xs
xsm
sm
md
lg

“Geegee” ชุดแต่งงานสไตล์วินเทจ ทางเลือกเจ้าสาวต้องการธีมงานย้อนยุค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้าพูดถึงเรื่องราวย้อนยุค วันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธถึงกระแสความฟีเวอร์ ไม่เว้นแม้แต่งานสำคัญอย่าง “งานวิวาห์” ที่หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับธีมการจัดงานแบบย้อนยุค และชุดแต่งงานก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้งานแต่งงานธีมงานย้อนยุคสมบูรณ์แบบ
นาตาชา ราชิวงษ์ เจ้าของ
ด้วยเหตุนี้ จึงได้เป็นที่มาของธุรกิจสตูดิโอชุดแต่งงานย้อนยุคแนววินเทจสไตล์ยุโรปของสาวมาดมั่นคนนี้ (จีจี) “นาตาชา ราชิวงษ์” เจ้าของห้องเสื้อ Geegee Bridal Boutique สตูดิโอชุดแต่งงานย้อนยุคในสไตล์วินเทจแท้ ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย และ Geegee ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เชื่อว่า ถ้าคนที่ชื่นชอบชุดแบบย้อนยุคจริง มาร้านนี้ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

เจ้าของชื่อเล่น จีจี เล่าว่า ร้านของเธอเปิดให้บริการชุดแต่งงานสไตล์วินเทจแบบนี้มานานกว่า 4 ปี โดยภายในร้านจะมีชุดแต่งงานของเจ้าสาวที่ย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 กันเลยทีเดียว แต่ที่ได้รับความนิยมจากเจ้าสาวคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นชุดแต่งงานระหว่างปี ค.ศ. 1960 ถึง 1970

สำหรับชุดย้อนยุคที่กล่าวถึงในครั้งนี้หมายถึงชุดแต่งงานแบบยุโรป ไม่ได้หมายรวมถึงชุดไทย อย่างไรก็ตาม “Geegee” เองก็ไม่ได้มองข้ามเรื่องของชุดไทย เพราะเธอตั้งใจที่จะทำชุดไทยที่เป็นชุดไทยโบราณตามราชประเพณี ที่มีการสวมใส่กันในราชสำนักตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาออกมา เพื่อให้คู่บ่าวสาวที่ต้องการสวมชุดไทยโบราณที่เป็นแบบต้นตำรับจริง ที่ไม่ใช่ชุดไทยประยุกต์เฉกเช่นทุกวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าชุดไทยโบราณมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนชาติใดในโลก จนสาวๆ หลายคนหลงใหล และอยากจะได้สวมใส่ในวันแต่งงาน

แต่สำหรับ Geegee Bridal Boutique จุดขายของร้าน ไม่ได้อยู่ที่ชุดไทยเสียทีเดียว เพราะชุดหลักของทางร้านคือ ชุดแต่งงาน เป็นชุดราตรี (โดยเฉพาะชุดแต่งงานในโบสถ์แบบคาทอลิกที่มีปลายหางยาวๆ เป็นสิ่งที่ทางร้านถนัด และทำออกมาได้ตรงตามกฎของคาทอลิก)

หลายคนคงสงสัยว่า ชุดย้อนยุคที่เธอนำมาให้เช่า นั้นมีที่มาอย่างไร จีจีบอกกับเราว่า มาจาก 2 ลักษณะ คือ อันดับแรก ของแท้ๆ คือการไปประมูลมาจากห้องเสื้อชื่อดังในต่างประเทศ แน่นอนว่าการประมูลมาแต่ละครั้งต้องใช้เงินหลักล้านบาทกันเลยทีเดียว เพราะต้องประมูลครั้งละหลายชุด และแบบที่ 2 คือ การสั่งตัดขึ้นมาใหม่ แบบ “เมก ทู ออเดอร์” ปัจจุบันสัดส่วนทั้งสองใกล้เคียงกันมาก

จีจีบอกต่อว่า ถ้าใจไม่รักและหลงเสน่ห์ รวมถึงชื่นชอบในงานวินเทจจริงคงไม่มีใครทำแบบเธอ เพราะการดูแลชุดเสื้อผ้าที่มีอายุเป็น 100 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราทำชุดแต่งงานสไตล์ย้อนยุควินเทจออกมา เพราะตอบสนองความชอบของตัวเอง และการที่เรายอมควักกระเป๋าเพื่อประมูลชุดแต่ละครั้งไม่ได้หวังผลทางธุรกิจอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องการได้เป็นเจ้าของในรูปแบบของสะสมมากกว่า

ทั้งนี้ การดูแลชุดที่ย้อนไป 40-50 ปี หรือบางชุดเป็น 100 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากผ้าที่มีอายุขนาดนี้ก็ต้องมีการสึกกร่อน และชำรุดไปตามกาลเวลา เราต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยในการต้องซื้อน้ำยา หรือกล่องที่จะดูแลชุดเหล่านี้ให้อยู่ในสภาพเดิมให้ได้มากที่สุด เชื่อว่าถ้าไม่มีใจชอบจริงๆ คงไม่มีใครยอมที่จะทำตรงนี้ เพราะการสั่งตัดใหม่ตามแบบประหยัดกว่ามาก”

สำหรับ Geegee Bridal Boutique มีชุดให้เลือกมากกว่า 450 แบบ 30% เป็นแบบย้อนยุคดั้งเดิม และอีก 70% เป็นแบบกึ่งย้อนยุค (Chic) เป็นการผสมผสานระหว่างวินเทจ กับงานโมเดิร์น ส่วนราคาค่าบริการเช่าชุด เริ่มต้นที่ชุดละ 15,000 บาท ไปจนถึง 50,000 บาท โดยจุดขายของทางร้าน นอกจากชุดที่ไม่เหมือนใครแล้ว ยังมีบริการเสริม โดยการส่งเจ้าหน้าที่ไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับเจ้าสาวเพื่อลดความประหม่าให้แก่เจ้าสาวในวันงาน โดยไม่ได้คิดค่าบริการเพิ่ม

หลายคนคงตั้งคำถามว่า ในเมื่อชุดเจ้าสาวย้อนยุคแบบนี้ แล้วชุดเจ้าบ่าวล่ะ ซึ่งทางคุณจีจีบอกว่า ทางร้านจะออกแบบและตัดชุดเจ้าบ่าวเพื่อให้เข้ากับชุดเจ้าสาวโดยไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม (สำหรับแพกเกจ 55,000 บาท) ส่วนพ่อ แม่ และเพื่อนเจ้าสาว เจ้าบ่าว ทางร้านมีบริการรับออกแบบตัดเย็บให้ด้วยเช่นกัน ในราคาชุดละ 20,000 บาท

พอถามถึงกลุ่มลูกค้า ทางคุณจีจีบอกว่า ปัจจุบันหาลูกค้าได้ไม่ยาก เพราะส่วนใหญ่การแต่งงานจัดขึ้นในโรงแรมระดับ 5 ดาว ดังนั้น ชุดเจ้าสาวในราคาเท่านี้คงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ คู่บ่าวสาวยอมจ่ายเพื่อให้การจัดงานครั้งเดียวต้องดีที่สุด สวยที่สุด

คุณจีจีบอกด้วยว่า ปัจจุบัน การแข่งขันในธุรกิจสตูดิโอแต่งงานย่านถนนสุขุมวิทนั้นมีสูงมาก นอกจากรูปแบบที่ต้องไม่เหมือนใครแล้ว ราคาก็เป็นส่วนสำคัญ ราคาของเราจึงตั้งไว้ไม่สูงมาก รองรับการแข่งขันด้วย เพราะถ้าเทียบราคาในย่านนี้ ของเราถือว่าถูกกว่า และที่เราทำราคานี้ได้ ทั้งที่ค่าเช่าสถานที่ต่อเดือนเราสูงถึง 150,000 บาท เพราะเรามีโรงงานตัดเย็บชุดแต่งงานเพื่อส่งออกของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งก็มาช่วยรองรับการผลิตตรงนี้ได้ ในส่วนของโรงงานนั้น เกือบทั้งหมดเป็นการสั่งตัดจากลูกค้าต่างประเทศ ได้แก่ ดูไบ ญี่ปุ่น และยุโรป เป็นต้น

โทร. 08-7007-0029

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น