เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 7
ค่ำนั้นอรวิภาแต่งตัวสวยหวาน งดงาม สดใส เตรียมจะไปตามนัดกับธีภพ สาวโลกสวยเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าใบเก๋ ท่าทางดีใจล้น
อดิศักดิ์เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ ถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก
“เขาว่าไง”
“กำลังมาค่ะ พอดีทางบริษัทพี่ธีมีปัญหาเลยช้าหน่อย”
อดิศักดิ์หน้าขรึม “ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ถ้าคราวนี้ไม่มา ก็ไม่ต้องไปนัดกับเขาอีก”
อรวิภาอ้อนนิดๆ “ป่าป๊า อย่าพูดอย่างงั้นสิคะ พี่ธีเป็นคนดี เค้ามีธุระจริงๆ”
“แต่ต้องให้เกียรติกันบ้างสิ มีอย่างที่ไหน เดี๋ยวไม่มา เดี๋ยวเลท”
อรวิภาประจบประแจงบิดา “พี่ธีเค้างานยุ่งนี่คะ ป่าป๊าบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าพี่ธีเป็นคนเก่ง ขยันเอางานเอาการ”
“ขยันก็ดี แต่ลูกป๊าต้องมาก่อน ลูกป๊าใครอย่ามาทำให้เสียใจ”
อรวิภากอดอ้อน “น้องอรไม่เสียใจหรอกค่ะ น้องอรเข้าใจพี่ธี”
เครือวรรณ ดูแลสาวใช้จัดอาหารเย็นให้อดิศักดิ์อยู่ เหลียวมองสองพ่อลูกคุยกันอย่างเป็นปลื้มชื่นชม
“น้องอรขา ลูกไปเติมหน้าเติมปากอีกนิดดีไหมคะ”
“ค่ะ เดี๋ยวถ้าพี่ธีมาคอย ป่าป๊าสัญญานะคะว่าจะไม่ดุพี่ธี
อดิศักดิ์พยักหน้าแบบขอไปที อรวิภาออกไป อดิศักดิ์มองตามอย่างหนักใจหันไปหาเครือวรรณ
“คุณว่าธีภพกับเจตน์ชาญเป็นยังไง”
“คุณธีเรื่อยๆไปหน่อยนะคะ ผิดกับทางเจดการ์เม้นท์ ดูเค้าจริงจังกับลูกเรากว่านะคะ ให้ลูกเปลี่ยนมาคบกับคุณเจตน์ชาญดีกว่ามั้ยคะ”
อดิศักดิ์ส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ยังไงธนบวรก็เหมาะสมกับลูกเรามากกว่าเจดการ์เม้นท์”
“แต่ถ้าฝ่ายธีภพยังเรื่อยๆอยู่แบบนี้ เราจะทำยังไงล่ะคะ”
“ต้องทำให้เขารู้บ้างว่าลูกเราเป็นของสูง ไม่ใช่ของเล่น ต้องทุ่มหมดตัวถึงจะได้ไป”
เครือวรรณยิ้มพึงใจเห็นด้วยกับสามี
นกบิวตี้บินเข้ามาในห้อง บิวตี้คนในคราบนกนั่งหอบเหนื่อย
“บินเป็นสิบกิโลทุกวัน เฮ้อ เมื่อไหร่จะเลิกเป็นนกซะที ยัยแม่มด ได้ยินมั้ย วันนี้ฉันหาตัวคนผิดได้ เพราะแปลงตัวเป็นนก แต่ไม่ได้แปลว่าฉันชอบเป็นนกนะ ถอนคำสาปซะทีสิ” หันไปกินอาหารนก แล้วพ่นออกมา “แหวะ กินเหมือนเดิมอยู่ได้ทุกวัน เบื่อจะตายอยู่แล้ว ได้ยินไหมว่าเบื่อ” สุดท้ายทิ้งตัวลงนอน
มาตรวัดสัมฤทธิ์ผล ส่งประกายสีทอง อยู่ใกล้ๆ หมอน โดยพรที่เข้ามาทำความสะอาดแล้ววางไว้ให้
บิวตี้คนเห็นมาตรวัดฯ ก็ตื่นเต้น ดีใจ “เฮ้ย มีสีทองแล้ว ไชโย นี่แสดงว่าที่เราจับยัยอึ่งอ่างได้ มันต้องเป็นผลงานนั้นเยี่ยม เยส เยส เย้”
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาเฝ้าจอภาพดูบิวตี้อยู่ถึงกับกุมขมับ
“ไม่ใช่ลูก คุณความดีอยู่ที่ลูกมีจิตเมตตาสงสารเพื่อนร่วมงานต่างหาก”
“ท่านอย่าได้ส่งกระแสไปดลใจนางเป็นอันขาดนะ นางฟ้า” ปรมะเทวีปราม
“แต่นางกำลังหลงทางนะคะเทวี”
“ให้นางเรียนรู้ด้วยตัวเอง นี่คือข้อตกลงของเรา”
“ช่วยประคับประคองนางด้วยเถิดเทวี โปรดเมตตา”
ปรมะเทวีนิ่งคิด มองบิวตี้ที่กำลังฟุ้งเพ้อเจ้ออยู่ในจอภาพ
บิวตี้มองมาตรวัดอย่างพิจารณา
“ถ้าเราจับผิดคนแล้วได้เส้นทองขนาดนี้ทุกวัน ทำอีกซัก ไม่เกินอาทิตย์นึงก็น่าจะเต็ม...ช่วยตำรวจสืบคดีเลยดีกว่า สืบวันละสองคดี สามวันก็เต็มเย้ ฉันหาทางแก้คำสาปได้แล้ว บิวตี้ เธอนี่ทั้งสวยทั้งฉลาด สุดยอด”
นกบิวตี้ในคราบคนยิ้มอย่างมีความสุข ทิ้งตัวลงนอน ตาปรือ สุดท้ายผล็อยหลับไป
ฝ่ายธีภพทานอาหารอยู่กับอรวิภา มาดเนี้ยบดูเป็นสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยน แต่เผลอเหม่อลอยครุ่นคิด จนสาวโลกสวยสังเกตเห็น
“ไม่อร่อยหรือคะพี่ธี”
“ครับ เอ่อ อร่อยครับ อร่อยมาก”
“สตูว์แบบนี้น้องอรก็ทำเป็นนะคะ อาจจะไม่อร่อยเท่าที่นี่แต่ป่าป๊าก็ชอบมากค่ะ วันหลังเชิญพี่ธีไปทานข้าวที่บ้านนะคะ น้องอรจะทำให้ชิม นะคะ”
ธีภพไม่ค่อยได้ฟัง “ครับ”
“ที่นี่เขาใช้เนื้อดีนะคะ สงสัยจะเป็นเนื้อนำเข้าจากที่ไหนก็ไม่รู้ น้องอรเคยใช้เนื้อออสเตรเลียกับอเมริกา แต่นี่คงเป็นเป็นเนื้อโกเบ แต่ตอนนี้มีเนื้อจากฮอกไกโด ก็นิ่มดีค่ะ พี่ธีช่วยถามให้หน่อยสิคะ”
ธีภพงง ไม่ได้ฟังแต่แรก “ถามว่าอะไรนะครับ”
“เนื้อสั่งจากที่ไหนค่ะ น้องอรจะได้สั่งมาทำให้พี่ธีทาน”
“อ้อ ครับ น้องอรจะทานของหวานอะไรดีครับ”
“อืมม์” อรวิภาอ่านเมนู แล้วลังเล “ทานเหมือนพี่ธีดีกว่า พี่ธีช่วยสั่งให้น้องอรหน่อยสิคะ”
“ครับ” ธีภพมองเมนูนิ่งนาน
อรวิภามองท่าทีธีภพแล้วเสียใจ “พี่ธีเบื่ออร ใช่ไหมคะ”
ธีภพไม่ได้ฟัง ตาดูเมนู แต่จมอยู่ในความคิด
“ต้องเบื่อแน่ๆ เลย” อรวิภาน้อยใจมาก จนน้ำตาคลอ
ธีภพตกใจ รู้สึกผิด “เปล่าครับ คือ ที่บริษัทมีปัญหา ผมจำเป็นให้พนักงานระดับสูง พักงาน ก็เลยรู้สึก ไม่ค่อยสบายใจ”
“อ๋อ อย่างงี้นี่เอง” อรวิภายิ้มออก “น้องอรนึกว่าตัวเองน่าเบื่อซะอีก”
“ไม่หรอกครับ ใครจะเบื่อน้องอรได้”
อรวิภาออกอาการเขินอาย “ถ้างั้น เราไปกันเถอะค่ะ”
ธีภพงง “ไปไหนครับ”
“ก็กลับบ้านไงคะ พี่ธีจะได้ไปดูว่าคนที่โดนพักงานเค้าเป็นไงบ้าง”
ธีภพยิ้มให้อย่างอบอุ่น จับมืออรวิภาอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณครับที่เข้าใจ”
อรวิภาเขินใหญ่
นกบิวตี้ยืนหลับสัปหงกอยู่บนที่นอน แสงสีทองปรากฏขึ้นในห้อง แล้วเปลี่ยนเป็นปรมะเทวี ที่ปล่อยกระแสบางๆไปยังบิวตี้ที่หลับอยู่
“กุศลจิต จงนำไปสู่เหตุ จงหวนรำลึกนึกถึง กรรมดี กรรมชั่วที่กระทำลงไป ภายในห้วงแห่งจิตที่กำลังสงบนี้ด้วยเถิด”
หมอกขาวจางๆ ลอยฟุ้งหมุนวนอยู่รอบตัวบิวตี้คน เหมือนภาพฝัน เหตุการณ์ต่างๆ ผุดซ้อนเข้ามาในมโนเป็นระลอก
เริ่มจากตอนบิวตี้เข้ามาส่องกระจก เติมครีมเติมลิปกลอส เห็นศรีนวลจมอยู่กับความทุกข์ ไม่สังเกตว่าบิวตี้เข้ามา
“แม่จะโดนไล่ออกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” ศรีนวลกดปิดสาย น้ำตาไหล นั่งลงสะอื้น “ทำไมถึงซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้”
บิวตี้ได้ยินเกือบหมด รู้สึกสลดใจ เห็นศรีนวลร้องไห้ ยิ่งรู้สึกผิด
บิวตี้เดินมาใกล้ศรีนวล “ป้าไม่ผิด ฉันบอกแล้วไงว่า จะไม่ยอมให้ป้าโดนไล่ออกเป็นอันขาด”
ภาพนั้นวูบหายไป แล้วเปลี่ยนเรื่องมาอีกเรื่อง พักตร์พิมลคุยกับธีภพ
“แพ็ตทำเพื่อบริษัทมาตั้งเยอะ แค่นี้ถึงกับจะไล่ออกเลยหรือคะ”
“ถ้าจะอยู่ต่อก็ให้ยุติเรื่องทั้งหมด พรุ่งนี้ ไปขอโทษบิวตี้เค้าซะ”
“ไม่มีทาง” แววตาพักตร์พิมลเต็มไปด้วยความชิงชัง
ภาพวูบหายไปอีก คราวนี้เปลี่ยนเรื่องเป็นเหตุการณ์สมัยวัยเด็กที่บ้านบิวตี้เมื่อยี่สิบปีก่อน
ในงานวันเกิดพักตร์พิมล บิวตี้ให้พักตร์พิมลหลับตา เตรียมเป่าเค้ก พาลืมตาเห็นหน้าเค้กรูปจิ้งจก พักตร์พิมลโกรธ บิวตี้หัวเราะ
บิวตี้เอาเค้กใส่พริกให้พักตร์พิมลกิน พักตร์พิมลเผ็ดร้องลั่น บิวตี้หัวเราะชอบใจ
จากนั้น บิวตี้ พักตร์พิมล และธีภพ เล่นวิ่งไล่จับ บิวตี้วิ่งหนี พอมาถึงต้นไม้สองต้น บิวตี้กระโดดข้ามเชือกที่ผูกดักไว้ ธีภพกระโดดข้ามแต่พักตร์พิมลสะดุดล้มร้องไห้แง บิวตี้หัวเราะเยาะ
ต่อมาบิวตี้แกล้งเอาของเละๆ เทใส่รองเท้าพักตร์พิมล พอพักตร์พิมลกับธีภพใส่รองเท้าก็เละเทะ พักตร์พิมลร้องชักดิ้นชักงอด้วยความโกรธ บิวตี้หัวเราะ
อีกเหตุการณ์บิวตี้จูงมือพักตร์พิมลที่มีผ้าปิดตามาที่สนาม แล้ววิ่งหลบไป พักตร์พิมลยืนคนเดียวโดนสปริงเกอร์พ่นน้ำใส่เปียกโชก พักตร์พิมลร้องไห้ เต้นเร่าๆ
“บิวตี้ ฉันเกลียดเธอ เกลียดที่สุด เกลียดๆๆ”
เห็นแววชิงชังฉายโชนในดวงตาคู่นั้น
ภาพวูบหายไป บิวตี้คนผวาสะดุ้งตื่น รู้สึกไม่สบายใจ
“คงเกลียดฉันมากสินะ” บิวตี้ยักไหล่ “แค่ล้อเล่นสนุกๆทำเป็นขี้แงไปได้” ทำท่าจะนอนต่อ แต่ไม่สบายใจ “ถ้าเกิดเครียดจนฆ่าตัวตายขึ้นมาล่ะ ฮื้อ ไม่หรอกน่า ยัยเฉิ่มเบ๊อะขี้ขลาดจะตาย” คิดไปคิดมาชักลังเล “ถ้าเขาแค้นจนคิดจะฆ่าฉันล่ะ” บิวตี้มีสีหน้าตกใจ “ไม่ได้ ต้องไปสืบว่าเขาจะแก้แค้นยังไงอีก”
บิวตี้คนยืนขึ้น กลายเป็นนกบิวตี้ บินปร๋อออกนอกหน้าต่างที่แง้มไว้
พักตร์พิมลนั่งเหม่ออยู่ในห้องมืดๆ ดูเครียดจัดทุกข์หนัก กรเทพเดินเข้ามา ต้องตกใจเห็นพักตร์พิมลนั่งมืดๆ จึงเดินไปเปิดไฟเพิ่ม
ลึกๆ กรเทพเห็นใจลูกสาว แต่ความที่ไม่เคยใกล้ชิดจึงแสดงออกอย่างห่างเหิน
"เป็นไงบ้าง"
“แพ็ตจะเป็นอะไรพ่อสนใจด้วยเหรอคะ”
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พ่อเพิ่งรู้ว่าถูกพักงานก็รีบกลับมาดู”
พักตร์พิมลประชด “ดูทำไมคะ แพ็ตไม่ทำให้เสียชื่อไปถึงพ่อหรอก สบายใจเถอะค่ะ”
กรเทพถอนใจ “แล้วที่แพ็ตทำมันถูกแล้วหรือ”
“แพ็ตก็แค่ไม่อยากให้หลานรักของพ่อต้องลำบากมาทำงาน ให้คนอื่นเขาเดือดร้อน เท่านั้นเอง”
กรเทพจะเถียง โทรศัพท์กรเทพดังมีแมสเสจเข้า
กรเทพอ่านแล้วบอกพักตร์พิมล “ธีมาหาจะไปพบเขามั้ย”
พักตร์พิมลปึงปังออกไป กรเทพถอนใจแล้วตามไป
นกบิวตี้บินวนไปมาอยู่นอกบ้านกรเทพ
บิวตี้คนหงุดหงิดหาทางเข้า “โอ๊ย จะเข้าทางไหนดีล่ะ”
สุดท้ายนกบิวตี้บินผ่านหน้าต่างกระจกห้องรับแขก เห็นธีภพกำลังพูดกับพักตร์พิมล
“พูดกันที่ออฟฟิศไม่พอหรือไง ทำไมต้องตามมาถึงบ้าน มีแผนอะไรหรือเปล่า”
พักตร์พิมลคอตกร้องไห้ กรเทพนั่งฟังอยู่ สีหน้าเคร่งเครียด
บิวตี้คนเงี่ยหูฟัง แต่ไม่ได้ยิน เลยพาลโกรธ “ต้องว่าฉันอยู่แน่ๆเลย” บิวตี้ฮึดฮัดหาทางเข้าบ้าน
นกบิวตี้นกบินหาทางรอบบ้าน ผ่านกรงนกขนาดใหญ่ มีนกหงส์หยกอยู่หลายตัว บิวตี้นกบินผ่านส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
“อี๋ นก น่าขยะแขยงที่สุด” บิวตี้คนรีบเลี่ยงหนีไกลสุดๆ
บิวตี้นกบินกลับมาที่หน้าต่างห้องรับแขก เห็นพักตร์พิมลโผเข้าซบอกธีภพ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“หืมม์ ออเซอะเว่อร์” บิวตี้คนชักหงุดหงิด จ้องธีภพเขม็ง “นายจะเป็นพวกเดียวกับ ยัยเฉิ่มเบ๊อะรึไง อีกหน่อยก็ไปเป็นพวกเดียวกับอากรซะเลยสิ”
รถธีภพ แล่นเข้ามาในบ้านบิวตี้ตอนเช้า ธีภพลงจากรถมาเปิดประตูด้านคนนั่ง เห็นพักตร์พิมลหน้างอหงิก ไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
“ทำเงียบไปเฉยๆไม่ได้เหรอคะ แพ็ตทนฟังคำเยาะเย้ยของยัยบิวตี้ไม่ได้”
“กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ เราคุยกันแล้วนะ”
“งั้นพี่ธีต้องอยู่กับแพ็ตนะ จะได้เห็นว่ายัยบิวตี้มันร้ายขนาดไหน”
“พี่รู้ว่าเขาเป็นยังไง แต่เราต้องทำให้ถูกต้อง ไม่ให้เขามาว่าได้ทีหลัง”
“ก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะทนได้แค่ไหนนะ” พักตร์พิมลลงจากรถอย่างไม่เต็มใจ
บิวตี้ทำเป็นรับฟังอย่างสงบ ไม่โวยวายหรือพูดข่ม ผิดคาดของพักตร์พิมลกับธีภพ
“ฉันอุตส่าห์ตั้งใจฝึกงาน เธอมาแกล้งฉันทำไม อิจฉาเหรอ”
“เปล่านะ ฉันแค่ช่วยฝึกให้ เธอจะได้รู้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะแก้ไขยังไง”
บิวตี้ชักโมโห “แก้ไขเหรอ ไม่เห็นยากเลย ก็แค่ไล่เธอออก”
“อ๋อ ได้สิ” พักตร์พิมลโกรธตัวสั่น จะลุกขึ้น
ธีภพดึงมือพักตร์พิมลไว้ “เดี๋ยว” หันมาทางบิวตี้ “แพ็ตเขารู้สึกผิดมาขอโทษแล้ว จบแค่นี้ได้ไหม”
“ถ้าคนงานในบริษัทมีเรื่องแกล้งกันจนของบริษัทเสียหาย แค่ขอโทษจะพอไหม” บิวตี้ย้อน
“ถ้าพนักงานทำคงไม่พอ แต่นี่บิวตี้กับแพ็ตเป็นพี่น้องกันแท้ๆ”
บิวตี้ กะพักตร์พิมลประสานเสียง “ไม่ใช่”
“ถึงจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันออกมา แต่ก็เป็นสายเลือดใกล้ชิดกันที่สุด”
“แต่ก็ยังทรยศกันได้ลงคอ” บิวตี้แค้นลามไปถึงกรเทพ
“ใครทรยศ พูดเกินไปแล้วนะ พี่ธี แพ็ตจะกลับ” พักตร์พิมลงงแต่จะลุก
“เดี๋ยว” ธีภพดึงพักตร์พิมลไว้ พูดกับบิวตี้ “ให้มันจบแค่นี้เถอะนะ”
“ยังไม่จบ จำข้อตกลงได้ไหม ถ้าฉันไม่ผิด ทั้งสองคนต้องขอโทษฉัน กับป้าศรีนวลต่อหน้าทุกคนในโรงงาน”
พักตร์พิมลเสียงดัง “จะบ้าเหรอ”
“เธอประจานฉันกับป้าศรีนวลต่อหน้าคนทั้งโรงงานได้ ก็ต้องขอโทษได้” บิวตี้หันไปหาธีภพ “จริงไหมคะท่านประธาน กฎของบริษัทข้อ 85 หมวดความอ่อนน้อมถ่อมตน หากผู้บริหารทำสิ่งใดผิดพลาด ต้องพร้อมจะเอ่ยคำขอโทษ แม้จะเป็นพนักงานชั้นผู้น้อย”
ธีภพอึ้งไปเมื่อโดนบิวตี้ย้อนด้วยกฎของบริษัทอย่างถูกต้อง
เช้าก่อนเริ่มทำงาน ศรีนวล และคนงานกะเช้ากำลังกินอาหารเช้า ที่โรงอาหาร บ้างจับกลุ่มนั่งคุยกัน ก่อนเข้างาน บิวตี้ ธีภพ พักตร์พิมล เข้ามาทางด้านหลัง คนงานยังไม่เห็น
พักตร์พิมลหน้าเครียดจัด มีอาการขัดขืน
“พอกันที ฉันไม่ทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้หรอก”
บิวตี้พูดย้อนเสียงดัง “ขอโทษเป็นเรื่องบ้าๆ แต่แกล้งคนอื่นเป็นเรื่องดี งั้นเหรอ”
ศรีนวล และคนงานเริ่มหันมามอง เห็นธีภพและพักตร์พิมล ระดับผู้บริหาร ทุกคนสะกิดกันดู
ปีวราเฟสไทม์คุยกับกระตั้วอยู่ เห็นพักตร์พิมล เลิกกินอาหาร เลิกคุย เดินเข้ามาใกล้ คล้ายเป็นห่วง แต่แอบฟังการสนทนาอย่างตั้งใจ
ธีภพพูดเสียงค่อยๆ กับพักตร์พิมล และบิวตี้ “พูดความจริงซะ มันจะได้จบเรื่องไป บิวตี้ก็พูดเสียงค่อยๆหน่อย ถ้ายังอยากจะฝึกงานต่อ”
“ยัยบิวตี้มันจงใจจะทำให้แพ็ตขายหน้า”
“เฮอะ หน้าแบบนี้ขายไปก็ไม่มีคนซื้อหรอก”
“ก็ยังดีกว่าคนสวยแต่ไม่มีสมอง”
บิวตี้วี้ด “ใครกันแน่ที่ไม่มีสมอง ถ้าฉันโง่ ฉันจะรู้เหรอว่าเธอแกล้งฉัน ยัยเฉิ่มเบ๊อะ”
พักตร์พิมลโกรธ “พี่ธีดูมันนะ”
ธีภพดุบิวตี้ “พอแล้ว จะให้ขอโทษก็ทำอย่างเป็นทางการ อย่ามาทะเลาะกันต่อหน้าคนงานแบบนี้ ไป แพ็ต” พร้อมกับดึงพักตร์พิมลไป
บิวตี้ขวางไว้ เสียงดังใส่ “ไปไม่ได้ ต้องขอโทษฉันกับป้าศรีนวลก่อน”
ศรีนวลมาดึงมือบิวตี้ พูดเสียงอ่อนโยน “สวย กินข้าวมาหรือยัง ไปกินข้าวกัน”
“ป้ามาพอดี ฉันรู้ความจริงแล้ว ตกลงเราไม่ได้นับผิดนะป้า” บิวตี้พูดจาถากถาง “จริงไหมคะ คุณพักตร์พิมล”
ศรีนวลพูดเสียงแข็ง พร้อมดึงบิวตี้ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเข้างาน”
บิวตี้ขืนตัว “ไม่ไปป้า เราโดนแกล้งนะ เขาต้องขอโทษ”
ศรีนวลดุ “หยุดพูด บอกให้ไปก็ไปสิ” แล้วดึงบิวตี้ออกมา
กลุ่มคนงาน ดูงุนงงว่าเรื่องอะไรกัน อยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะสามฉันทนาขาเม้าท์
ติ๋มกระซิบ “มีเรื่องอะไรกัน งงว่ะ”
“นังสวย มันว่ามันโดนแกล้ง มันจะให้ท่านประธานขอโทษ” เนยบอก
นีหมั่นไส้ “บ้าไปแล้ว กล้ามีเรื่องกับนาย งานนี้โดนไล่ออกแน่ นังสวย”
ศรีนวลดึงตัวบิวตี้มาที่โกดังสินค้า
“ห้ามฉันทำไม เราไม่ได้ทำผิดนะ เราถูกแกล้ง”
“เออน่า พอแล้ว ไม่ต้องพูด”
“ไม่พูดไม่ได้ เราไม่ผิด เขาต้องขอโทษ”
“ไม่ต้องหรอก ท่านประธานมาคุยกับฉันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ท่านบอกว่าจำเป็นต้องทำตามกฎ แต่ท่านยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง”
“แค่นั้นมันไม่พอหรอก ตอนว่าเราเขาว่าต่อหน้าทุกคน แต่พอขอโทษจะมาทำงุบๆงิบๆไม่ได้ ต้องพูดต่อหน้าทุกคนเหมือนกันสิ”
“ทำอย่างงั้นไม่ได้ เขาเป็นถึงผู้บริหาร จะให้มาขอโทษคนงานได้ไง ต่อไปใครจะเกรงใจ”
“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย คนอย่างยัยแพ็ต โดนซะบ้างก็ดี ป้าไม่อยากให้ขอโทษก็ตามใจ แต่ฉันต้องการให้ทุกคนรู้ความจริง”
ศรีนวลปราม “เขารู้กันแล้วล่ะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย คนเขาจะยิ่งไม่อยากคบ”
“ไม่อยากคบ...กับฉันเนี่ยนะ” บิวตี้หัวเราะเยาะ “ช่างปะไร ไม่เห็นสนใจเลย”
ศรีนวลเสียงอ่อน สงสาร “สวย หน้าตาอย่างแกถ้าไปเล่นหนังคงได้เป็นนางเอก แต่ทำไมแกถึงทำตัวเป็นนางร้ายอย่างนี้ล่ะ”
บิวตี้อึ้ง “ฉัน...ทำตัวเป็นนางร้าย เหรอ”
“ใช่ แกชอบกรี๊ดกร๊าดใส่อารมณ์ต่อหน้าคนอื่นไปทั่ว มันไม่ดีหรอกนะ นอกจากจะเป็นนางร้ายแล้ว คนเขาจะ มองว่าแกเป็นตัวตลกด้วย”
บิวตี้เจ็บจี๊ดอีก “ฉันเนี่ยนะ ตัวตลก”
“ใช่ คนเขาถึงไม่นับถือแกไง ที่แกโดนท้าตบท้าตี มีเรื่องไม่หยุด ก็เพราะแกทำตัวไม่น่ารัก ไม่น่านับถือ เข้าใจหรือยัง”
บิวตี้ตะลึง อึ้ง ไม่เคยโดนด่าจังๆ “ฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ ป้าสงสารแกนะถึงได้เตือน อยากเห็นแกทำตัวดีขึ้น จะได้ไม่มีเรื่องอีก”
บิวตี้เรียกเสียงดัง “ป้า”
ศรีนวลหันมองมา “แกจะด่าฉันเหรอ”
“เปล่า ขอบคุณนะป้า ที่ช่วยเตือนไม่เคยมีใครพูดกับฉันตรงๆอย่างป้าเลย” บิวตี้น้ำตาคลอ
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตา มองภาพบิวตี้กับป้าศรีนวล ด้วยความซาบซึ้งใจ น้ำตาคลอตาม
“บุญดีเหลือเกิน ที่ได้พบกัลยาณมิตรคอยตักเตือนให้สติ”
ปรมะเทวีปรากฏตัวขึ้น “แน่ใจนะว่า ท่านไม่ได้ใช้ฤทธิ์ดลใจ เพื่อช่วยบุตร”
“ไม่ค่ะ ข้าพเจ้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวใดๆ เป็นความจริงใจจากกัลยาณมิตรโดยแท้ต่อไปลัลน์ลลิต คงได้คิด ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรขึ้นบ้าง”
“อย่าเพิ่งวางใจเลย ดูนั่นสิ”
ในจอภาพฉาย เห็นบิวตี้เดินแกมวิ่งหน้าเครียดกลับไปที่โรงอาหาร ศรีนวลท่าทางตกใจรีบตามมา
“คุณพระช่วย ลัลน์ลลิต โกรธเคืองอะไรขึ้นมาอีก”
ปรมะเทวีเหน็บ “กัลยาณมิตร ก็เห็นทีจะช่วยไม่ได้”
นางฟ้าทั้งสองจดจ้องอยู่กับ บิวตี้เรียลิตี้ อย่างลุ้นระทึก
อ่านต่อหน้า 2
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 7 (ต่อ)
ธีภพ พักตร์พิมล ติดตามด้วยปีวรา กำลังจะออกจากโรงอาหาร บิวตี้เดินเร็วรี่ มาที่ไมโครโฟนสำหรับประกาศประชาสัมพันธ์ พูดใส่ไมค์
“ฮัลโหล ประกาศ...ประกาศ”
ธีภพ พักตร์พิมล ปีวราหยุดเดินหันมาที่ต้นเสียงอย่างตกใจ ศรีนวลรีบตามมาห้าม
“จะทำอะไรของแกน่ะ บอกแล้วว่าอย่า” ศรีนวลดึงตัวบิวตี้
พักตร์พิมลโกรธ หันกลับไปเผชิญหน้ากับบิวตี้ “เอาสิ เป็นไงก็เป็นกัน”
“ขณะนี้ ได้ข้อพิสูจน์แล้วว่าผ้าที่มีรอยเลอะ เพราะมีน้ำรั่วจากหลังคาโรงงาน ฉันกับป้าศรีนวลไม่ได้ตรวจชุ่ย ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย จบข่าว”
ศรีนวลโล่งใจ “โอย อกอีแป้นแตก หัวใจจะวาย”
เสียงกริ่งเข้างานดังขึ้น
ศรีนวลร้องบอก “พวกเรา ไปทำงานต่อได้แล้ว”
คนงานส่งเสียงฮือฮา วิพากษ์วิจารณ์ขรมตามจริตใครมัน
“ตกลงไงเนี่ย” นีงง
เนยเซ็ง “ไม่มีเรื่องแล้วเหรอ”
ติ๋มหงุดหงิด “ไรแว้ อุตส่าห์ยืนคอยตั้งนาน”
ศรีนวลดุ “มัวคุยกันระวังจะโดนเช็คสาย”
คนงานแยกย้ายกันไป
บิวตี้เดินตรงมาหาสองคน
พักตร์พิมลเลี่ยงบิวตี้ พูดกับธีภพ “แพ็ตไปทำงานก่อนนะคะ”
ธีภพบอก “ไม่ต้อง คำสั่งพักงานสองอาทิตย์ยังไม่ได้ล้มเลิก”
พักตร์พิมลเจ็บใจ สะบัดหน้าใส่บิวตี้แล้วเดินออกไปกับ ปีวรา
ธีภพมองบิวตี้ทึ่งๆ “ทำไมเปลี่ยนใจซะล่ะ”
“เพราะฉันมีแผนใหม่ที่สนุกกว่าน่ะสิ จำได้ไหม สัญญาข้อสอง นายต้องทำตามคำสั่งของฉันตลอดวัน” บิวตี้ยิ้มย่องอย่างมีเลศนัย
ธีภพหน้าเครียด ระแวงว่าบิวตี้ต้องทำเรื่องใหญ่แน่
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาถอนใจอย่างโล่งอก
ปรมะเทวีลุ้นจนเหนื่อย “บุตรของท่านทำให้ข้าพเจ้าจิตหวั่นไหวได้ตลอด”
“แสดงว่าท่านเองก็เอาใจช่วยนางใช่ไหมคะ”
“ก็...ข้าพเจ้าเพียงอยากเห็นนาง มีสติ รู้คิดขึ้น ก็...แค่นั้น”
“แต่ลัลน์ลลิตก็นับว่ามีพัฒนาการไม่ใช่น้อย”
“น้อยมากต่างหาก น้อยจนข้าพเจ้าจิตหวั่นไหวอีกแล้ว ดูสิ มาตรวัดไม่เขยื้อนเลย”
มาตรวัดฯ ปริมาณเท่าเดิมเป๊ะ
“แสดงว่าความร้ายกับความดี เมื่อสักครู่เท่ากันทุกประการ” นางฟ้าลลิตาผิดหวัง
ปรมะเทวีถอนใจ พลอยผิดหวังไปด้วย
พักตร์พิมลเดินมาตามทางอย่างหัวเสีย ตามมาด้วยปีวรา กระตั้วที่รออยู่แถวๆหน้าห้อง พอเห็นพักตร์พิมลมาก็รีบพุ่งมาหา
“เห็นยัยปีบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่เหรอคะ แล้วนี่กระตั้วจะโดนไล่ออกไหมคะคุณแพ็ต”
ทั้งสามเปิดประตูเข้าไปในห้อง
พักตร์พิมลหันมาเอาเรื่องปีวรา “เธอใช่ไหมที่คาบข่าวไปฟ้องคุณธี”
“เปล่านะคะ”
กระตั้วชะงัก หันมองปีวรา “จริงด้วย มีเธอคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมด หยั่มมาจัสท์เชย์โน”
“เรื่องอะไรคะ ปีไม่รู้เรื่องเลยนะคะสาบานได้”
พักตร์พิมลคาดคั้น “สาบานมาซิ”
“ถ้าปีเป็นบอกขอให้มีอันเป็นไป ครอบครัวอย่าได้มีความสุข”
พักตร์พิมลจ้องหน้าปีวราเขม็ง “ถ้าเธอไม่บอกแล้วใครล่ะ ไอ้นกผีนั่นเหรอ”
กระตั้วก็คิดเหมือนกัน “อาจเป็นนกที่ถูกฝึกไว้ทำจารกรรม ล้วงของ เอ๊ย ความลับ”
“เพ้อเจ้อ”
“ถ้างั้นคงเป็นความซวยของเราแล้วล่ะฮ่ะ ไปรดน้ำมนต์ดีลีทกรรมกันเถอะฮ่ะ”
พักตร์พิมลแค้นไม่หาย “ดีลีทยัยบิวตี้ออกไปจากบริษัทดีกว่า”
กระตั้วเห็นด้วย “ขืนปล่อยไว้ เราคงไม่รุ่ง”
พักตร์พิมลขู่ปีวรา “ปีวรา จำไว้นะ เพราะฉันไม่ซัดทอดเธอ เธอถึงยังอยู่ได้โดยไม่โดนพักงาน”
ปีวราตัวสั่นด้วยความกลัว รีบไหว้ “ขอบพระคุณค่ะ แต่ปีไม่ได้ทำอะไร”
กระตั้วยั๊ว “ยังจะมาเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นอีก”
พักตร์พิมลมอบหมายงานให้ “เธอต้องคอยหาข่าว แล้วก็มารายงานฉันให้ละเอียดทุกวัน เข้าใจไหม”
“ไม่รู้อะไรก็ไปสืบจากแก๊งหูตาสับปะรด” กระตั้วจดรายชื่อพร้อมเบอร์ นี เนย และติ๋มให้ “ตามลิสต์นี่ ทำให้สำเร็จนะ กล้าๆหน่อย”
ปีวรารับมามือสั่นด้วยความหวั่นใจ “ค...ค่ะ”
พักตร์พิมลบอกกับกระตั้ว “ส่วนเธอ...พักงาน 2 อาทิตย์”
กระตั้วถอนใจเฮือก “ค่อยยังชั่ว”
ปฏิบัติการเอาคืนธีภพดำเนินไป บิวตี้เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ในศูนย์การค้า ธีภพเดินตามหน้างอ คอยถือของให้
“เดินตามใกล้ๆ สิ เดินไกลอย่างนั้น ฉันจะใช้ได้ยังไงล่ะ”
บิวตี้เดินมาหยุดตรงกลางห้างแล้วหยุด เหมือนคิดอะไรได้ “โอ๊ะ เกือบลืม”
“อะไรอีกล่ะ”
“ท่านประธานยังไม่ได้ขอโทษฉันเลยนะ”
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“ก็ที่ว่าฉันทำงานชุ่ย สะเพร่า ไม่ได้เรื่องไง”
“ไม่ได้พูดอย่างงั้นซักหน่อย”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง”
“ก็พูดไปตามหลักฐาน” ธีภพบอกเสียงอ้อมแอ้ม “ขอโทษด้วย”
“อะไรนะคะ ไม่ได้ยิน”
ธีภพพูดดังขึ้นอีกนิด “ผมขอโทษ”
“สงสัยจะเดินมากเลยหูอื้อ พูดดังๆ หน่อย”
คราวนี้ธีตะโกน “ขอโทษ... พอไหม”
บิวตี้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ยังไม่พอ ดูถูกฉันไว้ตั้งหลายอย่าง ขอโทษแค่นี้ยังไม่สาสม”
ธีภพมองบิวตี้งงๆไม่รู้ว่าต้องการอะไรกันแน่
พนักงานต้อนรับของสปา เจ้าประจำของบิวตี้ ไหว้ต้อนรับบิวตี้กับธีภพอย่างอ่อนช้อย
“สวัสดีค่ะคุณลัลน์ลลิตและคุณผู้ชาย
“ส่งแค่นี้นะ” ธีภพหันหลังกลับ
บิวตี้ดึงไว้ “ไม่ได้”
“ผมมีงานสำคัญต้องทำ”
“นี่ก็สำคัญ สัญญาแล้วไงว่าจะทำตามคำสั่ง”
“ก็ทำแล้วไง”
“อาไร้ เพิ่งไม่กี่ชั่วโมงเอง ฉันโดนมาหนักกว่านี้ตั้งเยอะ” บิวตี้พูดด้วยน้ำเสียงเยาะ
“ผมไม่ชอบสปา ผมแพ้กลิ่นอโรม่า”
“ฉันก็ไม่ชอบโกดังสินค้าเหมือนกัน แต่เอามาเทียบกันไม่ได้หรอกเหมือนสวรรค์กับนรก”
พนักงานเดินมาเชิญ ท่าทีนอบน้อม “ห้องคู่รักฮันนีมูนพร้อมแล้วค่ะ”
ธีภพหันขวับมองบิวตี้อย่างตกใจ หน้าตาดุดัน “จะทำอะไรน่ะบิวตี้”
“เอ้า คู่รักฮันนีมูนเขามาทำอะไรในสปาล่ะ”
ธีภพผงะ “เหลวไหล”
“นวดตัวด้วยช็อกโกแล็ตเบลเยี่ยม เหลวไหลตรงไหน หรือจะลองขัดหน้าด้วยผงเพชรด้วยไหมล่ะ หนังหน้าย่นแก่เร็วขนาดนี้น่าจะลองทำดูนะ”
ธีภพเสียงแข็ง “ไม่ ผมจะกลับไปทำงาน”
“งั้นฉันจะไล่แพ็ตออกในฐานะประธานบริษัท” บิวตี้ยื่นคำขาด
ธีภพเข่นเขี้ยว “เธอนี่มัน”
บิวตี้ลอยหน้าบอก ท่าทางน่าหมั่นไส้มาก “ใช่ฉันสวยมาก คนสวยมักจะโดนอิจฉา พูดความจริงก็ไม่มีใครเชื่อ ถึงพิสูจน์ได้ก็ไม่มีคนรับผิดชอบ”
“พอแล้ว”
“ถ้าไม่รักษาสัญญากับฉัน ฉันก็ไม่รักษาสัญญากับนายเหมือนกัน”
“บอกว่าพอแล้วไง จะนวดจะทำอะไรก็เชิญ จะได้จบๆ ไปเสียที” ธีภพหงุดหงิดสุดขีด ฝืนใจเดินตามพนักงานไป
บิวตี้แอบยิ้มอย่างสะใจ
ขณะเดียวกันที่สนามซ้อมไดร์ฟ
อรวิภาซ้อมไดร์ฟกอล์ฟอยู่ มีเจตน์ชาญคอยจับท่าให้ ดูให้เกียรติแต่วิธีการสอนจำเป็นต้องใกล้ชิด
“ไม่ต้องมาใกล้มาก ยืนห่างๆ ก็ได้” อรวิภาบอกฉุนๆ
“ใจเย็นน่า มันช่วยไม่ได้ ผมทำเพราะจำเป็นเหมือนกัน”
อรวิภาโมโหจนตีพลาดอย่างแรง เครือวรรณจับตาทุกอิริยาบถ
“สงสัยจะแขนไม่ตรงค่ะลูกขา”
อรวิภาหงุดหงิด “พอดีกว่า อรเบื่อแล้ว”
“ไม่ได้นะคะ ปะป๊าบอกว่ากลับจากฮ่องกงต้องเห็นลูกตีเก่งขึ้น ไม่งั้นปะป๊าไม่ขยายร้านให้นะจ๊ะ”
เจตน์ชาญกระซิบยั่วล้อ “ว่าไง จะขัดคำสั่งพ่อได้เหรอ”
“คุณเจตน์สอนต่อเลยค่ะ น้องอรอย่างอแงนะคะ”
เจตน์ชาญแกล้งยิ้มให้อรวิภา อรวิภามองแม่อย่างใจเย็น
“ก็ได้ค่ะมะมี๊” อรวิภากระซิบกับเจตน์ชาญ “ฉันทำเพื่อร้านเท่านั้นนะ บอกไว้ก่อน”
“ครับ น้องอรลองสวิงแล้วค้างไว้สิครับ”
อรวิภาสวิงแล้วหยุด เจตน์ชาญช่วยจับท่า แตะแขน แตะหลัง แตะเอว
อรวิภาเสียงเขียว “อย่ามาถูกตัวฉัน”
เจตน์ชาญนึกสนุก กระซิบตอบขำๆ “ผมทำเพื่อบริษัทเท่านั้น เหมือนกัน”
เครือวรรณ มองสองคนยิ้มๆ ไม่รู้ว่าอรวิภากับเจตน์ชาญชาญแอบทะเลาะกัน
ส่วนที่ห้องคู่รักฮันนีมูนของสปา ธีภพนอนคว่ำหน้าหลับตาพริ้ม เผลอครางอย่างมีความสุข เขากำลังถูกนวดหลัง ท่าทางผ่อนคลาย
บิวตี้เข้ามา นอนคว่ำหน้า พนักงานเลื่อนเสื้อคลุมของบิวตี้ลงเพื่อทาครีมนวดที่บ่า
บิวตี้สบายตัว พูดเสียงเคลิ้ม ฟังดูเซ็กซี่ “เฮ้อ สบายจัง”
ธีภพหันไปดูเห็นไหล่นวลเนียน เผลอมองอย่างหลงใหล พอรู้สึกตัวรีบหันหน้าหนีไปอีกทาง โมโหตัวเอง
บิวตี้เอียงหน้ามาทางธีภพ “ชอบนวดแล้วใช่ไหมล่ะ เมื่อกี้แอบครางได้ยินนะ”
ธีภพหงุดหงิด ลุกขึ้นหันมาท่าทีฉุนเฉียว “ต่างคนต่างนวดไป ไม่ต้องยุ่งกันได้ไหม”
เสื้อคลุมของธีภพเลื่อนลง บิวตี้เผลอมองกล้ามอกของธีภพอย่างหวั่นไหว ภาพตอนตัวเองเป็นนกบิวตี้ในคราบคนซบอกธีภพ นอนหลับไปอย่างอบอุ่นตลอดคืนผุดซ้อนเข้ามาในห้วงคิด
บิวตี้เขินแก้มแดงระเรื่อ งดงามชวนฝัน
ธีภพเผลอมองบิวตี้อย่างหลงใหล เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
พนักงานดันขัดจังหวะ “เชิญนอนลงค่ะ”
เสียงของหล่อนเหมือนหนังขาดม้วน
ธีภพรู้สึกตัว พาลหงุดหงิด “คุณช่วยดับเทียนหอมได้ไหม ผมเวียนหัว”
บิวตี้เองก็หงุดหงิดเช่นกัน “รูดม่านกั้นห้องด้วย”
พนักงานรูดม่านกั้นห้อง
ธีภพหันไปมอง เห็นเงาบิวตี้รางๆ ชายหนุ่มทอดถอนใจ
ส่วนบิวตี้ หันมามองทางธีภพ เห็นเงารางๆ เบะปาก พึมพำอย่างสะใจ
“ฉันรู้ว่านายเกลียดสปา ถึงพามาแก้แค้น ไม่ได้อยากจะยุ่งนักหรอก”
พนักงานได้ยินไม่ถนัด “อะไรนะคะ”
“เปล่า ช่วยเพิ่มกลิ่นอะโรมาอีกได้ไหม ฉันชอบ”
บิวตี้ยิ้มเยาะไปทางห้องนวดธีภพ
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 7 (ต่อ)
ณ แดนสรวง ปรมะเทวี กำลังจ้องภาพบิวตี้กับธีภพอย่างสนใจ
“ธีภพรึ...คงไม่ใช่ ทั้งคู่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เยาว์วัย” นางฟ้าลลิตาว่า
“ไม่ใช่หน้าที่ของเรา ที่จะไปล่วงรู้อนาคตของมนุษย์” องค์เทวีบอก
“เวลาเหลือน้อยลงทุกที ข้าพเจ้าอดเป็นห่วงไม่ได้”
“ท่านพูดเองไม่ใช่หรือว่านางเริ่มมีเมตตาและให้อภัย”
“ก็จริงอยู่ค่ะ แต่จะให้ลัลน์ลลิตรักผู้อื่นยิ่งกว่ารักตัวเอง ภายในเวลาสั้นๆเพียงนี้ ข้าพเจ้ายังไม่เห็นทาง” นางฟ้าลลิตาเสียงเศร้า หน้าหมอง
“ความรักไม่เลือกกาลเวลาหรอกท่าน จะกี่ปี กี่เดือน หรือชั่วพริบตา หากได้พบคนคนนั้น ความรักอันยิ่งใหญ่ย่อมเกิดขึ้นได้”
ธีภพนั่งเหม่อ คอยบิวตี้อยู่ในสวนสวยของสปา
บิวตี้ย่องมาข้างหลัง “สวยมากเลยนะ”
ธีภพหันมาหา “ใช่ คนออกแบบจัดสวนเก่งมาก”
“ฉันหมายถึงผิวฉัน ทำสปาครบคอร์สแล้วสดชื่นมากเลย ดูสิ” หล่อนยื่นแขนให้เขาดู
ธีภพเผลอมองแขนนวลเนียน ไล่ไปถึงใบหน้า สบตากับบิวตี้ที่มองมา แต่พอรู้สึกตัว ก็รีบหลบตา แต่ดันหน้าแดง
“พี่ เอ่อ ผม ยังมึนหัวกับกลิ่นอะโรมา”
“แต่พี่ธีทำขัดหน้าแล้วดีออก ดูสิ ผิวใสหน้าแดงสวยเชียว วันหลังมาอีกสิ” บิวตี้ไม่รู้เรื่อง
“ไม่ ผมไม่ชอบให้ใครเอาน้ำมันเหม็นๆ มานวดตัว”
“อ๋อ ชอบแบบอาบอบนวด มากกว่าใช่มั้ย” บิวตี้แขวะ
ธีภพกลอกตา “ไร้สาระ”
“ถ้าไม่ชอบนวดน้ำมัน ลองนวดแผนไทยดูไหม คลายเส้นดีนะ”
“ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น”
“ทำงานหนักแค่ไหนก็ต้องดูแลร่างกายบ้าง ถ้าฉันได้เป็นผู้บริหารเมื่อไหร่จะให้มีหมอนวดประจำโรงงาน”
“พอดีไม่ต้องทำงานกัน”
“ไม่นะ คนงานที่ต้องหลังขดหลังแข็งก้มๆ เงยๆ ถ้าได้นวดคลายเส้นแก้เมื่อยจะทำงานต่อได้อีกเยอะ โดยเฉพาะพวกที่ทำควบสองกะ”
ธีภพมองบิวตี้อย่างทึ่งๆ ในอเดีย “พูดเหมือนตัวแทนสหภาพเลยนะ”
“ส่งฉันไปทุกข์ทรมานเป็นสาวโรงงานอยู่ตั้งนาน ทำไมฉันจะไม่รู้ซึ้งล่ะ”
ธีภพเผลอยิ้มให้บิวตี้อย่างเอ็นดู “เยี่ยม”
บิวตี้เผลอยิ้มตอบอย่างน่ารัก “แน่นอนอยู่แล้ว”
อรวิภา เจตน์ชาญและ เครือวรรณ แวะมาทานข้าว เดินเข้ามาในร้านหรู
“หม่าม๊าไปจอง ข้าวเหนียวมะม่วงให้ป่าป๊าแป๊บนึงนะจ๊ะ เดี๋ยวหมด”
เจตน์ชาญโชว์แมน “ผมไปสั่งให้เองครับ”
“โอ๊ยไม่ต้องหรอก คุณเจตน์ทานเป็นเพื่อนน้องอรก่อน หม่าม๊าทานที่สนามไดร้ฟ์ตลอด ยังไม่หิวเลยจ้ะ เดี๋ยวหม่าม้ามานะคะลูก” เครือวรรณเปิดโอกาสให้เจตน์ชาญ
อรวิภาเรียกไว้ “เดี๋ยวค่ะหม่าม้า”
เครือวรรณไม่ฟังเสียงออกไปอย่างเร็วรี่ เจตน์ชาญกับอรวิภานั่งที่โต๊ะดูเมนู เตรียมสั่งอาหาร
“ทานอะไรดีครับ”
อรวิภาหน้าง้ำ “ไม่รู้ ไม่อยากกิน”
เจตน์ชาญยั่ว “เวลาไปกับคุณธีภพ ชอบสั่งอะไรล่ะครับ”
“พี่ธีเค้าเป็นสุภาพบุรุษ คอยสั่งให้ฉันตลอด”
“เห็นตัดสินใจไม่ได้ เค้าไม่อยากคอยเลยสั่งแทนให้มั้ง”
“นาย” อรวิภาโกรธ “แย่มาก ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย”
“นั่นไง สุภาพบุรุษของคุณมาแล้ว” เจตน์ชาญพยักเพยิดไปทางหน้าร้าน
อรวิภาหันไปดูเห็น ธีภพเดินเข้ามากับบิวตี้ ท่าทางสนิทสนม ยิ้มหัวเราะหัวใคร่ให้กัน อรวิภาเผลอจ้องมองธีภพกับบิวตี้ สีหน้าและแววตาบอกหมดว่ากำลังเสียใจ หึงหวง
บิวตี้กับธีภพ ไม่เห็นอรวิภา เดินไปนั่งอีกโซนหนึ่งของร้านที่แทบไม่เห็นกัน
บิวตี้กับธีภพนั่งอีกส่วนหนึ่งของร้านอาหาร
บิวตี้ดูเมนู คุยกับธีภพ “มีแกงเลียงกุ้งสดด้วย ยำส้มโอก็น่ากิน”
ธีภพแปลกใจ “กินอาหารไทยเป็นด้วยเหรอ”
“ชอบเลยละ อาหารไทยมีสมุนไพรเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ”
“งั้นผมสั่งขาหมูทอด ข้าวมันไก่เพิ่มหนัง แล้วก็ดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์”
“ดี สั่งเลย กินอาหารขยะเข้าไปเยอะๆ เดี๋ยวโทร.จองวัดให้”
ธีภพหัวเราะขำ หันไปสั่งอาหาร “น้อง เอาแกงเลียงกุ้งสด ยำส้มโอ เห็ดย่าง แล้วก็ข้าวยำ”
“เปลี่ยนใจอยากอยู่ต่อแล้วใช่มะ”
“ใช่ นึกขึ้นได้ว่าถ้าตายเร็วใครบางคนจะฮุบบริษัทไว้คนเดียว”
บิวตี้ทำปากจิ๊กจั๊ก “รู้ทันอีก เดี๋ยวฮุบจริงๆ ซะเลย”
ธีภพหัวเราะอารมณ์ดี
เสียงอรวิภาดังจากด้านหลัง น้ำเสียงเครือ น้อยใจเป็นที่สุด “วันนี้ไม่มีประชุมหรือคะ พี่ธี”
ธีภพหันไปมอง เห็นอรวิภายืนอยู่กับเจตน์ชาญ อรวิภา พยายามกลั้นน้ำตา
บรรยากาศอึมครึมค่อนไปทางมาคุ ทุกคนนิ่งงันกันไป จ้องมองกันแบบประเมินทีท่า เจตน์ชาญมองบิวตี้อย่างสนใจ
“ครับ พี่มา...ธุระกับคุณลัลน์ลลิต”
อรวิภามองบิวตี้อย่างเย็นชา “สวัสดีค่ะพี่บิวตี้”
บิวตี้ไม่ใส่ใจ ไม่อยากรับรู้
“น้องอรกับคุณเจตน์ล่ะครับ ไปไหนมา”
อรวิภารีบอธิบาย “เปล่านะคะ ไม่ได้ไปไหน ปะป๊าให้คุณเจตน์สอนน้องอรเล่นกอล์ฟ”
เจตน์ชาญบอกกับอรวิภาเสียงอ่อนหวาน “อาหารมาแล้ว เรากลับไปโต๊ะกันเถอะครับ”
อรวิภามองหน้าธีภพน้ำตากบตา ปล่อยให้เจตน์ชาญประคองข้อศอกพาไปที่โต๊ะ ธีภพมองตามอย่างไม่พอใจ หน้าตาขุ่นมัว
“เฮ้อนึกว่าจะได้ดูมวย คู่ศึกชิงนางซะแล้ว”
ธีภพส่ายหน้า ระอาใจกับบิวตี้
อรวิภากระสับกระส่ายชะเง้อดูธีภพกับบิวตี้ เจตน์ชาญมองอรวิภา ยิ้มเยาะ
“พี่ธีต้องเข้าใจผิดแน่ๆ เลย”
เจตน์ชาญยั่ว “อืมม...เท่าที่ดู เขาก็เฉยๆ ไม่เห็นสนใจอะไรนี่”
อรวิภาสะอื้น เจตน์ชาญรู้สึกผิดนิดหน่อย ส่งกระดาษให้อรวิภาเช็ดน้ำตา
“ล้อเล่น ขี้แยจัง เช็ดน้ำตาซะ คุณแม่มาโน่นแล้ว”
เครือวรรณเดินกลับมา อรวิภารีบเช็ดน้ำตา
บิวตี้แอบมองธีภพที่กำลังขับรถสีหน้าเคร่งขรึม ธีภพยังว้าวุ่นสับสนที่เคลิบเคลิ้มกับกลิ่นอะโรมา
“คิดอะไรอยู่เหรอ”
“เปล่า คือผมเวียนหัวกลิ่นอะโรมา”
“เวียนหัว หรือกลัวแฟน จะให้ช่วยยืนยันมั้ย ว่าไม่มีอะไรจริงๆ”
“เรื่องอะไร”
“น้องหนูแฟนนาย ท่าทางเขาเฟลมาก ตอนเจอนายอยู่กับผู้หญิงสวยอย่างฉัน”
ธีภพหมั่นไส้ “หลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า”
“ฉันเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะ ขอบอกว่าเบื่อมวาก บอกแฟนนะว่า นายไม่ใช่สเป็คฉันไม่สนนายหรอก”
ธีภพฉุน ที่โดนปรามาส “คงไม่จำเป็นต้องบอก เพราะคุณก็ไม่ใช่สเป็คผมเหมือนกัน”
บิวตี้โมโห
“แก้แค้นจบหรือยัง จะไปไหนอีกหรือเปล่า”
“ไม่ไป ฉันจะกลับบ้าน เบื่อแล้ว”
ธีภพทำท่าโล่งอก “เฮ้อ จบซะที”
“ยังไม่จบ สัญญาบอกว่าวันนึง นายติดฉันอยู่อีกครึ่งวัน จำไว้”
ธีภพถอนใจเหมือนเบื่อหน่าย
บิวตี้รู้สึกน้อยใจโดยประหลาด “ไม่เต็มใจไป ก็ไม่ต้องไป ฉันเบื่อนายยิ่งกว่านายเบื่อฉันอีก จะบอกให้”
อรวิภากับเครือวรรณเข้ามาในบ้าน อรวิภาหน้าเศร้า กลั้นน้ำตา อยากปล่อยโฮเต็มที อดิศักดิ์กำลังจะออกไปข้างนอก เจอแม่ลูกกำลังเข้ามา
“เป็นไงลูกเรียนสนุกไหม ตีเก่งหรือยัง”
อรวิภาไหว้พ่อเร็วๆ แล้วหนีไปร้องไห้อย่างสุดกลั้น
อดิศักดิ์หันมาทางเครือวรรณงงๆ “ลูกเป็นอะไร”
สองคนโลดลิ่วตามลูกสาวสุดที่รักไป
“เป็นอะไรไปคะลูก”
“อรเห็นพี่ธีเขาไปกินข้าวกับคุณบิวตี้”
“คงไม่มีอะไรหรอกจ๊ะลูกจ๋า แค่ทานข้าวกลางวัน”
“แต่เขาดูสนิทกัน พี่ธีหัวเราะด้วย ตอนอยู่กับอรไม่เห็นพี่ธีเคยหัวเราะเลย” สาวโลกสวยน้อยใจสุดๆ
อดิศักดิ์รับรู้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อรวิภาสะอึกสะอึ้น แล้ววิ่งขึ้นห้องไป
“คุณธีนี่ยังไงนะ ไปกับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตาลูกยังไม่ตามมาขอโทษทำแบบนี้ ฉันเปลี่ยนใจเชียร์คุณเจตน์ชาญแล้ว”
“ไปปลอบลูกก่อนเถอะ”
เครือวรรณตามไปปลอบอรวิภา อดิศักดิ์เจ็บใจแทนลูก
ฝ่ายธีภพมองหานกบิวตี้ เอาอาหารนกใส่จานเล็กๆ แล้วยืนรอ พร้อมกับทำเสียงจุ๊ๆ เรียก
“มาสิ มากินข้าวใหม่ๆ ข้าวฟ่าง ถั่วก็มีนะ”
ไม่มีวี่แววนกบิวตี้
ธีภพผิดหวัง “งอนอะไรอีกล่ะ บิวตี้” คราวนี้เขาผิวปากเรียก “บิวตี้”
ภาวินีเคาะประตูแล้วเข้ามาท่าทางร้อนใจ
“ธี เมื่อกลางวันธีไปกินข้าวกับใครมา”
“กับบิวตี้ครับ พอดีมีธุระ เรื่องงาน”
ภาวินีถอนใจ “แล้วเจอกับหนูอรหรือจ๊ะ”
“ครับ” ธีภพชักรำคาญ “น้องอรโทร.บอกแม่หรือครับ”
“เปล่าจ้ะ คุณอดิศักดิ์โทร.มาถามน่ะลูก คุณพ่อบอกไปแล้วว่าหนูบิวตี้กำลังฝึกงาน”
“จำเป็นต้องรายงานคุณอดิศักดิ์ทุกเรื่องด้วยหรือครับ”
“น้องอรแกคงเสียใจ คุณอดิศักดิ์เลยโทร.มาถาม”
ธีภพบ่น “ปกป้องขนาดนี้ น้องอรถึงไม่โตเสียที”
“ทีหลังก็ระวังหน่อยนะลูก หนูอรแกเซ้นซิทีฟมาก”
ธีภพถอนใจ “ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ” ชายหนุ่มตัดบทด้วยการหันไปผิวปากเรียกนกบิวตี้ต่อ
ภาวินีแอบมองหน้าลูกชาย รู้ใจว่าลูกกำลังไม่พอใจ เลยไม่พูดอะไร
อ่านต่อหน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 7 (ต่อ)
ฟากเจตน์ชาญพยายามจะทำงาน แต่ดูไม่มีสมาธิ สุดท้ายหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์หาอรวิภา
“สวัสดีครับ ไม่มีอะไรหรอกครับคุณอร” เจตน์ชาญพูดเสียงกวนใส่ “แค่อยากถามว่าคุณอรหยุดร้องไห้แล้วหรือยัง”
อรวิภาโกรธ “ฉันจะร้องหรือไม่ร้อง มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะคะ”
“เกี่ยวสิครับ คุณอรกลัวแฟนเข้าใจผิดที่ไปกับผมไม่ใช่เหรอ จะให้ผมโทร.ไปยืนยันกับเขาไหม”
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน”
“ทำไมล่ะครับ ผมก็แค่จะบอกคุณธีภพว่า ตอนนี้เรายังไม่มีอะไรกันจริงๆ แต่อนาคตยังไม่แน่”
อรวิภาโกรธ “อย่านะ ฉันไม่มีวันยุ่งเกี่ยวกับคุณไม่ว่าเดี๋ยวนี้หรือเมื่อไหร่ทั้งนั้น”
เจตน์ชาญหัวเราะ “โอเค เสียงแบบนี้แสดงว่าหยุดร้องไห้ได้แล้ว ทีนี้จะโทรไปปรับความเข้าใจกับแฟน ก็เชิญได้เลยตามสบาย ขอให้ดีกันเร็วๆนะครับ ไม่อยากเห็นคุณร้องไห้อีก” เจตน์ชาญกดวางสายเลย
“อีตาบ้า ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย” โยนโทรศัพท์โมโหฮึดฮัด แต่ก็รู้ได้ว่าความเศร้าจางหายไป
อรวิภา มองโทรศัพท์ลังเล แล้วกดหาธีภพ
เสียงโทรศัพท์ธีภพดัง เห็นชื่ออรวิภา ชายหนุ่มกดรับ “ครับน้องอร”
“น้องอรขอโทษที่โทรมารบกวน แต่อรไม่สบายใจเลยค่ะ”
ธีภพลอบถอนใจเบื่อๆ ปรับเสียงปกติ “ไม่สบายใจเรื่องอะไรครับ”
“น้องอรไม่อยากให้พี่ธีเข้าใจผิดค่ะ วันนี้น้องอรไปกับหม่ามี้ แล้วก็คุณเจตน์ชาญ ไม่ได้ไปกันสองคนนะคะ คุณเจตน์เขาแค่สอนกอล์ฟให้น้องอร เท่านั้นเองค่ะ”
“ครับพี่เข้าใจ”
“อรต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไปรบกวนเดตของพี่ธีกับพี่บิวตี้” อรวิภาจะร้องไห้อีก
“ไม่ใช่เดตหรอกครับ เราไป ...ธุระ”
อรวิภาดีใจ ยิ้มออก “เหรอคะน้องอรนี่แย่จัง พี่ธีอย่าโกรธน้องอรนะคะ”
“ไม่มีอะไรต้องโกรธนี่ครับ”
“ขอบคุณค่ะพี่ธี พี่ธีใจดีที่สุดในโลกเลย กู้ดไน้ท์นะคะ”
“กู้ดไนท์ครับ”
อรวิภากดโทรศัพท์วางสาย ถอนใจโล่องอกทำตาเคลิ้มฝัน
ธีภพวางสายถอนใจโล่งอกที่บทสนทนาจบลง มองเทียนหอมที่วางอยู่บนชั้น แล้วเดินไปหยิบมา
ธีภพจ้องมองเทียนในมือ เขียนว่า เทียนหอมอะโรม่า ลองจุดเทียนหอมแล้วนั่งจ้อง
เสือมองธีภพตกใจ “แว๊ก นายจะเผาอะไร”
ธีภพเคลิ้มนึกถึงบิวตี้แก้มแดงระเรื่อ งดงามชวนฝันและเผลอมองอย่างหลงใหล เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ธีภพดึงตัวเองออกมา ผลุนผลันลุกขึ้นดับเทียนพึมพำกับตัวเอง
“คงเพราะกลิ่นอะโรม่า” บอกกับเสือ “แกได้กลิ่นแล้วคิดถึงใครบ้างหรือเปล่าเจ้าเสือ”
“จุดไฟ ก็คิดถึงปลาย่างสินาย ธ่อ ไม่น่าถาม” เจ้าสือว่าของมันคนเดียว
คืนนั้นนกบิวตี้ยืนนิ่งอยู่บนเตียงนอน บิวตี้คนนั่งหน้างอบนเตียง
“โนเวย์ ฉันไม่ไปหานายเด็ดขาด เชิญตามงอนง้อขอโทษขอโพยยัยแอ๊บแบ๊วตามสบายเถอะย่ะ ฉันไม่บินไปให้เมื่อยหรอก ฮึ”
ที่บริษัทธนบวรยามเช้า บิวตี้กำลังจะเดินไปทางโรงงาน กรเทพออกมาจากสำนักงาน ประจันหน้ากับบิวตี้จังๆ บิวตี้ไม่มีทางเลี่ยง ไหว้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ แล้วจะเลี่ยงไป
กรเทพดีใจ “เดี๋ยว บิวตี้ อาไม่เห็นหน้าหลานมาหลายอาทิตย์แล้ว”
บิวตี้พูดในท่าทีหมางเมิน “ต้องรีบไปเข้างานค่ะ” แล้วจะเลี่ยงไปอีกทาง
กรเทพกันไว้ มองจ้องบิวตี้ “หลานยังเคืองแพ็ตอยู่ใช่ไหม อย่าโกรธกันเลยนะ ยังไงๆ หนูสองคนก็เป็นพี่น้องกัน หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยกันนะลูก”
คนขับรถวิ่งมารายงาน สีหน้าท่าทางตกใจมาก
“คุณกรเทพครับเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ที่โรงงานใหม่บอกมาว่า มีคนไปยิงหม้อแปลงระเบิดครับ”
กรเทพท่าทางมีพิรุธ ทำท่าห้ามคนขับรถพูดต่อหน้าบิวตี้ “เดี๋ยวฉันจัดการเอง ไปได้แล้ว”
บิวตี้สงสัย “โรงงานใหม่ ที่ไหนคะ”
กรเทพโกหกไม่ค่อยเนียน “เปล่า ไม่ใช่โรงงานใหม่หรอก...คือ...เขาหมายถึงโรงงานที่ลาดหลุมแก้ว”
บิวตี้สงสัย ถามจี้ให้รู้เรื่อง “โรงงานลาดหลุมแก้วสร้างมาตั้งหลายปี ยังเรียกโรงงานใหม่อยู่หรือคะ”
“มันเคยปากน่ะ”
เสียงกริ่งเข้างานดังขึ้น
“เข้างานแล้ว บิวตี้รีบไปเถอะเดี๋ยวสาย อาก็ต้องไปเหมือนกัน ไว้ค่อยคุยกันนะ”
สรุปกรเทพเป็นฝ่ายเดินหนีอย่างจงใจจะเลี่ยง
บิวตี้ยิ่งสงสัย “โรงงานใหม่ ที่ไหน”
บิวตี้ตัดสินใจเลี้ยวเข้าตึกออฟฟิศแทนที่จะไปโรงงาน
พอเข้าห้องธีภพมา บิวตี้ถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“นายธี เรากำลังสร้างโรงงานใหม่เหรอ ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”
ธีภพอ่อนใจ “โรงงานใหม่อะไร คุณไปเอามาจากไหน”
“ก็คนขับรถอากรบอกว่า มีคนยิงหม้อแปลงโรงงานใหม่ระเบิด”
ธีภพเฉยๆ ไม่ตื่นเต้น “เข้าใจผิดมั้ง สนใจเรื่องของตัวเองดีกว่า เตรียมรับงานใหม่ได้แล้ว” พลางเลื่อนซองขาวให้
บิวตี้จ้องมองซองขาวงงๆ “ให้ซองขาว จะไล่ฉันออกเหรอ”
“เปล่า นี่ใบส่งตัว จะให้ฝึกงานใหม่ คุณทดลองงานที่แผนกโกดังพอแล้ว ต่อไปให้ไปฝึกงานขายหน้าร้าน”
บิวตี้ตกใจ โวยลั่น “จะให้คนอย่างฉันไปเป็นพนักงานขายหน้าร้านเนี่ยนะ”
“ถ้าอยากเรียนรู้ก็ต้องฝึกทุกแผนก”
“แต่คนรู้จักฉันทั้งประเทศ เดี๋ยวเข้ามาขอถ่ายรูปเต็มร้าน จะฝึกได้เหรอ” บิวตี้บ่ายเบี่ยง
“ได้สิ” ธีภพมีสีหน้ามุ่งมั่น “ร้านเอ๊าท์เล็ตของเราที่หัวหิน ลูกค้าสนใจแต่ของลดราคา และคงไม่มีใครคิดว่าคุณจะไปทำงานแถวนั้น”
บิวตี้ตกใจ “เอ้าท์เล็ตหัวหิน”
“ใช่ คุณมีบ้านพักอยู่ที่นั่นแล้วนี่ รีบไปจัดกระเป๋าเลย ผมจะไปส่ง”
บิวตี้อ้าปากค้าง ไม่รู้จะดิ้นรนขัดขืนอย่างไรดี เพราะหล่อนขอร้องให้เขาสอนงานเอง
อ่านต่อตอนที่ 8