รากบุญ ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 13
อยุทธ์กำลังเล่นงานกสิณด้วยความโกรธจัด
“ฉันจำเป็นต้องทำ ชีวิตของพ่อเธอแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว ขืนช้ากว่านี้ มันจะสายเกินไป”
อยุทธ์โมโหมาก “จำเป็น ด้วยการทำร้ายคนทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แม้แต่คุณฐาอย่างงั้นน่ะเหรอ”
“เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมีเมตตาธรรมนะจ๊ะอยุทธ์ ถ้าเธออยากช่วยพ่อเธอ เธอก็ต้องเห็นแก่ตัว”
อยุทธ์ขบกรามแน่นด้วยความโกรธจัด “ฉันเข้าใจแล้ว ว่าทำไมพี่อรถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แล้วทำไมคุณพ่อถึงได้หวาดกลัวเธอนักหนา” อยุทธ์ชี้หน้า “เธอมันปิศาจชั่ว”
กสิณหัวเราะชอบใจ “ฉันเกิดจากกิเลสของมนุษย์ ถ้าฉันชั่วร้าย กิเลสของมนุษย์อย่างเธอ ก็คือรากเหง้าแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด โดยเฉพาะกิเลสของพ่อกับพี่สาวเธอนั่นแหละ”
อยุทธ์เจ็บใจมากแต่ก็เถียงไม่ออก “ฉันขอสั่ง ในฐานะเจ้าของเหรียญ ห้ามเธอทำร้ายคุณเจ หรือเพื่อนคุณเจอีกเด็ดขาด”
กสิณยิ้มบางๆ “ได้สิจ๊ะอยุทธ์ เธอเป็นนายของฉันแล้วนี่”
อยุทธ์ถอนใจพรวดแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย กสิณจิกตามองตามพร้อมแสยะปากดูถูก
โอ้เอ้ฉีกกาแฟจากซองใส่แก้วแล้วเดินมากดน้ำร้อนใส่ถ้วยกาแฟแต่แทนที่น้ำร้อนจากกระติกจะลงแก้วกาแฟกลับฉีดพุ่งใส่ตัวโอ้เอ้ทันที
โอ้เอ้ร้อนมากจึงส่งเสียงร้องลั่น “โอ้ย ร้อนโว้ย ร้อนๆ” โอ้เอ้กระโดดหลบเหยงๆ
ทวีกำลังเดินมาตามทาง ทันใดนั้นหลอดไฟบนเพดานก็สว่างขึ้นมา ทวีเห็นไฟสว่างก็เดินไปปิดไฟเพื่อความประหยัดแต่ปิดสวิทซ์แล้วไฟก็ยังไม่ดับ ทวีปิดใหม่รวมทั้งกดปิดสวิทซ์อันอื่นแต่ก็ทำให้ไฟดวงนี้ปิดไม่ได้
ทวีงง “อะไรวะ”
ทันใดนั้น ไฟบนเพดานก็แตกออกเศษแก้วพุ่งใส่ทวีทันที ทวีตกใจมากแต่ก็หลบไม่ทันได้แต่ยกแขนขึ้นบังหน้า และก้มหน้าหลบ พร้อมกับมีสีหน้าเจ็บปวด
ทวีพันแผลไปทั่ว โอ้เอ้ทายาแก้พุพองโดยนั่งอยู่ใกล้ๆกัน ต่างคนต่างสะบักสะบอมทั้งคู่ โดยมีลาภิณ และเจติยายืนดูอยู่ใกล้ๆ
ลาภิณระแวง “ผมว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่แปลกมากนะเจ แถมยังเกิดขึ้นพร้อมกันอีกด้วย”
เจติยามองทั้งคู่อย่างชั่งใจโดยสงสัยเหมือนกันว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ
โอ้เอ้แสบร้อน “ผมว่าไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกครับ มีคนทำของใส่ผมแหงๆ ผมเข็ดแล้ว ต่อไปไม่กล้าไปหักอกสาวที่ไหนอีกแล้วล่ะครับคุณต้น”
ทวีหมั่นไส้ “ถุย จีบให้ติดซักคนก่อนเถอะวะแล้วค่อยโม้...ไป ไปเอาศพมาได้แล้ว ยังมีแรงเข็นศพก็อย่าบ่นมาก”
โอ้เอ้บ่นอุบ “ปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัวยังงี้ ยังจะใช้ทำงานอีกเหรอลุง โหดไม่เกรงใจกันเลย”
โอ้เอ้เดินกระย่องกระแย่งออกไปจากห้อง
พอโอ้เอ้ไปแล้วทวีก็หันไปพูดกับเจติยา “แต่ที่คุณต้นกับเจ้าโอ้เอ้สงสัยก็น่าคิดนะหนูเจ ลุงว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแน่” สีหน้าติดใจสงสัยบางอย่าง
เจติยาหน้าเครียดคิดตาม “ถ้าคุณอยุทธ์ทำร้ายลุงกับโอ้เอ้ได้ลง เจจะไม่มีวันยกโทษให้เค้าเด็ดขาด”
ลาภิณมีสีหน้าหนักใจ “ตั้งแต่พี่อรตาย อยุทธ์เค้าก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อช่วยพ่อเค้า ตอนนี้ ผมว่าเค้าอันตรายกว่าพี่อรเมื่อก่อนซะอีก”
เจติยามีสีหน้าครุ่นคิดกับสิ่งที่ลาภิณพูดแล้วก็ยิ่งหนักใจมากขึ้น
ตำรวจกำลังล้อมอยู่หน้าร้านทองแห่งหนึ่ง โดยมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเป็นไทยมุง นวัชเดินฝ่าฝูงคนเข้าไป
“สถานการณ์เป็นไงบ้าง”
“โจรยังอยู่ข้างในครับ เท่าที่สอบถามดู โจรมันไม่รู้ว่าประตูร้านเป็นระบบอัตโนมติ พอมันทุบกระจกจะเอาทอง ประตูเลื่อนก็เลยปิดขังมันไว้อยู่กับเจ้าของร้านครับ”
“เช็คดูซิ ว่ามีทางเข้าร้านทางอื่นอีกรึเปล่า” นวัชสั่ง
“ครับ เอ่อ ผู้กองครับ ร้านทองร้านนี้เป็นของพ่อแม่แฟนผู้กองใช่มั้ยครับ” ตำรวจถาม
นวัชเครียดหนัก “ใช่”
นวัชกับตำรวจกลุ่มหนึ่งค่อยๆโรยตัวลงมาจากฝ้าเพดานของร้านชั้นบน พอทุกคนเข้ามาในร้านหมดก็ชักปืนออกมาเตรียมพร้อม
“คำนึงความปลอดภัยของตัวประกันเป็นสำคัญนะ ถ้าผมไม่สั่ง อย่าทำอะไรทั้งนั้น”
“ครับ”
นวัชนำตำรวจทุกคนทยอยกันออกจากห้องไป
โจร 4 คนพร้อมอาวุธครบมือจับพ่อแม่นิษฐาเอาไว้เป็นตัวประกันพร้อมอาวุธครบมือ แต่พวกโจรเองก็เครียดเพราะไม่รู้จะหนียังไง เนื่องจากตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว นวัชนำตำรวจอ้อมมาทางด้านหลัง แล้วกระจายกันเตรียมพร้อม ตำรวจคนหนึ่งแอบมองไปเพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนจะส่งสัญญาณมือด้วยการชูสี่นิ้วซึ่งแปลว่ามีคนร้ายสี่คน แล้วตามด้วย “ชูสองนิ้ว” แปลว่ามีตัวประกัน 2 คน นวัชส่งสัญญาณมือให้ทุกคนเตรียมพร้อมแต่อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว
โจรเครียดหนัก “ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว เอาไงดีพี่”
โจรอีกคนหันไปจับพ่อนิษฐามาขู่ตำรวจที่ล้อมไว้ด้านหน้าร้าน “ถอยไปให้หมดไม่งั้นไอ้แก่นี่ตาย”
พวกโจรรออยู่ครู่นึงแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
โจรตะโกนลั่น “คิดว่ากูไม่กล้าใช่มั้ย งั้นมึงดูนี่...”
โจรคนนั้นทำท่าเหมือนจะยิงพ่อนิษฐา
นวัชให้สัญญาณบุกเพื่อช่วยตัวประกันทันที พวกตำรวจระดมยิงใส่พวกโจรทันทีแบบที่พวกโจรไม่ทันตั้งตัว พวกโจรตกใจก็จะหันมายิงสู้ แต่นวัชไวกว่าจึงยิงโจรคนที่จับพ่อนิษฐากระเด็นไปล้มลง ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ แต่แม่นิษฐาตกใจสุดขีดจึงกรี๊ดไม่หยุดด้วยความหวาดกลัว
พ่อรีบเข้าไปหาแม่ “ม๊า เป็นไงบ้าง”
แม่ตกใจสุดๆ จนสติแตกจึงกรีดร้องสนั่นก่อนจะช็อกด้วยความกลัวแล้วหมดสติไป
นวัชตกใจมากจึงรีบเข้าไปดู “ม๊าครับ ม๊า”
พ่อนวัชตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
นวัชหันไปสั่งลูกน้อง “เรียกรถพยาบาลเร็ว”
นวัชรีบหันมาดูอาการแม่นิษฐาด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่คิดว่าจัดการโจรได้แล้ว
จะเกิดเรื่องนี้ขึ้นแทน
นิษฐาที่สวมผ้าคลุมหัวกำลังตกใจสุดๆ
“แล้วป๊ากับม๊าฉันเป็นยังไงบ้าง”
เจติยากำลังคุยกับนิษฐาด้วยสีหน้าเคร่งเคียด
“ใจเย็นๆแก ป๊าแกปลอดภัยดี ส่วนม๊าตกใจมากก็เลยเป็นลมไป แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”
นิษฐาเป็นห่วงแม่สุดๆ “ฉันอยากไปเยี่ยมม๊า ตอนนี้ม๊าอยู่ไหน” นิษฐาพยายามจะลงจากเตียง
เจติยาเป็นห่วงเพื่อน “แกยังไม่หายดีเลยนะ อย่าเพิ่งไปเลยฐา”
“ฉันห่วงม๊า ฉันทนอยู่เฉยๆ ยังงี้ไม่ได้หรอกเจ”
นิษฐาจะออกจากห้อง ทันใดนั้นเธอก็เวียนหัวจนเซจะล้ม เจติยาตกใจจึงรีบเข้าไปประคองนิษฐาไว้ไม่ให้ล้ม “ฐา”
นิษฐาเหนื่อยหอบเพราะร่างกายของเธออ่อนแอจนช่วยเหลือตนเองยังไม่ได้
เจติยาเดินมานั่งที่โซฟาด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะระยะหลังมีแต่เรื่องจนเธอรู้สึกอ่อนล้าสุดๆ ทันใดนั้น ลาภิณก็เดินมาที่ด้านหลังแล้วก็นวดขมับให้เจติยา
“อย่าเครียดมากนักนะเจ รักษาสุขภาพด้วย”
เจติยายิ้มบางๆ “ขอบคุณค่ะ คุณต้นเองก็เหมือนกันนะคะ เจเห็นพักนี้คุณต้นไม่ค่อยได้นอนเลย”
ลาภิณพูดหน้าเศร้า “มันจำเป็นน่ะเจ ผมอยากให้เจเดือดร้อนน้อยที่สุด”
เจติยาหน้าเศร้าลง “เจตะหาก ที่ทำให้คุณเดือดร้อน” เจติยาถอนใจออกมา “รวมถึงคนอื่นๆ รอบๆตัวเจด้วย” เจติยารู้สึกผิด “เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเจพยายามขัดขวางไม่ให้เกิดกล่องรากบุญ”
ลาภิณหน้าขรึมลง “ผมเดือดร้อน ไม่เป็นไรหรอกเจ ห่วงแต่คนที่เค้าไม่เกี่ยวข้องด้วยเท่านั้นล่ะ”
เจติยารู้สึกแปร่งๆ กับคำพูดของลาภิณเล็กน้อย
“มันไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะคิดถึงความถูกต้องมาก่อนเหมือนกับเรา”
เจติยาหน้าขรึมลงแล้วคิดตามที่ลาภิณพูด
“เจว่าเราสองคนจะทำอะไรเพื่อช่วยพวกเค้าได้บ้างล่ะ”
เจติยาหน้าเครียดก่อนจะหันไปมองลาภิณนิ่ง “ช่วยกำจัดเธอยังไงล่ะกสิณ กำจัดเธอไปซะ ก็จะไม่มีใครต้องเดือดร้อนอีก”
ลาภิณมองเจติยานิ่งอยู่ครู่นึงก่อนจะหัวเราะออกมา ลาภิณหัวเราะชอบใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลายร่างเป็นกสิณ
กสิณยิ้มแย้ม “ฉลาดมาก เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน”
“ฉันรู้นิสัยคุณต้นดี ไม่ว่าจะเผชิญปัญหาหนักแค่ไหน เค้าจะไม่พูดอะไร ที่ทำให้ฉันเสียกำลังใจเด็ดขาด” เจติยาว่า
กสิณยิ้ม “สรุปว่า ฉันพ่ายแพ้ความรักของพวกเธออีกแล้วสินะ แต่ที่ฉันพูดเมื่อกี๊ ฉันพูดจริงนะ ลองกลับไปคิดดูก็แล้วกัน ว่าเธอจะทนเห็นคนอื่นเดือดร้อนเพราะเธอไปได้อีกนานแค่ไหน ทั้งๆที่เธอสามารถจบปัญหาทุกอย่างได้”
“จบปัญหาตอนนี้ เพื่อรอรับปัญหาใหม่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าน่ะเหรอ”
“รึว่าเธอจะรอให้ทุกคนตายหมดเพราะทิฐิของเธอก็ตามใจนะ” กสิณจ้องหน้าข่มขู่ “เธอเหลือเวลาคิดอีกไม่มากแล้วล่ะเจติยา”
กสิณกลายร่างเป็นควันแล้วก็เลือนหายไป เจติยาหน้าเครียดขรึมพลางคิดถึงสิ่งที่กสิณพูดแล้วทบทวนกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเพื่อแก้ปัญหา
อ่านต่อหน้าที่ 2
รากบุญ ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 13 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ อยุทธ์เดินมาที่ห้องไอซียู เขากำลังจะเข้าไปเยี่ยมพ่อที่อยู่ในห้อง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงชาครดังขึ้น
“ถ้าเป็นผม ผมจะไม่เปิดประตูเข้าไปหรอกนะ”
อยุทธ์หันไปตามเสียงก็เห็นชาครยืนห่างเขาไปเล็กน้อย
อยุทธ์ไม่พอใจ “ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้”
“คุณท่านคงไม่อยากช้ำใจกับการกระทำของลูกอย่างคุณอีกแล้ว”
อยุทธ์โมโห “นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้เที่ยวมาคิดแทนพ่อของฉัน”
“ผมพูดความจริง ถ้าคุณจะโกรธแล้วส่งไอ้ผีนั่นมาฆ่าผมอีกก็เชิญเลย”
อยุทธ์นึกไม่ถึง “นี่นายก็ถูกทำร้ายด้วยเหรอ”
ชาครยิ้มเยาะ “อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย ผมไม่หลงกลลูกไม่ตื้นๆ ของคุณหรอก”
อยุทธ์โมโห “ฉันไม่ได้ส่งกสิณไปทำร้ายใครทั้งนั้น นายจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม..”
อยุทธ์ยังพูดไม่จบ ชาครก็เห็นวนันต์ที่นอนอยู่ในห้องไอซียูพลิกตัว
ชาครรู้สึกเหลือเชื่อ “คุณท่าน”
อยุทธ์หันไปมองตามก็เห็นพ่อขยับตัวได้ เขาเลยรีบเข้าไปในห้องทันที โดยมีชาครรีบตามเข้าไปเช่นกัน
อยุทธ์รีบเข้าไปจับมือพ่อ “คุณพ่อครับ ได้ยินที่ผมมั้ยครับ”
วนันต์ค่อยๆลืมตาขึ้น
วนันต์อ่อนเพลียสุดๆ “อยุทธ์”
อยุทธ์ดีใจมาก “ครับ ผมเองครับคุณพ่อ”
วนันต์อ่อนเพลียสุดๆ “ปล่อย ปล่อยพ่อ”
อยุทธ์ได้ยินไม่ถนัดจึงเข้าไปฟังใกล้ๆ “อะไรนะครับ คุณพ่อต้องการอะไรครับ”
วนันต์รวบรวมแรงเต็มที่ “ปล่อยพ่อไป อย่าให้พ่อต้องอยู่ ทนเห็น” วนันต์น้ำตารื้นท่วมตา “ลูก ลูกต้องทำเลวเพื่อพ่ออีกเลย”
อยุทธ์หน้าซีดเผือดเพราะไม่คิดว่าพ่อจะพูดกับตนแบบนี้
ชาครถอนใจหน้าเศร้า “ผมบอกคุณแล้ว”
อยุทธ์ลังเลสับสนไปหมดเพราะแม้จะให้เหตุผลกับตัวเองแค่ไหนแต่ก็ไม่แน่ใจซะแล้วว่าตนกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง
อยุทธ์เดินเครียดมาถึงล็อบบี้โรงพยาบาลเพราะคิดไม่ตกกับสิ่งที่พ่อพูดและสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ อยุทธ์เดินสวนกับเจติยาที่เพิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล แต่อยุทธ์กลับไม่เห็นเจติยาแม้แต่น้อยเพราะมัวแต่คิดเรื่องพ่อ
เจติยาเหลือบเห็นอยุทธ์ “คุณอยุทธ์คะ”
อยุทธ์หันไปมองตามเสียง
“มาเยี่ยมคุณพ่อเหรอคะ”
อยุทธ์หน้าเครียด “ครับ”
เจติยายิ้มบางๆ “โชคดีจริงๆที่เจเจอคุณที่นี่ ขอเจคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
อยุทธ์ถอนใจออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เจติยาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจสงสัยอะไรบางอย่างค่ะ ก็เลยจะมาไขข้อข้องใจ ถ้าคุณว่าง เจก็ขอเชิญนะคะ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับคุณด้วย”
อยุทธ์งงมากว่าเจติยาพูดเรื่องอะไรกันแน่
พยาบาลลึกลับคนเดิมกำลังเดินมาด้วยสีหน้าเครียดๆ พยาบาลเปิดประตูเข้าไปในห้องไอซียูที่วนันต์อยู่
พอเข้าไปดูวนันต์ใกล้ๆ ปรากฏว่ามีเพียงเตียงว่างๆเท่านั้น พยาบาลตกใจจะรีบออกจากห้องไอซียู แต่ไม่ทันแล้วเพราะลาภิณ เจติยา ชาคร อยุทธ์ ที่ซุ่มอยู่เดินล้อมกรอบกันเข้ามา พยาบาลต้องถอยกลับเข้าไปในห้องไอซียู ชาครยืนขวางประตูไม่ให้มีคนเข้าออก
พยาบาลตกใจมากแต่ก็รีบปรับสีหน้าทำเป็นไม่รู้เรื่อง “มีอะไรรึเปล่าคะ”
เจติยายิ้มบางๆ “มีนิดหน่อยค่ะ แต่ฉันว่าเราคุยกันอย่างนี้ดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่” เจติยาจ้องหน้าพยาบาลด้วยสีหน้าแววตาจับผิด “เหมือนกำลังใส่หน้ากากหลอกลวงกันอยู่”
พยาบาลรู้สึกเอะใจ ทันใดนั้นเอง เจติยาก็ปราดมาจับมือพยาบาลไว้ทันที พยาบาลตกใจและพยายามจะดึงมือออก ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างขึ้นที่มือของเจติยา ร่างของพยาบาลค่อยๆเปลี่ยนไปจนกลายเป็นพิมพ์อรในที่สุด ทุกคนตกใจ
เจติยาปล่อยมือออกแล้วฉากออกมา “คุยกันแบบนี้ น่าจะดีกว่านะคะคุณพิมพ์อร”
พิมพ์อรหน้าซีดเผือดที่ถูกจับได้ก่อนจะค่อยๆตั้งสติ
ชาครดีใจสุดๆ “คุณอร คุณยังไม่ตายจริงๆ ด้วย”
อยุทธ์ผลักชาครออกไปด้วยความโมโหมาก “พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง ทำไมพี่ต้องหลอกผมด้วย”
พิมพ์อรตั้งสติได้ก็ทำหน้าตาถมึงทึง “ถ้าไม่ทำแบบนี้ เธอก็ไม่ยอมช่วยพี่น่ะสิอยุทธ์ มัวแต่ละล้าละลัง แล้วเมื่อไหร่เราจะช่วยคุณพ่อได้ซะที”
“ไม่ใช่แค่นั้นมั้งครับพี่อร พี่หลอกคุณอยุทธ์ เพื่อดึงคุณอยุทธ์มาเป็นพวก ซึ่งมันก็เท่ากับว่าพี่ได้เหรียญมาตุนไว้ในมือแล้วถึง 2 เหรียญ”
เจติยาพูดเสริมลาภิณ “แล้วคุณยังยืมมือคุณอยุทธ์สู้กับฉันอีก ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาถึงขั้นที่ฉันต้องเสียชีวิต คนที่ฆ่าฉันก็คือคุณอยุทธ์ เจ้าของกล่องรากบุญคนใหม่ก็ยังเป็นคุณอยู่ดี”
พิมพ์อรเงียบกริบที่ถูกแฉจึงเถียงไม่ออก
พิมพ์อรจ้องหน้าเจติยาด้วยสีหน้าแววตาเจ็บแค้น “เธอรู้ได้ยังไง ว่าฉันยังไม่ตาย”
“มันมีพิรุธอยู่สองข้อค่ะ ข้อแรก พี่ผู้กองเป็นคนยิงปืนแม่นมาก ระยะแค่นั้น เค้าไม่น่าพลาด แล้วเค้าก็ยืนยัน ว่าวันนั้นเค้าไม่ได้เล็งไปที่คุณแน่ๆ จนถึงตอนนี้ เค้าก็ยังไม่เข้าใจ ว่ากระสุนปืนมันไปโดนคุณได้ยังไง”
พิมพ์อรถาม “ข้อสองล่ะ”
“วิญญาณคุณสิทธิพรค่ะ”
ภาพตอนที่วิญญาณสิทธฺพรพูดย้อนกลับมา
“วิญญาณผมจะไม่มีวันไปผุดไปเกิด จนกว่าพิมพ์อรกับไอ้ผนรกนั่นจะรับกรรม เพราะฉะนั้น ผมจะสัมผัสได้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคู่นี้ แต่นี่กลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย คุณเจว่าผิดปกติมั้ยล่ะครับ”
เหตุการณ์ปัจจุบัน พิมพ์อรรู้สึกเกลียดมาก “ขนาดตายแล้วยังสอดไม่เข้าเรื่อง”
“แสดงว่าคนที่เป็นเจ้านายกสิณตัวจริง ยังคงเป็นพี่อร ไม่ใช่คุณอยุทธ์” ลาภิณสรุป
“มันเกือบจะแนบเนียนแล้วนะคะถ้าคุณอรไม่ใจอ่อนมาช่วยคุณชาครให้เป็นพิรุธหลายต่อหลายครั้ง”
ชาครหันไปมองพิมพ์อรด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
“แต่ผมไม่เข้าใจ ทำไมกสิณถึงได้ช่วยอำพรางพี่อรในคราบนางพยาบาลทั้งๆ ที่พี่ขัดขวางมันกำจัดชาคร”
ทุกคนมองไปที่พิมพ์อร พิมพ์อรนิ่งเงียบไปโดยแอบคิดอยู่ในใจคนเดียว
ภาพในความคิดของพิมพ์อร เธอคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
พิมพ์อรกำลังคุยกับกสิณอยู่
พิมพ์อรไม่พอใจ “จะให้ฉันหลบไปอยู่เงียบๆอย่างงั้นเหรอะ ทำไมฉันต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย แค่แกล้งตายก็มากพอแล้วนะ”
“แต่ถ้าเธอใช้ชีวิตปกติ อยุทธ์ก็ต้องจับได้น่ะสิจ๊ะ ว่าเธอยังไม่ตายจริง” กสิณบอก
พิมพ์อรคิดอยู่นิดนึง “งั้นทำไงก็ได้ ให้ฉันสามารถอยู่ใกล้คุณพ่อได้ ฉันปรากฏตัวไม่ได้นานๆอย่างงี้ ฉันห่วงคุณพ่อ”
กสิณยิ้มบางๆ ทันใดนั้นร่างกายของพิมพ์อรก็เปลี่ยนเป็นพยาบาลทันที
“ฉันจะทำให้ทุกคนเห็นเธอในสภาพนางพยาบาล เธอก็สามารถไปเยี่ยมพ่อเธอได้ตามใจชอบ พอใจแล้วใช่มั้ยจ๊ะ” กสิณยิ้มเย็นๆ
พิมพ์อรในคราบพยาบาลมองดูร่างกายตนด้วยความพอใจ
เหตุการณ์ปัจจุบัน พิมพ์อรหน้านิ่งแล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกแก ฉันไม่ใช่จำเลยของใคร”
ชาครสงสัย “แล้วกสิณจะฆ่าผมทำไม”
“ก็เพราะสิ่งที่เธอพูดกับอยุทธ์น่ะสิ”
ชาครคิดทบทวน “สิ่งที่ผมพูดกับคุณอยุทธ์” ชาครฉุกคิดขึ้น “เรื่องประวัติของผมน่ะเหรอครับ”
“คำพูดของเธอ ทำให้อยุทธ์สับสนมาก กสิณกลัวว่าอยุทธ์จะเปลี่ยนใจก็เลยต้องกำจัดเธอทิ้ง หรือไม่ก็ให้เธอโกรธแค้นอยุทธ์ไปเลย”
อยุทธ์หน้าเครียดขึ้นมา เพราะเขาก็เกือบเปลี่ยนใจเพราะสิ่งที่ชาครเล่าจริงๆ
ลาภิณสงสัย “แต่ที่คุณชาครเล่า มันเหมือนกับว่าคุณชาครโดนปองร้ายหลายครั้งไม่ใช่เหรอครับ ถ้ากสิณยังอยู่ในอำนาจของพี่อร พี่อรก็น่าจะสั่งห้ามกสิณ ไม่ให้ทำร้ายคุณชาครได้นี่ครับ”
พิมพ์อรหน้าเครียดและมีท่าทางกลัวๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“กสิณไม่ได้อยู่ในอำนาจของคุณพิมพ์อรตั้งแต่ต้นแล้วล่ะค่ะ แล้วเค้าก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจของใครด้วย ไม่มีมนุษย์ที่ไหนเป็นนายกิเลส มีแต่กิเลสเท่านั้นที่เป็นนายของมนุษย์” เจติยาหันไปพูดกับพิมพ์อร “ฉันพูดถูกมั้ยคะคุณพิมพ์อร”
พิมพ์อรมีท่าทางกลัวๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
อ่านต่อหน้าที่ 3
รากบุญ ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 13 (ต่อ)
เหตุการณ์ในอดีต พิมพ์อรกำลังระเบิดอารมณ์ใส่กสิณอยู่
พิมพ์อรโมโห “ฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าชาครเป็นเพื่อนฉัน แล้วทำไมยังคิดจะฆ่าเค้าอีก”
กสิณยิ้มบางๆ “แต่ถ้าฉันไม่ทำอะไรซักอย่าง ชาครอาจจะทำลายแผนการเราทั้งหมดก็ได้นะจ๊ะพิมพ์อร”
พิมพ์อรตวาดแว๊ด “ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”
“อันที่จริง เมื่อวานเธอก็ไม่น่าขัดขวางฉันเลยนะจ๊ะ ถึงเธอจะปรากฏตัวในร่างที่ฉันสร้างขึ้น แต่มันก็น่าสงสัยอยู่ดี”
พิมพ์อรโมโห “นี่เธอจะกวนประสาทฉันไปถึงไหน ฉันสั่งให้...”
ทันใดนั้น ก็มีมือล่องหนโผล่ขึ้นมาจากดิน แล้วกระชากคอพิมพ์อรไปทางด้านหลังทันที พิมพ์อรกรี๊ดลั่นด้วยความตกใจและหวาดกลัว ทันใดนั้นก็มีมือล่องหนอีกข้างยื่นออกมาจากต้นไม้ตรงเข้าจิกหัวพิมพ์อรดึงขึ้นจนสองเท้าลอยพ้นพื้น พิมพ์อรดิ้นรนทุรนทุรายอยู่กลางอากาศ
พิมพ์อรทั้งเจ็บทั้งกลัว “ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ เธอกล้าทำร้ายฉันเหรอกสิณ”
กสิณหัวเราะคิกๆ “ไร้เดียงสาซะจริงนะจ๊ะ คิดว่าผู้ที่มีพลังอำนาจอย่างฉัน จะลดตัวไปเป็นทาสเธอจริงๆน่ะเหรอพิมพ์อร” กสิณพูดเสียงแข็งอย่างทรงอำนาจ “เธอต่างหากที่เป็นข้ารับใช้ของฉัน” กสิณเดินเข้าไปหาพิมพ์อร แล้วยื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าของพิมพ์อร
พิมพ์อรหวาดกลัวจับใจ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอกลัวถึงขนาดนี้
กสิณพูดต่อ “หมดเวลาให้ขนมหวานแล้ว จำไว้นะจ๊ะพิมพ์อร เธอ...จะได้ทุกสิ่งที่เธอต้องการ แต่ชีวิตแล้วก็วิญญาณของเธอ” กสิณเสียงเข้ม “ต้องเป็นของฉัน” กสิณมีแววตาอำมหิต
พิมพ์อรหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด มือทั้งสองข้างจับเข้าหากันจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากันเอง หลังจากได้ยินเรื่องที่พิมพ์อรเล่า ต่างคนต่างก็รู้ถึงความน่ากลัวของกสิณเป็นอย่างดี
“สมกับเป็นปิศาจที่เกิดจากกิเลสจริงๆ” ลาภิณส่ายหน้า “เล่นงานได้แม้แต่เจ้าของเหรียญของตัวเอง”
“ไม่น่าล่ะ คุณท่านรู้เรื่องนี้มาตลอด ถึงได้พยายามกันคุณสองคนออกจากเหรียญ แล้วก็ไม่ยอมให้พวกคุณสร้างกล่องรากบุญขึ้นมาใหม่”
“คราวนี้พี่อรคงตาสว่างแล้วใช่มั้ยครับ”
“ใช่ พี่รู้แล้วว่าถูกหลอกมาตลอด กสิณไม่ใช่ทาสของพี่ และคอยหาประโยชน์จากพี่” อยุทธ์พูดหน้านิ่งๆ โดยมีสายตาแข็งกร้าวเอาจริง “แต่พี่ก็จะใช้งานกสิณต่อไป แล้วก็จะสร้างกล่องรากบุญขึ้นมาให้ได้”
ทุกคนอึ้งไปทันทีที่พิมพ์อรไม่สำนึก
“ถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังคิดไม่ได้อีกเหรอคะ” เจติยาว่า
พิมพ์อรตวาดแว๊ด “ไม่ต้องมาสอนฉัน ต่อให้ฉันต้องขายวิญญาณให้ปิศาจ แต่ถ้ามันช่วยคุณพ่อได้ ฉันก็จะทำ”
อยุทธ์อึ้ง “พี่อร...”
พิมพ์อรพูดสวนขึ้น “ตอนที่พี่ตาย แล้วเหลือคุณพ่อเป็นญาติคนเดียวในโลกเธอรู้สึกยังไงบ้างอยุทธ์”
อยุทธ์อึ้งไป เพราะตอนนั้นเขาก็ไม่อยากสูญเสียพ่อจนทำได้ทุกอย่างเหมือนกัน
“ถ้าเธอรู้สึกทรมานใจ ก็ขอให้รู้เอาไว้” พิมพ์อรน้ำตารื้นท่วมตา “ว่าพี่ทรมานมาก่อนเธอหลายปี นับแต่วันที่เธอทิ้งพี่กับคุณพ่อไป เพราะฉะนั้น ไม่ว่ายังไง พี่ก็จะต้องช่วยคุณพ่อให้ได้”
ลาภิณหันไปพูดกับเจติยา “หมดหวังแล้วล่ะเจ เจช่วยอะไรเค้าไม่ได้แล้วล่ะ เค้าไม่ได้แค่ถลำลึก” ลาภิณหันไปมองพิมพ์อร “แต่เค้าเต็มใจกระโจนลงไปเองมากกว่า”
พิมพ์อรขบกรามแน่นเพราะไม่พอใจที่ลาภิณว่าตนแต่เธอก็ไม่ตอบโต้
เจติยาจ้องพิมพ์อรเขม็ง “อีกครั้งเดียว ฉันก็จะชำระเหรียญได้ทั้งหมด แล้วก็จะไม่มีกล่องรากบุญในโลกนี้อีก ยอมแพ้ซะเถอะค่ะคุณพิมพ์อร จะได้ไม่ต้องมีใครรับเคราะห์มากไปกว่านี้”
พิมพ์อรหันไปพูดกับอยุทธ์ “ได้ยินแล้วใช่มั้ยอยุทธ์ ถ้าผู้หญิงคนนี้ทำสำเร็จ เราสองคนก็จะไม่มีคุณพ่ออีกแล้ว”
อยุทธ์มีสีหน้าเคร่งเครียดเพราะลังเลสับสนกับเรื่องนี้มาก
พิมพ์อรหันมายิ้มให้เจติยา “ไปกันเถอะกสิณ”
ทันใดนั้นก็เกิดลมพัดอย่างรุนแรงจนแต่ละคนแทบไม่สามารถลืมตาได้ ลมหมุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นรอบตัวพิมพ์อรก่อนที่พิมพ์อรจะหายตัวไปพร้อมกับลมที่ค่อยๆ สงบลง เจติยามีสีหน้าเคร่งเครียดที่เวลาแห่งการตัดสินใกล้เข้ามาแล้ว
พิมพ์อรกำลังคุยกับกสิณด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
กสิณโกรธมาก “ฉันบอกเธอแล้ว ว่าการที่เธอช่วยชีวิตชาคร จะทำให้แผนการที่เราวางไว้ต้องพังพินาศ เธอน่าจะฟังฉันบ้าง”
“แต่เราก็ยังไม่แพ้ไม่ใช่เหรอ ตราบใดที่เจติยายังไม่ได้ชำระเหรียญครั้งสุดท้าย เราก็ยังมีโอกาสชนะได้เสมอ”
“เราจะชนะ ก็ต่อเมื่อได้เหรียญทั้งสามมารวมกันและสร้างกล่องรากบุญขึ้นมาใหม่ได้เท่านั้น”
“ด้านอยุทธ์ฉันจัดการเอง เธอไปจัดการกับเจติยาก็แล้วกัน” พิมพ์อรบอก
กสิณยิ้มแย้ม “พูดอย่างงี้ แสดงว่าเธอมีแผนการอะไรอยู่ใช่มั้ย”
พิมพ์อรยิ้มบางๆ ด้วยสีหน้าแววตาที่ดูเลือดเย็นจนน่ากลัว
เจติยายืนอยู่คนเดียวที่ริมคลอง สายตาของเธอเหม่อมองไปในคลอง สมองเต็มไปด้วยปมปัญหามากมาย ลาภิณเดินเข้ามากอดเจติยาจากทางด้านหลัง เจติยาเหลือบตามองลาภิณแล้วทิ้งตัวผ่อนคลายด้วยความรู้สึกใจเบาลงไปบ้าง
ลาภิณมองเจติยาด้วยสายตารักใคร่ “ผมรับรองเลยนะเจ ว่าผมจะไม่มีวันนอกใจเจเด็ดขาด”
เจติยาขำๆ ก่อนจะผละตัวออกมามองหน้าลาภิณ “นึกยังไงถึงมาพูดแบบนี้คะเนี่ย”
“ก็วันนี้ผมเห็นกับตาแล้ว ว่าเจของผมปะติดปะต่อเรื่องเก่งขนาดไหน ขนาดมีพิรุธอยู่ไม่กี่อย่าง เจยังสาวไปถึงความจริงที่ไม่มีใครคิดถึงได้เลย แล้วผมจะกล้านอกใจเจได้ยังไง”
เจติยาขำออกมา
ลาภิณทำหน้าอ้อนๆ “ดีใจจังที่ช่วยให้เจขำได้”
เจติยายิ้มให้ก่อนจะถอนหายใจออกมา “วันนี้เราทำลายแผนเค้าได้ แต่ก็หยุดยั้งพวกเค้าไม่ได้ ไม่รู้ว่าเราจะต้องเผชิญกับการตอบโต้ที่รุนแรงขนาดไหนนะคะ
ลาภิณโอบเจติยาเอาไว้ “ผมยังไม่มั่นใจคุณอยุทธ์นะเจ กลัวเค้าจะยังร่วมมือกับพี่อรต่อ ยังไงเลือดก็ข้นกว่าน้ำ ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง เราแย่แน่ๆ”
เจติยามีสีหน้าเคร่งเครียดเพราะกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
อยุทธ์เดินหนีพิมพ์อรเข้ามาที่โถงบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
อยุทธ์โมโห “พี่ยังหลอกใช้ผมไม่พอรึไง คราวนี้ต้องการอะไรจากผมอีก”
“พี่ยอมรับ ว่าพี่หลอกใช้เธอเพื่อกล่องรากบุญ แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยคุณพ่อได้ไม่ใช่เหรอ”
“ช่วยคุณพ่อเสร็จ พี่ก็จะใช้กล่องรากบุญสนองความต้องการของตัวเองต่อไปไม่สิ้นสุดใช่มั้ยล่ะ”
พิมพ์อรมีสีหน้าเหนื่อยใจ “พี่จะไม่เถียงเรื่องอุดมการณ์อะไรกับเธออีกแล้ว เลือกมาเลยดีกว่าว่าเธอจะช่วยคุณพ่อหรือไม่ช่วย”
อยุทธ์ขบกรามแน่นแล้วก็นึกถึงคำพูดของพ่อขึ้นมาอีก
เขานึกถึงตอนที่วนันต์รวบรวมแรงอยู่เต็มที่ “ปล่อยพ่อไป อย่าให้พ่อต้องอยู่ ทนเห็น” วนันต์น้ำตารื้นท่วมตา “ลูก ลูกต้องทำเลวเพื่อพ่ออีกเลย”
อยุทธ์กำหมัดแน่น แล้วขบกรามจนขึ้นสัน เขาคิดไม่ตกจริงๆว่าจะเลือกทางไหน
พิมพ์อรหน้าขรึมลง “นี่เป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอจะทำเพื่อคุณพ่อแล้วนะอยุทธ์ ที่แล้วมา เธอเห็นแก่ตัวแล้วก็ทำเพื่อตัวเองมาตลอด ถ้าครั้งนี้เธอไม่ช่วยคุณพ่อ เธอก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
อยุทธ์หน้าเครียดเพราะว้าวุ่นใจมาก
พนักงานของโรงพยาบาลกำลังทำความสะอาดห้องพักผู้ป่วย นิษฐาเดินออกมาจากในห้องน้ำ ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของนิษฐาก็ดังขึ้น
นิษฐาหยิบขึ้นมาดูเบอร์แล้วก็กดรับ “ค่ะพี่” นิษฐาฟังอีกฝ่าย “พี่ไม่ต้องขึ้นมาหรอกค่ะ ฐาเก็บของเรียบร้อยหมดแล้ว เดี๋ยวฐาลงไปหาพี่เลยดีกว่า” นิษฐาฟังอีกฝ่าย “ฐาค่อยยังชั่วขึ้นเยอะแล้วค่ะ อยากจะกลับบ้านไปหาป๊ากับม๊าเต็มทนแล้ว” นิษฐาฟังอีกฝ่าย “ค่ะ เดี๋ยวเจอกัน”
นิษฐากดวางสายก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าเล็กๆของตนแล้วออกไปจากห้อง
อ่านต่อหน้าที่ 4
รากบุญ ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 13 (ต่อ)
นิษฐาเดินไปตามทางเพื่อจะไปที่ลิฟท์ พอนิษฐามาถึงลิฟท์ก็กดปุ่ม พอประตูลิฟท์เปิดออกเธอก็เดินเข้าไป นิษฐาหันกลับมาจะกดปุ่มปิดประตู แต่เธอก็ต้องตกใจสุดๆ เมื่อเห็นกสิณยืนอยู่หน้าประตูลิฟท์ ก่อนที่นิษฐาจะได้ร้อง กสิณก็พุ่งเข้ามาหานิษฐาจนประชิดตัว ใบหน้าใกล้จนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย
นวัชมาจอดรถรอรับนิษฐากลับบ้านอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล เขาเดินคุยโทรศัพท์มือถือมาด้วย
“ผมมารับนิษฐาออกจากโรงพยาบาล มีอะไรเร่งด่วนรึเปล่าหมวด” นวัชฟังอีกฝ่าย “อ๋อ สำนวนคดีอยู่ที่จ่ายุทธ หมวดไปเอาได้เลย” นวัชฟังอีกฝ่ายก่อนตอบ “โอเคครับ”
นวัชกดวางสาย ทันใดนั้น เขาก็เหลือบเห็นบรรดาผู้คนเงยหน้าขึ้นมองยอดตึกของโรงพยาบาลและชี้มือชี้ไม้วิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ นวัชสงสัยจึงเงยหน้าขึ้นมองตาม เขาเห็นคนๆหนึ่งยืนอยู่บนยอดตึกตรงริมขอบตึก แต่เพราะว่าไกลเลยเห็นไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไง นวัชกลัวว่าจะฆ่าตัวตาย เขาเลยกลับไปที่รถก่อนจะเปิดคอนโซลหยิบกล้องส่องทางไกลขนาดเล็กออกมาเพื่อส่องดูว่าคนบนยอดตึกเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เผื่อจะช่วยได้ นวัชส่องกล้องขึ้นดูก็เห็นนิษฐายืนอยู่บนยอดตึก
นวัชตกใจสุดๆ “ฐา!”
นวัชรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลทันที
นวัชเปิดประตูดาดฟ้าเข้ามาด้วยความร้อนใจ พอเข้ามาก็เห็นนิษฐายืนหันหลังอยู่ที่ขอบตึกโดยทำท่าเหมือนจะกระโดดลงไป
นวัชตกใจมาก “ฐา อย่าโดดนะ”
นวัชรีบวิ่งเข้าไปหานิษฐาทันทีแล้วรีบดึงนิษฐากลับเข้ามา พอนิษฐาหันกลับมาก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อใบหน้านิษฐากลายเป็นโครงกระดูกตาโบ๋ น่าเกลียดน่ากลัว
นวัชตกใจสุดๆ จึงผงะออกไป “เฮ้ย!!”
โครงกระดูกหันมากรีดร้องโหยหวนก่อนจะค่อยๆ สลายกลายเป็นฝุ่นผงไป นวัชตกใจสุดๆ จึงหันหลังจะวิ่งหนีแต่พอหันกลับไปก็เห็นนิษฐายืนอยู่ข้างหลังตน นิษฐาบีบคอนวัชแล้วยกขึ้นจนสองเท้าลอยพ้นพื้น นวัชพยายามดิ้นรนแต่ก็สู้แรงไม่ไหว
นิษฐายิ้มเหี้ยมก่อนจะพูดเป็นเสียงกสิณ “แกยังมีประโยชน์อยู่ ฉันยังไม่ฆ่าแกทิ้งตอนนี้หรอก”
พูดจบนิษฐาก็เหวี่ยงนวัชปลิวละลิ่วก่อนจะกระแทกลงไปบนพื้นอย่างแรง
โอ้เอ้เข็นศพคลุมผ้าเข้ามาในห้องเพื่อเอามาให้เจติยากับทวี แต่งศพ
“ศพที่สี่ของวันนี้คร้าบ แหม วันนี้กิจการดีจริงๆ” โอ้เอ้บอก
ทวีเตรียมอุปกรณ์ไปบ่นไป “มีคนตายมากๆจะไปดีอะไรล่ะวะ”
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นลุง ผมหมายถึงมีคนมาใช้บริการเราเพิ่มขึ้นต่างหาก” โอ้เอ้บ่นเบาๆ “คนแก่นี่เข้าใจอะไรยากจัง”
ทวีจะเขกมะเหงกใส่โอ้เอ้ แต่โอ้เอ้ระวังอยู่แล้วเลยฉากหลบไปได้อย่างสวยงาม เจติยาเห็นทั้งคู่เถียงกันรายวันก็ยิ้มๆ ก่อนจะเปิดผ้าคลุมศพออก พอเปิดออกเจติยาก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเตียงเปล่าๆ โดยไม่มีศพนอนอยู่แม้แต่น้อย
เจติยาแปลกใจ “อ้าว ไม่เห็นมีศพเลยนี่โอ้เอ้”
ทวีกับโอ้เอ้มองตามด้วยความงุนงง
โอ้เอ้งง “จะไม่มีได้ไง ผมเข็นมากับมือเลยนะ”
“เข็นเตียงผิดมาล่ะสิ ไอ้นี่ ไว้ใจไม่เคยได้เล๊ย ไป ไปเอามาใหม่เลย” ทวีว่า
โอ้เอ้กลัวผี “ลุงไปด้วยดิ เกิดศพมันลุกเดินขึ้นมาเดินได้ จะได้ช่วยกันไง”
“ไอ้นี่นี่ กลางวันแสกๆ ยังจะตาแหกอีก” ทวีตัดรำคาญจึงยอมออกไปด้วย “ไปๆ”
ทวีเดินนำโอ้เอ้ออกไปจากห้อง เจติยาปิดผ้าคลุมศพลงตามเดิมก่อนจะหันไปทำงานอื่น
ผ้าบนเตียงค่อยๆนูนขึ้นเป็นรูปคนนอนก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เจติยาหันกลับไปเห็นก็สะดุ้งตกใจ เจติยาเอื้อมมือไปเปิดผ้าออกแล้วก็ต้องตกใจยิ่งกว่า เมื่อคนที่นั่งอยู่คือนิษฐานั่นเอง
เจติยาตกใจสุดๆ “ฐา!!”
นิษฐาหันมาจ้องเจติยา “ช่วยฉันด้วย”
นิษฐานั่งอยู่ที่โซฟาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยมีพิมพ์อรกับอยุทธ์ยืนดูอยู่ใกล้ๆ
อยุทธ์ไม่พอใจ “ทำไมต้องดึงคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาด้วยพี่อร โดยเฉพาะคุณฐากับผู้กอง เค้าสองคนไม่เคยทำอะไรให้เราเลยนะ”
“ช่วยไม่ได้ เจติยาอยากหัวแข็งดีนัก เราเล่นงานพวกมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ก็ต้องใช้วิธีนี้บีบยังงี้นั่นล่ะ” พิมพ์อรว่า
นิษฐายิ้มแย้มก่อนจะพูดเป็นเสียงกสิณ “ตอนนี้เราไม่มีเวลามาใจอ่อนแล้วนะอยุทธ์ เพราะถ้าไม่รีบสร้างกล่องรากบุญให้เร็วที่สุด คงหมดทางช่วยพ่อของเธอสองคนแล้วล่ะ”
อยุทธ์ขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ
พิมพ์อรมีสีหน้าไม่วางใจ “แต่ถึงเราจะได้เพื่อนรักของเจติยามาเป็นตัวประกัน ฉันก็ไม่มั่นใจว่าเจติยาจะยอมเราง่ายๆ” พิมพ์อรเป็นห่วง “ยังไงเธอก็ต้องระวังให้มากนะกสิณ”
นิษฐาพูดเป็นเสียงกสิณ “ประเมินเจติยาถูกแล้วเหรอจ๊ะพิมพ์อร ที่แล้วมาเธอดูถูกเจติยามาตลอด ถึงได้แพ้ซ้ำซากไม่รู้กี่ครั้ง คราวนี้คงรู้แล้วล่ะสิ ว่าคนที่ทำลายกล่องรากบุญได้ เป็นคนที่พิเศษขนาดไหน”
พิมพ์อรทิ้งค้อนใส่ก่อนจะสะบัดหน้าไปทางอื่นเพราะไม่พอใจที่โดนแขวะ แต่ตอนนี้ก็ไม่กล้าอาละวาดกับกสิณแล้ว นิษฐาแสยะยิ้มร้ายอย่างมั่นใจว่าคราวนี้เอาชนะเจติยาได้แน่
นวัชที่มีสภาพสะบักสะบอมเปิดประตูห้องทำงานลาภิณเข้ามาก็เห็นลาภิณกำลังคุยกับเจติยาอยู่
นวัชร้อนใจสุดๆ “เจ ไอ้ผีนรกนั่น...”
เจติยาพูดสวนขึ้น “เรื่องฐาใช่มั้ยคะ เจรู้เรื่องหมดแล้วล่ะค่ะ”
นวัชแปลกใจ “เจรู้ได้ยังไง พี่โดนมันทำร้าย พอฟื้นขึ้นมาก็รีบมาหาเจที่นี่เลยนะ”
“พี่ผู้กองคะ ตอนนี้วิญญาณของฐาอยู่กับเราที่นี่” เจติยาหันไปมองที่เก้าอี้อีกตัว
นวัชตกใจสุดๆ แต่ก็มองไม่เห็นวิญญาณของนิษฐา “วิญญาณ ฐาตายแล้วเหรอ”
“ยังไม่ตายค่ะพี่ ก็แค่เกือบๆเท่านั้นแหละ”
“ฐาถูกกสิณผลักวิญญาณให้ออกจากร่างตอนตกใจสุดขีด แล้วก็แย่งร่างไป ถ้าเราพาวิญญาณฐากลับเข้าร่างได้ ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ”
“สรุปก็คือ มันเอาร่างคุณฐามาต่อรองให้เราเอาเหรียญไปแลกน่ะครับ”
“ไม่น่าล่ะ มันถึงได้ไว้ชีวิตผม เพราะมันรู้ว่าผมรักฐายังไงก็ต้องขอร้องเจให้ช่วยฐา เป็นตัวกดดันเจอีกทาง”
เจติยาหน้าเครียดไป
นวัชนึกได้ “เอ้อ มันสั่งให้ผมมาบอกเจว่าให้ไปเจอกับพวกมันตรงที่ดินร้างของบริษัทเอตต้าที่ปทุมธานี”
“ผมรู้จักครับ พี่อรเคยพาผมไปดูที่ดินที่นั่นตอนจะขยายโรงงาน”
นิษฐาไม่สบายใจ “เจ ฉันก็อยากกลับร่างเดิมล่ะนะ แต่ถ้าแกเอาเหรียญไปแลก แล้วพวกเค้าสร้างกล่องรากบุญขึ้นมาใหม่ จะไม่มีคนต้องเดือดร้อนยิ่งกว่านี้อีกเหรอ”
“แกไม่ต้องกลัวหรอกฐา ฉันคิดหาทางแก้ไขไว้แล้ว” เจติยาหยิบกระดาษแล้วใช้ปากกาเขียนข้อความลงในกระดาษก่อนจะยื่นให้ลาภิณ
ลาภิณรับไปอ่านก่อนจะส่งต่อให้นวัช นวัชรับไปอ่าน เจติยาอธิบาย
“คุณต้น พี่ผู้กอง ตอนนี้วิญญาณของฐามาขอให้เจช่วยคืนร่างเดิม ถ้าเจทำสำเร็จ ก็จะมีพลังในการชำระเหรียญครั้งสุดท้าย”
นวัชงงๆ “ทำไมต้องเขียนบอกด้วยล่ะเจ”
เจติยาดึงกระดาษในมือนวัชกลับมาแล้วฉีกออก “กสิณมีพลังในการแอบดูเรื่องราวต่างๆค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะให้เค้ารู้แผนการนี้ไม่ได้”
ลาภิณหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนบ้างแล้วส่งให้เจติยา เจติยารับมาอ่าน ลาภิณอธิบาย
“เจจะฉวยโอกาสนั้น ชำระเหรียญ ทำให้สร้างกล่องรากบุญอีกไม่ได้ใช่มั้ย”
เจติยาฉีกกระดาษทิ้ง “ค่ะ แต่ศัตรูของเราเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ถ้าเกิดอะไรขึ้น พี่ผู้กองต้องรีบพาฐาหนีไปทันที ตกลงมั้ยคะ”
นวัชพยักหน้ารับ “ได้ พี่จะทำตามที่เจสั่งทุกอย่าง”
“แล้วผมล่ะเจ”
“มันอันตรายนะคะคุณต้น คุณต้นอยู่ที่นี่ดีกว่าค่ะ”
ลาภิณเข้าไปจับมือเจติยาไว้ “แล้วเจคิดว่าผมจะยอมให้ภรรยาตัวเอง ไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวยังงั้นเหรอ”
เจติยายิ้มรับก่อนจะมองสายตาลาภิณด้วยความเข้าใจ เพราะถึงจะห่วงลาภิณ แต่ถ้ามีลาภิณอยู่ด้วย เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
พิมพ์อรกำลังจับมือนิษฐาเพื่อดูความเคลื่อนไหวของเจติยา โดยมีอยุทธ์ยืนอยู่ใกล้ๆ
พิมพ์อรปล่อยมือออกด้วยความหงุดหงิดที่ไม่รู้ว่าเจติยาวางแผนอะไร “เจ้าเล่ห์นักนะ”
นิษฐายิ้มแย้มแล้วพูดเป็นเสียงกสิณ “ถ้าเจติยาไม่ฉลาด คงสู้กับพวกเรามาไม่ได้ถึงวันนี้หรอก” นิษฐาเชิด หน้ามั่นใจ “ถึงเราจะไม่รู้ว่าเจติยาจะมาไม้ไหนแต่มันก็เอาชนะเราไม่ได้อยู่ดี เพราะเรายังมีร่างของนิษฐาเป็นตัวประกันอยู่”
“แสดงว่าคุณเจ จะมาที่นี่แน่ใช่มั้ยครับ” อยุทธ์ถาม
นิษฐาพูดเป็นเสียงกสิณ “แน่สิจ๊ะ เค้าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เพราะไม่อย่างงั้นเพื่อนเค้าก็ต้องตายจริงๆ”
อยุทธ์มีสีหน้าเคร่งเครียดเพราะยิ่งใกล้จะเผชิญหน้ากับเจติยาเขาก็ยิ่งเครียดหนัก
ลาภิณกำลังขับรถพาเจติยาไปตามที่นัดไว้ เจติยาหยิบเหรียญของตนออกมาดูด้วยสีหน้าครุ่นคิดถึงแผนการที่วางไว้ ลาภิณเอื้อมมือไปจับมือเจติยาไว้แล้วบีบเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ เจติยายิ้มรับพร้อมสู้เพราะไม่ว่าอย่างไรเธอก็มีลาภิณเป็นกำลังใจเสมอ
ลาภิณกับเจติยาเดินเข้ามาหาพิมพ์อร นิษฐา และอยุทธ์ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
พิมพ์อรหงุดหงิด “ใจเย็นจริงนะ ฉันมารออยู่ตั้งนาน”
“พี่อรใจร้อนเกินไปรึเปล่าครับ” ลาภิณถาม
พิมพ์อรหงุดหงิดแต่ก็ไม่อยากเถียงด้วย
เจติยาหันไปพูดกับอยุทธ์ “ในที่สุด คุณก็ตัดสินใจเลือกเดินทางผิดจนได้นะคะคุณอยุทธ์”
อยุทธ์หน้าเครียด “ผมรู้ว่าผมทำผิด แต่ผมจำเป็นต้องทำเพื่อช่วยคุณพ่อ”
“แล้วหลังจากช่วยคุณพ่อคุณแล้วล่ะครับ จะต้องมีคนรับเคราะห์อีกมากมายแค่ไหน คุณก็ไม่สนใช่มั้ย”
พิมพ์อรรีบปราม “อย่าไปฟังอยุทธ์ คุณพ่อเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับพวกเรา ถ้าเธอช่วยได้แล้วไม่ช่วย ก็เท่ากับอกตัญญู”
อยุทธ์เครียดหนักและสับสนจนถึงตอนนี้
เจติยาถอนใจจึงหันไปพูดกับกสิณพร้อมทั้งหยิบเหรียญออกมา “เหรียญอยู่นี่ คืนร่างเพื่อนฉันมาได้แล้ว”
วิญญาณของนิษฐาเดินออกมาจากด้านหลังของเจติยาแล้วมองไปที่ร่างของตนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กสิณในร่างนิษฐายิ้มรับบางๆ ก่อนที่กสิณจะออกมาจากร่างของนิษฐา ร่างนิษฐาทรุดฮวบลงกับพื้นทันที วิญญาณนิษฐาดีใจมากจึงจะรีบกลับเข้าร่าง ทันใดนั้นก็มีแสงสีดำออกมาจากตัวกสิณแล้วกระแทกวิญญาณนิษฐาปลิวกระเด็นไปทันที
นิษฐาโดนกระแทกจนเจ็บ “โอ้ย”
เจติยาโมโห “นี่คิดจะผิดสัญญาเหรอ ฉันเอาเหรียญมาให้แล้วไง ทำไมถึงไม่ยอมให้เพื่อนฉันกลับเข้าร่าง”
กสิณยิ้มแย้ม “ไม่ใช่ผิดสัญญา แต่มันง่ายเกินไป จนฉันไม่เชื่อใจเธอต่างหาก”
“งั้นเธอจะเอายังไง”
“เธอต้องเอาเหรียญออกมารวมกับเหรียญอันอื่นๆก่อน ฉันถึงจะยอมคืนร่างให้นิษฐา”
“ทำไม”
กสิณหัวเราะ “ถึงฉันจะไม่รู้ ว่าเธอวางแผนอะไรไว้ แต่ก็ไม่มีอะไรเกินการคาดการณ์ของฉันไปได้หรอก ถ้าฉันคืนร่างเพื่อนให้เธอไปวิญญาณกลับเข้าร่างได้ เธอก็จะฉวยโอกาสชำระเหรียญครั้งสุดท้ายใช่มั้ยล่ะ”
ลาภิณกับเจติยาตกใจที่แผนแตกจึงหันไปสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย
กสิณยิ้มแย้ม “ถึงขั้นนี้แล้ว ฉันไม่มีวันให้เธอทำลายความฝันของฉันเด็ดขาด” กสิณหันไปบอกพิมพ์อร กับอยุทธ์ “พิมพ์อร อยุทธ์”
พิมพ์อรโยนเหรียญของตัวเองออกไป เหรียญลอยคว้างอยู่กลางอากาศ อยุทธ์ดึงเหรียญที่ห้อยอคอออกมาแล้วโยนออกไปเช่นกัน เหรียญของอยุทธ์ลอยคว้างไปรวมกับเหรียญของพิมพ์อร
กสิณยิ้มแย้ม “ตาเธอแล้วจ้ะ...เจติยา”
เจติยามีสีหน้าเคร่งเครียดหนักที่แผนที่วางไว้เสียหมดจนไม่รู้จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ยังไง
อ่านต่อตอนที่ 14