พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 13 อวสาน
ภาพในจอทีวี เป็นภาพที่บริเวณสวนสาธารณะ ซึ่งกำลังตำรวจจับกุมน้ำผึ้งและแก๊งผู้หญิงอีก 3-4 คน ได้
โดยมีเจ้าทุกข์วัยเสี่ยใส่หมวกปิดหน้าชี้ตัวกัน โดยที่ไกลๆ เห็นหาญยืนเงอะงะอยู่
“เฮ้ย นี่ๆ คุณหาญมาดูนี่ๆ” จำเนียรเรียก
“โดยมีนางสาวบัวลอย บ่อนไก่ เป็นหัวหน้าแก๊ง คาดว่ามีเหยื่อที่ถูกหลอกนับสิบราย บางรายเป็นเจ้าสัวใหญ่ระดับพันล้าน แต่เจ้าทุกข์ส่วนใหญ่ไม่กล้าเปิดเผยตัว เพราะทุกคนล้วนแต่มีครอบครัวแล้วทั้งสิ้น”
“ผู้หญิงคนนั้น มัน ยัยเด็กที่เป็นกิ๊กกับอาทิตย์นี่”
“คนที่ยืนไกลๆ คนนั้น คุ้นๆ นะคะ” เหน่งบอก
“ไหน คนไหน”
“เนี่ยค่ะ” เหน่งเข้าไปชี้ที่ทีวี แต่อยู่ๆ ภาพทีวีดับไป
หาญกดรีโมทปิดทีวี ท่าทางตื่นๆ กลัวโดนจับได้
“คุณปิดทีวีทำไม”
“อื้ม ชุดคุณผู้ชาย เหมือนกับ...” เหน่งทำท่าสงสัย หาญอึกอัก หาทางแถ
“ผม ผมทนดูไม่ได้ ผมโกรธ นี่ไอ้อาทิตย์มันหลอกลูกเราไปคบกับสิบแปดมงกุฎเหรอ ทำไมถึงหลอกกันได้ ทำไมถึงโง่ซ้ำโง่ซ้อนได้ขนาดนี้”
“ดีแล้วค่ะที่ยัยมัทจะหย่า ผู้ชายห่วยๆ พรรค์นี้ มีแต่จะทำให้ชีวิตตกต่ำ ไม่มีวันเจริญ”
“ใช่ ใช่ที่สุดเลย”
“โชคดีที่ยัยมัทมีพ่ออย่างคุณ ที่ช่วยเป็นหูเป็นตา ทำทุกอย่างเพื่อความสุขของลูก ชั้นกับลูกโชคดีจริงๆ ที่มีคุณเป็นหัวหน้าครอบครัว” หาญอึ้ง ยิ้มเครียดๆ รับไป มัทนีกลับเข้ามา “มัท ลูกไปไหนมา”
“ไปทำงานแล้วก็แวะไปเยี่ยมพี่นรีมาค่ะ มัทขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว” จำเนียรมองหน้ามัทนี จับสังเกตได้ “เป็นอะไร อย่าบอกนะว่าไปเจอมันที่นั่น เจอนายอาทิตย์ใช่มั้ย”
มัทนีโผกอดแม่ ร้องไห้
“มัทอยากหย่ากับเค้าให้เร็วที่สุดค่ะแม่ มัทจะหย่า”
มัทนีกอดแม่ร้องไห้อย่างขมขื่น หาญอึ้งที่ตัวเองคือต้นเหตุทั้งหมด
คืนนั้นที่ห้องคาราโอเกะ แท่น โทนี่ โมกข์กำลังร้องเพลงและเต้นกันอย่างสนุกสนาน โดยทั้งสามหนุ่มมีสาวๆอยู่ในอ้อมแขนคนละคนสองคน เฮฮา
“เมียมีเมียพี่ต้องมา ถ้าเมียไม่มา ก็เพราะว่าเมียไม่มี”
อาทิตย์นั่งดื่มอยู่อีกด้าน มีสาวบริการ
“ขอบคุณครับ”
สาวอีกคนมาหาอเนก ถือน้ำมาเสิร์ฟ
“มีเมียมีลูกแล้วครับ โทษทีนะครับ” อเนกบอกแต่อดไม่ได้ที่จะมอง แล้วรีบห้ามสายตาตัวเอง “ไม่ๆ คิดถึงลูกเข้าไว้ๆ”
“อาทิตย์ มาสนุกกันสิวะ ฉลองความเป็นโสดของแกหน่อย”
“ลุกมาเต้นกันเถอะค่ะพี่ มาๆ”
“ผมเต้นไม่เป็น” อาทิตย์บอก
“พวกเรา พี่เค้าเต้นไม่เป็น”
พวกสาวๆ มารุมล้อมอาทิตย์ เต้นล้อมหน้าเอาไว้หมด
“น้องๆ เต้นเก่ง ให้น้องๆ เค้าสอนสิวะ”
โมกข์บอก อเนกที่นั่งข้างๆ อาทิตย์ พลอยได้อานิสงส์เห็นภาพสาวๆ เต้นตรงหน้าไปด้วย อเนกถึงกับต้องนั่งหุบขา ตัวงอ กอดอกแน่น ระงับอารมณ์สุดฤทธิ์
อาทิตย์ลุกยืน
“ชั้น กลับดีกว่า”
โทนี่รีบปิดเครื่องเสียง
“แกจะกลับทำไมตอนนี้วะ ยังไม่สามทุ่มเลย” โมกข์พูดออกไมค์
“วันนี้เราปาร์ตี้คืนความเป็นโสดให้แกนะเว้ย แกต้องสนุกกับมันสิวะ” แท่นบอก
“หรือว่าแกไม่อยากหย่า” โทนี่ถาม
“อยากสิ ทำไมจะไม่อยาก ชั้นอยากมากจนต้องรีบกลับไง พรุ่งนี้ว่าจะตื่นตั้งแต่ตีห้า ไปรอยัยมัทนีที่เขต ถ้าพรุ่งนี้ชั้นไปสาย เดี๋ยวมัทนีจะมีข้ออ้าง หาเรื่องไม่ยอมหย่าขึ้นมา ชั้นก็เซ็งสิวะ”
อาทิตย์รีบเดินออกไปเลย
“คนอยากหย่าเค้าคิดกันแบบนี้เหรอวะ”
ทุกคนหันมามองอเนกที่ยังนั่งงอ หุบขา ท่าเดิม
“ชั้นไม่รู้ ชั้นจะกลับแล้วเหมือนกัน แต่...”
“นั่งท่านี้ทำไมวะ”
“นี่มันท่าอะไรกันนะคะสาวๆ”
สาวๆ คิกคักๆ
“แน๊ๆ ป๋าเหนกของเรา จิตเข้มแข็งแล้วใช่มั้ย”
ทุกคนเข้ามารุมจะจับอเนกกางแขนกางขาออก
“อย่า อย่านะเว้ย มันน่าเกลียด”
อเนกสะบัดพรวด รีบแหวกทุกคนวิ่งตามอาทิตย์ออกไป ทุกคนขำๆ ตามไป
อาทิตย์เดินออกมาจะรีบไปที่รถ อเนกวิ่งตามออกมา
“อาทิตย์ ชั้นกลับด้วยๆ”
แท่น โทนี่ โมกข์ตามมา
“ทำไมต้องรีบกลับด้วยวะ”
“พวกแกดูไม่ออกเหรอวะว่าไอ้อาทิตย์มันไม่ได้อยากหย่า”
“เฮ้ย”
“แกอย่ามาเถียง ชั้นดูแกแว่บเดียวก็รู้แล้ว คนอยากหย่าที่ไหนจะหน้าตาหมดอาลัยตายอยากขนาดนี้ ชั้นเคยเป็นอย่างนี้ตอนที่จะเลิกกับนรีเหมือนกัน”
“ก็ ไม่ใช่ไม่อยากเว้ย ชั้นก็แค่รู้สึกเบื่อๆ ผู้หญิง”
“ฉิบเป๋งแล้ว”
“ว๊าย สบู่หล่น ไม่กล้าเก็บอ่าค่า”
พวกเพื่อนขยับหนี กลัวอาทิตย์ชอบเพศเดียวกัน
“ไม่ใช่อย่างนั้น ชั้นก็แค่เบื่อที่ต้องรองรับภาวะอารมณ์ผู้หญิง เลยอยากอยู่นิ่งๆ เงียบๆ คนเดียวสักพัก บิ้วท์อารมณ์ตัวเอง”
“แกคิดจะหนีเที่ยวไปไหนคนเดียวอีกแล้วใช่มั้ย”
“ก็ ว่าจะไป หลังหย่า”
“แกจะไปไหน นานแค่ไหน บอกพวกชั้นด้วย เดี๋ยวแม่แกก็มาอาละวาดให้พวกชั้นตามหาแกอีก”
“ยังไม่รู้เลย ให้หย่าเสร็จก่อนค่อยคิด”
อาทิตย์บอกแล้วแยกขึ้นรถขับออกไป พวกเพื่อนๆ มองตามไป เริ่มเห็นใจอาทิตย์
“มันไม่ได้อยากหย่าจริงๆ พวกแกเห็นแล้วใช่มั้ย”
อเนกแบมือ แท่น โทนี่ โมกข์วางเงินใส่มืออเนกคนละพัน ประมาณว่าเสียพนัน
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าอาทิตย์มันจะรักมัทนีจริงๆ”
“แล้วไงดีวะ เราควรเชียร์ให้มันรักหรือเลิกกับมัทนีดี”
“เลิก / รัก”
โทนี่และอเนกพูดพร้อมกัน พวกเพื่อนๆ เซ็ง กลุ้มใจ
“ชั้นรู้แต่ว่า ถ้าไอ้อาทิตย์มันหายตัวไปเหมือนทุกทีที่มันมีเรื่องสับสนหรือทุกข์ใจ คราวนี้มันไปนานมากแน่” อเนกบอก
“แล้วพวกเราจะเอาไงดี”
พวกเพื่อนๆ ไม่มีคำตอบ
กลางดึกคืนนั้นที่ห้องนอนจำเนียร จำเนียรยนอนหลับสนิท ผิดกับหาญที่นอนลืมตาโพลง หลับไม่ลง เพราะรู้สึกผิดต่อมัทนี เขาพลิกตัวไปพลิกตัวมา แล้วก็ลุกขึ้นมานั่ง
หาญเดินลงบันไดมา จะไปที่ห้องครัว แต่พอเดินผ่านที่ห้องนั่งเล่น เขาก็ชะงัก หันกลับมามอง พบว่ามัทนีนั่งอยู่ในความมืดคนเดียว
“มัท ลูกมานั่งทำอะไรมืดๆ ตรงนี้”
“พ่อ” มัทนีปาดน้ำตา “คือ มัท นอนไม่หลับค่ะ”
“ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า” มัทนีนิ่งไป “มัท เป็นอะไรลูก”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร”
“มีอะไรพูดกับพ่อได้นะ” มัทนีนิ่งไปอีก “เรื่องหย่าวันพรุ่งนี้หรือเปล่า ลูกไม่ได้อยากหย่า”
“ไม่ค่ะ มัทอยากหย่า มัทอยากกลับมาเป็นลูกสาวคนเดิมของพ่อกับแม่ เราจะมีกันแค่สามคน ไม่มีใครอีก”
“มัท พูดกับพ่อมาตรงๆ เถอะ”
มัทนีสลดไป อย่างยอมรับ
“มัท ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้ แต่มัทไม่รู้จะทำยังไง มัทอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนพ่อกับแม่ อยากให้นายอาทิตย์เป็นเหมือนพ่อ แต่เขาก็เป็นไม่ได้”
“เป็นเหมือนพ่อ ก็ใช่ว่าจะดี พ่อหมายความว่า มันไม่มีสีสันอะไรเลย”
“ไม่มีสีสัน แต่พ่อก็ซื่อสัตย์ รักครอบครัว ไม่เคยโกหกคุณแม่ แต่นายอาทิตย์ตรงข้ามกับพ่อทุกอย่าง” มัทนี น้ำตารื้นอีก “ถ้าตอนนั้นมัทเชื่อพ่อ ไม่แต่งงานกับเขา ก็คงไม่ต้องเสียใจเหมือนตอนนี้”
“ไม่เอา อย่าร้องลูก”
“มัทน่าจะเชื่อพ่อ มัทไม่น่าปล่อยให้ตัวเอง...” มัทนีชะงัก นิ่งไป หาญแปลกใจ เดาได้ทันที
“ทำไม ลูกรักมันเหรอ”
“พ่อขา มัทขอโทษ” มัทนีกอดหาญ “มัทก็ไม่รู้หรอกว่ามัทจะรู้สึกมากขนาดนี้ ตอนที่มัทจับได้ว่าเค้ามีกิ๊กเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้น มัททั้งโกรธ ทั้งเกลียด แล้วมัทก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าจริงๆ แล้ว มันเป็นเพราะมัทรักเค้า ทำไมมัทต้องรักคนพรรค์นี้ด้วย ทำไม แล้วดูสิ่งที่เขาทำกับมัทสิ ทั้งโกหก นอกใจ ไร้ศีลธรรม เขาไม่เคยทำอะไรที่แสดงว่าเค้ารักมัทเลย เค้าไม่เคยทำอะไรดีงามอย่างพ่อเลย แต่มัทก็ยังโง่ไปรักเค้าอยู่ได้”
มัทนีร้องไห้หมดเปลือก กอดหาญเอาไว้ หาญสะเทือนใจที่เพิ่งได้รู้ความรู้สึกของลูกสาว กอดและลูบหัวปลอบ อยากจะเผยความจริง แต่ก็ไม่กล้า
“มัท เอ่อ จริงๆ แล้ว...” หาญอยากจะบอกความจริงว่าตัวเองคือต้นเหตุ แต่ก็ไม่กล้า “ลูกค่อยๆ คิดอีกทีดีมั้ย บางที เขาอาจไม่ได้เลวร้ายมาก ถ้าลูกลองให้โอกาสเขา”
“ไม่ค่ะ มัทจะหย่า มัทไม่เอาอีกแล้ว”
มัทนีตัดสินใจชัดเจน หาญสับสน สงสารลูก แต่ก็กลัวตัวเองจะถูกลูกเกลียด
วันต่อมาที่ออฟฟิศเอกชเยศร์ เอกชเยศร์นั่งจ้องรูปมัทนีในโปรแกรมแต่งภาพที่จอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เป็นภาพคู่ของเขากับมัทนี สมัยเป็นแฟนกัน
“ไม่มีวันกลับมารักเอกได้งั้นเหรอ ผู้หญิงโง่ ผู้หญิงไม่มีสมอง” เอกชเยศร์เอาโปรแกรมแต่งภาพไปทำรอยดำๆ ที่หน้ามัทนี แล้วขยี้ๆ จนหน้ามัทนีเปื้อนไปหมด “คนอุตส่าห์อยากให้มีความสุข ไม่ชอบใช่มั้ย ชอบทุกข์ทรมานใช่มั้ย”
ทันใด รุ่นน้องวิ่งเข้ามาหา
“พี่เอกๆ เห็นภาพข่าวนี้ยัง ที่ตำรวจวางแผนล่อแก๊งต้มตุ๋นอ่ะ”
“ข่าวเมื่อวานไม่ใช่เหรอ จะเอามาให้ดูอะไรอีก”
“ดูก่อนเหอะพี่”
รุ่นน้องยัดให้ดู เป็นภาพการจับกุมน้ำผึ้ง โดยที่เสี่ยอื่นๆ ปิดหน้าหมด มีหาญที่ยืนเห็นเสี้ยวหน้า กำลังเหวอๆอยู่ แต่พอดูออกว่าคือหาญแน่นอน เอกชเยศร์ตาโต
“เฮ้ย นี่มัน เยี่ยม เยี่ยมเลย สุดยอดที่สุดไอ้น้องรัก” เอกชเยศร์โผกอดรุ่นน้องจูบไปมา “อยากเป็นศัตรูกับสื่อใช่มั้ย หึๆ”
ส่วนที่บ้านมัทนี มัทนีกำลังเดินออกมาที่รถ
“มัท แม่ไปด้วยได้นะ รายการวิทยุให้คนอื่นจัดแทนได้”
“แม่ไม่จำเป็นต้องลางานเพื่อเรื่องแค่นี้หรอกค่ะ นายคนนั้นไม่คู่ควรเลย คุณแม่ไปจัดรายการตามปกติเถอะ มัทไปคนเดียวได้” หาญที่ตามออกมามองห่างๆ กระวนกระวาย สงสารลูก แต่ไม่กล้ายอมรับผิด “ไม่ต้องห่วงนะคะ มัททำได้ค่ะ”
“แม่รู้ว่าลูกแม่เข้มแข็งอยู่แล้ว งั้น ขับรถดีๆ เสร็จเรื่องแล้วถ่ายใบหย่าส่งไลน์มาอวดแม่ด้วยนะ สู้ๆ”
“ได้เลยค่ะแม่” มัทนีฝืนยิ้ม ชูสองนิ้ว “สู้ๆ”
มัทนีจะไป หาญอึกอัก ทนไม่ได้ วิ่งตามออกมา
“เดี๋ยวๆ มัท ลูก จะไปจริงๆ เหรอ”
“ค่ะ ทำไมคะ”
“เอ่อ คือ พ่อ อยากถามให้แน่ใจอีกทีตามหลักพุทธศาสนา ลูกได้คิดพิจารณาด้วยสติ สมาธิ ปัญญา สัมปชัญญะ อย่างถี่ถ้วนถ่องแท้แน่ๆแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ มัทไปนะคะพ่อ ขอพรพ่อ พ่อเป็นคนสมบูรณ์ด้วยศีลธรรม ช่วยอวยพรให้ลูกพ้นจากคนพาลด้วยนะคะ” มัทนีกราบที่อก หาญน้ำตาคลอ พูดไม่ออก สะอึก มัทนีขึ้นรถขับออกไป
“ชั้นก็ต้องไปจัดรายการเหมือนกัน คุณไปกับชั้นนะคะ พอจัดรายการเสร็จ เราพายัยมัทไปหาอะไรอร่อยๆฉลองกัน ลูกจะได้ไม่เครียด”
“คุณจำเนียร คุณน่าจะห้ามลูกสักหน่อย” หาญเช็ดน้ำตา
“ห้ามทำไม คนพรรค์นั้นจะเสียเวลาคบอีกทำไม คุณจะร้องไห้ทำไม เข้มแข็งสิคะ ลูกจะได้พ้นทุกข์ พ้นเคราะห์ซะที กัมมุนาวัตตะตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมสิคะ อะไรกัน ศึกษาธรรมะมามากมาย ปลงสิคะ คุณหาญ”
จำเนียรลูบหลังตบไหล่หาญแบบแมนๆ แต่หาญกับกระวนกระวาย
อาทิตย์ขับรถมาจอดรถที่หน้าทำการเขต แต่ยังไม่ลงมา เขาตั้งสติให้ตัวเองยอมรับความจริง นั่งเอนหลังพิงพนักอย่างทำใจ
ส่วนที่สถานีวิทยุ จำเนียรเดินเข้ามาในสถานี หาญรีบตามมา สับสน จนเสียอาการ
“คุณจำเนียร คือ...”
“อะไรคุณหาญ”
“ผม ผมคิดว่าลูกมัท ไม่ได้อยากจะหย่า”
“อะไรของคุณ ชั้นไม่เข้าใจ”
“ถ้าผมบอกอะไรคุณ สัญญาได้มั้ยว่าคุณจะไม่โกรธ”
“อะไร”
“จริงๆ แล้ว อาทิตย์เป็นคนดี มันรักลูกสาวเรามาก มากๆ ที่สุดเลย แล้วยัยมัทก็รักมันมากเหมือนกัน”
“รัก? คุณเอาอะไรมาพูด”
“จริงๆ แล้ว ผม ผมเอง ที่ เป็น...”
หาญยังพูดไม่จบเพราะเจ้าหน้าที่ห้องส่งวิ่งออกมาตามจำเนียรก่อน
“คุณจำเนียรคะ ได้เวลาแล้วค่ะ”
จำเนียรตัดบทจากหาญ
“เอาไว้คุยกันทีหลัง”
จำเนียรเดินแยกไป
“เดี๋ยว มันจะไม่ทันเอาน่ะสิ”
หาญกระวนกระวาย
อาทิตย์เดินไปเดินมารอมัทนีอยู่หน้าที่ทำการเขต มัทนีเดินเข้ามา อาทิตย์ชะงักแล้วรีบทำตัวชิวๆ
“คุณ มาสายนะ”
“ห้านาที”
“ก็ถือว่าสาย”
“แหม คงรอจนกระวนกระวายมากเลยสินะ ชั้นมันแย่จริงๆ เรื่องรักษาเวลา รีบๆ หย่ากับผู้หญิงแย่ๆ อย่างชั้นเถอะค่ะ”
อาทิตย์อึ้ง ที่มัทนีเด็ดขาดแต่ก็ยังทำปากดี
“คุณไม่แย่หรอก ผมตื่นเต้นเองแหละ มาตั้งแต่แปดโมงเช้า ก็มันแทบรอไม่ไหวกับความโสด”
“งั้นจะรออะไรล่ะ”
มัทนีเดินนำเข้าไปเลย อาทิตย์เซ็ง เดินตามไป
ขณะนั้นจำเนียรกำลังจัดรายการอยู่
“เรื่องราวที่ดิฉันอยากจะให้คุณผู้ฟังช่วยกันแลกเปลี่ยนความเห็นวันนี้ ก็เป็นเรื่องของนิสัยผู้ชายเหมือนเดิม จะทำยังไงถ้าผู้ชายที่เราแต่งงานด้วย ไม่ได้เป็นคนอย่างที่เขาแสดงออกมา ก่อนแต่งก็ดีสารพัด พอแต่งไปแล้วเพิ่งจะค้นพบความจริงว่า มันคือเสือซ่อนเล็บ คุณจะทำยังไง”
ที่บ้านอเนก นรีกำลังอุ้มลูกขึ้นบ่าให้เรอ มีเสียงจากวิทยุรายการจำเนียรดังมา
“อเนก คุณป้าท่าทางจะพูดถึงเพื่อนคุณน่ะ”
อเนกชงนมออกมา
“นี่จะด่าอาทิตย์ออกมาอากาศเลยเหรอ จะเหยียบย่ำมันให้จมดินเลยหรือไง”
โทนี่ แท่น โมกข์เข้ามารับอเนก เพราะมีนัดกันออกไปหาอาทิตย์
“ไปยังป๋าเหนก”
“ชู่ว์”
อเนกตั้งใจฟังต่อ ทุกคนฟังด้วย
ที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่อยู่ที่บ้าน กำลังฟังรายการนี้อยู่เหมือนกัน ลิ้นจี่ส่งเสียงฮึในลำคอ
“คุณจะรอวันที่เสือกลับใจ หรือจะตัดใจเดินจากเสือมา”
“จะถามคนอื่นทำไม สามีตัวเองนั่นแหละเสือซ่อนเล็บ”
ที่สถานีวิทยุ หาญนั่งรออยู่ด้านนอกห้องส่ง มีเสียงของจำเนียรดังมาตลอด
“ดิฉันเชื่อได้ว่าไม่ว่าจะเลือกอย่างไหน เราก็ปวดใจทั้งนั้น เพราะความรู้สึกได้ให้ไปหมดแล้ว แต่สำหรับดิฉัน ถ้าต้องเลือก ดิฉันจะเลือกถีบหัวส่งไอ้เสือชั่ว”
“หือ”
หาญขนลุก
ที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่ฟังแล้วเบ้หน้า
“เหรอ”
ส่วนที่บ้านมัทนี เหน่งกับโหน่งก็ฟังรายการอยู่ ทั้งคู่ตบเข่าฉาด
“เริ่ด ต้องยังงี้สิ”
“ไม่เสียแรงที่ยอมทนเป็นขี้ข้า”
ที่ออฟฟิศของเอกชเยศร์
เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาเอกชเยศร์ พร้อมไอแพดที่เปิดฟังรายการของจำเนียรอยู่
“พี่เอกๆ ฟังนี่ๆ”
เอกชเยศร์ได้ยินเสียงจำเนียรดังมาก็ตั้งใจฟัง
“ถ้ามันกล้าหลอกเรา แล้วยังไม่รู้จักเชื่องอีก ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ร่วมบ้านกันอีก แล้วดิฉันจะโพนทะนาเรื่องของมันให้ทั่ว ด่าให้อาย ให้มันจมดินไม่มีที่ยืน เพราะผู้ชายพรรค์นี้ ไม่สมควรที่ใครจะเก็บเอามาทำพันธุ์อีกต่อไป”
หาญยิ่งฟังยิ่งรู้สึกผิด
ขณะนั้นอเนก แท่น โทนี่ โมกข์อยู่ในรถด้วยกัน กำลังมุ่งหน้าไปหาอาทิตย์
“โอ๊ย ป้าครับ ป้าจะพูดอะไรเมตตาเพื่อนผมบ้าง”
“ถ้าป้าแกพูดชื่ออาทิตย์ออกอากาศ เราฟ้องได้เลยนะ”
“เออ ดี เดี๋ยวชั้นอัดเสียงให้”
ในห้องส่งสถานีวิทยุ จำเนียรยังจัดรายการอยู่
“วันนี้ดิฉันจะขอยกตัวอย่างคนใกล้ตัวคนนึง”
นอกห้องส่ง หาญกระวนกระวาย เตือนตัวเองไม่ให้ใส่ใจ ไม่ให้รู้สึกผิด
“ไม่ๆ เลิกกับอาทิตย์ไปก็ดีแล้ว คนดีๆ ยังมีอีกมากๆ” หาญพูดกับตัวเอง
“ในฐานะที่ดิฉันเป็นแม่ ย่อมต้องปกป้องลูก ไม่มีพ่อแม่ดีๆ ที่ไหน จะทนเห็นลูกเป็นทุกข์โดยที่ตัวเองไม่ทำอะไรเลยได้ ยิ่งถ้าความทุกข์ของลูก ส่วนหนึ่งก็เกิดจากตัวเราเองด้วย เราจะทนเห็นชีวิตลูกล่มจมเพราะตัวเราได้เหรอ ไม่มีทาง ไม่มีพ่อแม่ดีๆ ที่ไหนทนนิ่งดูดายได้ ผู้ชายที่ดิฉันจะพูดถึงมีอักษรย่อว่า...”
ที่ออฟฟิศเอกชเยศร์ เชากำลังลุ้นให้เป็นอาทิตย์
“อาทิตย์”
“อักษรย่อ ก็คือ ออ ทอ”
อยู่ๆ หาญโผล่พรวดเข้ามาในห้องส่ง
“ผมเอง”
จำเนียรและเจ้าหน้าที่อึ้ง
“คุณหาญ” จำเนียรงง หาญวิ่งเข้าไปในห้องส่ง
“ผมเองคุณจำเนียร คุณกับมัทนีเข้าใจอาทิตย์ผิด เรื่องทั้งหมด ผมเป็นตัวต้นเหตุ ผมคือพ่อไก่แจ้ตัวจริง”
“หา”
จำเนียรช็อก อ้าปากค้าง
ในรถ แท่นซึ่งเป็นคนขับเหยียบเบรกเอี๊ยด ทุกคนหัวคะมำ
“พวกแกได้ยินเหมือนชั้นมั้ย”
ที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่ยืนช็อก คาดไม่ถึง รอลุ้นว่าจะมีเสียงอะไรตามมาอีก
เอกชเยศร์เองก็งงเต็ก ในโรงงานทอผ้า พวกบรรดาสาวโรงงานที่ทำงานไปฟังวิทยุในโรงงานไป ทุกคนต่างชะงัก เงี่ยหูรอฟังต่อไป
ที่ห้องส่ง จำเนียรพยายามตั้งสติ ถามออกไป
“คุณพูดอะไร”
“ผม ผมจะทนปล่อยให้ลูกรับกรรมที่ผมเป็นคนก่อไม่ได้ คุณจำเนียร ผู้หญิงที่คุณเข้าใจว่าเป็นกิ๊กอาทิตย์ จริงๆแล้วเป็นกิ๊กผม”
“หา”
ในรถ เพื่อนอาทิตย์ทุกคนอึ้ง
“พ่อตาไอ้อาทิตย์ มีกิ๊ก”
“แล้วก็โบ้ยให้อาทิตย์รับผิดแทน”
ที่ห้องส่ง หาญยังสารภาพต่อเนื่อง
“นายอาทิตย์ มันพยายามจะปกป้องครอบครัวของเราเอาไว้ไม่ให้พังพินาศ มันไม่อยากให้ลูกมัทเสียใจที่มีพ่อเลวทรามต่ำช้าอย่างผม มันถึงต้องโกหก และยอมรับผิดแทนผม”
บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่เชียร์
“ถีบหัวส่งสิ”
ที่บ้านมัทนี เหน่ง-โหน่งก็ลุ้นเชียร์สุดตัว
“ถีบเลย”
“ถีบ”
“ถีบ”
ขณะนั้นจำเนียรนิ่ง อึ้ง พูดไม่ออก ทำตัวไม่ถูก เพราะช็อก
“อาทิตย์เป็นคนดี เราจะปล่อยให้ลูกของเราหย่ากับคนดีๆ อย่างนี้ไม่ได้ คุณเข้าใจมั้ย เราต้องไปห้ามลูกของเรา”
จำเนียรยังงงอยู่ ตั้งสติไม่ทัน เหวอๆ หาญวิ่งพรวดเข้าไปที่ไมค์
“ใครได้ยินเสียงนี้ แล้วอยู่ใกล้กับเขต(ชื่อเขต) ช่วยรีบไปห้ามลูกของพวกเราอย่าให้หย่ากันด้วย ผมยอมรับผิดแล้ว อย่าทำให้ผมต้องสร้างตราบาปให้กับลูกสุดที่รักของผมอีกเลย”
หาญสารภาพสิ้น หมดแรง
บ้านอเนก นรีฟังอยู่ก็ตกใจเช่นกัน
“แย่แล้ว ยัยมัท”
นรีรีบไปที่โทรศัพท์เพื่อกดโทรหามัทนี นรีรอสายกระวนกระวาย
ขณะนั้นเอกชเยศร์รีบหยิบมือถือกดโทรหามัทนีเหมือนกัน
“อ้าวเฮ้ย จะยอมรับทำไม ยังไม่ทันได้แฉเลย มัทเอ๊ยมัท เรื่องฉาวโฉ่ออกสื่อขนาดนี้ ถ้าไม่ได้นักข่าวมืออาชีพอย่างผมช่วยเล่นแร่แปรธาตุ ตระกูลคุณจะเอาหน้าไปไว้ไหน”
ที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่ก็รีบวิ่งไปที่โทรศัพท์ กดโทรหาอาทิตย์เหมือนกัน
อ่านต่อหน้า 2
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
ในรถ โทนี่ โมกข์ อเนกต่างหยิบมือถือมาพร้อมเพรียงกัน กดโทรหาอาทิตย์พร้อมกันหมด
ที่โรงงานทอผ้า สาวโรงงานทุกคนนั่งนิ่ง แข็งค้าง เหมือนถูกสต๊าฟ รอฟังว่าจะมีอะไรต่อไป แล้วก็กลายเป็นเสียงเพลงดังมา
“อ้าว จบแล้ว”
พอเรื่องจบ สาวโรงงานก็ทำงานไปตามเดิม กลับมาคึกคักตามเดิม
ที่ห้องส่ง จำเนียรกดตัดสัญญาณออกอากาศ ก่อนจะคาดคั้นหาญ
“คุณหาญ คุณพูดจริง เหรอ”
“จริง ทั้งเด็กน้ำผึ้ง เด็กนก”
“หลวงพ่อนกอ่านะ”
“ไม่มีหลวงพ่ออะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้ไปหาพระ ผมไปแร่ดผู้หญิง คุณจำคืนที่ คุณตามไปที่ผับคาวบอยไนท์ได้ไหม”
“จำได้”
“คืนนั้น ผมไปเที่ยวที่นั่น ผมได้รู้จักอาทิตย์ เขาได้ช่วยผมไว้ แล้วเขามาบ้านเรา เอาเสื้อผ้าชุดคาวบอยที่ผมแอบเอาไปเปลี่ยนมาคืน คุณถึงเข้าใจผิด คิดว่าเขาคือหมดนวดแผนโบราณไงล่ะ”
“คุณ คุณ ทำไมคุณทำอย่างนี้ ทำไม”
“ผมขอโทษคุณจำเนียร”
“นี่คุณเห็นแก่ตัว ถึงขนาดเขี่ยปัญหาของตัวเองไปให้กับลูกได้เลยเหรอ คุณเป็นพ่อคนยังไง คุณมันเลวที่สุด” จำเนียรยกมือจะตบ “ไม่ ชั้นจะไม่เสียมือตบคนอย่างคุณ ยุติความรุนแรงในครอบครัว คุณมันเลวเกินกว่าจะโดนหลังมือชั้น เดี๋ยวมือสวยๆ มันจะแปดเปื้อน”
จำเนียรสะบัดหน้า ผิดหวัง รีบออกไปจากที่นี่
ส่วนที่ทำการเขต อาทิตย์กับมัทนีนั่งอยู่ต่อหน้านายอำเภอ ที่ยื่นเอกสารหย่ามาให้ทั้งคู่ตรงหน้า พร้อมปากกา
อาทิตย์กับมัทนีลังเลว่าใครจะหยิบปากกาก่อน มัทนีหยิบก่อน อาทิตย์หยิบตาม มือถือมัทนีดัง
“จะรับก่อนก็ได้นะ”
อาทิตย์บอกแต่มัทนีเชิ่ดใส่ จรดปากกาลงที่กระดาษ มือถืออาทิตย์ดัง มัทนียังไม่เซ็น เหลือบมอง อาทิตย์ตัดสินใจเซ็นชื่อเลย ปล่อยมือถือดังไป มัทนีอึ้ง ยังคงจรดปากกาค้าง
จำเนียรจอดรถที่หน้าที่ทำการ รีบวิ่งลงมา แต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะพบว่ามัทนีนั่งร้องไห้อยู่ที่ม้าหินด้านหนึ่ง
“ลูกมัท”
“แม่ มัทหย่าแล้ว มัทหย่ากับอาทิตย์แล้ว”
มัทนีโชว์ใบหย่าทั้งน้ำตา จำเนียรอึ้ง รีบเข้าไปนั่งข้างๆ กอดปลอบมัทนีที่ร้องไห้ไม่หยุด หาญนั่งแท็กซี่ตามมา เห็นจำเนียรกอดปลอบมัทนี รู้สึกผิด ทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“ไม่จริง มัท พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ”
“พ่อ”
“สะใจหรือยัง คุณทำครอบครัวเรา ครอบครัวลูกพังพินาศหมดแล้ว เพราะความมักมากไม่รู้จักพอของคุณคนเดียว”
“แม่ มีเรื่องอะไรคะ”
“พ่อของลูก เค้า มันเป็นคำหยาบคาย ออกอากาศไม่ได้ อย่าให้แม่ต้องพูดเลย”
“อะไร พ่อทำอะไร พ่อ พ่อบอกมัทสิ”
หาญร้องไห้พูดไม่ออก จำเนียรกอดมัทนีสงสารลูกและผิดหวังในตัวหาญด้วย จึงร้องไห้ออกมา มัทนีก็ได้แต่ร้องไห้
“พ่อทำอะไรเอาไว้ พ่อ”
อาทิตย์ขับรถแยกออกมา มีเอกสารใบหย่าวางที่เบาะข้างๆ อาทิตย์ขับรถอย่างหงุดหงิด กดแตรสนั่น จนฉุนตัวเอง ต้องเบรกจอดข้างทาง
“โธ่เว้ย”
อาทิตย์ลงจากรถ ปิดประตู เสียใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ โกรธตัวเองไปมา เตะยางรถระบายเครียด พอตั้งสติได้ ก็จะกลับขึ้นรถอีกที แต่อยู่ๆ มีรถอีกคันมาจอดขวางหน้า เป็นรถของอเนกที่มีแท่น โทนี่ โมกข์มาเต็ม ทุกคนลงมา
“แกจะไปไหน”
“ไม่ต้องพูดว่าแกรู้สึกอะไร พวกเราเข้าใจ”
“เราจะไม่พูดเรื่องงี่เง่าน่าปวดหัวอีก เราจะกลับไปบ้าบอคอแตกเหมือนสมัยอยู่เมืองนอก”
“เที่ยวให้สุด สนุกให้สุดเหวี่ยง หลุดโลกไปเลย”
“แกจะไปกับพวกเรามั้ย”
อาทิตย์นิ่ง
“ไม่ไปแกก็ต้องไป”
อเนกดึงอาทิตย์มากอด พวกเพื่อนๆ กอดกันแมนๆ ปลอบเพื่อนๆ
“ขึ้นรถมาเลย มาแต่ตัว ทัวร์นี้เพื่อนจัดให้”
กลุ่มนักข่าวกำลังอออยู่ที่ประตูหน้าบ้านมัทนี
เหน่งกับโหน่งคอยรับมือและพยายามไล่พวกนักข่าวให้กลับไป ในกลุ่มนั้นมีเอกชเยศร์ยืนสังเกตสถานการณ์อยู่ด้วย
“ไม่มีใครอยู่ค่ะ กลับไปเถอะค่ะ”
รถของมัทนีแล่นกลับเข้ามาจอด มัทนีและจำเนียรตกใจที่เห็นนักข่าว พวกนักข่าวรีบเข้าไปรุม จำเนียรตั้งสติก่อนจะเปิดประตูรถลงไป มัทนีรีบลงมาปกป้องแม่
“คุณจำเนียร คุณเป็นประธานชมรมครอบครัวอบอุ่นที่สั่งสอนสาวๆ ทั้งประเทศ แล้วงี้จะจัดการสามีตัวเองยังไงคะ”
“สอนให้สาวๆ กำราบสามี แต่สามีตัวเองกลับคุมไม่ได้ แล้วต่อไปจะสั่งสอนคนอื่นยังไงคะ”
“เอ๊ะนั่น ใบหย่าใช่มั้ยครับคุณมัทนี โชว์นักข่าวหน่อยสิครับ”
“สาเหตุการหย่า คืออะไรคะ สามีมีกิ๊กเหมือนสามีคุณแม่หรือเปล่า”
นักข่าวรุมถาม เหน่ง โหน่งรีบวิ่งออกมาช่วยกันนักข่าว
“มันจะมากไปแล้วนะคะคุณนักข่าว ถามอะไรเห็นใจความรู้สึกเจ้านายพวกเราบ้างสิคะ” โหน่งเสียงแข็ง ปกป้องนาย
“คุณๆ ของพวกเราจะแก้ปัญหาหรือจะทำอะไร ธุระอะไรของพวกคุณค่ะ กลับไปเลยค่ะ”
เหน่งกับโหน่งช่วยกันกันพาจำเนียรกับมัทนีเข้าไปในบ้าน ทันใดรถแท็กซี่อีกคันแล่นตามมาจอด หาญลงมา
“นั่นไง คุณหาญ สามีป้าจำเนียร”
หาญจะรีบตามจำเนียรเข้าบ้าน แต่พวกนักข่าวกรูมาขวาง
“คุณหาญครับ รู้สึกยังไงครับที่กินเด็ก”
“หา”
“มีข่าวลือว่าคุณกับลูกเขยแลกเปลี่ยนกิ๊กกันไปมาจริงหรือเปล่าคะ”
“หา”
“คุณจะหย่ามั้ยคะ ถ้าหย่าจะแบ่งทรัพย์สินกับคุณจำเนียรยังไงคะ”
“เฮ้ย คำถามนี่ คิดมาแล้วเหรอ พวกคุณเห็นครอบครัวผมเป็นอะไร”
หาญรีบฝ่าวงนักข่าวเข้าบ้านไป เอกชเยศร์สะใจ
จำเนียรกับมัทนีเดินเข้ามาในบ้าน
“มัท ลูก โอเคมั้ย” จำเนียรถามอย่างเป็นห่วง
“แล้วแม่ล่ะคะ โอเคมั้ย”
มัทนีกับจำเนียรต่างห่วงใยกันและกัน
“มัท คุณจำเนียร เดี๋ยวก่อนๆ” หาญรีบตามมาอยากขอโทษ “มัท พ่อขอโท...” แต่มัทนีเย็นชาใส่ เดินหนี
หาญตามตื๊อ จะขอโอกาสให้ได้ “เดี๋ยวก่อนมัท ฟังพ่อสักนาทีนึง มัท ได้โปรดเถอะลูก” แม้หาญจะตื๊อแค่ไหน มัทนีก็ไม่ฟัง เดินหนีขึ้นห้องไป หาญอึ้ง “คุณจำเนียร”
หาญหันมาหาจำเนียร จำเนียรเย็นชาเช่นกัน เดินหนีไป หาญยืนกร่อย เหลือบมองสาวใช้ เหน่งกับโหน่งก็เชิดใส่ แยกย้ายตามไป
หาญเศร้า หันมา เจอท่วมทุ่ง ท่วมทุ่งเชิดใส่ และเดินจากไป หาญอึ้ง
หาญเข้ามาในห้อง จำเนียรนั่งรออยู่อย่างสงบ มีสติ เชิดหน้า พร้อมเคลียร์ให้จบปัญหา
“คุณจำเนียร”
“ที่พระหาย ที่ของชั้นหาย ชั้นเข้าใจแล้ว”
“คุณจำเนียร” หาญขยับเข้าไปหา จำเนียรรีบห้าม
“ไม่ต้องเข้ามาใกล้ชั้น คืนนี้ชั้นจะไปนอนโรงแรม เก็บของๆ คุณ แล้วออกไปจากบ้านนี้ พรุ่งนี้ชั้นไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”
จำเนียรลุกจะเดินออกจากห้อง
“คุณจำเนียร” หาญผวากอด “ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ ผมขอโทษ” จำเนียรขัดขืนผลักไสหาญออก ไม่ยอมให้กอด แต่หาญก็พยายามจะกอดให้ได้ “ผมไม่ได้ตั้งใจ มันเกิดขึ้นได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่มันจะไม่มีอีกแล้ว ให้อภัยผมเถอะนะ”
“ไม่ได้ตั้งใจ นี่คุณไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอ”
จำเนียรผลักหาญออก หาญล้มไป แต่ผวาคลานมากอดขา
“คุณจำเนียรๆ มันเป็นอุบัติเหตุ แล้วผมก็ผู้ชาย ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผมก็เหมือนผู้ชายที่คุณชอบด่าออกรายการ คุณก็น่าจะรู้ดี”
จำเนียรสงบลง ปล่อยให้หาญเกาะขา
“จะบอกว่าไอ้การนอกใจมันเป็นเรื่องปกติของเพศชายชั้นต้องยอมรับและเข้าใจมันงั้นเหรอ ความดี ความชั่ว มันขึ้นอยู่กับเพศตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วไอ้ที่คุณโกหก ไหว้พระทำบุญ สร้างภาพว่าเป็นคนธรรมะธัมโม มาเป็นสิบๆ ปี มันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายด้วยงั้นสิ”
“ส่วนนึงผมก็ธรรมะธรรมโมจริงๆ”
“โกหกเป็นไฟ ใส่ร้ายป้ายสี ขโมยของ นอกใจ นี่ผิดศีลกี่ข้อละ นับสิ นับ! นับ”
“นับไม่ถ้วนจ้ะ”
“ฟังนะ พนมมือ”
“จ้ะ”
หาญพนมมือแต้
“จะผู้ชายผู้หญิงก็มีความอยากเหมือนกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่ต่างกันคือความยับยั้งชั่งใจ ที่คุณไม่เคยมี ปล่อยอารมณ์ความรู้สึกไปตามสัญชาตญาณ ไร้สามัญสำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ไม่ต่างอะไรกับสัตว์”
“ก็ได้ ผมยอมรับว่าผมชั่วเอง ผมผิดทุกประตู”
“ชั้นเคารพและให้เกียรติคุณ ยกย่องชื่นชมคุณในทุกวาระและโอกาส แต่คุณ คุณใช้ความรักและไว้ใจของชั้น ทำร้ายชั้น ชั้นกลายเป็นอีบ้าโง่เง่าที่เที่ยวไปสั่งสอนครอบครัวคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าครอบครัวตัวเองเน่าเฟะยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด” จำเนียรน้ำตาไหล “คุณทำกับชั้นอย่างนี้ได้ยังไง ทำได้ยังไง”
จำเนียรร้องไห้ไม่หยุด หาญเอามือลง อึ้งที่เห็นจำเนียรร้องไห้
“คุณจำเนียร คุณร้องทำไม คุณไม่ใช่คนที่ร้องไห้กับอะไรง่ายๆ คุณจำเนียร อย่าร้องสิ ผมขอโทษ ผมจะกลับตัวกลับใจ ผมสัญญา สาบาน ผมจะไม่นอกลู่นอกทางอีกแล้ว ผมจะทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น ขอโอกาสให้คนบาปกลับใจเถอะนะแม่จำเนียร”
“ที่นี่ไม่มีอะไรจะให้คุณทำลายอีกแล้ว ความรัก ความศรัทธา ความไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่มีเหลือแล้ว คุณไปที่อื่นเถอะ”
“ไม่นะ”
“ชั้นไม่ต้องการมีคุณในชีวิตอีกแล้ว”
จำเนียรผลักหาญออก แล้วออกไป
“คุณจำเนียร!” หาญกอดไม่ปล่อย “ไม่ๆ อย่าเลิกกับผม ผมไม่มีใคร ญาติพี่น้องก็ไม่มี ทั้งชีวิตผมก็มีแค่คุณกับลูก สงสารผมเถอะ”
“นี่ใช่มั้ยที่คุณห่วง คุณกลัวจะถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง คุณกลัวเหงา กลัวไม่มีคนห้อมล้อม แล้วที่ผ่านมา ชั้นอยู่กับอะไร กี่คืนที่คุณทิ้งให้ชั้นนอนคนเดียว กัมมุตตา วัตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราคงทำกรรมกันมาแค่นี้ ต่อไปก็กรรมใครกรรมมันเถอะ”
จำเนียรมองหาญด้วยสายตาว่างเปล่า หาญอึ้ง ปล่อยมือ จำเนียรออกไป
จำเนียรเดินหนีออกมาพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย หาญตามออกมา
“คุณจำเนียร เดี๋ยวก่อน”
หาญจะเดินตามจำเนียรไป แต่ต้องชะงัก เพราะมัทนีออกมาขวาง
“ปล่อยแม่ไปเถอะค่ะ”
“มัท ลูก ลูกฟังพ่อนะ พ่อรักลูกรักแม่ของลูกนะ ความสัมพันธ์พวกนั้นมันก็แค่ ชั่วครู่ชั่วยาม สนุกๆ แก้เครียด เหมือนพ่อไปออกกำลังหาย รำไทเก็กอะไรงี้”
“พ่อคิดว่าการมีกิ๊กมันเหมือนการออกกำลังกายได้ยังไง”
“มัทก็เห็นว่าพ่อกลับมานอนบ้านทุกวัน ไม่เคยไปค้างคืนที่ไหน ไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อยเป็นตัวเป็นตน พ่อมีแค่แม่ของลูกคนเดียวจริงๆ”
มัทนีผิดหวัง ร้องไห้ออกมา
“พ่อมีความคิดอย่างนี้เหรอ มัทไม่อยากเชื่อ พ่อคือคนที่สอนให้มัททำดีรักษาศีล แล้วพ่อพูดออกมาอย่างนี้เหรอ พ่อคนดีของมัทหายไปไหน”
“มัท”
“สมมุติว่าแม่อยากแก้เครียด แล้วไปมีกิ๊กเป็นเด็กหนุ่มบ้าง พ่อมีความเห็นว่ายังไงคะ”
“ไม่ได้นะลูก จะเอามาเทียบกันไม่ได้ แม่เป็นผู้หญิง ทำแบบนั้นมันไม่ดี แต่ผู้ชายทำได้ มันไม่เหมือนกัน”
“หยุดพูดเถอะค่ะ ยิ่งพูดยิ่งทำให้มัทไม่อยากมองหน้าพ่อ”
“โอเคๆ งั้นเรามาจับเข่าคุยกันดีๆ เพื่อหาทางออกร่วมกันดีมั้ย นะมัท ถ้ามัทอยากไปพ่อไปขอโทษนายอาทิตย์ แล้วบอกให้เขากลับมา พ่อยินดี”
“ปัญหาไม่ใช่เรื่องที่มัทเลิกกับนายอาทิตย์ แต่คือพ่อ สิ่งที่พ่อทำ ทำให้สิ่งที่มัทมีมาตลอด คือความรัก นับถือ เชื่อมั่น ศรัทธา ในตัวพ่อ มันถูกทำลายจนย่อยยับไม่มีชิ้นดีไปหมดแล้ว ขอร้องล่ะค่ะ อย่าพูดอะไรอีก มัทไม่อยากหลุดปากต่อว่าอะไรพ่อให้เป็นบาปแก่ตัวไปมากกว่านี้”
มัทนีเดินหนีตามจำเนียรไป หาญอึ้ง
จำเนียรรอมัทนีอยู่ที่หน้าบ้าน ยืนเช็ดน้ำตา พยายามไม่ร้อง มัทนีตามออกมาทำหน้าใจเด็ด
“แม่คะ ไม่ร้องค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไร”
จำเนียรพยายามยิ้มให้สวยที่สุด
“แม่ไม่เป็นไรลูก แม่โอเค” มัทนีกอดแม่
“แม่ยังมีมัทนะคะ”
“มัทก็ยังมีแม่เหมือนกัน”
สองแม่ลูกกอดกัน
“ไปเถอะ”
หาญวิ่งตามออกมา วิ่งไปขวางหน้า
“คุณจำเนียร มัท คุณต้องการอะไร จะให้ผมทำยังไง บอกผมมาสิ ขอแค่คุณกับลูกให้อภัย จะให้ทำอะไรผมยอมทุกอย่าง” หาญทรุดคุกเข่า “ผมไหว้แล้ว ให้อภัยผมเถอะ แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมกลับใจแล้วจริงๆ”
จำเนียรทิฐิ มัทนีแล้วแต่แม่
“ถ้าอยากพิสูจน์ งั้นก็ไปบวช”
“ได้ๆ จะให้บวชกี่พรรษา”
“ตลอดชีวิต”
“หา”
“ทำได้เมื่อไหร่ ค่อยมาพูดกัน”
จำเนียรเดินออกไป มัทนีรีบตามไป หาญได้แต่เศร้า ร้องเรียกจำเนียรให้กลับมา
“คุณจำเนียร คุณจำเนียร”
“กัมมุนา วัตตะตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จำไว้”
หาญกลับเข้ามาในบ้าน ค่อยๆ ตั้งสติ
“ไม่ ชั้นจะไม่ยอมเสียครอบครัวไป ชั้นต้องแก้ไขความผิด” หาญเดินกระวนกระวาย แล้วจึงนึกขึ้นได้ “อาทิตย์ ไอ้อาทิตย์ต้องช่วยได้” หาญรีบไปหยิบโทรศัพท์กดโทรออก แต่ไม่มีสัญญาณ ติดต่อไม่ได้ หาญกดซ้ำอีก ก็เป็นแบบเดิม “ทำไมไม่มีสัญญาณ”
หาญไม่ยอมแพ้
มัทนีกับจำเนียรเดินเข้ามาในบริเวณล็อบบี้โรงแรมแห่งหนึ่ง
“พักที่นี่นะคะแม่คืนนี้”
จำเนียรพยายามจะเข้มแข็ง
“จ้ะ ดีเลย”
“แม่คะ มัทรักแม่นะคะ”
“ลูกจะบอกรักแม่ทุกชั่วโมงเลยเหรอไงหือ ไม่ต้องห่วงแม่หรอก อะไรที่แม่เคยสอนคนอื่น แม่ต้องทำได้แน่”
ทันใด เสียงของเอกชเยศร์ดังเข้ามา
“สถานการณ์แย่จังเลยนะครับคุณป้าจำเนียร”
มัทนีกับจำเนียรจำเสียงได้ หันกลับมามอง
“เอก”
“ดีแล้วครับที่ออกจากบ้านมา นักข่าวพวกนั้นน่ารำคาญจะตาย”
“นี่เอกตามเรามาจากที่บ้านเหรอ”
“มัท อย่าเสียเวลากับคนพรรค์นี้ ไปเถอะ”
จำเนียรกับมัทนีจะเดินหนี เอกชเยศร์รีบมาขวาง
“ผมหวังดีอยากช่วยนะครับ”
จำเนียรกับมัทนีเดินหนีอีก เอกชเยศร์เดินตาม
“ตอนนี้ในสายตาประชาชนและแฟนคลับ คุณป้าเหมือนคนที่ถูกทิ้งให้ลอยคอกลางทะเล ชะตากรรมขึ้นอยู่กับกระแสน้ำว่าจะพัดพาไปทางไหน ถ้าโชคดีพัดเข้าฝั่ง คุณป้าก็รอด แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ตาย”
มัทนีเหลืออด หันกลับมาถาม
“เอกต้องการอะไร”
“ผมช่วยพาคุณป้าจำเนียรกลับเข้าฝั่งได้”
มัทนีกับจำเนียรอึ้งๆ
อีกด้านหนึ่งที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่กำลังสั่งเด็กรับใช้ให้เช็กในไอแพดเพื่อสืบเรื่องอาทิตย์
“เจอหรือยัง ตามดูอินสตาแกรมนายโทนี่สิ ว่าเขาโพสต์รูปอะไรไว้หรือเปล่า”
หาญวิ่งพรวดเข้ามา
“คุณนายลิ้นจี่ อาทิตย์ อาทิตย์อยู่ที่ไหน”
“ทำไม จะให้ลูกชายชั้นเคลียร์กิ๊กเด็กคนไหนของคุณอีก”
“โอ๊ย ครอบครัวผมกำลังจะพินาศอยู่แล้ว ไม่ต้องด่าซ้ำเติมได้มั้ย ผมจะมาตามให้มันกลับไปอยู่กับมัทนี บอกมาอาทิตย์อยู่ไหน”
“อาทิตย์ไม่อยู่แล้ว”
“โกหก”
“แกสิโกหก ไอ้ลวงโลก ไอ้มารศาสนา ไอ้ไก่แจ้ตัวพ่อป้อไปทั่ว แกทำให้ลูกชายชั้นเสียใจ หนีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ถ้าลูกชายชั้นหายตัวไปไม่กลับมาอีกเลย ชั้นเอาเรื่องแกแน่”
“ไม่กลับมาเลย ไม่ได้นะ ไม่ได้ๆ มันคนเดียวที่จะช่วยผมกอบกู้ครอบครัวคืนมาได้ คุณต้องตามมันกลับมาให้ได้ เข้าใจมั้ย”
“ยังกล้ามาสั่งชั้นอีกเหรอ ไอ้พ่อข้อศอกหมา ลูกสาวตัวเองแท้ๆ ยังทำร้ายได้ลง คุณมันน่ารังเกียจยิ่งกว่าหมาเน่า ชาตินี้อย่าหวังจะได้ปึ๋งปั๋งอีกเลย ชั้นจะไม่ขายผลิตภัณฑ์น้ำสมุนไพรสูตรคุณนายลิ้นจี่ให้กับแกอีก แล้วจะประจานให้ทั้งประเทศรับรู้ด้วยว่าแกเป็นพ่อไก่แจ้มะเขือเผา”
“หา ไม่นะ” หาญตกใจ
“ออกไปจากบ้านชั้น” ลิ้นจี่คว้ากระปุกยามาทำท่าจะเขวี้ยง “ไม่งั้นเจอว่านชักมดลูกแน่ ไป”
หาญจ๋อย ถอยออกไป
ที่ล็อบบี้โรงแรม เอกชเยศร์วางท่า อวดตัว
“ผมเป็นสื่อใหญ่ พาวเวอร์เยอะ เส้นสายผมช่วยบิดเบือนข่าวของคุณป้าได้ ผมจะทำสกู๊ปเพื่อชี้นำสังคม ทำให้คุณป้าดูน่าสงสาร เห็นใจ เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ภาพลักษณ์ของคุณป้าจะกลับมาดีเหมือนเดิม หรือดียิ่งกว่าเดิม คนไทยจะต้องรักคุณป้าอีกล้านเท่า ทั้งหมดนี้ คุณป้าจะได้รับทันทีที่มัทยอมกลับมาเป็นแฟนผม”
“หา” มัทนีตกใจ
จำเนียรทนไม่ได้ หันมาลุยเอกชเยศร์เอง
“เธอจะย่ำยีชั้นยังไงก็เชิญ เวลานี้ไม่มีอะไรที่ชั้นแคร์อีกแล้ว นอกจากลูกมัทคนเดียว”
เอกชเยศร์ยังลอยหน้าลอยตา ข่มขู่
“ถ้าไม่ตกลง ผมอาจจะโหมกระหน่ำให้ข่าวนี้ยิ่งบานปลายนะครับ”
“เธอมันเป็นสื่อที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุด ไปมัท”
จำเนียรลากมัทนีเข้าไปด้านใน เอกชเยศร์อึ้งที่ต่อรองไม่เป็นผล
“ผมพูดจริงทำจริงนะ จะเอาใช่มั้ย” แต่แล้วมัทนีเปลี่ยนใจ ผละจากจำเนียร เดินวกกลับมาหาเอกชเยศร์อีกครั้ง
“มัทเปลี่ยนใจแล้วใช่มั้ย”
แต่มัทนีกลับกระชากคอเสื้อเอกชเยศร์เข้ามาอย่างแรง ดึงจนเสื้อรัดคอเอกชเยศร์
“จะไปผุดไปเกิดที่ไหนก็ไป ไม่ต้องมาวนเวียนขอส่วนบุญส่วนกุศลจากมัทอีก และถ้าเอกยังกล้ามาข่มขู่มัทกับแม่อีกครั้ง ได้เจอดีแน่”
มัทนีปล่อยเอกชเยศร์ทิ้ง แล้วเดินกลับไปหาจำเนียร เอกชเยศร์หายใจแฮ่กๆ พอตั้งหลักได้ก็ปากดีตามหลังมัทนี
“โธ่เอ๊ย เอกก็ไม่ได้หลงใหลอะไรในตัวมัทมากหรอก ก็แค่สงสาร เห็นถูกสามีทิ้ง ไม่อยากให้เป็นหม้ายถูกสังคมล้อ แต่งกันกี่เดือนเอง หย่าซะละ กิ๊วๆ น่าอ๊าย น่าอาย แต่ถ้านิสัยยังงี้ ก็ไม่แปลกใจเลยที่ไอ้อาทิตย์มันจะไม่เอา สมควรแล้ว”
มัทนียืนอึ้ง ที่ถูกจี้จุดเรื่องอาทิตย์ จำเนียรพลอยโกรธแทน
“ไอ้ปากเลว ใจชั่ว แกจะเอาใช่มั้ย”
จำเนียรวิ่งจะเข้าไปเอาเรื่องเอกชเยศร์ เอกชเยศร์ถอยหนีแต่ยังทำปากดี
“คอยดู อยากเป็นศัตรูกับบก.ใหญ่ ได้เจอดีแน่”
เอกชเยศร์หนีไป จำเนียรห่วงมัทนีที่ยืนอึ้ง
คืนนั้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายในร้ายมีกลุ่มลูกค้าคู่รัก และครอบครัวพากันมานั่งทานอาหาร หาญนั่งซึมเศร้าอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่ง
ที่โต๊ะข้างๆ มีพ่อแม่ลูกสาววัย8-9ขวบมานั่งทานอาหารด้วย เด็กผู้หญิงตื่นเต้นที่เห็นอาหารที่ถูกเสิร์ฟมาสีสวยก็ดีใจ ร้องชอบใจ กระโดดกอดหอมพ่อทีหอมแม่ที ดูเป็นครอบครัวอบอุ่น หาญได้แต่มองแล้วคิดถึงครอบครัวตัวเอง น้ำตาไหล
“จะไม่ทำอีกแล้ว เอาอะไรมาแลกก็ไม่คุ้ม”
นรีเข็นรถลูกเข้ามายืนตรงหน้า
“ลุงหาญ”
หาญรีบห้าม
“อย่าด่าลุงนะ ขอล่ะ วันนี้เจอมาเยอะจนชาไปหมดแล้ว” นรีนั่งลง
“ค่ะ จะพยายาม แต่ถ้ามีหลุดปากบ้าง อย่าว่ากันนะคะ ลุงอยากให้นรีช่วยอะไรคะ”
“ช่วยพูดกับป้าของหนูกับมัทนีให้ลุงที ลุงไม่อยากเสียครอบครัวไป ลุงผิดไปแล้ว” หาญร้องไห้ สะอึกสะอื้นสุดตัว
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะลุง”
“ลุงอยู่ไม่ได้ ลุงอยู่ไม่ได้จริงๆ”
หาญร้องไห้แบบไม่แคร์สถานที่ ไม่แคร์สายตาใครอื่นเลย นรีสงสารและเห็นใจ
มัทนีกับจำเนียรเดินเข้าห้องมา มัทนีเดินเหวอๆ ไปนั่งที่เตียง สะเทือนใจกับคำพูดของเอกชเยศร์เรื่องอาทิตย์
จำเนียรมองมัทนีตลอด เข้าใจความรู้สึกและเป็นห่วง
“มัท อย่าไปสนใจคำพูดพล่อยๆ ของนักข่าวเห็นแก่ตัวคนนั้นเลย”
“ไม่ค่ะ มัทไม่ได้คิดเรื่องนั้น มัท มัทคิดเรื่องพ่อ มัทเป็นห่วงแม่นะคะ”
จำเนียรยิ้มอย่างรู้ทัน
“ลูกไม่ต้องห่วงปัญหาของแม่หรอก แม่อยู่ได้สบาย อายุปูนนี้แล้วด้วย อีกไม่นานก็ต้องไป แต่ลูกสิ แม่อยากเห็นลูกมีความสุขนะ”
“แม่ แม่พูดแบบนี้ทำไม ไม่เอา ห้ามพูด”
“แม่กำลังจะบอกให้ลูกรู้ว่า ถ้าถึงวันที่แม่ต้องไป แม่ก็ไม่อยากรู้สึกผิดที่เคยเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ลูกต้องหย่ากับคนที่ลูกรัก”
“แม่ก็ไม่ต้องรู้สึกผิด มัทไม่ได้เสียใจอะไรเลย อยู่กับแม่สองคน มัทก็มีความสุขดีแล้ว”
“แต่ลูกรักอาทิตย์ เขาก็รักลูก ลูกสองคนก็ควรจะได้อยู่ด้วยกัน”
“แม่ไม่ต้องผลักไสมัทหรอก ยังไงมัทก็จะไม่ทิ้งให้แม่อยู่คนเดียว มัทจะอยู่กับแม่ เราจะมีกันสองคนตลอดไป”
มัทนีกอดจำเนียร จำเนียรอ่อนใจ อยากเห็นลูกมีความสุข
อ่านต่อหน้า 3
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
วันต่อมา มัทนีกับจำเนียรขับรถกลับมาที่บ้าน เหน่งโหน่งรีบรายงาน
“คุณผู้ชายออกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ”
“ไปแล้วไปลับไม่กลับมาเลยค่ะ รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ มีแขกมาขอพบคุณมัท มานั่งรอตั้งแต่เช้าแล้ว”
“แขกมัท? ใครคะ”
พลอยเชอรีลเดินเข้ามา
“ดิฉันเองค่ะ”
มัทนีแปลกใจ
มัทนีเดินนำพลอยมาอีกด้านของบ้าน
“ดิฉันทราบข่าวของคุณกับอาทิตย์แล้ว และคิดว่า มีเรื่องบางอย่างที่ดิฉันจำเป็นจะต้องบอกให้คุณทราบ”
“ถ้าเป็นเรื่องเขา ขอเถอะค่ะ ชั้นไม่อยากรับรู้อีกแล้ว”
“คุณทราบใช่มั้ยคะว่าดิฉันเคยแต่งงาน”
“ค่ะ”
“แต่แต่งงานกันได้ไม่ถึงเดือน สามีดิฉันก็รถคว่ำ แล้วก็จากชั้นไปอย่างกะทันหัน ตอนนั้นชั้นหัวใจสลาย สติแตกมาก วันๆ เอาแต่ร้องไห้ ไม่เป็นอันทำอะไรทั้งสิ้น อยากจะตายตามกันไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่โชคดีที่มีผู้ชายดีๆ คนนึงมาช่วยดิฉันไว้ เขาดูแล ให้กำลังใจ ทำทุกอย่างให้ดิฉันเข้มแข็ง ตั้งแต่วันนั้นจนตอนนี้ ก็หลายปีมาแล้ว เขาก็ยังตามดูแลดิฉันสม่ำเสมอ”
“เพราะเขารักคุณใช่มั้ยคะ”
“ใครๆ ก็คิดอย่างนั้น แต่เรารู้กันว่ามันไม่ใช่” พลอยยื่นการ์ดแต่งงานให้มัทนี มัทนีดูการ์ดแล้วแปลกใจ
“คุณกำลังจะแต่งงาน กับมิสเตอร์ทานิกาวะ โชโกะ”
“แฟนดิฉันค่ะ ไม่ใช่อาทิตย์”
มัทนีตะลึง งง
จำเนียรกระวนกระวายอยู่ในบ้าน
“ผู้หญิงคนนั้นมาคุยเรื่องอะไร เหน่งไปแอบฟังสิ”
เหน่งยังไม่ทันไป โหน่งวิ่งเข้ามา
“คุณผู้หญิงขา อย่าว่าอะไรโหน่งเลยนะคะ โหน่งพยายามเต็มที่แล้ว”
“เรื่องอะไร”
นรีอุ้มลูกเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“อ้าว แม่นรี นรีมา ทำไมแกต้องกลัวชั้นจะว่าด้วย” จำเนียรต่อว่าโหน่ง
“ไม่ใช่คนนี้ค่ะ”
คนที่ตามหลังนรีมาคือหาญ จำเนียรอึ้ง คอตั้ง ไม่อยากเสวนาด้วยอีก
“เหน่ง โหน่ง ส่งแขก ถ้าเขาไม่ไป เรียกตำรวจมาจัดการ” จำเนียรสั่งเสียงเรียบ
“คุณป้าคะ ฟังก่อนเถอะค่ะ”
“นรี นี่เธอ เธอไปยุ่งอะไรกับเขา”
“นรีก็ไม่อยากยุ่งหรอกค่ะ แต่พอดีเป็นเรื่องเกี่ยวกับมัท เลยต้องช่วย”
“เรื่องอะไร”
“ผมรู้ว่าอาทิตย์อยู่ที่ไหน เราต้อง...”
“ชั้นถามเธอนรี”
“คุณจะไม่ให้โอกาสผมเรื่องอะไรผมเข้าใจ แต่เรื่องนี้ขอได้มั้ย ให้ผมได้ทำดีชดเชยเพื่อลูกสักเรื่องเถอะนะ ช่วยพูดให้ยัยมัทไปตามอาทิตย์กลับมา นะคุณจำเนียร เสร็จจากนี้แล้ว ผมจะไม่มากวนคุณอีกเลยจริงๆ คิดว่าทำเพื่อความสุขของยัยมัทนะ”
จำเนียรคอตั้ง ทิฐิ หาญกับนรีลุ้นว่าจำเนียรจะว่าไง
“ออกไป” จำเนียรบอก หาญอึ้ง
อีกด้าน พลอยยิ้มให้มัทนี
“ดิฉันอยากจะฝากการ์ดเชิญไปให้กับอาทิตย์ค่ะดิฉันอยากให้เขาเห็น ว่าดิฉันไม่เคยกลัวที่จะมีความรัก เหมือนอย่างที่เขากลัว”
“กลัวความรัก นี่ขนาดกลัวนะ”
“จริงๆ ค่ะ เพราะเขาเคยเห็นดิฉันและแม่ของเขาหัวใจสลายมาก่อน เขารู้ดีว่ามันน่าสงสารและน่าสมเพชมากแค่ไหน เขาเลยกลัว กลัวว่าถ้าเขารักใครคนนึงมากๆ แล้ววันนึง คนที่เขารักต้องมีสภาพใจสลายเหมือนอย่างที่ดิฉันเคยเป็น เขาคงทนไม่ได้”
“งั้นที่เขาแต่งงานกับชั้น คงเพราะอยากให้ชั้นทุกข์ทรมานสิคะ”
“เพราะเขารักคุณมากต่างหาก ความรักที่เขามีให้คุณมันมากกว่าความกลัวในใจเขา เขาเลยแต่งงานกับคุณ และพยายามจะทะนุถนอมปกป้องคุณทุกวิถีทาง ทำให้คุณมีความสุขที่สมบูรณ์ที่สุด ส่วนตัวเขา จะยังไงก็ได้ ใครจะตราหน้าว่าเป็นเพลย์บอย เป็นพ่อไก่แจ้ เป็นอะไรก็ยอมได้ แต่อย่างเดียวที่เขาจะไม่ยอมก็คือปล่อยให้คุณเสียใจ ถ้ารู้ความจริง เรื่องพ่อ”
“เขาก็เลยร่วมมือกับพ่อ หลอกชั้น คุณพลอยคุณมาพูดอย่างนี้กับชั้นทำไม ต้องการอะไร ชั้นกับเขาหย่ากันไปแล้ว เขายอมหย่ากับชั้นง่ายๆ และดูอยากจะหย่ามากๆ ซะด้วยสิ”
“เพราะเขานึกว่าคุณไม่รักเขาไงคะ คุณลองหันมามองดูตัวเองบ้างไหม ว่าที่ผ่านมาคุณเย็นชา ปิดใจ และไม่แสดงออกว่ารักเขาเลยหรือเปล่า ขอให้คุณรู้ว่าเขารักคุณและเจ็บปวดมากกับเรื่องนี้ ถ้าคุณรักเขา คุณมัท ดิฉันว่าถึงคราวที่คุณต้องทำอะไรเพื่ออาทิตย์คืนบ้างนะ”
มัทนีอึ้ง สับสนๆ น้ำตาเอ่อรื้นออกมา
“ชั้นคงทำอย่างที่คุณต้องการไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะ” พลอยอึ้ง
หาญถูกเหน่งกับโหน่งกดดันให้ถอยออกจากบ้าน หาญพยายามขอร้อง
“คุณจำเนียร คุณจะโกรธเกลียดผมก็โกรธเกลียดไป แต่นี่ ผมทำเพื่อลูกนะ แยกแยะหน่อยได้มั้ย”
“ป้าจำเนียรคะ”
นรีช่วยอ้อนวอนอีกคนแต่จำเนียรไม่แยแส หันเดินกลับเข้าไปด้านใน พอดีกับที่มัทนีกับพลอยเดินออกมา
“คุณแน่ใจนะคะ” พลอยถามย้ำ
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่หวังดี พี่เหน่งคะ”
เหน่งรีบมาเชิญแขกกลับ
“เชิญค่ะคุณ”
หาญเห็นมัทนี รีบพุ่งแทรกกลับเข้ามา เหน่ง-โหน่งตามรั้งตัว
“มัท ลูก อาทิตย์อยู่ภูเก็ต พ่อซื้อตั๋วเครื่องบินพร้อมแพ็กเกจที่พักไว้ให้พร้อมแล้ว ลูกต้องไปกับนรี ไปตามคนที่ลูกรักกลับมา”
มัทนีชะงักที่ได้ยินว่าอาทิตย์อยู่ภูเก็ต
“ตอนนี้อเนกอยู่กับอาทิตย์ พวกเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน พี่รู้ทุกอย่าง ถ้าไปตามยังไงก็เจอตัวแน่” นรีบอก
“มันเป็นคนดี และรักลูกมาก ลูกจะเสียมันไปไม่ได้” หาญบอก พลอยจึงช่วยอ้อนวอนอีกแรง
“คุณรักอาทิตย์ คุณจะลังเลอะไรอีก”
มัทนีอยากไป แต่ห่วงจำเนียร
“ไม่ มัทไม่ไป มัทจะอยู่กับแม่ จะไม่ทิ้งแม่ไปไหน” มัทนีเข้าไปประคองจำเนียร “เข้าบ้านเถอะค่ะ”
“คุณจำเนียร คุณไม่อยากเห็นลูกมีความสุขเหรอ” หาญถาม จำเนียรชะงัก
“ไหนๆ ก็เสียเงินซื้อตั๋วมาแล้ว ไปภูเก็ตเถอะลูก” จำเนียรบอก มัทนีอึ้งไป คาดไม่ถึง
“แม่”
“แม่รู้ว่าลูกห่วงแม่ แต่อย่าให้แม่เป็นตัวขัดขวางความสุขของลูกเลย ไปภูเก็ต ไปพาอาทิตย์กลับมาอยู่กับแม่นะ”
มัทนีดีใจน้ำตาไหล กอดแม่
“แม่ ขอบคุณค่ะ มัทรักแม่ที่สุดเลย”
“แปลว่า จะไปใช่มั้ย” นรีถาม
“ใช่สิพี่ ตั๋วอยู่ไหน บินวันไหน กี่โมง”
“บินวันนี้ ตอน...” หาญดูเวลา “อีกสองชั่วโมง”
“ห๊า มัทขอห้านาทีไปจัดกระเป๋า”
มัทนีจะกลับเข้าบ้าน จำเนียรขวางไว้
“ไม่มีเวลาให้เก็บของแล้ว ไปยังงี้เลย ไปหาซื้อใหม่เอาที่โน่น ไปๆ”
“ใช่ๆ”
“พี่ไปสตาร์ทรถรอ”
“เดี๋ยวพ่อขับไปส่งให้ ไปๆ”
ทุกคนรีบเร่งไปขึ้นรถ ดูวุ่นวายมาก
รถแล่นออกมานอกบ้านมัทนี แต่แล้วเอกชเยศร์ก็วิ่งเข้ามายืนขวางถนน
“หยุด” รถเบรกเอี๊ยด “จะไปตามอาทิตย์เหรอ ไม่ให้ไป เอกไม่สมหวัง มัทก็อย่าหวังจะสมหวังเลย”
หาญกดแตรไล่
“หลบไปๆ”
“ไม่หลบ แน่จริงก็ชนสิ”
จำเนียรวิ่งตามออกมา
“นายเอกชเยศร์ ดูนี่”
จำเนียรตบมือ เหน่งกับโหน่งถือไอแพดตามมา กดเปิดให้ดู เป็นคลิปภาพเคลื่อนไหวตอนที่เอกชเยศร์วางท่า อวดตัวข่มขู่จำเนียรกับมัทนีที่โรงแรม
“ผมเป็นสื่อใหญ่ พาวเวอร์เยอะ เส้นสายผมช่วยบิดเบือนข่าวของคุณป้าได้ ผมจะทำสกู๊ปเพื่อชี้นำสังคม ทำให้คุณป้าดูน่าสงสาร เห็นใจ เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ภาพลักษณ์ของคุณป้าจะกลับมาดีเหมือนเดิม หรือดียิ่งกว่าเดิม คนไทยจะต้องรักคุณป้าอีกล้านเท่า ทั้งหมดนี้ คุณป้าจะได้รับทันทีที่มัทยอมกลับมาเป็นแฟนผม”
เอกเยศร์อึ้งที่เห็นว่าตัวเองโดนอัดคลิป
“นี่ ป้าแอบถ่ายคลิปผมเหรอ หน็อย”
“ถ้าแกยังไม่เลิกตามตื๊อและข่มขู่ลูกสาวชั้น ชั้นจะเอาคลิปนี้ลงอินเตอร์เน็ต และจะส่งไปให้สมาคมผู้สื่อข่าว บก.ใหญ่อย่างแก ตกงานแน่”
“ไงล่ะ ชอบแฉคนอื่นดีนัก ไม่รู้จักฤทธิ์แม่จำเนียรซะแล้ว”
“หลบไป”
หาญขับรถไล่บี้ จนเอกชเยศร์ต้องกระโดดหลบ
“เอาคลิปผมมา”
“อยากได้เหรอ คุกเข่าขอโทษชั้นสิพ่อคนมีพาวเวอร์”
“ฝันไปเถอะ” เอกชเยศร์หันเดินหนีไป แต่ไปได้3-4ก้าว ก็วิ่งวกกลับมาคุกเข่ายกมือไหว้ “ลบคลิปของผมทิ้งเถอะครับแม่จำเนียร นะครับๆ”
จำเนียร เหน่ง โหน่งหัวเราะ สะใจ
“ไม่ลบ ฮ่าๆ”
จำเนียรกลับเข้าบ้าน เอกชเยศร์คุกเข่า หน้าซีด ครวญคราง
ในรถ หาญขับมาอย่างรวดเร็ว เสียงลูกนรีร้องลั่น แต่มัทนีร้อนใจ
“เวลาจะไม่ทันแล้ว”
“เร็วอีกได้มั้ยคะ”
“เร็วที่สุดแล้ว ก็รถมันเยอะอ่ะ”
“อย่าร้องนะคะลูก โอ๋ๆ”
รถทำท่าจะติด
“อย่าติดเซ่ๆ” มัทนีพนมมือภาวนา “ขอให้ลูกไปทัน ขอให้ถนนโล่ง ขอให้เครื่องดีเลย์ สาธุ๊”
มัทนียกมือขึ้นจบที่หน้าผาก ภาพผ่านกระจกไปมีเครื่องบินบินผ่านบนท้องฟ้า
เหนือบริเวณที่รถติดอยู่พอดีมัทนีเงยหน้ามองเครื่องบินลำนั้น
อีกด้านหนึ่ง อาทิตย์ อเนก แท่น โทนี่ โมกข์ ลงรถหน้าคลับเมด
มีการต้อนรับของ GO สาวๆ เข้ามาห้อมล้อม พวกหนุ่มๆ กระดี๊กระด๊าให้ความสนใจสาวๆ ยกเว้นอาทิตย์ที่วางตัวเฉยไม่รื่นเริงเท่าที่ควร
“นานๆ เป็นอิสระซะที โล่งอก ห่างจากอกเมีย ไม่เคยเพลียระเหี่ยใจ ใกล้อกสาวหนาวเป็นในๆ”
“อย่ามาเป็นเจ้าบทเจ้ากลอนเลย โอกาสดีๆ อย่างนี้มีที่ไหน”
“โอกาสดีๆ อย่างนี้มีเยอะต้องสนใจ โอ้ย ฉันอยากจะบอกพวกแกว่า รู้จักคำว่าอิสระไหม โดยเฉพาะแก อาทิตย์”
อาทิตย์นิ่งเงียบไม่สนใจ เดินเข้าไปด้านใน
“เฮ้ย อาทิตย์อย่าเงียบอย่าซึม ต้องเริงร่าเข้าไว้ ไปพวกเราพร้อมลุยความสุขกับความสนุกอยู่ตรงหน้า”
ทั้งหมดหัวเราะอย่างมีความสุข เดินเข้าไปข้างใน
“เฮ้ย ไอ้อาทิตย์รอด้วยโว้ยเอ็งไม่ได้มาคนเดียวนะโว้ย”
อาทิตย์ อเนก แท่น โทนี่ โมกข์กำลังโชว์ลีลาเล่นวินเซิฟอยู่ในทะเล ทั้งหมดดูหล่อ ภาพย้อนแสงอาทิตย์อย่างสวยงาม
พวกหนุ่มเดินหล่อเรียงแถวกันมาเท่ๆ พวกสาวต่างพากันตื่นเต้น ยกมือปิดแก้ม คิกคักกัน ปลื้มพวกหนุ่มๆ สาวๆ ดี๊ด๊าขอถ่ายรูปด้วย แต่อาทิตย์กับดูนิ่งๆ ไม่ใส่ใจ
“ไอ้นี่ มันนกต่อล่อแมลงทุกเชื้อชาติจริงๆ” โมกข์บอก
“โอ๊ย สาวเยอะ ไม่ไหวแล้ว เห็นทีจะต้องแตกล่ะคราวนี้” อเนกบอก
“เฮ้ย อะไรแตก” แท่นกับโทนี่ถามพร้อมกัน
“ตบะแตก” อเนกวิ่งปรี่เข้าไป “ขอถ่ายรูปด้วยครับ”
โทนี่ แท่น โมกข์รีบตามเข้าไปถ่ายรูปด้วย
พวกอาทิตย์เดินหัวเราะเฮฮากันเข้ามาบริเวณที่เปลี่ยนชุด ระหว่างนั้นมีสาวเกาหลีเดินสวนมา
“ควีย็อบ เนโย (น่ารักจัง)” โทนี่บอก
“เย ปอ โย (สวยอ่า)” แท่นบอก
“แอ-อิน อิ-ซอ-โย๊ะ? (มีแฟนหรือยังจ๊ะ?)” อเนกถาม
“เฮ้ย ทำไมพวกแกพูดได้หมดเลยวะ ไอ้อาทิตย์ แกสอนพวกมันเหรอ สอนชั้นบ้างดิ เอามาสักคำนึงเจ๋งๆ” โมกข์พูดกับอาทิตย์
“อื้มมม มา-ชิส-ตะ” อาทิตย์บอก มีสาวผ่านมา โมกข์รีบแซว
“มาชิสตะ” สาวงงทำหน้าดุใส่ แล้วเดินหนี “ทำไมเขาทำหน้ายังงั้นวะ มันแปลว่าอะไร”
“คุณ อร่อย จัง”
“เฮ้ย แก” โมกข์ไล่เตะอาทิตย์ อาทิตย์วิ่งหนี
“ชั้นดีใจจริงๆ เว้ยที่พวกเรามีวันนี้ แก๊งพ่อไก่แจ้คืนชีพแล้ว” แท่นบอก
“ชั้นคิดถึงพวกแกทุกคนมาก ชั้นดีใจจริงๆ ที่เราได้กลับมาท๊อปฟอร์มด้วยกันอีกครั้ง คลับเมดต้องเป็นของเรา” โทนี่บอก
“ช่างหัวมัน เวลานี้จะมีแต่พวกเรากับสาวๆ ที่นี่เท่านั้น”
พวกอาทิตย์เฮ ขณะนั้นมีสาวสวยมากคนหนึ่งเดินผ่าน ทุกคนมองตะลึง
“คนนี้ชั้นจอง”
ทั้งหมดพูดพร้อมกัน แล้วมองหน้ากัน ต่างไม่มีใครยอมใคร มีเพียงอาทิตย์ที่ทำหน้าเซ็ง คิดถึงมัทนี
ทุกคนวิ่งกรูไปหาสาวสวย รุมจีบพูดมั่วๆ ทั้งไทยทั้งเกาหลี สาวคนนั้นขำๆ หัวเราะๆ
ที่ห้องอาหาร ในคลับเมด อเนก แท่น โทนี่ โมกข์ นั่งกินอาหารอย่างมีความสุข แต่อาทิตย์กับเหม่อลอยไม่กินหลุดโลกอยู่คนเดียว
เวลาผ่านไป พวกเพื่อนๆ อาทิตย์เล่น กระโดด สปริงบอร์ด แต่อาทิตย์นั่งดูเฉยๆ เหม่อลอย คิดถึงภาพหวานชื่นของเขากับมัทนี
มัทนีกับนรีเดินออกมาจากสนามบิน
“ไปยังไงต่อพี่นรี”
“เราทำไรไม่ได้นอกจากรอ อ้ะ ถ่ายรูปให้พี่ที” นรีส่งมือถือให้
“รอ? แค่นั้นเหรอคะ”
นรีโพสต์ท่ารอให้ถ่าย
“ใช่ พวกอาทิตย์เขาปิดมือถือตัดขาดจากโลกภายนอกหมด พี่ส่งเอสเอ็มเอสไปบอกแล้ว ตอนนี้เราต้องรอให้อเนกเปิดมือถืออ่านข้อความ แล้วก็โทรมาเท่านั้น เอ้า เร็วๆ ซารังเฮโย” นรีโพสต์รอ “ถ่ายสิมัท” มัทนีเซ็ง แต่ก็ถ่ายภาพให้นรีไป “เอาอีกๆ มุมนี้ๆ”
“แล้วระหว่างนี้เราจะทำอะไรล่ะคะ”
“ถ่ายรูปรอ เที่ยวรอ กินรอ ช็อปปิ้งรอ ว้าว ภูเก็ตไม่ได้มานานแล้ว เปลี่ยนไปจนจำไม่ได้”
วันต่อมา ท่ามกลางบรรยากาศสวยงาม
“แกไม่ต้องทำหน้าโรแมนติกมากได้ป่ะ” แท่นต่อว่าโทนี่
“ทำมะ นานๆ โรแมนติกกับเพื่อนกับฝูงไม่ได้เหรอ” โทนี่กอดซบบนหลังแท่น
“เฮ้ย ขนลุกเว้ย”
อาทิตย์ อเนก โมกข์วิ่งจ็อกกิ้งสวนมา แต่ละคนหอบแฮ่ก เหงื่อโทรม
“ชั้นถึงคนแรก พวกแกต้องเลี้ยงดริ๊งชั้น” อเนกบอก
“เออ เก่งจริงนะไอ้เล็กสั้นขยันสับ” โมกข์ต่อว่า
“ทีหลังอย่าท้า ถึงจะเป็นพ่อคนแล้ว แต่ก็ยังแรงดีไม่มีถดถอย”
“แกไม่คิดถึงลูกเมียบ้างเหรอวะ” อาทิตย์ถามอเนก
“คิดสิ”
อเนกบอกอย่างลืมตัว
“เฮ้ย”
โมกข์ส่งเสียงเตือน อเนกจึงรู้สึกตัวรีบเปลี่ยนคำพูด
“เอ๊ย คิดทำไม ไม่คิดถึงเลยสักวินาทีเดียว ชั้นเบื่อยัยนรีจะตาย ตั้งแต่มีลูกนะ เอาแต่ใจที่สุด อยากจะกินอะไรก็ต้องได้กิน ขัดใจไม่ได้เลยนะ แม่จะเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน ปล่อยให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกไปดีแล้ว สมน้ำหน้า”
“แกพูดจริงอ่ะ”
“จริงสิวะ ชีวิตชั้นไม่มีอะไรสำคัญเท่าเพื่อน”
“ชั้นอัดเสียงแกไว้ เดี๋ยวส่งให้นรี”
“เฮ้ย” อเนกตกใจ
“ล้อเล่น ชั้นจะบอกว่าแค่พวกแกมาเที่ยวกับชั้นด้วย ชั้นก็แฮปปี้สุดๆ แล้ว ถ้าแกคิดถึงลูกเมียหรือมีธุระอะไร โทรกลับไปหาก็ได้นะเว้ย ชั้นเข้าใจ” อาทิตย์บอก
แท่นกับโทนี่เข้ามาสมทบ
“ไม่ได้ๆ ห้ามโทร เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ใช้มือถือให้วุ่นวายเด็ดขาด” แท่นรีบบอก
“โซเชี่ยลก็ห้าม แต่ชั้นก็ทนได้เพื่อเพื่อน” โทนี่บอก
“ชั้นก็ไม่รู้ว่ากลับไปยัยปีศาจแมงมุมดำจะว่าอะไร แต่ก็ช่างมัน เมียคือของตายเพื่อนชายสิของจริง” โมกข์บอก
“ไอ้บ้า เฮ้ย อเนกชั้นอยากไปอยู่เกาะ ไม่อยากเจอใครหว่ะ ทำไม ทำอะไรๆ ชั้นก็คิดถึง...เฮ้ย ไม่คิดต้องไม่คิด อยากสงบอย่างเดียว บวชซะเลยดีมั้ย” อาทิตย์บอก
“ไอ้บ้า อย่าซึมๆ ไม่เอา”
ทุกคนบอกออกมาพร้อมกันแล้วหัวเราะใส่อาทิตย์
ที่แหล่งช็อปปิ้งหน้าคลับเมด นรีกำลังตื่นเต้นตาโตกับแหล่งช็อปปิ้ง
“ว้าว มัท ไปเร็ว ไปลุยกัน”
มัทนีรีบคว้ามือนรีเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวค่ะพี่นรี เราไม่ได้มาช็อปปิ้งกันนะคะ เมื่อไหร่สามีพี่จะโทรมา”
“พี่ก็ไม่รู้ ตอบไม่ได้ แต่เราจะรออย่างซังกะตายทำไมล่ะ ไปสนุกกันเถอะ อร๊าย”
ทันใดนั้นมือถือของนรีดังขึ้น
“โทรศัพท์ๆ” มัทนีรีบบอก นรีรีบหยิบมารับสาย
“ชั้นกำลังจะช็อปปิ้ง โทรมาทำไมตอนนี้ เอ๊ย อยู่ที่ไหนตอนนี้”
อเนกแอบมาคุยโทรศัพท์ที่มุมหนึ่ง
“คุณจะมาทำไมไม่บอกผมก่อน มานานแค่ไหนแล้ว มากับใคร”
“ชั้นมาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ได้มาคนเดียว ใช่ค่ะ ไม่ค่ะ มาด้วยกันค่ะ คุณโทรหาคุณป้าได้เลยนะคะ ลูกอยู่กับคุณป้าหน่ะค่ะ”
“พี่นรี” นรีทำขึงขัง
“นี่คุณ อย่ามาชวนชั้นเสียกระบวน บอกมาว่าตอนนี้คุณกับนายอาทิตย์อยู่ที่ไหน”
ที่วัดท่าฉลอม มีคู่รักกำลังอธิษฐานขอพร
“เรามาทำอะไรที่นี่” อาทิตย์หันมาถามเพื่อน
“นี่มันไม่ใช่ที่ของเรา” อเนกบอก โทนี่คล้องแขนโมกข์ทันที
“ปะตัวเอง เราไปขอพรกัน”
“ชั้นไม่ขอพรพร้อมกับแกหรอกไอ้บ้า”
“กลับเหอะ” อาทิตย์บอก
“เดี๋ยวสิๆ ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็คิดซะว่า เรามาอธิษฐานเพื่อให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของแก๊งเรายั่งยืนตลอดไปสิวะ ไปๆ”
อาทิตย์นึกถึงภาพความรักของตนแล้วของขึ้น
“งี่เง่า เพ้อเจ้อ รักแท้ห่วยแตก มันไม่มีหรอกรักแท้ ไอ้บ้า”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ไม่ต้องโวยวาย”
“น่ารำคาญ จะอธิษฐานขอพรทำไมถ้าไม่ทำเอง คิดเอง มันจะได้ผลเหรอวะ เบื่อโว้ยไปแล้ว”
อาทิตย์โวยวายหันหลังเดินกลับไปทันที
เมื่อกลับถึงคลับเมด อเนกแอบหยิบมือถือมากดข้อความหานรี
“ถึงไหนแล้ว อยู่ที่คลับเมด”
นรี มัทนีเดินขึ้นมาด้านหน้าคลับเมด นรีกดอ่านข้อความ แล้วรีบกดโทรออก
“ถึงแล้วค่ะ กำลังจะเข้าไป” นรีหันมาบอกมัทนี “พวกนั้นอยู่ที่นี่”
“เค้า อยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ” มัทนีตื่นเต้น
มัทนีกับนรีเดินผ่านการต้อนรับของGO แต่มัทนีร้อนใจลากนรีเข้าไป
อเนกวางสาย หันกลับมา เจออาทิตย์ยืนอยู่
“ทำอะไร”
“เอ่อ เปล่า ก็...”
“โทรหาใคร”
“ไม่ได้โทร้”
“ชั้นจะกลับห้องแล้ว รำคาญ”
เพื่อนคนอื่นๆ รีบตามมา
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวสิอาทิตย์ แกจะรีบไปไหนวะ”
“อยู่ก่อนแป๊งนึง ขอห้านาที”
“ไอ้แท่น มัน มันจีบสาวคนนั้นอยู่” โมกข์ชี้สาวมั่วๆ “ใช่มั้ยๆ” แท่นรับมุข
“ใช่ๆ แล้วชั้นก็กำลังจะชวนนางมาปาร์ตี้กับเราคืนนี้ด้วย ขอบอกว่านางมีเพื่อนน่ารักๆ เพียบ”
“ขอห้านาทีให้ไอ้แท่นมันสานต่อความรักของมันเถอะนะ”
เพื่อนๆ อ้อนขอร้อง
“เออ”
อาทิตย์เซ็งจำยอม ไปนั่งรอ เซ็งๆ เพื่อนๆ กระซิบกระซาบกัน
“มายังวะ”
“กำลังมาๆ ไปๆ แกไปจีบหญิงคนนั้น จะได้เนียนๆ”
“โอเคเลย”
แท่นรีบปราดเข้าไปจีบสาว มัทนีกับนรีวิ่งเข้ามา
“อเนก”
อเนกหันกลับมา
“นรี”
อ่านต่อหน้า 4
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
อเนกกับนรีวิ่งเข้าหากัน เป็นภาพสโลว์แบบพระเอกนางเอกหนังรักเกาหลี
จนกระทั่งมากอดกันหวานซึ้งเข้ากับสถานที่ โทนี่ แท่น โมกข์มองอย่างเซ็ง ระอาสุดๆ
“อะไรมันจะเลี่ยนขนาดนี้วะคู่นี้”
“แล้วอาทิตย์อยู่ไหน” มัทนีถามขึ้นมา
“อ๋อ มันอยู่นั่นไง” โมกข์ชี้ไปจุดที่อาทิตย์นั่ง แต่ไม่มีอาทิตย์อยู่ “อ้าว ไปไหนวะ ตะกี้ยังอยู่เลย”
ทุกคนมองหาอาทิตย์ แต่อเนกกับนรียังมีโลกส่วนตัวกันอยู่
“ตัวเองสบายดีมั้ย”
“สบายดี ตัวเองล่ะ ลูกคิดถึงตัวเองมากเลยนะ”
“แล้วตัวเองไม่คิดถึงเค้าเหรอ”
โทนี่กับแท่นเห็นแล้วทนไม่ไหว
“เฮ้ย อาทิตย์หายไปแล้ว ยังจะตัวเองเค้าอะไรอีก”
“ห๊า” อเนกกับนรีตกใจ
“มันต้องอยู่แถวนี้แหละ ไปหาเร็ว”
ทุกคนกำลังจะแยกย้ายไป แต่แล้วอเนกก็ต้องชะงักเพราะมีข้อความดัง รีบหยิบมาอ่าน
“อาทิตย์ส่งข้อความมา เพื่อนกันหักหลังกันได้ไงวะ” ทุกคนอึ้ง
“มันไปแล้ว”
แต่มัทนีไม่ยอมแพ้ วิ่งออกไป
“มัท”
ทุกคนรีบตาม
อาทิตย์กดปิดมือถือ ทิ้งลงถังขยะไปเลย แล้วก็เดินออกไป มัทนีวิ่งออกมามองหา แล้ววิ่งขึ้นไปหาอีกทางขณะที่อาทิตย์เดินลงข้างล่าง
มัทนีวิ่งไปตามมุมต่างๆ ในอาคาร มองหาอาทิตย์แต่ไม่เจอก็ใจเสีย
“ไม่นะ คุณอยู่ไหน อาทิตย์ อย่าทำอย่างนี้สิ”
มัทนีวิ่งไปหาตามสถานที่ต่างแต่ก็ไม่เจอ ในที่สุดมัทนีก็หมดแรงยืนร้องไห้ พวกเพื่อนๆ วิ่งตามมา เห็นมัทนีแล้วสงสารเห็นใจเธอ นรีเข้ามาจับไหล่ปลอบ มัทนีโผกอด
“ทำไมเขาต้องหนี เขาเกลียดมัทแล้วใช่มั้ยพี่นรี เขาเกลียดมัท”
จำเนียรคุยโทรศัพท์กับนรีจึงรู้เรื่องทั้งหมด
“อาทิตย์หนีไปแล้ว ไปไหน ไปได้ยังไง แล้วยัยมัทล่ะ”
ใกล้ๆ กัน ลิ้นจี่ก็คุยโทรศัพท์อยู่กับอเนก
“พวกเธอต้องไปลากตัวลูกชายชั้นมาให้ได้ ถ้ามันกับหนูมัทไม่ดีกัน พวกเธอเจอดีแน่”
“ดูแลยัยมัทด้วยนะนรี จ้ะๆ” จำเนียรวางสาย
“คุณจำเนียร ชั้นขอโทษแทนลูกชายตัวดีชั้นด้วยนะ” ลิ้นจี่หันมาพูดกับจำเนียร
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของชั้นเองที่เข้าใจอาทิตย์ผิด ชั้นผิดเอง ก็หวังว่าอาทิตย์จะให้อภัยชั้นและลูกมัทได้ อาทิตย์จะให้อภัยยัยมัทใช่มั้ยคะคุณพี่”
“ชั้นก็ตอบไม่ได้จริงๆ ว่าอาทิตย์จะคิดจะตัดสินใจยังไง ตอนนี้อะไรก็ช่วยไม่ได้ ต้องแล้วแต่บุญแต่วาสนาที่เขาสองคนมีร่วมกันแล้วค่ะ”
“ชั้นช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย ชั้นสงสารลูก อยากเห็นยัยมัทมีความสุข”
“ชั้นก็เหมือนกันค่ะ”
จำเนียรกับลิ้นจี่กลับมาเข้าใจกันดั่งเดิม หาญเดินเข้ามา จำเนียรเห็นหาญเข้ามาก็เชิดหน้าหนี
“เอ่อ ชั้นขอตัวไป...” ลิ้นจี่บอกเมื่อเห็นหาญ
“ไม่ต้องค่ะ คุณเป็นแขกไม่จำเป็นต้องไปไหน”
“ผมแค่จะมาลาคุณเท่านั้นแหละคุณจำเนียร ผมไปล่ะนะ ไปครั้งนี้ ผมจะไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก ผมอาจจะไปบวชจริงๆ อย่างที่คุณต้องการฝากดูแลลูกด้วยนะ”
จำเนียรไม่มีทีท่าจะหันมาใส่ใจหาญ หาญคอตก เดินจากไป
หาญเดินออกมา ลิ้นจี่เดินตามหาญออกมา
“คุณยังคิดจะไปอีกเหรอ”
“เอาเลย ด่ามา แต่ต้องด่าแรงๆ หน่อยนะถึงจะเข้าเนื้อผมได้”
“ลูกคุณมีปัญหา ภรรยาคุณก็มีปัญหา เวลาอย่างนี้ ยังกล้าทิ้งคุณจำเนียรไว้คนเดียวอีกเหรอ”
“แล้วจะให้ผมทำยังไง”
“คิดสิคิด”
“ผมง้อทุกทางแล้ว เขาไม่ให้อภัยผม จะให้ผมทำยังไง”
“อยากให้เขาอภัยให้มั้ยล่ะ”
“ก็ต้องอยากสิ”
“ถ้าอยู่ คุณก็ยังมีหวัง แต่ถ้าไป คุณก็ไปตายได้เลย”
“คุณตาบอดหรือแกล้งไม่เห็น แค่หน้าผมเขายังไม่มอง ยังจะมีหวังอะไรอีก เขาไม่ได้รักผมแล้ว”
“พวกคุณอยู่ด้วยกันมายี่สิบสามสิบปี มันเกินคำว่ารักไปแล้ว มันเป็นความผูกพัน สิ่งที่คุณจำเนียรรู้สึก ไม่ใช่ไม่รัก แต่มันคือผิดหวัง แล้วคุณทำอะไร ง้อสองวันเป็นพิธีให้ได้ชื่อว่าง้อ พอวันที่สามก็ช่างมัน ไม่หายงอน ก็พอ เหนื่อย เบื่อ เซ็ง จบก็จบ อย่างนั้นเหรอ คุณง้อได้แค่นี้เหรอ คุณพยายามเพื่อคนที่คุณบอกว่ารักมากได้แค่นี้เองใช่มั้ย? งั้นก็อย่าพูดว่ารักเลย ทุเรศ”
หาญอึ้ง คำพูดลิ้นจี่โดนใจอย่างจัง
“สรุป ผมควรทำยังไง”
ลิ้นจี่เซ็ง ที่หาญยังบื้อ
“ไปตาย”
ลิ้นจี่บอกแล้วเดินกลับเข้าไป หาญมึนงง
อีกมุมหนึ่งของคลับเมด กิตติกับแววมยุราอยู่ที่จุดบริการเรือคายัค
“คุณต้องใส่เสื้อชูชีพทุกคนนะครับ” พนักงานบอก แต่กิตติทำท่าแบบทำไมต้องใส่ “มันเป็นระเบียบครับ”
แววมยุรารับเสื้อชูชีพจากพนักงานมาใส่ พอเดินหลุดมากิตติเอาเสื้อชูชีพทิ้งไว้ข้างๆ
“ทำมาเป็นบังคับ เจ้ากี้เจ้าการ ไม่อยากใส่ใครจะทำไม”
กิตติเดินไปโดยไม่สนใจเสื้อชูชีพ
มัทนีนั่งหมดแรงหมดกำลังใจอยู่ริมทะเลโดยมีนรีคอยปลอบ
“มัท ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพวกเราทุกคน จะช่วยกันตามหาอาทิตย์ เราจะต้องหาเขาให้เจอ”
“ไม่มีประโยชน์แล้ว เขาเกลียดมัท ไม่อยากเจอมัท ไม่มีวันที่เราจะตามหาเขาเจอ” มัทนีน้ำตาไหล “ช่างเถอะ มันคงต้องเป็นอย่างนี้”
“อย่าเพิ่งถอดใจสิมัท”
“แล้วมัททำอะไรได้กว่านี้เหรอคะพี่นรี”
พวกอเนกวิ่งเข้ามา
“นรีๆ ผมนึกออกแล้ว ไอ้อาทิตย์มันก็อยากไป มันต้องไปที่นั่นแน่ะ มาถึงมันก็บอกว่ามันอยากจะไป”
“เราไปตามมัน ต้องเจอแน่ๆ ครับ”
“เยี่ยมเลย มัท ไปเถอะ อย่างน้อยเราก็ยังมีหวัง ไป”
ทุกคนลากมัทนีไป
“เค้าไปที่ไหนคะ อเนก” นรีหันไปถาม
“มันบอกมันเบื่อพวกผม เดี๋ยวนี้ทำอะไรๆก็ไม่ถูกใจมันสักอย่าง ไม่รู้มันเป็นอะไร”
“แล้วเค้าไปไหนหละคะ คุณอเนก เค้าไปไหนมัทก็จะตามให้ถึงที่สุดค่ะ”
“ไปมัทอย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าเค้าไปที่ไหน”
“ไปผมจะพาไปเอง เอ๊ะนั่นใครผมคุ้นๆ จัง”
อเนกบอกเมื่อเห็นกิตติกับแววมยุราในทะเล
ในทะเลกิตติกับแววมยุรา พายเรือคายัคกันอยู่ 2 คน จู่ๆ กิตติก็ทำไม้พายหลุดมือ แววมยุรายิ้มแบบผู้มีชัย เธอหยุดพายเรือทำเรือนิ่งๆ ไม่พายต่อ กิตติหันมา
“นังนี่พายไปซิ ไปเร็ว พายเข้าฝั่งเดี๋ยวนี้ ไม่เห็นเหรอว่าชั้นไม่มีไม้พายแล้ว เร็ว บอกให้เร็ว” แววมยุราอมยิ้ม นั่งเฉยไม่พายต่อ ไม่สนใจ หยิบตลับแป้งขึ้นมาแต่งหน้า “นังนี่ บอกให้เร็วไม่ได้ยินเหรอ ชอบขัดใจอย่างนี้ถึงได้เจ็บตัว”
แววมยุราได้ทีเพราะรู้ว่ากิตติว่ายน้ำไม่เป็น
“มาสิอยากจะตบก็มาเชิญเลย”
“อย่าวอน อย่านะ เดี๋ยวเถอะขึ้นฝั่งเมื่อไหร่เห็นดีกัน” แววมยุราทำเรือโคลงเคลงจะให้เรือล่ม “อย่าบ้านะนังนี่วอนอีกแล้ว”
“ทำไม จะทำอะไรก็เชิญ ไหนๆ ก็จะจมน้ำตายแล้ว ชั้นรู้ว่าคุณกลัวน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็นแล้วยังอวดเก่งไม่ใส่ชูชีพอีก เอาเลยมาตายด้วยกัน”
“อย่านะ อย่านะ เดี๋ยวเถอะ” แววมยุราหัวเราะอย่างสนุกสนาน ทำเรือโคลงเคลงอย่างเมามัน กิตติกลัวจนหน้าซีด “หยุด ชั้นบอกให้หยุดไงเดี๋ยวเรือล่ม”
แววมยุรายิ่งหัวเราะมากขึ้น เอาไม้พายตีกิตติ กิตติไม่กล้ากระดิกตัว
“ด่าชั้น แกล้งชั้น ทำให้ชั้นอายต่อหน้าคน เพราะฉะนั้น ตาย มาตายด้วยกัน” แววมยุราหัวเราะสะใจ กิตติกลัวตายมาก
“อย่า อย่า ชั้นกลัว ชั้นยังไม่อยากตาย ชั้นยังไม่อยากตาย”
“ถ้ายังไม่อยากตายต้องสัญญากับชั้นก่อน”
“สัญญาอะไร”
“สัญญาว่าจะไม่ทำกับชั้นแบบที่เคยทำมาก่อน”
“สัญญาบ้าบออะไร”
“ไม่สัญญาก็ตายซะ” แววมยุราเอาไม้พายตี ตี ตี กิตติ
“เจ็บๆ เอ้าสัญญาก็สัญญา”
“พูดตามชั้นเดี๋ยวนี้ พนมมือด้วย ข้าพเจ้า... ขอสัญญาว่า” กิตติพูดตามเบาๆ ไม่พนมมือ แววมยุราเงื้อไม้พายตีลงมาอีก “ดังๆ พนมมือด้วย ชั้นบอกให้ดังๆ” กิตติพูดเบาอีก “ดังๆ พนมมือด้วย”
“ข้าพเจ้ากิตติ สาระดำรง ขอสัญญาว่า...”
“จะไม่ขู่เข็ญ ทำร้ายร่างกายชั้น ตบตีชั้น ให้ได้รับความเจ็บปวด” กิตติพูดตามเบาๆ “ดังๆ”
“จะไม่ขู่เข็ญ ทำร้ายร่างกายชั้น ตบตีชั้น ให้ได้รับความเจ็บปวด”
“ถ้าชั้นทำอย่างนี้อีก ขอชั้นมีอันเป็นไป ต่างๆ นาๆ หายไปจากโลกนี้”
กิตติพูดตาม แววมยุรายังเอาไม้พายตีอีก
“ชั้นสาบานแล้วยังจะตีอีกเหรอ หยุดซะทีสิ”
“โกรธอีกแล้วเหรอ” แววมยุรายกพายจะตี ทำเรือโคลง
“ผมกลัวแล้ว ขอโทษ กลับฝั่งเร็วเดี๋ยวเรือล่ม ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
มัทนี นรีและเพื่อนๆ อาทิตย์ ได้ยินเสียงของสองผัวเมีย จึงหัวเราะชอบใจ
“สัญญาลูกผู้ชายต่อหน้าเจ้าสมุทรต้องเป็นสัญญา”
“จ๊ะ สัญญาจ๊ะ เข้าฝั่งเถอะผมกลัวแล้ว”
“สาธุ สาธุ”
แววมยุรายอมพายเรือเข้าฝั่ง
กิตติกับแววมยุรากลับขึ้นฝั่ง ขณะนั้นกลุ่มมัทนี นรี อเนก แท่น โทนี่อยู่บนฝั่ง
“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง”
“ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป”
“ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
“ให้เหล้าเท่ากับแช่ง ไม่สิ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กงกรรมกงเกวียน”
“สมน้ำหน้าชอบข่มแหงผู้หญิง ชัยชนะของวีรสตรี คุณแววเอาคืนให้หนัก เอาให้หนักๆ” นรีตะโกนเสียงดัง
กิตติได้ยินเสียงพวกนี้ อายหันไปด่าแววมยุราอีก
“อีนัง...”
แววมยุรายกพายขึ้นจะตี
“สาบาน สาบานต้องเป็นไปตามสาบาน”
กิตติยังไม่ยอมแพ้ นรีตะโกนเข้ามา
“เราได้ยินทั้งหมดที่คุณพูดสาบานในเรือแล้ว เราเป็นพยาน”
“เห็นมั้ย ชั้นมีพยานตั้งหลายคน ไป เดินไปเร็วๆ ชั้นเมื่อย ไป ไป ไปเดี๋ยวนี้” แววมยุราพูดพร้อมกับยกพายจะ
ตีกิตติ กิตติยกมือไหว้
“ครับ”
นรีเดินเข้ามา
“ชั้นขอปรบมือให้ในความเป็นสุภาพบุรุษของคุณ”
ทั้งหมดยืนขึ้นปรบมือให้ แววมยุรายิ้มอย่างผู้ชนะ
มัทนีเดินจ้ำไปตามเส้นทาง มองหาอาทิตย์ ทุกคนช่วยกันมองหา นรีกับอเนกเอารูปอาทิตย์ในมือถือไปถามชาวบ้านแถวนั้น แต่ทุกคนก็ส่ายหน้า ทั้งหมดเดินมาถึงท่าเรือที่จะไปตามหาอาทิตย์ ทั้งหมดขึ้นเรือไป
เรือแล่นไปในทะเลเห็นเกาะอยู่ตรงหน้า อเนกชี้ว่าเกาะนี้แหละ
เรือของมัทนีกับเพื่อนจอดที่เกาะ ทั้งหมดขึ้นเกาะแล้วช่วยกันตามหาอาทิตย์แต่ก็ไม่เจอ
มัทนีนั่งลงที่เก้าอี้ริมหาด สีหน้าหมดอาลัย
“คุณมัท วันนี้มันไม่มา พรุ่งนี้มันอาจจะมาก็ได้นะ” อเนกพูดปลอบ
“อย่าเพิ่งหมดหวังนะครับ” โมกข์บอก
“จะค่ำแล้ว กลับไปพักก่อนดีมั้ย แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
“หรือมันจะไปสวนสนุกเอเวอร์แลนด์”
“เออใช่ เป็นไปได้ มันต้องอยากไปขี่ม้าหมุนที่นั่น”
“งั้นวันนี้เรากลับไปพัก กันก่อนดีมั้ย”
“พี่นรี พวกคุณ ขอบคุณนะคะที่พยายามช่วย แต่ไม่ต้องพยายามแล้วค่ะ ช่างมันเถอะ พี่นรีกลับที่พักก่อนเถอะค่ะ”
“มัทก็กลับด้วยกันสิ”
“มัทขออยู่ที่นี่อีกสักพักนะคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ มัทไม่ทำอะไรโง่ๆ บ้าๆ หรอก แค่อยากนั่งพักเงียบๆ คนเดียวนะคะ”
“ก็ได้ มัทเปิดมือถือไว้นะ มีอะไรโทรหาพี่ตลอดนะ”
“ค่ะ”
ทุกคนค่อยๆ ทยอยกันออกไป ทิ้งมัทนีนั่งอยู่คนเดียว
มัทนีนั่งอยู่ที่เดิม ในขณะที่มัทนีนั่งนิ่งรอคอยอาทิตย์อย่างหมดหวัง
อีกด้านหนึ่งที่ห้องส่ง จำเนียรก็กำลังจัดรายการวิทยุ
“หลายท่านอาจจะกำลังตั้งคำถามว่า เรื่องราวที่ผ่านมา ที่ดิฉันพูด ดิฉันสอน เอาประสบการณ์มาจากไหน ค่ะ ดิฉันไม่ได้ประสบพบเจอเองโดยตรง แต่เป็นประสบการณ์จากการเฝ้าดูชีวิตคนอื่น จนไม่ได้ดูชีวิตตัวเองเลย ฮะๆ แต่ประเด็นที่ดิฉันอยากแจ้งก็คือ สิ่งที่ดิฉันพูดและแนะนำ ดิฉันพูดจากใจบริสุทธิ์ ด้วยจิตกุศลที่อยากให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตกับผู้หญิงทุกคน ดิฉันไม่เคยโกหก ไม่เฟค รู้สึกอะไรก็พูดอย่างนั้น เพราะดิฉันเชื่ออย่างที่ได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่าการผิดศีลข้อนึง จะนำไปสู่การผิดศีลอีกหลายๆ ข้อเสมอ และมันก็จะนำไปสู่ความผิดหวัง สูญเสีย จนทำให้คนบางคนเคว้งคว้าง ไปไม่เป็น เหมือนวิญญาณออกจากร่าง ไม่รู้จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร แล้วเราจะผ่านวิกฤตของชีวิตไปได้อย่างไร”
“ถ้ามั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำหรือเชื่อนั้นถูกต้องดีงาม ดิฉันก็ขออวยพรให้คุณๆ มีกำลังใจที่ดี”
ระหว่างที่จำเนียรจัดรายการวิทยุ นรีกับอเนกก็ช่วยกันตามหาอาทิตย์ ส่วนโทนี่โพสต์ลงทวิตเตอร์โดยแท็กชื่ออาทิตย์ บวรกิจบรรหารถี่ๆ ว่า “อาทิตย์อยู่ไหน มัทนีรออยู่โว้ย!” “ไม่สงสารมัทนีหรือไงวะ” “ไอ้เพื่อนใจร้าย ถ้าไม่ไปหามัทนี เลิกคบ” “เฮ้ย นี่อยากให้เลิกคบจริงๆ ใช่มั้ยวะ”
“ขออวยพรให้มีกัลยาณมิตรที่เกื้อหนุนต่อเติมกำลังใจให้ เพราะสิ่งดีๆ ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรง่าย การเป็นคนดีไม่ง่าย การจะมีชีวิตครอบครัวที่ดีก็ไม่ง่าย อุปสรรค ปัญหา วันเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้อนคุณให้จนมุม แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามันทำได้แค่บั่นทอนคุณ..มันปล้นคุณธรรมและความดีงามไปจากคุณไม่ได้ ตราบใดที่คุณไม่ยอม”
“อย่ายอมนะคะ มีกำลังใจ หนักแน่นเข้าไว้ แล้วเวลาจะพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่างเอง”
มัทนียังนั่งรออาทิตย์อยู่ที่เดิม เพื่อนอาทิตย์มองอยู่ไกลๆ มัทนีน้ำตาไหล เสียใจกับการตัดสินใจผิดของเธอ
ที่ห้องส่งขณะที่จำเนียรจัดรายการอยู่ หาญก็เข้ามายืนด้านนอกห้องส่ง ที่เป็นกระจกมองเห็นกัน จำเนียรอึ้งที่เห็นหาญ ทั้งคู่มองหน้า จำนียรยังคงจัดรายการต่อไป
“ใครที่กำลังมีคนรัก ขอให้ดูแลคนรักอย่างซื่อสัตย์ ให้เกียรติ เคารพในกันและกัน”
หาญถือป้ายที่เตรียมไว้หลายๆ แผ่น ชูขึ้นมาแผ่นหนึ่งมีข้อความ ว่า “ผมขอโทษ”
“เพราะความรัก ไม่ใช่แค่ว่าเราจะรักกันได้นานแค่ไหน แต่หมายถึงเราจะดูแล เอาใจใส่ ยอมแพ้ ลดทิฐิ ละศักดิ์ศรี ทิ้งตัวตนให้แก่กันมากแค่ไหนด้วย มันถึงเป็นความรักที่สมบูรณ์”
ระหว่างจำเนียรพูด หาญเปิดป้ายต่อๆ ไป มีข้อความเรียงดังนี้ ...ผมรักคุณ / ผมจะไม่บวช / ไม่อยากให้ศาสนาเสื่อม / เพราะ / ผมหยุดรักคุณไม่ได้ / ผมจะอยู่อย่างนี้ / และรักคุณตลอดไป / ผมรักคุณ / ผมรักคุณ / ผมรักคุณ / ผมรักคุณ / ผมรักคุณ / และ /
“ผม จะ รัก คุณ จน ตาย” คราวนี้หาญพูดออกมาเป็นคำพูด
จำเนียรน้ำตาไหล พูดรายการประโยคสุดท้าย
“อ้อ ยังค่ะ ค่นั้นยังเป็นความรักที่สมบูรณ์ไม่ได้ จนกว่าจะรวมคำว่า “ให้อภัย” เข้าไปด้วย”
จำเนียรพูดจบก็ผละจากไมค์ ออกมาหาหาญทันที หาญทรุด ปลดเปลื้องทุกสิ่งทุกอย่าง
“ผมรักคุณนะคุณจำเนียร”
จำเนียรเข้าไปหา หาญไหว้ จำเนียรรับไหว้แทบไม่ทัน หาญกอด จำเนียรกอดตอบ
เวลาผ่านไป มัทนียังคงนั่งรออาทิตย์อยู่ที่เดิม บรรยากาศเริ่มใกล้ค่ำ อยู่ๆ มีคนมานั่งข้างๆ โดยมัทนีไม่รู้ตัว และเสียงคนๆ นั้นก็ดังขึ้น
“รอนานมั้ย” มัทนีชะงัก จำได้ หันกลับมา อาทิตย์ยิ้มรออยู่ “ตั้งใจจะรอไปถึงเมื่อไหร่”
“ก็จนกว่าคุณจะมา”
“ถ้าผมมาปีหน้า”
“ก็จะรอ”
“คุณจะนั่งอย่างนี้ตลอดทั้งปี ไม่กลับบ้านเลยเหรอ”
“กลับ แต่ที่รอน่ะ” มัทนีชี้หัวใจ “ที่นี่ จนตายก็จะรอ”
“ยัยบ๊องเอ๊ย” อาทิตย์ลูบหัวมัทนีแล้วดึงมาโอบ “ทำไมต้องทำตัวปัญญาอ่อนอย่างนี้ด้วย”
“ก็อย่าหายไปไหนอีกสิ”
ทั้งคู่นั่งโอบกันตรงนั้น มัทนีน้ำตาไหล
“ไม่ได้อยากหายไปเลย ไม่ได้อยากเลย แต่ผมกลัวทำให้คุณมีความสุขไม่ได้ ผมกลัวคุณจะเสียใจเพราะผม ผมรักคุณนะ”
“รักกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกัน สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน ตายด้วยกัน”
“แล้วถ้าผมตายก่อนล่ะ”
“ชั้นก็จะเสียใจที่คุณตาย แต่จะไม่เสียใจที่รักคุณ ความรักจะอยู่กับเราตลอดไป”
“ความรักจะอยู่ตลอดไป”
“ใช่”
สองคนซึ้งใจกัน อาทิตย์พูดกัดตัวเอง
“พูดมาได้ ละครไทยชัดๆ”
ทั้งคู่ยิ้มๆ หัวเราะๆออกมาได้
วันต่อมาที่บนเวทีการแสดงในคลับเมดมีการแสดงของอาทิตย์และเพื่อนๆ เพื่อฉลองความรัก ความสำเร็จให้ อาทิตย์กับมัทนี
มัทนีกับนรีนั่งมองอมยิ้ม ทั้งหมดแสดงอย่างมีความสุข การแสดงบนเวทีจบ ทุกคนถอดหน้ากากออก อาทิตย์ออกมาพูด
“ผมเพิ่งรู้จักกับความสิ้นหวัง กับความสูญเสีย ความอ้างว้าง ว้าเหว่ เหวา เดียวดาย ตอนแรกผมก็มีความรู้สึกว่าผมอยู่ได้ ไม่แคร์ไม่จำเป็นต้องมีใคร ไม่จำเป็นต้องมีเธอ ผมจะใช้ชีวิตของผมแบบพ่อไก้แจ้อย่างมีความสุข แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมแพ้ แพ้ใจตัวเองมาโดยตลอด ตั้งแต่ผมได้เจอเธอ ได้รู้จักเธอ ได้เริ่มรักเธอ และรักเธอจนหมดหัวใจพอผมสูญเสียเธอไป ผมสิ้นคิด ผมอ่อนแอหมดหวังในชีวิตผม ผมรู้ว่าชีวิตนี้ผมขาดเธอไม่ได้ ผมอยากอยู่กับเธอจนลมหายใจ
สุดท้าย มัทนี”
ภาพจอแอลอีดีข้างหลังเป็นภาพอาทิตย์นั่งเหงาๆ ตอนเพื่อนสนุก อาทิตย์เหงา โทนี่เป็นคนถ่ายไว้ มัทนีมองซึ้งกับความรัก ความคิดถึงของอาทิตย์จึงร้องไห้ออกมา
เวลาผ่านไป อาทิตย์ให้มัทนีขี่หลังเดินเล่นไปตามชายหาด
“ตอนที่คุณหายไป ไปไหนมา” มัทนีถามขึ้นมา
“ไม่บอก”
“บอกมา”
“ก็นั่งรถไปเรื่อยๆ ไปไหนบ้างก็ไม่รู้ นอนไหนกินอะไรไปบ้างก็จำไม่ได้”
“แล้วทำไมถึงกลับมา”
“เพราะมีลุงคนนึง เข้ามาทักผม”
“ว่า”
“คิดอะไรอยู่”
“คิดอะไรอยู่?”
มัทนีทำเสียงแปลกใจ
“มัทนี ผมตอบว่ามัทนี แล้วผมก็เลยรู้ตัวว่าตลอดเส้นทางที่ผมไป ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน ในหัวผมมีแต่คุณ ผมก็เลยกลับมา”
“อาทิตย์ ขออะไรอย่างนึงได้มั้ย”
“ได้ทุกอย่างเลย”
“อย่าโกหกอะไรกันอีก เพราะการผิดศีลข้อนึง มันจะนำไปสู่อีกข้อนึงเสมอ พูดความจริงกับชั้น ไม่ต้องกลัวชั้นเสียใจ”
“อืม งั้นต่อไป ถ้าคุณแก่ หนังเหี่ยว ตีนกาเรียงเป็นตับ หรือหน้ายับเป็นทิชชู่เปียก ผมก็ต้องพูดตามตรงใช่มั้ย”
“พอ ให้โกหกเรื่องรูปร่างและหน้าตาชั้นได้เรื่องนึง เพราะชั้นก็จะโกหกคุณเรื่องนี้เหมือนกัน”
“งั้นตกลง คุณจะสวยเต่งตึงดึ๋งดั๋งในสายตาผมเสมอ”
“คุณก็จะหล่อล่ำเร้าใจแซ่บเว่อร์ในสายตาชั้นตลอดไปเช่นกัน”
“น่ารักจังเลย”
“ก็รักสิ”
อาทิตย์ดึงมัทนีมาหอม
“รักอยู่แล้ว รักๆๆๆ”
อาทิตย์จะหอมอีก มัทนีดันหน้าไว้
“พอแล้ว รู้แล้วว่ารัก”
“คุณล่ะ จะไม่รักผมบ้างเหรอ”
“ไม่”
“นะ นิดนึงนะ” มัทนีจำยอม หอมอาทิตย์ “มัท”
“หือ”
“แต่งงานกันอีกสักรอบมั้ย ครั้งแรกถือว่าซ้อมเนอะ คราวนี้ผมอยากแต่งกับคุณจริงๆ ล่ะ โอเคมั้ย”
“โอเค”
อยู่ๆ พวกเพื่อนๆ โผล่เข้ามา ส่งเสียงเฮฮา
“เฮ้ย พวกแก มาเมื่อไหร่วะ” อาทิตย์ถามอย่างตกใจ
“โทนี่ ได้มั้ยวะๆ” โมกข์ถาม
“ชัดแจ๋วเลยเว้ย” โทนี่โชว์มือถือให้เห็นว่ารูปที่หอมกันตะกี้ถูกถ่ายเอาไว้ “ทั้งคลิปทั้งภาพนิ่ง ฉากจุ๊บ เนื้อๆเน้นๆ อัพโลด”
“มานานแล้วเว้ย เห็นทุกช็อต ถ่ายไว้ทุกฉาก แกเสร็จชั้นล่ะ”
“อย่านะ ถ้าจะอัพ ช่วยถ่ายใหม่ดีกว่า จะได้โพสต์ท่า เลือกมุมสวยๆ หน่อย” มัทนีคว้ามืออาทิตย์ หามุมสวย “มาๆ เอายังๆ”
“ไงล่ะ จะว่าที่ภรรยาใหม่แต่คนเก่าของชั้น”
“ภรรยาใหม่ นี่จะแต่งงานกันอีกเหรอ จริงเหรอมัท”
“อื้อ”
“ไชโย พ่อกับแม่มัทต้องดีใจแน่ๆ”
นรีบอกอย่างดีใจ
“พ่อกับแม่” มัทนีทำหน้าสงสัย
“มัทยังไม่รู้ใช่มั้ย คุณป้าให้อภัยลุงแล้ว คืนดีกันแล้ว พวกท่านต้องดีใจมากที่มัทกับอาทิตย์ก็แฮปปี้เอนดิ้ง”
“เรากลับไปจัดงานแต่งงานใหม่ แล้วชวนพ่อกับแม่มัทแต่งใหม่อีกรอบพร้อมกับเราดีมั้ย”
“ดีเลย”
“แต่งด้วยคนดิ แต่งกับยัยปีศาจแมงมุมอีกรอบ จะได้รื้อฟื้นความรักสมัยโน้นหน่อย”
“งั้นเราแต่งด้วยนะ” อเนกขอร่วมด้วย
“ค่ะ” นรีตอบรับ
อาทิตย์กอดมัทนี อเนกกอดนรี โมกข์กดโทรศัพท์หาปะการัง แท่นกับโทนี่มองตาปริบๆ
“การแต่งงานมันดีจริงๆ เหรอวะ” แท่นถามโทนี่
“นั่นดิ”
“อยากรู้พวกแกต้องลองเอ๊ยเว้ย เลิกเป็นพ่อไก่แจ้ได้แล้ว” อาทิตย์บอกแล้วสบตาหวานกับมัทนี “มัท เรามาทำให้ความรักของเราเป็นตำนานเถอะ”
“หือ? ยังไงคะ”
“อาทิตย์รักมัทนี”
อาทิตย์ตะโกนออกมา
“มัทนีรักอาทิตย์”
“นรีรักอเนก”
“อเนกรักนรี”
“โมกข์รักปะการัง”
ทุกคนตะโกนตาม แท่นกับโทนี่มองหน้ากันแล้วตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ไม่มีคนให้รัก”
ทุกคนหัวเราะขำอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์