xs
xsm
sm
md
lg

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 13

เพลิงเดินหน้าตาจริงจังจะไปดวลกับผู้กองสมานตามนัด โดยมีเชนกับวัลภาเดินตามหลังมาด้วย ระหว่างนั้นเสียงปืน ก็ดังเข้ามาติดกันหลายนัด เชนกับเพลิงชะงักหันไปทางต้นเสียง เชนรีบบอกให้เพลิงรีบพา วัลภาไปที่บ้าน ส่วนตัวเขาจะเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่วัลภาไม่ยอม
“ฉันจะไปกับเธอด้วยนะเชน”
“พี่บึ้กมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ เธอกลับไปกับเขานั่นแหละดีแล้ว ไม่ต้องห่วงฉัน”
เชนรีบเดินออกไป วัลภามองตามเชนด้วยสีหน้ากังวล ส่วนเพลิงดูครุ่นคิด

ไอ้ตุ่นวิ่งหนีกระเสือกกระสนล้มลุกคลุกคลานเข้ามาแล้วล้มลง พอลุกขึ้นมาอีกที ก็เจอเชน ที่เข้ามาพอดี มันรีบขอร้องให้เชนช่วย
“พ่อกำนันเขาหาว่าข้าทรยศเขา เขาจะเอาข้ามาฆ่าทิ้ง เอ็งช่วยข้าด้วยนะ ถ้าเอ็งช่วยข้าให้รอด ตายได้ เอ็งจะเอาอะไรจากข้า ข้าให้หมด”
ระหว่างที่เชนกำลังครุ่นคิด เสียงปืนก็ดังเข้ามา กระสุนพุ่งเฉียดเชนไปโดนต้นไม้ใกล้ๆตัว
“ไอ้เชน นี่เอ็งมาเกะกะอะไรแถวนี้วะ”
ไอ้เชิดตะคอกถาม ไอ้ตุ่นรีบเข้าไปหลบหลังเชน
“ไอ้เชน เอ็งอย่าให้มันเอาตัวข้าไปนะ”
เชนถอนหายใจ“ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกเอ็ง แต่ถ้าจะให้เดินออกไปเลยมันก็ดูจะใจจืดใจดำกับคนที่ กำลังต้องการความช่วยเหลือเกินไป”
“งั้นเอ็งก็หาเรื่องใส่ตัวแล้วไอ้เชน กลายเป็นผีเฝ้าป่าพร้อมกับไอ้ตุ่นนั่นแหละ”
ไอ้เชิดพุ่งตัวเข้าสู้กับเชน แลกหมัดใส่กันไม่ยั้ง ลูกน้องอีกคนจะเข้ามาเล่นงานไอ้ตุ่น แต่กลับถูกไอ้ตุ่นเล่นงานกลับ ก่อนจะฉวยโอกาสวิ่งหนีทิ้งให้เชนปะทะเชิงมวยกับไอ้เชิด

ไอ้ตุ่นวิ่งหนีต่อออกมาถึงอีกบริเวณของป่า ระหว่างนั้นไอ้คมกับลูกน้องก็เดินเข้ามา
“อย่าทำให้ข้าต้องออกแรงเหนื่อยกับไอ้กระจอกอย่างเอ็งเลย”
พูดจบ ไอ้คมก็พยักหน้าให้ลูกน้องเดินเข้าไป ไอ้ตุ่นขยับจะยิง แต่ถูกไอ้คมชักมีดออกมาปาใส่มือ จนมันร้องเสียงหลง เพราะมีดปักมือมันทำให้ปืนร่วง
“ก็บอกแล้วว่าอย่าให้ข้าต้องเสียเวลา”

ทางด้านเชน กำลังปะทะฝีมือกับไอ้เชิดและลูกน้อง เชนพลาดท่าถูกไอ้เชิดใช้ท่อนไม้ฟาดกลาง หลังจนเซถลา จากนั้นก็ชักปืนจะยิงเชน แต่กลับถูกเพลิงกระโดดถีบจากข้างหลัง ทำให้เซถลา ปืนกระเด็นหลุดจากมือ แถมโดนเพลิงชัดหน้าเข้าไปจังๆ ส่วนวัลภาก็เล่นงานลูกน้องที่มากับเชิดจนหมดท่า จนพวกมันล่าถอยไป
“ตามมาทำไมกัน ก็บอกให้พาวัลภากลับไปไงพี่บึ้ก”
เพลิงพยักเพยิดไปทางวัลภา “ถามเมียเอ็งเอาเองแล้วกัน จะเป็นจะตายให้ได้ถ้าไม่ได้มาช่วยเอ็ง”
พลางรีบถามเชนว่าพวกไอ้เชิดเข้ามาทำอะไรในป่า
“มันลากตัวไอ้ตุ่นจะมาฆ่าทิ้ง แต่ฉันว่ามันต้องมีบางอย่างที่มากกว่านั้น เพราะลำพังฆ่าไอ้ตุ่น มันคงไม่ต้องลากมาถึงกลางป่าแบบนี้ เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันจะตามไอ้เชิดไป ส่วนพี่บึ้กตามไปดูไอ้ตุ่น พยามช่วย มันให้ได้ เผื่อเราจะได้เรื่องอะไรจากมัน”
เพลิงพยักหน้า พร้อมตบบ่าเชนแล้วเดินออกไปทางที่ไอ้ตุ่นไป เชนหันมาทำหน้าทะเล้นใส่วัลภา
วัลภารีบผลักเชนให้เดินสะกดรอยตามไอ้เชิดไป

ไอ้ตุ่นโดนลูกน้องไอ้คมเล่นงานจนเข่าอ่อนหมดแรงขัดขืน และกำลังจะถูกพาออกไป ระหว่างนั้น เพลิงก็เข้ามาขวาง
ไอ้คมเห็นเพลิงก็แปลกใจเพราะนึกว่าเพลิงตายไปแล้ว เพลิงก็ตกใจไม่แพ้กัน
“คิดไม่ถึงจริงๆว่าการมาผาปืนแตกครั้งนี้จะทำให้ข้าได้เจอกับเอ็ง ก็ดีเรื่องอะไรที่เคยค้างๆคาๆ กันอยู่ จะได้ถึงเวลาต้องสะสางกันซะที”
ไอ้คมหัวเราะลั่น ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “เอาตัว ไอ้ตุ่นไปให้นายได้แล้ว”

เพลิงจะเข้าไปขวาง แต่ถูกไอ้คมพุ่งตัวไปถีบยอดอก จนกระเด็น

ผู้กองสมานก้าวเข้ามากลางทุ่งหิน ขณะที่ดวงอาทิตย์ที่กำลังอยู่กลางหัว ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา
“ตรงเวลาดีมากไอ้เพลิง”
ผู้กองสมานหันกลับไป แต่ไม่ใช่เพลิงอย่างที่คิด กลับเป็นยอดที่ควงขวานอาวุธประจำกายเข้ามา พร้อมกับบอกว่าทนเห็นเพลิงถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรอีกต่อไปไม่ได้แล้ว “เอ็งจะไม่มีวันได้เจอไอ้เพลิงอีก เพราะข้าจะฆ่าเอ็งเองไอ้สมาน”
ยอดควงขวานอย่างคล่องแคล่วก่อนจะวิ่งเข้าใส่ ผู้กองสมานพลาดท่าเสียจังหวะ ถูกคมขวาน ของยอดบาดเข้าไปให้ที่ต้นแขนจนได้เลือดซิบ
“เป็นไงไอ้ผู้กองหมาบ้า ถ้าเอ็งไม่มาเหยียบที่ผาปืนแตกแล้วปล่อยให้ไอ้เพลิงมีความสุขของมันไป เอ็งก็ไม่ต้องเอาชีวิตมาให้ข้าเชือดเล่นหรอก”
ผู้กองสมานจ้องหน้ายอด
“เอ็งอย่าประมาทข้าเกินไปนักไอ้ยอด ชาตินี้ไอ้เพลิงจะไม่มีวันได้เจอกับคำว่าความสุข เพราะกรรมที่มันทำไว้จะตามหลอกหลอนมัน จนกว่ามันจะตกนรกมอดไหม้ เข้ามา ใครที่กล้ามาขัดขวางข้ากับ ไอ้เพลิง มันต้องโดนหนัก”
ยอดจ้องหน้ากลับอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมกับควงขวานอย่างดุดันมากกว่าเดิม

ลูกน้องกำนันปราบประคองไอ้เชิดที่โดนเพลิงเล่นงานจุกเข้ามาในแค้มป์ เชนกับวัลภาพากันแอบ เข้ามาอย่างเงียบเชียบ ซุ่มดูอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เชนกำชับให้วัลภาอยู่นิ่งๆเงียบๆ เชนเห็นลายเสือ ก็ถึงกับหน้า เครียด
ส่วนชาติเห็นสภาพของไอ้เชิดก็ตกใจ ไอ้เชิดรีบบอกว่าเป็นฝีมือของเพลิง เชน แล้วก็วัลภา
“ไอ้พวกนั้นมันมาทำอะไรแถวนี้”
กำนันปราบหันมาตะคอกถาม
“ผมไม่รู้ครับนาย”
ทางด้านลูกน้องไอ้คม ก็ลากตัวไอ้ตุ่นเข้ามา ก่อนจะผลักลงไปกองกับพื้นตรงหน้ากำนันปราบ กับชาติ แล้วรีบบอกว่าไอ้คมกำลังจัดการกับโจทย์เก่า นั่นคือเพลิง พญาไฟ
ลายเสือได้ยินชื่อเพลิงก็ตกใจ
“ว่าไงนะ ไอ้เพลิงยังไม่ตายเหรอ”
“ครับนาย แต่มันคงต้องตายอีกครั้งแน่ เพราะพี่คมคงไม่ปล่อยมันไว้”
เชนกับวัลภาแปลกใจ เพราะไม่รู้มาก่อนว่าเพลิงก็เคยมีปัญหากับคนพวกนี้ กำนันปราบรีบหันมาสรุปกับลายเสือ
“เอาล่ะๆ ฉันว่าท่าทางงานนี้ แกกับฉันกำลังมีศัตรูร่วมกันอยู่ นั่นหมายความว่าการร่วมมือของเรา ย่อมส่งผลดีแน่นอน”
พูดจบ ก็สั่งชาติให้คอยดูไม่ให้พวกเชนเข้ามาป้วนเปี้ยน เพราะไม่อยากให้รู้เรื่องที่พวกมันกำลังทำ จากนั้นก็ลากไอ้ตุ่นออกไปพร้อมกับลายเสือ เหลือทิ้งลูกน้องเฝ้าแคมป์แค่ไม่กี่คน
เชนกับวัลภายังมองตามพวกมันไปอย่างสงสัย

“ฉันว่างานนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ต้องสืบให้รู้”

ส่วนเพลิงที่กำลังต่อสู้กับไอ้คมก็ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ก่อนที่เพลิงจะพลาดท่า ถูกเตะอัดกระแทก เข้ากับต้นไม้จนทรุดฮวบ ไอ้คมตามเข้าไปแล้วใช้เท้ากระทืบข้อเท้าเพลิงอย่างแรง จากนั้นก็จับแขนเพลิงมาบิด แล้วก็หัวเราะสะใจ
ระหว่างนั้นเสียงปืนดังเข้ามา กระสุนพุ่งโดนหัวไหล่ไอ้คมจนมันกระเด็นเซผละจากเพลิง
แสนกับจิกปราดเข้ามาช่วยกันประคองเพลิงให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
“แล้วไอ้หมอนั่นมันเป็นใครวะ ไม่เคยเห็นหน้า ไม่ใช่ลูกน้องของไอ้ปราบด้วย”
จิกหมายถึงไอ้คม เพลิงรีบอธิบาย
“พวกทหารรับจ้าง ลูกน้องของลายเสือคำลือ ราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดิน”
“หา! แล้วพวกทหารรับจ้างกับพวกค้ายาเสพติดมันมาทำอะไรที่ผาปืนแตกวะ”
“ตอนนี้เชนกับวัลภากำลังไปสืบอยู่ เดี๋ยวก็คงรู้”
แสนส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“วุ่นวายกันไปใหญ่แล้วเว้ยผาปืนแตก ที่นี่มันปากประตูนรกเหรอไงวะถึงได้มีแต่พวกเลวสุดขั้ว ชั่วสุดๆ แห่มากบดานกัน”
จิกหันไปพูดกับแสน
“แต่ต่อให้พวกมันยกขโยงมากันเป็นกองทัพ พวกเราก็ต้องสู้นะเว้ยไอ้แสน สู้เพื่อปกป้องบ้าน ของเราเอาไว้”
เพลิงพยายามลุกขึ้นฝืนความเจ็บแล้วเดินต่อ แสนรีบห้ามไว้
“สภาพเอ็งแบบนี้ ข้าว่าพักก่อนเถอะวะไอ้เพลิง”
เพลิงส่ายหน้า “ไม่ได้หรอกจ้ะน้า ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ”
“ถ้าเรื่องดวลกับพี่ชายคุณหมอล่ะก็ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไอ้ยอดมันไปเถอะ”
เพลิงชะงัก ตกใจ “น้าหมายความว่าไง”

ฝ่ายผู้กองสมานกับยอด ก็ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ยอดสู้แบบชนิดเอาชีวิตเข้าแลก จนสุดท้ายถูกผู้กองสมานซัด จนทรุดฮวบลงไปนอนแน่นิ่ง
ผู้กองสมานมองสภาพของยอด พลางเริ่มฉุกใจคิดว่าทำไมยอดถึงยอมสละชีวิตเพื่อเพลิงได้มาก ถึงขนาดนี้

ไอ้ตุ่นถูกพวกลูกน้องกำนันปราบลากตัวเข้ามาที่บริเวณใกล้ทุ่งกับระเบิด มันพยายามอ้อนวอนร้องขอชีวิต กำนันปราบหันมาทางลายเสือ
“ลายเสือ คนของเอ็งเคลียร์พื้นที่กับระเบิดไปถึงไหนแล้ว”
“ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เก็บกวาดไปเยอะพอสมควร”
กำนันปราบยิ้มร้ายแล้วจิกหัวไอ้ตุ่นขึ้นมา
“ไอ้ตุ่น เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน โอกาสเอ็งรอดอยู่ข้างหน้าแล้ว ถ้าเอ็งเดินฝ่าดงกับระเบิดนี่ไปได้ เอ็งก็รอด จะเอาหรือไม่เอา”
ไอ้ตุ่นหน้าเครียด มองไปที่ทุ่งกับระเบิดอย่างตัดสินใจ กำนันปราบพยักหน้าให้คนของลายเสือ เข้ามาหิ้วปีกมันไปที่ทุ่งกับระเบิด ก่อนที่จะชักปืนออกมา
“ข้าจะนับถึง 3 ถ้าเอ็งไม่เดินไป เอ็งก็ตายอยู่ตรงนี้..หนึ่ง...”
ไอ้ตุ่นหน้าเครียด เชนที่ซุ่มอยู่ มองด้วยด้วยความสนใจ
กำนันปราบนับต่อ “สอง”

ไอ้ตุ่นตัดสินใจเดินออกไปช้าๆ เหงื่อแตกเต็มหน้าอย่างลุ้นระทึก

ทางด้านชาติกับไอ้เชิดและลูกน้อง เข้ามาตรวจดูรอยเท้ากับร่องรอยของพวกเชนที่บริเวณใกล้ น้ำตก ระหว่างนั้นชาติได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้ๆ
 
วัลภาแอบเข้ามาแล้วพยายามทำตัวเงียบ ชาติชี้มือไปตรงจุดที่วัลภาแอบซ่อนตัวอยู่ ไอ้เชิด พยักหน้ารับแล้วกระชับปืนพร้อมบุก แต่กลับไม่พบว่ามีใคร เห็นเพียงแค่ใบไม้ที่ไหวๆ เป็นทาง
“ตามมันไป”

ไอ้ตุ่นตัดสินใจวิ่งลุยดะไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต กำนันปราบนิ่งมองรอดู จนมันไปหยุดในระยะ ที่คิดว่าปลอดภัย ก็ร้องตะโกนดีใจ
“กำนันสัญญากับฉันแล้วว่าจะไว้ชีวิตฉัน เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ฉันจะไม่ก้มหัวให้พวกแกอีก ไอ้ตุ่น จะเป็นอิสระ ไม่ต้องเป็นลูกน้องใครอีกแล้วโว้ย”
ไอ้ตุ่นหัวเราะร่าเริงแล้วเดินออกไป แต่แล้วเท้ามันก็เหยียบบางอย่างที่พื้นแล้วชะงักไปเอง
“ชิบหายแล้ว”
ไอ้ตุ่นหันขวับมาที่กำนันปราบซึ่งยิ้มมุมปากร้ายอย่างชอบใจ
“ในผาปืนแตกข้าคือคนเดียวที่ชี้เป็นชี้ตายชีวิตพวกแกทุกคน”
กำนันปราบหันหลังให้แล้วหัวเราะเสียงดัง พร้อมๆกับเสียงระเบิดดังสนั่น ร่างแหลกเละของไอ้ตุ่น กระจายไปทั่วพื้นที่ แขนของมันลอยละลิ่วตกลงมาตรงหน้าเชนที่แอบซุ่มอยู่ เชนผงะถอยหลังทำให้เกิดเสียงดัง
ลายเสือได้ยินเสียง ก็สงสัย “ใครอยู่ตรงนั้น”
ไอ้ก้านรีบวิ่งไปดู แต่กลับไม่เจอใคร

วัลภาวิ่งมาตามทางในป่าเลียบขนานไปกับเส้นทางน้ำตก ชาติกับไอ้เชิดและลูกน้องวิ่งไล่ตามมา พร้อมกับยิงปืนใส่ไปด้วย
ไอ้เชิดชี้ให้ดูที่พื้นเห็นรอยหยดเลือดเป็นทาง ชาติยิ้มพอใจ “ขอให้เป็นเลือดของไอ้เชนเถอะ ข้าจะตามไปยิงบาลมันให้กลายเป็นผีเฝ้าป่าเลย ตามไป”

วัลภากุมแขนที่ถูกยิงมาจนได้เลือด พยายามตะเกียกตะกายเอาตัวรอด ไปจนสุดท้ายที่ปลาย น้ำตก เสียงปืนยิงดังไล่หลังมาไม่ขาดเสียง วัลภาหน้าเครียดมองไปที่แอ่งน้ำตกข้างล่างอย่างตัดสินใจ
“เชน ฉันขอโทษ ฉันรักนายนะ แต่ว่าฉันคงกลับไปทำหน้าเมียให้นายไม่ได้แล้ว”

วัลภาน้ำตาคลอเบ้า พลางย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 13 (ต่อ)

ท้องฟ้าแดงฉานเพราะแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า เชนกวาดตามองไปรอบๆ พยายามร้องเรียกหาวัลภา ทว่าทุกอย่างรอบตัวกลับเงียบกริบ
“หรือว่ายังสลัดพวกไอ้ชาติไม่ได้ ก็บอกแล้วว่าอย่าอวดเก่ง”
ปากก็บ่น แต่ในใจก็อดเป็นห่วงวัลภาไม่ได้ เชนรีบเดินออกไปตาม

ชาติกลับเข้ามาสมทบกับกำนันปราบที่บริเวณแคมป์ของลายเสือ พร้อมกับไอ้เชิด มาถึงก็รีบรายงาน
“มีพวกมันมาป้วนเปี้ยนสอดรู้สอดเห็นอยู่ใกล้ๆแถวนี้จริงๆพ่อ แต่ฉันจัดการสอยมันไปแล้วคนนึง
ไม่ทันเห็นว่าเป็นใคร แต่คิดว่าน่าจะเป็นไอ้เชน”
“แล้วศพมันล่ะ” กำนันปราบรีบถาม
“นอนตายอยู่ก้นแอ่งน้ำตก เป็นผีเฝ้าป่าไปแล้ว เจอเข้าไปแบบนี้พวกมันคงไม่กล้าเฉียดเข้ามา ใกล้แถวนี้อีก ว่าแต่ไอ้ตุ่นล่ะพ่อ”
“มันได้รับบทลงโทษที่มันสมควรได้ไปแล้ว”
ชาติยิ้มพอใจ ระหว่างนั้นลายเสือกับไอ้คมและไอ้ก้านก็เดินเข้ามา
“เดี๋ยวฉันคงต้องกลับแล้ว เรื่องงานเก็บกู้ระเบิดพอจะบอกได้มั้ยว่าจะเสร็จเรียบร้อยได้เมื่อไหร่”กำนันปราบถามอย่างร้อนใจ ลายเสือรีบหันมาตอบ “เร็วๆนี้แหละ”
“ดูจากจำนวนคนที่เหลือของพวกมันแล้ว คงโดนระเบิดไปเยอะ งานเลยไปได้เร็ว แต่มันก็คุ้ม กับชีวิตของไอ้ฟ้าลั่นที่อยู่ในการดูแลของพวกเรา”
ลายเสือทำเป็นยิ้มรับแต่เดินเข้าไปจ้องหน้าชาติเขม็ง
“ไอ้ลูกชาย ความโหดเอ็งน่ะถอดแบบมาจากพ่อไม่มีผิด แต่ระวังเรื่องความกร่างเอาไว้ ยังไงข้า ก็คือลายเสือ ราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดิน ศพแรกที่ข้าฆ่าตายคือเด็กอายุ 5 ขวบ ตอนนั้นเอ็งก็คงกำลังร้องกระจอ งอแง ขอดูดนมแม่อยู่เลยมั้ง”
สายตาดุดันจริงจังของลายเสือทำเอาชาติผงะไป แต่ก็กลับชักสีหน้าเอาเรื่องใส่
“ถ้าคิดว่าแน่ แล้วหนีหัวซุกหัวซุนมาผาปืนแตกทำไมล่ะ ไอ้แก่”
กำนันปราบรีบปรามทั้งคู่ให้หยุดทะเลาะกันเอง จากนั้นก็เดินนำชาติออกไปพร้อมกับไอ้เชิดและ ลูกน้อง ลายเสือรีบหันไปถามไอ้คมทันที
“ไอ้ปีศาจอสรพิษมันได้ข่าวที่ฉันส่งออกไปรึยัง”
“ได้แล้วครับนาย มันกำลังรีบเดินทางมา”

ลายเสือยิ้มร้าย “ไอ้ปราบ ถึงเวลาแล้วเอ็งจะรู้ ทีใครทีมันเว้ย”

ค่ำวันเดียวกัน จิกกับแสนช่วยกันพยุงเพลิงเข้ามาที่กระท่อมท้ายวัด ภาพที่เห็นก็คือยอด นอนตาปรือ ในสภาพหน้าตามีแต่รอยฟกช้ำ เลือดกลบปาก
“ไอ้เพลิง เอ็งกลับมาทำไมวะ ข้านึกว่าเอ็งจะหนีไปแล้วซะอีก”
เพลิงมองเพื่อนอย่างรู้สึกผิด
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะไม่หนี เอ็งไม่น่าทำแบบนี้ ยิ่งเอ็งทำแบบนี้ มันก็ยิ่งหาว่าข้าเป็นไอ้พวก ขี้ขลาด หลบใต้กระโปรงผู้หญิงไม่พอ ยังหลบหลังเพื่อนอีก”
ยอดหน้าสลด
“ข้าขอโทษ เอ็งอยากจะด่าก็ด่ามาเลย เพราะข้าจัดการมันไม่ได้ แล้วยังมาทำให้เอ็งเสียหายอีก”
“ข้าไม่ด่าเอ็งหรอก จิตใจเอ็งมันมีค่ายิ่งกว่าเพชรกว่าทองซะอีก ไอ้เพื่อนรัก ในเมื่อมันทำเอ็งเจ็บ มันก็ต้องเจ็บคืนไปมากกว่าหลายเท่า”
เพลิงรีบผละจากยอดด้วยสีหน้าเอาเรื่อง แสนรีบตามเพลิงออกไป จิกกับยอดมองตามอย่าง เป็นห่วง

เพลิงฝืนเดินกะเผลกๆ ทั้งที่เรี่ยวแรงแทบจะไม่เหลือมาถึงหน้าโบสถ์ แสนตามมาห้าม แต่เพลิงไม่ฟัง จังหวะนั้นผู้กองสมานเดินเข้ามาจากด้านข้างโบสถ์ แสนรีบเข้าไปขวาง
“ผู้กองครับ ผมขอร้องล่ะ ปัญหาของผู้กองกับไอ้เพลิงช่วยเก็บเอาไว้ก่อนได้มั้ย ตอนนี้ที่ผาปืนแตก กำลังมีปัญหา ลำพังแค่พวกเราต้องรับมือกับพวกชั่วๆที่ ถือกฏหมายเอาไว้ในมือ ก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว เห็นมั้ยครับ เห็นสภาพไอ้เพลิงที่ต้องไปรับมือกับพวกนั้นมามั้ย”
ผู้กองสมานนิ่งมองเพลิง ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“น้าไม่ต้องไปขอร้องเขาหรอกครับ ลูกผู้ชายมันต้องคำไหนคำนั้น”
เพลิงกำหมัดแน่นแล้วปรี่เข้าใส่ทันที ผู้กองสมานฉากหลบทันจนเพลิงซวนเซ จากนั้นกระชาก เพลิงมาอัดอย่างหนัก จนในที่สุดเพลิงก็หมอบลงไป
“ไอ้ฆาตกร ถ้าชาตินี้ข้าไม่ได้แก้แค้นให้ฟ้างาม ข้าไม่มีวันตายตาหลับ”
ผู้กองสมานระบายความโกรธด้วยหมัดหนักๆ โดยที่เพลิงไม่มีแรงตอบโต้ แสนทนไม่ได้ หันไปยกก้อนหินขนาดเหมาะๆ แล้วเดินไปข้างหลัง คิดจะใช้ก้อนหินทุ่มใส่หัวตอนที่ผู้กองสมานเผลอ เพลิงตาปรือเห็นแสน จะเอาหินทุบหัวสมาน ก็รีบร้องห้าม ก่อนที่จะจับคอเสื้อสมานพลิกตัวหลบไปได้
“ผมไม่ใช่ฆาตกร”
พูดได้แค่นั้น เพลิงก็แน่นิ่งหมดสติไป ผู้กองสมานยืนอึ้ง เพลิงช่วยชีวิตเขาไว้ !
เอื้อมเดือน ที่ถูกขังอยู่ในห้อง ทรุดลงนั่งที่ประตู พร้อมกับอ้อนวอนขอร้องจ่าที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง จ่าเริ่มใจคอไม่ดีเพราะรู้สึกสงสาร ระหว่างนั้นผู้กองสมานเข้ามาข้างหลัง เอามือแตะไหล่ จ่าชะงักหันไปจะเรียก แต่ ผู้กองสมานส่ายหน้าห้ามไว้

เอื้อมเดือนน้ำตาคลออยู่หลังบานประตู ไม่ได้ยินเสียงจ่าตอบกลับมา ก็ยิ่งเสียใจ พลางเดิน กลับ ไปที่เตียง แล้วหยิบสร้อยคอล็อกเก็ตที่เพลิงให้วัลภานำมาคืนขึ้นมามอง ระหว่างนั้นผู้กองสมาน ก็เปิดประตูเข้ามา
พร้อมมองไปที่น้องสาว ด้วยแววตาเรียบเฉย เอื้อมเดือนจะออกจากห้อง แต่กลับถูกผู้กองสมานจับตัวเอาไว้
“เลิกทำอย่างนี้ซะทีเถอะเดือน ไม่มีประโยชน์ที่แกจะไปหามันอีก”
“หมายความยังไง พี่ฆ่าเพลิงแล้วเหรอ”
ผู้กองสมานนิ่ง เอื้อมเดือนเข้าไปทั้งเขย่าทั้งทุบ
“ไม่จริง พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไง พี่ฆ่าเขาทำไม”
“หยุด ไอ้เพลิงมันยังไม่ตาย พี่ไม่ได้ฆ่ามัน แต่พี่จะให้โอกาสมันมีชีวิตต่ออีกหน่อย เพราะวันนี้มัน ไม่อยู่ในสภาพที่จะรับมือกับพี่ได้”
เอื้อมเดือนหน้าซีด “เกิดอะไรขึ้นกับเพลิง ?”
“แกไม่ต้องอยากรู้เรื่องของมัน เพราะแกกับมันไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกเข้าใจมั้ยเดือน ตอบพี่มา”
เอื้อมเดือนปัดมือผู้กองสมาน ที่จับบ่าเธอออกแล้วถอยไปล้มตัวนอนร้องไห้บนเตียงสะอึกสะอื้น น่าเวทนา ผู้กองสมานมอง พยายามทำใจแข็ง

เชนเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าเรือน เริ่มกังวลจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว น้อยเดินเข้ามา เชนรีบบอกว่าเป็นห่วงวัลภา เพราะจนป่านนี้ยังไม่กลับมา
“ฉันแทบจะพลิกป่าหา แต่ก็ไม่เจอเลย ก็เลยกลับมารอที่บ้านเผื่อวัลภาจะกลับมา แต่จนป่านนี้ ก็ยังไม่เห็นเลย”
“ข้าว่าชักจะยังไงๆ แล้วนะไอ้เชน”
เชนถอนหายใจเบาๆ “ฉันก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีกับวัลภาหรอกน้า เอาอย่างนี้ ฉันจะออกไป ตามหาอีกที น้าช่วยรออยู่ที่นี่แล้วกันเผื่อวัลภาจะกลับมา”

น้อยพยักหน้ารับ เชนรีบออกไป

บรรยากาศวังเวงกลางป่ายามค่ำ วัลภาค่อยๆ ย่ำขึ้นจากลำธารมาที่ตลิ่ง เนื้อตัวเปียกโชก มือข้างหนึ่งกุมแขนที่ถูกยิงมาจนเลือดไหลไม่หยุด ส่วนที่ศรีษะก็มีเลือดไหลออกมา เพราะไปกระแทกโดนโขด หินจนแตก

วัลภาเดินโซซัดโซเซก่อนจะหมดเรี่ยวแรงลงที่ตรงริมตลิ่ง พลางเพ้อหาเชน พร้อมกับลมหายใจ ที่อ่อนแรงลงทุกที จนในที่สุดตาวัลภาก็ปิดลง
“เชน ฉันรักเธอ”

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งครูประสิทธิ์ น้อย จิก และแสน ต่างก็หน้าเครียดเมื่อรู้จากเชน ว่ายังตามตัววัลภาไม่เจอ
“ฉันก็อยากขอแรงทุกคนไปช่วยกันตามหาวัลภา แต่กลัวว่าถ้าเฉียดเข้าไปใกล้กับที่พวกไอ้ ลายเสือที่มันตั้งค่ายอยู่ในป่า จะเกิดอันตรายกับพวกเราแทน”
“เดี๋ยว ไอ้ลายเสือที่เอ็งว่า ใช่ราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดินรึเปล่า”
เชนพยักหน้า “พ่อรู้จักมันด้วยเหรอ”
“อ่านข่าวเจอได้ยินว่ามันโดนทางการกวาดล้างจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ไม่นึกว่ามันจะหนี มาถึงที่นี่”
เชนหน้าเครียด
“แล้วมันก็ไม่ได้หนีมาแค่หาที่หลบซ่อนด้วยนะพ่อ ฉันเห็นมันกับไอ้กำนันปราบพยายามจะเคลียร์ พื้นที่ดงกับระเบิดตั้งแต่สมัยสงครามโลกอยู่ในป่า วัลภาพยายามช่วยให้ฉันสืบเรื่องของพวกมัน จากนั้นฉันก็ไม่ได้ เห็นวัลภาอีกเลย”
จิกพูดอย่างมั่นใจว่าวัลภายังไม่ตาย เพราะเป็นลูกเลี้ยงของกำนันปราบ เชนจึงบอกว่าจะรีบไปถามข่าวคราวจากเนื้อทอง
ครูประสิทธิ์ใจคอไม่ดี ทุกคนคิดว่าเป็นห่วงลูกสะใภ้ แต่แท้ที่จริงกังวลเรื่องอื่น

เพลิงยังนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่พื้นเรือนในกระท่อมท้ายวัด โดยมีหลวงพ่อสินกับยอดคอยดูแล ระหว่างนั้นเสียงครูประสิทธิ์ก็ดังแทรกเข้ามา
“หลวงพ่อครับ หลวงพ่อ”
หลวงพ่อสินหันไปบอกยอด
“เดี๋ยวเอ็งดูแลไอ้เพลิงไปตามที่ข้าสั่ง ให้มันกินยาตามเวลา แล้วก็คอยประคบสมุนไพร กับเปลี่ยน ผ้าพันแผลให้มันด้วยล่ะ”
หลวงพ่อสินเดินออกไป ยอดหันมามองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

หลวงพ่อสินเดินออกมา ก็เจอครูประสิทธิ์ที่มารออยู่ หน้าตาเป็นกังวล
“ก็เรื่องที่เรารู้กันอยู่สองคนน่ะสิครับหลวงพ่อ ตอนนี้ผมกลัวว่ามันจะไม่ได้รู้กันแค่สองคนอีกแล้ว”
หลวงพ่อสินมองอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเอ็งคิดอย่างนั้น”
“ผมว่าคุยกันที่นี่ไม่สะดวก กลับไปคุยกันที่กุฏิหลวงพ่อเถอะครับ”
หลวงพ่อสินพยักหน้ารับแล้วเดินนำออกไป ครูประสิทธิ์รีบเดินตาม

น้ำค้างกำลังยืนคุยกับพ่ออยู่ที่ร้านกาแฟ ทันใดนั้นเนื้อทองก็เดินเข้ามา น้ำค้างหรี่ตามอง แล้ว กระหยิ่มยิ้ม เพราะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เมื่อเดินตามเนื้อทองออกมาทันที่หน้าร้าน น้ำค้างก็ยื่นถุงโชคดีที่ซื้อของมาให้เนื้อทอง บอกว่าเป็นเสื้อที่ซื้อมาจากในจังหวัด ราคาแพงเอาเรื่องอยู่
เนื้อทองชะงักแปลกใจ น้ำค้างรีบออกตัว
“ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะ ฉันเห็นว่ามันสวยดี ถ้าพี่ชาติใส่แล้วต้องหล่อดูดีมากแน่ๆ รับไปสิ .เอาไปให้พี่ชาติแล้วบอกเขาด้วยว่า เวลาที่ออกมาเจอฉันอีก ก็ให้ใส่เสื้อตัวนี้มาด้วย”
“เธอกับชาติไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตายแล้ว” น้ำค้างร้องเสียงหลง “นี่พี่ชาติยังไม่ได้บอกเธอหรอกเหรอ”
พลางทำทีเป็นเอามือป้องปาก
“แย่จังเลย ฉันก็นึกว่าพี่ชาติจะบอกเธอถึงเรื่องของเราสามคนแล้วซะอีก งั้นฉันขอร้องล่ะนะ เธออย่าบอกพี่ชาติว่าฉันพูดเรื่องนี้กับเธอแล้ว ไม่อย่างนั้นพี่ชาติต้องโกรธฉันแน่ๆ”
เนื้อทองปัดมือน้ำค้างที่มาเกาะแขนออก
“เรื่องของเราสามคนหมายความว่ายังไง”
“อย่าให้ฉันพูดตรงนี้เลยดีกว่านะเนื้อทอง เดี๋ยวเธอจะอายชาวบ้านเปล่าๆ ถ้ารู้ว่าเธอทำ หน้าที่เมียบกพร่องยังไงบ้าง พี่ชาติถึงต้องมาหาความสุขเอาจากฉัน”

เนื้อทองตกใจ แล้วก็เผลอจับแขนน้ำค้าง น้ำค้างไม่พอใจจับมือเนื้อทองบิด แล้วจิกหน้าร้าย ใส่ทันที

ทันใดนั้นเชนก็เข้ามา
“ปล่อยเนื้อทองเดี๋ยวนี้”
น้ำค้างชะงักตกใจ ยอมปล่อยเนื้อทองแต่โดยดี
“น้ำค้าง พอได้แล้ว.ถ้าพี่เห็นน้ำค้างมาระรานคนอื่นอีก อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”
น้ำค้างยักไหล่
“อย่าคิดว่าฉันจะฟังพี่เชนอีกนะ เดี๋ยวนี้นังน้ำค้างมันไม่ใช่สาวเชียร์รำวงคนเดิมแล้วจะ บอกให้ เชอะ”
น้ำค้างจิกหน้าร้ายใส่เชนแล้วสะบัดหน้าเดินเข้าร้านไป เชนมองท่าทางน้ำค้างอย่างสงสัย
“เธอผ่านมาหรือว่าตั้งใจมาหาชั้นเหรอเชน”
เนื้อทองหันมาถาม เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเชน
“ตั้งใจมาหาเธอ”

ชาติกับพวกไอ้เชิด ออกไประรานชาวบ้านที่ตลาด จากนั้นก็พยักหน้าให้ลุกน้องทำลายข้าวของ ของพ่อค้าที่ขายของในตลาด ระหว่างนั้นน้ำค้างเข้ามา
“ฉันมีเรื่องสำคัญจะมาบอกพี่ชาตินะจ๊ะ”
“เอาไว้ก่อน”
น้ำค้างส่ายหน้า
“ไม่ได้จ้ะพี่ชาติ เพราะฉันเห็นเชนอยู่กับเนื้อทอง
“ว่าไงนะ เห็นไอ้เชนเหรอ”
“จ้ะ”

ชาติเดินหน้าตาจริงจังเอาเรื่องมาตามทางเดินในตลาด น้ำค้างรีบเดินตาม
“ที่ฉันเห็นสองคนนั้นแล้วเอามาบอกพี่ ไม่ได้แค่จะมาฟ้องพี่อย่างเดียวนะ แหม พี่ชาติยังจะให้ฉัน พูดอีก ก็เรื่องของเราไง เห็นๆอยู่ว่าเนื้อทองมันไม่ได้รักพี่เลยสักนิดเดียว พอพี่เผลอมันก็ระริกระรี้นัดเจอกับพี่เชน ทุเรศสิ้นดี”
ชาติจ้องหน้าน้ำค้างอย่างขัดใจ
“ถ้าเธอมาขวางฉัน แล้วฉันจะไปจัดการให้พวกมันหยุดทำเรื่องทุเรศๆได้ยังไง”
“ก็ฉันอยากให้พี่รับปากกับฉันเรื่องที่จะให้ฉันได้อยู่กินจริงๆจังๆ ด้วยกันน่ะสิ”
ชาติแกะแขนน้ำค้างออก
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าพูดมากให้น่ารำคาญ เพราะมันจะทำให้ฉันเบื่อเธอง่ายขึ้น”

เนื้อทองหน้าซีด ตกใจ เมื่อรู้เรื่องวัลภาจากเชน
“ฉันว่าวัลภาไม่ได้ถูกจับตัวไป เพราะถ้าพวกนั้นเจอวัลภาจริงๆ กำนันก็คงพากลับมาที่บ้าน ยังไงก็ต้องเกรงใจน้าลำดวน เพราะวัลภาก็คือลูกสาว”
“ถ้าวัลภาไม่ได้ถูกพวกนั้นจับตัวไป แล้วตอนนี้วัลภาอยู่ที่ไหน จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
เชนหน้าเครียด ด้วยความร้อนใจ จนเนื้อทองอดสงสารไม่ได้

ทางด้านวัลภา ก็ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน ทอม ปีศาจอสรพิษที่สวมหน้ากาก กันแก๊ซพิษ ก้าวเข้ามาหยุดมองวัลภา ก่อนจะพลิกตัวขึ้นมา และเห็นว่าได้รับบาดเจ็บที่แขนและที่ศรีษะ

ทอมนิ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจับวัลภาขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดายแล้วพาเดินออกไปจากบริเวณนั้น

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 13 (ต่อ)

เนื้อทองจับมือเชนมาบีบเบาๆ พลางพูดปลอบให้กำลังใจ เชนกับเนื้อทองสบตากัน ระหว่างนั้นชาติกับลูกน้องเข้ามาเห็นพอดี
“ไอ้เชน ออกมาให้ห่างจากเมียข้านะเว้ย”
ชาติกับพวกปรี่เข้าไป ลูกน้องชาติผลักเชนแล้วพยายามจะล็อกตัว แต่เชนฮึดสู้กลับทันที ชาติไม่ พอใจ ชักปืนเข้าไปจ่อ แล้วลั่นไก แต่กระสุนไม่โดนเชน เพราะเนื้อทองเข้าไปปัดมือชาติพอดี
“ฉันกับเชนกำลังคุยธุระสำคัญกันอยู่ มีเหตุผลหน่อยสิชาติ วัลภาหายตัวไป เชนเขาก็เลยมา ขอให้ฉันช่วยตามหา”
ชาติชะงัก “วัลภาหายตัวไป ?”
“ใช่ หลังจากที่ฉันกับวัลภาไปเจอพวกแกทำลับๆล่อๆอยู่ในป่า บอกมานะไอ้ชาติ ฝีมือแกใช่มั้ย แกทำอะไรวัลภา”
ชาติแกล้งทำหน้ากวนใส่
“ฉันนึกว่าเป็นแก ก็เลยไล่ยิงเหมือนไล่ยิงหมาตัวนึง”
เชนปรี่เข้าไปจะเอาเรื่อง แต่เนื้อทองห้ามไว้
“ชาติ งั้นเธอพอจะบอกได้มั้ยว่าตอนนี้วัลภาอยู่ที่ไหน”
ชาติส่ายหน้า
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง มันดันทะลึ่งพาวัลภาเข้าไปในเขตหวงห้ามของพวกฉันเอง ฉันก็แค่ ต้องทำหน้าที่ป้องกันอาณาเขตของฉันเอาไว้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ถือซะว่า สมน้ำหน้าที่หาเรื่อง สะเออะเอง”
ชาติยิ้มสะใจแล้วเข้าไปลากตัวเนื้อทองออกไป เชนได้แต่ยืนอึ้งกำหมัดแน่นเจ็บใจ

ทอมค่อยๆวางวัลภาลงที่พื้น พร้อมกับใช้เป้สนามรองหัววัลภา แล้วค่อยๆฉีกแขนเสื้อ เธอออกเพื่อช่วยรักษาบาดแผลที่ต้นแขน และยังช่วยซับเลือดทำแผลที่หัวให้ ด้วยกล่องยาที่พกติดตัว

ชาติลากเนื้อทองกลับมาที่บ้าน พลางพูดอย่างไม่ได้สนใจว่าวัลภาจะเป็นหรือตาย ระหว่างนั้น ลำดวนเข้ามาได้ยินพอดี
“เกิดอะไรขึ้นกับวัลภา น้าได้ยิน วัลภาหายตัวไปไหน”
เนื้อทองรีบบอกด้วยความเป็นห่วง
“วัลภาโดนชาติไล่ยิงจนหายตัวไปในป่า ป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอกันเลยค่ะน้าลำดวน”
ลำดวนตกใจ “ชาติ เธอทำกับวัลภาแบบนั้นทำไม วัลภาเป็นลูกสาวน้านะ”
ชาติรำคาญ เลยผลักลำดวนไม่ให้มายุ่ง แล้วหันไปจ้องหน้าเอาเรื่องกับเนื้อทอง ก่อนจะผลัก เข้าไปในห้อง ปิดประตูปัง แล้วเดินออกไป

ลำดวนรีบเดินตาม และพยายามรั้งชาติเอาไว้ ชาติปัดมือลำดวนอย่างหัวเสีย กำนันปราบเดิน เข้ามาพอดี ลำดวนชิงบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับวัลภา
“เรื่องอะไร”
ชาติเหล่มองลำดวนอย่างรำคาญ
“ก็ที่ฉันบอกพ่อไป ว่าฉันไล่ยิงไอ้เชนจนมันจมหายไปในน้ำ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ไอ้เชน เป็นวัลภา ต่างหาก”
ลำดวนยิ่งฟังก็ยิ่งโวยวาย กำนันปราบต้องรีบตัดบท
“พอกันได้แล้ว ถ้าไอ้ชาติมันว่ามันไม่รู้ก็คงไปโทษมันไม่ได้ ฉันก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แล้วก็เป็น คนสั่งให้มันลงมือเอง”
ลำดวนจ้องหน้ากำนันปราบอย่างเอาเรื่อง“หมายความว่าพี่จะให้ฉันอยู่เฉย ทั้งๆที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวฉันเหรอ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะไม่ บอกพี่ว่า ทางไปถ้ำทองคำนั่นอยู่ที่ไหน”
“ลำดวน นี่เธอกล้าขู่ฉันเหรอ”
กำนันปราบเข้าไปใช้มือบีบหน้าลำดวนด้วยสีหน้าดุดันเอาจริง

ฟ้าลั่นแอบอยู่ใกล้ๆ ก็ตาโต “ถ้ำทองคำ ?”

หลวงพ่อสินถอนหายใจ สีหน้ากังวลไม่น้อยไปกว่าครูประสิทธิ์ จากนั้นก็หันไปที่โต๊ะหมู่บูชาแล้ว พนมมือไหว้พระพุทธรูป
“การรักษาไว้ซึ่งแผ่นดินที่สงบสุข ในยามที่บ้านเมืองต้องลุกเป็นไฟ ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไม่พ้น แต่ถ้าความตายนั้นแลกมาด้วยความสงบสุข ข้าก็พร้อมจะละสังขาร เพื่อชาวบ้านผาปืนแตก”
ครูประสิทธิ์ตกใจ “หลวงพ่อ”

กำนันปราบลากลำดวนเข้ามาที่ห้องโถงแลัวผลักลงที่เก้าอี้
“ว่าไงลำดวน อย่าคิดว่าที่ฉันพาเธอมาอยู่กิน ยกย่องเธอเป็นเมียออกหน้าออกตา แล้วฉันจะ ไม่กล้าส่งเธอกลับไปเป็นนักร้องตกอับเหมือนเดิม”
ลำดวนน้ำตาคลอ
“พี่กำนันจ๊ะ ฉันรักพี่กำนันนะจ๊ะ แต่วัลภาก็ลูกสาวฉัน แล้วจะให้ฉันไม่ดูดำดูดีเลยเหรอ อย่างน้อย ถ้าวัลภาตายไปแล้วจริงๆ ฉันก็อยากได้ศพลูกมาทำพิธีให้ถูกต้อง”
ลำดวนร้องห่มร้องไห้แล้วเข้าไปคุกเข่ากอดขาปราบ
“ชีวิตฉันมอบให้พี่ไปหมดแล้ว ยังไงฉันก็ไม่ยอมกลับไปลำบากเหมือนก่อนอีกแน่ ฉันจะไม่ต่อรอง กับพี่อีกแล้ว แต่ขอให้พี่ช่วยเรื่องวัลภาให้ฉันนะ นะจ๊ะพี่กำนัน”

“เอาล่ะ อย่าให้ฉันได้ยินเธอหือกับฉันอีก เพราะไม่อย่างนั้น ฉันจะส่งเธอกลับไป ไอ้ชาติ ส่งคน ของเราไปจัดการเรื่องวัลภาให้เรียบร้อย”
ชาติรับคำแล้วเดินออกไป กำนันปราบหันมาที่ลำดวนซึ่งยังร้องไห้สะอึกสะอื้น

สาวใช้รับข้อความจากฟ้าลั่นเหมือนเคย
“เอาข่าวนี้ไปให้พ่อฉัน ระวังอย่าให้ถูกจับได้”
สาวใช้พยักหน้ารับแล้วออกจากห้องไป แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูดี ไอ้เชิดก็เดินเข้ามา สาวใช้ตกใจ ไอ้เชิดเดินเข้ามามองหน้าอย่างสงสัย
“ฉันว่าท่าทางแกดูมีพิรุธนะ”
ไอ้เชิดจับหน้าสาวใช้ขึ้นมามองอย่างจับผิด สาวใช้พยายามหลบตา ไอ้เชิดยิ่งรู้สึกผิดสังเกต
“แกรู้เรื่องไอ้ตุ่นรึเปล่า”
สาวใช้พยักหน้ารับ
ฟ้าลั่นได้ยินเสียงคุยกันข้างนอก ก็หน้าเครียดกลัวถูกเปิดโปง
“งั้นแกก็รู้ดีใช่มั้ย ว่าคนที่คิดทรยศพ่อกำนันจะมีจุดจบยังไง ว่าไง รู้อย่างนี้แล้ว แกมีอะไร จะบอกฉันรึเปล่า”
สาวใช้เริ่มกลัวจนตัวสั่นปากสั่น ไอ้เชิดยังจ้องเขม็งไม่วางตา ทันใดนั้นก็มีเสียงโครมครามดัง มาจากในห้องของฟ้าลั่น ไอ้เชิดได้ยินก็รีบเปิดประตูเข้าไปทันที สาวใช้เลยรีบใช้โอกาสนี้เดินหนีออกไป

ไอ้เชิดเข้ามาในห้องเห็นโต๊ะในห้องล้ม แต่ไม่เห็นตัวฟ้าลั่น ที่แอบอยู่ข้างหลังประตู ก่อนที่จะหาจังหวะกระโจนเข้าใส่ โดยใช้ม้วนผ้าพันแผลเป็นอาวุธรัดคอไอ้เชิดจนหน้าดำหน้าแดง แต่กลับถูกไอ้เชิดกระทุ้งศอก กระแทกเข้าลำตัว โดนแผลที่ยังไม่หายดีจนผงะถอยออกมา เชิดตามไปซัดด้วยหมัดจับเหวี่ยงไปกระแทกกับผนัง
ฟ้าลั่นไม่ยอมแพ้เอื้อมมือไปคว้าแจกันมาทุ่มใส่หัว ไอ้เชิดเสียหลัก พร้อมกับที่เสียงขึ้นไกปืนดังขึ้น ข้างหลังหัวของฟ้าลั่น
“พ่อข้าอุตส่าห์ช่วยให้เอ็งพ้นจากประตูนรกมาได้ แล้วนี่เหรอวะคือวิธีการจ่ายค่าตอบแทน ของเอ็ง ไอ้ฟ้าลั่น”
ชาติหน้าเหี้ยมด้วยความโกรธ ฟ้าลั่นชะงัก ค่อยๆชูมือขึ้นหันมาที่ชาติ
“ถ้าพ่อเอ็งจริงใจที่จะช่วยข้า ข้าก็คงไม่คิดจะตอบแทนด้วยวิธีนี้หรอก”
“ปากดีนัก ไอ้พวกขี้แพ้”

ชาติใช้ด้ามปืนฟาดเข้าที่หน้าฟ้าลั่นอย่างแรง

เชนเดินเข้ามาตามหาวัลภาในป่าด้วยสีหน้าเป็นห่วง จิกที่เดินตามหลัง ส่งเสียงร้องเรียกหา จนเชนต้องหันกลับมาบอกให้เงียบ
“เงียบๆหน่อยน้า แถวนี้มันใกล้กับที่พวกไอ้ลายเสือมันตั้งแคมป์กันอยู่ จากตรงนี้ไปก็เข้าเขต ที่พวกมันตั้งแคมป์อยู่ ฉันว่าน้าควรไปหารอบๆแถวนี้ดีกว่า ปล่อยให้ฉันเข้าไปคนเดียว น่าจะลดความเสี่ยง ได้มากกว่า”
จิกพยักหน้ารับ แต่ก็ไม่วายมองตามเชนด้วยสีหน้าเป็นห่วง

นิ้วมือของวัลภาเริ่มขยับทีละนิดๆ เปลือกตาเริ่มกลอกไปมา ก่อนจะค่อยๆ รู้สึกตัว และลุกขึ้นนั่งพลางกุมขมับที่ได้รับการดูแลรักษามีผ้าพันแผลให้รอบๆ ส่วนแผลที่แขนก็ได้รับการรักษาด้วย
วัลภาขมวดคิ้วอย่างแปลกใจสงสัยว่าใครเป็นคนช่วยเธอและทำแผลให้ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียง คนเดินเข้ามา วัลภาหันขวับสงสัยและระวังตัวด้วยสัญชาติญาณ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเป้ทหารซึ่งใช้หนุนหัว อยู่เมื่อครู่ มีมีดพกเสียบอยู่ข้างๆเป้ วัลภาหยิบมันขึ้นมาเตรียมเป็นอาวุธป้องกันตัว

เชนเดินแหวกต้นไม้ที่ขึ้นรกทึบพยายามมองหาร่องรอยของวัลภา จนมาเจอรอยเท้า ที่คาดว่าน่าจะเป็นของวัลภา

วัลภากำมีดแน่นจ้องเขม็งไปที่ต้นตอของเสียงที่ดังใกล้เข้ามา ทอมค่อยๆโผล่มาข้างหลัง มันยังคงสวมหน้ากากกันแก๊ซพิษเอาไว้ วัลภารู้สึกได้ว่ามีคนหายใจฟืดฟาดอยู่ข้างหลัง ก็รีบหันขวับ พร้อมจะจ้วงแทง แต่ทอมกลับใช้มือเปล่าจับข้อมือเธอไว้ วัลภาเห็นมนุษย์ประหลาดตัวใหญ่สวมหน้ากากแปลกประหลาด ก็กรีดร้องด้วยความตกใจ

เชนซึ่งกำลังตามรอยเท้า ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดของวัลภาดังเข้ามา ก็ผุดลุกขึ้นหน้าเขม็ง แล้วรีบวิ่ง ตามเสียงไปทันที

วัลภาพพยายามออกแรงฮึดสู้แต่ก็สู้แรงของทอมไม่ได้ แถมอาการปวดหัวที่โดนกระแทก ก็กลับจี๊ดขึ้นมาทำให้เธอแทบจะทรุดลงไป ทอมรีบเข้าไปประคองเอาไว้ก่อนจะล้ม
“แกเป็นใคร แกช่วยฉันทำไม”
ทอมนิ่งไม่ตอบอะไร ปล่อยให้วัลภาหมดสติไปอีกครั้งเอง ก่อนจะอุ้มวัลภาเอาไว้และนิ่งมองเธอ
ระหว่างนั้นเชนเข้ามาเห็นวัลภาอยู่ในมือของฝรั่งตัวใหญ่สวมหน้ากากกันแก๊ซพิษก็ตกใจ
“วัลภา ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”
ทอมไม่สนใจ เชนชักปืนออกมาเล็ง
“ถ้าแกไม่ปล่อยเมียฉัน ฉันยิงแกจริงๆ”
ทอมค่อยๆวางวัลภาลงและหันหลังให้ เชนเลยขยับจะไปหาวัลภา แต่กลับเจอทอมหันขวับ กลับมา แล้วใช้มือเปล่าจับข้อมือเชนบิด จนปืนหลุดจากมือ ก่อนที่จะซัดหมัดเข้าหน้าเต็มๆ เชนผงะมึน แต่ก็รีบ
ตั้งสติ
“ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นพวกไหน แต่ถ้าแกไม่ปล่อยให้ฉันพาเมียฉันกลับไป แกก็หาเรื่องเจ็บตัวแล้ว”
เชนกำหมัดแน่น แล้วประเคนทั้งหมัดทั้งเข่าใส่ทอมไม่ยั้ง แต่ทอมกลับไม่สะดุ้งสะเทือน
เชนตวัดเท้าเตะไปโดนหน้ากากกันแก๊ซพิษของทอมจังๆ ทำให้หน้ากากหลุดเผยให้เห็นหน้า ของทอมชัดๆ เชนผงะเมื่อทอมหันขวับมา พร้อมขบกรามแน่น กล้ามเนื้อของมันกระตุกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เชนฮึดสู้ พุ่งเข้าใส่ทันที แต่ทอมยืนนิ่ง ก่อนที่จะกระแทกศอกกลับหลังเข้าให้ จนเชนล้มตึง
ทอมแสยะยิ้มเดินไปหยิบหน้ากากกันแก๊ซพิษขึ้นมาสวม แล้วตามไปเก็บเป้ขึ้นมาพาดบ่า พร้อมกับอุ้มวัลภาขึ้นมา พาดบ่าอีกข้างเตรียมจะออกไป
เชนพยายามกระเสือกกระสน ไปคว้ามีดของมันที่ปักอยู่ที่พื้น จังหวะที่ทอมกำลังอุ้มวัลภาพา ออกไป เชนก็ปามีดใส่ทอมจากข้างหลังทันที มีดปักที่หัวไหล่ทอม แต่มันกลับไปไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังหันกลับมา จ้องเชนเขม็ง แล้วเอากระป๋องระเบิดควันพิษรูปหัวกะโหลกไขว้ออกมาใช้ฟันกัดห่วงสลักแล้วโยนให้กลิ้งไปใกล้เชน

ควันพิษสีเหลืองโชยออกมาจากกระป๋องคลุ้งไปทั่ว เชนแค่สูดมันเข้าไปนิดเดียวก็รู้ว่าเป็นแก๊ซพิษ รีบเอามือขึ้นมา ปิดปากอุดจมูกแล้วกระเสือกกระสนหนีออกไป

เชนเดินโซซัดโซเซ เพราะสำลักควันพิษจนทรุดฮวบเดินต่อไปแทบไม่ไหว ที่แขนเริ่มมีแผลผุพอง เชนกำลังจะล้มลง จิกก็เข้ามาเจอพอดี
“นี่เกิดอะไรขึ้นกับเอ็งวะ เอ็งไปโดนอะไรมา”
“วัลภายังไม่ตาย แต่ฉันช่วยเธอไว้ไม่ได้”
เชนทรุดลงไปแล้วเริ่มมีอาการชัก น้ำลายเริ่มฟูมปาก จิกตกใจหน้าเสีย

เอื้อมเดือนเดินไปเดินมาอยู่ที่ระเบียงหน้าสุขศาลาสีหน้ากังวล ติ๋มเดินกลับเข้ามา เอื้อมเดือนรีบถามถึงเพลิง
ติ๋มมองคุณหมอ ด้วยสีหน้าหนักใจ
“เรื่องอาการเจ็บของนายเพลิงไม่ค่อยน่าห่วงหรอกค่ะ”
“แล้วมีอะไรที่น่าห่วง บอกฉันมาสิติ๋ม”

ติ๋มย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่หน้ากระท่อมท้ายวัด
“คุณหมอจัดยาที่จำเป็นต้องใช้มาให้ แล้วก็ฝากให้ยอดช่วยดูแลนายเพลิงให้ด้วย ถ้าอาการดีหรือ ไม่ดีขึ้นยังไง ก็ขอร้องให้นายยอดช่วยส่งข่าวให้คุณหมอรู้ด้วย”
พูดพลางยื่นกระเป๋ายาที่จำเป็นให้ยอด เพลิงเดินออกมาสภาพยังไม่ค่อยหายดีเท่าไหร่นัก
พลางเข้าไปหยิบกระเป๋ายาที่ยอดได้มา ยื่นคืนให้ติ๋ม

“เอากลับไปเถอะติ๋ม แล้วบอกคุณหมอด้วยว่าไม่จำเป็นต้องส่งอะไรมาให้ฉันอีก ความเป็นห่วง นั่นก็ด้วย บอกคุณหมอไปเลยว่า ฉันไม่ต้องการ”
ขาดคำของเพลิง ยอดก็โวยวายทันที
“เฮ้ย ข้าว่าเอ็งจะทำเกินไปแล้ว คิดถึงความรู้สึกของคุณหมอบ้างสิวะ คุณหมอเขาผิดอะไร เขารัก เอ็ง เขาก็ต้องเป็นห่วงเอ็ง แต่เอ็งดันทำกับเขาให้เขายิ่งชอกช้ำใจ”
เพลิงไม่สนใจทำคักท้วงของยอด
“กลับไปเถอะติ๋ม ไปบอกตามที่ฉันพูดทุกคำอย่าให้ตกหล่น แล้วถ้าคุณหมอยังดื้อใช้เธอมากอีก ก็บอกคุณหมอไปเลยว่า ไอ้เพลิงไม่อยากเห็นหน้าคุณหมออีก ไปได้แล้ว”
ติ๋มรีบลุกออกไป ยอดมองเพื่อนอย่างหัวเสีย ส่วนเพลิงก็ทำหน้าไม่สนใจ ทั้งที่ข้างในเจ็บแทบ
ขาดใจ

เอื้อมเดือนทรุดนั่งลงน้ำตาคลอๆ ผู้กองสมานเดินเข้ามา “คนอย่างไอ้เพลิงมันเป็นพวกเห็นแก่ตัว ตอนนี้มันจนตรอกไม่มีที่ให้หนี แถมยังถูกฉันกระชาก หน้ากากความชั่วมันออกมา ความเลวมันก็เลยโผล่ออกมาเรื่อยๆ จนป่านนี้แกยังไม่ยอมรับความจริงอีกเหรอ แกถูกมันหลอกกินฟรีๆ ถ้าพี่มาไม่ทัน ป่านนี้แกอาจจะต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่ามากกว่านี้อีก”
“ถ้าในสายตาพี่เห็นว่าเดือนเป็นผู้หญิงโง่ๆ ที่ยอมเสียตัวให้ผู้ชายฟรีๆ ก็เชิญพี่ดูถูกน้องสาว ไปเถอะ เพราะต่อไปเดือนอาจจะทำเรื่องโง่ๆอะไรอีกก็ได้”
เอื้อมเดือนแกะมือพี่ชายแล้วเดินน้ำตาคลอออกไป ผู้กองสมานรีบเดินตาม จนมาทันกันที่หน้าสุขศาลา
“เดือน ฟังพี่นะ พี่ไม่ได้ดูถูกว่าแกโง่ พี่แค่พยายามเตือนให้แกรู้เท่าทันสันดานของไอ้เพลิง เพราะพี่ไม่อยากให้จุดจบแกต้องลงเอยเหมือนกับฟ้างาม”
เอื้อมเดือนพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“พี่อย่าเอาการตายของฟ้างามมาตัดสินเพลิง เพราะเดือนไม่เชื่อว่าเขาเป็นฆาตกร มีแต่พี่ นั่นแหละที่โทษแต่เขา เพราะพี่อิจฉาที่เขาแย่งผู้หญิงที่พี่รักไป แล้วในฐานะที่เดือนเป็นน้องสาวพี่ เดือนก็อยากจะ แนะนำพี่เอาไว้ด้วย ระหว่างที่พี่อยู่ที่ผาปืนแตก พี่ลองสอบถาม ลองคุยกับคนที่นี่ดู ให้เข้าเล่าเรื่องของเพลิงตั้งแต่ มาอยู่ที่นี่ให้ฟัง บางทีคนที่โง่อาจจะไม่ใช่เดือนก็ได้”

ผู้กองสมานชะงักอึ้งที่โดนน้องสาวสวนกลับแบบเจ็บๆ ทันใดนั้นเสียงร้องโหวกเหวกของจิกก็ดังเข้ามา ก่อนจะรีบประคองเชนเข้าไปในสุขศาลา เอื้อมเดือนรีบตามเข้าไปดูอาการ ผู้กองสมานมองตาม อย่างสงสัย
 



เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 13 (ต่อ)

เชนถูกวางนอนบนเตียง สภาพของเชนดูอาการน่าเป็นห่วง ตัวกระตุก มือแข็งเกร็ง ดิ้นไปดิ้นมา ด้วยความทรมาน เอื้อมเดือนกับติ๋มช่วยกันพยาบาล โดยบอกให้จิกออกไปรอข้างนอก
ผู้กองสมานเข้ามาแตะไหล่ จิกมองหน้าผู้กองสมานอย่างไม่อยากเสวนาด้วย เลยปัดมือแล้วเดิน ออกไป
ผู้กองสมานเดินตามจิกออกมา จิกหันมามองตาขวาง
“ฉันว่าแกไปให้ห่างๆ ดีกว่า คุณหมอเป็นคนที่น่าเคารพของพวกเรา แต่สำหรับแกแล้ว ไม่ใช่”
จิกยื่นมือไปผลักไหล่ แต่กลับถูกผู้กองสมานจับข้อมือมาบิดไพล่หลัง
“อย่าให้ต้องลงมือลงไม้กันเลยดีกว่า เพราะฉันเป็นศัตรูกับไอ้เพลิงคนเดียว ไม่ได้อยากเป็นศัตรู กับคนทั้งผาปืนแตก”
“แค่เป็นศัตรูกับไอ้เพลิง ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับพวกข้าแล้ว”
ผู้กองสมานนิ่งคิด ก่อนที่จะคาดคั้นให้จิกเล่าเรื่องเกี่ยวกับเพลิงให้ฟัง

ทางด้านไอ้คม กับไอ้ก้าน กำลังคุยกันเรื่องระเบิดกับดักที่ไปขุดมา ด้วยความข้องใจว่ากำนันปราบมีความลับอะไรปิดบังอยู่ ลายเสือก็เดินนำสาวใช้ที่เป็นคนส่งข่าวเข้ามา
“เรื่องที่พวกเอ็งสงสัยอยากรู้ ข้ารู้แล้ว”
“ฟ้าลั่นส่งข่าวมาแล้วเหรอครับนาย”
ไอ้ก้านรีบถามอย่างสนใจ ลายเสือพยักหน้ารับแล้วหันไปมองสาวใช้ “ฟ้าลั่นรู้ความลับของพวกมันแล้ว แต่พวกมันเกือบจะไหวตัวทัน ไอ้ฟ้าลั่นเลยต้องฉวยโอกาส เบี่ยงความสนใจ เพื่อให้สายของมันเอาข้อมูลมาบอกข้า”
“แล้วตอนนี้ฟ้าลั่นเป็นยังไง”
สาวใช้สั่นหน้า แววตายังตระหนกไม่หาย
“ฉันไม่รู้จ้ะ ฉันต้องรีบออกมา ก่อนที่พวกนั้นจะจับได้ว่าฉันหักหลัง ยังไงฉันก็ขอค่าจ้างของฉันด้วย เพราะฉันคงกลับไปที่บ้านนั้นไม่ได้อีกแล้ว”
ลายเสือยิ้มร้ายแล้วเข้าไปชักปืนจากเอวก้านมายิงใส่สาวใช้ทันที นัดเดียวสาวใช้ตายคาที่

ลายเสือเอาแผนที่บริเวณป่ามากางที่โต๊ะหน้าเต๊นท์ มีไอ้คมช่วยดู
“บริเวณนี้คือจุดที่เราอยู่ ตรงนี้คือบริเวณที่เราเก็บกวาดระเบิด แสดงว่าหลังแนวทุ่งกับระเบิด ตรงนี้ ก็คือถ้ำทองคำ แหล่งแร่ทองคำบริสุทธิ์ที่พวกไอ้ปราบมันต้องการจะเข้าไปเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว”
ไอ้คมตาวาว
“ถ้ามีแหล่งแร่ทองคำอยู่ที่นั่นจริงๆ มันก็คุ้มกับที่เราต้องเสียคนของเราไปมากจริงๆนั่น แหละครับนาย”
“ใช่ ถ้าเราได้เป็นเจ้าของมันคนเดียว ข้าจะร่ำรวยมหาศาลยิ่งกว่าปลูกฝิ่นขายเฮโรอีน”
“แล้วฟ้าลั่นล่ะครับนาย ตอนนี้ตกเป็นตัวประกันอยู่กับพวกมัน เราจะตอบโต้จะทำอะไร ก็คง ลำบาก”
ลายเสือสีหน้าครุ่นคิด แต่ยังไม่ทันจัดการอะไร ไอ้ก้านก็โผล่เข้ามา
“นายครับ เมื่อกี้นี้ระหว่างที่ผมจัดการกับศพนังผู้หญิงคนนั้น ผมเจอพวกลูกน้องของกำนันปราบ เข้ามาค้นหาอะไรบางอย่างแถวแอ่งน้ำตก ผมได้ยินพวกมันคุยกันว่าเป็นศพลูกเลี้ยงของไอ้กำนันปราบ”
ลายเสือยิ้มมุมปาก
“ลูกเลี้ยงของไอ้ปราบ ที่ชื่อวัลภาน่ะเหรอ เคยได้ยินไอ้ปราบพูดถึง ตอนที่มันจะแต่งงานใหม่ กับเมียที่เคยเป็นอดีตนักร้อง มันยังเคยพูดทีเล่นทีจริงกับข้าว่า อยากให้แต่งงานกับไอ้ฟ้าลั่น ไม่ทันไร ตายซะแล้ว เหรอ”
ขาดคำ ลูกน้องอีกคนก็เข้ามา
“นายครับ ไอ้ปีศาจอสรพิษมาถึงแล้วครับ”

ลายเสือเดินเข้ามาเจอทอมยืนรออยู่ พลางมองเลยไปที่วัลภา ซึ่งทอมให้นอนพักพิงต้นไม้ใกล้ๆ ในสภาพที่ยังไม่ได้สติ
“แกพาใครมาด้วยวะไอ้ทอม”
“เมียมันเหรอครับนาย”
ไอ้ก้านหันมาถาม ไอ้คมรีบชิงตอบแทน“พูดแบบนี้แสดงว่าแกยังไม่รู้จักไอ้ทอมดีพอ ชาตินี้มันมีเมียไม่ได้หรอก เป็นผลจากที่มันรอดตาย เพราะระเบิดแก๊ซพิษในสงครามเวียดนาม จากนั้นเรื่องของมันก็ชวนขนหัวลุก ถ้าอยากรู้ละเอียด ไว้ข้าจะเล่าให้ ฟังทีหลัง”
ลายเสือเดินเข้าไปที่วัลภา
“แกไปเจอนังผู้หญิงคนนี้ที่ไหน”
“ที่น้ำตกระหว่างมาที่นี่ เธอกำลังจะตาย แต่ฉันช่วยเอาไว้”
ลายเสือเข้าไปดูวัลภาที่ยังไม่ได้สติใกล้ๆอย่างพินิจพิจารณา
“หน้าตาก็ดี ผิวพรรณก็ดี ไม่น่าจะใช่สาวชาวบ้านชาวป่า แล้วแกไม่รู้เหรอว่ามันเป็นใคร”
ทอมส่ายหน้า
“มีคนพยายามจะมาแย่งผู้หญิงคนนี้ไปจากข้า ข้าได้ยินมันเรียกชื่อเธอว่าวัลภา”
“งั้นนี่ก็คือลูกเลี้ยงของไอ้ปราบ”
ลายเสือยิ้มร้ายขึ้นมาทันที แล้วจับคางวัลภาขึ้นมาเชย แต่ทอมรีบปัดมือออก
“ข้าช่วยผู้หญิงคนนี้ไว้เพราะมีเหตุผลของข้า ถ้าใครแตะต้องเธอ ก็คงต้องมีปัญหากับข้า”
ลายเสือพยักหน้า
“ก็ได้ๆ ฉันกับแกก็เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมา ฉันเข้าใจว่าทำไมแกต้องช่วยผู้หญิงคนนี้ เอาอย่างนี้ ก็แล้วกัน วัลภาเป็นของแก อยากจะทำอะไรก็ตามสบาย ไว้พักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยมาคุยกัน โอเคมั้ยไอ้ทอม”
ทอมพยักหน้ารับแล้วเข้าไปอุ้มวัลภาขึ้นมาก่อนจะเดินออกไป ลายเสือมองตามยิ้มมุมปาก

เชนยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง หลังจากที่เอื้อมเดือนช่วยรักษาชีวิตเขาไว้ได้ ผู้กองสมานเข้ามาถามอาการด้วยความเป็นห่วง
“ปลอดภัยแล้วค่ะ แต่คงต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่ไปก่อน”
“พี่ว่าเดือนควรจะเก็บข้าวของแล้วไปจากผาปืนแตกซะ”
เอื้อมเดือนส่ายหน้า“ถ้าพี่จะไล่เดือนไม่ให้อยู่ใกล้กับเพลิงล่ะก็ นี่ก็เป็นอีกเรื่องโง่ๆ เรื่องนึงที่เดือนจะทำให้พี่เห็น เดือนจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“แต่พี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องเดือนกับไอ้เพลิงอย่างเดียว พี่กำลังพูดถึงความปลอดภัยของที่นี่ ถ้าเดือนยังรั้นที่จะอยู่ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เดือนเลือกจะตายในสนามรบ”
“พี่ไม่ต้องเตือนเดือนหรอก” เอื้อมเดือนย้อนสวนกลับ “ที่ผาปืนแตกมันก็เป็นแบบนี้มาตลอด อยู่แล้ว แต่เพราะยังมีเชน พนัญเชิงกับเพลิง พญาไฟ ผาปืนแตกถึงยังไม่กลายเป็นนรกบนดิน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ เดือนพยายามบอกพี่ พวกเขาเป็นคนดี เพลิงเป็นคนดี ไม่ใช่คนเลวอย่างที่พี่ใส่ร้ายเขา”

เอื้อมเดือนบอกแล้วเดินออกไป ผู้กองสมานมองตามน้องสาวด้วยสีหน้ากังวล

วัลภา รู้สึกตัวขึ้นมาด้วยอาการตึงๆ ที่หัว เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองอยู่ใน เต๊นท์ จากนั้นก็จึงค่อยๆเปิดผ้าเต๊นท์ออกมา แล้วภาพที่เห็นก็คือตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางพวกทหารรับจ้าง
เมื่อทหารรับจ้างคนหนึ่งของลายเสือเดินผ่านไป วัลภาก็ค่อยๆเดินออกจากเต๊นท์มาอย่างเงียบๆ พลางพยายามมองหาทางไปจากที่นี่

วัลภาลัดเลาะหลบตามเต๊นท์ จนไปชนเข้ากับไอ้ก้าน ไอ้ก้านยิ้มร้าย ก่อนที่จะชกท้องวัลภา จนตัวงอ ทันใดนั้นทอมก็เข้ามากระชากคอเสื้อไอ้ก้านจนกระเด็น แล้วซัดด้วยหมัด ตามด้วยเตะอีกหลายชุด จนไอ้ก้านเซถลา แล้วรีบถอยออกไป
ทอมหันมาที่วัลภาซึ่งยืนตกใจกลัว พลางจะเดินเข้าไปหา แต่เธอรีบปฏิเสธ
“ไม่ต้อง ฉันไม่หนีแล้ว แต่แกไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันเดินกลับไปเองได้”
วัลภายังกลัวๆ ทอมอยู่ แม้จะเห็นว่าทอมพยายามช่วยเธอมาหลายครั้งแล้ว

ขณะที่ไอ้คมกำลังปิ้งปลาอยู่ ไอ้ก้านก็เดินเข้ามา พลางร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ แล้วก็เล่าเรื่องทื่ปะทะกับทอมให้ไอ้คมฟัง ก่อนจะทิ้งท้ายว่า
“ไว้มันเผลอข้าจะแอบไปมุดเต๊นท์”
ไอ้ก้านพูดไม่ทันจบประโยคดี ลายเสือก็ยกปืนขึ้นจ่อหลัง โดยที่มันไม่ทันรู้ตัว
“ถ้าแกแตะต้องวัลภา ตัวประกันที่ข้าต้องใช้ต่อรองกับไอ้ปราบล่ะก็ แกได้โดนข้ายิงทิ้งแน่ จะลอง มั้ย ไอ้ก้าน”
ไอ้ก้านสะดุ้ง รีบพนมมือขอโทษ แต่กลับถูกลายเสือใช้ด้ามปืนกระแทกเข้าหน้า จนเลือดกลบปาก
“ไปให้พ้น”
ไอ้ก้านรีบคลานออกไปอย่างกลัวตาย ลายเสือเดินไปที่กองไฟข้างๆ ไอ้คม
“ลองถ้าไอ้ทอมมันออกปากว่าห้ามใครแตะต้องก็แสดงว่าไม่มีใครแตะต้องผู้หญิงของมันได้”
ไอ้คมนิ่งคิดอย่างสงสัย
“เห็นมันดูแลวัลภาอย่างดี ชู้สาวก็ไม่ได้คิด อดสงสัยไม่ได้ว่ามันช่วยวัลภาทำไม”
“เพราะไอ้ทอมมันเห็นวัลภาเหมือนลูกสาวมันน่ะสิ”
ลายเสือยิ้มมุมปาก

วัลภานั่งกอดเข่าอยู่ข้างกองไฟหน้าเต๊นท์ ทอมเอาน้ำกับอาหารยื่นให้ แต่วัลภาปฏิเสธ พลางย้อนถามว่าช่วยเธอไว้ทำไม ทอมนิ่ง ไม่ยอมตอบ
วัลภาลอบมองอย่างแปลกใจกับพฤติกรรมของฝรั่งตัวโตที่ดูน่ากลัวแต่ไม่มีพิษมีภัยกับเธอ

“ไอ้ทอมมันเป็นทหารไอ้กันแตกแถวหนีจากค่ายมามีลูกมีเมียเป็นคนไทยอยู่แถวชายแดน แต่ วันนึง มันก็โดนตามล่า ทั้งจากพวกเดียวกันแล้วก็พวกเวียดกงที่มันเคยฆ่าเขา”
ลายเสือเล่าให้ไอ้คมฟังเรื่องที่มาของไอ้ทอม
“มันพยายามจะพาลูกเมียหนีแต่สุดท้ายก็ไม่รอด ลูกเมียมันโดนจับรมแก๊ซพิษตายต่อหน้าต่อตา ส่วนมันเองกว่าจะรักษาตัวให้กลับมาเกือบจะเหมือนเดิมได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นปี”
ไอ้คมพยักหน้ารับรู้
“มิน่าล่ะที่ฉันได้ยินกิตติศัพท์มันมา มันถึงได้โหดเหี้ยมสุดๆ เหมือนปีศาจที่ปีนขึ้นจากขุมนรก”
“เพราะสภาพจิตใจมันไม่ปกติแล้ว มันกระหายความตาย อยากเห็นคนอื่นๆ ตายเหมือนอย่างที่ มันเห็นลูกเมียมันตาย แล้วถ้านับดูวัลภาก็น่าจะรุ่นๆเดียวกับลูกสาวมัน”
“แต่มันก็ยังเชื่อฟังนาย”
“เพราะข้าคือคนที่ช่วยชีวิตมันไว้ มันเลยยังเกรงใจข้าบ้าง ตอนนี้เราได้มันมาร่วมมือด้วย แถม ยังได้ลูกเลี้ยงของไอ้ปราบมาอยู่ในมือ โอกาสเป็นต่อแบบนี้ ข้าเริ่มมองเห็นแล้วว่า ผาปืนแตกจะเป็นบ้านใหม่ ของพวกเรา”

ลายเสือหัวเราะอย่างสะใจ

เชนที่นอนพักอยู่ในสุขศาลา สะดุ้งตื่นจากฝันร้าย จากนั้นก็พยายามฝืนตัวเองลงจากเตียง แต่แล้วก็ทรงตัวไม่อยู่ ผู้กองสมาน ที่เดินเข้ามาเข้าไปช่วยประคองไว้ทัน พลางบอกว่าฝืนออกไปในสภาพตอนนี้ คงไม่เป็นผลดี แต่เชนไม่ฟังเสียงปัดมือผู้กองสมานออก
 
“ไม่ว่าผลจะออกมายังไง ก็ยังดีกว่าปล่อยให้พวกมันพรากคนรักของฉัน แล้วทำลายบ้านเกิดของฉันให้ย่อยยับต่อหน้าต่อตา”
“ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่แกว่าแน่นอน ถ้าแกคิดแต่จะออกไปลุย แต่ถ้าแกยอมถอยหนึ่งก้าว แล้วเก็บแรงคิดวางแผน โอกาสที่เป็นลบก็อาจจะกลายเป็นบวก คิดดูเอาแล้วกัน”
พูดจบผู้กองสมานก็เดินออกไป ปล่อยให้เชนนิ่งครุ่นคิดอยู่ตามลำพัง

เชนใช้ไม้เท้าพยุงตัวออกมาตามผู้กองสมานออกมา พลางเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในผาปืนแตกให้ผู้กองสมานฟัง
“ทุกอย่างอยู่ใต้อิทธิพลของไอ้ปราบ มันใช้เส้นสายจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ในเมืองไว้หมดทุกคน และด้วยความที่ผาปืนแตกไกลผู้ไกลคน ข้าราชการที่อยากทำดีเขาก็ไม่เลือกที่ที่ทำแล้วไม่ได้ชื่อเสียง”
“งั้นทางที่ดีพวกแกก็ควรอพยพไปจากผาปืนแตก แล้วปล่อยให้เป็นเมืองของพวกโจรไป ยังไงมันก็ ต้องฆ่ากันตายเองเพราะผลประโยน์เข้าสักวัน จะมาสู้ให้เหนื่อยทำไม”
เชนจ้องหน้าผู้กองสมานอย่างดูถูก
“ถ้าแกพูดแบบนี้ได้ ฉันก็ขอแนะนำว่า แกอย่าเที่ยวไปคุยว่าแกรักน้องสาวของแกมากกว่าไอ้เพลิง พญาไฟ เพราะไอ้เพลิงมันไม่เคยคิดถึงตัวเอง ต่อให้มันต้องลุยน้ำลุย ไฟ แลกชีวิตกับผีห่าซานตานมันก็ยอม ขอเพียงอย่างเดียวคนข้างหลังของมันต้องอยู่ดีมีสุข มีบ้านไว้เป็นที่พักผ่อนไม่ใช่รังโจร คนอย่างมันถึงยอมตาย ตาหลับ”
จบประโยคเชนก็เดินพยุงตัวเองกลับเข้าไปข้างในสุขศาลา ทิ้งให้ผู้กองสมานนิ่งอึ้งไป

ยอดเอายาหม้อที่ต้มร้อนๆ มาวางตรงหน้าเพลิง ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้น เพื่อพักฟื้นร่างกาย จู่ๆ ยอดก็ถามเพลิงตรงๆ
“ข้าถามเอ็งหน่อย ถ้าสภาพเอ็งพร้อมเต็มที่ ได้ดวลกันจริงๆกับพี่ชายคุณหมอ เอ็งจะกล้าลงมือ ฆ่าเขาเพื่อตัดปัญหาถูกตามล่ารึเปล่า”
เพลิงนิ่งไป ยอดมองหน้าเพื่อนอย่างเดาความคิดออก
เอื้อมเดือนเดินเข้ามาพร้อมกับปิ่นโตอาหารและกระเป๋ายา มาถึงหน้ากระท่อมได้ยินคำถามของ ยอดที่ถามเพลิง เลยหยุดฟัง
เพลิงหันกำลังจะตอบยอด บังเอิญเอื้อมเดือนเผลอทำปิ่นโตตกพื้นเสียงดังแทรกเข้ามา ทำให้ทั้งคู่ชะงัก
เพลิงกับยอดออกมาที่หน้ากระท่อม เห็นปิ่นโตตกอยู่ที่พื้นใกล้กับกระเป๋ายาที่ถูกทิ้งไว้
“สงสัยคุณหมอจะส่งติ๋มให้มาดูแลแกว่ะ”
เพลิงมองเห็นหลังเอื้อมเดือนวิ่งออกไปไวๆ “ไม่ใช่หรอก คุณหมอมาเองต่างหาก”
เพลิงครุ่นคิดอย่างหนักใจ

เอื้อมเดือนเดินหน้าเศร้าๆ มาหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำตาคลอๆ ด้วยความเสียใจ
“ที่ผมฝากบอกติ๋มไป ติ๋มไม่ได้บอกคุณหมอเหรอครับ”
เอื้อมเดือนหันไปเห็นเพลิงก็ถึงกับชะงัก
“งั้นถ้าติ๋มไม่ได้พูด ผมก็จะถือโอกาสบอกคุณหมอด้วยตัวเอง”
“พอเถอะเพลิง เธอไม่ต้องทำแบบนี้อีกแล้ว ฉันรู้ว่าคำพูดพวกนั้นมันไม่ได้มาจากความรู้สึก ของเธอจริงๆ เพราะฉันรู้จักเธอดี ถ้าฉันไม่รู้จักผู้ชายที่ฉันมอบตัวและหัวใจให้เขา แล้วฉันจะยอมแต่งงาน กับเขาได้ยังไง”

เพลิงนิ่งไป เอื้อมเดือนน้ำตาคลอๆ เข้ามาจับมือเพลิงขึ้นมากุม

“การที่เธอต้องโกหกหัวใจตัวเองแบบนั้น เธอคงต้องเจ็บปวดมากเลยใช่มั้ย ฉันสงสารเธอจัง เลยเพลิง เจ็บตัวยังไม่พอ หัวใจก็ต้องมาทนเจ็บอีก”
เอื้อมเดือนกอดซบหน้ากับแผ่นอกที่บึกบึนของเพลิง น้ำตาเอ่อนองหน้า
“เอาอย่างนี้แล้วกันนะเพลิง ฉันจะไม่สนใจแล้วว่าพี่สมานจะว่ายังไง ฉันจะไปอยู่กับเธอ จะไม่ ยอมให้เขามาแยกเราสองคนให้จากกันอีก”
เพลิงกลั้นน้ำตาและความเสียใจไว้สุดฤทธิ์ก่อนจะดันไหล่เอื้อมเดือนออกจากตัว
“คุณหมอนั่นแหละครับที่ควรจะหยุด คนอย่างไอ้เพลิง พญาไฟมันเป็นแค่ไอ้คนไร้ค่า เศษธุลีหรือ แม้แต่เศษก้อนกรวดที่ติดเท้าคุณหมอยังมีค่ามากกว่าผมอีก”
เอื้อมเดือนอึ้ง

ผู้กองสมานเดินเข้ามาหยุดมององค์พระประธานด้วยสีหน้าครุ่นคิด พลางนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ยอมยอมสู้ตายเพื่อเพลิง จากนั้นก็จุดเทียนหน้าองค์พระประธาน พร้อมกับครุ่นคิดถึงตอนที่เพลิงช่วยชีวิตเขาไว้จากการโดนแสนจะเอาหินทุบศรีษะ ขณะที่คำพูดของเชนยังก้องอยู่ในหู
“ถ้าแกพูดแบบนี้ได้ ฉันก็ขอแนะนำว่า แกอย่าเที่ยวไปคุยว่าแกรักน้องสาวของแกมากกว่าไอ้เพลิง พญาไฟ เพราะไอ้เพลิงมันไม่เคยคิดถึงตัวเอง ต่อให้มันต้องลุยน้ำลุย ไฟ แลกชีวิตกับผีห่าซานตานมันก็ยอม ขอ เพียงอย่างเดียวคนข้างหลังของมันต้องอยู่ ดีมีสุข มีบ้านไว้เป็นที่พักผ่อนไม่ใช่รังโจร คนอย่างมันถึงยอมตาย ตาหลับ”
ผู้กองสมานลุกพรวดขึ้นมา แล้วหันไปทางประตูโบสถ์ หลวงพ่อสินยืนอยู่ที่ประตู
“มีธุระอะไรจะคุยกับหลวงพ่อเหรอโยม”
“หลวงพ่อคือคนที่รู้จักไอ้เพลิงดีที่สุดแล้วใช่มั้ยครับ”

เอื้อมเดือนแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าผู้ชายที่เธอรักมากจะพูดกับเธอแบบนี้ พลางเอามือปิดหูตัวเอง “ไม่ ฉันไม่ฟัง”
เพลิงพยายามดึงมือออก
“คุณหมอไม่ฟังไม่ได้ เพราะผมจะไม่พูดซ้ำอีก คุณหมอต้องเลิกทำตัวใฝ่ต่ำ อย่าคิดว่าการลงมา เกลือกลั้วกับคนชั่วๆแล้วจะทำให้ตัวเองดูเป็นแม่พระขึ้นมาได้ เพราะสุดท้ายแม่พระก็ต้องมีมลทิน จับใส่ตระกร้า ล้างน้ำอีกกี่รอบก็ไม่มีวัน....”
เพลิงยังพูดไม่ทันจบประโยค เอื้อมมือก็ฟาดฝ่ามือเข้าหน้าเต็มแรง
“พอ หยุดทำร้ายหัวใจฉันซะที”
เอื้อมเดือนน้ำตาอาบแก้มสะอื้นเสียใจ
“อะไรก็มาหยุดไอ้เพลิงไม่ได้ ทั้งหมดเพราะคุณหมอทำตัวเองทั้งนั้น เป็นนางฟ้านางสวรรค์อยู่ดีๆ ไม่ชอบ แต่อยากมีค่าเป็นแค่เศษดิน งั้นไอ้เพลิงก็จะทำให้คุณหมอหมดราคา หาค่าอะไรไม่ได้อีกเหมือนอย่างมัน”
เพลิงโถมตัวเข้าใส่แล้วจับเธอมาซุกไซร้กอดปล้ำอย่างบ้าคลั่ง เอื้อมเดือนทนไม่ไหว จึงผลัก ออกไปเต็มแรง
“เลวที่สุด ฉันเกลียดเธอ ได้ยินมั้ย ฉันเกลียดเธอ”
เอื้อมเดือนร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ ก่อนที่จะวิ่งออกไปอย่างน่าสงสาร เพลิงกำหมัดแน่น จากนั้นก็ค่อยๆ ทรุดเข่าลง สองมือกำหมัดกระแทกพื้นดินอย่างรุนแรง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลเอ่อไม่หยุด

หลวงพ่อสินหันไปมองพระประธาน แล้วหันกลับมามองผู้กองสมานนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ด้วยแววตาจริงจัง
“สิ่งที่ข้าเล่าให้เอ็งฟัง ไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนเลี้ยงดูไอ้เพลิงมาตั้งแต่เด็ก ข้าเลยเข้าข้างมัน เชื่อว่า มันไม่ได้เป็นฆาตกร”
ผู้กองสมานหน้าเครียด
“ถึงหลวงพ่อยืนยันกับผมว่าไอ้เพลิงเป็นคนมีจิตใจดี แต่มันตรงข้ามกับคำตัดสินของศาล ที่ ตัดสินไปทางเดียวกันว่ามันคือฆาตกร”
“งั้นถ้าเอ็งเชื่อมั่นในระบบความยุติธรรมที่เอ็งทำงานถวายชีวิตให้มาตลอด แล้วเอ็งจะมาถาม ความเห็นของข้าทำไม”
ผู้กองสมานอึ้งไป หลวงพ่อสินจึงพูดดัก
“เพราะคนที่ผาปืนแตกทุกคนล้วนพูดเหมือนกันหมดว่าไอ้เพลิงเป็นคนดี เอ็งรู้มั้ย ว่าทำไมที่นี่ ถึงมีวัดข้าอยู่วัดเดียว แถมพระเณรก็แทบจะไม่มีอยู่จำวัด เพราะแค่จะใช้ชีวิตอย่างปกติอยู่ที่นี่มันยังลำบากเลย ความตายมันอยู่รอบตัว เผลอนิดเดียว ก็อาจจะโดนอิทธพลยิงกบาล แม้แต่พระแต่เจ้าก็ไม่เว้น เพราะฉะนั้นเอ็ง ไม่ต้องกลัวว่าพวกนั้นจะโกหกเอ็งเรื่องของไอ้เพลิงหรอก ถ้าไม่มีไอ้เชน พนัญเชิงกับไอ้เพลิง พญาไฟ เป็นวีรบุรุษ คอยต่อต้านพวกมัน ป่านนี้น้องสาวของเอ็งก็คงไม่รอดเหมือนกัน”
ฟังคำเตือนสติของหลวงพ่อสินแล้ว ผู้กองสมานก็ยิ่งครุ่นคิดหนักใจ จากนั้นก็ล้วงมือเข้าไป ใน กางเกงแล้วหยิบเอาผีเสื้อพลาสติกขึ้นมา
“นี่คือสิ่งที่อยู่ในมือฟ้างามในวันที่เธอตาย มันเป็นเครื่องเตือนใจผมเสมอว่าไอ้เพลิงคือต้นเหตุ”
“ข้าเป็นพระยังไงถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด แต่ในเมื่อความจริงยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ใน ตอนนี้ แล้วทำไมเอ็งไม่ให้เวรกรรมเป็นตุลาการตัดสินไปก่อนล่ะ กรรมมันคือผลของการกระทำ ใครทำกรรมไว้ มันก็ต้อง ชดใช้กรรม ถ้าไอ้เพลิงเป็นฆาตกรจริงๆ มันก็หนีเวรกรรมไม่พ้นหรอก”
ผู้กองสมานมองหลวงพ่อสินแล้วตัดสินใจ
 
จบตอนที่ 13 
กำลังโหลดความคิดเห็น