xs
xsm
sm
md
lg

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 1

คฤหาสน์หลังนั้น ตั้งตระหง่านอยู่กลางแสงแดดจ้า รอบบริเวณแวดล้อมไปด้วยสนามหญ้า สวนสวยเขียวขจี บรรยากาศร่มรื่น ซึ่งถูกดีไซน์ จัดแต่ง และได้รับดูแลอย่างดี ทรัพย์ศฤงคารทั้งหลายทั้งปวง ล้วนบ่งบอกฐานะอันมั่งคั่งของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างดี

ริมสระน้ำตรงมุมด้านข้างของคฤหาสน์ แลเห็นสตรีนางหนึ่งสวมใส่ชุดว่ายน้ำนอนคว่ำหน้าอาบแดดอยู่ เรือนร่างของหล่อนงามงดสมส่วน บนโต๊ะเตี้ยข้างๆ มีเครื่องดื่มสีสวยวางไว้แก้กระหาย ใกล้ๆ กันนั้นเป็นหมวกปีกกว้างวางแหมะอยู่
เสียงนาฬิกาปลุกดังเตือนมาจากไอโฟนที่วางบนโต๊ะเครื่องดื่ม ทว่าร่างอรชรนั้นยังคงนอนนิ่ง มือใครคนหนึ่งจับโทรศัพท์ขึ้นปิดเสียงปลุก
เสียงเลขาหุ่นตุ้ยนุ้ย คนที่จับนาฬิกาปลุกนั้น ดังขึ้น “ได้เวลาเติมครีมกันแดดแล้วค่ะ คุณบิวตี้”
ร่างงามงดที่นอนอาบแดดอยู่ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ช่างหน้าคว้าเสื้อคลุม แล้วคลุมห่มให้ทันที

บิวตี้ ที่เลขาร่างตุ้ยนุ้ยเรียก เธอคือ ลัลน์ลลิต สาวสวยไฮโซ ผู้กำพร้ามารดาตั้งแต่เด็ก และ บวร ผู้เป็นบิดาก็เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อน หล่อนเป็นทายาทสายตรง เพียงคนเดียวของ บริษัท ธนบวร จำกัด ผู้ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำของเมืองไทย ที่ไปเด่นดังในตลาดนานาชาติ

บิวตี้ ยื่นมือออกไปเหมือนรอ บอกอย่างคล่องปากราวกับท่อง
“เอส พี เอฟ สามสิบ ยูวีเอ ยูวีบี วิตามินอี ดีแพนธินอล”
“ได้ค่ะ” เลขาเปิดกระเป๋าเครื่องสำอาง แลเห็นครีมบำรุงและประทินผิววางเรียงอย่างมีระเบียบเต็มพรืด เลือกหยิบออกมาวางตามออเดอร์
ช่างผมทำความสะอาดมือตัวเองจนหมดจด ก่อนจะลงมือทาหลัง ไหล่ให้บิวตี้ ส่วนช่างหน้าก็เอาแก้วน้ำส้มทรงสวยจ่อปากให้บิวตี้ดูด
บิวตี้ส่องกระจกแตะครีมกันแดดเติมหน้า “ตกลงธีมของงานคืนนี้ เป็นสีอะไร”
“ผู้จัดบอกมาว่าเป็นสีสดใส พวกเขียวอ่อน เหลือง ฟ้า ค่ะ” เลขาบอก
บิวตี้คิดนิดหนึ่งแล้วบอก “เตรียมเดรสสีเข้ม”
เลขาหุ่นตุ้ยนุ้ยพยายามเตือน ท่าทีเกรงใจ “แต่ธีมเป็นสีสดใสนะคะ”
“ไม่ชอบ ไม่อยากใส่ กลัวหลุดธีมก็แต่งเองสิ แต่ระวังหน่อยนะ ตัวขนาดนี้อาจโดนกดเงิน นึกว่าเป็นตู้ เอทีเอ็ม”
ช่างแต่งผม ช่างแต่งหน้า หัวเราะคิกคัก เลขาเม้มปากแน่นฝืนสะกดกลั้นความโกรธ
ช่างผมทาหลังให้บิวตี้ “คุณบิวตี้นี่ยังดีดี๊นะคะ สวยไปทั้งเนื้อทั้งตัวเลย”
บิวตี้ยิ้มนิดๆ และลุกขึ้นยืน ขยับหมวกปีกกว้าง ถามขึ้นลอยๆ
“ลัลน์ลลิต แปลว่า...”
เลขากะช่างผมประสานเสียงบอก “หญิงงาม ค่ะ”
บิวตี้ปรายตามองช่างหน้าช่างผมท่าทีหยิ่งๆ “ตามนั้น”
บิวตี้ใส่หมวกปีกกว้าง ออกเดินไปจะเข้าบ้าน
จู่ๆ ขี้นกก็ลอยละลิ่วลงมาจากต้นไม้ ตกลงบนหมวกของบิวตี้ดังแหมะ บิวตี้ชะงัก ตาเบิกกว้าง
เลขา ช่างหน้า และช่างผม ตาเหลือก ตกใจสุดขีด ร้องลั่น
“ขี้นก”
สีหน้าบิวตี้ แสดงกิริยาว่าขยะแขยงถึงที่สุด หล่อนร้องกรี๊ดสุดเสียง
“อ๊ายยย...”

ห้องโถงอันหรูหรา เกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายตามมา ทุกคนถือไม้ไล่นก บางคนถือสวิง บางคนเอาไม้เคาะต้นไม้ เอาไม้ตีตามพุ่มไม้
บอดี้การ์ดถูกเกณฑ์มาปฏิบัติภารกิจไล่นก “ชิ้วๆ..ไป ไปให้หมด”
พรแม่บ้านบ่นบ้าด่านกด้วยความโมโห “ไอ้นกบ้าเอ๊ย..จะอึที่ไหนก็ไม่อึ....ไปปล่อยลงบนหัวคุณบิวตี้ได้ยังไง วอนตายจริงๆ เลย”
คนสวนหน้าตาเศร้าโศก “ไอ้พร...แกว่าคุณบิวตี้จะไล่ข้าออกมั้ยวะ”
สาวใช้คนหนึ่งไม่อยากเชื่อ “จะถึงขนาดนั้นเลยเหรอลุง กะอีแค่โดนนกขี้ใส่หัว ลุงเกี่ยวอะไรด้วย”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ก็คุณบิวตี้เธอสั่งมาตลอดว่า ให้คอยไล่นก อย่าปล่อยให้มีนกในบ้านเธอโดยเด็ดขาด”
“ประสาทรึเปล่าเนี่ย ใคนจะไปห้ามนกได้ มันมีปีกบินไปบินมานะ ไม่ได้ใช้ขาเดินอย่างเราๆ” สาวใช้ อีกคนฮึดฮัด
พรบอกเอาบุญ “เด็กมันไม่รู้อะไร ก็คุณบิวตี้นะ เธอเกลียดจกมาก เพราะมันเคยเข้าไปขวางในใบพัด ทำให้เครื่องบินส่วนตัวของคุณพ่อเธอตกน่ะสิ”
สาวใช้ทุกคนอึ้ง ทำหน้าสยอง คนสวนคอตก รู้ชะตากรรมตัวเอง

บิวตี้ก้าวออกมาจากห้องน้ำในห้องนอนหรูหรา หัวยังเปียกน้ำ
“จ่ายเงินเดือนสามเดือนสุดท้าย แล้วไล่คนสวนออกเดี๋ยวนี้!”
ป้าจัน หัวหน้าแม่บ้าน หน้าเสีย เผลอแสดงความตกใจ “ให้ออกเลยหรือคะ”
“เรื่องนี้มันสำคัญสำหรับชีวิตฉัน เขาไม่มีสิทธิ์ทำพลาดหรือถ้าป้าเห็นว่าไม่ควรให้ออก จะไปพร้อมกับเขาก็ได้นะ”
ป้าจันหน้าเสีย แต่ไม่โต้เถียงอะไร ได้แต่ถอนใจ
บิวตี้ไม่สนใจ แล้วเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เสียงเคาะประตูเบาๆ เลขาเปิดเข้ามา

“บอดี้การ์ดรายงานมาว่านักข่าวรอถ่ายรูปสัมภาษณ์อยู่หน้างานประมาณ 20 คน แล้วก็มีปาปาราซซี่ซุ่มอยู่แถวที่จอดรถ อีกกลุ่มนึงค่ะ”
บิวตี้พยักหน้ารับรู้ “อย่าลืมเอาสเปย์ฆ่าเชื้อฉีดใส่ไมโครโฟนทุกคนก่อนสัมภาษณ์ด้วย เข้าใจมั้ย”
เลขาสาวกลืนน้ำลายเอื้อก “ได้ค่ะ”
บิวตี้ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง เลขากับป้าจันมองหน้ากัน กลืนน้ำลายลงคอ

ห้องนอนชายโสด ตกแต่งเรียบแต่เก๋ อยู่ในบ้านอีกหลังที่แยกออกมาจากบ้านพ่อแม่ แต่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน
ภาวินีและธนา สองสามีภรรยาฐานะดี แต่งชุดเตรียมออกไปงาน ยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องนี้
ภาวินีร้องเรียก “ธี...ธี...แต่งตัวเสร็จรึยังลูก”
ข้างในห้องยังเงียบ ธนาช่วยเคาะ
“ธี...มัวแต่ทำงานจะลืมอีกแล้วสิลูก...ธีภพ”
ประตูห้องถูกเปิดออกโดยธีภพ ชายหนุ่มรูปงามเจ้าของห้อง ที่ก้าวออกมาในชุดสบายๆ อยู่บ้าน เขาถามพ่อ แม่ ท่าทีขรึมๆ
“มีอะไรกันเหรอครับ คุณพ่อคุณแม่”
ธนาและภาวินีถอนใจพร้อมกันอย่างอ่อนใจ
“ก็งานแฟชั่นเย็นนี้ไง ที่ธีรับปากจะไปกับพ่อแม่น่ะ” ภาวินีบอก
ธีภพทำหน้าเซ็ง “ไม่เอาดีกว่าครับ งานยังเคลียร์ไม่เสร็จ แล้วผมก็ขี้เกียจไปดูยายบิวตี้ไร้สาระนั้นด้วย”
“พ่อบอกแล้วไง ว่าอย่าพูดถึงน้องแบบนี้อีก...ยังไงเค้าก็เป็นหุ้นส่วนของเรานะ” ผู้เป็นพ่อว่า
ธีภพแย้ง “หุ้นส่วนที่ไม่เคยทำอะไรเลย นอกจากทำตัวเป็นสาวสังคมออกงานโน้น เดินแฟชั่นงานนี้ แล้วก็เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์น่ะเหรอครับ”
ธนาดุ “ธีภพ”
ธีภพถอนใจทำท่าจะกลับเข้าห้อง ภาวินีดึงแขนรั้งไว้
“เดี๋ยวสิลูก แต่งานนี้หนูอรเขาก็เดินด้วยนะลูก เดินแฟชั่นงานแรกเลยนะ ไม่ไปให้กำลังใจเค้าหน่อยเหรอ”
ธีภพอ่อนลง “แต่ผมอยากทำงานให้เสร็จจริงๆ ครับแม่”
ธนาล้อ “จะจีบสาวทั้งที ต้องหมั่นเก็บคะแนนหน่อยสิ”
“ผมเปล่าซะหน่อย พ่อกับแม่ ชงเอง ตบเอง ล้วนๆ ผมไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย”
ธนาหัวเราะ “ก็ใครมันจะเหมาะกับ ซีอีโอ บริษัทธนบวรของเราเท่ากับลูกสาวคนเดียวของ ฟอลคอน อีกล่ะ”
“ใช่ คนนึงผลิต คนนึงจำหน่าย โอ้วว เป๊ะเว่อร์” ภาวินีเย้าใช้ศัพท์ทันสมัย
ธีภพหัวเราะขำมารดา “โห แม่ วัยรุ่นจังครับ…เป๊ะเว่อร์”
เสียงแมสเสจ ไลน์ เข้า ธีภพกดดู แม่อยู่ในมุมที่มองเห็น ตวัดตามองแล้วยิ้มๆ รู้ทัน
“หนูอรส่งมาตามล่ะสิ แล้ว...รีบตามไปนะจ๊ะ” ภาวินีออกไปกับธนา
ธีภพถอนใจยาว

บรรยากาศที่งานแฟชั่นโชว์การกุศล Prima Paradiso คึกคักตั้งแต่ตอนเย็นก่อนงานเริ่ม มีนักข่าวคอยถ่ายภาพแขกที่มาร่วมงาน บริเวณหน้างานมีซุ้มสีสดใส แบ็คดร็อปชื่องานเป็นแลนด์มาร์ค
รถสองคันแล่นเข้ามาจอด คันแรกเลยไปหน่อย ช่างผม ช่างหน้า ลงมาอย่างรีบร้อนรวมทั้งช่างภาพส่วนตัวของบิวตี้
ส่วนคันที่ 2 จอดหน้างาน ประตูเปิดออก บอดี้การ์ดก้าวลงมาจากข้างหน้าปราดมาเปิดประตูให้บิวตี้ในชุดสวยงามน่าตื่นตะลึงลงมาจากรถ ช่างภาพขยับเข้ารุมเก็บทุกอิริยาบถ นักข่าวที่มีกล้องและไมโครโฟนขยับเข้ามา แต่ไม่เร็วไปกว่าบริวารคนของบิวตี้ที่เอาสเปย์มาฉีดไมโครโฟนนักข่าวอย่างรวดเร็ว นักข่าวชะงักแต่ทำอะไรไม่ได้
บอดี้การ์ดทั้งหมดกันไม่ให้นักข่าวประชิดตัว เพิร์ลทักทาย
“ขอบคุณ คุณลัลน์ลลิตมากค่ะ ที่ให้เกียรติมาเป็นนางแบบกิตติมศักดิ์วันนี้”
“บิวตี้ยินดีทำเพื่อช่วยเหลือการกุศลค่ะ”
บิวตี้ยืนโพสให้นักข่าวถ่ายรูปอย่างเชี่ยวชาญคล่องแคล่ว แต่พอนักข่าวจะสัมภาษณ์ เลขาก็ร้องขัดขึ้น
“ขออนุญาตไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”
บิวตี้ยิ้มเป็นเชิงขอโทษ แล้วเดินเข้าข้างใน
นักข่าวจะกรูตามไป บอดี้การ์ดป้องกันเข้มแข็ง ให้แต่เลขา เพิร์ลและบริวารของบิวตี้ผ่านได้
เหตุการณ์ค่อนข้างวุ่นวาย แสดงให้ถึงความเป็นที่นิยมของบิวตี้

คนดูทยอยกันเข้างานมาในห้องจีดงาน เห็นอดิศักดิ์กับเครือวรรณยืนคุยกับผู้คนอยู่ ท่าทางที่ดูร่ำรวย ภูมิฐาน และมีอิทธิพล ใครเห็นต่างก็เกรงใจ
ธนา และภาวินี เดินมา ถือช่อดอกไม้สวยมาด้วย 2 ช่อ เตรียมมาให้อรวิภา กับบิวตี้ อดิศักดิ์หันไปเห็น เดินเข้าไปหา ยกมือทักทายธนากับภาวินีอย่างคุ้นเคย
“คุณธนา คุณภาวินี มาเร็วดีจริง...ธีรภพไม่มาด้วยหรือครับนี่”
ภาวินียิ้มตอบ “เคลียร์งานอยู่ค่ะ เสร็จแล้วจะรีบตามมา สวัสดีค่ะคุณเครือวรรณ”
“สวัสดีค่ะคุณภา”
ธนาถาม “คุณอดิศักดิ์ มาถึงนานแล้วหรือครับ”
“สักพักแล้วครับ น้องอรเค้าตื่นเต้นเพิ่งเคยเดินแฟชั่น เลยขอให้พ่อกับแม่มาเร็วๆ”
ภาวินีสัพยอก “หลังงานนี้ คงมีคนจองคิวรับงานกันไม่หวาดไม่ไหวเลยนะคะ”
อดิศักดิ์ยิ้มรับ “ถ้าไม่ใช่งานการกุศลผมคงไม่ยอมให้รับหรอกครับ วงการนี้เราไม่รู้ว่าเป็นยังไง น้องอรแกยิ่งซื่อๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกับใครเขา”
เครือวรรณเสริม “เป็นห่วงลูกน่ะค่ะ”

จังหวะนี้กรเทพ ถือช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ เข้าประตูมา
ภาวินียกมือเรียกให้เห็น “คุณกรเทพ ทางนี่ค่ะ”
ธนาแนะนำกรเทพกับอดิศักดิ์ “คุณกรเทพ รองประธานบริษัทธนบวรของเราครับ”
อดิศักดิ์พยักหน้า “อ๋อ น้องชายคุณบวรหุ้นส่วนของคุณธนาที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกนั้นเอง”
กรเทพเดินเข้ามารวมกลุ่มไหว้ทักทุกคน “สวัสดีครับ”
ภาวินีเยื้อนยิ้ม “ดอกไม้สวยจังค่ะ”
“หลานบิวตี้ แกชอบพีโอนี่สีขาวน่ะครับ”
ภาวินีเย้า “แหม!! ช่างเป็นคุณอาที่รู้ใจคุณหลานเสียจริง...แล้วยายแพ็ตล่ะคะ ไม่มาด้วยเหรอ”
แพ็ต ที่ภาวินีพูดถึงคือ พักตร์พิมล ลูกสาวกรเทพ ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของ ลัลน์ลลิต นั่นเอง
“เค้ายังแต่งตัวไม่เสร็จน่ะครับ ผมเลยออกมาก่อน”

เจตน์ชาญเข้างานมา มาดหล่อ เนี้ยบ ดึงดูดสายตา จนทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว
ช่างภาพ นักข่าวเข้าไปรุมล้อมถ่ายรูป ทำข่าว
ภาวินีมองเจตน์ชาญ อย่างชื่นชม “นั่นใครคะคุณ ดาราใหม่หรือคะ”
ทุกคนหันไปมอง
กรเทพบอก “อ๋อ...นั่นคุณเจตน์ชาญ เจ้าของ เจตน์ การ์เม้นท์ ผู้ผลิตผ้าที่ใหญ่เป็นที่ 2 รองจากธนบวรของเรายังไงครับ”
ภาวินีปลื้ม “อุ๊ย ยังหนุ่มอยู่เลย หล่อด้วย”
“อ้าว ติดใจคู่แข่ง ของบริษัทเราซะแล้วหรือคุณ” ธนาแซว
ภาวินีหัวเราะชอบใจ “แหม หล่อขนาดนั้นก็ต้องปันใจให้บ้าง”
ทุกคนหัวเราะ
อดิศักดิ์เชื้อชวน “ผมว่าเราเข้าไปหาที่นั่งกันก่อนดีกว่า...เชิญครับ เชิญ”

ทุกคนขยับหาที่นั่ง เจตน์ชาญยังคงหลงอยู่ท่ามกลางนักข่าว
 
อ่านต่อหน้า 2

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 1 (ต่อ)

ขณะที่บิวตี้กำลังแต่งหน้าทำผม อยู่ในห้องแต่งตัวที่ทีมงานจัดห้องให้ส่วนตัว มีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วเพิร์ลเดินเข้ามาพร้อมอรวิภาที่มีท่าทางเขินๆ อายๆ แต่งหน้า แต่งผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว

บิวตี้ปรายตามองนิดเดียวแล้วหลับตาแต่งหน้าต่อ พูดลอยๆ
“ไหนคุณว่าจัดห้องนี้ให้เป็นห้องแต่งตัวส่วนตัวของชั้นไม่ใช่หรือคะ”
เพิร์ลหน้าเสีย “ใช่ค่ะ...แต่เพิร์ลอยากพาคุณอรวิภามาทำความรู้จักกับคุณบิวตี้น่ะค่ะ...พอดีตอนซ้อมเดินก็มัวแต่รีบไม่ทันได้แนะนำ”
อรวิภาระรื่น “อรชอบคุณบิวตี้มานานแล้วค่ะ คุณสวยจังเลย อรชอบตามดูคุณบิวตี้ในหนังสือต่างๆ ดีใจจังเลยค่ะ ที่ได้เจอตัวจริงวันนี้”
เพิร์ลรีบพูดแนะนำ “คุณอรวิภาเป็นลูกสาวของคุณอดิศักดิ์เจ้าของห้างฟอลคอนและโรงแรมที่เรามาจัดงานวันนี้ และอีกหลายๆ ที่ค่ะ”
“มิน่า...ถึงได้เดินฟินาเล่คู่กับชั้นในวันนี้” บิวตี้ยิ้มให้ไม่เห็นความจริงใจตามที่พูดสักนิด “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
อรวิภายิ้มแฉ่ง “อรดีใจ ดีใจ มีอะไรช่วยสอนอรด้วยนะคะ อรเดินแฟชั่นไม่เป็นหรอกค่ะ นี่เป็นหนแรก”
บิวตี้ฝืนยิ้มอ่อนหวาน แต่ไม่จริงใจ “ค่ะ ยินดี แต่ตอนนี้ขออนุญาตแต่งหน้าทำผมก่อนดีมั้ยคะ แล้วค่อยเจอกันหลังเวที...สวัสดีค่ะ”
บิวตี้หลับตาทันที เพิร์ลหน้าเจื่อน แต่อรวิภาไม่รู้สึกอะไร ยิ้มหวาน โลกสวยสุดๆ
“ค่ะ...เดี๋ยวเจอกันค่ะ คุณบิวตี้น่ารักจริงๆ สู้ๆ นะคะ เราทั้งคู่เลย...ไฟติ้งค่ะ”
อรวิภาทำท่าดูน่ารัก แล้วเดินออกไป เพิร์ลวิ่งตามไปด้วย
บิวตี้ลืมตา ถอยใจยาว บอกเสียงเข้ม
“ไปล็อคประตู!!”
เลขาลนลาน บิวตี้หน้าหงิก...

งาน Prima Paradiso เปิดตัวด้วยแฟชั่นโชว์เซ็ตแรก
เพลงจังหวะเร้าใจกระหึ่มขึ้น ขณะไฟเริ่มหรี่แสงลง ฟอลโล่สาดส่องรับนางแบบชุดแรกเดินออกมา คนดูปรบมือ ชื่นชม นางแบบคนถัดๆ ไป ทยอยเดินออกมา
อรวิภาออกมาโพสในจังหวะนี้ ด้วยท่าทางประหม่า ไม่มั่นใจ
“ลูกผมๆ” อดิศักดิ์หันมาทางเครือวรรณ “ยายอรน่ารักจริงๆ”
อดิศักดิ์ลุ้นลูกอย่างคุณพ่อที่เห่อลูกมากๆ
ภาวินียิ้มรับแล้วหยิบโทรศัพท์กดไลน์หาลูกชาย “อยู่ที่ไหน มาเร็วๆ” แล้วกดส่ง

พอบิวตี้ออกมา ผู้คนฮือฮาในความสวย และงามสง่า กรเทพตบมือดัง ชื่นชมหลานเป็นที่สุด เจตน์ชาญมองบิวตี้อย่างสนใจ
อรวิภาเดินมาใกล้ ตรงจุดที่นั่งอดิศักดิ์และเครือวรรณ
อดิศักดิ์และเครือวรรณลุกขึ้นยืนปรบมือให้ พร้อมส่งเสียงเชียร์
อรวิภายิ้มแฉ่งจนไม่ทันระวัง สะดุดชายกระโปรงตัวเอง เสียหลักรองเท้าหลุดออกมาจากเท้า อรวิภาตะลึงยืนนิ่ง
ทุกคนทำอะไรไม่ถูก อดิศักดิ์ตกใจ พอได้สติทำท่าจะขึ้นไปช่วยลูก
บิวตี้เดินตามมาทันตรงที่อรวิภายืนนิ่งอยู่ บิวตี้จับแขนอรเหมือนเป็นเรื่องปกติอย่างนางแบบมืออาชีพ แล้วพยักหน้านิดๆ อรวิภาได้สติ บิวตี้มองไปยังรองเท้าที่หลุดอยู่ อรวิภาใส่รองเท้า มีบิวตี้เดินจูงมือไปอีกนิดแล้วค่อยปล่อย ทุกคนตบมือกันกราว อดิศักดิ์ และเครือวรรณโล่งอก
เจตน์ชาญ มองบิวตี้อย่างสนใจ
ทั้งบิวตี้และอรวิภา แยกย้ายกันเข้าหลังเวทีไป

ฟาก แพ็ต หรือ พักตร์พิมล แต่งตัวสวยจะไปดูแฟชั่น เข้ามาในห้องนั่งเล่น มองหากรเทพ ผู้เป็นพ่อ มีแม่บ้าน เช็ดโต๊ะกาแฟอยู่
พักตร์พิมลยังอารมณ์ดี “คุณพ่อล่ะ ไหนว่า แต่งตัวเสร็จแล้วไง”
“เสร็จนานแล้วค่ะ ท่านออกไปแล้ว พอดีรอคุณแพ็ตไม่ไหว”
พักตร์พิมลโกรธ “จะรีบไปทำไมนักหนากะอีแค่งานแฟชั่นโชว์ ยัยบิวตี้มันต้องโทร.มาตามแน่ๆ”
แม่บ้านบอก “ไม่ทราบค่ะ”
พักตร์พิมลตวาด “ไม่ได้ถาม”
แม่บ้านกลัวโดนอีก รีบลนลานหนีไป
พักตร์พิมลฮึดฮัดโวยวายบ่นบ้าอยู่คนเดียว “ห่วงแต่ลูกคนอื่น ทีลูกตัวเองทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่เคยสนใจ” แล้วกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟา “ไม่ไปไม่เปยมันแล้ว” พร้อมกับโยนกระเป๋าทิ้ง
เสียงมือถือดัง พักตร์พิมลหยิบดู เห็นชื่อ “พี่ธี” อารมณ์ดีฉับพลัน กดรับเสียงหวาน
“คะพี่ธี”

ธีภพขับรถอยู่ระหว่างทางคุยผ่านบลูทูธ
“ถึงงานหรือยัง”
พักตร์พิมลงอน “แพ็ตว่าจะไม่ไปแล้วค่ะ ...ขี้เกียจขับรถ”
“อ้าว ทำไมล่ะ นึกว่าจะได้เจอกัน มีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย”
พักตร์พิมลกระตือรือร้นขึ้นมาทันควัน “ก็ได้ค่ะ งั้นไปเดี๋ยวนี้ พี่ธีรอแพ็ตด้วยนะคะ” หญิงสาวผุดลุกขึ้น คว้ากระเป๋ารีบร้อนออกไป

ที่งาน Prima paradise แฟชั่นเซ็ตแรกจบลง นางแบบทั้งหมดยืนโพสบนเวที บิวตี้กับอรวิภายืนตรงกลาง
พอถึงคิวจะเดินเข้า อรวิภาหันผิดด้าน โดยหันหน้ามาประจันกับบิวตี้จังๆ บิวตี้ถลึงตาใส่ อรวิภาโลกสวยตกใจ เงอะงะ หันไปด้านที่ถูก แล้วเดินเขินๆ หน้าเจื่อนเข้าเวที
อดิศักดิ์ และเครือวรรณหัวเราะอย่างเอ็นดูปนปลื้ม
คนดูตบมือกราว ภาวินีเอาโทรศัพท์ออกมาดูอย่างร้อนใจ ว่าทำไมธีภพยังไม่มา

ตลอดเวลาเจตน์ชาญ จับตามองบิวตี้และอรวิภา ทุกฝีก้าว
พิธีกรของงานเดินขึ้นเวที
“ก่อนที่จะได้ชมแฟชั่นโชว์ Prima Paradiso เซ็ตต่อไป ขอเชิญร่วมการประมูลผลงานศิลปะล้ำเลอค่า เพื่อนำรายได้มอบให้ สถานสงเคราะห์สัตว์แห่งชาติ ขอเสียงปรบมือต้อนรับทีมงาน... ภัทรการประมูล”
คนดูปรบมือกราว ทีมงานภัทรการประมูลออกมาพร้อมภาพเขียนที่จะทำการประมูล การประมูลดำเนินไป

ด้านบิวตี้ ท่าทางหงุดหงิดฉุนเฉียว เดินฉับๆ เข้ามาในห้อง เลขา ช่างแต่งหน้า ช่างผมเร่งตามมา
“ทำไมไม่เดินให้เสร็จๆ ไปนะ เสียเวลา”
ช่างหน้าบอกซื่อๆ “งานการกุศลก็อย่างนี้แหละค่ะ”
บิวตี้หยุดกึก เหลียวขวับ “ฉันเดินแฟชั่นโชว์การกุศลมาตั้งแต่อายุห้าขวบ ฉันรู้ดีว่างานมันควรจะเป็นยังไง”
ประตูเปิดออก อรวิภาหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ เดินเข้ามา เพิร์ลตามมาติดๆ
“คุณบิวตี้คะ ขอบคุณมากๆ นะคะที่ช่วยอร...ถ้าคุณบิวตี้ไม่ช่วยอรคงแย่แน่ๆ ตอนนั้นอรทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ ขอบคุณจริงๆ”
อรวิภาทำท่าจะมากอด บิวตี้ถอยกรูด
“ที่ชั้นช่วยไม่ใช่เพราะใจดีหรืออะไรหรอก...แต่เธอรองเท้าหลุดแล้วยังยืนงงขวางทางเดินของชั้น ถ้าชั้นไม่ช่วยก็คงจะแย่ไปด้วย ก็เท่านั้นเอง เสร็จธุระแล้วใช่มั้ยคะ ฉันอยากพัก” บิวตี้มองหน้า จงใจเน้นเสียงท้ายประโยค “เป็นส่วนตัว”
“ไม่ว่ายังไง อรก็ยังเป็นหนี้บุญคุณ คุณบิวตี้อยู่ดี เดี๋ยวฟิน่าเล่อรจะไม่ให้พลาดอีกแล้ว ขอบคุณอีกทีนะคะ”
โดยไม่มีใครคิด อรวิภาจู่โจมเข้ากอดบิวตี้ตัวแข็ง
“ไปกันเถอะค่ะคุณเพิร์ล อรอยากซ้อมเดิมอีกที คุณเพิร์ลช่วยอรนะคะ”
ทั้งคู่ออกไป บริวารทุกคนคอหดหันไปมองบิวตี้ที่ยังยืนแข็งอยู่อย่างเกรงว่าจะอาละวาด
บิวตี้เอ่ยขึ้นในที่สุดอย่างเคืองขุ่น “ล็อคประตู แล้วเอายาฆ่าเชื้อมาฉีดให้ชั้น เดี๋ยวนี้...เร็ว”

อรวิภาเดินมาอย่างร่าเริงกับเพิร์ล เครือวรรณเดินเข้ามาหา มีพนักงานโรงแรมถือถาดอาหารตามหลังมา
“ลูกอร!” โผเข้ากอดลูกสาว “ลูกแม่เก่งมากเลยค่ะ ตื่นเต้นมั้ยลูก หิวมั้ยคะ ทานผลไม้สักหน่อยนะคะลูกจะได้มีแรง จะได้สดชื่น หายตกอก ตกใจ”
อรวิภาโผเข้าไปกอดมารดา “มะม๊าขา น้องอรไปขอบคุณ คุณบิวตี้มาค่ะ คุณบิวตี้ใจดีที่สุดเลยค่า คุณบิวตี้ไม่โกรธน้องอรเลยที่น้องอรทำรองเท้าหลุดยืนขวางทางของเธอ ถ้าคุณบิวตี้ไม่ช่วยน้องอรคงแย่แน่ๆเลยนะคะ”
“เหรอคะลูก ดีค่ะลูก.. ไปเร้ว..เข้าไปพักในห้องให้หายเหนื่อยก่อนนะจ๊ะ”
เครือวรรณกับอรวิภาเดินเข้าห้องไป
เพิร์ลซึ่งฟังอยู่รู้ดีว่าสิ่งที่อรวิภาคิด ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“โถคุณอร...มองยายคุณบิวตี้นั้นผิดไปซะแล้วล่ะค่ะ”
เพิร์ลพึมพำ พร้อมกับทำหน้าสยองขวัญ

ในการประมูลของชิ้นสุดท้าย ไฟเปิดสว่างทั้งห้องแล้ว อดิศักดิ์ประมูลได้ไป ผู้คนตบมือชื่นชม โพเดียมพิธีกรอยู่ด้านล่างของเวที ข้างบนเวทีใหญ่ปิดไฟมืด ไม่ให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ธีภพกับพักตร์พิมลเดินเข้ามามองหาธนา
“ตาธี...มานี้เร็ว” ธนาร้องเรียก
ธีภพกับพักตร์พิมลเดินเข้ามาไหว้ทักทายทุกคน พักตร์พิมลนั่งข้างกรเทพ ค้อนขวับ
“ไม่คิดจะรอกันเลยนะคะพ่อ”
“ก็ดูสิ กว่าลูกจะมา ขืนพ่อรอก็ไม่ทันดูชุดแรกของบิวตี้กันพอดี”
พักตร์พิมลค้อนอีกวงคราวนี้โกรธปนหมั่นไส้ ภาวินีกระซิบดุธีภพ
บนเวทีพิธีกรดำเนินรายการต่อไป “สรุปยอดการประมูล เป็นเงินทั้งสิ้น”พิธีกรบิ้วท์คนดู ด้วยเสียงตื่นเต้นสุดๆ “ยี่สิบเก้าล้าน เก้าแสน เก้าหมื่น เก้าพัน เก้าร้อย เก้าสิบเก้าบาท”
คนดูปรบมืออย่างยินดี เครือวรรณกลับมานั่งข้างอดิศักดิ์
“และบัดนี้ขอเชิญทุกท่านกลับเข้าสู่บรรยากาศ แฟชั่นโชว์สุดอลังการ ... Prima Paradise ได้แล้ว”
ไฟดับ เทคนิคแสงสีเสียงบนเวทีเริ่มขึ้น ปูอารมณ์สู่แฟชั่นโชว์เซ็ตใหม่ ดูท่าทางจะเริดเจิด
ไฟเปิดสว่าง พบว่าบนเวทีถูกตกแต่งเป็น ป่าในฝัน ราวกับสวนสวรรค์ สีสันตระการตา เวทีทำเป็นช่องเหมือนกรงนกมาตั้งอยู่ นกสีสันสวยๆ อยู่ในกรง
คนดูตื่นเต้นฮือฮา กรเทพตะลึง “ไม่นะ”
ธนาหันมามองฉงน “มีอะไรหรือ คุณกรเทพ”
“ดูนั่น!”
กรเทพชี้ไปที่กรงนกบนเวที ทุกคนมองกรเทพอย่างไม่เข้าใจ
นกในกรงบนเวที บินกันพรึบพรับ
เลขาของบิวตี้ยืนดูอยู่ด้านหน้าเวที ตะลึงงัน นี่มันนรกชัดๆ

พอเรื่องรู้ถึงหู สีหน้าขยะแขยง ชิงชัง ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้างามของบิวตี้ หล่อนพูดแกมกรีดร้อง
“ไม่....ชั้นไม่มีวันเดิน เอาออกไป ไป๊...” พร้อมกับเอามือปิดหน้า
ฝ่ายเวที ถือนกถอยออกมาห่างจากบิวตี้ด้วยความตกใจ
เลขาวิ่งเข้ามา ชะงักกึก เห็นบิวตี้กำลังสติแตก ไม่กล้าพูด
เพิร์ลบอก “แต่นี่มันเป็นคอนเซปต์ของงานเราวันนี้นะคะ รักษ์โลก รักชีวิตสัตว์”
“ฉันไม่สน แต่ถ้ามีนก ฉันไม่เดิน”
บิวตี้ลุกขึ้น แล้ววิ่งเตลิดออกไปจากห้อง ทุกคนตกตะลึงจังงังทำอะไรไม่ถูก

เรื่องราวอันเกี่ยวกับนก กลายเป็นฝันร้ายของ ลัลน์ลลิต ธนบวร หลังเหตุการณ์เมื่อ 5 ปี ก่อน ตอนนั้น บิวตี้อยู่ในหอพัก ที่ประเทศอังกฤษกำลังเอาเมล็ดพืชให้อาหารนกสีสวยในกรงเล็กๆ ในห้อง บนโต๊ะทำงานมีแบบ Design เสื้อผ้าวางระเกะระกะอยู่ ตรงมุมห้องมีหุ่นที่ตัดเสื้อผ้าค้างอยู่ บิวตี้แต่งกายสวยงามสมวัยดรุณ
กรเทพ ผู้เป็นอาเดินทางมาจากประเทศไทย และเปิดประตูเข้าห้องมา
บิวตี้เห็นเข้าก็แปลกใจ “อากร มาได้ไงคะ” หล่อนวิ่งไปกอด สีหน้าแจ่มใส “จะมาทำไมไม่โทร.บอกก่อนล่ะคะ บิวตี้กำลังจะบินไปเจอคุณพ่อที่ฮ่องกงอยู่พรุ่งนี้เลยนะคะเนี่ย”
กรเทพหน้าเคร่ง “บิวตี้ ทำใจดีๆ ไว้นะ อามารับหนูกลับเมืองไทย”
บิวตี้ฉงน “เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมอาถึงทำหน้าอย่างนั้น”
“พี่บวร...เครื่องบินตกเมื่อวานนี้” บิวตี้ตะลึง “มีนกเข้าไปติดในใบพัด นักบินควบคุมเครื่องบินไม่ได้...พี่บวร....”
“ไม่จริ๊ง.....”
บิวตี้กรีดร้องสุดเสียง นกในกรงตกใจบินพรึบออกจากกรงที่ไม่ได้ปิด บินเข้ามาเกาะไหล่อย่างเชื่องและคุ้นเคย บิวตี้ปัดเต็มแรง
ท่าทีรังกียจขยะแขยงนกฉับพลับ “ไป ไปให้พ้น ไอ้นกบ้า...ไอ้บ้า”

เสียงบิวตี้กรี๊ดๆๆ ประสานกับเสียงนกร้องดังระงม ไปทั่วบริเวณ

 
อ่านต่อหน้า 3

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 1 (ต่อ)

บิวตี้อยู่ในห้องแต่งตัว นึกถึงเรื่องนี้หล่อนถึงกับตัวสั่น น้ำตานองหน้า

“ไม่...ชั้นไม่มีวันเดินแบบที่มีนกเด็ดขาด”
ตุ้ยนุ้ยกับเพิร์ลเดินเข้ามาหน้าจ๋อยๆ ทีมงานคนอื่นๆ ยืนมองห่างๆ
“ต้องขอโทษจริงๆค่ะ เราไม่รู้ว่าจริงๆ คุณบิวตี้ไม่ชอบนก”

“นกมันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง แค่มองยังไม่อยากจะมอง ถ้าจะให้ชั้นถือกรงนกด้วย ชั้นจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้” บิวตี้ประกาศกร้าว
ทุกคนตกใจร้องห้ามระงม “อย่าค่ะ” / “เดี๋ยวค่ะ” / “ไม่ได้นะคะ”
คนคุมเวทีวิ่งเข้ามา
“ได้เวลาแล้วนะพี่เพิร์ล ต้องไปแสตนด์บายเดี๋ยวนี้แล้ว”
ทุกคนอึกอัก ไม่รู้จะทำยังไงดี
เสียงอรวิภาดังขึ้น “อรถือกรงนกให้คุณบิวตี้เองก็ได้ค่ะ”
ทุกคนเหลียวขวับไปมองอรวิภาราวกับเป็นฮีโร่หญิง
“ถือทีเดียว 2 กรงเลย น่ารักอ่ะ” หล่อนชูสองนิ้วทำท่าน่ารัก
ทุกคนถอนใจยาว โล่งอก บรรยากาศผ่อนคลาย
“เป็นอันว่าตกลงตามนั้นนะคะคุณบิวตี้” เพิร์ลสรุป
บิวตี้มองอรวิภาอย่างประเมินสถานการณ์ “แล้วเธอแน่ใจนะว่าจะไม่ถือมาใกล้ๆ ชั้น”
“อรสัญญาค่ะ ด้วยเกียรติของเนตรนารี” อรวิภาชูสามนิ้ว ด้วยท่าทางน่ารักอีก “อะไรที่คุณบิวตี้ไม่ชอบ อรจะไม่ทำหรอกค่ะ”
ฝ่ายเวทีร้องเตือนน้ำเสียงเร่งร้อน “ต้องไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ คุณอร คุณบิวตี้”
“นะคะคุณบิวตี้” เพิร์ลออกโรงไหว้ “ขอร้องละค่ะ”
บิวตี้คาดโทษ “ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันฟ้องบริษัทคุณเจ๊งแน่”
จากนั้นบิวตี้เดินสะบัดไปทางที่จัดงาน ทุกคนถอนใจโล่งอก กรูกันตามบิวตี้ไป สวนกับคนงานคนหนึ่งที่รีบร้องเข้ามา
เลขาสาวร้องขึ้น “คุณบิวตี้คะ เดี๋ยวค่ะ...บนเวที”
คนงานเรียกผู้กำกับเวที “คุณครับ..คุณ”
แต่ไม่ทันแล้ว ทุกคนเดินหายไปหมด ตุ้ยนุ้ยถอนใจยาว คนงานก็เกาหัวยิกๆ
“ถ้ารู้ว่าบนเวทีมีกรงนกอยู่ ชั้นจะทำยังไงนะ”
คนงานดูแลนกพึมพำ “ก็นั่นสิครับ แล้วผมก็ดันทำล็อกกรงนกของคุณอรวิภาหักด้วย จะมาเตือนให้ถือระวังๆก็ไม่ทัน”
ตุ้ยนุ้ยได้ยินตกใจถึงกับลืมตัว ขยุ้มอกเสื้อคนดูแลนกร้องวี๊ด “ว่าไงนะ”
คนดูแลนกทำหน้าตกใจแทบตาย เลขาสาวได้สติปล่อยมือ โลดละลิ่วตามบิวตี้ไปอย่างว่องไว
“คุณบิวตี้คะ คุณบิวตี้”

ที่ด้านหลังเวที อรวิภารับกรงนกมาแล้วเดินออกไปอีกด้านหนึ่ง หันมาชูกรงนกให้บิวตี้ดูเป็นเชิงอวดๆ และปลอบใจ
เลขาวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณบิวตี้คะ”
ทุคนหันไปจุ๊ปากให้เงียบ ตุ้ยนุ้ยหุบปากแล้วรีบวิ่งมาหาบิวตี้
ผู้กำกับเวทีบอก “คิวค่ะ คุณบิวตี้ คุณอร”
เลขาวิ่งมาถึงตัว “คุณบิวตี้ กรงนก...”
ช้าไปแล้ว บิวตี้กับอรวิภาเดินออกไปหน้าเวทีตามคิว เลขาอ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก รู้แต่ว่านรกรอเธออยู่เบื้องหน้า!

บนเวทียามนั้นอรวิภากับบิวตี้เดินออกมาคนละด้าน แล้วหยุดยืนโพสท่าสวยงาม อรวิภาโพสท่าน่ารักถือกรงนก 2 มือ ส่วนบิวตี้ยืนพ้อยต์เท้าวาดท่าสวยสง่า น่าทึ่ง ผู้คนตบมือ เจตน์ชาญถึงกับเอามือถือออกมาถ่ายรูป อรวิภาออกเดินนำก่อน ยิ้มแย้มเกินความจำเป็น

ส่วนด้านล่าง แพ็ตมองอรวิภาอย่างไม่พอใจ ที่เห็นอรวิภาเดินส่งยิ้มให้ธีภพ
พักตร์พิมลเอนตัวมาพูดใกล้ธีภพ “เนี่ยเหรอคะ ยายอร อิ๋งอ๋อย หนูน้อยแสนดีของพี่ธี”
ธีภพไม่พอใจนัก “พูดถึงคนอื่นเค้าดีๆ หน่อย แพ็ต”
“ทำไม โกรธแทนแฟนหรือไง”
“เค้าไม่ใช่แฟนพี่”
“แต่ก็ยอมให้คลุมถุงชน โบราณชะมัดเลย”
ธีภพ ขยับตัวหนี ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง พักตร์พิมลมองตาขวาง

บิวตี้ออกเดินมาบนเวที บังเอิญเห็นอะไรบางอย่าง บิวตี้ชะงักหันไปมองให้แน่ใจ แล้วตกตะลึง เมื่อเห็นกรงนกกรงใหญ่อยู่ข้างหลัง หล่อนถึงกับลืมตัว ถอยกรูด แล้วยืนตัวแข็ง ขาล็อค ทำอะไรไม่ถูก แข็งเป็นหิน ตาเบิกโพลง
ทุกคนตกใจในท่าทีของบิวตี้

ส่วนที่ด้านหลังเวทีที่เพิร์ลและเลขา และคนอื่นๆ ดูมอนิเตอร์ตกใจ
ดีไซเนอร์งงหนัก “เกิดอะไรขึ้นกับบิวตี้ ทำไมไม่เดิน”
เพิร์ลแปลกใจ “หรือว่านางลืมแพทเทิร์น..ไม่น่า เป็นไปไม่ได้”
เลขาบอก “ก็เพราะกรงนกนั้นไงล่ะคะ ไม่มีใครบอกเธอว่ามีกรงนกวางอยู่บนเวที เดี๋ยวคอยดูเถอะ ถ้าเธอกลับเข้ามา ต้องมีคนถูกฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ แน่ๆ”
ทุกคนอึ้ง ดูมอนิเตอร์ต่อ

บิวตี้ยังคงตะลึงยืนนิ่งอยู่บนเวที อรวิภายืนเลิกลักรอที่ปลายรันเวย์ เริ่มเงอะงะ ทำอะไรไม่ถูก
พักตร์พิมลมอง บ่นพึมพำ “ยายสมองกลวงนั่นเค้าเป็นอะไรของเค้านะ ตลกจริงๆเลย”
ธีภพมองบิวตี้อย่างสงสัย
“บิวตี้กลัวนกมากถึงขนาดโฟเบีย.. ผมจะไปช่วยหลาน”
ขาดคำ กรเทพลุกออกจากที่นั่งพุ่งออกไป
“คุณพ่อ” พักตร์พิมลหงุดหงิด

กรเทพเดินไปข้างเวที ใกล้ๆ บิวตี้ที่ยืนตะลึงอยู่
“บิวตี้หลานรัก..อาอยู่นี่”
บิวตี้ได้ยินเสียงอะไรแว่วๆ กระแสเสียงแห่งความเป็นห่วง ทำให้บิวตี้หันมามองช้าๆ พบว่ากรเทพยิ้มให้อย่างอบอุ่น ปลอบโยน
“อาอยู่ตรงนี้...ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว”

เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ เคยเกิดขึ้นในห้องที่หอพักประเทศอังกฤษ
ขณะที่บิวตี้ร้องกรี๊ดๆๆ มีนกบินกระพือปีกบินพับๆ รอบตัว กรเทพเข้าไปกอดไว้อย่างอบอุ่น
“อย่างร้องไห้หลานรัก อายังอยู่ อาจะดูแลบิวตี้แทนพ่อเอง...เชื่อใจอาเถอะนะ”
บิวตี้กอดกรเทพแน่น ร้องไห้จนตัวสั่น สุดท้ายนกบินจากไป

บิวตี้ค่อยๆ ได้สติ ค่อยๆ คลายความกลัว หายตัวแข็ง มองกรเทพอีกที กรเทพยิ้มอย่างอบอุ่น ปลอบโยน บิวตี้หายจากอาการหวาดกลัว มองไปรอบตัวแล้วได้สติ ค่อยๆออกเดิน
ทุกคนโล่งอก เจตน์ชาญที่ลุ้นสุดขีด ถอนหายใจโล่งอก กรเทพเดินกลับไปนั่งที่

ที่หลังเวที ดีไซเนอร์และทุกๆคน โล่งอก ถอนหายใจ คนดูหน้าเวทีประทับใจปรบมือชื่นชม
กรเทพดีใจที่บิวตี้หายกลัวปรบมือเชียร์ออกนอกหน้า
พักตร์พิมลเคืองพ่อ เบะปากใส่บิวตี้
ทุกการเคลื่อนไหว ไม่มีรอดสายตาเจตน์ชาญ ที่แอบจับจ้อง และแอบถ่ายรูปเก็บทุกเหตุการณ์ โดยไม่มีใครรู้ตัว

บิวตี้เดินอย่างคล่องแคล่ว อรวิภาโล่งอก เดินกับบิวตี้อีกคนละรอบอย่างร่าเริง ก่อนที่จะไปหยุดโพสตรงหน้ากรงนกใหญ่รอบิวตี้

ที่กลุ่มคนดู ธีภพยิ้มให้กำลังใจอรวิภา ยกกล้องขึ้นถ่ายรูป อรวิภาเห็นธีภพยิ้มหวาน ให้ยิ่งร่าเริงแจ่มใส
พักตร์พิมลเห็นอรวิภาส่งสายตากับธีภพแล้วหมั่นไส้ ขยับตัวเข้าใกล้ธีภพ อย่าจงใจ
“แอร์แรง หนาวจัง” พักตร์พิมลเบียดซุกไหล่ธีภพ
อรวิภาเห็นภาพคล้ายพักตร์พิมลกอดซุกธีภพ ใจกระตุกวูบ หน้าเสีย

บิวตี้เดินกลับมาโพสข้างๆ อรวิภาลืมตัวมือที่คอยชูกรงนกอยู่ห่างๆ บิวตี้ กลับค่อยๆ ลดลง บิวตี้ตกใจ คนดูตบมือ
นางแบบคนอื่นและดีไซเนอร์ออกมาร่วมเวที คนดู ทั้งหมดลุกขึ้น ปรบมือโห่ร้อง อย่างประทับใจ
นกในกรง ในมืออรวิภาตกใจกระพือปีกพึ่บพับเต็มแรง
อรวิภาตกใจ “ว้าย” ผงะ ถอยหนีนก เซมาทางบิวตี้
ทำให้นกในกรงอีกมือของอรวิภาอยู่ใกล้หน้าบิวตี้นิดเดียวเท่านั้น บิวตี้ตะลึงตกใจสุดขีด
“อย่าเข้ามาใกล้นะ”
บิวตี้ผลักอรวิภาเต็มแรงด้วยความตกใจ อรวิภาไม่ทันระวังตัวกระเด็นไปด้านหลัง ปะทะกับกรงยักษ์เต็มแรง นกในกรงเล็กหล่นลงพื้น ประตูกรงเปิดออก นกบินออกมาโผเข้าหาบิวตี้
บิวตี้กรีดร้องปัดนกไม่ให้โดนตัว ถดตัวถอยหลบไปเรื่อยๆ “อ๊าย ไปให้พ้น ไป๊”

คนดูและนางแบบบนเวทีตะลึง ในขณะเดียวกัน อรวิภาก็เซไปปะทะกรงใหญ่อีกกรง ทำให้ประตูกรงเปิดออก นกในกรงบินออกมาว่อน ทุกคนตะลึง
บิวตี้ปัดป้องนกตัวที่บินมาใกล้อยู่ก็ตะลึง เมื่อเห็นฝูงนกทุกตัวบินว่อนออกมา ตาเหลือกกรี๊ดเต็มเสียง
“แอร๊ยยย”
บิวตี้ถอยกรูด ปัดป้องโดยไม่มองอะไรแล้ว ตกลงไปข้างเวที อรวิภาร้องกรี๊ดแล้ววิ่งตามออกไป
“คุณบิวตี้”
ทุกคนตะลึง มีพักตร์พิมลหัวเราะชอบใจคนเดียว

บิวตี้นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นหน้าเวที มือยังปิดหน้าอยู่ ตกใจสุดขีด ท่ามกลางวงล้อมของช่างภาพและไทยมุง ช่างภาพ ไทยกระหน่ำถ่ายรูป โดยไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วย
อรวิภาถลาถึงตัวบิวตี้ ไหว้ขอโทษ “พี่บิวตี้ขาเป็นยังไงบ้างคะ” พลางเข้าประคอง
ถูกบิวตี้ผลักออกเต็มแรง “ออกไป๊”
อรวิภาจะร้องไห้ “น้องอรขอโทษ... น้องอรไม่ได้ตั้งใจ”
บิวตี้ตวาด “ไปให้พ้น”

ธีภพเดินเข้ามา อรวิภาค่อยๆ ลุกขึ้น น้ำตาเต็มหน้า
ธีภพมองบิวตี้อย่างชั่งใจ แล้วค่อยๆ เอื้อมมือออกไป แต่ก่อนที่มือธีภพจะถึง มีอีกมือหนึ่งดึงบิวตี้ขึ้นมาก่อน
“มันไปหมดแล้วล่ะครับ คุณปลอดภัยแล้ว”
บิวตี้ค่อยๆ ลืมตา เห็นเป็นเจตน์ชาญยืนอยู่ใกล้ๆ มีอรวิภายืนร้องไห้อยู่ข้างๆ ธีภพ รอบๆ ตัววุ่นวาย มีผู้คนไล่จับนกอยู่ตามที่ต่างๆ นักข่าวถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
เลขาและบริวารของบิวตี้วิ่งมาหา
“คุณบิวตี้คะ คุณบิวตี้ เป็นยังไงบ้างคะ”
บิวตี้ได้สติ มองอรวิภาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไหนว่าดูแลนกได้ไง เธอนี่ช่างปัญญาอ่อนที่สุด ตัวซวยชัดๆ ชั้นไม่ควรต้องมาเดินแบบกับเธอเลยจริงๆ”
บิวตี้สะบัดหน้าเดินออกไป อับอายสุดขีด บริวารเดินตามเป็นแผง บอดี้การ์ดช่วยกันตัวบิวตี้จากวงล้อม แล้วรีบพาไปด้านหลัง
อรวิภาน้ำตาแตก ร้องไห้ฮือๆ ธีภพโอบไหล่ปลอบ

เลขา และบอดี้การ์ด พาบิวตี้ เดินมาตามทางเดิน ผู้คนวิ่งกันสับสนวุ่นวาย ดีไซเนอร์พยายามเดินตามมาขอโทษ แต่ถูกบอดี้การ์ดกันเอาไว้

บิวตี้เข้าห้องมากับเลขา ปิดประตูปัง บิวตี้ปิดหน้า กรีดร้องยาวโหยหวน ด้วยความอับอาย ทุกคนอุดหู
ประตูเปิดออก อรวิภาตามเข้ามาพร้อมกับธีภพ และเพิร์ล
“พี่บิวตี้ขา น้องอรขอโทษ”
“ฉันไม่ต้องการฟังคำชี้แจงอะไรทั้งนั้น ออกไป”
“น้องอรเสียใจ”
บิวตี้หวีดร้อง เริ่มอาละวาด ขว้างของใส่ “ออกไป บอกให้ออกไป ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น”
ทุกคนตะลึง
ธีภพเอาตัวกันอรวิภาไว้ “นี่ คนเขาอุตส่าห์มาขอโทษ ยังจะอาละวาดอีก นิสัยแย่เหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน”
บิวตี้เงื้อมือค้าง มองธีภพอย่างสงสัย “นายเป็นใครมายุ่งอะไรด้วย”
ธีภพไม่ตอบ “ไปกันเถอะครับน้องอร คนแบบนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์” ชายหนุ่มกันอรวิภา พาออกไป
เครือวรรณเข้ามาหาลูกพอดี
“มะม๊ะขา ทำยังไงดี พี่บิวตี้โกรธน้องอรอ่ะค่ะ”
เครือวรรณรีบประคองลูกออกไป
“ไม่เป็นไรค่ะลูก ออกไปหาปะป๊าก่อนนะคะ”
บิวตี้หายตะลึง แต่ยังโกรธไม่หาย ขว้างของไล่หลัง “ไป๊”
เลขามองเพิร์ลที่ยืนอึดอัดอยู่
“คุณบิวตี้ขา...เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
พูดยังไม่ทันจบ บิวตี้เอาของอีกชิ้นขว้างเข้าหน้า เลขาหลบทัน
“หุบปาก ไสหัวไป๊ ไปให้หมด”
“คุณบิวตี้ เราเป็นห่วง”
“บอกให้ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ ยัยหมูตอน”
เลขาจับหัวใจ “โอ๊ย เจ็บๆๆๆ”
บิวตี้กระหน่ำขว้าง คำรามด้วยความเคียดแค้น หัวหูยุ่งดูไม่ได้ ทุกคนถอยทัพออกจากห้องไป

อยู่ๆ ทุกคนก็หยุดเคลื่อนไหว ข้าวของที่บิวตี้ขว้าง ลอย หยุดนิ่งกลางอากาศ เหมือนเวลาหยุดลงกะทันหัน

 
อ่านต่อหน้า 4

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 1 (ต่อ)

ณ สรวงสวรรค์ นางฟ้าลลิตา ผู้เคยเป็นมารดาของบิวตี้สมัยยังเป็นมนุษย์ มีรังสีงดงามรอบๆ ตัว กำลังหลับตาภาวนา ภาพฉายเบื้องหน้าคือภาพหยุดนิ่งบนโลกมนุษย์ ของบิวตี้ กลุ่มคน และสิ่งของ

นางฟ้าลลิตาภาวนา “หยุดเถิด หยุดเถิด หยุดเถิด ขอกุศลทั้งหลายของข้าพเจ้า จงไปหยุดโทสะ หยุดโมหะ หยุดการสร้างกรรมของลูกลัลน์ลลิตด้วยเถิด หยุดเถิด หยุดเถิด หยุดเถิด”
ปรมะเทวี หัวหน้านางฟ้าประจำสรวงสวรรค์ ผู้ทั้งงดงาม สูงส่ง มีรังสีสีรุ้งโอบตัวเอาไว้ส่งเสียงนำมาก่อน
“ท่านกำลังทำผิดกฎสวรรค์นะ นางฟ้าลลิตา”
นางฟ้าลลิตาตกใจ ลืมตา “ปรมะเทวี” แล้วน้อมตัวลงไหว้
ปรมะเทวีตำหนิ “กฎข้อ 399 ห้ามนางฟ้า เทวดาไปยุ่งเกี่ยวกับชะตาของมนุษย์ หากข้าพเจ้ามาไม่ทัน ท่านอาจจุติ ไปสู่ร่างสุนัขแล้วก็ได้”
“ข้าพเจ้าต้องช่วยลูก มิฉะนั้นเธอจะต้องพบจุดจบอันน่าสังเวช ในไม่ช้า” นางฟ้าลลิตามองภาพบิวตี้ในจอ
“ถ้าข้าพเจ้ายอมให้ท่านทำผิดกฎ ดวงวิญญาณของแม่อื่นๆ อีกล้านโกฏิอสงไขย จะต้องวิงวอนขอทำผิดกฎเพื่อช่วยลูกของพวกนางด้วยเช่นกัน”
นางฟ้าลลิตาลงจับบาทเทวี “โปรดเถิดเทวี หากไม่เมตตา ข้าพเจ้าก็พร้อมจะสละสวรรค์ภูมิไปรับกรรมตามโทษานุโทษ”
ปรมะเทวีส่ายหน้า “มันจะเป็นการสละที่ไร้ค่า เพราะไม่มีใครจะแก้กรรมให้ใครได้ ผู้ใดสร้างกรรม ก็ต้องตัดบ่วงกรรม ด้วยตนเอง”
นางฟ้าลลิตาหันไปมองภาพลูกสาวที่ทำทุกอย่างด้วยความโกรธ น้ำตาไหลพรากเพราะรู้ถึงบาปกรรมที่ลูกกำลังกระทำ
“เช่นนั้น ทำอย่างไรลูกของข้าพเจ้าจึงจะรู้สำนึก ทำอย่างไรนางจึงจะได้บทเรียนว่าสิ่งที่นางกำลังกระทำนี้น่ะมันผิด บาปขนาดไหน”
“บทเรียนรึ” ปรมะเทวีมองภาพฉายเห็นความวุ่นวาย ครุ่นคิดหาทาง
“ถูกแล้วเทวี บทเรียนที่ลูกของข้าพเจ้าไม่เคยได้รับเพราะความผิดของข้าพเจ้าผู้เป็นมารดา”
นางฟ้าหวนคิดถึงอดีตอย่างเศร้าหมองรู้สึกผิด

เมื่อ 20 ปีก่อน ลลิตายังมีชีวิต บิวตี้ยังเป็น เด็กหญิงลัลน์ลลิต วัยราว 5-6 ขวบ
และตอนนั้น บิวตี้เล่นระบายสีอยู่คนเดียว รอบกายมีของเล่นมากมาย ป้าจันพี่เลี้ยงเฝ้ามองดูห่างๆ
ลลิตากับบวร แต่งตัวอย่างหรูหรา ดูออกว่าจะไปงาน เดินเข้ามาหา
บิวตี้เห็นก็ดีใจ ละตัวจากสีวิ่งเข้ามากอดลลิตา “โอ้โห คุณแม่ สวยจัง”
ลลิตาเอ็ด “อุ๊ย ระวังหน่อยจ้ะลูก เดี๋ยวสีเลอะชุดแม่”
“คุณแม่ไปไหนคะ บิวตี้จะไปด้วย”
“ไม่ได้ลูก งานมีแต่ผู้ใหญ่” บวรว่า
“ไม่ บิวตี้จะไป”
“อย่าดื้อสิลูก” ลลิตาชี้กระจกบานใหญ่ “แน่ะ หน้างอ เดี๋ยวไม่สวยนะ”
ไม่ได้ผล “บิวตี้จะไป บิวตี้อยากแต่งชุดสวย แต่งหน้าเหมือนคุณแม่”
“งานนี้ไปไม่ได้จริงๆลูก ไว้คราวหน้านะจ๊ะ แม่สัญญา”
บิวตี้โวยวายประสาเด็กเอาแต่ใจ “คราวหน้าๆๆ แล้วก็ไม่ได้ไปซักที บิวตี้จะไปเดี๋ยวนี้ จะไปๆๆ” ขาดคำก็ล้มดิ้นพราดๆ
ลลิตาถามสามี “เอาไงดีคะคุณ”
บวรนั่งลงปลอบ “ไม่เอาลูก เจ้าหญิงเค้าไม่ทำแบบนี้ เดี๋ยวไม่สวยนะ”
บิวตี้ยังดิ้นร้องไห้ อาละวาดไม่หยุด
“งั้นเอางี้ พ่อจะให้จันพาหนูไปซื้อของนะ บิวตี้อยากได้อะไรลูก”
“บิวตี้ไม่อยากได้อะไร บิวตี้อยากอยู่กับพ่อกับแม่” เด็กหญิงงอแงดึงรั้งพ่อแม่
บวรดุ “เอ๊ะ บิวตี้นี่พูดไม่รู้เรื่อง พ่อกับแม่มีธุระ จันมาเอาตัวไป”
ลลิตารีบห้าม “เดี๋ยวค่ะ” พลางปลอบ “บิวตี้อยากได้ปราสาทเจ้าหญิงนิทราไม่ใช่หรือลูก”
บิวตี้หยุดร้องกะทันหัน คิดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “เอาแบบมีนางฟ้าด้วยนะคะ”
“ได้สิจ๊ะถ้างั้นลูกต้องหยุดร้องไห้ด้วย” ลลิตาบอกกับป้าจัน “จัน พาคุณบิวตี้ไปซื้อของเล่นแล้วก็ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ด้วยนะ”
“ไปค่ะคูนบิวตี้” ป้าจันเข้ามาจูงบิวตี้ไปอย่างสงสาร
พ่อแม่ผละจากบิวตี้ไปอย่างโล่งอก
บิวตี้หันมามองตามพ่อแม่อย่างละห้อย น่าสงสาร

นางฟ้าลลิตามีสีหน้าเศร้าหมองเมื่อเล่าถึงอดีต
“เราให้ทุกอย่างแก่ลูก แต่เราไม่เคยมีเวลาอบรม สั่งสอนแกเลย” นางฟ้าลลิตาสะอื้น “ข้าพเจ้าผิดเอง”
อยู่ๆก็มีตำราหน้าตาเหมือน ไอแพดอยู่ในมือปรมะเทวี ค้นหาข้อมูล “การให้บทเรียน” พลางเสิร์ชข้อมูล “การให้บทเรียน” แล้วมองมายังนางฟ้าลลิตา “ไม่มีอยู่ในข้อห้าม”
นางฟ้าลลิตาดีใจ “เช่นนั้น ข้าพเจ้า ก็ช่วยลูก เอ่อ ...ให้บทเรียนกับลูกได้”
“ท่านทำไม่ได้”
นางฟ้าลลิตาร้อนรน เป็นกังวลหนัก “แล้วจะให้ข้าพเจ้าทำอย่างไร เวลาของลูกเหลือน้อยเต็มที”

ที่ห้องแต่งตัวเหตุการณ์เป็นปกติ บิวตี้อาละวาดกวาดของทุกอย่างบนโต๊ะลงพื้น โวยวายด้วยความโกรธ
“คอยดูนะ เจอเมื่อไหร่จะฆ่าทิ้งให้หมด”
จู่ๆ ร่างของปรมะเทวีในชุดพนักงานทำความสะอาด ก็โผล่ขึ้นมาเฉยๆ เช็ดโต๊ะ เช็ดหลังตู้ พร้อมกับพูดขึ้นมาลอยๆ
“โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า”
บิวตี้ตกใจคิดว่าอยู่คนเดียวหันขวับไป “เธอเข้ามาได้ยังไง ออกไป”
“คิดแต่ว่าตนเองโดนทำร้าย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองทำให้คนอื่นเสียใจมากขนาดไหน”
บิวตี้ตาขวาง “พล่ามอะไรของเธอ บอกให้ออกไป ไม่งั้นจะเรียกยามมาลากตัว”

นางฟ้าลลิตาเฝ้าดูลูกสาวจากจอฉายภาพบนสวรรค์ ทั้งตกใจ และเสียใจ
“คุณพระช่วย ลูกพูดอย่างนี้กับเทวีได้อย่างไร” นางฟ้าลลิตาน้ำตาร่วงริน “เป็นเพราะแม่ไม่มีโอกาสได้อบรมสั่งสอนลูก แม่ผิดเอง ลูกของแม่จะต้องตกนรกหมกไหม้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์แน่ๆ ที่ทำแบบนี้”
ส่วนห้องแต่งตัว ปรมะเทวีมองบิวตี้อย่างอนาถใจ “ดูเอาเถอะโทสะจริตครอบงำจนความงามสลายสิ้น”
บิวตี้มองตัวเองในกระจก ต้องตกใจกับความเยินเลยพาลโกรธ
“เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดกับแขกวีไอพีของโรงแรมแบบนี้ ยัยป้า”
ปรมะเทวีส่ายหน้าท้อแท้ พูดกับกระจกสื่อไปหานางฟ้าลลิตา “การสั่งสอนด้วยวาจาเห็นทีจะไม่เป็นผล”
บิวตี้งง ไม่เก็ตคิดในแง่ร้าย “เธอแอบถ่ายคลิปใช่ไหม” มองกราดหากล้องในกระจก “ฉันจะเรียกตำรวจ”
“จะให้บทเรียนกับมนุษย์อย่างเจ้า ต้องใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง”
นางฟ้าลลิตาดูอยู่ ทั้งเศร้า ทั้งเห็นใจลูก “อดทนหน่อยนะลูก มิฉะนั้นทุกสิ่งจะสายเกินไป”
บิวตี้กดโทรศัพท์เรียกรปภ. แต่ไม่มีเสียงรับ รอจนหงุดหงิด “รับซะทีสิ”
บิวตี้วิ่งไปเปิดประตู ประตูเปิดไม่ออกทั้งที่ไม่ได้ล็อค
ปรมะเทวีชี้นิ้วสาป “ชิงชังรังเกียจสิ่งใด เจ้าจะได้เป็นเช่นนั้น”
บิวตี้นิ่งขึงเคลื่อนไหวไม่ได้ เกิดแสงสีฟ้าเหมือนสีนกหงส์หยกรายรอบตัวบิวตี้อยู่ครู่หนึ่ง จนแสงสีสวยลดลง
บิวตี้ตกใจ ผวาตัว “เธอทำอะไรฉัน”
“คำสาปนี้จะสิ้นสุดลง เมื่อเจ้าทำภารกิจสามประการสำเร็จ ข้อ 1 เจ้าต้องคิดเรื่องที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่าเรื่องความงามของตนเองติดต่อกันเกินสามชั่วโมง”
บิวตี้นึกได้ “นี่ มาถ่ายรายการใช่ไหม” สาวขาวีนสอดตามองหากล้อง “ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นนะ”
ปรมะเทวีไม่ใส่ใจ “ข้อ 2 ต้องประกอบคุณความดีให้มากกว่าความไม่ดีอย่างน้อยสองเท่า และสุดท้าย เจ้าต้องได้รับจุมพิตจากชายที่เจ้ารัก ยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง”
บิวตี้ไม่เก็ต “เรื่องบ้าอะไรเนี่ย เธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ คิดจะหลอกต้มฉันใช่ไหมล่ะ ใครส่งเธอมา”
“หมดหน้าที่ของเราแล้ว” ปรมะเทวีเปิดประตูออกไป

ด้านนอกห้องเลขา ช่างหน้า ช่างผม ที่กำลังเอาหูแนบประตู ล้มระเนระนาดเพราะประตูเปิดกะทันหัน แต่ไม่มีใครเดินออกมา

หลังสิ้นคำสาป บิวตี้ได้กลายเป็นนกแล้ว แต่บิวตี้เองยังไม่รู้ตัว
“คิดจะหนีเหรอ หยุดนะ” บิวตี้วิ่งตามปรมะเทวี นึกว่าบริวารตามมา
ลูกน้องของบิวตี้ ไม่มีใครเห็น หรือได้ยินอะไรสักอย่าง ทุกคนมองหาบิวตี้

เลขามองไปรอบๆ อย่างงงวยงง “คุณบิวตี้หายไปไหน”
“แล้วเมื่อกี้ ใครเปิดประตู ทำไมไม่เห็นมีใครเลย” ช่างผมบ่นงงๆ สามคนมองหน้ากันเง็งๆ

บิวตี้วิ่งตามปรมะเทวีมา เห็นหลังไวๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างเร็ว บิวตี้ร้องโวยวาย
“หยุดนะ บอกให้หยุด”
พอถึงเลี้ยวหักมุม ปรมะเทวีก็หายไป
“หายไปไหนอ่ะ ต้องเป็นแผนร้ายอะไรแน่ๆ” บิวตี้งงแล้วเปลี่ยนเป็นโกรธ

บริวารช่วยกันหาตัวบิวตี้ทั่วห้อง แต่ไม่เจอ
ช่างผมรายงานเลขา “ในห้องน้ำไม่มีเลยพี่ ดูทั่วแล้ว”
“เอ๊ะ แปลกจัง ชุดฟินาเล่ก็กองอยู่นี่” เลขาหยิบขึ้นมา
ช่างหน้าเปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วบอกคนอื่น “ชุดคุณบิวตี้ก็อยู่ในตู้ แล้วจะออกไปได้ไง”
เลขาตกใจ มองหน้าทุกคนหวาดๆ “หรือว่า...จะ”
ทุกคนเข้าใจตรงกัน วิ่งพรวดพราดไปดูที่หน้าต่างห้อง
บอดี้การ์ดเช็คล็อค แปลกใจ “หน้าต่างล็อคนี่นา”
ช่างภาพส่วนตัวชะโงกหน้าออกไปดูด้านล่าง “ที่พื้นก็ไม่มีอะไร”
ทุกคนถอนใจโล่งอกพร้อมกัน
บิวตี้กลับเข้ามา งงเป็นการใหญ่ “พวกเธอทำอะไรกัน ทำไมไม่ช่วยฉันจับผู้หญิงคนนั้น”
ไม่มีใครแสดงว่าเห็นหรือได้ยิน ไม่หันมา บิวตี้ยืนเท้าสะเอวอย่างจะเอาเรื่อง แล้วเห็นชุดที่ตัวเองใส่อยู่ในมือเลขา บิวตี้ตกใจ ก้มลงมองตัวเองทันที เห็นเป็นชุดขนนก งง รังเกียจขนที่อยู่บนตัว
“อี๋ นี่มันอะไรเนี่ย! ชุดบ้าอะไรเนี่ย”
เลขาบ่น “ออกไปทางไหนเนี่ย โอ๊ยจะบ้าตายวันนี้มีแต่เรื่องทั้งวัน”
“คุณบิวตี้แกคงอายจนแทรกแผ่นดินหนีไปแล้วมั้ง ที่ตกเวทีลงไปหัวทิ่มอยู่กับพื้นอย่างนั้นน่ะ” ช่างผมว่า
ช่างหน้าผสมโรง “ไม่ได้ตกเฉยๆ ด้วยนะ หน้าไถลไปกับพรหมด้วยสิ” พูดจบก็หัวเราะชอบใจ
หลังจากนั้นทุกคนระเบิดหัวเราะด้วย บิวตี้ตาลุกโกรธสุดขีด
“ว่ายังไงนะ” แต่ไม่มีใครได้ยินบิวตี้
ช่างภาพจุ๊ปากห้าม ก้มลงดูใต้เตียง “ไม่มี”
เลขาบอก “คนห่วงสวยอย่างคุณบิวตี้ ไม่ยอมลำบากตัวขนาดนั้นหรอก จะเดินแต่ละทียังแทบจะขี่หัวฉันไป...นิสัยแย่จริงๆ”

บิวตี้ตกใจคำพูดของเลขา ยืนอึ้ง
บอดี้การ์ด 1 บอก “แอบหลบไปตอนไหนก็ไม่บอก” แล้วถอนใจเฮือกใหญ่ “ทำงานกับคนเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ปวดหัวว่ะ”
ช่างภาพเสริม “เขาไม่เห็นหัวเราอยู่แล้วพี่ เอะอะก็จะไล่ออกๆ อย่างเดียว ทำอะไรไม่เคยถูกใจ”
“ถึงไม่ไล่ฉันก็จะไป เบื่อเต็มทีแล้ว ไปทำงานกับคนดีๆ ไม่ขี้วีนสบายใจกว่าเยอะ” เลขาว่า
บอดี้การ์ด 2 ท้วง “แต่เขาให้เงินเยอะกว่าที่อื่นก็ ทนๆ หน่อยเหอะ ถือว่าทำเอาเงิน”
ช่างหน้าบอก “แต่พูดก็พูดเหอะ นิสัยแบบนี้ใครมันจะเอาไปทำเมีย ถึงจะเป็นอภิมหาเศรษฐี รวยล้นฟ้าขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนก็หนีหล่อนแน่ๆ หน้าสวยกับเงินทองล้นฟ้าของนางน่ะ มันไม่พอหรอก”
ถึงทีช่างผม “หน้าเป็นนางฟ้า ที่ไหนได้ นิสัยเป็นนังแม่มด ชัดๆ”
ทุกคนหัวเราะชอบใจ
บิวตี้ตะลึง น้ำตาคลอ ไม่คิดว่าทุกคนจะเกลียดตัวเองขนาดนี้ แล้วหันหลังออกวิ่งออกไปจากห้อง ทันที

บิวตี้ในชุดนก วิ่งสะเปะสะปะมาตามทาง มุ่งมาทางห้องจัดงาน
เบื้องหน้า เห็นอดิศักดิ์ อรวิภา เครือวรรณ เพิร์ล กำลังแถลงข่าวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ธีภพ ธนา ภาวินี ฟังเป็นกำลังใจให้ บิวตี้คนหยุดแอบฟังข้างต้นไม้ที่ใช้ประดับ
“ลูกของผม มีแต่ความหวังดี แต่ด้วยความที่ไม่ชำนาญเวทีจึงเกิดผิดพลาดขึ้น เจ้าตัวเขาก็รู้สึกเสียใจ ยังไงผมต้องขอโทษคุณลัลน์ลลิตา แทนลูกสาวของผมด้วย” อดิศักดิ์บอก
อรวิภาร้องไห้ซบกับแขนพ่อ นักข่าวเบนไมโครโฟนมาที่เพิร์ลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
นักข่าว 2 ถามนำ “ได้ข่าวว่าคุณลัลน์ลลิตมักมีปัญหากับผู้จัด จริงไหมครับ”
“ก็ไม่เชิงมีปัญหาหรอกนะคะ เพียงแต่เธอเป็นคน เอ่อ...มาตรฐานสูง ไปนิดนึงเท่านั้นเอง” เพิร์ลตอบ
นักข่าว 1 ซัก “หมายถึงเรื่องมากใช่ไหมคะ (หัวเราะกับนักข่าวอื่นอย่างรู้กันดี)
บิวตี้ฟังแล้วโกรธ “กล้าพูดถึงชั้นขนาดนี้กันเลยเหรอ” ถลาออกมายืน “หยุดเดี๋ยวนี้นะ” บิวตี้ห้ามให้คนหยุดพูดแต่ไม่มีใครหันมาสนใจ
เพิร์ลตอบคำถาม “ทางเราไม่ทราบจริงๆค่ะว่าคุณลัลน์ลลิตจะกลัวนก จนมีอาการทางประสาทแบบนี้”
บิวตี้วี้ดใส่ แต่เป็นเสียงนกร้อง “ฉันไม่ได้เป็นโรคประสาท หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
นักข่าว3 ถาม “แล้วที่ว่าคุณลัลน์ลลิต อิจฉาคุณอรวิภาล่ะคะ ที่ได้เดินฟินาเล่ด้วยกัน”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ไม่จริงค่ะ” อรวิภาหันมาทางพ่อ “ไม่จริงใช่ไหมคะป่าป๊า”
เพิร์ลช่วยตอบ “อันนี้คงต้องไปถามเธอเอง แต่ต่อไปคงไม่กล้าเสี่ยงให้คุณลัลน์ลลิตเดินแบบกับเราได้อีก”
บิวตี้ลืมตัวปราดเข้ามาจะแย่งเพิร์ลพูด “ฉันต่างหาก ที่จะไม่ยอมรับเชิญมาเดินให้เธออีก” พร้อมกับพุ่งเข้าไปผลักอกเพิร์ลด้วยความโกรธ
ทว่าในสายตาของเพิร์ลและนักข่าวเห็นนกหงส์หยก บินเข้าจิกตีเพิร์ลที่อก
“อ๊าย ว้าย อะไรเนี่ย ว้าย ตายแล้ว ...ยังมีนกหลงอยู่ตรงนี้ตัวนึง...มาจับไปเร็ว” เพิร์ลยกมือปัดนกเป็นที่วุ่นวาย
จากนั้นก็เกิดจลาจลย่อมๆ ในวงแถลงข่าว บ้างหลบ บ้างพยายามจับนก ส่วนใหญ่ยกมือถือถ่ายรูปกันอย่างมันมือ

บิวตี้ในชุดนกวิ่งหนีมาตามทางเดินในโรงแรมหน้าตาตื่น สอดส่ายสายตามองหาที่หลบภัย เพิร์ลนำทีมงานและเจ้าหน้าที่โรงแรม พร้อมสวิงสำหรับจับนก
เพิร์ลโกรธจัด ชี้มาที่นกบิวตี้ “นั่นไง อยู่ทางนั้น จับมันให้ได้”
บิวตี้หันไปมองแล้วตกใจมาก
“บ้าหรือเปล่า ไล่จับกันยังกับบ้านป่าเมืองเถื่อน” สวิงอันหนึ่งโฉบผ่านหน้าพอดี บิวตี้โกรธสุดขีด “พวกแกกล้าดียังไงถึงมาทำกับฉันแบบนี้ ชั้นจะแจ้งตำรวจ..ว้าย” บิวตี้ตกใจวิ่งหนี ไปในห้องที่แง้มประตูอยู่
นกบิวตี้บินเข้ามาในห้อง ซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงที่รอบห้องเต็มไปด้วยกระจก กลุ่มคนที่ไล่ตามมาไม่ทันเห็น วิ่งเลยห้องไป
บิวตี้วิ่งผ่านกระจกไปหาที่หลบ แต่ในกระจกกลับเห็นเป็นนกบิวตี้บินเข้าไป
ในหางตาบิวตี้เห็นนกบินแวบผ่าน ชะงักหยุดวิ่ง
บิวตี้เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ แล้วค่อยๆ หันไปจ้องมองลึกเข้าไปในกระจก เห็นบิวตี้นกหงส์หยกจ้องกลับมา
บิวตี้ตบหน้าตัวเอง นกหงส์หยกก็ทำเช่นเดียวกัน
บิวตี้พยายามดึงทึ้งขนบนตัว นกก็ทำเช่นเดียวกัน
เสียงปรมะเทวีดังก้องสะท้อนสะท้านไปทั้งห้อง ซ้ำๆ “ชิงชังรังเกียจสิ่งใด เจ้าจะได้เป็นเช่นนั้นๆๆๆ”
บิวตี้เบิกตามองนกหงส์หยกในกระจก หลังจากนั้นเสียงบิวตี้ ก็ดังแทรกด้วยเสียงนกหงส์หยก
“ไม่จริ๊ง.....แอร๊ยย... ไม่จริ๊งง....”

บิวตี้คน กับ บิวตี้นกหงส์หยก มองตะลึงในกันและกันจากอีกด้านของกระจกอยู่อย่างนั้น

 
อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น