ทรายสีเพลิง ตอนที่ 10
ศกโวยวายกับเสาวนีย์ขณะเดินเข้าบ้านมาด้วยกัน “ผมไม่เข้าใจ คุณจะให้ลูกศรไปภูเก็ตกับพัชระทำไม อีก 2 วันก็จะแต่งงานแล้ว น่าจะให้อยู่ เตรียมงาน อีกอย่างคุณไม่เคยปล่อยให้ลูกลงเรือลำพังแบบนั้นเลย”
“คนเรา อะไรที่ไม่เคยคิดจะทำ ถ้ามีเหตุผลต้องทำ มันก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ เรื่องลูกศรคุณไม่ต้อง สนใจหรอก คุณรีบไปโทร. บอกลูกสาวคุณดีกว่า ว่าฉันต้องการซื้อบ้านใหญ่คืน”
ศกถอนใจระอาเสาวณีย์ที่ทำเรื่องยุ่งยาก “คุณจะเอาเงินที่ไหนซื้อคืน ?”
“ก็เงินสินสอดที่พัชระให้เราไง “
“ไหนคุณบอกจะยกเงินก้อนนั้นให้ลูก ?”
เสาวณีย์พูดหน้านิ่ง “ฉันคิดไว้แล้วว่าพอคุณเกษียณ ค่อยเอาเงินบำเหน็จมาจ่ายคืนให้ลูก”
“นี่คุณต้องการเอาชนะทรายขนาดนี้เลยเหรอคุณเสาว์”
เสาวณีย์มองศกและพูดอย่างจริงจัง
“ฉันไม่ได้เอาชนะ แต่ฉันกำลังทวงของของลูกฉันคืน อะไรที่เป็นของลูกฉัน มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น
ใครก็มาแย่งไปไม่ได้”
ศรุตายืนมองพัชระกับศรวณีย์อยู่บนดาดฟ้าเรือ ที่หน้าผากของหญิงสาวมีพาสเตอร์ปิดอยู่ จากแผลที่กระแทกกับพวงมาลัยรถ
เธอเพ่งมองเนิ่นนาน และคิดถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งใจไว้ตั้งแต่วันแรกที่กลับมาเจอเสาวณีย์
“ถึงเวลาที่คุณจะได้รู้ว่าคนที่โดนแย่งทุกอย่างไป มันเป็นยังไง”
พัชระมองซ้ายมองขวาหาศรุตา โดยมีศรวณีย์เดินตามหลังมา
“พี่พัชหาเพื่อนอยู่เหรอคะ ?”
“เอ่อ ใช่ ศรไม่เคยนั่งเรือออกทะเลมาก่อนใช่ไหม งั้นมาดูวิวตรงนี้สิ สวยนะ ศรคงชอบ”
ศรวณีย์ไม่ยอมไปยืนริมขอบเรือ เพราะยังฝังใจเรื่องตกน้ำเมื่อครั้งยังเด็ก
“ไม่ดีกว่าค่ะ ศรกลัว”
“อ้าว มาทะเลแต่ไม่กล้ามองทะเล แล้วมันจะสนุกได้ยังไงล่ะศรมาเถอะ ไม่ตกจากเรือหรอก”
พัชระดึงมือหญิงสาวจะไปทางริมขอบเรือ แต่ศรวณีย์ดึงมือออก
พัชระถอนใจ “ถ้าศรได้ความเก่งจากทรายสักนิดก็คงดี”
ศรวณีย์หน้าจ๋อย พัชระเดินไปยืนขอบเรือคนเดียว แล้วมองหาศรุตา
หญิงสาวผู้พี่ยิ้มสมใจที่เห็นพัชระคลั่งตัวเองจนเหวี่ยงใส่น้องสาวตามแผน พลางหยิบมือถือ โทร.หาเขา
พัชระเห็นชื่อที่หน้าจอ ก็รีบเดินห่างออกมากดรับสาย
“คุณอยู่ไหนทราย ?”
ศรุตายืนมองพัชระด้วยสายตายิ้มเชิดอย่างคนคุมเกม
“ฉันอยู่ด้านหลังเรือค่ะ” ศรุตาพูดปด
“เดี๋ยวผมไปหาคุณนะ”
พัชระกดวางสาย แล้วเดินมาหาศรวณีย์
“ศรเดี๋ยวพี่มานะ”
พัชระรีบเดินออกไป ทิ้งศรวณีย์ไว้ตามลำพัง
ศรุตามองน้องสาวด้วยสายตายิ้มเยาะ
ศรวณีย์มองไปทางทะเล ด้วยความรู้สึกกลัว จนเริ่มเวียนหัว ศรุตาเดินมายืนด้านหลัง ปรายตามองน้องสาวที่นั่งเหม่อมองวิวอยู่ แล้วจงใจหันไปเดินชนผู้โดยสารชายที่เดินผ่านเข้ามา เพื่อให้ศรวณีย์เห็นตัวเอง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
ศรวณีย์ได้ยินเสียง ก็รีบหันไปมองหาเจ้าของเสียง
ศรุตาใช้หางตามองน้องสาว แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบเดินอย่างเร็วไปทางที่นัดพัชระไว้ จงใจ ล่อให้หญิงสาวเดินตามไปเห็นเธอแอบลอบพบกับพัชระ
“เหมือนพี่ทรายเลย”
ศรวณีย์คิดลังเลนิดนึงว่าจะเดินตามไปดีไหม เพราะกลัวพัชระเดินกลับมาไม่เจอตัวเอง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตามไป
พัชระจงใจเดินเฉียดเกือบชนบุรี ฝ่ายถูกเฉียดเงยหน้ามองแล้วชะงัก “พัช นายมาด้วยเหรอ ?”
พัชระยิ้มแบบมีอะไรแอบแฝง “ครับ มีคนชวนผมมาน่ะครับ”
บุรีชะงัก ระแวงว่าคนที่ชวนพัชระจะเป็นศรุตา
“แล้วคนชวนนายมา เขาอยู่ไหน ?”
“ก็อยู่แถวนี้ล่ะครับ”
“พี่คิดว่าอีกสองวันจะแต่งงานแล้ว นายจะอยู่ดูแลงานแต่งซะอีก”
“เรื่องนั้นพี่ไม่ต้องย้ำหรอกครับ ผมมานี่ ผมก็มากับเจ้าสาวของผม”
พัชระนึกสนุกที่ปั่นหัวคนฉลาดอย่างบุรีได้
“ผมมากับลูกศรครับ มาพักผ่อนก่อนแต่งงาน แล้วพี่บุรีล่ะครับ มากับใคร”
บุรีมองอย่างรู้ทัน ว่าพัชระรู้แล้วแต่จงใจถาม
“ก็มากับคนๆเดียวที่ชวนนายมานั่นแหละ”
“แล้วพี่ฌานรู้รึเปล่าครับว่าทรายมากับเรา ผมเรียกพี่ว่า “เรา”ได้ใช่ไหมครับ เพราะท่าทางผม กับพี่ก็ไม่ต่างกัน”
พัชระยิ้มเยาะเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ แล้วเดินผ่านบุรีออกไป
บุรีถอนใจ เพราะ คิดว่าศรุตามาล่องเรือด้วยเพราะมีแผนเกี่ยวกับพัชระแน่
พัชระเห็นศรุตาเดินเข้ามาก็ยิ้มดีใจ รีบเดินเข้าไปจะกอด หญิงสาวแกล้งดันตัวพัชระออกห่าง ตัวเอง แล้วปรายตามองไปทางด้านหลังว่าศรวณีย์ตามมาเห็นหรือเปล่า
ศรวณีย์เดินตามมาเห็นพัชระจะกอดศรุตา ก็ชะงัก รีบยืนหลบไม่ให้ทั้งคู่เห็นตัวเอง
“อย่าทำอย่างนี้นะพัชระ”
“ทำไมล่ะทราย ที่เรามานี่ เพราะเราหาโอกาสอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ ?”
ศรุตาแกล้งตีสีหน้ารู้สึกผิด “เราอยู่ด้วยกันไม่ได้”
“ทำไมล่ะทราย ก็ในเมื่อคุณกับผม...”
ศรุตาแอบปรายตามองไปทางศรวณีย์ แล้วรีบพูดแทรก
“อย่านะพัชระ อย่าพูด ฉันอยากให้เราคบกันเป็นแค่เพื่อน”
“ทำไม ?”
ศรุตาพูดเสียงเหมือนเจ็บปวด “เพราะฉันไม่อยากรู้สึกผิดกับน้อง”
ศรวณีย์ที่แอบฟังอยู่ ถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าพัชระกับศรุตาจะมีความรู้สึกดีต่อกันแบบนี้
“คุณจะให้ผมแกล้งทำเป็นเราไม่เคยมีความรู้สึกดีๆต่อกัน จะให้ผมลืมว่าเราเคยใกล้ชิดสนิทกัน ขนาดไหน จะให้ลืมว่าผมเคยสัมผัสคุณนับไม่ถ้วน”
“คุณอย่าลืมนะ ว่าทุกครั้งเราต้องซุกซ่อน”
ศรวณีย์ยิ่งฟังยิ่งอึ้ง ศรุตาเดินเกมต่อ
“ฉันไม่ต้องการจะทำแบบนั้นอีกแล้ว คุณเป็นคู่หมั้นของน้องสาวฉัน คุณมีพันธะ มีหน้าที่ของคุณ ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของฉันคนเดียวที่ปล่อยให้เราใกล้ชิดกันเกินไป ถึงเวลาที่คุณต้องเดินไปตามทางที่ ผู้ใหญ่วางไว้ให้คุณ ส่วนฉันก็จะไปหาคนที่ไม่มีพันธะและพร้อมจะยกฉันเป็นที่หนึ่ง”
พูดพลางแกล้งจะเดินไป พัชระรีบจับมือไว้อย่างไม่ยอมให้จบง่ายๆ “ทราย”ศรุตาจงใจหันไปมองทางศรวณีย์ แล้วแกล้งทำเป็นตกใจ “ศร”
พัชระชะงัก รีบปล่อยมือทราย
ศรวณีย์อึกอัก แล้วพยายามทำหน้ายิ้มเหมือนว่าตัวเองไม่รู้ไม่เห็นอะไร
“ศรดีใจจังที่พี่ทรายอยู่ที่นี่ ศรนึกว่าพี่ทรายกลับอเมริกาแล้วซะอีก”
พัชระมองศรุตาอย่างชะงักว่าจะกลับอเมริกาเหรอ ?
หญิงสาวปรายตามองอาการพัชระ แล้วหันไปพูดกับน้องสาว
“เราไปคุยกันทางโน้นเถอะศร ส่วนคุณไปหาเพื่อนคุณเถอะ”
พัชระมองอย่างรู้ทัน ว่าศรุตาจงใจไล่ไม่ให้ตัวเองตามไป
ศรุตาเดินออกไปกับศรวณีย์ พัชระมองตามอย่างร้อนใจ เกรงว่าหญิงสาวจะกลับอเมริกาจริง รึเปล่า ?
อ่านต่อหน้า 2
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ศรุตาเดินนำศรวณีย์มายืนที่มุมหนึ่งของเรือแล้วแกล้งทำท่าร้อนใจห่วงความรู้สึกน้องสาว
“ไหนบอกพี่สิว่าศรได้ยินอะไรบ้าง ?”
ศรวณีย์อึกอัก ลังเลว่าจะบอกความจริงดีไหม
“ได้ยินทุกอย่างใช่ไหม ?” พูดพลางจับมือน้องสาวไว้ “ศร เชื่อพี่นะ มันไม่มีอะไร พี่กับพัชระเป็น แค่เพื่อนกัน เขาก็แค่สนุกๆเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่ผู้หญิงที่เขาเลือกคือศร”
หญิงสาวจงใจพูดกล่อมให้ศรวณีย์มั่นใจว่าพัชระเลือกเธอ
“แต่ถ้าพี่ทรายกับพี่พัช... “
“ไม่มีเรื่องพี่กับพัชระ มีแต่เรื่องศรกับพัชระ ถ้าพัชระคือผู้ชายที่ศรเลือกแล้ว เป็นผู้ชายที่ลูกศร อยู่ด้วยโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร รู้แต่ว่าอยากอยู่ด้วยนานๆ เป็นผู้ชายคนแรก ที่คิดถึงเมื่อตื่นนอน และเป็นคน สุดท้ายที่อยากเห็นหน้าก่อนนอน และเป็นผู้ชายที่เวลาศรมีความสุข ศรอยากเอาความสุขนั้นให้เขา แต่เวลาเขา มีความทุกข์ ศรอยากแบกความทุกข์นั้นไว้คนเดียว”
ศรวณีย์ฟังที่ศรุตาพูดนิ่งๆ หากผู้ชายที่เธอรู้สึกอย่างที่พี่สาวว่านั้น คือฌานไม่ใช่พัชระ !!
“งานแต่งงานของศรกับพัชระก็จะดำเนินต่อไป”
ศรุตามองอาการน้องสาวด้วยสายตายิ้มๆ
บุรีเดินเข้ามาหา แล้วพูดทักทายศรวณีย์ แต่จงใจกระทบศรุตา
“พี่เพิ่งรู้ว่าศรกับพัชระจะมาด้วย”
บุรีปรายตามอง ให้ศรุตารู้ว่าเขารู้ทันเธอ หญิงสาวจงใจหันหน้าหนี ไม่สบตาเหมือนอย่างเมื่อ ก่อน
“เข้าไปพักข้างในเถอะ เดี๋ยวพี่เข้าไปหา”
ศรวณีย์เดินเข้าไปด้านใน ศรุตารีบเดินหนีบุรี
บุรีเดินตามหามาจนทัน
“ทราย ตกลงที่คุณยอมมาล่องเรือด้วย เพราะคุณรู้ว่าพัชระจะมาใช่ไหม”
ศรุตายังคงยืนหันหลังให้บุรี
“ไม่เกี่ยว ถึงพัชระไม่มา ฉันก็ตั้งใจจะมาสัมมนาอยู่แล้ว”
ศรุตาพูดจากใจจริง แต่บุรีไม่เชื่อ
“คุณตั้งใจมาสัมมนา แต่สัมมนาผ่านไปหลายชั่วโมง จนเรือเกือบจะถึงภูเก็ตอยู่แล้ว ผมยังไม่ เห็นคุณเข้าร่วมกิจกรรมสักนิด”
ศรุตารู้สึกน้อยใจบุรีที่รู้ว่าตัวเองคือ “น้องทราย” แต่กลับไม่แสดงตัว ซ้ำร้ายยังจ้องจับผิด
“นี่คุณไม่เข้าใจจริงๆเหรอว่าฉันอยากมาเพราะอะไร ?”
บุรีมองแววตาตัดพ้อของศรุตา แล้วพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้หวั่นไหว จังหวะนี้เองที่ชายหนุ่มเพิ่งเห็นพาสเตอร์ปิดแผลที่หน้าผากของหญิงสาว
“นั่นหัวคุณโดนอะไร ?”
ศรุตามองอาการห่วงใยของชายหนุ่มด้วยความอบอุ่นใจ “อุบัติเหตุนิดหน่อย”
“อุบัติเหตุอะไร ?”
“แค่คนสติแตกขับรถเบียดรถฉัน”
บุรีรีบถามต่อ ด้วยแววตาห่วงใย “แล้วคุณเป็นอะไรมากรึเปล่า ?”
“ก็แค่หัวแตกนิดเดียว ทำแผลเองได้ ไม่มีปัญหา”
“คุณทำแผลเองเหรอ ? ไหนขอผมดูสิ”
บุรีเอื้อมมือไปเปิดผมศรุตาเพื่อมองแผลให้ชัดเจน หญิงสาวชะงักกับสัมผัสที่อ่อนโยนของเขา
“ขอบคุณนะคะที่ห่วงฉัน”
บุรีชะงักนิดนึงที่ตัวเองแสดงว่าห่วงเธอชัดเจนไป จึงค่อยๆถอยห่าง แล้วปรับสีหน้าให้ปกติ “ฌานรู้รึเปล่า?”
ศรุตามองบุรีที่ควบคุมตัวเองไม่ให้เพลี้ยงพล้ำด้วยความรู้สึกน้อยใจที่เขาอยากผลักเธอให้ฌาน
“สมมุติว่าถ้าไม่มีฌาน คุณจะห่วงฉันแบบนี้ไหม ?”
บุรีไม่ตอบ แต่รีบเปลี่ยนเรื่อง “ตกลงคุณชวนพัชระมาใช่ไหมทราย ?”
“ต่อให้ฉันยืนยันว่าไม่ คุณก็คงไม่มีวันเชื่ออยู่ดีใช่ไหม ?”
ศรุตาเดินผละไป บุรีเดินตาม พัชระที่ซุ่มดูอยู่นาน รีบเดินตามไปด้วย
“คุณจำเรื่องจิ๊กซอว์ที่ผมบอกได้ไหม ?” บุรีที่เดินตามมาถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันจำได้สิคะ ฉันจำทุกเรื่องของคุณได้”
“ถ้าจำได้ ก่อนคุณทำอะไร อยากให้คุณคิดดีๆ อดีตก็คืออดีต ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือ ล้มล้างไปได้ สิ่งที่เราควรทำกับอดีตคือเรียนรู้และลืมมันไปซะ แล้วสร้างชีวิตใหม่”
ศรุตายิ้มหยัน “คุณไม่ต้องห่วงหรอกบุรี ฉันจะไม่จมกับอดีตไปทั้งชีวิต ฉันกำลังจะหยุดทุกอย่าง แล้วเริ่มต้นใหม่กับคนที่รักฉันอย่างที่คุณบอก”
หญิงสาวหมายถึงจะเริ่มต้นใหม่กับบุรี “ขอแค่เขายังรอฉัน”
แต่บุรีกลับคิดว่าศรุตาจะเริ่มต้นใหม่กับฌาน ด้วยความรู้สึกเจ็บในหัวใจ
“ไม่ต้องห่วง ถ้าใครรักจริง เขาก็พร้อมที่จะรอ”
ศรุตายิ้มดีใจ เพราะเข้าใจว่าบุรีหมายถึงตัวเอง จากนั้นก็รีบหลบสายตา เพราะไม่อยากให้บุรี รู้ว่าเธอคิดอะไร แล้วเดินออกไป บุรีมองตาม
พัชระหยิบมือถือขึ้นมายิ้มอย่างมีแผน แล้วรีบกดหาฌาน
“ฮัลโหล พี่ฌานรู้ไหมครับว่าพี่บุรีไปไหน ?”
“อ๋อ บุรีพาทรายมาภูเก็ต ทำไมเหรอ ?”
พัชระชะงัก เพราะไม่คิดว่าบุรีจะบอกฌานว่าพาศรุตามา “พี่ฌานรู้เหรอครับ ?”
“ รู้สิ บุรีบอกแล้วว่าหลังสัมมนา จะพาทรายไปงานวันเกิดพี่พร้อมกัน”
ฌานเห็นพัชระยืนหันหลังคุยมือถืออยู่ ก็รีบเดินเข้าไปหา
“นายมางานนี้ด้วยเหรอ ?”
พัชระหันมามองฌานอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ “พี่ฌานมาสัมมนาด้วยเหรอครับ?”
“เปล่า ทรายโทรให้พี่ขับเรือมารับ นายมางานนี้ก็ดี พรุ่งนี้ไปงานวันเกิดพี่ด้วยนะ จะได้อยู่ร่วม เป็นพยานตอนที่พี่ขอทรายแต่งงาน”
พัชระตกใจ “อะไรนะครับ ?”
ศรุตาเดินถือกระเป๋าเดินทางเข้ามาพร้อมกับศรวณีย์ “มาเร็วจังเลยฌาน” พลางปรายตามอง พัชระแล้วเดินเข้าไปกอดฌาน “ขอบคุณนะคะที่ขับเรือมารับ”
พัชระมองศรุตาอย่างอึ้ง หญิงสาวหันมาบอก
“พอดีฉันเห็นลูกศรกลัว ฉันเลยขอพาน้องขึ้นฝั่งก่อน”
พัชระรู้ว่าฌานมีแผนขอศรุตาแต่งงาน ก็รีบพูดกันไว้
“แต่เดี๋ยวอีกชั่วโมงนึง เรือก็จอดแล้ว เราขึ้นฝั่งพร้อมกันดีกว่านะ”
“คุณไม่ต้องห่วงว่าที่เจ้าสาวนะพัชระ ฉันจะดูแลให้อย่างดี ไปกันเถอะศร”
ศรวณีย์มองพัชระอย่างอึกอัก แต่ก็ยอมให้ศรุตาจูงมือไปทางที่เรือฌานจอดเทียบอยู่
พัชระจะตามไป แต่กลับถูกบุรีวิ่งเข้ามาดึงตัวไว้
“ปล่อยผมนะพี่รู้ว่าผมมางานสัมมนานี้ตั้งแต่แรก พี่จงใจขัดขวางผมกับทราย อุตส่าห์ลงทุนพา ผู้หญิงไปส่งถึงมือเพื่อน เพื่อให้เพื่อนขอแต่งงาน กลัวเพื่อนพี่จะแพ้ผมเหรอ”
บุรียิ้มเยาะเหมือนผู้ใหญ่มองเด็ก “แต่ที่พี่เห็นคนที่แพ้ไม่ใช่ฌานนะ”
พัชระมองบุรีอย่างไม่พอใจ แล้วจะวิ่งตามไป แต่บุรียึดแขนไว้อย่างเอาจริง
“ยอมรับความจริง ว่าผู้หญิงของนาย ไม่ใช่ทราย”
บุรีปล่อยแขนพัชระอย่างแรง แล้วเดินออกไป
“ถ้าทรายรู้ว่าผมทำอะไรให้เขา เขาจะไม่มีวันทิ้งผมแบบนี้ คอยดู”
ดวงตารับสายทางไกลจากเสาวณีย์ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“คุณรู้เบอร์โทรฉันได้ยังไงคะ คุณเสาวณีย์”
“การหาเบอร์บ้านเศรษฐีใหญ่อย่างดอน ดาลตัน คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรมั้ง เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ฉันอยากให้เธอบอกลูกสาวเธอด้วย ว่าฉันต้องการซื้อบ้านใหญ่คืน”
ดวงตาตกใจ “ทรายซื้อบ้านใหญ่ไว้ แล้วทำไมคุณไม่คุยกับทรายเองล่ะคะ ? โทรมาบอกฉัน ทำไม”
“ก็เพราะลูกสาวเธอ กลับอเมริกาไปหาเธอแล้วไงล่ะ”
“ทรายกลับอเมริกา ?”
ดวงตาอึ้ง ในใจนึกระแวงว่าศรุตากำลังทำอะไรกันแน่ !
จากนั้นเสาวณีย์ก็มานั่งคุยกับคุณหญิงเพกา ด้วยสีหน้าเครียด
“เสาว์ฟังเสียงดวงตา เหมือนตกใจที่รู้ว่าลูกสาวตัวเองกลับอเมริกาอย่างนั้นน่ะค่ะ ตกลง นังทรายมันกลับอเมริกาจริงๆ รึเปล่า ?”
“โดนเสาว์ทำขนาดนั้น เป็นแม่ แม่ก็ไม่อยู่แล้วนะ ดูอย่างแม่มันสิ แค่โดนคุณหญิงศิริด่าไม่กี่คำ ก็หอบลูกออกจากบ้านแล้ว แม่ว่าเสาว์คิดมากไป”
เสาวณีย์ลุกขึ้นเดินอย่างสังหรณ์ใจไม่ดี
“แต่ใจคอเสาว์มันสังหรณ์แปลกๆยังไงไม่รู้นี่คะคุณแม่”
“ถ้ามันไม่กลับอเมริกา แล้วมันจะขนของไปไหน ?”
“มันจะไปไหนก็ได้ แต่ขออย่าให้เป็น.......”
ฌานเดินนำศรุตากับศรวณีย์เข้ามาในบ้านพัก แล้วคิดถึงเรื่องราวในอดีตด้วยสายตามีความสุข ทว่าศรวณีย์กลับแอบเห็นแววตาของเขาเหมือนมีความเจ็บปวดบางอย่าง
ศรุตาเริ่มวางแผนการต่อจากนี้
“งั้นคืนนี้เราไปตกปลาหมึกกันดีไหม ? คุณอุตส่าห์จัดการหาที่พักให้ฉันกับศร ฉันก็อยากรื้อ ความทรงจำคุณให้ไง ไปนะศร”
ลิซ่าแอบอยู่ห่างๆ แล้วรีบโทร. บอกอลัน
“ตอนนี้ชาร์ลส์กำลังเริงรื่นกับนังสองคนพี่น้องอยู่ ฝากบอกลุงเธอว่าจะทำอะไรก็รีบทำ”
ลิซ่ากดวางสาย แล้วยิ้มร้าย
อ่านต่อหน้า 3
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ฌานหิ้วตะกร้าใบเล็กที่บรรจุกระปุกใส่น้ำจิ้มซีฟู๊ดใบเล็กๆ 3 ใบและกระบอกไฟฉายขนาดใหญ่ เดินออกจากบ้านพัก เพื่อไปริมหาดตามที่นัดกับศรุตาและศรวณีย์
ลิซ่าเดินเข้ามายืนขวาง ฌานเห็นลิซ่าก็ชะงัก
“คุณควรดีใจที่เห็นฉันนะชาร์ลส์ เพราะฉันนี่แหละ คือกุญแจเปิดประตูให้คุณเห็นความสว่าง ทุกด้าน”
ลิซ่าปรายตาเห็นขวดน้ำจิ้ม 3 ขวด ก็ยิ้มยาะ พลางบอกว่าให้เตรียมไป 2 ขวดก็พอ จากนั้นก็กอดรอบคอฌาน
“อย่ามองฉันอย่างนั้นสิชาร์ลส์ ที่ฉันพูด เพราะฉันหวังดีกับคุณ ฉันรู้ว่าคนอย่างคุณ เวลารักใคร คุณจะทุ่มเทมากขนาดไหน ฉันถึงได้พยายามเตือนว่าเอาน้ำจิ้มไป 2 ที่ก็พอ เพราะยังไงงานนี้ ต้องมีใครคนนึง ถอนตัวแน่นอน”
ฌานผลักลิซ่า แล้วรีบเดินไป
“จำไว้นะชาร์ลส์ ในโลกนี้ไม่มีใครรักคุณจริงเท่าฉัน ผู้หญิงคนนั้นหลอกคุณ มันไม่ได้รักคุณ มัน กำลังเขี่ยคุณให้น้องสาวมัน”
ศรุตาเดินออกมาจากในบ้านพร้อมตะโกนบอกศรวณีย์ที่อาบน้ำอยู่ในห้อง
“ศรอาบน้ำเสร็จ ตามพี่ไปที่ชายหาดนะ”
พอเดินอกมา ก็เจอพัชระ ที่เดินเข้ามาหาอย่างร้อนใจ
“ทราย ผมต้องคุยกับคุณ พี่ฌานยังไม่ขอคุณแต่งงานใช่ไหม ?”
ศรุตาดึงมือตัวเองออกจากมือของพัชระ
“พอเถอะพัชระ ฉันไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว ต่อไปนี้ขอให้คุณมีชีวิตของคุณกับเจ้าสาวของคุณ ส่วนฉัน ก็จะไปตามทางของฉัน”
พูดพลางจะเดินเข้าบ้าน พัชระโผเข้ากอด
“นี่ไง ผมกำลังมารับเจ้าสาวของผม”
พัชระจับศรุตาให้หันมามองหน้าตัวเอง แล้วสบตาอย่างจริงจัง
“ผมกำลังแสดงให้คุณเห็นว่าผมรักคุณมากกว่าพี่ฌาน มากกว่าพี่บุรี มากกว่าผู้ชายทุกคน ในชีวิตคุณ ผมยอมใช้เวลาสำคัญที่สุดในชีวิตผม แก้แค้นแม่เลี้ยงให้กับคุณ”
ศรุตามองพัชระอย่างอึ้งๆ ว่าเขามีแผนจะทำอะไร ?
ขณะที่คุณแพรกำลังดูแลช่างเตรียมชุดเจ้าสาวอยู่ เสาวณีย์ที่ร้อนใจก็มาหาถึงบ้าน คุณแพรรีบเก็บทุกอย่างแอบเข้าข้างใน
“คุณเสาว์มีอะไรรึเปล่าคะ มาแต่เช้าเชียว”
“จะมาชวนคุณแพรไปภูเก็ตด้วยกันน่ะค่ะ”
คุณแพรชะงักเพราะรู้แผนพัชระตามศรุตาไป จึงพูดเบี่ยงความใสนใจโดยการชวนเสาวณีย์ไปดูสถานที่จัดงานแต่งงานแทน
พัชระเดินเข้ามาเห็นบุรี ที่กำลังวุ่นกับการเดินตามหาเขาอยู่ ก็แกล้งตีหน้าซึม
“ผมอยู่นี่ครับพี่บุรี”
พลางเดินเข้าไปกอดบุรีเหมือนผู้ชายอกหัก
“มีอะไรรึเปล่าพัช ?”
“พี่บุรีพูดถูก สำหรับทราย ผมเป็นแค่เกมของเขาเท่านั้น สุดท้ายเขาก็เลือกพี่ฌาน”
บุรีชะงักนิดนึง ใจนึงดีใจที่ศรุตาเลือกฌาน แต่อีกใจก็เจ็บหัวใจที่ต้องเสียเธอไป พัชระเหลือบ มองอาการของบุรี
“ผมแพ้พี่ฌานจริงๆ”
จากนั้นก็แกล้งบอกบุรีว่าเขาจะกลับกรุงเทพฯ ไปเตรียมงานแต่งงานต่อ ส่วนศรวณีย์จะกลับพร้อมกับศรุตาพรุ่งนี้ พูดจบพัชระก็เดินออกไป
บุรีมองตาม แล้วรำพึงเบาๆ “พี่บีดีใจที่น้องของทรายยังยั้งคิด”
พัชระที่เดินห่างจากบุรีออกมา ก็ยิ้มเยาะอย่างมีแผน
“ทรายบอกคนที่บ้านใหญ่ว่าทรายกลับอเมริกาทำไม ? บอกแม่มานะทราย ว่าทรายอยู่ไหน และทรายคิดจะทำอะไร”
ดวงตาโทร. ทางไกลมาถามศรุตาด้วยความร้อนรน
“ทรายอยู่ภูเก็ตค่ะ พี่บีเป็นพยานได้ หรือแม่จะถามฌานอีกคนก็ได้ ส่วนเรื่องบ้านใหญ่ ทราย ไม่เคยบอกใครสักคำว่าทรายกลับอเมริกา ใจคนที่อยากไล่ทรายให้พ้น แค่ทรายไม่อยู่ ก็มโนดีใจไปเอง”
“พอเถอะลูก ไม่มีการแก้แค้นหรือจองเวรจองกรรมไหนที่จบลงด้วยความสวยงาม การให้อภัย ต่างหากคือการจบอย่างผู้ชนะ”
ดวงตาพยายามพูดให้สติ
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ตอนนี้ทรายหยุดแล้ว ทรายกำลังปล่อยทุกอย่างให้มันเป็นไปตามทางของ มัน”
ฌานเดินออกจากบ้านเห็นบุรี ก็ยิ้มดีใจ พลางออกปากชวนให้ออกไปตกปลาหมึกด้วยกัน แต่บุรีปฏิเสธ พร้อมบอกว่าต้องไปประชุมที่สิงคโปร์ต่อ
“ตอนแรกฉันคิดว่าต้องใช้เวลาจัดการอะไรๆ นานกว่านี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์เรียบร้อย หมด
หน้าที่ฉันแล้ว ฉันก็ต้องไปต่อ สุขสันต์วันเกิดนะฌาน และฉันขอแสดงความยินดีกับแกล่วงหน้าเรื่องการแต่งงาน กับทราย”
ฌานยิ้มอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
บุรีแม้จะเจ็บปวดที่ต้องเสียศรุตาไป แต่ก็ดีใจที่ฌานกับเธอจะมีความสุข
ศรุตากับศรวณีย์กำลังจะเดินไปหาฌาน สวนกับเขาที่กำลังเดินมาหาทั้งคู่พอดี ศรุตาแกล้งถามถึงบุรีแบบติดตลก เพราะลึกๆ แล้วอยากเจอเขามากกว่าฌาน
“บุรีไม่อยู่หรอก เขาไปประชุมที่สิงคโปร์แล้ว”
ศรุตาถึงกับชะงักนิ่ง
ฌานถือไฟฉายใหญ่พร้อมตะกร้าใบเล็กใส่กระปุกน้ำจิ้มเดินนำทั้งคู่ไปที่เรือประมงที่จอดรอ อยู่ในทะเล ศรุตาลุกลี้ลุกลน แล้วแกล้งหาเหตุบอกว่าตัวเองปวดท้อง แล้วให้ฌานออกไปกับศรวณีย์ตามลำพัง
“ก็ได้ ถ้าคุณสั่ง ผมพร้อมจะทำอยู่แล้ว งั้นคุณก็นอนพักแล้วกัน ผมกลับมาแล้ว จะไปส่งศร ที่บ้านพักเอง ไม่ต้องห่วง ไปกันเถอะศร”
ศรุตามองฌานกับศรวณีย์ที่เดินออกไป แล้วรีบเดินกลับไปบ้านพักด้วยท่าทีร้อนรน
ศรุตาเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า พร้อมหยิบหนังสือ A Midsummer Night’s Dream ซึ่งวางอยู่บนเตียง เก็บใส่กระเป๋าเป็นชิ้นสุดท้าย พลางมองดอกจำปีที่สอดอยู่ในหนังสือ แล้วคิดถึงบุรี
“พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะคะ ทรายจะตามไปบอกว่าที่ทรายยอมมางานนี้ เพราะอะไร ?”
หญิงสาวเอาหนังสือ A Midsummer Night’s Dream ใส่กระเป๋าสะพาย แล้ววางจดหมายถึงศรวณีย์บนโต๊ะในห้องรับแขก แล้วเดินออกจากห้องไป
ศรวณีย์ค่อยๆเดินไปยืนริมขอบเรือ แล้วชะโงกหน้ามองไปลงที่น้ำทะเลที่ชาวประมงส่องไฟอยู่อย่างกล้าๆ กลัวๆ ฌานบีบมือหญิงสาวไว้แน่น ศรวณีย์ค่อยๆ สอดประสานนิ้วบีบมือชายหนุ่มไว้แน่นเช่นกัน
ศรุตามองเหม่อออกไปทางทะเล แล้วคิดถึงคำพูดยิ้มเยาะของเสาวณีย์
“ฉันจะสอนให้นะ พ่อเธอจะเลือกใครมันไม่เกี่ยวว่าใครมาก่อนหรือมาหลังหรอก แต่มันอยู่ที่ว่า ใครมีค่ากว่ากัน ถ้าเธอไม่เข้าใจที่ฉันพูด ก็ไปถามแม่เธอดูสิ แม่เธอน่าจะรู้ความหมายดี”
“ผู้ชายไม่เอา ก็ยังจะตาม....เหมือนแม่ไม่มีผิด !”
“เธอรู้จักฉันดีนี่ศรุตา ว่าเพื่อให้ฉันได้ทุกอย่าง ฉันทำอะไรก็ได้ นี่แค่การสั่งสอนนะศรุตา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฉันจะยืนเป็นที่หนึ่งอยู่ตรงนี้ จำเอาไว้ ฉันกับลูกจะไม่มีวันแพ้เธอ ไปซะศรุตา ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น คนอย่างฉันยอมติดคุกได้เพื่อ ความสุขของลูก”
ศรุตาคิดถึงฌานกับศรวณีย์แล้วยิ้มเยาะ“ขอให้มีความสุขกับของเล่นที่ฉันให้เป็นของขวัญวันเกิดนะ ฌาน”
ศรวณีย์มองฌานที่เมาเรือแล้วยิ้มขำ
“ศรมีวิธีแก้เมาเรือนะคะ พี่ฌานเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าสิคะ “
ฌานเงยหน้ามองตามที่หญิงสาวบอก “การเงยหน้ามันช่วยให้หายเมาเรือ จริงเหรอ ?”
ศรวณีย์ยิ้มทะเล้น “ไม่ทราบค่ะ”
“แล้วศรให้พี่เงยหน้าทำไม”
“ก็อย่างน้อย พี่ฌานเงยหน้ามองดาว ได้นับดวงดาว ได้เล่าให้ศรฟังว่าดาวไหนเป็นดาวอะไร ก็ทำให้พี่ฌานลืมว่าเมาเรือได้ ใช่ไหมคะ”
ฌานมองศรวณีย์อย่างขำๆ ปนเอ็นดู รู้สึกหัวใจมันอิ่มกับความอบอุ่นบางอย่างอย่างบอกไม่ถูก
“อุ้ย ! นั่นดาวตก รีบหลับตาอธิษฐานกันค่ะพี่ฌาน”
ศรวณีย์รีบหลับตาแล้วอธิษฐานในใจ พอลืมตา ก็เห็นฌานมองตัวเอง
“ศรอธิษฐานอะไร ?”
“ศรอธิษฐานว่า ไม่บอกหรอกค่ะเขาไม่ให้บอก ไม่อย่างนั้นคำอธิษฐานจะไม่ศักดิ์สิทธิ์”
ฌานยิ้มอย่างเอ็นดู มีความสุขในหัวใจแต่ต้องเก็บซ่อนไว้
อ่านต่อหน้า 4
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ฌานมาส่งศรวณีย์ที่บ้านพัก
“ศร ยังไงพรุ่งนี้ถ้าไม่มีโปรแกรมอะไร ฝากบอกทรายว่าพี่จะพาไปที่ที่หนึ่ง เป็นที่ที่พี่กับพ่อ ค้นพบกัน รับรองว่าศรกับทรายเห็นแล้วต้องชอบ”
“ได้ค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ”
“ฝันดีจ๊ะ”
ศรวณีย์เดินเข้าบ้าน แล้วชะงักหันไปมองฌาน เห็นฌานเดินออกไป โดยไม่หันมามองตัวเองอีก จึงหันหลังจะเดินเข้าบ้าน
ฌานหันกลับมามอง แต่เห็นหญิงสาวเดินเข้าบ้านโดยไม่หันมามองตัวเอง จึงหันหลังเดินต่อ จนลับหายไปกับความมืด
ศรวณีย์คิดถึงคำพูดของศรุตา
“ไม่มีเรื่องพี่กับพัชระ มีแต่เรื่องศรกับพัชระ ถ้าพัชระคือผู้ชายที่ศรเลือกแล้ว เป็นผู้ชายที่ลูกศร อยู่ด้วยโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร รู้แต่ว่าอยากอยู่ด้วยนานๆ เป็นผู้ชาย คนแรก ที่คิดถึงเมื่อตื่นนอน และเป็นคนสุดท้ายที่อยากเห็นหน้าก่อนนอน และเป็นผู้ชายที่ เวลาศรมีความสุข ศรอยากเอาความสุขนั้นให้เขา แต่เวลาเขามีความทุกข์ ศรอยากแบกความทุกข์นั้นไว้คนเดียว”
ศรวณีย์มองฌาน แล้วมองที่แหวนหมั้นของตัวเองอย่างสับสน
ศรวณีย์เข้ามาในบ้านพัก พลางพยายามทำทุกอย่างอย่างเบามือ เพราะคิดว่าศรุตานอนอยู่ ครั้นเหลือบเห็นจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็รีบหยิบมาเปิดอ่าน
“พี่ทรายกลับไปแล้ว”
นอร์แมนนั่งดื่มกาแฟอย่างสบายใจ พร้อมกับอลัน และแอนน์ที่นั่งหน้าเครียด“ระหว่างที่ตอนนี้ไอ้ชาร์ลส์รอแม่มันอยู่ที่ภูเก็ต แกรีบไปเมืองไทย จัดการลงเสาเข็มขนาด ตามแบบของแกให้ได้ภายในพรุ่งนี้ เดี๋ยวฉันจะบินตามไปดู”
อลันรีบรับคำ แล้วลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากร้าน
“ฉันหลอกชาร์ลส์ให้คุณเรียบร้อยแล้ว ให้เช็คฉันไป Shopping ที่ปารีสได้รึยัง ?”
แอนน์หันถมาถาม แต่นอร์แมนปฏิเสธ
“พรุ่งนี้เธอต้องไปเมืองไทยกับฉัน ฉันอยากให้เราไป ยืนดูอลันทุบบ้านหลังนั้น พร้อมหน้า พร้อมตากัน”
นอร์แมนยิ้มสะใจกับแผนการของตัวเอง
บุรีกำลังเดินมากับกับกลุ่มผู้มาประชุม พร้อมกับคุยมือถือกับดวงตาไปด้วย
“ครับคุณน้า ตอนนี้ผมอยู่สิงคโปร์ครับ คุณน้าอยากรู้ว่าผมพักที่ไหนเหรอครับ ?”
อลันเดินมาอีกทาง แต่บุรีมัวแต่คุยมือถือจึงไม่ทันเห็น
“ไอ้บุรีนี่หว่า มันมาทำไมวะ ?”
ศรุตาลากกระเป๋าเดินทางออกมายืนหน้าสนามบิน พร้อมคุยมือถือกับดวงตา
“ขอบคุณนะคะแม่ที่ช่วยถามที่พักพี่บีให้ทราย ทรายบอก แล้วไงคะว่าตอนนี้ทรายจะปล่อย ทุกอย่างให้เป็นไปตามกรรม ส่วนทรายก็จะเริ่มต้นใหม่กับผู้ชายที่ทรายรอมาทั้งชีวิต”
อลันเดินผ่านทางด้านหลัง โดยที่หญิงสาวไม่ทันเห็น
อลันแอบหันไปถ่ายรูปศรุตา แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
ลิซ่ายิ้มอย่างสะใจ ที่ได้รูปมาจากอลัน จึงรีบไปหาฌานที่บ้านพัก แต่บ้านกลับปิดเงียบ
ฌานเดินมาเคาะประตูบ้านพัก ศรวณีย์เปิดประตูออกมา ก็ยิ้มดีใจ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ฌาน ไม่น่าอรุณสวัสดิ์แล้วสินะคะ เกือบเที่ยงแล้ว ถ้าคุณแม่รู้ว่าศรนอนตื่น
เอาป่านนี้ โดนดุแน่”
ฌานยิ้ม พลาง เอามือลูบผมหญิงสาวอย่างเอ็นดู “พี่มารับทรายกับศรไปดูที่ที่พี่บอกศรไว้เมื่อคืนน่ะ”
ศรวณ๊ย์ไม่กล้าบอกว่ศรุตากลับไปแล้ว จึงพูดปดไป
“พี่ทรายออกไปเที่ยวรอบเกาะ เย็นๆถึงจะกลับน่ะค่ะ”
ฌานเดินนำศรวณีย์ออกไป คลาดกับลิซ่านิดเดียว
“เอาเถอะ จะรู้ช้าหรือเร็ว คุณก็หนีความจริงไม่ได้หรอกชาร์ลส์”
บุรีนั่งคุยกับกลุ่มที่บุรีมาร่วมประชุมในร้านกาแฟในโรงแรม ศรุตาแอบเข้าร้านมา แล้วเดินไปในมุมที่ชายหนุ่มมองไม่เห็น แต่ได้ยินบทสนทนาของเขาทุกคำ
ผู้ร่วมประชุมคนหนึ่งพูดถึงศรุตา บุรีรีบบอกว่าเป็นแฟนกับฌาน
“เสียดายนะครับ คุณฌานน่าจะได้ผู้หญิงที่ดีกว่านี้”
บุรีชะงักเหลือบเจ้าของคำพูดที่พูดถึงหญิงสาวในเชิงลบ ซ้ำร้ายยังย้ำว่า
“ใครก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ปกติ เขาชอบยุ่งกับผู้ชายที่มีคนรักหรือเมียแล้ว เลือกเอาแต่ผู้ชาย เด่นๆหรูๆ คนกระจอกๆอย่าได้เผยอ”
ศรุตาหน้าเครียดที่บุรีรับรู้เรื่องราวด้านลบของตัวเอง ขณะที่บุรีนิ่งฟัง แต่ในใจนั้นไม่พอใจ
“นี่คือคำพูดของผู้ชายคนนั้นเหรอ ?”
“ใช่ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ เลยลองเข้าไปคุย พอคุณศรุตาเห็นว่าผมเป็นคนไทยธรรมดาๆ เขาก็ ไม่มองผมเลย ทำเป็นหยิ่ง ก็แค่สวย หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ถ้าไม่ได้พ่อเลี้ยงรวยมหาศาล ก็คงไม่ชูคอเหยียบคนอื่น อย่างนี้หรอก”
บุรีลุกขึ้นชนกับขอบโต๊ะ ทำให้กาแฟหกใส่เสื้อของผู้ชายคนนั้น
“เฮ้ย เห็นไหมว่าเสื้อผมเปื้อนหมดแล้ว”
“ต่อให้เสื้อสะอาด แต่จิตใจคุณสกปรก มันก็ไม่ต่างกันหรอก”
ชายคนนั้นโมโห “คุณบุรี ที่ผมเล่าเพราะหวังดีนะ”
“ขอบคุณที่คุณหวังดีเล่าให้ฟัง งั้นผมก็ขอหวังดีบอกคุณว่า ต่อให้ผู้หญิงที่คุณพูดลับหลังจะ ไม่ใช่แม่ พี่น้อง ลูกสาว หรือคนรักของนาย แต่เขาก็อาจเป็นแม่ พี่น้อง ลูกสาวหรือคู่รักของใครบางคนอยู่ เหมือนกัน เป็นผู้ชายอย่าเอาผู้หญิงมาพูดลับหลัง ไม่ว่าจะมีสาเหตุที่ควรจะพูดหรือเปล่า เพราะมันดูไม่เป็น สุภาพบุรุษเลย”
บุรีพูดจบก็เดินออกไปทันที ชายคนนั้นหน้าเจื่อนที่โดนตอกหน้ากลับนิ่งๆ ศรุตามองบุรีด้วยสายตาทึ่ง ที่เขาปกป้องเกียรติให้เธอขนาดนี้
บุรีเดินอย่างหงุดหงิดออกมายืนสงบอารมณ์ ศรุตาเดินมายืนข้างหลัง พลาง มองเขาด้วย สายตายิ้ม และอิ่มใจ
“ขอบคุณนะคะที่ปกป้องเกียรติให้ฉัน”บุรีหันหลังมา เห็นศรุตาก็ตกใจ
“ทราย คุณมาที่นี่ได้ยังไง ? แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ทำไมคุณไม่อยู่กับฌาน ?”
“ถามยาวเป็นสายเคเบิลอย่างนี้ สงสัยต้องใช้เวลาตอบนาน งั้นเราไปทานข้าวกันไหมคะ ? ถ้าคุณไม่กิน ฉันก็ไม่สามารถตอบคำถามใดๆของคุณได้ ฉันหิว พอหิวแล้วก็ไม่มีแรง พอไม่มีแรง ก็อ้าปากพูด ไม่ได้ สมองเบลอ”
บุรีมองศรุตาหน้าเครียด ขณะที่เป็นห่วงฌาน
ฌานเดินนำศรวณ๊ย์มาที่จุดชมวิวมุมสูงที่เห็นบรรยากาศท้องทะเลและชุมชนโดยรอบได้อย่างชัดเจน หญิงสาวเดินตามมามองวิวอย่างตื่นตาตื่นใจ
ฌานมองวิว แล้วเล่าอดีตด้วยสีหน้ามีความสุข
“ตอนนั้นพี่กับพ่อขี่จักรยานเล่นกัน แล้วบังเอิญหยุดพักตรงนี้ ถึงได้เจอที่นี่ พ่อกับพี่จะพาแม่ มาดู แต่แม่ไม่มา แม่บอกดูวิวตรงไหนก็เหมือนกัน แต่พ่อไม่ยอมแพ้ พ่อวางแผนว่าถ้าถึงวันเกิดพี่ จะจัดงาน
ตรงนี้ จะได้พาแม่มาดูวิวตรงนี้จนได้ แต่พ่อไม่ทันได้พาแม่มา พ่อเสียไปก่อน”
ฌานยืนมองวิวนิ่งๆ ศรวณีย์คิดอยากหาเรื่องให้เขามีความสุข
“งั้นคืนนี้พี่ฌานก็มาฉลองวันเกิดกับคุณแม่และพี่ทรายตรงนี้สิคะ”
ฌานยิ้มกับแผนงานวันเกิดอย่างมีความสุข
“พี่ก็คิดไว้อย่างนั้น แม่พี่ใกล้จะมาแล้ว เดี๋ยวพี่แวะส่งศรที่บ้านก่อนแล้วกัน ค่อยไปรับแม่ที่ สนามบิน”
ศรวณีย์บอกให้ฌานไปส่งที่ตลาด เพราะอยากซื้อของ แต่ไม่บอกว่าซื้ออะไร
ศรวณีย์มาเลือกดูผ้าพันคอให้ฌาน แต่ก็ลังเล ไม่รู้จะซื้อสีไหน
“ถ้าพี่ทรายอยู่ก็คงดี แล้วจะบอกพี่ฌานเรื่องที่ทรายยังไงดี ?”
หญิงสาวหน้าเครียด
บุรีนั่งมองศรุตาที่นั่งตรงข้ามกันที่โต๊ะอารนิ่งๆ ก่อนจะถามย้ำ
“คุณตอบผมได้รึยังว่าคุณมาที่นี่ทำไม ?”
หญิงสาวเสทำเป็นชวนกินข้าวก่อน พลางแกะปลาให้บุรี แต่กลับเผลอโดนก้างปลาตำนิ้ว
บุรีจับนิ้วเธอมาดู แล้วเอาทิชชูมาซับเลือดและกดแผล ศรุตามองบุรีที่กดแผลที่นิ้วอย่างห่วงใยแล้วแอบอมยิ้มมีความสุข
บุรีปล่อยมือ แล้วพูดเข้าประเด็น “ คุณรู้ใช่ไหมว่าวันนี้เป็นวันเกิดฌาน”
ศรุตาถอนใจที่เขาพูดเข้าเรื่องจนได้ “รู้”
“ถ้าคุณรู้ ตอนนี้คุณก็ควรอยู่กับเขา ไม่ใช่ที่นี่”
หญิงสาวมองบุรีอย่างน้อยใจ “ แล้วยังไง ?”
“ทราย นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาเอาชนะผมนะ วันนี้เป็นวันสำคัญของฌาน”“แค่วันเกิด มันไม่ได้มีวันนี้แค่วันเดียวสักหน่อย”
บุรีถอนหายใจ “คุณกลับไปเถอะ”
“ไม่กลับ”
“ผมขอร้องล่ะ กลับไปหาฌานเถอะ คุณจะอยู่ที่นี่ทำไม ?”
ศรุตามองบุรีด้วยสายตาตัดพ้อ “ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่น่ะเหรอ ? มันเป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำไม ฉันถึงขึ้นเรือสัมมนานั่น ลองลบชื่อฌานออกไปจากสมองคุณสักวินาที แล้วคุณลองคิดสิว่า ทำไม ?!”
ศรุตาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป บุรีมองตามแล้วถอนใจเครียดว่าเขาจะทำยังไงดี
อ่านต่อตอนที่ 11