xs
xsm
sm
md
lg

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทรายสีเพลิง ตอนที่ 5

ฌานกำลังส่องกระจกแต่งตัวอยู่อย่างอารมณ์ดี พอดีกับที่เสียงมือถือดังขึ้น ชายหนุ่มรีบเอื้อมไป หยิบมือถือมาดู แต่พอเห็นชื่อคนโทร. มา ก็ทำหน้าเอือม

“มีอะไรลิซ่า ?”
“ ไงคะชาร์ลส์ ร่างโครงการไปถึงไหนแล้ว เหลือเวลาอีกสองอาทิตย์เองนะ”
ลิซ่าที่อยู่ที่สิงคโปร์ตอบมาทางปลายสาย
“มีหมาให้คุณมาสืบข่าวงั้นสิ”
ลิซ่าปรายตามองอลันที่เดินเข้ามาจ้องหน้าตรงๆ เป็นเชิงบังคับให้พูดอย่างที่เตี๊ยมกันไว้ แล้วจงใจพูดคำว่า “หมา” ใส่หน้าอลัน
“ไม่มีหมาที่ไหนให้ฉันสืบเรื่องคุณหรอก ที่ฉันโทรมาเพราะหวังดี”
อลันถอนใจหงุดหงิด ที่ลิซ่าไม่พูดเข้าเรื่องสักที ลิซ่ารำคาญ จึงเดินชนไหล่เขาไปคุยกับฌาน อีกมุม
“ตอนนี้อลันทำโครงการพร้อมแข่งกับคุณแล้วนะ แล้วบังเอิญฉันก็มีก๊อปปี้โครงการนั้นในมือ คุณสนใจไหมชาร์ลส์”
ฌานยิ้มเยาะอย่างรู้ทัน
“ฝากบอกไอ้ลูกหมาที่มันยืนอยู่ตรงหน้าคุณด้วยนะ ว่าผมไม่โง่หลงกลมันหรอก”
ชายหนุ่มกดวางสายทันที

ลิซ่ากดวางสาย พลางทำหน้าเซ็ง
“ไอ้ชาร์ลส์มันว่ายังไง? มันคงรีบบอกให้เธอส่งโครงการฉันให้มันดูเลยล่ะสิ”
อลันหัวเราะสะใจ
“รีบส่งไปให้มันเลย วันพรีเซนต์มันจะ ได้รู้ว่ามันโดนหลอก”
“โง่”
“ใช่ ผัวเก่าเธอมันหน้าโง่”
ลิซ่ายิ้มหยัน “หมายถึงเธอนั่นแหละอลัน โง่”
อลันหยุดหัวเราะ แล้วกระชากแขนลิซ่าอย่างแรง
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ?”
ลิซ่าสะบัดแขนออก แล้วมองอลันอย่างดูแคลน
“ฉันบอกแล้วว่าชาร์ลส์ไม่ใช่เธอ ไม่หลงกลกับกับดักกลวงๆอย่างนี้หรอก แค่คิดแผนหลอกชาร์ลส์ ยังทำไม่ได้เลย แล้วคิดเหรอว่าเธอจะคิดโครงการชนะชาร์ลส์”
อลันตบหน้าลิซ่าด้วยความโกรธ
“เธอเป็นเมียฉันนะ เธอควรเข้าข้างฉัน ไม่ใช่มัน”
“ฉันไม่ใช่เมียแก ฉันมันแค่คู่นอนใช้หนี้บุญคุณเท่านั้น อีกไม่นาน ป๊าฉันหาเงินคืนลุงเธอหมด เมื่อไหร่ ฉันจะไม่ทนให้ใครมาด่าฉันเป็นผู้หญิงหน้าเงินอีกต่อไป”
พูดจบลิซ่าก็เดินออกไปทันที
“คิดว่าฉันจะยอมให้เธอกลับไปหาไอ้ชาร์ลส์ง่ายๆเหรอ”
อลันมองลิซ่าอย่างโกรธแค้น พลางเหลือบไปเห็นแม่ของฌานยืนมองอยู่ที่ริมหน้าต่างห้องนอน ฝ่ายแอบมองเห็นอลันเงยหน้าขึ้นมา ก็รีบเบี่ยงตัวหลบมุมหน้าต่าง

“ตกลงไอ้ชาร์ลส์มันให้บริษัทเพื่อนมันเขียนโครงการให้ใช่ไหม ? แล้วมันจะเสร็จรึยัง ? “
อลันคุยมือือกับนักสืบอย่างหงุดหงิด
“ไม่รู้ได้ยังไงวะ ฉันเสียเงินให้แกไปสืบ ทำไมฉันเจอแต่คนห่วยๆอย่างนี้วะ หาทางสืบมาให้ได้ว่า โครงการมัน เป็นยังไง อะไรนะ ? มีคนออฟฟิศที่ไม่ถูกกับไอ้ชาร์ลส์เหรอ?”
ทันใดนั้นได้ยินเสียงมือถือของแม่ฌานก็ดัง อลันรีบหันไปมองตามเสียง หญิงสูงวัยที่ตั้งใจว่าจะ แอบฟังอลันคุยมือถือ พอเห็นเขาหันมามอง ก็แสร้งทำเป็นเดินออกกำลังกายในสนาม พร้อมกับกดรับสาย ด้วยสีหน้าปกติ
“ฮัลโหลค่ะคุณนายจาง”
อลันเดินคุยมือถือต่อห่างไปจาก แม่ฌานหลือบมอง เห็นอลันเดินไกลไปแล้ว ก็รีบพูดตัดบท
“เอ่อ แค่นี้ก่อนนะคะคุณนายจาง เดี๋ยวฉันโทรกลับค่ะ”
จากนั้นก็รีบกดวางสาย แล้วมองไปทางอลัน
“ไอ้อลันมันจะทำอะไร”

ฌานเดินข้าออฟฟิศบุรี พร้อมกับคุยมือถือกับแม่ไปด้วย
“อะไรนะครับแม่ ?”

ฌานกับบุรี ยืนมองทุกคนกำลังทำงานกันโปรเจ็กต์ของฌานอย่างขะมักเขม้นบุรีหันมามองหน้าฌาน เป็นเชิงหมายความว่า “เห็นไหมว่าทุกคนทำงานอย่างตั้งใจ”

“ฉันเข้าใจว่าแม่แกคงไม่โกหก แต่เรื่องที่บอกว่าในบริษัทเราเกลือเป็นหนอนเนี่ย ฉันยืนยันได้ เลยว่าไม่มีทาง”
บุรีบอกกับฌาน ที่กำลังหน้าเครียด
“ฉันรู้ แต่ยังไงก็ไว้ใจอลันไม่ได้ แกก็รู้ว่าไอ้อลันมันพร้อมจะโกงสารพัดเพื่อเอาชนะฉัน”
บุรีพยักหน้าอย่างเข้าใจ “แกก็เห็นกับตาแล้วว่าทุกคนตั้งใจทำงานให้แก ที่สำคัญ เราก็รู้จัก ทุกคนดี ไม่มีใครคิดหักหลังแกหรอก”
ฌานพยักหน้า แล้วมองไปทางลานจอดรถ แต่ไม่เห็นรถของพัชระ
“พัชระไปไหน ?”

“คุณพัชกับคุณแพรแม่คุณพัช มารับคุณเสาว์กับคุณลูกศรไปดูชุดแต่งงานค่ะ”

พอได้ยินสิ่งที่ป้าทิศบอก ศรุตาก็ตาวาวอย่างมีแผน

ศรวณีย์ใส่ชุดแต่งงานออกมาจากห้องลองชุด เสาวณีย์มองความงามของลูกสาวด้วยความ ปลาบปลื้มมาก คุณแพรมองหญิงสาวยิ้มๆ ส่วนพัชระถอนใจอย่างเบื่อหน่าย

“สวยจังเลยลูก เป็นยังไงคะคุณแพร”
“ฉันว่าชุดนี้เหมาะกับลูกศรกว่าชุดอื่นๆ เลยค่ะ”
“งั้นก็เลือกชุดนี้ตามที่คุณป้าบอกนะลูกศร”
ศรวณีย์อ้าปากจะพูด แล้วเปลี่ยนใจไม่พูด ได้แต่ก้มหน้าตอบรับ แต่ไม่วายหันไปมองชุด แต่งงานสีขาวเหมือนเจ้าหญิงที่อยู่ในหุ่นโชว์อย่างเสียดาย
“ส่วนตาพัชก็เอาชุดสีขาวนั่นนะลูก เดี๋ยวให้คุณมิ้นวัดตัวเลยนะ”
พัชระทนเบื่อไม่ไหว เลยรีบบอกปัด
“ไว้วัดตัววันหลังได้ไหมครับคุณแม่ ผมมีนัดกับลูกค้า”
เสาวณีย์เริ่มระแวง จึงอยากรวบรัดให้เสร็จ “แต่ว่า…”
พัชระรีบพูดแทรก “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
พัชระยกมือไหว้เสาวณีย์และคุณแพร แล้วเดินออกไป คุณแพรเดินตามลูกชายไปหน้าร้าน
เสาวณีย์พยายามเก็บความรู้สึก ที่รู้แน่แก่ใจว่าพัชระไม่เต็มใจแต่งงานกับศรวณีย์

พัชระจะเดินไปที่รถ คุณแพรเดินตามมาเรียกไว้ ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วถอนใจเซ็งๆ
“อย่าหักหน้าแม่อย่างนี้นะ”
“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าผมมีนัดลูกค้า ไว้วันหลังก็ได้ ทำไมต้องรีบด้วยล่ะครับ”
“ก็แล้วใครเป็นคนเลือกฤกษ์เร็วที่สุด” คุณแพรย้อนกลับ“ก็คุณแม่กับคุณอาอยากให้ผมกับลูกศรแต่งงานกันนักไม่ใช่เหรอครับ ?”
“ใช่ แม่อยากให้พัชแต่งกับลูกศร แต่ถ้าพัชมีทางเลือกที่ดีกว่า แม่ก็พร้อมจะฟังพัช”
คุณแพรเปิดทาง พัชระถึงกับชะงัก
“แม่หมายถึงทรายเหรอครับ ?”
คุณแพรหันไปมองทางหน้าร้าน เห็นว่าเสาวณีย์ไม่ตามมา ก็พูดกับลูกชายอย่างไว้เชิง
“แม่ไม่ได้เจาะจงใคร แค่บอกว่าทางเลือกที่ดีกว่า ถ้าพัชยังลังเล ยังพอมีเวลา พัชจะกลับ ไปเคลียร์กับทางนั้นก็รีบทำ”
“ผมไม่กลับไปหาเขา ผมตามเขามามากพอแล้ว ถ้าเขาต้องการผม เขาต้องเป็นฝ่ายมาหาผม”

เสาวณีย์เดินเข้าบ้านมาพร้อมกับศรวณีย์ ด้วยท่าทางโล่งอก พร้อมยิ้มมีความสุข ศกเดินออก จากด้านในมาหาทั้งคู่
“ไปเลือกชุดเป็นยังไงกันบ้าง”
เสาวณีย์รีบอวด
“ดีค่ะ ตาพัชช่วยลูกศรเลือกชุดใหญ่เลย น่าร้าก น่ารัก”
ศรวณีย์มองหน้ามารดาที่กำลังโกหกหน้าตาย
“เหรอ ? แล้วเลือกชุดได้รึยัง?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณแพรช่วยเลือกด้วย สวยมากเลยค่ะ”
ศกหันมามองศรวณีย์ ที่ดูไม่ค่อยมีความสุข
“แล้วลูกศรล่ะลูก? ชอบชุดไหม ?”
หญิงสางเกือบจะหลุดคำพูดว่า “ไม่ชอบ” แต่พอหันไปมองเสาวณีย์ ก็กลับพูดนิ่งๆ
“ค่ะ”
ศกมองอาการลูกสาวออก “อาการแบบนี้ แปลว่าไม่ชอบ”
“เอ๊ะ คุณศก ทำไมต้องมาพูดแบบนี้ด้วย ฉันบอกแล้วไงว่าลูกชอบ”
“ก็นี่มันวันสำคัญของลูก มีแค่ครั้งเดียวในชีวิต ถ้าศรไม่ชอบ ก็บอกมา เพราะพี่ทรายเขาอาสา จะช่วยศร”
เสาวณีย์หันขวับทันที “อะไรนะ ?”
จังหวะเดียวกับที่ศรุตาเดินออกมาจากด้านใน เสาวณีย์ปรายตามองอย่างไม่พอใจ
“ทรายเห็นว่าน้องสาวจะแต่งงานทั้งที ทรายอยากมีส่วนร่วมอะไรบ้าง คุณอาคงไม่ว่าทราย ใช่ไหมคะ ?”
เสาวณีย์มองศรุตา แล้วมองศกอย่างไม่พอใจ
จากนั้นเสาวณีย์ก็เก็บเรื่องนี้มาคุยกับศกต่อด้วยความไม่พอใจอย่างแรง มิไยที่ศกพยายามอธิบาย
“ทำไมล่ะมันก็ง่ายๆ ไม่ว่าจะงานแต่งงานหรือซ่อมบ้าน ผมว่าต้องเหยียบล้านและถ้าทั้งสองอย่างมันจะขึ้นไปกี่ล้าน”
“คุณไม่มีเงินเลยหรือ” เสาวณีย์ย้อนถาม
“มี แต่ไม่มากพอ”
“พอกับอะไร”
“พอกับหน้าตาของเรา ของพ่อแม่เจ้าสาว ผมอยากให้ซ่อมบ้านก่อนด้วยซ้ำ เพราะทางบ้านพัชระเขาก็ต้องมาส่งตัวก็ต้องที่นี่ คุณไม่คิดหรือว่า....”
เสาวณีย์ลุกขึ้นทันที
“ฉันไม่เห็นด้วยกับคุณแ ต่ฉันรู้ว่าคัดค้านคุณไม่ได้ ฉันเสียใจที่ช่วยอะไรไม่ได้ เครื่องประดับฉันจะเอาไปขายก็ไม่ได้ ต้องเก็บไว้ให้ลูกศร เงินมรดกของฉัน ก็ให้คุณรักษาคุณแม่คุณจนหมด เสียใจที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย”
พูดพลางก็ทรุดลงนั่ง พลางยกมือกุมหัว สะอื้นไห้ ศกยืนอึ้ง
“ฉันไม่อยากให้คุณไปรบกวนลูกสาวคุณ คิดอีกทีเถอะมีเท่าไหร่ก็เท่านั้น อีกอย่างฉันจะซื้อชุดแต่งงานให้ลูกศรเอง คุณไม่ต้องบอกให้เขาซื้อ มันเป็นหน้าที่ของพ่อ แม่ ฉันจะทำหน้าที่นั้น ต่อให้ต้องเอาเงินบาทสุดท้ายที่ฉันมี”

พูดจบเสาวนีย์เดินจากไป ศกมองตามอย่างกลัดกลุ้ม

ทางด้านศรุตาก็แกล้งตีหน้าซื่อ บอกกับน้องสาวต่างมารดาว่าไม่คิดว่าเสาวณีย์จะไม่พอใจขนาดนี้

“พี่แค่เห็นว่าน้องสาวจะแต่งงาน พี่ทำอะไรได้ พี่ก็อยากทำ จนลืมไปว่าพี่มันแค่คนนอก”
ศรวณีย์ยิ้มบริสุทธิ์
“ไม่จริงเลยค่ะพี่ทราย พี่ทรายเป็นคนในครอบครัว พี่ทรายรู้ไหมคะว่า ศรดีใจมากที่พี่ทราย กลับมา ศรอยากมีพี่สาวมาตั้งนานแล้ว คุณแม่จะว่ายังไงก็ช่าง แต่ศรดีใจที่พี่ทรายช่วยศร”
“อย่าพูดแบบนี้ให้คุณอาเสาว์ได้ยินนะ เดี๋ยวเขาจะน้อยใจที่ศรเข้าข้างพี่มากกว่าเขา”
“ก็ศรอยากให้พี่ทรายอยู่กับศรนี่คะ พี่ทรายช่วยงานแต่งของศรกับพี่พัชนะคะ”
ศรุตายิ้ม แล้วพูดนิ่งๆ “ก่อนจัดงาน พี่ขออะไรสักอย่างได้ไหม ?”
“อะไรคะ ?”
“ให้พี่เลี้ยงสละโสดให้ศร”
ศรวณีย์หน้าเจื่อน “ศรอยากไปนะคะ แต่คุณพ่อคงไม่ให้”
“ศรลืมไปรึเปล่า ว่าศรไปกับใคร?” ศรุตายิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็ปลีกตัวออกมาโทร. นัดแนะกับฌานทันที

เสาวณีย์ยืนกอดอกมองออกไปที่หน้าต่างด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่พยายามเก็บอารมณ์ ศกนั่งที่ โซฟามองเสาวณีย์อย่างหงุดหงิด แล้วหันไปพูดกับลูกสาว
“ไปเถอะลูก ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”
ศรวณีย์มองมารดา ที่ไม่ยอมหันมามองอย่างจ๋อยๆ แล้วค่อยๆ เดินออกไป
เสาวณีย์หันมามอง แล้วทนไม่ไหว จะเดินตามไปห้าม แต่ถูกศกปรามไว้
“คุณจะห่วงทำไม ทรายเป็นพี่สาวลูกศรนะศก”
“ใช่ค่ะ เป็นพี่สาวที่เกือบจะฆ่าน้องตายตั้งแต่อายุ 4 ขวบ”
“คุณเสาว์ เรื่องนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ ผมเข้าใจว่าคุณห่วงลูก แต่หัดรู้จักปล่อยลูกให้ออกไปเปิดหู เปิดตาบ้าง ดูทรายสิฉลาดกว่าลูกศรไปไหนต่อไหนแล้ว”
เสาวณีย์จิกตามองสามีอย่างไม่พอใจ
“คุณศก อย่าเอาลูกฉันไปเปรียบเทียบอย่างนั้นนะ”
“งั้นคุณก็อย่าคิดร้ายกับลูกผมสิ”
“ เดี๋ยวนี้มีลูกฉัน กับลูกคุณแล้วใช่ไหม ?” เสาวณีย์พูดอย่างน้อยใจ
“จะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะคุณเสาว์ .เอาเถอะ ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง แต่ผมเชื่อว่าทรายไม่มีวัน ทำอะไรลูกศร”

ศรวณีย์ยืนมองผู้คนในผับ ที่ดื่ม เต้นในร้านกันอย่างสนุกด้วยความตื่นตาตื่นใจศรุตาเดินถือแก้วค็อกเทลเข้ามา เห็นผู้ชายมองน่องสาวต่างมารดาตาไม่กระพริบ ก็แกล้งปล่อย ให้เธอเผชิญกับผู้ชายตามลำพัง ทิ้งระยะให้หญิงสาวอกสั่นขวัญหายครู่หนึ่ง จึงเดินไปตาม
“ศรเป็นอะไรรึเปล่า? ไปนั่งตรงโน้นกันดีกว่า”

ศรุตาพาศรวณีย์มานั่งที่โต๊ะ แล้วพูดเป็นเชิงว่าเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเจอคนลักษณะนี้ในสถานที่แบบนี้
“ศรต้องออกสังคมบ้าง ไม่ใช่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน จะได้รู้จักคุยกับคนใหม่ๆบ้าง เดี๋ยวมีใคร เข้ามาคุย ศรลองคุยกับเขานะ”
“ศรไม่รู้จะคุยอะไร ศรไม่เก่งเหมือนพี่ทราย”
ศรุตาแอบยิ้มเยาะ
“ถ้าอยากเก่ง อย่างแรกศรต้องรู้จักกล้า จำไว้นะศร ศรโตแล้ว ศรมีความคิดเป็นของตัวเอง ดังนั้น ศรต้องกล้าที่จะทำตามอย่างที่ตัวเองคิด อย่าให้ใครมาคอยบอกว่าเราควรไปทางไหน อย่างเช่นค็อกเทลแก้วนี้ ถ้าอยู่ที่บ้าน แม่ศรก็คงไม่ให้ดื่ม แต่อยู่ที่นี่ศรคิดเอง ศรอยากลองไหม”
ศรวณีย์มองแก้วค็อกเทลอย่างสนใจ แล้วมองพี่สาว พลางพยักหน้าอยากลอง
“งั้นลอง”
หญิงสาวยกแก้วค็อกเทลพร้อมกับทำท่าจดๆ จ้องๆ กำลังจะดื่ม แต่ช้ากว่าบุรีที่ปราดเข้ามารั้งมือไว้
“ลูกศรดื่มเป็นด้วยเหรอ ?”
ศรุตากับศรวณีย์ชะงัก ไม่คิดว่าจะเจอบุรีที่นี่ หญิงสาวผู้พี่แอบขัดใจที่บุรีโผล่มาขัดแผนให้ฌาน มาเจอศรวณีย์
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”
“ผมก็ไม่คิดว่าจะเจอคุณกับลูกศรที่นี่เหมือนกัน”
ศรวณีย์ยิ้มให้บุรี
“พี่ทรายพาศรมาเลี้ยงสละโสดค่ะบรรยากาศดีนะคะ”
“บางอย่าง ภายนอกดูดี แต่ข้างในอันตราย”
บุรีจงใจพูดกระทบศรุตา หญิงสาวเหลือบมองอย่างรู้ทัน
“มาแค่ได้รู้ก็พอนะศร อย่าหาเรื่องมาบ่อย เดี๋ยวใจแตก”
“เหมือนฉันน่ะเหรอคะ” ศรุตาย้อนถาม
“ผมไม่ได้ว่า”
หญิงสาวยักไหล่ “แค่พูดกระทบ”
ศรวณีย์มองหน้าคนนั้นที คนนี้ที แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ่อ พี่บุรีนัดเพื่อนไว้เหรอคะ?”
“เปล่า พี่นัดกับพัชระมาคุยงานกับลูกค้า”
หญิงสาวยิ้ม “พี่พัชมาด้วยเหรอคะ ? ดีจัง ศรจะได้บอกข่าวดี”
พัชระเดินเข้ามายืนซ้อนด้านหลัง แล้วก้มจูบศีรษะศรวณีย์เบาๆ
“ข่าวดีอะไรเหรอจ๊ะ ?”
หญิงสาวสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้ “พี่ทรายจะช่วยเราจัดงานแต่งค่ะพี่พัช”พัชระชะงัก บุรีมองศรุตาอย่างคิดว่ามีแผนจะทำอะไรอีก พลันมือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้น
“ขอโทษนะคะ ขอตัวรับโทรศัพท์ก่อน”
พูดพลางจงใจมองทางพัชระ ขณะพูดประโยคถัดมา “ฌานโทรมา”

พัชระแอบถอนใจหงุดหงิด
 
อ่านต่อหน้า 2

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 5 (ต่อ)

ศรุตาที่เลี่ยงออกมาคุยมือถือเงียบๆ รีบบอกฌานว่าไม่ต้องมาแล้ว

“อ้าว ทำไมล่ะ ? หรือคุณโกรธที่ผมไปช้า พอดีผมเพิ่งดูงานที่บุรีทำมา ผมยังไม่ค่อยชอบทั้งหมด เลยคิดทางแก้นานไปหน่อย”
“ไม่ได้โกรธ แต่ฉันกำลังจะกลับ มีคนมาเยอะเกินไป มันไม่สนุกอย่างที่คิดแล้ว แค่นี้นะ”
พูดพลางก็กดวางสาย แล้วหันหลังจะเดินเข้าร้าน พอดีกับที่พัชระเดินเข้ามาขวาง
“ทำไมคุณถึงมาช่วยงานแต่ง ?”
หญิงสาวยิ้มเหมือนเป็นเรื่องขำ “ก็งานแต่งของน้องสาวฉัน” พัชระหงุดหงิดกับท่าทางยิ้มแย้มของศรุตาที่ดูไม่มีอาการกับการที่เขาแต่งงานเลย
“นี่คุณไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงที่ผมแต่งงานกับลูกศร ?”
“แล้วคุณต้องการให้ฉันรู้สึกอะไร ในเมื่อคุณเป็นฝ่ายเลือกน้องสาวฉันเอง”
ศรุตาจะเดินไป พัชระรีบพูดอย่างทนไม่ไหว
“แล้วถ้าผมเลือกคุณ คุณจะเลิกกับพี่ฌานไหม”
“งั้นก็ทำให้ฉันเห็นสิ ว่าคุณดีกว่าฌาน” หญิงสาวสวนกลับทันควัน แล้วเดินผละออกไป

ศรุตาเดินกลับเข้าในร้าน เห็นบุรีกำลังยิ้มอบอุ่นให้ศรวณีย์อย่างที่ไม่เคยทำแบบนั้นกับเธอ ก็ แอบน้อยใจ พร้อมกับออกปากชวนน้องสาวต่างมารดากลับ
“ขืนอยู่นานกว่านี้ คนบางคนก็จะว่าพี่ได้ว่ากำลังทำน้องใจแตก”
บุรีแอบขำกับการประชดประชันของศรุตา
“อีกอย่าง พี่ก็ไม่ควรอยู่อ่อยผู้ชายที่นี่มาก ต้องกลับไปหาคนที่ควรกลับไปหา”
“ผมดีใจแทนผู้ชายคนนั้น ที่คุณคิดได้แบบนี้”
บุรีพูดยิ้มๆ ศรุตาสะบัดหน้าเมิน แสดงอาการไม่พอใจ แล้วเดินนำศรวณีย์ออกจากร้านทันทีบุรีเดินตามออกมา
“ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วยนะ กลับกันสองคน มันอันตราย”
“ได้ยินไหมลูกศร พี่บุรีของศรกลัวศรจะเป็นอันตรายถึงบ้านแล้วโทรบอกเขาด้วยนะ” ศรุตาพุดประชด
“คุณก็ด้วย”
หญิงสาวชะงัก แล้วปรายตามองมองบุรีอย่างคาดไม่ถึง พร้อมกับที่หัวใจหวั่นไหวไปกับความ รู้สึกที่สัมผัสว่าบุรีห่วงตัวเองอย่างไม่เคยเป็นกับผู้ชายอื่นมาก่อน
“ไปเถอะลูกศร”
ทั้งคู่เดินผละไป บุรีมองตาม พัชระเดินเข้ามายืนด้านหลัง
“ระวังเล่นอยู่กับไฟอยู่นะครับพี่บุรี”
บุรีหันไปมองพัชระ “เตือนตัวเองเถอะพัชระ”
“ผมไม่เห็นต้องเตือนอะไรตัวเอง ในเมื่อผมจะแต่งงานอยู่แล้ว”
“ก็ดี เหลือเวลาจัดงานเดือนกว่าเองนี่ ก็รีบจัดงานให้เป็นรูปเป็นร่าง ไม่ใช่แค่บอกแค่เรื่อง แต่งงานให้ใครได้ยินเท่านั้น”
พัชระมองบุรีอย่างระแวงนิดๆ ว่าจะดูออกรึเปล่าว่าเขาแต่งงานประชดศรุตา

ศรุตาเดินมาส่งศรวณีย์ที่หน้าบ้าน ไม่วายย้ำให้โทร. ไปบอกบุรี หญิงสาวคนน้อง ยกมือไหว้ แล้วจะเดินเข้าบ้าน คนพี่รีบเรียกไว้
“ศร พรุ่งนี้ว่างรึเปล่า ?”
“พรุ่งนี้เช้าศรต้องเอานิทานเสียงไปให้น้องๆที่มูลนิธิเด็กน่ะค่ะ พี่ทรายไปมูลนิธิด้วยกันไหมคะ ? เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่พัชไปรับ เราจะได้ไปดูชุดแต่งงานด้วยกัน”
ศรุตาฟังน้องสาวต่างมารดาพูด แล้วยิ้ม จากนั้นก็รีบโทร. นัดแนะให้ฌานมารับที่โรงแรม พร้อมกับย้ำว่าครั้งนี้ไม่พลาด “เรื่องสนุก” แน่นอน

ศรุตายืนมองเด็กกำพร้าที่กำลังวาดรูปเล่นกันอยู่ในสนาม ด้วยความสะเทือนปมที่อยู่ในหัวใจ จนฌานเดินถือถุงขนมใบใหญ่เข้ามายืนด้านหลัง
“ทราย”
“ถ้าตอนที่แม่พาฉันออกมาจากบ้านนั้น แล้วถ้าฉันไม่เจอแดดดี้ หรือถ้าแม่เป็นอะไรไปก่อน ฉันก็ คงมีสภาพไม่ต่างจากเด็กพวกนี้”
“พูดอะไรน่ะทราย” ฌานพยายามพุดปลอบใจ
“ฉันเป็นเด็กที่เกิดมาท่ามกลางความไม่ต้องการของใครไงฌาน”
หญิงสาวมองไปทางเด็กๆด้วยสายตาเจ็บปวด ฌานวางถุงขนมแล้วจับมือไว้
“แม่คุณไง คุณยังมีแม่ที่รักคุณมากนะทราย ต่างจากผม”
ศรุตาหันไปมองฌาน แล้วกลับเป็นฝ่ายบีบมือให้กำลังใจ
“เราสองคนนี่เหมือนกันจังเลยนะ เป็นพวกขาดเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่คุณขาดเพราะเสียพ่อ แต่ฉันโดนแย่ง”
พลันเสียงมือถือของหญิงสาวก็ดัง พอดูหน้าจอ เห็นเป็นชื่อ “ลูกศร” ก็รีบกดรับสาย แล้วเดินห่าง จากฌาน เพื่อมาคุยโดยไม่ให้ฌานได้ยิน

ศรวณีย์ถือขนมถุงใหญ่ โดยมีเด็กๆช่วยถือตามเป็นขบวนรถไฟ ด้วยสีหน้ามีความสุข “ศรมาถึงแล้วค่ะ พี่ทรายถึงรึยังคะ ? ถึงแล้วเหรอคะ แล้วพี่ทรายอยู่ไหนคะ ?”
“พี่อยู่ที่สนาม ศรเอาขนมมาแจกตรงนี้แล้วกันเนอะ”
ศรุตากดวางสาย แล้วเดินกลับไปหาฌาน
“ใครโทรมา คุณถึงต้องเดินแอบไปคุย”
หญิงสาวยิ้ม “คุณกำลังแสดงความเป็นเจ้าของฉันเหรอ ? น้องสาวฉันโทรมา”
“อ้อ แล้วไป นี่เมื่อไหร่ผมจะไปบ้านคุณได้สักที ผมอยากกราบคุณพ่อ กับ say hi กับน้องสาว คุณจะแย่อยู่แล้ว”
ศรุตามองฌานเจ้าเล่ห์

“คุณได้ say hi กับน้องสาวฉันแน่ ไม่นานเกินรอ”

ศรุตายืนอยู่กับฌานที่ริมสนาม พร้อมๆ กับชะเง้อมองหาศรวณีย์

“คุณมองหาใคร”
“เจ้าหน้าที่ที่จะมาช่วยเราแจกขนมเด็กๆน่ะค่ะ”
พอเห็นว่าศรวณีย์ กำลังเดินตรงมา ก็รีบหันไปบอกฌาน
“เดี๋ยวทรายไปห้องน้ำแป๊บนึงนะ เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆมาแจกขนม คุณก็เอาขนม ไปให้เขาแจกเด็กๆเลย อย่าบอกว่ามาจากทรายนะ บอกเป็นชื่อต้นน้ำ”
ฌานมองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ ?”
ศรวณีย์กับเด็กๆ เดินใกล้เข้ามา ศรุตาเบี่ยงตัวหลบ แล้วพูดกับฌาน
“ทรายเป็นพวกชอบทำอะไรในที่มืดไง ทำอย่างที่ทรายบอกนะ”
จากนั้นก็รีบเดินออกไปคนละทางกับที่น้องสาวต่างมารดาเดินเข้ามา
ศรวณีย์พาขบวนรถไฟเด็กๆ เดินเข้าไปในสนามสมทบกับเด็กๆที่วาดรูปเล่นอยู่ ด้วยรอยยิ้มสดใส ฌานมองไป แล้วเผลอยิ้มตาม
ศรุตาแอบจับตามองทั้งคู่อยู่ห่างๆ

ฌานเผลอยิ้มไปกับความใจดีของศรวณีย์ ที่ดูแลเด็กๆ อย่างดี
“คงจะเป็นเจ้าหน้าที่ทรายบอก”
ฌานหันไปหยิบถุงขนมจะเดินไปหา แต่กลับสะดุดหินจนเกือบล้ม ศรวณีย์ที่เดินมาพอดี พุ่งเข้า ไปจับแขนเพื่อพยุงตัวฌานไม่ให้ล้มไว้
ฌานชะงัก ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันแค่คืบ
“เป็นอะไรไหมคะ ?”
หญิงสาวเห็นฌานใส่แว่นตาดำและเดินจะสะดุด เลยคิดว่าเขาตาบอด มองหาไม้เท้าคลำทาง
“ไม้เท้าคลำทางอยู่ตรงไหนคะ ?”
ฌานถึงกับงง “ไม้เท้า ? เอ่อ ไม่มี”
“อ๋อ งั้นคุณจะไปไหนคะ เดี๋ยวฉันจูงไปส่งให้ค่ะ”
“เอ่อ คือผม ผมเดินเองได้ครับ” พูดพลางถอดแว่นตาดำออก “ผมไม่ได้ตาบอดครับ”หญิงสาวหน้าเหวอ รีบยกมือขอโทษฌาน“ขอโทษค่ะ ฉันเข้าใจผิด”
“ไม่เป็นไรครับ”
ศรวณีย์ประหม่า ทำอะไรไม่ถูก จะเดินหนีฌาน แต่กลับเปลี่ยนใจ พลางเหลือบมองฌาน แล้วมองถุงขนม
“จะเอาขนมมาแจกเด็กๆเหรอคะ ?”
ศรุตาแอบมองภาพของทั้งคู่ แล้วยิ้มพอใจ

ดวงตายืนกดออดหน้าประตูรั้วโรงเรียน ครู่หนึ่งก็มีผู้ชายวิ่งออกมาเปิดประตู พลางมองอย่างงงๆ
“มาหาใครครับ ?”
“ฉันมาหาครูใหญ่ คุณครูใหญ่อยู่ไหม ?”

ดวงตาถอนหายใจอย่างผิดหวัง เมื่อรับทราบข่าวจากครูใหญ่คนปัจจุบัน ที่นั่งอยู่ตรงหน้า“คุณครูนารีท่านเสียนานแล้วค่ะ หลังจากนั้นก็ขายกิจการโรงเรียนต่อ”
“แล้วคุณครูพอจะรู้ไหมคะว่าลูกของคุณครูยังอยู่บ้านเดิมรึเปล่า?”
ครูใหญ่ส่ายหน้านิดๆ “ไม่แน่ใจค่ะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะ ?”
“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับหลานชายของคุณครูนารีที่ชื่อ “บี” น่ะค่ะ”

ศรวณีย์กับฌานนั่งอยู่ท่ามกลางเด็กๆ พร้อมกับกินขนมไปกับเด็กๆ ด้วยท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
ฌานแอบมองหญิงสาว แต่พอหญิงสาวหันมามอง ก็แกล้งมองผ่านไปมองเด็กๆ
“คุณเอาขนมมาให้เด็กบ่อยเหรอคะ?”
“ ไม่ครับ เพิ่งมาครั้งแรก”
ศรวณีย์พยักหน้ายิ้มๆ “มิน่า ฉันไม่เคยเห็นคุณเลย”
“แสดงว่าคุณมาที่นี่บ่อย”
“ค่ะ ฉันชอบอ่านนิทานอัดเสียงให้น้องตาบอดบ่อยๆ อีกอย่าง มาที่นี่แล้วสบายใจดีค่ะ ความ สดใสของเด็ก ทำให้เราไม่ต้องคิดอะไร”
ฌานมองหน้าหญิงสาวแล้วยิ้มนิดๆ
“เป็นเด็กๆก็ดีอย่างนี้ล่ะครับ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่เหมือนผู้ใหญ่”พูดพลางเผลอถอนใจกับปัญหาที่หนักอึ้งอยู่ในใจ
“มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ อย่าหาว่ายุ่งเลยนะคะ แค่คิดว่าเผื่อจะช่วยได้” ฌานยิ้มจริงใจ “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่กำลังคิดอะไรไม่ออก”
“งั้นก็ไม่ต้องคิดค่ะ บางอย่าง ถ้าคิดไม่ออก แปลว่าต้องทำแบบไม่คิด ทำตามความรู้สึกแทน อย่างเช่นเวลาฉันทำข้อสอบ แล้วคิดไม่ออก ฉันก็จะใช้ความรู้สึกกามั่วเอา”
ฌานหัวเราะ “แล้วผลออกมาเป็นยังไงครับ ?”
“เกือบสอบตกสิคะ ก็คิดไม่ออก แล้วจะคิดไปทำไมล่ะคะ ใช้ความรู้สึกตัดสิน อย่างน้อยมันก็มา จากความเชื่อของเรา”
“ขอบคุณนะครับ”
ศรวณีย์มองฌานงงๆ “ขอบคุณอะไรคะ ?”
“ขอบคุณที่คุณให้ไอเดียดีๆ กับผม”
“ไอเดีย ?”
“ความเชื่อไงครับ บางทีผมคิดแต่จะแข่งกับคนอื่นมากไป จนลืมความเชื่อของตัวเอง คุยกันมา ตั้งนาน ยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร ?”

ศรวณีย์กำลังจะอ้าปากลอก แต่พอดีเสียงมือถือดังมาขัดจังหวะ

ศรุตาที่แอบดูทั้งคู่อยู่ พุดมาทางปลายสาย

“พี่อยู่ตรงด้านหน้าเนี่ย ศรแจกขนมเด็กๆรึยังจ้ะ? แจกแล้วใช่ไหม ? งั้นมาหาพี่ที่หน้าตึกเลย แล้วกันนะ รีบมาเลยนะศร พี่มีธุระ”
ศรวณีย์กดวางสาย แล้วหันกลับมาบอกฌาน
“ฉันไปก่อนะคะ พี่สาวรออยู่”
จากนั้นก็เดินผละไป ฌานมองตามยิ้มๆ พร้อมๆ กับที่ศรุตาเดินเข้ามาอีกทาง
“มานั่งยิ้มอะไรตรงนี้เนี่ย ?”
“คุณหายไปไหนมาเนี่ย ?”
หญิงสาวรีบปด
“พอดีแดดดี้โทรมาถามเรื่องงานทางโน้น ทรายเลยบอกว่าจะพักงาน ทางโน้นเพื่อมาช่วยงาน ฌานทางนี้ก่อน”
ฌานหันมามองหญิงสาวอย่างดีใจ
“พูดถึงเรื่องงาน” พูดพลางลุกขึ้นมาจับมือหญิงสาวอย่างดีใจ “ผมได้อีกไอเดียไปทำโครงการซัด ไอ้อลันแล้ว”
ศรวณีย์เดินมองหาศรุตา แต่ไม่เจอ ขณะที่พัชระเดินเข้ามาพอดี
“อ้าวพี่พัชมาแล้วเหรอคะ ?”
พัชระพยายามมองหาศรุตา
“พี่สาวศรไม่ไปเลือกชุดกับเราด้วยเหรอ ?”
“ไปสิคะ พี่ทรายรับปากแล้ว”
พัชระแอบยิ้ม จังหวะเดียวกับที่ศรุตาโทร. เข้ามาพอดี
“ฮัลโหลทราย”
ศรวณีย์มองพัชระที่คุยกับศรุตา อย่างไม่คิดระแวง
“คุณโทร. เข้ามือถือลูกศรไม่ติดเหรอ ?”
ศรวณีย์กดดูมือถือตัวเอง “มือถือศรก็ยังเปิดนี่คะ”
“คุณอยู่ไหน ? อะไรนะ ?! ไปกับพี่ฌาน” พัชระรู้ว่าศรุตาจงใจโทร. เข้าเครื่องเขาเพื่อบอกว่าไปกับฌาน
“ได้ แล้วผมจะบอกลูกศรให้”
พัชระกดวางสายอย่างหงุดหงิด ขณะที่ศรุตาที่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารกับฌาน กำลังยิ้มอย่างมีความสุข

พัชระเดินกลับเข้าบ้านด้วยความหงุดหงิด ทันใดนั้นก็มีเสียงทักทายจากด้านหลัง
“คุณคือพัชระใช่ไหม ?”
พัชระหันหลังไปทางเสียง อลันมองมายิ้มๆ

ศรุตากับฌานมานั่งคุยกันต่อในห้องพักของหญิงสาว ที่ดูงานอย่างสนใจ
“จะไปสิงคโปร์เมื่อไหร่หรือฌาน”
“บุรีบอกว่า final draft จะเสร็จอาทิตย์หน้า ผมก็ไปเลย”
ศรุตาอดเป็นห่วงไม่ได้ “คิดว่าพ่อเลี้ยงฌานจะว่าไง”
“ผมว่าเขาน่าจะพอใจระดับหนึ่ง ถ้าไม่มีไอ้อลันมาคอยขัดคอ”
“ไม่ถูกกันขนาดนี้เลยหรอ”
ฌานพยักหน้า
“เป็นคู่แข่งตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เกิดมานะทราย ผมมีเพื่อนผู้ชายที่โตมาด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งก็ไอ้ลูกหมาอลันนี่แหละ โตมาด้วยกันตั้งแต่อายุ 13 จนเรียนจบ”
“ส่วนอีกคนก็คือบุรี” ศรุตาพูดต่อให้
“ใช่”
“ จากดีสุดไปเลวสุดเลยนะ”
“ดีที่ผมรู้จักบุรีก่อน ไม่งั้นคงเลวตามไอ้อลันไปแล้ว”
สีหน้าของศรุตาอ่อนโยนลึกซึ้ง เมื่อคิดถึงบุรี ฌานจูบหญิงสาวแผ่วๆ และกอดเบาๆ หญิงสาว หลับตานิ่ง
“ทราย คุณน่ารักเหลือเกินเวลาที่คุณหลับตา”
หญิงสาวยิ้ม ทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“วินาทีนี้ผมอยากให้เวลามันหยุด มีผมมีคุณ ไม่ต้องมีคนอื่นไม่ต้องมีงาน”
ปลายเสียงของชายหนุ่มแผ่วลง สีหน้าสะเทือนใจ ศรุตาโอบรอบคอฌานไว้ ดึงมาหน้าแนบหน้า นิ่งอยู่สักพัก ทั้งคู่อยู่ในอารมณ์ดื่มด่ำ เงียบๆ และสงบนิ่ง
ครู่หนึ่งศรุตาก็ถอยออกมา มองหน้าฌาน แล้วแตะแก้มเบาๆ
“แต่ไอ้ลูกหมาอลันมันยังไม่ตาย”
ฌานหัวเราะเสียงดัง “เออ จริง”
“แล้วยังมีป๋า มีแม่แอนน์ของฌาน มีใครอีก”
“มีทราย”
ศรุตาส่ายหน้าเบาๆ
“เฮ้ยไม่เกี่ยว เอาแค่ 3 คน ฌานก็ต้องสู้กับเขา ฌานต้องเข้มแข็งนะ อย่าจ๋อย”
ฌานหัวเราะในลำคอ ศรุตามองแล้วตัดสินใจชวน
“ไปร้านกันดีกว่า”
“โอ้ย ไหนว่าจะไม่ไปไหนไงคืนนี้ เปลี่ยนใจง่ายจริงๆนะ”
หญิงสาวยิ้มลึกๆ ในหน้า เพราะรู้ใจตัวเองดีว่าเปลี่ยนใจเพราะอะไร

“ยังไม่ชินอีกเหรอฌาน”
 
อ่านต่อหน้า 3

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 5 (ต่อ)

ศรุตาแต่งตัวสวยฉ่ำออกมาหาฌาน พร้อมกับเตรียมตัวจะออกจากห้อง แต่พอดีมือถือของฌานดังขึ้นมา

“บุรี ว่าไง อ๋อ ดูแล้ว แต่ฉันมีความคิดให้แกเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ป๋าจะว่าไงน่ะเหรอ ไม่เป็นไร ฉันอธิบายให้ป๋าฟังได้ นี่กำลังจะไปร้านจะได้คุยกัน อ้าว ทำไมล่ะ อ๋อ โอเค ไม่เป็นไรฉันฝากไว้แล้วกัน แล้วฉันจะไปหาแกที่บ้าน ไป”
ฌานวางสายแล้วหันมาโอบศรุตา หญิงสาวนิ่งไปนิด ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋า หยิบการ์ดเปิดประตู
“บุรีว่าไงเหรอฌาน”
“เขาไม่ไปคืนนี้ ต้องคุยวันหลัง”
ศรุตาเปลี่ยนใจทันที อ้างว่าปวดท้อง แล้วรีบดุนหลังฌานออกไป ก่อนที่จะขว้างกระเป๋าไปเต็มแรง แล้วเดินไปปิดหนังสือที่เปิดหน้าดอกจำปีไว้ ด้วยความผิดหวัง

ที่แท้บุรีจงใจไม่ไป เพราะรู้ว่าศรุตาจะไป
“ทำไมไม่ไปกับฌานล่ะลูก ?”
แม่หันมาถามอย่างแปลกใจ บุรีนิ่งไปนิดนึง เหมือนพยายามพูดให้เป็นปกติ ไม่ให้แม่สงสัย ความรู้สึกในใจ
“ให้ฌานไปกับแฟนเขาเถอะครับ”
“นี่ฌานมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วเหรอ ?” แม่ถามอย่างตื่นเต้น
“ครับ เป็นคนที่ฌานจริงจังมาก จนคิดจะแต่งงานด้วย”
“แต่งงาน? จริงเหรอ ? แม่อยากรู้แล้วสิว่าผู้หญิงที่ปราบเจ้าฌานได้เป็นใคร ?”บุรีนิ่งไปนิด อย่างพยายามทำใจ ก่อนพูดชื่อผู้หญิงคนเดียวในหัวใจเขา
“ทรายครับ”
แม่ชะงักทันที “ทรายเหรอบุรี ?”
บุรีพยักหน้านิ่งๆ แม่มองลูกชายอย่างเข้าเหตุผลว่าทำไมบุรีไม่ยอมบอกทรายว่าเขาคือ “พี่บี”

“ฉันไปตามหาคนๆนึงที่ฉันเชื่อว่าเขาเปลี่ยนทรายได้มาค่ะ ยังไม่เจอค่ะ ตกลงคุณส่งกล่องที่ ฉันบอกมารึยังคะดอน ? ฝากเพื่อนคุณมาแล้วเหรอคะ ?”
ดวงตาเดินเข้ามาในล็อบบี้ ขณะที่คุยมืถือกับดอนไปด้วย
พนักงานที่เคาน์เตอร์เห็นดวงตาเดินเข้ามา ก็รีบหยิบกล่องแล้ววิ่งมาหา
“คุณดาลตันคะ มีคนฝากกล่องนี่ไว้ค่ะ”
ดวงตามองกล่องแล้วพูดกลับไป “ฉันได้กล่องแล้วค่ะดอน ข้างในเป็นอะไรเหรอคะ ?”

พัชระเดินมาส่งอลันที่หน้าประตูบ้าน
“ผมหวังว่าคุณจะสนใจข้อเสนอของผม คุณจะเรียกค่าเสี่ยงเท่าไหร่ ผมไม่เกี่ยงเลย”
“ถ้าผมจะทำ ผมไม่ทำเพราะเงิน แต่ผมอยากทำให้รู้ว่าพี่ฌานไม่ได้ดีกว่าคนอื่น”
พัชระยิ้มอย่างสะใจ

ศรุตากับฌาน ที่เปลี่ยนใจไม่ได้ปนั่งที่ร้านของบุรี ก็เปลี่ยนใจมานั่งที่ร้านอาหารอื่นแทน หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะออกปากถามชายหนุ่มที่นั่งตรงข้าม ถึงศรวณีย์
“แล้ววันนี้ที่มูลนิธิเด็กน่ะ ฌานเจอเจ้าหน้าที่ที่ทรายบอกรึเปล่า ?” ฝ่ายถูกถาม ตอบด้วยย้ำเสียงปกติ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรพิเศษ
“ถ้าเป็นผู้หญิงที่ดูแลเด็กๆ สอนเด็กๆวาดรูป ก็เจอแล้วก็น่ารักดี แต่ดูยังเด็กอยู่เลยนะ”
“ไม่เด็กนะ เรียนจบแล้ว นี่เจอตอนทรายไม่อยู่ แอบหลอกเด็กรึเปล่าเนี่ย”
หญิงสาวแกล้งถามหยั่งเชิง
“บ้า ผมหลอกเฉพาะเด็กที่เต็มใจให้หลอก แต่คนนั้น....”
ฌานนึกถึงความสดใสของศรวณีย์
“ไม่ไหว ดูเป็นเด็กโลกสวยไป”
ศรุตาหัวเราะเบาๆ
“ไปว่าเขา พวกจืดๆใสๆ พอจับแต่งขึ้นมา ผู้ชายละลายทุกคน”
“ถ้าแต่งตัวหน่อย .ก็คงสวยจริงๆ แต่สู้คุณไม่ได้หรอก”
พูดพลางจับมือหญิงสาวแน่น ศรุตายิ้มเจ้าเล่ห์
“เรื่องนั้น ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ”
พลันมือถือของศรุตาก็ดังขึ้น ปลายสายคือดวงตา
“ฮัลโหลค่ะแม่ พรุ่งนี้เช้าเหรอคะ ? แม่จะชวนทรายไปไหนคะ ?”

บรรยากาศยามเช้าหน้าวัด เต็มไปด้วยร้านรวงขายอาหารสำเร็จเตรียมให้ผู้คนซื้อใส่บาตร มีคนมารอใส่บาตรหลายคน
ดวงตาใส่บาตรเสร็จ กำลังรับพรจากพระ ศรุตายืนอยู่ด้านหลังมารดา สีหน้านิ่งเพราะรู้เจตนาดี
จากนั้นดวงตาก็ชวนลูกสาวให้ไปกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ทั้งอดีตชาติ และปัจจุบัน เพื่อให้หมดเวรหมดกรรมที่ก่อร่วมกัน
“ทรายยังไม่พร้อมจะหมดกรรมกับเขา”
ดวงตาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“แม่ขอร้อง อโหสิกรรมให้เขา อย่าเจ้าคิดเจ้าแค้นต่อไปอีกเลย”
“แม่ไม่ใช่คนก่อ เขาต่างหากที่เป็นคนก่อ ดังนั้นถ้าอยากให้ทุกอย่างจบ เขาต้องเป็นคนมาขอ อโหสิ ไม่ใช่แม่”
พูดพลางจะเดินผละออกไป
“ทรายจะไปไหน ?”
“ทรายมีนัดพาสาวน้อยไปแปลงโฉมค่ะ”

ดวงตามองตามลูกสาวอย่างเป็นห่วงในความแค้นที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ

ทางด้านศกกับเสาวณีย์กยังคงทุ่มเถียงกันเรื่องที่ศรุตาจะเป้นผู้ออกค่าชุดแต่งงานให้กับศรวณีย์ ซึ่งเสาวณีย์ยืนกรานไม่ยอม

“แล้วคุณมีปัญญาจ่ายอย่างทรายเหรอ ?”
เสาวณีย์ชะงักแล้วพูดอย่างตัดสินใจ “ฉันจะเอาสร้อยเพชรที่แม่คุณให้ฉันไว้ไปขาย”ศกหน้าเจื่อนลง “มันไม่อยู่แล้วล่ะ”
“อะไรนะ คุณแอบเอาของฉันไปเหรอ”
“ใช่ ผมเอาไปขาย เอาเงินไปจ่ายธนาคาร หรือคุณจะเก็บสร้อยไว้ แล้วให้บ้านโดนยึด”
เสาวณีย์ยิ่งอึ้งหนัก
“ไหนคุณบอกว่าเอาโฉนดที่ดินออกจากธนาคารได้แล้วไง”
“เงินผมไม่พอ เงินเดือนผมไม่ขึ้นอย่างที่คิด”
“แล้วอย่างนี้ เราจะยกบ้านให้เป็นเรือนหอกับลูกศรได้ยังไง ?”
ศกถอนหายใจ “ผมก็บอกคุณแล้วว่าให้ลูกศรไปอยู่บ้านพัชระ คุณก็ยังอยากให้ลูกอยู่ที่นี่”
“ตอนนี้ไม่ว่าอะไร ก็เป็นความผิดฉันหมดเลยสินะ” เสาวณีย์ประชด
“เอาเถอะ เรื่องบ้าน ผมจัดการเอง ส่วนเรื่องสร้อยก็ลืมๆมันไป แล้วก็ยอมรับน้ำใจที่ทรายให้มา ซะ ตอนนี้เขาเหนือกว่าเรา เราไม่มีทางเลือก”
พูดจบก็เดินออกจากห้อง เสาวณีย์หยิบหมอนมาปาระบายความโกรธ
“แกสองคนแม่ลูกไม่มีวันเหนือกว่าฉัน”

“หนูจะรบกวนขอยืมเงินคุณป้าค่ะ”
ในที่สุดเสาวณีย์ก็บากหน้ามาออกปากยืมเงินกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“จะให้เชื่อหรือว่าเธอไม่มีเงิน มรดกที่พ่อเขาให้ไว้หมดแล้วรึ”
เสาวนีย์ก้มหน้านิ่ง
“เอาล่ะ ไม่ถามก็ได้ จะขอยืมเท่าไหร่ล่ะ”
“ หนูขอรบกวนขอยืมคุณป้าสองล้านค่ะ”
หญิงสาวยกมืทาบอก “ว่าไงนะจ๊ะเท่าไหร่นะ ฟังไม่ผิดนะสองล้าน ป้าจะเอาที่ไหนมาให้ แม่เสาว์มีสมบัติเยอะไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ขอของแม่ไปขายล่ะ”

“ที่เขาพูดอย่างนั้น เพราะเขาไม่รู้ว่าเนื้อในเราขายของเก่ากินเกือบหมดแล้วน่ะสิลูก อย่าไปโกรธ คุณป้าเลย”
คุณหญิงเพกาคุยกับลูกสาว สีหน้าเครียดไม่แพ้กัน
“ทีเมื่อก่อน คุณป้ามาขอกี่ล้าน เสาว์ไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง ทีตอนนี้เสาว์เดือดร้อน ไม่มีใครเห็นใจ เลย แล้วเสาว์จะทำยังไงดี ? เสาว์ทนเห็นสายตานังทรายยิ้มเยาะเย้ยเสาว์กับลูกต่อไปอีกไม่ได้แล้วนะคะคุณแม่”คุณหญิงเพกาถอนใจ แล้วคิดบางอย่างออก
“อ้อ ยังมีสร้อยเพชรอีกเส้น เส้นที่ร้อยเป็นตาข่าย”
“อ๋อ สร้อยเส้นนั้น ที่แม่คุณศกให้ตอนที่.... “
เสาวณีย์คิดถึงอดีตด้วยสีหน้าสะใจ

ขณะที่ดวงตากำลังตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ คุณหญิงศิริยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงใส่สร้อยเพชรรูปตาข่ายนั้นให้เสาวณีย์
“เรื่องดวงตา หนูเสาว์อย่าไปสนใจ ก็แค่ผู้หญิงที่ตาศกเล่นๆตามประสาผู้ชายหนุ่มๆ ผู้หญิงอย่าง หนูเสาว์ต่างหากที่เหมาะสม และตาศกอยากร่วมเรียงเคียงหมอนด้วย เอาเป็นว่าแม่ยกสร้อยเส้นนี้ปลอบใจกับ
เรื่องเหลวไหลของตาศกในอดีตแล้วกันนะ”
“แต่ยังไงผู้หญิงคนนั้นก็ยังอยู่ อีกอย่างเขาก็มาก่อนเสาว์”
คุณหญิงศิริวางกล่องเครื่องเพชรใส่มือเสาวณีย์
“ผู้หญิงมักใหญ่ใฝ่สูงจนยอมเอาตัวเองแลกอย่างดวงตา มันไม่มีค่าอะไรสำหรับคุณศก ถ้าจะ เทียบกันแล้ว...”
คุณหญิงศิริเปิดกล่องใส่เครื่องทองอีกใบ แล้วหยิบสร้อยข้อมือทองเส้นบางๆ ประดับด้วยทับทิม ขึ้นมาดู พร้อมพูดกับเสาวณีย์
“ดวงตาเป็นแค่เศษทับทิม แต่หนูเสาว์เป็นเพชรน้ำหนึ่ง”

“มันเป็นสร้อยที่เสาว์ภูมิใจ อยากเก็บไว้ให้ลูกศร แล้วเสาว์จะขายสร้อยนั่นเหรอลูก ?”
คำถามของมารดา ทำเอาเสาวณีย์ถึงกับชะงัก

ศรตากับศรวณีย์เดินด้วยกันตรงไปทางร้านเพชร
“ถ้าร้านขายเครื่องเพชร ศรรู้จักแต่ร้านนี้ร้านเดียว คุณแม่เคยพามาค่ะ คุณแม่บอกว่าเป็นร้าน เก่าแก่ที่คุณย่าเคยซื้อเพชรบ่อยๆ”
พอได้ยินคำว่า “คุณย่า” ศรุตาก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาทันที “อ๋อเหรอ ?”
“ค่ะ พี่ทรายอยากไปร้านเพชรทำไมคะ ? จะซื้อเครื่องเพชรเหรอคะ”
“เปล่า พี่จะเอาสมบัติที่คุณย่าทิ้งไว้ให้ไปซ่อม”
ขณะเดียวกันเสาวณีย์กับคุณหญิงเพกา ก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินออกจากร้านอย่างเกรงว่าคนอื่นจะเห็น ศรุตากับศรวณีย์ที่เดินอีกทาง มองตามอย่างสงสัย

เมื่อทั้งคู่เข้าไปในร้าน เจ้าของร้านที่คุ้นเคยกับศรวณีย์ ก็ออกปากถาม เพราะคิดว่าจ่ายเงินให้เสาวณีย์ไม่ครบ แต่หญิงสาวปฏิเสธว่าไม่ได้มาด้วยกัน
ศรุตาบอกวัตถุประสงค์ว่าจะนำสร้อยทับทิมมาซ่อม จังหวะที่ศรวณีย์ปลีกตัวไปดูเพชรที่มุมอื่น ศรุตาก็หันมาถามเจ้าของร้าน
“เมื่อกี้ที่บอกว่าให้เงินคุณอาเสาว์ไม่ครบ ค่าอะไรเหรอคะ ?”
“ค่าสร้อยเพชรนี่ค่ะ” พูดพร้อมชี้ที่สร้อยเพชรที่เสาวณีย์นำมาขาย

ศรุตามองสร้อยแล้วยิ้มกับความคิดบางอย่าง

ศรุตา ที่เดินยิ้มอย่างมีความสุขกับแผนเรื่องสร้อยเพชรของเสาวณีย์ เดินนำศรวณีย์เข้ามาในร้านร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม พลางเอ่ยปากถาม

“พี่ถามจริงๆ ว่าศรชอบชุดที่แม่เลือกให้ไหม ?”
หญิงสาวอึกอักแล้วส่ายหน้า “ก็ไม่ชอบเท่าไรค่ะ”
“แล้วศรเคยบอกแม่ไหมว่าศรไม่ชอบ”
“ไม่เคยค่ะ”
ศรุตาแอบยิ้มเหยียด แล้วทำทีหันมาพูดต่ออย่างเป็นห่วง
“นี่ไง เพราะศรไม่กล้าพูดในสิ่งที่คิด ศรถึงต้องทนในสิ่งที่ไม่ชอบ”
“ศรกลัวคุณแม่เสียใจ ถ้าศรบอกว่าไม่ชอบ”
“แต่ถ้าศรไม่บอก วันนึงแม่รู้ก็ต้องเสียใจอยู่ดี สู้เราบอกในสิ่งที่เราคิดให้แม่รู้ ต่อไปแม่ก็เข้าใจเรา เราก็ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ดีกว่าเหรอ ?”
ศรุตาพยายามพูดล้างสมอง
“พี่ทรายพูดถูก”
“ถ้าคิดว่าพี่พูดถูก ก็ Go on! ต่อไปคิดอะไร บอกแม่ไปเลยนะ สาวน้อย”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างซื่อๆ “ค่ะพี่ทราย”
ศรุตาแอบยิ้มสะใจ ที่เริ่มล้างสมองน้องสาวต่างมารดาทีละน้อย
“เราชวนพัชระไปช๊อปิ้งด้วยกันดีไหมศร ?”
“พี่พัชคงมาไม่ได้หรอกค่ะ เมื่อเช้าศรโทรไป พี่พัชบอกติดงานสำคัญ”

ทุกคนในออฟฟิศของบุรีปรบมือดีใจที่ทำโครงการให้ฌานเสร็จ ยกเว้นพัชระ ที่ทำหน้านิ่ง “ขอให้ป๋าแกชอบโครงการนี้นะ แกจะได้รักษาบ้านของพ่อแกไว้อย่างที่ตั้งใจ”
บุรีหันมาบอกกับฌาน
“ฉันต้องทำให้ได้ ฉันจะเก็บบ้านนั้นเพื่อเป็นเรือนหอของฉันกับทราย”
บุรีนิ่งงัน เจ็บลึกๆ ในใจ พัชระมองฌาน แล้วคิดถึงคำพูดของศรุตา
“งั้นก็ทำให้ฉันเห็นสิ ว่าคุณดีกว่าฌาน”
พัชระเหลือบมองโครงการของฌาน ที่แอบถ่ายเอกสารในมืออย่างมีแผน

อลันมองรายละเอียด ที่พัชระส่งแฟ็กซ์มาให้ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์

“ศรขอบคุณพี่ทรายมากนะคะที่ซื้อของให้ศรเยอะขนาดนี้”
ศรวณีย์หันมายิ้มหวานให้ศรุตา ทั้งคู่หอบถุงใส่เสื้อผ้าและข้าวของพะรุงพะรัง“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นใช้เครื่องสำอางกับใส่ชุดที่พี่ซื้อแล้วกัน”
ศรวณีย์มองถุงเสื้อผ้าอย่างกังวล “ถ้าคุณแม่เห็น”
“ลูกศร” ศรุตาเสียงเข้ม
หญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่า มองพี่สาวต่างมารดา แล้วยิ้มแหยๆ
“ค่ะ ศรจะใส่ ถ้าคุณแม่ว่า ศรจะบอกว่าใครๆ ก็ใส่กัน ไม่โป๊อะไร ศรโตแล้ว ขอศรสักครั้ง”
“ดีมาก น้องสาวของพี่”
ศรวณีย์ได้ยินคำว่า “น้องสาว” ก็ยิ้มดีใจ ความรักใสซื่อของน้องสาวต่างมารดาทำให้หัวใจทีร้อนด้วยเพลิงแค้นของศรุตาสะดุดนิดๆ เธอจึงรีบดึงมือออกจากมือของน้องสาวที่เกาะกุมไว้เหมือนจะหนีความ รักที่ ทำให้เธอหวั่นไหว

เมื่อศรุตาขับรถมาส่งที่บ้าน ศรวณีย์ก็เอ่ยปากถามตรงๆ
“เมื่อไหร่พี่ทรายจะย้ายมาอยู่บ้านนี้สักทีคะ พี่ทรายจะได้ไม่ต้องขับรถไปขับรถมา”
ศรุตามองไปทางบ้านริมน้ำที่ยังมีไฟเปิดอยู่ “พี่ว่าคงอีกไม่นานหรอก”

บุรีเดินดูงานรอบๆ บ้าน แล้วเผลอหาว
“ฉันไม่ได้เร่งงานจนคุณต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำขนาดนี้นะคะ”
ศรุตาที่เดินมาด้านหลัง พูดกระเซ้า บุรีหันกลับมามอง
“วันนี้ผมนึกว่าคุณจะไปส่งฌานเสียอีก”
“คำแรกที่พูด ก็พูดถึงฌานเลยนะคะ สมแล้วที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ฌาน”
“ผมแค่รู้สึกว่างานนี้มันงานใหญ่ แล้วเขาก็พยายามทำเพื่อคุณ”
ศรุตายิ้มหวาน
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก ถึงฉันไม่ส่งฌาน เขาก็รู้ว่าฉันมีกำลังใจให้เขาเสมอ”
“มันจะดีกว่า ถ้าไม่ใช่แค่พูด”
ศรุตามองบุรีอย่างไม่พอใจที่หาทางพูดเหน็บตัวเองจนได้ หญิงสาวแกล้งก้าวเท้าเข้าไปใกล้ๆ
“อ๋อ .คุณจะบอกว่าคุณเป็นพวกชอบเห็นการกระทำ”
หญิงสาวจงใจเลื่อนคอเสื้อลง บุรีมองอย่างชะงัก
“ทราย”
“ก็ฉันร้อน ถ้าแค่พูด คุณก็ไม่เชื่อ เพราะคุณพวกชอบเห็นการกระทำ” ศรุตาย้อนหน้าซื่อ
บุรี รีบเปลี่ยนไปคุยเรื่องงาน
“คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะได้บอกว่าบ้านคุณเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งไว้เข้ามา อีก 2 อาทิตย์ก็เข้าอยู่ได้ เรื่องเฟอร์นิเจอร์ผมจะให้กี้มาดูแล ตกแต่งภายในเป็นหน้าที่เขา เท่ากับงานของผม จบแล้ว นะครับ”
“อ๋อ ที่คุณทำงานจนดึก เพราะอยากให้งานเสร็จเร็วๆงั้นสิ”
บุรีส่ายหน้าเบาๆ
“ผมมีงานอื่นต้องรีบไปดูแล ยังไงคุณจะตรวจดูบ้านก่อนก็ได้ มีอะไรเพิ่มเติมก็บอกหัวหน้าช่าง เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมคุยกับเขาเอง ผมไปล่ะ”
บุรีจะเดินไป แต่ศรุตาขยับมายืนตรงหน้าขวางไว้ แล้วจ้องตาด้วยแววตายิ้มยั่ว
“บ้านคุณ คุณก็ไม่ให้ฉันไป บ้านฉัน คุณก็รีบทำเสร็จแล้ว ทีนี้ฉันจะเจอคุณได้ที่ไหนล่ะ ?”
“ก็ไม่ต้องเจอสิครับ”
บุรีพูดตัดบท แล้วจะเดินไปอีก แต่หญิงสาวยังตามมาขวางหน้า“คุณรู้ตัวไหมว่าคุณทำเหมือนกำลังหนีฉัน”
บุรีชะงัก แต่พยายามทำหน้านิ่งกลบเกลื่อนความในใจ
“ผมไม่มีความจำเป็นต้องหนีคุณ”
“ก็ดีค่ะ เพราะถ้าฉันรู้ว่าใครหนีฉัน ฉันจะยิ่งตาม”
บุรีสบตาศรุตา หญิงสาวสบตาตอบอย่างไม่ยอมแพ้

ศรุตาเข้ามาเดินสำรวจความเรียบร้อยของบ้าน พอหันหน้ากลับมา ก็เห็นพัชระ ยืนอยู่ตรงหน้า“พี่ฌานโทรมาบอกรึเปล่าว่างานเขาเป็นยังไงบ้าง ? เขารักษาบ้านที่จะทำเป็นเรือนหอไว้ได้ รึเปล่า ?”
พัชระจงใจเน้นคำว่า “เรือนหอ” ศรุตายิ้มเยาะ
“อย่าทำตัวเป็นเด็กขี้พาลน่าพัชระ ถ้าคุณไม่มีความกล้าหาญอย่างเขา ก็อย่าไปยุ่งกับเขา อยู่ เป็นลูกแหง่ของแม่คุณไปเถอะ”
“อย่าพูดดูถูกผมอย่างนี้นะทราย คุณไม่รู้หรอกว่าเพื่อคุณ ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด”
พัชระบีบแขนหญิงสาวย่างโกรธจัด ศรุตาสะบัดแขนออก
“ไหนล่ะ ? สิ่งที่คุณทำเพื่อฉัน”
“แล้วคุณจะได้เห็นว่าพี่ฌานไม่ได้ดีไปกว่าใคร”
พูดจบพัชระก็เดินออกไป ศรุตามองตามอย่างแคลงใจ

“คุณลุงให้ผมโครงการนี้เถอะครับ ถึงไอ้ฌานมันจะขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยงลุง ลุงส่งเสียมันเรียน จนจบ แต่เชื่อผมเถอะ ว่ายังไงมันก็ไม่เคยคิดว่าลุงเป็นพ่อ อย่างที่ดินนั่น มันต้องคิดถึงอดีตของพ่อมัน กับ ประโยชน์ของคนชาติมันก่อนจะนึกถึงกำไรของลุง ไม่เหมือนผม ผมคิดถึงกำไรของลุงเป็นอย่างแรก”
อลันพยายามพูดจาหว่านล้อมนอร์แมน
“ฉันพูดชัดเจนไปแล้วนะอลัน โครงการนี้แข่งกับที่ผลงาน ไม่ใช่การประจบ”
“ผมไม่ได้ประจบ ผมแค่พูดความจริง เอาอย่างนี้ไหมล่ะลุง ถ้าโครงการไอ้ฌานเป็นอย่างที่ผมพูด ลุงต้องยกโครงการนี้ให้ผมทำ”

นอร์แมนมองท่าทีมั่นใจของอลันอย่างสงสัย ฌานที่เดินถือกระเป๋าเดินทางจะเข้าบ้าน มองมาเห็นทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่พอดี
 
อ่านต่อหน้า 4

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 5 (ต่อ)

อลันเดินเข้าบ้าน ฌานเดินมาจงใจชนจนกระเด็น

“ไอ้ฌาน แกทำบ้าอะไรวะ?”
“ฉันน่าจะถามแกมากกว่า ว่าแกไปเป่าหูอะไรให้ป๋าฟังอีก” ฌานพูดพร้อมกับเดินเข้าไปเอาหน้าอกตัวเองกระแทกหน้าอกอลันอย่างเอาเรื่อง
“แกนี่สู้แบบใสสะอาดไม่เป็นเลยใช่ไหมไอ้หมาอลัน”
อลันโมโห ผลักอกฌานให้ห่างตัวเอง
“ฉันไม่ได้เป่าหูอะไรลุงเว้ย”
“คอยดูนะ .ถ้าฉันรู้ว่าแกใส่ร้ายอะไรฉัน ฉันไม่เอาแกไว้แน่”
อลันยิ้มเยาะ
“งานนี้ฉันไม่จำเป็นต้องใส่ร้ายหรอก เพราะผลงานแกจะฆ่าแกเอง”

ศรุตาบอกกับดวงตาให้เตรียมตัวย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านริมน้ำ พลางยิ้มเยาะเสาวณีย์ด้วยความสะใจ ดวงตามองอาการของลูกสาว แล้วตัดสินใจบางอย่าง
ดวงตาปลีกตัวมาคุยมือถือกับดอน ยืนกรานว่าจะไม่ย้ายไปอยู่ที่บ้านริมน้ำ ซ้ำจะไม่ยอมให้
ศรุตาไปอยู่อย่างเด็ดขาด

ดวงตาเดินเข้ามาที่บ้านริมน้ำ ขณะที่บุรีกำลังยืนดูความเรียบร้อยอยู่ บุรีหันมาเห็น ก็สะดุ้งนิดๆ เพราะกริ่งเกรงว่าดวงตาจะจำเขาได้
“สวัสดีครับ มาดูบ้านเหรอครับ เชิญครับ เดี๋ยวผมไปทางโน้นก่อน”
พูดพลางพยายามจะเดินเลี่ยงไป แต่ดวงตาเรียกไว้ ชายหนุ่มหันมา แต่ไม่กล้าสบตา“ครั้งก่อนมากับทราย ฉันยังไม่ได้คุยอะไรกับคุณเลย”
บุรีอึกอัก “เอ่อ มีอะไรเหรอครับ ?”
ดวงตามองหน้าบุรีเต็มๆ
“เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่าคะ ?”
บุรีชะงัก แล้วรีบทำหน้านิ่งเก็บอาการไว้
“ไม่นี่ครับ คุณอาชอบบ้านไหมครับ ? มีอะไรให้ลดหรือเพิ่มไหมครับ ?”
ดวงตาหันไปมองรอบๆบ้าน รู้สึกเจ็บปวดกับอดีตที่เกิดในบ้านหลังนี้
“สวยเหรอ ? ไม่รู้สินะ ฉันก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นบ้านหลังนี้สวยรึเปล่า? เพราะตอนฉันอยู่ที่นี่ ฉันไม่เคยมองบ้านหลังนี้ เอาแต่มองบ้าน...” พูดพลางปรายตามองไปทางบ้านใหญ่
บุรีมองตามดวงตาอย่างเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวด
“คุณพอจะรู้จักนายหน้าขายบ้านบ้างไหม ?”
“เอ่อ ก็พอจะรู้จักบ้างครับ”
“ คุณช่วยติดต่อให้ฉันหน่อยได้ไหม ?”
บุรีมองดวงตาอย่างสงสัยในเจตนา

บุรีเดินมาส่งดวงตา แล้วแอบโล่งอกที่หญิงสูงวัยจำตัวเองไม่ได้ แต่...
“ฉันลืมขอนามบัตรของคุณ”
บุรีชะงัก เพราะไม่แน่ใจว่าดวงตารู้จักนามสกุลของเขารึเปล่า
“เอ่อ ผมไม่ได้เอานามบัตรมาน่ะครับ”
“อ๋อ งั้นไม่เป็นไรค่ะ”
จังหวะเดียวกับที่มือถือของชายหนุ่มดังขึน บุรีรีบปลีกตัวออกมารับสายดวงตามองตามบุรีอย่างนึกๆ ว่าคุ้นๆเหมือนใครคนหนึ่ง พอดีกับที่หัวหน้าคนงานเดินลงบันได มา
“ขอโทษนะคะ สถาปนิกคนนั้นชื่ออะไรคะ พอดีฉันไม่ทันถาม”
“ชื่อคุณบุรีครับ”
ดวงตาพึมพำกับตัวเองเบาๆ “บุรี”

ศกกับเสาวณีย์นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ศรวณีย์เดินลงบันไดมา ด้วยเสื้อผ้าทันสมัยที่ศรุตาเลือกให้ เสาวณีย์มองชุดเปิดไหล่ของลูกสาวอย่างไม่พอใจ
“ใส่ชุดอะไรน่ะลูกศร”
ศรวณีย์หุบยิ้ม “พี่ทรายซื้อให้ค่ะ”
“คิดแล้วเชียว ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”
หญิงสาวจะเดินขึ้นบันได แล้วชะงักคิดถึงสิ่งที่ศรุตาสอน จึงตัดสินใจหันกลับมาพูดกับเสาวณีย์
“ศรชอบตัวนี้ค่ะคุณแม่”
เสาวณีย์ลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอใจ “ลูกศร”
ศกรีบพูดขัด “ลูกศรใส่ชุดนั้นก็สวยดีนี่คุณ จะไปเปลี่ยนทำไม ?”
เสาวณีย์หันกลับมามองสามีอย่างหงุดหงิด
“ทีเมื่อก่อน ลูกศรใส่เสื้อกล้ามแถมมีแจ็คเก็ตปิด คุณยังบอกโป๊ ทีแบบนี้คุณบอกว่าสวยดีเหรอ คะ ? แม่บอกให้ไปเปลี่ยน”
“ผมบอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนไง เดี๋ยวพี่ทรายมารับใช่ไหมลูก งั้นก็รีบไปเถอะลูก อย่าให้พี่เขารอเลย”
ศรวณีย์เหลือบมองมารดานิดหน่อย “ค่ะคุณพ่อ” จากนั้นก็เดินออกไป
“ตอนนี้ฉันกลายเป็นหัวหลักหัวตอของบ้านนี้แล้วใช่ไหม?”
เสาวณีย์โวยวายต่อ ศกถอนใจรำคาญ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปทางหน้าบ้าน ยิ่งทำให้เสาวณีย์ โมโหหนัก

ศกมายืนคุยกับดวงตา ที่บ้านริมน้ำ ฝ่ายหลังมีท่าทางไม่ค่อยอยากอยู่คุยเท่าไรนัก เพราะเกรงจะมีปัญหากับเสาวณีย์ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าเสาวณีย์กำลังลอบมองอยู่จากบ้านใหญ่ ด้วยสายตาไม่พอใจ
“เอ่อ แล้วเธอจะย้ายมาอยู่กับลูกด้วยไหม”
“ฉันต้องกลับอเมริกา”
“อ้อ ลืมไปว่าเธอมีสามีอยู่ที่นั่น ฉันดีใจที่เขาเลี้ยงเธอกับลูกดี แต่ถ้าเธอมาเมืองไทย ก็แวะมา พักที่นี่นะ อย่างน้อย ที่นี่ก็เป็นบ้านของเธอ คนที่นี่ก็คนเคยคุ้นเคย”

ดวงตารู้สึกอึดอัดกับคำพูดของอดีตสามี

ศรุตาพาศรวณีย์มาทำผมทรงใหม่ ที่ทำให้หญิงสาวผู่อนวัยกว่าดูสวย เก๋ โฉบเฉี่ยวขึ้น “ผมทรงนี้ดูดีจริงๆเหรอคะพี่ทราย”

“ถ้าศรไม่เชื่อ เดี๋ยวเจอพัช แล้วลองถามเขาสิ”
ศรวณีย์ยิ้มแหยลง
“ช่วงนี้ศรไม่ค่อยเจอพี่พัชหรอกค่ะ วันนี้คุณแม่ให้โทรนัดพี่พัชไปดูแหวน พี่พัชก็บอกว่าติดงาน ใหญ่”
“เอ๊ะ! เท่าที่พี่รู้ งานใหญ่ที่พัชทำ เพื่อนพี่บินไปพรีเซนต์ที่สิงคโปร์แล้วนะ”
ศรุตาจงใจพูดให้ระแวง แล้วลอบมองอาการของน้องสาว พลางยิ้มทางสายตา
“ศรก็ไม่ทราบ เห็นวันก่อนพี่พัชไปถ่ายเอกสารแล้วก็ส่งแฟ็กซ์ พอศรถาม พี่พัชก็ดุว่าอย่าบอก พี่บุรี เขาบอกเป็นความลับของบริษัท”
ศรุตาชะงักแล้วคิดถึงคำพูดพัชระ อย่างนึกระแวงว่าเขาจะทำอะไรกับงานของฌาน
จากนั้นก็รีบปลีกตัวมาโทร. หาฌานทันที
“ผมกำลังจะเข้าไปพรีเซนต์งานแล้วล่ะทราย ไม่มีปัญหา อะไรนะ คุณมีอะไรรึเปล่า ?”
“เปล่า สู้ๆนะฌาน ทรายเอาใจช่วย”
“ได้กำลังใจจากคุณขนาดนี้ ผมสู้สุดขาดดิ้นเลย”
ฌานยิ้มอยู่ทางปลายสาย

ภาพบนจอในห้องประชุม เริ่มตั้งแต่ภูมิทัศน์รอบๆโครงการ ไปจนถึงตัวตึกของโครงการ โดยตัวบ้านใหญ่ของฌานอยู่ตรงกลาง มีตึกขนาบสองข้างๆ ละ 2 ตึก และบริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ ดูครึ้มไปหมด ต่อจากนั้น เป็นภาพภายในตึกประธาน และภาพในตัวตึกรอบๆ รวมถึงภาพการตกแต่งภายใน แบบไทยร่วมสมัย
แม่ของฌานกับลิซ่า ตื่นตาตื่นใจ ชื่นชมงานของฌานอย่างออกนอกหน้า แล้วหันไปมองนอร์แมน อย่างจะถามว่าชอบเหมือนกันไหม แต่สีหน้าของชายสูงวัยนิ่ง จนคาดเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร
ฌานถอนใจเครียด อลันปรายตามอง แล้วยิ้มหยัน

แก้วเครื่องดื่มถูกชูขึ้นตรงหน้าฌาน พร้อมคำพุดเหยียดๆ ของอลัน
“แด่โครงการอัน amazing ของคุณพี่ชาย แต่โชคไม่ดี ที่คราวนี้ลุงเขยไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่”
“แกรู้ได้ยังไง ?”
“แกอยู่กับลุงเขยมากี่ปี แกไม่รู้เลยเหรอว่าหลักการทำงานของลุงเขย คืองานทุกชิ้นต้องได้กำไรสูงสุด ไม่ใช่ลงทุนเพื่อเก็บบ้านของพ่อแก”
ฌานโมโห ปราดเข้ามายืนประจันหน้าอลัน
“อย่าเอาเรื่องพ่อฉันมาเกี่ยวข้อง ที่ฉันทำเพราะที่ไหนๆ ก็กำลังตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะ ฉะนั้นเราควรคิดเรื่องนี้ให้มากๆ เหมือนกัน”
อลันยิ้มเยาะ
“อย่ามาโลกสวยแถวนี้ชาร์ลส์ เราไม่ใช่องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ เราเป็นนักธุรกิจ แกก็รู้ว่าที่ดินใจกลางเมืองไม่กี่ไร่ เขาขึ้นคอนโดเบียดกันสี่ห้าตึก แต่ที่นี่ตั้ง 10ไร่ แถมติดแม่น้ำ แทนที่แกจะคิดแปดเก้าตึก แต่แกทำแค่สี่ตึก ปล่อยพื้นที่ให้บ้านโกโรโกโสของพ่อแกไว้เพื่อ”
ฌานกระชากคอเสื้ออลัน “ฉันบอกว่าอย่ายุ่งเรื่องบ้านของพ่อฉันไง”
อลันปัดมือฌานออก “คอยดูนะชาร์ลส์ ถ้าฉันได้ทำโครงการนี้ อย่างแรกที่ฉันจะทำ ฉันจะเป็นคนทุบบ้านเน่าๆ ของพ่อแกทิ้ง แล้วเอาไม้ไว้ทำโลงศพให้แก ให้สมกับที่แกรักนักรักหนาไง”
ขาดคำ หมัดหนักๆ ของฌาน ก็กระแทกหน้าอลันอย่างจัง
“ฉันบอกให้แกหยุดพูดดีๆ แกไม่ฟัง ก็ต้องเจอวิธีปิดปากอย่างนี้แหละ”
พูดพลางจะเดินไปด้วยความโมโห อลันที่เลือดขึ้นหน้า ตามพรวดมาจะคว้าไหล่ แต่ฌานเบี่ยงตัวหลบ จนอลันคะมำลงไปจูบพื้น ก่อนจะลุกขึ้นมาสู้กันต่อ แม่ของฌาน ลิซ่า อาฮั้วเข้ามาเห็นก็ตกใจ นอร์แมนเดินลงบันไดมาพอดี
“ปล่อยมัน เดี๋ยวมันเหนื่อยเมื่อไหร่ ก็เลิกกัดกันเองนั่นแหละ”

อาฮั้วเดินเข้าถือกล่องใส่เครื่องปฐมพยาบาลจะช่วยทำแผลให้ทั้งคู่ แต่นอร์แมนสั่งห้าม
“ฉันไม่อยากให้เป็นอย่างนี้เลย เด็กสองคนโตมาด้วยกัน เป็นพี่น้องกัน ทำไมไม่รักกัน ช่วยกันทำงาน”
แม่ฌานพูดลางถอนหายใจ
“ฉันไม่เคยบอกว่าเป็นพี่น้องกับใคร โดยเฉพาะพวกที่เห็นคนอื่นดีกว่าคนที่ส่งเสียมันมา”
อลันพูดหยันๆ ฌานจ้องหน้าอลันอย่างไม่พอใจ
“พอได้รึยังอลัน” นอร์แมนควาดเสียงเข้ม
“ผมพูดความจริง ผมบอกคุณลุงแล้วว่าไอ้ฌานมันไม่เห็นผลประโยชน์ของลุงหรอก มันยอมเสียกำไรของคุณลุงเพื่อเก็บบ้านพ่อมันไว้”
“ชาร์ลส์นะชาร์ลส์ แม่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องไปสนใจบ้านหลังนั้น” แม่พุดอย่างเป็นห่วง
“เก็บไว้มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่แม่”
“มันเกะกะลูกตาเว้ย”
ฌานทำท่าจะลุกขึ้นมาเอาเรื่องอลัน นอร์แมนตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด
“ถ้ากัดกันไม่เลิก ฉันจะไม่ทำโครงการบ้าบออะไรทั้งนั้น”
อลันโวยทันที “ไม่ได้นะคุณลุง ก็คุณลุงรับปากผมแล้วว่าถ้าโครงการไอ้ฌานมันกำไรน้อยกว่าผม คุณลุงจะยกที่ดินนั่นให้ผมทำ”
“ฉันยังไม่ได้รับปากแกเลยนะอลัน”
อลันชะงัก “นี่คุณลุงอย่าบอกนะว่าจะเอาที่ดินนั้นทำโครงการกำไรน้อยของไอ้ฌาน”
“บางที ให้คนกำไรน้อยทำดีกว่าให้คนขี้โกงทำ”

อลันถึงกับสะอึก ฌานมองนอร์แมนกับอลันว่าใครโกงอะไร ?!

“คุณลุงพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ? ผมไม่ได้โกงอะไรเลยนะครับ” อลันเดินตามมาอธิบาย

“แกคิดว่าฉันโง่เหรออลัน คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าแกใช้วิธีไหนได้ข้อมูลของชาร์ลส์มา”
อลันชะงัก ฌานหันขวับมามองอลันทันที
“ที่ผมทำก็เพื่อผลประโยชน์ของคุณลุงทั้งนั้น”
“จริงอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันคิดถึงคือผลกำไร แต่สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุด ไม่ใช่กำไรน้อย เป็นการโกง สรุปโครงการนี้ให้ฌานทำ”
นอร์แมนประกาศิต “พรุ่งนี้พรีเซนต์ใหม่อีกรอบ ป๋าจะบอกว่าแกต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง” อลันมองนอร์แมนอย่างหงุดหงิด แล้วมองฌานอย่างแค้นใจ
ฌานหน้าเครียด ครุ่นคิดว่าใครเป็นคนแอบเอาผลงานของเขามาให้อลัน

บุรีหอบงานออกจากออฟฟิศ พร้อมกับคุยมือถือกับฌานไปด้วย“ฉันไม่อยากเชื่อว่าทีมเราจะมีหนอนว่ะฌาน”
“ฉันก็ไม่อยากเชื่อ แต่ป๋าเป็นคนพูดเอง แปลว่าป๋าก็ต้องมีมูล”
บุรีหน้าเครียด
“แล้วใครมันจะทำแบบนั้นกับแกวะ ในเมื่องานนี้เราก็มีผลประโยชน์ร่วมกัน แล้วมันจะทำลาย แกเพราะอะไร”

ศรุตาขับรถมาส่งศรวณีย์แล้วยืนคุยกันต่ออีกครู่หนึ่ง พอน้องสาวต่างมารดาโผเข้ามากอด ก็ถึงกับชะงัก ยืนนิ่งให้กอดอย่างไม่ค่อยเจ็มใจ ครั้นศรวณีย์เดินเข้าบ้านไป เสาวณีย์ก็ออกม่ายืนเผชิญหน้ากับหญิงสาวทันที
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอมาเอาใจลูกศรทำไม ? ผู้ชายเขาก็บอกอยู่ ทนโท่ว่าเขาจะ แต่งงาน แล้ว ยังจะเสนอหน้ายุ่งกับเขาอีก หน้ามียางอายบ้างรึเปล่า”
ศรุตาเชิดหน้า แล้วตอบนิ่มๆ
“ถ้าผู้ชายบอกว่าจะแต่งงานจริงๆ คุณอาจะมาห้ามทรายทำไมล่ะคะ หรือว่ากลัวว่าที่ผู้ชาย ประกาศแต่งงานเพราะประชด”
เสาวณีย์ยิ้มเยาะ
“ จะบอกว่าพัชระแต่งงานประชดเธองั้นเหรอ ? .สำคัญตัวเองผิดไปรึเปล่า ?”
ศรุตายักไหล่ “ก็ไม่รู้สินะ ทรายก็อยากรู้เหมือนกัน ฝากคุณอาช่วยพิสูจน์หน่อยว่าทรายสำคัญ ตัวเองผิดไปรึเปล่า ?”
พูดพลางยิ้มเยาะ แล้วจะเดินไป เสาวณีย์ทนไม่ไหว
“ผู้ชายไม่เอา ก็ยังจะตาม เหมือนแม่ไม่มีผิด”
ศรุตาสะดุดกึก แล้วค่อยๆหันมาสบตากับมารดาเลี้ยงด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ไม่เหมือนหรอกค่ะ แม่น่ะเป็นนางเอก แต่ทรายเป็นนางร้าย แม่ยอมยกของของตัวเองให้คนอื่น แล้วก้มหน้าโดนประนามว่าของเล่น แต่ทรายไม่ยอม ยังไงคุณอารีบพิสูจน์นะคะว่าพัชระอยากแต่งจริงๆ หรือ ประชด เพราะถ้าประชด ทรายจะได้เอาของของทรายคืน แล้วจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นของเล่น”
ศรุตาเดินเชิดหน้าออกไปอย่างคนที่มั่นใจและมีอะไรเหนือกว่า เสาวณีย์มองตามอย่างไม่ ยอมแพ้

ศรุตาหยิบมือถือโทร. หาฌาน ด้วยความแค้นที่สุมแน่นในอก
“ฌาน งานคุณเป็นยังไงบ้าง ? เมื่อไหร่คุณจะกลับมา ทนเหนื่อยหน่อยนะฌาน เดี๋ยวคุณ กลับมาทรายมีของขวัญรอคุณอยู่”

ดวงตาหญิงสาววาวโรจน์
 
อ่านต่อตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น