xs
xsm
sm
md
lg

รักต้องอุ้ม ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 3
สิปาดันอุ้มตาหนูเดินเข้ามาในโรงพยาบาล  ลันตาเดินตามประกบพลางร้องไห้ด้วยความเป็นห่วง หมอกับพยาบาลเข้ามาหา“คุณพยาบาลคะ ตาหนูตัวร้อน ร้องไม่หยุดแล้วก็อ้วกด้วย ช่วยตาหนูด้วยนะคะ” ลันตาบอก

“ใจเย็น ๆ นะคะ ดิฉันจะพาน้องไปให้คุณหมอตรวจ คุณพ่อคุณแม่รอสักครู่นะคะ”
พยาบาลรับตัวตาหนูเข้าไป ลันตาขาอ่อนไม่มีแรงจนสิปาดันต้องคอยประคองไว้ สิปาดันตบไหล่ลันตาเพื่อปลอบใจ ทุกคนต่างมองไปทางห้องตรวจด้วยความหวัง

ลันตารับตัวตาหนูมาจากพยาบาล สิปาดัน แพท และลันตาฟังคุณหมอวิเคราะห์อาการของตาหนู
“น้องมีไข้แต่ไข้ไม่สูงนัก หมอตรวจอย่างละเอียดแล้ว ในส่วนอื่น ๆ ไม่น่าเป็นห่วงมากค่ะ”
“แล้วที่ตาหนูอ้วกล่ะค่ะ”
“อาการเป็นยังไงคะ”
“ก็พอฉันให้ทานนม พอทานเสร็จสักพักก็อ้วกออกมา แล้วแกก็ร้องใหญ่เลยค่ะ หมอตรวจให้ละเอียดอีกทีได้ไหมคะ”
“ตามอาการที่คุณแม่บอก น้องแค่แหวะนมน่ะค่ะ”
“แหวะนม?” ลันตาทวนคำ
“ปกติหลังน้องทานนมเสร็จคุณแม่ให้น้องเรอนมหรือเปล่าคะ” หมอถาม
“เรอนม? ยังไงคะ” ลันตาไม่เข้าใจ
“ก็ทุกครั้งหลังจากที่ให้น้องทานนมแล้วต้องจับน้องพาดบ่า ลูบเบาๆ เพื่อให้น้องเรอนม แล้วน้องจะหลับได้ยาวขึ้น”
“เหรอคะ...ฉันไม่เคยทำเลยน่ะค่ะ”
“ปกติสามเดือนแรกต้องทำทุกครั้งนะคะ คุณแม่ไม่เคยทำให้น้องเลยเหรอคะ”
ลันตาหน้าเสีย
“แล้วตอนนี้น้องอายุกี่เดือนแล้วคะ” หมอถามต่อ
ลันตายังไม่ได้ตั้งสติจึงหลุดปากออกไป “เพิ่งเจอไม่ถึงเดือนค่ะ”
สิปาดันกับแพทตกใจ “เฮ้ย!”
ลันตาสะดุ้งเพราะนึกได้ว่าตอบผิด หมอแปลกใจ
“หมายถึงเพิ่งคลอดเหรอคะ ตัวใหญ่มากเลยนะคะ” หมอว่า
“เอ่อ.. คลอดหลายเดือนแล้วค่ะ แต่ดิฉันเพิ่งจะได้มาเลี้ยงเขาไม่ถึงเดือนน่ะค่ะ ยุ่งๆ เลยจำไม่ได้ คุณหมอว่าตาหนูกี่เดือนแล้วล่ะคะ”
หมองงนิดหน่อยแต่ก็ตอบ “ดูจากขนาดตัวกับพัฒนาการน่าจะประมาณห้าเดือนแล้วนะคะ”
“ห้าเดือน...”
“ถ้าคุณแม่เพิ่งมาดูแลน้องตอนนี้คงต้องศึกษาวิธีการดูแลอย่างละเอียดสักนิดนะคะ เพราะมีผลกับพัฒนาการ การเติบโต การเรียนรู้ของเด็ก”
“ค่ะ....”
ลันตามองไปที่ตาหนูด้วยความรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบ สิปาดันกับแพทมองท่าทีของลันตาด้วยความหนักใจพลางมองหน้ากันแบบต้องการปรึกษา

ตาหนูนอนอยู่บนเตียง สิปาดัน ลันตา และแพทมองการนอนหลับของตาหนูอย่างโล่งใจมากขึ้น
“งั้นให้ตาหนูนอนดูอาการให้แน่ใจแล้วค่อยกลับตอนเช้าแล้วกันนะลัน” สิปาดันบอก
ลันตานิ่งไม่ตอบ สิปาดันมองทางแพทอย่างจ๋อยๆ
“ฉันหิว เดี๋ยวไปหาอะไรมากินหน่อยดีกว่า เดี๋ยวมานะ”
สิปาดันมองแพทให้อยู่ช่วยกันแต่แพทเลี่ยงหนีออกไปทันที สิปาดันมองลันตาที่เดินไปนั่งข้างตาหนู
ภายในห้องเงียบมากจนสิปาดันอึดอัดที่ลันตาทำเหมือนเขาเป็นอากาศ
“ฉันขอโทษ...”
ลันตาชะงักแต่ยังไม่หันไปทางสิปาดัน แล้วเธอก็ลูบมือตาหนูเบาๆ เหมือนไม่ยอมรับ
สิปาดันพูดต่อ “ฉันพูดกับแกแรงเกินไป แต่ที่ฉันพูดเพราะฉันห่วงแกนะลัน เลี้ยงเด็กมันเรื่องใหญ่ แกเองก็ตกงาน เราช่วยเหลือคนอื่นได้ แต่ไม่ควรทำให้ตัวเองเดือดร้อน ฉันไม่อยากให้แกเดือดร้อน”
ตาหนูร้องไห้โยเย ลันตาจับที่แพมเพิร์ส
“พี่จะเปลี่ยนแพมเพิร์สให้นะจ๊ะ” ลันตาบอก
สิปาดันจะหยิบแพมเพิร์สให้แต่ลันตาคว้ามาก่อนแล้วจัดการเปลี่ยนแพมเพิร์สให้โดยไม่มองทางสิปาดันเลย สิปาดันไม่ตื้อ เขาเดินออกไปพลางเหล่มองทางลันตาว่าจะสนใจไหมแต่ลันตาไม่มองตาม สิปาดันจ๋อยมาก

รถของสิปาดันแล่นมาจอดที่หน้าคอนโด รถของลันตาขับตามมาเข้าจอด สิปาดันลงมาจากรถแล้วมองไปทางรถของลันตา แพทเดินลงมาจากรถแต่ลันตายังไม่ลงมา
“ลันล่ะ?” สิปาดันถาม
แพทพยักหน้าให้มาดูเอง สิปาดันเดินมาที่ประตูรถด้านที่นั่งข้างคนขับด้านหน้า พอประตูเปิดออกเขาก็เห็นลันตาที่นั่งอุ้มตาหนูไว้กับตักแต่ลันตาหลับสนิทไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
สิปาดันเรียก “ลัน...ลัน”
“ยาก...เมื่อกี้ฉันทั้งเขย่า ทั้งหยิกมันยังไม่สะดุ้งสะเทือนเลย คงเพลียมาก เอาไงล่ะ”
สิปาดันมองๆ แล้วก็ขยับเข้าไปอุ้มตาหนูออกมาส่งให้กับแพท แพทรับตาหนูมาแล้วมองคล้ายถามว่าแล้วไง สิปาดันขยับเข้าไปอุ้มตัวลันตาออกมาจากรถ
“เอางี้เลย...”
สิปาดันอุ้มลันตาเดินเข้าไปในคอนโด ระหว่างทางสิปาดันมองลันตาที่หลับด้วยสายตาอ่อนโยน

สิปาดันวางตัวลันตาลงบนเตียงแล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวลันตา แพทอุ้มตาหนูตามเข้ามายืนมองสิปาดัน สิปาดันหันมารับตาหนูไปจากแพท
“สิปา...แกไหวใช่ไหม” แพทหมายถึงทั้งเรื่องดูแลเด็ก และต้องใกล้ชิดกับลันตา
“ไหว...แค่นี้สบายมาก” สิปาดันตอบ
แพทยิ้มอย่างเห็นใจและเป็นห่วง “ฉันก็แค่เป็นห่วงแก คุยกับมันให้รู้เรื่องก็แล้วกันว่าจะเอายังไงเรื่องตัวเล็ก”
สิปาดันพยักหน้ารับ แพทเดินออกไป สิปาดันลงนั่งมองลันตาที่นอนหลับด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ได้ตัวลันตากลับมาด้วยความปลอดภัย

พอลนอนอยู่บนเตียง เสียงกริ่งหน้าห้องดังเป็นจังหวะ
พอลงัวเงียแล้วคว้านาฬิกาขึ้นมาดู “เจ็ดโมง...” พอลพยายามจะนอนแต่ทนเสียงกริ่งไม่ไหว “บ้าเอ้ย”
พอลลงจากเตียงเดินออกไปมองลอดช่องตาแมว แทนสายตาพอลเห็นมิ้งค์
พอลหงุดหงิด “ยัยเตี้ย...แต่เช้าเลย”
พอลดึงประตูออกอย่างหัวเสีย
“นี่มันกี่โมง....” พอลจะถามว่ามีมารยาทหรือเปล่า
มิ้งค์ยื่นถุงขวดลูกพีชหลายขวดตรงหน้าพอล พอลชะงักมองสภาพมิ้งค์ที่ดูเหนื่อยและมีเหงื่อเต็มหน้า
“ตอนนี้มันไม่มีความหมายแล้ว กลับไปซะ” พอลไล่
พอลจะปิดประตูแต่ชะงักที่ได้ยินเสียงมิ้งค์แทรกขึ้นมา
มิ้งค์พูดแทรก “ฉันขอโทษค่ะ”
พอลชะงักมอง
มิ้งค์ยกมือไหว้ “ฉันขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ซุปเปอร์คืนนั้น ฉันเสียมารยาทกับคุณฉันยอมรับผิดทั้งหมด ขอให้ฉัน...”
มิ้งค์มองอย่างอ้อนวอน
พอลทำหน้ารำคาญมาก “ทำไมไม่พูดตั้งแต่เมื่อคืน”
“ก็ฉัน...”
“แล้วขอโทษเพราะสำนึกหรือเพราะงาน”
“เอ่อ..” จริงๆ มิ้งค์ขอโทษเพื่องานแต่ก็พูดไม่ได้ “จะเพราะอะไรมันก็ไม่สำคัญ ฉันขอโทษคุณแล้ว คุณก็ควรให้ฉันสัมภาษณ์คุณ”
พอลมองแบบกวนตีนเต็มที่
“คนที่ตัดสินใจเป็นผม ไม่ใช่คุณ แค่นี้นะ”
พอลจะปิดประตู มิ้งค์เอาตัวเข้ากันไว้เต็มที่แบบไม่กลัวเจ็บ
มิ้งค์โมโห “มันเกินไปแล้วนะ ไอ้เครา!”
ทั้งพอลและมิ้งค์ต่างชะงักกันไป พอลมองมิ้งค์คล้ายจะถามว่าที่หลุดปากมาน่ะคืออะไร
“ฉันขอโทษ ก็คุณยั่วโมโหฉันก่อนนะ”
“ผมยั่วโมโหคุณก่อน ผมผิด...อยากสัมภาษณ์ก็ไปเจอที่ร้านสิบโมง ช้าแม้แต่วินาทีเดียว จะไม่มีโอกาสสำหรับเธออีก”
พอลพูดจบก็ปิดประตูใส่มิ้งค์ทันที

สิปาดันนอนหลับอยู่ที่โซฟา เสียงร้องของตาหนูดังขึ้น สิปาดันกระเด้งตัวลุกขึ้นมองไปทางลันตาที่ยังหลับสนิท สิปาดันรีบเข้าไปจับดูที่แพมเพิร์ส
“ไม่เปียกนี่หว่า...”
สิปาดันคิดแล้วรีบไปจัดการชงนมแล้วรีบมาป้อนตาหนู สิปาดันนั่งมองตาหนูที่ดื่มนมและมองเขาตาแป๋ว สิปาดันจะวางให้นอนตาหนูก็ร้องไม่ยอม เขาจึงต้องอุ้มไปด้วยป้อนนมไป สิปาดันหาวยืนเอาหัวพิงขอบประตูจะหลับ ตาหนูร้อง สิปาดันเลยต้องเดินเขย่า
“ยืนนิ่งๆ ก็ไม่ได้ ชาติก่อนเป็นนักโต้คลื่นหรือไง ต้องโยกตลอดเวลาน่ะหะ!”
สิปาดันออกอาการเพลียเปลี้ยจะล้มตัวลงนอนแต่ทนเสียงร้องของตาหนูไม่ได้จึงลุกขึ้นมาอีก
“ตัวแสบ!”
สิปาดันคิด ๆ ว่าจะเอายังไงดี แล้วเขาก็ปิ๊งไอเดีย
เวลาผ่านไป ผ้าผืนใหญ่สำหรับทำเปลนอนแบบทึบวางอยู่ สิปาดันคว้าขึ้นมากางแล้วมองทางตาหนูอย่างหมายมาด ลันตายังนอนหลับอยู่บนเตียง แต่เสียงกุกกัก เสียงกระโดด เสียงของหล่นก็ทำให้ลันตางัวเงียแล้วพลิกตัวมาตามเสียงมองออกไปด้านนอกห้อง เธอค่อยๆ ปรับโฟกัสให้ชัดจนเห็นว่าสิปาดันกำลังทำเปลที่ผูกไว้ให้ห้อยลอยอยู่กลางห้องโดยยึดกับตู้สองด้าน สิปาดันเอาของที่มีน้ำหนักลองหย่อนลงไป พอเห็นว่ารับน้ำหนักได้เขาก็เอาของออกแล้วเดินเข้ามา ลันตาทำเป็นหลับแล้วแอบลืมตามองก็เห็นว่าสิปาดันอุ้มตาหนูไปหย่อนลงให้นอนในเปล สิปาดันลองดันเบาๆ ให้เปลไกวปรากฏว่าตาหนูเงียบ
สิปาดันดีใจมาก เขาแอ็คแบบกำหมัดสุดยอดแต่ไม่กล้าส่งเสียงดัง “มันต้องอย่างนี้!”
สิปาดันลงนอนพลางใต้เท้าโยกเปลไปด้วยด้วยท่าทางผ่อนคลายสบายใจมาก ลันตาลุกเดินออกมา สิปาดันเห็นลันตาเดินออกมาก็พรีเซ้นต์โดยเอาดีเข้าตัวสุดชีวิต
“ฉันทำเปลให้ตาหนู เวลากล่อมแกจะได้ไม่ต้องอุ้มให้เมื่อยไง เจ๋งไหม”
ลันตาเดินเข้ามาไกวเปลด้วยสีหน้ายังนิ่ง
สิปาดันพูดต่อ “ฉันผูกเงื่อนไว้ทั้งสองข้างแน่นมาก รับรองไม่มีหล่นแน่นอน แกไม่ต้องกังวล”
ลันตามองตาหนูที่หลับแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบกระเป๋าตัวเองออกมากองแล้วมองว่าต้องหาอะไรอีก สิปาดันงงแต่ก็รีบตามเข้ามา
“แกจะทำอะไร”
“ไปจากที่นี่” ลันตาหยิบของตาหนูมาวางรวมกับของตัวเอง
“แกเป็นบ้าอะไรของแกอีกวะลัน”
“ฉันจะพาตัวเล็กไปหาที่อยู่ใหม่ ที่ ๆ ฉันจะเลี้ยงเขาได้”
สิปาดันหงุดหงิดก่อนจะตัดสินใจ “ตามใจ!”
ลันตาชะงักแล้วหันไปมอง
“อยากจะเลี้ยงเจ้าตัวเล็กนี่ไว้ก็ได้ เลี้ยงมันที่นี่ล่ะ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
ลันตาหันมามองแบบคาดคั้น “แกพูดแล้วนะ”
“เออ!”
“ตกลง!” ลันตาปรี่เข้าไปอุ้มตาหนูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแบบกำชัยชนะมาก “ตัวเล็กมีที่อยู่แล้วนะลูก ถ้าคืนคำขอให้แกเสื่อมสมรรถภาพ”
“เกินไปหรือเปล่าวะลัน” สิปาดันว่า
“น้อยไปด้วยซ้ำ แกจะได้ไม่ผีเข้าผีออกกับฉันอีก”
“ก็ได้...แต่เราต้องมีข้อตกลงนะ”
“ข้อตกลงอะไร” ลันตาถาม
สิปาดันยิ้มเพราะมีแผนเตรียมไว้แล้ว

แพทฟังลันตาพูดแล้วก็หน้าเสีย
“แย่มาก...เป็นข้อตกลงที่ฆ่าตัวตายชัด ๆ ให้แกย้ายไปอยู่คอนโดสิปาเนี่ยนะ”
“สิปาต้องทำงาน ตาหนูต้องมีคนดูแลตลอดเวลา ฉันเป็นคนพาเขามา ฉันต้องรับผิดชอบ” ลันตาบอก
“ฉันเข้าใจเหตุผลแก แต่แกก็รู้ว่าด่านอรหันต์ของแก มันฝ่าไม่ได้ง่าย”
“ฉันถึงต้องให้แกช่วยไง”
แพทอ้ำอึ้งลังเล ลันตาแบมือตรงหน้าแพท
“เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน แกพูดกับฉัน ฉันจำแม่นนะเว้ย”
แพทมองอย่างลำบากใจแล้วตัดสินใจตีมือกับลันตา
“เอาไงเอากัน!”
“เราจะบอกย่าว่าพี่นีให้ฉันไปรับจ็อบที่ต่างจังหวัด ที่ฉันบอกแกจำได้หรือเปล่า แกอย่าหลุดนะเว้ย!”
“เออ...”
ทั้งสองคนนัดหมายกันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ

หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ภาพการรับสมัครนางงามเชียงใหม่ อังดูหนังสือพิมพ์ไปบ่นไป
“โอ้ย ผู้หญิงสมัยนี้ ใส่ชุดประกวดทั้งสั้น ทั้งคว้าน ยืนเฉย ๆ เห็นไปถึงแก้มก้น น่าเกลียดที่สุด”
มาลัยกำลังดูบัญชีรายรับ - รายจ่ายของบ้านโดยไม่เหลือบมองอังเลย
อังเห็นไม่สนใจก็พยายามจะชวนให้ดูให้ได้ “ดูสิคะคุณพี่ น่าเกลียดมาก ด้านหน้าก็เว้าสูง รัดติ้ว อี๋...”
“ถ้าคิดว่ามันน่ารังเกียจแล้วหล่อนดูทำไม”
อังสะอึก “แหม...คุณพี่ อังก็ต้องติดตามข่าวสาร”
“ถ้ารับไม่ได้ก็เอาหูไปฟังธรรมะ เอาตาไปมองเรื่องดีๆ แล้วก็เก็บปากซะด้วย ถ้าเก็บไม่ได้ ฉันจะช่วย...”
มาลัยง้างมือ อังเอามือปิดปากแล้วถอยห่างออกจากมาลัยทันที ลันตากับแพทเดินเข้ามาเห็นย่ามาลัยที่ง้างมืออยู่ก็ตกใจจับมือกันแน่น
“ลัน..ขาฉันสั่นว่ะ ถ้าคุณย่าจับได้ล่ะก็...”
“หายใจเข้าลึก ๆ แก เราต้องรอด..พร้อมไหม”
แพทพูดไม่เต็มเสียง “พร้อม....มั้ง”
ลันตากับแพทก้าวเข้าไป
ลันตาพูดเสียงสดใสมาก “คุณย่า..”
มาลัยพูดสวนทันที “แกหายไปไหนมา”
ลันตาสะดุ้ง
แพทลืมตัวจึงตอบแทน “ลันไปค้างกับแพทมาค่ะ”
มาลัยจะซักต่อแต่ลันตาเข้าไปกอดคุณย่าเพื่อเปลี่ยนประเด็นซะก่อน
“ย่าจ๋า ลันได้งานทำแล้วนะจ๊ะ งานดีน่าสนใจมาก”
ลันตายังไม่ทันอ้าปากมาลัยก็เบรกเสียก่อน “อย่าบอกนะว่าออฟฟิศเก่าติดต่อให้แกกลับไป ย่าห้ามขาดเลยนะ ไม่ให้กลับไปทำงานที่นั่นอีกเด็ดขาด”
ลันตามองหน้ากับแพทว่าซวยแล้วที่วางแผนมาห้ามใช้
“บอกมาสิว่างานอะไร” มาลัยถาม
ลันตายังนึกไม่ออกแต่แพทเห็นข่าวหนังสือพิมพ์ตรงหน้าก็หัวไวมาก
แพทพูดทันที “งานตามติดชีวิตนางงามค่ะ”
มาลัยตกใจ ลันตาหันไปมองแพทแบบอึ้งๆ ไปเหมือนกัน

มิ้งค์ขยับเทปอัดเสียง เธอสัมภาษณ์พอลที่กำลังทำขนมไปด้วย
“คุณเป็นทายาทของบริษัทจิลเวลลี่แต่ทำไมถึงเลือกจะมาเปิดร้านอาหารคะ”
“ผมไม่ได้อยากเปิดร้านตามแฟชั่น แต่อยากเปิดตามความฝัน”
มิ้งค์แอบบ่นด้วยความหมั่นไส้ “สร้างภาพ..”
“อะไรนะครับ”
มิ้งค์รีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันกำลังคิดว่าการบริหารร้านควบตำแหน่งเชฟคงทำให้คุณเหนื่อยมาก”
“ผมไม่เคยเหนื่อยกับการทำงานที่รัก การทำขนมมันมีเวทย์มนต์ มันคือความสุขที่จับต้องได้...และผมอยากมอบความสุขนั้นด้วยตัวผมเอง”
มิ้งค์หันมาหาอย่างทึ่งปนหมั่นไส้ “อาร์ตมากก”
“คุณประชดผม?”
มิ้งค์นึกได้ว่าเผลอพูด “เปล่า ฉันไม่ได้บอกว่าคุณติสท์แตก” มิ้งค์พูดอย่างจริงใจ “อาร์ตสำหรับฉันมันเป็นมุมสวยงาม ความคิดดีๆ การกระทำดีๆ ที่ไม่ต้องเหมือนใครแต่ดี”
“ไม่น่าเชื่อว่าหนูน้อยอย่างคุณจะคิดอะไรแบบนี้ได้”
มิ้งค์ยิ้มกวนประสาท “อาร์ตป่ะล่ะ”
พอลส่ายหน้าในความกวนของมิ้งค์ เสียงสัญญาณว่าเครื่องอบถึงเวลาที่ตั้งไว้ พอลหยิบขนมที่อบเสร็จออกมาวาง
“สัมภาษณ์เสร็จแล้วใช่ไหม แล้วยังไงต่อ” พอลถาม
“คุณก็ทำงานของคุณไป ฉันจะเก็บภาพบรรยากาศ”
พอลมองแบบตามสบายแล้วจัดการตกแต่งขนมเค้กเก๋ ๆ มิ้งค์หยิบกล้องมาถ่ายหลายมุม เหมือนจะถ่ายขนมแต่จงใจถ่ายพอลที่กำลังตกแต่งขนมเป็นมุมเก๋ๆ ธรรมชาติที่ไม่ได้ตั้งใจโพสท์ มิ้งค์มองผ่านเลนส์ยิ้มด้วยความรู้สึกชื่นชมพอลขึ้นมานิด ๆ
มิ้งค์จัดการขยับถาดเค้กที่วางอยู่สามก้อนที่วางอยู่ตรงหน้าดึงออกมาให้เหลื่อมกับโต๊ะวางเค้กที่ค่อนข้างสูง ระหวางที่ขยับก็แอบมองพอลที่กำลังแต่งหน้าเค้กอย่างคล่องแคล่ว จู่ๆ พอลก็หันมามองมิ้งค์ที่กำลังมองเขาเพลินๆ มิ้งค์ตกใจทำให้มือเผลอกระตุกถาดเค้กจนถาดกระเด้งเบาๆ แล้วพลิกจะหล่นพื้น ทั้งมิ้งค์และพอลตกใจ แต่มิ้งค์มือไวรับก้อนเค้กซ้ายและขวา อีกก้อนกำลังจะตามมา
มิ้งค์เผลอเอาหน้ารับจึงเจอเค้กโปะเข้าเต็ม ๆ หน้า ทุกอย่างอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ
อ่านต่อหน้าที่ 2


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 3 (ต่อ)
เค้กค่อยๆ หลุดจากหน้ามิ้งค์ ครีมเปรอะเต็มหน้าของเธอ มิ้งค์มองเค้กที่พื้น มองเค้กในมือที่รับไว้แล้วก็อึ้งเพราะมันเสียหายหมดทุกอัน มิ้งค์หน้าเสียมองพอลที่หน้าเครียดใส่

“คุณพอล....เค้กนี่”
“ลูกค้าจะมารับตอนบ่ายโมง” พอลดูนาฬิกา “ตอนนี้ สิบเอ็ดโมงครึ่ง” พอลถอนใจ “ทำไมถึงได้ขยันทำเรื่องวุ่นวายนัก”
มิ้งค์อยากจะร้องไห้ “ฉันขอโทษ” มิ้งค์ลนลาน “เรายังมีเวลานะคุณ ฉันจะช่วยนะ”
“พอเลย ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ยังไงมันแก้ไขอะไรไม่ได้”
มิ้งค์หน้าเสีย
“เค้กเละ พื้นครัวเลอะ ข้าวของเสียหาย”
“ค่าเสียหายเท่าไหร่คะ ฉันจะชดใช้ให้”
“ลบเทปสัมภาษณ์ฉันทั้งหมด รูปที่ถ่ายไปด้วย”
มิ้งค์ตกใจ
“ให้ฉันชดใช้เป็นเงินได้ไหมคุณ ถ้าฉันไม่ได้งานกลับไป ฉันจะไม่มีงานทำ ที่บ้านพ่อแม่น้องๆ ฉันจะต้องลำบาก”
“เป็นเงินก็ได้ ค่าเสียหายทั้งหมดสามพัน”
มิ้งค์ตกใจ “สามพัน!”
“ใช่ นี่เป็นออเดอร์พิเศษ ปอนด์ละสี่ร้อยห้าสิบ”
“สามปอนด์ก็ไม่เกินพันห้า แล้วทำไม...”
“อีกพันห้าค่าเสียเวลา...ว่าไง”
“ฉันผิดก็ต้องชดใช้...แต่...ฉันขอเวลาสักสองสามอาทิตย์ได้ไหม”
“เดี๋ยวนี้...”
“ก็ตอนนี้ฉันไม่มี”
พอลมองกวนๆ “งั้นเธอต้องชดใช้เป็นอย่างอื่น”
“อย่างอื่น?”
มิ้งค์เห็นพอลมองมาที่หน้าตัวเองแล้วก้าวเข้ามา
“ถ้าเธอหนี ฉันจะไม่ให้ลงบทสัมภาษณ์”
มิ้งค์ชักกลัวจึงถอยจนไปติดผนัง พอลยังไม่หยุดยื่นมือมาตรงหน้า มิ้งค์อยากจะหลบแต่ไม่กล้า เธอไม่หลับตาแต่มองว่าพอลจะทำอะไร มิ้งค์กำหมัดแน่น พอลใช้นิ้วปาดเค้กที่แก้มของมิ้งค์มาชิม มิ้งค์งง
“อืม...อร่อยดี” พอลเห็นมิ้งค์มองเขา “นี่มันครีมเค้กสูตรใหม่ คุณจะต้องเป็นหนูทดลองชิมให้ผมแลกกับค่าเสียหาย ชิมซะ”
มิ้งค์คิดแค่แป๊บนึงแล้วก็แลบลิ้นเลียครีมที่ติดอยู่รอบปากมาชิม
“อืม...อร่อยอ่ะคุณ”
“งั้นก็ผ่าน ไปล้างหน้าได้แล้ว แล้วมาเก็บกวาดด้วย ถือว่าเจ๊ากัน”
“แค่นี้เองเหรอ”
พอลหันมาทำหน้ากวน “ก็งั้นสิ ..คิดว่าผมจะได้อะไรจากเตี้ยหมาตื่นอย่างคุณ”
“แรง!”
พอลไม่สนใจ เขาจัดการเริ่มต้นทำเค้กของตัวเอง
มิ้งค์ถาม “แล้วจะให้ฉันช่วยอะไร”
“นั่นสิ ช่วยอะไรดี เอาเป็นว่าถ้าคุณมี”ปัญญา”กับรู้มารยาทสังคม ก็น่าจะคิดออก”
มิ้งค์มองแบบจะกินเลือดกินเนื้อ พอลยิ้มกวนประสาทแล้วหันไปทำงานอย่างไม่สนใจ มิ้งค์มองๆ แล้วตัดสินใจเก็บกวาดทำความสะอาดพื้น เธอทำไปเหล่พอลไปอย่างไม่สบอารมณ์ พอลแอบมองมิ้งค์แล้วก็ยิ้ม ๆ เพราะเริ่มถูกใจความน่ารักของมิ้งค์ทีละนิด

มาลัยเดินออกมาที่สวนด้วยสีหน้าบึ้งตึง ลันตากับแพทเดินตามมา โดยลันตาพยายามอ้อนวอน
“อนุญาตนะคะคุณย่า”
มาลัยหันกลับมาจ้อง ลันตากับแพทชะงัก มาลัยกำลังจะง้างปากเพื่อประกาศกร้าว
เสียงอังดังขัดขึ้นก่อน “ไม่อนุญาต!”
ทุกคนชะงัก อังก้าวออกมาด้วยท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนมาก
“ป้าไม่อนุญาตให้แกไปทำงานต่างจังหวัด ตามติดเวทีขาอ่อน ไร้สาระสิ้นดี! งานไม่มีหัวคิดแบบนั้น ถ้าคนอื่นรู้จะต้องบอกว่าหัวหงอกบ้านนี้ไม่สั่งไม่สอน”
“ป้าอังคะ...ลันมีความจำเป็นนะคะ” ลันตาบอก
มาลัยจะถามแต่ก็แค่อ้าปาก อังก็แทรกแถมขยับมาขวางหน้าทันที
“เหตุผล!”
ลันตาเห็นมาลัยมองมา เธอจึงต้องใช้ความคิดอย่างเร็วจี๋
“เพื่อเชิดชูศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง!” แพทพูด
“เวทีโชว์ขาอ่อนเนี่ยนะ” อังถาม
ลันตาต้องรีบแก้ “โชว์สมองก็มีค่ะ แต่ข่าวไม่เคยนำเสนอมุมนั้น ลันว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะเปลี่ยนแปลงมุมมองของคนในสังคมที่มีต่อนางงาม”
“สุดยอดไหมคะ! เพื่อนหนูสมกับเป็นผู้หญิงมีปัญญา” แพทว่า
“อย่ายอมให้ไปนะคะคุณพี่” อังบอก
“ลันกำลังจะทำสิ่งที่ดี ย่าจะไม่ส่งเสริมลันเหรอคะ ย่าสอนลันเสมอว่าถึงเป็นผู้หญิงก็มีศักด์ศรีจะให้ใครดูถูกไม่ได้ ลันกำลังเดินตามรอยคำสอนของย่านะคะ”
“ไม่ว่ายังไงป้ากับคุณย่าก็” อังพูดยังไม่ทันจบ
มาลัยพูดขึ้น “ย่าอนุญาต”
ทุกคนชะงักหันมองย่ามาลัย
“คุณพี่คะ แต่น้องว่า...”
มาลัยหันขวับ “เป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่สักแต่สอนด้วยคำพูด แต่มันต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ถ้าสอนให้ทำความดีแต่ไม่ยอมให้เขาลงมือทำ แล้วจะให้เด็ก ๆ ศรัทธาในตัวเราได้ยังไง”
“แต่...”
“ยัยอัง!”
อังรู้ตัวว่าต้องนิ่ง มาลัยหันมาจ้องลันตากับแพทจนทั้งคู่สะดุ้ง
“แล้วแกต้องไปทำอะไรที่ไหนยังไง เล่ามา”
แพทกับลันตามองหน้ากันโดยคิดในใจว่างานโกหกระดับชาติมาถึงแล้ว

มิ้งค์เดินมามองซีดีในมือด้วยความปลาบปลื้ม
“จะได้งานทำแล้ว”
มิ้งค์เดินเลี้ยวมาเห็นธัญญาเรศยืนกำปากกาไว้แน่น มิ้งค์กำลังจะเรียกธัญญาเรศแต่ชะงักที่ได้ยินเสียงรัชนี
“ติดต่อยัยอรได้หรือยัง” รัชนีถาม
“ไม่ได้ครับคุณอา” อนุชิตบอก
“แกควรจะกระตือรือร้นกว่านี้ ไม่อย่างนั้นญาติยัยอรจะมาชี้หน้าด่าฉันได้ว่าดูแลยัยอรไม่ดี” รัชนีว่า
“จะมาโทษผมได้ยังไง กลับมาคราวนี้ผมจะจัดการเรื่องหย่าให้เร็วที่สุด ผู้หญิงจิตป่วยแบบนั้น อยู่ด้วยก็ปวดหัว” อนุชิตบอก
“ยัยอรมันซึมเศร้าเพราะนิสัยเจ้าชู้ของแกนั่นแหล่ะ แกนี่มันเห็นแก่ตัว ตอนอยากได้ผลประโยชน์ตื้อให้เขาแต่งด้วย พอสบายก็ทิ้งเขาไม่ดูดำดูดี สงสารเมียแกบ้างเหรอเปล่า”
“ก็ผมไม่รู้นี่ครับ ว่าอรจะรวยแต่อีคิวต่ำขนาดนี้ คุณอาเองก็ไม่ชอบอรไม่ใช่เหรอครับ หลานสะใภ้ที่ไม่เคยเคารพคุณอา คุณอาจะไปสนใจทำไมครับ ผิดกับลันตา รายนั้นอ่อนน้อมถ่อมตน เคารพคุณอามาก ผมรู้นะว่าคุณอาก็เอ็นดูลันตาอยากดันให้เป็นบรรณาธิการ หลานสะใภ้ที่น่ารักถูกใจคุณอาไม่ได้หาเจอง่าย ๆนะครับ”
“ฉันถูกใจก็เท่านั้น ตอนนี้ลันตาเกลียดแกยิ่งกว่าเชื้อโรค”
“แล้วถ้าผมทำให้ลันกลับมาได้ล่ะครับ” อนุชิตถาม
รัชนีนิ่งมองอนุชิตด้วยความลังเล เพราะว่าเธอรักและเอ็นดูลันตามากอยู่เหมือนกัน
“ถ้าคุณสุวิภาไม่ยอม อาก็จะให้ลันตาไปเป็นบ.ก.หนังสือใหม่ของเรา แกตามมาให้ได้ก็แล้วกัน”
รัชนีเดินไป อนุชิตยิ้มพอใจก่อนจะเดินตาม

มิ้งค์เห็นธัญญาเรศกำปากกาจนหักคามือดูท่าทางโกรธมาก มิ้งค์เห็นท่าไม่ดีจึงจะขยับหนี แต่ธัญญาเรศหันมาเห็นว่ามิ้งค์กำลังจะออกไปจึงเรียกไว้
“มิ้งค์!”
มิ้งค์สะดุ้งที่ถูกเรียก
มิ้งค์อึกอัก “มิ้งค์จะเอาซีดีรูปกับบทสัมภาษณ์เชฟพีรพัฒน์มาให้ค่ะ”
“ดี...” ธัญญาเรศรับมา มิ้งค์มีสีหน้าดูตื่น ๆ “มีอะไรหรือเปล่ามิ้งค์ ทำไมทำหน้าแปลกๆ”
“ไม่มีอะไรค่ะ แต่ตื่นเต้นว่าจะได้ทำงาน ตื่นเต้นมาก”
“เดี๋ยวพี่ขอเช็คงานก่อน ถ้าจะแก้ไขตรงไหนแล้วจะบอกนะ มิ้งค์...แล้วลันเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ได้ติดต่อตั้งแต่เมื่อวาน มัวแต่ทำงาน ไม่รู้พี่ลันเป็นยังไงบ้างค่ะ ธัญญาเรศอืม...รอฟังคอมเม้นท์จากพี่ก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
ธัญญาเรศเดินออกไป มิ้งค์มองตามอย่างหวั่น ๆ

ธัญญาเรศกำลังนั่งตรวจรายชื่อหน้าสารบัญที่มีชื่อทีมงาน บ.ก. ตรงคอลัมนิสต์ยังมีชื่อของลันตา อยากมีสุขอยู่ ธัญญาเรศเอาปากกาหมึกซึมขีดฆ่า ธัญญาเรศขีด ๆ ๆ โดยกดลงน้ำหนักมือลงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระดาษขาดแล้วก็กระแทกปากกาดังปึ้ก! จนหมึกสีแดงไหลจากตรงชื่อลันตา ธัญญาเรศมองสายตากร้าวว่าไม่ยอม

ลันตากับแพทเดินคุยมาจนถึงหน้าร้านหนังสือ
“งานนี้แกติดฉันมื้อใหญ่เลยนะ ที่จริงบอกว่าทำงานต่างจังหวัดก็ดีนะ ไม่งั้นย่าต้องตามมาส่องแกจนความแตกจนได้ ถ้ารู้ว่าย้ายมาอยู่กับสิปานะ แค่คิดก็สยอง ย่าแกเกลียดบ้านสิปาจะตาย”
“แกว่าย่าจะตามไปดูฉันถึงเชียงใหม่ไหม”
“ไม่แน่...ย่าแกสุดยอดจะตาย”
“เรื่องมันยังไม่เกิดอย่าเพิ่งคิดเลย ปวดหัว...เดี๋ยวฉันจะซื้อหนังสือหน่อย แพทงั้นฉันเดินไปดูเลนส์ตรงร้านกล้องด้านโน้น แกตามไปแล้วกัน” แพทบอก
“อืม...”
แพทเดินไปอีกทาง อนุชิตเข้ามาเห็นลันตา ลันตาเดินเข้าร้าน อนุชิตเดินตาม

ที่มุมหนังสือเกี่ยวแม่และเด็ก การเลี้ยงเด็ก ลันตาเดินเข้ามามองหาหนังสือ เธอกำลังไล่มองหนังสือเพลินๆ ก็รู้สึกว่ามีคนยืนอยู่ด้านหลัง ลันตาหันมาแล้วก็ตกใจที่เห็นอนุชิต
“คุณนุ!” ลันตาตกใจว่าเขามาได้ยังไง
“ผมคิดถึงคุณนะลัน” อนุชิตขยับเข้าหา
ลันตาชี้หน้าอนุชิต
“เลิกตามตื้อฉันสักที ฉันเกลียดคุณ พูดตรงนี้เลย”
“อานีอยากให้คุณกลับไปอารับปากว่าจะคุยกับคุณสุให้เอง”
“ฉันจะไม่กลับไปไม่ว่าจะทำงานหรือว่าคุณ”
“แต่เรื่องของเรา...”
“มันไม่เคยมีเรื่องของเรา!...ฉันดีใจนะที่แค่เริ่มต้นไม่เท่าไหร่ ความชั่วของคุณก็ตีแผ่ออกมา...ที่ฉันรู้สึกกับคุณตอนนี้มีแค่...รังเกียจ..ขยะแขยง”
“ผมผิด...ผมยอมรับแต่คนไม่ได้รักอรขจี มันเป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ ถ้าคุณให้โอกาส ผมจะเคลียร์อรออกไปจากชีวิตเรา...”
ลันตาถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันขี้เกียจจะคุยกับคุณ!”
ลันตาจะเดินไป แต่อนุชิตดึงไว้จะให้เคลียร์ในทางที่ตัวเองตั้งใจไว้ให้ได้ ลันตาสะบัดจะเดินไป แต่อนุชิตไม่ยอมพยายามใช้กำลังยั้งไว้ด้วยการกระชากกลับมา
“ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะเข้าใจผม”
ลันตาโมโหจะไปให้ได้ แต่อนุชิตดึงดันกันไว้สุดตัว
“ปล่อยนะ ไอ้บ้า!”
อนุชิตไม่ปล่อย ลันตาคว้าหนังสือหนาใกล้มือฟาดหัวอนุชิตดังปึ้ก!
“โอ้ย!”
อนุชิตโดนตีหัวเข้าไปก็บ้าเลือดก่อนจะดันลันตาไปติดกับตู้หนังสือ
“คุณต้องฟังผม!”
“ไม่!” ลันตาขัดขืนสุดชีวิต
ทันใดนั้นกีรติก็เข้ามากระชากอนุชิตแล้วเหวี่ยงอนุชิตจนล้มลงไป ลันตาเห็นอนุชิตลงไปกองกับพื้น พอเงยหน้ามาเจอกับกีรติ เพียงแวบแรกที่กีรติเห็นลันตาเขาก็รู้สึกชอบตั้งแต่แรกเห็น
“คุณ...”
“อย่ามายุ่ง คนรักเขาจะเคลียร์กัน” อนุชิตบอก
“ไม่ใช่นะคะ!”
“ขอโทษนะครับที่รัก ที่ผมมาช้า มัวแต่จอดรถอยู่” กีรติพูด
อนุชิตงง “ที่รัก?”
ลันตามองกีรติแล้วรับมุกทันที “ที่รัก...ไอ้บ้านี่มันลวนลามฉัน”
กีรติพูดกับอนุชิต “ไปให้พ้น!”
“แล้วเรื่องของเรา”
กีรติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “พูดไม่รู้เรื่องก็ไปคุยที่โรงพัก”
อนุชิตได้ยินคำว่าโรงพักก็ชักปอด เขาลุกขึ้น
“ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะตัดใจจากผมได้” อนุชิตว่า
“ที่รักหยิบหนังสือให้ทีค่ะเราจะได้รีบไป ฉันรู้สึกคลื่นไส้พวกหลงตัวเอง” ลันตาบอก
กีรติขยับมาหยิบหนังสือให้ตามที่ลันตาชี้ กีรติดึงหนังสือออกมาเป็นคู่มือเลี้ยงเด็ก กีรติชะงักไปนิดแล้วส่งหนังสือให้กับลันตา
“รีบไปเถอะค่ะ ที่รัก ฉันหิวแล้ว” ลันตามองอนุชิต “ลาขาด!”
อนุชิตมองตามอย่างไม่ยอมแพ้

ลันตากับกีรติเดินออกมาที่หน้าร้าน
“ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องอ้างตัวเป็นแฟนคุณ” กีรติบอก
“ฉันต้องขอบคุณคุณมากกว่าที่ช่วย...ฉันไปก่อนนะค่ะ” ลันตาพูด
“คุณครับ” กีรติส่งถุงหนังสือให้ “คุณสนใจเรื่องการเลี้ยงเด็กเหรอครับ”
“ต้องดูแลตัวเล็กที่บ้านน่ะค่ะ เลยต้องศึกษาสักหน่อย”
กีรติมองแบบเสียดายมาก “น่าเสียดาย”
ลันตางง “คะ?”
“ไม่มีอะไรครับ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
ลันตาเดินแยกไป
กีรติยิ้ม ๆ ว่าน่ารักดีแล้วก็นึกได้ “ทำไมไม่ถามชื่อว้า” กีรติมองหาแต่ไม่เห็นแล้ว กีรติมองอย่างเสียดาย

สิปาดันอุ้มตาหนูเข้ามาในสวนพลางคุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย ในสวนมีคนจูงหมา คนแก่เดินออกกำลังบ้างประปราย
“ฉันลงมารอแกอยู่ที่สวนข้างล่างแล้ว แกมาเร็วๆ ฉันโทรไปสั่งข้าวที่ร้านประจำไว้ นี่อยู่ถึงไหนแล้ว”
จังหวะที่สิปาดันคุยโทรศัพท์มือถือ สาวๆ หน้าตาน่ารักสองคนที่วิ่งมาด้วยกันในชุดกีฬามองมาที่ตาหนูแล้วก็เดินเข้ามาจับมือ แตะแก้มตาหนูอย่างเอ็นดู
“สวัสดีครับ” สาวคนหนึ่งเล่นเขี่ยแก้มแล้วก็จับมืออย่างเอ็นดูมาก
สิปาดันเห็นสาวๆ เข้ามาเล่นกับตาหนูก็ได้ไอเดียเลย
สิปาดันพูดโทรศัพท์ “แค่นี้นะ” สิปาดันวางสายทันที
“น่ารักจัง ชื่ออะไรคะ”
“ชื่อสิปาดันครับ”
“ชื่อน้องเหรอคะ” สาวถาม
“ชื่อผมครับ...” สิปาดันตอบ
สาวยิ้มกับตาหนู “ขาวน่ารักเหมือนคุณแม่แน่ๆ เลย”
“ครับ...แต่แม่เด็กตายไปแล้วนะครับ ผมต้องเลี้ยงเด็กคนเดียว” สิปาดันบอก
“เสียใจด้วยนะคะ ไว้เจอกันนะคะ”
สิปาดันยิ้มแล้วมองตาม “ครับ”
สาวๆ วิ่งห่างออกไป
สิปาดันมองตาหนู “แจ่มเลยตัวเล็ก มีประโยชน์ก็คราวนี้แหล่ะ ลูกพ่อ...”
เสียงมิ้วดังขึ้น “พี่สิปา!”
สิปาดันชะงักหันไปเห็นมิ้วยืนมองมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
สิปาดันตกใจมาก “น้องมิ้ว”
สิปาดันมองมิ้วแล้วก็มองตาหนูในอ้อมแขนตัวเอง สิปาดันรีบวางตาหนูบนเก้าอี้ทันที
“น้องมิ้ว ทำไมมาไม่บอกก่อนล่ะคะ”
“บอกก่อนจะได้เห็นตัวจริงของผู้ชายตอแหลเหรอคะ ไหนพี่บอกมิ้วว่าพี่โสด สด ไม่มีเมีย ไม่มีลูก”
“ตัวเล็กไม่ใช่ลูกของพี่”
“ก็มิ้วได้ยินเต็มสองหูว่าพี่เรียกลูกเต็มปากอยู่ ไหนพี่บอกว่ามิ้วเป็นแฟนพี่ แล้วแม่ของเด็กนี่เป็นใคร บอกมา”
“มิว...ใจเย็นๆ ก่อนนะ พี่...”
ลันตาเดินเข้ามาแล้วก็ชะงักที่เห็นสิปาดันกำลังมาคุอยู่กับมิ้ว เธอรู้เลยว่ามีเรื่องอีกแน่ ลันตาจะไปแต่ก็เห็นตาหนูที่ถูกวางอยู่บนเก้าอี้
ลันตาโวยลั่น “สิปา! แกวางตัวเล็กแบบนั้นได้ยังไง”
สิปาดันกับมิ้วหันขวับ ลันตาไม่สนใจมิ้ว เธอจะเข้าไปอุ้มตาหนู
“ป้าชัด ๆ !” มิ้วมองสภาพลันตาอย่างประเมินและสีหน้าดูถูกมาก “อย่าบอกนะพี่เอายัยป้าหน้าหมดอายุนี่เป็นเมีย มิ้วสวยกว่า สาวกว่าเห็นๆ พี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
ลันตาขึ้นทันที สายตาลันตาโกรธมากจึงมองมิ้วตั้งแต่หัวจรดเท้า “หมวยจืด ๆ ไซส์ผอมแห้งอย่างน้อง พี่สิปาเขาไม่ชอบหรอกจ๊ะ เคี้ยวกรุบๆ แต่กระดูกแทงเหงือกสู้สวย มีอายุแต่บึ้บบั๊บ กินแล้วแซ่บอย่างพี่มันถึงจะซี้ด”
มิ้วแค้นแต่ไม่ยอมแพ้ “หน้ายับ หัวเพิ้งขนาดนี้พี่พลาดโดนยัยป้านี่จับใช่ไหม”

อ่านต่อหน้าที่ 3 


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 3 (ต่อ)
ลันตามองอย่างหัวเสีย เธอคิดในใจว่าอีนี่ยิ่งพูดยิ่งกระหน่ำ สิปาดันมองอาการลันตาก็พอรู้ว่าโกรธมาก แต่อาการที่ลันตาหันกลับมาเดินยิ้มมาหาทำให้สิปาดันสยองมาก

“ลัน...ใจเย็นๆ นะ” สิปาดันเตือน
ลันตาเดินเข้ามาใช้นิ้วชี้วางแตะที่ปากสิปาดันกดให้หยุดพูดแล้วยิ้มเชือดเบาๆ
“ผัวขา....” ลันตาพูด
ลันตาเรียกเสร็จก็เอาสองมือโอบรอบคอของสิปาดันแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์มาก สิปาดันยังไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้นลันตาก็เทคตัวกระโดด สิปาดันจึงต้องเข้าอุ้มรับตัวไว้อัตโนมัติ สิปาดันยังงงว่าลันตาจะทำอะไร
ลันตายิ้ม “แสดงให้เขาดูสิคะว่าผัวรักเมียมากแค่ไหน...”
สิปาดันยิ่งงงจึงมองลันตาว่าจะให้ทำอะไร ลันตาจัดการโน้มหน้าให้สิปาดันก้มลงมา แล้วเอาริมฝีปากกระแทกกับริมฝีปากสิปาดัน สิปาดันตกใจ ลันตายังโน้มหน้าสิปาดันไว้แล้วเอาหน้าตัวเองไปนัวกับริมฝีปากสิปาดัน
ลันตาส่งเสียงวี้ดว้ายมาก “ใจเย็นสิคะ สิปา อุ๊ย จั๊กจี้ค่ะ..” ลันตาทำเสียงอ้อนมาก “สิปา..อย่าค่ะ”
มิ้วสุดทนจึงกรี๊ดกระจาย จนคนที่อยู่รอบๆ มองมาอย่างสนใจ
ลันตาพูดกับมิ้ว “พี่กับผัวจะกุ๊กกิ๊กกันจะยืนหัวโด่อยู่ทำไม พี่ไม่นิยมสวิงกิ้งหรอกนะ”
“อ๊าย...อีป้า อีบ้า!”
มิ้วทนไม่ได้ที่แพ้ เธอรู้สึกเสียหน้าจึงสะบัดออกไปทันที ทันทีที่ทุกอย่างอยู่ในความสงบ สิปาดันยังมีอาการช็อคอยู่ ส่วนลันตายิ้มสะใจ ลันตาเห็นคนอื่นๆ กำลังยืนมองมา ลันตาเลยกระโดดลงมายืนมองสบตากับทุกคนที่มองมา
“เมียหลวงเคลียร์กิ๊กสามีน่ะค่ะ จบแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตามเรื่องชาวบ้านนะคะ”
บรรดาไทยมุงมองหน้ากันแล้วพากันวงแตกแยกย้าย
ลันตายิ้มพอใจ “เล่นกับใครไม่เล่น..”
“แกทำบ้าอะไรของแก”
“ก็เมมเบอร์แกมันด่าฉันก่อนนะ”
“แต่แกไม่ควรทำแบบนี้”
สิปาดันโกรธที่ลันตาเข้ามานัวเนีย การยิ่งใกล้ชิดยิ่งเป็นการทำลายกำแพงที่สิปาดันพยายามตั้งเพื่อกันไม่ให้ตัวเองใจอ่อนกลับไปชอบลันตาอีก แต่การสัมผัสของลันตากำลังจะทำให้กำแพงพังทลาย
“ก็มันมาด่าฉันก่อน” ลันตาเห็นหน้าสิปาดันเครียดแล้วก็พยายามอ่อนลง “สิปา...เมมเบอร์แกมีตั้งเยอะ...หรือว่าคนนี้ตัวจริง”
“ไม่ใช่!”
“ไม่ใช่แล้วแกจะโกรธทำไมนักหนา”
“ก็แก....”
“ฉัน? ฉันทำไม?”
สิปาดันมองแบบพูดไม่ออก
“ฉันไม่อยากคุยกับแก จะไปไหนก็ไปเลยไป”
“นี่แกไล่ฉันเหรอ” ลันตาถาม
สิปาดันตอบสั้นๆ “เออ!”
“จำไว้นะ เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน ไอ้สัปดน” ลันตาเข้าไปอุ้มตาหนู “พี่สิปามันงี่เง่า...” ลันตาเห็นตาหนูมอง “ไม่ต้องสนใจหรอกเดี๋ยวพี่พาขึ้นห้องนะจ๊ะตัวเล็ก”
ตาหนูหัวเราะตาแป๋วด้วยความชอบใจ ลันตามองอย่างเอ็นดู ลันตาค้อนแล้วพาตาหนูออกไป สิปาดันยืนนิ่งทิ้งตัวลงนั่ง ภาพตอนที่ลันตาจับหน้าสิปาดันมาเอาปากแตะปาก เอาหน้าสิปาดันไซ้คอย้อนกลับมา สิปาดันถอนใจรู้สึกลำบากใจสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาขยี้หัวตัวเองอย่างอึดอัด
สิปาดันหงุดหงิดเบาๆ “โธ่เว้ย...ทำบ้าอะไรของแกนะลัน”
สิปาดันลูบที่ปากตัวเองเบาๆ ด้วยสีหน้าเครียดที่เริ่มจะไม่ไหวกับความใกล้ชิดมากขึ้นทุกวัน

อนุชิตตบโต๊ะดังปัง!
“ตำแหน่งบรรณาธิการไม่เหมาะกับคุณ!” อนุชิตบอก
“แต่คุณต้องทำให้ญ่าได้ตำแหน่งนี้ ไม่งั้น....” ธัญญาเรศชะงัก
อนุชิตมองนิ่งว่าแล้วทำไม ธัญญาเรศยิ้มเอาโทรศัพท์เปิดคลิปเสียง
เสียงอนุชิตในโทรศัพท์ดังขึ้น “เอาเค้าออกไปเถอะนะ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม”
อนุชิตได้ฟังก็อึ้งและโกรธมาก
“ธัญญาเรศ!”
ธัญญาเรศกดปิดมองอนุชิตด้วยสายตาเอาจริง
“นี่แค่ตัวอย่าง ถ้าเสียงของคุณแบบเต็มๆ หลุดไปล่ะก็ คุณจะไม่มีวันยืนในสังคมได้อีกเลย” ธัญญาเรศยิ้มสะใจ
รัชนีเปิดประตูเข้ามา อนุชิตตกใจ
“ธัญญาเรศ” รัชนีมองท่าทีอนุชิตว่ามีอะไรกัน “นุ..ทำไมแกหน้าซีด ๆ มีอะไรหรือเปล่า”
อนุชิตอึกอัก “เอ่อ...ผม”
“คุณนุเรียกญ่าเข้ามาคุยเรื่องที่ตำแหน่งบ.ก.ที่ว่างอยู่น่ะค่ะ” ธัญญาเรศชิงตอบ
อนุชิตหันไปมองธัญญาเรศแบบอึ้งมากที่ธัญญาเรศชงเรื่องเข้าหาตัวเองแบบนั้น
“ทำไมอาไม่รู้เรื่องนี้...”
อนุชิตอึกอักแต่เห็นสายตาของธัญญาเรศก็รู้สึกกดดัน
“ผมเพิ่งตัดสินใจน่ะครับคุณอา” อนุชิตบอก
ธัญญาเรศยิ้มพอใจ “ญ่าไม่ค่อยมั่นใจแต่ถ้าคุณนุยืนยันว่าญ่าเหมาะสม ญ่าก็จะทำให้เต็มที่ค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปคุยกับคุณอาที่ห้องนะครับ”
“อืม...รีบหน่อยนะ อามีประชุมต่อ”
รัชนีเดินออกไป อนุชิตหันมาหาธัญญาเรศด้วยสายตาโกรธมาก
ธัญญาเรศไม่สะทกสะท้าน “คุณไม่ใช่คนโง่ หวังว่าจะเข้าใจอะไรง่าย ๆ นะคะ ถ้าคุณคิดจะตัดตอนให้เรื่องนี้เงียบไปเฉยๆ ล่ะก็ คุณได้ฉาวแน่..”
ธัญญาเรศยิ้มแล้วเดินออกไป อนุชิตมองตามด้วยอาการโกรธมาก

แพทกับมิ้งค์กำลังจัดอาหารวางบนโต๊ะ
“ญ่าน่ะเหรอ ไม่พอใจที่พี่นีจะให้ลันกลับไป”
“ใช่พี่ ดูพี่ญ่าจะโกรธมากด้วยนะพี่” มิ้งค์บอก
ลันตาอุ้มตาหนูเดินเข้ามา
“หมายความว่าไง” ลันตาถาม
“ก็ไม่อยากให้แกกลับไปขวางทางไง” แพทบอก
ลันตาไม่เห็นด้วยจึงเตือน “พวกแกไม่ควรคิดแบบนี้กับพี่กับเพื่อนนะ”
“แต่มิ้งค์ว่าดูแปลก ๆ นะพี่ลัน มิ้งค์ว่าพี่ญ่าเขา...”
ลันตาพูดเสียงเข้มนิด ๆ “มิ้งค์...”
มิ้งค์ชะงัก
“พี่ญ่าอาจจะเอาแต่ใจ แต่พี่ไม่เชื่อว่าเขาจะคิดร้ายกับพวกเรา” ลันตาว่า
ลันตาไม่ดุแรงแต่คำพูดที่แสดงทัศนคติที่เชื่อใจเพื่อนมาทำให้มิ้งค์เลยต้องเงียบ
“พี่ว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลย” ลันตาบอก
ตาหนูร้อง ลันตาต้องพาเดินกล่อมห่างออกไป มิ้งค์หันมาหาแพททันที
“แต่พี่ญ่าเขาดูแปลก ๆ จริง ๆ นะพี่ ดูเปลี่ยนไป...” มิ้งค์ย้ำ
เสียงธัญญาเรศดังขึ้น “เปลี่ยนไปยังไงเหรอ”
มิ้งค์กับแพทชะงัก ทั้งสองหันกลับมาเห็นธัญญาเรศยืนอยู่ก็ตกใจ
“แกเข้ามาได้ยังไง” แพทถาม
“ก็พวกแกไม่ได้ล็อคประตูห้อง เมื่อกี้ได้ยินว่าคุยถึงฉันว่าเปลี่ยนไป เปลี่ยนอะไรเหรอมิ้งค์”
“ก็...เอ่อ..”
แพทพูดแทรก “ที่แกใจดีรับน้องเข้าทำงานไง ดูใจดีผิดกับการเป็นขาโหดของแก”
“ใช่ค่ะ ปกติพี่ไม่รับคนง่าย ๆ” มิ้งค์บอก
ธัญญาเรศยิ้ม “ก็เราเป็นพี่เป็นน้องกันนี่ เด็กมอเดียวกัน ต้องช่วยกันสิจริงไหม”
ธัญญาเรศดูจะเชื่อสนิท มิ้งค์สบตากับแพทด้วยความรู้สึกหวั่น ๆ

กีรตินั่งดื่มอยู่กับคิวและท็อป เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของสิปาดันอยู่ในผับ
“เมื่อไหร่จะพาเด็กมาแนะนำกับเพื่อนวะ” คิวถาม
“ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวว่ะ” กีรติบอก
“มันเรื่องมาก สเป็คพูดน้อย เข้าใจโลก เข้าใจเรา ฉันยังไม่เคยเจอสักที หายากว่ะ” ท็อปว่า
“ไม่เคยเจอ ไม่ได้หมายความว่าไม่มี...”
“ขอให้เจอเว้ย ชน!”
กีรติยกแก้วจะชนกับคิวและท็อป แต่สิปาดันเข้ามาคว้าแก้วจากมือของกีรติไปดื่ม ทุกคนหันไปมองเห็นสิปาดันกำลังกระดกจนหมดแก้ว สิปาดันกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ ตึง! เขาจะหยิบขวดมาเท
กีรติต้องเข้ามาแย่งแก้วไปจากมือสิปาดัน
“เฮ้ยๆ ๆ ไอ้สิปา โผล่มาก็ยกขวด เดี๋ยวก็ช็อคตายพอดี”
“ทำไมมาเดี่ยว เด็กแกไปไหนวะสิปา” คิวถาม
สิปาดันหัวเราะขื่นๆ “ชีวิตชายโสดสุดพีคอย่างฉันมันพังหมดแล้ว”
“นั่งก่อน นั่ง....มีเรื่องอะไรวะ” กีรติถาม
“เพราะไอ้ลัน ไอ้ลันคนเดียว!”
“ลัน? เพื่อนแกที่ชื่อลันตาน่ะเหรอ”
“ฉันอยากจะบ้า!”
สิปาดันดื่มไม่ยั้ง กีรติกับเพื่อน ๆ มองอึ้งๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

ลันตานั่งกินข้าวกับแพทและมิ้งค์
“สิปาไปแรดเหรอแก ป่านนี้ยังไม่กลับ” แพทถาม
“อืม...ก็ดีแล้ว อย่างมันน่ะให้อยู่ติดบ้านเดี๋ยวลงแดงสติแตก ฉันจะลำบาก” ลันตาบอก
ลันตาหันไปมองทางตาหนูที่ธัญญาเรศพาอุ้มเดิน
“หิวไหม..ญ่า มากินข้าวเลยไหม”
“ไม่เป็นไร แกกินเสร็จแล้วค่อยมาเปลี่ยนกันก็ได้” ธัญญาเรศหันไปยิ้มกับตาหนู “จริงไหมจ๊ะ ตาหนู”
ลันตามองอย่างวางใจแล้วหันกลับมากินข้าว ธัญญาเรศมองว่าไม่มีใครมองตัวเองแล้วก็หันมามองตาหนูอีกครั้งด้วยสายตาที่เปลี่ยนเป็นเกลียดชังมาก ตาหนูมองอย่างตกใจ ธัญญาเรศขยับมาจับใต้ต้นขาตาหนูแล้วบิด ตาหนูร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด จนลันตา มิ้งค์ และแพทตกใจ ลันตารีบลุกมาหา ตาหนูโผจะเข้าหาลันตาทันที ลันตารับมาปลอบ
“โอ๋ ๆ ๆ” ลันตาถามธัญญาเรศ “ตาหนูเป็นอะไรแก”
ธัญญาเรศทำหน้าซื่อ “ฉันหมั่นเขี้ยวน่ะ ฉันคงฟัดเขาแรงไปหน่อยเขาคงตกใจ”
“เบามือหน่อยสิแก เขายังเล็กนะ”
“พี่ขอโทษนะตาหนูนะ”
ลันตาพาตาหนูเดินกล่อม ธัญญาเรศมองตามด้วยความสะใจ

สิปาดันยกแก้ว
“ชน!” สิปาดันเห็นเพื่อน ๆ นิ่ง “ชนสิเว้ย ชน”
สิปาดันชนแล้ววืดจนแทบล้มหน้าทิ่ม กีรติต้องหิ้วคอเสื้อดึงขึ้นมา
“ไม่ไหวแล้วไอ้สิปา แยกย้ายเหอะวะ”
คิวกับท็อปอยู่ในสภาพเมากึ่มไม่แพ้กัน
“งั้นเดี๋ยวเราไปส่งไอ้สิปา” คิวบอก
“ยืนยังไม่ตรงเลย พวกแกไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปส่งมันเอง” กีรติว่า
“งั้นฝากด้วยนะเว้ย” ท็อปบอก
คิวกับท็อปต่างคนต่างกอดคอเดินออกไป ทั้งสองเดินเองยังไม่ค่อยจะตรง
“เฮ้ย! จะไปไหนกันวะ กลับมากินก่อน” สิปาดันเรียก
“พอแล้วไอ้สิปา” กีรติลุกขึ้นจะพาสิปาดันออกไป
หญิงสาวหน้าตาดีสองคนเดินเข้ามายิ้ม ๆ
“ขอนั่งด้วยคนนะคะ”
กีรติยังไม่ทันตอบ สิปาดันออกตัวทันที
“เชิญเลยครับ เชิญ...”
หญิงคนแรกขยับมานั่งข้างกีรติ ส่วนหญิงอีกคนนั่งข้างสิปาดัน
กีรติพูดกับพนักงาน “เช็กบิลด้วย”
หญิงสองคนชะงักไปนิด
“จะไปต่อที่ไหนเหรอคะ เผื่อเหมียวกับเชอรี่จะได้ขอตามไปสนุกด้วย”
กีรติตอบ “ไม่เป็นไรครับ”
“เพื่อนคุณเมามาก ไปพักที่คอนโดรี่ก่อนไหมคะ สร่างแล้วค่อยกลับ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ”
พนักงานเอาบิลมา กีรติหยิบเงินจ่าย หญิงคนหนึ่งวางมือบนมือกีรติ
“เราน่าจะทำความรู้จักกันอีกสักนิดนะคะ”
กีรติยิ้มแล้วดึงมือออกก่อนจะประคองสิปาดันไปเลย
“เกย์แน่เลยแก” หญิงอีกคนบอกเพื่อน
กีรติชะงักหันมามองสองหญิงด้วยสายตาตำหนิ สองหญิงหลบตาแล้วลุกเดินไป กีรติส่ายหน้าอย่างสมเพชแล้วพาสิปาดันออกไป

ลันตามาส่งแพท ธัญญาเรศ และมิ้งค์ที่ประตูห้อง
“ขอบใจนะที่มาอยู่เป็นเพื่อน” ลันตาบอก
“ถ้าแกมีอะไรให้ช่วย บอกฉันได้นะลัน” ธัญญาเรศว่า
“ขอบใจนะญ่า”
“มิ้งค์เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ธัญญาเรศบอก
มิ้งค์อึดอัดนิด ๆ เพราะไม่อยากไปกับธัญญาเรศ “เดี๋ยวพี่แพทจะไปแถวบ้านมิ้งค์ มิ้งค์ติดพี่แพทไปก็ได้ค่ะ พี่ญ่าจะได้ไม่ต้องอ้อมโลก”
“แกรีบขึ้นไปดูตาหนูเถอะ คงหลับไม่นาน”
“อืม...”
ธัญญาเรศ แพท และมิ้งค์เดินออกไป ลันตามองนาฬิกา
“ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะสิปา”
ลันตาเดินมาที่ระเบียงแล้วมองไปข้างล่าง

ลันตาเห็นรถของสิปาดันจอดอยู่ด้านล่าง
“กลับมาแล้วนี่”
ลันตาเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังกระชากคอเสื้อสิปาดัน
ลันตาตกใจ “สิปา!”
ลันตาหันไปมองตาหนูที่นอนหลับในเปล แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องทันที

กีรติพยายามจะลากตัวสิปาดันที่เมาให้ขึ้นห้อง
“สิปา ลุกสิวะ มันหนักนะเว้ย....”
สิปาดันเมา “ไอ้ลัน...ไอ้ลัน”
ลันตาวิ่งออกมาเห็นยิ่งตกใจ “โจรแน่ๆ”
ลันตารีบวิ่งไปหารปภ.ที่ป้อม แต่รปภ.นั่งหลับอยู่
“พี่...พี่!” รปภ.ไม่ยอมตื่น ลันตายิ่งร้อนใจ
ลันตาตัดสินใจคว้ากระบองของยามออกมาแล้ววิ่งไปที่รถสิปาทันที กีรติดึงสิปาดันขึ้นมาได้สำเร็จ
“ปล่อยเพื่อนฉันนะ!” ลันตาว่า
กีรติหันมาเจอลันตาเอากระบองฟาดหัวดังปึ้ก! “โอ้ย”
ลันตามองหน้ากีรติอย่างตกตะลึง
ลันตาตกใจ “ที่รัก”
กีรติที่มึนพยายามเขม้นมองด้วยความแปลกใจ “ที่รัก!”
สิปาดันที่ยังมึน ๆ มองทั้งคู่
สิปาดันงง “ที่รัก?”
สิปาดันเสียหลักล้มไป ลันตากับกีรติต้องเข้าไปรับตัวไว้ด้วยความตกใจ

กีรติที่ยังมึนนิด ๆ วางตัวสิปาดันให้นอนลงบนเตียงแล้วเดินออกมาที่ห้องรับแขก ลันตากำลังเอาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กห่อน้ำแข็ง
“โลกกลมนะคะคุณกีรติคือ กบ คนที่มาช่วยตอนสิปามีเรื่องที่หัวหิน” ลันตาบอก กีรติมองลันตาด้วยสายตาพึงพอใจ “ผมดีใจนะครับ ที่คุณลันคือคนเดียวกับลันตาที่สิปาเล่าให้ฟัง”
ลันตาถือถาดผ้าห่อน้ำแข็งมาใกล้กีรติที่ยืนมองตาหนูที่นอนหลับอยู่
“หวังว่าจะเป็นเรื่องดีนะคะ”
กีรติยิ้มรับ “ครับ เด็กคนนี้ใช่ที่สิปาบอกว่าคุณเก็บมาเลี้ยงหรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ”
ลันตาส่งผ้าห่อน้ำแข็งให้กับกีรติ กีรติประคบไปมองลันตาด้วยสายตาเป็นประกายไป
“ขอโทษด้วยนะคะคิดว่าคุณทำร้ายเพื่อนฉัน”
“ไม่เป็นไรครับ” กีรติมองยิ้มๆ “ผมอยากพบคุณลันมานานแล้ว”
ลันตามองว่าหมายความว่ายังไง
“สิปาเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังบ่อย ๆ”
“..เล่าว่า...”
“สิปาบอกว่าคุณแมนเกินจะเป็นหญิง รักความยุติธรรม แล้วก็หน้าตางั้นๆ”
ลันตามองไปทางสิปาดันที่หลับอยู่อย่างเข่นเขี้ยว
“รอให้ตื่นก่อนเถอะ ตายแน่ ๆ”
“แต่ไอ้สิปามันพูดผิดนะครับ...เพราะความจริงคุณน่ารักมาก” กีรติพูดแบบจริงใจไม่หยอด
ลันตายิ้มรับ “ค่ะ คุณไม่ใช่คนแรกที่พูดแบบนี้”
กีรติชอบใจที่ลันตาไม่เขินอาย “แสดงว่าภูมิต้านทานของคุณค่อนข้างดี”
“ดีมากค่ะ”
ลันตามองกีรติที่ดูตาเป็นประกายแล้วก็รู้สึกว่าเข้าตัวเลยเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วสิปามีเรื่องอะไรเหรอคะ ถึงได้เมาขนาดนี้”
กีรติมองไปทางตาหนู ลันตามองตามอย่างเข้าใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4


รักต้องอุ้ม ตอนที่  3 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ สิปาดันที่นอนหมดสภาพค่อยๆ พลิกตัวหนีแสงที่ส่องเข้ามาในห้อง สิปาดันค่อยๆ ขยับรู้สึกตัวตื่น สิปาดันลืมตามาเห็นตัวเองนอนอยู่ในห้อง

สิปาดันงง “กลับมาได้ไงวะ...โอย”
สิปาดันมองออกไปด้านนอกเห็นลันตานั่งไกวเปลมองมาทางสิปาดันอยู่
“เมื่อคืนเพื่อนแกมาส่ง แกลุกไปอาบน้ำได้แล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
สิปาดันลงจากเตียงด้วยอาการเพลียจนแทบคลาน ลันตากำลังป้อนนม สิปาดันออกมาแบบใส่แค่บ็อกเซอร์ไม่ใส่เสื้อโชว์ซิคแพ็ค ส่วนมือก็ถือผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมไปด้วย
“แกมีอะไร”
ลันตาหันมาเจอสิปาดันที่ไม่ใส่เสื้อแต่ไม่รู้สึกอะไร
“สิปา...แกยังใส่ไอ้บ็อกเซอร์ย้วยๆ ไม่อายเวลาถอดต่อหน้าเมมเบอร์แกบ้างเหรอไง”
สิปาดันมองแล้วก็รู้สึกอายลันตาจึงรีบคว้าผ้าขนหนูมาพันปกปิด
“สมัยเรียนก็ตูดขาด โตมาก็ย้วย เปื่อย ไม่ได้พัฒนาเลยแกนี่”
สิปาดันอายจึงเปลี่ยนเรื่อง “แกจะคุยอะไรกับฉัน”
“แกเครียดมากใช่ไหม ที่ฉันกับตาหนูทำให้เมมเบอร์แกหดหาย”
“...เพราะแกเอาภาระมาลิดรอนอิสรภาพของฉัน”
“อิสรภาพของแกที่มีเอดส์รออยู่ปลายทาง มันน่ารักษาไว้ตรงไหน ทำไมแกไม่หาเป็นตัวเป็นตนล่ะสิปา ผู้หญิงดีๆ น่ะ ไม่มีที่ถูกใจสักคนเหรอ”
สิปาดันมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองที่ลันตานิ่งสักครู่แล้วตอบ “....มี”
ลันตามีตาเป็นประกายเพราะสนใจมาก “ใครอ่ะ ทำไมฉันไม่รู้ บอกหน่อยดิ”
สิปาดันเหลือบมอง “เขาอยู่บนหิ้งน่ะ เอื้อมไม่ถึง”
“งั้นก็คงคุณหนูมาก ๆ ชื่อล่ะชื่อ...”
สิปาดันตอบเลี่ยง “ฉันอยากเก็บเขาไว้คนเดียว”
“แกมีความลับกับฉันเหรอ ฉันเพื่อนแกนะ”
สิปาดันมองลันตา พอลันตาหันมาก็เมินไปทางอื่น
“สิปา...ฉันรู้ว่าแกอึดอัด ไม่งั้นเมื่อคืนคงไม่เละจนคุณกบต้องพามาส่ง ฉันจะรีบพาตาหนูไปหาญาติเขาให้เร็วที่สุด”
สิปาดันมองว่าลันตาพูดจริงเหรอ
“ฉันสัญญากับแกแล้วนี่ว่าเราจะเลี้ยงเขาแค่ชั่วคราวจนกว่าจะหาญาติตาหนูเจอ...สิปา ฉันเคยผิดคำพูดกับแกหรือเปล่า”
สิปาดันส่ายหน้าเบาๆ “แล้วแกจะเริ่มจากตรงไหน”
ลันตายิ้มอย่างวางแผนไว้แล้ว

ลันตาเดินนำสิปาดันเข้ามาตรงจุดที่จอดรถตอนที่เก็บตาหนูได้
“ฉันจอดรถหันหน้าไปทางนี้ ส่วนกล่องตาหนูก็อยู่ตรงนี้”
“แล้วไม่มีใครเห็นเหรอว่าใครเอากล่องมาวาง”
“พวกรปภ. ฉันถามแล้ว ไม่มีใครเห็นเลย”
สิปาดันมองไปรอบๆ พยายามคำนวณทิศทาง แล้วก็ชะงัก
“ลัน...”
ลันตาหันมองตามทิศที่สิปาดันมอง ทั้งคู่เห็นกล้องวงจรปิดที่หันมาทางจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่
ลันตายิ้ม “ฉันจัดการเอง”

รูปของมิน ชาวเขาในชุดมูเซอเป็นคนเอากล่องมาวางที่หลังล้อรถปรากฏในจอคอมพิวเตอร์ ภาพมินเห็นหน้าไม่ชัด
“เฮ้ย! คนนี้เป็นคนเอาตัวเล็กมาวางเหรอเนี่ย มิน่าวันนั้นมองฉันแปลก ๆ”
“ดูสภาพแต่งตัว สะพายตะกร้าขายของแบบนี้ ในกรุงเทพฯ ที่ฉันนึกออกมีอยู่ที่เดียว ไป”
ลันตาคว้ามือสิปาดันไว้ “เดี๋ยวสิแก ไหน ๆ ก็มาแถวนี้แล้ว...”
สิปาดันมองอย่างรู้ทัน “เมี่ยงคำคุณปุ้ย ใช่มะ”
“เก่งมาก” ลันตาลูบหัวทันที “แสนรู้สมเป็นเพื่อนฉันจริงๆ”
“ไม่ใช่หมา!”
ลันตายิ้ม “แวะไปซื้อสักสองชุดนะ ฉันไม่ได้กินตั้งนานน...มากแล้ว”
“ตั้งแต่ย่ามาลัยกรวดน้ำคว่ำขันกับบ้านฉันแบบยกแก๊งค์...”
“คิดถึงเมื่อก่อนเนอะ ย่ามาลัย ย่านวล ลุงนนท์ แก ฉันต้องมาซื้อเมี่ยงคำร้านนี้ทุกเดือนเลย”
“ลัน...ย่ามาลัยให้แกเลิกคบกับฉันใช่ไหม”
ลันตาตอบแบบไม่เต็มเสียง “อืม...”
“แล้วทำไมแกยังคบฉันอยู่ล่ะ”
“ก็แกเป็นเพื่อนฉัน เพื่อนที่ฉันรักและไว้ใจที่สุด”
“มั่นใจขนาดนั้นเชียว”
ลันตามั่นใจมาก “แกจะไม่มีวันทรยศฉันใช่ไหมเพื่อน”
สิปาดันสะเทือนนิด ๆ ที่เห็นลันตาย้ำสถานภาพของตัวเอง
“ฉันจะไม่มีวันทรยศแก...” สิปาดันพูดออกมาอย่างยากเย็น “เพื่อน..”
ลันตายิ้มแล้วกอดคอสิปาดัน
“ไป...ฉันเลี้ยงแกเอง”
เสียงมือถือดังขึ้น ลันตากดรับ
“ว่าไงมิ้งค์ ตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง”

มิ้งค์กำลังพยายามเปลี่ยนผ้าอ้อมให้กับตาหนูที่ร้องงอแง พลางใช้คอหนีบโทรศัพท์มือถือไปด้วย
“ตัวเล็กสบายดี แต่พี่ลันไม่เชื่อมือมิ้งค์เหรอ ถึงต้องเรียก...”
มิ้งค์เหล่ไปมุมหนึ่งเห็นพอลยืนกอดอกมองมิ้งค์อยู่
มิ้งค์พูดต่อ “ตัวป่วนข้างบ้านมาด้วย”
“เลี้ยงเด็กมันหนักนะ มิ้งค์คนเดียวไม่ไหวแน่ เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน พี่เลยขอให้คุณพอลมาช่วย” ลันตาบอก
“มิ้งค์เลี้ยงคนเดียวได้สบายมากค่ะพี่ลัน มิ้งค์แค่โทรมาบอกว่ามิ้งค์จะอัญเชิญเขากลับไป ไม่ให้เกะกะมิ้งค์ แค่นี้นะคะพี่ลัน”
มิ้งค์มองหน้าพอลที่ยิ้มมุมปากแบบกวนประสาท มิ้งค์มองอย่างหงุดหงิดพลางกดมือถือวางสาย
“โอ๋ๆ ๆ อย่าร้องนะคะตัวเล็ก พี่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้แล้ว..ไม่ร้องนะ”
“หิวนมมั้งคุณ”
มิ้งค์มองเหมือนไม่อยากจะฟังคำแนะนำ แต่เสียงร้องของตัวเล็กทำให้มิ้งค์จำต้องยอมไปชงนม มิ้งค์อุ้มตาหนูไปชงนมไปด้วยท่าทางเก้ๆ กัง ๆ เพราะไม่ถนัดนัก เธอทั้งพยายามเปิดฝากระป๋องนมผง แต่ด้วยความไม่ถนัด ตาหนูก็ร้องไห้ทำให้ขาปัดกระป๋องนมจนหล่นกระจายที่พื้น
“ตายแล้ว...”
มิ้งค์เริ่มพะวักพะวง ตาหนูก็ต้องปลอบ นมที่หล่นก็ต้องเก็บแล้วยังต้องเปิดกระป๋องใหม่ชงนมอีก เธอเริ่มสติแตกแล้วก็หันไปเห็นพอลยืนมอง
“ไม่คิดจะช่วยกันบ้างหรือไง”
“ครับ ผมไม่คิดจะช่วย ก็คุณพูดเองว่า มิ้งค์เลี้ยงคนเดียวได้สบายมากค่ะพี่ลัน ใช่ไหมครับ”
“ฉัน....”
“คุณพูดใช่ไหมครับ”
“ใช่...”
“ก็โชว์เก่งให้เต็มที่ เอ...ผมว่าผมอัญเชิญตัวเองกลับห้องดีกว่าจะได้ไม่เกะกะคุณ ขอให้สนุกสนานกับตัวเล็กนะครับ”
พอลจะเดินไป เสียงตาหนูร้องทำให้มิ้งค์ตัดสินใจ
“เดี๋ยวสิคุณ”
พอลหันมาหน้าตากวนประสาทมากว่าเรียกทำไม
มิ้งค์ฝืนใจมากแต่จำต้องขอร้อง “ช่วยดูตัวเล็กให้ฉันหน่อย ฉันจะชงนมให้เขา”
“ขอร้องผม?” พอลทวนคำ
มิ้งค์รู้ว่าจนแต้มจึงต้องขอร้อง “ฉันขอร้องคุณ ช่วยฉันดูแลตัวเล็กได้ไหมคะ”
พอลยิ้มอย่างชนะขาด “ยินดีครับ”
พอลรับตาหนูมาจากมิ้งค์ มิ้งค์ไปจัดการเก็บกวาดโดยเหล่มองพอลที่มองเธออย่างพอใจที่กำราบเธอได้

มาลัยกับอังถือถุงเสื้อที่ตัดจากร้านตัดเสื้อ
“ที่จริงไม่เห็นต้องเดินมาซื้อเองให้เหนื่อยเลย เมี่ยงคำเจ้านี้เขามีเดลิเวอรี่แล้วนะคะคุณพี่” อังบอก
“ไหนๆ ก็มาแถวนี้แล้ว น่าซื้อส่งไปรษณีย์ไปให้เจ้าตัวแสบน่าจะดี”
มาลัยหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก

สิปาดันกับลันตามายืนอยู่หน้าตึกแถว ประตูห้องแถวปิดอยู่ มีป้ายกระดาษเขียนว่าย้าย พร้อมกับมีแผนที่เขียนคร่าว ๆ ว่าย้ายไปที่ใหม่ เสียงมือถือดัง ลันตาหยิบมือถือออกมาเห็นว่าเป็นมาลัยโทรมา ลันตาสูดลมหายใจแล้วกดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณย่า”
“ยัยลัน แกอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง” มาลัยถาม
“ลันอยู่แถวข่วงสิงห์ค่ะย่า มาหาของกินอยู่ค่ะ ย่าทำอะไรอยู่คะ”
สิปาดันหันมองลันตาที่คุยโทรศัพท์ เขามองผ่านลันตาไปเห็นกลุ่มคนที่ยืนรออยู่ตรงป้ายรถเมล์ ในจังหวะที่มาลัยกับอังกำลังเดินผ่านกลุ่มคนแล้วเดินมาตรงจุดที่สิปาดันกับลันตายืนอยู่ สิปาดันตกใจมาก จึงพยายามสะกิดลันตา ลันตาปัดอย่างรำคาญไม่สนใจ
“มาซื้อเมี่ยงคำของชอบของแกน่ะสิ” มาลัยบอก
“อ๋อ...” ลันตาตกใจ “เมี่ยงคำเหรอคะ”
สิปาดันพยายามพูดเสียงดังใส่หูลันตาอีกข้าง “ย่าแกมา!”
ลันตามองหน้าสิปาดัน สิปาดันบุ้ยใบ้ให้หันไปมอง ลันตาเห็นย่ามาลัยกับป้าอังกำลังเดินแทรกคนมา “เฮ้ย!”
มาลัยตกใจ “เป็นอะไร ร้องทำไม...”
“ลันมีธุระด่วนค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะย่า”
มาลัยยังไม่ทันตอบ ลันตาวางสายแล้วดันให้สิปาดันรีบหนีทันที มาลัยรู้ว่าลันตาวางสายก็มองงงๆ พอหันมาทางหน้าร้านก็เห็นหลังของลันตากับสิปาดันไว ๆ
มาลัยจำได้ “ยัยลัน!”
อังตกใจ “มีอะไรคะคุณพี่”
มาลัยไม่ตอบแต่เดินไล่ตามลันตากับสิปาดันไปทันที สิปาดันหันมองเห็นมาลัยกับอังไล่ตามมา
“ย่าแกตามมา” สิปาดันบอก
“วิ่งเร็ว!”
สิปาดันกับลันตาวิ่งเต็มที่ มาลัยวิ่งไล่ตาม
“คุณพี่จะไปไหนคะ”
มาลัยไม่ตอบแต่ขยับตัวตามไปทันที
“คุณพี่ รออังด้วยค่ะ”
อังรีบตามไป

สิปาดันวิ่งนำลันตาเลี้ยวเข้ามาในเจ-อเวนิว ทั้งสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กว่าไปทางไหนดี มาลัยกับอังกำลังพุ่งมาตามเส้นทางเดียวกับสิปาดันและลันตา สิปาดันกับลันตาวิ่งมาจนถึงหน้าร้านดอกไม้ แต่กลายเป็นทางที่ถูกกั้นเพราะปิดซ่อมแซม
“สิปา!....”
ลันตาหันมองเห็นมาลัยกำลังตามมาแต่เจอกลุ่มนักศึกษาที่เดินออกจากร้านตัดหน้า สิปาดันมองลันตาสีหน้าเครียดใช้ความคิดอย่างหนัก มาลัยเบียดกลุ่มนักศึกษาพุ่งมาที่หน้าร้านดอกไม้ แต่ไม่เจอสิปาดันกับลันตาแล้ว
“หายไปไหน!”
อังหอบ “อะไรหายคะคุณพี่ แล้วนี่คุณพี่วิ่งตามใครมา”
“ยัยลัน!”
“ยันลันจะอยูที่นี่ได้ยังไงคะ ก็หลานไปเชียงใหม่”
“แต่ฉันมั่นใจว่าฉันเห็นยัยลันจริง ๆ”
“แล้วหลานอยู่ไหนล่ะคะ” อังถาม
มาลัยมองหาไปรอบๆ มองเข้าไปในร้านดอกไม้ก็เห็นพนักงานขายยืนอยู่ด้านข้างเคาน์เตอร์ พนักงานในร้านดอกไม้เดินมาหอบดอกไม้ที่มุมหนึ่งพลางมองย่ามาลัยด้วยสายตามีพิรุธแวบหนึ่งแล้วหอบดอกไม้ไปที่เคาน์เตอร์

พนักงานหอบดอกไม้มาเสียบวางในแจกันใหญ่ด้านหลังเคาน์เตอร์ ลันตาจับมือน้องพนักงาน ลันตากับสิปาดันนั่งหลบอยู่หลังเคาน์เตอร์ท่ามกลางดอกไม้ที่วางรายล้อมพยายามบังๆ ไว้
“ย่ากับป้าพี่ไปหรือยัง” สิปาดันถาม
“ยังค่ะพี่ ยืนอยู่ที่หน้าร้าน” พนักงานตอบ
“รบกวนน้องหน่อยนะ ไม่งั้นพี่ต้องโดนจับแต่งงาน” ลันตาบอก
“พี่กับแฟนไม่อยากโดนแยกจากกัน ช่วยพี่ด้วยนะน้อง” สิปาดันเสริม
“ใจอ่ะพี่ รักแท้แบบนี้หนูจะช่วยพี่เอง หลบอยู่ตรงนี้นะพี่”
สิปาดันกับลันตายิ้มอย่างขอบคุณ พนักงานขยับไปทำเป็นจัดดอกไม้พลางสังเกตการณ์ไปด้วย
“ถ้าย่าจับได้ฉันตายแน่ๆ เลยสิปา”
สิปาดันกอดคอ “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ทั้งคนจะไม่ให้ย่ามาลัยจับแกได้แน่”
ลันตามองอย่างซึ้งใจ
ลันตายิ้ม “แมนมากเลยว่ะ”
สิปาดันมองหน้าลันตาต่างคนต่างยิ้มให้กัน ทันใดนั้นก็มีตัวหนอนหล่นจากดอกไม้ที่วางอยู่แถวลันตาหล่นแปะลงบนมือสิปาดัน สิปาดันตาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด
“หนอน! ว๊ากก”
สิปาดันกลัวจนขาดสติจึงกระเด้งตัวลุกพรวดขึ้นมาทันที มาลัยกับอังที่ยืนมองหาแต่หันหลังให้กับร้านดอกไม้ สิปาดันลุกพรวดขึ้นมาด้วยอาการกลัวที่แต๋วแตกมาก เขาพยายามสะบัดตัวหนอนให้พ้นแต่เสียงไม่ดังจนออกมาด้านนอก ลันตาพยายามดึงสิปาดันลงมา แต่สิปาดันสติกระเจิงไปแล้ว พนักงานก็ตกใจ

ลันตาพยายามดึงสิปาดันลงมา แต่สิปาดันลงมานั่งก็เห็นตัวหนอนที่โดนสะบัดหล่นมาที่พื้น สิปาดันจึงลุกขึ้นไปอีก ลันตาทนไม่ไหวลุกตามขึ้นมาเห็นย่ามาลัยกับป้าอังยังยืนหันหลังให้ ลันตากอดรวบตัวสิปาดันให้ลงมานั่งเหมือนเดิม เธอจัดการนั่งทับสิปาดันไว้ทั้งตัวแล้วกอดสิปาดันไม่ให้แขนขยับ สิปาดันยังเห็นตัวหนอนอีกตัวหนึ่งที่แหมะอยู่บนใบไม้ก็พยายามดิ้นแต่ดิ้นไม่ได้จึงแหกปากดังลั่น
“ไอ้สิปา! เงียบ!” ลันตาว่า
สิปาดันไม่เงียบ ลันตาจะเอามือปิดปาก แต่พอปล่อยสิปาดันก็ดิ้นจะลุก ลันตาต้องเอามือมารวบกอดสิปาดันไว้เหมือนเดิม
“ปล่อยฉันออกไป ลัน...ฉันเกลียดมัน” สิปาดันว่า
ลันตากลัวย่าเห็นจึงพยายามจะปราม “เงียบก่อนสิปา”
สิปาดันยังแหกปาก ลันตากลัวย่ามากกว่าต้องหาทางปิดปากสิปาดัน แต่มือไม่ว่างเธอจึงตัดสินใจเอาแก้มอัดกับปากสิปาดันเพื่อปิดปากให้เงียบ สิปาดันตกใจกับการกระทำของลันตา เขาพยายามจะเบี่ยงหน้าตัวเองออก แต่ลันตาคิดว่าดิ้นจะโวยวายก็ยิ่งเอาแก้มอัดหน้าสิปาดันเข้าขั้นขยี้กันเลยทีเดียว
ลันตาพูดเบาๆ แต่เหมือนดุเด็ก “เงียบ!...ฮึบ! ฮึบ!” ลันตาปลอบทั้งที่ยังเอาหน้าอัดปากอยู่ “หายใจเข้าลึกๆ นะแก”
สิปาดันหายใจเข้าลึกๆ ก็เหมือนหอมแก้มลันตาไปด้วย สีหน้าสิปาดันเคลิ้มมาก พนักงานมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าตระหนกตกใจมาก พนักงานหันมองมาทางมาลัยแล้วยิ่งตกใจที่เห็นมาลัยหันมาสบตาพอดี พนักงานรีบหลบตา
มาลัยมองอย่างสะดุดรู้สึกว่าพนักงานในร้านสีหน้ามีพิรุธ มาลัยหันมามองเต็มตัว พนักงานยิ่งตระหนกจึงหยิบดอกไม้ผิด ๆ ถูก ๆ พอยิ่งสบตาก็ทำหล่น
พนักงานเห็นสายตาดุ ๆ ก็ยิ่งกลัวจึงพูดไม่มองหน้าสิปาดันกับลันตา “ย่าพี่เขาจ้องหนูใหญ่เลย ทำยังไงดีพี่”
สิปาดันกับลันตาชะงัก
“ใจเย็น ๆ นะ อย่ามองมาทางพี่นะ มองดอกไม้ไป หายใจเข้าลึก ๆ”
มาลัยขยับเข้ามาที่หน้าประตูแล้วมองจ้อง
อังเห็นย่ามาลัยมองเข้าไปในร้านดอกไม้ “จะซื้อดอกไม้เหรอคะคุณพี่”
มาลัยไม่ตอบแต่เดินมาที่ประตู พนักงานเห็นมือย่ามาลัยกำลังจะแตะประตู
พนักงานกลัว “ย่าพี่จะเข้ามาแล้ว”
สิปาดันกับลันตาตกใจ มาลัยเปิดประตูเข้ามาในร้านแล้วกวาดตามอง ลันตาตัวเบียดกับสิปาดันแน่น ทั้งสองคนกอดกันลุ้นสุดตัว

อ่านต่อตอนที่ 4 

กำลังโหลดความคิดเห็น