ทรายสีเพลิง ตอนที่ 3
ศรุตา ฌาน บุรี และติ่งเดินจะไปที่ท่าจอดเรือ หญิงสาวเดินมายืนมองวิวที่ริมน้ำก่อนถึงท่าจอดเรือ พลางกางแขนรับลมอย่างมีความสุข สดชื่น ฌานมองเธอยิ้ม ก็พลอยิ้มตามไปด้วย บุรีมองศรุตาด้วยสายตาที่ซ่อนความความรักอยู่ลึกๆ
ฌานโน้มตัวมาพูดใกล้ๆให้ได้ยินกันสองคน
“ระหว่างที่ฉันไปออกศึก ฝากแกดูทรายหัวใจฉันด้วย อย่าให้ใครมายุ่ง”
บุรีชะงัก “ ฝากคนอื่นดีกว่ามั้ง เรื่องดูแลใคร ฉันไม่ถนัด”
“ก็เหมือนเอาปลาย่างไปไว้กับแมวสิ ฝากไว้กับแกนี่แหละ เพราะคนถือหลักความถูกต้องอย่างแก ไม่มีวันตีท้ายครัวฉันแน่นอน”
บุรีมองฌานอย่างอึดอัดใจ
ระหว่างที่ศก เสาวณีย์ พร้อมด้วยศรวณีย์ นั่งทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ศกถามบุตรสาวถึงเรื่องการเรียนต่อ แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“คุณแม่บอกว่าศรจบก็แต่งงาน”
“แล้วหนูอยากแต่งรึยังลูก”
ศกย้อนถาม เสาวณีย์พูดสวนขึ้นมาทันที
“ให้ตบแต่งกันเถอะ ลูกศรควรจะมีคนมาดูแลแทนพ่อแม่ พัชระเป็นลูกเขยที่หาไม่ได้ง่ายๆ ถึงเวลาเหมาะสมฉันก็ว่าจัดการให้เขาซะเผื่อว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืน ศรวณีย์ลุกตาม ศกเสียงเคร่งขรึมขึ้น เหมือนอ่านใจภรรยาออกว่าหมายถึงศรุตา
“อะไรจะเปลี่ยนแปลง”
จากนั้นก็ลุกจะเดินออกไปด้วยความขัดใจ เสาวนีย์น้ำตารื้น
“คุณแม่ขา ร้องให้ทำไมคะ”
ศรวณีย์เห็นน้ำตาผู้เป็นแม่ก็อดที่จะถามไม่ได้ เสาวนีย์ไม่ตอบ แต่หันไปอ้าแขนโอบบุตรสาวให้มาอยู่ในอ้อมแขนแล้วกอดกระชับอย่างจะถ่ายทอดความอบอุ่นลงไปในอ้อมกอด
ศกได้ยิน ก็หันกลับมาถาม
“เป็นอะไรเสาว์”
“ไม่ ฉันเพียงแต่สังหรณ์อะไรบางอย่าง ลูกศรจ๋าขอน้ำแม่แก้วนะลูก”
หญิงสาวรับคำแล้วเดินออกไป เสาวณีย์พูดต่อด้วยความอัดอั้น
“ลูกของคุณคนนี้ไม่เก่ง ไม่ฉลาดปราดเปรื่อง แกอ่อนแอ ขี้ขลาด หัวอ่อน ตัดสินใจอะไรเองไม่ค่อยได้ คุณจะบอกว่าฉันเลี้ยงแกมาเอง ใช่ ฉันยอมรับ แต่แกเป็นอย่างนี้แล้ว แกอยู่กับเรา อยู่กับคุณมา20 กว่าปี เกือบจะพูดได้ว่าไม่เคยแยกจากกันสักวัน ถึงคุณรักแกน้อยลง ขอให้สงสารแกมากขึ้น”
พูดพลางมองจ้องเข้าไปในแววตาสามี ศกมองตอบ สายตารู้สึกผิดเล็กๆ
ฌานกำลังปลดเชือกที่คล้องผูกเรือไว้กับท่า บุรีเดินอยู่มุมหนึ่งเพื่อรอขึ้นเรือ ศรุตาเดินมายืนข้างๆ
“วันนี้ฌานดูมีความสุขนะคะ”
บุรีเหลือบมอง แล้วจงใจเดินนำหน้าออกไป เพื่อไม่ให้หญิงสาวเห็นความอึดอัดใจในดวงตา
“คงเป็นเพราะคุณ คุณเป็นกำลังใจของเขา เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไร ก็คิดถึงเขา หน่อย”
ศรุตารู้ว่ชายหนุ่มพูดกระทบถึงเรื่องพัชระ เลยแกล้งถามยั่วโมโหเล่น
“คุณพูดอย่างนี้ หมายความว่ายังไง ?”
“คุณเป็นคนฉลาด คุณคงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร ผมขอตัวกลับก่อน”
พูดพลางเดินออกไปโดยไม่หันมามองศรุตา หญิงสาวมองชายหนุ่มที่เดินจากตัวเอง อย่างไม่ใยดี ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
บุรีกลับมาถึงบ้าน ก็ยังคงครุ่นคิดเรื่องเดิม นั่นคือเขาควรบอกศรุตาหรือไม่ ว่าเขาคือ ”พี่บี”
ขณะเดียวกับที่พ่อกับแม่กำลังเถียงกันเรื่องที่พ่อชอบเอาเงินไปช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่บอกแม่ บุรีเลยบอกกับพ่อว่า ถ้าไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ ครั้งหน้าก็ให้บอกแม่ก่อน
“ถ้าพ่อไม่บอก พ่อก็เก็บเรื่องนี้คนเดียว แต่ถ้าบอก แม่เขาต้องเครียดไปด้วย เรื่องบาง เรื่อง ถ้าไม่บอกแล้วทำให้คนอื่นมีความสุข เราก็สู้ไม่บอกดีกว่า”
คำตอบของพ่อทำเอาบุรีชะงัก นึกไปถึงเรื่องของเขากับศรุตา
บุรียืนนิ่งมองจิ๊กซอว์รูป “Starry Night” ที่ใส่กรอบไว้อย่างดี พลางคิดอย่างตัดสินใจ ที่จะยอมเจ็บปวดเอง
“พี่ขอโทษนะน้องทราย ฌานต้องการทรายมากกว่าพี่”
รถสปอร์ตสีสดแล่นมาจอดเทียบหน้าตึกบ้านนอร์แมน หว่อง ที่สิงคโปร์ ฌานก้าวลงมา พร้อมกระเป๋าเดินทางในย่อมๆ สีหน้าค่อนข้างเหนื่อยๆ พลางเดินลิ่วๆ เข้าตัวบ้าน โดยไม่สนใจอลันที่ยืนทักทายอยู่หน้าอาคาร
“ป๋ากลับมารึยัง”
ฌานถามอาฮั้ว แม่บ้าน
“กลับมาจากไหนคะ? อาฮั้วเห็นคุณหว่องอยู่บ้านตั้งแต่เช้าไม่ได้ไปไหนนี่คะ”
“อ้าว แล้วทำไมถึงนัดผมให้ไปรอที่ออฟฟิศแต่เช้า”
อลันเดินเข้ามา หัวเราะเบาๆ ฌานนึกรู้ทันทีว่าโดนเขาเล่นงานให้อีกแล้ว
“นี่คุณอลันแกล้งหลอกให้คุณฌานไปรอคุณท่านที่บริษัทอีกแล้วเหรอคะ”
อลันยักไหล่
“คนมันโง่ ช่วยไม่ได้ โง่เหมือนตอนที่ฉันหลอกว่าคุณลุงจะพาแกไปดูหนัง แล้วแกก็นั่ง คอยทั้งวันนั่นแหละ”
ฌานไม่สนใจอลัน แต่หันกลับมาพูดกับอาฮั้ว
“อย่าไปว่ามันเลยอาฮั้ว คนมันนิสัยเสียจนเป็นสันดาน แก้ยังไงก็ไม่หาย ที่จริงเป็นเรื่องปกติของคนที่ไม่มีอะไรจะทำ ไม่ค่อยเป็นประโยชน์กับใคร”
อลันหยุดหัวเราะแล้วหันขวับมองอย่างเอาเรื่อง
“นี่แกว่าฉันไม่มีประโยชน์เหรอ ?”
ฌานยิ้มเยาะ “ถ้าแกมีประโยชน์ ป๋าคงไม่ลอยแพแกให้ลอยไป ลอยมาอย่างนี้หรอก ฉันยังพอมีงานเหลือนะ สนใจไหม? แต่เอ๊ะ! แกเรียนไม่จบนี่ งั้นไปทำเป็นเด็กเดินเอกสารให้ฉันก่อนแล้วกัน”
อลันทนไม่ไหว ง้างหมัดต่อยฌาน แต่เขาเอี้ยวตัวหลบทัน แล้วง้างหมัดต่อยเข้าคางกลับ อาฮั้วต้องรีบปราดเข้ามาห้าม
“พอแล้วค่ะ เจอกันทีไร เป็นต้องมีเรื่องกันทุกที เมื่อไหร่จะเลิกหาเรื่องคนอื่นเสียทีคะคุณอลัน”
แต่กลับโดนอลันตวาดใส่หน้า
“แค่คนใช้ อย่าสาระแนสอนฉัน”
“ไอ้อลัน ขอโทษอาฮั้วเดี๋ยวนี้” ฌานตะคอกกลับเสียงเข้ม
“ทำไมต้องขอโทษ ขนาดฉันด่าแม่แก ฉันยังไม่เคยขอโทษเลย”
ฌานได้ยินอลันพูดถึงแม่ ก็เหวี่ยงหมัดใส่ปาก จนอลันเซล้ม
“ไปให้พ้นหน้าฉันเลย ก่อนที่ฉันจะยั้งตัวเองไม่อยู่”
“ไม่ไป กูจะอยู่ดูหน้ามึงตอนที่ลุงกูบอกมึงว่าเขาจะขายที่บ้านเก่าของมึง มึงรักมากใช่มั้ยที่ตรงนั้น แต่พ่อเลี้ยงมึงเขาจะขาย ขายให้ไปทำผับ ทำโรงแรม ทำซ่องก็ได้ เผื่อว่าอีนังคู่รักคนไทยของมึง ไม่ยอมนอนด้วย มึงจะได้ไปเที่ยวซองบ้านเก่าของมึงไง”
อลันพูดเยาะๆ ทำเอาฌานที่แม้จะคาดคะเนไว้แล้วเรื่องขายที่ แต่รู้แบบนี้ทำให้เลือดขึ้นหน้าเหมือนกัน ชายหนุ่มปราดเข้าไปรัดตัวอลัน จนขาลอยขึ้นจากพื้นทั้งสองขา อาฮั้วพยายามจะห้าม แต่ห้ามไม่ไหว
“พอเถอะค่ะคุณชาร์ลส์”
ฌานปล่อยฮุคอย่างแรงจนอลันร่วงไปกระแทกพื้นอย่างแรง ก่อนจะรีบลุกขึ้นมา พร้อม เงื้อกำปั้นวิ่งเข้าหาฌาน
“หยุด”
เสียงเข้มๆ ของนอร์แมน ราวกับประกาศิต ที่ทำให้ทั้งคู่ชะงัก
นอร์แมนนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ตรงกลาง ฌานกับอลันนั่งที่เก้าอี้คนละข้าง
“ทุกครั้งเจอกัน กัดกันเหมือนหมา ฉันเลี้ยงแกสองคนมาตั้งแต่เล็ก ส่งเสียเท่ากันทุกอย่าง แกสองคนได้อะไรที่ดีที่สุดเหมือนกัน เพราะฉันรวย ฉันให้ได้ทั้งๆที่ไม่ให้ก็ได้ เพราะแกไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับฉันเลย ฉันขอแกอย่างเดียว ให้แกรักกันเหมือนพี่น้อง แต่แกสองคนไม่เคยทำได้ ธุรกิจของฉันยิ่งไหญ่มหาศาลขนาดไหน จะมีใครมาทำต่อ ก็แกสองคน ฉันสงสัยแล้วสิว่าแกจะทำได้ไงในเมื่อแกเกลียดกันขนาดนี้”
อลันยังคงมีท่าทางฮึดฮัดอยู่ ขณะที่ฌานฟังอย่างนิ่งสงบ
“หรือฉันต้องเลือกใครคนใดคนนึง”
ฌานไม่ตอบ แต่กลับไปยิงคำถามแบบตรงประเด็น
“ป๋าครับ ผมอยากทราบเรื่องที่ 10 ไร่ ที่เมืองไทย”
“ป๋าจะขาย”
ฌานนัยน์ตาวูบขึ้นมาทันควัน
“เก็บไว้เป็นภาระ ค่าดูแลเดือนหนึ่งสี่หมื่อนเหรียญอัพ แพงไป”
อลันรีบเสนอหน้าพูดต่อ
“ผมคิดถึงว่าถ้าอาเขยขายไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราจะ safe เงินเท่าไหร่และเอาเงินที่ขายได้ไปทำ profit ได้อีกเท่าไหร่”
นอร์แมนไม่สนใจอลัน “ชาร์ลส์ ฉันให้แกดำเนินการ ขายได้เท่าไหร่จะมี commission ให้แกตามธรรมเนียม”
อลันมองหน้าฌานอย่างนึกอิจฉา
“เรียกมาจะบอกแค่เนี้ย รายละเอียดปรึกษากับทนายบริษัท แกจะกลับเมืองไทยวันนี้เลยก็ได้ อ้อ รอเจอแม่เขาก่อนแล้วกันนะชาร์ลส์”
พูดจบนอร์แมนก็ลุกขึ้น ฌานกับอลันลุกยืนส่ง
อลันเดินออกจากห้องรับแขก ลิซ่าเดินลงบันไดมาหา พลางกอดคอ แล้วจุ๊บที่แก้มเบาๆ
“อลัน หนีมาทำไม ลิซ่าตื่นไม่เห็นคุณใจหายหมด”
ฌานเดินออกจากห้องรับแขกอยู่ด้านหลัง แต่ลิซ่าไม่ทันเห็น อลันเห็นฌานเดินออกมา จึงดึงตัวลิซ่ามากอด และจูบรุนแรง อย่างจงใจเย้ยเขา ครู่หนึ่งก็ดันตัวลิซ่าออก
“ผัวเก่าคุณอยู่นั่น”
ลิซ่าหันไปเห็นฌานก็ตกใจ
“ฮัลโหล ชาร์ลส์ สบายดีเหรอ?”
“สบายกว่าเมื่อก่อนมาก”
อลันหน้าเย้ยเยาะ ทำเสียงดูถูกอยู่ในคอ แล้วคว้าแขนลิซ่าออกไป สวนกับอาฮั้วที่เดินเข้ามา ฌานมองตาม พลางส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะถามอาฮั้วถึงแม่
“ออกไปงานสมาคมกับเพื่อนๆ ค่ะ”
ฌานหน้าสลดลงไป อาฮั้วมองชายหนุ่มอย่างเข้าใจแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้น
“เมื่อไหร่คุณชาร์ลส์จะพาแฟนใหม่มาอวดบ้างล่ะคะ”
“ผมก็อยากพามา แต่ตอนนี้เขาติดธุระอยู่ครับ”
อีกด้านหนึ่ง ศรุตาขับรถเข้ามาจอดที่บ้านของพ่อ พร้อมถือถุงของฝากลงจากรถ
เสาวณีย์เดินออกจากบ้านมามอง
“สวัสดีค่ะ ทรายซื้อของมาฝากค่ะ”
เสาวณีย์ปรายตามองของในมือลูกเลี้ยง แล้วเรียกแต้วมารับแทน
ศรุตามองแม่เลี้ยงที่กำลังจะเปิดเผยตัวตน แล้วแสร้งยิ้มหวานใส่
“แล้วคุณพ่อล่ะคะ วันนี้ทรายว่าจะขออนุญาตพาลูกศรไปสปา”
เสาวณีย์ตอบกลับด้วยเสียงเย้ยหยัน
“สองพ่อลูกเขาไม่อยู่ ปกติวันเสาร์อาทิตย์ เขาจะออกไปซื้อของหรือทำโน้นทำนี่ด้วยกัน ประจำ ฉันจะไปด้วยก็ไม่ยอม เขาบอกว่าเขาอยากมีเวลาแบบพ่อๆลูกๆ เขารักกันมาก ใครก็แทรก ไม่ได้”
หญิงสาวรู้ทันว่าแม่เลี้ยงจงใจพูดเหน็บให้เจ็บใจ ศรุตายิ้มนิดๆ แล้วเหน็บกลับ
“งั้นไม่เป็นไรค่ะ ทรายเองก็มีนัดเหมือนกัน กับสถาปนิกคนเก่า พัชระน่ะค่ะ”
เสาวณีย์ชะงัก ศรุตายิ้มอย่างผู้ชนะในเกม แล้วเดินจะไปทางบ้านริมน้ำ แต่ไม่วายหันกลับมาพูดใส่หน้า
“ขอบพระคุณคุณอาเสาว์มากนะคะ ที่กรุณาเป็นห่วง โทรไปเปลี่ยนสถาปนิกให้ทราย แต่ทรายคงต้องขอปฏิเสธ เพราะทรายอยากได้พัชระค่ะ” -เสาวณีย์มองหญิงสาวอย่างรู้ทันว่าจงใจพูดกระทบเรื่องเธอแย่งศกมาจากดวงตา
“อย่าหาว่าทรายดื้อเลยนะคะก็เวลาคนเราอยากได้ ต้องทำทุกอย่างให้ได้ คุณอาเสาว์ อาบน้ำร้อนมาก่อนคงทราบความรู้สึกของความ “อยากได้”ใช่ไหมคะ”
พูดจบก็เดินยิ้มเยาะออกไปอย่างผู้ชนะ
อ่านต่อหน้า 2
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 3 (ต่อ)
พอศกกับศรวณีย์กลับมาถึงบ้าน เสาวณีย์ก็รีบบอกให้ลูกสาวไปดูแลพัชระที่บ้านริมน้ำของศรุตา
“ลูกเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ให้ลูกพักก่อนสิคุณ อีกอย่างพัชเขามาทำงาน จะไปยุ่งกับ เขาทำไม”
เสาวณีย์มองศกอย่างหงุดหงิดที่พูดขวาง
“เมื่อกี้พี่พัชถามหาศร ศรไปหาพี่เขาหน่อยไป”
“แต่ศรซื้อหนังสือมา วันพุธจะสอบ ศรขอไปอ่านหนังสือก่อนนะคะ”
ศรวณีย์บ่ายเบี่ยง
“รีบไปก่อน”
ศกเสียงเข้ม หญิงสาวจำใจยอม เสาวณีย์มองไปทางบ้านริมน้ำอย่างไม่ยอมแพ้
พัชระเดินพ้นสะพานข้ามคูน้ำ พลางหันมามองศรุตาที่ยังยืนอยู่อีกฝั่ง หญิงสาวมองหน้า แล้วยื่นมือให้เขาจับเพื่อพยุงข้ามไป พัชระมองมือศรุตาอย่างอึ้งๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายเหมือนตั้งสติ ไม่ให้สั่น แล้วค่อยๆยื่นมือไปจับมือหญิงสาว ศรณีย์เดินมาถึงพอดี แต่ไม่คิดอะไร
ศรุตายึดมือพัชระแน่น แล้วกระโดดไปโถมเข้าหาเขาทั้งตัว พัชระรวบเอวเธอไว้จนเกือบจะล้มไปด้วยกัน ร่างของหญิงสาวแนบชิดกับร่างของเขาแค่อึดใจ แต่เป็นอึดใจที่เนิ่นนานในความคิดของพัชระ
ศรุตาหันมามองเห็นน้องสาวต่างมารดา ก็เอ่ยทัก
“อ้าว ศร มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้ค่ะ พี่ทรายเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?” คำถามของหญิงสาวใสซื่อ อย่างปราศจากความเคลือบแคลงใดๆ
“ไม่หรอก ต้องขอบคุณพัชที่รับพี่ไว้ เจ็บไหมคะ ?”
ประโยคหลังหญิงสาวหันไปถามพัชระด้วยย้ำเสียงอ่อนโยน ฝ่ายถูกถามถึงกับหวั่นไหวกับยน้ำเสียงนั้น
“เอ่อ ไม่ครับ”
ศรุตามองอาการพัชระแล้วยิ้ม แล้วหันมาพูดกับน้องสาว
“ศร ข้ามมาสิ”
“ไม่เอาค่ะ ศรกลัว”
ศรุตานึกถึงภาพสมัยวัยเด็กที่ศรวณีย์เคยตกน้ำ แล้วรีบจงใจเร่ง
“ไม่ต้องกลัว เอ้า ยื่นมาให้พัชอย่างที่พี่ทำ”
“ศร ส่งมือมา” พัชระพูดด้วยน้ำเสียงเจือรำคาญ
“ไม่ ศรกลัว”
ศรุตาพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่สายตาเยาะหยัน “ข้ามมาเถอะลูกศร”
“โอเคค่ะ ถ้าไม่ใช่พี่ทรายบอกให้ศรข้าม ศรไม่ข้ามหรอก”
ศรวณีย์ยอมยื่นมือให้พัชระจับ แล้วค่อยๆข้ามสะพานพร้อมกับมองน้ำในคูด้วยความหวาดกลัว
ศรุตามองอาการกลัวของน้องสาวต่างมารดา แล้วนึกอยากโยกสะพานให้เธอตกน้ำอีกครั้ง
ศรวณีย์เดินข้ามสะพานมาได้ ศรุตารีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มชื่นชม
“เก่งกว่าพี่อีก ไม่เซเลย”
พัชระรีบพูดต่อ “นั่นสิ กลัวไม่เข้าเรื่อง แพ้ทรายราบเลย”
“แหม ศรรู้ตัวอยู่แล้ว ศรมีพี่สาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ไม่มีใครสู้ได้ พี่ทรายอยู่นานๆ ศรดีใจจัง จะได้สั่งสอนให้ศรเก่งเหมือน”
ศรวณีย์ยิ้มกว้าง สดใส และจริงใจที่สุด
ศรุตาเดินมามองดูบ้านนิ่งๆ แล้วหวนนึกถึงวันที่ตัวเองถูกทิ้งที่โรงเรียน
วันนั้นดวงตาจอดรถที่หน้าบ้าน ก่อนจะรีบวิ่งลงมาเปิดประตูและอุ้ม ด.ญ.ศรุตาที่นอนหลับใหลด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ดวงจะไม่ลืมเลยว่าทรายต้องถูกทิ้งที่โรงเรียนจนมืดวันนี้ วันที่เด็กคนนั้นเกิด”
ดวงตาบอกกับป้าทิศ แล้วถามต่อ
“คลอดรึยัง”
“ยังค่ะ คุณดวงล่ะก็จะสนใจทำไม เมื่อตัดสินใจอยู่แบบนี้”
“แบบไหน” ดวงตายิ้มเยาะตัวเอง “แบบเป็นเมียเป็นลูก แต่โดนทิ้งเพราะเป็นลูกคนใช้ใช่มั้ย”
“อยากให้มันตายป้าทิศ ดวงอยากให้มันตาย ตายทั้งแม่ทั้งลูก”
ด.ญ.ศรุตาได้ยิน และซึมซับทุกคำที่มารดาพูด เป็นรอยจารึกในดวงใจน้อยๆ
ศรุตาพยามข่มความเจ็บสะบัดมือศรวณีย์เบาๆ แล้วเดินเข้าบ้านไป
“พี่ทรายเป็นอะไรคะ อยู่ดีๆก็เหมือนจะโกรธศร”
หญิงสาวหันมาถามพัชระ ที่ไม่มีทีท่าสนใจเธอเลย
ศรุตามองขึ้นไปบนตัวตึกใหญ่ แล้วนึกถึงภาพสมัยเด็ก ที่เธออยากจะเข้าไปเล่นกับน้องสาวต่างมารดา แต่ถูกเสาวณีย์กันท่าด้วยความรังเกียจ และที่หญิงสาวจำได้ไม่ลืม ก็คือครั้งที่โดนศรวณีย์พูดใส่หน้า
“ไป๊ ไป อย่ามาเล่นกะศรนะ ศรไม่เล่นกับลูกคนใช้”
ความเจ็บแค้นพลุ่งขึ้นมาในอกของศรุตา พลางมองไปที่พัชระกับศรวณีย์ ที่ยืนคุยกัน
“พี่พัชคะ ศรว่าพี่ทรายโกรธอะไรศรแน่ ศรเห็นนัยน์ตาพี่ทราย ศรว่าใช่ เห็นแว้บๆ”
พัชระส่ายหน้าอย่างนึกรำคาญ
“เหลวไหล ไม่หรอก ทรายเขาดูท่าทางรักศรจริงใจออก อย่าหาเรื่องเค้าน่า”
“โธ่ พี่พัช ศรไม่ได้ว่าพี่ทราย ศรว่าตัวศรเองค่ะ”
ศรวณีย์พูดพร้อมกับเดินเคียง แล้วยิ้มให้พัชระอย่างบริสุทธิ์ใจ
ศรุตายังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทั้งพัชระกับศรวณีย์มองจากด้านหลัง รู้สึกถึงความผิดปกติ หญิงสาวหันมา พร้อมกับแกล้งบีบน้ำตา
“พี่ทราย เป็นอะไรคะ ร้องให้ทำไม”
ศรวณีย์สวมกอดพี่สาว พัชระยืนจ้อง หัวใจไหวหวั่นเหลือเกิน ศรุตาจงใจส่งความรู้สึกทางสายตากลับไป พัชระรับความนัยนั้นเต็มๆ
“พี่ทรายขา พี่ทรายให้ศรทำอะไรให้มั้ยคะ”
ศรุตาส่ายหน้า แล้วแกะมือศรวณีย์ที่กอดอยู่ ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ
“กลับเถอะ”
พัชระกับศรวณีย์หน้าเหรอ
“พี่พัช ศรทำอะไรผิดอีกแล้ว”
“ไม่เอาน่าศร ไม่เป็นเรื่องนะ เขาคงเสียใจมาเห็นบ้านเก่า”
ศรุตาปาดน้ำตา เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์
“เออบุรี เหตุการณ์เป็นอย่างที่แกเดา ป๋าจะขายบ้านหลังนั้น”
ฌานโทร. รายงานเรื่องราวให้บุรีฟัง
“แล้วแกจะทำยังไง”
“ยังไม่ได้ทำอะไร ฉันอยากคอนเฟิร์มกะแกว่าแกช่วยฉันรึเปล่า”
“ที่ของแกกี่ไร่นะ” บุรีย้อนถาม
พ่อกับแม่ของบุรีเห็นภาพบ้านของฌานที่ลูกชายเอามาให้ดูแล้วก็นึกเสียดายแทน
“ฌานเขาจะรื้อทิ้งหรือ” แม่หันมาถาม
“ไม่หรอกฮะ”
“อ้าว ไหนบุรีว่าจะคิดโปรเจ็กต์ให้ฌาน ทำอะไรนะ”
“ฌานต้องต่อรองไม่ให้ป๋าเขาขายที่พื้นนี้ไป ใครก็ไม่รู้อาจจะมาซื้อ แล้วก็สร้างตึกจนเต็มพื้นที่ ตัดต้นไม้ออกหมด แล้วก็ทำท่าเรือรับส่งคน ข้ามไปกินข้าว ฟังเพลง เต้นระบำ ไม่ต้องฌานหรอกที่เกิดที่โตที่บ้านนี้จะทนไม่ได้ ผมก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นตึกสวยคลาสสิกอย่างนี้โดนถล่ม จนไม่เหลือซากความทรงจำดีๆของฌานอีกต่อไป”
บุรีหน้าเครียด
“ใช่ ใช่ เชียร์ให้ฌานซื้อไว้เอง”
แม่หันมาบอก พ่อรีบพูดแย้ง
“ถ้าเขามีเงินซื้อไว้เอง ไอ้ลูกเราจะมานั่งกลุ้มอย่างนี้เหรอ”
“อ๋อ เออจริง แล้วบุรีจะช่วยฌานยังไง”
นอร์แมนนั่งที่โซฟาตรงข้ามโต๊ะทำงานครุ่นคิดกับความคิดที่ฌานเสนอ อลันยืนกอดอก อยู่ข้างๆ มองฌานอย่างเยาะหยัน
“ผมจะทำคอนโดมิเนียม ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ เอ็นเตอร์เทเม้นท์คอมเพล็กซ์ เหมือนที่ป๋ามีทั่วโลกครับ”
นอร์แมนจ้องมองฌานอย่างใคร่ครวญ
“ภายใน6 เดือน ผมจะส่งรายละเอียดโครงการทั้งหมดให้ป๋าดู ถ้าป๋าไม่พอใจ กดปุ่ม สต๊อป ผมจะหยุดทุกอย่าง ป๋าขายที่ไปได้เลย”
“3 เดือน” นอร์แมนต่อรอง
“โอเคครับ 3 เดือน ไฟล์ร่างโครงการฉบับสมบูรณ์เริ่มตั้งแต่เปิดประตูโครงการ ถึง....”
ฌานยังพูดไม่ทันจบ นอร์แมนก็พูดสวนขึ้นมา
“พอ เอาไว้ดูของจริงดีกว่า ที่แกจะทำก็คือสิ่งที่ฉันอยากจะทำเอง แต่ฉันไม่มีกำลังทำได้”
อลันรีบพูด “โครงการแบบนี้ ผมก็เคยเสนอลุงนะ”
นอร์แมนมองอลัน แล้วยิ้มเยาะ
“เอาห้างสรรพสินค้าที่ฉันให้แกดูแลไปให้รอดก่อนไหม? ทุกวันนี้ ฉันยังเครียดว่าแต่ละเดือนแกจะทำฉันเจ๊งกี่ล้านอยู่เลยนะ”
จากนั้นก็หันมาพูดกับฌานต่อ
“ก็ฉันแก่แล้ว ต่อให้ฉันชอบทำ complex แบบนี้ ทำมากว่า 22 แห่งทั่วโลก แต่ยอมรับว่าครั้งนี้อยากพักจริงๆ มือของฉันมันแก่ มันเหนื่อย เมื่อยล้า เห็นมั้ยว่าสเตมเซลล์ หรืออะไรก็ช่วยไม่ได้แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าจะ วางมือเหนื่อยๆไว้ที่ใครได้”
อลันรีบขัดขึ้นว่าโครงการของฌานไม่เวิร์ค แต่กลับโดนนอร์แมนตอกกลับ
“ถ้าแกคิดว่าของชาร์ลส์ไม่เวิร์ก แกอยากลงสนามแข่งกับชาร์ลส์ไหมล่ะ”
อลันชะงัก ที่โดนท้าทาย
“ก็น่าสนุกดีนะครับลุง”
นอร์แมนหัวเราะชอบใจ “ดี งั้นก็ไปวางแผนการกันมา อีก3 เดือนพบกัน”
อลันหงุดหงิดเลยกันไปลงกับลิซ่า ที่นั่งจิบเครื่องดื่มดูทีวีช่องแฟชั่นอยู่ในห้องอย่างสบายอารมณ์
อลันปัดแก้วอย่างแรง จนตกไปแตก
“ทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง”
“คุณเป็นบ้าอะไร” ลิซ่ามองอลันอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันเบื่อน่ะสิ เบื่อเธอ วันๆเธอทำอะไรได้แต่แต่งตัวสวย ออกไปเที่ยวซื้อของ ดูหนังดูทีวี มีประโยชน์มั้ย”
“จะให้ทำอะไรที่มีประโยชน์ก็บอก ที่ฉันได้ยินก็คือแต่งตัวสวยๆนะลิซ่า ฉันจะได้ภูมิใจเวลาเธอเดินเคียงไปกับฉัน”
อลันยิ้มเยาะ
“ใช่ ฉันต้องการอย่างนั้น แต่ตัวเธอล่ะ เธอคิดเองไม่ได้หรือว่าทำตัวให้ดูดีมีค่า ทำยังไง”
“ดูดีมีค่ากับใครล่ะ ถ้ากับเธอ ฉันก็ทำอย่างนี้แหละ”
อลันปราดเข้าไปยืนประชิด “แล้วกับใครที่เธอจะทำอย่างอื่น”
“เธอก็รู้ว่ากับใคร เธอเป็นคนดึงฉันมาจากเขาเอง”
อลันฟาดมือใส่หน้าอย่างเหลืออด ลิซ่าถึงกับหน้าสะบัด ก่อนจะหันมาจ้องตานิ่ง ด้วย
สีหน้าชาชิน
ฌานยืนอยู่และจ้องมองทั้งกิริยาของอลันคู่ด้วยสายตาเย็นชา
“ลูกผู้ชายหรือนี่ ตบผู้หญิงได้ขนาดนี้ใส่กระโปรงดีกว่ามั้ง”
อลันเดินไปจ้องหน้าฌานแล้วพูด
“กูจะทำอะไรเมียกูก็ได้ คนอื่นไม่เกี่ยว”
อลันเดินชนไหล่ฌาน แล้วเดินออกไป ลิซ่าหันมามองฌานด้วยสายตาอาวรณ์ พลางบีบน้ำตาเรียกร้องความสงสาร
“ชาร์ลส์”
ลิซ่สจะโผเข้ากอด ฌานเบี่ยงตัวหลบ จนเธอเสียหลักไปชนโซฟาจนล้ม ฌานมองด้วยสายตาเยาะหยัน แล้วเดินผ่านลิซ่าไป
“หึ ทำเป็นไม่สนใจ ฉันรู้ว่าคุณยังรักฉันอยู่ ชาร์ลส์”
อ่านต่อหน้า 3
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 3 (ต่อ)
ฌานเข้ามาในห้องนอนของมารดา ก่อนจะนั่งลงบนเตียง แล้วเอามือลูบที่นอนอย่างโหยหาสัมผัส และอ้อมกอดของแม่ พลันแม่ของเขาก็เดินเข้าห้อง ฌานจะเดินไปกอด แต่แม่ถอยตัวออกห่าง พร้อมกับยกมือห้าม
“อย่ากอดแม่ แม่เพิ่งไปลงสมุนไพรจีนเคลือบผิวมา”
ฌานชะงัก หน้าที่กำลังยิ้ม เจื่อนลง
“แม่ครับ ผมต่อรองกับป๋า จนป๋าเปลี่ยนใจไม่ขายที่บ้านของพ่อแล้วครับ แม่ดีใจไหม ที่ผมยังเก็บบ้านพ่อไว้ได้”
“ทำไมชาร์ลส์ชอบขัดใจป๋าจังเลย”
ชายหนุ่มชะงักที่แม่ไม่รู้สึกยินดีด้วย
“ถ้าป๋าอยากขาย ก็ให้เขาขายไปสิ รู้ไหมว่าอลันคอยฉวยโอกาสเอาหน้าจากป๋าอยู่ ทำไมชาร์ลส์ชอบหาเรื่องให้ป๋าหงุดหงิดนะ”
“แต่ป๋าก็ดูโอเคกับโครงการที่ผมเสนอนะครับ”
“จริงเหรอ ?” แม่ถอนใจโล่งอก “งั้นก็แล้วไป แม่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
“แม่จะไม่ถามผมสักคำเหรอครับ ว่าผมสบายดีไหม”
ฌานพูดลอยๆ แม่ชะงัก จะหันมาจะพูดกับฌาน แต่เสียงมือถือดังมาขัดจังหวะ
“ฮัลโหลค่ะมิสซิสโจว มีโชว์เพชรเหรอคะ ?”
แม่เดินคุยมือถือออกนอกห้องไป ฌานมองแม่หน้าเศร้า พลางหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต ขณะที่เขามีอายุ 14 ปี
เด็กชายฌานใส่ชุดสีดำไว้ทุกข์เดินตามหาแม่รอบบ้าน ครู่หนึ่งป้าก็เข้ามาบอกว่าแม่ไปแล้ว
“ไปไหนครับ ?”
“ทิ้งเธอไปกับเศรษฐีฮ่องกงไง เธอไม่มีประโยชน์กับแม่เธอแล้ว”
ผ่านเวลาไป 1 สัปดาห์ เด็กชายนั่งรอแม่อยู่ที่บันไดด้วยใบหน้าเศร้าๆ ครู่หนึ่งแม่ก็เดินเข้ามาหา เด็กชายรีบวิ่งเข้าไปกอดแม่ ด้วยความดีใจ
“แม่มารับฌานไปอยู่กับแม่”
“ผมรู้อยู่แล้วว่าแม่ต้องไม่ทิ้งผม แม่ต้องกลับมารับผม แม่รักผม”
แม่พาเด็กชายฌานเข้ามาในบ้านนอร์แมน ที่แม้จะใหญ่โต แต่เด็กชายกลับไม่รู้สึกตื่นเต้น
“ผมชอบบ้านพ่อมากกว่า”
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะฌาน แม่รับฌานมาอยู่ที่นี่ ให้ฌานเริ่มต้นชีวิตใหม่”
“และชื่อใหม่”
ประโยคหลังเป็นเสียงของนอร์แมน “ต่อไปนี้ ให้ทุกคนเรียกเธอว่าชาร์ลส์”
เด็กชายมองนอร์แมนอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเปลี่ยนชื่อเขา
“แต่ผมชอบชื่อฌาน”
แม่พูดดุ “ป๋าบอกให้เรียกว่าชาร์ลส์ก็ชาร์ส์สิลูก ฟังดูดีกว่าตั้งเยอะ เข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับป๋าไป เอาใจป๋าเยอะๆ ป๋าอยากมีลูกชาย แม่ถึงพาชาร์ลส์มาอยู่ที่นี่ไง”
ฌานหน้าเศ้รา เจ็บปวดกับความจริงที่เขาพยายามมองข้าม ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ แล้ว เดินออกจากห้องนอนแม่ไป
ฌานเดินลงบันไดมา พอดีกับที่แม่คุยมือถือเสร็จกำลังจะขึ้นไป แล้วรีบบอกว่าอลันเพิ่งพาลิซ่าออกไป
“ชาร์ลส์นะชาร์ลส์ ไม่น่าปล่อยลิซ่าไปเลย”
“แม่ชอบลิซ่าเหรอครับ” ชายหนุ่มย้อนถาม
“ป๋าเขาชอบ ป๋าบอกลิซ่าสวย คุยเก่ง มารยาทเข้าสังคมดี แถมครอบครัวก็มาเกื้อหนุนธุรกิจกับธุรกิจป๋าดี”
ฌานยิ้มเยาะ
“เขาเกื้อเรา หรือเราเกื้อเขากันแน่ครับ ได้ข่าวว่าพอหมั้นกับอลัน จากที่บ้านมีแค่ซูเปอร์มาเก็ตเล็กๆ กลายมาเป็นเชนกับห้างเรา”
“นั่นแหละ ถ้าป๋าชอบก็โอเคแล้ว ชาร์ลส์ไม่น่าเลิกเลย ชาร์ลส์ดีกว่าอลันตั้งเยอะ เอาอย่างนี้ไหม แม่ช่วยให้ชาร์ลส์กลับคืนดีกับลิซ่าเอาไหม”
“ถ้าแม่สนใจผมสักนิด แม่จะไม่ถามผมเรื่องลิซ่าแบบนั้น”
ฌานปลีกตัวออกมายืนอยู่ในสวนสาธารณะ คิดถึงภาพความรักระหว่างตัวเองกับลิซ่า จนถึงตอนที่เขาจับได้ว่าลิซ่าแอบมีความสัมพันธ์กับอลัน ทั้งคู่มีปากเสียงกัน
ฌานหยิบเสื้อผ้าจะออกจากห้อง ลิซ่าห้ามไว้ ทำท่าว่าจะเป็นคนไปเอง พลางเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าของตัวเองออกมา
“ลาก่อน ชาร์ลส์ เสียใจนะชาร์ลส์”
ลิซ่าเดินออกจากห้องไป ฌานถอยไปนั่งบนเตียงอย่างสิ้นหวัง
จนเวลาผ่านไปหลายเดือน ศรุตาเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นสภาพฌานที่หัวยุ่ง นัยน์ตาแดงก่ำ ก็ตกใจ
ฌานเอนตัวเข้ามาในอ้อมแขนของศรุตา แล้วหมดความรู้สึกไปทันที
ฌานนอนหลับอยู่บนโซฟา ศรุตาเช็ดหน้าเช็ดตา จนชายหนุ่มรู้สึกตัว พลางพร่ำรำพันถึงแต่ลิซ่า
“โธ่เอ๊ย มีปัญญาหาใหม่สิชาร์ลส์ ผู้หญิงคนเดียวร้องเรียกทำไม”
ฌานลุกพรวดขึ้น แล้วก้าวเท้ายาวๆ ผ่านศรุตา หญิงสาวยื่นขาไปขัดไว้ จนชายหนุ่มล้มลง หลับตานิ่งงัน
พอรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา ก็เห็นศรุตากำลังยืนดูรูปภาพที่เขาถ่ายร่วมกับบุรี พัชระ ศรวณีย์ และคนอื่นๆ โดยไม่ทันระแวงว่าที่แท้ศรุตาทำทีเป็นสนใจเขา เพราะเห็นว่าเขารู้จักกับพัชระและศรวณีย์
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฌานก็คิดถึงศรุตาขึ้นมา
“ผมเชื่อว่าคุณจะไม่มีวันหลอกผมเหมือนอย่างคนอื่นที่ผ่านมา”
ชายหนุ่มรีบหยิบมือถือโทรหาหญิงสาวทันที
ฟากศรุตาก็กำลังปรึกษากับพัชระเรื่องแบบบ้านอยู่ หญิงสาวยืนแนบชิดกับพัชระจนชายหนุ่มใจเต้นระทึก
ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ของทราย เอ้ะ ไม่ใช่”
“ของผม” พัชระกดรับสาย
“เสียงเหมือนกันเลย”
ศรุตาควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า
“ทรายลืมโทรศัพท์ หาไม่เจอ”
ฌานรอจนสัญญาณตัด แล้วรีบกดโทรหาบุรี ที่กำลังนั่งคุยงานกับลูกค้า
“ว่ายังไงทราย ทรายเหรอ ?”
บุรีมองไปที่โต๊ะพัชระ แต่เจ้าของโต๊ะไม่อยู่ ชายหนุ่มถอนใจเบาๆ ก่อนจะตอบอย่างลำบากใจ
“ทรายมีนัดคุยงานกับพัชระ เขาคงคุยงานอยู่ เลยไม่ได้รับสายแก”
ฌานกดวางสาย ด้วยสีหน้าครุ่นคิด แล้วรีบเดินกลับเข้าบ้าน
ศรุตาเดินไปดูห้องนอนของดวงตา
“ทรายอยากให้คุณทำห้องแม่เป็นสตูดิโอให้ทรายด้วย ทรายอยากวาดรูป”
“วาดเป็นเหรอ รูปอะไร”
หญิงสาวเอียงหน้าตอบอย่างน่าเอ็นดู “ฉันเป็นอินทีเรียนะคะ”
“ ผมลืมไปว่าคุณเป็นอินทีเรียระดับโลกด้วย พี่ฌานคุยให้ฟังบ่อยๆ อย่างนี้ทรายก็วาดรูปเก่ง แล้วเก่งอย่างไหนที่สุดล่ะ”
“คนอย่างศรุตา ถ้าทำอะไร ไม่ใช่แค่ทำได้ แต่ต้องเก่งที่หนึ่งหมดทุกอย่าง อยากให้ลองวาดรูปพัชไหมล่ะ หน้าแบบนี้วาดไม่นาน”
พูดพลางคว้าดินสอกับปากกาในมือพัชระมาหาที่นั่งวาดรูป
พัชระสบตากับศรุตาเวลาที่หญิงสาวจ้องมองมาที่เขาอย่างจงใจหว่านเสน่ห์ ในที่สุดก็เผลอพูดออกไปว่า ด้วยเสียงเหมือนกระซิบ
“ทราย คืนนี้ไปเที่ยวด้วยกันนะ”
ขณะที่ป้าทิศกำลังคุยกับแต้วเรื่องเช็คของในครัว ศรวณีย์ก็เดินเข้ามา
“ลูกศรมีเรื่องอยากถามป้า เรื่องพี่ทรายค่ะ คือศรจำเรื่องตอนที่พี่ทรายเคยอยู่ที่นี่ไม่ได้ ป้าทิศพอจะ เล่าได้ไหมคะว่าตอนเด็กๆ ศรเคยทำอะไรให้พี่ทรายไม่พอใจรึเปล่า”
ป้าทิศถึงกับชะงัก
“เมื่อวานตอนที่ศรไปดูบ้านริมน้ำกับพี่ทราย ศรรู้สึกเหมือนพี่ทรายแปลกๆ บางครั้งศรก็รู้สึกว่าพี่ทรายรักศร แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าพี่ทรายเกลียด”
ศรวณีย์คุยกับป้าทิศด้วยสีหน้ากังวล ผู้อาวุโสมองหญิงสาวอย่างเข้าใจ
“เรื่องในอดีต มันก็คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ตอนนี้คุณทรายมีชีวิตที่ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ คงไม่คิดอะไร แล้วล่ะค่ะ”
“แปลว่าตอนที่พี่ทรายอยู่ที่นี่ ชีวิตพี่ทรายแย่มากเหรอคะ ?”
ป้าทิศชะงักที่ตัวเองเผลอพูดคำให้หญิงสาวคิด “เอ่อ..”
“ศรรู้นะคะว่าคุณแม่กับศรมาทีหลังคุณป้าดวงและพี่ทราย ศรจำได้ว่าตั้งแต่เกิดมา ศรอยู่แต่ใน บ้านใหญ่ แต่พี่ทรายอยู่บ้านริมน้ำ แล้วศรก็มีคุณพ่ออยู่ด้วยตลอดเวลา นั่นแปลว่าคุณพ่อคงไม่ได้อยู่กับพี่ทรายเลย”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าไปคิดมากเลยค่ะ” ป้าทิศพยายามพูดปลอบใจ
“พี่ทรายคงคิดว่าศรแย่งคุณพ่อไป พี่ทรายถึงรักศรไม่สนิทใจ”
“ก็อย่างที่ป้าบอกล่ะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะแก้ไขอะไรก็คงไม่ได้”
“ในอดีตแก้ไขไม่ได้ แต่เราแก้ไขปัจจุบันและอนาคตได้นี่คะ ป้าจำตอนศรเรียน ม.1 ได้ไหมคะ มีเพื่อนคนนึงไม่ชอบศร เขาแกล้งศร แต่ศรไม่กล้าบอกคุณแม่ เพราะกลัวคุณแม่จะต่อว่าเพื่อนคนนั้น แล้วศร มาบอกป้า ป้าทิศก็บอกให้ศรอย่าโกรธที่เพื่อนแกล้ง แต่ให้ใช้ความรัก ให้อภัยชนะความเกลียด”
ป้าทิศมองหญิงสาวอย่างชื่นนชม “ โถ คุณศร”
“ถ้ามันจะทำให้พี่ทรายหายเกลียดศร ศรยอมให้ทุกอย่างที่ศรมีค่ะ แม้แต่ชีวิตของศร”
ป้าทิศยิ้มให้หญิงสาวอย่างนึกเอ็นดู
“คุณศรไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะเรื่องมันไม่ได้เกิดจาก คุณลูกศร แต่มันเกิดที่..”
“ยังไม่กลับมาเลยพี่บุ เมื่อเช้ากี้ก็ย้ำพัชแล้วนะว่าเดี๋ยวบ่ายสาม จะมีลูกค้ามาหา ทำอย่างกับตอนนี้มี แต่งานคุณทรายคนเดียว”
กี้พูดกับบุรีด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินไปนั่งทำงานต่อที่โต๊ะ บุรีชะงักคิดถึงว่าฌานติดต่อศรุตาได้รึยัง
ฌานถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กลงบันไดมา พร้อมกับพยายามโทรหาศรุตา แต่หญิงสาวไม่รับสาย
อาฮั้วเดินถือขนมและกาแฟกำลังจะเอาไปให้ฌานพอดี
“ฉันกลับเมืองไทยก่อนนะอาฮั้ว”
พุดจบก็เดินผ่านอาฮั้ว ที่มองตามงงๆ ขณะที่ลิซ่าเดินเข้ามายืนประจันหน้าฌานพอดี
“ไม่ค้างอีกซักคืนเหรอชาร์ลส์ ? คืนนี้อลันมีนัดกับเพื่อน กว่าจะกลับคงเช้า ถ้าคุณอยู่ .....”
ลิซ่าพูดเหมือนกระซิบ พลางมองชายหนุ่มด้วยสายตายั่วยวน
“เราจะได้ฟื้นความหลังด้วยกัน”
ฌานยิ้มให้ลิซ่า แล้วโน้มตัวลงพูดนิ่มๆ แต่เจ็บลึก
“ลิซ่าจ๊ะ ผมไม่ใช่หมาอย่างอลัน ที่จะรอกินอ๊วกของคนอื่น”
ฌานเดินถือกระเป๋าเดินทางจะไปที่รถ ลิซ่าเดินตามมากอดไว้
“ปล่อย” ฌานพูดเสียงเข้ม
“ฉันยังรักคุณเหมือนเดิมนะชาร์ลส์”
ฌานยิ้มเยาะ “ แล้วอลันล่ะ”
“ไม่เคยรักเลย”
ฌานหันกลับมาจับไหล่สองข้าง พร้อมมองตา แล้วก้มลงไปใกล้ถึงปาก ลิซ่าหน้าเคลิ้ม หลับตา ฉับพลันชายหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นจับหล่อนหันหลัง แล้วรวบมือไว้ทั้ง 2ข้าง พร้อมกับกดโทรศัพท์หาอลัน
“ฮัลโหล อลัน ลิซ่าบอกฉันว่าคืนนี้นายไม่อยู่ เขาเหงา นายรีบกลับมาก่อนที่เขาจะไปคว้าใครมานอนแทนที่แก”
ลิซ่าลุกขึ้นมาจะคว้ามือถือ แต่ฌานหลบทัน จนหล่อนเสียหลักล้มไปกองกับพื้น
“คุณก็รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำ มันเป็นเพราะความจำเป็น ตอนนั้นครอบครัวฉันเดือดร้อน ฉันถึงต้อง...”
“พอ”
ลิซ่าลุกขึ้นมากอดแขน พลางเอาหน้าแนบแขนฌานเหมือนขอร้อง
“รอฉันหน่อยนะชาร์ลส์”
ฌานสะบัดแขนอย่างแรง “ผมมีคนที่ผมรักแล้ว และเขาก็รักผม”
“นังเสาไฟฟ้านั่นมันไม่จริงใจกับคุณหรอก”
แต่กลับโดนฌานตอกใส่หน้าด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนคุณสิลิซ่า ทรายเขามีทั้งเงิน มีทั้งสมอง ผมไม่มีผลประโยชน์อะไรให้เขาต้องหลอกคบผม เขาคบผมเพราะรัก และผมก็จะแต่งงานกับเขา”
ฌานยิ้มเยาะ แล้วเดินผ่านลิซ่าออกไป ทำเอาหล่อนแทบคลั่ง
“ฉันไม่มีวันยอมให้คุณเป็นของคนอื่นเด็ดขาด”
เสาวณีย์มองจากหน้าต่าง เห็นรถศรุตา กับรถพัชระจอดอยู่สองคัน ก็หน้านิ่วด้วยความขัดใจ
ขณะที่หญิงสาวเดินนำหน้าพัชระเข้ามาในบ้าน
“บอกหมดแล้วนะว่าทรายอยากได้อะไรมั่ง แบบจะเสร็จเมื่อไหร่พัช พัช”
พัชระที่กำลังมองหญิงสาวเพลินๆ ถึงกับสะดุ้ง
“เร็วที่สุดเท่าที่ทรายต้องการ”
เมื่อเห็นศรุตาทำทีว่าจะปักหลักอยู่ที่นี่ พัชระก็อดที่จะถามต่อไม่ได้
“แล้วจะอยู่กับใคร”
“ทำไมล่ะ เมืองไทยอยู่คนเดียวไม่ได้เหรอ”
หญิงสาวย้อนถาม พร้อมๆ กับปรายตาเห็นป้าทิศยืนอยู่หน้าเรือน
“ป้าทิศ สวัสดีค่ะ”
“ดีจริง เจอคุณทรายก็ดีแล้ว ป้าจะได้ลาเสียเลย”
“ป้าทิศอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว ทำไมอยู่ๆถึงไปคะ ?”
ศรุตาถามภายหลังรู้เรื่องที่ป้าทิศจะลาออกจากที่นี่
“ป้าไม่อยากอยู่เป็นภาระใครค่ะ”
ศรุตานึกรู้ว่าป้าทิศ หมายถึง “ใคร” ?
“ป้าทิศเป็นคนเก่าคนแก่ ไม่มีใครว่าเป็นภาระหรอกค่ะ”
“เขาไม่ว่า ก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่คิดนี่คะ”
พูดพลางหันไปมองพัชระอย่างเกรงว่าจะได้ยิน แล้วพูดเสียงเบาลง
“คุณศกเสียเงินค่ารักษาคุณท่านไปเยอะ ไหนจะค่าเรียนคุณลูกศร ค่าดูแลคนในบ้าน จนต้องแอบ เอาบ้านไปจำนอง ตอนนี้ลดรายจ่ายอะไรได้ เขาก็คงอยากลด อุ้ย!ป้าขอโทษนะคะที่เอาเรื่องอะไรไม่รู้มาเล่าให้ฟัง”
ศรุตาแกล้งปั้นหน้าซื่อ ทั้งที่รู้ดีแก่ใจแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทรายมีคติยิ่งรู้เยอะ ยิ่งมีประโยชน์”
พูดพลางหันมองไปทางบ้านใหญ่ เห็นเสาณีย์ ที่เขม้นมองอยู่ตรงหน้าต่างห้อง จนเมื่อป้าทิศเดินเลียบไปเข้าบ้าน ก็รีบเรียกไว้ทันที
“เขาชวนไปอยู่กะเขาใช่ไหม”
เสาวณีย์ถามตรงๆ
“ใครคะ คุณทรายหรือคะ เปล่าค่ะ”
เสาวนีย์ไม่เชื่อ “มีหรือจะไม่ชวน อย่าโกหกฉันเลย ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ดีเสียอีก ฉันจะได้ไม่ห่วง อยู่กันมาเป็นสิบปีอยู่ๆ จะลาออกฉันก็อยากให้ไปที่ดีๆ”
แต่ป้าทิศยืนยัน เสาวณีย์แปลกใจ พร้อมกับออกปากว่าศุตาจะมาไหว้วานคนรับใช้ที่เรือนใหญ่ไปดูแลความสะอาดบ้านไม่ได้เด็ดขาด
อ่านต่อหน้า 4
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 3 (ต่อ)
พัชระเดินตามศรุตาอกมาที่รถ
“ฉันต้องการให้คุณทำห้องนอนเพิ่มอีกหนึ่งห้อง”
หญิงสาวตั้งใจเตรียมห้องไว้ให้ป้าทิศ แต่พัชระกลับคิดเลยไปถึงฌาน
“ตกลงคุณจะอยู่กับใคร ?”
ศรุตาหน้านิ่ง พัชระรู้ตัวว่าแสดงอาการอยากรู้มากไป ก็รีบแก้ตัว
“ผมจะได้ออกแบบให้ถูกน่ะครับ”
“คุณก็ทำแบบกลางๆไว้ ที่อยู่ได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย”
พูดพลางมองอาการพัชระอย่างขำๆ แล้วเหลือบไปทางบ้านใหญ่ เห็นเสาวณีย์แอบมองอยู่ เลยแกล้งเดินสะดุดขาตัวเอง พัชระรีบเข้าไปพยุง เสาวณีย์ที่แอบดูอยู่ พยายามข่มอารมณ์ไม่พอใจอย่างที่สุด
ศรุตาผงะตัวออกจากการพยุงของพัชระ
“คุณไปหาลูกศรเถอะค่ะ คนในบ้านนั้นรออยู่ แล้วพบกันคืนนี้”
ศรุตาแกล้งส่งจูบให้ แล้วเดินอกไป แต่ก็ไม่วายเหลือบตามมองไปทางเสาวณีย์ ที่รู้ดีว่าศรุตาเห็นตัวเองเข้าให้แล้ว
พัชระมองตามศรุตาไม่วางตา เสาวณีย์เห็นแล้วยิ่งร้อนรน พลางตัดสินใจ
ศรวณียืกับกับพัชระเดินเข้ามาในบ้าน ศกรีบเอ่ยชวนให้นั่งร่วมโต๊ะอาหาร พัชระถอนใจลึกๆ แล้วปรับสีหน้าเป็นปกติ
“พี่พัชต้องรีบกลับค่ะ มีงานด่วนต้องรีบทำ”
เสาวนีย์รีบบอก “งั้นก็ทานเลย ไม่นานหรอก แต้ว ตักข้าวให้คุณพัชเลย”
แต้วรับคำ ศกหันมาถามพัชระ
“เมื่อไหร่ช่างมาทำบ้านทรายล่ะพัช”
“ทรายดูแบบเสร็จ ก็เริ่มได้ครับ”
พัชระผุดลุกผุดนั่งอยู่ที่โซฟาพร้อมกับมองนาฬิกาตลอดเวลา เพราะอยากไปหาศรุตาเต็มที ศรวณีย์เดินถือถาดใส่น้ำผลไม้และขนมเข้ามา พร้อมเอ่ยปากชวน
“เดี๋ยวศรจะอ่านหนังสือต่อใช่ไหม ?”
หญิงสาวรับคำ กำลังจะบอกว่าอยากให้สายหนุ่มช่วยติว แต่พัชระรีบชิงพูดขึ้นมาก่อน
“งั้นพี่ไม่กวนล่ะ พี่มีนัด ไปนะ”
พูดจบก็รีบเดินออกไปทันที หญิงสาวมองตามงงๆ
เสาวณีย์แอบมองพัชระที่รีบออกไป แล้วหันมามองลูกสาวด้วยความสงสาร
เสาวณีย์เดินตามพัชระมาที่รถ พลางถามว่าทำไมรีบกลับ พัชระหาช้ออ้างไม่ทัน
“ถ้าไม่มีธุระอะไรอยู่ติวหนังสือให้ลูกศรก่อนได้ไหม”
พัชระชะงัก เหลือบมองนาฬิกาอย่างพะวง เสาวณีย์ไม่พอใจ แต่พยายามเก็บอาการ
“ช่วยติวให้น้องหน่อยนะ คิดเสียว่าช่วยคู่หมั้นตัวเอง อาก็อยากให้ลูกศรไปติวกับเพื่อน แต่พัชก็ รู้ว่าลูกศรไม่เหมือนคนอื่น ลูกศรไม่มีใครมารุมสนใจ ลูกศรมีแค่พัชคนเดียว”
พูดพลางมองด้วยสายตาขอร้อง จนพัชระอึดอัด แล้วก็ต้องกลับเข้าไปในบ้านอย่างจำยอม แต่พอเห็นรอยยิ้มของศรวณีย์แล้วรู้สึกผิดในใจตัวเอง ยิ่งได้ยินหญิงสาวพูดว่าตัวเองไม่มีอะไรเทียบศรุตาได้เลย ก็ยิ่งรู้สึกผิด
พลางดึงหญิงสาวมากอดอย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆ จูบแผ่วเบาที่ข้างๆ แก้ม ด้วยท่าทีสุภาพ แต่ไม่รู้สึกวูบไหว ตรงข้ามกับฝ่ายหลัง ที่หวั่นไหวกับจูบแรก
“ศร รักพี่มากมั้ย”
ศรวณีย์รีบหลบตา เพราะความเขิน
เสาวณีย์แอบมองอยู่ ก็ยิ้มอย่างพอใจ พร้อมกับรู้สึกสะใจลูกเลี้ยงไปในคราเดียวกัน
บุรีกำลังจะเข้าบ้าน พร้อมกับคุยมือถือกับฌานไปด้วย
“ยังติดต่อทรายไม่ได้เหรอ ? ใจเย็นๆน่าฌาน เขาโตแล้วนะ เขาดูแลตัวเองได้”
ฌานที่อยู่ในเครื่องบินส่วนตัว พูดตอบกลับมาด้วยสีหน้ากังวล
“ฉันรู้ แต่ฉันอดห่วงเขาไม่ได้ ยิ่งเขาขับรถเองด้วย เขาไม่ได้อยู่เมืองไทยมานาน อะไรๆ มันเปลี่ยนไป หมด ฉันกลัวเขาจะเกิดอะไรรึเปล่า ?”
บุรีชะงักนิดนึง เพราะเขาเองก็ลืมคิดถึงสิ่งที่ฌานพูดถึงไปเลย ว่าหญิงสาวไม่ได้อยู่เมืองไทยนาน
“งั้นเดี๋ยวฉันช่วยตามให้”
มือถือของศรุตาวางอยู่ในกระเป๋า แต่ปิดเสียงไว้ จึงไม่ได้รับสายของบุรีที่โทร. เข้ามา ขณะที่เจ้าของเครื่องกำลังนั่งกอดอกฟังจ้อยร้องเพลงอยู่ที่ผับของบุรีอย่างหงุดหงิด พร้อมมองนาฬิกา รอว่าเมื่อไหร่พัชระจะมา
อีกมุมหนึ่งของร้าน กี้กำลังคุยสายกับบุรี
“ว่ายังไงพี่บุ ? เมื่อไหร่พี่จะมา มีเพื่อนพี่แวะมาที่ร้านด้วย ถามหาพี่หลายทีแล้ว พัชไม่ได้มาที่นี่ มีแต่คุณทรายนั่งอยู่คนเดียว”
พัชระเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น แล้วหยิบมือถือมาส่งข้อความให้ศรุตา
จังหวะเดียวกับที่หญิงสาวหยิบมือถือในกระเป๋าจะโทรหาพัชระ แล้วก็เห็นหน้าจอมีสายไม่ได้รับ 10 สาย จากฌาน และอีก 3 สายเป็นของบุรี รวมถึงข้อความจากพัชระ
“คุณอาเสาว์ให้ผมติวหนังสือลูกศร อาจไปช้าหน่อย ขอโทษด้วย”
ศรุตายิ้มเยาะ “คิดว่าจะขวางได้เหรอคะ คุณอาเสาว์ “
จากนั้นก็รีบพิมพ์ข้อความตอบกลับทันที
พัชระ ที่กำลังนั่งติวหนังสือให้ศรวณีย์ รีบหยิบมือถือมาเปิดดูข้อความ
“ไม่ต้องห่วง คุณอยู่กับลูกศรไปเถอะ ฉันกำลังคุยกับเพื่อนใหม่สนุกมาก”
พัชระอ่านแล้วถึงกับชะงัก
“มีอะไรรึเปล่าคะพี่พัช” ศรวณีย์เงยหน้ามาถาม
พัชระส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับมีข้อความใหม่เข้ามา ชายหนุ่มรีบกดดู เห็นเป็นรูปศรุตาถ่ายกับ กลุ่มผู้ชายด้วยสีหน้าร่าเริง
ศรุตากำลังคุยกับจ้อย ติ่ง กี้ และพี่แจ็ค พี่โป่ง พี่ดิน ทั้ง 3 คนเป็นคนทำแฟชั่นของนิตยสาร Smart women ที่คุณแพรมารดาของพัชระเป็นเจ้าของ
หลังจากที่แนะนำศรุตาให้รู้จักกับทั้ง 3 คนเรียบร้อยแล้ว จ้อยก็รีบบอก
“พี่โป่งเป็นบก.ใหญ่นะครับ อยากสัมภาษณ์คุณทรายและถ่ายรูปคุณทรายขึ้นหน้าปกด้วย คุณทรายสนใจไหมครับ ?”
แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบ บุรีก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังนั่งห้อมล้อมด้วยผู้ชาย 3 คน ก็รู้สึกไม่พอใจ รีบเดินปราดเข้ามาหาเธอทันที
“ผมขอคุยด้วยหน่อย”
พูดพลางเดินนำศรุตาออกนอกร้าน หญิงสาวเดินตามมา
“คุณมีอะไรจะคุยกับฉัน?”
“ทำไมคุณไม่รับโทรศัพท์ คุณรู้ไหมว่าฌานเป็นห่วงคุณขนาดไหน เขาคิดว่าคุณเป็นอะไร จนตอนนี้ เขาบินจากสิงคโปร์เพื่อมาหาคุณ แล้วดูคุณสิ กลับนั่งคุยกับผู้.” ..
จะพูดว่า “ผู้ชาย” แต่ชะงักไว้
“พูดให้จบสิบุรี พูดมาเลยว่าฉันคุยกับผู้ชาย สนุกกับผู้ชาย หรืออ่อยผู้ชาย พูดคำไหนก็ได้ที่คุณอยาก พูด ฉันไม่ถือ”
“ผมไม่ได้จะพูดแบบนั้น”
ศรุตามองจ้องหน้าบุรี “แต่ความหมายที่คุณต้องการสื่อคือแบบนั้น ฉันจะบอกให้นะว่านี่ไม่ใช่
ครั้งแรกที่ฉันไม่รับสายฌาน และไม่ใช่ครั้งแรกที่ฌานวิ่งตามฉันแบบนี้ และทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ฉันก็จัดการได้”
“ผมรู้ว่าคนอย่างคุณ จัดการผู้ชายทุกคนได้อยู่แล้ว ไม่เว้นแม้แต่...”
“แม้แต่ใคร ?” หญิงสาวย้อนถามทันควัน
พัชระดูรุปจากมือถือแล้วรีบเดินออกไปที่รถ เสาวณีย์เดินตามออกมายืนมองด้วยความกังวล จากนั้นก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาแม่พัชระ
“สวัสดีค่ะคุณแพร ฉันว่าเราต้องคุยกันเรื่องงานแต่งของพัชกับลูกศรแล้วล่ะค่ะ ทำไมถึงอยากคุยน่ะ เหรอคะ ?...”
เสาวณีย์คิดถึงศรุตา
บุรีถอนใจ
“เอาเป็นว่า ผมเคยบอกคุณแล้วว่าคุณจะทำอะไร ช่วยนึกถึงฌานหน่อย คุณก็รู้ว่าฌานเขารักคุณ
มากขนาดไหน อย่าเอาความรู้สึกของคนอื่นมาล้อเล่น เพียงเพราะคุณอยากบริหารเสน่ห์คุณเท่านั้น”
“หยุดนะ”
ศรุตาน้ำตาคลอ รู้สึกเจ็บในหัวใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ถ้าคุณไม่รู้จักฉันดีพอ อย่ามาพูดแบบนี้”
พูดจบก็รีบเดินออกไป บุรีรู้สึกผิดที่ตัวเองพูดแรงไป รีบเดินตามไป จนมาทันกันขณะที่ศรุตากำลังจะเปิดประตูรถ
“ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ผมพูดแรง ผมแค่อยากให้คุณคิดถึงความรู้สึกฌานบ้าง”หญิงสาวหมุนตัวกลับมามองหน้าบุรีแล้ว ทำท่าถอนสายบัว ด้วยท่าทางประชด
“เจ้าค่ะ องครักษ์พิทักษ์ฌาน ฉันรู้ ฉันถึงจะกลับไปรอฌานอย่างที่คุณสั่งนี่ไง”
พูดพลางจะเปิดประตูขึ้นรถ บุรีรีบพูดต่อ
“แล้ววันหลังอย่าทำให้ใครเป็นห่วงอย่างนี้อีก”
หญิงสาวชะงัก แล้วหันมามองบุรี “ใคร? ฟังดูเหมือนมีคนห่วงฉันมากกว่าหนึ่งคนใช่ไหม ?”
บุรีสะดุดกึก แล้วรีบพูดตัดบท
“กลับดีๆล่ะ ผมไปล่ะ”
พูดพลางรีบเดินออกไปด้วยความเจ็บใจตัวเอง ที่เผลอพลาดให้หญิงสาวย้อนได้
เมื่อบุรีเข้ามาในร้าน กี้ก็ยิงคำถามทันที
“แถลงการณ์มาสิพี่บุ เมื่อกี้พี่มีเรื่องอะไรกับคุณทราย ?”
บุรีนิ่ง พร้อมๆ กับที่พัชระเปิดประตูร้านพรวดเข้ามา พลางกวาดตามองทั่วร้าน แต่ไม่กล้าบอกว่ากำลังตามหาศรุตา
“เพื่อนน่ะครับ ผมนัดเขาไว้ แต่ผมมาสาย ผมไปก่อนนะครับ”
พัชระหยิบมือถือมากดโทรออก พร้อมกับเดินออกจากร้านไป บุรีคิดนิ่งๆ ว่าพัชระต้องนัดกับศรุตาไว้แน่นอน
พัชระที่ขับรถมาจอดเอี๊ยดทีหน้าโรงแรมที่ศรุตาพัก เห็นฌานกำลังเดินเข้าใปด้านใน ก็หน้าเครียด
เสียงกริ่งประตูห็องศรุตาดัง หญิงสาวลุกเดินมาเปิดประตู เห็นฌานกดโทรศัพท์เดินเข้ามา
“โทรศัพท์หาใครหรอ ฌาน”
เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้นพอดี ฌานก้าวยาวๆ ไปเปิดเปิดเบาะเก้าอี้ เห็นโทรศัพท์วางแอบอยู่
“ ใช่ ลืมโทรศัพท์ทั้งวัน โทรหากี่ครั้ง ไหนดูซิ”
ฌานยกให้ดู เห็นเบอร์ไม่ได้รับของพัชระโทร. มาตอนดึก ก็มองอย่างไม่พอใจ แต่หญิงสาวย้อนกลับว่าฌานโทร. มาดึกกว่า
“แต่ผมไม่เหมือนเค้า ถ้าเค้าจะโทรห้าทุ่มครึ่ง เค้าต้องโทรหาลูกศร ไม่ใช่ทราย”
ศรุตานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วแก้ตัวว่าพัชระอาจจะโทร. มาถามเรื่องซ่อมบ้าน จนฌานเริ่มหงุดหงิด
“เมื่อไหร่พัชระจะแต่งงานกับน้องสาวทราย”
“ฌาน ถามอย่างนี้ทำไม?”
ฌานดึงศรุตาลงมานั่งตัก ก้มลงจะจูบ แต่หญิงสาวยันอกไว้รวดเร็ว
“ฌาน คุณกำลังโกรธ เรื่องอะไรก็ไม่รู้ โทรศัพท์ไม่ติด หรืออาจจะมีเรื่องอื่น เรื่องพ่อเลี้ยงคุณ เรื่อง อลัน หรือลิซ่า ทรายไม่รู้ แต่อย่ามาลงกับทราย”
ฌานหลับตาพิงพนักเก้าอี้
“ผมรักคุณนะทราย”
ศรุตาก้มลงดูชายหนุ่ม “เกิดอะไรขึ้นที่สิงคโปร์”
“ทรายเห็นใจฌานนะ”
ศรุตาที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด มองหน้าฌานอย่างเห็นใจ “แล้วฌานจะรื้อบ้านรึเปล่า”
“ก็ต้องปรึกษาบุรี”
หญิงสาวรีบบอก “เขาไม่รื้อหรอก”
ฌานพยักหน้า สีหน้าครุ่นคิด เป็นกังวล หญิงสาวตาวาว
“พรุ่งนี้ ไปหาบุรีเลยนะ คุณมีเวลาแค่ 3 เดือน งานใหญ่ขนาดนี้สามเดือนเร็วมากนะฌาน”
“ทรายทำอินทีเรียให้ได้มั้ย”
พัชระที่รออยู่หน้าโรงแรม เห็นฌานเดินออกจากลิฟต์ไปขึ้นรถ ก็รีบเดินเข้าไปในด้านใน แล้วไปยืนครุ่นคิดอยู่หน้าลิฟท์ด้วยสีหน้าอัดอั้น
พัชระกลับมาถึงบ้าน พร้อมกับพยายามกดมือถือโทร. หาศรุตา แต่หญิงสาวไม่รับสาย พร้อมๆ กับที่คุณแพร ผู้เป็นมารดาเดินออกจากในบ้านมายืนขวางไว้
“คุณแม่ ไหนคุณแม่บอกว่าจะกลับจากดูงานที่อังกฤษพรุ่งนี้ไงฮะ”
“แม่โกหกกะจะเซอร์ไพรซ์ลูก แต่พอเท้าแม่แตะสนามบิน แม่ต่างหากที่ได้เซอร์ไพรซ์”
พัชระมองมารดาอย่างระแวง ตามประสาคนชนักติดหลัง
ศรุตาจอดรถที่หบ้าบ้าน และกำลังจะเดินไปทางบ้านริมน้ำ เสาวณีย์เดินออกมาจากบ้านด้วย หน้าตายิ้มแย้ม ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ซ่อนแผนร้ายในใจ
“มาแล้วเหรอทราย ? กำลังรออยู่เชียว”
หญิงสาวมองหน้ามารดาเลี้ยงอย่างแปลกใจ
ศรุตา ที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับศก เสาวณีย์ และศรวณีย์ มองมารดาเลี้ยง ที่ดูยิ้มแย้มกับตัวเอง อย่างสงสัยว่ามาไม้ไหน
“คุณอาเสาว์เขาก็บอกว่าทรายมาดูบ้านช่วงเที่ยง น่าจะยังไม่ได้ทานอะไร เลยรอชวนทรายทานข้าว พร้อมกัน”
ศกพูดพร้อมกับยิ้มให้บุตรสาวคนโต ศรวณีย์ยิ้ม แล้วช่วยพูดต่อ
“แถมคุณแม่ยังบอกว่าวันนี้มีเรื่องพิเศษของครอบครัวเราด้วยค่ะ”
ศรุตารู้สึกสะดุดกับคำว่า “ครอบครัวเรา”
“เดี๋ยวค่อยคุยแล้วกันนะคะ” เสาวณีย์หันมาบอกสามี ก่อนจะหันไปสั่งแต้ว ให้เสิร์ฟอาหาร แต้วเดินไปหยิบจานขนมรองท้องที่วางเตรียมไว้อยู่แล้วมาวางบนโต๊ะ
“เอาของกินเล่นมาเสิร์ฟอะไรตอนนี้แต้ว เอาข้าวมาเสิร์ฟสิ”
ศกหันมาดุ ศรุตาเหลือบมองอาการเสาวณีย์กับแต้ว ก็นึกรู้ว่าเสาวณีย์เป็นคนสั่งให้เสิร์ฟแบบนี้เสาวณีย์แกล้งพูดเสียงซื่อ แต่จงใจกระทบไปถึงดวงตา
“อ้าว ที่ผ่านมาเสาว์เห็นคุณชอบทานของกินเล่น”
“ของกินเล่นมันก็แค่รองท้อง แต่ถ้าทานให้อิ่ม ก็ต้องอาหารหลักสิ”
เสาวณีย์ยิ้มแล้วจงใจพูดย้ำคำพูดศกให้ศรวณีย์ฟัง อย่างจงใจกระทบศรุตา
“จำไว้นะลูกศร ผู้ชายกินของกินเล่นแค่รองท้อง แต่ถ้าทานให้อิ่มเขาเลือกอาหารหลัก แต่งงานไปจะ ได้เข้าใจพี่พัช”
ศรุตามองมารดาเลี้ยงอย่างเข้าใจว่าต้องการสื่อความหมายอะไร เสาว์ณีย์สบตาตอบหญิงสาวด้วยสายตายิ้มเยาะ
ศรวณีย์พูดซื่อๆ อย่างไม่ทันความคิดแม่ “โธ่แม่คะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องแต่งงานเลยค่ะ อีกตั้งนาน”
เสาวณีย์พูดสวนทันที “ใครว่านาน อีกไม่กี่เดือนต่างหาก”
ทั้งศก ทั้งศรวณีย์ชะงักมองเสาวณีย์ ศรุตาแอบยิ้มนิ่งๆ ด้วยรู้ทันว่าเสาวณีย์จำต้องเร่งให้ลูกสาวแต่งกับพัชระ
“เมื่อคืนคุณแพรคุยกับเสาว์ ว่าเดือนนี้ลูกศรสอบเสร็จ ก็อยากให้ลูกศรแต่งงานเลยค่ะ”
ส่วนพัชระ ก็กำลังโวยกับมารดาในเรื่องเดียวกัน
“ผมยังไม่แต่ง”
“ต้องแต่ง ยังไงจะช้าจะเร็ว พัชกับหนูลูกศรก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี ก็แต่งกันอีก 2 เดือนข้างหน้า นั่นแหละ”
พัชระยืนกราน “แต่ผมยังไม่พร้อม ผมยังมีงานที่อยากทำอีกเยอะ”
คุณแพรรีบดักคอว่าอย่าเอาเรื่องงานมาอ้าง
“แม่รู้หมดแล้ว ว่าแกกำลังติดผู้หญิงใจแตกที่ชื่อทราย “
พัชระรีบพูดปกป้อง “ทรายไม่ใช่ผู้หญิงใจแตก”
“ผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก มีข่าวเฟลิร์ตกับผู้ชายแทบทุกรัฐ จนแม่ถามเพื่อนคนไหน ก็รู้จัก กิตติศัพท์ผู้หญิงคนนี้แทบทุกคน อย่างนี้เหรอไม่เรียกว่าใจแตกเหรอ ?”
“ทรายเป็นผู้หญิง Nice อยู่ที่ไหน ก็ทำให้ทุกคนมีความสุข ใครๆก็อยากอยู่ใกล้เขา ไม่น่าเบื่อ เหมือนลูกศร”
พัชระระเบิดความอัดอั้น
“ตาพัช อย่าเอาผู้หญิงคนนั้นมาเทียบกับหนูลูกศรนะ หนูลูกศรเขามีชาติตระกูลดี พ่อแม่มีเชื้อผู้ดี ตระกูลเก่าทั้งคู่ ต่างจากผู้หญิงคนนั้น”
“ถ้าคุณแม่เปิดใจยอมรู้จักทราย คุณแม่จะรู้ว่าผมควรเลือกใคร” พัชระไม่ยอมแพ้
ศรุตาเดินไปทางบ้านริมน้ำ พลางนึกถึงคำพูดของเสาวณีย์ที่โต๊ะอาหาร ด้วยอารมณ์โกรธแค้น จากนั้นก็รีบกดมือถือโทร. หาแจ็ค
“ฮัลโหล คุณแจ็คเหรอคะ ? ตกลงทรายจะถ่ายแบบค่ะ แต่ทรายมีข้อแม้นะคะ ขอถ่ายรูปและ สัมภาษณ์ครอบครัวของทรายด้วย”
ศรุตายิ้มอย่างมีแผน
“คุณจะทำอะไร ทำไมไม่บอกผมก่อน”
ศกพูดใส่หน้าภรรยาด้วยความไม่พอใจ
“มันจะเป็นอะไรไป ยังไงลูกศรกับพัชระต้องแต่งงานกันอยู่ดี”
“ผมรู้ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้ คุณไม่เห็นเหรอว่าฐานะบ้านเราเป็นยังไง จะเอาเงินที่ไหนไปจัดงานให้ลูก แล้วคุณยังไปตกลงกับคุณแพรอีกว่า พอแต่งงานแล้ว จะให้พัชระย้ายมาอยู่บ้านนี้ คุณเห็นสภาพบ้านรึเปล่า ซอมซ่อ อย่างกับอะไรดี ถ้าใครมาเห็น คุณไม่อายเขาเหรอ”
เสาวณีย์เชิดหน้า “ฉันไม่อาย ยังไงความจริงก็คือความจริง”
“แต่ผมอาย เราเป็นถึงตระกูลพรหมาสตร์นารายณ์ แต่งลูกสาวทั้งที ผมคงให้ใครว่ากระจอกไม่ได้ เลื่อนการแต่งงานไปก่อน”
ศกยื่นคำขาด แต่เสาวณีย์ไม่ยม
“ไม่ได้ ฉันรับปากคุณแพรไปแล้ว ขืนพูดกลับกลอกไปมา มันไม่ยิ่งเสียมากกว่าเหรอ ?”
ศกหน้าเครียด ส่วนเสาวณีย์ครุ่นคิดหาทางเรื่องเงิน
เสาวณีย์ ที่กำลังเปิดตู้เซฟหยิบกล่องเครื่องเพชร ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้น พอศรวณีย์เปิดประตูเข้ามาก็รีบเก็บกล่องเครื่องเข้าตู้เซฟ
“มีอะไรเหรอลูก?”
หญิงสาวลังเลว่าจะพูดดีไหม “เอ่อ เรื่องแต่งงานน่ะค่ะ ศรว่าเลื่อน..”
ยังพูดไม่ทันจบ ผู้เป็นมารดาก็ย้อนถามเสียงเข้มขึ้นมาทันที
“ทำไมต้องเลื่อน”
“ศรแค่ไม่แน่ใจ” หญิงสาวตั้งใจจะหมายถึงว่าไม่แน่ใจมาตลอดว่าพัชระรักตัวเองรึเปล่า เสาวณีย์กอดลูกไว้
“ศรเชื่อแม่นะ ทุกอย่างที่แม่ทำ แม่ทำเพื่อศร แม่อยากให้ศรมีความสุข แม่ไม่ยอมให้ใครมาแย่งอะไร ของเราไปเด็ดขาด”
ศรวณีย์งงว่ามารดาหมายถึงเรื่องอะไร
อ่านต่อตอนที่ 4