สาปสาง ตอนที่ 13
แพรวจอดรถที่หน้าที่ดินร้าง
“ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง” กรณ์บอก
กรณ์จะลงจากรถ
แพรวเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“ครับ?”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณจะมาที่นี่ทำไม”
“ผมมาดูที่น่ะครับ”
“ดูที่? ดูทำไมคะ ?”
“ผมรับปากทำงานให้คุณณรา เจ้าของโรงแรมที่พักอยู่ เขาให้ผมดูแลโครงการโรงแรมใหม่ที่จะสร้างขึ้นที่นี่”
“ขอตัวก่อนนะครับ”
กรณ์ลงจากรถไป
“เดี๋ยวค่ะ”
แพรวรีบตามลงไป
“ฉันจะไปกับคุณด้วย ไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งนาน คิดถึงน่ะค่ะ”
“งั้นก็เชิญครับ”
กรณ์หลบทางให้แพรวเดินนำเข้าไปก่อนแล้วเขาก็ตามไป แพรวมีสีหน้ากังวลใจสุดๆ ทันใดนั้นณราก็ก้าวเข้ามาในเขตพื้นที่โรงละคร
วิญญาณช่อเอื้องเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าดีใจ
“คุณกรณ์ ! คุณกลับมาช่วยช่อแล้ว”
ช่อเอื้องพยายามจะออกจากความมืดให้ได้แต่ก็ไม่เจอทางออก
“คุณกรณ์ ช่วยช่อด้วย คุณกรณ์ “ ช่อเอื้องหาทางไม่เจอ “ปล่อยนะ ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันออกไป”
กรณ์จะเดินไปยังจุดที่เคยเป็นลานน้ำพุเทวี แพรวที่เดินตามมาใจคอไม่ดีจึงแกล้งทำเป็นล้มลงแล้วร้องลั่น
“โอ๊ย!!”
กรณ์รีบหันกลับมาดูก็เห็นแพรวลงไปกองกับพื้น
“คุณแพรว” กรณ์รีบเข้าไปหา “เป็นอะไรไปครับ”
“เจ็บที่ข้อเท้าน่ะค่ะ สงสัยจะข้อเท้าพลิก แพรวนี่แย่จริงๆ เลย คุณจะทำงานแท้ๆ ดันมาก่อเรื่องให้คุณซะได้” แพรวพยายามจะลุกแล้วร้อง “โอ๊ย”
กรณ์ประครองตัวแพรวเอาไว้
“ผมว่าไปหาหมอดีกว่าครับ”
“จะดีเหรอคะ คุณทำธุระให้เสร็จก่อนดีไหม โอ๊ย” แพรวกุมข้อเท้าแน่น “ทำไมปวดอย่างนี้”
“ผมว่าไปเลยดีกว่านะครับ อย่ารอผมเลย ไปครับ ผมจะพาไปเอง”
“แต่ว่า....”
“ไม่มีแต่ครับ” กรณ์บอก
กรณ์ประครองตัวแพรวให้ลุกขึ้น แพรวแกล้งเซเหมือนเสียหลัก
“ว้ายๆๆ”
แพรวซบลงที่อกกรณ์ กรณ์จำต้องจับตัวแพรวไว้
“คุณคงเดินเองไม่ไหวแน่ ขอโทษนะครับ”
กรณ์พูดแล้วก็อุ้มแพรวขึ้น แพรวคาดไม่ถึงแต่ก็ดีใจ
“ขอบคุณมากค่ะคุณกรณ์”
“ไม่เป็นไรครับ”
กรณ์อุ้มแพรวออกไปจากบริเวณลานน้ำพุเทวี แพรวทำหน้าสาสมใจ
ช่อเอื้องทรุดตัวลงหมอบกับพื้นด้วยความรันทดใจ
“ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันออกไปที คุณกรณ์ ช่วยช่อด้วย ช่วยช่อด้วย”
พริ้วเถียงกับณรา
“ถึงมันจะเกินหน้าที่เลขาไปหน่อย แต่ยังไงฉันก็ขอยืนยันว่าไม่เห็นด้วยที่คุณซื้อที่ดินผืนนั้น”
“คนอย่างผมจับอะไรไม่เคยพลาด เดี๋ยวคุณก็จะเห็นเอง” ณราบอก
“เอาเถอะค่ะ ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งนักก็ตามใจ เดือดร้อนแล้วอย่ามาร้องให้ช่วยก็แล้วกัน”
“ถ้าจะห่วงผม คุณก็ต้องห่วงคุณกรณ์ด้วยนะ”
“ทำไมฉันต้องห่วงเขาด้วยล่ะ”
“ก็ผมชวนเขามาทำงานด้วยน่ะสิ ให้ดูแลโปรเจ็คนี้ แล้วเขาก็ตกปากรับคำแล้วด้วย”
“นี่คุณหาเรื่องเดือดร้อนคนเดียวยังไม่พอ ยังไปลากคุณกรณ์เข้ามาเกี่ยวอีก คุณนี่จริงๆ เลย”
“ถ้าคุณไม่อยากให้พวกเราเดือดร้อนก็ให้ซินแสเฟยมาดูที่ให้ผมสิ ท่านออกจากโรงพยาบาลรึยัง”
“ออกวันนี้ค่ะ”
“ถ้าท่านแข็งแรงแล้ว ก็ให้ท่านไปดูที่เลย งานนี้ผมมอบหมายให้คุณกรณ์เป็นคนจัดการ”
“มีแต่คนเขาดูก่อนซื้อ ไม่ใช่ซื้อแล้วถึงดู”
“ฮวงจุ้ยมันปรับแก้ให้ดีได้ ดูก่อนหรือหลังก็เหมือนกันนั่นแหละ รีบไปจัดการให้เรียบร้อย”
“ค่ะ คุณเจ้านาย!”
พริ้วเดินออกไป
อ่านต่อหน้า 2
สาปสาง ตอนที่ 13 (ต่อ)
อนงค์กวาดใบไม้อยู่หน้าบ้าน กรณ์ขับรถของแพรวเข้ามาจอด อนงค์เพ่งตามองด้วยความไม่คุ้นหน้า
“ใครกัน”
กรณ์ถามย้ำกับแพรว
“แน่ใจเหรอครับว่าจะไม่ไปหาหมอ น่าจะไปให้หมอเขาเช็คดูสักหน่อยก็ยังดี”
“แพรวไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ เหลือแค่เจ็บแปล๊บๆ ไม่หนักหนาอะไร ไม่ต้องเสียเวลาไปหาหมอหรอกค่ะ แพรวรู้ว่าคุณยุ่ง แพรวเกรงใจ เข้าบ้านก่อนนะคะ แพรวขอเลี้ยงกาแฟขอบคุณคุณสักแก้ว หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจบ้านจนๆ หลังนี้นะคะ”
กรณ์พูดไม่ออกจึงได้แต่ยิ้ม
เวลาต่อมา กรณ์นั่งรออยู่ในห้องรับแขก
แพรวที่อยู่ในครัวกำลังชงกาแฟ อนงค์เข้ามาถาม
“พาใครมาน่ะ เพื่อนกันรึไง”
“เขาชื่อกรณ์ เป็นลูกชายครูอาภา เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก”
“แล้วแกไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย ถึงกับต้องพาเข้ามาในบ้านแบบนี้”
“หยุดถามซะทีเถอะแม่ ยังไงแม่ก็ต้องเจอเขาอีกแน่”
“ทำไม เขาจะมาบ้านเราอีกรึไง”
แพรวไม่ตอบ เธอชงกาแฟไปอมยิ้มร้ายไป
“ทำหน้าอย่างนี้หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าพ่อหนุ่มนั้น เป็นแฟนแก”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่อีกไม่นานต้องใช่แน่ๆ”
แพรวยกแก้วกาแฟออกไป อนงค์มองตามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“หมายความว่า พ่อหนุ่มนั้นเป็นว่าที่ลูกเขยเรางั้นเหรอ”
แพรววางกาแฟลงบนโต๊ะ
“ขอบคุณมากครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ถือซะว่าเป็นการขอโทษที่แพรวทำให้คุณต้องเสียงาน”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ที่ดินไม่ได้หายไปไหน ผมจะกลับมาดูเมื่อไหร่ก็ได้”
“เอ่อ คุณแน่ใจแล้วเหรอคะที่จะทำงานกับคนพวกนั้น”
“คุณณราเขาเป็นคนเก่งนะครับ โรงแรมเขาก็ประสบความสำเร็จทั้งนั้น”
“แต่คุณไม่รู้สึกแปลกๆ เหรอคะที่จู่ๆ จะมีคนเอาที่ดินที่เคยเป็นโรงละครเก่าที่คุณแม่คูณทั้งรักทั้งหวงไปปู้ยี่ปู้ยำ แพรวว่าถ้าครูอาภายังอยู่ ท่านต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆค่ะ”
“ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว โรงละครก็ถูกไฟไหม้จนไม่เหลือซากแล้ว อดีตก็คือดีต ผมว่าดวงวิญญาณคุณแม่คงเข้าใจ”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ ท่านรักโรงละครมาก พอรู้ข่าวว่าโรงละครถูกไฟไหม้ก็ถึงกับหัวใจวายตายไปอย่างนั้น แล้วที่สำคัญ ท่านอยากให้มีคนสืบทอดละครของท่านต่อ ถ้าคุณจะทำงานอะไรสักอย่าง ทำไมไม่สืบทอดละครของคุณแม่คุณล่ะคะ แพรวกับไท ยินดีจะช่วยคุณทุกอย่าง”
“จะทำได้ยังไงล่ะครับ โรงละครก็ไหม้หมดแล้ว”
“ก็หาที่ใหม่สิคะ เอาไหมคะ แพรวจะช่วยหาให้ หาไม่ยากหรอกค่ะ เราไม่ต้องทำใหญ่โต แค่เป็นที่เล็กๆ เพื่อสืบทอดละครของครูก็พอค่ะ วิญญาณท่านคงดีใจมากถ้ารู้ว่าคุณจะทำสิ่งนี้ให้ นะคะ อย่าไปทำโรงแรมเลย ทำโรงละครดีกว่า คิดเสียว่าทำเพื่อครู เพื่อคุณแม่ของคุณยังไงล่ะคะ”
กรณ์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ผมรับปากคุณณราไปแล้ว คงทำอย่างที่คุณแพรวต้องการไม่ได้หรอกครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ ยังมีอะไรต้องทำอีกมาก”
กรณ์ลุกขึ้นแล้วก้มหัวให้แพรวแล้วเดินออกไป แพรวมีสีหน้าเครียดและเป็นกังวล
พริ้วรินน้ำชาให้เฟย
“กินโสมเยอะๆ เลยนะป๊า จะได้แข็งแรง ฉันต้มเองเลยนะ”
“อั๊วแข็งแรงดีแล้ว ลื้อไม่ต้องห่วง” เฟยบอก
“ถ้าป๊าหายดีแล้ว เจ้านายฉันเขาอยากให้ป๊ารีบไปดูที่ให้เขาเลย ป๊าจะไปไหวไหมจ้ะ”
“ไหวสิ” เฟยครุ่นคิด “อั๊วะก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่ดินนั่นมันจะแก้ไขให้ดีได้ไหม หรือจะต้องเป็นที่ร้ายต่อไป”
เฟยครุ่นคิด
กรณ์มองโมเดลโรงแรมแห่งใหม่ที่กำลังจะสร้างบนที่ดินดาราลัยเดิม
“ผมอยากให้คุณได้เห็นที่นี่เหลือเกิน ช่อ”
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น กรณ์หลุดจากภวังค์ความคิดถึง ณราเดินเข้ามา
“ไปดูที่มาเป็นอย่างไรบ้างครับคุณกรณ์”
“ได้แค่ไปครับ ยังไม่ได้ดูจริงจังเลย”
“อ้าว เกิดอะไรขึ้น”
“ผมไปถึงที่นั่นแล้ว แต่เผอิญคุณแพรวไปด้วย จู่ๆเธอก็ข้อเท้าแพลง เดินไม่ได้ ผมเลยต้องพาเธอไปส่งบ้าน”
“เกิดเรื่องอีกแล้ว แบบนี้คุณก็เลยไม่ได้ดูที่น่ะสิ”
“ครับ ต้องขอโทษด้วยที่เกิดเรื่อง ทำให้เสียงาน”
“โอ๊ย ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ผมประหลาดใจอยู่อย่างหนึ่ง”
“ประหลาดใจ อะไรหรือครับ”
“คือไม่ว่าจะไปที่นั่นทีไร ต้องมีเรื่องทุกที ผมกับพริ้วไปที่ที่ดินผืนนั้น คุณพลิ้วก็เป็นลมทุกครั้ง ครั้งนี้ก็คุณแพรว”
กรณ์หัวสมัยใหม่จึงไม่ได้ติดใจเรื่องลึกลับ เขาย้ำเรื่องงาน
“แต่คุณณราไม่ต้องห่วงนะครับ คืนนี้ผมนัดกับซินแสเฟยไปดูที่แล้วครับ...รับรองไม่พลาดแน่ รู้สึกคุณพริ้วจะนัดผมราวๆทุ่มนึงนะครับ”
“พริ้ว ? นัดคุณ ?” ณรางง
“ครับ ก็ซินแสเฟยเป็นพ่อของเธอนี่ครับ เธอเลยจะไปด้วย”
“ทำไมพริ้วไม่บอกผม”
ณราบ่นงึมงำ กรณ์เลิกคิ้วถาม
“คุณณราว่าอะไรนะครับ”
“อ๋อ เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
กรณ์พยักหน้ารับรู้ ณราเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกหมั่นเขี้ยวพริ้วขึ้นมาตะหงิดๆ
อ่านต่อหน้า 3
สาปสาง ตอนที่ 13 (ต่อ)
พริ้วเก็บของที่โต๊ะแล้วลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่เธอเห็นตัวเองในกระจก
“ต๊าย ทำงานหนักจนหัวฟู หน้ามันไปหมด ยัยพริ้วเอ๊ย”
พริ้วเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางแล้วเติมแป้งหน้า
“ท่านพระเดชพระคุณณราจะรู้ไหมว่าฉันทำงานหนักขนาดไหน ฮึ”
เสียงณราดังขึ้น “หนักไม่หนักไม่รู้ แต่มีเวลาเติมสวยแล้วกัน”
พริ้วหันขวับมาเห็นก็ทั้งเขินทั้งตกใจ
“คุณ ! เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็นานพอจะเห็นสภาพลูกเป็ดขี้เหร่แปลงร่าง”
“สวยก็บอกมาเหอะ”
“แต่งหน้าซะสวยเชียวนะ เตรียมควงผู้ชายไปเที่ยว”
“อะไร ใครไปเที่ยว”
“ก็เย็นนี้ไง ผมไม่ให้คุณไป กับคุณกรณ์นะ”
“จะบ้าเหรอ ฉันไปทำงานให้คุณนะคะ บอส”
“แต่ผมไม่อยากให้ไป ทำไมคุณต้องไปยุ่งกับนายกรณ์ด้วย”
“ฉันไม่ได้ยุ่ง ฉันเป็นห่วง”
ณราตาโต เขาปราดเข้ามาใกล้พริ้วทันที พริ้วถอยกรูด
“เป็นห่วง ? เพิ่งรู้จักนายกรณ์ไม่ทันไร เป็นห่วงเป็นใยถึงกับต้องตามไปดูแลเขาเลยเหรอ”
ณราถามเสียงเข้ม เขาชะโงกหน้าใกล้พริ้ว พริ้วโมโหจนหน้าแดง
“อีตาบ้า”
“นี่ผมเจ้านายคุณนะ”
“ทำไมฉันจะว่าคุณไม่ได้ อีตาบ้า”
“ก็คุณบ้าผู้ชาย ผมก็ว่าคุณได้เหมือนกัน”
พริ้วเหลืออดจึงบิดพุงของณราจนตัวงอพลางยันณราออกห่างแล้วพูด
“ฉันไปดูที่กับคุณกรณ์ เพราะป๊าฉันไปด้วย แล้วป๊าก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันต้องดูแลป๊าไม่ใช่ดูแลคุณกรณ์ เข้าใจไหมคะ”
“โอ๊ย เข้าใจแล้ววจ้ะ โอเคนะ ปล่อยได้ยัง...เจ็บอ่ะ”
ณราเลื่อมมือกุมมือพริ้ว พริ้วรู้ตัวจึงเลิกหยิกพุงณราแล้วดึงมือออก พริ้วหน้าแดงแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้
“เอ้อ ขอโทษค่ะ”
เสียงโทรศัพท์ของพริ้วดังขึ้น
“ป๊า”
พริ้วเดินเลี่ยงออกมา ณรามองตาม
เฟยพูดโทรศัพท์ “อาพริ้ววันนี้ป๊าว่าไม่เหมาะที่เราจะไปดูที่”
“มีอะไรเหรอป๊า” พริ้วสงสัย
“ป๊าสังหรณ์ว่ามันจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ถ้าเราไปวันนี้ บอกนายลื้อว่าเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
“ได้จ๊ะป๊า”
พริ้ววางสายลงแล้วมีสีหน้าครุ่นคิด
“จะมีเรื่องไม่ดีอะไรอีกนะ”
ภายในร้านขายของเก่าที่สภาพยังไม่เรียบร้อยดี ของหลายอย่างยังอยู่ในห่อ โดยรอบมีสภาพระเกะระกะ ไทกำลังจัดร้านอยู่ สักพักมือถือของเขาก็ดังขึ้น ไทเห็นว่าเป็นแพรวโทรเข้ามา
“ว่าไงแพรว มีอะไรสำคัญรึเปล่า ฉันกำลังยุ่ง ร้านจะเปิดอยู่แล้ว ยังจัดไม่เสร็จเลย”
แพรวมีท่าทางร้อนใจมาก
“มัวแต่ยุ่งอยู่นั่นแหละ ตะรางมารออยู่ข้างหน้าแล้ว โงหัวขึ้นมองซะบ้างสิ”
“พูดอะไรน่ะ” ไทว่า
“ก็คุณกรณ์น่ะสิ ถูกไอ้เจ้าของโรงแรมชวนไปทำงานด้วย หนำซ้ำยังให้ทำโรงแรมใหม่ที่จะสร้างในที่ดินโรงละครอีกด้วย”
ไทอึ้งๆ ไปก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แต่อย่าลืมว่าหลุมศพช่อถูกอาคมพ่อปู่พรางตาไว้ คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ฉันว่าทางที่ดี เธออย่ากระโตกระตากไปจะดีกว่า ขืนพูดมาก เดี๋ยวจะโดนสงสัยซะเปล่า ๆ”
แพรววางสายอย่างไม่พอใจ
“ไอ้โง่เอ้ย โลกนี้ มันไว้ใจอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะด้านดีหรือด้านชั่ว”
อีกาตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง แพรวเห็นเข้าก็สะดุ้ง
“พ่อปู่!”
แพรวจอดรถหน้าตำหนัก อีการ้องกันให้ระงม แพรวก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปด้านใน
อ่านต่อหน้า 4
สาปสาง ตอนที่ 13 (ต่อ)
พ่อปู่นั่งรออยู่ในตำหนัก แพรวเดินเข้ามาหา
“มาแล้วรึอีเลือดชั่ว”
แพรวก้มลงกราบ พ่อปู่เอาเท้ายันโครม
“มึงไม่ต้องมากราบกู!”
แพรวตกใจจนหน้าถอดสี พ่อปู่ชี้หน้า
“อีกำเริบ มึงคิดจะดูถูกมนต์กูงั้นรึ”
“เปล่านะจ้ะพ่อปู่ ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นนะจ้ะ”
“กูสื่อจิตมึงได้ อีปากชั่ว อย่าได้กล้าดีมาโกหกกู ไสยดำของกู หากขาดความลุ่มหลง มันก็จะเสื่อมฤทธิ์ ถ้ามึงไม่อยากเดือดร้อน ก็อย่าได้คิดลบหลู่กู”
“จ้ะๆ ฉันไม่คิดอย่างนั้นเด็ดขาดจ้ะพ่อปู่ ว่าแต่ พ่อปู่เรียกฉันมาวันนี้ทำไมเหรอจ้ะ”
“กูรู้เรื่องที่คนรักของอีผีชั่วนั่นมันกลับมาแล้ว”
“พ่อปู่รู้ได้ยังไงจ้ะ”
“ไอ้หมอนั่นมันผูกจิตกับอีช่อ กูถึงรู้ได้เพราะอีช่อมันโหยหา อ้อนวอนให้ช่วยมัน”
“แล้วคุณกรณ์เขาจะรู้เรื่องนี้ไหมจ้ะ”
“มนต์ดำอำพรางจะแยกมันจากกันได้ แต่ตัวอันตรายคืออีณาณทิพย์”
“นังพริ้วน่ะเหรอจ้ะ”
“ใช่ อีนั่นแหละที่จะทำลายทุกอย่างที่มึงกลบไว้”
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะจ้ะพ่อปู่”
“ทางเดียวที่อีนั่นจะสิ้นฤทธิ์คือมันต้องตาย!!”
“ถึงกับต้องฆ่าเลยเหรอจ้ะ”
“ถ้ามึงไม่ฆ่ามัน มันนั่นแหละที่จะฆ่าพวกมึง มึงเลือกเอา”
“แต่ว่า….”
แพรวสีหน้าตระหนกตกใจและครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด
“มึงไม่ต้องตกใจไป กูไม่ให้มึงไปลงมือฆ่ามัน แค่ไปเอาเลือดมันมาให้กู กูจะลงมนต์ใส่เสือดมัน มนต์ชั่วจะกัดกินมันไปเรื่อย ร่างมันจะค่อยๆ ตายไปเองโดยไม่มีใครต้องเป็นฆาตกร”
แพรวถอนใจด้วยความโล่งอก แววตาของเธอฉายแววร้านวูบขึ้นมาทันที
แพรวหงุดหงิดเพราะรออยู่นาน เธอกระแทกแก้วกาแฟใส่เมื่อไทเดินมาถึง
“ฉันนึกว่าแกปอดแหก หนีไปแล้ว”
ไทเมินไปแว่บหนึ่งเพราะไม่พอใจที่แพรวต่อว่า
“นัดฉันมามีอะไร”
“พ่อปู่เรียกชั้นไปพบ”
“อย่าบอกนะว่าวิญญาณของช่อหลุดออกมาได้”
ทันใดนั้นฝูงอีกาก็บินพุ่งชนกระจก พวกมันตีปีกและร้องเสียงดัง
“ปากเสีย ! พ่อปู่สะกดวิญญาณอีช่อไว้ได้แล้ว มันไม่มีทางหลุดออกมาหรอกน่า นอกจากจะนังญาณทิพย์นั่นจะมาทำชิบหาย”
“จะทำได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“พ่อปู่บอกว่าอีนังนี่มันจะทำลายทุกอย่างที่เราฝังดิน
“แล้วพ่อปู่บอกรึเปล่าว่าต้องทำยังไงต่อ”
“เอาเลือดมันมาให้ได้ พ่อปู่จะฆ่ามันด้วยเลือด”
“แล้วจะทำได้ยังไง อยู่ๆ จะไปเอาเลือดมันมาได้ยังไงกัน”
“แกฆ่านังช่อได้ แค่เอาเลือดจากผู้หญิงอีกคนทำไมจะทำไม่ได้”
ไทอึ้งไป
“ต่อไปนี้ แกต้องคอยติดตามมัน สบโอกาสเมื่อไหร่ก็ลงมือได้เลย ยิ่งเร็วยิ่งดี”
รถของแพรวจอดอยู่มุมหนึ่งที่หน้าโรงแรม แพรวใส่แว่นตาดำมองไปที่หน้าโรงแรม
“ห้าโมงแล้ว ได้เวลาเลิกงานแล้วมั้ง”
“ยังไงนังพริ้วมันก็ต้องกลับบ้าน เดี๋ยวพอมันออกมา เราค่อยสะกดรอยตามมันไป”
“แล้วจะลงมือตอนไหน”
“ก็รอจังหวะเหมาะๆสิ แกก็คอยดูต้นทางไว้ให้ดี เผื่อมีคนเห็นว่าเรามาแอบซุ่มรอนังพริ้ว”
ไทเหลียวซ้ายขวาแล้วมองออกไปนอกรถตามที่แพรวบอก เขาเห็นพริ้วเดินออกมาที่หน้าโรงแรม
“นั่นไง นังพริ้ว”
“ตามเลยไหม”
ไทจับพวงมาลัยแล้วใช้มือซ้ายจะเปลี่ยนเกียร์เดินหน้า
แพรวรีบบอก “เดี๋ยวก่อน”
พริ้วหยุดรอ แล้วหันกลับไปมองที่หน้าโรงแรมก็เห็นกรณ์เดินตามพริ้วออกมา
“รถผมอยู่ทางโน้นครับคุณพริ้ว” กรณ์บอก
“ค่ะ พริ้วเองก็ลืมตัว จะเดินไปเรียกแท็กซี่ซะเนี่ย”
กรณ์เดินนำพริ้วไปที่รถแล้วเปิดประตูให้พริ้วนั่ง แพรวและไทเห็นแล้วก็ตกใจ
“แย่แล้ว ! คุณกรณ์ไปด้วย”
“วันนี้คงไม่สะดวกแล้ว ไว้วันหลังเถอะนะ” ไทบอก
“ไม่ได้ ลงมือช้าเท่าไหร่ ผีอีช่อก็จะมีโอกาสมากเท่านั้น รีบตามไปเลย”
“จะดีเหรอ...ฉันว่า”
“ฉันบอกให้ตามก็ตามสิ....ไป๊”
แพรวสั่งเสียงกร้าว ไทจำใจต้องออกรถตามรถกรณ์ไป
พริ้วเห็นกรณ์เงียบๆ ก็เริ่มผูกมิตร
“คุณกรณ์ไปเรียนต่อเมืองนอกสามปี คงคิดถึงที่นี่มากนะคะ”
“ก็มีบ้างครับ แต่คนที่ผมคิดถึง ก็เหลือแต่ความทรงจำแล้ว”
“น่าจะเป็นความทรงจำดีๆสินะคะ คุณกรณ์ถึงได้ยอมมาบริหารโครงการโรงแรมให้บอส”
กรณ์ไม่อยากขยายความจึงได้แค่ตอบคลุมเครือ
“ก็ประมาณนึงครับ”
พริ้วซึ่งไม่เคยรู้ปูมหลังความรักของกรณ์ยังถามต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ตอนเด็กๆ พริ้วอยากดูละครที่โรงละครดาราลัยมากเลยค่ะ ป๊าเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนมีเรื่องนึงดังมาก ชื่อเรื่อง สาปนาง นางเอกเป็นนางรำที่สวยมาก”
“นั่นคุณแม่ผมเองครับ สมัยโน้นแม่เล่นเป็นนางเอก”
“แต่เหมือนได้ข่าวว่า เรื่องสาปรัก ถูกปัดฝุ่นจะทำอีกนี่คะ พริ้วยังว่าจะมาดูเลย แต่เสียดาย ไฟไหม้โรงละครเสียก่อน”
กรณ์นิ่งไปเพราะนึกถึงช่อเอื้อง
“โรงละครก็ไฟไหม้ไปหมดแล้ว ผมว่าให้มันจบไปพร้อมกับเถ้าถ่านโรงละครเถอะครับ”
“เอ๋ !?!?....แล้วตัวแสดงละคร ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
“แล้วนางเอกยุคนี้ล่ะคะ คุณกรณ์รู้จักหรือเปล่า เธอเป็นใครคะ ตอนนี้เธอไปไหน แล้วจะกลับมาแสดงต่อไหมคะ”
กรณ์ไม่ค่อยอยากเล่า “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมว่าเราลืมเรื่องโรงละครนี้ไปดีกว่า.....คุณพริ้วอย่าถามอะไรผมอีกเลยครับ เรื่องมันนานแล้ว ผมเองก็ไม่อยากจำ”
พริ้วสะดุดเสียงกรณ์ด้วยความรู้สึกว่ากรณ์ต้องมีอะไรแปลกๆเกี่ยวกับโรงละคร
อ่านต่อตอนที่ 14