ทรายสีเพลิง ตอนที่ 6
เสาวณีย์เดินเข้ามาในห้องนอนของลูกสาวด้วยท่าทางหงุดหงิด พลางหยิบถุงของที่ศรุตาซื้อให้ศรวณีย์จะเอาไปทิ้ง หญิงสาวที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เห็นเข้าโวยวายขึ้นมาทันที หาว่ามารดาอคติกับศรุตา แต่กลับโดนมารดาตอกกลับ
“ถ้าศรยังเป็นลูกของแม่ ศรต้องฟังแม่ ต่อไปนี้เลิกไปไหนมาไหนกับมัน สิ่งที่ศรต้องทำตอนนี้ ก็คือโทรไปนัดพัชระให้ไปเลือกแหวน คุยกับwedding planner ให้เรียบร้อย”
“แต่ช่วงนี้พี่พัชติดงาน”
“เขาติดงาน ก็ไปนั่งรอเขาที่ทำงานสิ ทำยังไงก็ได้ให้พัชระไปกับศร จำไว้นะลูกศร ถ้าผู้ชายเลือก แต่งงานกับเราแล้ว แปลว่าตำแหน่งที่หนึ่งอยู่ในมือเราแล้ว อย่าให้ใครหน้าไหนมาแย่งสิ่งที่อยู่ในมือเราไปได้”
ศรวณีย์แอบทำหน้าอ่อนใจ ไม่อยากทำอย่างที่มารดาบอก
ศรุตานั่งดื่มกาแฟและทานอาหารเช้ากับดวงตา พร้อมกับคุยมือถือกับน้องสาวต่างมารดาไปด้วย
“วันนี้ศรไม่ไปสปากับพี่เหรอ ? ทำไมล่ะ ?”
ศรวณีย์อึกอักไม่กล้าบอก “คุณแม่ให้ศรไปหาพี่พัชค่ะ ให้ไปเลือกแหวนแต่งงาน ศรขอโทษนะคะ พี่ทราย”
ศรุตาฟังน้องสาวต่างมารดาพูด ก็นึกรู้เจตนาของเสาวณีย์
“ไม่เป็นไรจ้ะ ขอให้เลือกแหวนให้สนุกนะ”
จากนั้นก็กดวางสาย แล้วคิดบางอย่าง
“ลูกศรยกเลิกนัดเหรอลูก ?”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบมารดา พร้อมดื่มกาแฟ ด้วยท่าทีนิ่งๆ “แม่เขาสั่งให้ลูกสาวไปเกาะติดคู่หมั้นไว้
กลัวว่าที่ลูกเขยจะหลุดมือ แต่เขาลืมอะไรไปอย่างนึง”
“ลืมอะไรลูก?” ดวงตาถามหยั่งเชิง เพราะอยากรู้ว่าลูกสาวเตรียมแผนอะไรไว้“ลืมไปว่าไม่มีใครกำของร้อนไว้ในมือได้ โดยเฉพาะหัวใจที่มันกำลังร้อนรน” ศรุตายิ้มอย่างมีแผน ดวงตามองทีท่าของลูกสาวอย่างกังวลใจ
บุรีนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ พลางมองดอกจำปีที่ทับอยู่ในหนังสืองานแบบของตัวเอง พอกี้เดิน เข้ามา ชายหนุ่มก็รีบปิดหนังสือ
กี้ถามถึงเรื่องไปดูแลงานซ่อมบ้านศรุตา บุรีบอกว่า
“ทุกอย่างจบแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องไปเกี่ยวข้องกันอีก”
“แต่ได้ข่าวเดี๋ยวพี่ต้องทำบ้านหลังใหญ่ให้เป็นเรือนหอของพัชต่อนะ”
จังหวะเดียวกับที่เสียงข้อความจากมือถือของพัชระดังเตือนขึ้นมา พอเห็นชื่อคนที่ส่งเป็น “ทราย” ก็ถึงกับชะงัก
“ฉันมาดูเฟอร์นิเจอร์คนเดียว เลือกไม่ถูกเลย ถ้าคุณว่าง แวะมาช่วยเลือกหน่อยได้ไหม ?”
พัชระรีบหันมาบอกทุกคน
“ขอโทษนะครับ ผมนึกได้ว่าต้องไปดูการ์ดแต่งงานกับลูกศร”
พูดพลางก็ผลุนผลันออกไปทันที บุรีมองตาม แล้วรีบเรียกไว้
“งานซ่อมบ้านใหญ่ พี่จะให้นายทำนะ มันเป็นเรือนหอของนาย นายสร้างเรือนหอให้ ใครต่อใคร มามากแล้ว ไม่อยากสร้างเรือนหอของตัวเองบ้างเหรอ ?”
“แต่ทรายอยากให้พี่ทำไม่ใช่เหรอฮะ”
“นายทำเองไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อยนายก็ต้องคิดไว้บ้างว่านายอยากสร้างอะไรให้กับครอบครัว”
พัชระตอบกลับแบบหงุดหงิด “ผมยังไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”
จากนั้นก็รีบเดินออกจากออฟฟิศไปทันที
บุรีกับกี้เดินออกจากออฟฟิศจะไปดูงานด้วยกัน พอดีกับที่ศรวณีย์ ที่ทำผมทรงใหม่ แต่งตัวสไตล์ใหม่ ทันสมัยขึ้นเดินเข้ามา ทั้งคู่มองหญิงสาวอย่างแปลกใจ
“ต้องยกความเก่งให้พี่ทรายค่ะ พี่ทรายพาศรไปแปลงโฉม”
บุรีคิดอย่างระแวงว่าศรุตาคิดจะทำอะไร
“แล้วศรมาทำอะไรเหรอ ?”
“มาหาพี่พัชค่ะ” พลางบอกต่อว่าจะไปดูแหวนแต่งงานด้วยกัน
กี้มองหน้าบุรีอย่างงงๆ บุรีถอนใจที่พัชระโกหกหญิงสาว พร้อมๆ กับที่รู้ดีว่าต้นเหตุมาจากใคร ?ศรวณีย์ก็ถึงกับหน้าเจื่อน ที่รู้ว่าพัชระโกหก
พัชระมองหาศรุตา แต่ไม่เจอ จึงรีบโทร. หา หญิงสาวแอบดูอยู่ห่างๆ พร้อมกับตั้งใจไม่รับสาย ครู่หนึ่งเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีก ศรุตามองชื่อที่หน้าจอแล้วรีบกดรับ
“ว่ายังไงจ้ะลูกศร ? พี่มาดูอุปกรณ์ตกปลาน่ะ ศรไม่รู้เหรอว่าพี่ชอบตกปลา มันสนุกที่ได้ใช้จังหวะ หย่อนหรือดึง สายเบ็ดหลอกล่อปลาดื้อบางตัวที่คิดว่าฉลาด สุดท้ายก็ติดเบ็ดเราอยู่ดี”
พูดพลางปรายตามองพัชระ
“ว่าแต่ศรมีอะไร ไหนว่าแม่ให้ไปเลือกแหวนกับพัชระไม่ใช่เหรอ ?”
“พัชระโกหกกับศรว่าติดประชุม แล้วก็โกหกคนในออฟฟิศว่าไปกับศรเหรอ ?”
ศรุตาแกล้งทำสุ้มเสียงตกใจ และเป็นห่วงน้องสาว
“ค่ะ ศรควรทำยังไงดีคะพี่ทราย ?”
ศรุตามองศรวณีย์ด้วยสายตายิ้มเยาะ แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นเห็นใจ
“ไม่เห็นต้องทำยังไงเลยศร เห็นๆอยู่แล้วว่าพัชระไม่อยากแต่งงานกับศร”
หญิงสาวถึงกับตกใจ ที่พี่สาวต่างมารดาพูดออกมาตรงๆ
“พี่ขอโทษนะที่ต้องพูดตรงๆ”
“ศรยอมรับว่าศรก็รู้สึกว่าพี่พัชรู้สึกยังไง แต่ผู้ใหญ่จัดการทุกอย่างแล้ว”
ศรุตาพูดล้างสมองต่อ “ต้องให้พี่พูดกี่ครั้งว่าศรโตแล้วนะ เรื่องแต่งงานมันคือชีวิตศรทั้งชีวิต ถ้า ผู้ชายไม่รัก จะไปทนเขาทำไม ตราบใดที่ศรยังไม่เข้าพิธีแต่งงาน ยังไม่จดทะเบียนสมรส ศรยังมีโอกาสมองคนอื่น ได้อยู่”
“คนอื่น ?” หญิงสาวถามซื่อๆ
“พระเอกในฝันของศรไง ผู้ชายที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นเหมือนพ่อ”
หญิงสาวถอนใจ “ศรคงไม่มีโอกาสเจอมั้งคะ”
“ก็ไม่แน่ พี่เคยอ่านนิยายเขาบอกว่า โชคชะตามักเล่นตลก เวลาที่เราอยากเจอใคร มักไม่ได้เจอ แต่เวลาไม่คิดว่าจะเจอ ก็มักจะเจอ เพราะฉะนั้นใครจะรู้ ศรอาจจะเจอพระเอกในฝันอีกวันสองวันนี้ก็ได้”
ศรุตามองน้องสาวผู้อ่อนต่อโลกด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
นอร์แมนมองจ้องมองภาพบนจอด้วยสายตาใคร่ครวญ ขณะที่อลันทำหน้านิ่ง แล้วพยายามหาจุดอ่อนของโครงการที่ฌานกำลังนำเสนอ จนนอร์แมนเริ่มคล้อยตาม
“ชาร์ลส์ อลันพูดก็มีส่วนถูก”
อลันยิ้มเยาะให้ ฌานพยายามเก็บอารมณ์ไว้
“โครงการนี้มันยังหลวมไป กลับไปคุยกับสถาปนิก ปรับแบบใหม่ให้เสร็จ แล้วเตรียมงานเปิดโครงการภายใน 2 อาทิตย์ ส่วนบ้านนั่น ทุบทิ้งซะ”
ฌานรีบถือกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านนอร์แมน อลันยืนรอเยาะเย้ยอยู่หน้าบ้าน
“เสียใจด้วยนะพี่ชาย บ้านที่เป็นความทรงจำวัยเด็กต้องโดนทุบทิ้ง หวังว่าแกจะไม่ตุกติกกับ ลุงเขยล่ะ”
ฌานมองอลันเหยียดๆ “ก็ให้หนอนของแก จับตาดูฉันให้ดีแล้วกัน ไอ้พวกหมาลอบกัด”
ศรุตากำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง พร้อมกับคุยมือถือกับฌานไปด้วย
“คุณกลับเมืองไทยแล้วเหรอฌาน แล้วตอนนี้คุณอยู่ไหน ?”
“ผมมาคุยงานที่บ้านบุรี เดี๋ยวผมคุยงานเสร็จแล้วโทรหานะ จ้ะ ผมก็คิดถึงคุณ”
ศรุตากดวางสายด้วยสีหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็กดมือถือโทร. หาศรวณีย์ทันที
“ศรจ้ะ วันนี้ออกมาหาพี่รึเปล่า? อยู่ๆวันนี้พี่ก็รู้สึกว่ากำลังจะโดนโชคชะตาเล่นตลกแล้วล่ะ“
ศรวณีย์แต่งตัวเตรียมออกไปหาศรุตา พลางพูดปดมารดาจะออกไปดูการ์ดแต่งงานกับพัชระ
พอลูกสาวเดินอกไป เสาวณีย์ก็หยิบมือถือมากดโทร. หาคุณแพรทันที
“สวัสดีค่ะคุณแพร วันนี้พัชระนัดไปดูการ์ดแต่งงานกับลูกศรเหรอคะ ? คิดแล้วไม่มีผิด คุณแพร ว่างไหมคะ เด็กสองคนนั่นคงไม่ว่างไปจัดการเรื่องแต่งงาน มีมารมาผจญ เราไปจัดการเองดีกว่าค่ะ”
เสาวณีย์กดวางสาย
“แกไม่มีวันขัดขวางงานแต่งงานของลูกฉันได้หรอก นังทราย”
“แกจะไม่ไปคุยงานที่ออฟฟิศ?” บุรีถามย้ำกับฌานด้วยความแปลกใจ “ระวังคนในออฟฟิศ จะสงสัย อย่างน้อยก็คนสนิทกัน”
“เพราะสนิท ฉันถึงต้องแอบมาคุยงานกับนายนี่ไง”
“แล้วถ้าคนที่ออฟฟิศถาม ?”
ฌานถอนใจเครียด “ฉันก็ยังไม่รู้จะพูดยังไง ?”
“แล้วเรื่องโครงการ ตกลงแกจะแก้ตามที่ป๋าแกสั่งรึเปล่า ?”
ฌานส่ายหน้าช้าๆ “ถ้าแค่เพิ่มจำนวนตึก ฉันยังพอทน แต่นี่ให้ทุบบ้านพ่อทิ้ง มันเหมือนโดน
ฉีกภาพถ่ายใบสุดท้าย”
บุรีมองฌานอย่างเห็นใจ
“ไม่ใช่แค่บ้านของพ่อ แต่มันยังเป็นสิ่งที่ฉันอยากเก็บไว้ให้กับคนที่ฉันรัก”
บุรีชะงักเจ็บจี๊ดในหัวใจ แต่เก็บอาการไว้ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องด้วยการชวนฌานออกไปนั่งที่ร้าน
ฌานนิ่งคิด ก่อนปฏิเสธ “ไม่ล่ะ ฉันว่าจะไปที่อื่น”
ฌานพาศรุตาเดินเข้ามาในมูลนิธิเด็ก
“คิดยังไงถึงให้ทรายพามาที่นี ติดใจอะไรรึเปล่า ?” หญิงสาวแกล้งหยั่งเชิง
“คงติดใจความสดใสของเด็กๆมั้ง มันทำให้ผมสบายใจ” ฌานเดินไปยืนมองเด็กๆ แบบเหม่อๆ เหมือนกำลังมองหาใครสักคน ทันใดนั้นมือถือหญิงสาวก็ดังขึ้น ศรุตาเดินห่างออกมา แล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล ตอนนี้ศรอยู่ไหนแล้วจ๊ะ ?”
“ศรมาถึงมูลนิธิแล้วค่ะ พี่ทรายอยู่ไหนแล้วค่ะ”
ศรุตายิ้มเจ้าเล่ห์
“พี่ขอโทษนะศร พอดีพี่มีนัดด่วนกับแม่ ศรเล่านิทานให้เด็กๆฟังคนเดียวได้ไหม ?”
“ได้ค่ะพี่ทราย พี่ทรายทำธุระกับคุณป้าเถอะค่ะ”
ศรุตาเห็นศรวณีย์กำลังเดินไปทางสนาม ก็รีบเดินแอบ
“ขอโทษนะศร ที่พี่นัดศรมา แล้วก็เบี้ยวนัด เล่นกับเด็กๆให้สนุกนะจ้ะ”ศรุตากดวางสายแล้วมองไปทางฌาน ที่ยิ้มดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นศรวณีย์ จากนั้นก็แอบมากดส่งข้อความให้ฌาน
“ไปหาอะไรดื่มก่อนนะ เดี๋ยวมา”
ฌานเก็บมือถือแล้วมองไปทางศรวณีย์ ที่มองมาเห็นเขา ก็ยิ้มดีใจ
“คุณ”
จากนั้นก็เดินตรงดิ่งมาหา
“สวัสดีครับ เอาของมาให้เด็กๆเหรอครับ”
“ค่ะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ ? ปัญหาที่คุณพูดคราวก่อน ตกลงใช้ความรู้สึกแก้ปัญหาได้ไหม ?”
ฌานยิ้มเจื่อนๆ
ศรวณีย์มองฌานอย่างเห็นใจ
“ฉันว่าแล้วว่าสิ่งที่ฉันแนะนำต้องเหลว”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิครับ คุณพูดถูกแล้วว่าบางอย่างต้องใช้ความรู้สึกตัดสิน แต่เรื่องนี้มันยาก”
“แล้วคุณจะทำยังไงล่ะคะ ?”
ฌานถอนใจเครียด “ผมกำลังคิดว่าจะเลือกอะไร ระหว่างความทรงจำในอดีตกับเงิน แต่คิดว่าคง จะเลือกเงิน เพราะอดีตไม่มีค่าเท่าเงิน”
“ใครว่าล่ะคะ ความทรงจำมีค่ากว่าเงินต่างหาก ความทรงจำดีๆ เป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นด้วย ความสุข ซึ่งมีเงินมากขนาดไหน ก็ซื้อสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะรักษาความทรงจำไว้ ขอโทษนะคะ ฉันพูด เพ้อเจ้อไปหน่อย”
ฌานมองหญิงสาวอย่างชื่นชมในความคิด ที่ใสซื่อของเธอ“ฉันถามคุณหน่อยได้ไหมคะว่าคุณทำงานอะไร ?” หญิงสาวตามตรงๆ
“แล้ววันนึง ผมจะบอก”
ศรุตาแอบมองฌานกับศรวณีย์คุยกันกลางสนามแล้วยิ้มพอใจ พร้อมๆ กับนึกถึงคำพูดของเสาวณีย์ด้วยความแค้นใจ
“ผู้ชายไม่เอา ก็ยังจะตามเขาอีก เหมือนแม่ไม่มีผิด”
“อีกหน่อยก็รู้ ว่าใครกันแน่ ที่ผู้ชายไม่เอา ก็ยังจะตามเขาอีก”
จากนั้นก็กดโทร. หาฌาน
“คุณอยู่ไหนน่ะฌาน ฉันจะกลับแล้วนะ”
“งั้นคุณไปรอผมที่หน้ามูลนิธินะ เดี๋ยวผมไปหา”
ฌานกดวางสายแล้วหันมามองศรวณีย์
“ผมคงต้องกลับก่อน”
หญิงสาวรู้สึกใจหายนิดๆ
“แล้วถ้าว่างๆ ผมจะมาอีก”
ฌานมองสบตาศรวณีย์ ที่รีบหลบตาชายหนุ่มอย่างประหม่า
ฌานสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นเดินมาหาศรุตา
“หน้าตาสดใสขึ้น แปลว่าคิดอะไรได้แล้วสิ”
ฌานหันไปมองทางสนาม “อืม คิดไม่ผิดจริงๆที่มาที่นี่”
“งั้นคุณต้องมีรางวัลให้ฉันนะ ที่ฉันพาคุณมาเจอสิ่งดีๆ”
“คุณจะเอาอะไรล่ะ ? ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ยกเว้นตัวกับหัวใจ สองอย่างนี้ผมให้ผู้หญิง ที่ชื่อ ศรุตาไปหมดแล้ว”
หญิงสาวยิ้มพิมพ์ใจ “ฉันรู้อยู่แล้วว่าสองอย่างนั้นเป็นของฉัน ฉันถึงมั่นใจให้คุณเจอผู้หญิงคนอื่น”
ทางด้านดวงตา ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านบุรี ครู่หนึ่งแม่ของชายหนุ่มก็เดินเปิดประตูออกมา
“มาหาใครคะ ?”
“คุณใช่ลูกสาวคุณครูนารีรึเปล่าคะ ?”
แม่บุรีมองดวงตาอย่างพยายามนึกว่าคือใคร ?
พัชระเดินหงุดหงิดจะเข้าออฟฟิศ สวนกับบุรีข้างหน้าพอดี “เมื่อวันก่อนไปเลือกการ์ดแต่งงานกับลูกศรเป็นยังไงบ้าง?”
พัชระชะงักกึก “ก็ดีครับ”
“แล้วเลือกได้ไหม ?”
“ยังไม่ค่อยถูกใจลูกศรเท่าไรครับ พี่บุรีก็รู้ว่าลูกศรเลือกของยาก”
“เหรอ ? แต่เท่าที่พี่รู้จักลูกศร พี่ว่าลูกศรเป็นผู้หญิงที่เลือกง่ายและมั่นคงกับสิ่งที่เลือกที่สุด”
พัชระมองย่างรู้ทันว่าบุรีพูดกระทบตัวเองอยู่ว่าตัวเองกำลังลังเล
“ผมเข้าไปทำงานต่อก่อนนะครับ”
“เมื่อวันก่อนลูกศรฝากบอกว่าวันนี้ให้ไปเลือกแหวนแต่งงานนะ”
“เอ่อ เขาโทรเข้าออฟฟิศเหรอครับ ?”
บุรีมองจ้องบหน้าพัชระ “เปล่า เขามาตอนที่พัชบอกว่าไปเลือกการ์ดกับลูกศร”
พัชระถึงกับไปต่อไม่ถูก
“ตั้งแต่ทำงานมา มีผู้ชายอยู่ไม่กี่ประเภทหรอกที่ไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรือนหอของตัวเอง ประเภท แรก ก็พวกตามใจแฟน กับอีกประเภทเป็นพวกไม่เต็มใจแต่ง”
“ผมก็แค่ยังคิดไม่ออก” พัชระเอาสีข้างเข้าถู
“แล้วถ้าสมมุติเจ้าสาวของนายเป็นคนอื่น พัชจะคิดออกไหม ? พี่พูดเพราะเรารู้จักกันมานาน อะไรดี พี่ก็ชม อะไรไม่ดี พี่ก็ขอเตือน แล้วถ้าเตือนแล้วไม่ฟัง พี่ก็จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
พัชระเหล่มองบุรี แล้วเดินเข้าออฟฟิศไป โดยไม่สนใจคำเตือน บุรีหันมองตาม พอหันกลับมาอีกที ก็เห็นดวงตายืนอยู่ตรงหน้า
“สวัสดีจ้ะ”
“สวัสดีครับ เอ่อ จะมาคุยเรื่องบ้านเหรอครับ ?”
“อาจะมาคุยเรื่องทรายกับบี”
บุรีได้ยินดวงตาเรียกตัวเองว่า “บี” ก็ถึงกับชะงัก
“อาดีใจที่บียังจำน้องได้”
ดวงตามองบุรีอย่างดีใจ ขณะที่นั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟ ตรงข้ามกับบุรี ที่ถอนหายใจอย่างลำบากใจ
“ผมขอโทษที่วันนั้นเจอคุณอา แล้วผมไม่ได้บอกว่าผมคือบี”
“แล้วบีก็ไม่ได้บอกทรายด้วยใช่ไหม ?” ดวงตาถามตรงๆ
“ผมเห็นน้องมีชีวิตใหม่ คบกับผู้ชายที่ดีอย่างฌาน ผมไม่อยากรื้อฟื้นอดีตอีก”
ดวงตาส่ายหน้าเบาๆ
“บีเข้าใจผิดแล้ว ทรายไม่เคยมีชีวิตใหม่ ทรายยังยึดติดกับอดีต แต่โทษทรายไม่ได้หรอก ถ้าจะผิด มันผิดที่อา อาเป็นคนใส่ความเกลียดชังผู้ชาย คอยบอกแต่ว่าผู้ชายเห็นแก่ตัวเหมือนอย่างพ่อของทราย จนทำให้
ทรายใช้ความแค้นสร้างกำแพงปิดหัวใจตัวเอง ทรายไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างใคร ทรายต้องเป็นผู้ชนะ”
บุรีมองดวงตาแล้วคิดถึงคำพูดของคุณครูนารีผู้เป็นยาย
“จำไว้นะบี คนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่ใช่มีหน้าที่แค่ให้กำเนิดและเลี้ยงดู หรือทุ่มเทความรักให้ลูกแล้ว มันจะพอ แต่ต้องคอยปกป้องดูแลดวงวิญญาณที่แสนบริสุทธิ์ด้วย โดยคอยเสริมสร้างความความคิด และจิตสำนึก ที่งดงามลงไปในหัวใจของลูกด้วย เพราะเด็กนั้นเหมือนฟองน้ำ พร้อมจะดูดซับทุกอย่างที่พ่อแม่กระทำโดยไม่รู้ตัว ถ้าพ่อแม่แสดงแต่ความกดดันคับแค้นให้ลูกเห็น เด็กก็จะผูกมัดปมนั้นขึ้นในใจ เด็กจะโตเป็นคนยังไง ล้วนพัฒนา มาจากปมเหล่านั้นนั่นเอง”
ดวงตามองบุรีด้วยแววตาอ้อนวอน
“บีเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทรายยังมีความศรัทธา ถ้าจะมีใครสักคนหยุดความแค้นของทรายได้ก็คงเป็นบี”
อ่านต่อหน้า 2
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 6 (ต่อ)
ศรุตาเดินเข้ามาในบ้านริมน้ำ พลางมองเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งไว้แล้วบางส่วน จากนั้นก็เดินมาเปิดกระเป๋าเดินทางหยิบ รูปภาพต้นแบบ The Starry Night ของแวนโก๊ะขึ้นมา แล้วมองด้วยแววตาครุ่นคิดถึง “พี่บี”
“พี่ใจดีมั้ยคะ”
เด็กหญิงในวัยเด็ก ถาม “พี่บี” ที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“น้องทรายว่าใจดีมั้ยล่ะ”
“ใจดีค่ะ”
“ใจดี ดูจากอะไรครับ” เด็กชายย้อนถาม
“ดูจากลูกกะตาพี่ค่ะ พี่มีลูกกะตาปลอบๆค่ะ ลูกกะตาพี่บีปลอบคน คนที่เค้าเศร้าน่ะค่ะ คนที่เค้าร้องให้ ถ้าเค้าเจอพี่บี เค้าก็จะหยุดร้องให้ได้ค่ะ”
“พี่บี” มองเด็กหญิงที่นั่งหน้าเศร้าด้วยความเห็นใจ
บุรีถอนใจเจ็บปวด
“ผมคงช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ ทรายลืมผมแล้ว ผมเป็นแค่พี่ชายในอดีตเท่านั้นเอง ขอโทษนะ ครับคุณอา”
ดวงตาตัดสินใจหยิบกล่องใส่จดหมายมาวางตรงหน้าบุรีพร้อมกับเปิดกล่องให้เห็นจดหมาย เป็นร้อยๆ ฉบับ
“นี่คือจดหมายที่ทรายเขียนถึงบีตลอดเวลาที่อยู่อเมริกา แต่ทรายไม่กล้าส่ง เพราะเขากลัว บีไม่รอเขา”
บุรีมองจดหมายในกล่อง แล้วนึกถึงคำพูดของฌาน
“แกเชื่อเรื่องรักแรกไหมวะ ? ตอนฉันขอเขาแต่งงานแรกๆ เขาจะปฏิเสธด้วยคำตอบว่า เขามีคนที่
อยู่ในใจอยู่แล้ว เป็นรักแบบ At First sign”
ดวงตาพูดต่อ “บีไม่ใช่อดีต บีคือ ALWAYS ของทราย”บุรีค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสจดหมายด้วยความรู้สึกอึ้ง ดีใจที่ศรุตาไม่เคยลืมเขา “ความรักและความมั่นคงของบี จะดึงทรายออกจากบ่วงความแค้นนี้ได้ บีช่วยน้องนะ”
บุรีมองดวงตา พร้อมกับที่มือถือดังขึ้น หน้าจอเห็นเป็นชื่อ “ฌาน”
ดวงตามองบุรีอย่างรอคอยคำตอบ
บุรีจอดรถที่หน้าบ้านริมน้ำ พร้อมกับคิดทบทวนเรื่องของศรุตา พลางมองไปทางกล่องใส่จดหมาย ที่วางอยู่ที่เบาะคนนั่งข้าง คำพูดของคุณครูนารี เมื่อวันที่เห็นเขานั่งเขียนไดอารี่ถึงเด็กหญิงศรุตายังก้องอยู่ในหู
“ทรายเป็นเด็กน่าสงสาร เด็กที่เติบโตท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้ใหญ่ไม่ยอมรับ ถึงเขาจะ ไม่แสดง ออก แต่ความจริงเขาแสนจะโดดเดี่ยว บีโชคดีกว่าเขาเยอะ เพราะเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น ไม่รวยมาก จนเป็น ชนวนเห็นคุณค่าของเงินและเกียรติยศมากกว่าความรัก ไม่จนมากจนต้องทำทุกทาง ไม่สนใจว่าถูกหรือผิด เพื่อถีบ ชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น พ่อแม่ของบีตั้งตนในที่อันเหมาะอันควร ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ถ้าวันนึงทรายกลับมา บีอย่าลืม เผื่อแผ่สิ่งดีๆที่บีได้เรียนรู้ให้กับน้อง เติมเต็มความอบอุ่นให้หัวใจที่แข็งกระด้างของน้องบ้างนะลูก”
บุรีหันหน้าไปมองไปทางบ้านริมน้ำ แล้วมองรถของศรุตาที่จอดอยู่ ด้วยความรู้สึกสับสน ไม่รู้จะ ดีใจหรือเสียใจที่รู้ว่าหญิงสาวไม่เคยลืมเขา
บุรีเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ประตู ศรุตาหันมาเห็นก็หลุดปากทัก
“พี่....” แล้วหยุดทันที “บุรีมาทำอะไร”
บุรีมองศรุตาด้วยแววตาอบอุ่น อ่อนโยน
“มาตรวจงาน ไม่ทราบหรอกว่าทรายย้ายเข้ามาแล้ว ถามพัช เขาบอกว่าเขาไม่รู้ว่าทรายจะย้ายเข้าเมื่อไหร่ เช็ดน้ำตาให้แห้งก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
“คิดว่าไม่เห็น” หญิงสาวพูดเขินๆ
“น้ำตาเต็มตาขนาดนั้น ไม่เห็นได้ไง คิดถึงอเมริกาหรือทราย”
ศรุตาส่ายหน้าช้าๆ “เอ่อ เปล่าหรอก คิดถึงคนๆหนึ่ง”
บุรีจ้องหน้าหญิงสาว คำถามฉายชัดในแววตา
“คนที่ทรายเคยบอกว่าบุรีนะ หน้าเหมือนเค้าไง”
“อ๋อ”
“อ๋อ จำได้เหรอ”
บุรีพยักหน้า พลางปรายตาไปเห็นรูป The Starry Night
“ใช่ The Starry Night แวนโก๊ะ ถึงได้คิดถึง พี่คนนั้น เขาชอบรูปนี้”
บุรีอึ้งนิดนึง ความเงียบแผ่เข้ามาปกคลุม เริ่มไม่แน่ใจว่าจะบอกเธอดีมั้ย
“ผมขอตรวจงานก่อนนะ”
“ตามสบาย”
บุรีเดินหายไป ศรุตาหันไปมองจ้องภาพ The Starry Night นิ่งๆ
บุรีหันมามองเธอด้วยสายตาอ่อนละมุนลง พลางคิดถึงคำพูดที่เขาตอบดวงตา
“ผมจะช่วยให้ทรายก้าวผ่านอดีต”
“ผมอยากให้ทรายเดินไปข้างหน้ากับคนที่รักเขา”
บุรีสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง
บุรีเดินออกมาหน้าบ้านริมน้ำ เตรียมจะขับรถอออกไป แต่พอดีเหลือบไปเห็นสายยูประตู ที่ไม่ได้ล็อก อดไม่ได้ที่จะเตือบศรุตาให้คิดถึงความปลอดภัย
“บุรีเป็นคนยังไง ช่วยตอบหน่อยได้ไหม”
“ผมเป็นคนระวังตัว หมายความว่าผมเป็นคนไม่ประมาท ถ้าสงสัยนิดเดียวว่ามีอันตราย จะมาถึง ผมจะระวังตัวป้องกันไว้ก่อน อย่างเนี้ย คนเข้าได้ง่าย ผมอยากให้ทรายระวังตัว ล็อกประตูนี้ไว้ตลอดเวลา”
พูดจบก็เดินตรงไปที่รถหน้าตาเฉย ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกล่องเครื่องมือ จากนั้นก็ลงมือซ่อมประตู ศรุตามองทีท่าของชายหนุ่มอย่างงงๆ
บุรีลุกขึ้น หันมาจะพูดบางอย่าง แต่แล้วเปลี่ยนใจเดินกลับไปที่รถ แล้วเดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับกุญแจมาดอกหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในบ้าน แล้วปิดประตูเสียงลั่นกุญแจ ศรุตายืนอยู่ข้างนอกถึงกับหน้า
เหวอ
หญิงสาวย่องออกมาจากข้างในบ้าน แล้วแกล้งกางแขนจะทำให้บุรีตกใจ แต่เกิดสียหลักจะล้ม ดีที่บุรีรับตัวไว้ได้ทัน
ศรุตาอยู่ในอ้อมแขนของบุรีที่ขืนตัวไว้แล้วจับสองแขนของญิงสาวไว้มั่นคง สีหน้ายังคงสงบเฉยไม่หวั่นไหว
“ขอบคุณค่ะ” ศรุตาสบตาบุรีด้วยแววตาหวั่นไหว “บุรีจะกลับแล้วเหรอ ทรายไปกับบุรีได้มั้ย หิวข้าว ไปกินข้าวได้มั้ย”
“เผอิญผมมีนัด ผมเกรงว่าจะไปไม่ทัน”
หญิงสาวนิ่งอึ้งไปอึดใจ “ไม่เป็นไร ขอบคุณที่เสียเวลาซ่อมประตูให้”
พูดพลางหันหลังกลับ ปิดประตูลั่นกุญแจ บุรียืนนิ่ง แต่แววตาอ่อนโยนลง
ฌานกับพ่อแม่ของบุรีกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน
บุรีเดินเข้ามามองฌานที่ดูมีความสุขขึ้น ต่างจากวันแรกที่กลับมาจากสิงคโปร์ พลางนึกถึงคำพูด สุดท้ายที่ตัวเองพูดกับดวงตา
“แต่ผมขอร้องคุณอาอย่างนึง อย่าบอกทรายว่าผมคือพี่บี”
แม่หันมาเห็นบุรีเดินเข้ามา
“อ้าว บุรีกลับมาแล้วเหรอลูก ? หิวไหม ?”
แม่ถามเพราะจะให้บุรีรีเป็นคนทำอาหารให้ฌาน แต่ชายหนุ่มกลับอาสาจะเป็นคนทำอาหารให้ทุกคนทานเอง
ฌานเข้ามาทำอาหารในครัวอย่างคล่องแคล่ว โดยมีบุรีเป็นลูกมือ
“วันนี้แกอารมณ์ดีต่างจากเมื่อวานเลยนะ”
บุรีพูดพลางก้มหน้ามองไปทางอื่น ไม่อยากให้ฌานเห็นรอยเจ็บในแววตา
“อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าความรักคือยาวิเศษ”
ฌานหัวเราะขำ
“โอ้โห ! พูดแบบเมื่อกี้อีกทีได้ไหม ? ฉันจะไปเรียกพ่อกับแม่มาฟัง ไม่น่าเชื่อว่าบุรีหัวใจหิน จะรู้ทฤษฏีความรักด้วย”
“สรุปเป็นเพราะทรายใช่ไหม แกถึงอารมณ์ดีอย่างนี้”
“ก็ส่วนนึง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด”
บุรีมองฌานอย่างแปลกใจ “หมายความว่ายังไง ?”
“ฉันตัดสินใจได้แล้วว่าจะแก้โครงการยังไง”
ฌานนั่งคุยกับบุรีและทุกคนในออฟฟิศด้วยสีหน้าเครียด พัชระมองอย่างแปลกใจ
“นี่คือรายละเอียดที่ป๋าต้องการแก้ ตัวมอลล์ แก้จาก 3 ชั้นเป็น 6 ชั้น ส่วนคอนโดแต่ละยูนิต ขาย แพงกว่านี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นซอยขนาดห้องเล็กลง ให้ได้ห้องจำนวนมากขึ้น เอาการตกแต่งมาทำให้ห้องดูใหญ่ แทน ส่วนจำนวนตึก ของเดิมเราวางไว้ 3ตึก เพิ่มเต็มพื้นที่เป็น 6 ตึก”
“โอ้โห แบบนี้เราแทบไม่มีพื้นพี่สีเขียวเลยนะคุณฌาน”
กี้ท้วง พัชระรีบพูดเสริม
“แล้วก็ไม่เหลือพื้นที่สำหรับบ้านพ่อพี่ด้วย”
ฌานกับบุรีมองพัชระ
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะเอาบ้านพ่อไว้นี่”
พัชระมองฌานอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พี่จะรื้อบ้านพ่อพี่ออกจริงๆเหรอ ?”
“นายฟังไม่ผิดหรอก ฉันยอมแก้ตามที่ท่านนอร์แมนสั่ง”
“ฉันไม่เชื่อว่าไอ้ชาร์ลส์มันจะยอมรื้อบ้านพ่อมันตามที่ลุงสั่งง่ายๆ มันต้องมีแผนอะไรสักอย่างแน่ๆ คุณต้องสืบมาให้ผม”
อลันสั่งพัชระกลับมาทางปลายสาย
“ผมก็ไม่รู้จะสืบยังไง เพราะพี่ฌานก็ให้ทุกคนทำตามแผนงานชัดเจน เอาเป็นว่าถ้ามีอะไร ผมจะ รีบโทรบอกคุณแล้วกัน”
พัชระกดวางสาย แล้วหันตัวกลับจะเดินเข้าออฟฟิศ ศรุตายืนกอดอกมองด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ถ้าคิดว่าการใช้วิธีสกปรกทำลายฌาน แล้วจะทำให้ฉันปลาบปลื้มความทุ่มเทของคุณขึ้นมาล่ะก็คุณคิดผิด นอกจากฉันจะไม่เห็นฌานห่วยแล้ว ฉันยังชื่นชมในความเข้มแข็งของเขา ตรงกันข้ามกับคุณที่อ่อนแอ
สิ้นดี”
“ผมทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหันมามองผม คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ”
“แล้วคุณต้องการอะไรทราย ?” พัชระย้อนถาม
“Can you think?! พัชระ ! Can you think?”
ศรุตาตอบกลับอย่างหงุดหงิด ค่าที่พัชระอย่างไม่ประสาจนคิดอะไรเองไม่ได้
ฌาน บุรีและกี้เดินคุยกันออกมาจากออฟฟิศพอดี
“ตกลงกี้ติดต่อเรื่องอีเว้นท์ให้ผมนะ ทราย มาได้ยังไง ?”
“ฉันมาให้กำลังใจคนเก่งค่ะ”
ศรุตาจงใจเดินเข้าไปจูบแก้มฌานต่อหน้าพัชระและต่อหน้าบุรี
“เคลียร์เรื่องงานเรียบร้อยแล้วใช่ไหมฌาน”
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ”
“ แล้วจะจัดงานเปิดตัวโครงการเมื่อไหร่คะ ?”
ฌานตอบยิ้มๆ “อีกอาทิตย์กว่าจ้ะ”
“งานนี้ต้องเป็นงานใหญ่ แขกคงไม่ต่ำกว่าพันคน” พูดพลางหันไปทางพัชระ “คุณอย่าลืมเอาการ์ดแต่งงานไปแจกนะพัชระ แต่ถ้าคุณไม่กล้า เดี๋ยวฉันช่วยแจกให้เอง”
ศรุตามองพัชระอย่างท้าทาย
“ผู้ชายในโลกนี้ น่าจะฉลาดเหมือนคุณ อะไรๆจะได้ง่ายขึ้น”
ศรุตาที่ยังคงหงุดหงิดกับความไม่ประสาของพัชระ บอกกับฌานชณะที่นั่งทานอาหารด้วยกัน“พัชระเหมือนม้าพยศ จะเล่นอะไร ก็ระวังหน่อย”
หญิงสาวทำหน้าซื่อ “เล่นอะไร พูดน่าเกลียด”
“คุณเพิ่งชมว่าผมเป็นคนฉลาด”
ศรุตารีบเปลี่ยนเรื่อง
“หยุดพูดเรื่องคนอื่นเถอะ มาพูดเรื่องของเราดีกว่า ฉันจะมาทวงของรางวัล ที่ฉันพาคุณไปเจอ สิ่งดีๆ จนได้ไอเดียของโครงการคุณ”
“ตกลงคุณคิดได้แล้วเหรอว่าอยากได้อะไร ?”
หญิงสาวยิ้ม ตาเป็นประกาย “ฉันอยากได้บัตรเชิญไปงานเปิดตัวโครงการ”
ฌานหัวเราะ “คุณก็รู้ว่ายังไงผมก็ต้องควงคุณไป ที่ผมพยายามทำทุกอย่าง เพื่อเก็บบ้านพ่อไว้ ส่วนนึงก็เพื่อคุณ”
“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันไม่ได้ขอให้ตัวเองค่ะ”
ฌานทำหน้างง“แล้วคุณขอให้ใคร ?”
“ไปงานเลี้ยงเปิดโครงการที่บริษัทพี่พัชทำน่ะเหรอคะ ?”
ศรวณีย์ถามศรุตาต่อหน้าศก และเสาวณีย์
“พ่อเห็นในหนังสือพิมพ์ เป็นงานใหญ่มากเลยนี่ลูก”
หญิงสาวยิ้มกว้าง
“ แขกประมาณเกือบพันคนน่ะค่ะพ่อ ศรไปกับพี่นะ”
เสาวณีย์รีบพูดแทรก
“ถ้าเป็นงานของบริษัทพัชระ เดี๋ยวพัชระก็ต้องมาชวนลูกศรอยู่ดี”
“จะไปกับใครก็ไม่เห็นต่างกัน” ศกแย้ง
“ต่างสิคะ เพราะถ้าไปกับพัชระ เขาไปในฐานะว่าที่ภรรยา”
เสาวณีย์มองศรุตาด้วยสายตายิ้มเยาะ
“ถ้าพัชระชวนลูกศรไป ทรายก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ชวนสิ ยังไงพัชระก็ต้องชวนลูกศรไป”
พัชระยืนคุยมือถือกับเสาวณีย์ พร้อมกับมองกล่องที่บรรจุการ์ดแต่งงานที่วางอยู่บนโต๊ะ ด้วย สีหน้าเรียบนิ่ง
“งานเลี้ยงเปิดตัวโครงการเหรอครับคุณอา ? ครับ ผมจะชวนลูกศรไปอยู่แล้วครับ เราจะได้เอา
การ์ดแต่งงานไปแจกกับแขกในงานกันครับ สวัสดีครับ”
คุณแพรมองลูกชายอย่างสงสัย
“ตอนแรกแม่คิดว่าพัชจะโวยวายซะอีก ที่คุณเสาว์จัดการทุกอย่างรวบรัดแบบนี้”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ผมไม่รู้จักทราย ผมก็คงโวยวายคุณอาเสาว์ไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมน่าจะขอบคุณ คุณอาเสาว์มากกว่า”
“หมายความว่ายังไงพัช ?”
พัชระคิดถึงคำพูดของศรุตา “Can you think?! พัชระ ! Can you think?”
“ เขาต้องการเอาชนะผม เขาอยากให้ผมวิ่งตามเขาเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้าผมอยากให้เขาเป็นคน วิ่งตามผม ผมต้องไม่ทำตามสิ่งที่เขาต้องการ แล้วผมนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายคุมเกมส์”
ศรุตาเดินจากบ้านใหญ่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะรู้ดีแก่ใจแล้วว่าพัชระต้องทำแบบนี้ เสาวณีย์ เดินตามออกมาด้วยสีหน้ายิ้มสะใจ
“คราวนี้เธอก็คงรู้แล้วสินะว่าไม่มีใครแต่งงานประชดเธอ”
หญิงสาวหันมายิ้มให้มารดาเลี้ยง
“เอ๊ะ ! ภาษาไทยเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่ายังไงนะ อ๋อ สงครามยังไม่ทันจบ อย่าเพิ่งนับศพ ทหาร ใช่ไหมคะคุณอา”
“ ใช่ ไม่ต้องนับศพหรอก เพราะสงครามนี้มีแค่ศพเดียว”
พลางยื่นการ์ดแต่งงานไปตรงหน้าหญิงสาว
“ดูซะให้เต็มตา เธอไม่มีวันแทรกระหว่างสองคนนี้ได้อีกแล้ว เอ๊ะ ! ภาษาไทยเรียก สถานการณ์ แบบนี้ว่ายังไงนะ อ๋อ ถ้าจะตีงู แค่หลังหักไม่พอ มันต้องตีให้ตาย”
พูดพร้อมกับเอาการ์ดแต่งงานยัดใส่มือ
“อย่าลืมไปแสดงความยินดีกับน้องสาวนะจ๊ะ”
เสาวณีย์เดินยิ้มอย่างผู้ชนะออกไป ศรุตามองตาม แล้วปรายตามองการ์ดแต่งงานในมือด้วย สีหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์
“หวังว่าเจ้าสาวจะไม่ใจแตกก่อนวันงานนะคะ”
“ค่ะดอน ฉันเจอบีแล้ว”
ดวงตาคุยกับดอนทางมือถือ
“แล้วแซนดี้รู้รึยัง ?”
ดวงตาถอนใจ “ยังค่ะ บีขอร้องไม่ให้บอกทราย แต่ฉันอยากบอกทรายค่ะ ถ้าทรายรู้ว่าบียังรอ ทรายเหมือนที่ทรายรอ ฉันเชื่อว่าความเจ็บแค้นและ เกลียดชังผู้ชายจากสิ่งที่คุณศกทำกับฉัน จะบรรเทาลง”“แต่คุณเพิ่งบอกผม ว่าบีไม่ให้บอกแซนดี้”
“ฉันกำลังคิดว่าฉันจะไม่บอก แต่จะให้ทรายไปเห็นบีด้วยตาของเขาเองค่ะ”
ศรุตากับกับดวงตานั่งทานอาหารเช้าด้วยกันตามปกติ ผู้เป็นมารดามองลูกสาวอย่างครุ่นคิด
“วันนี้เป็นวันเปิดโครงการของฌานใช่ไหมลูก ?”
“ใช่ค่ะ เป็นวันพิเศษที่น่าจดจำของฌาน และเป็นวันพิเศษที่น่าจดจำของทราย แล้วหลังจาก วันงานก็จะเป็นอีกวันสำคัญที่สุดของเรา คือวันที่เราจะย้ายไปอยู่บ้านของเรา”
ดวงตามองหญิงสาว แล้วตัดสินใจพูด
“ถ้าวันนี้ทรายว่าง แม่อยากชวนทรายไปกับแม่หน่อย”
“ไปไหนคะ?”
“ไปหาพี่บีกัน”
ศรุตาชะงักค้าง ก่อนจะปฏิเสธ
“ทรายยังไม่อยากไปเจอพี่บีตอนนี้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ ทรายไม่คิดถึงพี่บีแล้วเหรอ ?”
ศรุตาไม่ยอมสบตามารดา เหมือนกลบเกลื่อนความเจ็บปวดที่ซ่อนไว้
“ทรายกลัวค่ะแม่ เราไม่เจอเขานานเป็นสิบๆปีแล้วนะคะแม่ ป่านนี้พี่บีคงแต่งงานมีครอบครัว และลืมทรายไปแล้ว”
“แต่แม่ว่าเขาไม่ลืมทรายหรอก”
แววตาของหญิงสาวเจ็บปวด
“ผู้ชายก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละค่ะ ดูอย่างพ่อสิคะ ทั้งๆที่มีแม่เขายังมีคนอื่นได้ แล้วนับประสาอะไร กับคนที่ไม่เจอกันเป็นสิบปี”
“แล้วถ้าพี่บียังรอทรายอยู่ เหมือนที่ทรายรอเขา ทรายจะยอมลืมความแค้น ความเกลียดชัง แล้วเปิดใจให้ความรักมาแทนที่ได้ไหมลูก ?”
ศรุตาชะงักนิ่ง อย่างไม่รู้จะตอบยังไง มารดามองด้วยแววตากังวล
“ทรายไม่ยอมไปค่ะ”
ดวงตารีบโทร. ไปเล่าให้ดอนฟัง
“ผมก็ว่าดีนะที่แซนดี้ไม่ไปหาบี”
“ทำไมคุณคิดอย่างนั้นคะ ?” ดวงตาถามอย่างแปลกใจ
“ถ้าทรายไปเจอบี แล้วฌานล่ะ ?”
“คุณคิดว่าทรายรักฌานจริงๆเหรอคะ ?”
“ถ้าแซนดี้ไม่มีใจให้ฌานบ้าง เขาจะยึดฌานไปเพื่ออะไร ?” ดอนย้อนถาม
ศรุตาถือชุดราตรี 2 ชุด สำหรับตัวเอง และศรวณีย์ พร้อมกับกล่องใส่เครื่องเพชร 2 ชุด ลงจากรถ มามองหน้าบ้านใหญ่ด้วยสายตายิ้มๆ อย่างมีแผน
อ่านต่อหน้า 3
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 6 (ต่อ)
บุรีที่แต่งตัวเตรียมไปงานเลี้ยง กำลังนั่งคุยกับดวงตา ที่มาถามความคืบหน้าเรื่องบ้าน
“อาขอโทษที่มารบกวน แต่อาร้อนใจ อยากรู้ว่าบีหานายหน้าขายบ้านริมน้ำได้รึยังจ้ะ ?”
“คุณอาจะขายบ้านหลังนั้นจริงๆเหรอครับ ?” บุรีถามย้ำ
“อาอยากทิ้งทุกอย่างที่ผูกพันนอาและทรายไว้กับอดีต ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังนั้น หรือของอย่างอื่น ถึงทรายจะตกแต่งบ้านริมน้ำใหม่ แต่มันก็ลบภาพเก่าๆที่อยู่ในใจเขาไม่ได้ อาอยากรีบขายทุกอย่างให้มันจบๆ ก่อน ที่จะ …”
บุรีมองดวงตาอย่างสงสัย “ก่อนอะไรเหรอครับ ?”
ดวงตาไม่ตอบ แต่กลับถอนใจ
“อาขอร้องบีอีกอย่าง ช่วยดูแลลูกศรอีกคนได้ไหม ?”
ชายหนุ่มมองดวงตาอย่างสงสัยว่ากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่
ทางด้านศรุตา ที่แต่งชุดราตรีสวยสง่า กำลังช่วยแต่งหน้าให้กับศรวณีย์ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ทว่าหญิงสาวผู้น้องไม่เคยนึกหวาดระแวง
ศรวรณีย์เดินลงบันไดมา ที่คอของหญิงสาวประดับด้วยสร้อยทับทิมเส้นใหม่ ที่ศรุตาซื้อเพื่อให้เข้าชุดกับสร้อยข้อมือทับทิมที่เธอเอาไปซ่อม
เสาวณีย์เห็นสร้อยข้อมือทับทิมที่ลูกสาวใส่แล้วชะงักเพราะจำได้ รีบมองไปที่ศรุตาที่เดินตามหลังลงมา ในชุดราตรีงามสง่าประดับคอด้วยสร้อยเพชรที่เสาวณีย์เอาไปขาย หญิงสาวปรายตามองมารดาเลี้ยงด้วยแววตายิ้มเยาะ
“ถอดสร้อยทับทิมนั่นออกนะ”
ศรวรณีย์จับสร้อยทับทิมแน่นไว้ไม่ให้เสาวณีย์ถอด ศกกับป้าทิศรีบเข้ามาห้าม
“แต่พี่ทรายให้ศรนะคะคุณแม่”
ศรุตาพูดหน้าซื่อ
“มันเป็นสร้อยที่คุณย่าให้แม่ ทรายไม่ได้ใส่ ทรายเลยยกให้น้อง ไม่คิดว่าคุณอาจะรังเกียจขนาดนี้”
ศกรีบพูด
“ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกลูก” ผู้เป็นพ่อมองไปที่คอของลูกสาวคนโต “เอ๊ะ ! พ่อว่าสร้อยนั่น”
“ทรายเห็นคุณอาเสาว์เอาไปขาย ทรายเสียดาย เลยไปซื้อคืนมาน่ะค่ะ แม่เคยเล่าให้ทรายฟังว่า
สร้อยสองเส้นนี่ คุณย่าท่านให้อย่างมีความหมายมาก คุณอาก็รู้ความหมายมันใช่ไหมคะ”
เสาวณีย์นึกถึงคำพูดของคุณหญิงศิริ
“ดวงตาเป็นแค่เศษทับทิม แต่หนูเสาว์เป็นเพชรน้ำหนึ่ง”
เสาวณีย์มองศรวรณีย์ที่สวมสร้อยทับทิม ในขณะที่ศรุตาจงใจสวมสร้อยเพชร
“ทรายไม่อยากทิ้งเจตนารมณ์ของคุณย่า”
เสาวณีย์ปากคอสั่น “ลูกศรควรได้ใส่สร้อยเพชร”
“แต่ทรายเป็นคนซื้อสร้อยเพชรคืนมา เขาใส่ก็ถูกแล้ว” ศกแย้ง
เสาวณีย์มองสามีที่ไม่เข้าใจความหมายของสร้อยทั้งสองเส้นอย่างไม่พอใจ
“คุณศก”
ศกรีบตัดบท “รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวพัชระมารับใช่ไหม ?”
“ศรโทรบอกพี่พัชว่าไม่ต้องมารับ ศรจะไปกับพี่ทรายค่ะ”
ศรวรณีย์ยกมือไหว้เสาวณีย์แล้วรีบเดินออกไปพร้อมศก เสาวณีย์มองลูกสาวอย่างไม่พอใจ พลางหันไปจ้องหน้าศรุตาที่จงใจเดินมายืนข้างๆ อย่างเอาเรื่อง
“แกคิดว่าสร้อยนี่ จะทำอะไรฉันกับลูกได้เหรอ”
ศรุตายิ้มหยัน “ก็ไม่รู้สินะ เท่าที่เห็นก็คิดว่าทำได้อยู่”
เสาวณีย์มือไม้สั่นด้วยความโกรธ “ศรุตา”
“ใช่ค่ะ ทรายชื่อศรุตา ที่แปลว่าผู้มีชื่อเสียง คนที่มีแม่เคยถูกเหยียบย่ำให้ต้อยต่ำ แต่มันจะไม่เป็น แบบนั้นอีกแล้ว ต่อไปเศษทับทิมจะเป็นเพชร ส่วนเพชรน้ำหนึ่งจะเป็นแค่เศษทับทิม
หญิงสาวจ้องหน้าเสาวณีย์ด้วยแววตาแค้น
ป้าทิศมองศรุตาอย่างกังวลใจ นึกถึงคำพูดที่หญิงสาวบอกว่าลืมทุกอย่างหมดแล้ว มันไม่จริงเลย !!
บรรยากาศงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่บ้านเก่าของพ่อฌาน คลาคล่ำไปด้วยแขกเหรื่อทั้งคนไทย และชาว ต่างชาติ รวมถึงนักข่าวภาคสังคมของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ ที่มาทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น สไตล์ของงานเป็นแบบทันสมัย ในโทนสีขาว-ดำ บ่งบอกบรรยากาศของป่าคอนกรีต ไม่มีเรื่อง ธรรมชาติตามที่นอร์แมนต้องการ
ด้านหน้าของเวทีมีกล่องขนาดใหญ่ ที่ถูกตกแต่งเหมือนคอนโดขนาดใหญ่ เหมือนเป็นอุปกรณ์ประกอบงานแสดงการเปิดตัวคอนโดวางอยู่ตรงกลาง
นอร์แมนลงจากรถแวนคันหรูดูน่าเกรงขาม ตามมาด้วยแอนน์แม่ของฌาน ที่ใส่ชุดราตรีสวยสง่า เชิดหน้าโชว์เครื่องเพชรราคาแพงที่ประโคมมาเต็มตัว
อลันเดินควงลิซ่าลงมายืนข้างหลังนอร์แมน พลางมองบรรยากาศของงานด้วยสีหน้าไม่พอใจ เพราะไม่เชื่อว่าฌานจะยอมทำตามที่นอร์แมนบอก
นอร์แมนเดินนำทุกคนเข้ามาในงาน แขกในงานเห็นนอร์แมน แล้วต่างหันไปมองชื่นชม ในความน่าเกรงขาม
ฌานที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว กำลังยืนอ่านสคริปท์อยู่ในห้องพักผ่อน บุรีเดินเข้ามาบอกว่านอร์แมนมาถึงแล้ว พลางถามย้ำ
“แกแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้”
“ฉันตัดสินใจแล้ว ยังไงฉันก็ยังทำให้เขาได้กำไร พวกเขาน่าจะพอ”
“ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละฌาน คนเราไม่ได้”พอ”ที่จุดเดียวกัน”
ฌานหัวเราะขำ “พูดเหมือนแม่แกไม่มีผิด คราวก่อนแม่แกสอนฉัน โลกนี้คงหายวุ่นวาย คนคงเลิก ทะเลาะกัน และไม่มีการเอารัดเอาเปรียบกันต่อไปอีก ถ้าเรามีมาตรฐานการ”พอ”ที่จุดเดียวกัน”
“แกยังพอมีเวลาเปลี่ยนใจ ฉันเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยที่แกจะทำแบบนี้”
ฌานถอนหายใจ “ฉันไม่มีทางเลือก ว่าแต่นางฟ้าของฉันมาถึงงานรึยังเนี่ย ?”
ศรุตาเดินนำหน้าศรวรณีย์เข้ามาในงาน ท่วงท่าที่งามสง่าของหญิงสาวผู้พี่นั้น กลบรัศมีของหญิงสาวผู้น้องโดยสิ้นเชิง
ชณะที่แขกเหรื่อคนอื่นๆ กำลังทยอยเดินเข้างาน ศรุตากลับหันมาบอกกับน้องสาวเบาๆ
“จำไว้นะศร ถ้าเราทำอะไรเหมือนคนอื่น เราจะไม่มีวันโดดเด่น งานนี้พี่จะทำให้ Nobody อย่างศร กลายเป็น somebody ..เพราะฉะนั้นระหว่างที่คนอื่นเข้างาน เราจะไปเดินเล่นกัน”
พัชระยืนมองโมเดล ด้วยสีหน้ายิ้มเยาะที่ฌานต้องทุบบ้านของพ่อทิ้ง อลันเดินเข้ามายืนข้างๆ แล้วพูดกับพัชระ โดยไม่สบตา เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่ารู้จักกัน
“ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่าไอ้ชาร์ลส์จะยอมทุบบ้านพ่อมันตามที่ลุงเขยสั่ง”
พัชระตอบโดยไม่สบตาอลันเหมือนกัน
“แต่ผมไม่แปลกใจหรอกนะ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าลุงคุณเป็นถึงเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ของเอเซีย ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งหรอก ผมว่าแทนที่คุณจะมัวแต่คิดมาก เอาเวลามาสะใจดีกว่าที่บ้านแสนรักของ พี่ฌานเหลือแค่เศษไม้”
พลันบุรีก็เดินเข้ามาด้านหลังพัชระ พร้อมกับเหลือบมองอลันนิ่งๆ
“ลูกศรล่ะ ? ไหนบอกว่าชวนลูกศรมางานไม่ใช่เหรอ ?”
“ใช่ครับ แต่ศรโทรบอกว่าจะมากับทราย ผมเองก็รออยู่เหมือนกัน”
บุรีมองพัชระอย่างคิดๆว่ารอศรวรณีย์หรือรอศรุตากันแน่
ระหว่างที่เดินเล่นอยู่ที่สวนด้านนอกด้วยกัน ศรุตาสังเกตเห็นศรวณีย์พูดถึงบุรีด้วยท่าทีสนิทสนม
“ท่าทางศรจะสนิทกับบุรีมากนะ”
“ค่ะ ศนรู้จักตอนที่รู้จักพี่พัช พี่บุรีใจดี เห็นหน้าดุๆแบบนั้น แต่ขี้เล่นนะคะ”
“ไม่น่าเชื่อ”
“พี่กี้ก็เคยพูดแบบนั้นค่ะ พี่กี้บอกว่าพี่บุรีชอบปั้นหน้ายักษ์ แต่พอเจอศรแล้วชอบแกล้ง คงเพราะศร ดูเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าคุยกับใคร พี่บุรีเลยแกล้งให้ศรกล้าพูดน่ะค่ะ”
“พี่คงต้องทำตัวเป็นเด็กโลกสวยอย่างศรบ้าง เผื่อเขาจะเปลี่ยนมาแกล้งพี่บ้าง”
ศรุตาพูดเหน็บน้องสาวอย่างหมั่นไส้
“แต่ศรว่าพี่บุรีไม่กล้าแกล้งพี่ทรายหรอกค่ะ พี่ทรายสวย แค่สบตา ผู้ชายที่ไหนก็หวั่นไหว ไม่กล้า เข้าใกล้”
“ศรว่าพี่จะทำให้เขาหวั่นไหวได้เหรอ ?”
“ร้อยเปอร์เซนต์ค่ะ ยิ่งวันนี้พี่ทรายสวยขนาดนี้ พี่บุรีเห็นต้องตะลึง”
ศรุตายิ้มกว้าง “อยากเห็นซะแล้วสิ”
ทางด้านหน้าเวที หลังจากที่พิธีกรกล่าวเปิดงานจบแล้ว กี้ก็เตรียมตัวให้พิธีกรอีกคนขึ้นไปนำเสนอคอนโดฯ ตามสคริปท์ แต่ฌานกลับบอกว่า
“ไม่ต้องกี้ ช่วงต่อไปผมเป็นคนพูดเอง”
กี้ ติ่ง จ้อย รวมถึงพัชระมองฌานอย่างงงๆ
“ผมมีเซอร์ไพรซ์”
จบประโยคฌานก็เดินขึ้นเวทีทันที บุรีตบบ่าให้กำลังใจ พัชระมองตามอย่างสงสัย แล้วหันไปมอง สบตากับอลันซึ่งยืนอยู่หน้าเวทีกับนอร์แมน
ฌานเดินถือไมค์ลอยมาที่โมเดลที่ตั้งอยู่กลางสนาม
“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกคน ผมในนามตัวแทน ของ N-V กรุ๊ป และเป็นผู้ดูแลควบคุมโครงการนี้ ผมขอกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานครั้งนี้ ตลอดเวลาเกือบสิบปีที่ผมดูแลโครงการแล้วโครงการ เล่า นี่เป็นโครงการที่ผมภูมิใจที่สุด เพราะที่ดินที่ใช้ก่อสร้างคอนโดนี้ เป็นที่ดินที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของพ่อผม ด้วยภูมิทัศน์ของที่ดินผืนนี้ที่ติดแม่น้ำ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุแต่ละต้นไม่ต่ำกว่า 20 ปี ทำให้พ่อเลี้ยงของผม คุณนอร์แมน หว่อง คิดว่าคอนโดแบบนี้...”
พูดถึงตรงนี้ ฌานก็เดินไปยืนข้างๆ โมเดลคอนโดที่อยู่กลางสนาม แล้วปรายตามองไปทางนอร์แมน
ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงมั่นคง ไม่หวั่นกับสายตาบิดาเลี้ยงที่จ้องกลับมา
“ไม่มีทางเกิดขึ้น”
จบประโยค ฌานก็ทำลายโมเดลคอนโดกลางสนามต่อหน้าแขกในงานทันที บุรีมองการกระทำ ของฌานนิ่งๆ พัชระ กี้ จ้อย ติ่ง อึ้ง นอร์แมนมองอย่างรักษาท่าที
“แต่จะเกิดโครงการนี้ขึ้นมา”
ฌานเปิดกล่องที่ทำเป็นคอนโดอยู่บนเวทีออก เห็นเป็นโมเดลที่มีตัวคอนโดแต่ 6 ตึก มอลล์ 2ตึก ยังมีบ้านของพ่อฌานอยู่ รวมทั้งต้นไม้ใหญ่
เสียงแขกในงานฮือฮาตื่นเต้นกับการเซอร์ไพร์สของฌาน อลันมองโมเดลใหม่กลางเวทีแล้วยิ้มเยาะ
“เห็นไหมลุง ? ผมบอกแล้วว่าไอ้ชาร์ลส์มันไม่มีทางทำลายบ้านพ่อมัน “
นอร์แมนยกมือขึ้น เป็นสัญญาณให้อลันหุบปาก แล้วจ้องมองฌานว่าจะพูดอะไรต่อ แอนน์แม่ของฌานถึงกับหน้าเครียด
“โครงการนี้คือโครงการสมบูรณ์แบบที่จะทำเงินมหาศาลและมีมูลค่าสูง แต่คุณนอร์แมน หว่องไม่ได้ ต้องการแค่นี้ แต่ท่านเล็งเห็นถึงความสงบของที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมที่ต้องกลมกลืนกับธรรมชาติ การมีคุณภาพ ชีวิตที่ดีของลูกค้าที่ซื้อคอนโด คือเป้าหมายสูงสุดท่าน โดยท่านย้ำกับผมว่าคอนกรีต หิน ปูน ต้องหลีกทางให้กับความ อบอุ่นของพื้นดิน ความเย็นฉ่ำของสายน้ำ และความเขียวขจีของต้นไม้"
แขกในงานนิ่งฟังนิ่ง ทันใดนั้นได้ยินเสียงคนปรบมือดังขึ้น ฌานมองตามเสียงปรบมือนั้น แขกคน อื่นๆ ต่างหันไปมองตาม
ศรุตาปรบมือให้กับคำพูดของฌาน แล้วมองไปทางนอร์แมน ขณะที่ศรวณีย์โดนแขกที่เข้ามายืนล้อม มองศรุตาดันตัวออกไป หญิงสาวจึงไม่ทันได้เห็นฌาน
“ฉันขอปรบมือชื่นชมให้กับนักธุรกิจที่ไม่ได้คิดถึงแต่ผลกำไรของตัวเอง แต่กลับคิดถึงกำไรของลูกค้า ที่จะได้มากกว่าบ้านค่ะ”
แขกในงานปรบมือชื่นชม พร้อมๆ กับที่นักข่าวกรูเข้ามาถ่ายรูป นอร์แมน หว่อง จำต้องยิ้มรับให้กับ เสียงปรบมือนั้น
ฌานมองด้วยความหวังว่าบิดาเลี้ยงจะใจอ่อน
ศรวณีย์มองเห็นฌานห่างๆ แต่ยังเห็นไม่ชัด
ศรวณีย์เดินมองหาฌานเพื่อจะดูหน้าให้แน่ใจ จังหวะเดียวกับที่ฌานเห็นนอร์แมนอยู่อีกมุม จึงเดินเลี่ยงไป หญิงสาวจะรีบเดินตามฌาน แต่บังเอิญชนกับลิซ่าที่กำลังจะเดินไปหาฌานพอดี
“เดินประสาอะไรของหล่อนเนี่ย ?”
ศรวณีย์หน้าเสีย “ขอโทษค่ะ”
“ดีนะที่ชุดฉันไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นฉันเอาเรื่องเธอแน่ ฌานไปไหนแล้วเนี่ย ?”
ลิซ่าเชิดหน้าเดินเบียดออกไป ศรวณีย์พึมพำอย่างคุ้นชื่อ
“ฌาน”
พอศรุตาเดินทักทายแขกในงานผ่านหน้า ลิซ่าจึงรีบถามหาฌาน
“นี่ เห็นฌานไหม ?”
“ก็ใช้เรดาห์เธอหาสิ ที่ขึ้นมาเป็นนอเนี่ย ?”
ลิซ่าแทบอยากจะกรี๊ด “ แกว่าฉันแรดเหรอ ?”
“ก็แล้วผู้หญิงที่มากับคู่หมั้น แต่พอผัวเผลอ เอ้ย คู่หมั้นเผลอก็ตามจับ เอ้ย ตามหาผู้ชายอีกคน เรียกว่าอะไรล่ะ ? ผู้แสวงบุญงั้นเหรอ ?”
ลิซ่ายิ้มเยาะ
“แล้วผู้หญิงที่มากับผู้ชายคนนึง แต่เที่ยวทักทายทอดสะพานให้ผู้ชายไปทั่วงาน เขาเรียกว่าอะไรล่ะ”
ศรุตาเชิดหน้าใส่ลิซ่า
“อย่าเอาเธอมาเทียบกับฉัน เพราะฉันไม่เคยวิ่งไล่ตามผู้ชาย แถมผู้ชายก็ยังไม่เอา ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงอายขยะ ดูสิ ไม่มีค่าแม้แต่ใครจะเอาไปรีไซเคิล ฉันว่าเธอเลิกหาฌานแล้วไปปลอบใจคู่หมั้นเธอดีกว่า ป่านนี้ คงคลั่งเป็นหมาบ้าที่โดนฌานหลอกแย่แหละ”
ศรุตาเดินเชิดเบียดออกไป ลิซ่ามองตามอย่างไม่พอใจ จังหวะเดียวกับที่พัชระเดินเข้ามาเห็นพอดี
“มองอะไร ฉันเคยเห็นคุณ Conference กับอลัน คุณใช่ไหมที่อลันใช้ให้เป็น spy”
พัชระชะงัก กลัวคนอื่นได้ยิน
“เป็นยังไงล่ะ? โดนฌานหลอกกันหมด ฉันจะบอกให้นะว่าฌานไม่ใช่หมูที่ใครจะจัดการง่ายๆ”
พูดจบลิซ่าก็เดินออกไป พัชระมองตามอย่างแค้นฌาน
“นี่มันอะไรกันน่ะพี่บุ ? .พวกหนูงงไปหมดแล้ว”
กี้ถามบุรีอย่างงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พัชระเดินเข้ามา
“เราโดนหลอกไงพี่กี้ ทำแบบนี้ มันเหมือนไม่ไว้ใจกันนี่พี่บุรี”
“มันไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่ฌานเขามีแผนของเขา แล้วในฐานะลูกค้า เขามีสิทธิ์ที่จ้างเราทำแบบเดียว และจ้างบริษัทอื่นทำอีกแบบก็ได้”
“แต่อย่างน้อยก็น่าจะบอกกันก่อน อย่างน้อยเราก็สนิทกัน”
บุรีหน้านิ่ง “นั่นสิ อย่างน้อยเราก็สนิทกัน เราก็ควรจะเข้าใจฌาน ไม่ใช่โวยวาย เหมือนอย่างกับเรา โดนเขาหักหลัง จริงไหม ?”
พัชระชะงักอย่างระแวงคำพูดของบุรี
นอร์แมนหน้านิ่งเครียด เดินนำแม่ของฌาน อลันและลิซ่าจะไปที่รถ โดยมีบอดี้การ์ดเดินประกบ
ฌานวิ่งตามมา
“ป๋าครับ”
นอร์แมนชะงักเท้า แต่ไม่ได้หันมามอง
“ป๋าครับ ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ แต่ป๋าก็เห็นแล้วว่าเราได้เสียงตอบรับดี”
นอร์แมฟาดฝ่ามือใฝส่หน้าฌานเต็มแรง
“แกกล้ามากนะ ที่ทำกับฉันแบบนี้ แล้วแกจะได้รู้จักฉันมากขึ้นชาร์ลส์”
นอร์แมนเดินผ่านฌานออกไป แอนน์รีบเดินเข้ามาหาลูกชาย
“รีบไปขอโทษป๋าเร็ว”
อลันกอดไหล่ลิซ่าด้วยสีหน้าสะใจ
“ไปลิซ่า คืนนี้เราไปเหมาร้านฉลองให้กับความโง่ของคนบางคนดีกว่า”
บุรีที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี มองฌานอย่างเห็นใจ
นอร์แมนโกรธมาก จนถึงขนาดทิ้งแม่ของฌานไว้ไม่ยอมให้ขึ้นรถไปด้วยกัน ฌานวิ่งตามเข้ามา ประคองแม่ไว้ แต่กลับถูกผลักอกอย่างแรง
“แกไม่ต้องมายุ่งกับฉัน แกทำบ้าอะไรเนี่ยชาร์ลส์”
“ผมก็แค่พยายามเก็บบ้านพ่อเอาไว้”
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม? ว่าไม่ต้องไปเก็บบ้านสับปะรังเคนั่นไว้”
ฌานมองแม่ด้วยแววตาเจ็บปวด
“แต่มันเคยเป็นบ้านของเรานะแม่”
“เคย แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เรื่องทุกอย่างในบ้านหลังนั้นมันจบตั้งแต่พ่อแกตายแล้วชาร์ลส์ มันไม่เหลือซาก อดีตอะไรในสมองฉันอีกแล้ว สิ่งที่ฉันมีตอนนี้คือตำแหน่งคุณนายหว่อง กว่าฉันจะได้มาอยู่ตรงจุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันจะไม่มีวันเอาอดีตบ้าบอมาทำลายความสุขฉันเด็ดขาด ไปไกลๆหน้าฉันไป”
ฌานชะงักอึ้ง มองแม่ด้วยความเจ็บปวด แต่พยายามกลั้นความเจ็บไว้ แล้วเดินออกไป
ศรุตากำลังคุยกับกลุ่มแขกผู้ชายที่รายล้อมอยู่ ส่วนศรวณีย์ยืนอยู่มุมหนึ่งของสนามข้างๆ ต้นไม้ด้วย อาการเก้อๆ กระดาก ทำตัวไม่ถูก พัชระยืนแอบมองศรุตาอยู่อีกมุมหนึ่ง
ฌานเดินด้วยสีหน้าเหนื่อยเข้ามาจะมาหาศรุตา แต่แล้วก็กลับเปลี่ยนใจ เดินไปอีกทางสวนทางกับ บุรีที่เดินเข้า
พัชระมองศรุตาที่คุยกับแขกผู้ชายอย่างไม่พอใจแล้วเดินออกไป หญิงสาวปรายตามองเห็นพอดี บุรีมองเธออย่างคาดเดาว่าหญิงสาวจะเดินตามใคร ระหว่างพัชระหรือฌาน ?
ศรุตาเดินตามพัชระไป โดยหวังจะตามไปเยาะเย้ยที่ประเมินฌานผิด
บุรีมองตามย่างไม่พอใจ ที่หญิงสาวเลือกเดินตามพัชระ แทนที่จะเดินไปปลอบใจฌาน
อ่านต่อหน้า 4
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 6 (ต่อ)
“ผมรู้ว่าคุณต้องตามผมมา” ศรุตาถึงกับชะงักไม่คิดว่าตัวเองจะเสียท่าให้พัชระได้ หากก็ยังเชิดหน้านิ่ง
“ฉันก็แค่จะมาบอกว่าคุณประเมินฌานผิด คิดว่าการที่คุณเป็น spyให้อลันรู้เรื่องโครงการ จะทำลายฌานได้ แต่เขากลับเป็นฮีโร่”
พูดจบก็จะเดินผละออกมา แต่กลับถูกพัชระคว้าแขน แล้วดึงเข้ามาใกล้ตัวเอง
“ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย คุณจะเล่นตัวต่อไปอีกทำไมทราย ในเมื่อคุณเองก็ต้องการผม”
ศรุตาสะบัดแขนออกจากมือพัชระ
“อย่ามาพูดจาหยาบคายกับฉันแบบนี้นะ”
“ถ้าคุณไม่ต้องการผม แล้วทำไมคุณไม่ตามพี่ฌานไป ทำไมคุณไม่อยู่คุยกับผู้ชายล้อมคุณอยู่ ทำไม คุณถึงตัดสินใจตามผม”
พูดพลางรวบเอวหญิงสาวมากอดไว้
“คุณอยากให้ผมตามคุณ คุณถึงได้ปั่นหัวผมอย่างนี้ เสียใจด้วยนะทราย ตอนนี้ผมรู้ทันคุณแล้ว”
ศรุตาพยายามสะบัดตัวเองออกห่างพัชระ “ปล่อยฉันนะ”
“คุณไม่ใช่คนคุมผมอีกต่อไปแล้วทราย ถ้าคุณอยากให้ผมตามอย่างที่คุณต้องการ ทำให้ผมเห็นสิ ว่าคุณเลือกผม”
พัชระปล่อยศรุตาล้วเดินออกไป อย่างคิดว่าเป็นผุ้ชนะ
ศรุตามองพัชระอย่างไม่พอใจที่เกมพลิก
คนอย่างศรุตาไม่ยอมเป็นคนโดนคุม แต่ต้องเป็นคนคุมเกมเท่านั้น !!
ศรุตาเดินหงุดหงิดเข้ามา เจอบุรีที่ยืนดักรออยู่
“คุณไปไหนมา ?”
“วันหลังก็เอาโซ่มาล่ามฉันไว้รอฌานนะ คุณจะได้ไม่ต้องระแวงว่าฉันจะไปไหน”
“นี่ผมพูดจริงนะทราย. คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฌานต้องเจอกับอะไรบ้าง เขายอมหักกับพ่อเลี้ยงเขา ส่วนนึงก็เพื่อคุณ ตอนนี้คุณควรยืนข้างๆเขา ให้กำลังใจเขาสมกับที่เขายอมทุ่มเทให้คุณ แต่คุณกลับไปกะ....”
จะพูดว่า “กอดกับพัชระ” แต่ยั้งปากไว้ทัน
“กอดกับผู้ชายคนอื่น ถ้ามันกระดากปากคุณนัก ฉันพูดแทนให้”
“ผมขอเตือนในฐานะเพื่อน คุณสวยกว่าลูกศร เก่งกว่าลูกศร แต่สิ่งที่คุณทำ มันทำให้คุณดูด้อย กว่าลูกศร”
“อะไรนะ”
“เลิกเล่นเกมปั่นหัวผู้ชายเถอะ ผู้ชายที่เล่นกับคุณ เขาแค่อยากเอาชนะคุณเท่านั้น แต่ถ้าให้เลือก จริงจัง ถ้าผมเป็นพัชระ ผมเลือกลูกศร”
ศรุตาจ้องหน้าบุรีด้วยความโกรธ ด้วยหัวใจที่เจ็บแค้น
เจ็บอะไรไม่เท่าที่ถูกตีค่าว่า “ด้อย” กว่าศรวณีย์ โดยเฉพาะคนประเมินนั้นคือบุรี
บุรีคุยมือถือกับดวงตาด้วยแววตาเคร่งเครียด
“ผมทราบครับคุณอา ว่าผมพูดแรง แต่ผมต้องทำ เพื่อให้ทรายหยุดทุกอย่าง แล้วเปลี่ยนไปเป็น น้องทรายที่น่ารักสดใสคนเดิม”
บุรีหน้าเครียด อยากบอกเหลือเกินว่า “พี่บีขอโทษ”
ศรุตาที่กำลังบาดเจ็บจากคำพูดของบุรี เมื่อเห็นคนที่ถูกตีค่าว่า “สูง” กว่าเธอ กำลังจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน ก็จ้องมองด้วยแววตาเกลียดชัง และสาวเท้าเดินตามไปทันที
ศรวณีย์ก้าวออกมาจากในห้อง แล้วก็ตะลึงงันกับความสวยของเฟอร์นิเจอร์ และของประดับเก่า ที่ล้วนแล้วแต่เลอค่า
และแล้วหญิงสาวก็สะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงเคลื่อนไหวอยู่ด้านหนึ่ง เธอค่อยๆหันขวับไปมอง แล้วปิดปากไม่ให้ส่งเสียงตกใจ
ฌานลุกขึ้นยืนหันหน้ามามอง หญิงสาวมองตอบ ด้วยอาการต่างคนต่างตะลึง
“คุณ”
ศรุตายืนแอบมองทั้งคู่ แล้วยิ้มสมใจ
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่ คุณมาทำอะไรคะ ?”
ศรวณีย์ถามฌาน แต่เขากลับเลี่ยงที่จะไม่คำถาม
“คุณชอบที่นี่ไหม ?”
“ชอบค่ะ ชอบมากๆ เปิดประตูเข้ามาครั้งแรกนึกว่าฝันไปสวยจน ลืมหายใจเลยค่ะ แต่ห้องข้างล่าง ก็สวยนะคะ แค่ตอนนี้คนเยอะไปหน่อย”
“แต่ทั้งสองห้องนี้ก็ยังไม่ใช่ไคลแมกซ์ของบ้านนี้นะครับ คุณมาดูอะไรทางนี้ดีกว่า”
“อุ้ย จะดีเหรอคะ เดี๋ยวเจ้าของบ้านเขารู้ เขาจะว่าเอาได้”
หญิงสาวพูดโดยไม่รู้ว่าฌานคือเจ้าของบ้านหลังนี้
“มาเถอะครับ ผมรับรองได้ว่าเจ้าของบ้านเขาไม่ว่าหรอก มีแต่จะดีใจที่มีคนมาช่วยชม ช่วยจำ ความงามที่กำลังจะถูกรื้อทำลาย”
ฌานเดินนำศรวณีย์ออกมาที่ระเบียง ที่เบื้องหน้าคือแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนที่จะค่อยๆ จับไหล่เธอหันกลับมา ภาพเบื้องหน้าคือความงามของตัวตึกที่วิจิตรตระการตา
“ถ้าฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทุบมันทิ้ง แล้วสร้างศูนย์การค้ากับ คอนโดบ้าๆบอๆขึ้นแทนเด็ดขาด”
“ผมอยากให้ตึกหลังนี้เป็นของคุณ แทนที่จะเป็นของเจ้าของคนที่ไม่รู้จัก ไม่ซาบซึ้ง ไม่รู้สึกถึงคุณค่า ของอะไรเลยนอกจากเงิน”
ศรวณีย์หันกลับมาทันเห็นแววตาเศร้าของฌาน สองคนมองกันและรู้สึกถึงกันอยู่เงียบๆ
“คุณนี่ตัวเล็ก แต่ใจใหญ่จริงๆ กล้าดียังไงถึงมาเรียกโครงการพันล้านนี้ว่าศูนย์การค้ากับคอนโด บ้าๆบอๆ”
“ก็โครงการอะไรที่มันจะมาทำลายตึกสวยๆแบบนี้ ทำลายบรรยากาศสงบ สวนสวย ต้นไม้งาม ฉันว่ามันก็บ้าๆบอๆทั้งนั้นแหละค่ะ แค่นี้ศูนย์การค้ากับคอนโดก็เยอะแยะเกินไปแล้ว เหลือพื้นที่ให้ต้นไม้บ้างเถอะ สาธุ ขอให้ขายไม่ออก”
“อ้าวคุณ ทำไมไปแช่งเขายังงั้นล่ะ”
“ศรไม่ค่อยฉลาดนักหรอกค่ะ ศรไม่เข้าใจว่าคนเราจะอยากรวยมากๆ มีเงินกันไปมากๆทำไม”
หญิงสาวพูดซื่อๆ
“ไม่รู้ล่ะ ฉันไม่ชอบอีตาเจ้าของโครงการนี้เลย ตายจริง ฉันนี่ไม่ได้เรื่องเลย มายืนนินทาเขาอยู่ได้ มางานเขา ฟรีๆ กินน้ำกินขนมเขาไปตั้งเยอะ แล้วยัง…”
ฌานจ้องมองหญิงสาว รู้สึกเพลิดเพลินไปกับกิริยาธรรมชาติของเธอ ขณะที่หญิงสาวเอง ก็จ้องกลับ โดยปราศจากทีท่าเขินอาย
ศรุตายืนกอดอกมองจ้องมองอย่างครุ่นคิด ตรึกตรอง แล้วรอยยิ้มสมใจก็ฉายชัดขึ้น จากนั้นจึงตัดสินใจส่งเสียงเรียก
“ศร ศรอยู่บนนี้รึเปล่าจ้ะ ? อ้าว ฌาน ศร”
ศรวณีย์อึ้ง ที่ศรุตาเรียกผู้ชายตรงหน้าว่า “ฌาน” ส่วนชายหนุ่มก็อึ้ง ที่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้า คือ “ลูกศร”
“นี่ลูกศรไงค่ะฌาน น้องสาวสุดที่รักของทราย”
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างอึ้งๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าศรกับฌานจะเจอกันแล้วที่มูลนิธิเด็ก อย่างกับโชคชะตาจะเล่นตลกแน่ะ”
ศรุตาแสรางทำเป็นหันมาบอกกับฌาน ขณะที่ชายหนุ่มเดินมาส่งหญิงสาวทั้งคู่ที่รถ ศรวณีย์ฟังคำว่า “โชคชะตาเล่นตลก” แล้วชะงักไปนิดหนึ่ง
“ความจริงเราควรรู้จักกันตั้งนานแล้วล่ะ แต่แค่ยังไม่เคยเจอหน้ากันเท่านั้นเอง”
“เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เป็นวันแรกที่ทรายจะย้ายเข้าบ้าน ฌานไปกินข้าวที่บ้านทรายนะ”
ฌานมองศรุตาอย่างแปลกใจ “ ผมไปบ้านคุณได้แล้วเหรอ ? ผมขอไปบ้านคุณตั้งหลายที คุณไม่ยอมให้ผมไปสักที”
ศรวณีย์มองท่าทีสนิทสนมกันของศรุตากับฌานด้วยความรู้สึกเก้อๆ แปลกๆ
“ก็ตอนนั้นบ้านทรายยังไม่เสร็จดีนี่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว”
ศรุตาปรายตามองน้องสาวด้วยสายตายิ้มๆ แบบมีเลศนัย
บุรียืนด้านหลังฌาน เห็นสายตาฌานที่มองตามศรุตา ก็ถอนหายใจ พร้อมกับรู้สึกบอกตัวเองให้ตัดใจจากหญิงสาวให้ได้
แค่บุรีไม่ทันคิดว่าแท้จริงแล้ว ฌานมองศรวณีย์ไม่ใช่ศรุตา !! หากมองในฐานะที่รับรู้ว่าเธอเป็นคู่หมั้นของพัชระ
ศรุตาเดินมาส่งศรวณีย์ที่หน้าตึกใหญ่ พลางเอ่ยปากกระเซ้าที่เห็นท่าทางของน้องสาวเหม่อๆ
“เป็นอะไร ใจลอยไปหาใคร”
“ศรกำลังนึกขำตัวเอง คุยกับเพื่อนพี่ทรายคนนั้นอยู่ตั้งนาน ไม่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าของ project shopping complex ด้วย แถมยังนินทาไปตั้งเยอะ แช่งให้ขายคอนโดไม่ออกอีกต่างหาก ไม่รู้เขาจะว่ายังไง”
ศรุตายิ้มขำ
“ฌานไม่ว่าอะไรหรอก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เดินมาส่งศรแบบนั้น ปกติรายนั้นไม่เคยเดินตามมาส่ง ผู้หญิงคนไหนนะ มีแต่ผู้หญิงต้องตามเขา”
“เขาคงเห็นศรเป็นน้องสาวพี่ แถมปล่อยไก่ไปตั้งเยอะ ที่เดินมาส่งคงกลัวศรจะไปโก๊ะว่าใครอีก”
ศรุตามองศรวณีย์แล้วคิดถึงคำพูดบุรี
“เป็นศรนี่ก็ดีนะ ใครๆก็มารุมรัก”
หญิงสาวคนน้องส่ายหน้า
“ไม่หรอกค่ะ ศรว่าที่ใครต่อใครมาหาศร ไม่ใช่เพราะรักหรอก แต่เพราะสงสารมากกว่า”
“ไม่เห็นมีใครสงสารพี่บ้างเลย”
ศรวณีย์หัวเราะ “ก็พี่ทรายเก่งนี่คะ คนที่อยู่กับพี่ทรายต่างหากที่น่าสงสาร”
“งั้นพี่คงต้องอ่อนแออย่างศรบ้าง ใครๆจะได้สงสารพี่”
ศรุตาเริ่มคิดอะไรบางอย่างออก !!
เมื้อทั้งคู่เดินเข้ามาในบ้าน ก็เจอเสาวณีย์ที่นั่งรอดักอยู่
“ขึ้นไปอาบน้ำนอนได้แล้วลูก ส่วนเธอ รอก่อน ฉันมีของจะให้”
เสาวนีย์ปรายตามองศรุตาอย่างจงชัง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดตามลูกสาวไป
ศกเดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง
“ทรายมีเวลาคุยกับพ่อแป๊บนึงไหมลูก ?”
“บ้านกำลังจะโดดนยึดเหรอคะ ?”
ศรุตาแกล้งทำสุ้มเสียงตกใจ แต่แอบยิ้มสะใจในหน้า
“ใช่ลูก พ่อรู้ว่าที่ผ่านมา พ่อไม่เคยได้ดูแลจุนเจืออะไรทรายเลย แต่พ่อก็มืดแปดด้าน ไม่รู้จะขอความ ช่วยเหลือใครแล้วจริงๆ”
หญิงสาวมองบิดาด้วยสีหน้าห่วงใย
“พ่ออย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ยังไงพ่อก็เป็นพ่อทราย บ้านนี้ก็เป็นของคุณย่า ทรายต้องช่วยเหลือพ่อ อยู่แล้ว”
ศกยิ้มดีใจ โผเข้ามากอดลูกสาว
“จริงเหรอลูก ? พ่อขอบใจมากนะลูก แต่พ่อขอร้องอยู่อย่าง อย่าบอกเรื่องนี้กับอาเสาว์นะลูก”
“ค่ะ .ทรายเข้าใจ แต่ทรายเองก็มีเรื่องขอพ่อเหมือนกัน”
ศรุตามองบิดา แล้วแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
เสาวณีย์เดินออกจากบ้านแล้วโยนสร้อยข้อมือทับทิมใส่หน้าศรุตา
“เอาของของเธอคืนไป แล้วอย่ามายุ่งกับลูกฉันอีก คราวนี้ฉันพูดจริง”
หญิงสาวก้มลงเก็บสร้อยทับทิมขึ้นมาแล้วมองมาราดาเลี้ยงยิ้มๆ
“กลัวเหรอคะอาเสาว์”
“กลัวอะไร ?”
ศรุตายิ้มหยัน
“กรรมไงคะ ? .เคยเหยียบหัวใจคนอื่นเพื่อแย่งของของเขามากลัวเวรกรรมจะตกถึงลูกเหรอคะ ถึง ต้องเอาสร้อยนี่มาคืน”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่เคยแย่งของของใคร ฉันไม่จำเป็นต้องกลัวกรรม”
“ดีค่ะ อย่าเพิ่งกลัว เพราะคนใจอำมหิตอย่างอาเสาว์ ทรายจะไม่ทวงคืนแค่สร้อย แต่ทรายจะเอา ทุกอย่างที่มันควรเป็นของทรายคืน”
หญิงสาวจะเดินไป แต่ไม่วายหันกลับมาพูดทิ้งท้าย
“เจอกันพรุ่งนี้นะคะอาเสาว์ ทรายจะย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัวของทรายแล้ว”
ป้าทิศจัดการเก็บของของตัวเองที่ยังเหลืออยู่เพื่อจะย้ายไปอยู่บ้านศรุตา แต้วกลับมาจากจ่ายตลาด หอบหนังสือที่หญิงสาวขึ้นหน้าปกเข้ามาอย่างตื่นเต้น
“ดูรูปที่คุณทรายถ่ายคู่กับคุณลูกศรสิ เจอรัศมีคุณทราย คุณลูกศรตายเลย”
แต้วพูดประสาซื่อ ป้าทิศรีบปราม และกำชับให้เก็บหนังสือให้ดี อย่าให้เสาวณีย์เห็น
“หนูไม่เข้าใจจริงๆ คุณเสาว์จะเกลียดอะไรคุณทรายนักหนา ตัวเองก็ได้ทุกอย่างของเขาไป คุณทรายกลับมาก็แสนดี ไม่ได้ร้ายอะไรสักนิด”
เสาวณีย์มองปกหนังสือในมือ และยืนจ้องบ้านริมน้ำด้วยสายตาเกลียดชัง พลางย้อนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่คุณหญิงศิรินอนป่วยอยู่ที่โซฟา มีป้าทิศคอยดูแลใกล้ๆ
เสาวนีย์ก็หันมาคุยกับสามีเรื่องพยาบาลพิเศษ แต่ศกกลับบอกว่าไม่มีเงิน
“ถ้าดวงตาอยู่ ก็คงดี”
เสาวณีย์ชะงัก “คุณว่าอะไรนะ ?”
ศกถอนใจ “เอาเถอะ แล้วผมจะหาทางช่วยคุณ”
พูดจบก็เดินออกไปทันที
“ดวงตา อุทิศ ดวงตามารึยัง ?”
ยิ่งได้ยินคุณหยิงศิริเพ้อถึงดวงตา เสาวนีย์ก็ยิ่งแค้นใจ
มือของเสาวณีย์กำหนังสือแน่นด้วยความเกลียดแค้น ก่อนที่จะใช้ไฟแช็คจุดเผา แล้วจะโยน ใส่บ้านริมน้ำ หวังจะเผาบ้านของศรุตา
คุณหญิงเพกาวิ่งเข้ามาปัดมือเสาวณีย์ให้ทิ้งนิตยสารลงแม่น้ำ
“ทำบ้าอะไรเนี่ยเสาว์”
“เสาว์ทนเห็นสองแม่ลูกมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ เสาว์เคยผงาดในสังคมว่าตัวเองเป็นที่หนึ่ง คุณศกเลือกเสาว์ แต่ความจริงที่เสาว์รู้อยู่เต็มอก ว่าสองแม่ลูกมีค่าสำหรับคนบ้านนี้ ขนาดมันไม่อยู่บ้านนี้ แม่คุณศกกับคุณศก ยัง คิดถึงมัน ไม่เคยลืมมัน แล้วถ้ามันกลับมา เสาว์ก็คงไม่เหลือค่าให้คนบ้านนี้เห็นหัว เสาว์ให้มันเห็นว่าเสาว์แพ้มันไม่ได้”
คุณหญิงเพกามองหน้าลูก แล้วพูดเสี้ยม
“เสาว์ทำอย่างนี้ต่างหากที่แสดงว่าเสาว์แพ้ ความพยายามที่เสาว์ทำให้ตัวเองเป็นเมียหลวง เป็นที่ หนึ่งในสังคมก็วอดวายไปพร้อมกับบ้านหลังนี้ มีสติสิลูก ถ้าจะกำจัดพวกมัน มันไม่ใช่เรื่องยาก จำไม่ได้เหรอลูก ว่าต่อให้มันมาก่อน แต่เสาว์มีสิ่งนึงที่เหนือกว่ามัน เป็นสิ่งที่มันต้องการ ยอมใช้ตัวแลกแต่ไม่เคยไขว่คว้ามาได้ ใช้สิ่ง นั้นให้เป็นประโยชน์สิลูก”
เสาวณีย์มองหน้าคุณหญิงเพกา แล้วมองซากหน้าปกนิตยสารที่มอดไหม้
ฌานนอนอยู่ที่โซฟา ในสภาพที่ดูอ่อนเพลีย ครู่หนึ่งมือถือก็ดัง
“ ครับแม่ ป๋ากลับสิงคโปร์วันนี้เหรอครับ”
นอร์แมนเดินออกจากโรงแรมเตรียมกลับสิงคโปร์ อลันเดินตามนอร์แมนพร้อมกับลิซ่า แอนน์เดินตาม พลางมองหาฌาน
ทันใดนั้นฌานวิ่งเข้ามาหานอร์แมน แต่อลันเดินเข้ามายืนขวางไว้
“ลุงไม่อยากเห็นหน้าแกเว้ย”
ฌานผลักอลันกระเด็น
“ถอยไปฉันจะคุยเรื่องงาน”
นอร์แมนพูดเสียงเข้ม “ทำตามแบบที่แกพรีเซนต์ไป”
ฌาน แอนน์ อลัน ลิซ่า หันไปมองนอร์แมนพร้อมกัน
“ก็พรีเซนต์ออกข่าวหน้าสังคมไปหมดแล้วนี่ งั้นแกก็ตามที่แกคิดไปเลย”
นอร์แมนพูดจบ เดินขึ้นรถไปทันที ทิ้งให้อลันโวยวายตามหลังที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เขาคิด
“อย่าทำให้ป๋าผิดหวังอีกล่ะ”
แอนน์พุดขณะเดินผ่านฌานไป โดยไม่มีการกอดลาสักนิด
“ป๋าแกให้แกทำโครงการอย่างที่แกต้องการเหรอ ? ฉันว่ามันแปลกๆนะฌาน”
บุรีอดแปลกใจไม่ได้ เมื่อฌานโทร. มาเล่าให้ฟัง
“แกระแวงว่าป๋าจะมีแผนอะไรเหรอวะ ?”
อลันมองนอร์แมนที่นั่งอยู่ด้วยกันในรถอย่างไม่พอใจ สุดท้ายก็โวยขึ้นมา
“ผมไม่เข้าใจ ไอ้ชาร์ลส์ทรยศลุง แล้วทำไมลุงถึงยังให้มันทำโครงการต่อ ความจริงควรเป็นผมที่ต้อง ทำโครงการนั่นแทนมันสิครับ
“คนอย่างแกนี่ทำการใหญ่ไม่ได้จริงนะอลัน คนอย่างนอร์แมน จะทำอะไรต้องได้คืนมามากกว่า ต้นทุน ใครทำให้เจ็บ มันต้องเจ็บมากกว่า”
อลันเริ่มยิ้มออก
“นี่ลุงเขยไม่ได้ให้ไอ้ชาร์ลส์ทำโครงการจริงๆเหรอครับ ?”
“ชาร์ลส์ใช้ความไว้ใจของฉัน ทำให้ฉันเจ็บ ฉันก็จะใช้ความไว้ใจ ทำมันเจ็บเหมือนกัน”
“ยังไงแกระวังๆไว้หน่อยก็แล้วกัน”
บุรีเตือนฌานกลับไปด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นดวงตาเดินเข้ามา ก็รีบพูดตัดบท แล้วหันทักทายผู้มาเยือน
“บีหานายหน้าขายบ้านได้แล้วจริงเหรอ ?”
บุรีพยักหน้า
“ครับ ผมเอาแบบบ้านให้เขาดู เขาบอกว่าน่าจะมีคนสนใจซื้อเยอะอยู่”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี น้าจะได้รีบขาย ก่อนที่ทรายจะรู้”
บุรีมองดวงตาแล้วก้มหน้าแอบเศร้า
ศรุตาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาหน้าบ้านริมน้ำ พลางนึกนย้อนถึงความทรงจำในวัยเด็ก ที่เคยได้รับ รอยแผลในหัวใจจากที่นี่ ขณะหญิงสาวกำลังจะเดินเข้าบ้าน มือถือก็ดังขึ้นมาก่อน
“Hello daddy , I miss miss miss you so so so much แซนดี้ไม่ได้พูดประจบนะ แต่พูด From my heart ..ทรายกำลังย้ายเข้ามาอยู่บ้านของทรายค่ะ”
“อ้าว ก็ไหนแม่แซนดี้บอกจะขายบ้านนั้น แล้วแซนดี้จะย้ายเข้าไปอยู่ทำไมล่ะ ?”
หญิงสาวได้ยินก็ถึงกับชะงัก
“ แม่จะขายบ้านนี้เหรอคะ ? ทรายไม่เห็นรู้เรื่อง Daddy อย่าบอกแม่นะคะว่าทรายรู้เรื่องนี้แล้ว”
ศรุตายิ้มอย่างมีแผน
อ่านต่อตอนที่ 7