เรือนกาหลง ตอนที่ 13
จอกร่ายรำลิเก ร้องเรียกหานางฟ้า
“นางฟ้า...นางฟ้าของข้าอยู่ไหนจ๊ะ”
จอกร้องรำหานางฟ้าต่อไป
กาหลงเดินตรงไปหา อาจารย์สักลุกขึ้นร่ายมนต์ เป่าคาถาใส่ กาหลงโดนมนต์ก็ร้องด้วยความเจ็บปวด อาจารย์สักร่ายมนต์ต่อเนื่องแล้วหยิบสายสิญจน์สีแดงขึ้นมา บริกรรมคาถาแล้วปาสายสิญจน์ใส่ร่างกาหลง สายสิญจน์พันร่าง กาหลงร้องเสียงหลงทรุดตัวลงนอนกองกับพื้น อาจารย์สักยิ้มพอใจ หยิบดาบยาวที่มีรอยอักขระ เดินตรงไปยังร่างกาหลงที่นอนฟุบอยู่ เธอเงยหน้ามองด้วยความกลัว กำลังเสียท่า
“เอ็งต้องตายซ้ำซากด้วยดาบอาคมข้า”
อาจารย์สักจะฟันร่างกาหลง แต่แล้วจอกเข้ามาตะโกนเสียงดัง
“หยุดนะไอ้โจรป่า ชิชะมาทำร้ายนางฟ้า”
จอกยืนอยู่หน้าอาจารย์สัก ยังไม่ได้หันไปมองหน้ากาหลง
“เอ็งไม่เกี่ยว ออกไป”
“บ๊ะ หมายมาชี้หน้าด่าเทพบุตร ออกไป ออกไปจากวิมาน กลับขุมนรกของเอ็งซะ”
จอกถือไม้วิ่งเข้าไปฟาด อาจารย์สักผลักจอก
“ไอ้บ้า ข้าบอกให้ออกไป”
จอกถูกผลักมายืนหน้าปรำพิธีเห็นเทียนที่จุดอยู่ก็ไม่พอใจ
“เอ็งจะเผานางฟ้าของข้า”
จอกเอาไม้ในมือ ฟาดพานใส่ธูปเทียนที่ทำพิธีพังกระจาย อาจารย์สักตกใจ
“อย่า”
จอกเอาไม้ฟาดปรำพิธีพังหมด สายสิญจน์ที่พันร่างกาหลงค่อยๆเลือนหายไปแต่กาหลงก็ยังหมดแรง
“เอ็งมันรนหาที่”
อาจารย์สักถือดาบจะเข้าไปฟันจอก ทันใดนั้นเสียงโขงกับดำดังขึ้น
“ไอ้จอก...เอ็งอยู่ไหน”
อาจารย์สักจะเข้าไปทำร้าย แต่ได้ยินเสียงคนกำลังมาหันกลับไปหากาหลง แล้วตัดสินใจถอยหนีไป
“เอ็งสู้ข้าไม่ได้ วิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว” จอกนึกได้ หันไปทางกาหลงแต่ยังไม่เห็นหน้า “น้องนางฟ้า ข้ามาช่วยเอ็งแล้ว ข้าจะพาเอ็งกลับวิมานสวรรค์”
จอกวิ่งเข้าไปหา กาหลงหันหน้ามา รู้สึกดีที่จอกมาช่วยไว้ จอกอึ้งมองหน้ากาหลง ภาพเหตุการณ์ที่จอกดำน้ำ เจอซากกาหลงแว่บเข้ามา จอกมองอึ้ง แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนถอยหนีแล้ววิ่งหนีไปร้องเสียงหลง
“อย่า ข้ากลัวแล้ว”
กาหลงมองจอกอย่างสงสาร เธอร้องเรียก
“พี่จอก กลับมาก่อน” กาหลงตัดสินใจตามจอกไป
ดำและโขงเดินมาตามเสียง
“เสียงมันดังมาทางนี้ แล้วมันหายไปไหน” โขงแปลกใจ
ดำชี้ไปที่ศพยาว
“มันสลบอยู่นั่น”
ดำเข้าไปจับตัวเพราะคิดว่าเป็นจอก พลิกตัวมาเห็นยาวตาย เลือดไหลออกปาก จมูก ดำสะดุ้ง
“เฮ่ย”
โขงตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น พี่จอกหายไปไหน”
ทั้งสองตกใจและเป็นห่วงจอกมากขึ้น
จอกวิ่งหนี ด้วยความกลัว...
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
จอกวิ่งแล้วหยุดนิ่ง ก่อนจะเดินถอยหลัง เมื่อกาหลงยืนอยู่ตรงหน้า
“พี่จอก ฉันเอง อย่ากลัวฉันเลย ฉันมาดี ฉันจะไม่ทำร้ายพี่ ฉันขอบใจที่พี่ช่วยฉัน”
ผีกาหลงเดินตรงเข้ามาหา จอกตกใจกลัว ผลักกาหลงออกไป แล้วร้องเสียงหลง
“อย่า ข้ากลัวแล้ว”
จอกตะโกนสุดเสียงแล้วก็เป็นลมไป กาหลงตกใจเป็นห่วงจะเข้าไปหา จันวิ่งเข้ามาตะโกนเรียก
“จอก”
จันมองไปเห็นร่างกาหลงจากด้านหลัง จันแปลกใจวิ่งเข้าไป กาหลงหันไป รู้ว่าจันเข้ามา...จันวิ่งเข้ามาใกล้มองหากาหลง แต่ไม่เจอ จันแปลกใจมองไปเห็นจอกหมดสติ
“ไอ้จอก เอ็งเป็นอะไร”
ไม้นอนหลับอยู่บนเรือน กาหลงเดินเข้ามายืนมองน้ำตาไหลที่ตัวเองรอดมาเจอเขาได้อีกครั้ง กาหลงเดินตรงเข้ามา แล้วล้มตัวลงนอน เอาหน้าซบอกไม้น้ำตาไหลร้องไห้สะอื้น ไม้หลับ ได้ยินเสียงกาหลงร้องไห้ค่อยๆลืมตา
“กาหลงร้องไห้ทำไม”
“ฉัน...ฉันฝันร้ายจ้ะ”
ไม้เช็ดน้ำตาให้
“ฝันร้ายจะกลายเป็นดี ไม่ต้องกลัว พี่อยู่กับเอ็ง พี่ปกป้องเอ็งได้”
ไม้หันมาจูบโอบกอดปลอบใจ กาหลงยิ้มทั้งน้ำตา แล้วหลับตานอนซบไม้ด้วยความสุขใจ
เช้าวันใหม่...บรรยากาศท้องทุ่ง สดชื่น พุดจีบจัดเตรียมอาหารใส่ถาด เพื่อจะนำไปถวายพระ แม่บุญอิ่มเข้ามาถาม
“ลูกตื่นแต่เช้า จะไปวัดรึ”
“จ้ะ ฉันอยากไปทำบุญ กรวดน้ำ”
แม่บุญอิ่มแปลกใจ
“กรวดน้ำให้ใครกัน”
“ให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ” พุดจีบนึกถึงกาหลง “และดวงวิญญาณที่เรายังมีห่วง...หวังใจให้เขาไปสู่สุคติจ้ะ”
“แล้วลูกมั่นใจได้ยังไง ว่าผลบุญนั้นจะถึงผู้รับ”
“ลูกไม่รู้จ้ะ”
แม่บุญอิ่มสอนเรื่องการกรวดน้ำ
“การกรวดน้ำก็เยี่ยงเดียวกับการยืนตะโกนที่หุบเขา หากไม่มีผู้ใดตอบรับกลับ เสียงที่เราตะโกนออกไป ย่อมดังก้องกลับมาหาเรา”
พุดจีบคิดเปรียบเทียบ
“เยี่ยงเดียวกับการทำดี ไม่ว่าความดีที่ทำไปจะมีผู้เห็นหรือไม่ เราย่อมรู้แก่ใจในสิ่งที่เราทำ”
“และผลแห่งความดี ย่อมคุ้มครองผู้ปฎิบัติเสมอ”
พุดจีบยิ้มให้ เข้าใจคำสอนของแม่
ไม้เดินนำ กาหลงมายืนอยู่หน้าวัด กาหลงมองเข้าไปใจหวั่นๆ
“พี่เห็นกาหลงฝันร้าย ร้อนรุ่มใจ เรามาทำบุญพอช่วยคลายให้ใจสงบลงบ้าง เข้าไปกันเถอะ”
ไม้เดินนำเข้าไป กาหลงจำต้องเดินไปหน้าตากังวลใจมาก
เสียงพระสวด ดังขึ้น พุดจีบกำลังนั่งกรวดน้ำให้กาหลง ไม้เดินเข้าไปในวัด กาหลงกังวลใจแล้วเดินเข้าเขตวัดเท้าของเธอก้าวเข้าไปได้ กาหลงยืนในเขตวัดยิ้มพอใจ
“เข้าไปถวายเพลกัน”
ไม้เข้ามาจูงมือ กาหลงเดินตามไปด้วยความรู้สึกดีที่สามารถเข้ามาได้โดยไม่เกิดอะไรขึ้น
ในโบสถ์ พระสวดจบ พุดจีบยกมือไหว้หลวงพ่อ เอาน้ำในถ้วยกรวดน้ำออกไปเพื่อไปรดต้นไม้สวนกับพวกจันที่เดินเข้ามากราบหลวงพ่อ
“นิมนต์หลวงพ่อไปช่วยรดน้ำมนต์ ไล่ผีให้จอกมันด้วยเจ้าค่ะเหลือจะช่วย มันยังนอนสิ้นสติสมประดี”
“อาตมาเป็นพระไม่ใช่หมอผี พวกโยมไปหายาต้มยาหม้อให้กินก็จะรับสบายขึ้น”
“แล้วถ้าไม่หายล่ะหลวงพ่อ ฉันว่าบ้านเราต้องมีผี” ดำถามหวาดๆ
“พักนี้ บ้านเรามีคนตายไม่เว้นวัน เมื่อคืนใครก็ไม่รู้ นอนตายที่ป่าช้า” โขงบอก
“หลวงพ่อต้องสวดบุญกลางบ้าน สะเดาะเคราะห์เสริมสิริมงคล นะเจ้าคะ” จันเสนอแนะ
ดำเสริม
“ไม่งั้นพวกเราต้องโดนผีสิง ผีหักคอคามือทั้งหมู่บ้าน เมื่อหน้าคงกลายเป็นบ้านบัวผี”
พวกชาวบ้านต่างกลัวผี
ไม้เดินนำมาถึงหน้าโบสถ์ กาหลงเดินตามมา พอใกล้โบสถ์ เธอมองเข้าไปเห็นพระพุทธรูปในโบสถ์ ก็หยุดนิ่งเหงื่อแตก รู้สึกร้อนตัว
หลวงพ่อมองด้านนอกโบสถ์ อย่างรับรู้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ หลวงพ่อมองออกไปด้วยความประหลาดใจ ทุกคนมองหลวงพ่อ ก็แปลกใจมองไปที่ประตูโบสถ์ หลวงพ่อลุกขึ้นแล้วเดินออกไป จันสงสัย
“หลวงพ่อไปไหนเจ้าคะ”
ดำอึ้งๆ
“หลวงพ่อทำยังกะเห็นผี”
ทุกคนแปลกใจ และคิดตามคำพูดของดำ
กาหลงยืนนิ่งอยู่หน้าโบสถ์ ไม่กล้าเข้าไป เหงื่อชุ่ม ไม้หันกลับมาถาม
“เข้าไปสิจ๊ะ หลวงพ่ออยู่ในโบสถ์”
“พี่ไม้...ฉัน..ไม่ได้เยี่ยมพี่จอกนานแล้ว ฉันขอแวะไปหาพี่จอกก่อนแล้วฉันจะรีบตามเข้าไปจ้ะ”
ไม้จะรั้งไว้ แต่กาหลงเลือกที่จะเดินออกไปทันที หลวงพ่อเดินออกมา มองหากาหลง
“กาหลงไปไหนล่ะ”
กาหลงเดินหนีออกมาอีกทางร้อนรุ่มใจ ไม่สามารถเข้าไปโบสถ์ได้ เธอเดินหนีมาตั้งใจจะกลับออกไปแต่แล้วเห็นพุดจีบกำลังนั่งเอาน้ำในถ้วยกรวดน้ำ รดต้นไม้ กาหลงมองด้วยความแปลกใจ
หลวงพ่อถามไม้อย่างแปลกใจ
“ว่าไง กาหลงไปไหนเสียล่ะ”
“กาหลงแวะไปเยี่ยมจอกจ้ะ”
จันและชาวบ้านกรูออกมาถามหลวงพ่อ
“หลวงพ่อออกมาทำไมเจ้าคะ ไอ้ดำบอกว่าหลวงพ่อเห็นผี”
ไม้ไม่พอใจ
“พวกพี่พูดอะไรแผลงๆ กลางวันแสกๆจะมีผีสางได้ยังไง”
โขงเห็นด้วย
“มันก็จริงอย่างพี่ไม้พูด ผีมันต้องมากลางคืน”
“มันก็ไม่แน่นะเออ ผัวข้ามันเคยบอก ผีตนใดมีพลังแรงกล้าไปไหนมาได้เหมือนอย่างคน” จันมองดำ “รึไม่ที่เห็นอยู่นี่ก็อาจเป็นผี”
ดำสะดุ้ง
“ฉันเป็นเทพบุตร”
“เรื่องเล่าทั้งเพ ฉันโตมากับวัด เห็นศพมานับร้อย ไม่เคยพบผีสักตัว” ไม้ขัดขึ้น
หลวงพ่อแทรกขึ้น
“บุญของคนเราไม่เท่ากัน”
ทุกคนแปลกใจในคำพูดของหลวงพ่อ หันไปมองหลวงพ่อ
“พวกโยมตามอาตมามา”
หลวงพ่อเดินออกไป ทุกคนแปลกใจว่าหลวงพ่อจะพาไปไหน
พุดจีบเอาน้ำในถ้วย รดต้นไม้เสร็จ ยกมือไหว้ แล้วลุกขึ้น ก็แปลกใจ
“กาหลง”
กาหลงจ้องมอง พุดจีบคิดว่ากาหลงยังโกรธเธอ จึงไม่อยากกวนใจเดินสวนออกไป กาหลงคิดตัดสินใจหันกลับไปร้องทัก
“ขอบใจเอ็งมากที่ช่วยข้า”
พุดจีบหยุดยืน รู้สึกดีที่กาหลงใจอ่อน ยอมคุยด้วย พุดจีบหันมายิ้มให้
“สิ่งที่ฉันลงใจทำไปแล้ว ก็คงได้เพียงต่อลมหายใจนิดเดียว แต่ท้ายสุด กาหลงยื้อธรรมชาติไม่ได้หรอก”
“พุดจีบหวังดีกับฉัน รึหวังให้ฉันจากไปกันแน่”
“หากฉันเลือกได้ ฉันอยากให้กาหลงจากไป”
กาหลงไม่พอใจ
“ไปในที่ต้องไป อยู่ในที่ควรอยู่”
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่ที่นี่” กาหลงประกาศ
พุดจีบพยายามหว่านล้อม
“ฉันคงห้ามอะไรไม่ได้แน่แท้ นอกจากฉันส่งบุญสืบไป ตัวกาหลงเองก็ต้องหมั่นสร้างบุญ ลดละบาปเสียเถิด เมื่อใดที่บุญหมด เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะยืนไปตามกรรมของมัน”
พุดจีบพูดจบก็เดินจากไป กาหลงคิดตามคำพูดของพุดจีบที่ว่าไม่อาจฝืนธรรมชาติได้ เธอกังวลใจ เพราะรู้ดีว่าร่างกายเธออ่อนแอลง
หลวงพ่อเดินนำมาหยุดที่มุมหนึ่งหน้าพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่ ไม้มองตรงไป ชาวบ้านแปลกใจที่หลวงพ่อพามาที่นี่
กาหลงเดินหาไม้เพื่อจะตามกลับเรือน
“พี่ไม้”
กาหลงเดินมองหาแล้วเดินผ่านไป จอกนอนอยู่โดยที่กาหลงไม่เห็นเดินผ่านไป จอกดีดตัวขึ้นหายจากการเป็นบ้าร้องเรียกหาเพื่อนทันที
“ไอ้โขง ไอ้ดำ”
หลวงพ่อกราบพระพุทธรูปปางปรินิพพานเสร็จ หันไปถามทุกคน
“พวกโยมกลัวตายไหม”
ทุกคนตอบพร้อมเพียง
“กลัวเจ้าค่ะ / กลัวจ้ะ”
“แล้วพวกโยมหนีความตายได้ไหม”
“ไม่ได้จ้ะ”
“รู้อยู่ว่าต้องตาย หนีไม่ได้แล้วจะกลัวทำไม”
“ก็ไม่อยากตายนี่เจ้าคะ” จันเถียง
“ไม่อยากตายแล้วห้ามตายได้ไหม”
โขงส่ายหน้าตอบ
“ไม่ได้จ้ะ แต่ก็อยากอยู่”
“ในเมื่อหนีไม่พ้น ห้ามไม่ได้ แล้วใยจึงกลัว ดูอย่างพระพุทธองค์ก็ไม่อาจหลีกหนีความตายได้”
ไม้และชาวบ้าน ต่างมองไปยังพระพุทธรูปปางปรินิพพาน แล้วคิดตาม กาหลงเดินเข้ามาที่มุมหนึ่ง ยืนห่างออกไป หลวงพ่อมองเห็นกาหลงจึงตั้งใจสอน ผ่านพวกชาวบ้าน
“สรรพสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป”
กาหลงฟังคำสอน...
“การแตกดับเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อไม่ยอมรับความธรรมดาก็ต้องฝืน จึงเป็นทุกข์ โศก เศร้า”
กาหลงได้ฟังก็น้ำตาไหล รู้ซึ้งในคำสอนกับสิ่งที่เธอเป็นอยู่ขณะนี้
“ในเมื่อเรารู้ว่าเราฝืนไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับ และปล่อยวาง”
ไม้คิดตามคำสอนของหลวงพ่อ
“ปล่อยกาย ปล่อยใจ ไม่มีอะไรที่เป็นของกู ตัวกู มันคือสัจธรรมชีวิต”
ชาวบ้านยกมือท่วมหัว
“สาธุ สาธุ สาธุ”
กาหลงได้ฟังก็น้ำตาไหล เข้าใจคำสอน ยกมือไหว้พนม เดินร้องไห้ออกไป ไม้เห็นกาหลงเดินผ่านไป ก็รีบเดินตามไป ชาวบ้านต่างเข้าใจคำสอนของหลวงพ่อ เข้าไปกราบพระปางนิพพาน หลวงพ่อมองไป หวังว่ากาหลงจะเข้าใจแล้วยอมปล่อยวาง
กาหลงเดินมาที่กลางทุ่งยืนร้องไห้ ไม้ตามเข้ามา
“กาหลงร้องไห้ทำไม ใครทำให้กาหลงของพี่เสียใจ”
กาหลงปาดน้ำตา
“ไม่มีใครทำร้ายฉันทั้งสิ้นจ้ะ ฉันซาบซึ้งใจในคำสอนของหลวงพ่อเท่านั้นเอง”
“พี่เองก็หนักขึ้นไปอีก แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มันเป็นจริงดังคำเทศน์นั้น กาหลงดูไม้นี่สิ”
ไม้หันไปมองต้นไม้ใหญ่ กาหลงมองตาม
“เมื่อครั้งหลังมันเคยเป็นไม้เล็ก เวลาล่วงไปมันก็เติบใหญ่แตกกิ่งผลิยอดต่อใบ มันไม่เคยทวนเข็มกลับไปเป็นต้นไม้เล็กดังเดิม”
ลมพัดมาเบาๆ ใบไม้ไหว แล้วบางใบก็ร่วงหล่น
“สักวันนึง มันก็ต้องตายไป เหมือนอย่างพี่”
กาหลงหันกลับมามองไม้
“ไม่ว่าไม้ใหญ่ หรือไอ้ไม้ก็ต้องมีวันตาย ไม่มีใครหนีความตายไปได้”
กาหลงเอามือปิดปากไม้ไว้ ไม้ค่อยๆเอามือเธอออก
“พี่เคยห้ามกาหลงไม่ให้พูดคำนี้ แต่หลังจากที่พี่เจ็บหนัก พี่เข้าใจแล้ว ว่าพี่ห้ามความตายไม่ได้”
กาหลงฟังน้ำตาคลอ
“พี่ขอเพียงสิ่งเดียว หากพี่จะต้องตายไป ขอให้พี่ตายก่อนกาหลง พี่ไม่อาจอยู่ได้หากไม่มีกาหลง”
กาหลงร้องไห้ โผเข้าสวมกอดไม้ ลมพัดต้นไม้ใหญ่ใบไม้ร่วงหล่น
มุมหนึ่งที่เรือนช่วง อาจารย์สักมองไปยังศพยาว
“มันฆ่าลูกน้องข้าตายไปอีกคน”
โชติเดินเข้ามามองศพ มั่นและขาบมองห่างๆ กลัวผี
“อาจารย์จะแก้ยังไงต่อไป”
“ข้าจะตั้งพิธีอีกสักมื้อ เอ็งให้คนของเอ็งมาขวางไว้ อย่าใครมาพังพิธีข้าได้จนนิดเดียว”
“ฉันจัดการให้”
มั่นและขาบสะดุ้งตกใจ ที่ต้องไปช่วยอาจารย์สักปราบกาหลง
พวกจันเดินคุยเรื่องที่ได้ฟังคำเทศนาสอนเรื่องความตายที่มุมหนึ่งในวัด
“อนุโมทนาสาธุ คำหลวงพ่อเทศน์มันจับจิตจับใจ ฟังแล้ว...”
จันยังพูดไม่จบ ดำพูดแหย่
“อยากตาย”
จันฉุนกึก
“ไอ้นี่ วอนซะแล้ว”
“เอ้า แล้วจะกลัวไปไย จะเมื่อหน้าเมื่อหลังเราหนีความตายไม่พ้น”
“รู้น่ะรู้ แต่ไม่เอา ยังไม่อยากตาย ยังอยากสวย”
“คนหนอคน ฟังหูซ้ายทะลุรูหูขวา”
จันมองหน้า
“รึเอ็งไม่กลัวตาย”
“กลัว...เกิดมาหน้าตาดียังไม่มีเมียมันเสียชาติเกิด ใครที่เกิดมาไม่กลัวตายก็บ้าแล้ว”
จอกวิ่งเข้ามาตะโกนเรียกทุกคน
“พี่จัน ไอ้ดำ ไอ้โขง”
ทุกคนตื่นเต้นแปลกใจ
“ไอ้จอก”
โขงดีใจ
“เอ็งฟื้นแล้ว เอ็งหายบ้าแล้วใช่ไหม”
“ข้าไม่ได้บ้า”
ทุกคนพูดพร้อมกัน
“บ้า”
จอกเถียง
“ข้าแค่ฝันไป ฝันว่าข้าร้องรำยี่เก เหมือนคนบ้า... เออ...แล้วนี่ พวกเอ็งมัวทำอะไร ไม่ไปงานแต่งไอ้ไม้กับกาหลง”
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ จันมองหน้าจอก
“ลูกข้าอยู่กินกับกาหลงนานแล้ว”
“เป็นไปได้ไงกัน ก็ข้าเพิ่งไปเก็บดอกบัวให้กาหลง” จอกนึกได้ “กาหลง...กาหลงตายแล้ว”
ทุกคนตกใจ
“ห๊า”
จันเถียงจอก
“ข้าไม่เชื่อ นังกาหลงยังไม่ตาย”
“คำข้าพูดไปเป็นร้อยรอบแล้ว ทำไงถึงจะเชื่อข้า”
“จะข่มเขาโคคืนให้เชื่อได้ไงวะ ก็ลูกสะใภ้ข้ายังไปไหนมาไหนได้”
“เหลือที่จะอดใจเถียงเว้ย ก็น้าจันเป็นคนพูดเองว่าถ้าผีมีพลังมันก็เดินเหินได้เหมือนคน” โขงขัดขึ้น
“ข้าก็พูดตามคำผัวข้า”
ดำคิดๆ
“มันอาจเป็นแค่เรื่องเล่า”
“มันเรื่องจริง” จอกยืนยัน
ดำเถียง
“ไม่”
“จริง งั้นไปดูให้รู้กับตา”
ดำสวน
“ไม่”
ทุกคนเถียงพร้อมกัน
“ไม่จริง”
“ไม่ไป ข้ากลัว” ดำยืนยัน
จอก จัน โขง พูดพร้อมกัน
“ต้องไป”
“พวกเอ็งจะได้รู้เสียทีว่ากาหลงเป็นผี”
จอกบอกอย่างมุ่งมั่น
พวกจอกมาที่หน้าเรือนกาหลง ทุกคนมองไปยังเรือนกาหลงมีความกังวลใจ เพราะไม่มั่นใจว่ากาหลงเป็นผีหรือไม่ จันตะโกนเรียก
“กาหลง กาหลง”
จอกและโขงตกใจ รีบเอามือปิดปากจัน
“เรียกทำไม” จอกถามหวาดๆ
“ก็ขอให้กาหลงมันโผล่มา เราจะได้เชื่อสนิทเสียทีว่าเป็นผีจริงไหม”
“น้าจันคิดน้อยหรือน้าโง่”
“โง่”
ทุกคนอึ้งที่น้าจันยอมรับโดยดี
“ไม่มีผีตนไหนฟังคำเรียกแล้วโผล่มาดอก เราจะไม่รู้ได้เลยจำต้องสืบเสาะก่อน” โขงแนะ
จันกังวลใจ
“กาหลงอยู่เรือนไหม ถ้ารู้ว่าพวกเรามาจับผี มันจะแย่นา”
ดำวิ่งมาจากทุ่งนาหอบแฮ่ก
“ข้าไปดูที่นาแล้ว มันอยู่ที่นา”
จันดีใจ
“กาหลงอยู่นา รีบย่องไปซ่อนตัวใต้ถุนเรือนกันก่อน”
จันนำทีมทุกคน รีบวิ่งย่องไปใต้ถุนเรือน ดำเหนื่อยหอบ บอกไม่ทัน
“เดี๋ยว ฟังข้าก่อน”
ไม้กำลังถอนหญ้าอยู่ที่นา แม่กลอยเดินเข้ามา
“ไม้...กาหลงอยู่ไหน”
“กาหลงอยู่เรือนจ้ะแม่”
พวกจอกย่องเข้ามาใต้ถุนเรือน คิดว่าไม่มีคนอยู่แต่แล้วมีเสียงคนเดินบนเรือน พวกจอกอึ้งตัวแข็ง กาหลงเดินอยู่บนเรือนพวกจอกตกใจ
“ใครกันอยู่บนเรือน” จอกถามอย่างสงสัย
ดำตามเข้ามาบอกเหนื่อยหอบ
“กาหลง”
จันชะงัก
“ลมจะใส่ขาดใจคาทุ่ง ไหนเอ็งว่ากาหลงอยู่นา”
“ไอ้ที่ฉันบอกว่าอยู่นา ฉันหมายถึงไม้ ส่วนกาหลงน่ะ...”
เท้ากาหลงเดินอยู่บนเรือน ทำให้พวกจอกได้ยินเสียง พากันตกใจเงยหน้ามองอุทานเสียงดัง
“อยู่เรือน”
แล้วทุกคนรีบเอามือไปปิดปากคนอื่นให้เงียบ กาหลงอยู่ในห้อง กำลังจะเดินไปครัว ดำกลัว
“กลับทีเถอะ กาหลงรู้ว่าพวกเราซุ่มอยู่นี่ ลงมาหักคอเรียงตัวเป็นแท้”
จอกรั้งมือดำไว้
“จะไปเสียทำไม ดูให้รู้ให้รอดไปว่ากาหลงเป็น...”
จอกจะพูดคำว่าผี แต่ไม่กล้าพูด ทำหน้าตาเป็นผีแทน กาหลงอยู่บนเรือน กำลังเดินไปที่ครัว โขงบอกจอก
“หากกาหลงจมน้ำตายอย่างเอ็งว่า กาหลงก็ต้องมีหยดน้ำติดกาย”
จันตัดใจไม่กลัว อยากรู้ความจริง
“งั้นพวกเราไปช่วยไล่หาหยดน้ำจากเรือน”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ ยกเว้นดำที่ใจสั่นกลัวผี
แม่กลอยต่อว่าไม้
“เดี๋ยวนี้เอ็งเป็นผัวประสาอะไร ทิ้งเมียให้อยู่เรือนตามลำพัง ไม่เห็นเมียเป็นข้อสำคัญ”
“ฉันรักและห่วงกาหลงจ้ะ”
“รักแล้วทิ้งขว้างคาน้ำคาทุ่ง”
“ฉันอยากให้กาหลงได้อยู่เรือน พักนี้ กาหลงไม่ค่อยสบาย ไม่รู้เป็นโรคอะไร”
แม่กลอยคิดตาม
“กาหลงไม่สบายเอ็งยังออกมาทุ่ง”
“ใจฉันแทบคลั่งตายไม่อยากทิ้งกาหลงหรอกจ้ะ แต่ฉันจำใจต้องออกมาหางาน เอาเงินมาแบ่งแม่จ้ะ”
แม่กลอยอึ้ง
“กาหลงกำชับเป็นข้อสำคัญหนักหนา ให้ช่วยกันหากิน เอาเงินไปให้แม่และดูแลน้องๆให้รับสบาย”
แม่กลอยได้ฟังก็ยิ้มพอใจแต่ก็ยังปากแข็ง
“ทำให้ได้อย่างว่า แล้วค่อยมาพูด”
แม่กลอยเดินออกไป ไม้ถามขึ้น
“แม่จะไปไหนจ๊ะ”
“ข้าจะกลับเรือน”
ไม้ยิ้มรับ แล้วก้มหน้าทำงานต่อไป แม่กลอยยืนคิดนึกเป็นห่วงกาหลง
พวกจอกยื่นหน้า มองลอดช่องพื้นกระดานขึ้นไปเพื่อมองหาหยดน้ำ เท้ากาหลงเดินผ่าน ใกล้เข้ามา พวกจอกตื่นเต้น คอยลุ้นมองดูว่ามีหยดน้ำหรือไม่ กาหลงเดินผ่านมาหยุดยืนที่หน้าทุกคน ทุกคนลุ้นระทึก ใจเต้น...เสียงน้ำหยดดังขึ้นทุกคนแปลกใจมองหน้ากันแล้วหันขวับไปที่มาของเสียง ดำยืนตัวสั่นฉี่ราด ดำพูดเสียงจ๋อยๆ
“ข้าเอง”
จอกเซ็งเลย
“โธ่เว้ย นึกว่าโดนแล้ว”
โขงรีบบอกทุกคนให้เงียบ เท้ากาหลงเดินผ่านไปทางห้องครัว โขงพูดขึ้น
“ไม่มีหยดน้ำ ความชัดว่ากาหลงไม่ใช่ผี”
“กลับเหอะ”
จันจะออกไปเพราะลึกๆแล้วกลัวผี จอกรั้งไว้
“ไม่มีหยดน้ำ ใช่จะไม่เป็นผี”
จันมองหน้าจอก
“แล้วเอ็งจะทำยังไง”
“ขึ้นเรือนไปแอบดูกาหลง เผื่อจะเห็นหน้าผี”
ทุกคนตกใจกลัว
เรือนกาหลง ตอนที่ 13 (ต่อ)
อาจารย์สักเอาของอาคมใส่ย่าม โชติเข้ามาถาม
“ตะวันยังไม่คล้อยหัว อาจารย์จะทำพิธีได้ยังไง”
“ใกล้โพล้เพล้นักแล้ว พลังผีร้ายจักแรงเต็มขั้น ข้าจะร่ายมนต์ให้มันสำแดงตัว ใครที่อยู่ใกล้มือจะได้รู้ว่ามันเป็นผี และในฉับพลันข้าจะเล่นงานมัน”
โชติยิ้มพอใจที่อาจารย์สักจะจัดการกาหลงอีกครั้ง
จอกเดินเข้ามายืนหน้าบันไดเรือนกาหลง จัน โขงและดำตามเข้ามา จอกจะก้าวเท้าขึ้นเรือนแต่แล้วมีมือมาจับบ่า จอกสะดุ้งหันไปเจอจันจับบ่า
“ทำซะอกสั่นขวัญบินหายแทบตาย”
“เอ็งกลัวผียังมีหน้าบุกเรือนไปจับผี”
“ฉันหวังเป็นแท้ให้ทุกคนได้รู้อย่างที่ฉันรู้ จะได้เลิกว่าฉันบ้า ไปกันได้แล้ว”
จอกยกมือพนมไหว้แล้วก้าวเท้าไป โขงก้าวตาม จันก้าวตามโขง ดำจะก้าวขึ้นไปแต่ก้าวถอยหลัง พวกจอกหันขวับไปหาดำ
“ไอ้ดำ”
ดำหน้าจ๋อย
“จ๋า” ดำก้าวไปข้างหน้าทันที
จอกก้าวนำขึ้นไปบนเรือน ทุกคนก้าวตามไป
กาหลงเดินเข้ามาในครัวยืนยิ้ม รู้ว่าพวกจอกกำลังมาตามสืบหาความจริง เธอคิดทำอะไรบางอย่าง จอกนำมาเข้าไปในเรือนกาหลงทุกคนค่อยๆโผล่หน้าไปมอง ไม่มีใครอยู่ในห้อง ทุกคนหันขวับตกใจ จันมองไปรอบๆ
“ไม่มี”
จอกแทรกทันที
“นั่นประไร กาหลงหายตัวได้ กาหลงเป็นผี”
“ผี”
จันตกใจจะอุทานคำว่าผี ดำรีบเอามือปิดปากจัน
“พูดถึงผี เดี๋ยวผีมาทันใจ”
จันเอามือดำออก
“เอามือเหม็นเน่าเอ็งออกไป” จันหันไปบอกจอก “ข้าไม่เชื่อว่าลูกสะใภ้ข้าเป็นผี”
“พวกเราเห็นอยู่ว่ากาหลงอยู่บนเรือน แต่พอขึ้นเรือนกลับไม่มีจะให้คิดเป็นนางฟ้าเหาะกลับสวรรค์รึไง” จอกเถียง
โขงคิดตามแปลกใจ
“นั่นสิ กาหลงหายไปไหน”
เสียงโขลกน้ำพริกดังขึ้นที่ครัว ทุกคนแปลกใจ หันขวับไปทางครัว
อาจารย์สักเดินมาถึงทางสามแพร่งยืนเพ่งมองเห็นว่าที่นี่เหมาะที่จะทำพิธี โชติ มั่น ขาบ หยุดมองอาจารย์สัก
จอกเดินย่องนำไปที่ครัวโดยมีจัน โขงและดำ ย่องตามไปเพราะอยากพิสูจน์ความจริง กาหลงนั่งตำน้ำพริกอยู่ในครัว ยิ้มพอใจ เมื่อรู้ว่าพวกจอกกำลังจะย่องมาดู เธอนั่งยิ้มแล้วตำน้ำพริกต่อไป...จอกเดินนำมาใกล้ถึงครัว
“ถ้าฟังได้เสียง แต่ไม่มีคน เอ็งแม่นใจได้เลยว่ากาหลงเป็นผี”
จัน โขง ดำ ย่องตามจอกไป ทุกคนหยุดที่มุมหนึ่งโผล่หน้าไปมองสายตาทุกคนเริ่มมองจากมุมที่ไม่เห็นกาหลง จอกตกใจ
“นั่นประไร ผีกาหลงตำน้ำพริก”
จันตบหัวจอก
“ครัวอยู่โน่น”
จันจับหัวจอกให้หันไปอีกทาง ซึ่งเป็นมุมครัว จอกหันหน้าไปเห็นกาหลงนั่งตำน้ำพริก ทุกคนมองไปโล่งใจที่เห็นกาหลง ที่พื้นใกล้เท้าของจอกมีน้ำไหลมาที่เท้า จอกตื่นกลัวเสียงสั่น
“กาหลงเป็นผีจริงๆ”
จอกก้มมองเท้า เห็นน้ำไหลมาราดเท้า
“พวกเอ็งเห็นน้ำนี่ไหมล่ะ”
ทุกคนก้มมองเห็นน้ำไหลมาที่เท้า แล้วหันไปมองตามที่มาของน้ำแล้วโวยวาย
“ไอ้ดำ”
ดำยิ้มเจื่อน ฉี่ราดออกมาตามขาเพราะฉี่แตกอีกรอบ
“ฉันดีใจที่กาหลงไม่ได้เป็นผี...จ้ะ”
ทุกคนเซ็งที่ดำฉี่ราดไม่เลิก ดำรีบถอดเอาผ้าขาวม้าเช็ดพื้นทันที จันหันมาต่อว่าจอก
“ไอ้จอก เอ็งเลิกสงสัยได้แล้ว กาหลงเป็นคน”
“ผี” จอกเถียง
“พูดอีกจนคำเดียว ข้าจะเอาสากกะเบือตำปากให้เอ็งคลั่งใจตายเทียว”
จอกจ๋อย หุบปากทันที
“กลับกันเถอะ อย่าให้พี่กาหลงรู้ว่าพวกเรามาแอบดู พาลจะน้อยใจว่าพวกเราหวาดระแวง”
ขาดคำ โขงเดินนำทุกคนเพื่อจะเดินออกไปจากเรือน จันเดินตามหลัง แล้วหันกลับไปมองอีกครั้ง จันเห็นสากกะเบือลอยตำครกกลางอากาศก็ตกใจอึ้ง รีบสะกิดโขง
“ไอ้โขง สากกะเบือลอยได้”
โขงหันกลับไปมองตามที่จันชี้ เห็นกาหลงนั่งตำน้ำพริก
“พี่กาหลงนั่งตำอยู่นั่นไง”
จันแปลกใจ หันกลับไปมองอีกครั้งยังเห็นสากลอยตำน้ำพริก จันตบหน้าตัวเอง แล้วมองอีกครั้ง เห็นกาหลงนั่งตำน้ำพริก จันสับสนคิดว่าตัวเองตาฝาดรีบเดินออกไป กาหลงนั่งตำน้ำพริก ยิ้มพอใจที่ทุกคนคิดว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
อาจารย์สักเริ่มบริกรรมคาถา โชติยืนอยู่ด้านหลัง มั่นและขาบยืนห่างๆ มีอาการกลัวผี
กาหลงนั่งตำน้ำพริก ทันใดสากในมือก็เหมือนมีมือมาปัดกระเด็นลอยออกไป กระแทกฝาบ้านกลิ้งตกพื้นอย่างแรงกาหลงตกใจ พวกจันกำลังจะเดินออกไปจากเรือนได้ยินเสียงสากกระเด็นอย่างแรงก็ตกใจหยุดกึก
“เฮ้ย”
“เสียงอะไร” จันถาม
“นั่นปะไร ข้าว่ากาหลงมันเป็นผี จะเล่นงานพวกเรา เข้าไปดูให้รู้ชัดกับตา”
จอกจะลากทุกคนกลับเข้าไปดู ดำรั้งไว้
“ไม่ไป ข้าตกใจน้ำจะออกหมดตัวแล้ว กลับเหอะ”
โขงและจันคิดตัดสินใจ
อาจารย์สักบริกรรมคาถา ร่ายมนต์ เพชรเดินผ่านมา มองเห็นอาจารย์สักและพวกโชติก็กังวลใจ
ลมพัดกระแทกของในครัว กาหลงสะดุ้งตกใจลุกขึ้นยืน รู้ดีว่าโดนหมอผีรังควานอีกแล้ว เธอพยายามควบคุมสติ แต่ก็เหนื่อยหอบเริ่มมีหยดน้ำออกจากหน้ามากขึ้น ดำจะหนีลงบันไดไป
“ใครไม่ไปก็ตายคาเรือนแล้วกัน...”
ดำจะก้าวลงบันได จอกรั้งตัวไว้
“อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งเร่งกลับ ไปดูให้รู้ชัดกับตา พวกเอ็งจะได้เชื่อข้าว่ากาหลงเป็นผี”
จันมองหน้าจอก
“ข้าไม่เชื่อเอ็ง”
“ไม่เชื่อ ก็ไปดูกัน”
จะลาก จันดันมือออกเพราะไม่แน่ใจในตัวกาหลง
“ไม่ไปท่าจะดีกว่า”
โขงอยากรู้ความจริง
“จอก...เอ็งไปกับข้า ข้าขอเห็นให้เต็มตาจะได้เลิกป่วนในใจเสียที”
โขงชวนจอกจะเข้าไปพิสูจน์ ดำรีบบอกเสียงสั่น
“ไม่...ต้อง...ไป...มันมาแล้ว”
ทุกคนหันไปที่ดำชี้ กาหลงเดินเข้ามาในสภาพปกติแต่เหงื่อชุ่ม จอกรีบบอก
“เชื่อข้าหรือยัง หยดน้ำเต็มหน้า”
จอกกับดำตกใจ
“ผีกาหลง”
กาหลงยิ้มให้
“พวกพี่พูดอะไร ฉันเหงื่อชุ่ม เพราะนั่งตำแกงในครัวนานแล้ว”
ทุกคนได้สติเพิ่งมองไปเห็นกาหลงในร่างปกติ เพียงแต่เหงื่อชุ่ม กาหลงยิ้มให้ทุกคน โขงและจันค่อยคลายโล่งใจ
อาจารย์สักบริกรรมคาถาหนักขึ้นแล้วเป่ามนต์ออกไป...
จันเดินเข้าไปจับมือกาหลง มองที่มือ
“จับได้...กาหลงไม่ได้เป็นผีจนนิดเดียว ไอ้จอก เอ็งดูให้เต็มลูกกะตา ลูกสะใภ้ข้าเป็นคน”
ช่วงที่จันหันหน้าไปถามจอก หน้ากาหลงเปลี่ยนเป็นผีแล้ว จอกสะดุ้งตกใจ
“หันกลับไปมองสิ”
จันหันกลับไปมองกาหลงแล้วนิ่งอึ้ง เห็นกาหลงเป็นผี
“สะใภ้ผี”
จันผงะถอยหลังไปรวมกัน ผีกาหลงมองตัวเอง รู้ว่าไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะถูกมนต์เรียกผีของอาจานย์สัก
“แม่...พวกพี่...อย่ากลัวฉันเลย ฉันไม่ได้คิดร้ายกับใคร”
ผีกาหลงเดินเข้ามาเพื่อจะอธิบาย พวกจอกกลัวจะวิ่งลงบันได แต่กลัวไม่ทัน ทุกคนมองหน้ากันแล้วตัดสินใจกระโดดลงไปทันที
“ช่วยด้วย ผี”
ทุกคนล้มลงไปกองที่พื้น แล้วเงยหน้าไปมองที่เรือน ผีกาหลงเดินมาที่หัวบันได เพื่อจะอธิบายบอกทุกคน แม่กลอยเดินเข้ามาที่มุมหนึ่ง เห็นพวกจอกล้มลุกคลุกคลานกับพื้นก็แปลกใจ
“พวกเอ็งมาทำอะไรเรือนลูกสาวข้า”
“แม่กลอยช่วยด้วย กาหลงเป็นผี” จันละล่ำละลักบอก
แม่กลอยตกใจ หันไปมองที่จันชี้แต่ไม่เจอกาหลง บนเรือนไม่มีใครอยู่ แม่กลอยไม่พอใจ
“พวกเอ็งมันบ้า”
อาจารย์สักหยุดบริกรรมคาถา ยิ้มพอใจ
“อาจารย์เรียกมันนานโข มันยังไม่โผล่ออกมา เห็นท่าจะเหลว ตามเคย” โชติบ่น
“มันคิดฝืนมนต์ข้า แต่ยังไงก็ฝืนไม่ได้ มันต้องมาหาข้า”
อาจารย์สักยิ้มอย่างมั่นใจว่ากาหลงต้องมาแล้วบริกรรมคาถาต่อ เพชรเห็นเหตุการณ์ที่มุมหนึ่ง เขาเป็นห่วง รีบวิ่งออกไปเพื่อช่วยกาหลง
จันมองไปที่เรือน ไม่เห็นกาหลงก็แปลกใจ
“กาหลงหายวับไปแล้ว กาหลงเป็นผี”
แม่กลอยตวาด
“หยุดเสียนังจัน เอ็งเกลียดหน้าข้าแต่อย่าเอาความมาใส่ลูกข้า”
“จริงแน่แท้ เมื่อกี้กาหลงเป็นผี”
จอกกับดำเสริม
“ใช่ กาหลงเป็นผี”
แม่กลอยตบหน้าจอกและดำ
“กาหลงเป็นผี” จอกกับดำยืนยัน
แม่กลอยตบหน้าจอกกับดำอีก โขงห้ามแม่กลอย
"พอเถอะ น้าตบให้ฟันร่วงหมดปาก พวกมันก็ต้องบอกว่ากาหลงเป็นผี”
“ลูกข้าไม่สู้สบายอยู่เรือน พวกเอ็งก็พาลเอาความมาใส่”
“กาหลงมันคงกลัวเอ็งเห็น แล่นหนีไปแล้ว เอ็งไม่เชื่อก็ตามไปดูให้รู้ดี” จันแนะ
แม่กลอยท่าทางขึงขัง
“ได้...ข้าจะตามดูกาหลงไม่วางตา หากพวกเอ็งพูดเท็จ ข้าจะลงตะพดสนตะพายให้พวกเอ็งฟันร่วงหมดปากเทียว”
แม่กลอยประกาศบอกทุกคน แล้วเดินออกไปตามหากาหลง จัน จอก โขงและดำยังคงตกใจกลัวผีกาหลง
“พวกเอ็งเชื่อข้าแล้วใช่ไหม” จอกถาม
โขงพยักหน้า
“เชื่อสนิทใจ”
“ช่วยด้วย”
ทุกคนหันไปมอง เห็นดำฉี่ราดแล้วล้มหมดสติไปด้วยความกลัว
กาหลงวิ่งมาหยุดที่มุมหนึ่ง มองร่างกายตัวเองที่เริ่มเป็นผี ตกใจและเสียใจที่พวกจอกรู้ความจริง เสียงมนต์ดังขึ้น กาหลงตกใจ ยืนมองไปรอบๆเอามือปิดหูแล้วตกใจเมื่อเห็นว่ามือของเธอ มีลายเส้นเลือดเพิ่มมากขึ้น เสียงมนต์ดังขึ้นต่อเนื่อง กาหลงตกใจกลัว
“หยุด...หยุดได้แล้ว”
ผีกาหลงทรุดตัวลง พยายามฝืนจะไม่ไป ตามมนต์เสียง ไม้วิ่งเข้ามาที่มุมหนึ่งห่างจากกาหลงมองเห็นด้านหลังของเธอ
“กาหลง”
กาหลงเงยหน้าตกใจเมื่อได้ยินเสียงของไม้กลัวเขาจะมาเห็นเธอในสภาพนี้ ไม้ค่อยเดินเข้ามาทางด้านหลังกาหลง
“กาหลงเป็นอะไร”
กาหลงน้ำตาไหล กลัวเขาจะรู้ว่าเธอเป็นผี ไม้เดินตรงเข้าจะไปไปหา กาหลงรีบลุกขึ้น ยังคงหันหลังคุยกับไม้
“ฉันไม่เป็นอะไรจ้ะ ฉันสะดุดรากไม้ล้มลง ฉันจะรีบไปเก็บดอกโสนทำขนมให้พี่กิน ฉันไปก่อนนะจ๊ะ”
กาหลงรีบเดินออกไป เพราะกลัวไม้เข้ามาเห็นร่างของเธอ ไม้แปลกใจ
“กาหลง รอพี่ด้วย”
ไม้จะวิ่งตามไป เพชรวิ่งมาแล้วรั้งตัวไว้
“พี่ไม้ พวกไอ้โชติถือดาบสุมหัวอยู่ชายป่า ไม่วายคิดการทำเลวแน่แล้ว”
“เอ็งรอประเดี๋ยว ข้าจะไปดูกาหลง”
“พี่เร่งไปเถอะ มันมากับหมอผี เห็นทีจะมาทำพิธีระยำตำบอนแน่นักทีเดียว หากมันทำเลว เราจะได้เข้ารวบมันคาหนังคาเขา”
ไม้ฟังจำต้องออกไปกับเพชรทันที กาหลงเดินกลับเข้ามาดีใจที่ไม้ออกไปแต่แล้วเสียงคาถายังคงดังต่อเนื่อง กาหลงปวดหัวพยายามฝืนตัวไม่ไปหาอาจารย์สัก
โชติรอคอยนานแล้ว ไม่เห็นกาหลงเข้ามา
“ทำไมจนเดี๋ยวนี้มันยังไม่ออกมาให้ฆ่าเสีย”
“มันต้านมนต์”
“แล้วจะจัดการยังไง หัวอกข้าอยากกำจัดมันให้สิ้นในวันนี้”
“มันคิดหนีข้า ข้าก็จะไปหามันเอง”
อาจารย์สักคิดจะออกไปจัดการกาหลง โชติยิ้มพอใจหันไปสั่งพวกมั่น
“พวกเอ็งตามไปคุ้มกันอาจารย์”
มั่นและขาบจะตามไป แต่แล้ว ไม้และเพชรถือดาบเข้ามาขวางไว้
“พวกเอ็งคิดทำการใด”
“ข้ามากำจัดผี ช่วยให้เมียเอ็งไปผุดไปเกิด เอ็งจะได้อยู่เป็นสุข”
“ข้าเชื่อเอ็งก็โง่เต็มที ไอ้โชติ คดีเก่ายังไม่วาย เอ็งคิดจะก่อความใหม่”
อาจารย์สักบอกโชติ
“เร่งไปได้แล้ว”
ไม้ขวาง
“บ้านบัวสีไม่มีผี ที่นี่มีแต่ผีนรก” ไม้ชี้ไปที่โชติ “หากเอ็งเก่งมนต์คาถา จับมันใส่หม้อถ่วงน้ำซะ”
อาจารย์สักไม่พอใจที่ไม้มาขวาง จะเดินออกไป ไม้ชักดาบมากันท่าไว้ โชติไม่พอใจ หันไปส่งสัญญาณให้มั่นและขาบ มั่นและขาบชักดาบมาสู้กับไม้และเพชร โชติบอกอาจารย์สัก
“ไปได้แล้ว”
อาจารย์สักรีบออกไป โชติคอยคุ้มกัน ไม้จะตามไปขวาง แต่ขาบเข้ามาต่อสู้ ไม้จึงต่อสู้กับพวกขาบและมั่น
กาหลงวิ่งมาหยุดที่มุมหนึ่งบริเวณชายทุ่ง เสียงสวดมนต์หายไป กาหลงค่อยๆรู้สึกดีขึ้น คิดว่าอาจารย์หยุดร่ายมนต์แล้ว โชติเดินเข้ามาตรงหน้า
“ไอ้โชติ”
โชติยิ้มเย้ย
“เอ็งยังไม่รู้จักเข็ดหลาบ”
ผีกาหลงไม่พอใจจะเข้าไปเล่นงาน แต่รู้ตัวว่ามีใครอยู่ข้างหลัง เธอหันขวับไปทางด้านหลัง อาจารย์สักเป่ามนต์ใส่ กาหลงนิ่งอึ้ง อาจารย์สักชักมีดหมอออกมา แล้วจี้ไปที่หน้าผาก กาหลงร้องกรี๊ดสุดเสียง
“กรี๊ด”
แม่กลอยวิ่งออกตามหากาหลง เสียงร้องของกาหลงดังแว่วเข้ามา แม่กลอยแปลกใจ
“กาหลง”
แม่กลอยวิ่งออกไปตามที่มาของเสียง
กาหลงโดนเล่นงาน แม่กลอยวิ่งเข้ามามองตรงไป กาหลงและอาจารย์สักไม่อยู่แล้ว แม่กลอยยิ่งแปลกใจที่ได้ยินเสียง
“เสียงกาหลง...แล้วกาหลงอยู่ไหน”
แม่กลอยเริ่มแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ลมพัดเข้ามาวูบหนึ่ง ให้แม่กลอยยิ่งสะพรึงกลัว
ไม้ฟันดาบต่อสู้พวกมั่นเสียท่า ตัดสินใจวิ่งหนีออกไป เพชรจะวิ่งตามพวกมั่นและขาบไป...แต่ไม้รั้งไว้
“ไม่ต้องตาม เร่งไปหาไอ้หมอผีกับไอ้โชติ”
เพชรพยักหน้าเห็นด้วย ไม้วิ่งนำออกไป
พุดจีบเดินถือพานหลังจากมาทำบุญ กำลังจะกลับเรือน โขงและจอกแบกดำเข้ามา จันวิ่งเข้าไปในวัด หน้าหวาดกลัว
“ช่วยด้วยเจ้าค่ะ”
พวกจันวิ่งมาเกือบจะชนพุดจีบ
“น้าจันมีอะไรจ๊ะ พี่ดำเป็นอะไร”
“น้าไม่อยากพูด พูดถึงผี กลัวผีจะมา”
“พวกน้าพูดถึงใคร”
ดำลืมตาบอกพุดจีบ
“พูดไม่ได้ เดี๋ยวมันอาฆาต” พูดจบดำก็หมดสติต่อ
“ไม่ขอพูดเสียดีกว่า บอกแค่ชื่อเจ้าเรือน” โขงบอก
พุดจีบสงสัย
“เรือนใครล่ะ”
ทุกคนโพล่งออกมา
“เรือนกาหลง”
ทันใดนั้นมีลมพัดวูบใหญ่ ทุกคนตกใจตัวสั่นรีบวิ่งเข้าไปในโบสถ์ พุดจีบตกใจ เมื่อทุกคนรู้แล้วว่ากาหลงเป็นผี พุดจีบเป็นห่วงกาหลง
บริเวณบึงบัวยามค่ำ ผีกาหลงร้องแล้วทรุดตัวลงกับพื้น
“ปล่อยฉันไปเถอะ”
อาจารย์สักเดินเข้ามาถาม
“ข้าจะปล่อยเอ็งไปตามกรรม หากเอ็งบอกข้า ร่างของเอ็งอยู่ไหน”
กาหลงตกใจเมื่อรู้ว่าอาจารย์สักตามหาร่างของเธอ
“วิญญาณมันก็อยู่ตรงหน้าแล้ว จะมัวตามร่างหาศพให้เสียเพลาทำไม คิดการข้างหน้า จับมันถ่วงน้ำเสียเถอะ”
อาจารย์สักต่อว่าโชติที่มาออกคำสั่ง
“เอ็งหุบปาก”
โชติไม่พอใจ
“ฉันสู้จ้างอาจารย์มา อาจารย์ต้องทำตามฉันสั่ง”
อาจารย์สักหันไปมองไม่พอใจ โชติไม่อยากมีปัญหา เพราะต้องพึ่งพาอาจารย์สัก จึงยอมนิ่งลง อาจารย์สักถามกาหลง
“บอกข้ามา ร่างเอ็งอยู่ไหน”
ผีกาหลงนิ่งไม่ตอบ อาจารย์สักไม่พอใจ ชักมีดหมอมาจี้ที่หน้าผาก
“แข็งขืนกับข้ารึ”
ผีกาหลงเจ็บปวดร้องโหยหวนแต่ก็ทนเจ็บ อาจารย์สักกดมีดหนักกว่าเดิม เลือดไหลออกจากหน้าผากกาหลง หยดเลือดลงพื้น
“ฉัน...ยอม...แล้ว...”
โชติยิ้มพอใจเข้ามาถาม
“ร่างเอ็งอยู่ไหน”
กาหลงมองโชติแล้วถ่มน้ำลายใส่
“ข้าไม่มีวันยอมอ่อนข้อต่อเอ็ง”
โชติโกรธมากหันไปต่อว่าอาจารย์สัก
“เผาวิญญาณมันให้ดับ หากไม่ทำ ข้าจะฆ่ามันเอง”
โชติชักดาบออกมาจะฟันกาหลง พุดจีบวิ่งเข้ามาร้องห้าม
“หยุดนะ อย่าทำร้ายกาหลง”
พุดจีบเข้าไปประคองกาหลง โชติตกใจ เมื่อเห็นว่าพุดจีบไม่ได้กลัวกาหลง
“กาหลงเป็นยังไงบ้าง”
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
โชติตกใจ
“พุดจีบ เอ็งรู้แจ้งว่ากาหลงเป็นผี”
“ปล่อยกาหลงเสียทีเถอะ แล้วฉันจะพูดความให้กาหลงยอมปล่อยวางไปหมด อดใจละทิ้งทุกสิ่งไปเกิดใหม่ เลิกผูกใจสร้างเคราะห์ต่อกัน ฉันไหว้ล่ะ”
โชติไม่พอใจ
“พุดจีบรู้เห็นว่าเป็นผี ก็ย่อมแจ้งใจว่า ศพกาหลงอยู่หนไหน”
พุดจีบอึ้ง...ไม่อยากบอกโชติว่าเป็นคนให้เพชรเอาศพขึ้นมา และคนที่รู้ว่าศพกาหลงอยู่ที่ไหนคือเพชร โชติตวาด
“บอกมาศพกาหลงอยู่ไหน”
“ฉันไม่รู้”
“ไม่บอกความก็ไม่ต้องเสียเพลา” โชติสั่งอาจารย์ “ฆ่ามันได้แล้ว”
อาจารย์สักตะคอกกลับ
“ข้าต้องเอาร่างมันมาเผาทำลาย”
“ข้าไม่ทนรออีกต่อไป เอามีดหมอแทงมัน มันก็เจ็บปวดตายโหง”
โชติเข้าไปแย่งมีดหมอจากมืออาจารย์สัก จะเข้าไปแทงร่างกาหลง อาจารย์สักไม่พอใจ เข้าไปแย่งมีดจากมือโชติ จับข้อมือไว้
“อย่าริสั่งข้า เอามีดหมอข้าคืนมา”
“ข้าจะฆ่ามัน”
ทั้งสองยื๊อยุดฉุดกระชากกัน พุดจีบหันไปบอกกาหลง
“กาหลงเร่งหนีไป”
พุดจีบประคองจะพากาหลงออกไป อาจารย์สักเห็นกาหลงจะหนีไปหักข้อมือโชติ มีดหมอตกพื้นตรงหน้าพุดจีบ ผีกาหลงลุกขึ้นจะหนีออกไป อาจารย์สักบริกรรมคาถา เป่ามนต์ กาหลงหยุดนิ่งไปไหนไม่ได้ อาจารย์สักบริกรรมคาถาทำให้กาหลงเจ็บปวด ร้องเสียงดังลั่น พุดจีบสงสารกาหลงตัดสินใจคว้ามีดหมอที่ตกพื้นขึ้นไปแทงอาจารย์สัก
“โอ๊ย”
ร่างกาหลงหลุดจากมนต์ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด พุดจีบตกใจ ทิ้งมีดหมอ
“กาหลง”
โชติโกรธพุดจีบ
“เอ็งมันควานหาที่ตายเสียละ” โชติชักดาบออกมา “ตายตกไปตามกันเสียเถิด”
โชติจะฟันพุดจีบและกาหลง ไม้และเพชรวิ่งเข้ามาตะโกนเสียงดังอยู่ที่มุมหนึ่งห่างออกไปซึ่งไม้ไม่เห็นกาหลง
“หยุดนะไอ้โชติ”
อาจารย์สักร้องด้วยความเจ็บ
“ช่วยข้าด้วย”
โชติเห็นอาจารย์สักเสียท่า จำต้องไปช่วยเพื่อใช้ประโยชน์ในการฆ่ากาหลง โชติจึงเข้าไปประคองอาจารย์สักหนีออกไป กาหลงเจ็บปวด เพราะมีเลือดไหลออกจากหน้าผาก เธอมองเห็นไม้เข้ามาก็ตกใจ พุดจีบเป็นห่วงขยับตัวมาบังสายตาไม้ไว้ในขณะที่กาหลงนั่งใจสั่น ไม้ซึ่งยังไม่เห็นกาหลง วิ่งเข้ามาถามพุดจีบ
“พุดจีบมาทำอะไร เกิดอะไรขึ้น”
พุดจีดตกใจ กลัวไม้จะรู้ความจริง หันไปมองกาหลงไม่เจอกาหลงแล้วนอกจากกองเลือดของกาหลง พุดจีบแปลกใจและโล่งใจที่กาหลงหายไป
ผีกาหลงเดินโซเซมาที่หน้าเรือน หยุดเอามือกุมไว้ที่หน้าผากเหมือนการอธิษฐานจิตเลือดที่หน้าผากค่อยๆหายไป กาหลงตัดสินใจเดินขึ้นบันได เพื่อหลบหนีเข้าไปในเรือนแต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนล้า เธอล้มลงกับพื้นเรือน แม่กลอยก้าวเท้าออกมา โดยยังไม่เห็นหน้ากาหลง
“กาหลง...อ็งหายไปไหนมา ข้าออกตามหาเสียทั่วไม่เจอตัว”
กาหลงตกใจเงยหน้าขึ้น
“แม่”
แม่กลอยจะเดินมาเห็นหน้ากาหลงก็หยุดชะงัก ทั้งสองมองหน้ากัน แม่กลอยตกใจ
“กาหลง...เอ็ง”
แม่กลอยมองกาหลงแทบไม่เชื่อสายตา กาหลงตกใจที่แม่กลอยเห็นสภาพนี้ กาหลงร้องไห้น้ำตาไหลค่อยๆลุกขึ้น เพื่อจะอธิบายความจริง
“แม่...แม่ไม่ต้องกลัวฉัน...ฉัน...”
กาหลงจะเข้าไปหาแม่ แม่กลอยตกใจ ถอยหลังมายืนอยู่หัวบันได
“อย่าเข้ามา”
เท้าหมิ่นเหม่จะตก แต่แม่กลอยหยุด จ้องมองกาหลงแล้วหันหลังกลับวิ่งลงบันไดไป
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที”
กาหลงยืนบนเรือน ตกใจที่แม่กลอยรู้ความจริง
“แม่...กลับมาก่อน”
ไม้ซักถามพุดจีบด้วยความสงสัย
“พุดจีบตอบพี่ได้หรือยัง เกิดเหตุอะไรขึ้น”
พุดจีบไม่อยากตอบเรื่องกาหลง จึงเอาคำพูดของไม้มาอ้างในการหนีออกไป
“พี่เคยหมายให้ฉันเป็นเสมือนคนแปลกหน้า พี่ก็อย่าสนใจเรื่องของฉันเลย”
พุดจีบจะเดินออกไป ไม้เข้ามารั้งแขนไว้
“หากพบเจอกันเป็นปกติ พี่จะไม่สนใจใยดี แต่นี่มันผิดวิสัย คงไม่ใช่เหตุบังเอิญที่พุดจีบจะมาอยู่กับพวกมัน”
พุดจีบอึ้ง กลัวไม้จะซักเรื่องกาหลง
“กองเลือดนั่นเป็นของใคร”
ไม้ชี้ไปที่กองเลือด ซึ่งเป็นของกาหลง พุดจีบอึกอักไม่อยากบอกเล่า เพชรมองหน้าพุดจีบ รู้ดีว่าต้องเกี่ยวกับกาหลง
“จะเป็นเลือดใครเสียอีก ถ้าไม่ใช่เลือดพวกมัน...” เพชรหยิบมีดหมอขึ้นมาซึ่งมีหยดเลือด “มันคิดจะหยามใจพี่พุดจีบ พี่พุดจีบชักมีดป้องกันตัว เรื่องมันก็เท่านั้น”
ไม้ถามพุดจีบ
“มันจริงอย่างที่เพชรมันว่าไว้”
เพชรเปลี่ยนเรื่อง
“พี่อย่าเพ่งซักเอาความ พี่พุดจีบตื่นตระหนกใจสั่นฉันจะพาพี่พุดจีบกลับเรือน”
เพชรเข้าไปดูแล พุดจีบจะเดินออกไปหันกลับมองไม้ที่ยังเคืองโกรธเธออยู่ เขาเบือนหน้าหนี พุดจีบเดินออกไป ไม้ยืนมองกองเลือด แปลกใจและสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้น
แม่กลอยวิ่งหนีมาถึงวัด
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
แม่กลอยตัดสินใจวิ่งหนีเข้าไปในวัด ผีกาหลงวิ่งตามมาหยุดที่มุมหนึ่งมองเห็นแม่กลอยวิ่งไป แม่กลอยวิ่งผ่านกำแพงวัดเข้าไป กาหลงตามเข้าไปในวัด เสียงหมาหอนดังขึ้น
เพชรมาส่งพุดจีบที่เรือน รู้ความจริงจากเธอถึงเรื่องราวที่อาจารย์สักและโชติจะทำร้ายกาหลง
“พวกมันหนักข้อขึ้น จ้างวานหมอผีมาปราบพี่กาหลง”
“มื้อหน้า เพชรต้องช่วยเป็นหูเป็นตา ระวังอย่าให้มันพลั้งทำร้ายกาหลงอีก”
“ได้จ้ะ นับว่าเป็นบุญของพี่กาหลง ที่หนีหน้าพี่ไม้ไปได้ถึงสองครั้งสองครา”
“บุญของกาหลงท่าจะใกล้หมดลง พวกน้าจัน จอก โขงและพี่ดำ รู้เห็นว่ากาหลงเป็นผีแล้ว”
เพชรตกใจ
“พับผ่าสิ หากมีคนรู้เห็น พี่กาหลงมิฆ่าหักคอรึ เพชรกังวลใจในเรื่องกาหลง พุดจีบก็ยิ่งเป็นห่วงกาหลง
ไม้ยืนบนเรือน แปลกใจที่กาหลงหายไป
“กาหลง...กาหลง”
แม่กลอยวิ่งหนี จะเข้าไปในโบสถ์ ผีกาหลงมาขวางไว้ แม่กลอยตกใจ
“กาหลง”
แม่กลอยตกใจจะวิ่งหนีไปอีกทาง ผีกาหลงขวางไว้ แม่กลอยตกใจจะวิ่งหนีไป แต่สะดุดหินล้มลง ผีกาหลงเดินตรงมาหาทรุดตัวนั่งลง พยายามคุยกับแม่
“แม่จ๋า อย่ากลัวฉันเลย”
แม่กลอยตื่นกลัวสุดๆ
“ออกไป อย่าหลอกหลอนข้า ออกไป”
“แม่จ๋า กาหลงลูกแม่ กาหลงไม่ทำร้ายแม่ กาหลงรักแม่จ้ะ”
แม่กลอยกลัวจนร้องไห้
“เอ็งตายเป็นผี มานานโขแล้วใช่ไหม...” แม่กลอยเริ่มคิดได้ “เอ็งตายตั้งแต่ครั้งถูกจับถ่วงน้ำ อย่างคำไอ้กาเหว่าว่า เอ็งมาหลอกข้า เอ็งคงเกลียดชังคิดแก้แค้นที่ข้าเคยหักหาญน้ำใจเอ็ง ออกไป ข้ากลัวแล้ว หลวงพ่อ ข้าต้องให้หลวงพ่อทำพิธีปราบเอ็ง...หลวงพ่อ”
“แม่จ๋า อย่าทำร้ายฉันเลย”
ผีกาหลงจะเข้ามาหา แม่กลอยถดถอยหลังมือควานเจอก้อนหิน ปาใส่ ผีกาหลงโดนก้อนหินหน้าเป็นเลือดไหลออกมา
“แม่จ๋า...”
แม่กลอยยิ่งกลัวลุกขึ้นได้แล้ววิ่งออกไป ผีกาหลงมองแม่ จะเข้าไปห้าม
แม่กลอยวิ่งหนีร้องเสียงดังลั่น
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
ผีกาหลงเดินเข้ามา ตัดสินใจหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่วิ่งไล่ตามแม่ แม่กลอยวิ่งขึ้นบันไดร้องเสียงหลง
“อย่าหักคอข้า ข้ากลัวแล้ว”
ผีกาหลงยืนมอง แม่กลอยก้าวบันไดขึ้นศาลาแล้ววิ่งขึ้นไปบนบันไดขั้นสุดท้าย แม่กลอยหันกลับไปมอง เพราะกลัวกาหลงตามขึ้นมา
“ออกไป”
แม่กลอยเห็นผีกาหลงยืนอยู่ที่หน้าศาลาไม่ได้ไล่ตามมาก็หันไปบอก
“เอ็งมันใจชั่วมาหลอกหลอนข้า ไอ้ลูกอกตัญญู ข้าจะให้หลวงพ่อทำพิธีเผาผีเอ็ง”
ผีกาหลงน้ำตาไหล เสียใจที่แม่กลอยจะบอกทุกคน และทำพิธีให้เธอจากไป แม่กลอยหันก้าวเท้าจะขึ้นไปยืนบนตัวศาลา แต่ก้าวพลาด หงายหลังล้มลงมา ผีกาหลงยืนมองแม่ที่กำลังจะตกบันไดก็ตกใจ แม่กลอยกลิ้งตกบันไดล้มลงไปหัวกระแทกกับขอบอ่างน้ำล้างเท้าแน่นิ่งไป ผีกาหลงเห็นแม่สลบไปก็ตกใจ
“แม่...”
ร่างแม่กลอยนอนนิ่งเลือดไหล ไม่ได้สติ ผีกาหลงก้าวเข้ามายืน แล้วนั่งลงประคองร่างของแม่ร้องไห้เสียใจ
“แม่จ๋า...”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เรือนกาหลง ตอนที่ 13 (ต่อ)
เช้าวันใหม่...ไม้นั่งรออยู่ที่บันไดเรือน กาหลงเดินกลับมา
“กาหลง”
กาหลงยืนมองไม้ ใจคอสั่น น้ำตาไหล ไม้แปลกใจ เร่งเดินลงบันไดมาหา
“กาหลง เกิดความอะไรขึ้น กาหลงหายไปไหนมาจ๊ะ”
“เมื่อคืนฉันไปหาแม่...แม่เปรยว่าอยากกราบพระ ฉันก็เลยพาไป แต่แม่พลั้งท่าตกบันไดศาลา”
“ฉันเลยนอนเฝ้าแม่อยู่ทั้งคืนจ้ะ” ไม้ตกใจ
“แม่กลอยเป็นยังไงบ้าง”
กาหลงส่ายหน้า
“แม่ยังสลบอยู่เลยจ้ะ ฉันกลับเรือนมาบอกพี่แล้วผลัดผ้ากลับไปดูแม่จ้ะ”
กาหลงร้องไห้ ไม้กอดปลอบใจ ยิ้มให้กำลังใจ
“ขวัญเอ๋ยขวัญมา แม่กลอยไม่หนักอะไรนักหรอก พี่จะไปเยี่ยมแม่กับกาหลง”
กาหลงยิ้มรับทั้งน้ำตา
แม่กลอยนอนไม่ได้สติอยู่บนเรือน ชบาและกาเหว่านั่งเฝ้าแม่
“ข้าล่ะเกิดข้อสงสัยนัก” ชบาคิดเครียดๆ
“อะไรล่ะพี่”
“พี่กาหลงบอกแม่เปรยอยากไปไหว้พระ มันพิกลออกนอกทางอยู่หนักเว้ย คนอย่างแม่รึคิดจะเข้าวัดเข้าวา”
“แม่อาจรู้ตัวว่าที่ล่วงมา แม่ทำบาปสาหัสไว้มากคงอยากทำบุญเสริมดวงบ้างเสียล่ะมั้ง” กาเหว่าออกความเห็น
“ไปวัดตอนตะวันลับทุ่งเนี่ยนะ แล้วเดินอีท่าไหนถึงพลั้งตกบันได”
“พี่ถามฉันแล้วฉันจะรู้ความไหมล่ะ รอให้แม่ตื่น พี่ถามให้ถนัดทุกเรื่องเสียแล้วกัน”
ชบาสงสัยอยากรู้ มองไปยังแม่ แม่กลอยค่อยๆขยับเปลือกตา กาเหว่าดีใจ
“พี่ชบา แม่ตื่นแล้ว”
ชบาและกาเหว่ามองไปยังแม่ แม่กลอยค่อยๆลืมตาช้าๆ มองทั้งสอง...ชบาและกาเหว่ายิ้มดีใจแต่แล้วสีหน้าทั้งสองกลับเปลี่ยนไป ทั้งสองร้องเสียงหลง
“แม่”
กาหลงเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมออกไปจากเรือน เพื่อไปหาแม่กลอย
“พี่ไม้จ๊ะ ไปหาแม่กันเถอะจ้ะ”
ยายมาและตาสรเดินเข้ามา ตาสรถือหม้อยา
“ผัวเอ็งไปแล้ว”
กาหลงแปลกใจ ตาสรส่งหม้อยาให้ กาหลงถือไว้
“เอ้านี่...ไอ้ไม้มันสั่งให้ข้าต้มยาหม้อ...มันบอกแม่กลอยไม่สู้รับสบาย”
“แล้วพี่ไม้ไปไหนล่ะจ๊ะ”
“หัวอกมันคงห่วงแม่ยาย ล่วงไปเยี่ยมแม่กลอยเสียแล้ว คงพูดความเอาอกเอาใจเต็มที่” ยายมาบอก
กาหลงรู้ว่าไม้ไปหาแม่กลอยก็ตกใจเพราะกลัวแม่จะเล่าความจริงเรื่องผีให้ไม้รู้ หม้อยาในมือกาหลง ตกพื้นแตกกระจาย ยายมากับตาสรตกใจ
“เฮ้ย”
กาหลงรีบเดินออกไปเรือนแม่กลอยทันที ตาสรโกยยาในหม้อ
“ยาข้า หมดกัน”
“นังกาหลงเป็นอะไร”
“เห็นท่าจะติดผัว ห่างผัวไม่ได้แม้สักก้าวเดียว”
ยายมาและตาสรแปลกใจที่กาหลงเร่งไปหาไม้
แม่กลอยนอนลืมตา ไม้เดินเข้ามาหา
“แม่จ๋า ฉันมาเยี่ยมแม่จ้ะ แม่เป็นยังไงบ้าง”
แม่กลอยเกลือกตาไปมองไม้
“กาหลงบอกพาแม่ไปวัด แม่พลั้งท่าตกบันไดได้ยังไงจ๊ะ”
แม่กลอยมองไม้ อ้าปากเหมือนจะเล่าความจริงทั้งหมด
กาหลงเดินเข้ามายืนหน้าเรือน กลัวแม่จะบอกไม้ว่าเธอเป็นผี ชบาและกาเหว่ากอดกันร้องไห้ที่มุมหนึ่ง กาหลงเข้าไปหา
“ชบา กาเหว่า เอ็งร้องไห้ทำไม”
ชบาและกาเหว่ามองกาหลง ชบาร้องไห้เสียงสั่น
“แม่ตื่นแล้ว...”
กาเหว่าร้องไห้
“แม่...”
กาหลงคิดว่าแม่คงบอกทุกคนแล้วว่ากาหลงเป็นผี เธอรีบขึ้นไปบนเรือนทันที ชบาและกาเหว่ามองตามต่างกอดกันร้องไห้
กาหลงเดินเข้าไปในห้องเห็นไม้อยู่ข้างแม่กลอย
“พี่ไม้”
ไม้หันไปมองกาหลง น้ำตาไหล
“กาหลง...”
กาหลงตกใจเพราะคิดว่าไม้รู้ความจริงเรื่องเธอเป็นผี
“กาหลงมาดูแม่เถอะ แม่สาหัสหนักอยู่”
กาหลงแปลกใจที่ไม้ไม่ได้พูดถึงเรื่องเธอ
“แม่ไม่ได้พูดถึงฉันรึ”
“แม่จะพูดได้ยังไง แม้แต่มือขาแม่ก็ขยับไม่ได้”
“แม่เป็นอะไร” กาหลงตกใจ
“แม่เป็นอัมพาตเสียแล้ว”
กาหลงมองแม่กลอย
“แม่...”
กาหลงเดินเข้าหาแม่กลอย ตกใจเมื่อรู้ว่าแม่เป็นอัมพาต
กาเหว่าร้องไห้โฮ เสียใจเรื่องแม่กลอย
“พี่ชบา...ฉันสงสารแม่”
ชบาโอบกอดกาเหว่า ทั้งสองต่างร้องไห้สงสารแม่
กาหลงค่อยๆขยับตัวเข้าหาแม่
“แม่จ๋า”
แม่กลอยมองไปยังกาหลง แต่ยังเห็นไม่ชัด ไม้เข้าไปประคองหัวแม่กลอยขึ้นมาหนุนตักเขา
“กาหลงมาแล้วจ้ะแม่”
แม่กลอยเพ่งมองไปยังกาหลง
“แม่จ๋า”
แม่กลอยมองเห็นกาหลงก็ตกใจตาค้าง นึกถึงเหตุการณ์ที่เห็นกาหลงเป็นผีครั้งแรก เหตุการณ์ที่วิ่งหนีกาหลง เหตุการณที่พลัดตกบันได กาหลงค่อยๆคลานมาหาแม่
“กาหลงรักแม่นะจ๊ะ”
แม่กลอยมองหากาหลง ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นหน้าผีกาหลง แม่กลอยกลัวตาตื่นตระหนกมาก...ไม้แปลกใจ
“แม่เป็นอะไร กาหลงไงจ๊ะแม่”
แม่กลอยกลัวกาหลงหลับตา พยายามจะเบือนหน้าหนี กาหลงรีบบอกไม้
“พี่ไม้...แม่คงลำบากเจ็บใจและผิดแปลกที่ต้องมาเป็นอย่างนี้ พี่ให้แม่นอนพักสบายๆเถอะจ้ะ”
ไม้จึงประคองร่างแม่กลอยนอนลงที่หมอน
“ยายมาตาสรเอายามาให้ แต่ฉันพลั้งทำตกแตก ฉันวานพี่ไปหายาต้มเถอะจ้ะ ฉันจะอยู่เฝ้าแม่เอง”
“จ้ะ”
แม่กลอยตกใจเมื่อรู้ว่ากาหลงจะอยู่เฝ้า
“ฉันจะเร่งหายามารักษาแม่นะจ๊ะ”
ไม้จะออกไป แม่กลอยมองไม้สายตาวิงวอนไม่อยากให้เขาออกไป ไม้มองแม่กลอย ไม่เข้าใจความหมายลุกเดินออกไปจากห้อง กาหลงหันมาเรียก
“แม่...”
แม่กลอยตกใจ สายตาเปลี่ยนเป็นตื่นกลัว
ไม้กลับมาที่เรือน บอกยายมาและตาสร
“ฉันขอปันยาหม้อไปต้มอีกสักหม้อจ้ะ”
ตาสรยื่นเศษหม้อที่แตก มียาติดอยู่บ้างให้ไม้
“ข้ายกให้ไม่คิดอัฐ”
“เอ่อ...ตาสรพอจะมีอีกไหมจ๊ะ”
“หมดแล้ว ข้ากับเมียรึอุตส่าห์ต้มยาหวังให้แม่ยายเอ็ง เมียเอ็งก็ดันมือไม้อ่อนทำตกแตก”
“ฉันจะไปปันซื้อจากไหนได้บ้างล่ะจ๊ะ” ไม้ถามเสียงเครียด
ยายมาคิดๆ
“ลองไปขอปันจากแม่พุดจีบสิ มื้อก่อนซื้อเก็บตุนไว้เป็นกระบุง”
ยายมาและตาสรเดินออกไป ไม้คิดตัดสินใจ เพราะไม่มั่นใจว่าพุดจีบจะยอมแบ่งให้หรือไม่
แม่กลอยนอนอยู่ กาหลงเข้ามาใกล้แม่
“แม่จ๋า”
แม่กลอยเห็นหน้ากาหลงก็ตกใจกลัว กาหลงเข้ามาแล้วจับมือแม่ขึ้นมา แม่กลอยยิ่งกลัวมากกลัวจนน้ำตาไหล กาหลงเสียใจ
“แม่ไม่ต้องกลัวฉัน กาหลงเป็นลูกแม่ ฉันไม่ทำร้ายแม่”
แม่กลอยยังกลัวกาหลงน้ำตาไหลไม่หยุด กาหลงเข้าไปเช็ดน้ำตาให้ แม่กลอยกลัวรีบปิดตา กาหลงร้องไห้โฮ
“แม่ต้องมาเจ็บหนักเป็นอัมพาตเพราะฉัน...ฉันมันอกตัญญูนำความตันใจมาให้แม่”
กาหลงขยับตัวไปก้มกราบเท้าแม่
“แม่อโหสิฉันเถอะนะจ๊ะ ฉันจะเฟ้นยาดี มานวดมารักษา”
ชบาพากาเหว่าเข้ามาทั้งสองร้องไห้มานั่งข้างกาหลง
“พี่กาหลง...แม่หนักอย่างนี้แล้วเราจะทำยังไง” กาเหว่าถามอย่างสงสารแม่
“พวกเอ็งไม่ต้องร้องสักหยดเดียว แม่ต้องหายเข้าสักมื้อ พี่จะคิดทางรักษาให้ชะงัก ความยุ่งยากร้อยพันแค่ไหน พี่จะไม่ให้ผุดในหัวอกพวกเอ็ง พี่จะไม่ทิ้งแม่ พี่จะดูแลแม่ตลอดไป”
กาหลงสวมกอดชบาและกาเหว่า สามพี่น้องร้องไห้โฮ กาหลงยังคงมองไปที่แม่ แม่กลอยร้องไห้สงสารลูกๆ และยังหวาดกลัวกาหลง
พุดจีบเดินเข้ามาถามนวล
“พี่นวลตามฉันมามีเรื่องใดกัน”
นวลหันไปมองที่มุมหนึ่ง พุดจีบหันไปมองตามสายตา เห็นไม้ยืน
“ฉันมีงานมากล้นมือ ไม่ว่างพบปะใคร” พุดจีบบอกนวล
นวลรีบบอกไม้
“พ่อไม้ได้ยินแล้วนะจ๊ะ กลับไปเถอะ”
พุดจีบจะเดินออกไปไม้เข้ามาจับมือ พุดจีบมองไม่พอใจเอามือไม้ออก
“พุดจีบฟังพี่นะ”
“พี่ไม้...ฉันจะไม่ตอบทุกข้อสงสัย อย่าทำให้ฉันลำบากเจ็บใจอย่ามาพบหน้ากันอีกชั่วทุกมื้อ พี่หมายใจให้ฉันตีตัวออกห่าง ไม่คิดพบหน้ามิใช่รึ”
“พี่ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง เพื่อคนที่พี่รัก”
พุดจีบมองไม้ แปลกใจว่าเขาหมายถึงใคร แม่บุญอิ่มเดินเข้ามายืนมองที่มุมหนึ่ง
“พุดจีบจะด่าจะเย้ยหยันพี่ก็ยอม” ไม้คุกเข่าอ้อนวอน “พี่ขอก้มหน้าให้พุดจีบใจอ่อนยอมปันยาหม้อให้พี่”
พุดจีบแปลกใจ
“กาหลงเป็นอะไร”
“กาหลงสบายดี แต่แม่กลอย...แม่กลอยเป็นอัมพาต”
พุดจีบตกใจ แม่บุญก็อิ่มตกใจ
“ขอปันยาให้ฉันเถอะ”
ไม้วิงวอน พุดจีบคิดตัดสินใจแล้วเดินออกไปจากเรือน ไม้อึ้ง
“พุดจีบ”
แม่บุญอิ่มก็มองว่าพุดจีบจะไปทำอะไร
กาหลงถือตะกร้าผ้าจะไปหาแม่ พุดจีบเดินตรงมาหากาหลงไม่พอใจ
“พุดจีบ รู้เรื่องแม่ฉันแล้วใช่ไหม”
พุดจีบไม่ตอบ ตรงเข้ามากระชากตะกร้าใส่ผ้าทิ้งลงพื้น
“พุดจีบทำอะไร ฉันจะเอาผ้าไปเรือนแม่ ฉันจะไปอยู่เฝ้าแม่”
“พอเถอะกาหลง มันเกินกาลไปแล้วที่จะทำดี น้ากลอยทรมานกายเพราะใคร”
กาหลงจะอธิบาย พุดจีบสวนขึ้น
“กาหลงเล่นงานน้ากลอยสาหัสปางตาย ทำร้ายได้แม้กระทั่งแม่บังเกิดเกล้า ฉันคาดผิดในตัวกาหลงมาก”
พุดจีบเข้าไปผลักกาหลงล้มลง
“ถ้าคิดว่าเป็นผีทำอะไรสาใจได้ ก็หักคอฆ่าฉันซะให้ราบไป”
กาหลงลุกขึ้นมาหาพุดจีบแล้วร้องไห้
“อย่ากล่าวหาโยนโทษให้ฉันผิด ฉันเสียใจหนักนักแล้ว อย่ามาซ้ำให้กระเทือนใจอีกเลย ฉันไม่ได้ทำร้ายแม่”
“แต่พอการเถอะ รึกาหลงจะบ่ายเบี่ยงว่าแม่กลอยไม่ได้พบเจอกาหลงจนนิดเดียว”
กาหลงยอมรับ
“แม่เห็นฉัน แม่รู้ว่าฉันเป็นอย่างนี้”
พุดจีบสวนขึ้น
“กาหลงก็เลยคิดฆ่าแม่ กลัวแม่จะบอกพี่ไม้”
“ไม่ใช่...ฉัน...”
“ฉันเจ็บใจตัวเองนักแล้ว ที่ล่วงมา ฉันเฝ้าหวังใจให้กาหลงยอมปล่อยวาง ไม่วายสงสารช่วยกาหลงได้อยู่กับพี่ไม้ ดูแลแม่ดูแลน้องอย่างที่กาหลงผูกใจ แต่ยิ่งนับวันยิ่งหนักข้อ กาหลงกลับสร้างกรรมติดตัวเพิ่ม ฉันจะไม่ยอมทนเห็นกาหลงทำร้ายใครอีก”
“พุดจีบ...ฉันขอร้อง อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร”
“กาหลงเลิกเห็นแก่ตัวเสียที”
“ไม่เห็นแก่ฉันก็ขอให้เห็นแก่แม่”
พุดจีบแปลกใจ
“แม่เป็นเสาหลักของน้องๆ แม่ต้องมาทรมานกาย ทำอะไรไม่ได้ ใครจะดูแลแม่ กาเหว่าก็ยังเด็ก ชบาจะแบกภาระยังไงไหว นอกจากฉัน”
กาหลงคลานเข้าไปหาพุดจีบ
“มีฉันเพียงคนเดียวที่พอช่วยเหลือดูแลแม่ อุ้มชูน้องได้ เห็นแก่แม่และน้องฉันด้วยเถอะ”
กาหลงเข้าไปขอร้อง พุดจีบหมดหนทางจะปฎิเสธจำต้องรับปาก
“เอาเถอะ...ฉันเคยให้คำสัตย์รับปากรับคำ ฉันจะไม่พูด แต่พวกน้าจันคงไม่นิ่งเฉย”
กาหลงนึกถึงเรื่องที่พวกจันรู้ว่าเธอเป็นผีก็กังวลใจ
“กาหลงผูกไว้ก็ต้องแก้เสียเอง”
พุดจีบพูดจบเดินกลับไป กาหลงคิดทำอะไรบางอย่าง
ประตูโบสถ์ถูกเปิดออก จอกย่องออกมา ในสภาพที่โทรมมาก เพราะหลบอยู่ในโบสถ์ทั้งคืน โขงย่องตาม จันตามมาพอออกมาอยู่ข้างนอกก็ร้องลั่น
“อ๊าย”
จอกกับโขงหันไปถามพร้อมกัน
“เป็นอะไร”
“ร้อน...ตะวันโด่กลางหัว”
“ร้องยังกะเป็นผี...ไอ้ดำล่ะ” จอกเซ็งๆ
ดำคลานออกมาในสภาพที่กลัวผีมาก
“ฉันอยู่นี่...”
“แล่นไปหาหลวงพ่อเถอะ ก่อนที่ผีพี่กาหลงจะเล่นงานอีก”
โขงจะเดินไป ดำจับขาไว้เสียงสั่น
“ไม่ทันแล้วล่ะ”
กาหลงเดินเข้ามายืนตรงหน้า ทุกคนหน้าตื่น
“กาหลง”
ไม้ยืนหน้าเรือนแม่กลอย ยกมือไหว้ แม่บุญอิ่ม นวลส่งห่อยาให้ไม้
“เร่งเอายาไปต้ม แม่กลอยจะได้กินยา”
“ฉันขอบใจจ้ะ”
ไม้เอายาขึ้นเรือนเพื่อเอาไปต้มให้แม่กลอย แม่บุญอิ่มมองไปยังเรือนแม่กลอย...ตั้งใจไปเยี่ยมแม่กลอย
มุมหนึ่งที่กำแพงวัด พวกจันเดินถอยหลัง กาหลงเดินก้าวเข้ามา พวกจันถอยหลังโดยที่จันยืนหน้าประจันกับกาหลงซึ่งใกล้มาก จันกลัวพูดโดยไม่ได้หันไปมองหลัง
“ไอ้จอก...ถอยไปสิวะ”
“ถอยไม่ได้แล้วจ้ะ”
พวกจอกถอยมาชิดกำแพงหนีไปไม่ได้แล้ว
“แม่จ๊ะ พี่ๆ...ฉันมาดี”
พวกจอกถามพร้อมกัน
“แน่นะ”
“ฉันไม่มีคิดทำร้ายพวกพี่”
“อย่าโกหกนะ”
“ฉันมีเรื่องจะขอ”
ดำหวาดกลัวตัวสั่น
“ขออะไรให้ได้ทุกอย่าง ยกเว้นไส้กับตับจ้ะ”
“ขอให้ปิดเรื่องฉัน อย่าให้ใครรู้ ได้ไหมจ๊ะ”
จันรีบรับบาป
“ได้จ้ะลูก แม่จะขุดหลุมฝังความลับนี้จนมิดกว่าหลุมศพซ้ำให้ลึกลงไปถึงขุมนรกเลยจ้ะ”
พวกจอกมองดุจันที่เผลอพูดจาถึงหลุมศพ ขุมนรก กาหลงพอใจ
“ฉันขอบใจจ้ะ ฉันไม่กวนใจ ฉันไปล่ะ”
จันเผลอพูด
“จะเร่งไปไหนล่ะลูก”
พวกจอกดุจัน
“น้าจัน”
กาหลงหันมาหาจัน
“ไปเถอะ แม่ไม่กวนแล้ว”
กาหลงเดินกลับไป พวกจันโล่งใจ
แม่กลอยนอนอยู่ได้ยินเสียงเท้าคนเดินเข้ามาหา แม่กลอยตาโตกลัวเป็นกาหลง แม่บุญอิ่มเดินเข้ามานั่งข้างๆ
“แม่กลอย ฉันเอง”
แม่กลอยมองเห็นแม่บุญอิ่มก็คลายใจ แต่ยังนึกโกรธเรื่องที่ผ่านๆมาจึงเบือนหน้าหนี
“ความใดที่หมางใจแต่เมื่อหลัง ลืมมันเสียสิ้นเถอะ อะไรที่มันเกิดแล้วก็ให้มันล่วงไป เอ็งผิดใจกับข้าในมื้อนั้น มันก็ไม่ใช่มื้อนี้ ความโกรธก็หาได้ต่างกับสายลม ผ่านมาแล้วอย่ารับเอาไว้ ให้มันผ่านเลยไป”
แม่กลอยฟังคิดตาม ก็ค่อยคลายสงบลง
“เห็นแม่กลอยสภาพอย่างนี้ ก็ยิ่งซึ้งใจในหลักธรรมที่หลวงพ่อเคยสอน ชีวิตเราท่าทางไม่แน่นอน จะมาพาลโกรธเกลียดกันหนักต่อหนักทำไม ปล่อยไปเสียเถิด สู้เอาชีวิตที่เหลือเพียงน้อยไปสร้างกรรมดี ทำดีต่อกัน ฉันให้อภัย แม่กลอยก็ต้องให้อภัยฉัน...”
แม่บุญอิ่มจับมือวิงวอน แม่กลอยมองหน้า
“ให้อภัยฉันได้ไหม” แม่บุญอิ่มย้ำ
แม่กลอยมองแม่บุญอิ่ม สายตายังโกรธเคืองมือเกร็ง แม่บุญอิ่มรับรู้ได้ว่าแม่กลอยยังโกรธ...แม่บุญอิ่มเสียใจเอามือแม่กลอยวางลง
ไม้ถือหม้อยา จะเดินเข้าไปในห้อง เจอกับแม่บุญอิ่มและนวล
“น้าบุญอิ่มจะกลับแล้วเหรอจ๊ะ”
“แม่กลอยยังไม่อยากเจอหน้าฉัน...”
ไม้เข้าใจความรู้สึกแม่บุญอิ่ม
“เอ็งดูแลแม่ยายให้ดี แม่กลอยคงจะเปิดใจรักเอ็งมากขึ้น ยามเจ็บไข้ได้ป่วยนี่แหละ ที่คนเราจะเห็นใจ และรักกัน”
ไม้ยิ้มรับคำ แล้วให้กำลังใจแม่บุญอิ่ม
“ฉันหวังว่าในไม่ช้า แม่ก็จะเข้าใจและให้อภัยน้าจ้ะ”
แม่บุญอิ่มยิ้มรับ แล้วเดินออกไป นวลตามออกไป ไม้มองตาม แล้วถือหม้อยาเข้าไปในห้องแม่กลอย
พุดจีบกับเพชร คุยกันที่มุมหนึ่งของทุ่งนา
“พี่พุดจีบ พี่กาหลงทำเกินไปแล้ว มีคนตายไม่หยุดหย่อน แล้วนี่น้ากลอยก็มาเจ็บ เราจะนิ่งเฉยไม่ได้แล้วนะพี่”
“ศพกาหลงอยู่ที่ไหน”
“พี่จะทำอะไร”
“พาพี่ไปดูศพกาหลง”
พุดจีบต้องการไปหาศพกาหลง เพื่อคิดหาทางช่วย ไม่เช่นนั้นพวกอาจารย์เผาร่าง กาหลงต้องตายไป
ไม้เข้าไปป้อนยาให้ แม่กลอยพยายามกินยา
“แม่กินยาได้ อีกไม่นานแม่ก็หาย แม่ต้องกลับมาเดินเหิน ด่าฉันได้เหมือนเคย”
ไม้ยิ้มแหย่เพื่อให้แม่กลอยคลายทุกข์ใจ แม่กลอยมองไม้พยายามส่งสายตาบอก
“แม่มีอะไรจะบอกฉันจ๊ะ”
แม่กลอยพยายามขยับปากจะพูดคำว่าผี แต่พูดได้เบามาก
“แม่พูดอะไรจ๊ะ”
ไม้จึงก้มหน้าไปเพื่อฟังเสียงแม่กลอยให้ชัด
“ผะ...ผะ...”
“ว่าไงจ้ะแม่”
แม่กลอยพยายามเปล่งเสียงให้ดังกว่าเดิม ไม้คอยฟัง
“ผะ...ผะ...”
กาหลงเดินเข้ามายืนมอง แม่กลอยเปล่งเสียงชัดขึ้น แต่ไม่ดังมาก
“ผี”
ไม้หันไปมอง เห็นกาหลง
“กาหลง...มาช่วยฟังที แม่จะพูดอะไร พี่ฟังไม่ชัดความ แม่พูดอีกทีสิจ๊ะ”
กาหลงเดินตรงเข้ามา แม่กลอยกลัวไม่กล้าเปล่งเสียง กาหลงรู้ว่าแม่กำลังจะบอกความจริงกับไม้ จึงหาทางให้เขาออกไป
“พี่ดูแลแม่มาทั้งวันแล้ว พี่ไปพักเถอะ ฉันจะอยู่ดูแลแม่เอง”
แม่กลอยตกใจกลัว ไม้ส่งถ้วยยาให้กาหลง
“นี่จ้ะยา”
กาหลงยิ้มรับ ไม้หันไปบอกแม่
“ฉันขอตัวไปทำงาน แม่อยู่รับสบายเถอะ กาหลงอยู่กับแม่...กาหลงจะดูแลแม่เป็นอย่างเยี่ยมจ้ะ”
แม่กลอยมองไม้ สายตาวิงวอนให้เขาอยู่น้ำตาไหล
“ดูสิกาหลง แม่ตื้นตันใจที่กาหลงเป็นห่วงเป็นใยแม่”
กาหลงยิ้มตอบไม้ลุกเดินออกไป กาหลงมองแม่
มุมหนึ่งที่เพชรเคยเอาศพกาหลงขึ้นมาจากบึง พุดจีบเดินมายืนมองที่พื้น เพชรหันมาบอกพุดจีบ
“มื้อก่อนที่เราช่วยกันเอาศพพี่กาหลงขึ้นมา พี่ให้ฉันเอาศพพี่กาหลงไปฝัง แต่พอฉันกลับมาศพพี่กาหลงหายไปแล้ว”
พุดจีบแปลกใจที่ศพของกาหลงหายไป
กาหลงเข้าไปหา จับตัวแม่ขึ้นมาหนุนตักเพื่อจะป้อนยา
“แม่กินยานะ แม่จะได้หาย”
กาหลงจะป้อนยา แต่แม่กลอยไม่ยอมอ้าปาก
“แม่...”
แม่กลอยเบือนหน้าหนี ไม่ยอมกินยาจากกาหลง
“แม่อย่าทำให้ฉันรู้สึกผิดบาปแก้ลำบากไปกว่านี้อีกเลย ฉันรู้ว่าฉันผิด ฉันเสียใจนักแล้วจ้ะแม่ ที่ผ่านมา ฉันไม่ได้ใจชั่วคิดปิดแม่ แต่ฉันพูดไม่ได้”
กาหลงนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เธอดิ้นรนอยู่ในน้ำ แล้วแก้เชือก พุ่งพรวดขึ้นจากน้ำ...ภาพเหตุการณ์ที่เธอเข้าไปกราบแม่ กาหลงนั่งลงตรงหน้าแม่แล้วก้มลงกราบเท้า แม่กลอยแปลกใจ
“ยกโทษให้ฉันเถิดที่พลั้ง ฉันสุขแท้ที่ได้เจอแม่ นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้อยู่แทนคุณแม่อีกแล้ว”
แม่กลอยแปลกใจที่กาหลงพูดอย่างนั้น
“ฉันรู้ว่าชีวิตมันค่ามากเพียงใด หลังจากนี้ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อแม่ ทำให้แม่มีความสุขจ้ะ”
กาหลงนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วบอกแม่กลอย
“ฉันเคยให้คำมั่นสัญญายังไง ฉันไม่เคยแปรไป ฉันละจากไปไม่ได้ ฉันต้องอยู่ยืนตามคำ อยู่เพื่อดูแลแม่ ดูแลน้อง แม่อย่ากลัวฉันเลย”
กาหลงหว่านล้อมแม่แล้วหยิบยาจะป้อนให้ หวังว่าแม่จะยอมกินยา แม่กลอยยังกลัว ไม่ยอมกินยา กาหลงผิดหวัง ชบาเดินเข้ามาเห็นภาพที่แม่กลอยฝืนไม่กินยาก็แปลกใจ
“ทำไมแม่ไม่ยอมกินยาจ๊ะ”
กาหลงตกใจกลัวชบาจะรู้ความจริง
“ยามันขมไป ไว้พี่หายาตัวใหม่ให้แม่กินได้คล่องคอ”
“ตะวันจะคล้อยหัวแล้ว พี่กลับเรือนไปเถอะ ฉันจะอยู่ดูแลแม่เอง”
“จ้ะ...กาหลงกลับก่อนนะแม่ แล้วกาหลงจะมาเยี่ยมแม่”
แม่กลอยเบือนหน้าหนี เพราะกลัวกาหลง ชบามองด้วยความแปลกใจ กาหลงลุกออกไป ชบาหยิบยาขึ้นมาแล้วลองจิบยา
“ก็ไม่ขมนี่...” ชบาป้อนยาแม่ “แม่กินยานะจ๊ะ...แม่จะได้หาย”
แม่กลอยยอมอ้าปากกินยา ชบาแปลกใจที่แม่ยอมกินยาโดยดี แม่กลอยพยายามขยับมือเข้าหา ชบาเห็นก็จับมือ
“แม่ไม่ต้องเศร้าใจ ฉันอยู่กับแม่ ฉันไม่ทิ้งแม่จ้ะ”
แม่กลอยเกร็งมือจับชบาไว้ เพราะต้องการอยู่กับชบา
มุมหนึ่งที่ชายป่า เพชรมองหาศพก็ไม่เจอ เดินเข้ามาหาพุดจีบ
“ฉันหาจนทั่วก็ไม่เห็นจนนิดเดียว พี่จะร้อนใจหาศพทำอะไรกัน”
“พี่โชติพาหมอผีมาตามหาศพกาหลง มันคงอยากเผาร่างทำลายวิญญาณกาหลง”
เพชรตกใจ
“พี่กาหลงก็ต้องสิ้น”
“พี่ตันใจนักแล้วที่เห็นกาหลงรั้นยังอยู่ แต่จะให้กาหลงถูกทำร้ายก็ยอมไม่ได้แท้เทียว”
เพชรเข้าใจความคิดของพุดจีบ
“มันน่าแปลกนักที่ศพหายไป”
ไม้เดินเข้ามาถามเพชร แปลกใจที่เห็นเพชรและพุดจีบหาอะไรบางอย่าง
“เพชร...เอ็งหาอะไร”
เพชรกับพุดจีบตกใจที่ไม้เข้ามา...
“ฉันรู้ข่าวเรื่องแม่ยายพี่แล้ว ฉันก็เลยออกมาหา รากดีปลี ไปแก้เส้นอัมพฤกษ์อัมพาตจ้ะ แถวนี้ไม่มีสักต้น...ฉันลองไปหาทางท้ายวัด...พี่พุดจีบไปเถอะ”
“เอ็งไปคนเดียว ข้ามีเรื่องจะคุยกับพุดจีบ”
เพชรมองพุดจีบ เธอทำท่าบอกให้เขาไปก่อน เพชรจึงรีบไป...ไม้เดินมาหาพุดจีบ
“พุดจีบ...พี่ขอบใจที่เอ็งยอมปันยาหม้อ”
“ฉันใช่คนใจไม้ไส้ระกำเสียที่ไหน อะไรที่พอช่วยให้คนรับสบาย ฉันยินดีทำด้วยเต็มใจ”
“งั้นช่วยบอกพี่ที เมื่อคืน เกิดความอะไรกัน”
พุดจีบย้อนถาม
“หากฉันพูดไป พี่จะเชื่อฉันไหม”
“หากมันเป็นจริง พี่ก็จะเชื่อ”
“พี่ก็คงเชื่อ ในสิ่งที่พี่เชื่อ”
“บอกพี่มาเถอะ หมอผีกับไอ้โชติ มันทำอะไร”
พุดจีบมองหน้าไม้ เหมือนจะบอกความจริง
“พี่อย่าสนใจเลย ฉันไม่ใช่คนรักของพี่ ยังไงพี่ก็ไม่เชื่อใจฉัน”
พุดจีบพูดจบก็เดินออกไป ไม้คิดตามคำพูดของพุดจีบ
ค่ำนั้น อาจารย์สักนอนรักษาตัวจากแผลที่โดนแทง โชติเข้ามายืนมองแล้วถามสิง
“มันตายรึยัง”
“รักษาตัวไม่กี่วันก็คงหายดี”
“ไม่ติดว่ามันมีวิชาพอปราบนังกาหลงได้ ข้าแทงซ้ำแผล...ไม่เก็บมันไว้”
“ฉันให้ไอ้มั่นไอ้ขาบออกไปหาศพกาหลงอีก ก็ยังไม่มีวี่แวว พี่จะทำยังไงต่อไป”
“พุดจีบต้องรู้เรื่องนี้”
โชติมั่นใจว่าพุดจีบต้องรู้ว่าศพกาหลงอยู่ที่ไหน
พวกจอกนั่งอยู่มุมหนึ่งในวัด...โขงลุกขึ้นจนทุกคนสะดุ้ง
“เฮ่ย”
“ข้าคิดทวนดีแล้ว ข้าจะไปบอกพี่ไม้”
โขงมองเพื่อน จอกและดำส่ายหัว จันขัดขึ้น
“ไม่ได้...เอ็งกำลังผิดศีล มุสาวาทา ผิดศีลกับผี มันบาปหนัก”
“ฉันทำบุญต่างหาก ช่วยให้พี่ไม้หูตาสว่าง คนที่บาปหนักคือพี่กาหลง ตายแล้วไม่ยอมตาย”
“เอ็งไม่กลัวกาหลงหักคอรึ” ดำถามหวาดๆ
“กลัวนะกลัว แต่ฉันไม่อยากให้พี่ไม้ต้องทนอยู่กับผี ไม่อยากให้พี่ไม้โดนผีหลอก”
“มันก็จริงของเอ็ง ไม่มีอะไรมาทำช้ำใจเท่าคนรักหลอก” จอกท่าทางจริงจัง “ข้าจะไปกับเอ็ง”
“ไปก็ไป” ดำเสียงอ่อย
โขงจะนำทีมจอกและดำไปบอกไม้ จันวิ่งเข้ามาบอกทุกคน
“ข้าได้ยินชาวบ้านโจษจันว่าแม่กลอยเป็นอัมพาต”
ทุกคนตกใจ
“ฟังความแล้ว ข้าว่ากาหลงต้องเล่นงานแม่กลอยถึงได้นอนเป็นผี”
โขงหน้าเครียด
“วิบัติกันสิ้น...รอช้าไม่ได้การ เร่งไปหาพี่ไม้”
จอกกับดำโพล่งออกมาเสียงดัง
“ไม่ไปแล้ว”
จอกตื่นกลัว
“น้ากลอยเป็นแม่ ยังโดนกาหลงเล่นงานหนัก”
“แล้วพวกเราล่ะ” ดำเสียงสั่น
จอก จัน ดำ พูดพร้อมกัน
“มิหักคอรึ”
ทุกคนเริ่มกลัวไม่กล้าไปบอกไม้ เฟื้องเดินเข้ามาสีหน้าตกใจ
“ใครจะหักคอใคร”
ทุกคนตกใจที่เฟื้องเข้ามา...เฟื้องหน้าตาจริงจัง
“กาหลงเป็นผี”
พวกจันรีบปฎิเสธเพราะกลัวกาหลงหักคอ
“พวกฉันไม่ได้พูดนะ”
“พวกเอ็งไม่ได้บอก แต่ข้าได้ยินออกแซ่ ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อ”
“พวกฉันก็ไม่มีวันเชื่อ ถ้าไม่เห็นกับตา” โขงยืนยัน
“มันจริงอย่างที่พี่ขาวเล่าไว้...”
จัน นึกถึงเหตุการณ์ที่สัปเหร่อขาวเล่าว่าเจอกาหลงเป็นผี
“ที่มันลาไปต่างเมือง เห็นท่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องผี”
เฟื้องคิดได้
“นั่นประไร มันถึงได้เย้ยให้ข้าไปเรือนกาหลง ชะหน๋อย...คิดจะหลอกให้ข้าไปถูกผีหักคอ”
“แล้วเราจะเอายังไงล่ะพี่เฟื้อง” ดำถามหวาดๆ
“ผีก็อยู่ส่วนผี”
ดำสะดุ้ง ถอยห่างออกไป เฟื้องเซ็ง
“ข้าไม่ได้หมายถึงเอ็ง”
ดำถอยกลับมาอยู่ในกลุ่ม
“ข้าห่วงไอ้ไม้ลูกข้า มันต้องรู้ความจริงกันเสียที”
“จะโพล่งไปบอก เห็นท่าจะยาก พี่กาหลงเกาะติดไม่ห่างกาย” โขงบอกอย่างหนักใจ
“หลายครั้งหลายหนที่คนพูดเรื่องนี้...พี่ไม้ก็ไม่เชื่อใจ” จอกบอกเสียงเครียด
เฟื้องคิดๆ
“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ต้องทำให้มันเห็นด้วยตาของมันเอง”
ทุกคนแปลกใจว่าเฟื้องจะทำยังไงให้ไม้รู้ความจริงว่ากาหลงเป็นผี...
เรือนกาหลง ตอนที่ 13 (ต่อ)
ไม้นอนอยู่หันหลังให้กาหลง เสียงหยดน้ำที่ตกลงสู่พื้นเรือนลงใต้ถุนซึ่งใต้ถุนมีแอ่งน้ำเล็กๆดังขึ้น ไม้ลืมตาแปลกใจคอยฟังว่าเป็นเสียงอะไร ไม้ค่อยๆพลิกตัวหันกลับมาเพราะเสียงมาจากด้านหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งของกาหลง เขาหันกลับมาทันทีเป็นด้านหลังกาหลงเพราะเธอนอนหลับหันหลังให้เขา ไม้ยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆจะหันกลับไปนอนแต่แล้วเสียงหยดน้ำดังต่อเนื่อง ไม้แปลกใจค่อยๆลุกขึ้น เพื่อนั่งเพ่งมองกาหลงแต่ยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติ เขาตัดสินใจค่อยๆจับหน้ากาหลงให้พลิกมา หน้ากาหลงซีดมีหยดน้ำเกาะเต็มหน้าและมีน้ำไหลนองออกจากหน้าลงสู่พื้น ไม้สะดุ้งตกใจ
ไม้สะดุ้งตัวตื่นดีดตัวขึ้นมา มองไปเห็นกาหลงนอนพลิกตัวหันหลังให้ ไม้เริ่มอยากพิสูจน์ความจริงค่อยๆหันไปจับหน้ากาหลงให้หันมา กาหลงพลิกตัวมาหาไม้สะดุ้งเล็กน้อย
“พี่ไม้เป็นอะไรจ๊ะ”
“พี่เห็นกาหลง นอนละเมอนะจ้ะ”
“ฉันคงกังวลใจเรื่องแม่”
“เลิกกังวลได้แล้ว กาหลงนอนเถอะจ้ะ”
ไม้ล้มตัวลงนอนแล้วกอดกาหลงไว้ กาหลงหลับตายิ้มมีความสุขและหลับไป
เช้าวันใหม่...โขงหันไปถามเฟื้องที่นั่งคิดหาวิธีให้ไม้รู้ว่ากาหลงเป็นผี
“น้าเฟื้องคิดได้รึยังว่าจะทำยังไงให้พี่ไม้รู้ความจริง”
เฟื้องส่ายหัว จอกพูดขึ้น
“เอ้า...โง่นี่”
เฟื้องตบหัวจอก
“เอ็งคิดได้รึ”
จอกส่ายหัว ดำตบหัว
“เอ้า โง่นี่”
จันถามดำ
“เอ็งคิดว่าไง”
ดำส่ายหัว ทุกคนรุมตบหัวดำพร้อมกัน
“ควาย”
ดำร้องเสียงควาย เฟื้องคิดหาวิธีทำให้ไม้รู้ว่ากาหลงเป็นผี
“มีคนที่ช่วยเราได้แล้ว”
เฟื้องชี้ไปที่หลวงพี่กบที่กำลังจะออกไปเดินบิณฑบาต
“หลวงพี่กบ”
หลวงพี่กบหันมามองพวกเฟื้อง...หลวงพี่กบงงๆ
“เจริญพร”
ไม้นั่งอยู่ท่าน้ำ คิดถึงคำพูดของคนอื่นที่บอกว่ากาหลงเป็นผี ทั้งเพชรทั้งพุดจีบบอกเขาว่ากาหลงเป็นผี ไม้นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา เริ่มเอะใจ และสงสัยในตัวกาหลง เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองตรงไปยังเรือนกาหลงคิดจะพิสูจน์ความจริง
กาหลงนั่งหวีผมอยู่ที่หน้ากระจก ภาพที่สะท้อนในกระจกเป็นหน้าผีกาหลง ไม้ย่องเข้ามาที่เรือนเดินไปที่มุมหนึ่งเห็นรูที่ฝาบ้าน เขาแนบหน้ามองดูเห็นด้านหลังกาหลงยังไม่เห็นภาพสะท้อนในกระจก ไม้ไม่เห็นอะไร จึงเดินย่องไปอีกมุมหนึ่งที่ฝาบ้าน ภาพสะท้อนในกระจก เป็นหน้าผีกาหลงที่หวีผม ไม้ย่องมาที่มุมหนึ่งยื่นหน้าเข้าไปที่ตำแหน่งนั้น เพื่อดูเงาสะท้อนหน้ากาหลง...ผีกาหลงในกระจกกำลังหวีผม
ไม้แนบหน้าเข้าที่รูฝาบ้านมองไปกำลังจะเห็นหน้าผีกาหลง พอดีกาหลงทำหวีตกพื้น เธอก้มหน้าไปหยิบหวี ไม้จึงไม่เห็นหน้าผีกาหลง...กาหลงจะก้มเก็บหวีแต่มือปัดไปทำให้หวีตกร่องพื้นตกไปใต้ถุนเรือน ไม้เอาหน้าออกมา เพราะกลัวกาหลงจะเห็นว่าไม้แอบดู ไม้ได้สติ หันกลับไปดูอีกครั้ง ไม่พบกาหลงแล้วไม้แปลกใจ ทันใดนั้นเสียงกาหลงดังขึ้น
“พี่ไม้จ้ะ”
ไม้สะดุ้ง รีบเดินไปหาเพราะกลัวกาหลงจะรู้ว่าแอบดู
กาหลงเดินออกมาเรียกหา
“พี่ไม้”
“กาหลงเรียกพี่ทำไมจ๊ะ”
“ฉันทำหวีตกใต้ถุนจ้ะ ฉันจะวานให้พี่ช่วยลงไปเก็บ ฉันจะเร่งไปเรือนแม่”
“ได้จ้ะ...พี่จะไปเก็บให้”
กาหลงยิ้มตอบแล้วลงไปจากเรือน
ไม้เดินเข้าไปที่ใต้ถุนมองหาหวี มองไปยังตำแหน่งห้องนอนแล้วก้มมองหาหวี เขาใช้มือควานหามือปัดไปที่ดินแล้วก็เจอหวีหยิบขึ้นมาแล้วเดินออกไปแต่สะดุดพื้นล้มลง ไม้ลุกขึ้นแปลกใจว่าสะดุดอะไรหันกลับไปมอง ไม้เดินตรงไปมองดูคล้ายกระดูกแต่เห็นไม่ชัดว่าเป็นรูปทรงของกระดูกอะไร พอดีมีเสียงคนเดินมาที่หน้าเรือน ไม้จึงหันกลับไป ไม่ได้ติดใจอะไร หันกลับไปหน้าเรือน
เฟื้องเดินเข้าไปยืนบนเรือนกาหลง โขง จอก จันและดำเดินตามเข้าไปยืน ทุกคนหันไปมอง
“นิมนต์หลวงพี่”
หลวงพี่กบถือบาตรเดินเข้ามายืนหวั่นใจเล็กน้อยไม่กลัวมากเพราะเสียภาพลักษณ์พระ
“พวกโยมให้อาตมามาทำไม”
“หลวงพี่บวชมาหลายพรรษานักแล้ว บารมีแก่กล้ายากที่ผีจะฝืน จนยอมเผยตัว”
“น้าเฟื้องเอาพระมาล่อผี” จอกตกใจ
หลวงพี่กบสะดุ้งเล็กน้อย ไม่เสียจริตพระนัก
“กาหลงอยู่ใกล้มือพระ คงจะร้อนรนทนกำลังไม่ได้ เผยตัวให้ไอ้ไม้รู้ความจริง” เฟื้องมั่นใจ
“แล้วถ้าผีโกรธ...หักคอพระล่ะ” จันขัดขึ้น
“ไม่หรอก...”
หลวงพี่กบค่อยโล่งใจ เฟื้องต่อประโยค
“มั้ง”
หลวงพี่กบวิตกเล็กน้อย
“หลวงพี่ท่านมีบารมี” เฟื้องมั่นใจ
หลวงพี่กบมองนิ่ง
“โยมคิดอย่างนั้นเหรอ”
“นิมนต์ครับหลวงพี่...เพื่อเห็นแก่ความสุขของพี่ไม้” จอกบอก
หลวงพี่มองตรงไป จะเดินไป ทันใดนั้นเสียงไม้ดังขึ้น
“ทำอะไรกัน”
หลวงพี่หยุดทันที พวกจันสะดุ้ง
“มันเอาแล้ว”
ทุกคนหันขวับไป เจอไม้ก็โล่งใจ
“ไอ้ไม้”
แม่กลอยนอนอยู่รู้ว่ามีคนเดินมาก็มองไป เห็นกาหลงถือถาดอาหารเข้ามาหน้าตาก็ตื่นตระหนกตกใจ
หลวงพี่กบและทุกคนจะเดินกลับไป ไม่อยากบอกเรื่องกาหลงเพื่อกลัวไม้โกรธ ไม้เข้ามาถาม
“หลวงพี่มาทำอะไรครับ”
หลวงพี่กบจะตอบความจริง
“โยมๆให้อาตมามาล่อ...” หลวงพี่จะพูดคำว่าผี
จอกสวนขึ้น
“รอ...บิณฑบาตร”
จันรีบเสริม
“ใช่...พวกเรารู้ความว่าแม่กลอยเจ็บหนัก ก็คิดถึงกาหลงว่าเหมาะควรทำบุญใส่บาตรให้แม่ ก็เลยนิมนต์หลวงพี่มาเหยียบเรือน”
“กาหลงไม่อยู่จ้ะ ไปดูแลแม่กลอย ฉันเองก็ไม่ทันเตรียมข้าวปลา ไว้มื้อหน้าฉันจะให้กาหลงไปประเคนอาหารถึงกุฏิ”
หลวงพี่กบรีบห้าม
“ไม่ต้องหรอก อาตมาเกรงใจ”
“หมดเรื่องแล้ว พวกฉันไปก่อนนะจ้ะพี่ไม้”
โขงรีบลากทุกคนไป เฟื้องหันไปถามพวกจัน
“กาหลงไม่อยู่ ก็บอกไอ้ไม้ไปสิว่ากาหลงเป็นผี”
ดำหันมาถาม
“อยากอัมพาตเหมือนน้ากลอยรึไง”
เฟื้องสะดุ้งกลัวตาย
“กลับ”
เฟื้องเร่งนำทีมกลับไปวัดทันที ไม้ยืนมองด้วยความแปลกใจแต่ไม่ติดใจอะไร
กาหลงประคองแม่กลอยนั่งพิงฝา เพื่อจะป้อนอาหาร แม่กลอยมองกาหลงรู้สึกหวาดกลัว
“ฉันทำผัดไหลบัวที่แม่ชอบมาให้กินจ้ะ”
กาหลงตักข้าวป้อน แม่กลอยฝืนไม่ยอมกิน
“แม่จ๋า...แม่ต้องกินนะ แม่จะได้หาย”
แม่กลอยพยายามเบือนหน้าหนี กาหลงหว่านล้อม
“แม่ดื้อไม่ยอมกิน แม่ก็จะไม่สบายหายดี แม่เป็นอะไรไป แล้วน้องๆล่ะ ชบากับกาเหว่าไม่ได้ทำผิดร้ายอะไร แม่ไม่คิดสงสารน้องเหรอจ๊ะ”
แม่กลอยพลันคิดถึงชบาและกาเหว่าก็สงสารลูกทั้งสองน้ำตาไหลออกมา
มุมหนึ่งของเรือน ชบาเข้าไปถามกาเหว่า
“กาเหว่า...เอ็งป้อนข้าวให้แม่รึยัง”
“ยังจ้ะ”
“เอะไอ้นี่...ริขี้เกียจสันหลังยาว แม่ไม่สบายยังไม่มีน้ำใจดูแล”
“ฉันเปล่านะ พี่กาหลงทำแกงป้อนข้าวแม่อยู่ในห้อง วานให้ฉันเอาน้ำไปให้แม่”
กาเหว่าถือขันน้ำจะเดินเข้าไป
“เอามานี่ พี่เอาไปให้เอง เอ็งแวะไปหาน้าจัน ขอปันน้ำมันเหลืองน้ำมันนวด...จะได้มานวดแม่”
“จ้ะ”
กาเหว่าลงไปจากเรือน ชบาถือขันน้ำ จะเดินเข้าไปในห้องแม่กลอย
กาหลงบอกแม่กลอย
“แม่จ๋า...เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรงามให้ลูกๆ แม่ต้องจำใส่หัวใจไว้ว่าต้องอยู่สู้เป็นเสาหลักเสาเรือนให้น้องๆนะจ๊ะ มีชีวิตอยู่เพื่อลูกของแม่”
แม่กลอยคิดตามที่กาหลงพูด กาหลงตักข้าวป้อนให้ แม่กลอยมองนิ่งแล้วก็ค่อยๆอ้าปาก กาหลงจึงป้อนข้าวให้ยิ้มดีใจที่แม่ยอมกินข้าว
“กินเยอะๆนะจ๊ะ แม่จะได้หายในเร็ววัน”
กาหลงตักข้าวป้อน แม่กลอยค่อยๆกินข้าว กาหลงเช็ดปากดูแลอย่างดี ชบาถือขันน้ำเดินตรงมาที่หน้าห้องจะเดินเข้าไปแต่หยุดกึก ชบามองเห็นช้อนลอยได้แม่กลอยอ้าปากกินข้าวโดยที่ไม่เห็นกาหลง ชบาตกใจขันน้ำตกจากมือ กาหลงหันขวับไปมอง
“ชบา”
ชบาสะดุ้งมองไปเห็นกาหลง
“พี่กาหลง”
“เอ็งเป็นอะไร”
“ไม่รู้สิ...ฉันคงนอนน้อยมือไม้อ่อน เดี๋ยวฉันไปเอามาให้ใหม่”
กาหลงยิ้มรับหันไปบอกชบา
“เอ็งเร่งเอามานะ แม่กินข้าวได้เยอะแล้วล่ะ”
ชบายิ้มรับแล้วเอาขันน้ำออกไป ชบาเดินออกมาหยุดแล้วค่อยๆหันกลับไปมอง เห็นกาหลงตักข้าวป้อนแม่เป็นปกติ ชบาโล่งใจเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาดเดินเอาขันน้ำไปเติมน้ำ
อบเชยเดินออกไปจากเรือน พร้อมกับเผื่อนและงาม
“คุณอบเชยจะไปตลาดรึเจ้าคะ” เผื่อนถามอย่างสงสัย
อบเชยไม่ตอบ งามหันไปต่อว่าเผื่อน
“นังเผื่อน เอ็งไม่รู้ใจคุณอบเชยเอาเสียเลย ข้ามองตาก็รู้ใจว่า คุณอบเชยจะไปวัด”
อบเชยสวนทันที
“ไปเผาศพแกนะสิ”
งามไหว้
“เจ้าค่ะ” งามนึกได้ “ว้าย งามยังไม่ตายนะเจ้าคะ”
อบเชยจะเดินออกไป โชติเข้ามาขวางไว้
“เอ็งจะไปไหน”
“ไปหานังกาหลง”
เผื่อนกับงามสะดุ้งตกใจ
“ว้าย...ไปหาผี”
“เอ็งท่าจะเสียเส้น คบหาผี”
“คบหาผีก็ดีกว่า ตายเป็นผี”
อบเชยเดินกระแทกโชติเดินออกไป เผื่อนกับงามยังกลัวผีไม่กล้าไปด้วย อบเชยหันมาโวย
“นังเผื่อนนังงาม”
“เจ้าค่ะ”
เผื่อนเดินตรงไปหาอบเชย แต่งามกลับหลังหันจะกลับเรือน เผื่อนลากตัวให้ไปด้วยกัน โชติมองแล้วคิดจะตามอบเชยไปเพราะอยากรู้ว่าอบเชยไปทำอะไร
ชบาถือขันน้ำมาใหม่จะเข้าไปในห้อง กาหลงป้อนข้าวให้แม่
“อีกสักคำนะจ้ะ”
แม่กลอยมองกาหลงค่อยคลายความกลัวอ้าปากกินข้าว ชบาจะเดินเข้าไปแต่แล้วมองเห็นช้อนลอยไม่เห็นกาหลงอีก เธอหยุดเพ่งมองไปอีกครั้งเห็นช้อนมาวางในจานข้าวที่ลอยได้ ชบาตกใจ ประคองขันน้ำไว้ไม่ให้ตกพื้นตัดสินใจเดินเลี่ยงไปอีกมุมหนึ่ง เพื่อมองภาพอีกด้าน ชบามายืนมองที่หน้าต่าง ที่จะเห็นหน้ากาหลง แล้วมองไปเห็นกาหลงหันมาตักข้าวให้แม่ ชบาเห็นหน้ากาหลงชัดก็ตกใจเพราะเห็นเป็นหน้าผีซีด กาหลงป้อนข้าว แม่กลอยกินข้าว ชบาตกใจกลัววิ่งออกไปแล้วโยนขันน้ำทิ้งไม่ให้กาหลงได้ยินเสียง วิ่งร้องไห้ออกไปจากเรือน
ชบาร้องไห้วิ่งหนีลงบันไดมา กลัวผี แล้ววิ่งชนใครคนหนึ่งก็ตกใจ
“ช่วยด้วย”
เพชรประคองกอดชบา
“ชบา...เอ็งเป็นอะไร”
“พี่กาหลง...พี่กาหลงเป็นผี”
เพชรตกใจที่ชบารู้ความจริงเรื่องกาหลงแล้ว ชบาร้องไห้แล้วเป็นลม เพชรประคองไว้ แล้วมองไปยังเรือนแม่กลอย
หลวงพี่กบและกลุ่มเฟื้อง อยู่มุมหนึ่งในวัด โขงถามขึ้น
“น้าเฟื้อง มีแผนไหนชะงักๆช่วยให้พี่ไม้รู้ความจริงในเดี๋ยวนี้อีกบ้าง”
“ไม่รู้” เฟื้องส่ายหน้า
“ควาย” ดำสวนทันที
เฟื้องถามดำ
“เอ็งคิดได้รึไง”
ดำส่ายหน้า ทุกคนด่าดำ
“ควาย”
จันหันขวับไปที่หลวงพี่กบ ทุกคนหันตามไปรอฟังข้อคิดดีๆ
“นิมนต์ขอความเห็นหลวงพี่เจ้าค่ะ / ครับ”
หลวงพี่กบอึ้ง
“เจริญพร...”
“หลวงพี่กบขมองแหลมกว่าใคร คะเนแล้วน่าจะนำพาสู่ทางสว่างได้เป็นแท้” จันมั่นใจ
“เรื่องทางโลก อาตมาละแล้ว อย่าไสให้ไปเกี่ยว ยิ่งเรื่องรักเรื่องใคร่ทำอาตมาสะดุ้งใจหนัก นี่ก็ได้เพลามื้อเพลแล้ว อาตมาขอตัวเข้าสู่โลกทางธรรม”
หลวงพี่กบเดินจากไปทันที จอกถามทุกคน
“เอาไงล่ะทีนี้”
โขงคิดจะช่วยไม้
“เลือดบ้านบัวสีไม่ทิ้งกัน จะสะดุ้งสะดุดใจตายก็ให้รู้ไป”
ทุกคนตกใจว่าโขงจะทำอย่างไร
มุมหนึ่งที่เพิงทุ่งนา ชบานั่งร้องไห้เสียใจที่รู้ว่ากาหลงเป็นผีทั้งกลัวและสงสาร เพชรปลอบใจ
“แต่พอการเถอะชบา”
“คนมันตกใจ ตันใจ แล้วก็คับใจ จะให้เฉไฉเป็นอื่นได้ยังไง มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแท้”
ชบายังคงร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ร้องไห้จนขาดใจคาน้ำคาทุ่ง พี่กาหลงก็ไม่กลับเป็นคนได้หรอก”
ชบาหันมาทุบตีเพชร
“ทำไมเอ็งไม่บอกข้า”
“ฉันเฝ้าบอกหลายหน เอ็งฟังซะที่ไหน”
“ทำไมเอ็งไม่พูดให้ข้าเชื่อใจเอ็งเสียเล่า”
“ข้าผิดงั้นสิท่า”
“ใช่...” ชบากลุ้มใจ “แต่นี้ไปจะทำไง พี่กาหลงเป็นผี พี่กาหลงต้องเอาโทษฆ่าฉัน ฆ่าแม่ ฆ่าน้อง”
“พี่กาหลงเขาไม่สิ้นสำนึกขนานนั้น ถ้าพี่แกคิดร้ายอย่างที่ว่าก็ทำไปเสียแล้ว ที่ยังวนเวียนไปไหนไม่รอด ก็เพราะรักพี่ไม้ รักแม่ แล้วก็รักเอ็ง”
ชบาฟังเรื่องราวก็สงสารกาหลงเสียใจ เพชรเข้าไปจับมือปลอบใจ ชบาหันมาซบด้วยความเสียใจ เพชรรู้สึกดีที่ชบาไว้วางใจเขามากขึ้น
กาหลงถือขันน้ำชะเง้อมอง แปลกใจที่ชบาหายไปนาน
“ชบาไปเอาน้ำถึงไหน หลบไปเที่ยวเสียแล้วสิเล่า”
กาหลงแปลกใจ แต่ไม่ติดใจ เดินถือขันน้ำ จะเข้าไปในห้องนอนแม่กลอย เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องก็หยุดด้วยความแปลกใจมองตรงไป เห็นอบเชยกำลังใช้ผ้าชุบน้ำที่โรยด้วยดอกไม้ เช็ดแขนให้แม่กลอย
“อบเชย เอ็งมาทำอะไร”
อบเชยหันไปมองกาหลงสะดุ้งผงะเล็กน้อย แต่พยายามเก็บอาการไว้เพราะยังไงก็กลัวผี รักษาระยะห่างในการคุยและฝืนทำดี ทำเสียงให้เป็นปกติ
“ฉันรู้ความว่าแม่กลอยไม่สู้รับสบาย ก็ร้อนใจรุดมาเยี่ยม ฉันพกน้ำปรุงน้ำหอมมาเช็ดเนื้อพรมตัว น้ากลอยจะได้พลอยชื่นใจ ขืนปล่อยให้คนไข้นอนซมอมทุกข์ไม่ดีนักแล้ว”
อบเชยหันไปคุยกับแม่กลอย
“น้าชอบกลิ่นหอมดอกไม้มั้ยจ๊ะ ฉันปรุงเองกับมือเลยนะจ๊ะ”
กาหลงมองอบเชยด้วยความแปลกใจที่อบเชยมาทำดีด้วย
กาหลงกับอบบเชยคุยกันบริเวณหน้าเรือนแม่กลอย
“เอ็งหวังสิ่งใด” กาหลงถามด้วยความแปลกใจ
อบเชยไม่ตอบ เอาถุงเงินส่งให้กาหลง
“ให้เงินข้าทำไม”
“แม่กลอยมาเจ็บหนัก พี่ไม้กับกาหลงคงแสนลำบากไม่ได้ไปนาเสียทั้งคู่ จะเอาเงินที่ไหนมาดูแล รับเงินฉันไว้เถอะ ข้อสำคัญคือกาหลงจำต้องใช้เงินอีกโข”
“เอ็งทำดีกับข้า เอ็งหวังผล”
“ใช่...ข้าหวังผล หวังจะตอบแทนที่พาฉันพบพานแต่ความสุข”
กาหลงแปลกใจ
“แม่ฉันพร่ำสอนถึงบุญบาป ฉันไม่เคยคิดเฉลียวเสียเลย จวบวันพ่อป่วยนอนซมง่อยเปลี้ย ฉันจึงรู้ว่าชะตาตก กรรมตามเล่นงาน รับเงินฉันเถอะ ถือว่าต่อบุญให้ครัวฉัน”
กาหลงมองอบเชย คิดตัดสินใจ แล้วยอมรับเงินจากอบเชย
“ข้าขอบใจเอ็ง”
“ฉันชื่นใจที่กาหลงอโหสิไม่มีเวรกับเพื่อนคนนี้”
อบเชยดีใจจะเข้าไปโอบกอดแต่นึกได้ว่ากาหลงเป็นผี ก็รักษาระยะห่างไว้ เผื่อนและงามเข้ามาโดยเผื่อนอุ้มเด็กเล็กเดินเข้ามาด้วย
“ลูกใครหนอน่าเกลียดน่าชัง” งามพูดขึ้น
กาหลงหันไปมองด้วยความแปลกใจ อบเชยเข้าไปถามเผื่อน
“นังเผื่อน ลูกใครกัน”
"ลูกนังจวน มันออกไปนา ฉันก็อุ้มมาเล่น”
อบเชยอุ้มมาหากาหลง
“กาหลงดูสิ นี่ถ้ากาหลงได้ลูกกับพี่ไม้ คงจะน่าเกลียดน่าชังไม่ผิดพ่อผิดแม่”
กาหลงอึ้ง รู้สึกเสียใจที่มีลูกให้ไม้ไม่ได้ อบเชยยิ้มพอใจที่กาหลงกำลังจะหลงกล เผื่อนและงามรู้แผนเข้ามารับเด็กไปอุ้มต่อ อบเชยหันไปบอกกาหลง
“กาหลง...ฉันหวังดีกับกาหลง ฉันอยากเตือนใจกาหลง”
กาหลงแปลกใจว่าอบเชยจะพูดเรื่องอะไร
กาหลงเดินเข้ามายืนที่หน้าเรือนพุดจีบ แล้วนึกถึงคำพูดของอบเชย...
“วันใดพี่ไม้รู้ความผิดประหลาดนี้ กาหลงจะทำยังไง พี่ไม้จะอยู่ร่วมเรียงกับกาหลงได้งั้นรึ”
กาหลงคิดตามหวั่นใจ
“พี่ไม้ย่อมต้องผละห่างกาหลงไป แล้วจะถลันไปหาใครล่ะ คงไม่ผิดพุดจีบ พุดจีบที่มีใจให้พี่ไม้มาเสียนาน และพี่ไม้ก็เคยหวามไหวไปกับพุดจีบ”
กาหลงคิดตาม
“พุดจีบเป็นคนร่วมเรียงเคียงหมอนได้เป็นปกติ แล้วข้อสำคัญพุดจีบให้ลูกกับพี่ไม้ได้”
กาหลงคิดตามก็หวั่นใจมองไปตรงหน้า เผื่อนอุ้มเด็กเล็กและงามเข้าไปแหย่เล่น
“ผู้ชายทุกคนย่อมอยากมีลูกไว้ช่วยทำมาหากิน และสืบสกุล”
กาหลงมองไปตำแหน่งที่เผื่อนและงามอีกครั้งแต่ภาพเปลี่ยนไปแล้วกลายเป็นพุดจีบอุ้มเด็กเล็ก ไม้เข้าไปดูแลเป็นภาพหยอกเอินความรักของพ่อแม่ลูก กาหลงยืนมองน้ำตาตก
“กาหลงย่อมรู้ดี จะหมดบุญวันไหนก็ไม่รู้”
กาหลงคิดตามคำพูดของอบเชยน้ำตาไหลแล้วปาดน้ำตา มองไปยังเรือนพุดจีบสีหน้าไม่พอใจจะไปเอาเรื่องพุดจีบ
หน้าเรือนแม่กลอย...อบเชยอุ้มเด็กแล้วพูดกับเด็ก
“ขอบใจเอ็งมากที่ช่วยงานข้า...” อบเชยส่งเด็กคืน “เอาเด็กไป”
“มาหานางฟ้าผู้อารีย์ มาม๊ะ”
งามรับเด็ก เด็กยิ่งร้องหนักกว่าเดิม เผื่อนพูดขึ้น
“มันร้องไห้ลั่นทุ่ง คงกลัวผี”
“ปากนะเอ็ง” งามดุ
เผื่อนและงามอุ้มเด็กออกไป อบเชยยิ้มเย้ยพอใจที่เป่าหูกาหลงได้สำเร็จ โชติเดินสวนเผื่อนและงามเข้ามาหาอบเชย
“เอ็งคิดทำอะไรของเอ็ง”
“ก็ทำให้มันตายใจ ใช้ความเป็นผีทำร้ายคนที่มันรัก”
“เอ็งแม่นใจได้ยังไง ว่าผีจะคิดริษยาชิงชังอย่างที่เอ็งเป็น”
“ดั่งคำกล่าว ไม่ว่าคนหรือผี มันก็มีรัก โลภ โกรธ หลงได้คือกัน ยิ่งกระหน่ำใส่พิษรักแรงหึงด้วยล่ะก็ ไม่ว่าผีหน้าไหนก็เกินจะรั้ง”
โชติคิดตาม
“แต่สำหรับข้าเพลานี้ มีแต่แรงแค้น แค้นที่รอยบาก มันขวางทางข้าเสียทุกสิ่ง”
“พี่ก็เร่งจัดการมันให้สิ้น พ่อจะได้เชื่อใจไว้ใจพี่สักที”
โชติคิดหาทางจัดการกาหลงให้ได้
กาหลงพูดกับนวลอย่างไม่พอใจ
“ฉันถามว่าพุดจีบอยู่ไหน”
“ข้าก็ตอบไปแล้วไง ไม่อยู่”
“พุดจีบไม่อยู่ หรือพี่นวลปิดไม่บอกฉัน”
“ไม่เชื่อใจข้า ก็เข้าไปค้นทุกห้อง ข้าเองก็อยากรู้ว่าคุณหนูไปอยู่ไหน”
กาหลงแปลกใจว่าพุดจีบไปไหน...
บริเวณบึงบัว...พุดจีบพยายามมองหาศพแปลกใจที่ศพกาหลงหายไป
“กาหลงซ่อนศพไว้ที่ไหน”
โชติเข้ามาหา พุดจีบตกใจรีบเดินหนีไป โชติไปดักทางไว้
“บอกฉันมาเสีย ศพกาหลงอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้”
“เอ็งจงใจปิดข้า เอ็งรู้ว่าข้าจะทำลายกาหลง”
“ใช่...ฉันไม่ยอมให้พี่ทำลายเพื่อนฉัน”
โชติเปลี่ยนท่าที หว่านล้อมพุดจีบ
“พุดจีบเอ๊ย เอ็งมันคิดน้อยเสียจริง เอ็งลองตรองคิด วันใดที่ไร้กาหลง เอ็งจะได้สมหวังในรัก”
พุดจีบแปลกใจที่โชติพูดเรื่องนี้
“แลการข้างหน้าถ้าไอ้ไม้รู้ความว่านังกาหลงเป็นผี มีหรือมันจะ สู้อยู่เรือน ยามนั้นล่ะ เพียงเอ็งเข้าไปสะกิดปลอบใจมัน มันก็จะซ่านซาบมอบใจให้เอ็งได้ไม่ยาก”
พุดจีบคิดตามที่โชติพูด เริ่มหวั่นไหวคำโชติ โชติเข้ามาด้านหลัง
“แต่หากเอ็งเหงาใจเหลือจะอดใจทน ข้าก็จะช่วยคลายเหงาไปพลาง”
โชติโอบกอด พุดจีบตกใจ
“ปล่อยข้านะ”
โชติซุกหน้าจะหอมพุดจีบ ทันใดนั้นเสียงกาหลงดังขึ้น
“ไอ้โชติ”
โชติหันไปมองเจอกาหลงก็ผงะ
“กาหลง”
พุดจีบโล่งใจที่กาหลงเข้ามา
“เอ็งมันไม่เคยหลาบจำ”
กาหลงเดินตรงเข้ามา โชติกลัวกาหลง รีบวิ่งหนีออกไป กาหลงจะตามไป พุดจีบรีบห้าม
“พอการเถอะกาหลง”
กาหลงหันมาย้อนถาม
“ห้ามฉันทำไม”
กาหลงไม่พอใจที่พุดจีบรั้งไว้ พุดจีบอึ้งที่กาหลงอารมณ์ไม่ดี
ไม้นึกถึงแม่กลอยที่จะบอกไม้โดยพยายามจะพูดคำว่าผี แต่กาหลงเข้ามาก่อน ไม้อยากรู้ความจริง จึงตัดสินใจลงจากเรือน ไปหาแม่กลอย
บริเวณบึงบัว...กาหลงถามพุดจีบเสียงแข็ง
“ตอบมาเดี๋ยวนี้สิ เหตุใดมาขวางไม่ให้ฉันไปฆ่าคนที่มันคิดชั่วกับเอ็ง”
“ฉันไม่อยากให้กาหลงก่อเวรสร้างกรรมหนักเกินเสียแล้ว”
กาหลงยิ้มเย้ย เพราะไม่เชื่อในคำพูดของพุดจีบ
“กาหลง...กาหลงซ่อนศพไว้ที่ไหน”
กาหลงแปลกใจ
“บอกฉันมาเถอะ ฉันจะช่วยกาหลงซ่อนศพ ไม่ให้หมอผีลักไปทำลาย”
กาหลงย้อนถาม
“จะช่วยฉันซ่อนศพ หรือจะเอาศพฉันไปเผาเสียเอง”
พุดจีบตกใจ
“กาหลงพูดอะไร”
กาหลงไม่พอใจ
“ข้าได้ยินที่เอ็งคุยกับไอ้โชติ มันก็จริงอย่างที่ไอ้โชติพูดไว้ หากข้าตายไป เอ็งก็สมรักพี่ไม้”
“ฉันไม่เคยคิดทรยศกาหลง”
“ข้ามันเป็นผี หรือจะสู้เอ็งได้ เอ็งเป็นคน ยังสวยยังงามแถมมีลูกให้พี่ไม้ได้ แต่ข้ามีลูกให้พี่ไม้เชยชมไม่ได้”
พุดจีบ ตกใจที่กาหลงระบายความในใจออกมา กาหลงเศร้าใจ
“เอ็งคะเนไม่ออกจนนิดเดียว ทุกคืนข้าต้องสะดุ้งใจ กลัวพี่ไม้จะตื่นมาแจ้งความจริง ยิ่งชาวบ้าน แม่...รู้เรื่องข้า สักวันข้างหน้าคงปิดพี่ไม้ไม่มิด แล้วเมื่อนั้นพี่ไม้ก็ทิ้งข้าไปหาเอ็ง”
“กาหลงเลิกคิดเถอะ”
กาหลงสวนขึ้น
“เอ็งแสร้งทำดีจะช่วยซ่อนศพ แท้จริงเอ็งจะเผาศพข้า พรากข้าไปจากพี่ไม้”
“ฉันขอล่ะ หยุดโยนโทษฉันเสียเถอะ”
“พุดจีบ มีหนทางเดียวที่ทำให้ข้าอุ่นใจ เอ็งตายไปซะ”
พุดจีบตกใจ
“กาหลง”
กาหลงยืนอยู่ในสภาพที่กลายเป็นผีแล้ว เดินตรงมาหา พุดจีบกลัวรีบวิ่งหนี อบเชยยืนมองที่มุมหนึ่งยิ้มสะใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน โดยที่เผื่อนและงามเห็นผีก็ตกใจกอดกันกลม
จบตอนที่ 13
อ่านต่อตอนที่ 14 พรุ่งนี้ เวลา09.30น.