ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 13
เหตุการณ์ในอดีต อีทิ้งกะอีอุ่นสองคนหอบหิ้วตะกร้าข้าวของมาตามทางไปเรือนแม่อร
“เทียวไปเทียวมาส่งของทู้กวัน....ชักจะเหนื่อยแล้วนะเว้ยอีทิ้ง” อีอุ่นว่า
“อีอุ่น เหนื่อยก็วางไว้ กูเอาไปเอง”
“เอ้า กูพูดดีๆ”
“คิดให้ดีเอ็งพูดดีๆ รึ นี่งานของคุณท่านคนใหญ่มึงทำเท่านี้มึงบ่นรึ ข้าวแดงแกงร้อนรดกบาลทุกวันรู้สึกบ้างมั้ย ห๊ะ...อีอุ่น”
อีอุ่นบ่นอุบ “ไปโน่น...เอ็งล่ะก้อ หาเรื่องแท้”
อีทิ้งยืนนิ่ง สีหน้ากดดันสุดขีด คิดถึงคุณประยงค์ที่เป็นทุกข์สาหัสแล้วหมดแรงยืน ทรุดตัวลงนั่งกุมขมับ “กูสงสารเธอเหลือเกิน”
อีอุ่นก็เลยนั่งจับเจ่าไปด้วย “เฮ้อ...”
เกดเดินมาเห็น “อีอุ่น ถ้าเหนื่อยนักมึงไม่ต้องเอาไปให้ก็ได้ เจ้านายกูไม่อยากได้เท่าไหร่หรอก”
“ชะ อีเกด กงการอะไรของมึงวะ เสือดสอดจริงนะมึง” อีทิ้งฉุน
“กูก็พูดความจริง พูดแทนคุณอร พูดง่ายๆ กูไม่เชื่อใจเจ้านายมึงว่าจะหวังดีกับคุณอรจริงๆ”
อีทิ้งฟังแล้วอึ้งไปนิด เกดมองตาขุ่น
“กูยืนยันว่าเธอหวังดีจริงๆ นะอีเกด เชื่อกูเหอะ”
เกดมองหน้าอีทิ้งอย่างประเมิน แลเห็นความจริงใจ “มันเชื่อยาก กูบอกได้คำเดียวเชื่อยาก”
พอคุณประยงค์รู้เรื่องบอกอีทิ้งไปว่า “มันไม่เชื่อก็ทำให้มันเชื่อสิ ยากอะไร”
และเพียงไม่นานนักคุณประยงค์เดินตรงมุ่งหน้าไปยังหน้าเรือนแม่อร
แม่อรออกมาเห็นตกใจ รีบลงมาต้อนรับ
อีทิ้งสบตากับเกด เป็นเชิงว่า “นี่ไง”
“เชิญคุณท่านเจ้าค่ะ”
คุณประยงค์สั่ง “คุณพี่....เรียกฉันคุณพี่”
สีหน้าเกด มองคุณประยงค์ด้วยความสงสัยเต็มที่
สองคนอยู่ในห้องบนเรือนด้วยกัน บ่าวทั้ง 3 อยู่ด้านนอก คุณประยงค์ทักทายไถ่ถามใบหน้ายิ้มเยื้อน
“ท้องสาว มองยังไม่เห็น แต่ผิวพรรณเป็นน้ำนวล”
“ขอบพระคุณค่ะ”
“ได้ยินว่าไม่เชื่อว่าฉันจะดีกับเธอได้รึแม่อร”
“เปล่าค่ะ....คุณ เอ้อ คุณพี่ น้องไม่เคยคิด”
“ถ้างั้นก็อีเกดล่ะสิ....ไปไหนเสียล่ะมัน”
“คงไปซักเสื้อผ้าของท่านเจ้าคุณค่ะ”
“มันเป็นคนช่างยุแยง แม่อรระวังมันไว้ให้ดี ยังไงมันก็เมียอีกคน ไอ้ที่จะดีบริสุทธิ์กับแม่อรน่ะไม่มีหนทางหรอก
เกดแอบฟังอยู่แค้นจัด พึมพำกับตัวเอง “แล้วมึงล่ะ”
“พี่เกดอยู่กับน้องมานาน เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด” แม่อรบอก
คุณประยงค์ผิดคาด “อ๋อ...แต่ก็ต้องระวังอยู่ดี เมียสองอยู่บ้านเดียวกัน”
“แล้วมึงล่า....” เสียงเกดที่แอบฟังอยู่สูงขึ้นไปอีก
“ต่อไปจะส่งคนมาประคบ มากล่อมท้อง...จำเป็นนะแม่อร”
“ค่ะ ขอบพระคุณ” คุณประยงค์ไหว้ ยิ้มอ่อนหวาน
คุณประยงค์มองแม่อร เห็นแต่ความผ่องใส อ่อนเยาว์ และจริงใจ ก็ใจหล่นวูบวาบ
คุณประยงค์เดินพรวดๆ มา อารมณ์ขุ่น
“มันสาวปานฉะนี้ มิน่า....ข้าละหมั่นไส้อยากจะตบให้หน้าหัน”
“มิน่า มันถึงได้ท้องใช่มั้ยเจ้าคะ”
คุณประยงค์หยุดยืน คิดอะไรออกบางอย่าง แล้วรู้สึกวาบหวิว
“คุณท่าน เป็นอะไรเจ้าคะ”
คุณประยงค์ ยกมือห้ามไม่ให้พูด ชี้ให้อีอุ่นออกไปก่อน
“คุณท่าน...คุณท่านไม่มีครรภ์เพราะ....เพราะ”
“อีทิ้ง....ข้าไม่นึกเลย”
“ท่านเจ้าคุณพ่อเตือนคุณท่านแล้วว่า ทำให้เจ้าคุณ “สบายกาย” คุณท่านไม่ทำหรือเจ้าคะ” อีทิ้งกระซิบถาม
“อีทิ้ง ข้าจะทำได้ไงทุกวัน....ทุกวัน บางวัน บางวันท่านก็เหนื่อย บางวันท่านก็คิดเรื่องงาน บางวันพอหัวถึงหมอนท่านก็หลับ”
“ใกล้สาง...ก็ตื่น สดชื่นกลับไปเรือนท่าน” อีทิ้งฟาดมือลงกับขา “โธ่เอ๋ย...คุณท่านของบ่าว”
คุณประยงค์ เซไป มือท้าวต้นไม้ตรงนั้นพยุงตัว
สีหน้าแววตา ทั้งเสียใจ แค้นใจ แค่หญ้าปากคอกแท้ๆ ทำให้หล่อนแพ้ได้
นึกเรื่องนี้แล้วคุณประยงค์จ้องร่างเชษฐาที่ยัง สลบไสล ด้วยสีหน้าเจ็บแค้นเจ็บใจแน่นอกไปหมด
ขณะเดียวกันเห็นห้องรูปคุณประยงค์ ยังคงว่างเปล่า ย่าน้อยกังวลมาก
“จวนรุ่งแล้ว คุณอายังไม่มา”
“มาแล้วค่ะ”
รูปภาพคุณประยงค์กลับมาอยู่ในลักษณาการเดิมทุกประการ
“คุณอาขา....คุณอาเป็นยังไงมั่งคะ”
“แม่น้อย หลวงขจรหายไปนะ เขาไปไหน”
ตอนกลางวันอากาศสว่างไสว
โสนโทรศัพท์อยู่ตรงทางเข้าตึก “ นัส เสร็จงานทางโน้นตามมาทันทีนะ ต้องมาช่วยกัน เฮ้ย..อย่าทิ้งทุ่นฉันคนเดียวทำไม่ไหว” เลขาสาวใหญ่ปิดสาย “น้องไหนคะ ใครมั่งจะออก ขอดูหน่อย”
พูดถึงตรงนี้ โสนก็ป๊ะหน้าคุณสวาสดิ์พอดี ชะงักกึกแล้วไหว้นอบน้อมด้วยท่าทางน่าขำ
โสนพึมพำขมุบขมิบ “คุณหนูสวาสดิ์น่ารักนะคะ...อย่าทำอะไรป้านะคะ”
คุณสวาสดิ์ย้อนถาม “ป้าหนูเหรอค้า”
โสนเลิ่กลั่ก แล้ววิ่งแจ้นออกไปทันที คุณสวาสดิ์หัวเราะคิกคักตามหลัง
“แปลกนะลูกสวาสดิ์ ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนที่ท่านเจ้าคุณหายไป” ย่าน้อยงง
คุณประยงค์ ยิ้มลึกลับ
เวลาต่อมาโสนอยู่หน้าเค้าน์เตอร์ พูดกับพนักงานยืนอยู่เต็ม “จะลาออกกันเหรอพวกเรา”
ทุกคนมองหน้ากัน
“ออกทำไม มีอะไรพูดกันได้นา” โสนมองแต่ละคน
“กลัวครับ” 1 ในนั้นบอก
“อ๋อ กลัวผีใช่มั้ย เรื่องจริงที่นี่มีผี”
ขาดคำ พวกพนักงานเขยิบเข้ามาใกล้กันหน่อย หน้าเลิ่กลั่ก
อนงค์วดีมองหน้าโสน เป็นเชิงบอกให้มาช่วยนะ ไม่ใช่ให้มาไล่คน โสนขยิบตาตอบให้ทีหนึ่ง ก่อนถาม
“ใครเคยเห็นผีมั่ง”
เงียบ ไม่มีใครเคยเห็น
“จริงสิ ถ้าจะมีใครเห็นคนนั้นก็คงลาออกไปเรียบร้อยแล้ว...เนอะ...จริงมั้ยน้องชาย”
“ฮะ” พนักงานตอบเสียงบอกเพศมากเลย “จริงฮะ”
โสนเหล่ “เฮ้ย หรือน้องสาววะ”
“น้องสาวก็ได้ฮะ”
ทุกคนหัวเราะครื้น
“แปลว่าไม่เคยมีใครเห็นผี แล้วจะออกไปทำไม”
“หนูไม่ออกค่ะ” นวลบอกคนแรก
สมบอก “หนูก็ไม่ออก”
พนักงานคนที่โสนเรียกน้องชายก็อยู่ “หนูก็อยู่ฮะ”
“โอ เค พวกที่เหลือ...ออก...ใช่มั้ย เอ้า งั้นมาคิดเรื่องเงินกัน”
จากนั้นโสน ก็ออกเดินมากับอนงค์วดี
อนงค์วดีงงที่โสนหนีมาดื้อๆ “พี่โน๋”
“เฉยๆ เอ้า น้องอนงค์ เรียกคนทำบัญชีมาช่วยพี่ เฮ้อ...ต้องคิดเยอะซะด้วยไอ้เรามันจ่ายเงินเดือนสูงกว่าที่อื่นอยู่แล้ว สวัสดิการก็เจ๋ง เลี้ยงอาหารกลางวันโอ.ที.ก็จ่ายทุกเดือน มีรับรับส่ง เอ้า...มาสิ มาคิดเงินทีละคน น้องอนงค์ ถ้าไม่มีคนทำงานพี่ทำเอง ไหนสรุปแม่ครัวออกรึเปล่า”
แม่ครัวโพล่งออกมา “ออกค่ะ”
โสนหันไปหา “ทำไม”
“ก็เห็นผีสิคะ เห็นเรื่อยๆ ค่ะ ตอนนี้ข้างหลังคุณก็มีตัวหนึ่งยืนพิงหลังคุณอยู่เลยค่ะ”
โสนกระเด้งขึ้นจนสุดตัว
สองคนอยู่อีกบริเวณในห้องโถง
อนงค์วดีเอ่ยขึ้น “เช็คให้คุณเชษฐาเซ็นหรือคะ”
“ใช่ มีคนออก 3 คน เราจ่ายตามกฎหมาย พี่ออกเช็คเรียบร้อยแล้ว” โสนว่า
“ไม่มีใครเซ็นได้เลยหรือคะพี่โน๋”
“ไม่มี คุณหนึ่งเซ็นคนเดียว”
“เดี๋ยวอนงค์เอาเงินสโมสรจ่ายให้ก่อนนะคะ”
ครู่ต่อมาโสนยืนแจกซองให้แม่ครัว และพนักงาน 2 คน ที่ประสงค์จะลาออก
พอเสร็จอนงค์วดีจึงพาเลขาสาวผมม้าเดินห่างจากผู้คนมา
“มีอะไรสนุกๆ เหรอ”
“คุณเชษฐาหายไปค่ะ”
โสนร้อง “หา....”
ทุกคนตรงนั้นหันมามอง
“หา....มีคนบอกว่า พี่สวยเหรอ....เชื่อเขาได้เลย” โสนรีบพูดกลบเกลื่อน
ทุกคนขำๆ แล้วหันกลับไป
“หายไปไหน” โสนกระซิบถามอนงค์วดีเบาๆ
“ไม่มีใครรู้เลยค่ะ”
โสน “หา” อีก
“หาแล้วค่ะ รวมทั้งห้องที่พี่โน๋พาไปคราวที่แล้ว ความจริงอนงค์จะไม่บอก ถ้าคุณเชษฐาไม่ต้องเซ็นเช็ค”
“เรื่องร้ายแรงอย่างนี้น้องอนงค์ไม่บอกพี่โน๋ได้ไง....แล้วเอาไงต่อไป”
“เพราะอนงค์ไม่คิดว่าคุณเชษฐาจะเป็นอะไร คุณชวดเธอไม่ทำหรอกค่ะเธอ...” อนงค์วดีลังเลจะพูดว่ารักดีไหม
“เธอรักหนึ่ง” โสนตอบซะเอง
“ทำไมพี่โน๋ทราบคะ” อนงค์วดีงง
“นั่นไง...คนบอกพี่เดินมาโน่น”
โสนชี้ไปทางมนัสวีร์ที่เดินเข้ามา
ย่าน้อยเล่าเรื่องในอดีตให้คุณสวาสดิ์ฟังถึงความใจร้ายของหลวงขจร
ในสมทุมพุ่มไม้ยามนั้น หลวงขจรนั่งอยู่แทบเท้าคุณน้อย คุณน้อย นั่งบนก้อนหินสูงหน่อย
“ผมคอยคุณน้อยนานถึง 7 วันพอดี หัวใจผมกำลังจะหยุดเต้น”
คุณน้อยหัวเราะชอบใจ “อยากเห็นเป็นที่สุด”
“ใจร้าย”
“อิฉันออกมาได้ยากลำบาก อาศัยว่าตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยเข้มงวดกับอิฉัน เพราะเจ้าคุณปู่ท่านไม่ค่อยสบายค่ะ”
“เป็นอะไรหรือครับคุณน้อย”
“ท่านตรอมใจค่ะ ก็เพราะท่านเจ้าคุณของคุณหลวงน่ะสิคะ”
หลวงขจรเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม “ผมก็พอจะทราบอยู่บ้างว่าท่านลำบากใจอยู่”
“ดีแล้ว เรื่องของคุณหลวงล่ะคะจะว่ายังไง”
“ผมจะให้คุณพ่อคุณแม่มาสู่ขอคุณน้อย”
คุณน้อยบอก “ขี้ปด”
หลวงขจรตกใจ ครางเบาๆ “คุณน้อย”
“ไม่จำเป็นต้องปด อิฉันรู้ทุกอย่าง”
หลวงขจรอ้ำอึ้ง “ผม...”
“คุณหลวงจะแก้ปัญหาเรื่องแม่จรินยังไง คุณพ่อคุณแม่คุณหลวงไม่มาสู่ขออิฉันแน่ อิฉันรู้”
“ขอเวลาผม...ผมจะจัดการให้เรียบร้อย คุณน้อยจะต้องไปเป็นศรีของเรือนของผมอย่างแน่นอน”
“คุณหลวงอิฉันรักคุณหลวงมาก คงเป็นเพราะเราทำบุญร่วมกันชาติปางก่อน คุณหลวงอย่าหลอกอิฉันถ้าปรากฎว่าอิฉันถูกหลอก ผู้หญิงอย่างอิฉันคุณหลวงเห็นว่าไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างนี้ อิฉันจัดการได้อย่างที่คุณหลวงนึกไม่ถึงเลย คอยดูเถอะค่ะ”
หลวงขจรไปไม่ถูก
ในสวนสวยข้างตึก บริเวณที่บรรดาแขกชอบมานั่งหย่อนใจ คุณสวาสดิ์ฟังย่าน้อยเล่าความหลังอยู่ตรงนี้
“ลูกสวาสดิ์ อุ๊ย ฟังอ้าปากหวอ”
“คุณอา หนูถามจริงๆ นะคะ คุณอาไม่อยากปลุกสัญญากับคุณหลวงหรือคะ”
ย่าน้อยไม่ตอบ สีหน้าเลื่อนลอยไป
“คุณอาขา”
“เรื่องราวของอาแม้จะมีอีกไม่เยอะ แต่มันเยอะในเรื่องราวนะลูกสวาสดิ์”
ผีเด็กผมจุกงง “ไม่เยอะ แต่เยอะ...เหรอคะ”
เสียงคุณประยงค์ดังเข้ามา “นี่ แม่น้อย พูดอะไรกับเด็กอย่างนั้น” ขณะเดินมานั่งร่วมวงสนทนา “ลูกสวาสดิ์จะรู้เรื่องรึ”
“คุณอาขา...คุณอาสบายใจแล้วหรือคะ”
คุณประยงค์ไม่ตอบ สายตานิ่งงันไป ก้มลงจนต่ำ “จะมีวันสบายใจหรือ...สัมภเวสีอย่างเรา”
ทั้งสองอึ้งไป
“แม่น้อยหล่อนอยากให้หลวงขจรเขาเห็นหล่อนหรือไม่”
ย่าน้อยตอบโดยไม่ต้องคิด “ไม่ค่ะ”
คุณประยงค์บอกด้วยเสียงจริงจัง แต่นุ่มนวล “แม่น้อย ให้เขาเห็นเถอะ เขามีพันธะสัญญาไว้กับหล่อน พันธะสัญญาของความตายไง”
สีหน้าคุณสวาสดิ์ออกอาการตกใจ ขณะที่ย่าน้อย สะท้อนใจ
“อาจะช่วยเธอนะแม่น้อย”
สีหน้าย่าน้อย มองฉงน
“เธอก็รู้ว่าพลังจิตของอามีอำนาจแค่ไหน อย่าว่าให้เขาเห็นเธอเลยแม่น้อย ถ้าเธออยากให้เขากลับมาเป็นหลวงขจรของเธอ....อาจะช่วย”
สีหน้าย่าน้อยครุ่นคิดหนัก...ลังเลไม่แน่ใจ
คุณประยงค์ยิ้มจริงใจ คิดช่วยจริงๆ
พวกคนงานทำงานกันอยู่ โสนหันไปมอง นึกหมั่นไส้มนัสวีร์
“แหม ทำเดินหน้าหล่อมาแต่ไกล”
อนงค์วดีปรารภ “คุณมนัสวีร์มีแฟนรึยังไม่รู้นะ”
มนัสวีร์เดินผ่านรูปย่าน้อย แล้วหันไปมองดู เหมือนมีอะไรดูดดึง มนัสวีร์เดินเข้าไปหา มองหน้า
“คุณย่าน้อยครับ ผมอยากพูดกับคุณ ผม....หลวงขจร อยากคุยกับคุณย่าครับ”
ย่าน้อยถามส่งๆ “คุยเรื่องอะไรคะ” คิดว่าเขาคงไม่ได้ยิน
มนัสวีร์ผวาพรวดเข้าไปที่รูป ตื่นเต้นสุดขีด “คุณย่า เฮ้ย คุณน้อย ผมเห็นคุณน้อย...” อดีตหลวงขจรครางเบาๆ กับตัวเอง “ผมฝันไปรึเปล่า”
“ไม่ใช่ฝัน คุณเห็นฉันจริงๆ โอ....คุณอาขา....ขอบพระคุณค่ะ”
สีหน้าคุณประยงค์ยิ้มแย้ม ยินดีด้วยอย่างจริงใจ มนัสวีร์พาย่าน้อยเดินกลับออกไป ผ้าที่ปิดภาพของย่าน้อย ถูกเลื่อนเข้ามาปิดจนมิด
“เธอไม่ต้องรอคอยเลยนะแม่น้อย”
โสนหันมาไม่เจอทนายคู่ปรับก็งง
อ้าว...เอ้ะ ไปไหนล่ะนายนัส น้องอนงค์เห็นเขาเดินเข้ามามั้ย”
“เห็นค่ะ อนงค์เห็น คงออกไปเอาของในรถ”
โสนบ่นพึมพำ
“อย่าให้หายตัวไปเหมือนคุณหนึ่งแล้วกัน”
เช้าตรู่วันหนึ่ง ปู่กลับซึ่งจ่อมจมทุกข์ใจแสนสาหัส สภาพชายชราตอนนี้เหมือนแก่ลงไปอีก 10 ปี ขณะกำลังเปิดประตูบ้านออกมาปู่กลับต้องชะงัก เมื่อเห็นคุณหญิงสร้อย นั่งรถเข็นตรงมา โดยมีชัยชนะเป็นคนเข็น
ปู่กลับรีบทรุดลงนั่งไหว้ “คุณสร้อย”
คุณหญิงสร้อยถามเสียงขุ่นนิดๆ “ตากลับ คุณเชษฐาหายไป แกทำอะไรมั่ง”
ปู่กลับก้มหน้านิ่ง
“คนไปอยู่กับผีไม่นานเขาต้องตาย รู้มั้ย”
“รู้ขอรับ”
“ก็รู้นี่”
ปู่กลับบอกอย่างกล้ำกลืน “คุณประยงค์ขอขอรับ”
คุณหญิงสร้อยบอก “ฉันนึกอยู่แล้ว แกไปกะฉันเดี๋ยวนี้เลย”
ปู่กลับ คุณหญิงสร้อย ชัยชนะ และละมุน อยู่ตรงมุมหนึ่งในโถง
“ตากลับ”
“ขอรับคุณสร้อย”
คุณหญิงสร้อยมองปู่กลับ นัยน์ตาเข้มจัด “เช้าตรู่อย่างนี้ คงยังไม่มีใครตื่น”
“ขอรับ...”
คุณหญิงสร้อยบอกเสียงเข้ม “แกไปดู....ที่ที่แกเคยกักขังคนจน...” ท้ายประโยคเสียงหญิงชราสั่นๆ
ปู่กลับมีสีหน้าตกใจมาก ส่ายหน้า ไม่อยากไป
“แกต้องทำ”
ปู่กลับไม่อยากไปเลย หน้าเหยเก คุณหญิงสร้อย มองด้วยสายตา ที่สุดปู่กลับ เดินตัวงองุ้มไป
สักครู่ต่อมาเสียงประตูลับเปิดดังเอี้ยดอ้าด ฟังน่าสยองใจ บรรยากาศนิ่งอยู่สักครู่ มีเสียงเอี้ยดอ้าดของประตูปิด
คุณหญิงสร้อยหลับตา
“ละมุน....ขอยาดม”
ละมุนที่ยืนอยู่ห่างๆ หยิบยาดมส่งให้ที่จมูก ย่าสร้อย สูดยาดม แล้วมองไปข้างหน้า
ไม่นานนักปู่กลับเดินงกเงิ่นกลับมา
คุณหญิงเห็นกิริยาอาการ ก็ครางเบาๆ “ไม่พบ”
ทั้งหมดปรึกษาหารือกันในห้องเล็กบนตึก ท่าทางเคร่งเครียดมาก ส่วนใหญ่พูดสั่งปู่กลับ ละมุนยืนอยู่ห่างๆ สุดท้าย ทุกคนหันมาทางอนงค์วดี คุณหญิงสร้อยเอ่ยขึ้น
“หนูอนงค์....ที่เราตกลงกันนี้ หนูต้องเป็นคนบอกคุณประยงค์”
ต่อมาไม่นานที่หน้ารูปภาพคุณประยงค์ อนงค์วดียืนอยู่ข้างหน้า จุดธูป 1 ดอก ถืออยู่
“คุณชวดพาคุณเชษฐากลับมาเถิดนะคะ ไม่อย่างนั้นหลานจะทำบุญบ้านและคุณย่าสร้อยจะพาคนมาพาคุณชวดไปอยู่ที่อื่น ทุกคนเลยค่ะ คุณย่าน้อยลูกสวาสดิ์”
ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มต้นหนึ่ง ย่าน้อยนั่งอยู่บริเวณนั้น มนัสวีร์เอนๆอยู่ในอ้อมแขน
“ไม่มีใครรู้ว่าคุณหลวงหายไป” ย่าน้อยก้มลงมองหน้า ลูบไล้ใบหน้า “ฉันยังไม่พาคุณหลวงกลับ....อยู่กับฉันไปอย่างนี้ดีมั้ย” ผีย่าน้อยหัวเราะเสียแหบพร่า “เพราะฉันไม่รู้เลยว่าทำไมคุณหลวงถึงไม่มาตามที่นัดกันไว้....ฉันจะต้องรู้ให้ได้”
สีหน้าย่าน้อยหมายมาดเอามากๆ
อ่านต่อหน้า 2
ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ส่วนที่หน้าห้องรูป ธูปใกล้หมดดอกแล้ว ขี้เถ้าหล่นลง คุณประยงค์มองดู ธูปที่จุดอยู่ 1 ดอก ตรงหน้า
“แม่น้อย...”
ห้องคุณย่าน้อยว่างเปล่า มีแต่ผ้าปลิวนิดๆ สะบัดไปสะบัดมา
“ไปไหนไม่ทราบค่ะ” คุณสวาสดิ์ว่า
คุณประยงค์มองไป รู้ดีว่าไปไหน
คุณประยงค์ มีสีหน้านิ่ง ใช้พลังจิตแรงกล้า
อนงค์วดีลืมตาตื่น นัยน์ตาทบทวนเหตุการณ์ แล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
อนงค์วดีเปิดประตูออกมา พบคุณประยงค์รอคอยอยู่ อนงค์วดีสะดุ้งสุดตัว
คุณประยงค์หันกลับ “กลัวอะไรฉัน ฉันเป็นชวดของหล่อนนะ” คุณประยงค์เดินลับตัวไป
อนงค์วดี ทำหน้ายิ้มนิดๆ ขำๆ วันก่อนยังบอกไม่ให้คิดว่าเป็นชวด
คุณประยงค์หันขวับมา บอกต่อ “ถึงฉันจะไม่อยากเป็นชวดหล่อน แต่ฉันก็เป็น”
สองคนเดินมาถึงหัวบันได พริบตาเดียว คุณประยงค์ลงไปยืนชั้นล่างเรียบร้อย มองขึ้นมา แล้วเดินอย่างรวดเร็วหายไป อนงค์วดีกระโจนลงบันได แทบไม่ทัน
“คุณเชษฐา” อนงค์วดี พรวดเข้าไปในห้องอันดำมืด ประคองตัวเชษฐาขึ้นมา “คุณเชษฐาคะ”
เชษฐาลืมตา..งงๆ อยู่ พอเห็นเป็นอนงค์วดี ก็ผวาขึ้น กอดไว้เต็มอ้อมแขน
“อนงค์วดี....คุณยังอยู่”
อนงค์วดีฉงน “อยู่สิคะ ทำไมคะ”
“ไม่...ไม่ ผมคิดว่า ผมฝันน่ะฝันสับสนไปหมด”
“ลุกไหวมั้ยคะ”
“ผมไม่มีแรงเลย แต่จะพยายาม”
อนงค์วดีกึ่งประคองกึ่งลากเชษฐา มาตามทางตรงไปยังห้องโถง เชษฐายังมีกิริยาไม่สบาย อ้อนล้าโรยแรงมากๆ
เชษฐาหยุดเดิน “รู้มั้ยทำไมผมไปอยู่ตรงนั้น”
“ทราบค่ะ”
“คุณเป็นห่วงผมแค่ไหน รู้มั้ยผมอยู่ตรงนั้นคิดถึงคุณตลอดเวลา”
คุณประยงค์ที่อยู่ในเงามืด ฟังด้วยใจสลาย
“ค่ะ อนงค์เป็นห่วงคุณเชษฐาที่สุด”
“ชื่นใจ” เชษฐาพูดเสียงเบาๆ สีหน้าลึกซึ้งมาก
สองคนมองหน้ากัน เคลื่อนเข้าหากัน ซุกซบกันอย่างซาบซึ้งที่สุด
“ผมรักคุณเหลือเกินอนงค์วดี เป็นความรู้สึกที่แปลก..ผมรักคุณ แล้วผมก็เป็นห่วงคุณ สงสารคุณ....ความสงสารนี้มาจากไหนผมไม่รู้ ทำไมผมสงสารคุณมากมายอย่างนี้”
อนงค์วด์ไหว้ที่หัวใจ
“แม่อรของพี่” เชษฐาจับมืออนงค์วดีกุมไว้แน่นตรงหัวใจตัวเอง นึกถึงเหตุการณ์เดียวกันนี้เมื่ออดีตชาติ
แม่อรพนมมือ มือเจ้าคุณยังจับอยู่
“แม่อรของพี่”
เชษฐาพึมพำ “แม่อร...แม่อรของพี่”
สองคนมองจ้องกัน คุณประยงค์ เดินพุ่งตรงเข้ามาหาทั้งคู่ แล้วพลันก็มีหมอกหนาทึบเข้าบดบังทั้งสองคน
คุณประยงค์เดินฝ่าหมอกออกมา “วอน...ทั้งคู่” แล้วลับตัวไป
พอหมอกจางลง เห็นสองคนนอนสลบอยู่ด้วยกัน
นวลวิ่งมาเจอ “คุณเชษฐา คุณอนงค์วดี”
ในเวลาต่อมา เชษฐานอนนิ่งอยู่บนเตียง หน้าเซียวซีด ท่าทางอ่อนเพลียมาก หมอตรวจอาการอยู่ โสนยืนเฝ้า หมอตรวจเสร็จ ออกมาพูดกับโสน แล้วสองคนออกไปจากห้อง
คุณประยงค์ยืนอยู่ใกล้ๆ เตียง ลงนั่งข้างๆ จับมือเชษฐามาแนบแก้ม
“เจ้าคุณ...เจ้าคุณไม่เป็นอะไรหรอกไม่ต้องกลัว”
เชษฐาส่ายหัวไปมา
“ฉันไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียดเจ้าคุณ ชีวิตฉันทั้งชีวิตเป็นของเจ้าคุณเป็นทาสของเจ้าคุณ”
“แม่...อร” เชษฐาพึมพำ
คุณประยงค์นัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้นทันที แล้วเหลียวขวับไป
“น้องอนงค์มาอยู่กับคุณหนึ่งดีกว่า”
เสียงโสนดังขึ้น ก่อนที่ประตูเปิดออกโสน เดินนำอนงค์วดีเข้ามา คุณประยงค์หายไปแล้ว
“น้องอนงค์แน่ใจไม่เป็นอะไรนะคะ”
“ไม่ค่ะ อนงค์แค่เป็นลม”
“ทำไมถึงเป็น” สายตาโสนเป็นคำถามจริงจัง “คุณชวดใช่มั้ยคะ”
อนงค์วดีตอบรับด้วยสายตา “ค่ะ พี่โน๋ น่าจะใช่”
“น้องอนงค์น่ากลัวนะเนี่ย น้องอนงค์จะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เหรอคะ”
“อนงค์คิดอะไรไม่ออก พี่โน๋ว่าควรจะเลิกหรือคะคุณเชษฐาลงทุนไปมากยังไม่ได้คืนเลย”
“พี่โน๋มั่นใจว่าถ้าคุณหนึ่งรู้ว่าน้องอนงค์จะเป็นอันตราย ไม่ทำต่อหรอกค่ะคุณหนึ่งห่วงน้องอนงค์มาก”
“แต่อนงค์เป็นห่วงคุณเชษฐามากกว่าเพราะคุณชวดท่าน...” อนงค์วดีเสียงเบาไปอีกนิด “ต้องการคุณเชษฐา ตัวอนงค์ไม่เป็นอะไรเพราะถึงยังไงอนงค์ก็เป็นหลาน”
สีหน้าคุณประยงค์ ยิ้มเยาะหยัน
“หาคุณหนึ่งเถอะค่ะ”
“ค่ะ”
โสนจับแขน มองตา “น้องอนงค์ คุณหนึ่งของพี่โน๋เป็นคนดีมากนะคะ”
อนงค์วดียิ้มรับสัญญาณที่ส่งมา โสนออกไป
อนงค์วดีเข้าไปหาเชษฐา เอาน้ำป้อน
เชษฐาเรียก “แม่...อร”
อนงค์วดีสะท้อนใจ “คุณเชษฐาคะ อนงค์นะคะ คุณรู้ตัวหรือยังคะ”
เชษฐาลืมตา นัยน์ตาพร่าพรายสักครู่ อ้าแขนกอดอนงค์วดีแนบแน่น
“ผมภาวนาว่าลืมตาขอให้เห็นคุณ”
“รู้สึกยังไงคะ...ดีขึ้นมั้ย”
“อนงค์วดี...มันน่ากลัวเกินไปสำหรับคุณแล้วนะ”
“อนงค์ไม่เป็นไร....เป็นห่วงคุณเชษฐามากกว่า”
“ผมอยากรู้ว่ามากกว่านี้คุณประยงค์จะทำอะไร”
อนงค์วดีนิ่งอึ้งไป
“ผมอาจต้องปิดสโมสร....” เชษฐาตัดสินใจแล้ว “ผมจะปิดสโมสร”
คุณประยงค์มีสีหน้าเข้มจัดและ ดุดัน
“ผมจำเป็นต้องปิดตายที่นี่”
“คุณย่าสร้อยบอกว่ามีวิธีเชิญคุณชวดไปที่อื่น”
คุณประยงค์คำราม “นังสร้อย”
เชษฐื้วง “ให้ท่านอยู่ที่นี่ไม่ต้องพาท่านไปไหน”
“คุณลงทุนไปมากนะคะ ยังไม่ได้ทุนคืนเลยค่ะ”
“คืน....ผมได้คืนมากกว่าที่ลงไป”
อนงค์วดีมองฉงน
“ผมได้คุณ คุณมีค่ากว่าอะไรทั้งหมด กว่าบ้านหลังนี้ ผมยอมเสียทุกอย่างที่ผมมีขอให้ผมได้คุณ” สีหน้าเขาขมวดนิ่งสักครู่เหมือนไม่รู้ตัวไปชั่วขณะ “ผมต้องชดใช้ให้คุณ”
อนงค์วดีแปลกใจ เชษฐา นอนหงายหลังไปบนหมอน สายตาเจ็บปวดมองเพดาน
สักครู่ น้ำตาไหลรินออกมา ถอนหายใจใหญ่แล้วพลิกหน้ากลับซบบนหมอน เสียงร้องไห้ของลูกผู้ชายดังแผ่วๆ แต่สะท้านสะเทือนใจ อนงค์วดีก้มตัวลงกอด แก้มแนบแก้ม ร้องไห้ด้วย
คุณประยงค์อยู่หัวมุมห้อง ยืนจ้องนัยน์ตาพร่าพรายเพราะโกรธจัดมาก
ห้องนั้นกลายกลับเป็นห้องคุณประยงค์ในอดีตชาติทันตา
“เจ้าคุณจะไปไหนคะ”
“จะกลับเรือนครับคุณประยงค์”
“ไม่นอนที่นี่ซักคืนหรือคะ”
“ผมเป็นห่วงอร ท้องใหญ่ขึ้นทุกวันไม่รู้จะคลอดขึ้นมาวันใดวันหนึ่ง”
เจ้าคุณเข้ามา ประคองหน้า จูบหน้าผาก แล้วหันตัวเดินไป
คุณประยงค์นั่งนิ่งอึ้ง แล้วลุกลงจากเตียง ถลาไปที่ประตู จับกับมือที่เจ้าคุณจับลูกบิดจะเปิดออกไป
“แม่อรมีคนดูแลแล้ว อิฉันสิไม่มีใคร เจ้าคุณพ่อไม่สบายคุณแม่ก็ไม่ค่อยจะพูดด้วยพี่ปานออกเรือนไปแล้ว พี่ปั้นเขาก็อยู่ปีกตึกของเขา อิฉันมีผัวจะให้เหมือนไม่มีหรือคะเจ้าคุณ”
เจ้าคุณมีท่าทีไม่เดือดร้อน หันมากอดคุณประยงค์ จูบที่ผม ปัดผมที่ตกมาให้เข้าที่ “ผมก็เป็นสามีของคุณประยงค์อยู่เสมอ ไม่ได้เป็นอย่างอื่นเลยนี่ครับ”
พลางเจ้าคุณจับตัวคุณประยงค์ให้ห่างตัวไปนิดหน่อย แล้วแสดงความรักนุ่มนวล คุณประยงค์หลับตาซาบซึ้ง
แต่แล้วเจ้าคุณก็จากไป ปล่อยคุณประยงค์ ยืนนิ่งขึง ความโกรธแล่นพล่านท่วมหัวใจ
คุณประยงค์ออกมาอย่างพายุบุแคม ความโกรธแล่นลิ่วขึ้นสมอง แล้วฉับพลันก็กลายเป็นวิญญาณ
พัดรุนแรงมาก ลอยวูบลงบันได ข้ามห้อง หายเข้าไปในภาพของตัวเอง บรรยากาศขณะถูกลมพัดจนเซก็มีบางคน
เสียงคุณประยงค์กรีดร้อง “อี.....ทิ้งง” ดังก้องกังวาน
บนเรือนแม่อรในอดีตอีกวันหนึ่ง
อีทิ้ง อีอุ่น และหมอตำแยร่างใหญ่เหมือนผู้ชาย โผล่เข้ามาในห้อง เกดอยู่กับแม่อร
“คุณท่านคนใหญ่ให้พาแม่” อีทิ้งหันไป “ชื่ออะไรเราน่ะ”
หมอตำแยบอก “ไม่ต้องเรียกก็ได้....ชื่อเช่อ”
อีทิ้งมองสบตาหมอเป็นนัย รู้ว่าหมอไม่ให้อ้างอิงภายหลัง “งั้นเรอะ เอ้า...ทำเลย”
เกดขวาง “เดี๋ยว จะทำอะไรกัน อยู่ๆก็บุกขึ้นมาไม่บอกเล่าเก้าสิบ ผู้ดีเมืองกรุงเป็นอย่างนี้เองเว้ย”
“พี่เกด...อย่าจ้ะ แม่ทิ้งคุณท่านให้มาทำอะไรหรือ”
“กล่อมท้องค่ะ นายอร”
เกดกะแม่อร พูดพร้อมกันว่า “กล่อมท้อง”
เกดถามเสียงเขียว “กล่อมทำไม แค่ท้องนะยังไม่ออกมาเป็นตัว ไม่ต้องกล่อม”
อีทิ้งด่า “อุ๊ย อีบ้านนอกคอกนาหามีฟามรู้ไม่บ้านมึงคงออกลูกเหมือนวัวเหมือนควายถึงเวลาก็หลุดเผละออกมา ชาวกรุงเขาต้องกล่อมท้องเว้ย”
“ก็บอกมาสิวะ ทำยังไง” เกดซักหมอตำแยต่อ
“เอ้าอี...” อีทิ้โมโหไม่อยากเรียกชื่อ “บอกมันไปกล่อมยังไง”
“เอามือคลึงๆ ให้มดลูกเข้าที่” หมอตำแยว่า
“เข้าที่ไหน” เกดซัก
“เข้ามาให้คลอดง่ายๆ อยู่กลางๆ ท้อง แล้วก็กล่อมมดลูก ให้มดลูกอยู่พอดีๆ กับทางลูกออก...จะได้คลอดง่ายๆ ไม่งั้นท้องสาวหยั่งเงี๊ยะ สามวันเจ็ดวันไม่ออกก็มี”
เกดยอมในที่สุด
“เอ้า...ไหนลองดู คุณอรลองนะ”
อ่านต่อหน้า 3
ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 13 (ต่อ)
แม่อรนอนอยู่แล้ว ส่วนหมอตำแยกำลังไหว้ครู
“อีอุ่น เอ็งออกไปข้างนอกไป เกะกะจริงโว้ย ห้องก็เล็กเหลือเกิน” อีทิ้งโวย
“หยุดพูดได้แล้ว” หมอตำแยบอก
อีทิ้งหุบปากอย่างเร็ว หมอตำแยนั่งคุกเข่า มือกดท้องอยู่ไป..มา เกดนั่งจ้องเขม็งไม่ไว้ใจ หมอตำแยก็นวดซ้าย นวดขวา แม่อรนอนหลับตา
“เป็นไงเจ้าคะ สบายมั้ย”
แม่อรพยักหน้า
“เห็นมั้ยว่าแล้ว แรงอีกนิดนะเจ้าคะ” หมอตำแยบอก
เกดสวน “ไม่ต้อง แค่นี้พอแล้ว”
“ออกไปข้างนอกเลยมึงน่ะ” หมอจ้องหน้า
“อ้าว...นังหมอ พูดอะไรดูตาม้าตาเรือเสียก่อนสิวะ” เกดของขึ้น
แม่อรส่ายหน้าห้าม “พี่เกดจ๋า....”
หมอตำแยแขวะ “เอ็งไม่รู้เรื่องอะไร...ได้แต่พูด”
เกดลุกพรวดทันที
“พี่เกด ออกไปข้างนอกก่อนเถอะจ้ะ”
“คุณอร” เกดขัดใจ
“เชื่อน้องนะจ้ะ น้องจะระวังจ้ะ”
“ไม่...”
อีทิ้งสอด “น่าตบ”
เกดหันขวับไปตาขวาง “อีทิ้ง มาตบกะกู...มา มึงมา”
แม่อรร้องปราม “พี่เกดจ๋า”
เกดเดินไปมา เหลือบไปสบตาอีย้อย บ่าวยอดนักสืบ ที่หน้าตาสู่รู้มาก
“มองอะไร นังย้อย”
“กล่อมท้องมันก็ต้องกล่อมแรงๆ ถูกแล้ว” อีย้อยว่า
“มึงไม่ต้องมาเสือก กูไม่มีวันเชื่ออีนังผู้ดีชาวกรุง มันเป็นคนใจบาปหยาบช้า”
อีย้อยหน้างอส่อพิรุธ
เกดเพ่งพินิจพิจารณา “อีย้อย นี่มึงขายตัวให้เขาแล้วใช่มั้ยวะ”
“กูไม่รู้เรื่อง”
เกดเพ่งมองนัยน์ตาคมกริบ อีย้อยหลบตา เกดขยุ้มผมขึ้นมาเต็มแรง คำรามลั่น
“บอกกูมา”
ภายในห้องบนเรือนแม่อร หมอสบตากับอีทิ้ง อีทิ้งพยักหน้า หมอตำแยลงแรงไปนิด แม่อรนิ่วหน้า แต่ยอมทน หมอลงแรงเพิ่มอีก แม่อรยังทน สบตาครั้งสุดท้าย หมอตำแยเกร็งแขนรวบรวมแรงกะจะลงมือ
“หยุด”
หมอตำแยชะงักกึก เกดบุกเข้ามา เหวี่ยงหมอตำแยจนกระเด็นไป
“ออกไปให้หมดไม่ต้องกล่งต้องกล่อมแล้ว”
“อะไรวะ” หมอตำแยผงาดขึ้นมา
เกดจ้องหน้าเอาเรื่อง “มึงอย่า กูรู้นะ มึงจะทำอะไร อีพวกสันดานหยาบช้าใจคอทมิฬหินชาติ มึงไปให้หมดทุกคน...ออกไป”
แม่อรห้าม “พี่เกด....อย่าจ้ะ เขายังไม่ได้ทำอะไร”
เกดฉุนมาก “รอให้เขาทำเหรอคุณอร เฮ้ย อีย้อยมันสารภาพหมดแล้วเว้ย ไป๊.....ไปให้หมด”
ทุกคนกระเจิงลงมา อีทิ้งหันไปกระชากแขนอีย้อย
“อีย้อย มึงปากสว่างรึ”
“แม่ทิ้ง ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย สาบาน”
“ชะ อีเกดมันซ้อมค้างกูรึ” อีทิ้งหมายถึง แกล้งพูดเหมือนรู้ความจริงหลอกให้สารภาพ “อี....แหม มันน่ากลับไปตบมันให้กระจาย ตายแล้วรู้ถึงหูเจ้าคุณทำยังไงเนี่ย”
“เขาแค่ซ้อมค้าง เรายังไม่ผิดไม่ได้สารภาพอะไร ว่าแต่ถึงงานไม่สำเร็จก็ถือว่าทำแล้วนะอีทิ้ง จ่ายอัฐฉันมาด้วย...ค่าจ้าง” หมอตำแยทวงยิกๆ
อีทิ้งด่า “อีงก”
หมอตำแยหัวเราะหยามหยัน “มีใครบ้างไม่งก คนเรามันทำผิดได้เพราะมันงกทั้งนั้นแหละเว้ย กูงกนิดๆหน่อยๆเป็นไรไป ไม่ได้งกกินบ้านกินเมืองนี้โว้ย”
อีทิ้งจ่ายเงิน อาการกระแทกกระทั้น
“เอ็งรู้มั้ยคนไม่งก ก็...อีเกดนั่นไง”
อีย้อยยืนนิ่ง สายตาหมองลง แล้วหันหลังกลับ
ส่วนเกดจัดให้แม่อรนอน ห่มผ้าให้ ลูบไล้แขนเบาๆ
“พี่เกด อย่าหาความเขา”
“นอนเถอะ คุณน่ะ ไม่ทันเขาหรอก ต่อไปนี้พี่จะไม่ห่างคุณเลยจนกว่าคุณจะคลอดพวกมันน่ะคิดร้ายถึงฆ่าทั้งแม่ทั้งลูกเชียวนะ”
“ไม่จริง เขาไม่ร้ายกาจขนาดนั้น ฉันเองต้องถือว่ามาทีหลังเขารักกันมาก่อน”
เกดฟังแล้วสะท้อนใจ คิดถึงตัวเองแล้วเศร้านิดๆ
“เขามาก่อน จะเคยเป็นเมียหรือไม่เคยเป็นเมีย เขาก็มาก่อน”
แม่อรย้ำให้สติเกด
อีกวันหนึ่ง สีหน้าเกษลดาที่ยืนอยู่ระเบียงชั้นบนของสโมสร เหมือนได้ยินถ้อยคำของแม่อรในอดีตชาติ เพราะตรงกับเรื่องของตัวเองมองลงไป
หล่อนเห็นอนงค์วดีกำลังสั่งงานนวลกับสม ให้ทำความสะอาดเก้าอี้ให้มากๆ อนงค์วดีแสดงให้ดูโดยตบเก้าอี้แรงๆ
โสนถือถาดใส่อาหารหลายอย่างมาเก้ๆกังๆ “นวล...ช่วยหน่อย”
นวลรีบเดินมาช่วย “คุณโน๋ ทำอะไรมั่งคะเนี่ย ตายแล้วเยอะแยะ”
“หัดทำตามเมนู”
“หัดเหรอคะ” นวลหน้าเหวอ
“เฮ้ย ไม่ใช่ ทำเป็นอยู่แล้ว รื้อฟื้น...รื้อฟื้น สมไปยกมาอีกถาดหนึ่ง” โสนรีบแก้
“อยู่ไหนคะ” สมถาม
“ในครัว....มา น้องอนงค์มาลองชิมหน่อย”
เกษลดามาถึงพอดี “คุณอนงค์วดี”
อนงค์วดีหันไปหา “คะ คุณเกษลดา”
เกษลดานึกขึ้นมาวูบหนึ่ง เห็นภาพตัวเองดูแลแม่อร แวบเดียว เกษลดาตัวเซนิดๆ แล้วส่งเสียงรำคาญไอ้ภาพบ้าๆ ในหัว
“รำคาญจริง”
ทั้งโสน และอนงค์วดี มองอย่างพิศวง
“เปล่าๆ ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันเห็นอะไรบางอย่าง บ่อยๆ ทำให้รำคาญจะมาถามคุณว่าคุณไม่ตามหนึ่งหรือ ไม่กังวลเลยหรือ”
“ตามค่ะ ให้คนตาม”
เกษลดาถามเองตอบเอง “ไม่พบ”
“ก็...” อนงค์วดีกำลังจะบอกว่าพบแล้ว
เกษลดาบอกเองอีก “เลิกตามแล้ว”
“เลิกแล้วค่ะ” โสนสอดขึ้น
เกษลดาฉุนกึก “เอ๊ะ ตามหาคนเลิกได้เหรอคะ คุณโสน”
“ได้ไม่ได้ก็เลิกแล้ว...มันต้องเลิก” โสนเล่นลิ้น
เกษลดาฉุนมากขึ้น “ทำไม...ฉันไม่เข้าใจเลย คนหายไปทั้งคนคุณทำเป็นทองไม่รู้ร้อน คุณเป็นลูกจ้างเขานะคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ คือ คุณเชษฐากลับมาแล้วค่ะ” อนงค์วดีบอกก่อนเหตุการณ์จะมาคุไปกว่านี้
เกษลดานิ่งไปอึดใจหนึ่ง ข่มอารมณ์โกรธ
“กลับมาแล้ว คุณพูดโยกโย้กับฉันทำไม ทำไมไม่บอกมาเลยว่าพบแล้ว” หล่อนหันขวับมาทางโสน “คุณก็เหมือนกัน เจตนาพูดจาให้ฉันเข้าใจผิด”
โสนย้อนอีกคำ “เข้าใจถูกหรือยังล่ะคะ”
“เหมาะสมหรือที่จะทำอย่างนี้ ฉันคือคนที่เจ้านายคุณจะแต่งงานด้วยนะ”
“ก็ดิฉันไม่เคยได้ยินว่าอย่างนั้น” โสนสวนอีกคำ
“นี่แหละ...ได้ยินเสีย” เกษลดาหันหลังวิ่งขึ้นบันไดไป
“จริงปะ น้องอนงค์” โสนหันมาถามงงๆ
“จริงมั้งคะ”
“ไม่เชื่อหรอก” โทรศัพท์ดังขัด โสนกดรับ “ฮัลโหล” แล้วฟัง “เฮ้ย...ช้า ช้า เรื่องด่วนอะไร คุณนัสเหรอไม่ได้อยู่ที่นี่ โทรไปออฟฟิศสิ ไม่อยู่....หา ที่บ้านก็ไม่อยู่เหรอ”
เชษฐาเจอตัวแล้ว แต่คราวนี้เป็นมนัสวีร์ที่หายไปโดยไร้ร่องรอย
เกษลดานั่งบนเตียงในห้องเชษฐาแล้ว มองตากับเชษฐา ที่หน้าตาอารมณ์ดี
“พระเจ้าช่วย...หนึ่งไปไหนมา เกษตกใจมากคิดว่ายายผีบ้านั่นพาหนึ่งไป”
เกษลดาโถมตัวลงไปแตะปากที่แก้มเบาๆ
“ขอบคุณนะเกษ”
“ขอบคุณทำไม มันเรื่องของเกษ หัวใจของเกษ”
เสียงเคาะประตู แล้วเปิดเข้ามารีบๆ อนงค์วดีเข้ามา เห็นจากข้างหลังอีกแล้วว่าเกษลดากอดและจูบอยู่กับเชษฐา
“ขอโทษค่ะ”
เกษลดาหันมาดูช้าๆ เชษฐาก็ไม่ได้ขยับตัวอะไรเล้ย มือก็โอบรอบตัวเกษลดาอยู่อย่างนี้
โสนที่ตามเข้ามา จับตัวอนงค์วดีไว้ “คุณหนึ่ง รู้มั้ยคุณนัสอยู่ไหน”
“ไม่ทราบครับ ทำไม” เชษฐาทรงตัวนั่ง “นัสไปไหน”
“ไม่เจอทุกที่ ไม่บอกอะไร โทรศัพท์ติดแต่ไม่รับสาย”
สีหน้าสาววัยทองผมม้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
อ่านต่อหน้า 4
ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ส่วนมนัสวีร์ นั่งเอนๆ สบายๆ หลับตาแต่สีหน้าพริ้มยิ้มพราย เหมือนกำลังฝันดี ร่างลางๆ ของย่าน้อย ปรากฎขึ้นซ้อนกับร่างของมนัสวีร์ กลายเป็นมนัสวีร์ นั่งเอนๆ พิงอกย่าน้อยอยู่
ย่าน้อยยิ้มแย้มอย่างมีความสุขมาก หวนนึกถึงอดีต
ที่ท่าเรือบ้านสิงหมนตรี มนัสวีร์ก้าวลงเรือแล้วกลายเป็นหลวงขจร มือย่าน้อยที่จับอยู่เมื่อครู่ กลายเป็นคุณน้อย
ต่อมาหลวงขจรพายเรือ คุณน้อยนิ่ง สบตากันหวานซ่านซาบซึ้ง หลวงขจรโน้มตัว จับมือคุณน้อยทั้งสองมือ
“ผมมีความสุขเหลือเกิน”
คุณน้อยถาม “แม่จรินชอบนั่งเรืออย่างนี้มั้ยคะ”
“ผมไม่เคยพายเรือให้หล่อนนั่งเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“จริงนะคะ”
“คุณน้อยถามผมอย่างนี้หลายครั้ง ผมไม่อยากได้ยินอีก”
“ไม่อยากพูดปดหรือคะคุณหลวง”
“ผมไม่อยากได้ยินอีกครับ อย่าพูดอีก”
“ไม่อยากพูดปดหรือคะคุณหลวง”
สองคนนั่งเรืออยู่ด้วยกัน เสียงคุณน้อยดังก้องขึ้น
“ไม่อยากพูดปดหรือคะคุณหลวง”
คืนเดียวกันเชษฐาเปิดประตูออกมายืนนิ่ง สีหน้าตัดสินใจ แล้วเดินช้าๆ ลงบันไดมาจนถึงชั้นล่าง เดินเรื่อยๆ มาด้วยกิริยามั่นใจ แต่ช้าๆ ให้รู้ว่าจะมาทำอะไรสำคัญ
เขามาถึงหน้ารูปคุณประยงค์ แล้วเงยหน้ามอง
“คุณประยงค์ครับ ผมมีอะไรจะบอก”
คุณประยงค์นิ่ง
“ผมจะเลิกกิจการทั้งหมด ปิดตึก แล้วไปจากที่นี่...ทุกคนไม่มีใครอยู่เลย”
คุณประยงค์ยังนิ่งเช่นเดิม
“ผมจะไม่ปล่อยให้อนงค์วดี...คุณจะเรียกว่าแม่อรก็ได้ ต้องเสี่ยงชีวิตกับความ...อาฆาตแค้นของคุณอีกต่อไป”
เชษฐาจ้องหน้าคุณประยงค์แน่วนิ่ง ใจหายเหมือนกันที่ต้องพูดตัดรอนอย่างนี้
คุณประยงค์และเชษฐาหวนระลึกถึงเรื่องราวในห้องตัวเองเมื่ออดีตพร้อมๆ กัน
“คุณส่งหมอนวดไปทำร้ายแม่อร คุณเจตนาจะฆ่าลูกผมหรือคุณประยงค์ครับ...ทำไมคุณทำกับผมอย่างนี้”
“คุณประยงค์ครับ คุณตายไปแล้วนะครับ เราอยู่กันคนละโลกแล้ว” เชษฐาพูด
เจ้าคุณในอดีตบอกว่า “ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณจะใจร้ายอย่างนี้ ผมเห็นคุณเป็นคนใจดีมีเมตตา ใครจะพูดอย่างไรผมไม่เคยเชื่อ”
“คุณควรจะไปเกิดอย่ายึดติดอะไรตรงนี้อีกเลยนะครับ คุณจะให้ผม...อยู่กับคุณแบบที่คุณต้องการมันเป็นไปไม่ได้” เชษฐาว่า
เจ้าคุณบอก “คุณประยงค์ทำให้ผมไม่สบายใจ ผมไม่อยากอยู่กับความกลัวตลอดเวลา”
เชษฐาว่า “ถึงคุณจะใช้อำนาจจิตของคุณบังคับผมให้ยอมไปเป็นเจ้าคุณ...คุณทำไม่ได้นานเพราะจิตของผมจะต่อต้านคุณจนคุณต้องใช้พลังมหาศาลที่จะทำอย่างนั้น...ซึ่งคุณไม่มีหรอก...เวลาที่ผ่านมา คุณใช้มันไปเยอะมาก เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปคุณจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนหมดสิ้นไม่เหลือเลย”
เจ้าคุณว่า “ถึงอย่างไรก็ตามผมก็ไม่เคยลืมความรักและความเมตตาที่คุณประยงค์มีให้ผมตลอดมา จะไม่ลืมว่าที่ผมได้ดีมีวาสนาทุกวันนี้เพราะสองมือของคุณประยงค์ผลักดันผม”
ในอดีตชาติคุณประยงค์นั่งนิ่งขึงฟังที่เจ้าคุณตัดพ้อต่อว่า ใบหน้าซีดเซียวและนัยน์ตาแห้งผาก สายตาชอกช้ำเจ็บลึก คำเด็ดขาดสุดท้ายของเชษฐาและเจ้าคุณ คือคำที่ตัดสินประหารชีวิตแม่อรและอนงค์วดี
“ผมสาบานว่าจะปกป้องอนงค์วดีด้วยชีวิตของผม ถ้าเธอจะถูกคุณทำร้ายเพราะเธอคือแม่อร มันเป็นความผิดของผม” เชษฐาบอก
เหมือนคำที่เจ้าคุณว่า “ผมพาแม่อรมา มาให้คุณเกลียด มาให้คุณปองร้าย เป็นความผิดของผม”
เชษฐาบอกต่อ “ผมต้องชดใช้ให้อนงค์วดี”
เหมือนคำที่เจ้าคุณว่าอีก “ผมต้องชดใช้ให้แม่อร”
คล้ายกับถูกฟ้าผ่าเปรี้ยง...เปรี้ยง
สีหน้าคุณประยงค์ในรูปภาพ กับใบหน้าคุณประยงค์ในห้องนอนเมื่ออดีตชาติ เป็นใบหน้าของผู้หญิงที่โมหะจริตแรงกล้าครอบงำจนสิ้น เหมือนจะเผาผลาญทุกสิ่งให้วินาศไป เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
ส่วนที่บ้านคุณหญิงสร้อย ห้วงเวลาเดียวกัน
หญิงชรานั่งลงเตรียมสวดมนต์บทแผ่เมตตา “ละมุน บทแผ่เมตตา”
“ค่ะ”
“สัพเพ สัตตา” คุณหญิงถือหนังสือเล่มเล็กๆ ไว้ในมือ
“สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น” ละมุนสวดด้วย สองคนประสานเสียงกันสวดมนต์
“อะเวราโหนตุ”
“จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
“อัพะยาปัชฌา โหนตุ”
“จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย”
“อะนีฆา โหนตุ”
“จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย”
“สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ”
“จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด”
สองคนก้มลงกราบ ละมุนนั่งเยื้องไปหลังคุณหญิงสร้อยนิดหน่อย
“ไม่กล้าออกชื่อเธอ เกรงเธอจะมาหาอีก”
“สวดมนต์ให้เธอแล้ว” มะลุนว่า
“บทแผ่เมตตาบทเล็กๆ แค่นี้ คงไม่มีสัญญาจะทะลุทะลวงเข้าไปในจิตใจดำมืดของเธอได้หรอกละมุน เราต้องสวดบ่อยๆ”
ผีคุณประยงค์ตกอยู่ในอาการทุกขเวทนาแสนสาหัส ณ ห้วงเหวปากทางลงสู่นรก ด้วยแรงริษยาอาฆาต เสียงของความแค้น ดังผสมปนเปกัน ฟังแทบไม่เป็นคำว่า
“มันเป็นมาร ฆ่าให้ตายยังมาเกิดเป็นมารชีวิตกู มึงต้องตายซ้ำรอยเดิม”
ยินเสียงหวีดหวิวของลม ผสมเสียงร้องกรี๊ด...กรี๊ด อย่างอาฆาตแค้นของคุณประยงค์ดังแว่วไป แว่วมา จับคำไม่ได้ถนัด
โดยมีเสียงที่เจ้าคุณและเชษฐาพูดว่า “ผมต้องชดใช้ให้อนงค์วดี” / “ผมต้องชดใช้ให้แม่อร” ดังผสมปนเปอยู่ในนี้
ที่เรือนแม่อรวันหนึ่งในอดีต เกดยืนจังจ้าอยู่หน้าชานเรือน มองแขกผู้มาเยือนอันมี อีทิ้ง อีอุ่น และอีย้อย อย่างเอาเรื่อง
“มาทำไมอีกคนอย่างมึงอย่ามาเหยียบเรือนกู....เสนียด!”
“อีเกด” อีทิ้งร้องเสียดังข่มไว้ก่อน “อีหมาบ้า อีช้างกระทืบโรง ยังไม่รู้อะไรเสือกไล่ ชะไม่จำเป็นจริงๆ กูก็ไม่มาเหยียบหรอกเว้ย”
“งั้นก็ไม่จำเป็นอัญเชิญลงจากเรือนกูได้”
อีทิ้งร้องเรียก “นายอรเจ้าคะ คุณประยงค์เชิญที่ตึกเจ้าค่ะ”
เกดตอบแทน “ไม่ไป”
“ไม่ได้เรียกมึง” อีทิ้งบอก
“แต่คุณอรไม่ไป”
“นายอรเจ้าขา....นายอร” อีทิ้งชะเง้อมองเจ้าไปข้างใน
ในที่สุดแม่อรลงจากเรือน จะไปหาคุณประยงค์ เกดห้ามก็ไม่ฟัง
“คุณอร เชื่อพี่เถิดอย่าไปเลย”
“พี่เกด เธออุตส่าห์เรียกน้อง”
“ท้องโตอย่างนี้จะไปทำไม เดี๋ยวหกล้มหกลุกเป็นอะไรไป”
“ก็พี่เกดพาน้องไปสิจ๊ะ”
“ไม่...ไม่อยากไปเหยียบ” เกดหันไปเรียกบ่าวอีกคนหนึ่งชื่อบัว “อีบัว...อีบัว อยู่ไหนวะ”
อีบัวขานรับ “จ๋า...” แล้วออกมา “อยู่นี่”
“เอ็งไปกะคุณอร ไปหานางฟ้าบนสวรรค์วิมานของเขา” เกดแดกดัน
อีทิ้งโกรธ “อีเกด”
“รึไม่จริงละเว้ย”
อีทิ้งเงียบ
“เอ็งเดินประกบคุณอรตลอดเวลา อย่าปล่อยเธอคลาดสายตา” เกดสั่ง
“พี่เกดฉันไม่ใช่เด็กๆ นะจ๊ะ เอาล่ะ บัว มาพยุงทางนี้”
แม่อรบอก
สองคนคุยกันอยู่ในห้องเชษฐา โดยเชษฐาบอกกับอนงค์วดีเรื่องการตัดสินใจของตนแล้ว
“เป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดไม่น่าเสียดายเงินเลย ที่ปิดสโมสรไปได้” เขาย้ำ
อนงค์วดีมอง นัยน์ตาน่ารัก
“ผมจะไม่ให้ใครมาทำร้ายคุณเป็นอันขาด แค่นี้ผมก็สงสารจะแย่อยู่แล้ว”
“สงสาร...เหรอคะ”
เชษฐามองตอบ ด้วยสายตาลึกซึ้งจ้องจับที่หน้าอนงค์วดี
“สงสารอนงค์วดีหรือคะ ทำไมคะ”
เชษฐากอดรั้งตัวอนงค์วดีเข้ามาแรงๆ แสดงด้วยกิริยาว่ารักเป็นห่วง ประคองหน้าสองมือจูบนัยน์ตาสองข้าง
“สงสาร ผมสงสารคุณ เราจะแต่งงานกันนะ คุณไปอยู่บ้านผมหรือผมไปอยู่บ้านคุณก็ได้”
อนงค์วดีปฏิเสธ “ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไม”
“ก็คุณเชษฐาต้องแต่งงานกับคุณเกษลดา นี่คะ”
“คุณเข้าใจว่าผมกับเกษลดา...จะแต่งงานกัน”
“ค่ะ” อนงค์วดีก้มหน้าตอบเบาๆ
“แต่ทำไมคุณถึงยอมให้ผม...รักคุณอย่างนี้” เชษฐาประทับจูบเบาๆ ที่แก้มนวล อย่างซาบซึ้ง...นิ่งนาน “ไม่คิดว่าผมทำผิดกับเกษลดาหรือ”
“คิดค่ะ....คิดตลอดเวลา คิดว่าอนงค์ทำผิด”
เชษฐาพูดเป็นเชิงถาม “แต่...”
“แต่อนงค์ไม่ทราบว่าทำไม อนงค์อยากขัดคุณเชษฐาแต่ไม่เคยทำสำเร็จ”
“เพราะอะไรรู้มั้ย”
อนงค์วดีมองนัยน์ตานิ่งนาน สายตาเศร้ามาก “ทราบค่ะ เพราะคุณเชษฐาคือเจ้าคุณของแม่อร”
“และคุณคือแม่อรของผม เป็นสัญญาจากชาติก่อน”
“คุณเชษฐาเชื่อหรือคะ”
เชษฐาย้อนถาม “ทั้งหมดที่เราเห็นคุณยังไม่เชื่อหรือ”
อนงค์วดีสีหน้าครุ่นคิด
“คนที่ทำให้ผมต้องเชื่อ คือ ปู่กลับ”
เชษฐาเล่าเรื่องที่ปู่กลับพูดกับตนและมนัสวีร์ให้อนงค์วดีฟัง
“เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างที่ไอ้กลับเล่า สิงหมนตรีมีประวัติเศร้าสลดใจที่รู้กันไปทั่วทั้งพระนคร” ปู่กลับเงยหน้ามองเชษฐา “คนแรกคุณอรกับลูก ตายด้วยมือคุณท่านคนใหญ่”
ภาพอดีตผุดขึ้นมาตามคำบอกเล่าของปู่กลับ เป็นเหตุการณ์ตอนที่แม่อรซึ่งท้อโย้เดินเข้ามาในโถงบันได มีอีทิ้งเดินนำ จะพาขึ้นบันได อีบัวมาถึงเชิงบันไดแล้วถอยไปคอยแถวนั้นตามมืออีทิ้งชี้ให้
“คุณพี่อยู่ที่ไหนหรือทิ้ง”
“อยู่ข้างบนเจ้าค่ะนายอร”
“บันไดสูงเหลือเกินฉันเห็นจะขึ้นไม่ไหว
“มาทิ้งจูงคุณเองเจ้าค่ะ” อีทิ้งอาสา
“คุณประยงค์มีธุระอะไรหรือทิ้ง ทำไมต้องขึ้นไปข้างบน”
“เรื่องสำคัญเจ้าค่ะ”
คุณประยงค์ยืนหลบมุมตรงชั้นบน เห็นหน้าโผล่มานิดเดียว สีหน้าเครียดเขม็ง
แม่อรเดินขึ้นบันได มาช้าๆ มือเหนี่ยวราวบันไดขึ้นไป
เชษฐาย้ำกับอนงค์วดี
“ปู่กลับแกมีหลักฐาน”
“หลักฐานอะไรคะ”
เชษฐาส่งรูปให้ดู อนงค์วดีดูแล้วตะลึงงัน
“คุณย่าสร้อยของคุณให้ปู่กลับ แกเอามาให้ผมเพื่อผมจะไม่ต้องสงสัยอะไรอีกเลย” เชษฐาบอก
อนงค์วดีจ้องดูรูปตะลึงงันมาก “รูปนี้ยืนยันว่าคุณเชษฐาคือเจ้าคุณแต่ไม่ยืนยันว่าอนงค์คือแม่อร”
เชษฐาเล่าเรื่องที่ ปู่กลับบอกตนและมนัสวีร์อีก
“ไอ้กลับยืนยันไม่ต้องมีรูปหรืออะไร ไอ้กลับยังไม่หลงยังไม่ลืมคุณอนงค์วดีคือนายอรจริงๆ คุณท่านคนใหญ่ฆ่านายอรอย่างเลือดเย็น”
เรื่องราวในอดีตผุดขึ้นตามความจำของปู่กลับ
ตอนนั้นสีหน้าคุณประยงค์ เครียดจัด แม่อรขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย จู่ๆ ก็มีมือผลักร่างแม่อร จนพลัดตกบันไดกลิ้งลงมา เสียงร้องหวีดของแม่อรดังก้องไปทั้งตึก อีบัวได้ยินวิ่งมาดู
เห็นแม่อรกลิ้งหลุนๆ ลงมาอย่างแรง หัวกระแทกบันได เลือดไหลหยดตรงขั้นบันไดเป็นทาง ร่างแม่อรไปนอนสลบอยู่เชิงบันไดนั้นเอง
อีบัววิ่งเข้าไปดูแม่อร ส่วนบนหัวบันไดอีทิ้งยืนอ้าปากค้าง ตกใจ
อีบัวเงยหน้ามอง ตะโกนเสียงดัง “อีทิ้ง มึงผลักนายอรตกกะได”
ฟังถึงตอนนี้ อนงค์วดีสะดุ้ง เหมือนรู้สึกเจ็บปวดทั่วตัว
“เป็นอะไรหรือ” เชษฐาแปลกใจ
อนงค์วดียิ้ม “เปล่าค่ะ เพียงแต่...”
เชษฐาฉงน “คุณตกใจ ตกใจอะไรหรือ”
“รู้สึกเหมือน” อนงค์วดีห่อตัว
เชษฐานึกรู้ “เจ็บปวด....รึเปล่า”
อนงค์วดีไม่มีแรงจนต้องลงนั่ง เชษฐาลงกอดไว้แนบอก มีเสียงเคาะประตูแรงขัดจังหวะ ตามด้วยเกษลดาเปิดประตูก้าวเข้ามาเร็วๆ
“หนึ่ง” เกษลดาตกตะลึง
“เกษ” เชษฐาลุกขึ้น
อนงค์วดีถอยออกมา
เกษลดาโผเข้าหาเชษฐากอดไว้ทั้งตัว น้ำเสียงตื่นตกใจ
“เกษฝันร้าย...น่ากลัวมาก”
“ฝันว่าอะไร” เชษฐาโอบตัว ลูบหลังอาการเป็นห่วงตามปกติ
อนงค์วดีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ไม่อยากเห็นภาพบาดตา
อนงค์วดีออกมาจากห้องเชษฐาอย่างเร็วรี่ เดินผ่านคุณประยงค์ที่ยืนตรงนั้นโดยไม่เห็น คุณประยงค์เดินตามไปอย่างเงียบกริบ อนงค์วดีรีบเดินหนี มีคุณประยงค์ตามมาช้าๆ ใจเย็น
อนงค์วดีเดินมาถึงหัวบันได ช่วงแรกเดินลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว คุณประยงค์ตามมาเร็วๆ เหมือนกัน ตามลงบันไดช่วงแรก อนงค์วดีก้าวลงบันไดขั้นแรกของบันไดกลาง จู่ถูกมือผลักจนร่างอนงค์วดีเสียหลักตกลงมา
คุณสวาสดิ์อยู่ในรูป เหลียวขวับมาดู แล้วรูปก็หายวับไปทันที ร่างอนงค์วดีกำลังตก หมุนกลิ้งหลุนๆ ลงมา มือป่ายสะเปะสะปะชูขึ้นหาที่ยึดและคนช่วย
มือคุณสวาสดิ์เข้ามาจับมืออนงค์วดี แล้วดึงเต็มแรง ร้องเรียก “แม่จ๋า”
หัวของอนงค์วดีที่กำลังจะฟาดเข้ากับลูกกรงบันไดรอมร่อ เหมือนถูกกระชากห่างออกไปจากบันได ร่างของอนงค์วดีถูกหย่อนลงมา เพราะคุณสวาสดิ์ค่อยๆ ปล่อย กลิ้งลงมาฟุบที่เชิงบันได
เสียงร้องเรียก “คุณอนงค์” โดยนวล และ สม ซึ่งตื่นตกใจกับภาพที่เห็น พนักงานทำความสะอาดอีกคนวิ่งมา
พนักงานสโมสรส่วนอื่นๆ ยังไม่มา
เงาของคุณสวาสดิ์ วิ่งสวนคนเหล่านี้ออกไป แต่ไม่มีใครเห็น
ลูกสวาสดิ์วูบเข้าภาพ มือคุณประยงค์ กระชากคอเต็มแรงจนลูกสวาสดิ์หงายหลังเต็มแรง ลงไปนั่งจ้ำเบ้า คุณประยงค์ยืนผงาดอยู่ตรงหน้า พนักงานบรรยากาศ คนหนึ่ง เดินลอยชายผ่านไปไม่เห็นอะไรเลย
ลูกสวาสดิ์ไหว้ปลกๆ กราบลงไปกับพื้นหลายครั้ง
คุณประยงค์ด่า “เสือก...”
“หนูกลัวแล้วค่ะ....กลัวแล้ว”
คุณประยงค์กดหัวคุณสวาสดิ์ ยืนจังก้า สีหน้าดุร้ายเหี้ยมโหดมาก
“มึงบังอาจมากนังสวาสดิ์ มึงอยากตายอีกครั้งงั้นรึ”
“หนูขอโทษค่ะ คุณย่าขา”
“ขอโทษ นี่แน่ะ ขอโทษ นังตัวดี มึงขัดขวางกูทำไม” เสียงคุณประยงค์ดุดันและก้องกังวาน ด้วยเวลานี้โกรธจัด ไม่เท่านั้นคุณประยงค์เขย่าตัวคุณสวาสดิ์จนหัวสั่นหัวคลอนไปทั้งตัว
คุณสวาสดิ์ร้องเรียกหา “คุณอาน้อยเจ้าขา ช่วยหนูด้วย...ไปหนายคะ คุณอาน้อย”
ย่าน้อยอยู่กับมนัสวีร์ได้ยินเสียง หันขวับไป
พริบตานั้นเองย่าน้อยพรวดเข้ามาคว้าแขนคุณสวาสดิ์ ส่งไปเข้าภาพตัวเองไป
คุณประยงค์เหลียวขวับคำราม “อีน้อย”
ย่าน้อยมองไปข้างหน้าเพิ่งเห็นอนงค์วดีนอนแน่นิ่งอยู่
“นั่นอะไร พี่อรเป็นอะไร คุณอาทำอะไรพี่อร”
อ่านต่อตอนที่ 14