เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 9
พระอาทิตย์โผล่พ้นโค้งน้ำ สาดแสงแรกของวันที่ทะเลหัวหิน ขณะที่ป้าจัน กับพร ช่วยกันเตรียมอาหารเช้าไว้รอบิวตี้ สักครู่หนึ่งบิวตี้เดินลงมาในเครื่องแบบพนักงานขาย นั่งลงโดยที่ป้าหลานยังไม่เห็นหนังหน้า
ป้าจันยกกาแฟมาวางให้ แล้วเห็นสภาพใบหน้าบิวตี้ ป้าจันตกใจ จนทำถ้วยกาแฟหล่นแตก
“ว้าย ตาเถร! คุณหนู ไปโดนอะไรมาคะ”
สภาพหน้าบิวตี้ ช้ำเหมือนคนโดนซ้อม แถมแขน ขา มีรอยช้ำเป็นหย่อมๆ จากการโดนยิงด้วยหนังสะติ๊กของเด็กผีเมื่อคืน
บิวตี้ตกใจตาม “รอยอะไร ไม่มีรอยอะไรสักหน่อย” ว่าแล้วก็ส่องกระจกดูตัวเอง “กลบหนาแล้วนะ ยังเห็นอยู่อีกเหรอเนี่ย”
“ไปหาหมอไหมคะ โอ้ยตายแล้ว” หันไปสั่งพร “พร หยิบยาหม่องไพลมาซิ”
“ค่ะ ค่ะ” รีบไปหยิบยาหม่องมาส่งให้ และหาผ้ามาเช็ดที่กาแฟหก
“ขออนุญาตนะคะ” ป้าจันทายาหม่องให้บิวตี้ อย่างเบามือ
บิวตี้รับรู้ได้ถึงสัมผัสอันห่วงใยของจัน
“โถ แม่คุณ ผิวบางๆช้ำหมดเลย” หญิงสูงวัยสงสารจนน้ำตาตก
บิวตี้ดุ “ร้องไห้ทำไม เดี๋ยวกลบคอนซีลเลอร์อีกทีก็ไม่เห็นรอยแล้ว”
“ถ้าคุณผู้หญิงคุณผู้ชายรู้ว่าจันไม่ดูแล ปล่อยให้คุณหนูเจ็บอย่างนี้ ท่านคงโกรธจัน”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ถึงไม่มีคนดูแล ฉันก็จะอยู่ให้ได้” แววตาบิวตี้มาดมั่นขึ้นมา
เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน
พรรีบชะโงกหน้าดูแล้วรายงาน “คุณธีภพ มาค่ะ”
บิวตี้หงุดหงิด “โอ๊ยจะมาจับผิดอะไรอีกล่ะ” ผุดลุกขึ้นสั่งป้าหลานเสียงเข้ม “ห้ามบอกเขาเรื่องฉันเจ็บนะ” แล้วรีบขึ้นไปที่ห้องนอน
“อะ..ค่ะ ค่ะ”
ธีภพรอบิวตี้ โดยจิบกาแฟที่ซื้อมาจากร้านในปั๊มน้ำมันแก้ง่วง ด้วยออกเดินทางมาแต่เช้ามืด ชายหนุ่มดูนาฬิกา เห็นบิวตี้เดินมาจากในบ้าน ใส่แจ็คเก็ตหรูแพงแนวสปอร์ต ทับเครื่องแบบพนักงานขาย สวมแว่นตาสีชา ปิดรอยช้ำ
ธีภพเห็นว่าผิดระเบียบก็ไม่พอใจ “ทำไมต้องใส่แจ็คเก็ตด้วย”
“ในร้านมันหนาวมาก”
“แล้วแว่นสีเข้มขนาดนั้น จำเป็นตรงไหน ในร้านไม่มีแดด”
บิวตี้คร้านจะเถียงชักฉุน “มาจากกรุงเทพ เพื่อจะถามแค่เนี้ย?”
“อย่ามากวน ไปถอดออกเลย พนักงานขายเขาไม่ใส่แว่นดำกันหรอก”
“ตาบอดสีเหรอ ดำตรงไหน ฉันต้องใส่เพราะแว่นปัญญาอ่อนของคุณมันไม่ช่วยอะไรเลย ใส่แล้วคนก็ยังจำได้”
ธีภพเสียงเข้ม “ตกลงจะไปทำงานมั้ยถ้าจะไปก็...” ธีภพดึงแว่นตาบิวตี้ออกอย่างรวดเร็ว
บิวตี้โดนตรงรอยช้ำ เจ็บแปล๊บ “โอ้ย”
ธีภพตกใจที่บิวตี้ร้องเจ็บ “เป็นอะไร”
บิวตี้เบือนหน้าหลบไม่อยากให้เห็น ธีภพจับหน้าบิวตี้หันมา พบว่าใบหน้าบิวตี้รองพื้นกลบ แต่ยังเห็นร่องรอยช้ำเป็นจ้ำๆ เหมือนคนถูกชก
“บิวตี้ ไปโดนอะไรมา” เขาจับต้นแขนไว้ไม่ให้หล่อนหันหนี จ้องตาแน่วนิ่ง “ใครทำบิวตี้”
บิวตี้อึ้ง จ้องมองสีหน้า และแววตาที่ปกป้องห่วงใยของธีภพนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
บิวตี้รู้สึกตัว ทำเป็นไม่ใส่ใจ “เปล่า ไม่รู้สิ เมื่อคืน ปาร์ตี้หนักไปหน่อย”
บิวตี้หยิบแป้งรองพื้นขึ้นมาตบทับอีก
ธีภพระอาใจ ปล่อยมือ พูดเสียงดุ “เป็นคนของธนบวรแล้ว จะทำอะไรนึกถึงชื่อเสียงของบริษัทด้วย” แล้วส่งแว่นตาคืนให้ เดินตรงไปขึ้นรถ
ลับหลังบิวตี้ทำท่าล้อเลียนธีภพ ท่าทางกวนประสาท
ธีภพหันกลับมาเห็นบิวตี้ล้อเลียน ดุอีก “จะไปฝึกงานก็ขึ้นมา สายแล้ว”
บิวตี้เบ้ปากแล้วเดินไปขึ้นรถ
กรเทพกำลังจะออกไปทำงาน เจอพักตร์พิมลดักรออยู่
“พ่อเข้าออฟฟิศไหมคะวันนี้”
“เข้าตอนบ่าย มีธุระอะไร”
“พ่อช่วยบอกพี่ธีหน่อยสิคะ ว่าแพ็ตจะกลับไปทำงานวันจันทร์นี้ แพ็ตห่วงงาน”
“กฎก็ต้องเป็นกฎ สั่งพักกี่วันก็ต้องตามนั้น”
“แต่ยัยบิวตี้เลิกฝึกงานแล้วนี่คะ เรื่องมันน่าจะจบๆ ไป เสียงานเสียการเปล่าๆ”
“ใครบอกว่าบิวตี้เลิกฝึกงานแล้ว”
“อ้าว เดี๋ยวนี้พ่อไม่รู้ทุกเรื่องของหลานสุดเลิฟแล้วหรือคะ” ผู้เป็นลูกย้อน ประชดในที
“เขาไม่ค่อยอยู่บ้าน” กรเทพหงุดหงิด “แพ็ตไม่ต้องประชดพ่อได้ไหม”
“เขาไม่กลับบ้าน งานก็ไม่มาทำ ถ้าไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามพี่ธีสิคะ”
กรเทพกดโทร.หาธีภพทันที
“ครับอากร” ธีภพรับสายต่อหน้าบิวตี้
บิวตี้ได้ยินว่าเป็นอากรโทร.มา ก็หันขวับมามองอย่างสนใจ
“เช้านี้อาไปตรวจไซต์งานนะครับ จะเข้าบริษัทตอนบ่าย มีเรื่องอยากปรึกษาหน่อย”
“พอดีผมมาสาขาที่หัวหินน่ะครับ”
“อ้าว เหรอครับ งั้นไว้ค่อยคุยก็ได้ ครับ ครับ” กรเทพกดปิดสาย
ธีภพวางสาย
บิวตี้นึกสงสัย “อากรโทร.มาเรื่องอะไร”
“อาจะปรึกษาเรื่องงาน ถามทำไม”
“ก็ฉันเป็นประธาน ควรจะรู้เรื่องบริษัททุกเรื่องไม่ใช่เหรอ”
“ไว้ฝึกให้ให้สำเร็จก่อนเถอะ”
บิวตี้โมโหฮึดฮัด ไม่ไว้วางใจว่าอากรกำลังจะทำอะไร มุ่งมั่นจะต้องเป็นประธานอย่างเต็มตัวโดยเร็ว
ขณะที่กรเทพจะออกจากบ้าน พักตร์พิมลเอ่ยถามขึ้น
“พี่ธีว่าไงคะพ่อ”
“ยังไม่ได้ถาม คุณธีเขากำลังยุ่ง ไปตรวจร้านที่หัวหิน”
พักตร์พิมลครุ่นคิด “ไปตรวจร้านเหรอ ทำไมออฟฟิศไม่เห็นรู้เรื่อง”
“คงมีธุระอื่นด้วยมั้ง” กรเทพออกจากบ้านไปที่รถ
พักตร์พิมลคิด พยายามปะติดปะต่อ เดาเรื่อง
“ไปทำอะไร” แล้วนึกบางอย่างออก กดโทรศัพท์หาปีวรา รอสายสักครู่ แล้วจึงพูด “ปีวราไปขอข้อมูลที่HR ซิว่า ร้านที่หัวหินรับพนักงานฝึกงานใหม่หรือเปล่า ไปเร็วๆโทรมาบอกฉันภายในสิบนาที” พักตร์พิมลกดวางสาย “คนโง่อย่างเธอไม่มีวันชนะฉันหรอก ยัยบิวตี้”
ฟากบิวตี้ที่นั่งครุ่นคิดกับเรื่องกรเทพ
“อย่าหวังเลยว่าจะเอาธนบวรไปจากฉันได้”
บิวตี้บอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น
ณ สนามกอล์ฟในคลับเฮ้าส์หรู ของหัวหิน
อรวิภา เจตน์ชาญ อดิศักดิ์ เครือวรรณ ออกรอบเสร็จแล้ว กลับเข้ามาในคลับเฮาส์ คนอื่นดูเบิกบาน ยกเว้นอรวิภาที่ดูเหนื่อย ร้อน และเบื่อหน่าย
“ขอบคุณมากนะคะคุณเจตน์ที่อุตส่าห์ยอมออกรอบกับมือใหม่”
“ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งเองครับ” เจตน์ชาญเอาใจ
อรวิภาหงุดหงิด “ไม่เอาแล้ว ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน น้องอรไม่อยากเล่นแล้ว เลิกดีกว่า”
อดิศักดิ์ท้วง “อ้าว คุณเจตน์เขาอุตส่าห์หัดให้ จะเบี้ยวซะอย่างงั้น”
“ก็น้องอรไม่ชอบจริงๆ นี่คะป่าป๊า”
“เหลวไหลน่าลูกจ๋า คุณเจตน์อุตส่าห์เสียเวลามาสอนให้” เครือวรรณเอ็ด
“ไม่เป็นไรครับ ผมคงสอนไม่เก่ง เลยทำให้น้องอรชอบไม่ได้”
“ไม่ใช่เพราะคุณเจตน์หรอกค่ะ น้องอรเขาไม่ชอบออกแดด ชอบอยู่แต่ในบ้านทำกับข้าวกับปลา” เครือวรรณบอก
“งั้นน้องอรช่วยสอนผมทำกับข้าวบ้าง ได้ไหมครับ” เจตน์ชาญว่า
“อย่าเลยค่ะ” อรวิภาปฏิเสธ
อดิศักดิ์ท้วงติง “ไม่ถูกนะน้องอร ป๊าไปรบกวนเวลาของคุณเจตน์เขาตั้งเยอะ ลูกจะงอแงแบบนี้ไม่ได้ ถ้าไม่สอนก็ต้องออกรอบกับป่าป๊าอีก จนกว่าจะตีเก่ง”
อรวิภารับปากงอนๆ “สอนก็ได้ค่ะ”
เจตน์ชาญยิ้มอย่างผู้ชนะ ขณะที่อรวิภาโกรธ
“งั้นบ่ายนี้น้องอรสอนคุณเจตน์ไปนะจ๊ะ ป่าป๊ากับหม่าม๊าจะไปสปา”
“อ้าว แล้วใครจะไปซื้อของกับน้องอรล่ะคะ”
“ผมเริ่มเรียนตั้งแต่หัดซื้อของเลยก็แล้วกันครับ” เจตน์ชาญอาสา
อดิศักดิ์กับเครือวรรณเดินแยกไป อรวิภาอึดอัดใจมากเมื่อต้องอยู่กับเจตน์ชาญตามลำพัง
ฝ่ายบิวตี้ยืนกอดอก รอขายของอย่างตั้งใจจะไม่ทำพลาด แต่ใส่แว่นตาสีเข้ม ดูน่ากลัว ไม่น่าไว้ใจ
ลูกค้าเดินมาเจอบิวตี้ ถึงกับสะดุ้ง หวาดกลัวเดินหนีไปดูทางอื่น
บิวตี้หงุดหงิดบ่นพึมพำ “จะเอายังไงกะฉันอีก อุตส่าห์ตั้งใจขายแล้วนะ”
มีเสียงแมสเสจไลน์ จากโทรศัพท์ดัง บิวตี้กดดู เห็นชื่อ Fatty ส่งข้อความมาว่า “หน้าบึ้งอย่างนั้น ไม่มีใครซื้อของหรอก ”
บิวตี้ฮึดฮัด มองหากล้องวงจรปิดทำหน้าบึ้ง แล้วกดข้อความ โดยปิดไม่ให้กล้องเห็นอย่างโกรธๆ
ข้อความดังขึ้นอีก “แทนที่จะโกรธ ควรปรับปรุงตัว”
บิวตี้หันหลัง ชูโทรศัพท์ให้กล้องเห็น แล้วปิดข้อความ แรงๆ
ข้อความดังขึ้นอีก
บิวตี้บ่นโกรธๆ “โรคจิต” แล้วเปิดดูอีก ข้อความเขียนว่า “เวลาทำงาน ห้ามใช้โทรศัพท์”
“แล้วโพสต์มาทำไม ตาอ้วนแว่น โรคจิต” บิวตี้กดโทรศัพท์ปิดแรงๆ อาการกระแทกกระทั้น
ลูกค้าจะเข้ามาตกใจรีบหนีไปอีก
ด้านหลังบิวตี้ เห็นปรมะเทวีในรูปมนุษย์ แต่งกายชุดขาว เคลื่อนกายผ่านไปอย่างบางเบา
บิวตี้รู้สึกเหมือนมีลมอุ่นๆวูบผ่าน หันกลับไปก็ไม่มีอะไร แต่พอหันกลับมา เห็นปรมะเทวีอยู่ตรงหน้า ถึงกับสะดุ้ง
บิวตี้รู้สึกเหมือนอยู่ในภวังค์ คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นปรมะเทวีที่ไหนมาก่อน
บิวตี้ลืมไปว่าต้องปิดบัง “เอ๊ะ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน หรือเปล่า”
ปรมะเทวีทอดเสียงเย็นนุ่ม “วัฏสงสารกว้างใหญ่ไพศาล คงได้พบเจอกันไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง”
บิวตี้อยู่ในภวังค์ “อ้อ...ต้องการสินค้าตัวไหน คะ”
“ขอดูหลายๆ แบบ”
บิวตี้เดินไปหยิบสินค้ามาให้ปรมะเทวีดู
อรวิภาหน้างอเป็นจวัก ขณะเดินเลือกซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต เจตน์ชาญเข็นรถตาม ดูสนิทสนมเหมือน สามีตามภรรยามาจ่ายตลาด
อรวิภารู้สึกอึดอัด พยายามจะเลี่ยง เดินให้ห่างๆ เจตน์ชาญอมยิ้มอย่างรู้ทัน
อรวิภาหาทางไล่ “ช่วยไปหยิบซอสพริก ให้น้องอรหน่อยสิคะ”
“พี่ไม่รู้ว่าน้องอรจะเอายี่ห้ออะไร เดี๋ยวไปเลือกด้วยกันดีกว่าครับ”
อรวิภาจะหยิบของที่อยู่สูง แต่หยิบไม่ถึง “อุ๊ย”
สาวโลกสวยซวนเซจะล้ม เจตน์ชาญรีบประคองไว้ทัน อรวิภาเลยตกอยู่ในอ้อมแขนของเจตน์ชาญ และตะลึงไปชั่วครู่
อรวิภารีบผละออก ทั้งโกรธและอาย “คุณเจตน์ไปนั่งรอดีกว่าค่ะ”
“ถ้านั่งรอ ก็ไม่เห็นว่าน้องอรซื้ออะไรบ้าง น่ะสิครับ”
อรวิภาอึดอัดสุดทน “นี่คุณ เลิกยุ่งกับฉันเสียทีได้ไหม”
เจตน์ชาญทำเป็นซื่อใส ไม่รู้เรื่อง “เรียนทำกับข้าว มันยุ่งมากเลยหรือครับ”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึง อย่ามาหวังอะไรจากฉัน”
เจตน์ชาญทำเป็นงง “หวังอะไรหรือครับ”
อรวิภาโกรธจัด “ฉันคบกับพี่ธีอยู่แล้ว และก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจไปคบกับคนอื่นอีก”
เจตน์ชาญกวนประสาท “อ๋อ เรื่องนั้นเอง ผมไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นซักหน่อย แค่อยากเรียนทำกับข้าว ก็เท่านั้น”
“แต่ฉันไม่อยากสอน”
“ตามใจ งั้นบ่ายๆ เจอกันที่สนามกอล์ฟนะครับ” เตน์ชาญจะไป “อ้อ ทาครีมกันแดดไปเยอะๆ นะครับ แดดบ่ายมันร้อนกว่าตอนเช้า”
อรวิภากลัวร้อน “เดี๋ยว” เจตน์ชาญหันมารอคำตอบ “สอนให้ก็ได้”
เจตน์ชาญยิ้มสะใจ
อ่านต่อหน้า 2
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 9 (ต่อ)
ฝ่ายบิวตี้เอาเสื้อชั้นในมาให้ปรมะเทวีในคราบมนุษย์เลือกเพิ่มเติม เบื้องหน้ามีเสื้อชั้นในหลายแบบวางอยู่ เหมือนองค์เทวีตัดสินใจเลือกไม่ได้เสียที
“นี่เป็นรุ่นใหม่ค่ะ ช่วยดันทรวงอกให้ชิด แล้วก็ยกกระชับ”
ปรมะเทวีส่ายหน้า “ไม่ใช่”
บิวตี้หยิบมาให้อีก “นี่ละคะ ผ้านุ่ม สวมสบาย ไร้ตะเข็บ”
ปรมะเทวีส่ายหน้าอีก
บิวตี้กัดฟันข่มความโกรธที่พุ่งมาเป็นริ้วๆ “ถ้างั้นคงไม่มีแล้วค่ะ เลือกจะหมดร้านแล้วนะ...คะ ลูกค้าบอกมาเลยดีกว่าว่าอยากได้ยังไงจะได้หาให้ทีเดียวไม่ต้องเดินไปเดินมา” บิวตี้ถือสมุดเตรียมจด
“ฉันอยากได้ที่สวมสบาย มั่นใจ และสามารถลืมความทุกข์ไปได้ในขณะที่สวมใส่”
บิวตี้ฉุนกึ้ก ย้อนเสียงห้วน “แบบนั้นคงต้องไปหาบนสวรรค์แล้วละ”
“ร้านของคุณ ไม่เคยออกแบบโดยนึกถึงคนที่กำลังป่วย คนด้อยโอกาส หรือคนที่แตกต่างจากผู้อื่นเลยหรือ”
บิวตี้อึ้งไป ได้แง่คิด แต่ยังสงสัย “แตกต่างแบบไหน”
“เพื่อนของฉันเสียอกไปข้างหนึ่ง ด้วยโรคร้าย” องค์เทวีถอนใจเศร้าๆ “น่าเสียดายที่ร้านใหญ่โตเช่นนี้ กลับไม่มีเสื้อแบบที่เพื่อนฉันต้องการ” พลางถอยห่างออกมาเหมือนเลื่อนตัวมากกว่าเดิน
“เดี๋ยว แล้วก็ไม่บอกก่อน ลองใช้แบบนี้สิ” บิวตี้หยิบซิลิโคนมาให้ดู “เอาไว้เสริม เอ่อ...ข้างที่เสียไป”
ปรมะเทวีเยื้อนยิ้ม ยินดี “นี่แหละสิ่งที่ฉันตามหา มูลค่าเท่าไหร่กัน”
“ไม่ต้องหรอก”
“แน่ใจหรือ”
“เป็นของขวัญจาก ทางร้านค่ะ ฝากบอกเพื่อนคุณด้วย ว่าขอให้หายเร็วๆ นะคะ”
ปรมะเทวีจ้องบิวตี้อย่างเมตตา “อนุโมทนา” แล้วเดินเหมือนลอยห่าง แล้วหายไปตรงราวเสื้อผ้า
บิวตี้เหม่อมองเหมือนตกอยู่ในภวังค์ รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างประหลาด เพราะได้กุศลจากการทำบุญ
ธีภพเดินผ่านมา พูดลอยๆ ไม่ให้คนอื่นรู้ว่าพูดกับบิวตี้ “พักแล้วทำไมไม่ไปกินข้าว”
บิวตี้สะดุ้งเฮือก “เพิ่งขายของเสร็จ”
ธีภพงง “ขายตอนไหน เห็นยืนนิ่งๆตลอด”
บิวตี้โกรธ “คุณก็ดีแต่จับผิด ทีเวลาฉันทำงาน ไม่รู้จักดู” คว้ากระเป๋า เดินไปกินข้าว
ธีมองตามอย่างสงสัย
ที่แท้ ไม่มีใครเห็นปรมะเทวีเลยนอกจากบิวตี้ แต่บิวตี้ไม่รู้ตัว
ปรมะเทวีปรากฏตัวบนสวรรค์ นางฟ้าลลิตา ละสายตาจากจอภาพ หันมาต้อนรับองค์เทวีอย่างยินดี
“ลัลน์ลลิตทำได้ นางให้โดยไม่หวังผลตอบแทน”
“ข้าพเจ้าคิดว่าจะไม่เป็นผลเสียแล้ว”
“ข้าพเจ้าสำนึกในพระคุณของเทวี” นางฟ้าลลิตาก้มลงจะสัมผัสบาทองค์เทวี
ปรมะเทวีดึงตัวไว้ “ไม่ต้อง ข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใด ลัลน์ลลิตนับว่ายังมีจิตด้านดีงามอยู่มิใช่น้อย”
“ดูสิคะเทวี มาตรวัดผลสัมฤทธิ์ มีแสงทองกลับคืนมาบางส่วนแล้ว”
มาตรวัดความสัมฤทธิ์ มีแสงทองเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
“ต่อจากนี้ ข้าพเจ้าคงไม่มีโอกาสลงไปช่วยนางอีก” องค์เทวียกมือพนม “ขอความดีที่นางกระทำ นำพาจิตกุศลของนางออกมาด้วยเถิด”
นางฟ้าลลิตาพนมมือช่วยส่งกระแสจิตเช่นกัน
บิวตี้เดินตัดที่จอดรถจะไปกินข้าว ธีภพขับรถปาดหน้า มาจอดขวาง
บิวตี้หงุดหงิด “อะไรอีกล่ะ จะรีบไปกินข้าว”
“ไปด้วยกัน มีเรื่องจะพูดด้วย”
“ไม่เอา เดี๋ยวกลับสาย โดนด่าอีก”
“ไม่สายหรอกจะคอยดูเวลาให้ ขึ้นมาเร็ว”
บิวตี้จำใจขึ้นรถไปกับธีภพ
ส่วนที่ห้องครัวบ้านตากอากาศ อรวิภาผสมแป้งทำพิซซ่าทะเล โดยมีเจตน์ชาญ กับแม่บ้าน เป็นผู้ช่วย สาวโลกสวยท่าทางฝืนใจ พยายามเว้นระยะห่างจากเจตน์ชาญตลอดเวลา
เจตน์ชาญหั่นมะเขือเทศเสร็จ “มะเขือเทศหั่นหมดแล้ว ทำอะไรต่อครับเชฟ”
“หั่น หอมหัวใหญ่...ค่ะ”
“หั่นยังไงครับเชฟ”
อรวิภาฉุน ดุ “เลิกเรียกฉันว่าเชฟได้แล้ว”
“หั่นยังไงครับ น้องอร”
“หั่นตามยาวแล้วก็ขวางอย่างงี้” อรวิภาทำมือให้ดู
“ไม่เข้าใจ”
อรวิภาเดินมาใกล้เพื่อหั่นให้ดู ลืมไปว่ายืนใกล้กันมาก “หั่นทางนี้ แล้วก็ทางนี้”
“อ๋อ อย่างงี้เอง”
เจตน์ชาญจะเข้าไปหั่นแทนอรวิภา สองคนเบี่ยงตัวหลบกัน แต่เสียจังหวะ ร่างมาประชิดกัน
อรวิภาตกใจ รีบแทรกตัวหนีงุดๆ ไปผสมแป้งต่อ
เกิดความเงียบชั่วขณะ บรรยากาศอึมครึมระคนมาคุ
เจตน์ชาญทำเป็นสะดุ้ง “โอ๊ย” พร้อมกับกำนิ้วตัวเอง
อรวิภาตกใจ รีบวิ่งมาดู “มีดบาดหรือคะ” จับมือเจตน์ชาญ “ล้างมือก่อนค่ะ”
“เปล่า” เจตน์ชาญแบมือให้ดูว่าไม่เป็นไร “ผมแค่หั่นหอมผิดด้าน”
อรวิภาชักโกรธที่ถูกแกล้ง “นี่คุณ ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
เจตน์ชาญมองอรวิภายิ้มๆ “ครับ ผมทราบ”
อรวิภา โมโหเดินหนีไปเตรียมแป้งต่อ เจตน์ชาญหัวเราะ รู้สึกสนุกที่ได้แหย่อรวิภาเหมือนแหย่เด็ก
ในร้านอาหารริมทะเลเงียบๆ ธีภพพูดเรื่องงานกับบิวตี้ขณะที่กำลังกินอาหาร
“ผมจำเป็นต้องบอกผู้จัดการร้านว่าคุณเป็นใคร ไม่งั้นจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ แต่กำชับแล้วว่าห้ามพูด คุณเองก็อย่าก่อเรื่องอีกล่ะ”
“ตอนฉันทำดีก็มี ทำไมไม่ชม”
“ดีตรงไหน วิธีการขายของคุณมันแย่มาก”
“วิธีการขายของฉันก็ธรรมดา แต่คนที่แย่คือลูกค้าต่างหาก ทั้งคุ้ยของ เลือกแล้วเลือกอีก เลือกแล้วก็ไม่เอา บางคนยังมาต่อราคาอีก โอ้ย ไม่อยากจะเชื่อ”
“ลูกค้าถูกต้องเสมอ อย่าลืมสิว่าเราอยู่ได้ เพราะลูกค้า”
“ลองมาขายเองดูมั้ยล่ะ”
“ผมทำมาหมดแล้ว พนักงานขายทุกคนก็เคยเจออย่างคุณ แต่คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่เอาชนะได้ ทั้งใจตัวเองและใจลูกค้า”
“โอ้ย จะเล็คเชอร์อีกนานมั้ย กินข้าวไม่ลง” วางแก้วแรงๆ น้ำกระฉอกใส่เสื้อแจ็คเก็ต “ว้าย ดอลเช่ กาบาน่า ลูกแม่” สาวจอมเหวี่ยงลืมตัวรีบถอดเสื้อออกดูด้วยความห่วง
ธีภพเห็นแขนบิวตี้ ช้ำเป็นจ้ำๆ น่ากลัว รีบดึงแขนมาดู จ้องรอยช้ำ “ไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย”
บิวตี้ดึงแขนกลับ “ไม่ต้องยุ่ง ฉันทายาแล้ว”
ธีภพโกรธคิดไปไกล “คนทำแบบนี้กับผู้หญิง ไม่ปกติแล้วล่ะ เลิกคบกับเขาได้แล้ว”
“ไปกันใหญ่ละ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดซักหน่อย อย่ามายุ่ง”
“ผมไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณหรอก แต่ถ้าอาบวรกับอาลลิตาเห็นคุณเป็นแบบนี้ ท่านจะเสียใจขนาดไหน” ธีภพโกรธเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ไม่หันมามองบิวตี้ ด้วยความโมโห
“ตาบ้า คิดอะไรเนี่ย ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่นายคิดเลยนะ”
พักตร์พิมลกับกระตั้วเดินทางไปหัวหิน พักตร์พิมลขับรถมาตามทางด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ส่วนกระตั้วเล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา เห็นป้ายบอกทางไปหัวหิน
เจตน์ชาญกินอาหารกับครอบครัวอรวิภา ดูสนิทสนมขึ้นมาอีกระดับ อรวิภาหน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จา และไม่สบตาเจตน์ชาญ
เจตน์ชาญกินของหวานคำสุดท้าย “สุดยอดทุกอย่างเลยครับน้องอร” พลางหันมาทางอดิศักดิ์ “ท่านรับประทานอาหารอร่อยทุกมื้ออย่างนี้ ทำไมยังฟิตแอนด์เฟิร์มได้ครับ”
“ออกกำลังสิคุณ เดี๋ยวผมว่าจะไปออกรอบกับพรรคพวกจากหอการค้า อีกสักรอบ ไหนๆมาแล้ว ตีซะให้คุ้ม น้องอรเปลี่ยนใจไปกับป๊าไหม”
อรวิภารีบตอบด้วยความเข็ด “ไม่ค่ะ ไม่เอาแล้ว”
“ให้ลูกพักเธอค่ะ ท่าทางซึมๆ เหมือนไม่สบาย”
“ตามใจ คุณเจตน์ล่ะ”
“วรรณขอจองตัวคุณเจตน์ไปช้อปปิ้งหน่อยได้ไหมคะ”
“ก็ได้ แต่อย่าซื้ออะไรที่ร้านเรามีกลับมาล่ะ” ผู้เป็นสามีสัพยอก
“ไม่หรอกค่า แค่เดินดูของเฉยๆ ย่อยอาหารไงคะ น้องอร ไปเตรียมตัวสิจ๊ะลูก”
อรวิภาอิดออด “อรไม่ไปได้ไหมคะ”
“ตามใจจ้ะ แม่ก็แค่อยากไปดูร้านเอ้าต์เล็ท ของคุณธี”
อรวิภาดี๊ด๊าทันควัน “งั้นไปก็ได้ค่ะ”
เจตน์ชาญยิ้มให้อรวิภาเหมือนเอ็นดู อรวิภาดูออกว่ายิ้มเยาะ เลยเชิดหน้าใส่
เครือวรรณมองเจตน์ชาญที่ยิ้มให้อรวิภา หันไปสบตากับสามีอย่างพึงพอใจ
บิวตี้ถูกพามาที่แผนกเสื้อผ้าสตรี พนักงานขายยืนเรียงราย ไหว้ต้อนรับธีภพอย่างตื่นเต้น บิวตี้เดินตามข้างหลังไม่ให้เป็นที่สังเกต
ผู้จัดการร้านดูนอบน้อมกับบิวตี้มากขึ้น เพราะรู้ว่าเป็นประธานบริษัท พูดเบาๆ กับบิวตี้
“แผนกนี้มีคนช่วยเยอะ ท่านประ... เอ่อ คุณ คงสะดวกขึ้น”
“ไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย ฉันเริ่มชินกับชุดชั้นในแล้ว”
ผู้จัดการมองธีภพ ให้ช่วยตัดสิน
“แต่ละแผนก ก็มีวิธีการขาย มีรายละเอียด แตกต่างกัน ควรได้เห็นทั่วๆ” ธีภพบอก
“ก็ได้”
ธีภพเดินต่อไป บิวตี้หยุดที่แผนกเสื้อผ้าสตรี
หัวหน้าแผนกเดินมาหาผู้จัดการร้าน
“ช่วยจัดงาน แล้วก็สอนงานให้พนักงานฝึกหัดด้วย”
พักตร์พิมลกับกระตั้วเข้ามาในร้านแล้ว กวาดตามองหาบิวตี้ หรือธีภพ
“แยกกันไป ถ้าเจอรีบโทร.บอกฉันเลยนะ”
“ได๋เลยค่า ว้ายตื่นเต้นๆ เหมือน CSI” กะเทยล่ำก้ามปูสำเนียงโอเว่อร์น่าหมั่นไส้สุดๆ “Crime Scene Investigation”
พักตร์พิมลดุ “อย่าเยอะ เดี๋ยวเขาก็รู้ตัวก่อนหรอก ไปเงียบๆ”
“ค่าๆ” กระตั้วย่องไป หลบตรงนั้นตรงนี้ แบบนินจาสาว
พักตร์พิมลบ่นกับตัวเอง “คิดผิดหรือเปล่าเนี่ย ที่เอามันมา”
อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ เข้ามาในร้านเอ๊าท์เล็ตเช่นกัน แวะดูข้าวของอย่างเพลิดเพลิน อรวิภาพยายามไม่เดินใกล้เจตน์ชาญ
ขณะเดียวกันหัวหน้าแผนกเสื้อผ้าสตรี กำลังสอนให้บิวตี้ จัดราวแขวนเสื้อผ้าอย่างมีระเบียบ
“ลูกค้าจะเลือกแล้วแขวนมั่วซั่ว เราต้องจัดใหม่ ให้ไซส์อยู่ด้วยกัน ไม้หันไปทางเดียวกัน หน้าเสื้อหันไปทางเดียวกัน เข้าใจไหม”
บิวตี้ทำหน้าเบื่อ พยักหน้ารับ
“ตรวจดูด้วยว่ามีรอยขาดรอยเลอะอะไรหรือเปล่า ถ้ามีก็รีบบอก ลองทำซิ”
บิวตี้จัดเสื้อ ท่าทีเบื่อหน่าย
“อย่างงั้นแหละ ทำไป เดี๋ยวจะมาตรวจ” หัวหน้าเดินไป
บิวตี้บ่นกับตัวเองหน้าตาหงุดหงิดสุดขีด “จัดเสื้อเนี่ยนะ ไม่เห็นต้องฝึกเลย น่าเบื่อ”
ด้านหลัง อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ เดินมาถึงแผนกที่บิวตี้อยู่ แต่ไม่มีใครสังเกต เพราะบิวตี้หันหลัง
อรวิภาเดินไปดูเสื้อ ไม่ห่างจากจุดที่บิวตี้ทำงานนัก
บิวตี้จัดเสื้อ กระชากกระชั้นขึ้นทุกทีด้วยความเบื่อ ล้วงมือเข้าไปดึงเสื้อที่แขวนเบียดกันเบี้ยวๆ ให้เข้าที่ พอบิวตี้ดึงมือออกมามีคราบเหนียวๆ สีครีมข้นๆเลอะติดมือออกมาด้วย เป็นไอติมที่เด็กแอบกินทำหล่นใส่เสื้อ แล้วเอามาซุกไว้ จนละลายเยิ้ม
บิวตี้ขยะแขยงสุดขีด กรี๊ดลั่น “อี๋ย... อะไรกันเนี่ย อ๊ายยย ทุเรศที่สุด”
ทุกคนบริเวณนั้นหันมามอง
“อึ๋ย แหวะ” บิวตี้อาละวาด “ใครก็ได้ อย่ามุงเฉยๆ สิ หาผ้ามาเช็ดให้ฉันที เร็วๆ ซี้”
อรวิภาเพ่ง เบิกตามองบิวตี้ จำได้ทันที ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น
“พี่บิวตี้ พี่บิวตี้จริงๆ ด้วย”
เจตน์ชาญฉงน มองบิวตี้อย่างสนใจ
ไทยมุงเริ่มทำหน้าที่ บ้างหยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปเตรียมอัพขึ้นเฟสบุ๊ค ยูทูป
บิวตี้เอ็ดตะโรดังลั่น “ถ่ายทำไม ทำไมไม่ช่วยกัน นิสัยไม่ดี” พลางเอามือเลอะๆ ป้ายคนถ่ายคลิป ด้วยความโมโห
คนถ่ายคลิปร้องโวยวาย หลบกันให้วุ่น
หัวหน้าแผนกวิ่งมา “ว้ายอย่า อย่าทำอย่างนั้น”
“ต๊าย น่าขยะแขยง” เครือวรรณทำท่ารังเกียจไม่รู้ว่าเป็นใคร
อรวิภาหากระดาษทิชชูในกระเป๋า แล้วส่งให้บิวตี้ให้อย่างตกใจ “นี่ค่ะพี่บิวตี้”
บิวตี้รับมาเช็ดมือ สติเริ่มกลับมา ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองรอบตัว เห็นธีภพ พักตร์พิมล อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ กระตั้ว ผู้จัดการร้าน หัวหน้า พนักงานขาย ลูกค้ารายล้อมอยู่
ทุกคนเงียบกริบจ้องมองมาที่บิวตี้เป็นตาเดียว สีหน้าแต่ละคนตกใจในความเพี้ยนของสาวไฮโซ ลัลน์ลลิต
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 9 (ต่อ)
บรรยากาศเงียบกริบ บิวตี้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองรอบตัว เห็นทุกคนรายล้อมมองจ้องตัวเองอยู่เป็นตาเดียว จังหวะนี้ลูกค้าบางคนแอบใช้มือถือถ่ายรูป ถ่ายคลิปบิวตี้ ตามความเคยชินของคนยุคนี้
บิวตี้ตกใจแป๊บเดียวที่ถูกมุงดู แล้วเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ทำเป็นไม่พอใจมาก
“มีคนทำเสื้อเปื้อน สงสัยจะเป็นโรคจิต”
“นึกว่าหายไปไหน ที่แท้ก็มาก่อเรื่องอยู่นี่เอง” พักตร์พิมลแขวะ
ธีภพก้าวเข้ามาแก้ไขสถานการณ์
“ผู้จัดการช่วยตรวจดูด้วย” แล้วบอกกับบิวตี้ “ไปล้างมือซะ”
อรวิภาเพิ่งเห็นธีภพอยู่ตรงนั้นด้วย ร้องทักอย่างดีใจ
“พี่ธี น้องอรไม่รู้เลยค่ะว่าพี่ธีอยู่หัวหิน”
ธีภพกำลังยุ่งต้องเคลียร์บรรดาไทยมุง “พี่ขอตัวก่อนนะครับแล้วพี่จะโทร.ไปหา” เขาดึงแขนบิวตี้ออกไปเลย
อรววิภากับพักตร์พิมลร้องตาม “เดี๋ยวค่ะพี่ธี”
สองสาว มองตามธีภพที่ลากแขนบิวตี้ออกไปดื้อๆ ดูสนิทสนมไม่เหมือนพี่ชายกับน้องสาว อรวิภากับพักตร์พิมลหวั่นไหว
เจตน์ชาญปะติดปะต่อเรื่องได้ ยิ้มสะใจ
ผู้จัดการดึงเสื้อตัวที่เลอะออกมา หยิบโคนไอศกรีมขึ้นมาจากพื้น
“เสื้อคงเลอะไอศกรีมที่มีคนแอบเอาเข้ามากินน่ะค่ะ เราจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกต้องขอโทษลูกค้าด้วยค่ะ”
ลูกค้าแยกย้ายกันไป
แพ็ตรีบเดินไปหาธีภพ /กระตั้วรีบตามไปดู
เครือวรรณตาวาว มีแผนบางประการ “มาอยู่หัวหินกันหมด ก็ดีนะ เย็นนี้น้องอรเชิญคุณธี ไปทานข้าวด้วยกันสิ”
อรวิภาผู้โลกสวย ดีใจ “ได้ค่ะหม่ามี๊”
บรรยากาศในห้องผู้จัดการร้านมาคุสุดขีด
บิวตี้เถียงหัวชนฝา ไม่ยอมแพ้ เถียงไปเช็ดมือไปด้วยความขยะแขยง
“ฉันไม่ผิด ถามหน่อยซิถ้าอยู่ๆ ล้วงไปเจอของสกปรก ใครจะทนได้”
“มันก็แค่ไอติม โวยวายไปได้” ธีภพหงุดหงิด
“นาทีนั้นจะรู้มั้ยว่าเป็นไอติม แหวะ” บิวตี้ถูมือกับกระดาษทิชชูแรงๆ
พักตร์พิมลเข้ามาสมทบ สีหน้าโกรธปนเครียด กระตั้วเจ๋อตามมาสาระแนด้วย
“นี่พี่ธี แพ็ตได้ยินลูกค้านินทาร้านเรามันปากไปเลย แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำไมต้องโวยวายเหมือนคนเสียสติ” พักตร์พิมลได้ที
“แทนที่จะว่าฉัน ไปว่าคนแอบเอาไอติมเข้ามากินดีกว่ามั้ย” บิวตี้นึกได้ ยิ้มเยาะ “เอ๊ะหรือว่า จะเป็นแผนชั่วของใครบางคน” พูดพร้อมกับปรายตามองพักตร์พิมล
“เธอว่าใคร”
“ก็ว่าคนประวัติเสีย ที่บังเอิญมาหัวหินวันนี้พอดีน่ะสิ”
พักตร์พิมลโกรธจัด “ฉันไม่ได้ทำ”
“คราวนี้ไม่ได้ทำจริงๆ ฮ่ะ กระตั้วเป็นพยาน”
“ผู้จัดการ ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนไปสักครึ่งชั่วโมง”
“ได้ค่ะ”
ที่จอมอนิเตอร์ เห็นลูกค้าเดินไปมา และมีแม่คนหนึ่งเข็นรถเข็น
“หยุด เข้าไปดูที่รถเข็นใกล้ๆ ซิ” ธีภพบอก
ในรถเข็น มีเด็กอายุ 3-4 ขวบนั่งกินไอศกรีม
“นี่ไง” ธีภพตำหนิผู้จัดการ “ทีหลังให้รปภ.ตรวจให้ดี”
ผู้จัดการจ๋อย “ค่ะ”
บิวตี้เอ่ยขึ้น “ตกลงฉันไม่ผิด ไปทำงานต่อนะ”
“ฉันก็ไม่ผิด” พักตร์พิมลเอาเรื่องบิวตี้ “เธอต้องขอโทษที่มาหล่าวหาฉัน”
“ฉันเอ่ยชื่อเธอตรงไหน ร้อนตัวไปเองหรือเปล่า” บิวตี้เดินลอยหน้าออกไป
พักตร์พิมลโมโห ได้แค่ฮึดฮัดไปมา
ในขณะที่อดิศักดิ์นอนเอนหลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพักตากอากาศ อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ ถือถุงใส่ของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้ามา
“ป่าป๊าขา เราเจอพี่ธีที่ร้านด้วยค่ะ หม่ามี๊เลยให้เชิญพี่ธีมาทานข้าวด้วยกัน”
“อ้าวเหรอ” อดิศักดิ์ปรายตามองเจตน์ชาญว่ามีปฏิกิริยายังไง “ก็ดี มากันเยอะๆ สนุกดี”
เจตน์ชาญกลับตอบสีหน้าเรียบเฉย “เย็นนี้ผมคงต้องขอตัวครับ พอดีมีเพื่อนๆ มาอีกคณะนึง”
“อ้าวเหรอ งั้นเชิญมาจอยน์กันที่นี่ก็ได้นะ”
“เพื่อนมากันหลายคนครับ คงไม่กล้ารบกวนท่าน งั้นผมลาละครับ” เจตน์ชาญหันมาพูดกับอรวิภา “ขอให้สนุกกับปาร์ตี้นะครับ” เขามองอย่างรู้ทัน
อรวิภามองเมินไปทางอื่น เจตน์ชาญไหว้ลาอดิศักดิ์ เครือวรรณแล้วออกไป
“ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะลูก” เครือวรรณติง
“ก็คุณเจตน์เขาชอบมาแหย่ น้องอรไม่ชอบนี่คะ”
“เขาล้อเล่นน่ะลูก”
อดิศักดิ์บอก “ผู้ชายแหย่ แปลว่าเขาใส่ใจ”
อรวิภาเขิน แต่ทำเป็นโกรธ “น้องอรไม่ได้อยากให้เขามาใส่ใจซะหน่อย”
อดิศักดิ์มองออกยิ้มในหน้า ไม่ตอบ ปล่อยให้ลูกสาวกระเง้ากระงอดไป
เย็นนั้น บิวตี้เลิกงานแล้ว เดินออกมามองหารถจะกลับบ้าน เจตน์ชาญมารอดักพบ เดินตรงเข้ามาหา
“ขออนุญาตแนะนำตัวได้ไหมครับคุณลัลน์ลลิต”
บิวตี้จำหน้าได้ แปลกใจ “คุณ...”แต่นึกชื่อเขาไม่ออก
“เจตน์ชาญ จากเจดการ์เม้นท์ ครับ” ชายหนุ่มส่งนามบัตรให้
บิวตี้ออกอาการระแวง “มีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”
“ผมอยากคุยกับคุณ เรื่องของบริษัทน่ะครับ ขอเวลาคุณนิดนึง เราไปหาร้านนั่งสบายๆ คุยกันดีไหมครับ”
บิวตี้นึกได้ กลัวไม่ทันแปลงร่าง ดูนาฬิกาแล้วบอกอย่างร้อนใจ “ไม่ได้ คือ... ฉัน...มีนัด ต้องรีบกลับแล้ว”
“ครับ งั้นขอเป็นโอกาสอื่น”
บิวตี้เดินเลี่ยงมายืนคอยรถ สอดตามองหา
เจตน์ชาญตามมา “คุณลัลน์ลลิตไม่ได้เอารถมาหรือครับ”
“ค่ะ” บิวตี้กระวนกระวาย
“งั้นให้ผมไปส่งนะครับ”
บิวตี้มองหารถ ไม่มีสักคัน ดูเวลา 5โมงกว่าแล้ว ตอบตกลง “ก็ได้ค่ะ แต่ต้องรีบเลยนะ”
บิวตี้ขึ้นรถไปกับเจตน์ชาญ
จังหวะนี้ธีภพออกมาจากร้าน มองหาบิวตี้ เห็นบิวตี้ขึ้นรถไปกับเจตน์ชาญต่อหน้า ธีภพมองตามอย่างสงสัย ไม่ไว้ใจในตัวเจตน์ชาญ
รถเจตน์ชาญมาส่งบิวตี้ที่หน้าบ้าน บิวตี้กังวลใจหนัก ด้วยใกล้ถึงเวลาแปลงร่าง
“ขอบคุณนะคะ ขอตัวก่อน” บิวตี้รีบเข้าบ้านไป
“ครับ” เจตน์ชาญลงรถจะเปิดประตูให้
บิวตี้เปิดประตูลงเองวิ่งจู๊ดเข้าบ้านไปเลย
เจตน์ชาญตะโกนตาม “คุณบิวตี้ครับ”
บิวตี้หันมา ร้อนใจ เริ่มปวดตัว “อะไร”
“พรุ่งนี้ ผมมารับคุณนะครับ จะได้คุยธุระกัน”
บิวตี้รีบรับปากส่งๆ ให้พ้นๆ “ก็ได้” รีบเดินแกมวิ่งเข้าบ้านไป
เจตน์ชาญมองตามอย่างสงสัย แล้วขึ้นรถขับออกไป
บิวตี้เดินเร็วๆ เข้ามาในบ้านเจอป้าจัน
“คุณหนูรับของว่างไหมคะ”
บิวตี้ไม่ตอบ รีบวิ่งไปทางห้องนอน
พอลับสายตาป้าจันไป บิวตี้ก็กลายร่างเป็นนกทันที พระอาทิตย์ที่หัวหินตกทะเลไปพอดี
ป้าจันเก็บของว่างไปอย่างรู้หน้าที่ ชักชินกับอาการแปลกๆ ยามเย็นของคุณหนูลัลน์ลลิต
พรมาตามป้าอย่างร้อนใจ “ป้า มีตุ๊กแกมาเกาะอยูหลังบ้าน”
“ตายๆ เดี๋ยวมันร้องขึ้นมาละก็คุณหนูอาละวาดแย่เลย”
ป้าจันกับพร ลับตัวไป
ค่ำแล้วขณะที่ธีภพขับรถเข้ามาในบ้านบิวตี้ ป้าจันออกมารับ
“บิวตี้กลับมาหรือยัง”
“มาสักครู่นึงแล้วค่ะ”
“ช่วยบอกว่าผมมีเรื่องจะพูดด้วย”
ป้าจันอึกอัก “เอ่อ...คุณหนู สั่งไม่ให้รบกวน”
“ผมมีเรื่องด่วน”
“ค่ะ พรไปเรียนคุณบิวตี้ซิ”
พรคอหดคอย่น ด้วยความเกรงกลัว
พรเดินไปเคาะประตูห้องบิวตี้ ก่อนจะเปิดเข้าไปเบาๆ พบว่าไม่มีใครในห้อง
พรกลับลงมารายงาน “คุณหนูไม่อยู่ค่ะ”
“อ้าว เอ๊ะ หรือจะออกไปตอนที่เราไปไล่ตุ๊กแก”
ธีภพระอาใจ “เค้าออกไปกับใคร”
“เห็นมีรถสีดำมาส่งนะคะ แต่ตอนออกไปไม่เห็นค่ะ”
ธีภพคิดว่าบิวตี้ไปกับเจตน์ชาญ รู้สึกไม่พอใจ
อ่านต่อหน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 9 (ต่อ)
ที่แท้บิวตี้คนนั่งอยู่ที่ขอบประตู มุมลับตา หลังบินออกไปทางหน้าต่างห้องนอน แล้วบินวนมาเกาะฟัง นกบิวตี้เห็นธีภพคุยอยู่กับป้าจัน และพร
“ยุ่งกับชีวิตฉันจัง ทีตอนอยู่ที่ร้านไม่เห็นเคยจะช่วยฉันเลยซักนิด”
ธีภพออกจากบ้านไป
“แฟนมาหัวหิน ไปหาแฟนละสิ อยู่กับแฟนจะกวนประสาทเหมือนอยู่กับเรามั้ยเนี่ย”
นกบิวตี้บินตามธีภพไปด้วยความอยากรู้
ขณะเดียวกันพักตร์พิมลกับกระตั้ว ซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ข้างรั้วบ้านพักตากอากาศของบิวตี้ กระตั้วเกาตัว แขน ขา แกรกๆ
“อู๊ย คุณแพ็ตขา ไปกันเถอะค่ะ ตัวอะไรต่อมิอะไรสารพัดสัตว์มารุมขบกัดกระตั้วใหญ่แล้ว”
“เงียบเหอะน่า รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง จำไว้...รถพี่ธีออกมาแล้ว ดูซิมันมาด้วยไหม”
รถธีภพแล่นผ่านไป เห็นมีธีภพนั่งอยู่คนเดียว สองคนชะเง้อคอดู
“ไม่เห็นนะคะ อ๊าย...” กระตั้วตกใจ เมื่อสายตาเห็นนกบิวตี้บินแวบผ่านไป
พักตร์พิมลฉุน “ร้องทำไม เดี๋ยวคนในบ้านก็ออกมาหรอก”
กระตั้วปากคอสั่น สยองขวัญตั้งแต่ที่โรงงาน “คุณแพ็ต ไม่เห็นหรือคะ”
พักตร์พิมลดุ “เห็นอะไร”
“นกค่ะ...นกผีตัวนั้น”
พักตร์พิมลไม่เชื่อ “บ้า ตาฝาดไปแล้ว”
“แต่ตั้วเห็นจริงๆ นะคะ โอ้พระเจ้า มันน่ากลัวเหลือเกิน”
“เพ้อเจ้อน่า เป็นไปไม่ได้”
กระตั้วกรีดร้อง ชี้ไปทางหนึ่ง ตัวสั่นเทา “อร๊าย...”
พักตร์พิมลโมโห “อะไรอีกล่ะ”
กระตั้วติดอ่างพูดไม่ออกด้วยความช็อก “ต ตะ ตุ๊ ตุ๊ก แก”
พักตร์พิมลหันไปสบตากับตุ๊กแกพอดี กรี๊ดลั่นวิ่งเตลิดหนีไป
“อ๊าย.....”
ทางด้านธีภพกินข้าวกับครอบครัวอรวิภา บิวตี้คนแอบดูอยู่ที่ระเบียง มองเข้ามาเห็นทุกคนอยู่ที่โต๊ะอาหาร
บิวตี้มองอย่างขัดหูขัดตา พาลหมั่นไส้ “ฮึ อยู่กับแฟน หน้าบานเชียวนะ”
อรวิภาแกะกุ้งให้ธีภพ “ทานกุ้งค่ะพี่ธี”
“ขอบคุณครับ น้องอรทานเถอะ พี่แกะเองได้”
“น้ำจิ้มเนี่ยน้องอรตำเองนะคะ รสอ่อนหน่อย ทานได้ไหม” เครือวรรณถาม
“ได้ครับ อร่อยมาก”
อรวิภายิ้มหวานให้ธีภพ “คงสู้ฝีมือคุณแม่พี่ธีไม่ได้หรอกค่ะ”
“คนละแบบกันครับ แต่ก็อร่อยเหมือนกัน”
บิวตี้จับตาดูตลอดด้วยความหมั่นไส้ “หวานเยิ้มเชียวนะ”
เครือวรรณบอกเป็นนัย “คุณเจตน์ชาญเขา ติดใจสูตรของน้องอรจนขอเรียนเลยนะ เขาบอกว่ามันไม่กลบรสชาติอาหารเหมือนที่เคยทานมา”
ทุกคนเงียบ อรวิภาอึดอัดใจกลัวธีภพไม่พอใจ
“คุณเจตน์ชาญเหรอ” บิวตี้เยาะ “แย่แล้ว นายธี นายมีคู่แข่งแล้ว”
ธีภพตอบขรึมๆ “จริงครับ น้ำจิ้มรสอ่อนๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ”
“น้องอรออกรอบกอล์ฟกับผมเป็นครั้งแรก คุณเจตน์เขาเลยมาช่วยดูให้ ความจริงผมชวนกินมื้อเย็นด้วยกัน” อดิศักดิ์ว่า
“คุณเจตน์เขาขอตัวไปสังสรรค์กับเพื่อนน่ะค่ะ” เครือวรรณเสริม
ธีภพยิ่งมั่นใจว่าไปกับบิวตี้ สีหน้าเครียด “เพื่อนมาพอดีเลยนะครับ”
บิวตี้ยิ้มเยาะ “หึงละซี้”
อรวิภาอ้อน “พี่ธีดูเครียดจัง โกรธน้องอรหรือเปล่าคะ”
“เปล่า คือ พี่เป็นห่วงเรื่องวุ่นๆ ที่ร้านน่ะครับ”
บิวตี้หมั่นไส้อีก “แหมเวลาอยู่กับแฟนออดอ้อนฉอเลาะกันจังเลยนะ แหวะเลี่ยน ไปดีกว่า”
นกบิวตี้บินหนีกลับบ้านไปด้วยความหงุดหงิด
บรรยากาศที่โต๊ะอาหารเป็นไปอย่างจืดๆ เครียดๆ ต่อไป
ยามเช้า เจตน์ชาญพาตัวเองมายืนรอที่รถตรงหน้าบ้าน ขณะที่บิวตี้เดินมาหา หล่อนยังไม่ใส่แว่นและมวยผมเพราะเจตน์ชาญรู้แล้ว เจตน์ชาญเปิดประตูรถให้อย่างสุภาพบุรุษแล้วออกไปด้วยกัน
รถของธีภพ แล่นเข้ามาที่บ้านบิวตี้ สวนทางกับรถเจตน์ชาญพอดี ด้วยเป็นทางแคบ รถต้องแล่นช้าๆ ธีภพจดสายตาจ้องมองบิวตี้อย่างดุดัน บิวตี้เห็นแต่เมินหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ
เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในสายตาของนางฟ้าลลิตาลุ้นตามภาพในจอฉายภาพ ณ แดนสรวง
“หนึ่งในบุรุษสองคนนี้ คือคนที่ลัลน์ลลิตจะมอบความรักยิ่งกว่าชีวิตตนให้ ใช่หรือไม่คะเทวี”
“อาจใช่ หรืออาจไม่ใช่ ข้าพเจ้าไม่อาจตอบได้ จิตมนุษย์นั้นลึกล้ำเกินกำหนด” ปรมะเทวีบอก
“จนป่านนี้แล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าลัลน์ลลิตจะได้จุมพิตชายที่นางรักยิ่งกว่าชีวิต”
“ก็สุดแต่กรรมที่เขาทำร่วมกันมา”
“ข้าพเจ้า เห็นความขุ่นเคืองของธีภพ มันเนื่องมาจากความรักใช่หรือไม่คะ”
ปรมะเทวีส่ายหน้า “บุรุษทั้งสองเป็นอริกันมาหลายภพหลายชาติ ย่อมขาดความไว้วางใจ เป็นธรรมดา จะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับความรักก็เป็นได้ทั้งสิ้น”
นางฟ้าลลิตาถอนใจ ลุ้นชะตาลูกสาวต่อ โดยไม่รู้อะไรเพิ่มขึ้นมาเลย
ฟากสองหนุ่มสาวนั่งอยู่ในร้านกาแฟ และอาหารเช้าด้วยกัน บิวตี้จิบกาแฟ เจตน์ชาญถามขึ้นมาตรงๆ
“คุณบิวตี้กำลังฝึกงานเพื่อเตรียมเป็นผู้บริหารหรือครับ”
บิวตี้ตกใจนิดๆ “คุณรู้ได้ไง”
“ก็เห็นคุณฝึกงานที่ร้านไงครับ ผมศึกษาและยกย่องวิธีการบริหารงาน บริหารคนของคุณพ่อคุณมากเลยครับ”
“แล้วยังไงเหรอคะ”
“ผมอยากขอแสดงความยินดีกับคุณเป็นคนแรกๆ ผมเชื่อว่าผู้บริหารอย่างคุณ คงทำให้ธนบวรเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึง”
“ฉันว่าคุณคงอยากจะสมน้ำหน้า มากกว่ายินดี”
เจตน์ชาญหัวเราะ “ไม่หรอกครับ ถึงบริษัทเราจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ผมอยากให้แข่งในเชิงสร้างสรรค์มากกว่า”
“ถึงจะสร้างสรรค์ยังไง คุณก็คงไม่เลิกคิดจะแย่งลูกค้าของเราไปหรอก จริงไหม”
เจตน์ชาญหัวเราะชอบใจ “รู้ทันไปหมดแบบนี้ ถ้าคุณขึ้นเป็นผู้บริหารเมื่อไหร่ ผมคงตามธนบวรไม่ทันแน่ๆ”
“แต่ประธานร่วมของฉัน ไม่เห็นคิดอย่างคุณเลย”
“คุณธีภพ คิดยังไงหรือครับ” เจตน์ชาญแกล้งถาม
บิวตี้จะพูด แล้วนึกได้ หยุดปาก “จะล้วงความลับเหรอ อย่าเลย ฉันยังไม่รู้อะไรมากพอจะให้ข้อมูลคุณได้หรอก แต่ถ้ารู้มากฉันก็คงไม่เล่าให้คู่แข่งฟังอยู่ดี จริงมั้ยคะ”
เจตน์ชาญหัวเราะขำ รู้สึกสนุกที่ได้คุยกับบิวตี้ “ผมต้องรีบไปวางแผนปรับกลยุทธ์ด่วนเลย ไม่งั้นสู้คุณไม่ได้แน่”
“รีบปรับเลยค่ะ” บิวตี้ดูนาฬิกา “แต่ตอนนี้คงต้องรีบไปส่งฉันก่อนเพราะใกล้เวลาเข้างานแล้ว” บิวตี้รีบดื่มกาแฟ จะไปทำงาน
“ขอบคุณมากนะครับที่ให้เวลาคุยกับผม ไม่ได้มีเวลาทานอาหารเช้าแล้วคุยสนุกแบบนี้มานานแล้ว”
“สอนลูกนายห้างตีกอล์ฟ ไม่สนุกหรือคะ...” บิวตี้อดไม่ได้ แต่รู้ตัวว่าหลุดปาก รีบหยุด
“ข่าวเมืองเล็กนี่แพร่ไปเร็วจริง”
บิวตี้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รีบร้อนลุกขึ้น “ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวสาย” พร้อมกับเดินนำไป
เจตน์ชาญมองตามบิวตี้อย่างพึงใจ มุ่งมั่นอยากเอาชนะใจผู้หญิงคนนี้ให้ได้
อ่านต่อตอนที่ 10