เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 4
เวลาเคลื่อนคล้อยเย็นย่ำลงทุกขณะ พักตร์พิมลเดินพรวดๆ ก้าวตามบิวตี้มาทางด้านหน้าโกดังสินค้าอย่างเอาเรื่อง
กระตั้วและ สามสาวฉันทนาขาเม้าท์ที่บัดนี้มีชื่อแล้วว่า เนย นี และ ติ๋ม ตามมาด้วยความตื่นเต้น ลุ้นระทึกว่า น่าจะมีเรื่องมันส์ๆ ให้ได้ดูแน่
พักตร์พิมลตามมาทันดึงแขนบิวตี้ “หยุด เรายังพูดกันไม่รู้เรื่อง”
กระตั้วอยู่ไกลออกไป เริ่มเห็นสถานการณ์มาคุ เลยหยุดตาม กันคนงานไว้
“อุ๊ตะๆ งานนี้มีตบแน่”
“บอกมา ว่าเธอมาทำอะไรที่แผนกสโตร์” พักตร์พิมลตาขวางเสียงขุ่นเขียว
บิวตี้ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย และรำคาญ พูดเสียงค่อยๆ “หัวช้าตามเคยนะแพ็ต”
พักตร์พิมลโกรธจนตัวสั่น “ยังมีหน้ามาว่าฉันอีก ตอบชั้นมาเดี๋ยวนี้ว่าเธอมาทำอะไร”
“เธอมายุ่งทำไม ไม่ใช่เรื่องของเธอซักหน่อย ไม่รู้ซักเรื่องนึงจะได้มั้ย”
“ไม่ได้อยากยุ่งหรอก แต่ฉันดูแลแผนกนี้ ฉันต้องรู้”
บิวตี้มองไปรอบๆ เห็นกระตั้วและคนงานยืนฟังอยู่ “ไปคุยในห้อง ฉันไม่อยากให้คนงานรู้” แล้วเดินนำไปที่ห้องหัวหน้าแผนก พักตร์พิมลตามเข้าไปในห้อง
กระตั้วและสามฉันทนาขาเม้าท์ มองตามด้วยความอยากรู้
เนยเปิดประเด็น “สงสัยจะแอบเข้าไปตบกันในห้อง”
“ท่าทางคุณพักตร์พิมลโกรธจัด ยัยเด็กเส้นนั่นเป็นเมียน้อยผัวแกเหรอ” นีอวดรู้
“บ้า คุณแพ็ตเป็นสาวโสดย่ะ” กระตั้วว่า
ติ๋มบอก “งั้นต้องเป็นเมียน้อยคุณกร พ่อคุณแพ็ต แหงๆ”
“หรือไม่ก็...” นีพูดเป็นปริศนา
ก่อนจะประสานเสียงกับติ๋ม “เด็กท่านประธาน!” สองคนกรี๊ด
กระตั้วและคนงานอื่นชักเห็นด้วยเม้าท์มอยสนานปาก
“เออจริง” / “มิน่าถึงได้เส้นใหญ่จัง” / “ใช่แน่ๆ”
กระตั้วหันมาเห็นปีวรายืนรออยู่ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ครุ่นคิด
“อ้าวปี คุณแพตบอกให้เธอเฝ้าออฟฟิศไม่ใช่เหรอ”
“พอดีมีเรื่องด่วนน่ะ ...คุณแพ็ตล่ะ” ปีวรามองหา
“ด่วนยังไงก็ไม่ใช่ตอนนี้ เดี๋ยวโดนสะเก็ดระเบิดจะหาว่าไม่เตือนนะ” กระตั้วหันมาทางกลุ่มสาวฉันทนา “อยากรู้จังเลยเนอะ ว่าเค้าไปคุยอะไรกันข้างใน”
ปีวราหน้าตาเฉยนิ่งดังเคย
หัวหน้าแผนกกำลังแต่งหน้าทาปาก เตรียมกลับบ้าน บิวตี้กับพักตร์พิมล ผลักประตูห้องเข้ามาอย่างแรง หัวหน้าแผนกตกใจ
“ออกไปก่อน” พักตร์พิมลสั่ง
“อ้อ ค่ะ ค่ะ” หัวหน้าลนลานออกไป
พักตร์พิมลหันมาทางบิวตี้ “ว่ามา เธอมาทำอะไรที่นี่”
บิวตี้หน่าย “เดาไม่ได้เลยเหรอว่าฉันกำลังฝึกงานตามระเบียบของผู้บริหาร”
“ฝึกงานอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ก็ฝึกงานผู้บริหารธนบวร ตามหลักสูตรที่พ่อฉันวางไว้ไง เธอไม่เคยฝึกเหรอ”
“ไม่เคย ฉันจบปริญญาโทด้านการเงินมาโดยตรงไม่จำเป็นต้องฝึก”
“เออจริงด้วย” พักตร์พิมลภูมิใจ บิวตี้บอกต่อ “ชั้นลืมไป มันเป็นหลักสูตรเฉพาะสำหรับประธานบริษัทเท่านั้น พนักงานธรรมดาอย่างเธอไม่ต้องฝึก”
พักตร์พิมลโกรธ “ฉันได้เป็นหัวหน้าฝ่ายด้วยความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ เพราะเป็นลูกเจ้าของบริษัทอย่างเธอ”
“ง่ายตรงไหน วันนี้ฉันลำบากทำงานในโรงงาน ทั้งเหนื่อย ทั้งร้อน ทั้งฝุ่น” บิวตี้มองพักตร์พิมลแล้วไปดึงๆ เสื้อให้ “ทำไมเสื้อเธอยับนักล่ะ ไม่สวยเลย ตรงนี้เลอะด้วย” บิวตี้หวังดีจริงๆ ไม่ได้ประชด
พักตร์พิมลโมโหปัดมือบิวตี้ออก
“ยังพูดจาเพ้อเจ้อเหมือนเดิมนะ คนอย่างเธอจะทำได้ซักกี่วัน ไม่นานเธอก็เบื่อ แล้วทิ้งปัญหาไว้ให้คนตามแก้อีกเช่นเคย”
บิวตี้บอกด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่คราวนี้ฉันเอาจริง” พลางจ้องหน้าพักตร์พิมล “ฉันจะกำจัดคนโกง คนคิดทรยศต่อบริษัทของเราออกไปให้หมด”
“มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดหรอก เธอกลับไปเดินแบบเถอะ ป่านนี้คนคงลืมภาพเธอหัวทิ่มตกเวทีแล้ว หรือไม่ก็อยู่เฉยๆรอรับเงินเดือนดีกว่า”
“ไม่ ชั้นต้องทำให้ได้ คอยดูนะ ถ้าชั้นได้เป็นประธานจริงๆเมื่อไหร่ ชั้นจะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างที่นี่ ชุดพนักงานก็ต้องสวยขึ้นไม่น่าเกลียดน่ากลัวแบบนี้ แล้วผู้บริหารของเรา” บิวตี้มองดูชุดพักตร์พิมล “ก็ต้องแต่งตัวให้มันเป็นหน้าเป็นตาบริษัทกว่านี้อีก”
พักตร์พิมลโกรธ “ชั้นจะฟ้องพ่อว่าเธอมันเป็นบ้าไปแล้ว”
บิวตี้บอกอย่างเจ็บปวด “แม้แต่อากร พ่อของเธอ..ชั้นก็มีสิทธิ์จะไล่ออก...ถ้าเค้าทำอะไรที่มันผิดกับบริษัท...จำเอาไว้”
เสียงนาฬิกาดังเตือนเวลาให้บิวตี้รีบไป บิวตี้เห็นนาฬิกาใกล้จะ 6 โมงเต็มที ตกใจมาก วิ่งหนีออกไปดื้อๆ
แพ็ตโกรธจนตัวสั่น “บิวตี้เดี๋ยวก่อน ...เธอมัน...อกตัญญู...เลวที่สุด”
พักตร์พิมลโกรธแค้นสุดขีด นึกถึงความแค้นหนหลังเมื่อ 20 ปี ก่อน
ตอนนั้นเด็กหญิงพักตร์พิมลกับเด็กชายธีภพเล่นตัวต่อเลโก้อยู่ที่บ้านบิวตี้ โดยทำเป็นบ้าน ใกล้จะเสร็จ และทำได้ดีมาก สำหรับเด็กวัย 6 และ10 ขวบ
พักตร์พิมลลูบบ้านเบาๆ ท่าทีทะนุถนอม “โห สวยจัง พี่ธีเก่งที่สุด”
“แพ็ตก็ช่วยด้วยแหละ”
“แพ็ตจะตั้งชื่อว่า บ้านของนางฟ้า”
บิวตี้แต่งชุดฟูฟ่องเป็นนางฟ้า ก้าวเข้ามา
“งั้นก็ต้องเป็นบ้านของบิวตี้น่ะสิ เพราะบิวตี้เป็น นางฟ้า” พลางทำท่าเสกแบบนางฟ้า
พักตร์พิมลยืนกั้นบ้านตัวต่อไว้ “อย่ามายุ่ง เธอไม่เกี่ยวซะหน่อย ฉันกับพี่ธีเป็นคนทำ”
“แต่นี่มันตัวต่อของฉัน” บิวตี้เถียง
“ไม่เห็นบิวตี้เคยหยิบมาเล่นเลย” ธีภพว่า
“แต่มันเป็นของบิวตี้” บิวตี้ผลักพักตร์พิมลที่ไม่รู้ตัวจนซวนเซ “ถอยไป ยัยอึ่งอ่าง” พลางมองบ้านตัว
ต่อ “อี๋ ไม่เห็นจะสวยเลย” แล้วหยิบบ้านขึ้นมาอย่างแรง ไม่ถนอมเอาเลย
พักตร์พิมลโกรธสุดขีด “เอาของฉันคืนมานะ”
สองคนยื้อแย่งกัน จนบ้านตัวต่อหล่นจากมือพักตร์พิมลกระจายเป็นเสี่ยงๆ พักตร์พิมลตะลึงมองด้วยความเจ็บใจ ทำท่าจะร้องไห้ออกมา
พักตร์พิมลดึงตัวเองกลับมา สีหน้าแค้นบิวตี้ไม่หาย
“พ่อ ฉัน พี่ธี ดูแลธนบวรมาอย่างดี ฉันไม่ยอมธนบวรพังเพราะคนนิสัยแย่ๆอย่างเธอหรอก บิวตี้ ฉันจะไม่ยอมให้เธอแย่งอะไรไปจากฉันอีก”
มีเสียงเปรี๊ยะเปรี๊ยะ เหมือนไฟช็อต บ่งบอกถึงความโกรธอย่างรุนแรงในใจพักตร์พิมลยามนี้
ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมฟ้า
บิวตี้วิ่งออกมา พึมพำกับตัวเอง “ไปตอนนี้มีหวังเปลี่ยนร่างบนรถ” หล่อนกังวลใจหนัก ดูนาฬิกาอีก “ยัยแพ็ตตัวป่วน ทำผิดแผนหมดเลย”
บิวตี้ยืนอยู่ สับสน ไม่รู้จะตัดสินใจไปทางไหนดี ถ้ากลับบ้านก็ไม่ทัน จะต้องกลายร่างในโรงงานนี้แน่ๆ
ขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมฟ้าเต็มที
บิวตี้รีบร้อนเข้ามาในห้องน้ำ มาเจอคิวยาวพอควร ยิ่งร้อนรนดูนาฬิกา ใกล้จะ 6 โมงเต็มที เนย นี ติ๋ม ฉันทนาขาเม้าท์ มองตามบิวตี้ คอยจับผิดทุกอิริยาบถ
บิวตี้สะกิด เนย ที่ยืนก่อนหน้า “นี่ นี่ ฉันรีบมากขอเข้าก่อนได้มั้ย”
เนยไม่พอใจ “ทุกคนก็รีบเหมือนกันแหลย่ะ”
บิวตี้ทนรอไม่ไหว พึมพำ “พระอาทิตย์จะตกหรือยังเนี่ย” คราวนี้เริ่มปวดตัว “โอ๊ย”
บิวตี้ร้องลั่น หน้าซีด เจ็บปวดจริงๆ
“เป็นไร” เนยงง
“ชั้น...ปวด...ปวด”
นีหมั่นไส้ “สำออยหรือเปล่า”
บิวตี้ มีสีหน้าเจ็บปวด “ปวด...จริงๆ”
คนงาน 1 อยู่ต้นคิว เห็นใจบิวตี้ “ถ้าปวดท้องขนาดนี่เข้าก่อนก็ได้”
“ขอบคุณมากค่ะ..ขอบคุณ”
บิวตี้วิ่งจู๊ด เข้าห้องน้ำ ก่อนจะแปลงร่าง
“โดนหลอกแล้ว เมื่อกี๊ยังเห็นดีๆอยู่เลย” นีบ่น
คนงาน 1 ตำหนิ “เกิดเขาปวดจริง ราดขึ้นมาว่าไง”
มองจากมุมสูง ลงมาในห้องน้ำ บิวตี้ทำหน้ารังเกียจส้วมโรงงาน แต่ความเจ็บปวดมีมากกว่า บิวตี้เจ็บปวดตัวจนต้องร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ ร่างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนกหงส์หยก
ตะวันตกดินไปแล้ว ทุกคนที่รอคิว ได้เสียงครางของบิวตี้ ดังออกมานอกห้อง
เนยงง “เสียงแปลกๆ แฮะ”
นีบอก “สงสัยจะขี้แตกจริงๆ”
“หรือไม่ก็เจ็บริดสีดวง” เนยบอก ทุกคนหัวเราะกันเฮฮา
เสียงบิวตี้ร้องด้วยความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายก่อนกลายร่างเป็นนก
ติ๋มฉงน “ร้องยังกะคนคลอดลูก”
“เอ๊ะ หรือว่า” เนยทำท่ากระซิบแต่เสียงดังมากว่า “ทำแท้ง”
ขาเม้าท์สาวฉันทนาทุกคนตาเบิกโพลง เห็นด้วย
เสียงบิวตี้ร้องครวญคราง ด้วยความเจ็บปวด ดังอยู่คนงานทั้งหมด วิ่งไปฟังหน้าประตูส้วม ศรีนวลท่าทางเร่งร้อนเข้ามาตามคนงาน
ส่งเสียงดุ “ทำอะไรกันอยู่น่ะ รถรอนานแล้ว จะกลับบ้านกลับช่องกันมั้ย”
วงแตก ยังมีขาเม้าท์เสียดาย อยากรู้เรื่องต่อ พยายามชี้ไปที่ส้วมให้ศรีนวลรับรู้
“ป้า ยัยเด็กเส้นเข้าไปทำอะไรในส้วมไม่รู้ ร้องลั่นเลย” นีบอก
“พวกแกนี่จะตามไปยุ่งกับเขาถึงรูถ่ายเลยหรือวะ ห่วงตัวเองเหอะ ขึ้นรถไม่ทัน เสียค่าแท็กซี่หมดตัวแน่” ศรีนวลตะโกน “รีบกลับบ้านได้แล้วนะ แม่คนสวย..ชั้นไปล่ะ”
เสียงแตรรถรับส่งพนักงานดังถี่ๆ เป็นการเรียกครั้งสุดท้าย ศรีนวลกับคนงานรีบวิ่งออกไปกันหมดกลัวไม่ทันรถ บิวตี้นกบินขึ้นมาจากห้องส้วมบินออกหน้าต่างไป
พักตร์พิมล ยังไม่กลับเดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิดคาใจ อยู่ในห้องทำงานแผนก
“ตกลงยายคนนั้นก็คือคุณบิวตี้เหรอคะเนี่ย” กระตั้วถาม
“เนรคุณ ฉันกับพ่ออุตส่าห์ทำงานหนัก เพื่อให้มันมีเงินเอาไปถลุง มันยังพูดเหมือนจะไล่ฉันกับพ่อออก ฉันเกลียดมัน เกลียดๆๆๆๆๆ เกลียด”
ปีวราท้วงเสียงเรียบ “แต่จะว่าไปเธอก็มีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้นะคะ เธอเป็นถึงประธานคู่กับคุณธี”
“ประธานแต่ในนามน่ะสิ พ่อของชั้นต่างหากที่คุมทุกอย่างคู่กับพี่ธี ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆมันถึงได้คิดจะมาทำงานในบริษัท”
“ท่าทางนางเอาจริงด้วยนะคะ ถึงได้ยอมไปฝึกในโรงงานน่ะ” กะเทยคู่หูว่า
“โธ่เอ้ย ประสบการณ์ก็ไม่มี แถมเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ บริษัทคงวุ่นวายกันใหญ่ล่ะทีนี้”
ปีวราขัดอีก “ปีเคยเห็นบริษัทใหญ่หลายแห่งล้มเพราะผู้บริหารไม่มีประสบการณ์ คุณแพต คงต้องหาทางป้องกันนะคะ”
“ฉันต้องหาทางขัดขวางยัยนั่น ฉันไม่ยอมให้มันมาเชิดหน้าเป็นเจ้านายชั้นหรอก”
กระตั้วสอพลอ “อีกอย่างบริษัทนี่ก็เป็นน้ำพักน้ำแรงคุณแพตกับคุณพ่อทั้งนั้น อย่าให้มันมาทำลายค่ะ”
“บริษัทนี้เป็นของพ่อและชั้นมากกว่าเป็นของยัยบิวตี้ด้วยซ้ำ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางแกไม่ให้มาทำงานที่นี่ได้อีกเลย...บิวตี้”
พักตร์พิมลบอกอย่างมุ่งมาดหมายมั่น นัยน์ตาวาววับ
อ่านต่อหน้า 2
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 4 (ต่อ)
นกบิวตี้รอจังหวะอยู่ แล้วรีบบินตามเลขาเข้ามาในออฟฟิศของธีภพ
เลขาถือแฟ้มมาวางให้เซ็น “ใบเสนอราคาของซับพลายเออร์ค่ะ”
ธีภพก้มหน้าก้มตาทำงาน “ขอบคุณ”
เลขาออกไป
นกบิวตี้ในคราบคน จ้องมองธีภพจากกระถางต้นไม้ที่มุมห้อง
“ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ เร็วๆ เข้าสิ จะได้ติดรถไปด้วย ขี้เกียจบิน”
ธีภพรู้สึกว่ามีคนเฝ้ามอง เงยหน้าขึ้น มองไปรอบๆ เห็นนกหงส์หยกที่กระถางต้นไม้
ชายหนุ่มแปลกใจ “เอ๊ะ” เดินเข้าไปดูนกใกล้ๆ ไม่แน่ใจนัก ก่อนจะอุทานออกมา “บิวตี้”
“ก็ใช่น่ะสิ ดูไม่ออกหรือไง ฉันสวยกว่านกธรรมดาตั้งเยอะ” บิวตี้หมั่นไส้
“บิวตี้” จับนกบิวตี้มาลูบตัวพิจารณาถี่ถ้วนจนแน่ใจ “แกจริงๆด้วย มาถึงนี่ได้ไง”
บิวตี้คนสะบัดไม่อยากให้ธีภพมาลูบตัว “บินมาน่ะสิ เป็นนกจะให้ดำน้ำหรือไง” พลางงับมือธีภพ
“โอ๊ย ดุแบบนี้ ใช่เลย”
“หยุดลูบตัวฉันซะทีสิ มัน...สะ..” บิวตี้จะพูดว่าสยิว แต่ห้ามปากทันเปลี่ยนคำเป็น “จักกะจี้”
เสียงโทรศัพท์เครื่องติดต่อภายใน ตามด้วยเสียงเลขา
“คุณพักตร์พิมลมีเรื่องด่วน ขอพบค่ะ”
ธีภพอึ้งตกใจก่อนตัดสินใจเอาบิวตี้นกซ่อนไว้ในเสื้อของตัวเอง
พูดกับบิวตี้ “อยู่นิ่งๆ นะ ที่นี่ห้ามเลี้ยงสัตว์”
ประตูปิด พักตร์พิมลหน้าเครียดเข้ามา
“พี่ธีรู้เรื่องยัยบิวตี้มาฝึกงานหรือเปล่าคะ”
“รู้ ทำไมเหรอ”
“ฝึกอะไรคะ ทำไมแพ็ตไม่รู้เรื่อง”
“ฝึกผู้บริหาร ให้รู้จักบริษัททุกหน่วย อย่างที่คุณลุงบวรเคยทำไง”
“งั้นก็จริงใช่ไหม ที่ยัยบิวตี้จะมาเป็นประธานบริษัทร่วมกับพี่ธี”
“ทุกวันนี้เขาก็เป็นอยู่แล้วโดยตำแหน่ง”
พักตร์พิมลโวย “ไม่ได้นะคะ ขืนยัยบิวตี้มาบริหารงาน บริษัทเจ๊งแน่
“แต่เขามีสิทธิ์โดยชอบธรรมนะแพ็ต”
“พี่ธีจะปล่อยให้คนอย่างยัยบิวตี้มาทำลายบริษัทหรือคะ”
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก คนอย่างบิวตี้ สมาธิสั้น ไม่เคยทนทำอะไรได้นานๆ เดี๋ยวก็เบื่อไปเอง” จู่ๆ โดนนกบิวตี้จิกท้อง “โอ๊ย”
พักตร์พิมลแปลกใจ “พี่ธีเป็นอะไรคะ”
“เปล่าๆ แค่ปวดท้องนิดหน่อย” ธีภพลูบท้อง ซึ่งที่จริงคือจับนกบิวตี้ให้อยู่นิ่งๆ
“ถ้าพี่ธีมั่นใจว่ายัยบิวตี้ทำอยู่ไม่นานก็ค่อยยังชั่ว ยังไงพ็ตก็ไม่ยอมให้มันมาเป็นประธานสั่งโน่น สั่งนี่โง่ๆ หรอก”
“ไม่เกินสองอาทิตย์หรอก เชื่อสิ” ธีภพโดนนกบิวตี้จิกท้องอีก “โอ๊ย” รีบออกตัวกับพักตร์พิมล “กล้ามเนื้อ อักเสบนิดหน่อย พี่ขอตัวก่อนนะ”
ธีภพกุมท้องมือหนึ่ง คว้ากระเป๋าเอกสารมือหนึ่ง แล้วชะงัก
“เรื่องของบิวตี้ที่มาฝึกงานเนี่ย ขอให้เป็นความลับนะ อย่าให้พวกที่โรงงานรู้ว่าเธอเป็นใคร...เข้าใจนะ”
ธีภพออกไป ทิ้งพักตร์พืมลยังยืนหน้างออยู่คนเดียว
ธีภพขับรถมาตามทาง นกบิวตี้เกาะอยู่ที่เบาะหน้าดูนิ่งเฉย
“ทีอย่างี้ละเงียบกริบเชียวนะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหมือนยัยบิวตี้ไม่มีผิด เป็นบิวตี้ปลอมตัวมาหรือเปล่าเนี่ย” ชายหนุ่มลูบหัวนก
บิวตี้คนสะบัดไม่ให้ธีลูบหัว ส่งเสียงดุ “ไม่ต้องมายุ่ง ฉันยังโกรธไม่หายนะที่ว่าฉันสมาธิสั้น”
ธีภพมองไปเห็นนกส่งเสียงร้องลั่น ก็หัวเราะที่นกส่งเสียงเหมือนเถียงตัวเอง
“เถียงอีกละ รมณ์เสียง่ายจริงนะ”
“ใช่สิ คอยดูนะ ฉันจะพิสูจน์ให้นายกับยัยแพ็ตเด็กเนิร์ดดูว่าฉันเป็นประธานบริษัทได้ และจะเป็นให้ดีกว่านายด้วย ไอ้เด็กอ้วนแว่น”
รถเลี้ยวเข้าซอยบ้านธีภพ เขาพูดกับนกขำๆ “เดี๋ยวจะพาไปให้สัตวแพทย์ดูว่าทำไมแกถึงไอคิวสูงนัก”
ธีภพเลี้ยวรถไปทางร้านสัตวแพทย์
“สัตวแพทย์ บ้าเหรอ ฉันไม่ใช่สัตว์” บิวตี้คนรับไม่ได้
สัตวแพทย์ออกมาจากห้องตรวจส่งบิวตี้นก คืนให้ธีภพ
“ผมตรวจอย่างละเอียดแล้ว สุขภาพน้องเขาแข็งแรงดีครับ”
บิวตี้คนหน้าตาบูดบึ้งโมโหจัด “รู้ไหมว่านายทำอะไรลงไป” พร้อมกับกัดแขนธีภพหมับ
“โอ๊ย แต่ทำไมมันถึงอารมณ์เสียบ่อยๆ ละครับ”
“นกโตเต็มวัย แกคงอยากมีคู่น่ะครับ” หมอว่า
“บ้า ไม่จริง ฉันไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นซักหน่อย” บิวตี้คนโวย
“อ๋อ มิน่าล่ะ อาละวาดใหญ่เลย” ธีภพหันมาทางบิวตี้ “เดี๋ยวหาคู่ให้นะ”
บิวตี้คนโมโห “พอซะทีได้มั้ย พาฉันกลับไปเดี๋ยวนี้”
“แล้วทำไมเขาถึงได้ฉลาดถึงกับบินไปหาผมที่โรงงานได้ละครับหมอ”
“มันคงจะเป็นความบังเอิญมากกว่า อาจจะเป็นเส้นทางบินเก่าของเขา เขาคงจะอยู่ละแวกนี้ละครับ”
“บังเอิญจังเลยนะ”
บิวตี้คนบ่น “มันเป็นความซวยของฉันต่างหาก หยุดพุดแล้วกลับเสียทีได้มั้ย ฉันเหนื่อยแล้ว”
“งั้นลานะครับหมอ” ธีภพจะออกไป
สัตวแพทย์บอก “อ้อ นกของคุณเป็นตัวเมียนะครับ”
บิวตี้คนอับอายกรี๊ดลั่น “แอร๊ย... หุบปากนะ หมอบ้า ฉันเกลียดทุกคน เกลียดนายด้วย นายอ้วนแว่น”
สองคนเห็นนกบิวตี้ทั้งดิ้นทั้งร้อง
ธีภพลูบตัวปลอบโยน “เลิกดิ้นได้แล้ว...อารมณ์ร้ายแบบนี้ชื่อบิวตี้ก็เหมาะแล้วนะ”
นกบิวตี้ดิ้นรนตีปีกพึ่บพั่บ
ธีภพ ประคองนกบิวตี้เข้าบ้านมา หันหลัง ถอดรองเท้า
ภาวินีเข้ามาทักยิ้มๆ “ธี แม่มีเซอร์ไพร้ส์”
“ผมก็มีฮะ แม่ดูนี่สิ” ชายหนุ่มจะเอานกให้แม่ดู หันกลับมา เจออรวิภา ยืนยิ้มโลกสวยอยู่กับภาวินี “อ้าว น้องอรมาได้ยังไงเนี่ย”
บิวตี้คนค้อนขวับ “แหม!! พอเห็นแฟนมาล่ะหน้าบานเลยนะ”
อรวิภาไหว้ชดช้อย “สวัสดีค่ะพี่ธี น้องอรเอาการ์ดเชิญไปงานทีปาร์ตี้ที่ร้านมาให้ค่ะ”
“น้องอรกำลังจะเปิดมุมกาแฟในร้านจ้ะ ทำขนมเองด้วยนะ เก่งจัง”
“อ้อ ครับ เดี๋ยวผมขอตัวเอานกไปเก็บแป๊บนึง”
สาวโลกสวยตื่นเต้น “นกหงส์หยก น่ารักจังเลยค่ะ” พลางเอื้อมมือมาจะจับนกบิวตี้
บิวตี้คนตวาดแว้ด “อย่ามายุ่งกับฉัน”
นกบิวตี้จะจิกน้องอรวิภา สาวโลกสวยตกใจ “อุ้ย” หลบได้ทัน
“ระวังครับน้องอร มันค่อนข้างอารมณ์เสียง่าย”
ภาวินีแปลกใจ “เอ๊ะ ธีเอานกไปออฟฟิศด้วยหรือจ๊ะ”
“เปล่าครับ มันบินไปเอง สัตวแพทย์บอกว่ามันคงอยู่ละแวกนี้”
“จริงเหรอ จะเก่งเกินไปแล้วมั้ง เจ้าตัวเล็ก ใช่ตัวเดียวกันกับที่มาที่บ้านรึเปล่าจ๊ะ”
“ใช่ครับ รอยขนร่วงที่โดนเจ้าเสือตะปบก็ยังอยู่ แต่ท่าทางนี่ชัดเลยเจ้าบิวตี้แน่ๆ”
อรวิภาสะดุดนิดหนึ่ง “บิวตี้...พี่ธีตั้งชื่อนกเหมือนชื่อพี่บิวตี้เลยค่ะน่ารั๊ก น่ารัก” พร้อมกับลูบหัวนกบิวตี้
บิวตี้คนโดนอรวิภาลูบหัว “อย่ามายุ่งกับหัวฉัน” สลัดแล้วงับมือเอา
“ว้าย โอ๊ย”
ธีภพรีบวางนกบิวตี้ หลังตู้เตี้ย ใกล้ๆ จับมืออรวิภาดู
“จิกเข้าหรือเปล่าครับ” ดูมืออรวิภาเห็นว่ามีเลือดซึมออกนิดๆ “นิดหน่อย เดี๋ยวผมทำแผลให้นะครับ”
“แม่เตรียมยาให้” ภาวินีกุลีกุจอไปหยิบยาใส่แผล
ธีภพจูงมืออรวิภาไปทางครัว ล้างมือ ทำแผลให้อย่างทะนุถนอม
นกบิวตี้ถูกทิ้งให้ยืนหงอยอยู่ตัวเดียว
“จิกนิดจิกหน่อยทำเป็นเจ็บ” บิวตี้คนหมั่นไส้ “เชิญโอ๋แฟนตามสบาย ฉันกลับบ้านดีกว่า”
นกบิวตี้ บินปร๋อออกจากบ้านธีภพไปทันที
คืนเดียวกันนั้นพักตร์พิมลอยู่ที่บ้านแล้ว ทำงานในโน้ตบุ๊ก ปรับแก้ตัวเลขจากบัญชีพัสดุ ดูเคร่งเครียด เสียงเคาะประตู กรเทพเข้ามา
“พ่อขอคุยด้วยหน่อย ได้มั้ยลูก”
พักตร์พิมลบอกเฉยชา ท่าทีห่างเหิน “เชิญค่ะ”
กรเทพมองคอมพ์ ผ่านๆ “ทำงานเหรอ”
“เปล่าค่ะ เล่นเฟสบุ๊คกับเพื่อน” หญิงสาวรีบปิดเครื่อง
“แพ็ตรู้แล้วใช่ไหมว่าบิวตี้เขาไปฝึกงานที่บริษัท”
“ค่ะรู้แล้ว”
“ถ้างั้นก็อย่าบอกใครนะ บิวตี้เขาจะได้รับรู้ปัญหาของบริษัทในฐานะพนักงานธรรมดาคนหนึ่ง”
“พ่อห่วงแค่นั้นใช่ไหมคะกลัวแพ็ตจะปากโป้ง ทำให้หลานสุดที่รักของพ่อไม่ได้ฝึก”
กรเทพอ่อนใจ “ไม่ใช่อย่างงั้น”
“อย่าห่วงเลยค่ะ พี่ธีก็บอกแพ้ตให้เก็บเป็นความลับ..อยากรู้จังว่า ยัยบิวตี้จะทนฝึกได้ซักกี่วันเชียว”
“พ่อก็ไม่แน่ใจ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาได้เรียนรู้บ้างก็ยังดี”
“แพ็ตไม่เชื่อหรอกค่ะว่าคนอย่างยัยบิวตี้จะมีความอดทนพอ แพ็ตไม่ยอมให้มันได้เป็นประธานหรอก แต่ถ้าเขามาเป็นเมื่อไหร่ แพ็ตก็ไม่ทนอยู่ธนบวรเหมือนกัน”
“อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปเลย อะไรมันอาจไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด พอถึงเวลานั้นทุกอย่างมันอาจจะเปลี่ยนแปลงก็ได้”
“อะไรเปลี่ยนไปหรือคะพ่อ”
“เอาไว้วันนั้นลูกก็จะเห็นเอง ระหว่างนี้ก็ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ไปก่อนก็แล้วกัน”
“พ่อหมายความว่าอะไรคะแพ็ตไม่เข้าใจ”
“ใจเย็นๆ มันจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในธนบวรไม่ช้านี้ละ”
กรเทพยิ้ม พอใจที่บิวตี้จะมาทำงานจริงๆ แต่อาจตีความได้เป็นอย่างอื่น
พักตร์พิมลครุ่นคิด คำพูดของพ่อดูมีนัยแปลกๆ คล้ายจะยึดอำนาจบริษัท
โดยไม่รู้ว่ากรเทพหมายถึง บิวตี้จะบริหารงานเอง โดยอาจเป็นหน่วยงานใหม่
แต่ชวนให้คนดูสงสัยว่ากรเทพคิดจะฮุบบริษัท
ฟากนกบิวตี้ในคราบคน โมโหฮึดฮัดอยู่บนเตียง
“แกล้งเราให้ทำงานหนักทั้งวัน แล้วยังพาไปหาหมอบ้าอีก โอ๊ย สยอง ไม่อยากจะคิด” แล้วปิดตาคว่ำหน้า ทุบหมอน แล้วหันกลับมา “แล้วยังให้เขียนรายงานตั้งสองเล่มจะบ้ารึงัย ทำงานทั้งวันตกเย็นก็ต้องกลายเป็นนกแบบเนี้ย จะเอาเวลาที่ไหนมาทำ ทีตัวเอง อี๋อ๋อจ๊ะจ๋าอยู่กับยัยน้องอรขา”
บิวตี้หมั่นไส้ทำเสียงหวานเลียนแบบอรวิภา “อุ๊ย น้องอร เก่งจังเลยค่า จัดดอกไม้ก็ได้ ทำกับข้าวก็เก่ง แหวะ”
เสียงสัญญาณเตือนดังมาจากมาตรวัดความสัมฤทธิ์ บิวตี้คนหงุดหงิด “อะไรอีกล่ะ”
นกบิวตี้บินไปดู เห็นที่วงกลม เป็นสีดำเกือบหมดทั้งอันแล้ว
“มันเกินไปแล้ว ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดซักนิด แกล้งกันหรือเปล่า” บิวตี้คนในคราบนกโมโหและอาละวาด “ไม่เอาแล้ว ทำไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น เหนื่อยก็เหนื่อย แทนที่จะได้ความดีเพิ่มดันลดลงอีก”
พร้อมกับปัดมาตรวัดกระเด็นหวือไปตกที่พื้น เสียงเตือนรัวถี่ขึ้นกว่าเดิม
บิวตี้คนอุดหู “ไม่เอาแล้ว พอกันที ฉันต้องการกลับเป็นคน ได้ยินไหม ยายแม่มด คนเลวกว่าฉันตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่สาป มายุ่งกับฉันทำไม ถอนคำสาปฉันเดี๋ยวนี้ บอกให้ถอน”
บิวต้ล้มลงดิ้นถีบแขนถีบขาเร่าๆเหมือนตอนเป็นเด็ก
ณ สรวงสวรรค์ ปรมะเทวีกับนางฟ้าลลิตา ร้อนใจเมื่อเห็นความทุรนทุรายของบิวตี้
นางฟ้าลลิตาอ่อนใจปนสงสาร “อาละวาดใหญ่แล้ว” พลางลูบที่จอภาพ พยายามส่งกระแสไปถึงบิวตี้ “อดทนหนอ พากเพียรหนอ อย่าใจร้อน อย่าเพิ่งถอดใจสิลูก”
“หากไม่เพียรทำความดีด้วยตนเอง ใครก็ช่วยไม่ได้”
“ทำไมคะเทวี ลัลน์ลลิตก็ได้พยายามประกอบกรรมดีแล้ว เหตุใดมาตรวัดจึงลดลง”
“เพราะนางทำทุกอย่างเพื่อตนเอง โดยไม่คิดถึงผู้อื่นน่ะสิ”
“แต่ลัลน์ลลิตก็ได้พยายามแก้ไข สิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้อง”
“นางทำไปเพราะต้องการรักษาสมบัติของตน ไม่ได้ทำไปเพราะหวังดีต่อผู้ใดสักนิด”
นางฟ้าลลิตาถอนใจ สิ้นหวัง “โปรดชี้นำทางที่ถูกต้องให้นางด้วยเถิดเทวี”
“ลัลน์ลลิต ไม่ใช่คนที่จะยอมทำตามใคร คนดื้ออย่างนางหากชี้นำไปทางไหน นางจะไปทางตรงกันข้ามทันที”
นางฟ้าลลิตาเกิดไอเดียตาลุกวาว มีความหวัง “จริงสิ...เทวีกล่าวถูกต้องแล้ว”
ที่จอภาพยามนี้ บิวตี้ยังดิ้นร้องงอแง ราวกับเด็กน้อยที่โดนขัดใจเต็มที่
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 4 (ต่อ)
แสงเงินแสงทองส่องขอบฟ้าบอกเวลาเช้าตรู่ บิวตี้ยังนอนหลับอยู่บนเตียง ท่าทางเพลียจัดเพราะอาละวาดหนักเมื่อคืน แล้วต้องผวาตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ บิวตี้ตวาดอาการยังง่วงหงาวอยู่
“โทร.มาทำไม” และไม่ยอมรับสาย
โทรศัพท์ดังไม่หยุด
“บอกให้หยุดไง...เฮ้อ...” บิวตี้ควานมือหยิบโทรศัพท์เห็นชื่อ Fatty และรูปธีภพตอนเด็ก “อ้วนแว่น ยุ่งชะมัด” หล่อนกดปิดมือถือซะเลย
โทรศัพท์บ้านดังขึ้นแทนอย่างไม่ยอมแพ้ บิวตี้ทนไม่ไหว ต้องรับ ตวาดใส่โทรศัพท์
“โทร.มาทำไมแต่เช้ามีมารยาทบ้างสิ”
ธีภพบอกขณะกำลังแต่งตัวไปทำงาน “เช้าที่ไหน ตื่นสายแบบนี้น่ะสิถึงไปทำงานไม่ทันซักวัน”
เสียงบิวตี้ดังจากโทรศัพท์ ตวาดลั่น “ฉันไม่ไปทำงานแล้ว ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมาเลย”
ธีภพยิ้มเยาะ “นึกแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางถึงเจ็ดวัน”
“ไม่ต้องมาเยาะเย้ย ฉันมีเหตุผลของฉัน แล้วก็ ไม่ได้ขี้เกียจอย่างที่นายคิด”
ธีภพกวนประสาทต่อ “อ๋อ เหรอ ถ้างั้นก็ช่วยเซ็นเอกสารให้ด้วยนะเดี๋ยวจะให้แมสเซ็นเจอร์เอาไปให้”
“เอกสารอะไร”
“ก็ สัญญา ว่าจะไม่มายุ่งกับบริษัทอีกไง ไม่งั้นวันร้ายคืนร้ายเกิดเฮี้ยนอยากจะฝึกงานขึ้นมาอีก คนอื่นเขาจะเสียเวลาเปล่าๆ”
บิวตี้โกรธ “ฉันไม่เซ็นอะไรทั้งนั้น”
“งั้นพูดยืนยันอีกทีซิว่า จะไม่มาวุ่นวายที่บริษัทอีกแน่ๆ”
“ไม่ ฉันรู้นะว่านายกำลังคิดจะทำอะไร นายจะอัดเสียงฉันใช่ไหม”
“ไม่อัดก็ได้ แค่คุณไม่ยุ่งกับบริษัทอีก ผมก็มีความสุขมากพอแล้ว”
ธีภพยิ้มๆ รู้ว่าพูดซ้าย บิวตี้จะไปขวา
“คิดจะเขี่ยฉันให้พ้นทางเหรอ อย่าหวังเลยชั้นจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” บิวตี้วางหู “คอยดูนะชั้นตะทำให้ดูว่าฉันทำได้ เก่งกว่านายด้วย นายอ้วนแว่น”
บิวตี้ลุกขึ้นโกรธๆ ฮึดสู้ขึ้นมาอีก
ด้านธีภพยิ้มอย่างพอใจในผลสำเร็จ
ส่วนบนสวรรค์ นางฟ้าทั้งคู่ถอนใจอย่างโล่งอก
รุ่งเช้าบิวตี้แปรงฟันอย่างรีบเร่ง ทาครีมได้สองกระปุก อย่างเร็ว สุดท้ายตัดสินใจที่จะไม่ทากระปุก 3 4 และ 5 บิวตี้แต่งตัวเสร็จแล้ว ก้มๆ เงยๆหาข้าวของ
“สมุดรายงานหายไปไหนนะ” บิวตี้นึกได้ “อยู่ในห้องน้ำที่โรงงานนี่นา”
บิวตี้รีบออกจากห้องไป
ที่แดนสรวง นางฟ้าลลิตาเฝ้ามองลูกสาวอย่างชื่นชม ดีใจ ปรบมือออกมา
“ลัลน์ลลิตรู้จักปล่อยวางแล้วค่ะเทวี นางไม่ได้หมกมุ่นสนใจแต่ความงามเหมือนอย่างเดิมแล้ว”
ปรมะเทวีไม่ใส่ใจนัก ปั้นเมฆเป็นรูปต่างๆ เล่นอยู่ “แค่งดเครื่องประทินผิวได้สองสามกระปุก ยังไม่เรียกว่าปล่อยวางหรอกท่าน”
“แต่สำหรับลัลน์ลลิต มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากนะคะเทวี”
“หากเราให้เวลานางสักปี การค่อยๆพัฒนาเช่นนี้ก็นับว่าพอใช้ได้ แต่ขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามเดือน นางก็ยังไม่เร่งทำความดี เหมือนกับว่านางลืมเงื่อนไขของเราไปแล้ว”
นางฟ้าลลิตาสลดลงด้วยความกังวล “แล้วที่เทวีเคยกล่าวว่าสังคมมนุษย์จะเป็นผู้ให้บทเรียน”
“เราเองก็รอคอยอยู่ แต่อย่าลืมว่าด้วยกิเลสของมนุษย์ บทเรียนอาจก่อให้เกิดผลได้ทั้งสองประการ”
“คืออย่างไรคะเทวี”
“มนุษย์บางพวกเมื่อได้บทเรียน ก็จะนำไปปรับปรุงตนให้ดีขึ้น ส่วนอีกพวกกลับประพฤติตนตกต่ำลงยิ่งกว่าเดิม”
นางฟ้าลลิตาร้อนใจ ไหว้ภาวนา “ขอให้ลัลน์ลลิตอยู่ในพวกที่หนึ่ง ด้วยเถิด”
บิวตี้มาถึงโรงงาน ร้อนรนเข้ามาในแผนกโกดังสินค้า สามขาเม้าท์ เนย นี และติ๋ม กระซิบกระซาบกับคนงานหญิงที่เดินมา ทุกคนมองบิวตี้ด้วยสายตารังเกียจ
“ฉันได้ยินเสียงร้องกับหูเลยนะ โอ๊ย... โอ๊ย...” ติ๋มแอ็คติ้งประกอบ
“เพลงพี่แจ้ เหรอ” เนยงง
“ไม่ใช่ ยัยเด็กเส้น มันร้อง เหมือนคนคลอดลูกไม่มีผิด” นีว่า
บิวตี้สอดขึ้น “ใครคลอดลูกในห้องน้ำเหรอ”
วงแตกคนงานสะดุ้ง เนยกับนีมองเรือนร่างของบิวตี้ สำรวจหาพิรุธ
คนงานอีกคนบอก กับนี เนย “ไร้สาระจริงๆ นินทาอะไรไม่เข้าเรื่อง” แล้วพากันเดินหนีไปหมด
บิวตี้ถามสามขาเม้าท์ “นี่เธอพูดเรื่องฉันอยู่เหรอ”
ติ๋มอึกอัก “ปะ เปล่า ไม่ได้พูดเรื่องเธอซักหน่อย”
เนยแขวะ “ใช่ ร้อนตัวไปเองรึเปล่า”
“สงสัยหรือมีปัญหาอะไร ถามฉันตรงๆ ได้นะ ฉันไม่ชอบคนขี้เมาท์ชอบนินทาลับหลัง” บิวตี้ด่าในที
นีเสียงดัง “เธอว่าใคร”
“ก็ว่าคนชอบนินทาไงมันน่ารำคาญออก”
“ปากเก่งนักนะ อย่างนี้มันต้องตบสั่งสอน” ติ๋มสั่งเนย และนี “จับไว้”
เนย นี ล็อกตัวบิวตี้ ติ๋มเงื้อมือ คนงานอื่นเตรียมถ่ายคลิปอัพลงยูทูป
ศรีนวลถือเครื่องแบบมาด้วยตวาดลั่น “หยุดนะ”
ติ๋มชะงัก รีบเก็บมือ เนย นี รีบปล่อยตัวบิวตี้ พวกรอถ่ายคลิปผิดหวังทั้งแถบ
“มีเรื่องอะไรกัน”
เนยรีบบอก “เปล่าจ้ะ”
“เปล่าอะไร เห็นอยู่ว่าพวกแกจะรุมตบเด็กฝึกงาน” ศรีนวลหันมาถามบิวตี้ “มีเรื่องอะไรกันบอกมาซิ
บิวตี้มองหน้าขาเม้าท์ ทั้ง 3 หลบตาวูบ “อ๋อ เปล่าค่ะ เราคุยเรื่องละครเมื่อคืน”
ติ๋มรับสมอ้างทันที “ใช่ๆ ตบกันมันมากเลย ป้าดูหรือเปล่า”
ศรีนวลไม่เชื่อ จ้องจับผิด “ไม่ได้ทะเลาะกันแน่นะ”
เนย นี และติ๋ม ประสานเสียง “แน่จ้ะ”
บิวตี้เองก็พยักหน้า
“งั้นก็แยกย้ายไปทำงาน”
ทุกคนรีบแยกย้ายกันไปศรีนวลมองบิวตี้อีก บิวตี้ทำหน้าซื่อใส แล้วยิ้มให้ศรีนวล
ขณะบิวตี้เข้ามาหากระเป๋าที่ห้องน้ำที่ตนแปลงร่างเมื่อคืน
“หายไปไหน ใครเอาไปแล้วแน่ๆ เลย”
เสียงศรีนวลดังขึ้น “หาอะไรอยู่”
บิวตี้สะดุ้ง ศรีนวลแอบมายืนถือถุงอยู่ด้านหลัง
“กระเป๋าฉันหายน่ะ มีใครเก็บกระเป๋าฉันได้บ้างมั้ย ป้า”
ศรีนวลยื่นชุดและกระเป๋า “ใช่ของเธอมั้ย”
บิวตี้รีบดึงของมา “อุ๊ย ใช่....ขอบใจนะจ๊ะ”
“เธอทิ้งไว้ในห้องน้ำเมื่อคืนนี้”
“อ๋อ ฉันคงลืมไว้น่ะ หาตั้งนาน ตกใจแทบแย่”
ศรีนวลตั้งข้อสังเกต “แล้วทำไมส้วมถึงล็อกจากข้างใน เธอออกจากส้วมได้ยังไง”
บิวตี้อึกอักนิดๆ
“ก็ออกธรรมดามือ คงเผลอไปกดล็อกมั้ง”
ศรีนวลมองอย่างพิจารณา “ทีหลังระวังด้วย อย่าเลินเล่อ คนอื่นเขาต้องเดือดร้อนปีนขึ้นไปเปิด”
“ไม่ได้ตั้งใจ” บิวตี้พยักหน้ารับรับเสื้อกับกระเป๋ามาแล้วรีบเดินไปเร็วรี่
ศรีนวลมองตามบิวตี้อย่างสงสัย
เช้านั้นอรวิภากับเครือวรรณ ยืนคุมพนักงาน ชายจัดตกแต่งร้านเตรียมงานปาร์ตี้ขยายร้านเปิดโซนกาแฟพนักงานหญิงจัดดอกไม้ ประดับร้าน
เครือวรรณเอ่ยขึ้น “หม่ามี๊นัดช่างแต่งหน้า ช่างทำผมไว้ตอนสามโมงนะจ๊ะ น้องอรจะไปทำสปากับหม่ามี๊ก่อนมั้ย”
“ไม่ดีกว่าค่ะ อรต้องอบพาย”
“ก็ให้เชฟทำสิ น้องอรไม่เห็นต้องทำเองเลยนี่คะลูก”
“น้องอรบอกพี่ธีแล้วนี่คะว่าน้องอรจะทำเป็นพิเศษไว้ให้พี่ธี”
“โอ้ย เขาไม่รู้หรอกว่าใครทำ”
“รู้สิคะหม่ามี๊ คุกกิ้งกูรูบอกว่าอาหารที่ทำด้วยความใส่ใจกับอาหารที่ทำไปตามหน้าที่ มันไม่เหมือนกันนะคะ”
“ถ้าน้องอรจะทำอาหารพิเศษ เอาไว้ให้คนพิเศษ หม่ามี๊ก็ไม่ห้ามหรอกจ้ะ แต่ลูกก็ต้องสวยที่สุดในงานคืนนี้ด้วยนะ”
“ป่าป๊าสั่งชุดให้น้องอรแล้วค่ะ หม่ามี๊ว่าพี่ธีจะชอบให้น้องอรแต่งเซ็กซี่ ขึ้นอีกหน่อยมั้ยคะ”
“ผู้ชายน่ะเขาชอบดูผู้หญิงที่เซ็กซี่ แต่ถ้าเป็นคนที่เขาจะเอามาเป็นแม่ของลูกละก็ เขาชอบให้ดูเรียบร้อยจ้ะ”
อรวิภาทำเป็นเขิน “งั้นอรแต่งเรียบร้อยหน่อยดีกว่า”
เครือวรรณยิ้ม หอมอรวิภา “ลูกสาวคนเก่งของหม่ามี๊”
ที่มุมหนึ่งในโรงงานตอนเช้า บิวตี้รีบเขียนรายงานอย่างรวดเร็วอยู่ตรงนั้น แล้วดูนาฬิกาไปด้วย เร่งมือเขียนสุดฤทธิ์
ขณะที่ธีภพอ่านเอกสารเตรียมประชุม บิวตี้ในชุดสาวโรงงานผลักประตูเข้ามา
“นี่คุณ”
“อ้าว ไหนว่าจะไม่มา”
“อย่าดีใจไปเลย ฉันไม่เลิกความตั้งใจง่ายๆหรอก”
“ก็ดีแล้วนี่ แล้วมาทำไมที่นี่” ชายหนุ่มดูนาฬิกา “มันเลย 9 โมงแล้วนะ”
“นายจะแกล้งฉันใช่ไหม”
“แกล้งเรื่องอะไร”
“จะแกล้งให้ฉันท้อ แล้วถอนตัว นายจะได้ฮุบบริษัทเป็นของนายคนเดียวใช่มั้ย”
ธีภพหัวเราะขัน “ถ้าคุณไม่มาดูแล ผมก็มีสิทธิทำได้ ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่มีทาง ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ฉันจะเป็นประธานของธนบวร และจะทำได้ดีกว่านายด้วย คอยดู”
“ได้ ผมจะคอยดู บันทึกประจำวันที่ให้ทำ ทำเสร็จหรือยัง งานง่ายๆแค่นี้ทำสำเร็จไหม”
บิวตี้ยิ้มอย่างภูมิใจ วางสมุดสองเล่มแรงๆบนโต๊ะ “เชิญอ่านแล้วทำตามข้อเสนอแนะของฉัน บริษัทจะเจริญกว่านี้แน่ๆ รับรอง”
ธีภพหยิบมาพลิกดู
“เก่งใช่มั้ยล่ะ” บิวตี้คุยโอ่
“ผมยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้ เก็บไว้ก่อน” ธีภพส่งสมุดคืนให้
บิวตี้ตะลึง ผิดหวัง “อะไรเนี่ย อุตส่าห์รีบ ตาบ้า”
“ผมแค่จะทดสอบว่า คุณทำงานตามคำสั่งที่มอบหมายได้ทันตามกำหนดรึเปล่า...เมื่อวานมีรายงานว่าคุณส่องกระจกตลอดเวลาในโรงงาน”
“ก็แค่ส่องกระจก มีกฎข้อไหนห้ามส่องกระจกระหว่างทำงานไม่ทราบ”
“ต่อไปนี้ห้ามส่องกระจกเวลาทำงาน”
“มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล”
“ไม่ใช่ มันทำให้งานล่าช้า รบกวนสมาธิของคนอื่น เอากระจกกับตลับแป้งและเครื่องสำอางทั้งหมดทิ้งไว้ที่นี่”
บิวตี้ประชด เทของทุกอย่างบนโต๊ะธีภพ แล้วหันขวับ เดินฉับๆออกไป
ธีภพส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายแกมระอา
อ่านต่อหน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 4 (ต่อ)
บิวตี้ออกมาจากห้องธีภพท่าทีหงุดหงิดฉุนเฉียว เลขามองอย่างงวยงง
บิวตี้จงใจหยิบกระจกเล็กออกมาจากกระเป๋าเครื่องแบบสาวโรงงาน ส่องดูตัวเอง พลางหยิบลิปสติกจากอีกกระเป๋ามาเติมปาก ทิ้งท้าย ปรายตาไปที่ประตู
“อย่าคิดว่าจะบังคับฉันได้ ฝันไปเถอะ”
บิวตี้เดินเชิดระเหิดระหงออกไป
เลขามองตามงงๆพึมพำงึมงำ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย”
ผู้คนทยอยออกจากห้องประชุมของแผนก เหลือเพียงธีภพดูสเก็ตช์แบบเสื้อที่ส่งมาจากฝ่ายออกแบบอยู่ กรเทพ โผล่เข้ามา
“ธี...ว่างไหม คุยได้ไหม”
“เชิญครับอา รับกาแฟไหมครับ”
“ไม่ต้อง อาเรียบร้อยแล้ว” กรเทพหยุดรอจังหวะนิดหนึ่งให้เลขาเดินออกไปจากห้องก่อน “ธี รู้เรื่องที่เจดการ์เม้นท์ เขาไปเป็นพันธมิตรกับอีกสองบริษัทหรือยัง”
“ก็พอรู้ครับ”
“ถ้าเขามาชวนเราเป็นพันธมิตรด้วย ธีคิดว่าไง”
“เขาคงไม่ชวนเราหรอกครับ ที่เขารวมกันก็เห็นอยู่ชัดๆแล้วว่าเขาคงอยากอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับเรามากกว่า...รวมกันเพื่อสู้กับธนบวรของเรา”
“แล้วถ้าเขามาขอคุยด้วยล่ะ บ่ายนี้ธีพอจะว่างไหม”
ธีภพจ้องกรเทพอย่างสงสัย “อาคิดว่าเหมาะหรือครับ”
“อาก็ลองปรึกษาดู เผื่อธีจะเห็นช่องทาง เปลี่ยนแปลง ขยับขยายอะไร”
“ผมคิดว่า ตอนนี้เราอย่าเพิ่งทำอะไรดีกว่าครับ รอดูท่าทีของพวกเค้าอีกสักพัก แล้วค่อยตัดสินใจทำอะไรต่อไปดีกว่า”
กรเทพถอนใจ ดูท่าทางอึดอัดใจ ธีภพมองท่าทีของกรเทพอย่างประหลาดใจ ดูออกว่าไม่ได้ให้ความร่วมมือนัก
ไม่มีใครรู้ว่า ที่แท้กรเทพก็เพียงแต่ให้ธีภพลองฟังเสียงเจตน์ชาญดูท่าที ว่าคู่แข่งมีความคิดอย่างไร เพื่อรู้เขารู้เรานั่นเอง
บิวตี้ ศรีนวล และคนงานฝ่ายโกดังสินค้า กำลังโดนหัวหน้าแผนกด่า ทุกคนหน้าเครียด
“ทำงานกันคนละหลายปี ยังผิดพลาดให้คนตรวจบัญชีเขาตำหนิมาได้”
คนงานมองหน้ากันบ้างสงสัย บ้างปฏิเสธ พูดแข่งกันดังเซ็งแซ่
“ไม่ผิดนะ” / “ผิดตรงไหน” / “ตรวจดีแล้วนี่นา
“เงียบเลยไม่ต้องเถียง...เมื่อวานใครเก็บนับผ้าล็อต 47”
ทุกคนมองหา
ศรีนวลเปิดบัญชีดูบันทึกชื่อแล้วบอก “พนักงานฝึกหัดค่ะ”
ทุกคนหันขวับไปมองบิวตี้ ที่แอบส่องกระจกเช็คความสวยอยู่ บิวตี้ตกใจรีบเก็บกระจก คนงานฮือฮา
“ตัวเลขไม่ตรงกับใบสั่งเกือบสิบจุดเลยนะ” หัวหน้าว่า
คนงานพึมพำ เยาะ “นึกแล้ว” / “ซื้อหวยไม่ยักถูก” / “คนใหม่ก็เงี้ย” / “ไม่ได้เรื่อง”
บิวตี้แย้ง “ไม่จริงนะ ฉันตรวจตามใบสั่งถูกหมดแล้วนี่”
“เขามีหลักฐานมายัน เถียงเค้าไม่ออกหรอก ที่ร้ายคือเขาสั่งให้เราเช็คสต็อกของเมื่อวานใหม่หมด สรุปว่าวันนี้ต้องทำงานสองเท่าไม่มีโอที”
คนงานบ่นด่าลั่น “อะไรว้า” / “ทำไมต้องนับใหม่ด้วย” / “เดือดร้อนกันไปหมด”
บิวตี้มองท่าทีของทุกคนแล้วรู้สึกผิด เอ่ยขึ้น “ถ้าฉันนับผิดจริง ให้ฉันทำคนเดียวก็ได้”
ศรีนวลดุ “อย่าอวดเก่ง รู้ไหมว่ามันเยอะขนาดไหน” แล้วหันมาพูดกับคนงาน “เราก็เคยลงบัญชีผิด
มาทุกคนนั่นแหละ รีบช่วยๆ กันทำให้มันเสร็จๆ ดีกว่ายืนบ่นจริงมั้ย...ไปกันเถอะ”
คนงานแยกย้ายกันไปทำงานอย่างหงุดหงิด
โดยเฉพาะติ๋มยังหัวเสีย “พึ่งเข้ามาก็มีแต่เรื่อง...มันน่าจริงๆ” พลางจ้องบิวตี้อย่างหมั่นไส้
ทุกสายตาที่มองมาทางบิวตี้ มีแต่ความไม่พอใจ บิวตี้รู้สึกไม่สบายใจ
หัวหน้าแผนกโกดังสินค้า มารายงานพักตร์พิมล ท่าทางประจบประแจง
“พี่สั่งลงโทษพนักงานตามที่คุณแพ็ตสั่งแล้วค่ะ”
พักตร์พิมลยิ้มสมใจ “ช่วยกำชับให้เสร็จวันนี้นะคะพี่ งานเร่งด่วนค่ะ”
“ได้เลยค่ะคุณแพ็ต แผนกสโตร์ของพี่มีศักยภาพพออยู่แล้ว”
“ปี ทำหนังสือรายงานท่านประธานด้วยนะ ว่าหัวหน้าแผนกสโตร์ ขยันทำงาน อุทิศตัวเพื่อธนบวรขนาดไหน”
“ค่ะ” ปีวราลงมือพิมพ์งาน
หัวหน้ายิ้มแก้มปริ “คุณแพ็ตยอพี่เกินไป ขอตัวไปดูคนงานก่อนนะคะ” แล้วก็ออกไป
“จะให้ส่งเป็นเอกสารหรือเป็นเมลดีคะ” ปีวราถาม
“ไม่ต้องหรอก ไม่ได้ยินเหรอ หัวหน้าแผนกเขาบอกว่าฉันยอเขามากเกินไป”
“นั่นสิคะ บางทีเขาอาจจะชอบปิดทองหลังโกดังก็ได้ ฮิฮิ”
พักตร์พิมลพึมพำกับตัวเอง สีหน้าท่าทางสะใจมวาก
“ป่านนี้เละเป็นโจ๊กแล้วมั้งยายบิวตี้..ทำให้คนทั้งแผนกเกลียดขี้หน้า”
“จริงด้วยค่ะ ตั้วว่าเผลอๆ มีรุมตบด้วยซ้ำนะคะ”
พักตร์พิมล และกระตั้วยิ้มสะใจ
ปีวรามองทั้งคู่อย่างอ่อนใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงาน
บิวตี้กับคนงาน ช่วยนับจำนวนของและจดอย่างละเอียด บิวตี้นับแล้วจดตัวเลขลงสมุดที่ธีภพให้ พบว่าผลลัพธ์เมื่อบวกกันแล้ว เท่ากันทั้งสองวัน
“ก็ถูกแล้วนี่นา ไม่เห็นผิดตรงไหน” บิวตี้หันไปถามศรีนวลที่อยู่ไม่ไกล “ป้าจ๋าช่วยดูหน่อย ฉันนับได้เท่ากับที่จดไว้เมื่อวานเลยแล้วมันผิดตรงไหนจ๊ะ”
ศรีนวลมองตารางที่บิวตี้บันทึกไว้อย่างละเอียดแล้วมองบิวตี้อย่างชื่นชมขึ้นมาหน่อย
“ดีแล้วที่จดไว้ จะได้เอาไว้ยันกันกับหัวหน้าแผนก”
คนงานทำงานเสร็จ สงสัยเหมือนกันเมื่อเห็นว่าไม่ผิด
“ไม่เห็นผิดตรงไหนเลย เสียเวลานับว่ะ” ต๋อยว่า
“ไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ ส่งตัวเลขแล้วไปนับเครื่องประดับด้วยว่าเสียหายไปเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่” หัวหน้าถาม
คนงานโห่ไล่หลังไปดังเซ็งแซ่
“โอ้ยอะไรกันวะ” / “แกล้งกันชัดๆ” / “วันนี้ไม่ต้องทำงานอื่นละ”
บิวตี้โกรธสุดขีด เดินฮึดฮัด ออกจากโกดังสินค้า
เจตน์ชาญมาคุยธุรกิจกับธีภพ สองหนุ่มอยู่ในห้องทำงาน ธีภพดูไม่ค่อยใส่ใจในการมาของแขกนัก
“ผมทราบว่าคุณธีภพไม่ค่อยอยากจะคุยกับผม ผมถึงต้องมาหาคุณที่นี่”
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะคุยนะครับ...แต่งานผมมันยุ่งจริงๆ ช่วงนี้”
เจตน์ชาญยิ้ม “ผมคิดว่าถ้าคนทำอาชีพเดียวกัน รวมตัวกันติด อำนาจการต่อรองก็จะเปลี่ยนขั้วมาอยู่ทางเรา ต่อไปเราก็จะจัดสรรงานกันให้ทั่วถึง อย่างงานประมูลใหญ่ครั้งต่อไป”
ธีภพจี๊ด ของขึ้น “พูดง่ายๆคือคุณต้องการจะฮั้วประมูลอย่างนั้นหรือครับ”
เจตน์ชาญมองหน้าแล้วค่อยๆยิ้ม
“ธนบวรกลัวระบบการผูกขาดจะโดนยกเลิก”
ธีภพกับเจตน์ชาญจ้องตากันอย่างท้าทาย ฝีมือจัด แววตาคมกริบทั้งคู่
บิวตี้ โมโหจัด พรวดพราด เปิดประตูเข้ามา มีเลขาธีภพตามมาติดๆ
เลขาพยายามห้าม “ไม่ได้นะคะ ท่านกำลังมีแขกสำคัญ” ทว่าช้าไปแล้ว
บิวตี้พูดกับกับธีภพเสียงขุ่น “นี่คุณ คนที่นี่ทำงานกันยังไง กลั่นแกล้งกันชัดๆ”
“ออกไปก่อนได้ไหม”
บิวตี้ประสานสายตาดุดันของธีภพ แล้วมองตามสายตาไปเจอเจตน์ชาญจ้องมองบิวตี้อย่างสนใจและชื่นชม
“สวัสดีครับ คุณ ลัลน์ลลิต” เขามองสำรวจการแต่งตัวของบิวตี้อย่างสนใจ
บิวตี้งง จำเจตน์ชาญไม่ได้ “รู้จักฉันด้วยหรือคะ”
“ผมติดตามผลงานเดินแบบของคุณมาตลอดครับ เคยเจอกันตามงานสังคมบ้าง แต่คงไม่โดดเด่นพอที่คุณจะจำผมได้”
บิวตี้มองตาธีภพ ส่งสัญญาณถามว่าไอ้นี่ใคร?
“คุณเจตน์ชาญ เจ้าของเจดการ์เม้นท์”
บิวตี้แปลกใจ “เจดการ์เม้นท์ เป็นคู่แข่งของเราไม่ใช่เหรอ”
“ในวงการธุรกิจ ไม่มีศัตรูถาวรหรอกครับ ผมอยากขอเป็นมิตรแท้ของธนบวรมากกว่า แต่ก็อยู่ที่คุณกับคุณธีภพว่าจะ ช่วยรับข้อเสนอของผมไว้พิจารณารึเปล่า” เจตน์ชาญหันมาพูดกับธีภพ “ผมคิดว่าคุณคงมีธุระสำคัญๆที่คุยกัน ถ้าอย่างนั้นผมจะมาขอรบกวนอีกทีวันหลังนะครับ” เขาก้มหัวให้ธีภพ แล้วยิ้มกับบิวตี้ “ไปก่อนนะครับ คุณลัลน์ลลิต”
เจตน์ชาญลับตัวไปแล้ว บิวตี้หันมามองธีภพอย่างระแวดระวัง
“กล้าให้คู่แข่งเข้ามาถึงในบริษัทเลยเหรอ”
“คู่แข่งทางธุรกิจยังไม่น่ากลัวเท่าคนภายในที่ไม่รู้กาลเทศะ”
“ก็คนงานโดนหัวหน้าแผนกแกล้ง คุณต้องรีบไปช่วยนะ”
“ปัญหาเกิดทุกวัน แต่ละหน่วยงานต้องพยายามแก้กันเองก่อน ถ้าผู้บริหารยุ่งไปหมดทุกเรื่อง ต่อไปพนักงานก็จะเลิกคิด รอให้ช่วยอย่างเดียว” ชายหนุ่มยกโทรศัพท์สายภายใน “ช่วยต่อสายคุณวริศรา บริษัทไทยโพลีให้ผมหน่อยสิ เดี๋ยวนี้เลยนะ”
ธีภพหันไปคุยงานต่อโดยไม่สนใจ บิวตี้โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ปิดประตูใส่ดังปัง!
อ่านต่อตอนที่ 5