รักต้องอุ้ม ตอนที่ 2
ธัญญาเรศกลับจากถ่ายแบบปกที่เธอเป็นสไตลิสต์ เดินเข้ามาในห้องที่แพทนั่งรออยู่
“เป็นไง ถ่ายปก...” แพทถาม
“ก็วุ่นวาย เจอพวกนางแบบเวิ่นเว้อ น่ารำคาญ แล้วนี่แกมีอะไรหรือเปล่า” ธัญญาเรศถาม
แพทเอาต้นฉบับมาวางบนโต๊ะ “งานมาส่งแล้วก็จะมาลาครึ่งวันด้วย จะไปหาไอ้ลัน”
ธัญญาเรศหยิบขึ้นมาเปิดดู
แพทไม่สนใจ “เรียบร้อยแล้วนะ” แพทจะเดินไป
ธัญญาเรศเรียกไว้ “เดี๋ยว!”
แพทชะงักเพราะคิดว่าธัญญาเรศเยอะใส่ “มีอะไรเหรอคะบ.ก.”
ธัญญาเรศยิ้มอย่างไม่ถือสา “ต้นฉบับเนี่ย คงใช้ไม่ได้แล้วล่ะ”
แพทงง “ทำไม ก็มีที่พัก ร้านอาหาร ที่เที่ยวเกินยี่สิบช้อยส์ตามที่แกบอกแล้ว ยังมีปัญหาอะไรอีก”
“ตั้งแต่ฉบับหน้า ฉันจะยุบTrendy trip เพราะจะเพิ่มหน้าโฆษณาตามที่ฝ่ายขายแนะนำมา”
แพทอึ้ง “ถ้ายุบคอลัมน์นี้ แล้วจะให้ฉันทำอะไร”
ธัญญาเรศยิ้ม “คอลัมน์บิวตี้ว่างอยู่ แกทำอันนั้นก็แล้วกัน”
แพทโกรธ “ตั้งแต่ทำงานฉันทำเรื่องที่กิน ที่เที่ยวมาตลอด ไอ้เรื่องโบ๊ะหน้ามันไม่ใช่ทางฉัน! ฉันไม่ทำ”
ธัญญาเรศมองแบบข่มๆ “แกต้องทำ...ไม่งั้นก็ไม่มีอะไรเหลือให้ทำแล้ว”
แพทมองด้วยสายตาแข็งกร้าว
ธัญญาเรศรู้สึกตัวจึงเปลี่ยนท่าที “แพท..เจ้านายสั่งมาฉันจำเป็นจริงๆ นะ ทำ ๆ ไปเถอะ ก็แค่งานแลกเงิน”
“ฉันทำงานแลกเงินจริง แต่จะไม่ฝืนใจทำสิ่งที่ไม่เหมาะกับฉัน ฉันไม่ทำ!”
แพทกับธัญญาเรศมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
สิปาดันลุกพรวดขึ้นแล้วจะพุ่งออกไป ลันตาต้องตามไปดึงตัวเอาไว้
“สิปา! แกจะไปไหน” ลันตาถาม
“ไปเหยียบไอ้เลวนั่น มันกล้าหลอกแก ฉันจะเหยียบให้ม้ามทะลักเลย” สิปาดันบอก
“แกทำแบบนั้นไม่ได้นะ”
สิปาดันหันมาทางลันตาด้วยท่าทางโกรธ “นี่อย่าบอกนะว่าแกอาลัยอาวรณ์ไอ้ตอแหลนั่น”
“เปล่า....แต่มันไม่คุ้มที่แกจะเอาอนาคตไปแลกกับเรื่องแค่นี้”
“มันทำเพื่อนฉัน แกคิดว่าฉันจะยอมเหรอ”
“เสียมือว่ะ พูดจริงๆ ถ้าแกไปต่อยมัน เกิดมันฟ้องร้องจนแกเสียชื่อแล้วอนาคตกัปตันที่แกหวังไว้ล่ะ”
“แต่งานนี้ก็ความฝันแกเหมือนกัน มันอีกนิดเดียวเอง”
“โดนท่านประธานด่าขนาดนั้น ถึงได้กลับไปทำงานก็โดนแช่แข็งอยู่ดี สู้ไปเริ่มใหม่ที่อื่นดีกว่า ปล่อยมันผ่านไปเถอะ”
“ลัน...แกรักไอ้อนุชิตหรือเปล่า”
ลันตาพิจารณา “เปล่า...ที่ยอมคบ ๆ เพราะฉันไม่เคยมีแฟน แกก็เห็นตั้งแต่ม.ปลาย..นอกจากพี่พิธานที่คบกันหนึ่งอาทิตย์ ฉันเคยมีแฟนที่ไหน กับคุณนุก็มีเคลิ้มๆ บ้าง แต่ไม่ได้รักหรอก” ลันตาดราม่าใส่ “ฉันไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่แกคิดนะ”
“แกรอที่นี่ฉันจะรีบไปรีบกลับ” สิปาดันขยี้หัวลันตาเบาๆ “โอเคไหม”
ลันตาพยักหน้ารับ “อือ...”
สิปาดันตบไหล่ลันตาดังผัวะ! “มันต้องอย่างนี้สิ!”
ลันตาเจ็บจนหลังแทบแอ่น
ลันตาเจ็บ “ไอ้สิปา! แกตาย!”
ลันตาไล่เตะสิปาดัน สิปาดันวิ่งไปหยิบกระเป๋าแล้วหนีออกไปทันที
“อย่าหนีเซ่! อูย....”
อธิป ผู้จัดการฝ่ายผลิตหันกลับมา
“ยินดีต้อนรับช่างภาพคนใหม่สู่สำนักพิมพ์ Sky นะครับ” อธิปบอก
“ขอบคุณค่ะ คุณอธิป” แพทยิ้ม
“ตอนแรกคุณแพทแจ้งว่าขอเคลียร์งานที่ออฟฟิศเก่าอีกสักสองเดือน”
“พอดีเขายุบคอลัมน์ท่องเที่ยวน่ะค่ะ แพทก็เลยเห็นว่าเป็นโอกาส”
“นอกจากเงินเดือน โบนัส เรามีเบี้ยเลี้ยงออกภาคสนาม ส่วนอุปกรณ์พวกเลนส์พิเศษเบิกใช้ของออฟฟิศได้”
“ค่ะ”
“ทางผมกับผู้บริหารชอบผลงานตัวอย่างที่คุณส่งมาสมัครงาน และเห็นว่าคุณมีไอเดียที่น่าสนใจ แต่การทำงานของเราจะมีลักษณะเฉพาะเน้นในการเป็นคู่มือท่องเที่ยว การเล่าเรื่องด้วยภาพก็มีส่วนสำคัญ”
“ค่ะ”
“ผมจะให้คุณทำงานคู่กับนักเขียนมือต้นๆ ของเรา จะได้ศึกษาวิธีการทำงานของเรา คุณมีปัญหาไหม”
“ไม่ค่ะ”
อธิปมองออกไปด้านนอกแล้วยิ้ม “มาแล้ว”
เสียงประตูเปิด แพทหันกลับไปเห็นกีรติก้าวเข้ามา แพทกับกีรติต่างก็อึ้งที่เห็นอีกฝ่าย “คุณ!”
อธิปมองท่าทีของทั้งคู่ “นี่รู้จักกันแล้วเหรอ”
“ค่ะ...เป็นการรู้จักที่ประทับใจมาก” แพทบอก
“แต่เสียงดูไม่ประทับใจเท่าไหร่นะครับ” อธิปบอก
“พี่อธิปบอกว่าจะมีช่างภาพคนใหม่มา...”
“ใช่ นี่คุณแพทเป็นช่างภาพคนใหม่ ส่วนคนนี้กีรตินักเขียนมือหนึ่งของเรา เดินทางมาแล้วหลายประเทศ ประสบการณ์แน่น เขาจะช่วยสอนงานคุณได้อย่างดี คุณทั้งคู่จะเป็นคู่หูในการทำงาน”
ต่างคนต่างอึ้ง
แพทตกใจ “คู่หู!”
“ใช่....” อธิปมองทั้งคู่ “ถ้ามีปัญหาอะไรรีบบอกนะ สิ่งสำคัญของการทำงาน คืองาน พี่ไม่อยากให้มีปัญหา อะไรที่เป็นอุปสรรคกับงานพี่จะเคลียร์ออกหมด”
แพทมองอธิปที่หน้านิ่งๆ แต่ยืนยันได้ว่าจะไม่เก็บตัวปัญหาไว้แน่นอน
“โอเคไหม?” อธิปถาม
“แพทไม่มีปัญหาค่ะ” แพทบอก
อธิปมองกีรติ แพทมองกีรติอย่างหวั่นๆ ว่าถ้ากีรติพูดว่ามี เธอก็คงมีตกงานแน่
กีรติมองแพทนิดหนึ่ง “ไม่มีปัญหา ผมจะเทรนด์ให้เอง”
แพทแอบถอนใจโล่งนิด ๆ
“ดี...พี่จะทำหนังสือท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบน เอาแบบแนวคนมีรถใช้นะ ไปทำการบ้านมา แล้วอาทิตย์หน้ามาคุยกัน”
“ครับ...”
กีรติลุก แพทยังนั่งอึ้งๆ ว่าจะเอายังไงต่อ
“ลุกสิคุณ ผมจะพาไปที่โต๊ะ”
แพทมองอธิป อธิปพยักหน้า
อธิปพูดยิ้มๆ “ฟังกีรติอธิบายงานเสร็จแล้ว คุณก็ไปรายงานตัว ทำบัตรพนักงาน แล้วก็ฟังระเบียบในการทำงานจากฝ่ายบุคคล ที่นี่เราอยู่กันแบบสบาย ๆ แต่อย่านอกกรอบจนเป็นปัญหา”
แพทยิ้มหวั่นๆ “ค่ะ”
แพทลุกตามกีรติไป
กีรติเดินนำมาที่โต๊ะทำงานของเขาที่มีคอมพิวเตอร์พีซีจอใหญ่ บนโต๊ะมีเอกสารต่าง ๆ ข้อมูลของประเทศต่างๆ ที่ถูกแบ่งแยกเป็นกลุ่มๆ ตามแต่ละประเทศ กีรติชี้ไปที่โต๊ะว่างติดกันข้างๆ ที่มีข้าวของกีรติกองล้ำไปนิดหนึ่ง
“โน่น โต๊ะคุณ...”
แพทวางกระเป๋าบนโต๊ะ
“แล้วฉันต้องทำอะไร ยังไงบ้างล่ะ”
“นี่เป็นคำถามของคนที่เคยผ่านงานนิตยสารมาแล้วเหรอ”
แพทหน้าตึง “ที่ฉันถามเพราะฉันไม่รู้ว่าไอ้ที่ฉันศึกษามาเล่มไหนที่เป็นฝีมือคุณ จะได้รู้ว่าพี่เลี้ยงที่จะสอนงานฉันเขียนหนังสือมากี่เล่ม” แพทมองแบบเยาะเย้ยมาก “จะมีปัญญาอะไรมาสอนฉัน”
กีรติมองแพทแล้วก็รู้ว่ากำลังโดนลองของจึงค้นที่โต๊ะทำงานตัวเอง แล้วก็หยิบหนังสือมาสิบกว่าเล่มแล้วยกมาวางตรงหน้าแพทดังตึง!
“งานของผมมีแค่นี้ ไม่รู้ว่าสติปัญญาผมจะมากพอที่จะสอนคุณได้ไหม”
“จำนวนที่มาก มันไม่การันตีคุณภาพหรอกนะ มันต้องดูเนื้อใน” แพทบอก
“ดี งั้นผมให้เวลาคุณสองวันอ่านหนังสือทั้งหมดนี่” กีรติว่า
“สองวันหมดนี่เหรอ” แพทถาม
“ใช่...เราเป็นคู่หู คุณต้องรู้จักงานของผม เห็นภาพเดียวกับผม แล้วพรุ่งนี้เราจะคุยเรื่องการบ้านที่ต้องไปพรีเซ้นท์กับพี่อธิป”
“มันเป็นหน้าที่ของนักเขียนไม่ใช่เหรอ” แพทถาม
“มันเป็นหน้าที่ของ”ทีม”...หรือคุณมีปัญหา ผมคุยกับพี่อธิปได้นะ”
“คุณขู่ฉันเหรอ”
“ผมเป็นนักเขียนที่ไม่เรื่องมากที่สุดแล้ว ถ้ากับผมคุณยังมีปัญหา คิดว่าพี่อธิปจะเอาคุณไว้ไหมล่ะ ถ้าไม่กลัวตกงานก็ตามใจ”
“คุณเป็นลูกคนเล็กใช่ไหม”
“หืม?”
“ใช่ไหม”
“ใช่...ถามทำไม”
“ก็ไอ้การที่คุณพยายามจะโชว์เหนือใส่ฉัน มันทำให้ฉันคิดว่าคุณคงเป็นพวกมีปม...โดนกดมาทั้งชีวิตเลยต้องเก็บมาระบายใส่ทุกคนเพื่อลบปมตัวเอง”
กีรติหน้าตึง “จะเป็นช่างภาพหรือจิตแพทย์กันแน่”
“แสดงว่าเป๊ะ!” แพทยิ้มพอใจมาก “อ่านหมดนี่ใช่ไหม”
แพทอุ้มหนังสือทั้งหมดแล้วยิ้มสะใจก่อนจะเดินออกไป กีรติมองตามโดยไม่ได้โกรธแต่รู้สึกโดนใจกับความแสบของแพทมาก
สิปาดันกำลังจะเข้าไปในส่วนของออฟฟิศ เห็นบรรยากาศแอร์โฮสเตส สจ๊วต นักบินคนอื่นๆที่มารายงานตัวก่อนขึ้นบินภายใต้บรรยากาศที่ค่อนข้างคึกคัก ภูมิ โคไพรอทรุ่นเดียวกันลากกระเป๋ากำลังจะสวนออกไป
“สิปา...” ภูมิเรียก
“ภูมิ คืนนี้บินไปไหน” สิปาดันถาม
“กัวลาลัมเปอร์”
“ไฟล์ทกระแทกหมอน ก็โอเคนี่”
“อืม..เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ถึงโน่นพักสักเจ็ดชั่วโมงก็โอเค”
วิทย์เดินเข้ามา จู่ๆ เสียงในออฟฟิศก็เงียบลงต่างมองไปที่พี่วิทย์เป็นตาเดียวกัน สิปาดันมองอย่างงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น กัปตันพลตามเข้ามาแล้วพูด
“วิทย์ ผมสั่งระงับไฟล์ทบินของคุณแล้ว...”
“แต่วันนี้ผมมีบินไฟล์ท T1 กับ SV ตอนสี่ทุ่มนะครับ” วิทย์บอก
“ผมยกเลิกไปแล้ว” พลเดินเข้าไปด้านใน
“กัปตันครับ”
กัปตันพลเดินออกไป วิทย์รีบเดินตามท่ามกลางสายตามองอย่างเห็นใจ สิปาดันหันไปมองภูมิว่าเรื่องอะไร
“ทำไมโดนยกเลิกไฟล์ททดสอบล่ะ” สิปาดันถาม
“ภรรยาพี่วิทย์มีเรื่องกับเด็กพี่วิทย์ที่สำนักงานใหญ่ ตีกันแบบฟิวส์ขาด” ภูมิเล่า
“อุตส่าห์เก็บชั่วโมงบินครบ ตำแหน่งกัปตันอยู่อีกไม่ไกลแท้ๆ” สิปาดันบอก
“แกก็ระวังให้ดี” ภูมิเตือน
“ทำไม”
ภูมิพยักหน้าให้มองไปทางด้านในก็เห็นกิ๊ฟกับแอร์โอสเตรสคนอื่นๆ เดินออกมา กิ๊ฟมองแบบเชิดมาก
“ยัยกิ๊ฟ กระจายข่าวไปทั่วว่าแกมีลูกเมียซุกไว้” ภูมิบอก
สิปาดันเหวอ
“เห็นเคสพี่วิทย์แล้วสยอง จะทำอะไรก็ระวังหน่อย...มันไม่คุ้ม ว่าแต่เมียแกน่ะใคร ฉันรู้จักไหม”
สิปาดันมองแบบไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี
แพทนั่งเปิดหนังสือคู่มือท่องเที่ยวด้วยความสนใจ ลันตาอุ้มตาหนูเข้ามาในมือหอบของพะรุงพะรังโดยมีทั้งผ้าอ้อม ขวดนม กระป๋องนม ลันตามีสภาพเพิ้งสุด ๆ แต่เธอก็ไม่แคร์
“ไอ้ลัน...ทางนี้!”
ลันตาอุ้มตาหนูเข้ามาลงนั่งที่โต๊ะแล้วบ่น
“โอ้ย...เหนื่อย”
“นี่เหรอ...เด็กที่แกเก็บมา” แพทถาม
“อืม...ตาหนู”
“อุ้มได้มะ”
ลันตาพยักหน้าแล้วส่งตาหนูให้แพท แพทอุ้มอย่างเอ็นดูและชอบใจ
“น่ารักแบบนี้จะให้ฉันใจดำได้ยังไง จริงไหมแก” ลันตาถาม
“แต่นี่มันเด็กนะโว้ย ไม่ใช่หมาแมว ไหวเหรอแก” แพทถาม
“มิ้งค์เล่าให้ฟังหรือเปล่าว่าทำไมฉันไม่เอาเด็กไปแจ้งความ”
“กลัวอันตราย เราก็สืบหาญาติเด็กสิ มันต้องมีดีๆ สักคนน่ะ คนที่อยากเลี้ยงเด็กไว้”
“ฉันก็คิดอย่างนั้น ว่าแต่...ทำไมไอ้ญ่ามันยุบคอลัมน์ของแก”
“ฉันว่ามันกั๊กตำแหน่ง”
“หมายความว่า...”
“ก็ในกองบ.ก. เราสามคนดูมีภาษีสุดแล้ว แกลาออก แล้วถ้าฉันไม่อยู่ คนที่จะได้เป็นบ.ก.บ.ห.ก็ต้องเป็นมัน ถูกไหม”
“มองเพื่อนในแง่ร้ายหรือเปล่า...”
“คบกันมาเกือบสิบปี แกก็คิดเอาแล้วกันว่าฉันเป็นพวกอคติคิดลบกับเพื่อนหรือเปล่า”
ลันตาคิดหนัก
เสียงพอลดังขึ้น “คุณลัน...”
ลันตากับแพทหันหลังเดินไป พอลเดินยิ้มหล่อเข้ามา
“สวัสดีครับ”
“คุณพอล...มาทานขนมเหรอคะ” ลันตาถาม
“ถ้าพูดให้ถูกต้องบอกว่ามาทำขนมมากกว่าครับ ที่นี่เป็นร้านของผมเอง”
“จริงเหรอคะ งั้นที่ว่าเจ้าของร้านนี้ควบตำแหน่งเชฟด้วย”
“ทุกเมนูในร้าน ผมคิดขึ้นใหม่ทั้งหมดครับ”
ลันตามีสีหน้าทึ่งๆ
“ต้องอร่อยมากแน่ๆ”
“ต้องพิสูจน์ครับ...” พอลบอก
สิปาดันเดินออกมาด้วยสีหน้าเครียด ๆ กีรติตบบ่าสิปาดัน
“ไอ้สิปา!”
“ไอ้ติ....นี่จะกลับเชียงใหม่เหรอ” สิปาดันถาม
“อืมว่าจะเลยไปเยี่ยมพ่อแกด้วย..จะฝากบอกอะไรไหม
“ไม่ล่ะ แกน่ะหายหัวไปนาน ว่างๆ ไปกินข้าวกัน”
“โอเค...แล้วเมื่อไหร่แกจะแนะนำเพื่อนแกให้ฉันรู้จักสักที”
“ใคร?”
“อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลของแกไง”
“ลันตาน่ะนะ”
“เออ...ได้ยินแต่ชื่อมานาน อยากเห็นหน้าสักที”
“มันขี้เหร่นะ จะอยากเห็นทำไม”
“เพื่อนผู้หญิงที่กล้าเอาถุงยางให้แกพก กลัวเพื่อนติดโรค มันน่าสนใจดีฉันกลับมามะรืนนี้ แล้วจะโทรหา”
“อือ...”
กีรติเดินออกไป สิปาดันมองตาม
“สนใจไอ้ลันเนี่ยนะ...สงสัยชอบของแปลก”
สิปาดันเดินไป
ขนมหลายเมนู ทั้งเค้ก ทั้งเมนูเครปเก๋ๆ ถูกวางตรงหน้าลันตากับแพท แพทกับลันตามองอย่างตื่นตาตื่นใจมาก
“น่าทานมาก!!” ลันตาบอก
“ลองดูสิครับ ผมรับรองว่าไม่ได้มีดีแค่หน้าตาแน่นอน” พอลว่า
ลันตากับแพทชิมขนม ตาหนูมองจานขนม
“มองตาแป๋ว...อยากกินขนมเหรอจ๊ะ” แพทถาม
แพทจะตักให้ตาหนูชิม
“อย่า...ตาหนูเล็กมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะกินขนมได้หรือยัง”
“แกก็ไม่เคยมีพี่น้อง มาเลี้ยงเด็กเล็กขนาดนี้หาเรื่องชัด ๆ”
“นั่นสิ...แต่ตัดสินใจจะช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด”
“ตาหนูโชคดีนะครับที่ได้เจอกับคนมีน้ำใจจริงๆ อย่างคุณลัน ถ้าคุณลันมีอะไรให้ผมช่วยบอกได้เลยนะครับ ผมช่วยเต็มที่”
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมขอตัวไปดูในร้านหน่อยนะครับ”
“ค่ะ...”
พอลเดินเข้าไป
“แล้วนี่เจ้ามิ้งค์รู้หรือยังว่าแกลาออก”
“ยังไม่ได้บอก รายนั้นมันแฟนคลับตัวแม่ของเราสองคน ขืนบอกคงวิ่งวุ่นมาหาเรา แล้วชาติไหนจะฝึกงานผ่านล่ะ”
“ก็จริง”
เสียงมือถือลันตาดังขึ้น ลันตามองแล้วทำนิ่งไม่กดรับ
“ทำไมไม่รับ ใครโทรมา” แพทถาม
“อนุชิต...” ลันตาตอบ
“มา เดี๋ยวฉันรับให้เอง”
“ไม่ต้องรับ...ฉันไม่อยากต่อความยาว”
แพทมองแบบเข้าใจ
อนุชิตมองโทรศัพท์อย่างหัวเสียที่ลันตาไม่รับสาย อนุชิตหงุดหงิดจะเดินออก อนุชิตเห็นมิ้งค์หอบเสื้อผ้าที่เก็บมาจากสตูดิโอเข้ามาแขวนในห้องเสื้อผ้า
มิ้งค์เช็คแล้วจดเพื่อนับจำนวนเสื้อผ้า “โอเคครบทุกตัว พรุ่งนี้ไล่คืนตามร้านวันเดียวคงเสร็จล่ะน่า”
อนุชิตเข้ามาด้านหลัง มิ้งค์หันไปก็ตกใจที่เห็นอนุชิต “คุณอนุชิต!”
มิ้งค์มองดูทางหนีทีไล่อย่างระแวดระวังจนอนุชิตมองออก
“ไม่ต้องทำท่ากลัวขนาดนั้นหรอก อย่างเธอไม่อยู่ในเทสต์ฉัน ฉันเลือก!” อนุชิตว่า
มิ้งค์ทำหน้าเซ็งใส่ที่โดนพูดแรงๆ
“แล้วคุณอนุชิตเข้ามาทำอะไรที่ห้องนี้คะ” มิ้งค์ถาม
“ฉันติดต่อคุณแพทไม่ได้ วันนี้ก็ไม่เห็นเข้าออฟฟิศ”
“พี่แพทลาออกไปแล้วค่ะ”
“ลาออก” อนุชิตเครียด “แล้วเธอได้ติดต่อกับลันบ้างหรือเปล่า”
“มิ้งค์ไม่...”
“ฉันรู้นะว่าเธอเป็นแฟนคลับลันตา เธอต้องรู้”
“พี่ลันเขาก็อยู่ที่บ้านน่ะสิคะ”
“ฉันเช็กแล้วเขาไม่อยู่” อนุชิตมองอย่างคาดคั้น “เธอรู้ใช่ไหมว่าเขาอยู่ไหน ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเขา”
“เอ่อ...”
“รู้ใช่ไหม....ฝึกงานปีสุดท้ายจะผ่านหรือไม่ผ่าน ฉันเป็นคนเซ็นใบประเมินให้เธอ”
มิ้งค์หน้าเสียที่โดนขู่
อนุชิตเสียงแข็ง “ว่าไง!”
มิ้งค์เลิ่กลั่กเพราะไม่รู้จะจัดการยังไงดี
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 2 (ต่อ)
ทันใดนั้นเสียงธัญญาเรศก็ดังขึ้น
“ญ่าเป็นคนรับเด็กฝึกงาน คนที่ต้องประเมินควรจะเป็นหัวหน้างานนะคะ ไม่ใช่คุณ! มิ้งค์ ไปได้แล้ว”
มิ้งค์จะเดินไป
“ผมยังคุยไม่จบ!” อนุชิตบอก
ธัญญาเรศมองอนุชิตอย่างท้าทาย “อย่าสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนญ่าอีกเลยค่ะ”
“แน่ใจเหรอว่าเป็นผมที่ทำให้ลันเดือดร้อน”
“ทุกคนก็เห็นชัด ๆ อยู่ว่าคำโกหกของคุณทำให้ลันต้องออกจากงาน” ธัญญาเรศว่า
อนุชิตท้าทาย “ผมจะปรับความเข้าใจกับลัน ใครก็ขวางไม่ได้”
อนุชิตมองธัญญาเรศอย่างท้าทายสุด ๆ ธัญญาเรศมองอนุชิตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อนุชิตมองทิ้งท้ายธัญญาเรศว่าไม่จบแค่นี้แน่ อนุชิตเดินออกไป มิ้งค์มองตามอนุชิตไปอย่างงงๆ แล้วหันมามองธัญญาเรศ ธัญญาเรศรู้สึกตัวจึงปรับเป็นสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะหันมาหามิ้งค์
“มิ้งค์ อย่าบอกข้อมูลของลันตากับคุณอนุชิตเด็ดขาด ถ้าไม่อยากให้พี่ลันต้องมีเรื่องวุ่นวายอีก เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ” มิ้งค์ตอบรับ
เสียงย่ามาลัยดังขึ้น “ยัยลัน...ยัยลัน!”
มิ้งค์มองออกไปเห็นย่ามาลัยเดินมา มิ้งค์ตกใจมาก ธัญญาเรศเห็นย่ามาลัยก็เดินออกไปรับ
“สวัสดีค่ะคุณย่า....”
“ทำไมออฟฟิศเงียบขนาดนี้ หายไปไหนกันหมด” มาลัยถาม
“ญ่าอยู่กับ...”
ธัญญาเรศหันมาแต่มิ้งค์หายตัวไปแล้ว
“อ้าว....ไปไหนแล้ว”
“หนูญ่า...ยัยลันอยู่ไหม” มาลัยถาม
ธัญญาเรศตอบทันที “ไม่อยู่ค่ะ...”
“เมื่อคืนก็ทำงานทั้งคืนไม่ยอมกลับบ้าน”
“ทำงาน? นี่ลันไม่ได้บอกคุณย่าเหรอคะว่าลันลาออกจากงานแล้ว” ธัญญาเรศบอก
มาลัยตกใจ “ลาออก!”
มิ้งค์ที่ซ่อนตัวอยู่หลังราวเสื้อผ้าตกใจ
“พี่ลัน....ซวยแล้ว...”
สิปาดันขับรถเข้ามาจอดที่จอดรถหน้าคอนโดแล้วลงจากรถพลางกดมือถือ
สิปาดันหงุดหงิด “ลัน..ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
สิปาดันกำลังจะเดินเข้าตึก ทันใดนั้นรถของพอลเข้ามาจอดหน้าคอนโด ลันตาอุ้มตาหนูลงมาจากรถ แพทลงมาจากด้านหลัง
“สิปา!”
สิปาดันชะงัก “ลัน...นี่มารถใคร”
พอลเลื่อนกระจกรถลง
“ฉันกับแพทไปทานขนมที่ร้านคุณพอล คุณพอลเลยให้ติดรถกลับมาด้วย”
พอลขับรถไป ลันตามองตามด้วยความชื่นชม
“คุณพอลเขาเก่งมากเลยนะเป็นเชฟเบเกอรี่มีร้านขนมเก๋ๆ ของตัวเองด้วย สุดยอด”
สิปาดันมองลันตาที่ดูชื่นชมพอลเหลือเกิน “แล้วไง”
ลันตางง “ก็..เก่งไง”
“แล้วฉันล่ะ”
ลันตามอง “ฉันเคยคิด ๆ นะว่าแกเป็นนักบิน...” จริงๆ ลันตาก็ชื่นชมแต่ก็พูดกวนประสาท “ได้ยังไง”
สิปาดันน้อยใจนิด ๆ เพราะคิดว่าลันตาไม่เคยเห็นว่าตัวเองเก่งเลย “อืม...ใคร ๆ ก็เก่งทั้งนั้นในสายตาแก...” สิปาดันคิดในใจว่ายกเว้นฉัน
ลันตางง “เอ้า...คนเขาเก่งเราก็ต้องชม มันผิดตรงไหน แกหงุดหงิดอะไรหะ สิปา”
พอลจอดรถเสร็จก็เดินออกมา สิปายังไม่ทันตอบ เสียงมือถือของลันตาดัง ลันตายกมือห้ามแล้วรีบกดรับสาย
“ว่าไงไอ้ญ่า” ลันตาตกใจ “คุณย่ารู้เรื่องฉันลาออกแล้วเหรอ!”
แพทกับสิปาดันที่ได้ยินพลอยตกใจไปด้วย
“รู้ได้ยังไง” ลันตาส่งตาหนูให้สิปาดัน
สิปาดันรับตัวตาหนูมา ลันตาคว้าแขนแพท
ลันตาพูดกับแพท “ไอ้แพท ไปกับฉัน”
“ไอ้ลัน...แกจะไปไหน แล้วเด็กนี่ล่ะ ลัน!”
ลันตาเรียกแท็กซี่ขึ้นรถไปกับแพทไม่มองกลับมาเลย สิปาดันมองตาหนู มองพอล พอลมองเหมือนจะพูดว่าโชคดีนะ สิปาดันเซ็ง
ลันตาเดินเข้ามาเจอกับธัญญาเรศที่รออยู่
“ย่ารู้เรื่องได้ยังไง” ลันตาถาม
แพทมองธัญญาเรศแบบยังเคืองๆ “มันก็ต้องมีคนปากรั่ว”
ธัญญาเรศรู้สึกผิดจริงๆ “ฉันขอโทษนะลัน...ฉันคิดว่าแกบอกคุณย่าแล้ว ฉันเลยหลุดปาก”
“ยังไม่มีงานสำรองจะอ้างอะไรก็ไม่เต็มปาก ย่าต้องฆ่าฉันตายแน่ๆ”
“ถึงย่าแกจะโหดยังไง เขาก็ไม่ฆ่าแกหรอกน่าจริงไหมแพท” ธัญญาเรศถาม
แพทนิ่งไม่ตอบ วงสนทนาเงียบไปครู่ใหญ่ ลันตามองซ้ายมองขวาแล้วเรียก
“ไอ้แพท”
แพทจะเดินไป ธัญญาเรศคว้ามือแพทไว้ แพทชะงักแล้วหันมามองอย่างไม่พอใจ
“ปล่อย....” แพทบอก
“ที่ต้องยุบคอลัมน์แก มันเป็นคำสั่งคุณสุวิภา” ธัญญาเรศอธิบาย
ลันตากับแพทมองธัญญาเรศแบบไม่อยากเชื่อ
“ขนาดพี่นียังค้านไม่ได้ แกเข้าใจหรือยัง”
ลันตาพยายามไกล่เกลี่ย “แพท...”
แพทไม่เชื่อ “ถ้าจริงแกก็ต้องบอกฉันตั้งแต่แรก”
“ก็ฉันไม่คิดว่าแกจะลาออก”
แพทกับธัญญาเรศมองหน้ากัน บรรยากาศมาคุมาก
“เอาน่าแพท” ลันตาพูดขึ้น “มันกลายเป็นโอกาสที่แกได้ไปเริ่มงานใหม่ตามความฝันแกไง ดีออก Positive thinking สิเพื่อน”
“ฉันขอโทษนะแพท” ธัญญาเรศบอก
แพทมองหน้าธัญญาเรศที่ดูจ๋อยมาก
“ไอ้แพท...” ลันตาพยายามส่งซิกให้เพื่อนใจอ่อน “เพื่อนกันน่า”
“ญ่า..เป็นเพื่อนกันอย่าซับซ้อน อย่าให้มีคราวหน้าอีก” แพทบอก
ธัญญาเรศยิ้มออก “ขอบใจนะแพท”
ลันตายิ้มออกก่อนจะตบไหล่แพท
“มันต้องอย่างนี้สิเพื่อน ทีนี้ก็เหลือแค่” ลันตามีท่าทางมุ่งมั่น “เข้าไปเคลียร์กับคุณย่า”
ลันตากำลังปีนขึ้นประตูรั้ว แพทช่วยดันลันตาให้ขึ้นไป ลันตาปีนขึ้นไปบนประตูรั้วอย่างทะมัดทะแมง จังหวะที่นั่งคร่อมอยู่บนประตูรั้วนั้นประตูก็ค่อยๆ เลื่อนเปิด
“เฮ้ย ๆ ๆ” ลันตาตกใจ
เสียงย่ามาลัยดังขึ้น “มาแล้วเหรอเจ้าตัวดี”
ลันตา แพท และธัญญาเรศหันมาเห็นย่ามาลัยเดินออกมาพร้อมไม้เรียว ทั้งสองคนตกใจ
“ย่า!”
ลันตาผวาตั้งท่าจะกระโดดแต่ก็ชะงักเพราะเสียงมาลัยดังดักทางทันที
“ถ้าโดดหนี ย่าตีขาหัก”
ลันตาต้องรีบเกาะประตูไว้แล้วหันมองมาลัยที่เหวี่ยงไม้เรียวขวับ ๆ แพทกับธัญญาเรศมองอย่างสยองแทน
ลันตายืนกอดอกปากคอสั่น แพทที่สภาพไม่ต่างกันมองอย่างหวั่นๆ
“ย่าไม่เคยสอนให้แกเป็นคนโกหก!” มาลัยว่า
มาลัยก้าวเข้ามาแล้วเงื้อไม้เรียวจะฟาดลันตากับแพท ธัญญาเรศหลับตาปี๋ด้วยความหวาดเสียว
เสียงป้าอังดังขึ้น “อย่า!”
ทุกคนชะงัก ป้าอังเข้ามากอดลันตาไว้
“อย่าตีหลานเลยนะคะคุณพี่”
“หลีกไป” มาลัยสั่ง
“ไม่...อังเลี้ยงยัยลันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จนตอนนี้” อังพูดไม่มีเสียง “หอยเท่า.....” อังชี้ไปที่เท้า
ทุกคนมองว่าอังพูดอะไร
“ป้าพูดอะไรคะ ลันไม่เข้าใจ” ลันตาถาม
แพทพูด “ป้าเขาบอกว่าเลี้ยงแต่ตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จนตอนนี้หอยเท่าฝ่า....”
มาลัยขัดขึ้น “แม่แพท!”
แพทสะดุ้งแล้วหันไปมองมาลัย
อังกระซิบ “เรท ฉ.ไม่ผ่านเซ็นเซอร์”
มาลัยไม่พอใจ “เลิกไร้สาระ ยัยอัง ! ถอยไป ฉันจะสั่งสอนหลานฉัน”
อังยืดอกรับ “ถ้าคุณพี่จะตีหลาน ตีอังแทนดีกว่า”
“ได้!”
พูดจบมาลัยก็ฟาดควับ ๆ ๆ อังหันมาพูดกับลันตาทันที
“ที่จริง ลันทำผิดก็ควรรับโทษนะลูก”
ลันตาเหวอ “อ้าว...”
มาลัยกระชับไม้เรียวในมือแล้วเงื้อ
ลันตาตกใจ “คุณย่า!!! ฟังลันก่อนนะคะ”
ธัญญาเรศพยายามช่วยพูด “ลันมันไม่เคยโกหกคุณย่าได้อยู่แล้ว ฟังก่อนนะคะ”
“นะคะคุณย่า”
มาลัยมอง “ได้ หวังว่าจะมีเหตุผลดี ๆ นะ ไม่งั้น...”
มาลัยเหวี่ยงไม้เรียวในมือ ลันตา แพท ธัญญาเรศ และอังกลืนน้ำลายอย่างหวั่นๆ
ตาหนูร้องลั่น สิปาดันพยายามจะอุ้มแล้วโอ๋ เขานมป้อนก็แล้วแต่ตาหนูก็ไม่หยุดร้อง
สิปาดันจะบ้าตาย “ตาย..ตาย...ตาย....หยุดร้องซะทีเถอะ”
เสียงมือถือของสิปาดันดังขึ้น สิปาดันรีบกดรับ
“สวัสดีครับคุณลุง ทำเอกสารเรื่องอบรม ได้ครับ...ครับ”
ตาหนูร้องไห้ไม่หยุด
“เสียง..เสียงลูกเพื่อนน่ะครับ” สิปาดันอธิบาย “พรุ่งนี้ผมจะรีบเข้าไปแต่เช้านะครับกัปตัน ครับ สวัสดีครับ” สิปาดันพูดกับตาหนู “ไอ้ตัวเล็กเอ้ย..เงียบซะทีเถอะ เดี๋ยวเพื่อนบ้านก็แห่มากันพอดี”
เสียงกริ่งดัง สิปาดันรู้สึกเหมือนจะตาย
“นั่นไง...” สิปาดันคิดในใจว่าซวยแล้ว “มาแล้วครับ”
สิปาดันรีบไปเปิดประตูก็เห็นว่าเป็นพอลยืนอยู่
สิปาดันเครียด “เสียงตัวเล็กนี่ใช่ไหม ผมพยายามอยู่ เปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนนมก็แล้วยังไม่หยุดร้องเลย ไม่รู้เป็นอะไร”
พอลมองอย่างกังวล “ไม่สบายหรือเปล่าครับ...ถ้าร้องนานกว่านี้เกิดช็อกล่ะครับ”
“ช็อค?”
สิปาดันมองแล้วรู้สึกกังวลจนคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว
มาลัยเสียงดัง
“แกเป็นชู้กับเจ้านายงั้นเหรอ!”
มาลัยจะเป็นลม อังต้องรีบเข้าไปประคอง
“เปล่านะจ๊ะย่า ลันแค่ลองคบกันไม่นาน ลันโง่เองที่เชื่อคำพูดเขา” ลันตาอธิบาย
มาลัยมองอย่างหวั่นๆ “แกอย่าบอกนะว่าแกเสียท่าเจ้านายแกแล้ว”
“ลันยังบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์” ลันตาบอก
มาลัยมองนิ่ง
“จริง ๆ นะคะย่า ย่าสอนลันเสมอให้รักนวลสงวนตัว อย่าใจง่าย ทำตัวไร้ค่าให้ใครดูถูกได้”
“แกพูดจริงนะ”
“ลันสา...”
มาลัยชี้หน้าลันตาทำให้ลันตาชะงัก “สำหรับย่า คนสาบานมี 2 ประเภท 1.บริสุทธิ์ใจ 2.กลบเกลื่อนความผิด” มาลัยมองกดดันลันตา
ลันตาชะงักมองย่ามาลัยแบบไม่หลบตา “ถ้าวันนี้ถูกต้อง พรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว”
มาลัยยิ้มพอใจ “ย่าเชื่อแก...”
“คุณพี่เชื่อง่ายจัง” อังว่า
“ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก หลานฉันเป็นคนยังไง ฉันย่อมรู้จักดี แต่..” มาลัยยังไม่วาย “แกประมาท ใจอ่อน หูเบา เชื่อคนง่าย ณ จุดนี้ ย่าขอให้แกปรับปรุง เข้าใจไหม”
“ขอบคุณค่ะย่า” ลันตากอดประจบ
“ไม่ต้องมาประจบ ถ้าแกปรึกษาย่าก่อน คงไม่โดนผู้ชายเลวๆ มันหลอกได้ ทีหลังมีเรื่องอะไรให้บอก”
ลันตาเห็นเป็นโอกาสพูดเรื่องตาหนู “ถ้าบอกแล้วย่าจะช่วยเหรอคะ”
มาลัยหันขวับมาอย่างเข้ม “ทำไม ! แกจะก่อเรื่องอะไรอีก”
ลันตาส่ายหน้า “ไม่กล้าแล้วค่ะย่า”
แพทพูดเบาๆ กับลันตา “เหรออ”
ลันตาหยิกแพท แพทร้องลั่น “โอ้ย!”
มาลัยมองอย่างสงสัยและจับผิด “มีเรื่องอะไรกัน”
“เปล่าคะ” ลันตาปฏิเสธ
“เปล่า....แปลว่ามี” มาลัยว่า
ลันตาเคลิ้ม “ค่ะ...เอ้ย ไม่ใช่” ลันตาเริ่มทำหน้าไม่ถูก “เอ่อ..” ลันตามองแพทกับธัญญาเรศเป็นเชิงว่าช่วยที
ทันใดนั้นเสียงเสียงกริ่งหน้าบ้านดังเหมือนระฆังช่วยชีวิต
ลันตาเบี่ยงประเด็นทันที “เอ๊ะ! ใครมา เดี๋ยวลันไปดูให้นะคะ”
ลันตาไม่รอคำตอบ เธอรีบวิ่งไปทันที
มาลัยมองตามอย่างหมั่นไส้ที่หลานสาวชิ่งไปแล้ว “เจ้าลัน....” มาลัยหันขวับมาทางแพท
แพทสะดุ้ง “แพทไปดูเป็นเพื่อนลันดีกว่า” แพทรีบตามออกไป
มาลัยมองธัญญาเรศที่ดูจะไม่ตระหนกอะไร เพราะธัญญาเรศในสายตาของย่ามาลัยเป็นเด็กดี เด็กเก่ง และเชื่อฟังผู้ใหญ่เสมอ
“คุณย่าไม่ต้องห่วงนะคะ ญ่าจะคอยดูแลลันให้เองนะคะ” ธัญญาเรศบอก
มาลัยมองตามอย่างเหนื่อยใจ “ถ้าเจ้าลันมันได้เรื่องอย่างหนู ย่าก็คงไม่ต้องปวดหัวขนาดนี้”
ธัญญาเรศยิ้มมองก่อนจะออกไปนอกบ้านก็เห็นรถอนุชิต ธัญญาเรศชะงักมองอย่างไม่พอใจ
ลันตาเดินออกมาแล้วก็ชะงักที่เห็นอนุชิต
“ลัน...”
ทันทีที่เห็นหน้าอนุชิต ความโกรธของลันตาก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
“กล้ามากนะที่มาหาฉันถึงที่นี่!” ลันตาว่า
อนุชิตอ่อนให้เต็มที่ “ผมขอโทษ ลันฟังผมก่อนนะครับ ผมกับอรไม่ได้รักกัน ที่ผมแต่งงานกับอรเพราะคุณอาขอร้อง”
แพทเดินตามออกมามองอนุชิตอย่างไม่พอใจแต่ก็ยืนด้านหลังคอยดูเหตุการณ์
ลันตายิ่งฟังยิ่งรู้สึกแย่ “ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นภรรยาคุณ”
“แต่ผมรักคุณนะลัน” อนุชิตบอก
“อย่าทำให้ฉันขยะแขยงคุณไปมากกว่านี้ กลับไปซะ”
“ลัน...ผมขอโอกาสอีกครั้งนะ ผมจะหย่ากับอรขจี แล้วแต่งงานกับคุณ”
ลันตามองอึ้งๆ เพราะสมเพช
เสียงธัญญาเรศดังขึ้น “ลันจะไม่แต่งงานกับคุณ”
ทุกคนชะงัก ธัญญาเรศเดินเข้ามาประจันหน้ากับอนุชิต
“ฉันจะไม่ยอมให้คุณมายุ่งกับเพื่อนฉัน” ธัญญาเรศมองด้วยสายตาท้าทายมาก
“มันเป็นเรื่องของผมกับลัน” อนุชิตตะคอก “คนอื่นถอยไป”
ลันตาเห็นเพื่อนโดนตะคอกก็ของขึ้นทันที “ญ่าเป็นเพื่อนฉัน คุณต่างหากที่เป็นคนอื่น”
ธัญญาเรศสะใจ “ได้ยินชัดแล้วนะคะ กลับไปซะ”
“อย่าให้มันมากไปนะธัญญาเรศ อย่าลืมว่าผมเป็นเจ้านายของคุณ” อนุชิตขู่
“คุณก็ไล่ฉันออกสิคะ” ธัญญาเรศมองด้วยสายตากร้าว “ลันกับทุกคนจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วคนทรยศความรักอย่างคุณมันร้ายแค่ไหน”
ลันตาพยายามกระตุกเพื่อน “ญ่า...พอแล้ว”
“ไม่! รู้แล้วใช่ไหมคะว่าโดนทิ้งมันเจ็บแค่ไหน ถ้าคุณไม่หยุด คุณจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าตาย”
ลันตากับแพทอึ้งที่เห็นธัญญาเรศของขึ้นขนาดนี้
อนุชิตมองธัญญาเรศอย่างไม่ยอมแพ้ “เรื่องในอดีตมันจบไปหมดแล้ว ผมจะเริ่มใหม่กับลันอีกครั้ง ใครก็ขวางไม่ได้”
“เลิกยุ่งกับฉันซะ คุณไม่ได้มีความหมายกับฉันอีกแล้ว” ลันตาว่า
อนุชิตเข้ามาจับมือลันตา “ลัน...ให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับ”
ลันตาพยายามจะดึงมืออนุชิตออก ธัญญาเรศสุดทนจึงเข้ามาผลักอนุชิต
ธัญญาเรศทั้งผลักทั้งตะคอก “กลับไป”
ธัญญาเรศผลักอนุชิต อนุชิตโมโหจึงเหวี่ยงธัญญาเรศจนล้มลงไปกับพื้น
“ไอ้ญ่า!” แพทเข้ามาประคอง
ลันตาเสียงดัง “ไปให้พ้น”
“ลัน...”
“ฉันเกลียดคุณ ขยะแขยงคุณ อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
อนุชิตอึ้งว่าตัวเองพลาดแล้ว เขาสบตากับธัญญาเรศที่มองมาอย่างสะใจ
อนุชิตรู้ว่าเขาต้องถอย “จำไว้นะลัน ผมรักคุณและจะไม่ยอมเสียคุณไป”
อนุชิตพูดกับลันตาและหันมองธัญญาเรศอย่างท้าทาย ธัญญาเรศมองอย่างสะใจ อนุชิตเดินออกไป ลันตามองตามไปอย่างอึ้งๆ
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 2 (ต่อ)
สิปาดันกับพอลนั่งรออย่างกระวนกระวายที่โรงพยาบาล หมอสาวสวยเข้ามา
สิปาดันร้อนใจ “ตาหนูเป็นอะไรมากไหมครับหมอ”
“หมอขอสอบถามอาการของเด็กอย่างละเอียดก่อนนะคะ คุณแม่มาหรือเปล่าคะ”
“จะมาได้ยังไงล่ะครับ” สิปาดันหลุดปาก “แม่เด็กเป็นใครผมยังไม่รู้เลย”
หมอมองด้วยความแปลกใจ พอลตกใจที่สิปาดันหลุดปาก
พอลรีบแก้ “คือเรารับเด็กมาเลี้ยงน่ะครับ คือ..” พอลเลิ่กลั่ก “เราอยากมีเด็กทั้งคู่”
หมอตกใจนิดๆ “อยากมีเด็ก?” หมอมองอย่างวิเคราะห์ “อ๋อ..เข้าใจแล้วค่ะ”
สิปาดันโล่งใจ “ผมดีใจครับที่คุณหมอเข้าใจ”
“ค่ะ...มีหลายคู่ที่รับเด็กมาเลี้ยง แล้วสังคมก็ยอมรับมากขึ้น”
สิปาดันชะงัก “สังคมยอมรับ?”
“เดี๋ยวหมอจะจ่ายยาให้ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็ต้องกลับมาตรวจอีกครั้งนะคะ”
หมอจดอะไรลงในใบสั่งยา
“คุณสองคนต้องแบ่งหน้าที่ชัดเจนค่ะว่าใครจะเป็นพ่อ เป็นแม่ เพื่อให้เด็กไม่สับสน” หมอแนะนำ
สิปาดันมองหน้าพอล “พ่อ?”
พอลตกใจ “แม่?”
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็เข้าใจความหมาย ทั้งสองต่างเด้งห่างกันด้วยอาการตกใจ แล้วก็พยายามจะปฏิเสธด้วยการโบกมือยกใหญ่
“ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ” หมอยิ้มไม่เชื่อ “หมอเข้าใจค่ะ”
หมอหยิบใบสั่งยาแล้วลุกออกไป สิปาดันกับพอลอึ้ง
สิปาดันกับพอลเดินออกมาจากห้องตรวจก็เห็นหมอยืนอยู่กับพยาบาลสองคน โดยคนหนึ่งอุ้มตาหนูอยู่ ทั้งหมอกับพยาบาลหันมองสิปาดันกับพอลอย่างสนใจแล้วก็ยิ้มๆ สิปาดันกับพอลเห็นรอยยิ้มหมอก็ทำหน้าไม่ถูก พยาบาลที่อุ้มตาหนูเดินเข้ามาหาพอลกับสิปาดัน
พยาบาลพูดกับตาหนู “ไปหาคุณพ่อคุณแม่นะคะ”
พยาบาลส่งตาหนูให้กับสิปาดัน สองหนุ่มอึ้งจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
สิปาดันอุ้มตาหนู ส่วนพอลขับรถ สิปาดันโวยวายลั่นรถ ตาหนูยังร้องลั่น
“เพราะไปพูดกำกวมแท้ๆ ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด” สิปาดันว่า
“ขืนบอกว่าเก็บมาเลี้ยงเดี๋ยวก็โดนซักยาว เป็นเรื่องราวใหญ่โต”
“ไอ้ตัวเล็กก็ร้องอยู่นั่นแหล่ะ หยุดสักที”
ตาหนูชะงักไปชั่วขณะแล้วร้องหนักกว่าเดิม
“จะบ้าตาย...” สิปาดันเซ็ง
เสียงตดดังพร้อมกับกลิ่น
“อื้อหือ...กลิ่น” พอลได้กลิ่น
สิปาดันรู้ทันที “เฮ้ย คุณจอด ๆ ๆ”
เสียงตดดังยาวพร้อมกับผ้าอ้อมที่ก้นซึ่งนูนออกมา
พอลหันไปมอง “ไม่ทันแล้วใช่ไหม”
สิปาดันเซ็ง “เต็มๆ”
ตาหนูยังร้องไม่หยุด
“อยากจะบ้า!!” สิปาดันเซ็ง
พอลเดินเข้ามาดูแพมเพิร์สที่ซูเปอร์มาเก็ตว่าจะเอาอันไหนโดยอุ้มตาหนูที่เปลือยก้นเข้ามาแต่ยังร้องไม่หยุดมาด้วย เสื้อสิปาดันเปียกโชก
“หยิบมาเลยคุณ อันไหนก็ได้” สิปาดันบอก
“เช็ดก้นให้แห้งก่อนสิคุณ เดี๋ยวตาหนูไม่สบาย” พอลบอก
สิปาดันหันไปหยิบกระดาษทิชชู่มาฉีกแล้วจัดการเช็ดก้นให้ตาหนู ตาหนูยังร้อง
“อย่าร้องนะลูกนะ เดี๋ยวใส่แพมเพิร์สให้..” สิปาดันบอก
พอลหยิบแพมเพิร์สแบบสวมออกมาแล้วอ่านวิธีใช้ เขากางแพมเพิร์สออก ตาหนูทั้งร้องทั้งดิ้น
“คุณอุ้ม..เดี๋ยวผมสวม” พอลพยายามจะสวมแต่ก็ไม่ง่ายนัก “โอ๋...พี่สวมแพมเพิร์สให้นะลูก นิ่ง ๆ นะลูกนะ”
พอลพยายามสวมแพมเพิร์สให้ตาหนู
สิปาดันพยายามปลอบ “โอ๋...อย่าร้องนะลูกนะ”
จังหวะที่ทั้งคู่พยายามสวมแพมเพิร์สก็มีคู่แม่ลูกที่คุณแม่อายุประมาณ 50 ปี ส่วนลูกสาวเป็นวัยรุ่น ทั้งสองคนมองสิปาดันกับพอลด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“เสร็จแล้วครับ เสร็จแล้ว...” พอลบอก
ทั้งพอลกับสิปาดันชะงักที่เห็นคู่แม่ลูกยืนมองอยู่
“น่ารักดีนะคะ ช่วยกันดูแล...กระจุ๊งกระจิ๊ง” แม่ชม
พอลกับสิปาดันยิ้มรับงง ๆ คนลูกหยิบของแล้วก็ดึงแม่จะให้เดินผ่านไป
“หล่อทั้งคู่เลย” ลูกเอ่ยปากชม
“สมัยนี้รักกันก็ต้องเปิดเผย ยอมรับได้” คนแม่พูด
พอลกับสิปาดันตกใจก่อนจะมองตาม แม่หันมายิ้มแบบพยักเพยิด
“น่ารักออก”
“เสียดายนะแม่” ลูกสาวว่า
แล้วแม่กับลูกก็เดินออกไป พอลกับสิปาดันมองหน้ากันแบบหมดกัน
ลันตา แพท และธัญญาเรศตีมือกันด้วยความยินดี “Fighting Yes!”
“แกไปแง่งๆ กับคุณนุแบบนั้นไม่กลัวโดนซองขาวเหรอวะ”
“โดนก็ไม่แคร์ ถ้าไล่คนเลวๆ ไปจากเพื่อนได้” ธัญญาเรศยิ้มมุ่งมั่นจริงใจ
“ใจว่ะญ่า...สมเป็นเพื่อนกัน”
ลันตายิ้ม “ฉันขอบใจแต่แกรักตัวเองด้วยก็ดีนะ”
“แกจะกลับไปหาคุณนุไหม”
“ไม่...ฉันไม่ชอบผิดศีลว่ะ ผู้ชายดี ๆคงมีอีกเยอะ” ลันตาบอก
ธัญญาเรศยิ้มออก “แล้วเรื่องงานแกจะเอายังไงกลับไปที่ Trendy ไหม ฉันจะลองคุยกับพี่นีให้”
“ยังไม่มีอารมณ์คิดเรื่องนี้ สองสามวันนี้เรื่องมันเยอะจริงๆ...เหนื่อย”
ลันตาทิ้งตัวลงนอน ธัญญาเรศมองอย่างอยากรู้
“ลัน...ตั้งแต่วันเกิดเรื่อง แกไม่กลับบ้านแล้วแกไปไหน” ธัญญาเรศถาม
“ไปดูแลเพื่อนใหม่” ลันตาตอบ
“เพื่อนใหม่?”
ลันตามองยิ้มๆ แต่ไม่ตอบ
ตะกร้าเสื้อผ้าถูกเอาผ้าขนหนูบุไว้แล้วเอาตาหนูวางข้างใน ตาหนูร้องไห้โดยมีขวดนมคาปาก สิปาดันพยายามหลอกล่อเต็มที่ แต่ตาหนูก็ยังไม่หยุดร้อง
“ชงนมเสร็จหรือยังคุณ!” สิปาดันตะโกนถาม
พอลชงนมอย่างรีบร้อนพลางดูวิธีการชงอย่างพยายามไม่ให้พลาดขั้นตอนแล้วก็ชงจนเสร็จ
“คุณสิปา..รับ!”
พอลโยนขวดนมให้กับสิปาดัน สิปาดันรับแต่ด้วยความร้อนทำให้เขาต้องโยนเปลี่ยนมือไปมาต่อหน้าตาหนู แล้วจู่ๆ เสียงร้องก็เงียบเป็นเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากทำให้สิปาดันชะงักมองตาหนูที่กำลังยิ้มถูกใจ สิปาดันสังเกตแล้วลองโยนอีก ตาหนูก็ยิ้มชอบใจ
“เฮ้ย..หยุดร้องแล้ว”
พอลมองอย่างโล่งใจ สิปาดันหันมายิ้ม ทันใดนั้นตาหนูก็ร้องขึ้นมาอีก สิปาดันกับพอลตกใจ สิปาดันโยนขวดนมราวกับเป็นกายกรรม ตาหนูหยุดมองอย่างสนใจ สิปาดันเล่นต่อเนื่องโดยพอหยุดโยนตาหนูก็ร้อง สิปาดันจึงโยนขวดนมให้พอลรับช่วง พอลอึ้งแต่ก็รับมาเล่นต่อให้
สิปาดันเริ่มโยนไปแล้วม้วนตัวไปรับ ตาหนูยิ้มคิกคัก เวลาผ่านไป สิปาดันเริ่มเหนื่อยจึงค่อย ๆ ลองหยุดก็เห็นตาหนูมองนิ่งๆ สิปาดันทิ้งตัวลงหมดแรง ตาหนูร้องลั่น สิปาดันต้องลุกขึ้นมาโยนใหม่ สองหนุ่มต้องทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อให้ตาหนูเงียบ
เช้าวันใหม่ เสียงนาฬิกาปลุกโทรศัพท์ดังขึ้น ลันตากระเด้งตัวขึ้นมามองนาฬิกา
“แปดโมง...ไอ้ญ่า ไอ้แพทตื่น ๆ ๆ” ลันตาปลุก
“จะรีบไปไหน” ธัญญาเรศถาม
“ฉันต้องไปเปลี่ยนเวร” ลันตาตอบ
“เวรอะไร?”
ลันตาไม่ได้ตอบธัญญาเรศแต่หันไปเร่งแพท “เร็ว ไอ้แพท แกต้องเป็นโล่ให้ฉัน”
แพทงง “โล่ห์อะไร?”
ธัญญาเรศกับแพทมองงงๆ
ย่ามาลัยขยับเข้ามาแล้วพูดเสียงเข้มมาก
“แกจะไปสมัครงานที่ไหน”
ลันตาดึงแพทมากันตัวเธอไว้ แพทประจันหน้ากับย่ามาลัยด้วยสีหน้าแตกตื่นนิด ๆ
“แพทมันจะพาไปค่ะย่า” ลันตาบอก
แพทหน้าตาตื่น แต่ลันตาหยิกที่เอวแพท
“โอ๊ะ ๆ ๆ....ใช่ค่ะ รับรองค่ะว่างานดีแน่นอน” แพทบอก
“เจ้านายเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” มาลัยถาม
“ผู้..” แพทเห็นหน้าย่าก็รู้ว่าต้องตอบอะไร “...หญิงค่ะ”
“แล้ว...” มาลัยจะซักให้ได้
ลันตาต้องรีบเบรก “ย่าจ๋า ตอนนี้สายมากแล้ว เดี๋ยวลันกลับมาเล่าให้ฟังนะคะ ไอ้แพทไปเร็ว”
ธัญญาเรศเดินตามออกมา
“เดี๋ยวสิลัน แกจะ...” ธัญญาเรศจะถามว่าไปไหน
ลันตากลัวว่าอยู่นานว่าจะมีพิรุธ เธอรีบคว้ามือธัญญาเรศ
“แกรีบไปทำงานได้แล้ว แล้วค่อยโทรหากัน” ลันตาบอก
ลันตารีบพาแพทขึ้นรถขับรถออกไป ธัญญาเรศมองตามด้วยความสงสัย
ลันตาเดินเข้ามาที่หน้าห้องพลางคุยมือถือไปด้วย
“แกถึงที่ทำงานหรือยังแพท...” ลันตาฟัง “โอเค...ฉันถึงแล้ว...แล้วค่อยว่ากัน”
ลันตาวางสายแล้วจะไขประตูแต่ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อค
“ทำไมไม่ล็อคประตู...”
ลันตาเปิดเข้าไปในห้อง “สิปา...”
ลันตามองหาไม่เห็น เธอเข้าไปในห้องนอนแล้วชะงักที่เห็นพอลกับสิปาดันนอนอยู่ที่พื้นโดยหลับลึกมาก ส่วนบนเตียงมีตาหนูนอนอยู่ ลันตาเข้าไปมองตาหนู ทันใดนั้นตาหนูก็ร้องจ้า สิปาดันกับพอลสะดุ้งตื่นทั้งคู่จะพุ่งเข้ามา แต่ลันตาอุ้มตาหนูขึ้นมาแล้ว
“เดี๋ยวฉันดูเอง”
สิปาดันกับพอลชะงักแล้วทิ้งตัวลงนอนยังเพลีย ๆ
“นี่กี่โมงแล้ว” สิปาดันถาม
“เก้าโมง” ลันตาตอบ
สิปาดันกับพอลได้ยินก็กระเด้งตัวขึ้นทั้งคู่
สิปาดันหงุดหงิด “แกรับช่วงต่อเลย ฉันต้องเข้าออฟฟิศ”
พอลนึกได้ “ผมต้องไปเตรียมของที่ร้าน”
สิปาดันลุกขึ้นอย่างรีบร้อนแล้วก็รีบคว้าผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำ
“ผมกลับห้องก่อนนะครับ”
“ขอบ....” พอลวิ่งออกไปแล้ว “คุณ...อ้าว...”
แพทเข้ามาที่ออฟฟิศแล้วก็ชะงักที่เห็นกีรติ
“อ้าว...ไหนว่าพรุ่งนี้ถึงจะเข้าออฟฟิศไงคุณ”
กีรติไม่ตอบ “อ่านงานของผมแล้วเป็นยังไงบ้าง วิจารณ์ข้อดี ข้อเสียให้ผมฟังหน่อย”
แพทอึ้งเพราะยังไม่ได้อ่านเนื่องจากมัวแต่ยุ่งเรื่องลันตา กีรติมองอาการของแพท
“ที่อึ้งนี่ทึ่งในงานผมหรือว่า....”
แพทตัดสินใจ “ขอโทษค่ะ....ฉันยังไม่ได้อ่านงานคุณเลย ฉันมีเรื่องยุ่ง ๆ นิดหน่อย ถ้าคุณอยากรู้เหตุผล ฉันจะชี้แจง”
กีรติมองแพทนิ่ง แพทมองอย่างหวั่นๆ เพราะตัวเองผิด เธอรอว่ากีรติจะเอายังไง
“เมื่อวานนี้....” แพทเอ่ย
กีรติขัดขึ้น “ไม่ต้องอธิบาย”
แพทชะงักแล้วก็หน้าเสีย
“เพราะคุณยังมีเวลา” กีรติเห็นแพทมองงงๆ “ผมบอกว่าจะให้เวลาคุณสองวัน ตอนนี้มันยังไม่ครบกำหนด คุณมีเวลาวันนี้อีกหนึ่งวัน พรุ่งนี้เราจะคุยและวางแผนทำงานร่วมกัน”
แพทอึ้งๆ “คุณไม่ตำหนิฉันเหรอ”
“คุณทำอะไรผิดล่ะ”
แพทอึ้งพลางคิดว่าเออ จริง
“แต่คุณควรกระตือรือร้นกว่านี้ เพราะถ้าเป็นพี่อธิปถาม อาจมีผลต่อการประเมินงานของคุณ” กีรติบอก
กีรติพูดจบก็เปิดคอมพิวเตอร์เข้ากูเกิ้ลค้นหาข้อมูล แพทมองกีรติด้วยสายตาที่แปลกใจแล้วก็ลงนั่งหยิบหนังสือคู่มือท่องเที่ยวที่เป็นงานของกีรติมานั่งอ่านพลางหยิบกระดาษเปล่าขึ้นมาแล้วจดข้อดีข้อเสีย กีรติเหลือบมองแพทนิด ๆ อย่างพอใจที่เห็นการยอมรับฟังและความตั้งใจของแพท
สิปาดันที่แต่งตัวแล้วแต่ยังติดกระดุมเสื้ออยู่รีบออกมา
ลันตาเรียก “สิปา”
“กลับมาค่อยเคลียร์ ฉันสายแล้ว!” สิปาดันบอก
สิปาดันรีบคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกไปทันที ตาหนูร้อง
“โอ๋ๆ ๆ” ลันตาจับที่แพมเพิร์ส “ไม่เปียก หิวเหรอคะ เดี๋ยวพี่ชงนมให้นะ”
ลันตาจะไปชงนม เสียงกริ่งห้องดังขึ้น ลันตาอุ้มตาหนูไปเปิดประตู
“ลืมของเหรอสิปา”
ลันตาชะงักที่เห็นว่าเป็นธัญญาเรศยืนอยู่หน้าห้อง
“ญ่า...แกมาได้ยังไง”
ธัญญาเรศมองเด็กแล้วก็อึ้งๆ “ไอ้ลัน เด็กนี่...” ธัญญาเรศตกใจ “นี่แกมีลูกเหรอ ทำไมฉันไม่รู้ แล้วใครพ่อเด็ก อย่าบอกนะว่าคุณนุ”
“ใจเย็นๆ ไอ้ญ่า...เด็กนี่ไม่ใช่ลูกฉัน”
“แล้วลูกใคร!”
ลันตามองอาการคาดคั้นของธัญญาเรศด้วยสีหน้าปวดหัวมาก
สิปาดันเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน
“สวัสดีครับกัปตัน” สิปาดันทัก
“หลานมาสายไปสิบห้านาที” วีระว่า
“ขอโทษครับ...”
“หนึ่งนาทีที่เสียไปอาจทำให้การเตรียมตัวในการขึ้นบินไม่สมบูรณ์ ซึ่งมันหมายถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร”
“ผมจะระมัดระวังให้มากกว่านี้ครับ”
“เดือนหน้าจะมีการแนะแนวเกี่ยวกับการรับสมัครนักบินรุ่นต่อไปที่เชียงใหม่ ลุงอยากให้สิปาทำเอกสารในการประชาสัมพันธ์ แล้วส่งไปสำนักงานที่เชียงใหม่ จัดการให้เรียบร้อยภายในวันนี้”
“ครับ”
“สิปา...กว่าจะเข้ามาเป็นนักบินได้ หลานต้องฝึกหนัก ผ่านการทดสอบมามาก อย่าทำลายอนาคตตัวเองด้วยการไม่มีวินัย”
สิปาดันทำความเคารพแล้วเดินออกจากห้อง เขาเดินออกมาแล้วก็รู้สึกมึนจึงเลี่ยงเข้าห้องน้ำไป
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 2 (ต่อ)
สิปาดันนั่งหลับอยู่ในห้องน้ำ สักพักเสียงมือถือก็ดัง
สิปาดันมองแล้วก็ตกใจ “ครับ คุณลุง...ผมกำลังทำอยู่ครับ อีกหนึ่งชั่วโมงจะส่งให้ครับ” สิปาดันวางสายแล้วมองนาฬิกา “บ้าเอ๊ย...หลับไปตั้งสองชั่วโมง”
สิปาดันรีบออกจากห้องน้ำ เขาล้างหน้าพยายามไล่ความมึนงง สิปาดันมองตัวเองในกระจกแล้วก็มีอาการเบลอ สิปาดันต้องใช้มือยันกระจกไว้
“ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว...”
ธัญญาเรศมองลันตาที่อุ้มตาหนูด้วยอาการชื่นชม
“จริงของแก เราจะปล่อยให้เด็กเป็นอันตรายไม่ได้” ธัญญาเรศบอก
“แกว่าฉันทำถูกแล้วใช่ไหม” ลันตาถาม
“ถูกต้องที่สุด!”
“ก็มีแต่แกกับแพทที่เข้าข้างฉัน สิปามันงี่เง่า เอะอะหาว่าเด็กเป็นภาระ”
“เอาน่า ตั้งแต่ฉันรู้จักแกสองคน ไม่เคยเห็นสิปาจะไม่ยอมช่วยแกเลย เดี๋ยวก็ใจอ่อนเองแหล่ะ”
“แกว่างั้นเหรอ”
“อืม...”
ลันตายิ้มพอใจที่มีคนเข้าข้าง “แกอุ้มตาหนูไว้ก่อนนะ ฉันไปซื้อข้าวเดี๋ยวมา”
ธัญญาเรศรับเด็กไว้ พอลันตาเดินไป ธัญญาเรศก็มองเด็กแล้วจากที่ยิ้มๆ ก็ดูว่าเกลียดเด็ก
เสียงสิปาดันดังขึ้น “ญ่า!”
ธัญญาเรศสะดุ้งก่อนจะหันมาตามเสียงก็เห็นสิปาดัน “สิปา...ตกใจหมดมาเงียบ ๆ ลันมันซื้อข้าวอยู่ตรงโน้น”
“ส่งเด็กมาสิ”
ธัญญาเรศแปลกใจ “ทำไมหน้าเครียดนักล่ะ”
สิปาดันยิ่งเข้ม “ส่งเด็กมา”
“จะเอาเด็กไปไหน”
สิปาดันไม่ตอบแต่คว้าตัวเด็กมาทันที
ธัญญาเรศถามย้ำ “สิปา...นายจะเอาเด็กไปไหน”
ลันตาได้ยินเสียงก็หันมาเห็นสิปาดันกำลังจะพาเด็กขึ้นรถ ลันตารีบวิ่งไปหาสิปาดันแล้วดันประตูรถปิดทันที ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน
“แกจะเอาตัวเล็กไปไหน” ลันตาถาม
“ไปสถานสงเคราะห์....” สิปาดันตอบ
ลันตาหงุดหงิด “นี่แกเป็นอะไรผีเข้าผีออก เดี๋ยวก็บอกจะช่วยแล้วมาเปลี่ยนใจอีกแล้ว”
“ตัวเล็กของแกทำให้ชีวิตเราวุ่นวาย เป็นภาระ! เราเลี้ยงเขาไว้ไม่ได้”
“แกไม่เลี้ยงไม่เป็นไร ฉันจะเลี้ยงเขาเอง”
สิปาดันมองอย่างเหนื่อยหน่าย
“เลิกบ้าซะทีเถอะลัน ถ้าแกมีปัญญาเลี้ยงได้จริง แกคงไม่ต้องมารบกวนฉัน”
ลันตาโกรธ “รบกวน?”
“ใช่! ดูสภาพแกสิ แค่ตัวเองแกยังเอาไม่รอดเลย ตกงาน รถต้องผ่อน บ้านตัวเองก็ยังไม่มี เจียมตัวหน่อยสิวะ อวดเก่งเกินตัว มันน่าสมเพช”
“ไอ้สิปา! แกกำลังดูถูกฉัน”
“รับรองเลยว่าดูไม่ผิด”
ลันตาเลือดขึ้นหน้า “ฉันจะทำให้แกเห็นว่าฉันเลี้ยงตัวเล็กได้”
“ไอ้ลัน!”
“ต่อไปนี้แกไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องมาช่วยฉัน ฉันไม่มีเพื่อนเฮงซวยอย่างแก”
สิปาดันโมโหที่ลันตาพูดไม่รู้เรื่อง “อย่าเอาเด็กคนนี้เข้าไปในห้องฉันอีก”
“เออ!”
ทั้งสองคนมองแบบไม่ยอมกัน ลันตาจะพาตาหนูขึ้นรถ
ธัญญาเรศถาม “ลัน! แกจะไปไหน”
“มันไปไหนไม่รอดหรอก” สิปาดันว่า
ลันตาหันมองสิปาดันด้วยความโมโหมาก เธอตัดสินใจอุ้มตาหนูก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย สิปาดันมองตามอย่างโมโหและระอาในความดื้อ ธัญญาเรศมองตามเหมือนเป็นห่วง
แพทปิดหนังสือหน้าสุดท้ายแล้วหันมาหากีรติ
“ฉันพร้อมแล้ว”
กีรติเหลือบมองแล้วหันมาหาแพทด้วยท่าทางพร้อมฟัง
แพทพูด “งานคุณให้ความรู้เกี่ยวประวัติของสถานที่ได้ละเอียดมาก จนฉันคิดว่ามันเป็นแบบเรียนสังคมศึกษา ให้ความรู้เป็นคู่มือแต่ภาษาไม่ชวนเที่ยว”
แพทมองกีรติว่าจะตอบโต้ไหม
“แล้วยังไงต่อ”
“มัน..”
เสียงมือถือของแพทดัง
“ขอโทษนะ...ขอรับโทรศัพท์สักครู่ ว่าไง”
ลันตาอุ้มตาหนูลงจากรถพลางคุยโทรศัพท์กับแพทไปด้วย
“ฉันอยู่ที่หน้าบ้านแกแล้ว ขออยู่แค่สักพักนะ”
“แกบอกพี่แพมขอเข้าไปรอที่ห้องฉันก่อน” แพทเกรงใจกีรติ “แค่นี้ก่อนนะลัน ไว้ฉันโทรกลับ”
ลันตากำลังจะเข้าบ้านแต่ก็ชะงักที่เห็นข้าวของที่เป็นกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดใหญ่วางอยู่ และมีเด็ก 2 คนวิ่งเล่นอยู่ ลันตายืนมองอึ้งๆ พี่สาวแพทเดินออกมา
“น้องเอ อย่าเพิ่งเล่นช่วยแม่ขนของคุณตาคุณยายเข้าบ้านก่อน” พี่สาวแพทเห็นลันตา “ลัน..แพทมันไปทำงาน นัดไว้หรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ มาแถวนี้เลยแวะมาหาค่ะ เดี๋ยวลันโทรหาแพทเองค่ะ สวัสดีค่ะ”
ลันตารีบอุ้มเด็กออกไป พี่สาวแพทมองตามอย่างงง ๆ ที่เห็นลันตารีบ ๆ ลน ๆ เดินออกไป ลันตาอุ้มตาหนูเดินกลับมาที่รถ เธอมองตาหนูที่มองมาตาแป๋ว มือตาหนูวางแปะบนหน้าลันตาแล้วก็ร้องแอะ ๆ มองลันตา
“พี่ไม่ทิ้งหนูแน่ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ แต่ตอนนี้เราจะไปไหนดี....” ลันตาคิดหนัก
เสียงมือถือลันตาดัง ลันตามองเห็นว่าสิปาดันโทรมา เธอยังโมโหไม่หายจึงไม่ยอมรับสายสิปาดัน โดยปล่อยให้ดังอยู่อย่างนั้น
สิปาดันฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์จนสายตัดไป สิปาดันพยายามกดซ้ำแต่ลันตาก็ยังไม่รับสาย
“โธ่เว้ย....ดื้อนักใช่ไหม ดูสิจะดื้อได้อีกนานแค่ไหน” สิปาดันว่า
สิปาดันวางโทรศัพท์แล้วก็พยายามจะไม่สนใจ
มิ้งค์ยกแฟ้มเอกสารจะไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร ธัญญาเรศที่มาจากอีกทางชะงักที่ได้ยินเสียงมิ้งค์คุยโทรศัพท์
“ไปที่บ้านยายของมิ้งค์ไหมพี่ ยายของมิ้งค์น่าจะช่วยได้ งั้นเดี๋ยวมิ้งค์จะรีบไปหานะพี่”
มิ้งค์จัดการถ่ายเอกสารด้วยความเร่งรีบ
ธัญญาเรศขยับเข้ามา
“พี่มีงานสัมภาษณ์ด่วนที่จะลงเล่มนี้ นัดแขกรับเชิญไว้แล้วแต่ไม่มีใครว่างทำงานชิ้นนี้เลย มิ้งค์สนใจไหม”
มิ้งค์ตื่นเต้น “จะให้มิ้งค์เขียนคอลัมน์เหรอคะ”
“ถ้าทำงานดี อาจจะได้งานทำตั้งแต่ยังเรียนไม่จบก็ได้นะ”
“ทำค่ะ...เมื่อไหร่คะพี่”
“อีกสักชั่วโมงก็ต้องไปสัมภาษณ์แล้ว”
มิ้งค์ชะงักเพราะนึกได้ว่าลันตากำลังรออยู่
มิ้งค์พูดกับตัวเอง “แล้วพี่ลัน....”
“ว่าไง ถ้าไม่ทำพี่จะได้หาคนอื่น” ธัญญาเรศบอก
มิ้งค์มองธัญญาเรศที่มองมาอย่างกดดัน
ลันตานั่งอยู่ในรถโดยเปิดกระจกรถไว้ให้ระบายอากาศ
“งั้นก็ไม่เป็นไร พี่ญ่าเขาให้โอกาสแล้ว มิ้งค์ต้องทำมันให้ดีที่สุด”
มิ้งค์มีสีหน้าลำบากใจ
“แล้วพี่ลันจะทำยังไงล่ะคะ”
ลันตายิ้ม “ไม่ต้องห่วงพี่ ไปทำงานให้เรียบร้อยแล้วค่อยคุยกัน”
ลันตาวางสายแล้วหันมองตาหนู
“อยู่กับพี่ต้องอดทน แต่พี่จะไม่ปล่อยให้หนูอดแน่”
ตาหนูมองลันตาที่ดูมุ่งมั่นด้วยดวงตาแป๋ว ลันตาหยิบมือถือขึ้นมาจะกดโทรออก แต่แบตมือถือหมดทำให้มือถือลันตาดับ ลันตามองอย่างหัวเสีย
“ให้มันได้อย่างนี้”
ลันตาคิด ๆ แล้วตัดสินใจขับรถออกไป
พอลถือถุงของพวกวัตถุดิบทำเค้กเดินไปที่เคาน์เตอร์ พนักงานมาช่วยรับของ
“เอาของไปเก็บ แล้วคนจากหนังสือที่นัดสัมภาษณ์ผมตอนทุ่มนึงมาหรือยัง”
“ยังค่ะ” พนักงานบอก
“ทุ่มกว่าแล้ว” พอลมีสีหน้าไม่พอใจนิดๆ “ไม่รักษาเวลาเลย ผมจะไปดูในครัวนะ”
พอลจะเดินเข้าไป
มิ้งค์เดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์
“ฉันมาจากหนังสือ Trendy ที่มีนัดสัมภาษณ์คุณพีรพัฒน์ตอนหนึ่งทุ่มน่ะค่ะ”
พอลหันไปมองก็เห็นว่าเป็นมิ้งค์ พอลคิดแล้วเดินเข้าไปด้านในหมายจะเอาคืน
“สักครู่นะคะ” พนักงานบอก
พนักงานเข้าไปด้านในที่พอลกำลังแต่งหน้าพาย แล้วพนักงานก็เข้าไปหาพอล
พอลตอบทันทีโดยไม่ต้องรอให้รายงาน “ให้เขารอก่อน”
พนักงานรับคำสั่งแล้วเดินออกไปแจ้งมิ้งค์ พอลเห็นมิ้งค์ไปนั่งรอที่มุมหนึ่งของร้าน พอลมองด้วยสายตาร้าย ๆ แล้วก็ตกแต่งหน้าพายต่อไป
สิปาดันเดินถือกล่องข้าวออกมาพลางมองโทรศัพท์มือถือจนทนไม่ไหวจึงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ สิปาดันกดวางสายอย่างหัวเสีย ทันใดนั้นเฟิร์นก็เข้ามากอดสิปาดันจากด้านหลัง
“พี่สิปา...”
สิปาดันหันมา
“ไม่เจอกันหลายวัน เฟิร์นเหง๊า...เหงา พี่สิปาไปเที่ยวกับเฟิร์นนะคะ”
“วันนี้พี่ไปไม่ได้ ต้องนอนพัก พรุ่งนี้มีบินจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ให้เฟิร์นไปช่วยดูแลไหมคะ นะคะ..พี่สิปา”
“ไว้วันหลังนะครับ วันนี้พี่ไม่สะดวกจริง ๆ พี่ว่างแล้วจะรีบโทรไปหานะ”
“พี่สิปา” เฟิร์นเห็นว่าตื้อไม่ได้ผลแน่ๆ “พี่ต้องโทรหาเฟิร์นจริงๆ นะคะ”
“ครับ...”
เฟิร์นเดินออกไปอย่างเซ็งๆ สวนกับแพทที่เข้ามาท่าทางดูรีบร้อน
“แพท...” สิปาดันมองหา “แล้วลันล่ะ”
“มันบอกว่าจะไปที่บ้านแล้วก็หายไปเลย โทรหาก็ไม่รับสาย ฉันก็เลยคิดว่ามันจะกลับมาที่นี่”
“ลันไม่ได้กลับมา แล้วที่บ้านคุณย่าล่ะ”
“มันเอาตัวเล็กไปด้วย กลับบ้านไม่ได้หรอก”
สิปาดันเริ่มห่วงจนกระวนกระวาย “แล้วลันไปไหน”
พนักงานเดินถือกระเป๋าของลันตานำลันตาที่มือหนึ่งอุ้มตาหนู โดยที่อีกมือหิ้วของของตาหนูเดินเข้ามาที่หน้าห้องซึ่งเป็นห้องพักแบบกระจกหันหน้าออกทะเล จังหวะที่พนักงานไขประตูห้อง ลันตาก็ชะงักที่เห็นลุงคนงานหน้าตาดูน่ากลัวนั่งอยู่ที่ริมทะเลพร้อมกับมองมาที่เธอ ลันตามองแล้วรู้สึกระแวง
พนักงานหันมาบอก “เชิญค่ะ”
“น้องคะ..ลุงคนนั้นเป็นใคร” ลันตาถาม
“เป็นคนงานรีสอร์ทแถวนี้น่ะค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ลันตาส่ายหน้า ฝนเริ่มตก ลันตารีบพาตาหนูเข้าไปในห้อง พนักงานช่วยขนกระเป๋าเข้าไป ลันตาให้ทิป พนักงานเดินออกไป ลันตาปิดประตูกระจกมองออกไปก็ยังเห็นลุงยืนอยู่ตรงที่เดิม ลันตารีบปิดประตูล็อคแล้วเอาผ้าม่านปิดทันที เธอมองออกไปด้านนอกอย่างไม่สบายใจนัก ลันตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นว่าแบตหมด ลันตารีบเอาโทรศัพท์ชาร์ตแบตทันที ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้อง ลันตาตกใจ ตาหนูตกใจร้องไห้จ้า ลันตารีบเข้าไปโอ๋ ฟ้ายิ่งร้อง ตาหนูก็ยิ่งร้อง ลันตามองออกไปด้านนอกอย่างหวั่นๆ
สิปาดันจะเข้าไปกดกริ่งบ้านย่ามาลัย แต่แพทเข้ามาดึงแขนสิปาดันไว้
“สิปา...ถ้าเข้าไปแกกลับมาไม่ครบ 32 แน่ อย่าเสี่ยงเลย”
สิปาดันไม่ฟัง
แพทพูดต่อ “ดูจากตรงนี้ก็เห็นแล้ว รถไอ้ลันไม่อยู่ มันไม่อยู่ที่นี่หรอกไปเหอะ”
“ไม่...ลันไม่เคยไปค้างที่อื่นนอกจากบ้านย่า บ้านเธอ คอนโดฉัน ความหวังฉันเหลือที่นี่ที่เดียว”
“คุณย่ามาลัยเกลียดแกมากนะ ฉันกลัวแกจะได้เลือด”
“ฉันยอมหัวแตก ลันกับตัวเล็กอยู่กันสองคนแบบนั้น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น...ขอให้ลันอยู่ที่นี่”
“ถ้างั้นฉันเข้าไปด้วย”
“ไม่ได้...ถ้าแกเข้าไปด้วย คุณย่าจะสงสัย แล้วเรื่องตัวเล็กจะไม่เป็นความลับอีก แกรออยู่ที่นี่ ฉันจัดการเอง”
สิปาดันเข้าไปในบ้าน แพทมองตามอย่างเป็นห่วงแล้วก็พยายามจะกดโทรศัพท์อีกครั้ง แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ
“ไอ้ลัน...ทำอะไรอยู่นะ!” แพทเป็นห่วง
เสียงหน้าต่างตีกระแทกกับขอบหน้าต่างดังปัง ๆ ลันตาสะดุ้งแล้วหันไปมองที่หน้าต่างแล้วรีบพยายามจะดึงปิด แต่ปรากฏว่าตัวล็อคใช้ไม่ได้
“ที่ล็อคเสียอีก” ลันตาหงุดหงิด
ตาหนูร้องไห้ ลันตาเข้าไปอุ้มขึ้นมา พอจับตัวตาหนู ลันตาก็ต้องตกใจที่ตัวตาหนูร้อน
“ตาหนู..ทำไมตัวร้อนแบบนี้ลูก...”
ตาหนูยิ่งร้อง ลันตาก็เริ่มเครียดกับเหตุการณ์จนควบคุมสติไม่ค่อยได้
“อย่าร้องนะลูก....โอ๋ๆ”
ฟ้าผ่าเปรี้ยงมาที่ต้นไม้แถวห้องที่ลันตาพัก กิ่งไม้หักหล่นลงมา ลันตาที่อยู่ในห้องตกใจกอดตาหนูแน่น เธอเห็นเงาของคนทาบกับผ้าม่านเห็นว่ามีคนเดินอยู่ด้านนอก เท้าของลุงคนงานเดินลากบนพื้นไม้หน้าห้อง ลันตากลัวมาก
มาลัยขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ
“ออกไปจากบ้านฉัน”
สิปาดันไม่สะดุ้งสะเทือนแต่กลับยิ้มรับ
“คุณย่าอย่าใจร้ายกับผมนักสิครับ ผมแวะมาเพราะรักและคิดถึงนะครับ”
“บ้านนี้ไม่ต้อนรับลูกหลานพวกขี้โกง”
“เบาๆ ครับคุณย่า เดี๋ยวลมตีจนช็อคไป ผมจะโดนจับข้อหาทำร้ายวัตถุโบราณนะครับ”
“ไอ้สิปา!”
มาลัยหยิบแจกันจะเขวี้ยง แต่ป้าอังจับมือไว้
“ใจเย็นค่ะคุณพี่ สิปากลับไปก่อนเถอะนะ ป้าขอ...”
“ผมมาเยี่ยมลันครับ มีเรื่องจะคุยกับเขา”
“ออกไป! ฉันสั่งแล้วไงว่าห้ามแกมายุ่งกับหลานฉันอีก” มาลัยว่า
“คุณย่าครับ เรื่องของผู้ใหญ่ทะเลาะกัน เด็ก ๆ ไม่เกี่ยว อย่าพาลนะครับ ไม่มีเหตุผลเขาจะว่า...ว่าอะไรนะครับป้าอัง” สิปาดันบอก
อังเคลิ้มตอบ “แก่กะโหลกกะลาค่ะ”
มาลัยโกรธ “ยัยอัง!”
อังสะดุ้งคิดในใจว่าซวยแล้ว มาลัยโกรธมากจึงสะบัดแล้วหยิบของเขวี้ยงใส่สิปดันา สิปาดันหลบซ้าย หลบขวา
อังพยายามเข้าล็อคตัวมาลัยไว้ “สิปา...กลับไปเถอะ ยัยลันไม่อยู่ไปทำงานที่เชียงใหม่น่ะ”
มาลัยเสียงดัง “ออกไป! จำไว้นะ พวกแกห้ามยุ่งกับลันตา ไม่อย่างนั้นฉันฆ่าพวกแกแน่ ไป”
สิปาดันพอจะได้คำตอบว่าลันตาไม่อยู่แน่
“ลาล่ะครับ คุณย่า...” สิปาดันยังไม่วายแซวต่อ “มหาประลัย”
มาลัยของขึ้นแล้วหยิบข้าวของไล่เขวี้ยงตามหลังสิปาดันที่วิ่งออกไปอย่างเฉียดฉิว
แพทยืนรอหน้าบ้านลันตาอย่างกระวนกระวาย เสียงเพล้ง! ดังมาจากด้านใน แพททำสีหน้าสยอง
สิปาดันวิ่งออกมาอย่างเหนื่อยหอบ
“เจอไอ้ลันไหม” แพทถาม
“ลันไม่ได้มาที่นี่ ฉันจะแจ้งความ” สิปาดันบอก
เสียงมือถือดังขึ้น แพทเห็นแล้วรีบกดรับ
“ฮัลโหล...ไอ้ลัน แกอยู่ไหน ปิดเครื่องทำไม”
สิปาดันได้ยินแพทพูดถึงลันตาก็ตั้งใจฟัง
“แกเป็นอะไรลัน ตั้งสติหน่อยอย่าร้องไห้”
ลันตาแง้มผ้าม่านมองออกไปเห็นรอยเท้าเปียกน้ำที่อยู่หน้าห้อง เสียงฝนเสียงลมยังดังไม่หยุด ตาหนูยังร้องไห้ด้วยความกลัว
“ไอ้แพท...ช่วยฉันด้วย มีคนร้ายที่นี่ ตาหนูตัวร้อน”
เสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงแล้วไฟก็ดับพรึ่บ ลันตาเผลอกรีดร้องด้วยความกลัว แพทตกใจมาก
“แกเป็นอะไรลัน ลัน!”
“ฉันกลัว แพท ฉันกลัว แกต้องมาหาฉันนะแพท มาเดี๋ยวนี้เลย” ลันตาร้องไห้
สิปาดันมองอาการกระวนกระวายของแพท
“ลันอยู่ที่ไหน!” สิปาดันถาม
แพทได้สติ “ใจเย็นๆ ลัน บอกฉันมาว่าตอนนี้แกอยู่ไหน”
แพทกับสิปาดันรอคำตอบสีหน้าเครียดมาก
ลูกค้าเดินออกจากร้านจนเหลือมิ้งค์นั่งอยู่เป็นคนสุดท้ายในร้าน มิ้งค์เริ่มกระสับกระส่ายนั่งไม่ติด
สักพักเสียงมือถือมิ้งค์ก็ดังขึ้น
“ค่ะพี่ญ่า..”
พนักงานเริ่มเก็บเก้าอี้เพราะจะปิดร้านแล้ว มิ้งค์ทนไม่ไหวพูดกับพนักงาน
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณพีรพัฒน์จะให้สัมภาษณ์ได้เมื่อไหร่คะ”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณพีรพัฒน์บอกแค่ให้คุณรอน่ะค่ะ”
“แล้วคุณพีรพัฒน์เข้ามาที่ร้านหรือยังค่ะ”
“มาตั้งแต่ทุ่มกว่าแล้วค่ะ”
มิ้งค์หงุดหงิดมาก
“แล้วให้ดิฉันนั่งรอจนถึงสี่ทุ่มเหรอคะ คุณไม่ได้แจ้งเขาเหรอคะว่ามีคนรออยู่”
“แจ้งค่ะ แต่...”
“ฉันนั่งรอเขาสามชั่วโมง ตอนนี้มันควรจะเป็นเวลาที่ฉันได้กลับไปทำงานต่อ ไม่ใช่นั่งรอไม่มีจุดหมายแบบนี้”
พนักงานหน้าเสียที่โดนเหวี่ยงใส่
“แล้วจะให้ฉันรอไปถึงเมื่อไหร่”
เสียงพอลดังขึ้น “เขาตอบคุณไม่ได้หรอก ถ้าอยากรู้ถามผมดีกว่า”
มิ้งค์หันมองเห็นพอลเดินออกมา พอลไล่ให้พนักงานออกไป มิ้งค์ชะงักมองพอลอึ้งๆ
“คุณมาทำอะไรที่นี่ แล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วย” มิ้งค์สังหรณ์ใจ “อย่าบอกนะว่า..”
พอลยิ้มกวนประสาท “ที่นี่เป็นร้านของผม”
“คุณ...”
“พีรพัฒน์ ธนากุล” พอลบอก
มิ้งค์ตะลึงอึ้งแล้วรีบเรียกสติกลับมา
“ฉันมาจากหนังสือ Trendy ค่ะ ทางเราได้ขอนัดสัมภาษณ์คุณไว้ตอนหนึ่งทุ่มตรง แต่คุณผิดนัด”
“ผมมาถึงที่ร้าน หกโมงห้าสิบแปด แต่คุณมาถึงตอน หนึ่งทุ่มห้านาทีคุณต่างหากที่ผิดนัด”
“คุณ!” มิ้งค์นึกได้ว่าไม่ควรทะเลาะ “เอาล่ะค่ะ ตอนนี้เราได้เจอกันแล้ว ดิฉันขอเริ่มสัมภาษณ์”
“ผมขอแคนเซิลการสัมภาษณ์ครั้งนี้”
มิ้งค์ได้ยินพอลพูดเช่นนั้นก็ถึงกับเหวอ แต่เธอก็รีบมาขวางไว้ “เดี๋ยว!...ค่ะ...คุณรับปากกับทางประสานงานของเราแล้วว่าคุณจะให้สัมภาษณ์กับทางเรา”
“จริง แต่คุณมาช้าไป”
“ห้านาที...แค่ห้านาทีเองนะคะ”
“ผมมีขนมต้องทำ มีร้านต้องดูแล ไม่มีเวลารอใครแม้แต่นาทีเดียว คุณมาช้าเกินไป” พอลพูดกับพนักงาน “กลับบ้านได้แล้ว”
พนักงานเดินออกไป พอลเดินตรวจอย่างไม่สนใจ มิ้งค์ความอดทนขาดสะบั้น
มิ้งค์เดินตาม “คุณคิดจะเอาคืนฉันเรื่องที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใช่ไหม”
พอลหันมาตอบแบบไม่สะทกสะท้าน “ใช่”
มิ้งค์อึ้ง
“แต่วันนี้ฉันมาทำงาน คุณควรจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน”
“เด็กน้อยอย่างเธอแยกแยะได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ค่ะ มันเป็นมารยาท ถ้าจะยกเลิกก็ควรจะมีเหตุผลที่สมควร”
“มารยาท? ก่อนจะสั่งสอนคนอื่น....หนูมีหรือยังล่ะ”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ไม่รู้ตัว...” พอลถอนหายใจอย่างระอา “พูดไปก็เหนื่อยเปล่า”
พอลต้องการได้รับคำว่าขอโทษ เขามองมิ้งค์
“ออกไปสิหนู พี่จะปิดร้าน” พอลว่า
มิ้งค์ยังยืนดื้อ พอลเลยจัดการดับไฟแล้วปิดประตูจะล็อค
“เดี๋ยวสิคุณ”
มิ้งค์รีบวิ่งออกไปนอกร้าน พอลมองแล้วยิ้มนิด ๆ ก่อนจะล็อคประตู ทำไม่สนใจจะเดินออกไป มิ้งค์มองตามอย่างไม่ยอมแพ้
อนุชิตหันกลับมามองธัญญาเรศด้วยความแค้นมาก
“อย่ายุ่งเรื่องของผมกับลันตา!” อนุชิตว่า
ธัญญาเรศไม่ยี่หระ “ฉันคิดว่าคุณควรจะ “ขอร้อง” ไม่ใช่ “สั่ง” ฉันแบบนี้”
“ธัญญาเรศ ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะไล่คุณออก! ผมจะทำให้คุณดิสเครดิตจนคุณทำงานที่ไหนไม่ได้อีก”
“คุณทำได้อย่างมากก็ดับอนาคตการงานฉัน แต่ฉันจะทำให้ลันมันเกลียดคุณ คุณจะไม่มีวันได้สมหวังกับลัน”
“นี่เป็นธาตุแท้ของคุณสินะ ผู้หญิงขี้อิจฉาอย่างคุณมัน..”
“ทุกอย่างมันเป็นของฉัน ฉันจะไม่ยอมเสียมันไป ไม่ว่าตำแหน่งบ.ก.หรืออะไรก็ตาม ถ้าฉันไม่มีความสุข คุณก็ต้องไม่มี จำเอาไว้”
อนุชิตอึ้ง
“ถ้าคุณเล่นงานฉัน ฉันจะฆ่าคุณให้ตาย...ทั้งเป็น”
ธัญญาเรศมองจ้องแบบประกาศศึก ธัญญาเรศเดินออกไปอย่างนางพญามาก อนุชิตกวาดของบนโต๊ะทิ้งอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย!”
อนุชิตมองด้วยสายตากร้าวไม่ยอมแพ้
ลันตานั่งป้อนนมตาหนูขณะที่ฝนยังตก เธอนั่งอยู่ในความมืดด้วยความกลัว
“ไม่เป็นไรนะลูก มันไม่มีอะไร...ไม่มี”
เสียงเคาะประตูกระจกดังก๊อก ๆ
ลันตาสะดุ้งแล้วหันมองก็เห็นเงาคนอยู่ด้านนอก เงาคนถือไขควงอยู่ด้วย
“เปิดประตูหน่อยครับ คุณ!”
ลันตาลนลาน
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น”
“คุณครับ เปิดประตูหน่อย”
“ไม่!”
เสียงเคาะยิ่งดัง ลันตายิ่งกลัว
ลันตาร้องออกมา “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย”
ลันตาอุ้มตาหนูที่ตัวร้อน
“ตาหนู....ตัวร้อนขนาดนี้ ต้องไปหาหมอ”
ลันตามองหาทางหนีทีไล่ เธอมองไปทางหน้าต่างคิดจะอุ้มตาหนูออกไปก็มองฝนที่ตก
ลันตามองไปทางประตูแล้วมองตาหนู “พี่จะไม่ยอมให้หนูเป็นอะไรนะลูก”
ลันตาวางตาหนูไว้บนเตียงแล้วตัดสินใจมองหาของที่เป็นอาวุธได้ ลันตามองหาก็เห็นแค่ราวแขวน ผ้าขนหนูแบบตั้งพื้น ลันตาตัดสินใจงัดจนได้ไม้ที่เป็นราวตากออกมาเป็นอาวุธ
ลันตามองทางตาหนูอย่างตัดสินใจ “ตายเป็นตาย!”
ลันตาเดินไปที่ประตูแล้วรีบล็อค เธอเปิดประตูแล้วฟาดไม้หวังจะตีหัวลุง ลุงตกใจเอามือรับไม้ไว้แล้วยื้อ ลันตาก้าวออกมาจากห้องก่อนจะดันลุงให้พ้นหน้าห้อง ลุงงงแต่ก็ตัดสินใจเหวี่ยงลันตาให้พ้น ลันตาเสียหลักล้มลงไปกับพื้น ลุงเดินไปหยิบไม้ขึ้นมามองทางลันตา ลันตามองไม้ในมือลุงคิดว่าโดนเล่นงานแน่ๆ
“ลุงอยากได้เงินใช่ไหม ฉันจะให้ลุงนะ อย่าทำอะไรฉันเลย”
ลุงคนงานก้าวเข้าหา “ผมจะ...”
ลุงยังพูดไม่ทันจบคำก็โดนลูกถีบของสิปาดันเข้าเต็มๆ จนล้มไป สิปาดันเข้าเล่นงานลุงที่ได้แต่ปัดป้อง
“สิปา!” ลันตาดีใจ
แพทรีบเข้ามาประคองลันตา
“ไอ้ลัน เป็นไงมั่ง”
พนักงานวิ่งเข้ามา
“หยุดค่ะ หยุด!” พนักงานเข้ากันไม่ให้สิปาดันทำร้าย “ทำร้ายลุงทำไมคะ”
“เขาจะปล้นฉัน ถือไขควงมาด้วย” ลันตาบอก
“โอ้ย! ไฟมันดับ ผมจะเข้าไปดูฟิวส์ในห้องคุณ”
“หะ?”
“ลุงเป็นเจ้าของรีสอร์ทค่ะ” พนักงานบอก
ลันตางง “อ้าว...”
สิปาดันกับแพทหันมองลันตาแบบงงๆ ว่ายังไงเนี่ย
ลันตาเดินนำเข้ามา โดยมีสิปาดันกับแพทตามเข้ามา
“ทำไมแกไม่ดูให้ดีก่อนวะลัน กระต่ายตื่นตูม” แพทว่า
“แกดูหน้าลุงเขาสิ น่ากลัวจะตาย ใครจะคิดว่าจะเป็นเจ้าของล่ะ จริงไหม ตัวเล็ก...” ลันตาหาพวก
ลันตาหันมาทางตาหนูตกใจที่เห็นตาหนูแหวะนมออกมา
“ตัวเล็ก!”
สิปาดันกับแพทตกใจ
อ่านต่อตอนที่ 3