สามี ตอนที่ 13
ราพณ์พารามเข้ามาในห้องหนังสือ รามชะงักอย่างแปลกใจที่เห็นอาม่า รัตนาวลี รังรอง รุ้งราย ระริน รสิกา รวมตัวกันอยู่
“เฮียต้องการคุยเรื่อง...คุณลินดา...” ราพณ์เริ่มเรื่อง “เรื่องของป๊า...มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องตัดสินใจร่วมกัน”
รามมองทุกคนในห้องราวกับเป็นคนทำผิดซะเอง เขาเดินไปคุกเข่าตรงหน้าอาม่า
“อาม่า....”
รามก้มลงกราบที่เท้า อาม่าจับตัวรามขึ้นมาอย่างตกใจ
“อาราม...”
“ผมขอโทษแทนหม่าม๊าในความผิดที่ม๊าทำ ผมรู้ว่ามันยากที่ทุกคนจะอภัย แต่ผมขอได้ไหมครับ...ขอให้อาม่ากับทุกคนอภัยให้กับม๊าผม....ผมสัญญานะครับว่าผมจะทำให้ม๊ากลับตัวเป็นคนดีให้ได้นะครับอาม่า...”
อาม่ามองไปทางกลุ่มของราพณ์ รามมองตามพยายามอ้อนวอน
“ผมขอโทษแทนหม่าม๊านะเฮีย เจ้ ริน...ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเสียใจทั้งเรื่องแม่ใหญ่ ทั้งป่าป๊า...ผมขอโทษ”
รังรอง รุ้งราย ระรินมองราพณ์ให้เป็นคนตัดสินใจ ราพณ์ดึงรามให้ลุกขึ้นมา
“เฮียเข้าใจความรู้สึกของแกนะราม แต่ตอนนี้เรื่องถึงตำรวจแล้ว...”
“เฮีย...ผมไม่อยากให้ม๊าติดคุก ถ้าผมตาย ใครจะดูแลม๊า เฮีย..ช่วยม๊าผมได้ไหม...”
“เฮียจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เชื่อเฮียนะ”
“ผม....อาจจะไม่ได้อยู่ดูแลม๊า ม๊าไม่มีใครนอกจากผม ผมเป็นห่วงม๊า....”
รังรองจับมือราม
“เจ้กับพี่น้องทุกคนจะช่วยดูแลคุณลินดาให้เหมือนกับเป็นม๊าของเจ้เอง เจ้สัญญา”
รามลุกขึ้นมองรังรองและพี่น้องทุกคนรู้สึกจุกในอกกับความอาทรที่พี่น้องมอบให้
“เจ้...”
“เจ้ขอโทษนะราม ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้ทำไม่ดีกับแกมาตลอด” รังรองบอกอย่างจริงใจ
“เจ้ก็ขอโทษที่มองแกไม่ดี ทำให้แกเสียใจ” รุ้งรายบอกอย่างเสียใจ
ระรินเข้ามาหาราม ยกมือไหว้ราม
“เฮีย รินขอโทษ ขอโทษที่พูดจาแย่ๆ กับเฮียมาตลอด ขอโทษที่ทำให้เอียเสียใจ เฮียยกโทษให้รินได้ไหม”
รามมองทุกคน พูดไม่ออกได้แต่พยักหน้า ระรินเข้ากอดราม
“เฮีย..ต่อไปนี้รินจะเป็นน้องที่ดีของเฮีย รินสัญญา”
รามอึ้งๆ แล้วขยับกอดระรินอย่างเปิดใจ ระรินร้องไห้กอดรามแน่น รังรอง รุ้งรายเข้ากอดรามกับระริน
รามผละจากทุกคนหาราพณ์
“ขอบคุณนะเฮีย เฮียคงเหนื่อยกับผมมาก”
“ได้น้องชายกลับมาตั้งหนึ่งคน เหนื่อยกว่านี้เฮียก็ว่ามันคุ้ม”
รามเข้ากอด ราพณ์กอดตอบ เป็นครั้งแรกที่พี่ชายกับน้องชายได้กอดกันอย่างไม่มีกำแพงจริงๆ ทุกคนมองอย่างปลื้มใจ
“ต่อไปนี้จะได้มีความสุขกันซะทีนะ” อาม่ายิ้มอย่างยินดี
“ราม...แกต้องไปหาอาหมอนะ ถ้าเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง เราจะยื้อเวลาไปได้อีกนาน” รังรองบอก
“แล้วเจ้จะสอนงานให้แกเอง มาเป็นผู้ช่วยเจ้นะรา แกสัญญาว่าจะทำให้ LK มีกำไรเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ จำได้ไหม” รุ้งรายเสนอ
รามยิ้มมีความสุขกับการเอาใจใส่ของพี่น้อง ราพณ์ยิ้มปลื้มใจกับบรรยากาศดี ๆ ที่เกิดขึ้น รสิกามองรอยยิ้มราพณ์แล้วคิดถึงคำพูดของแก้ว
‘บอกกับคุณราพณ์สิคะ แล้วคุณหญิงจะได้รู้ว่าความสุขที่สุดของคุณหญิงคืออะไร’
รสิกาแตะมือราพณ์
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณค่ะ”
ราพณ์มองว่าเรื่องอะไร
ราพณ์กับรสิกาเดินออกมาจากห้องกำลังจะขึ้นข้างบน ที่รสิกามีอาการหน้ามืด เซจนราพณ์ต้องรีบเข้ามารับตัวไว้
“คุณหญิง”
ราพณ์รีบอุ้มรสิกาขึ้นชั้นบนทันที
สิริโสภาออกมาจากห้องชะงักที่เห็นราพณ์อุ้มรสิกาเข้าไปในห้อง สิริโสภามองตามอย่างริษยา...ในห้อง ราพณ์วางรสิกาลงบนเตียงอย่างทนุถนอม
“ช่วยหยิบยาดมให้ฉันหน่อยสิคะที่หัวเตียง”
ราพณ์มองที่หัวเตียง เห็นยาดมก็หยิบมาให้ รสิกาดมยาดม
“คุณหญิงเป็นอะไร ปกติผมไม่เคยเห็นคุณหญิงต้องใช้ยาดม”
“ช่วงนี้ฉันหน้ามืดบ่อย ๆ น่ะค่ะ ก็เลยพกติดตัวไว้ เพราะ...”
ราพณ์รู้สึกผิดแทรกด้วยการจับมือรสิกา
“ผมไม่รู้เลยว่าคุณหญิงไม่สบาย ผมขอโทษนะครับ”
“คุณราพณ์คะ....ฉัน...” รสิกาจะบอกเรื่องท้อง
“ผมสัญญานะครับ ว่าผมจะเอาใจใส่คุณหญิงให้มากกว่านี้”
“เรื่องคดีก็ยังไม่เรียบร้อย แล้วยังคุณรามอีก...ฉันเข้าใจค่ะ อย่าคิดมากเลยนะคะ ขอน้ำให้ฉันได้ไหมคะ”
ราพณ์มองเห็นว่าน้ำไม่มี
“เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะครับ รอแป๊บเดียวนะ”
รสิกายิ้มอ่อนโยน ราพณ์เดินออกไป รสิกาหลับตาลงวางสองมือบนท้องพักสายตาอย่างอ่อนเพลีย
เสียงคนเดินเข้ามา รสิกายังไม่ลืมตา
“ขอบคุณนะคะ...”
จู่ๆ มีมือมาวางบนมือของรสิกาแล้วบีบแน่นจนรสิกาต้องลืมตา เห็นว่าเป็นสิริโสภาที่เป็นคนบีบมือของรสิกา
“คุณสิ”
รสิกาปัดมือสิริโสภาออกห่าง
“ออกไปจากห้องของฉัน”
สิริโสภาลุกขึ้น สายตารสิกาเห็นมืออีกข้างของสิริโสภาถือมีดปอกผลไม้ขนาดกลาง
“เธอคิดจะทำอะไร”
สิริโสภากระชับมีดในมือ
“ทำทุกอย่างที่พวกแกจะไม่มีความสุข” สิริโสภามองที่ท้องรสิกา “อย่าหวังว่ามันจะได้ลืมตาดูโลก ฉันไม่ยอมแน่”
สายตาของสิริโสภาน่ากลัวมาก ประกาศกร้าวว่าจะมุ่งร้ายกับรสิกาแน่ รสิกามองรู้สึกได้ถึงความโหดร้ายของสิริโสภา
“ฉันจะแจ้งความ”
“เอาสิ อยากให้รามตีกับราพณ์ก็ลองดู”
“ชัยชนะแบบนี้เหรอคะที่คุณอยากได้ ยอมทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อความโกรธแค้น”
“มากกว่านี้ฉันก็ยอม”
“คุณจะไม่มีวันชนะ...”
สิริโสภามองอย่างไม่ยอมแพ้ เดินออกไปอย่างเชิดหน้ามาก รสิกามองตามเครียดๆ รสิกามีอาการปวดท้อง พลางคิดคำพูดของหมอ
“คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจนะคะ เพราะจะมีผลกับเด็ก...”
รสิกาคิดหนักคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องลูก
สิริโสภาเข้ามาในห้องตกใจที่เห็นราม สิริโสภาซ่อนมีดไว้ด้านหลัง
“ราม ไม่ไปทำงานเหรอคะ”
“ผมรอคุณ ออกไปด้วยกันนะ”
“ค่ะ”
รามมองสิริโสภานิ่ง สิริโสภาพยายามคิดหาทางว่าจะซ่อนมีดยังไงให้พ้นสายตาราม แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร
“ผมไปรอข้างล่างนะ”
“ค่ะ”
รามออกไป สิริโสภาโล่งอกมองมีดในมืออย่างสะใจ
ราพณ์เข้ามาพร้อมกับเหยือกน้ำ ชะงักที่เห็นรสิกานั่งอยู่ที่เตียงสีหน้าดูเครียด
“คุณหญิงดีขึ้นแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ...”
“แล้วเรื่องที่คุณหญิงจะคุยกับผม เรื่องอะไรเหรอครับ”
รสิกามองราพณ์อย่างตัดสินใจแล้วลุกไปหยิบเช็คที่ถูกฉีกขาดออกมาจากกระเป๋า รสิกายื่นเช็คที่ถูกฉีกขาดส่งให้กับ ราพณ์อึ้ง จำได้ว่าเป็นเช็คที่เซ็นให้กับสิริโสภา
“คุณหญิง...”
“คุณสิ...ฝากมาคืนให้คุณค่ะ”
“คุณหญิง ฟังผมอธิบายก่อนนะครับ เรื่องของผมกับสิ...”
“เขาบอกฉันแล้วล่ะค่ะ ทุกเรื่องที่เขาอยากให้ฉันรู้ ฉันเสียใจนะคะที่คุณไม่ยอมบอกฉัน”
“ผมกลัวคุณจะเสียใจ...โกรธผม...ไปจากผม”
“ถ้าคุณคิดว่าเรื่องของสิริโสภา...จะทำให้ฉันต้องหมดรักจากผู้ชายที่ยอมทำทุกอย่างแม้แต่ปกป้องฉันด้วยชีวิต...ถ้าฉันเป็นผู้หญิงที่แยกแยะอดีตกับปัจจุบันไม่ได้แบบนั้น คุณยังจะรักฉันเหรอคะ”
“คุณหญิง...ผมขอโทษ..”
“คุณสิเกลียดฉันมาก เขาจะไม่มีวันไปจากเรา”
“ผมอยากจะจัดการให้เด็ดขาด แต่รามรักสิริโสภามาก”
“ที่ฉันบอกคุณ เพราะฉันอยากให้คุณเลิกกังวลเรื่องของฉัน คุณไม่ได้มีความลับกับฉันอีกแล้ว ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณต้องจัดการ ทั้งจับฆาตกร ดูแลคุณรามและทุกคนในครอบครัว ขอให้คุณรู้นะคะว่าฉันทำทุกอย่างด้วยความเข้าใจ”
ราพณ์มองรสิกาอย่างขอบคุณ ขณะที่รสิกามองราพณ์อย่างตัดสินใจ
รามเดินนำสิริโสภาไปที่สวนสาธารณะร่มรื่น สิริโสภามองอย่างข้องใจสงสัยมาก
“คุณเป็นอะไรคะราม ทั้งตัวคุณ พี่น้องคุณก็มองฉันแปลก ๆ มีอะไรคะ”
รามมองสิริโสภาอย่างพยายามรวบรวมความกล้า
“ตั้งแต่เล็กจนโต ผมไม่เคยมีพี่น้อง ไม่มีเพื่อนที่ผมจะรู้สึกได้ถึงความจริงใจ จนบังเอิญมาเจอคุณ คุณเข้ามาวันที่ผมรู้สึกโดดเดี่ยว ทำให้ผมอยากมีคุณอยู่ด้วยกันตลอดไป”
สิริโสภามองราม คิดว่ารามเพ้อๆ ฟังแบบไม่ใส่ใจนัก
“จนถึงวันที่ผมรู้ว่าการที่ผมเจอคุณไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
สิริโสภาหันมองราม รามมองนิ่งจนสิริโสภารู้สึกได้ว่ารามรู้ความจริง
“ใช่ไหมครับ....”
สิริโสภาทำหน้าไม่ถูกเพราะเดาอารมณ์รามไม่ถูกว่าจะคาดคั้นหรือยังไงดี
“ระหว่างเราสองคน มีความจริงหลายเรื่องที่ผมไม่เคยถาม เรื่องของคุณกับ...เฮียราพณ์”
สิริโสภาอึ้งและรู้ว่าบ่ายเบี่ยงไม่ได้แล้ว เธอเห็นความเสียใจในสายตาของราม
“นานแค่ไหนแล้วที่คุณรู้”
“ตั้งแต่วันที่คุณทะเลาะกับเฮียราพณ์ในห้องนอนเฮียราพณ์”
สิริโสภารู้สึกผิดนิด ๆ
“ฉันขอโทษ...”
“ผมยังหวังว่าบางทีคุณคงมีเหตุผลที่ดี...”
“ก็แค่ผู้หญิงคนนึงที่ถูกแย่งคนรักไป ฟังไป..มันคงไม่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นหรอกนะ”
รามเจ็บปวดที่ดูสิริโสภาไม่ได้แคร์หรือเสียใจในสิ่งที่ทำกับเขา แต่สิ่งที่กำลังจะพูดต่อเจ็บปวดกว่าที่ต้องเป็นคนพูด
“คุณจะโกรธจะเกลียดฉันก็ได้..ไม่อภัยให้ฉัน..ฉันก็เข้าใจ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดี ๆ ที่คุณให้กับฉันมาตลอด ลาก่อนนะคะ”
“ผมไม่โกรธคุณ...”
สิริโสภาชะงัก หันมองรามอย่างไม่อยากเชื่อ
“เพราะสิ่งที่ผมทำกับคุณมันแย่กว่านั้นมาก....”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ไปโรงพยาบาลกับผมนะสิ..”
“ทำไม”
สิริโสภามองอย่างรอคำตอบ
“ผมจะดูแลคุณเอง ผมมีเงินมากพอที่จะดูแลคุณไปตลอดชีวิต”
“ราม”
สิริโสภามองอย่างคาดคั้น ต้อนรามให้พูด
รามพยายามรวบรวบกำลังใจอย่างยากเย็น
“...ผมติดเชื้อ HIV”
สิริโสภาตะลึง
“ผมขอโทษนะสิ”
“คุณโกหก”
“คุณต้องไปตรวจนะสิ ถ้าคุณติดเชื้อ...”
“ไม่”
“สิ...”
สิริโสภาชี้หน้า
“คุณมันก็เลวเหมือนพี่ชายคุณ ทำลายชีวิตฉัน ฆ่าฉันทั้งเป็น ฉันเกลียดคุณ เกลียด”
รามสะเทือนใจ
“สิ...ผม”
“ฉันจะไม่มีวันอภัยให้พวกคุณทุกคน ไปให้พ้น”
รามเห็นอาการสิริโสภารู้ว่าไม่มีทางฟังแน่ๆ ตัดสินใจเดินกลับไป ทิ้งสิริโสภาไว้ตามลำพัง คิด แล้วเธอก็นึกถึงสิ่งที่รสิกาพูด
‘ชัยชนะแบบนี้เหรอคะที่คุณอยากได้ ยอมทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อความโกรธแค้น’
‘มากกว่านี้ฉันก็ยอม’
‘คุณจะไม่มีวันชนะ...’
สิริโสภากรีดร้องโหยหวนเพราะรู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองคือผู้แพ้..แพ้รสิการาบคาบ ทันใด สายตารสิกาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“ฉันจะไม่ยอมแพ้...ไม่ยอม”
สามี ตอนที่ 13 (ต่อ)
ราพณ์ รุ้งราย รังรองนั่งรออยู่ในห้องทำงาน ครู่หนึ่งลินดาเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีครับคุณลินดา...ขอบคุณนะครับที่ยอมมา”ราพณ์พูดขึ้นก่อน
“ถ้าคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ฉันไม่เอาเรื่องยัยคุณหญิงฆาตกรล่ะก็...ไม่มีทาง” ลินดาบอกทันที
“เรารู้ค่ะว่าคุณจะไม่ยอมหยุดถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการ” รังรองไม่พอใจ แต่พยายามระงับอารมณ์
ลินดามองว่าหมายความว่ายังไง รุ้งรายเอาเอกสารมายื่นให้ ลินดารับมาอย่างแปลกใจว่าเอกสารอะไร แต่พอมองดูก็ยิ่งแปลกใจ
“นี่เป็นเอกสารทรัพย์สินกับหุ้นในบริษัทส่วนของรามทั้งหมด ที่เฮียจัดการให้กับรามและคุณลินดา” รุ้งรายอธิบาย
“ทำไมต้องจัดการให้ ในเมื่อเจ้าสัวจะต้องทำพินัยกรรมแบ่งทรัพย์สินอยู่แล้ว แล้วที่พวกแกแบ่งมันจะยุติธรรมกับฉันได้ยังไง ฉันไม่ยอมรับ ต้องเปิดพินัยกรรมสิ ฉันถึงจะยอม”
“ป๊าไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้”
ลินดาอึ้ง
“พวกแกโกหก”
“เป็นความจริงค่ะ ป๊ารู้ดีว่าราพณ์จะแบ่งทุกอย่างให้กับพี่น้องอย่างยุติธรรมที่สุด ถ้าคุณลินดาข้องใจ...” รังรองหันไปพยักหน้าให้น้องสาว
รุ้งรายส่งเอกสารให้อีกชุด
“เอกสารชุดนี้แจกแจงทรัพย์สินและหุ้นทั้งหมดในกิจการของลิ้มวัฒนาถาวรกุล และส่วนแบ่งในมรดกของแต่ละคน คุณลินดาเช็คได้ว่าทุกอย่างถูกแบ่งอย่างยุติธรรมหรือไม่”
“ถ้าฉันรู้ว่าพวกแกโกงลูกฉันแม้แต่บาทเดียว ฉันจะฟ้องพวกแกทุกคน” ลินดามองทุกคนอย่างไม่พอใจ
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกเห็นแก่ตัวแล้วรักลูกเหมือนกับแม่คนอื่นบ้าง” ราพณ์เริ่มหงุดหงิด
“ฉันต้องการให้รามสุขสบาย ได้ทุกสิ่งที่เขาควรจะได้ ที่ฉันทำทุกอย่างเพราะฉันรักราม”
“คุณรักตัวเองต่างหาก คุณอยากได้ อยากมี อยากเอาชนะ ใช้รามเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายความสุขของทุกคน คุณเคยคิดบ้างไหมว่ารามเป็นคน เขามีจิตใจ เขาต้องการความรัก ผมขอร้อง...คุณช่วยกลับไปดูแลราม รักราม...อย่างที่แม่ดีๆ สักคนจะรักลูกของเขาได้”
“ฉันจะเลี้ยงลูกยังไงมันก็เรื่องของฉัน พวกแกอย่าสะเออะมาสั่งสอนฉัน คนที่ได้รับทุกอย่างจากเจ้าสัวอย่างพวกแกไม่มีวันเข้าใจฉันกับราม...ไม่มีวัน”
“คุณลินดาคะ...”
รังรองพยายามจะพูด ลินดาไม่ฟังเดินออกไปเลย สามคนได้แต่มองกันอย่างเครียดๆ
ราพณ์เข้ามาในห้องอย่างเครียดๆ รสิกาที่รออยู่แล้ว ถามทันที
“สำเร็จไหมคะ”
ราพณ์ลงนั่งสีหน้าเครียด
“ผมเปลี่ยนใจเขาไม่ได้”
รสิกาวางมือบนไหล่ราพณ์
“ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นนะคะ”
ราพณ์จับมือรสิกามาแนบหน้า
“ผมเหนื่อย....อยู่ข้างๆ ผมนะครับคุณหญิง”
รสิกายืนมองราพณ์ด้วยความรู้สึกเจ็บเพราะตัดสินใจแล้วว่าจะไป รสิกาน้ำตาคลอมองอย่างพยายามตัดใจ
ลินดากลับเข้ามาในบ้านที่ปิดไฟมืด เห็นเงาตะคุ่มนั่งอยู่มุมหนึ่ง
“นั่นใคร”
ลินดาเปิดไฟอย่างหวาดระแวงชะงักที่เห็นรามนั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่มุมหนึ่ง
“ราม...เป็นอะไร”
“ม๊า....”
ลินดาลงนั่งข้างราม รามโผเข้ากอดลินดาอย่างต้องการที่พึ่ง
“ม๊ารักผมนะครับ...รักผม อย่าทิ้งผมไป”
ลินดาไม่เข้าใจแต่ก็ปลอบ
“ม๊ารักรามสิลูก รักที่สุดในโลก เด็กดีของม๊า”
ลินดากอดอย่างปลอบโยน รามกอดลินดาแน่น
ราพณ์เดินลงมาจากชั้นบนอย่างร้อนรน เจอกับรัตนาวลี
“หม่อมครับ....เห็นคุณหญิงไหมครับ”
“ยังไม่ลงมานี่คะ” รัตนาวลีพูด
“คุณหญิงไม่ได้อยู่ข้างบนนะครับ ผมโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย แล้วเสื้อผ้าบางส่วนก็หายไปด้วย”
รัตนาวลีตกใจ แหววเข้ามาจากด้านใน รัตนาวลีหันไปถามทันที
“แหวว เห็นคุณหญิงไหม”
“ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ มีกระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วยนะคะ แหววถามก็ไม่ยอมบอกว่าไปไหนค่ะ
ราพณ์กังวลพยายามโทรหา รัตนาวลีกังวลมาก เสียงมือถือรัตนาวลีดังขึ้น รัตนาวลีมองโทรศัพท์แล้วรับอย่างดีใจ
“อ้าย...อ้ายอยู่ไหนลูก...” รัตนาวลีตกใจ “อ้ายเป็นอะไรลูก”
รัตนาวลีมาพบรสิกาที่สวนสาธารณะที่นัดกันไว้ รสิการออยู่อย่างกระวนกระวาย
“อ้าย”
“หม่อมแม่”
รสิกาเข้ากอดรัตนาวลีร้องไห้
“แม่จะให้สิริโสภาออกจากบ้าน แม่จะไม่ยอมให้ลูกต้องโดนทำร้ายแบบนี้อีก ลูกไม่ต้องหนี แม่จะปกป้องลูกเอง”
“อ้ายไม่อยากเป็นปัญหาของคุณราพณ์ค่ะหม่อมแม่ ตอนนี้ในบ้านมีเรื่องมากพอแล้ว อ้ายเครียดกับทุกเรื่องในบ้านจนอ้ายกลัวว่าจะมีผลกับลูก อ้ายไม่พร้อมจะสู้รบปรบมือกับใครจริงๆ ค่ะหม่อมแม่”
รัตนาวลีกอดอ้ายอย่างเข้าใจ
“แม่ขอโทษนะอ้ายที่รู้เรื่องนี้ช้าไป แต่ตอนนี้อ้ายกำลังท้อง แม่ไม่อยากให้ลูกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว”
“อ้ายอยากออกไปตั้งหลัก รอให้อ้ายคลอดเขาได้อย่างปลอดภัย ถึงตอนนั้น อ้ายจะกลับมาช่วยคุณราพณ์ มาจัดการทุกปัญหาให้มันจบ”
“แม่จะไปกับอ้าย แม่จะไม่ยอมปล่อยอ้ายไปคนเดียว”
“แล้วอาม่า แม่นม ทุกคนในบ้านนี้ล่ะค่ะ”
รัตนาวลีอึ้งไป
“อ้ายดูแลตัวเองได้ค่ะ แต่ที่อ้ายห่วงที่สุดคือพระลบ”
“อ้ายไม่ต้องห่วงนะ แม่จะดูแลหลานให้เอง แล้วนี่อ้ายจะกลับไปอยู่ที่วังใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ อ้ายไม่อยากให้สิริโสภาเจออ้ายได้ง่ายๆ”
“แล้วอ้ายจะไปไหนล่ะลูก”
รสิกานิ่งอย่างวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว
ราพณ์เข้ามาในห้องทำงานที่รัตนาวลีรออยู่
“หม่อมทราบเหรอครับว่าคุณหญิงไปไหน” ราพณ์ถาม
“ค่ะ” รัตนาวลีตอบรับ
“หม่อมช่วยขอร้องให้คุณหญิงกลับมาได้ไหมครับ ผมเป็นห่วงเขา”
“ภาระหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัวที่คุณรับอยู่มันหนักนะคะ คดีของอ้าย คุณชาญชัย คุณลินดา คุณราม ตัวอ้ายเองไม่อยากเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ให้คุณต้องแบกรับ เมื่อคุณจัดการเคลียร์ทุกอย่างได้แล้ว ค่อยไปรับอ้ายกลับมา”
“ถึงตอนนั้น มันจะไม่สายเกินไปใช่ไหมครับ”
“สิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตคู่คือ การรู้จักตัวตนของอีกฝ่าย ยอมรับและปรับตัวเข้าหากัน คุณรู้จักตัวตนของภรรยาคุณดีหรือยัง”
“ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบเคลียร์ทุกอย่างเพื่อจะได้รับคุณหญิงกลับมา”
รัตนาวลียิ้มพอใจที่ราพณ์ยอมเข้าใจและรู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป
สกรรจ์พารสิกาเข้ามาในบ้านพักที่เขาใหญ่
“ที่นี่ล่ะครับ...หลายปีแล้วครับที่ผมไม่ได้ปรับปรุงอะไรเลย”
รสิกามองไปรอบๆ แต่สีหน้านิ่งมาก
“ขอโทษนะครับคุณหญิง....คือ ผมดีใจนะครับที่คุณหญิงเลื่อนงานผมขึ้นมาเป็นคิวแรก แต่มันกะทันหันจนผม...แปลกใจ”
“ขอโทษนะคะ ฉันอยากทำงานในที่เงียบๆ”
“ผมเข้าใจครับ นักข่าวคงตามคุณหญิงตลอด แล้วคุณราพณ์รู้ไหมครับว่าคุณหญิงมาที่นี่”
“ฉันไม่อยากให้ใครรู้ค่ะ ฉันต้องขอร้องคุณสกรรจ์อย่าบอกใครนะคะว่าฉันอยู่ที่นี่”
สกรรจ์นิ่งไปไม่ตอบเสเปลี่ยนเรื่อง
“ผมเตรียมของไว้พร้อม คุณหญิงพักที่นี่ได้ตามสบายนะครับ แล้ววันหยุดผมจะแวะมาคุยเรื่องแบบอีกที”
“ขอบคุณค่ะ ฉันขอเดินดูรอบ ๆ ก่อนนะคะ คุณสกรรจ์ต้องการแบบไหนบอกฉันนะคะ”
สกรรจ์พยักหน้ารับ แต่ยังมองด้วยความสงสัยแต่ไม่กล้าถาม
ราพณ์ปรึกษากับรุ้งราย ปฐวี และกันต์
“ฉันจะเจรจาให้คุณลินดายอมเป็นพยานให้กับเรา” ราพณ์บอก
“เจ้รองเอาหลักฐานเรื่องการทุจริตของพี่เขยแกมาให้ฉัน” กันต์เล่า
“มันคงถึงเวลาแล้ว ต้องรีบก่อนที่ทางโน้นจะไหวตัวทัน” ราพณ์สรุป
รุ้งรายมองปฐวีอย่างห่วงความรู้สึก
“คุณวี...คุณแน่ใจนะว่า...”
ราพณ์กับกันต์มองปฐวีที่สีหน้าเครียด
“มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้พ่อปลอดภัยจากมิสเตอร์หยางให้เร็วที่สุด” ปฐวีบอกอย่างมั่นใจ
ทุกคนต่างพยักหน้าให้กันว่าเริ่มดำเนินเรื่องต่อได้เลย
ราพณ์เข้ามาในห้องนอนเห็นพระลบนั่งกอดรูปรสิกา หน้าพระลบเริ่มแดง ๆด้วยอาการไข้
“พระลบ ทำไมยังไม่นอนครับ มันดึกแล้วนะครับ”
ราพณ์ดึงกรอบรูปออกมาเห็นว่าเป็นรูปรสิกา ราพณ์อึ้งไป
“ป๊าครับ เมื่อไหร่หม่าม๊าจะกลับมา พระลบคิดถึงหม่าม๊า”
“พระลบ” ราพณ์ขยับเข้ากอดแล้วชะงัก “พระลบ...”
ราพณ์เอามือจับที่หน้าผากกับตัว
“ทำไมตัวร้อนแบบนี้”
ราพณ์รีบหาผ้ามาชุบน้ำ เช็ดตัวให้พระลบ
“ทานยาแล้วนอนนะครับ จะได้หายไวๆ”
“พระลบคิดถึงหม่าม๊า”
ราพณ์กอดพระลบด้วยความสงสาร แล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
สามี ตอนที่ 13 (ต่อ)
รสิกานั่งทำงานวาดแบบอยู่ในบ้านพัก แต่สมาธิไม่อยู่กับงานเลย เสียงโทรศัพท์ดัง รสิกามองเห็นเป็นราพณ์โทรมา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองแล้วตัดสินใจไม่รับ
ราพณ์มองโทรศัพท์ด้วยความหวังแต่รสิกาก็ไม่ยอมรับสาย ราพณ์กอดพระลบรู้สึกเครียด ครู่หนึ่งเสียงข้อความจากไลน์เข้ามา เขาหยิบมาอ่าน
“ฉันสบายดีค่ะ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยฉันจะติดต่อกลับไปนะคะ”
รสิกานั่งนิ่งอย่างพยายามตัดใจ เสียงข้อความไลน์ดังเข้ามา
รสิกากดดูเป็นคลิปวีดีโอ ราพณ์ถ่ายกับพระลบ
“พระลบคิดถึงหม่าม๊า...”
“พระลบไม่ค่อยสบาย...คุณหญิงครับ...ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไปรับคุณกลับมานะครับ”
รสิกามองด้วยความรักและความคิดถึง
รังรองเข้ามาในห้องประชุม ชาญชัยกับชนพกำลังรออยู่
“รอง ทำไมโปรเจ็คท์ของเฮียถึงเบิกงบไม่ได้” ชาญชัยตวาดถาม
รังรองยังไม่ทันตอบประตูเปิดฤดีเข้ามาอย่างเอาเรื่อง
“นังตัวดี แกใช่ไหมที่สั่งระงับการเบิกเงินของฉัน”
“ค่ะ” รังรองตอบเรียบๆ
“นี่มันเงินของลูกชายฉัน ทำไมฉันจะเบิกไม่ได้ แกไม่มีสิทธิ์ห้ามฉัน”
“รายการทุกบัญชีของทุกบริษัทในเครือ อยู่ในดุลยพินิจของรองที่จะอนุญาตหรือไม่”
“นังรังรอง แกคิดจะหือกับฉันใช่ไหม”
“เงียบ” ชนพสั่ง
“ว่ายังไง ทำไมเฮียถึงเบิกงบไม่ได้” ชาญชัยถาม
รังรองตัดสินใจเด็ดขาด
“เพราะว่าราพณ์จะโอนโปรเจ็คท์ของเฮียให้รุ้งรับช่วงงานต่อ คนที่จะทำเรื่องเบิกต้องเป็นรุ้งเท่านั้น”
ทุกคนอึ้ง
“ไม่ได้ นี่มันโปรเจ็คท์ของเฮีย ไอ้ราพณ์ไม่มีสิทธิ์ยกให้ใคร”
“เฮียถูกปลดจากโปรเจ็คท์ตั้งแต่เฮียกับคุณพ่อปลอมหลักฐานการจองของลูกค้าเพื่อโกงบริษัทแล้วล่ะค่ะ”
“นี่แกพูดบ้าอะไร” ฤดีตวาด
“ถ้าคุณแม่ต้องการหลักฐานทั้งเอกสารและตัวคนที่ขายบัตรประชาชนให้กับคุณพ่อ รองมีพร้อมทุกอย่างค่ะ”
“นังรังรอง ลูกฉันเป็นผัวแก นี่พ่อผัวแม่ผัวแกจะมาพูดอย่างนี้ไม่ได้”
“แล้วทุกคนเคยเห็นรองเป็นสะใภ้บ้างหรือเปล่าล่ะคะ หรือเห็นเป็นแค่ตัวทำประโยชน์”
“ไม่จริงนะรอง เฮียรักรองนะ”
“รองเห็นการกระทำของเฮียแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสำหรับเฮีย...รองเป็นอะไร ที่รองยอมให้คนในบ้านนี้กดขี่เพราะว่ารองเข้ามาเป็นสะใภ้ที่บ้านนี้ ยอมให้ทุกคนเอาเปรียบป๊าของรอง เพราะว่ารองโง่เองที่คิดว่าความดีจะชนะใจทุกคนได้ แต่มาถึงวันนี้วันที่พวกคุณฉ้อโกงบริษัท ทำร้ายป๊าของรอง รองยอมไม่ได้”
“ใครรู้เรื่องนี้บ้าง” ชนพถามอย่างตกใจ
“คนที่ทำร้ายป๊า จะต้องได้รับผลของการกระทำทุกคน”
ฤดีโผเข้าจิกหัวรังรองทำร้ายอย่างไม่มีเก็บอีก
“นังรังรอง แกมันก็แส่เหมือนพ่อแก วอนตายนัก”
“แล้วไอ้ราพณ์มันจะทำยังไง พูดมา” ชาญชัยตวาด
รังรองนิ่ง ชาญชัยเล่นงานรังรอง มีฤดีร่วมด้วย รังรองพยายามปัดป้องแต่สู้แรงบ้าของฤดีไม่ได้ ชนพยืนมองอย่างเลือดเย็น
ราพณ์ กับรุ้งรายเข้ามา ราพณ์พุ่งเข้าต่อยชาญชัย
“ไอ้สารเลว”
รุ้งรายผลักฤดีออกห่างแล้วเข้าไปประคองรังรอง
“พวกคุณมันเลวจริงๆ ทำกับลูกสะใภ้เหมือนไม่ใช่คน”
“นังเสนียดนี่มันไม่ใช่สะใภ้ฉัน” ฤดีตวาด
“ดีค่ะ ขาดกันซะจะทำอะไรก็ไม่ลำบากใจ” รังรองยิ้มเยาะ
ชาญชัยชะงักว่าหมายความว่ายังไง ราพณ์ยกโทรศัพท์ขึ้นเป็นคลิปวีดีโอกล้องวงจรปิดที่ชาญชัยกระชากคอเสื้อของเจ้าสัวเรียวที่คฤหาสน์เจ้าสัวเรียว ทั้งสามคนตกใจ
“รองไม่คิดเลยว่าเฮียจะเลวได้ขนาดนี้”
รังรองมองชาญชัยอย่างเกลียดชัง กันต์กับตำรวจก้าวเข้ามา
“คุณชนพ ผมขอจับกุมพวกคุณในข้อหาฉ้อโกง และคุณชาญชัย ในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าสัวเรียว”
ชาญชัยกับชนพต่างตะลึงอึ้ง ตำรวจเข้าจับกุมชาญชัยกับชนพ
“อย่าจับลูกฉัน...ลูกฉันไม่ได้ทำ” ฤดีกรีดร้อง
“เชิญครับ” กันต์พูดเรียบๆ แต่น้ำเสียงมีอำนาจ
ชาญชัยกับชนพโดนตำรวจคุมตัวไป ชายชัยสบตากับรังรองที่มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไป
“บอกให้เขาปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ฤดีจับรังรองไว้ตะคอก รังรองมองกร้าว
“เอามือสกปรกของคุณออกไป ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความจับคุณอีกคน”
ฤดีอึ้งกับท่าทีของรังรอง รังรองก้าวออกไปอย่างคนใหม่ ราพณ์ รุ้งรายตามออกไป ฤดีวิ่งตามชาญชัยกับชนพไป เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วทั้งตึก
สิริโสภาเข้ามาในบ้าน เห็นลินดาที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่
“เธอกับรามมีเรื่องอะไรกัน” ลินดาหันมาถาม
“เขารู้ความจริงว่าฉันกับราพณ์”
“รู้ได้ยังไง”
สิริโสภาจะตอบ แต่ลินดาที่สายตามองทีวียกมือห้ามไม่ให้สิริโสภาพูด ลินดาหยิบรีโมทเปิดเสียงโทรทัศน์ให้ดังขึ้น ภาพในโทรทัศน์เป็นภาพตำรวจคุมตัวชาญชัยกับชนพออกมาจากบ้านอยู่มุมหนึ่ง
“เวลาเที่ยงของวันนี้ ตำรวจได้เข้าจับกุม นายชนพและนายชาญชัย เลิศพิพัฒน์ ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงบริษัท LK และเป็นผู้ต้องหาในคดีพยายามฆ่าเจ้าสัวเรียว ลิ้มวัฒนาถาวรกุล”
ลินดากับสิริโสภาตกใจ กับสิ่งที่ผู้ประกาศ รายงานข่าว
ประสิทธิ์ขับรถด้วยความเร็ว สุรีย์ส่องนั่งข้างคนขับ มองอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมเราต้องหนีด้วยคะพ่อ ไอ้ชาญชัยมันโดนจับพ่อก็ปิดปากมันซะสิ”
“ไม่ใช่แค่ไอ้ชาญชัย ไอ้วศินอีกคน ถ้าพวกมันซัดทอด ไอ้ราพณ์มันต้องตามบี้เราให้เข้าคุกแน่”
“ก็ฆ่ามันหมดให้ทุกคน รวมทั้งนังอ้าย ไอ้ราพณ์ด้วย พ่อทำได้นี่ ใช่ไหมคะพ่อ” สุรีย์ส่องเห็นประสิทธิ์ไม่ตอบ เรียกซ้ำ “พ่อ”
“ได้ ถ้าเรามีเงิน”
สุรีย์ส่องชะงัก
“นี่พ่ออย่าบอกนะ...ว่าพ่อทุ่มลงไอ้หุ้นบ้าๆ นั่นจนหมด”
ประสิทธิ์เงียบไม่ตอบ
สุรีย์ส่องตะลึง กรีดร้อง
“พ่อ…สุไม่ยอมนะ..พ่อต้องเอาทุกอย่างคืนมา”
ประสิทธิ์พูดไม่ออก
ทันใดนั้นรถของลูกน้องหยางขับมาจอดขวางลำกลางถนน ประสิทธิ์เบรกสุดตัว เอี๊ยด!
สุรีย์ส่องศีรษะโขกคอนโซลรถ
ประสิทธิ์มองรถที่จอดขวาง ประตูรถเปิดออก ลูกน้องหยางลงจากรถ สองคนมีปืนกล คนขับหนึ่งคน และอีกหนึ่งคนลงมาพร้อมกับปืนสั้น สองคนที่ถือปืนกลยิงรัวใส่รถของประสิทธิ์
ประสิทธิ์จับตัวสุรีย์ส่องให้ก้มลง แล้วรีบหยิบปืนสั้นจากช่องเก็บของหน้ารถ ถือไว้กระบอกหนึ่ง สิ่งให้สุรีย์ส่องอีกกระบอก
“พ่อจะยิงกันมันไว้ แกลงจากรถแล้วรีบหนีไป”
เสียงปืนยังรัวไม่หยุด ประสิทธิ์กับสุรีย์ส่องเปิดประตูลงจากรถ ใช้ประตูรถกันไว้ สุรีย์ส่องพยายามก้มจะหนีไปทางท้ายรถ แต่จังหวะที่กำลังจะไป ด้านประสิทธิ์ที่กำลังยิงต่อสู้โดนยิงเข้าที่ต้นขา
“โอ้ย”
สุรีย์ส่องชะงักหันกลับมาเห็นว่าประสิทธิ์โดนยิง
“พ่อ”
สุรีย์ส่องตัดสินใจวิ่งกลับมาช่วยยิงสวนกลับไป
“หนีไป”
“เราต้องไปด้วยกัน”
พวกลูกน้องหยางกราดยิงและก้าวเข้ามา ประสิทธิ์กับสุรีย์ส่องช่วยกันยิงสู้ จนกระสุนของทั้งคู่หมด
สุรีย์ส่องตกใจ
“พ่อ...”
ประสิทธิ์เห็นความตายเข้ามาใกล้ตัวเอง พวกลูกน้องหยางก้าวเข้ามารู้ว่าประสิทธิ์กระสุนหมดแล้ว คนขับกับคนที่ถือปืนสั้น เข้ามาลากประสิทธิ์กับสุรีย์ส่องออกมา
ประสิทธิ์กับสุรีย์ส่องอยู่ในวงล้อมของลูกน้องหยาง สุรีย์ส่องหวาดกลัวที่รู้ว่าความตายจะมาถึงตัว ประสิทธิ์กอดสุรีย์ส่องแน่นเตรียมรับชะตากรรม
ทันใดนั้นรถของปฐวีแล่นเข้ามา ปฐวีลงจากรถ ยิงเข้าใส่พวกลูกน้องหยาง ที่ขยับหลบและยิงสวน ราพณ์ลงมาจากรถยิงช่วยคุ้มกันให้ปฐวี
“พ่อ...สุ...ทางนี้”
ประสิทธิ์กับสุรีย์ส่องมองปฐวีอย่างดีใจ
“พี่วี”
ปฐวีโดนยิงเข้าที่แขน
“โอ้ย”
ประสิทธิ์ดึงสุรีย์ส่องให้รีบวิ่งไปหาปฐวีท่ามกลางเสียงยิงโต้ตอบ
รถตำรวจแล่นเข้ามาจอด กันต์กับตำรวจลงมาจากรถแล้วยิงสู้กับลูกน้องหยาง จนฝั่งลูกน้องหยางเริ่มเห็นว่าสู้ไม่ได้ ตัดสินใจกลับขึ้นรถและขับหนีออกไปทันที
ปฐวีวิ่งเข้าไปหาประสิทธิ์กับสุรีย์ส่อง
“พ่อ สุ ปลอดภัยแล้วนะครับ”
ประสิทธิ์มองปฐวี
“ขอบใจมากวี”
สุรีย์ส่องมองปฐวีนิ่ง เรียกเบาๆ
“พี่วี....”
“คุณวี รีบไปจากที่นี่เถอะครับ” กันต์บอก
“ไปที่เซฟเฮ้าส์ผมก่อน”
ประสิทธิ์มองราพณ์อึ้งๆ ปฐวีรู้สึกผิดแต่ยังยืนยันในความปรารถนาดี
“ผมอยากช่วยพ่อนะครับ...”
ประสิทธิ์มองเข้าใจ
“พ่อเข้าใจ...เข้าใจ....”
สิ้นคำของประสิทธิ์ ร่างของสุรีย์ส่องก็ล้มลงทั้งยืน ตึง!
สามี ตอนที่ 13 (ต่อ)
ทุกคนพากันตกใจ ประสิทธิ์เข้าประคอง
“พ่อ...”
ประสิทธิ์ดึงมือที่ประคองสุรีย์ส่องมือหนึ่งขึ้นมา เห็นว่าที่มือของเขาเต็มไปด้วยเลือด กันต์หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรทันที
ทุกคนตกใจที่เห็นว่าสุรีย์ส่องโดนยิงเข้าหลายจุด เลือดกำลังไหลออกมาอย่างน่ากลัว
“ไปโรงพยาบาลเถอะครับ”
ปฐวีเข้าอุ้มสุรีย์ส่องแล้วยกขึ้นจะพาไปที่รถ
“แกจะต้องไม่เป็นอะไร”
“อดทนไว้นะสุ อดทน...”
สุรีย์ส่องพยายามยื่นมือไขว่คว้า
“พ่อ...พ่อ....”
เห็นสุรีย์ส่องพยายามจะยื่นมือมาหา ประสิทธิ์รีบจับมือสุรีย์ส่อง
“พ่ออยู่นี่”
“สุกลัว...พ่อช่วยสุด้วย...สุกลัว...”
พอสิ้นคำของสุรีย์ส่อง มือสุรีย์ส่องตกลงพร้อมกับลมหายใจที่หมดไป ปฐวีตะลึง
“สุ”
“ยัยสุ”
ประสิทธิ์ช็อคมากเข้ากอดสุรีย์ส่อง ราพณ์มองประสิทธิ์กับปฐวีด้วยความเห็นใจในการสูญเสีย
ภาพในโทรทัศน์เป็นการรายงานข่าวจากที่เกิดเหตุ ลินดากับสิริโสภาต่างอึ้งกันไปทั้งคู่
“สุรีย์ส่องตายแล้ว”
“ประสิทธิ์โดนจับ แล้วเราสองคนจะรอดเหรอ เจตนาฆ่าติดคุกตลอดชีวิตนะ”
ลินดากลัวจนสติจะแตก
“ไม่ ฉันไม่ยอมติดคุก...หนี ต้องหนีออกนอกประเทศ”
“เราจะไปไหนได้ คุณมีเงินงั้นเหรอ”
“แล้วจะอยู่ให้โดนจับหรือไง ฉันจะไม่ติดคุก ฉันไม่ยอม”
สิริโสภานึกถึงรสิกาพูด
‘ชัยชนะแบบนี้เหรอคะที่คุณอยากได้ ยอมทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อความโกรธแค้น’
‘มากกว่านี้ฉันก็ยอม’
‘คุณจะไม่มีวันชนะ...’
สิริโสภาสายตากร้าวมาก ไม่ยอมแพ้ สิริโสภาเห็นลินดาเริ่มคุมตัวเองไม่ได้
“คุณลินดา...”
“ฉันจะไม่ยอมติดคุก”
สิริโสภาจับลินดาหันมาบีบแขนแน่น ตะคอกใส่
“คุณลินดา”
ลินดาชะงักที่โดนสิริโสภาเสียงแข็งใส่ สิริโสภาสายตากร้าว
“ฟังฉัน เราจะรอด ถ้าคุณทำตามที่ฉันบอก”
ลินดามองอึ้งๆ ว่าสิริโสภาจะทำยังไง
รสิกายืนอึ้งมองภาพข่าวในโทรทัศน์
“คุณลุง...สุรีย์ส่อง....” รสิกานึกได้ “พี่วี...”
รสิการีบหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก
ประสิทธิ์นอนหลับบนเตียงคนไข้ ปฐวีนั่งนิ่งอยู่ข้างเตียง รุ้งรายนั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ ปฐวีเหม่อลอยเจ็บกับการสูญเสีย รุ้งรายมองด้วยความเห็นใจ เสียงมือถือดัง รุ้งรายมองเป็นมือถือของปฐวีที่ดัง รุ้งรายมองปฐวีที่นิ่งเหมือนไม่ได้ยิน
“คุณวีคะ...คุณหญิง...”
ปฐวียังนิ่ง รุ้งรายตัดสินใจกดรับ
“สวัสดีค่ะ คุณหญิง...นี่รุ้งนะคะ”
“คุณรุ้ง พี่วีเป็นยังไงบ้างคะ”
“บาดเจ็บนิดหน่อยค่ะ คุณประสิทธิ์ปลอดภัย แต่คุณสุ...”
“พี่วีคงเสียใจมาก อ้ายฝากพี่วีด้วยนะคะ”
“คุณหญิงไม่ต้องห่วงนะคะ รุ้งจะดูแลคุณวีเองค่ะ”
“ขอบคุณนะคะคุณรุ้ง”
“แล้วคุณหญิงอยู่ที่ไหนคะ”
“อ้ายต้องทำงานต่อแล้วค่ะ ขอวางสายก่อนนะคะ”
รสิกาตัดบทแล้วจัดการวางสายทันที รุ้งรายมองโทรศัพท์รู้ว่ารสิกาตั้งใจปกปิดที่อยู่ รุ้งรายหันมองปฐวีที่นิ่งอยู่ เธอเข้าไปจับมือ ปฐวีน้ำตาคลอแต่ไม่พูด
เสียงมือถือรสิกาดัง รสิกามองแล้วกดรับ
“สวัสดีค่ะ คุณพร มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ”
ศิริพรคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณริมถนน
“ขอโทษนะคะคุณหญิงที่โทรมารบกวนเวลานี้ แต่พรเห็นข่าวครอบครัวคุณหญิง พรเป็นห่วงน่ะค่ะ ก็เลยโทรมาถาม ...คุณกอบกู้ก็เป็นห่วงคุณหญิง วันนี้ก็เห็นถามๆ คนในออฟฟิศว่าคุณหญิงไปทำงานโปรเจ็คท์ไหน”
“อ้ายมาทำงานของคุณสกรรจ์ที่เขาใหญ่น่ะค่ะ คงจะอีกสักพักถึงจะกลับกรุงเทพ อ้ายรบกวนคุณพรแจ้งคุณกอบกู้ให้ด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะ พรจะบอกให้นะคะ”
ศิริพรวางสายหันมาสิริโสภาที่ยืนอยู่ด้วย สิริโสภายิ้มอย่างสมหวังที่รู้ว่ารสิกาอยู่ที่ไหน
“ขอบคุณมากนะคะพี่พร”
“นี่คุณหญิงคงทะเลาะกับคุณราพณ์หนักนะคะ ถึงขนาดหนีไปไม่บอกใคร”
“ที่บ้านเป็นห่วงกันมากเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่พร”
“ช่วยสามีภรรยาดีกันได้ พี่ก็ยินดี...”
สิริโสภายิ้มร้าย
รามเดินเข้ามาที่หน้าบ้านชะงักที่เห็นราพณ์ กันต์ และตำรวจ
“เฮีย...”
“ราม...คุณลินดาอยู่ที่ไหน”
“ไม่อยู่ในบ้านเหรอครับ”
“รถไม่อยู่ แล้วก็ติดต่อไม่ได้ด้วย”
“ผมก็ไม่รู้ วันนี้ผมไปตามหาสิทั้งวัน แล้วนี่ตำรวจมาที่นี่ทำไม” รามนึกได้ “มาจับม๊าผมเหรอเฮีย”
“ตอนนี้เฮียชาญโดนจับแล้ว เฮียชาญซัดทอด ตำรวจต้องการให้คุณลินดาไปให้ปากคำ”
“ถ้าคุณลินดาหนี ทางเราคงต้องออกหมายจับ” กันต์บอก
ราพณ์พูดเบากับราม
“เฮียกลัวว่าเรื่องจะบานปลาย ถ้าคุณลินดาขัดขืน รามเข้าใจใช่ไหม”
รามกังวล
“ผมจะรีบตามหาม๊าให้เจอ แล้วจะพามาหาเฮียให้เร็วที่สุด”
ราพณ์มองรามอย่างกังวล เขาต้องการช่วยลินดาจริง ๆ รามเองก็เครียดเครียด
รสิกานั่งทำงานอยู่ในบ้าน เสียงกริ่งดังขึ้น เธอชะงักมองออกไปด้านหน้าบ้าน แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตูมองออกไปแต่ไม่เห็นมีใคร จึงเปิดประตูออกไป แล้วเดินไปมอง ๆ ที่รั้วบ้านแต่ก็ไม่เห็นมีใคร แต่พอหันกลับมาก็เห็นมือสิริโสภาที่ถือไม้ตี ผัวะ! รสิกาล้มลงสลบไปทันที
ลินดาก้าวเข้ามายืนมองรสิกาอย่างพอใจกับผลงาน
ราพณ์กับรุ้งรายกลับเข้ามาที่ห้องโถง พบรัตนาวลี รังรอง อาม่าที่มารออย่างกระวนกระวาย
“อาราพณ์ ลื้อบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“เฮียกับเจ้เล่นหายกันไปทั้งคืน พอมีข่าวยิงกันแต่ติดต่อเฮียไม่ได้ก็นั่งกันไม่ติดเลย เจ้ก็อีกคนไม่โทรกลับมาบอกเลย” ระรินบ่น
“ขอโทษนะคะอาม่า เรื่องมันวุ่นวายมากน่ะค่ะ”
“แล้วตาวีเป็นยังไงบ้างคะ” รัตนาวลีถามอย่างกังวล
“บาดเจ็บนิดหน่อยครับ ช่วงระยะทำใจครับ”
“ไม่น่าเลย...”
“แล้วสิริโสภากลับมาหรือยังครับ”
“ออกไปกับคุณรามตั้งแต่เมื่อวานยังไม่กลับมาเลยค่ะ ถามกิมท้อก็ไม่รู้เรื่อง” แหววบอก
ทุกคนยิ่งเครียด
เสียงโทรศัพท์ดัง ราพณ์มองโทรศัพท์แล้วรีบกดรับ
“คุณลินดา”
ทุกคนชะงักฟัง
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
“ปล่อยฉันนะ” เสียงรสิการ้องดังขึ้นมา
ราพณ์ตกใจ
“คุณหญิง”
ทุกคนตกใจที่ราพณ์พูดถึงรสิกา
ลินดาเอามือถือจ่อตรงรสิกาที่พยายามดิ้นรน สิริโสภาผูกผ้าที่ข้อมือแน่นหนา
“โอ้ย”
ราพณ์ตกใจ
“คุณทำอะไรคุณหญิง คุณลินดา”
ลินดาคุยสายด้วยความสะใจ
“ได้ยินแล้วใช่ไหมว่าเมียแกอยู่กับฉัน”
“คุณลินดา อย่าทำให้เรื่องมันบานปลายไปกว่านี้เลยครับ คุณกลับมา พวกเราทุกคนจะช่วยคุณ”
“กลับไปให้พวกแกเอาฉันเข้าคุกเหรอ ไม่มีทาง แกต้องโอนเงินมรดกของรามมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น เมียแกเป็นศพแน่”
“คุณลินดา ฟังผมนะ ตอนนี้รามเป็นห่วงคุณมาก คุณเป็นม๊าของรามเป็นคนในครอบครัว ถึงคุณจะทำผิด แต่เราก็จะช่วยคุณเท่าที่เราจะทำได้ กลับมานะครับ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
ลินดาลังเล
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไง...”
สิริโสภามองลินดาที่ดูลังเล
“ฉัน...”
สิริโสภากระชากมือถือมาจากลินดาทันที
“นี่…รีบจัดการโอนเงินมาซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเลือดของฉันให้กับรสิกา เลือดที่เหมือนกับราม”
ลินดาชะงักมอง รสิกามองสิริโสภาอึ้งๆ ราพณ์ตกใจ
“อย่านะสิ”
“ถ้าห่วงมันนักก็รีบโอนมา ก่อนเที่ยงวันนี้”
สิริโสภาตัดสายทันที
“เดี๋ยวสิ...สิ”
รัตนาวลีเป็นห่วงรสิกามาก
“เกิดอะไรขึ้นคะ แล้วทำไมอ้ายถึงอยู่กับคุณลินดา”
“เราต้องรีบไปช่วยคุณหญิง ก่อนที่สิจะ....หม่อมครับ คุณหญิงอยู่ที่ไหน”
“บ้านคุณสกรรจ์ที่เขาใหญ่ค่ะ”
ราพณ์กดโทรศัพท์
“ผมจะรีบไปช่วยคุณหญิง”
“รุ้งไปด้วยค่ะ”
คนอื่นจะตาม ราพณ์รีบบอก
“คนอื่นๆ รอฟังข่าวอยู่ที่นี่นะครับ” ราพณ์คุยโทรศัพท์ “คุณสกรรจ์ บอกทางไปบ้านเขาใหญ่ให้ผมที เรื่องสำคัญ”
ราพณ์รีบออกไป รุ้งรายตามไป ทุกคนเครียด
จบตอนที่ 13