าถึงบ้านจริงหรือเปล่า” ภาวินีบอก
ธีภพรู้สึกไม่พอใจ “เขาหนีออกจากโรงพยาบาลแปลว่าไม่อยากให้เราไปยุ่ง ผมก็ไม่อยากจะก้าวก่าย เพราะเขากับนายเจตน์ชาญไปไหนมาไหนด้วยกันมาสักพักแล้วครับ”
“ดี ไม่ต้องมายุ่ง” บิวตี้ฉุน
“นายเจตน์ชาญเขามีแผนอะไร เห็นสนิทกับครอบครัวคุณอดิศักดิ์ด้วยไม่ใช่เหรอ” ธนาว่า
“ผมไม่เคยไว้ใจเขาเลยครับ นายคนนี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อหาทางโค่นธนบวร”
ภาวินีเอ่ยขึ้น “ลูกเตือนบิวตี้หรือยังจ๊ะ”
“เตือนแล้วครับ แต่เขาไม่เคยยอมรับฟัง”
บิวตี้บ่นบ้าค้อนควัก “ฉันทำเพื่อจะสืบความลับให้บริษัทเราย่ะ ฉันไม่ได้แย่อย่างที่นายคิดหรอก”
“ห่วงเขา ก็บอกเขาไปตามตรงสิ”
“เรื่องส่วนตัวของเขา จะเป็นยังไงผมไม่ห่วงหรอกครับ ผมห่วงแต่เรื่องของบริษัทน่ะครับพ่อ”
บิวตี้โกรธ “ไม่ต้องมาห่วงหรอกย่ะ คนอย่างฉันฉลาดพอ ห่วงแต่ตัวนายเองเหอะ”
นกบิวตี้บินออกไปจากบ้านด้วยความโกรธ
เจ้าเสือแอบเข้ามาในบ้านทางอื่น “อ้าวหวานใจ งอนไปซะละ พี่แค่ล้อเล่นเอง อย่าโกรธเลยนะจ๊ะ”

คืนนั้นเจตน์ชาญถือช่อดอกไม้ตั้งใจจะมาเยี่ยมบิวตี้ เจอพยาบาลเวรบอก
“คุณลัลน์ลลิตกลับบ้านไปแล้วค่ะ”
เจตน์ชาญแปลกใจ “อ้าว กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“ตอนเย็นค่ะ ประมาณห้าโมง”
“อ้อ ครับ” เจตน์ชาญส่งช่อดอกไม้ให้พยาบาล “ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลเธอเป็นอย่างดี”
พยาบาลรับดอกไม้จากเจตน์ชาญ สบตาปิ๊งๆ ออกอาการเขิน

ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาเสี่ยงทายดอกไม้สวรรค์ ดึงกลีบดอกไม้ ลอยไป
“ชายหนึ่งมีแต่ความระแวงสงสัย ไม่อาจทำใจให้ผูกพัน” แล้วดึงอีกกลีบลอยไป “อีกชายหนึ่งนั้น ก็ยังดูลึกลับจนไม่อาจคาดเดา”
ปรมะเทวีปรากฏกายขึ้น “ท่านทำเหมือนหญิงสาวไร้เดียงสา”
“เพราะข้าพเจ้าจนปัญญา ไม่อาจคาดได้ว่าชายใดจะทำให้ลัลน์ลลิตพ้นคำสาป หัตถ์ของกาลเวลาก็เอื้อมมาใกล้ เข้าทุกที”
“ความรักอยู่นอกเหนือกาลเวลาและเหตุผล เมื่อมันจะเกิด ก็รวดเร็วและทรงอานุภาพยิ่งนัก ขอเพียงให้รู้จักรักโดยไม่มีข้อแม้ รักโดยไม่หวังผลตอบแทน”

ตอนเช้า ในอีก 3 วันต่อมา ส้มเช้งกำลังเตรียมชิ้นงาน บิวตี้เข้ามา สีหน้าแจ่มใสขึ้น
ส้มเช้งดีใจ ไหว้ทัก “คุณบิวตี้ หายไข้แล้วหรือคะ”
“หายแล้ว ป้านวลล่ะ”
“ดีขึ้นเยอะค่ะ วันนี้หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว วันนี้ส้มเช้งจะลาครึ่งวันไปรับแม่”
“เหรอ ฉันไปด้วยสิ มัวแต่เป็นไข้ ไม่ได้ไปเยี่ยมป้านวลเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แม่เองก็เป็นห่วงคุณบิวตี้ มากกว่าห่วงตัวเองเสียอีก”
“ส้มเช้ง น้องชายส้มเช้ง ขับรถได้ไหม”
“ได้ค่ะ มันเคยขับแท็กซี่หาเงินพิเศษอยู่พักนึง ทำไมเหรอคะ”
“งั้นให้น้องชายส้มเช้งไปเอารถที่บ้านฉัน ขับไปรับแม่ออกจากโรงพยาบาล”

บ่ายนั้น รถตู้ของบิวตี้ขับโดยฝรั่ง แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านศรีนวลในละแวกชุมชนไม่ไกลจากโรงงานนัก บิวตี้ลงมาจากรถคอยดูแลศรีนวลด้วยความเป็นห่วง
ส้มเช้งกับฝรั่งช่วยกันประคองศรีนวลที่มีเฝือกตรงแขนที่ผ่าตัดลงมา จากนั้นฝรั่งอุ้มองุ่นตามมา
“ไม่อยู่บ้านหลายวัน คงไม่เรียบร้อยต้องขอโทษคุณหนูด้วยนะคะ” ศรีนวลว่า
“บ้านคนจนก็เงี้ยแหละ ถึงจะจน แต่เราก็ไม่เคยโกงใคร” ฝรั่งบอก
บิวตี้เหลียวมองบ้านของศรีนวลกับลูกๆ แล้วอึ้งไป ด้วยความสลดหดหู่ใจ

ด้วยสภาพ เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ คับแคบ แถมซอมซ่อ ช่างแตกต่างกับคฤหาสน์ของหล่อนราวกับอยู่กันคนละโลก

จบตอนที่ 12
กำลังโหลดความคิดเห็น