เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2
ลัลลลิตต์ก้าวมาหยุดยืนหน้าห้องทำงานตรีภพ มองไปยังเลขาที่นั่งแหมะอยู่ บอกย้ำจุดประสงค์
“ดิฉันมาพบคุณธีภพ”
“นัดไว้หรือเปล่าคะ” เลขาถามตามธรรมเนียม
บิวตี้ไม่ตอบคำถาม แต่พูดบอกไปด้วยเสียงเย็นเยียบ “ฉันชื่อ ลัลน์ลลิต”
เลขารู้ทันทีว่าเป็นใคร สีหน้าตื่นเต้นนิดหนึ่ง แล้วไหว้ “กรุณารอสักครู่ค่ะ” จากนั้นพาหล่อนเข้าไปรอในห้องธีภพ
พอเข้าห้องมา บิวตี้เดินนวยนาดสำรวจตรวจตรา ปรายตามองสิ่งต่างๆ ในห้องอย่างจะจับผิด
เลขากลับออกมาจากห้องทำงานด้านใน “ท่านประธาน กำลังติดประชุมสำคัญ กรุณารอสักครู่ค่ะ”
บิวตี้ถอนใจ นั่งรอที่โซฟาตรงมุมรับรอง หน้าเชิด วางท่าดุจนางพญา เหลือบตาดูนาฬิกาข้อมือ
นาฬิกา บอกตัวเลขว่าผ่านไปประมาณ 10 นาทีแล้ว บิวตี้เคาะนิ้วดูนาฬิกา เลขาเอากาแฟ และน้ำมาเสิร์ฟ
บิวตี้ไม่สนใจกาแฟ เริ่มหงุดหงิด เพราะไม่เคยรอใคร “ประชุมยังไม่เสร็จอีกเหรอ”
“กรุณารอสักครู่ค่ะ”
บิวตี้ถอนใจ นั่งหน้าเชิดดุจนางพญาต่อ
เวลาเคลื่อนคล้อย นาฬิกาบอกตัวเลขว่าผ่านไปประมาณ 20 นาที บิวตี้หงุดหงิดมากขึ้น
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”
“กรุณารอสักครู่ค่ะ”
“พูดอย่างอื่นเป็นไหม โปรแกรมมาแค่กรุณารอสักครู่ หรือไง”
“ขอโทษค่ะ” เลขาก้มหน้าทำงานไป ไม่ตอบโต้
บิวตี้ลุกขึ้นเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิด
เวลาผ่านไปอีกช่วงเวลาสั้นๆ บิวตี้หงุดหงิด อยู่ไม่นิ่ง หากิจกรรมทำฆ่าเวลา ทั้ง ถ่ายรูป เล่นเกม ส่องกระจก เปลี่ยนท่านั่ง ลุกเดินไปมา และในที่สุด บิวตี้ก็สุดทน ลุกขึ้น ฮึดฮัด เดินไปที่ประตูห้องประชุม จะเปิดประตู
เลขารีบลุกไปกั้น “เข้าไปไม่ได้นะคะ กรุณารอสักครู่”
บิวตี้ดุใส่ “ไม่รอ เกิดมาไม่เคยรอใครนานอย่างนี้เลย ฉันก็ประธานเหมือนกันนะหลีกไป”
เลขาถูกกวาดออก ตกใจ สุดจะห้ามปราม หลบอย่างเกรงๆ
บิวตี้เปิดประตูห้องทำงานธีภพอย่างแรง เดินฉับๆเข้าไป
บิวตี้เปิดประตูผลัวะเข้ามา ทุกคนในห้องนิ่งอึ้งด้วยความตกใจเพราะนี่เป็นการประชุมลับ บนจอโปรเจ็คเตอร์มีภาพของเสื้อผ้าตัวอย่างที่กำลังนำเสนออดิศักดิ์ เพื่อลงจำหน่ายที่ห้าง
กรเทพตกใจ “บิวตี้ มาทำอะไร”
“ก็มามารับตำแหน่งประธานร่วมของธนบวร” บิวตี้เชิดหน้าผยอง “ตามสิทธิของบิวตี้ไงคะอาชวนเองไม่ใช่เหรอ”
ธีภพข่มอารมณ์ “เรากำลังประชุมเป็นการภายใน เชิญออกไปรอข้างนอกก่อน”
“มีความลับกับว่าที่ประธานร่วมของบริษัทด้วยเหรอ” บิวตี้จ้องหน้าเขา
อดิศักดิ์ฉุน ลุกยืน “ถ้าจะมีการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ผมคงต้องขอตัวไปทบทวนข้อเสนอก่อน”
กรเทพตกใจ “เดี๋ยวครับคุณอดิศักดิ์”
อดิศักดิ์ไม่ฟังเสียง เดินออกไปทันที
กรเทพบอกกับธีภพ “อาคุยเอง เดี๋ยวมา” แล้วรีบตามอดิศักดิ์ไปอย่างร้อนใจ
ธีภพหันมาเอาเรื่อง “นี่ รู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังจะทำยอดขายกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทหายไป”
บิวตี้ตกใจ แต่ยังดื้อดึง “ฉันรออยู่ชั่วโมงนึงแล้วนะ ฉันก็มีเรื่องสำคัญเหมือนกัน”
“เรื่องอะไร”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะมารับตำแหน่งประธานร่วม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ธีภพเยาะ “งานบริษัท ไม่ได้ง่ายเหมือนเล่นขายของนะครับคุณลัลน์ลลิต”
บิวตี้ตอบไม่ได้ หน้างอ คอแข็ง “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นหน้าที่ของนาย ที่จะต้องสอนฉัน”
“ผมงานยุ่งมาก ไม่มีเวลาสอนคุณหรอก”
บิวตี้ขึ้นเสียงใส่ อย่างเด็กเอาแต่ใจ “นายต้องสอน”
“ไม่”
บิวตี้จ้องหน้าธีภพพูดอย่างดุเดือด “นายไม่มีสิทธิปฏิเสธฉัน นายอ้วนแว่น”
ธีภพดึงลากข้อมือบิวตี้ออกมาจากห้องทำงาน เลขาตกใจหลบตัวลีบ
บิวตี้โวยลั่น ขืนตัว “ปล่อยฉันนะ ฉันเป็นประธานของที่นี่เหมือนกันนะ”
“อยากเป็นก็เชิญไปหาห้องทำงานที่อื่น นี่ห้องผม ผมไม่ให้คุณเข้า”
“ไม่ให้เข้า ฉันก็จะยืนอยู่ตรงนี้ จนกว่านายจะยอมสอนงานให้ฉัน”
“เกี่ยวอะไรกับผมด้วย ทำไมไม่ไปฝึกงานกับอากรของคุณ”
“ไม่ ประธานต้องฝึกงานจากประธานเท่านั้น”
“ผมดูแลเรื่องการตลาด ส่วนพ่อคุณเคยดูแลเรื่องการผลิตซี่งตอนนี้อากรเป็นคนรับผิดชอบ อากรน่าจะสอนคุณได้ดีกว่าผม”
“แต่ฉันต้องการให้คุณสอน คุณคนเดียวเท่านั้น!”
“คุณต้องบอกผมว่าทำไม แล้วผมจะสอนคุณ”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลของฉัน แค่ฉันอยากทำงานอย่างจริงจัง และพ่อคงดีใจที่ฉันสานต่อความฝันของท่าน ถ้าคุณนับถือพ่อก็ช่วยสอนฉันซึ่งเป็นลูกของท่าน นะคะ”
ธีภพสบตาบิวตี้อย่างชั่งใจ แล้วก็ตัดสินใจ
“ผมไม่ว่าง” ธีภพหันตัวจะเข้าห้อง
บิวตี้ถลามาขวางประตู พูดขู่ “ก็ได้ ถ้างั้นฉันจะบริหารงานธนบวรตามแบบของฉัน แต่ถ้าพลาด เจ๊งขึ้นมา ห้ามโทษฉันนะ ก็อยากไม่สอนเองนี่”
ธีภพจ้องบิวตี้ หน้าเครียด “ตามใจคุณสิ” ชายหนุ่มเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าบิวตี้ โดยไม่แยแส
บิวตี้งง โกรธแค้น ทุบประตูไม่ยั้ง “นายทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ”
บิวตี้โมโหฮึดฮัดโมโหธีภพออกมาหน้าตึก
“ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอย่างนายหรอก งานแค่นี้ ฉันทำได้” หันไปมองบริษัทใหญ่โตแล้วชักจะท้อถอย ชะงักเมื่อเห็นกรเทพอยู่ตรงที่จอดรถ วี ไอ พี กรเทพ ยังพูดกับอดิศักดิ์นอบน้อม ดูประจบเอาใจ ก่อนอดิศักดิ์จะขึ้นรถไป
บิวตี้พาลโมโหขึ้นมาอีก “ก็แค่ประจบประแจง ไม่มีความจริงใจ”
กรเทพหันมา เห็นบิวตี้ แต่บิวตี้เดินหนี
กรเทพรีบเดินมาหา “บิวตี้ บิวตี้”
บิวตี้หยุดเดิน โกรธ เตรียมจะว่าใส่หน้าอา
กรเทพเดินมาถึง “หลานจะมาทำงานจริงหรือเปล่า”
บิวตี้ประชด “ค่ะ ได้เวลาทำหน้าที่แทนพ่อเสียที”
กรเทพไม่รู้เรื่องว่าถูกเข้าใจผิด ปลื้มใจ “อารอวันนี้มานานแล้ว พี่บวรคงดีใจ” ผู้เป็นอาดีใจจนน้ำตาคลอ
บิวตี้เมินหน้าหนี “ค่ะ จะได้รู้เสียทีว่าใครหมกเม็ดอะไรไว้ บิวตี้จะแฉให้หมด”
กรเทพหัวเราะ “ใจเย็นๆ ค่อยๆเรียนงานไปก่อน อาจะสอนบิวตี้ทุกอย่างเลย”
“ไม่ต้องรบกวนอาหรอกค่ะ”
กรเทพตกใจ “บิวตี้ อยู่ๆหลานจะมาบริหารงานบริษัทเลย มันเป็นไปไม่ได้ บิวตี้ไม่ได้ทำงานคนเดียวนะ บิวตี้ต้องได้รับความเชื่อใจทั้งจากคนในบริษัทและลูกค้า”
บิวตี้ชักหวั่นไหว ตัดสินใจโกหก “นายธี เขารับปากแล้วว่าจะสอนบิวตี้”
กรเทพแปลกใจ “ธี รับปากเหรอ ...ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
บิวตี้หันหลังกลับเข้าออฟฟิศ
“บิวตี้จะไปไหน”
“ก็ไปเรียนน่ะสิคะ”
ธีภพกำลังเซ็นเอกสารให้เลขา บิวตี้เปิดประตูเข้ามา เลขาตกใจ
ธีภพทำหน้าเบื่อหน่าย “อะไรอีกล่ะ” แล้วเซ็นงานต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“ฉันอยากเป็นประธานบริษัทที่ทุกคนยอมรับ เหมือนกับที่พวกเขายอมรับพ่อ”
ธีภพอึ้งไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นมามองบิวตี้ เหมือนจะหยั่งลึกไปในใจ เลขา รู้งาน รีบชิ่งออกไป
“แน่ใจหรือ”
“แน่ ฉันพร้อมจะทำทุกอย่าง”
“ถ้างั้นก็ต้องมีข้อตกลง”
บิวตี้ดีใจ “ตกลง รับสอนฉันแล้วใช่ไหม” รู้สึกเป็นผู้ชนะ “เย้ เยส!”
ธีภพรำคาญ “คุณต้องเชื่อฟังคำแนะนำของผม ทำตามวิธีของผม” เขาเน้นคำในตอนนี้ “ทุกอย่างโดยไม่มีข้อโต้แย้ง”
“ให้ไปตายก็ต้องไปเหรอ”
ธีภพย้ำ “ไม่มีข้อโต้แย้ง ผมไม่สั่งให้คุณทำอะไรโง่ๆอย่างงั้นหรอก รับรองว่าทุกข้อจะมีประโยชน์กับการเป็นประธานบริษัท ตามแนวทางที่คุณบวรวางไว้”
บิวตี้คิดแล้ว ยอมรับ “ตกลง ฉันจะทำตามวิธีของพ่อ ทุกอย่าง”
ที่แดนสรวง นางฟ้าลลิตา มองจอภาพฉายอย่างตื่นเต้น ปิติ ปรมะเทวี เฉยๆ ไม่ตื่นเต้น
“พ่อของลูกคงได้รับรู้และปีติเป็นอย่างมาก”
“ไม่มีอะไรดีขึ้น แม้แต่น้อย” ปรมะเทวีชี้ให้ดูมาตรวัดความสัมฤทธิ์ของบิวตี้ ข้างจอฉายภาพ สีทองไม่เพิ่มขึ้นเลย
“แต่ลูกพยายามแล้วนะคะ อย่างน้อยก็รู้จักทำงาน”
“นางทำไปด้วยความโกรธแค้น โทสจริตเข้าครอบงำ อาจทำให้เกิดผลร้ายด้วยซ้ำ”
ขาดคำ มาตรวัดความสัมฤทธิ์ ควันดำพลุ่งออกมา มีสีดำเพิ่มขึ้นอีกหน่อย นางฟ้าลลิตา ร้อนใจ
ธีภพโยนชุดสาวโรงงานให้บิวตี้ตรงหน้า บิวตี้หยิบขึ้นมาดู
“คุณจะให้ฉันใส่ชุดนี้น่ะเหรอ ผ้าหยาบแบบนี้ผิวฉันก็เป็นรอยหมดน่ะสิ แบบก็เชย พวกสาวโรงงานใส่เข้าไปได้ยังไง”
“เครื่องแบบถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการทำงานในโรงงาน ไม่รุ่มร่าม และปลอดภัยเมื่อต้องใช้เครื่องจักร เนื้อผ้าแบบนี้ระบายความร้อนได้ดี และเส้นใยก็ไม่ลงไปปลอมปนกับผลิตภัณฑ์ของเรา”
“แต่ชุดของฉันก็ดีอยู่แล้วนิ”
ธีภพดึงชุดคืน “กลับไป”
“ทำไมล่ะ ไหนคุณบอกจะสอนฉัน”
“ถ้าคุณยังมีข้อโต้แย้ง ก็จะไม่มีการสอนงาน กลับไป”
ธีภพเดินออกจากห้องไป
“คุณธี อย่าไปนะ ฉันใส่ก็ได้”
ไม่นานต่อมาบิวตี้ ออกมาจากห้องน้ำในห้องทำงานธีภพด้วยมาดสาวโรงงานแผนกโกดังสินค้าสีเทา เป็นชุดที่เน้นความปลอดภัยสูงสุด ชุดเสื้อกางเกงติดกัน มีหมวกนิรภัย ถุงมือหนาป้องกันนิ้ว แว่นตาและผ้าปิดจมูกกันฝุ่น
บิวตี้มองตัวเอง น่าจะเป็นครั้งที่ 40 แล้ว ตั้งแต่เปลี่ยนชุดเสร็จ ธีภพตาวาว กลั้นยิ้ม ด้วยความขบขันและสะใจ บิวตี้ ถอดหมวก ถอดถุงมือ โยนลงบนโต๊ะของธีภพอย่างรังเกียจ
“ไม่ ฉันไม่ใส่เสื้อผ้าแบบนี้เด็ดขาด”
“แค่ไม่ถึงชั่วโมงก็ขัดคำสั่งแล้ว เลิกเถอะ”
“แต่ฉันจะฝึกงานออฟฟิศ”
“คุณต้องไปเริ่มมาจากพื้นฐาน ไล่ขึ้นมา”
“ฉันเป็นถึงประธาน คุณจะให้ฉันไปเป็นสาวโรงงานได้ยังไง”
“กฎข้อที่ 1 คุณต้องไม่ดูถูกพนักงานของคุณเอง สาวโรงงานเป็นพนักงานที่มีค่าของบริษัทเรา ถ้าไม่มีพวกเธอเราก็ไม่มีผลิตภัณฑ์ดีๆที่จะทำเงินให้บริษัท”
“ฉันไม่ได้ดูถูกสาวโรงงาน แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องไปทำงานแบบพวกเธอด้วยในเมื่อฉันเป็นถึงประธาน”
“เพราะเป็นประธาน คุณถึงต้องรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในบริษัทอย่างลึกซึ้ง ยิ่งคุณดูแลฝ่ายการผลิต คุณยิ่งต้องเข้าใจกระบวนการในโรงงานอย่างละเอียด รู้ทุกปัญหา คุณถึงควบคุมงานได้”
“คุณพ่อตั้งกฎ อย่างนั้นจริงๆเหรอ พ่อฉันไม่เห็นต้องไปเป็นสาวโรงงานเลยนี่”
ธีภพหยิบโบรชัวร์กฎของบริษัทจากลิ้นชัก วางกึ่งโยนให้บิวตี้ “เอาไปดูเอง พ่อคุณกับพ่อผมช่วยกันก่อตั้งธนบวรมาตั้งแต่ยังเป็นร้านตัดเสื้อผ้าห้องแถว กว่าจะเป็นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะตัดเย็บ เก็บกวาดผ้า ท่านทำมาหมดแล้ว”
บิวตี้ท้วง “แต่ฉันจบแฟชั่นดีไซน์มาจากลอนดอน คุณลืมไปแล้วหรือไง”
“กฎข้อที่ 2 คุณต้องทิ้งปริญญาทุกใบไว้ที่บ้าน แล้วเรียนรู้บริษัทของเราในสภาพที่มันเป็น พนักงานทุกคนต้องฝึกงานอย่างคุณเหมือนกัน”
“คุณด้วยเหรอ”
“ครับ ผมเองก็ต้องฝึกเหมือนกัน”
“ได้ งั้นฉันจะฝึก”
“เริ่มฝึกพรุ่งนี้ แต่งเครื่องแบบนี้ มาทำงาน”
“ไม่มีทาง จะให้ฉันใส่ชุดนี้ออกจากบ้านเนี่ยนะ”
“กฎข้อที่ 3 ผู้บริหารระดับสูงของธนบวร ต้องผ่านการฝึกงานทุกแผนก และต้องไม่แสดงตัวว่าเป็นใคร”
“นี่คุณ ในเมื่อเริ่มฝึกพรุ่งนี้แล้วจะให้ฉันใส่ชุดนี้ตอนนี้ทำไมเล่า”
“ผมไม่ได้บอกให้คุณใส่ตอนนี้ซะหน่อย” บิวตี้แค้น ค้อนลมแล้ง “คุณฝึกกะบ่ายก็แล้วกัน อย่างคุณคงตื่นเช้าไม่ไหว”
“ดี” บิวตี้นึกได้เรื่องแปลงกาย “กะบ่าย กี่โมง”
“หกโมงเย็น ถึงตีสอง”
บิวตี้ยิ่งตกใจ “ไม่ได้นะ คือ... ฉัน มีนัด”
ธีภพยิ้มเยาะ “ห่วงเที่ยวกลางคืน”
“เรื่องของฉัน ขอทำกะเช้าแต่มาสายหน่อยแล้วเลิกเร็วหน่อย ได้ไหม”
“ไม่ได้ กะเช้า แปดโมงครึ่งถึงห้าโมงครึ่ง ตามนั้น”
บิวตี้ต่อรอง “ฝึกงานไม่ต้องเต็มเวลาขนาดนั้นมั้ง”
“ทำไม่ได้ก็อย่าทำ กฎข้อ 4 ผู้บริหาร ต้องตรงต่อเวลา”
“โอ๊ย กฎจะจุกจิกเกินไปแล้ว”
“งานแรก ท่องจำกฎของบริษัทให้ได้ ทุกข้อ”
บิวตี้ฮึดฮัด อึดอัด แต่จำใจต้องทำ
บิวตี้กลับถึงบ้าน มีคนขับรถถือถุงผ้า หล่อนเดินอย่างเร่งร้อนเข้ามาในบ้าน กดกริ่งเรียกแม่บ้านระรัวอย่างร้อนใจ ป้าจัน กับพร รีบออกมาจากด้านใน
“คุณหนูจะรับอะไรคะ”
“เรียกช่างมาแก้ชุดให้ฉัน ด่วน” บิวตี้หยิบสมุดหรูออกมาสเก็ตช์แบบแก้ ดีไซน์ชุด อย่างรวดเร็ว “ให้เขาแก้ตามแบบนี้นะ”
“ค่ะคุณหนู”
บิวตี้กำชับ “ฉันจะใช้พรุ่งนี้เช้าเจ็ดโมง ต้องให้ทัน” หยิบเงินแบ้งค์พัน “เอ้านี่ ทิปเขาไป”
ป้าจันรับ “ค่ะ” แล้วรีบสั่งหลาน “พรรีบไปโทร.เลย”
บิวตี้เริ่มปวดตัวจะเปลี่ยนร่าง “โอ๊ย”
ป้าจันตกใจ “คุณหนู เป็นอะไรคะ”
“ฉันจะขึ้นข้างบน ไม่กินข้าว ห้ามใครขึ้นไปกวน”
“ค่ะ ค่ะ” ป้าจันจะประคอง
บิวตี้ตวาด “ไม่ต้อง” แล้วรีบขึ้นข้างบนไปทันที
ป้าจันมองตามงงๆ “คุณหนู เป็นอะไร”
อ่านต่อ หน้า 2
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
เข้าห้องมาได้ บิวตี้พุ่งตัวไปที่เตียง
“โอ๊ย อีนกบ้า นี่ฉันเป็นนกมากี่คืนแล้วเนี่ย” บิวตี้หยิบมาตรวัดขึ้นมาดู
“โอ๊ย ทำไมสีดำมันเพิ่มขึ้นล่ะ อย่าแกล้งกันแบบนี้สินังปิศาจหิ่งห้อย”
บิวตี้จิกทิ้งมาตรวัด
“อีตาอ้วนแว่นบ้านั่นอีก คิดจะแกล้งฉันเหรอ คนอย่างฉันอยากได้อะไรต้องได้ นายไม่เคยชนะฉัน ไม่ว่าตอนเด็ก หรือตอนนี้ก็ตาม และฉันจะไม่ยอมให้คนชั่วเอาบริษัทของพ่อฉันไปอย่างแน่นอน”
รุ่งเช้าบิวตี้สภาพไหล่เปลือย นอนหลับเพลิน แสงสว่างในห้องเห็นได้ชัดว่าเริ่มสายแล้ว เสียงโทรศัพท์ดัง
บิวตี้งัวเงีย “ฮัลโหล” แล้วออกอาการตกใจ “นายธี โทร.มาทำไม”
“ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปไม่ทัน”
“ฉันตั้งเวลาไว้แล้ว”
“ต่อไปนี้ ห้ามใช้รถส่วนตัวไปทำงาน”
“เกินไปแล้ว แล้วฉันจะไปยังไงเล่า”
“กฎข้อที่ 3 ต้องไม่แสดงตัว มีรถหรูมีคนขับก็รู้กันหมดสิ เหลือเวลาอีกห้านาทีไม่งั้นสายแน่” ธีภพวางสายไป
“อย่ามาสั่งฉันนะ” พอได้ยินเสียงวางสาย ก็โกรธ “ฉันให้สอนไม่ได้ให้มาเป็นนาย”
บิวตี้จงใจ ขัดคำสั่งลุกขึ้น แล้วดื่มน้ำ กินวิตามินบำรุงผิว ทาครีมล้างหน้า ล้างหน้า กระชับรูขุมขน ขัดฟัน ฯลฯ ท่าทางไม่รีบร้อน เพราะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิตหล่อน
ภายในห้องทำงานธีภพที่สำนักงานใหญ่
ใบหน้าหล่อเหลาของธีภพในเวลานี้ บอกให้รู้ว่าเขาทั้งหงุดหงิดเอือมระอาเหลือกำลัง มองจ้องบิ้วตี้ที่อยู่ตรงหน้า
“มาทำงานวันแรก สายไปสองชั่วโมงเนี่ยนะ แล้วจะไปบริหารงานใครได้”
บิวตี้ยังอยู่ในชุดสวยวิ้ง “ก็มันยังไม่คุ้น ขอเวลาปรับตัวหน่อยสิ”
“แล้วทำไมไม่ใส่ใส่ชุดโรงงานมาจากบ้าน แล้วตรงเข้าโรงงานเลยไม่ต้องมาที่นี่”
“ฉันไม่มีทางใส่ชุดนี้นอกโรงงานเป็นอันขาด ใครออกแบบเนี่ย ไม่สมกับเป็นบริษัททำเสื้อผ้าเลย”
“ความปลอดภัยของพนักงานต้องมาก่อน”
“ปลอดภัยด้วย สวยด้วยก็ได้นี่ เดี๋ยวคอยดูนะ” บิวตี้จะเข้าห้องน้ำของธีภพ
หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคล หรือ HR เข้ามารับตัวบิวตี้
“ดิฉันมารับตัว เอ่อ ท่านประธาน”
ธีภพสั่งกำชับหัวหน้าฝ่าย สีหน้าเข้มงวด “เก็บเรื่องคุณลัลน์ลลิตเป็นความลับสุดยอด อย่าให้พนักงานคนอื่นรู้ว่าเธอเป็นใคร ต่อจากนี้เธอคือพนักงานใหม่คนหนึ่งเท่านั้น”
“ค่ะ” หัวหน้าฝ่ายตะลึงเมื่อมองไปทางห้องน้ำ
บิวตี้ใส่ชุดสาวโรงงานที่ดัดแปลงแล้ว เข้ารูปร่าง ดูเก๋ แต่ผิดระเบียบไปหมด
ธีภพโมโห สั่งเสียงดัง “ไปเบิกชุดโรงงานมาใหม่เดี๋ยวนี้เลย”
ฟากพักตร์พิมล ซึ่งทำงานในแผนกฝ่ายขาย มีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดขณะวางสายโทรศัพท์
“ผู้หญิงที่ไหนกล้ามาหาคุณธีถึงห้อง กระตั้วรู้มั้ย”
กระตั้วกะเทยร่างยักษ์คู่หู ซึ่งรอปีวรา เพื่อนร่วมงาน คิดราคาประเมินเสื้ออยู่ “ใครไม่ทราบค่ะ แต่แก๊งหูตาสับปะรดรายงานว่าเป็นนางแบบ”
“นางแบบมีสองล้านแปด จะรู้มั้ย” พักตร์พิมลนึกได้ “หรือว่ายัยน้องอร” นึกแล้วเกิดหมั่นไส้ “ทำ
เป็นเรียบร้อย แป๋วแหวว ที่แท้ก็เที่ยวเร่มาเสนอตัวให้ผู้ชายถึงบริษัท”
“เรียบร้อยหรือคะ ...เอ...แต่รายงานข่าวบอกว่านางคนที่มาเนี่ย เปรี้ยวปรี๊สปรอทแตก เลยค่ะ”
พักตร์พิมลครุ่นคิด “นางแบบ เปรี้ยว ใครหว่า” พยายามนึกข้ออ้างเพื่อไปพบธีภพให้ได้ เลยถามตั้ว “แบบใหม่เสร็จหรือยัง”
“จวนแล้วค่ะ พอดีตั้วต้องหาข้อมูลให้คุณแพ็ตก่อนไงคะ”
“ปี เอาใบประเมินราคาของเธอมาซิ”
“ได้ค่ะ” ปีวราส่งข้อมูลราคาทุน ราคาขายของเสื้อ กระโปรง สองสามแบบที่คิดเสร็จแล้วให้สองสามแผ่น
พักตร์พิมลรีบรับเอาใส่แฟ้มแล้วออกไป
“ขอบใจนะปี” กระตั้วกระซิบบอก “คุณแพ็ตแกเอางานบังหน้าจะไปหาคุณธีแค่นั้นแหละ”
ปีวรายิ้มอ่อนหวาน “เรื่องของเจ้านายเราอย่ายุ่งเลย ทำหน้าที่ของเราไปเถอะ”
“จ้า” กระตั้วประชด “แม่คนดีศรีธนบวร”
พักตร์พิมล แล่นมาหาธีภพด้วยความร้อนใจ มาถึงหน้าห้อง สวนทางกับบิวตี้ และหัวหน้าฝ่าย HR บิวตี้แต่งเครื่องแบบโรงงานแบบมาตรฐานที่เพิ่งเบิกมาใหม่ ใส่แว่นโรงงานป้องกันเศษผง ปิดจมูก ปากด้วยผ้ากันฝุ่น เดินมองกระจกไปตลอดทาง
หัวหน้าฝ่ายถือของให้บิวตี้ ค้อมกายให้พักตร์พิมลอย่างอ่อนน้อม บิวตี้เกิดเดินชน แถมเหยียบเท้าพักตร์พิมลย้ำๆ อย่างจงใจ สองสามที
พักตร์พิมลตวาด “ทำอะไรของเธอน่ะ ระวังหน่อยสิ”
บิวตี้พูดผ่านหน้ากากเหมือนเคยแซวตอนเด็ก “อ้าว นึกว่าตู้กดน้ำ”
พักตร์พิมลโกรธ “ว่าไงนะ เธอรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร” หญิงสาวหันมาทางหัวหน้า “ปล่อยคนงานขึ้นมาเกะกะบนออฟฟิศได้ยังไง”
หัวหน้าฝ่ายอึกอัก “เอ่อ มาทดลองแว่นนิรภัยแบบใหม่ค่ะ แกคงเห็นไม่ชัด”
พักตร์พิมลขู่บิวตี้ “ระวังปากให้ดี จะตกงานเอาง่ายๆ” ไม่มีอารมณ์ด่าต่อ รีบไปหาธีภพ
“ต้องขอโทษแทนด้วยค่ะ คือ...” หัวหน้าฝ่ายพูดไม่ทันจบ พักตร์พิมลเข้าห้องธีภพไปแล้ว
บิวตี้ถอดผ้าปิดปากและแว่นตา ถอนใจอย่างแรง “เฮ้อ แค่นี้ก็แย่แล้ว ใครจะไปทนปิดตา
ปิดปากแบบนี้ได้ทั้งวัน”
บิวตี้ส่ายหน้า เดินนำหัวหน้าฝ่ายเข้าลิฟต์ไปอย่างหงุดหงิด
ไม่นานต่อมา บิวตี้ซึ่งเวลานี้อยู่ที่แผนกโกดังสินค้า ไม่สวมผ้าปิดหน้าและแว่นตา ตาเบิกโพลง สีหน้าตื่นตกใจ
“โอ้โห...” ตรงหน้าของบิวตี้ โกดังสินค้าขนาดใหญ่ คนงานมากมาย รถฟอร์คลิฟต์ รถขนของขวักไขว่
บิวตี้อ้าปากค้าง “นายอ้วนแว่นบ้าไปแล้ว นี่มันแกล้งกันชัดๆ” บิวตี้เริ่มไอ ด้วยเป็นคนแพ้ฝุ่น
หัวหน้าฝ่ายโกดังกับศรีนวลหัวหน้าคนงาน “ให้ทำที่เซ็คชั่นผ้าก็แล้วกัน ช่วยจัดงานให้ด้วย”
“ค่ะ” ศรีนวลหันไปเห็นบิวตี้กำลังกระอักกะไอ “สงสัยจะแพ้ฝุ่นผ้าสิเนี่ย เฮ้อ ยุ่งล่ะ”
บิวตี้ทั้งไอทั้งจาม น้ำตาไหลพรากๆ
ศรีนวลดุ “มีผ้าก็เอามาปิดปากปิดจมูกไว้สิ โตแล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเองอีก”
บิวตี้สะดุ้งเหมือนเด็กโดนแม่ดุ ลนลานใส่หน้ากากป้องกัน แต่ก็ยังไอต่อเนื่อง
ศรีนวลถอนใจ หยิบยาเม็ดเล็กๆจากกระเป๋าเสื้อส่งให้บิวตี้ “เอ้านี่ รีบกินเข้าไป”
บิวตี้ตกใจ “ยาอะไร”
“ไม่ใช่ยาบ้าหรอกน่า ยาแก้แพ้” ศรีนวลส่ายหน้าระอา “หน่อมแน้มแบบนี้จะอยู่ได้ซักกี่วัน”
ธีภพพิจารณาดูราคาประเมิน ที่พักตร์พิมลเอามาให้ดูเป็นข้ออ้าง
“ได้ข่าวว่ายัยอี๋อ๋อมาหาเหรอคะ”
ธีภพไม่ใส่ใจ “ใคร”
“ก็แฟนจัดตั้งของพี่ธีไง”
ธีภพพูดถึงราคา “ต้นทุนที่ประเมินมาเนี่ย มันมากไปหน่อย ดูราคาซับพลายเออร์เจ้าอื่นหรือยัง”
“เดี๋ยวจะบอกให้เขาปรับมาอีกทีค่ะ ตกลงนางแบบที่มาวันนี้ใครคะ”
“นางแบบที่ไหน”
พักตร์พิมลค้อนควัก กระเง้ากระงอด “พี่ธีอ่ะ ทำแบบนี้ยิ่งมีพิรุธนะ บอกมาดีกว่าผู้หญิงที่มาหาพี่ธีวันนี้เป็นใคร”
“มีตั้งหลายคน หัวหน้าฝ่ายเอชอาร์ พนักงานใหม่ เลขา”
“โอ๊ย ไม่บอกก็อย่าบอก เดี๋ยวสืบหาเองก็ได้ ฮึ”
“งอนมาก เดี๋ยวแก้มพอง ท้องแตกนะ”
พักตร์พิมลเคือง “พี่ธีอ้ะ ทำไมต้องพูดเหมือนยัยบิวตี้ด้วย” หญิงสาวฮึดฮัดออกไป
ธีภพมองตามขำๆ แกมระอา
ที่โกดังสินค้าเวลานี้ รถส่งของตกแต่งเสื้อมาลง คนงานมาคอยรับจากรถคนละกล่องไปวางอย่างระมัดระวัง ศรีนวลมาตรวจ มองหาบิวตี้
บิวตี้ในมาดสาวโรงงานแต่สวยเว่อร์ ยืนโพสท่า หมายจะถ่ายรูปลงอินสตาแกรม
ศรีนวลดุ “ห้ามถ่ายรูป หาเรื่องโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ยละ”
บิวตี้บ่น “กฎเยอะจริง”
“ในโกดังมีแต่ของสำคัญ ให้คู่แข่งเห็นไม่ได้”
“อ๋อ เข้าใจละ” บิวตี้เก็บโทรศัพท์โดยดี
ศรีนวลดุ “ไปยกของสิ ยืนเฉยอยู่ได้”
“ทำไมไม่ใช้ fork lift ล่ะ” บิวตี้เผลอปาก
“อะไรนะ” ศรีนวลงง
“เอ่อ ... ฟ้อร์ก ลิฟท์”
“งวดนี้เป็นของประดับ แตกหักง่าย โฮ้ย...ปัญหาเยอะจริง รีบไปทำงานเถอะ”
บิวตี้เดินไปต่อแถว เตรียมรับกล่องที่ส่งต่อๆกันมา
ศรีนวลมองตามบิวตี้อย่างสงสัย “ท่าทางไม่ได้เรื่อง มาทำงานโรงงานได้ไง”
กล่องถูกส่งต่อมาถึงบิวตี้แล้ว บิ้วตี้รู้สึกหนักมาก ยกกล่องส่งต่ออย่างทุลักทุเล พาเอาจังหวะคนอื่นเสียจังหวะหมด
“รับดีๆสิ ระวังหน่อย เดี๋ยวของแตก”
กล่องถูกส่งมาอีกอย่างเร็ว บิวตี้เดินไม่มั่นคง ซวนเซ
ศรีนวลบอก “ดันไว้ๆ อย่าให้ล้ม”
คนงานข้างๆ จะช่วย ถูกบิวตี้เซมากระแทก คนงานเซปะทะกัน เหมือนโดมิโน กล่องหนักๆหล่นจากมือระเนระนาด
บิวตี้ลุกขึ้น หวีดร้องอย่างตกใจ “ว้าย แย่แล้ว” หญิงสาวประคองมือตัวเอง วิ่งไปทางห้องน้ำ
บิวตี้วิ่งเข้ามาในห้องน้ำพนักงานอย่างร้อนใจ
“โอ้ยๆๆ ไม่นะ ไม่นะ” รีบถอดถุงมือป้องกันออก มือไม้สั่น ร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ยย โธ่...”
ศรีนวลตามเข้ามาดู “เป็นอะไร แขนหักเหรอ”
บิวตี้คราง “ฮือ เล็บชั้น”
ศรีนวลงง “เล็บ”
“ใช่ เล็บเพิ่งทำมาใหม่ๆหักหมดเลย ใครจะรับผิดชอบเนี่ย”
ศรีนวลโมโห โกรธจัด “ทำของพัง ราคาเป็นหมื่น แต่กลับมาคร่ำครวญเรื่องเล็บเนี่ยนะ”
ร้านดอกไม้ อรฟลอริสต์ จัดและแต่ง ดูอ่อนหวาน น่ารักสมกับเป็นงานอดิเรกของอรวิภา เวลานี้อรวิภาจัดดอกไม้ง่วนอยู่ มีเครือวรรณเฝ้าดูอย่างชื่นชม พนักงานถือถาดน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟให้ ทุกกิริยาดูเป็นเจ้าหญิงแสนหวาน
“พักก่อนเถอะลูกจ๋า” เครือวรรณยิ้มบอก
“แป๊บนึงค่ะมะม๊า ขอจัดช่อนี้ให้เสร็จก่อน”
“ไม่เอา มาทานของว่างก่อน ป๊ะสั่งไว้แล้วนะจ๊ะว่าให้ทำแก้เหงาเฉยๆ ห้ามเครียด”
ประตูเปิด เสียงกระดิ่งดังกรุ๋งกริ๋ง มีช่อดอกไม้บังสายตา ยังไม่เห็นคนที่เข้ามา
พนักงานบอก “พักชั่วโมงนึง เวลาน้ำชาค่ะ”
ที่แท้เป็นเจตน์ชาญที่เดินเข้ามา หล่อเนี้ยบทุกกระเบียด มาดผู้ดี เปี่ยมเสน่ห์ ชวนเคลิบเคลิ้ม
“ขอโทษครับ งั้นผมจะกลับมาทีหลัง”
แม่ลูกเคลิ้มบอกพร้อมกัน “ไม่เป็นไรค่ะ”
“สั่งไว้ก่อนก็ได้ค่ะ แล้วน้องอรจะรีบจัดให้”
“งั้นคุณ...น้องอรช่วยจัดช่อดอกไม้วันเกิดสำหรับคุณป้าของผมด้วยนะครับ”
“ดอกไม้สำหรับคุณป้า อุ๊ย น่ารักจังค่ะ”
“จะเลือกแบบเลยมั้ยคะ”
“จัดตามแต่คุณน้องอรจะเห็นสมควรเลยครับ ผมมั่นใจว่าคุณป้าต้องถูกใจแน่ๆ” ชายหนุ่มส่งนามบัตรให้ “ช่วยส่งดอกไม้กับบิลให้ผม สักห้าโมงเย็น ได้ไหมครับ”
“ค่ะ นี่โบรชัวร์ของที่ร้านค่ะ มีเว็บเพจและช่องทางสั่งสินค้าหลายช่องทางเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ ต่อไปคงต้องมารบกวนบ่อยๆ” เจตน์ชาญยิ้มอบอุ่น ขณะเดินออกไป
เครือวรรณเพ้อ “ดูดีจัง ใครน่ะลูก”
สาวโลกสวยอ่านนามบัตร “คุณเจตน์ชาญ ธีระธำรงเจตน์ ประธานกรรมการบริหาร เจด การ์เม้นท์ ค่ะ”
กรเทพจิบกาแฟรอใครบางคน สักครู่เห็นเจตน์ชาญเข้าร้านมา เดินตรงมายังกรเทพ
เจตน์ชาญไหว้ทักทาย “คุณกรเทพ มีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
“เชิญนั่งสิ” กรเทพยืนรอให้เจตน์ชาญนั่ง “ที่ผมเชิญคุณมาเจอกันข้างนอก เพราะผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณเป็นการส่วนตัวหน่อย”
“บริษัทเล็กๆอย่างผม คงไม่กล้าให้คำปรึกษายักษ์ใหญ่อย่างธนบวรหรอกครับ”
“อย่าถ่อมตัวเลย เจดการ์เม้นท์กำลังโตเร็วมาก เผลอๆ อีกไม่กี่ปีคุณอาจจะแซงเราก็ได้ ผมถึงอยากคุยกับคุณ”
เจตน์ชาญมองกรเทพอย่างพิจารณา “เชิญครับ”
กรเทพกับเจตน์ชาญเจรจาอะไรบางอย่าง ท่าทางเป็นเรื่องสำคัญและเคร่งเครียด
ท่าทีที่สองคนคุยกัน หากมีใครมาเห็นเข้า อาจคลางแคลงใจ สงสัย และชวนเชื่อว่ากรเทพ กำลังคิดไม่ซื่อร่วมมือกับเจตน์ชาญ
อ่านต่อ หน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
ตอนพักเที่ยง บิวตี้เข้ามาในโรงอาหารกินข้าวช้ากว่าใครๆ เพราะมัวแต่วุ่นวายเรื่องเล็บเรื่องหน้าตัวเอง พอบิวตี้เข้ามา สาวหนุ่มโรงงาน มองบิวตี้เป็นตาเดียว บรรดาฉันทนาขาเม้าท์เริ่มซุบซิบกัน บิวตี้หาที่นั่งไม่ได้ ยืนเคว้งคว้าง
ศรีนวลทานอิ่มแล้วเดินมาดุ “ทำไมเพิ่งมา”
“ก็พยายามต่อเล็บแต่ต่อไม่ได้ แล้วก็ล้างหน้า ทาครีมกันฝุ่นกันยูวีจากหลอดไฟ”
ศรีนวลหมั่นไส้ “โอ๊ย เรื่องมาก ไปกินข้าว เขากินกันเสร็จหมดแล้ว”
บิวตี้มองจานข้าวที่คนงานกินแล้วถอนใจ “แถวนี้มีร้านขายอาหารมั้ย”
“ไม่มี เจ้านายเค้าเลี้ยงก็บุญแล้ว อย่าเรื่องมาก ไปนั่งตรงนั้น” ชี้ไปตรงที่ศรีนวลเพิ่งลุกมา
บิวตี้กำลังจะเดินไป หัวหน้าฝ่ายบุคคล เดินมาที่บิวตี้กับศรีนวล
หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลพูดกับบิวตี้ “คุณ เอ่อ... เธอ ไป กับฉันก่อน”
“แต่ฉันยังไม่ได้กินข้าว”
“เรื่องด่วน” หัวหน้าฝ่ายกระซิบ “จากท่านประธาน”
บิวตี้ถอนใจอย่างรำคาญ เดินตามหัวหน้าฝ่ายไป
สาวโรงงาน 1 ถามศรีนวล “สงสัยโดนไล่ออกเพราะทำของพัง แหงเลย ใช่มั้ยป้า”
“จะไปรู้เรอะ”
สาวโรงงาน 2 ว่า “ออกซะได้ก็ดี ไม่งั้นคนอื่นจะพลอยซวยไปด้วย”
ฉันทนาขาเม้าท์ซุบซิบกันอย่างสะใจ ศรีนวลฟังแล้วอดนึกสงสารบิวตี้ไม่ได้
ธีภพกำลังโกรธบิวตี้หัวฟัดหัวเหวี่ยง
“เริ่มงานไม่กี่ชั่วโมง แต่ทำข้าวของบริษัทเสียหายเกือบแสน”
“ฉันใช้ให้ก็ได้ แต่ฉันไม่ผิด”
“ไม่ผิดยังไง เขารายงานมาว่าคุณเซไปชนคนงานอื่นจนของตกแตกเสียหาย”
บิวตี้บ่น “ก็มันหนักอ่ะโรงงานทำไม่ถูกนะ สมัยนี้เขาใช้โฟคลิฟท์ ไม่มีใครเค้าใช้คนแบกของหนักอย่างงั้นหรอก คนนะไม่ใช่ทาส”
“เราทำถูกต้องตามกฎกระทรวง ทุกคนทำได้ยกเว้นคนที่ห่วงเล็บมากกว่าห่วงทรัพย์สินของบริษัท”
“ใครบอก ตอนนั้นฉันไม่ได้ห่วงเลยนะ มาห่วงตอนกล่องตกแล้วต่างหาก ทำไมประธานบริษัทอย่างฉันต้องมาทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้ด้วยนะ”
ธีภพยกกฎมาท่องให้ฟังทันที “กฎข้อที่ 5 ของการเป็นประธาน คุณต้องทำได้ทุกอย่าง เหมือนที่พนักงานของคุณทำ ถ้าคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาทำอะไร คุณจะคุมโรงงานทั้งหมดได้ยังไง”
บิวตี้เซ็งสุดๆ “กฎ ๆ ๆ อ้างแต่กฎบ้าๆ บอๆ อยู่นั่นแหละ”
“กลับไปเลยปะ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”
“กลับแน่ เพราะต้องรีบไปทำเล็บ” บิวตี้จ้องหน้าธีภพอย่างท้าทาย “แต่พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่”
“ไม่ต้องมาแล้ว”
“ฉันจะมา” บิวตี้เยาะ “นายบังคับให้ฉันสัญญาเองนะ ว่าต้องฝึกงานอย่างน้อยเจ็ดวันโฮะ โฮะ โฮะ”
บิวตี้ดูสนุก และสะใจกับการได้ยั่วโมโหธีภพ
ธีภพเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เหมือนอยากจะบีบคอบิวตี้ให้ตายคามือ
บนแดนสรวง นางฟ้าลลิตา เฝ้ามองดูพฤติกรรมของบิวตี้ผ่านเครื่องฉายภาพ ด้วยความหนักใจ ปรมะเทวี ปรากฏร่างขึ้น
“มีสิ่งใดคืบหน้าไหม เริ่มรู้สำนึก ผิดชอบชั่วดีบ้างหรือยัง”
“ยังไม่กระเตื้องเลยค่ะ” นางฟ้าลลิตาหน้าเศร้า “ดูอาการจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“อย่างนั้นเชียวหรือ ไหนขอย้อนดูหน่อยซิ” ปรมะเทวีเอามือจับที่จอภาพฉาย หลับตา
ปรมะเทวีเห็นอดีตตอนบิวตี้สร้างความวุ่นวายทำของตกหล่นเสียหาย ถึงกับสะดุ้ง
“ อุ้ย โอ้ย โอ้ อนิจจา” พอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นมีหน้าวิตกกังวลของนางฟ้าลลิตา
“มาตรวัดผลสัมฤทธิ์”
มาตรวัดผลสัมฤทธิ์ เป็นสีดำเกือบหมด มีเส้นทอง ขีดนิดเดียว
ปรมะเทวีปลอบ “อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ในความวุ่นวายก็ยังได้บทเรียน อย่างน้อยลัลน์ลลิตก็ได้รู้สึกถึงความยากลำบากของผู้อื่นมิใช่น้อย”
นางฟ้าลลิตาดีใจ หน้าตาสดใสขึ้นมา “ค่ะ นางถึงกับลืมนึกเรื่องความงามของตนไปได้ถึง...” พลางสัมผัส จอภาพฉาย เกิดตัวเลข 5 ขึ้นที่จอ เลยจ๋อยๆ เมื่อเห็นเลขน้อย
“ห้านาที มนุษย์”
“ก็นับว่าดีกว่าแต่ก่อน ที่นางคิดถึงตนเองตลอดเวลา”
ตอนเย็น บิวตี้พาตัวเองมาอยู่ในร้านทำเล็บ โดยช่างตัดเล็บบิวตี้สั้น เพื่อเตรียมจะต่อใหม่ บิวตี้กำลังเลือกแบบจากแคตาล็อก เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น
บิวตี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นดู สะดุ้งโหยง “ตาย...สี่โมงแล้ว”
“เลือกแบบได้หรือยังคะ” ช่างเล็บถาม
บิวตี้ลังเล ชั่งใจ “วันนี้คงไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้จะมาทำต่อ”
หล่อนลุกขึ้น รีบเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ แล้วเร่งร้อนออกไป
บนถนนการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถติดแน่นขนัด บิวตี้ร้อนใจ ดูนาฬิกา สลับกับดูท้องฟ้า หันไปเร่งคนขับรถ
“ไปให้เร็วกว่านี้ได้มั้ย”
“ไม่ได้จริงๆ ครับ ข้างหน้าไม่ขยับเลย”
“ทำยังไงก็ได้ เปิดไฟฉุกเฉิน โทร.ไปขอทางบอกว่ามีคนป่วย”
“ติดแบบนี้คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับคุณหนู ตอนนี้มีทางเดียว...” แท๊กซี่ว่า
“ทำยังไง บอกมาเร็วๆ”
บิวตี้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามคำแนะนำของคนขับแท๊กซี่ ท่าทางหวาดกลัว เสียวไส้ สีหน้ารังเกียจ เหม็นเหงื่อ คนขี่รถ และกลิ่นหมวกกันน็อก นอกจากนี้ยังรู้สึกอาย กลัวคนที่มองมาจากรถเก๋งแล้วจะจำได้ พยายามปิดหน้า กล้ำกลืนฝืนทน
แลเห็นพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ บิวตี้ลุ้สุดขีด ตื่นเต้นเป็นที่สุดว่า จะทันไหม
เย็นย่ำใกล้ค่ำเต็มที รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าบ้าน บิวตี้รีบลงจากรถ ส่งเครดิตการ์ดให้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง มอเตอร์ไซค์ส่ายหน้า ไม่รับ
บิวตี้ร้อนใจ “ฉันมีแต่การ์ด”
“ลูกไม้แบบนี้เจอมาเยอะแล้ว ไม่มีตังค์ก็ขอหอมที แลกกัน”
“เลว” บิวตี้เริ่มปวดตัว “โอ๊ย” วิ่งไปกดกริ่งรัวเร็ว
มอ’ไซค์รับจ้างลงจากรถตามมาคว้าแขนบิวตี้ “จะหนีไปไหน”
ยาม ซึ่งคือการ์ดคนเก่าที่โดนลดตำแหน่ง เปิดประตูประจันหน้ากับมอเตอร์ไซค์ตวาด
“แก...” ยามจับแล้วทุ่มคนขับมอเตอร์ไซค์ลงพื้นกดไว้กับพื้น “จะให้ทำยังไงต่อครับ”
“พอแล้ว” บิวตี้รีบเดินจ้ำพร้อมสั่ง “จ่ายค่ารถให้ด้วย”
บิวตี้รีบรุดวิ่งเข้าบ้านอย่างเร็ว
ยามยังกดมอเตอร์ไซค์ค้างอยู่ มองตามบิวตี้งงๆ “สงสัยจะปวดถ่าย”
บิวตี้กลายร่างเป็นนกหงส์หยกอยู่กลางกองเสื้อผ้า แล้วรีบบินขึ้นมาบนเตียง บิวตี้คนนอนหอบด้วยความเหนื่อยและระทึกใจ
“ขนาดกะเวลาตั้งเยอะยังไม่ทัน แบบนี้งานเลิกห้าโมงครึ่งจะทำยังไง เฮ้อ...กลุ้ม”
บิวตี้อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ทั้งงานและเปิดซิงการซ้อนมอเตอร์ไซค์
คืนนั้นกรเทพแวะมาหาบิวตี้ ด้วยสีหน้ากังวลใจ เพราะบิวตี้ดูเหมือนจะโกรธเคืองกรเทพ โดยที่เขาไม่รู้สาเหต
“คุณบิวตี้ได้กินอะไรหรือยัง ตั้งแต่กลับมา”
“ไม่ได้ลงมารับประทาน แล้วก็ไม่ได้สั่งขึ้นไปที่ห้องค่ะสงสัยจะรับมาแล้ว”
กรเทพพึมพำกับตัวเอง “เป็นอะไร หลบหน้าอาตลอด” กรเทพกดโทรศัพท์หาบิวตี้
บิวตี้คนสะดุ้งตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์จากกรเทพ มองโทรศัพท์ สีหน้าโกรธๆ
“ไม่อยากพูดกับอาหรอก คนทรยศ”
บิวตี้นกบินไปเกาะที่หน้าต่างซึ่งเปิดแง้มไว้
บิวตี้คนยืนที่หน้าต่าง “ไปบ้านนายธีดีกว่า ป่านนี้คงนินทาเรามันปากไปแล้ว”
นกบิวตี้บินปร๋อออกจากหน้าต่างไป
ฝ่ายกรเทพบ่นกับโทรศัพท์ “ไม่รับสายอีกแล้ว” แล้วหันมาทางแม่บ้าน “ถ้าคุณบิวตี้เรียก หรือออกมาจากห้อง บอกให้โทร.หาอาด้วยนะ”
“ค่ะ”
กรเทพเลยออกไป
ขณะเดียวกัน ธีภพออกมายืนที่ระเบียง พยายามห้อยบ้านนกไว้กับชายคา สอดตามองหานกบิวตี้สักครู่หนึ่งนกบิวตี้บินมา พอเห็นธีภพ ก็รีบบินหลบเข้าต้นไม้
บิวตี้คนยืนเกาะกิ่งไม้มองดูธีภพ
ภาวินีเข้ามาในห้อง มีท่าทีตกใจ “ทำอะไรน่ะธี ระวังตกนะลูก”
“บ้านนกฮะ เผื่อมันกลับมาจะได้มีที่หลบเจ้าเสือ”
ภาวินี กะ บิวตี้อุทานอย่างเอ็นดูพร้อมกัน “โถ...ธี”
“พ่อชวนดูบอลแน่ะลูก” ภาวินีบอก
“เดี๋ยวไปครับ”
ภาวินีออกไปแล้ว นกบิวตี้บินไปที่ระเบียง กลายเป็นบิวตี้คนเดินไปหาธี
ธีภพตื่นเต้นดีใจ “ไอ้ตัวเล็ก มาจริงๆ ด้วย” ลูบหัวบิวตี้คนเบาๆ “เก่งจริงนะเรา”
บิวตี้คนบ่น “ตอนฉันเป็นคนไม่เห็นพูดดีแบบนี้เลย” แล้วสะบัดตัวหนี
“อ้าว งอนขึ้นมาอีกแล้ว เหมือนใครนะ”
“ไม่เหมือนแฟนนายละกัน”
ธีภพมองบิวตี้ขำๆ หยิบอาหารนกไว้ในมือ “หิวหรือเปล่า กินมั้ย”
บิวตี้คนสะบัด “ยี่ห้อนี้ไม่อร่อย”
“เหมือนจริงๆ ด้วย ตัวผู้หรือตัวเมียเนี่ย” ชายหนุ่มจับนกบิวตี้ เขี่ยขนจะส่องดูว่าตัวผู้ หรือตัวเมีย
นกบิวตี้ ดิ้นรน พูดเป็นเสียงบิวตี้คน “ปล่อยฉันนะ ไอ้คนลามก ไอ้..ไอ้ฆาตกรโรคจิต”
ธีภพเห็นนกดิ้นใหญ่ ก็สงสาร ลูบตัว “ไม่ให้ดู ก็ไม่ดู ไม่ต้องตกใจน่า โวยวายเป็นยัยบิวตี้ไปได้”
บิวตี้คนของขึ้น “นายว่าใคร นี่แน่ะ” กัดมือธีภพอีก
“โอ๊ย จิกอีกแล้ว พูดถึงยัยบิวตี้ไม่ได้เลยนะ”
“ไม่ได้” บิวตี้ค้อนตาคว่ำ
“ฮะฮะฮะ... ปะ... เข้าไปข้างในดีกว่า เดี๋ยวเจ้าเสือคาบไปกินไม่รู้ด้วย”
ธีประคองบิวตี้นกเข้าไปในบ้าน
ธนาดูฟุตบอลในห้องนั่งเล่น ส่วนภาวินีทำการฝีมือข้างๆ ธีภพเข้ามา ในมือประคองนกบิวตี้มาด้วย
ธีภพพูดกับภาวินี “แม่ดูสิฮะ ใครมา”
“อุ๊ยนก ตัวเดียวกับเมื่อคืนหรือเปล่า”
“ใช่ครับ รอยใส่ยายังอยู่เลย” ธีภพจะแหวกขนให้แม่ดู
บิวตี้คนตีมือธีภพ “ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น”
“ดุซะด้วย ระวังนะ” ภาวินีเห็นเป็นนกจิกมือลูกชาย
“ผมว่าเค้าแสนรู้มากว่าฮะ” ธีภพบอก
“สงสัยนกมีเจ้าของหลุดมา” ธนาว่า
“ใช่ครับพ่อ พูดรู้เรื่องมากเลย จริงไหมบิวตี้”
บิวตี้คนแว้ดใส่ “ห้ามเอาชื่อฉันไปตั้งให้นก”
“ดูสิครับพ่อ เจ้าอารมณ์ เหมือนยัยบิวตี้ไม่มีผิด” ธีภพขำ
ธนายิ้มขำด้วย “แสดงว่าวันนี้ บิวตี้ตัวจริงคงแผลงฤทธิ์ไว้ไม่ใช่น้อย”
“โอ้โห โกดังแทบแตกเลยครับ ยังไม่เคยมีใครทำเรื่องเสียหายตั้งแต่วันแรกเข้าทำงานเหมือนยัยบิวตี้”
นกบิวตี้ร้องเสียงดัง โวยวาย
“เห็นมั้ยครับ พูดถึงยัยบิวตี้ไม่ได้เลย”
ภาวินีบอก “คนที่ถูกเลี้ยงมายังกับเจ้าหญิง แล้วต้องไปเจองานหนักแบบนั้น ใครจะทำได้จ๊ะ ลูกโหดไปหรือเปล่า”
บิวตี้คนนั่งชิดภาวินีชอบใจ “ใช่ค่ะคุณอา”
“เขาบอกเองนี่ฮะว่าจะให้ผมฝึกงานตามแบบคุณลุงบวร”
“บวรเข้มงวดกับทุกคนยกเว้นลูกตัวเอง คงสงสารที่บิวตี้ไม่มีแม่”
“ก็น่าสงสารจริงๆ นี่คะ ธี ช่วยกันดูแลนะลูก หนูบิวตี้ถึงไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็เป็นเหมือนน้องของลูก” ภาวินีกำชับลูกชาย
บิวตี้คนซบภาวินี “ขอบคุณค่ะคุณอา”
ธีภพทำหน้าเบื่อ แต่ไม่อยากเถียงแม่เลยดูบอลกับธนาไปเงียบๆ
อ่านต่อ หน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
เช้ามืด แสงไฟจากนาฬิกาปลุกของธีภพส่องวาบๆ บอกเวลา 5.45 น. บิวตี้คน ลืมตาตื่น ข้างๆ ธีภพนอนหลับอยู่
บิวตี้คนเรียกสติตัวเอง
“เผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย” หล่อนลุกขึ้นดูนาฬิกา “รีบไปดีกว่า” พลางเดินไปที่หน้าต่าง แต่หน้าต่างดันปิด “อ้าว ทำไมไม่เปิดหน้าต่าง แย่จัง”
บิวตี้คนเดินไปหยิกแขนธี
“ตื่นสิ ตื่น ตื่น”
ธีภพงัวเงีย โอบแขนลูบตัวบิวตี้ “อย่าซนสิบิวตี้ นอน...นอน”
บิวตี้คนเคลิ้ม “ไม่เอา ฉันจะรีบไป” พอรู้สึกตัวก็ฮึดฮัดกัดธีภพ “ไม่ได้นะ บอกให้ตื่น”
ธีภพสะดุ้ง “โอ๊ย บิวตี้ จิกทำไม”
บิวตี้ไปยืนรอที่หน้าต่าง ธีภพเห็นว่านกบิวตี้รออยู่ที่หน้าต่าง
“จะกลับบ้านเหรอ” ชายหนุ่มใจอ่อนเดินไปเปิดหน้าต่างให้
นกบิวตี้บินปร๋อออกกไป
ธีภพร้องสั่ง “คืนนี้มาอีกนะ”
บิวตี้มาทำงานสาย เดินเข้าแผนกมาด้วยเครื่องแบบที่ดัดแปลงใหม่ขึ้นมาเองตามใจชอบ ชุดมาเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนม อุปกรณ์นิรภัยเป็นของดีมีดีไซน์
บรรดาคนงานในโกดังสินค้าหยุดทำงาน ถึงกับยืนตาค้าง บ้างก็เดินชนกัน
ศรีนวลเดินมาลากแขนบิวตี้ไปทางห้องหัวหน้าแผนก “ทำอะไรน่ะ มันผิดระเบียบรู้มั้ย”
“เครื่องแบบใหม่ไง ใส่สบาย คล่องตัวกว่ากันตั้งเยอะ”
ศรีนวลดุ “ไปเปลี่ยนเลยนะ”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แบบคล้าย สีใกล้เคียง อุปกรณ์ครบ”
“ถ้าเธอแต่งแบบนี้ได้ เกิดคนอื่นอยากจะแต่งบ้าง บริษัทมิยุ่งกันใหญ่เหรอ”
“ไม่เห็นจะยุ่งเลย ใครอยากแต่งก็แต่งไปสิ”
“อยากโดนไล่ออกหรือไง”
คนงาน 1 ออกจากห้องหัวหน้าแผนก มาบอกข่าว
“อ้าว เจอพอดี ป้า ท่านประธานให้ลูกจ้างใหม่ไปหาที่ห้องหัวหน้าแผนก”
ศรีนวลตาเขียวใส่ “ไงล่ะ พูดยังไม่ทันขาดคำ ไปแก้ตัวเอาเองก็แล้วกัน”
บิวตี้ยังยืนเฉยอย่างดื้อดึง
“ยังจะยืนเฉย ตามมาสิ”
บิวตี้เดินตามศรีนวลไป สีหน้ามั่นใจ ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
ธีภพนั่งหน้างอรออยู่ในห้องหัวหน้าแผนก บิวตี้โดนดันเข้ามา
ธีภพมองบิวตี้หัวจดเท้า หน้าตึงไม่พอใจ “ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำผิดระเบียบ”
บิวตี้แถ “ผิดตรงไหนเหรอ มีครบทุกอย่างทั้ง safety and beauty”
“คุณคิดถึงความเหลื่อมล้ำบ้างไหม คนงานซื้อของแบรนด์เนมแบบนี้มาแต่งไม่ได้หรอก คุณอยากประกาศใช่ไหมว่าคุณเป็นใคร ทุกคนจะได้แห่แหนมาเอาใจ ตามสไตล์คุณหนูงั้นเหรอ ถ้าคิดแบบนั้นก็อย่าฝึกเลย เพราะคุณจะไม่มีวันรู้อะไรจริงสักอย่าง”
“ฉันไม่ได้คิดที่นายพูดซักหน่อย” บิวตี้เถียงข้างๆ คูๆ
ธีภพตวาด “ก็หัดคิดซะบ้างสิ ถ้าทำตามกฎไม่ได้ก็เลิกเถอะ คุณไม่มีวันเป็นผู้บริหารที่ดีได้”
“ฉันเป็นได้ แล้วจะเป็นให้ดีด้วย”
ธีภพเยาะหยัน “แค่มาทำงานให้ทันเวลา แล้วก็ทำตามระเบียบ ให้ได้ซักเจ็ดวันก่อนเถอะ”
บิวตี้ของขึ้น “ถ้าฉันทำได้ นายจะให้อะไร”
“อยากได้อะไรก็บอกมาเลย” ธีภพว่า
บิวตี้หมายมั่น “จริงนะ”
“ผมพูดจริง แต่คนอย่างคุณน่ะทำไม่ได้จริงหรอก เสียเวลาเปล่า”
ธีภพปรามาส แล้วเดินอารมณ์เสียนิดๆ ออกไป
บิวตี้วิ่งตามธีภพออกมา อีกมุมในแผนกโกดังสินค้า
“หยุดนะคุณธี คุณจะเดินหนีฉันแบบนี้ไม่ได้นะ...คุณสัญญาแล้วคุณจะสับปลับแบบนี้ได้ยังไง คุณเป็นถึงประธานนะ คุณต้องรักษาสัจจะซี่”
บิวตี้เดินตามเซ้าซี้ ธีภพยังไม่ยอมหยุดเดินหนี
“คุณธีภพ ขอร้อง” บิวตี้หยุดตาม ยืนร้องไห้
ธีภพหยุดเดิน หันมาจนได้
“ตาอ้วนแว่น ห้ามทิ้งฉันแบบนี้นะ”
ธีภพหวนนึกถึงภาพตอนเด็กๆ บิวตี้ยืนร้องไห้ ขอให้ธีภพมาเล่นด้วยแบบนี้เลย
“ร้องไห้แล้วดูไม่ได้เลย”
บิวตี้รีบส่องกระจก
“คนเค้ามองกันใหญ่แล้ว ไม่อายรึไง”
“ไม่”
ธีภพอ่อนใจ “ตามมานี่”
ธีภพพาบิวตี้กลับเข้าห้องเดิม
ละแวกห้องทำงานหัวหน้าแผนกโกดังสินค้า ตอนกลางวัน มีคนงานหญิง 4 คน ที่ทำเป็นขนของป้วนเปี้ยนอยู่หน้าห้องหัวหน้าแผนก เห็นบิวตี้กับธีภพออกมาจากห้องนั้นด้วยกันก็เปิดฉากเม้าท์ทันที
ฉันทนา 1 พยักพเยิด “นั่นไงๆ ยัยเด็กเส้น”
ฉันทนา 2 มองตาม “มีอะไรกับประธานหรือเปล่าหว่า”
ฉันทนา 3 บอก “ฉันว่ามีแหง”
ฉันทนา 4 เขม่นสุดๆ “หมั่นไส้ว่ะ ดูแต่งตัวเข้าสิ”
ศรีนวลโผล่มาด้านหลัง “นินทาอะไร”
สาวฉันทนาทั้งหมดสะดุ้ง
ฉันทนา 1 บอก “เปล่าจ้ะ เห็นยายนั่นแต่งตัวเว่อร์ผิดระเบียบแล้วมันขัดตา”
ฉันทนา 2 ว่า “มาทำงานก็สายโด่ง”
ส่วน ฉันทนา 3 ค่อนแคะ ว่า “ทำของเสียหายยังไม่โดนไล่ออกเลย เป็นเมียน้อยใครหรือเปล่าป้า”
“ไม่รู้ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของพวกแกด้วย ไปทำงาน ไม่ต้องมาป้วนเปี้ยนแถวนี้”
คนงานหญิง วงแตกแยกย้ายกันไปทำงาน ศรีนวลเองก็สงสัยไม่ใช่น้อย
ที่ห้องทำงานหัวหน้าแผนกโกดังสินค้าตอนนั้น ธีภพวางสมุดลายไทยราคาถูกๆ ให้บิวตี้ 2 เล่ม
“เอานี่ไป”
“มาให้ฉันทำไม”
ธีภพถอนใจ “เอาไว้ให้จดบันทึก ทุกวัน ห้ามขาดแม้แต่วันเดียว”
“คุณยอมสอนฉันต่อแล้วใช่มั้ย”
ธีภพนิ่ง ไม่ตอบ
“สมุดนี่ไม่ต้องหรอก ฉันโน้ตไว้ในนี้ได้” บิวตี้หยิบมินิไอแพดมาจากกระเป๋า
“เอามานี่” ธีภพแบมือรอ “มือถือด้วย”
“ทำไม อุปกรณ์พวกนี้มันมีประโยชน์นะ”
“แต่ถ้าใครเห็น ก็รู้ทันทีว่าคุณไม่ใช่คนงานธรรมดา”
“เฮ้อ จะกัดสิทธิเสรีภาพทุกเรื่องเลยนะ” บิวตี้เซ็งส่งไอแพดและมือถือให้อย่างไม่เต็มใจนัก
“ใช้สมุดนี่เขียนสรุปงานที่ทำแต่ละวัน แล้วส่งผมทุกวัน แล้วอีกเล่มเอาไว้เขียน ข้อบกพร่องและข้อเสนอแนะว่าคิดจะปรับปรุงอย่างไร”
บิวตี้โวย “โห ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะต้องส่งการบ้านให้คุณทุกวันน่ะ”
“ถ้าคุณไม่ฝึกตามวิธีของผม ก็ไปขอให้อากรช่วยก็แล้วกัน”
“ฉันเขียนเสนอตอนนี้เลยก็ได้ว่าฉันจะปรับปรุงอะไร ขอติเรื่องเครื่องแบบก่อนเลย” บิวตี้จะลงนั่งเขียน
ธีภพดุ “ไม่ได้ให้ทำตอนนี้ ทำงานเสร็จแล้วค่อยบันทึกตอนเย็น”
“โอ๊ยไม่มีเวลาหรอก ตอนเย็นต้องรีบกลับบ้าน ก่อนกลาย” พอรู้ตัว รีบหุบปากหมับ “คือฉันมีกฎว่าไม่ออกนอกบ้านหลังพระอาทิตย์ตกและก่อนพระอาทิตย์ขึ้น”
“อย่างคุณเนี่ยนะ คิดว่าผมจะเชื่อคุณเหรอ เที่ยวกลางคืนให้น้อยลงหน่อย ถ้าอยากเรียนรู้งานบริษัทเร็วๆ ก็เอาเวลามาศึกษางานบ้าง”
“คุณจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของคุณ”
“ทำไม ราชรถของคุณจะกลายเป็นฟักทอง แล้วตัวคุณจะอยู่ในชุดผ้าขี้ริ้วแบบซินเดอเรลล่ารึไง”
“ฉันมีเหตุผลส่วนตัวก็แล้วกัน”
“ถามจริง ทำไมคุณถึงไม่ให้อาคุณฝึกให้”
“เหตุผลส่วนตัว”
“วันนึงคุณต้องบอกผม”
“ฉันขอแค่สองเรื่องนี้ นอกนั้นคุณจะให้ฉันทำอะไรฉันทำหมด ฉันสัญญา”
วันต่อมา บิวตี้ยกของอยู่ในโกดังสินค้า ท่าทีเหยาะๆ แหยะๆ เก้งก้าง และหากมีเวลาว่างเป็นต้องหยิบกระจกมาส่อง คนงานหญิงขาเม้าท์ แอบดูแล้วซุบซิบกัน
ครู่ต่อมาบิวตี้เดินตามศรีนวล ช่วยนับจำนวนของแล้วจดไว้ ปากกาที่ใช้จดมีดีไซน์เป็นขนฟูฟ่อง
พอว่างบิวตี้ก็ส่องกระจก หยิบครีมราคาแพงขึ้นมาแต้มตรงนั้นตรงนี้ กลัวมีริ้วรอยหมอง
คนงานขาเม้าท์ แอบดูแล้วซุบซิบขยายวงกว้างขึ้นไปอีก
ต่อมา พอได้พักเบรก บิวตี้ใช้เครื่องสำอางบำรุงผิวภายในห้องน้ำหญิง เห็นเครื่องสำอางเป็นตับอยู่ในกระเป๋า คนงานหญิงขาเม้าท์ แอบดูอย่างหมั่นไส้ แล้วซุบซิบกัน กลุ่มคนงานเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่ออฟฟิศฝ่ายขายตอนนั้น กระตั้วรายงานข่าวให้พักตร์พิมลฟัง ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“คุณแพ็ตขา แก๊งหูตาสับปะรด เค้าลือกันว่ามีชะนีประหลาดอยู่ที่แผนกโกดังสินค้าค่ะ”
“นี่กระตั้ว ฉันเลือกเสพข่าวนะยะ เรื่องชะนีโกดังอะไรนั่น ไม่ต้องเอามาเม้าให้รกหูชั้น”
“ขอโทษค่ะ ตั้วพลาดไปแล้ว ถ้าคุณแพ็ตไม่ชอบตั้วก็จะไม่บอกว่า...”
“ว่าอะไร”
“อย่าเลยค่ะ รกหูเปล่าๆ” กะเทยยักเล่นลิ้น
“พูดมา ว่าอะไร”
“คนงานแผนกนั้นเค้าลือกันให้แซดว่าท่าทางยัยชะนีนั้น ไม่เหมือนคนงานซักนิด แถมท่านประธาน ยัง...”
พักตร์พิมลตวาด “ยังอะไร พูดมาให้หมด ไม่ต้องมีเว้นวรรค”
“ท่านประธานยังไปพบนางถึงแผนก ปิดห้องคุยกันสองคนด้วย” กระตั้วบอก
“แปลกจัง ท่านประธานไม่เห็นเคยสนใจใคร” ปีวราแทรกขึ้น
พักตร์พิมลโกรธ ผุดลุกขึ้น “ปี เธออยู่เฝ้าออฟฟิศ ตั้ว ไปกับฉัน”
พักตร์พิมลออกไป กระตั้วหันมาหัวเราะไม่มีเสียงกับปีวรา
“ฝากคิดของฉันต่อด้วยนะจ๊ะปี” เลื่อนโน้ตบุ๊กให้แล้วตามออกไป
ปีวราโคลงศีรษะ ทำหน้าระอา
เสียงกริ่งเลิกงานดังขึ้น คนงานทุกคนหยุดทำงาน เก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน บิวตี้ดูนาฬิกา แล้วรีบร้อน กลัวกลับไม่ทันเปลี่ยนร่าง
“จะทันไหมเนี่ย เพี้ยง รถอย่าติดนะ” บิวตี้รีบเดินออกจากแผนกอย่างเร่งร้อน
บิวตี้ออกจากโรงงานอย่างเร่งด่วน ชะงักเมื่อเจอ พักตร์พิมลขวางทางอยู่กับกระตั้วที่หน้าโกดังสินค้า
คนงานหญิงกระซิบกับกระตั้ว “คนนี้แหละค่ะ”
บิวตี้เห็นเป็นพักตร์พิมล รีบกลับหลังหันหลบหน้าไปทางอื่น
พักตร์พิมลวางอำนาจ “เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
บิวตี้ชะงัก
“เธอเป็นใคร” พักตร์พิมลเสียงขุ่น
บิวตี้จะรีบตัดปัญหา หันมาเผชิญหน้ากับคู่ปรับเก่า
พักตร์พิมลเห็นหน้าชัดๆ ก็ตกใจ “บิวตี้”
บิวตี้มองไปรอบๆ เห็นคนงานหญิงขาเม้าท์ ยืนรอฟังหูผึ่ง
“อุ๊ยต่ายๆ นี่คุณบิวตี้ เจ้าของ...” กระตั้วตาเหลือก ลนลาน
บิวตี้รีบตัดบท “ใช่จ้ะฉันเอง แต่พวกเธออย่าบอกใครนะว่าเจอฉันที่นี่” พลางขยิบตาส่ง
สัญญาณให้พักตร์พิมล “ตอนนี้พ่อฉันถูกฟ้องล้มละลาย ฉันเลยต้องทำงานช่วยครอบครัว”
พักตร์พิมลพอจะเดาได้ “อ๋อ งั้นเหรอ รับบทผู้ดีตกยาก เจ้าหญิงตกบัลลังก์นั่นเองโถ น่าสมเพชนะ”
บิวตี้กัดฟันกรอด ฝืนยิ้ม “จ้ะ”
“ตามไปที่ห้องหน่อยสิ มีเรื่องอยากพูดด้วย” พักตร์พิมลวางอำนาจใส่
บิวตี้อึดอัด กลัวไม่ทันแปลงร่าง “เอ่อ คงไม่ได้ มีธุระ ต้องรีบไป” รีบเดินหนีไป
“เดี๋ยว ฉันยังพูดไม่จบ”
บิวตี้เดินต่อไปโดยไม่ฟังเสียง
พักตร์พิมลโกรธขึ้ง จิกสายตามองตามอย่างเคียดแค้น ชิงชัง
“ฉันไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ หรอก ยัยนกหงส์หยก”
อ่านต่อ ตอนที่ 4