xs
xsm
sm
md
lg

ผัวชั่วคราว ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผัวชั่วคราว ตอนที่ 13

ลำเพาภาส่งเมนูคืนให้พนักงานหลังจากสั่งอาหารเสร็จ

"ลิปดาเป็นยังไงบ้าง" ลำเพาภาถาม
ลำเพยพรรณยิ้มดีใจที่พี่สาวถามถึงลูกสาว
"ตอนนี้แกกำลังมีความรักค่ะ ก็เลยดูไม่เครียดเหมือนเมื่อก่อน"
"ดูท่าพีจะดูแลลิปดาได้ดี"
"ไม่ใช่พีคนเดียวน่ะสิคะ"
เธอแปลกใจ
"คบหลายคนเหรอ"
"เมื่อวานก็เห็นอีกคนมาส่งค่ะ"
"ใครเหรอ"
"เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่เขายังไม่เข้ามาในบ้าน ท่าทางก็ดูดีค่ะ แต่พรรณเป็นห่วงแก กลัวจะไม่ระวังตัวเอง ที่นัดพี่เพามาเพราะอยากจะคุยเรื่องนี้กับพี่ด้วย"
"ฉันจะไปช่วยอะไรได้ เขาฟังฉันซะที่ไหน"
"แต่ถึงยังไงพี่ก็เป็นแม่ของ..."
"ใช่ นั่นเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ลิปดาเคยฟังฉันสักนิดไหมพรรณ เขามีอคติตลอดเวลา ว่าฉันไม่ใส่ใจเขาไม่รักเขา"
"ลิปดาแค่น้อยใจน่ะค่ะ บางทีถ้าพี่เพาช่วยเตือนแก แกน่าจะรู้สึกว่าพี่เพาใส่ใจแกมากขึ้นด้วยซ้ำ"
ลำเพยพรรณชะงักหยุดพูด มองไปหน้าร้านยิ้มๆ ลำเพาภามองตามอย่างแปลกใจ
"รอนานไหมคะน้า"
วิลิปดายังมองไม่เห็นแม่ แต่เมื่อเห็น พูดแค่นั้นก็ชะงัก มองลำเพาภาอย่างอึกอักครู่หนึ่ง เกิดภาวะสุญญากาศขึ้น ลำเพาภาเสียหน้าที่ลิปดาไม่ทักทาย
วิลิปดาเห็นแม่สะบัดหน้าหนีก็ยิ่งน้อยใจ เดินออกไปนอกร้านทันที
"ลิปดา... เดี๋ยวสิ ลิปดา"
"เห็นไหมว่าเขาเจอฉันแล้วเป็นยังไง"
"โธ่...พี่เพาคะ เดี๋ยวพรรณไปตามลิปดาก่อนนะคะ"
ลำเพยพรรณรีบออกไป ลำเพาภาแอบเสียใจกับท่าทีของลูกสาว

ลำเพยพรรณวิ่งตามหลานสาวออกมา
"ลิปดา เดี๋ยวสิ ลิปดารอน้าก่อน"
ลิปดาไม่ฟัง ยิ่งเดินเร่งฝีเท้าหนี น้ำตาไหลไปด้วย
"น้าพรรณนัดเขามาทำไม ไม่เห็นบอกลิปดาก่อนเลย"
"น้าอยากให้ทั้งสองคนคุยกัน"
ลำเพยพรรณสะดุดส้นสูงหกล้ม
"โอ๊ย"
วิลิปดาตกใจ รีบเข้าไปประคอง
"น้าพรรณ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"เจ็บขา"
วิลิปดาดูขาของน้าสาว
"ลิปดาพาน้าพรรณไปหาหมอนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวแวะซื้อยาทาหน่อยก็หาย"
"งั้นน้าพรรณรออยู่นี่นะคะ แถวนี้น่าจะมีร้านยา"
วิลิปดามองหาร้านขายยาแถวนั้น

คตกริชกระหืดกระหอบกลับมาที่บริษัท เจอพีรนันท์เดินออกมาพอดี ด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
"หายไปไหนมาน่ะกริช"
"ไปทานข้าวมาครับ"
พีรนันท์มองเขาอย่างตำหนิ
"ผมกับพี่ปุ่นรอสรุปงานกับคุณอยู่ ทีหลังจะไปไหนช่วยแจ้งก่อนด้วย"
"ขอโทษด้วยครับ"
"พี่ปุ่นรออยู่ เราเข้าไปคุยกับพี่ปุ่นเลยดีกว่า"

คตกริชรีบตามพีรนันท์ไป

วิลิปดาเอายานวดที่ขาให้ลำเพยพรรณ

"ดีขึ้นหรือยังคะ"
"โอเคแล้วจ้ะ เรากลับไปที่ร้านกันเถอะ เดี๋ยวแม่เขาจะคอย"
ลำเพยพรรณทำท่าจะลุกขึ้น แต่วิลิปดายังเฉย ไม่อยากไป
"กลับไปที่ร้านกับน้านะลิปดา"
"ทำไมน้าพรรณนัดเขาแล้วไม่บอกลิปดาคะ"
"น้าก็ไม่ได้บอกแม่เขาเหมือนกันนะ แล้วถ้าบอกทั้งสองคนจะยอมมาเจอกันหรือเปล่าล่ะ"
วิลิปดาเงียบ
"จะน้อยใจอะไรนักหนา แม่เขายังเป็นห่วง ถามถึงลิปดานะว่าเป็นยังไงบ้าง"
"เขาก็ถามไปตามมารยาทเท่านั้นล่ะค่ะ"
"ลิปดาทำไมอคติกับแม่นักนะ น้าอุตส่าห์นัดแม่เขามาได้แล้ว อยากให้สองคนคืนดีกัน จะโกรธกันไปทำไม รังแต่จะไม่สบายใจทั้งคู่ แม่เขาพร้อมจะพูดคุยกับเราอยู่แล้ว ลิปดาจะลดทิฐิลงมาคุยกับแม่ได้ไหม"
"หนูไม่ได้มีทิฐิอะไรหรอกนะคะ แค่ไม่เข้าใจบางเรื่องเท่านั้นเอง"
"งั้นก็ไปคุยกันให้เข้าใจสิ น้าเป็นคนกลางน้าอึดอัดมากที่สุด นึกว่าเห็นแก่น้าเถอะนะลิปดา"
วิลิปดามองหน้าลำเพยพรรณอย่างครุ่นคิดตัดสินใจ

เธอช่วยประคองน้ากลับมาที่ร้าน แต่ทั้งสองก็ต้องแปลกใจ เมื่อไม่เห็นลำเพาภาแล้ว
ลำเพยพรรณถามพนักงานเสิร์ฟ
"ขอโทษนะคะ ผู้หญิงที่นั่งโต๊ะนี้ไปแล้วเหรอคะ"
"เพิ่งไปเมื่อตะกี้นี่เองค่ะ"
ลำเพยพรรณนั่งลงอย่างหมดแรง
เสียงข้อความในมือถือของลำเพยพรรณดังขึ้น เธอกดดู เห็นเป็นข้อความจากลำเพาภา-- "ฉันมีงานต้องรีบไปทำต่อ เธอกับลิปดากินกันไปก่อนนะ เอาไว้คราวหน้านัดกันใหม่"
ลำเพยพรรณสีหน้าผิดหวัง วิลิปดายิ่งน้อยใจ
"เห็นไหมคะน้าพรรณ เขาไม่เคยแคร์หนูเลย"
"น้ากลับคิดตรงกันข้ามนะ แม่เขางานยุ่งยังอุตส่าห์ปลีกเวลามา"
"เขายอมปลีกเวลามาเพราะนึกว่ามาทานข้าวกับน้าพรรณคนเดียวน่ะสิคะ ถ้ารู้ว่าลิปดามาด้วย เค้าไม่มีทางยอมมาแน่ๆค่ะ"
ลำเพยพรรณกอดหลานสาวไว้
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกลิปดา... ตอนหนูเดินเข้ามาแม่เขาดีใจมากเลยนะ เดี๋ยวเรากินข้าวกันก่อน วันหลังค่อยนัดแม่เขาใหม่ก็ได้ อยากกินอะไรสั่งเลยจ้ะ"
ลำเพยพรรณยื่นเมนูให้
วิลิปดาตาดูเมนู แต่อดที่จะน้ำตารื้นไม่ได้

คตกริชกลับบ้านมาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เขาแปลกใจ เมื่อเห็นอธิปกำลังแต่งผมอยู่หน้ากระจก
"อ้าว...ธิป ยังไม่ไปบาร์อีกเหรอ"
อธิปหยิบน้ำหอมมาฉีดทั่วตัว
"วันนี้ไม่ไปว่ะ นัดคุณลีน่าว่าจะไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน"
"แฟรงค์ก็ยังไม่ไปเหรอ เห็นรถมันยังอยู่"
"ไม่รู้มัน ไม่เห็นออกจากห้องตั้งแต่บ่ายแล้ว"
คตกริชมองไปที่ห้องแฟรงค์อย่างเป็นห่วง
"ไม่สบายหรือเปล่า"
"ไม่น่าจะใช่ เมื่อวานยังเห็นดีๆอยู่เลย ถ้าไม่สบายมันก็ต้องบอกอะไรกูบ้าง นี่เก็บตัวเงียบ สงสัยจะเพลียมากกว่า ก่อนหน้านี้มีแหม่มแก่ๆ คนนึงติดใจ เหมามันไปนอนพัทยาทีละหลายคืน กลับมาทีไรเห็นมันหน้าเหลืองทุกที"

อธิปพูดขำๆ แต่คตกริชยิ่งรู้สึกมีอะไรแปลกๆ
 
อ่านต่อหน้า 2

ผัวชั่วคราว ตอนที่ 13 (ต่อ)

คตกริชหยุดอยู่หน้าประตูห้องแฟรงค์ เคาะประตู

"แฟรงค์... แฟรงค์ มึงอยู่ในนั้นหรือเปล่าวะ"
เขาลองเปิดดู ปรากฏว่าไม่ได้ล็อก พอเปิดเข้าไปเขาก็ตกใจมาก
"แฟรงค์!"
แฟรงค์กำลังเมายานอนกลิ้งอยู่บนพื้น คตกริชเข้ามาเขย่าตัว
"แฟรงค์ มึงเป็นไรไปวะ"
" ไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับกู"
คตกริชเห็นอุปกรณ์เสพยาจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
"มึงเล่นยาเหรอวะแฟรงค์ ทำไม..."
แฟรงค์มองตาขวาง
"บอกว่าอย่ามายุ่งกับกู!"
"แฟรงค์"
"มึงจะฆ่ากูใช่ไหม"
แฟรงค์ลุกขึ้นบีบคอ โดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว
"อย่าแฟรงค์ อย่า...แฟรงค์! ปล่อยกู โอ๊ะ"
คตกริชกำลังจะหมดแรง

อธิปเดินผิวปากมาที่รถอย่างสบายใจ เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถแล้ว เสียงคตกริชร้องดังลั่นออกมา
"แฟรงค์...อย่า! ปล่อยกู"
อธิปลงมาปิดประตูรั้วจะเอารถออก ก็ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงคตกริชร้องลั่น
"ช่วยด้วย"

ในห้องนอนแฟรงค์ คตกริชถูกแฟรงค์บีบคอ เขาพยายามดิ้นเพื่อเอาชีวิตรอด แต่สู้แรงเมายาของแฟรงค์ไม่ได้
"มึงคิดจะฆ่ากู มึง...ตาย"
เขาใกล้จะหมดลม อธิปถลาเข้ามาช่วยดึงแฟรงค์ออกมา
"แฟรงค์ ปล่อยกริชเดี๋ยวนี้"
แฟรงค์ยังบีบคอคตกริชแน่น อธิปตัดสินใจถีบแฟรงค์ล้มไปพร้อมๆกับมือที่ปล่อยหลุดจากคอเพื่อน
คตกริชล้มลงไอแรงๆ เพื่อเรียกลมหายใจกลับคืนมา แฟรงค์มองอธิปตาขวาง
"มึง...คิดจะฆ่ากูอีกคน มึงตาย"
แฟรงค์เข้ามาเล่นงานอธิปแทน อธิปชก แต่แฟรงค์ไม่ยี่หระ เข้าไปบีบคออธิป
"ไอ้เพื่อนชั่ว กูจะฆ่ามึง"
อธิปดิ้นพราดกำลังจะหมดลม คตกริคว้าและเงื้อเก้าอี้ ฟาดลงบนศีรษะด้านหลังของแฟรงค์จนฟุบลงกับพื้น
คตกริชกับอธิปมองแฟรงค์อย่างโล่งใจ ทรุดตัวลงกับพื้นหมดแรง

ในเวลากลางคืน ไม่มีไลน์จากคตกริช วิลิปดาผิดหวัง เสียงไลน์ดังขึ้น เธอกดดู ปรากฏว่าเป็นของพีรนันท์
"ลิปดาหลับหรือยังเอ่ย กู๊ดไนท์นะครับ"
เธอผิดหวัง พึมพำกับตัวเอง
"หายไปไหนนะ"
วิลิปดาวางมือถือลงเซ็งๆ

ภายในโรงพยาบาล แฟรงค์ดิ้นพราดอาละวาดหนัก ขณะที่ถูกบุรุษพยาบาลจับตัวไว้ แล้วล็อกไว้กับเตียง คตกริชกับอธิปตามมาดูอาการเพื่อน
"ปล่อยกู ปล่อยสิวะ พวกมันจะฆ่ากู"
แฟรงค์ตาเหลือกลานเพราะประสาทหลอน
"กูจะฆ่ามัน มันต้องตาย!"

คตกริชกับอธิปมองเพื่อนอย่างเศร้าใจ

อธิปกับคตกริชเดินออกมาหน้าโรงพยาบาล

"ไม่รู้แฟรงค์จะกลับไปทำงานได้อีกเมื่อไร"
"คงต้องรักษาตัวอีกเป็นเดือน นังแหม่มแก่นั่นโคตรแสบ ชวนไอ้แฟรงค์เสพจนติดหนักขั้นรุนแรง"
"เราต้องตามตัวแหม่มคนนั้นมารับผิดชอบ" คตกริชบอก
"เขากลับประเทศไปแล้วน่ะสิ ไอ้แฟรงค์เลยต้องควักเงินซื้อยาเองจนหมดตัว"
"เฮ้อ...สงสารแฟรงค์มัน แล้วใครจะส่งเงินให้ที่บ้าน พ่อมันก็ป่วยหนักอยู่"
"เราก็คงต้องช่วยมันเท่าที่ช่วยได้"
ทั้งคู่สบตากันอย่างหนักใจ

บริษัทโฆษณา วันใหม่ คตกริชนั่งทำงานสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งง่วงและเป็นห่วงแฟรงค์ วิลิปดาแอบสังเกต
"เมื่อคืนเลิกดึกเหรอคะ"
คตกริชยังเหม่อลอย วิลิปดาเลยเรียกย้ำๆ
"กริชคะ กริช"
"ครับ"
"กริชไม่สบายหรือเปล่าคะ"
"เปล่าครับ"
"ท่าทางเหมือนไม่ค่อยสบาย เมื่อคืนเลิกดึกหรือเปล่า"
"ที่นี่เลิกไม่ดึกหรอกครับ แต่ที่บ้านมีเรื่องวุ่นๆ นิดหน่อย"
วิลิปดารับรู้ได้ถึงความกังวลใจที่เขากำลังเผชิญอยู่
"งั้น..สู้ๆนะคะ"
วิลิปดาชูสองนิ้วให้ คตกริชยิ้มมีกำลังใจมากขึ้น

วันเดียวกัน พิมพ์สนมเอาเอกสารเข้าไปในห้องทำงานให้ลำเพาภาดู
"รายชื่อแขกที่จะเชิญมางานวันเปิดตัวผับค่ะ"
"ขอบใจจ้ะ ช่วงนี้เหนื่อยหน่อยนะพิมพ์ ต้องวิ่งรอกสองที่เลย"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณเพา พิมพ์ชอบซะอีก ได้ทำอะไรแปลกๆใหม่ๆดี"
"ช่วงแรกเธอคงต้องไปช่วยเรื่องระบบบัญชีของผับจนกว่าจะอยู่ตัวด้วย ยังไหวนะ"
"ไหวค่ะคุณพิมพ์"
"ขยันๆแบบนี้ฉันชอบ รับรองว่าผลตอบแทนก็จะมากขึ้นตามความขยันของเธอแน่"
"ขอบคุณค่ะคุณเพา"
พิมพ์สนมออกไป ยิ้มกริ่มในหน้า เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงแล้วคืออย่างอื่น

ในห้องกาแฟ พิมพ์สนมเข้ามาชงกาแฟด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ป้าแดงแซว
"แปลกนะคะ คุณพิมพ์กับคุณเพานี่เหมือนกันเลย ยิ่งทำงานหน้าตายิ่งสดใส สงสัยจะกินงานเป็นอาหาร"
"แหม...ก็เราเป็นเจ้านายลูกน้องที่บ้างานเหมือนกันนี่จ๊ะ"
"แล้วก็ได้เจอหนุ่มผู้จัดการคนนั้นด้วยใช่ไหมละคะ"
พิมพ์สนมหน้าแดง แดงมองซ้ายมองขวา กลัวลำเพาภาได้ยิน รีบลดเสียงลงเป็นกระซิบ
"ได้เจอแล้วจ้ะ แต่คุยกันนิดหน่อยเอง ป้าอย่าให้คุณเพารู้เชียวนะ"
"ไม่บอกหรอกค่ะ เรื่องอะไรจะพูด คนอื่นป้าก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง กลัวไปถึงหูคุณเพา"
"ดีแล้วจ้ะ เพราะยังไม่รู้ว่าคุณเพาคิดยังไง ระวังไว้ก่อนดีกว่า"
"ค่ะๆ ป้ารู้ว่าคุณเพาน่ะถ้าไม่พอใจใครก็เอาไม่อยู่ทั้งนั้น อย่าไปขัดใจเธอเป็นอันขาด"
พิมพ์สนมกับป้าแดงมองหน้ากันอย่างเสียวสันหลัง

วิลิปดานั่งทำงานอยู่อย่างคร่ำเคร่ง คตกริชโผล่หน้าขึ้นมา
"วันนี้กลับกี่โมงครับ"
"คงอีกสักพักค่ะ กลับก่อนก็ได้นะคะ"
"ผมจะรอครับ"
วิลิปดาพยักหน้า พีรนันท์เดินเข้ามา
"ลิปดากลับหรือยังครับ"
"งานยังไม่เสร็จเลยค่ะ"
"เดี๋ยวพี่รอนะครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่พีกลับดึกมาหลายวันแล้ว วันนี้ไม่ต้องรอหรอกค่ะ"
"พี่รอดีกว่าครับ มีอะไรอยากคุยกับลิปดาเยอะเลย"

พูดจบพีรนันท์ก็ออกไป โดยไม่รอให้เธอปฏิเสธ เธออึดอัดใจ แอบมองหน้าคตกริชว่า จะทำอย่างไรดี
 
อ่านต่อหน้า 3

ผัวชั่วคราว ตอนที่ 13 (ต่อ)

วิลิปดาเดินหลบๆซ่อนๆ ออกมาที่รถของคตกริช

"เฮ้อ...ฉันไม่อยากจะทำแบบนี้เลย เหมือนเรากำลังทำอะไรผิด"
"งั้นเราเปิดเผยกันเลยดีไหมครับ"
"อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ ถึงฉันจะยังไม่ได้ตอบรับอะไรพี่พี แต่ก็เหมือนเขามีความหวัง"
"แล้วเมื่อกี้ลิปดาบอกคุณพีว่ายังไงครับ"
"ฉันบอกว่าคุณน้าโทร.มาบอกว่ามาธุระแถวนี้ พี่พีเกือบจะมาสวัสดีคุณน้าด้วย แต่ฉันบอกว่าคุณน้าแค่ขับรถแวะมารับ ฉันรู้สึกผิดจัง"
"ผมก็รู้สึกผิด ที่ทำให้ลิปดาต้องพูดโกหก"
"ฉันคงโกหกเขาแบบนี้ไม่ได้ทุกวัน แต่ก็เป็นห่วง ว่าถ้าเปิดเผยแล้ว อาจจะมีผล
กับการทดลองงานของคุณ"
"ผมไม่กลัวหรอกครับ"
"แต่ฉันกลัวค่ะ"
คตกริชยิ้มออกมาได้ มองวิลิปดาตาเป็นประกาย
"ผมดีใจที่คุณเป็นห่วงผม"
ลิปดาอึ้งไป เขินๆ
"ตีความเข้าข้างตัวเองซะงั้น"
"ว้า...ผมคิดไปเองเหรอเนี่ย"
"อย่าทำเป็นเล่นไปนะคะ มันมีผลกับงานจริงๆ"
"ถ้าต้องหลบๆซ่อนๆ เพื่องานแล้ว ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง"
"ที่จริงพี่พีไม่ใช่คนอคติหรอกค่ะ แต่ลึกๆ แล้ว เขาก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนนึง เราคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะใจกว้างพอหรือเปล่า"
"ผมจะทำงานให้เกินร้อย ทดแทนกันได้ไหมครับ"
"ไม่ได้หรอกค่ะ เอาเป็นว่าให้ผ่านวันนี้ไปก่อน วันหลังเราค่อยมาคิดกันใหม่ ดีกว่าว่าจะทำยังไงต่อไปดี"
คตกริชขับรถออกไป
ใครบางคนแอบมองทั้งสองจากมุมหนึ่ง

คตกริชขับรถมาจอดหน้าบ้านวิลิปดา เธอมองเข้าไป
"วันนี้คุณน้ายังไม่กลับเลย"
"ลิปดาอยู่คนเดียวได้นะครับ"
"ได้สิคะ บ้านฉันเองนี่"
"นึกว่าจะให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนก่อน"
"อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ มันเร็วเกินไป คุณน้าเห็นเข้าจะไม่พอใจ"
"โอเคครับ งั้นรีบเข้าบ้านเถอะ"
คตกริชจอดรอให้วิลิปดาเปิดประตูเข้าบ้าน แต่แล้วเธอก็หยุดชะงัก รถของน้าแล่นเข้ามาจอด ลำเพยพรรณลงจากรถ มองทั้งสองอย่างฉงน วิลิปดารีบแนะนำ
"กริชคะ นี่น้าพรรณค่ะ ... กริชเป็นเพื่อนร่วมงานของหนูค่ะ"
คตกริชไหว้ ลำเพยพรรณรับไหว้ มองคตกริชอย่างสำรวจ

ภายในบ้าน ลำเพยพรรณสัมภาษณ์คตกริชอย่างเอาจริงเอาจัง
"เก่งนะจ๊ะ ทำงานไปส่งตัวเองเรียนไป คนเราทำงานอย่างเดียวยังเหนื่อยจะแย่"
"มันจำเป็นน่ะครับ พ่อผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก แม่ก็ทำงานรับจ้าง รายได้ใช้แค่กินอยู่ก็หมดแล้ว"
"แล้วตอนนี้ยังอยู่กับแม่หรือเปล่า"
"ไม่ได้อยู่แล้วครับ ออกมาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน เพราะใกล้ที่ทำงานมากกว่า"
วิลิปดายกน้ำมาให้คตกริช
"แหม...น้าพรรณคะ สัมภาษณ์กริชละเอียดยิ่งกว่าสัมภาษณ์งานอีกนะคะ"
"ต้องละเอียดสิจ๊ะ เลี้ยงดูหลานสาวมาอย่างดี ใครจะเข้ามาก็ต้องคัดกรองเป็นพิเศษ น้าต้องรู้ให้หมด ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่แผนในอนาคต"
วิลิปดาหัวเราะๆ
"ค่ะน้าพรรณ กริชเขาตัวเกร็งไปหมดแล้ว"
คตกริชก้มหน้า กลัวว่าถ้าลำเพยพรรณรู้เรื่องอดีตของตนจะยิ่งรับไม่ได้

คตกริชหิ้วถุงของกินมาตามทาง จนถึงหน้าห้องแฟรงค์ พอเปิดประตูเข้าไปก็แปลกใจ

คตกริชหิ้วถุงของกินมาตามทาง จนถึงหน้าห้องแฟรงค์ พอเปิดประตูเข้าไปก็แปลกใจ

ลำเพยพรรณนั่งดูทีวี วิลิปดาเดินเข้ามา
"น้าพรรณว่าเขาเป็นยังไงบ้างคะ"
"ก็ดีนี่... แต่นั่นแหละนะลิปดา เวลาแค่นี้ก็ยังตัดสินคนไม่ได้ คนจะดูกันมันต้องใช้เวลาอีกนานนัก เราเป็นผู้หญิงด่วนผลีผลามตัดสินคนเร็วนัก อาจจะเสียใจที่ตั้งความหวังไว้สูงเกินไป"
"แต่น้าพรรณก็ไม่ได้ห้ามเรื่องที่ลิปดาจะคบกับเขาใช่ไหมคะ"
"ของอย่างนี้มันห้ามกันไม่ได้ เท่าที่สังเกตดู เขาเป็นคนขยันดีนี่ ถ้าเขาจริงใจ รักลิปดาจริงๆ จนหรือมีน่ะไม่สำคัญ ขอให้เขาเป็นคนดีก็แล้วกัน"
"น้าพรรณคะ"
วิลิปดาเข้าไปนั่งที่พื้นใกล้กับตักลำเพยพรรณ
"หนูขอบคุณน้าพรรณมากค่ะที่เข้าใจเราสองคน หนูสัญญาจะไม่ทำอะไรเสียหายอย่างที่น้าพรรณกลัว"
"ดีแล้วนะลิปดาน้าจะได้สบายใจ ผู้หญิงเราน่ะ ต่อให้รักเขาสักแค่ไหน เราก็ต้องเหลือความรักตัวเองให้มากๆ น้าไม่อยากให้เราผิดพลาดอย่าง...อย่างแม่เรา ถึงเขาจะร่ำรวย ประสบความสำเร็จสักแค่ไหน ก็ยัง
เป็นคนมีแผล เป็นคนบาดเจ็บกับชีวิตอยู่เรื่อยๆ"
"ค่ะ หนูจะคอยเตือนตัวเอง ไม่ให้น้าพรรณผิดหวัง"
วิลิปดากอดลำเพยพรรณเอาแก้มแนบกับตักน้าสาว ลำเพยพรรณยกมือขึ้นลูบเส้นผมของหลานสาวอย่างแผ่วเบา

คตกริชเข้ามาหาอธิปอย่างร้อนใจ ขณะที่อธิปกำลังแต่งตัวเตรียมจะออกจากบ้าน
"เฮ้ยธิป แฟรงค์หายไปไหนแล้ววะ"
"อ๋อ...ที่บ้านมันมารับตัวออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่ตอนบ่าย"
"ได้ยังไง หมอบอกว่าแฟรงค์ต้องอยู่รักษาตัวอีกเป็นเดือน"
"พ่อแม่มันกลัวจะไม่มีเงินจ่ายค่าโรงพยาบาล"
"แต่เราพร้อมจะช่วย"
"แฟรงค์มันไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเรา"
คตกริชได้แต่ถอนใจอย่างสงสาร
"ท่าทางมันจะไม่เช่าบ้านหลังนี้ต่อแล้วด้วย เราต้องหาคนมาเช่าใหม่ ที่จริง กูก็ว่าจะออกไปอยู่ที่อื่นเหมือนกัน"
"มึงจะไปไหน"
"คุณลีน่าจะยกคอนโดที่สุขุมวิทให้ห้องนึง แต่อีกหลายเดือนกว่าจะแต่งเสร็จ กูถึงจะย้ายเข้าไป"
"ถ้ามึงย้ายออกอีกคน ก็อาจจะคืนบ้านไปก่อน เพราะกูคิดจะหาซื้อบ้านอยู่เหมือนกัน จะได้เอาแม่ไปอยู่ด้วย เป็นห่วงแกอยู่คนเดียว"
"แสดงว่าตอนนี้การเงินกำลังรุ่ง"
"ยังหรอก มันเป็นแค่ความคิดเริ่มต้น กูคิดจะลงหลักปักฐานซะที"
"คุณเพาก็มีบ้านอยู่แล้วนี่ จะต้องซื้อใหม่ให้ลำบากทำไม"
"ไม่ใช่กับคุณเพา"
อธิปมองหน้าคตกริขอย่างแปลกใจยิ่งขึ้น
"เฮ้ย...ใครวะ เพื่อนที่ทำงานใหม่เหรอ"
คตกริชพยักหน้า
"ไวไฟนี่หว่าเพื่อน แล้วถ้าคุณเพารู้ล่ะ เขาจะยอมเร้อ"
"กูจะค่อยๆ หาทางบอกเขาเอง"
"วิธีตีจากผู้หญิงมีตั้งเยอะ แต่ระวังหน่อยนะเพื่อน อย่าให้ตัวเองเข้าไปติดกับของหนี้บุญคุณ เคยมีคนติดอยู่กับมัน ต้องมีเมียแก่ไปตลอดชีวิต ที่ซวยหนักๆ หวังว่าเมียจะตายก่อน จะได้ใช้เงินหว่านซื้อผู้หญิงอายุอ่อนสักแค่ไหนก็ได้ แต่บังเอิญโชคร้ายเสือกตายก่อนเมียซะนี่"

อธิปทิ้งท้ายด้วยเสียงหัวเราะ คตกริชอึ้งไปกับความคิดของเพื่อน
 
อ่านต่อหน้า 4

ผัวชั่วคราว ตอนที่ 13 (ต่อ)

วันใหม่ คตกริชค่อยๆเอ่ยปากถามวิลิปดาด้วยความกังวลใจ

"คุณน้าพูดถึงผมว่ายังไงบ้างครับ"
"น้าพรรณชมว่าท่าทางคุณขยันดีค่ะ ที่ทำงานส่งตัวเองจนจบได้"
"ลิปดา... ผมจะกลับไปทำงานกลางคืนอีก"
"งานเกี่ยวกับอะไรคะ"
"เป็นผู้จัดการผับครับ"
วิลิปดามองคตกริชอย่างแปลกใจ
"ทำไมถึงอยากไปทำล่ะ"
"ผมจะได้มีเงินมากๆ พอที่จะซื้อบ้านอยู่สักหลังนึง...เมื่อ...เอ้อ... เมื่อแต่งงาน"
เธอมองเขาอย่างนึกไม่ถึง
"คุณคิดไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอคะ"
คตกริชจับมือวิลิปดาไว้
"เวลาสำหรับการสร้างความฝันให้เป็นจริง สำหรับคนอื่นอาจจะง่าย แต่สำหรับผมน่ะ มันไม่ง่ายอย่างนั้น"
"คุณจะไม่เหนื่อยเกินไปเหรอคะ"
"ก็คงจะเหนื่อย แต่ผมไม่กลัว คุณต่างหากล่ะ...จะยอมรับสักแค่ไหน ถ้าผมไปทำงานกลางคืน"
"ผู้ชายก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้วนี่คะ แต่ที่ห่วง...ห่วงสุขภาพมากกว่า ร่างกายจะทนได้สักแค่ไหน กลางวันก็ทำงาน กลางคืนยังต้องอดนอนอีก"
"ผมเคยนอนดึกๆ เมื่อก่อนนี้ ผมก็ทำงานกลางคืน"
"ฉันภูมิใจในตัวคุณค่ะกริช น้าพรรณจะต้องเข้าใจเราสองคนมากๆ ถ้าเราต่อสู้กันตามลำพัง โดยไม่หวังทรัพย์สินของน้าพรรณ หรือของแม่..."
"ผมโชคดีที่ได้มาเจอคุณ"
"แล้วฉันโชคดีหรือเปล่าเอ่ย... ที่เจอผู้ชายอย่างคุณ"
คตกริชนึกถึงเรื่องลำเพาภา เผลอพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
"อาจจะโชคร้ายก็ได้ ถ้าบังเอิญคุณรับความจริงบางอย่างในชีวิตผมไม่ได้"
"เช่นอะไรคะ"
เขารีบเปลี่ยนเรื่อง
"เป็นต้นว่า...ผมจน"
"โธ่...เรื่องแค่นี้เอง ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลยค่ะ คนเราไม่ได้เกิดมารวยทุกคนนี่คะ"
เขารู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น กุมมือลิปดามาบีบเบาๆ อย่างอ่อนโยน

หน้าห้องทำงานลำเพาภา พิมพ์สนมนั่งทำงานอยู่ เสียงคตกริชทักดังขึ้น
"สวัสดีครับ"
พิมพ์สนมเงยหน้า ดีใจ
"คุณกริช... มาพบคุณเพาเหรอคะ"
"ใช่ครับ คุณเพานัดผมมาคุยเรื่องงานเปิดผับพรุ่งนี้"
"นั่งรอก่อนนะคะ คุณเพาประชุมอยู่ คงอีกไม่นานค่ะ"
"ได้ครับ"
คตกริชนั่งลง พิมพ์สนมแอบมองตาเป็นประกาย
"คุณกริชไม่เหนื่อยเหรอคะ ต้องทำงานสองที่"
"ผมชิน ส่วนใหญ่ผมก็ทำงานช่วงกลางคืน เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนนี้ไม่มีงานประจำ"
"ทำงานที่ไหนคะ"
"เป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ร้านอาหารครับ"
พิมพ์สนมมองคตกริชอย่างทึ่ง
"เก่งนะคะ ทำงานทั้งกลางวันกลางคืน พอดีรวยตายเลย"
"ถ้าจะตายเพราะรวยผมก็ยอมครับ"
ทั้งสองหัวเราะกันคิกคัก ลำเพาภาเดินเข้ามา สีหน้าไม่พอใจนัก
"มาแล้วเหรอกริช"
แม้จะพูดกับคตกริช แต่ลำเพาชำเลืองมองไปทางพิมพ์สนมที่หุบยิ้มทันที

ลำเพาภาเข้ามาในห้อง คตกริชตามเข้ามา ลำเพาภาหันมาถามด้วยท่าทางหึงๆ
"เมื่อกี้คุยอะไรกับพิมพ์สนม หัวเราะกันคิกคักเชียว"
"อ๋อ...ทั่วๆ ไปเกี่ยวกับงานที่ผับน่ะครับ"
"ฉันไม่ชอบให้เธอสนิทกับพิมพ์สนม"
"ทำไมล่ะครับ ผมคิดว่าทำงานด้วยกัน ถ้าคุ้นเคยกันไว้จะดีเสียอีก"
"นั่นเป็นแค่หลักการเท่านั้น หลักปฏิบัติจริงๆ แล้วไม่จำเป็น"
คตกริชขำๆ กับท่าทางของลำเพาภา หัวเราะไม่จริงจัง
"คงไม่ถึงกับให้ผมหยุดคุยกับเขา"
ลำเพาภายิ้มออกมาในแววตา
"ไม่ถึงอย่างนั้นหรอกกริช แต่คุ้นเคยกันน้อยๆ หน่อยนะ"
"ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าคุณเพารู้สึกอย่างนี้ก็เป็น"
"ไอ้ความรู้สึกที่ว่านี่มันตายจากฉันตั้งนานแล้วนะกริช แต่ตอนนี้มันฟื้นขึ้นมาใหม่ ฉันเคยถูกแย่งมามากสมัยที่ฉันไม่มีอะไรเลย แต่เมื่อฉันมีพร้อมทุกอย่าง ฉันจึงไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นมาแย่งฉันไปอีก"
คตกริชรู้สึกได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงของเธอ นึกกลัว
"คุณเพา"
"รู้ว่าฉันไม่ชอบอะไร ก็อย่าทำอีกแล้วกัน"

คตกริชหน้าเผือดไป นึกไม่ถึงว่าลำเพาภาจะเอาเป็นเอาตายถึงเพียงนี้

หน้าผับของลำเพาภา วันใหม่ ลำเพาภากับเชิดศักดิ์ช่วยกันตัดริบบิ้นเปิดผับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ทุกคนตบมือ พนักงานยิงเปเปอร์ชู้ต ลำเพาภาควงเชิดศักดิ์เข้าไปในผับ ดูฟองร้องเพลงอยู่บนเวที
ลูกค้าทยอยเข้ามาในร้านอย่างไม่ขาดสาย
คตกริชกับพิมพ์สนมคอยต้อนรับลูกค้าอยู่ในร้าน
"เชิญค่ะ"
"เชิญทางนี้เลยครับ"
คตกริชพาลูกค้าไปนั่งตามที่ต่างๆ ลำเพาภากับเชิดศักดิ์สังเกตการณ์อยุ่มุมหนึ่งอย่างพอใจ
"แค่วันแรกลูกค้าก็เข้าร้านมากขนาดนี้ ถือว่าเราประสบความสำเร็จนะคะ"
"เราทำโปรโมตดีครับ แล้วก็ต้องทำให้ลูกค้าติดใจจนบอกต่อปากต่อปากไปเรื่อยๆ จะได้ขยายฐานให้กว้างขึ้น"
"ฉันกำชับกริชไปแล้วค่ะ ว่าบริการของเราต้องดีที่สุด"
"เราสองคนเป็นหุ้นส่วนธุรกิจก็ไปได้สวย ถ้าลองเป็นหุ้นส่วนอย่างอื่นอาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะครับ"
"วกเข้าเรื่องเดิมตลอดได้นะคุณเชิด"
ลำเพาภาเมินไป เชิดศักดิ์มองไม่ยอมแพ้

คตกริชเข้ามาต้อนรับปิยะมาศ ซึ่งเป็นลูกค้าท่าทางไฮโซและดูเหมือนจะสนใจคตกริชเป็นพิเศษ
"เชิญนั่งครับ"
"ฉันไม่ชอบมุมนี้เลย ขอเป็นส่วนตัวหน่อยได้ไหม"
"โต๊ะส่วนใหญ่จะเต็มหมดแล้ว เดี๋ยวผมดูให้นะครับ ... ทางนั้นได้ไหมครับ"
ปิยะมาศมองตามแล้วบอก
"ไม่เอา ตรงนั้นเสียงดัง งั้นเอาตรงนี้ก็ได้ มานั่งเป็นเพื่อนหน่อยสิ"
ปิยะมาศทำท่าจะดึงเขาให้นั่งลง
"ไม่ได้หรอกครับ"
"แหม...นั่งคุยเป็นเพื่อนกันหน่อยไม่ได้เหรอ"
ปิยะมาศยื้อยุดคตกริชให้นั่งลง เชิดศักดิ์กับลำเพาภาเข้ามาช่วย
"ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง มีอะไรเหรอครับ"
"อยากให้น้องคนนี้นั่งเป็นเพื่อนน่ะ ทำไมถึงไม่ยอม"
"กริชเป็นผู้จัดการน่ะค่ะ เขาต้องไปต้อนรับลูกค้าอื่นด้วย ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ"
"ผมนั่งเป็นเพื่อนเองครับ"
ลำเพาภาดึงตัวคตกริชออกไป ให้เชิดศักดิ์อยู่รับหน้าแทน
"งานแบบนี้น่ะ ถ้าแขกติดเรา เราก็ไปรอด แต่ถ้าเราหรือคนของเราติดแขกเมื่อไหร่ เราพัง"
"เอ้อ...ครับ ผมเข้าใจ"
"เพราะฉะนั้นพูดกันไว้ก่อน เธอคงจะรู้หน้าที่ของตัวเองดี ห้ามติดแขกคนใดคนหนึ่ง เพราะเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ก็มักจะละเลยแขกคนอื่น ๆ นั่นหมายถึงเจ๊ง"
"ผมทราบครับ แต่เหตุการณ์เมื่อกี้มันสุดวิสัย"
"เธอต้องใจแข็งหน่อย ตอนนี้เธอเป็นผู้จัดการแล้วนะ อย่าลืมสิ ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ได้ ไม่อย่างนั้นคุณเชิดเขาจะไม่ไว้ใจเธอ"
เขาพยักหน้าอย่างยอมรับ

หลังร้องเพลง ดูฟองกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว นั่งเติมหน้าที่หน้ากระจก พิมพ์สนมเดินเข้ามาบอก"เพลงต่อไปที่จะขึ้นไปร้อง เธอเปลี่ยนชุดใหม่เป็นชุดนี้ด้วยนะ"
ดูฟองมองไปที่ชุดที่พิมพ์สนมชี้อยู่ แล้วเบะปาก
"ยี้...ใครเลือกชุดให้เนี่ย เสร่อที่สุด"
พิมพ์สนมถลึงตาอย่างไม่พอใจ เมื่ออยู่กันสองคนกับดูฟอง พิมพ์สนมก็หลุดตัวตนที่แท้จริงออกมา
"เสร่อยังไงยะ"
"อ๋อ...ที่แท้เธอนี่เองที่เป็นคนเลือก ฉันไม่ใส่หรอกนะ ไอ้ชุดทุเรศแบบนี้"
"นี่เป็นชุดที่บริษัทคุณเพาตัดมาให้ เธอต้องใส่ขึ้นเวที"
"คุณเพาคงไม่รู้ว่าเธอเลือกชุดนี้มา นี่มันไม่ใช่ชุดนักร้อง แต่เป็นชุดแดนเซอร์ ฉันไม่ใส่หรอกย่ะ"
ดูฟองจะเดินออกไป แต่พิมพ์สนมกันไว้
"เธอต้องใส่"
"ฉันจะใส่ชุดเดิม"
"ไม่ได้นะ"
พิมพ์สนมกระชากตัว ดูฟองโมโหตบ พิมพ์สนมตบกลับ ดูฟองจิกผม พิมพ์สนมข่วนหน้า ดูฟองกรีดร้องลั่น
"แอร๊ย... อีนังเลขากระจอก"
"อีนักร้องชั้นต่ำ"

ดูฟองผลักพิมพ์สนมล้มลง แล้วตามไปคร่อมตบ พิมพ์สนมร้องลั่นแล้วปัดป้องจนอีกฝ่ายตบไม่ถนัด ก่อนจะชิงจังหวะเผลอขึ้นคร่อมดูฟองบ้าง ทั้งสองตบกันนัวเนียบนพื้น
 
อ่านต่อตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น