จ้าวพายุ ตอนที่ 13
เช้าวันต่อมา ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล ศุวิลมีผ้าพันแผลที่หัวยังมีรอยช้ำที่ใบหน้า นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟารับแขกในห้องผู้ป่วย สำลีกับอาภาอยู่ด้วย
“ลม หมอ..เค้าบอกว่าพรุ่งนี้กลับไปอยู่บ้านได้แล้วนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ศุวิลพยักหน้า
“เออ...เมื่อกี้หนูฟ้าโทร.มา บอกว่าเดี๋ยวเค้าจะเข้ามาเยี่ยม”
ศุวิลได้ยินว่าฟ้าใสจะมาเยี่ยมก็หน้าบานขึ้นมาทันที วางหนังสือพิมพ์ลง
“เหรอครับ เออ...น้าสำลีเดี๋ยวเอาของเยี่ยมแบ่งให้ฟ้ากลับไปกินด้วย ยัยนั่นน่ะกินเก่ง”
สำลีมองศุวิลยิ้มๆ รู้ทัน ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา ทุกคนคิดว่าเป็นฟ้าใส
“ฟ้า...”
ปรากฏว่าเป็นแก้วตาที่ยืนถือกระเช้าของเยี่ยมอยู่ ทุกคนต่างทำหน้าไม่ถูก
“คุณลมเจ็บมากมั้ยคะ แก้วขอโทษแทนพี่ชายแก้วด้วยนะคะที่เค้าทำร้ายคุณลม พอดีพี่ชายแก้วเค้าเป็นคนอารมณ์รุนแรง เค้าเข้าใจผิด คิดว่าคุณลมจีบแก้ว เค้าเลยหวงน้องไปหน่อย แต่แก้วเคลียร์กับพี่เค้าแล้วนะคะ”
อาภา สำลี และศุวิลมองหน้ากัน รู้แล้วว่าแก้วตาเป็นเมียน้อยบรรเจิด แต่อาภาไม่อยากพูดทำร้ายน้ำใจ
“หนูแก้ว...หนูแก้วกลับไปเถอะ แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”
“คุณน้าโกรธแก้วเหรอคะ แก้วขอโทษ แต่แก้วเคลียร์กับพี่ชายแก้วแล้วจริงๆ ต่อไปไม่มีเรื่องอะไรแล้วล่ะค่ะ”
แก้วตาจะเดินไปหาศุวิล สำลีทนไม่ไหว เดินมาขวางไว้ทันที
“เลิกสตรอว์เบอร์รี่ได้แล้วแก้วตา ทุกคนเค้ารู้ความจริงกันหมดแล้ว”
แก้วตาชะงักค้าง
“ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พี่ชายหล่อน แต่เป็นคนสนิทของคุณบรรเจิด...คุณบรรเจิดที่หล่อนไปเป็นเมียน้อยเค้าน่ะ!!”
แก้วตาตกใจ
“ไม่ใช่นะคะ น้าสำลีไปเอามาจากไหนน่ะ”
ฟ้าใสเปิดประตูเข้ามาพอดี แก้วตาหันไปมองฟ้าใสตาขวาง
“ออกไปได้แล้ว แล้วอย่ามายุ่งกับหลานชั้นอีก” สำลีไล่
แก้วตามองฟ้าใสด้วยความโมโห คิดว่าต้องเป็นฟ้าใสแน่ๆ ที่บอกทุกคนเรื่องเธอเป็นเมียน้อยบรรเจิด
แก้วตาโกรธมาก ทิ้งกระเช้ากระแทกลงพื้น แล้วปรี่เข้าไปหาฟ้าใส
“เธอบอกพวกเค้าเรื่องชั้นกับคุณบรรเจิดใช่มั้ยฟ้า”
“ไม่ใช่นะแก้ว”
“โกหก!”
แก้วตาทนไม่ไหวตบหน้าฟ้าใส ดังเผียะ! ทุกคนตกใจ ศุวิลปรี่เข้าไปหาฟ้าใสด้วยความเป็นห่วง
โกรธแก้วตา
“คุณออกไปได้แล้วคุณแก้ว”
แก้วตาแทบกรี๊ดที่ถูกศุวิลไล่ แก้วตาออกไป
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมั้ยคุณ”
ฟ้าใสจับแก้มตัวเองนึกโกรธแก้วตา จะต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง
ที่ช่องจ่ายยาในโรงพยาบาลเดียวกันกับศุวิล เจ้าหน้าที่จ่ายยาให้ ปิ่นมณีรับถุงยามา
“ยาคลายเครียด ทานครั้งละสองเม็ด ก่อนนอนนะคะ แล้วก็พยายามอย่าเครียด”
ปิ่นมณีจ่ายเงิน เครียดๆ เรื่องสุธาวีอยู่
ส่วนแก้วตาเดินอารมณ์เสียเรื่องที่ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเมียน้อย ออกมาที่สนามหญ้าด้านหน้าโรงพยาบาล
ที่บริเวณสนามหญ้าเห็นว่าคนงานทำสวนค้างไว้ยังไม่เสร็จ มีกระสอบปุ๋ยวางอยู่แถวนั้นด้วย
ฟ้าใสพุ่งตามออกมา
“แก้วเคลียร์กันก่อน เธอนอกใจอาบรรเจิด มายุ่งกับลมเค้าจริงๆ เหรอ”
แก้วตามองฟ้าใส
“ทำไม หึงลมเค้าเหรอไง ร้ายนะ ไปฟ้องคุณลมว่าชั้นเป็นเมียน้อยอาเธอ”
“ชั้นไม่ได้ฟ้อง ที่เค้ารู้เรื่อง ก็เพราะอาอรไปตามจับเธอที่บ้าน จนความแตกต่างหาก”
อีกด้านหนึ่งปิ่นมณีเดินมา เห็นแก้วตาคุยอยู่กับฟ้าใส ก็ชะงัก สงสัยว่ามีอะไรกัน แต่แก้วตากับฟ้าใสไม่เห็นปิ่นมณี
แก้วตาไม่เชื่อ “นี่อย่ามาโกหกชั้นนะ ใครๆ ก็ดูออก ว่าเธอน่ะชอบคุณลม เก่งนะ ชั้นน่ะอุตส่าห์เสี้ยมเธอกับปิ่นให้ทะเลาะกัน แต่เธอก็สอยคุณลมไปหน้าตาเฉย”
ฟ้าใสอึ้ง ที่แท้ที่เธอกับปิ่นมณีต้องมีปัญหากันเพราะแก้วตานี่เอง
“นี่เธอเป็นคนยุให้ชั้นกับปิ่นทะเลาะกันเหรอ”
แก้วตาหัวเราะหยัน
“ใช่ เธอกับปิ่นมันก็โง่...โง่พอกันทั้งคู่ โดนชั้นจูงจมูกยังไม่รู้ตัว”
ฟ้าใสโกรธสุดขีดกำมือแน่น แก้วตาลอยหน้าลอยตาใส่อย่างน่าหมั่นไส้
ทันใดนั้นปิ่นมณีพุ่งเข้ามาตบแก้วตาคว่ำไป ฟ้าใสตกใจ แก้วตาลุกขึ้นตกใจที่ปิ่นมณีโผล่มา
“กล้ามากนะแก้วตา ที่ตีหน้าซื่อหลอกคนอย่างชั้น”
แก้วตายิ้มเยาะ โมโหเหมือนกันที่ถูกตบ ไหนๆ ทุกคนก็รู้กันหมดแล้ว หล่อนเองก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
“ทำไมปิ่น ...คิดว่าตัวเองดีวิเศษกว่าคนอื่นนักเหรอ ชั้นจะบอกอะไรให้นะ เธอมันก็แค่ผู้หญิงมั่วๆ คนนึง จะเอาทั้งคุณลม จะเอาทั้งคุณวี มั่วแล้วยังโง่อีกต่างหาก”
ปิ่นมณีโกรธจัด ง้างมือจะตบแก้วตาอีก แก้วตาจับมือพยายามกัน แต่สู้แรงไม่ได้ ปิ่นมณีตบหน้าแก้วตาคว่ำ
ฟ้าใสเข้าไปจับปิ่นมณี พยายามห้าม แต่ปิ่นมณีสะบัดออก ระหว่างนั้นแก้วตาอาศัยโอกาสรีบวิ่งหนี ปรากฏว่าดันสะดุดส้นสูงตัวเองล้มลงไปกับพื้น ข้างๆ ที่วางกองปุ๋ย
ปิ่นมณีหลุดจากฟ้าใสได้ ปราดเข้าไป คร่อมแก้วตาทันที ระดมตบซ้าย ตบขวา รัวไม่ยั้ง
“ตีหน้าซื่อหลอกคนอื่นเหรอ”
ปิ่นมณีตบไม่ยั้ง แก้วตาวี้ดว้ายปัดป้องสู้ไมได้ ปิ่นมณียังไม่สะใจ หันไปเห็นกองปุ๋ย กำปุ๋ยมา
“ปากสกปรกนักใช่มั้ย หลอกคนอื่น นี่แน่ะ”
ปิ่นมณีเอาปุ๋ยละเลงหน้าแก้วตาจนดูไม่จืด แก้วตากรี๊ด
ฟ้าใสตั้งหลักได้ ดึงปิ่นมณีออกมาจากแก้วตา
“ปิ่นใจเย็นก่อน”
แก้วตาในสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิงหน้าตาเละเทะ ลนลานหนีไป ปิ่นมณีสะบัดฟ้าใสออก เจ็บใจ
ฟ้าใสรู้สึกเสียใจ บัดนี้เพื่อนทั้งสามคนคงแตกหักกัน ชนิดที่ไม่มีวันกลับมาดีกันได้อีก
ฟากบรรเจิดเปิดประตูบ้านมาไม่เจอแก้วตา เดินหาทั่วบ้านแล้วก็ยังไม่เจอ
“ไปไหนของเค้าอีกเนี่ย”
แก้วตายืนเช็ดหน้าตัวเองอยู่ริมถนน โมโหอยู่คนเดียว
โทรศัพท์ดังขึ้น ที่หน้าหน้าจอเป็นชื่อบรรเจิดโทร.เข้า แก้วตาหงุดหงิด กดตัดสายทิ้ง
แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก บรรเจิดโทร.มาอีกแล้ว แก้วตาไม่พอใจ หงุดหงิดรำคาญมาก กดตัดสายทิ้งอีกรอบ แก้วตามองซ้ายมองขวา จะเดินข้ามถนนไปรอแท็กซี่
โทรศัพท์ดังขึ้นอีก แก้วตามองแล้วเซ็ง ต้องกดรับ
บรรเจิดอยู่ที่หน้าบ้าน
“แก้ว แก้วออกไปไหนอีก ทำไมไม่อยู่บ้าน”
เจอบรรเจิดโทร.ตามแบบนี้ แก้วตายิ่งหงุดหงิดเลย
“แก้วออกมาทำธุระของแก้วบ้างสิคะ คุณบรรเจิดไม่ต้องโทร.ตามหรอกค่ะ กำลังกลับ”
แก้วตากำลังจะข้ามถนน มัวแต่โมโหบรรเจิดอยู่เลยไม่ได้มองรถ คันหนึ่งที่พุ่งเข้ามาเฉี่ยว แก้วตาล้มลงไปกับพื้น สลบไป
รถคันนั้นจอดทันที ประตูรถเปิด เห็นเป็นอรทัยท่าทางตกใจวิ่งลงมา วิทย์ลงตาม อรทัยรีบเข้าไปดู
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
อรทัยเข้ามาดูแล้วเห็นเป็นแก้วตาหมดสติอยู่ ยิ่งตกใจ
“หนูแก้วเพื่อนยัยฟ้านี่”
อรทัยเห็นที่ข้างตัวแก้วตามีมือถือหล่นอยู่ จึงหยิบมือถือใส่คืนกระเป๋าของแก้วตา
บรรเจิดถือโทรศัพท์ เห็นแก้วตาเงียบไปเฉยๆ ก็งง
อรทัยอยู่กับแก้วตา ที่ไม่ได้สติบนรถแล้ว หันไปสั่งวิทย์
“รีบพาไปโรงพยาบาลเร็ว”
ไม่นานต่อมาหมอออกมาจากห้องพักฟื้นของแก้วตา อรทัยยืนรออยู่
“คนไข้ไม่เป็นอะไรมากครับ แค่ตกใจเลยหมดสติไป”
อรทัยโล่ง
“ชั้นฝากคุณหมอด้วยนะคะ เรื่องค่ารักษาชั้นจะจัดการเอง”
หมอเดินออกไป วิทย์ยืนถือกระเป๋าแก้วตายืนรออยู่ โทรศัพท์ในกระเป๋าแก้วตาดังขึ้น วิทย์หยิบโทรศัพท์แก้วตาออกมาจากกระเป๋า ที่หน้าจอเมมชื่อสายเข้าว่า “ฮันนี่”
วิทย์เอาโทรศัพท์ไปให้อรทัย
“โทรศัพท์คุณแก้วครับ”
อรทัยรับโทรศัพท์ไป แต่ยังไม่รับสาย
บรรเจิดงงที่แก้วตาหายเงียบไป แถมไม่ยอมรับสาย
“ทำไมแก้วไม่รับนะ”
อรทัยยืนถือโทรศัพท์แก้วตาอยู่ แล้วตัดสินใจกดรับ
“ฮัลโหล”
เงียบกริบ โทรศัพท์ทางฝั่งโน้นวางสายไปแล้ว อรทัยงง
“เค้าวางสายไปแล้ว”
“เราโทร.กลับดีมั้ยครับคุณอร”
อรทัยคิดๆ มองโทรศัพท์ ว่าจะโทร.ไปดีมั้ย แต่พอเห็นชื่อฮันนี่ อรทัยคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของแก้วตา เดี๋ยวแก้วตาฟื้นแล้วบอกให้โทร.กลับจะดีกว่า
“อย่าดีกว่า เผื่อเป็นเรื่องส่วนตัว เดี๋ยวหนูแก้วเค้าก็ฟื้นแล้ว ให้เค้าโทร.กลับเอง”
อรทัยเก็บโทรศัพท์แก้วตาเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม โดยไม่รู้ว่าตัวเองพลาดอย่างแรง!
อ่านต่อหน้า 2
จ้าวพายุ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ฟากบรรเจิดเป็นห่วงแก้วตามากๆ คิดใคร่ครวญ แล้วตัดสินใจกดหาเบอร์ในโทรศัพท์ ที่หน้าจอเห็นเป็นชื่อเดช บรรเจิดกดโทร.ออกอย่างร้อนใจ
โทรศัพท์ที่บ้านเดชดังขึ้น เดชเดินไปหยิบโทรศัพท์ เห็นชื่อบรรเจิดโทรเข้าก็ชะงัก แล้วตัดสินใจกดรับ
“ครับคุณบรรเจิด”
“แกอยู่กับแก้วหรือเปล่า”
“ไม่ครับ ...ผมสาบานได้ว่าผมจะไม่ยุ่งกับแก้วอีกแล้ว”
“ชั้นติดต่อแก้วไม่ได้ ชั้นเป็นห่วงแก้ว กลัวแก้วจะเกิดเรื่อง”
เดชได้ยินดังนั้น ก็เป็นห่วงว่าแก้วตาไปหาศุวิลอีกหรือเปล่า
“งั้นผมช่วยตามหาแก้วอีกแรงครับ”
“แค่ตามหานะ” บรรเจิดดักคอ เดชอึ้ง เจ็บปวดในใจ
บรรเจิดวางสาย ในใจคิดห่วงแก้วตา
ฟากแก้วตานอนอยู่บนเตียง ที่หัวเตียงมีกระเป๋าถือของแก้วตาวางอยู่ด้วย แก้วตาค่อยๆ สะลึมสะลือฟื้นขึ้นมา พยาบาลกำลังจัดยาให้แก้วตาอยู่ใกล้ๆ เตียง
“ฟื้นแล้วเหรอคะคุณ”
แก้วตามึนๆ อยู่
“ที่นี่ที่ไหน”
“ที่คลินิคค่ะ คุณถูกรถเฉี่ยว แต่ไม่เป็นไรแล้วนะคะ ที่หมดสติน่ะเพราะตกใจ”
แก้วตาทบทวนเหตุการณ์ จำได้ว่าตัวเองถูกรถชนขณะข้ามถนน
“ค่ะ”
พยาบาลเดินออกไป ทันใดนั้นโทรศัพท์แก้วตาดังขึ้น แก้วตาหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมาดู หน้าจอ เป็นชื่อ ฮันนี่ แก้วตากดรับสาย
“ค่ะคุณบรรเจิด”
บรรเจิดที่กำลังขับรถหาแก้วตาอยู่ดีใจมาก
“แก้ว...แก้วเป็นอะไรหรือเปล่าอยู่ๆ ก็เงียบไป นี่ชั้นขับรถตามหาแก้วอยู่เนี่ย”
“แก้วถูกรถเฉี่ยวน่ะค่ะ”
บรรเจิดตกใจ
“อะไรนะ ถูกรถเฉี่ยว แล้วเป็นไงบ้าง”
“แก้วไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ตอนนี้อยู่ที่คลินิก” แก้วตาบอกชื่อ และสถานที่
“งั้นเดี๋ยวชั้นจะรีบไปรับ”
“ค่ะ”
แก้วตาวางสายบรรเจิดไม่ได้คิดอะไร ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา เห็นว่าเป็นอรทัย และวิทย์เดินเข้ามา
“ฟื้นแล้วเหรอจ๊ะหนูแก้ว”
แก้วตาเห็นอรทัย ตกใจสุดขีด
“คุณอาอรทัย”
ด้านบรรเจิดเหยียบคันเร่งขับรถอย่างรีบร้อน ในใจเป็นห่วงแก้วตามาก
ส่วนอรทัย ยืนอยู่ข้างๆ เตียงแก้วตา วิทย์ยืนอยู่ห่างออกไป
“อาขอโทษหนูแก้วด้วยนะจ๊ะ...รถของอาเองที่ขับเฉี่ยวหนูแก้ว”
แก้วตาคิดไม่ตก อรทัยอยู่ที่นี่ และบรรเจิดก็กำลังจะมารับ หล่อนพยายามคิดหาหนทางว่าจะทำไงดี
“แก้วไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ คุณอาอรไม่ต้องเป็นห่วงแก้วนะคะ เดี๋ยวเพื่อนแก้วจะมารับแล้วค่ะ คุณอาอรคงมีธุระ คุณอากลับก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก อาอยู่เป็นเพื่อนหนูแก้วดีกว่า อาเป็นห่วง”
แก้วตาใจเต้นไม่เป็นส่ำ นึกโมโหว่าอรทัยจะมาใจดีอะไรตอนนี้ เดี๋ยวบรรเจิดมาก็ตายกันหมดน่ะสิ
“แก้วไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ คุณอาอร คือ...”
แก้วตายังพูดไม่จบ อรทัยก็กดแก้วตาลงนอนกับเตียงเบาๆ
“นอนพักนะจ๊ะ เดี๋ยวเพื่อนมาถึงแล้วอาจะปลุก”
แก้วตาตกใจยิ่งกว่าเดิม คิดไม่ออก จะทำยังไงดี
ฟากบรรเจิด กำลังขับรถ ในใจเป็นห่วงแก้วตามาก
แก้วตานอนใจเต้นไม่เป็นส่ำ บรรเจิดกำลังจะมาถึงแล้ว แก้วตาตัดสินใจลุกขึ้น เด้งตัวออกจากเตียงทันที อรทัยตกใจ
“หนูแก้วเป็นอะไร”
“พอดีแก้วมีธุระด่วนน่ะค่ะ แก้วต้องไปแล้วค่ะ”
แก้วตาวิ่งปรู๊ดออกจากห้องไปทันที อรทัยวิทย์ตามแก้วตาไปด้วยความเป็นห่วง
สักครู่หนึ่ง เห็นอรทัยกำลังจะขึ้นรถ วิทย์เดินเข้ามา
“ส่งหนูแก้วขึ้นแท็กซี่แล้วใช่มั้ย”
“ครับ เรียบร้อยแล้วครับคุณอร”
อรทัยหมดห่วง เดินกลับขึ้นรถ ขณะที่กำลังจะออกรถ
รถบรรเจิดแล่นเข้ามาจอดอีกด้านหนึ่ง แต่ไม่เห็นรถของอรทัย ส่วนอรทัยเห็นรถบรรเจิดก็จำได้ หล่อนประหลาดใจ
“วิทย์หยุดก่อน นั่นรถคุณบรรเจิด”
อรทัยจดสายตามองบรรเจิด เห็นบรรเจิดรีบร้อน เปิดประตูรถออกมา
ขณะบรรเจิดกำลังจะเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ก็ยินเสียงข้อความไลน์ จึงหยิบโทรศัพท์มาดู เห็นเป็นข้อความจากแก้วตาว่า
“แก้วออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ แล้วเจอกันที่บ้าน”
บรรเจิดงงๆ กลับขึ้นรถ แล้วรีบขับออกไป
อรทัยกับวิทย์มองบรรเจิดอยู่
“คุณบรรเจิดเค้ามาทำไมที่โรงพยาบาลนี่...” อรทัยครุ่นคิด
“คุณอรครับ หรือว่าเมียน้อยคุณบรรเจิด” วิทย์เงียบไปแป๊บหนึ่ง ใช้ความคิด “จะเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่”
อรทัยคิดตาม
“แกไปสืบมาแล้วกันวิทย์”
ฟากสุธาวีในชุดเดิมตั้งแต่เมื่อคืนลุกขึ้นจากเตียง เห็นสูทชุดเมื่อวานกองอยู่ปลายเตียง สุธาวีเครียด ที่ลืมปิ่นมณีไม่ได้ซักที ลุกขึ้นจากเตียง บังเอิญไปโดนสูทหล่นจากเตียง
จดหมายของปิ่นมณีที่อยู่ในสูทหล่นออกมา สุธาวีเห็นแผ่นกระดาษก็งง หยิบขึ้นมา พบว่าเป็นจดหมาย สุธาวีอึ้ง ค่อยๆ อ่าน ราวกับปิ่นมณีมาพูดข้างๆ หู
“คุณวีคะ...ชั้นไม่ขอแก้ตัวอะไรกับคุณอีก ที่ผ่านมา ชั้นไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ชั้นทำเลยสักครั้ง...”
ปิ่นมณีนั่งเขียนจดหมายที่คอนโดของเธอ เมื่อคืนนี้ ตอนสุธาวีเมาหลับอยู่
“เพราะชั้นทำทุกอย่างด้วยความจำเป็น จนกระทั่งชั้นได้มาเจอคุณ คุณรักชั้นมากเหลือเกิน มากจนชั้นไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหน จะรักชั้นได้อย่างนี้อีก และยิ่งชั้นรู้ว่าคุณรักชั้นมากเท่าไหร่ ชั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น”
ปิ่นมณี น้ำตาไหลริน ต้องหยุดปาดน้ำตา
“วันนี้ชั้นคงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ชั้นต้องยอมรับว่าชั้นไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับคุณเลย ทั้งฐานะ ทั้งความดี แม่ของคุณคิดถูกแล้วล่ะค่ะ ชั้นไม่คู่ควรกับคุณ ตัดใจจากชั้นนะคะ อย่าให้อดีตของชั้นทำร้ายคุณมากกว่านี้ อย่าเสียใจกับผู้หญิงอย่างชั้นอีกเลย ส่วนชั้น... ก็จะจำเอาไว้ว่า ชั้นเคยโชคดีแค่ไหน ที่เคยได้รับความรักจากคุณ”
สุธาวีอ่านจดหมายจบ ยิ่งคิดถึงปิ่นมณีมากขึ้น แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ปิ่นมณีเขียนนั้นเป็นหลุมพราง หรือหล่อนรู้สึกอย่างนั้จริงๆ สุธาวีสับสนหนัก
ไม่นานต่อมา ที่มุมหนึ่งหน้าบ้านของปาน มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ เห็นว่าเป็นสุธาวีที่นั่งอยู่ในรถ เขาเห็นปิ่นมณีเดินเข้าไปในบ้าน ปานยืนทำกับข้าวอยู่ที่หน้าบ้าน
สุธาวีเห็นปิ่นมณีแล้วถอนใจ สับสนว้าวุ่นหนัก เขาไม่ควรมาเจอปิ่นมณีอีก แต่ก็ยังตัดใจไม่ไหว
ปานเจอหน้าแบมือทวงเงินปิ่นมณีทันที
“ไหนแกบอกว่าจะโอนเงินมาใช้หนี้ให้ชั้นไงนังปิ่น ชั้นรอแกทั้งวันไม่เห็นแกโอนมาสักที”
ปิ่นมณีถอนใจ เงินก็ไม่มี สุธาวีจับได้ว่าขายตัวอีก
“ชั้นยังหาเงินไม่ได้ ผลัดพวกมันไปก่อนได้มั้ย เดี๋ยวชั้นคุยกับพวกมันเอง”
ปานตกใจ
“จะผลัดพวกมันได้ยังไง แกจำวันที่มันมาพังข้าวของในบ้านไม่ได้เหรอ แกหาเรื่องวอนตายแล้วนะนังปิ่น”
ขาดคำนักเลงสองสามคนเดินเข้ามาท่าทางน่ากลัว ดูเป็นคนสถุล เถื่อน
สุธาวีเห็นนักเลงสองสามคนเดินไปที่บ้านปิ่นมณี ก็สงสัย
นักเลง 1 โวยวาย “เฮ้ย....มาทวงหนี้ตามสัญญาเว้ย...ไหนจ่ายมา”
ปานกลัวนักเลงจนหัวหด ปิ่นมณีก็กลัว แต่ทำเป็นไม่กลัว
“เอ่อ...คือ ชั้น...”
“ตอนนี้ยังไม่มี...แต่ชั้นสัญญาว่าจะหามาให้ได้ภายในอาทิตย์หน้า ขอเลื่อนไปอีกอาทิตย์แล้วกันนะ”
“อ้าว....พูดงี้ก็สวยดิวะ ครั้งก่อนก็สัญญาว่าจะหามาคืนให้”
นักเลง 1 มองปิ่นมณี ตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นว่าสวยดี
“งั้นเอาอีนี่ไปขัดดอกของอาทิตย์หน้าแล้วกัน”
นักเลง 2 กับนักเลง 3 เข้าไปจับปิ่นมณี จะลากไป
ปานตกใจ
“อย่านะ อย่าทำลูกชั้น”
ปานพยายามเข้าไปช่วย แต่ถูกนักเลง 1 ผลักออกไป ปิ่นมณีพยายามดิ้น แต่ดิ้นไม่หลุด
สุธาวีมองเหตุการณ์อย่างตกใจ วิ่งออกจากรถตรงไปที่ปิ่นมณี
“เฮ้ย หยุดนะ...ปล่อยผู้หญิงด้วย”
ปิ่นมณีเห็นสุธาวีทั้งตกใจทั้งแปลกใจ
“คุณวี”
ปานดีใจ สุธาวีมาช่วยตนกับลูกสาวแน่ๆ ปิ่นมณีสะบัดตัวเองหลุดออกจากนักเลงทั้งสอง นักเลงคนหนึ่งเดินเข้าไปมองๆ สุธาวีเห็นท่าทางมีเงินก็หมั่นไส้เข้าไปผลักสุธาวี
“ไอ้หน้าจืด ยุ่งอะไรด้วยวะ อีนังพวกนี้มันติดหนี้นายชั้นอยู่ ชั้นจะทำอะไรกับพวกมันก็ได้ ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัวก็ถอยไปเหอะไป”
“เท่าไหร่” สุธาวีหยิบสมุดเซ็นเช็คขึ้นมา
พวกนักเลงมองหน้ากัน เห็นมีคนมาใช้หนี้ให้ โกงเลย
“แสนสอง”
ปานโวยวายลั่น
“เฮ้ย โกงกันนี่หว่า มันเหลือแค่หกหมื่นนะ ชั้นใช้ไปแล้วครึ่งนึง”
นักเลง 1 หันไปชี้หน้าปาน
“อย่าพูดมาก ครั้งนั้นมันแค่ดอก”
สุธาวีเซ็นเช็ค ส่งให้นักเลงไปเลย นักเลงรับเช็คไป เห็นจำนวนเช็คที่สุธาวีเซ็นว่าแสนห้า นักเลงทั้งสามตาโต
“ชั้นให้แกแสนห้าเลย แล้วจำไว้ อย่ามายุ่งกับคนในบ้านหลังนี้อีก”
นักเลง 1 บอกอย่างรำคาญ “เออ! ให้ง่ายๆ อย่างนี้ก็จบ”
จากนั้นนักเลงทั้งสามยอมกลับไป ปานดีใจ สุธาวีหันไปสบตากับปิ่นมณี ปิ่นมณีซึ้งใจ
ปานรีบกุลีกุจอเอาน้ำมาให้สุธาวี
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณสุธาวี ถ้าไม่ได้คุณวี ชั้นกับนังปิ่นคงแย่แน่ๆ”
สุธาวีหันไปมองหน้าปิ่นมณี ที่มองด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ปานเห็นว่าที่ลูกเขยมาบ้าน รีบชมลูกสาวตัวเองให้ลูกเขยฟัง
“แต่แหม เสียดายนะ คุณวีไม่น่าให้มันไปตั้งแสนห้า หนอย...เป็นหนี้แค่แสนสอง เอาทั้งต้นทั้งดอก ได้ไปเกือบสองแสน นี่ก่อนหน้านี้ปิ่นมันก็ช่วยแม่หาเงินมาจ่ายดอกไปตั้งหลายหมื่น”
สุธาวีอึ้งๆ กับภาระของปิ่นมณี เพิ่งเห็นความจำเป็นว่าทำไมปิ่นมณีถึงต้องขายตัว ปิ่นมณีอึดอัดทำตัวไม่ถูก
“ปิ่นน่ะมันเป็นคนดี ถ้าไม่ได้มัน นี่แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง นี่คุณวีโชคดีมากเลยนะคะที่ได้นังปิ่นมันเป็นแฟนเนี่ย มันเป็นลูกกตัญญู”
ปานชมลูกสาวอย่างภูมิใจ ปิ่นมณียิ่งฟังยิ่งละอายใจ สุธาวีใจอ่อนสงสารปิ่นมณี
“แม่....พอเถอะ” แล้วหันมาทางสุธาวี “คุณวีจะกลับหรือยังคะ...เดี๋ยวชั้นไปส่งที่รถ”
ปิ่นมณีดึงสุธาวีออกไปเลย ปานมองทั้งสองงๆ
ปิ่นมณีมาส่งสุธาวีที่รถตรงริมถนน หล่อนวางหน้านิ่งๆ เข้าหน้าสุธาวีไม่ติด ต่างคนต่างไม่รู้จะทำยังไง
“ขอบคุณมากนะคะ ชั้นจะรีบหาเงินมาใช้คุณให้เร็วที่สุด”
ปิ่นมณีจะเดินออกไป สุธาวีมองปิ่นมณีอ้อยอิ่ง ตัดสินใจเรียกไว้
“เดี๋ยว...” ปิ่นมณีหยุด “แม่คุณไม่รู้ใช่มั้ยว่าคุณทำงานอะไร”
ปิ่นมณีฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเขาพูดถึงเรื่องที่เธอขายตัว
“แม่ก็รู้แค่ว่าเป็นเซลส์แหละค่ะ เรื่องแบบนี้...ถ้าแม่รู้ คงไม่มีแม่คนไหนหน้าชื่นตาบานยิ้มภูมิใจอยู่แบบนั้นหรอก ถ้ารู้ว่าลูกสาวตัวเองขายตัว”
ปิ่นมณีพูดแล้วก็ยิ้มหยันสมเพชตัวเอง
สุธาวีอึ้ง สงสารชีวิตปิ่นมณี เมื่อเห็นอีกด้านที่น่าเห็นใจของหล่อน เขาเริ่มสับสน
“ยังไงเรื่องเงินคุณไม่ต้องห่วง ชั้นต้องหาเงินมาใช้คุณให้ได้”
สุธาวีชะงัก ที่ปิ่นมณีบอกจะหาเงินมา เขาคิดถึงเรื่องขายตัว สุธาวีจับมือปิ่นมณีไว้
“ทำไม...อย่าบอกนะว่าคุณจะกลับไปหาเงินอย่างเก่าอีก”
ปิ่นมณีแกะมือสุธาวีออกนิ่งๆ ในใจก็เสียใจเหมือนกันที่เขามองหล่อนแบบนี้
“ชั้นจะหามายังไง คุณวีก็อย่าสนใจเลยค่ะ”
ปิ่นมณีตัดใจเดินออกไปเลย
สุธาวีกลับเข้าไปนั่งในรถสับสนตัวเองอย่างหนัก แม้เขาจะรักปิ่นมณี แต่ยังไงก็รับไม่ได้ที่คนรักเป็นผู้หญิงขายตัว
สุธาวีตัดสินใจขับรถออกไปเลย ปิ่นมณีเหลียวไปมองตามรถสุธาวีที่ขับออกไป น้ำตาคลอ
อ่านต่อหน้า 3
จ้าวพายุ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ตกเย็นบรรเจิดเข้าบ้านมาหน้าตึง เป็นห่วง พอเห็นแก้วตานั่งนิ่งอยู่ไม่ได้บาดเจ็บหนักก็โล่งใจไปเปราะนึง แต่ก็ไม่พอใจพฤติกรรมแก้วตาวันนี้
“ทำไมไม่รอชั้นอยู่ที่โรงพยาบาล?”
แก้วตาหันขวับ ยังกรุ่นๆ เรื่องเจออรทัย และปัญหารุมเร้าที่ไปเจอมาวันนี้ การเป็นเมียน้อยบรรเจิดสร้างปัญหาให้หล่อนเกินทน
“คุณอรทัยเป็นคนขับรถชนแก้ว!”
“อะไรนะ”
“ถ้าแก้วไม่รีบหนีออกมา ป่านนี้คุณอรคงจับได้ แล้วก็คงฆ่าแก้วไปแล้วละค่ะ!”
บรรเจิดอึ้งสงสารแก้วตาว่าคงขวัญเสียตกใจ บรรเจิดดึงแก้วตามาจะกอดปลอบ แต่แก้วตาสะบัดหนี
“แก้วเบื่อเต็มทีแล้วค่ะ! เบื่อต้องหนีเมียคุณ! เบื่อที่โดนใครๆ เค้าด่าว่าเป็นเมียน้อย”
บรรเจิดชะงัก เหมือนแก้วตาไม่เคยเห็นความตั้งใจของเขาเลย
“แล้วคิดว่าชั้นไม่เบื่อเหรอแก้ว ชั้นเบื่อ แต่ชั้นพยายามอดทน ใจเย็นทุกอย่างเพื่อให้คุณอรยอมหย่า ชั้นอยากให้เรื่องทุกอย่างจบแบบที่ไม่มีใครต้องบอบช้ำ แล้วชั้นก็จะได้มีครอบครัวกับแก้วจริงๆซะที.....ใจเย็นๆ แล้วก็รออีกหน่อยนะแก้ว”
“แก้วฟังเรื่องนี้มาเป็นล้านครั้งแล้ว แต่มันก็ไม่เคยเป็นจริงซะที บางทีนะคะ....คุณอาจจะให้
แก้วรอนานเกินไป นานจนทำให้แก้วคิดได้ว่า....สิ่งที่แก้วรอ มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แก้วต้องการจริงๆก็ได้”
“แก้ว”
บรรเจิดตะลึง อึ้ง มองใบหน้าสวยหวานของแก้วตาที่บัดนี้ดูแข็งกร้าว ไม่เห็นความน่ารักอะไรอีกแล้ว บรรเจิดเสียใจ
“ที่ผ่านมา ชั้นคิดว่าแก้วเบื่อที่ต้องรอชั้น แก้วเลยวอกแวกไปหาผู้ชายอื่น” แก้วตาอึ้ง “แต่วันนี้ ชั้นเพิ่งจะรู้ว่ามันไม่ใช่...ความจริงเป็นเพราะว่าแก้วไม่ได้รักชั้นต่างหาก”
แก้วตาชะงัก หล่อนพลาด ที่หลุดปากพูดไป
“ถ้าอย่างนั้น แก้วก็ไปเถอะ ไม่ต้องรอชั้นอีก...”
แก้วตาอึ้ง ที่บรรเจิดพูดเหมือนจะปล่อยตนไปจริงๆ บรรเจิดเสียใจ หันหลังเดินออกไปทันที
“คุณบรรเจิด”
แก้วตายืนเคว้ง ไม่นึกว่าบรรเจิดจะกล้าทิ้งตน
คืนนั้นบรรเจิดอยู่ที่ห้องทำงานในโรงแรม นัยน์ตาแดงก่ำ เสียใจที่แก้วตาไม่รักเขาอีกแล้ว...โทรศัพท์ดัง ที่หน้าจอ เห็นว่าเป็นชื่อแก้วตาโทรมา บรรเจิดเสียใจ ทำใจรับสายไม่ได้ ตัดสายทิ้ง แต่สักครู่โทรศัพท์ดังอีก บรรเจิดสับสน ด้วยเขารักแก้วตามาก ตัดสินใจรับสาย
แก้วตากระวนกระวายอยู่ที่บ้าน พอบรรเจิดรับก็บีบน้ำตาโทรศัพท์อยู่
“คุณบรรเจิด อย่าทิ้งแก้วไปนะคะ...แก้วขอโทษ แก้วกลัวคุณอร แก้วเลยพูดไม่ดีกับคุณ...”
บรรเจิดยังสะเทือนใจ พูดไม่ออก ค่อยๆ วางสาย เหม่อมองไปข้างหน้า เคว้งคว้างกลางห้อง
“คุณบรรเจิด...คุณบรรเจิด”
แก้วตาวางสายอึ้งๆ ที่บรรเจิดทิ้งหล่อนลงคอ แก้วตาแค้นใจว่าไม่เหลือใคร หันไปกวาดข้าวของบนโต๊ะ ร่วงเกลื่อน..แล้วทรุด นั่งร้องไห้อย่างโดดเดี่ยว
เช้านี้ศิวานอนอยู่บนเตียง ศุวิล อาภา สำลีอยู่ข้างๆ ศิวา พยาบาลอยู่ด้วย
ฟ้าใสอยู่ห่างออกไปกำลังปอกผลไม้ใส่จาน
“หมอบอกว่าคุณอาการดีขึ้นมาก พรุ่งนี้ก็คงออกจากโรงพยาบาลได้” ศุวิลบอกพ่อ
ศิวาพยักหน้ายิ้มๆ ศุวิลยิ้มตอบ อ่อนโยน สองพ่อลูกต่างมีความสุข
ส่วนฟ้าใสปอกผลไม้เครียด ตอนนี้เพื่อนเธอทั้งแก้วตาทั้งปิ่นมณีแตกกันหมดแล้ว
เหตุการณ์ตอนที่ปิ่นมณีตบกับแก้วตาผุดขึ้นมาในความคิด
“นี่เธอเป็นคนยุให้ชั้นกับปิ่นทะเลาะกันเหรอ”
แก้วตาหัวเราะ
“ใช่ เธอกับปิ่นมันก็โง่... โง่พอกันทั้งคู่ โดนชั้นจูงจมูกยังไม่รู้ตัว”
“ปากสกปรกนักใช่มั้ย หลอกคนอื่น นี่แน่ะ”
ปิ่นมณีเอาปุ๋ยละเลงหน้าแก้วตา แก้วตากรี๊ด ฟ้าใสตั้งหลักได้ ดึงปิ่นมณีออกมาจากแก้วตา
“ปิ่น ใจเย็นก่อน”
แก้วตาผมเผ้ากระเซอะกระเซิงหน้าตาเละเทะ ลนลานหนีไป ปิ่นมณีสะบัดฟ้าใสออก เจ็บใจ
ยางคิดฟ้าใสยิ่งเสียใจเพื่อนทั้งสามคนแตกกันไปคนละทาง
ศุวิลเห็นฟ้าใสดูเหม่อๆ เครียด จึงเดินมาจ้องหน้า แต่ฟ้าใสยังไม่รู้ตัว มัวแต่คิดเรื่องเพื่อนอยู่
“คุณ”
ฟ้าใสยังเหม่ออยู่ ศุวิลตะโกนใส่หน้า
“นี่คุณ ได้ยินผมมั้ย”
ฟ้าใสสะดุ้งตกใจเผลอทำมีดปอกผลไม้บาดมือ
“โอ๊ย”
ฟ้าใสดูที่มือตัวเอง เห็นเลือดซึมออกมา ถูกมีดบาด ศุวิลตกใจรีบเข้าไปดูแล ท่าทางศุวิลเป็นห่วงมากเกินกว่าเพื่อน
“เป็นไงบ้างคุณ”
ศุวิลรีบเอาทิชชู่มาซับเลือดให้
เหตุการณ์อยู่ในสายตาของ ศิวา อาภา และสำลี 3 คนจับตามองท่าทางศุวิลที่ห่วงใยฟ้าใสมาก
ศุวิลซับเลือดให้ฟ้าใสไปก็บ่นไป
“คุณนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ นี่ดีนะที่มีดโดนตัวเอง ไม่มาโดนผม”
ฟ้าใสเซ็ง
พยาบาลเปิดเข้ามาเห็นพอดี “เดี๋ยวดิชั้นพาไปทำแผลค่ะ”
พยาบาลจะพาฟ้าใสออกไป ศุวิลจะตาม
“คุณไม่ต้องไปหรอก ชั้นเจ็บมือแล้วก็ต้องมาปวดหูกับเสียงบ่นคุณอีก คนอะไรขี้บ่น”
ศุวิลขำๆ พยาบาลพาฟ้าใสออกไป
ศุวิลหันมา เห็นสามคนมองๆตัน ยิ้มๆอยู่ ก็งุนงง
“ทำไมมองผมอย่างนั้นล่ะครับ”
ทุกคนยิ้มๆ กรุ้มกริ่ม ไม่ตอบอะไร
ในเวลาต่อมา ต่อมาศิวานอนหลับอยู่บนเตียง ศุวิล อาภานั่งจัดผลไม้ใส่จานกันอยู่ สำลีอยู่ด้วย สำลีมองๆศุวิลแล้วทำเสียงแซวคำรามในลำคอไม่หยุด
ศุวิลชะงัก มอง
“เป็นมอเตอร์ไซค์เหรอครับน้าสำลี บิดคันเร่งไม่หยุดเลย”
“แหม อารมณ์ดี แซวน้า...นี่ น้าพูดตรงๆเลยแล้วกัน ลมชอบหนูฟ้าเหรอ?”
ศุวิลชะงัก อาภาตีสำลีเบาๆ
“พูดอะไรน่ะสำลี” อาภาหันมาหาศุวิล “แล้วลมชอบหนูฟ้าเค้าไหมล่ะลูก”
สำลีเหวอ “อ้าว”
“ลม ถ้าลมชอบหนูฟ้า แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ หนูฟ้าเค้าก็เป็นคนดี น่ารัก”
ศุวิลนิ่งคิด ความจริงเขาก็ชอบฟ้าใส แต่เพราะเพิ่งอกหักจากปิ่นมณี ก็ยังทำให้เจ็บอยู่ เลยไม่อยากผลีผลาม
“ฟ้าเค้าก็เป็นคนดีนะครับ...”
ขณะเดียวกันที่หน้าห้อง ฟ้าใสที่ทำแผลเสร็จแล้วเดินมาได้ยิน จึงชะงัก หยุดฟัง
ศุวิลบอกแม่และน้า “แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจ....ตอนที่ผมคบกับปิ่น ผมก็คิดว่าผมกับปิ่นจะไปกันได้ ...แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ ครั้งนี้ ถ้าผมจะคบกับใคร ผมก็อยากรอให้มันแน่นอนซะก่อน”
ฟ้าใสที่อยู่นอกห้องฟังแล้วน้อยใจ
เวลาผ่านไปสักระยะ ศุวิลเดินลงมาจากข้างบนกับฟ้าใส ฟ้าใสท่าทางมึนตึง
“เดี๋ยวผมขอแวะส่งแม่กับน้าสำลีก่อนนะ แล้วจะไปส่งคุณที่โรงเรียนนะ นี่คุณหิวไหม แวะกินอะไรกันก่อนเปล่า?”
“ไม่ต้องไปส่งหรอก ชั้นไปเอง มีธุระ”
“ธุระอะไร? ที่ไหน”
“ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ฟ้าใสเดินออกไปเลย ศุวิลงงๆ
อาภากะสำลีถือถุงของเดินเข้ามา ไม่เห็นฟ้าใสก็งงๆ
“อ้าว หนูฟ้าล่ะจ๊ะลูก”
“กลับไปแล้วครับ เห็นบอกว่าจะไปทำธุระ”
ศุวิลยังท่าทางงงๆ ในอาการของฟ้าใส
ที่ห้องทำงานศุธาวี โน้ตของปิ่นมณีอยู่ในมือของเขา
“วันนี้ชั้นคงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ชั้นต้องยอมรับว่าชั้นไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับคุณเลย ทั้งฐานะ ทั้งความดี แม่ของคุณคิดถูกแล้วล่ะค่ะ ชั้นไม่คู่ควรกับคุณ ตัดใจจากชั้นนะคะ อย่าให้อดีตของชั้นทำร้ายคุณมากกว่านี้ อย่าเสียใจกับผู้หญิงอย่างชั้นอีกเลย ส่วนชั้น...ก็จะจำเอาไว้ว่า ชั้นเคยโชคดีแค่ไหน ที่เคยได้รับความรักจากคุณ”
สุธาวี ถอนใจ เขาอ่านโน้ตของปิ่นมณีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ยังไม่รู้ ไม่แน่ใจว่า ตกลงปิ่นมณีหลอกตนอีกหรือเปล่า เสียงเคาะประตูดังขึ้น สุธาวีพับโน้ตเก็บ เลขาสาวเดินเข้ามา
“ได้เวลาประชุมแล้วเหรอ”
“เปล่าค่ะคุณวี...มีคนฝากนี่ให้คุณวีค่ะ”
สุธาวีแปลกใจ เลขายื่นซองสีขาวให้
สุธาวีรับมาแกะดู เห็นว่าเป็นเช็คเงินจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ลงชื่อปิ่นมณี เขาชะงัก
“เค้าไปไหนแล้ว? เค้ากลับไปแล้วเหรอ”
เลขาไม่ทันตอบ สุธาวีวิ่งพรวดออกไปทันที
สุธาวีวิ่งกระหืดกระหอบออกมาหน้าเดอะกลอรี่ เห็นปิ่นมณีขึ้นแท็กซี่ไปพอดี แท็กซี่เคลื่อนที่ออกไป สุธาวีวิ่งตาม แล้วชะงัก หยิบมือถือขึ้นมากดหา แต่ปิ่นมณีคุยมือถืออยู่
“แม่ นี่เบอร์ใหม่ชั้น แม่เมมไว้นะ...เดี๋ยวชั้นไปหา ชั้นเพิ่งเรียกแท็กซี่ได้” หล่อนนิ่งฟัง “รถชั้นก็ขายไปแล้วน่ะสิแม่ ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ล่ะ”
สุธาวีอึ้ง เบอร์โทร.ปิ่นมณีติดต่อไม่ได้ ปิดเบอร์ไปแล้ว เขาตรงไปยังลานจอดรถเดอะกลอรี่
สุธาวีขึ้นรถ ขับรถออกไปราวกับจะบิน
สุธาวีเดินมาเร็วรี่ท่าทางร้อนรนเคาะประตูห้องคอนโดปิ่นมณีรัวเร็ว แต่ยังไม่มีใครเปิด สุธาวีเคาะแรงขึ้น
“ปิ่น เปิดประตูให้ผมหน่อย ปิ่น”
ประตูเปิดพรวด เห็นผู้ชายหุ่นดีคนหนึ่ง นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนอยู่ หน้าหงิก
“มาหาใคร?”
สุธาวีอึ้ง ตกใจ คิดว่าผู้ชายคนใหม่ของปิ่นมณี สุธาวีทำหน้าไม่ถูก จนมีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่หน้ามาจากในห้อง สุธาวีงงๆ
“นี่พวกคุณเป็นใคร? นี่ห้องปิ่นไม่ใช่เหรอ?”
ชาย หญิงงงๆกัน ผู้หญิงคิดออก
“ปิ่น?...คนเช่าคนก่อนหรือเปล่าคะ...ย้ายออกไปแล้วล่ะค่ะ ชั้นกับแฟนเพิ่งมาเช่าต่อ”
สุธาวีหน้าตาผิดหวังที่ไม่เจอปิ่นมณี
สุธาวีจอดรถก็พรวดมาที่หน้าบ้านของแม่ปิ่นมณี พบว่าประตูบ้านปิด ที่หน้าประตูมีกระดาษเขียนติดไว้ว่า ห้องแถวให้เช่า พร้อมเบอร์ ติดต่อ
มีป้าคนหนึ่งเดินผ่านมา เห็นสุธาวีมองป้ายอึ้งๆ
“สนใจจะเช่าเหรอคะคุณ”
“ป้าครับ คนที่เค้าเคยอยู่ที่นี่ ที่เปิดร้านขายอาหารน่ะ เค้าไปไหนแล้วครับ”
“พวกนังปานน่ะเหรอ? มันเช่าต่อไม่ไหวแล้ว เห็นว่าย้ายไปอยู่ที่อื่น ไปกันหมดทั้งบ้านเลย” ป้าบอก
สุธาวีอึ้ง
“ย้ายไปที่ไหน ป้ารู้ไหมครับ”
ป้าส่ายหน้า แล้วเดินจากไป
สุธาวีแทบทรุดหมดแรง ไม่รู้จะไปตามหาปิ่นมณีที่ไหน
ค่ำนั้นสุธาวีเดินทอดอารมณ์มาหยุดที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งในสวยสวย ลงนั่งที่เก้าอี้ ทอดถอนใจ คิดถึงปิ่นมณี รู้สึกตระหนัก และชัดเจนในใจว่า เขาขาดปิ่นมณีไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้คงสายไปแล้ว สุธาวีหยิบโน้ตของปิ่นมณีขึ้นมามองๆ ไม่ได้เปิดอ่าน
ชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านมา หัวเราะกันท่าทางมีความสุข สุธาวีมองตามนึกถึงวันที่ตนกับปิ่นมณีเคยอยู่และมีความสุขด้วยกัน
อีกมุมหนึ่งของสวน ปิ่นมณีเดินครุ่นคิด นึกถึงสุธาวีเช่นกัน หล่อนเดินสวนกับชายหญิงคู่เดียวกับที่เดินผ่านสุธาวีเมื่อครู่ ปิ่นมณีมองคู่รักแล้วก็ยิ้มเศร้าๆ กับตัวเอง ถึงจะรักสุธาวีมาก แต่ตอนนี้ คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
ปิ่นมณีเดินมา กำลังจะถึงตรงที่สุธาวีนั่งอยู่ แต่มือถือดัง หน้าจอเห็นว่าแม่โทร.มา ปิ่นมณีหยุดเดิน กดรับ
สุธาวีเดินออกไป ปิ่นมณีคุยมือถือ
“จ้ะแม่...ชั้นไปสมัครงานที่ใหม่เรียบร้อยแล้ว กำลังจะกลับ...ได้ๆ เดี๋ยวชั้นซื้อเข้าไปให้”
ปิ่นมณีกดวางออกเดินต่อ พอเดินถึงตรงที่สุธาวีนั่งเมื่อครู่ มีเพียงเก้าอี้ว่างเปล่า ไม่มีใครแล้ว ปิ่นมณีเดินไปนั่งที่เก้าอี้ พยายามทำใจเรื่องตนกับสุธาวี ปิ่นมณีน้ำตาคลอ สูดลมหายใจ ลุกขึ้น เห็นโน้ตที่พับเป็นชิ้นเล็กๆ ร่วงจากเก้าอี้ ปิ่นมณีก้มลงเก็บ
“ขอโทษครับ”
ปิ่นมณีชะงัก หันไปมอง เห็นว่าเป็นสุธาวี เขาเองก็อึ้ง ดีใจ
“ปิ่น!”
“คุณวี”
อ่านต่อหน้า 4
จ้าวพายุ ตอนที่ 13 (ต่อ)
เวลาต่อมา ภายในสวนสวยร่มรื่น ปิ่นมณีเดินเข้ามาตามทางกับสุธาวีสองคน
“คุณย้ายคอนโด ย้ายแม่คุณออกจากบ้าน คุณหนีผมเหรอ”
“ไม่ใช่นะคะ...ชั้นพาแม่ย้ายไปสมุทรปราการ สู้ค่าเช่าที่เก่าไม่ไหวน่ะค่ะ”
สุธาวีชะงัก ใจหล่นวูบ สงสารปิ่นมณี
“ทำไมคุณถึงตามหาชั้นคะ? หรือว่าเช็คมีปัญหา”
สุธาวีส่ายหน้านิดๆ ไม่ตอบ คิดเรื่องระหว่างเขาและเธอ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าการสูญเสียปิ่นมณีเป็นความทรมานที่สุด
ความเงียบทำให้บรรยากาศอึดอัด ปิ่นมณีไม่รู้จะวางตัวอย่างไร ยิ่งอยู่นาน เธอก็ยิ่งเจ็บ ที่เสียสุธาวีไป
“ถ้าอย่างนั้น...ชั้นขอตัวนะคะคุณวี...”
ปิ่นมณีมองสุธาวี ตัดใจจะเดินหนีไป สุธาวีมองตามหลัง เห็นปิ่นมณีกำลังเดินไกลออกไปเรื่อยๆ สุธาวีทนไม่ไหว
“จดหมายนั่น เป็นเรื่องจริงใช่ไหม”
ปิ่นมณีชะงัก แสดงว่าสุธาวีได้อ่านจดหมายแล้ว ปิ่นมณีน้ำตาเอ่อขึ้นมา เมื่อนึกถึงเนื้อความในจดหมาย
สุธาวีค่อยๆ ก้าวมาหาปิ่นมณีอย่างช้าๆ จากทางด้านหลัง
“คุณอยากให้ผมตัดใจจากคุณจริงๆใช่ไหม คุณคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอปิ่น? บอกผมที...ว่าคุณอยากให้ผมลืมคุณ”
ทุกคำถามที่ได้ยิน ทิ่มแทงใจเหลือเกิน ปิ่นมณีพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ถึงจะรักสุธาวี แต่ก็ไม่อยากทำลายชีวิตเขาไปมากกว่านี้ ปิ่นมณีหันมองสุธาวี พยายามเข้มแข็ง
“ยอมรับความจริงเถอะค่ะคุณวี...ชั้นเสียใจ ที่คุณต้องโชคร้าย...มาเจอผู้หญิงอย่างชั้น...”
“แต่คุณโชคดี...ที่มาเจอผู้ชายอย่างผม...”
ปิ่นมณีชะงัก งง ไม่เข้าใจ
“รับปากผมได้ไหม ว่าคุณจะไม่ทำอีก...”
ปิ่นมณีอึ้ง ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“อะไรนะคะ...คุณหมายความว่า...”
“แค่รับปากผม...ได้ไหมปิ่น?... แล้วเราจะได้เริ่มต้นกันใหม่”
ปิ่นมณีอึ้งเข่าอ่อน ทรุดไปที่พื้น เรื่องนี้เกินกว่าเธอจะคิดได้
“คุณ...คุณบ้าไปแล้วเหรอคะ”
“คงใช่...”
“ทำไมคะ...ทำไมคุณถึงได้รักชั้นได้มากขนาดนี้....ทำไม....”
ปิ่นมณีน้ำตาไหล สุธาวีลงนั่งตรงหน้า ค่อยๆ ประคองหน้าปิ่นมณี เอามือปาดน้ำตาอย่างถนอม
“อย่าถามอะไรผมเลยปิ่น...ผมเองก็ไม่เข้าใจ ผมรู้แต่ว่าเวลาที่ไม่มีคุณ มันทรมานขนาดไหน...วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปอีก....ผมรักคุณปิ่น”
ปิ่นมณีมองหน้า เห็นสุธาวีจริงจังแน่วแน่ ก็ร้องไห้โฮออกมา
สุธาวีดึงปิ่นมณีเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน ปิ่นมณีกอดตอบน้ำตารินไหล อบอุ่นในความรักที่สุธาวีมีให้ตนเอง เขารักหล่อนมากขนาดนี้เลยหรือ?
สองคนนั่งร้องไห้กอดกันอยู่ที่พื้นอย่างนั้น
“ขอบคุณนะคะ..ขอบคุณ...”
ปิ่นมณีตกอยู่ในอ้อมกอดของสุธาวี พึมพำขอบคุณเขา ซ้ำไปซ้ำมา
ฟากบรรเจิดนั่งคิดเครียดๆเรื่องแก้วตาอยู่ พนักงานเดินเข้ามา
“คุณบรรเจิดครับ คืนนี้คุณจะค้างที่โรงแรมอีกหรือเปล่าครับ”
บรรเจิดพยักหน้าเครียดๆ พนักงานออกไป
มือถือบรรเจิดมีเสียงข้อความเข้า เขาหยิบมือถือขึ้นมา เห็นว่าเป็นข้อความจากแก้วตา
บรรเจิดมองๆ ไม่กดอ่าน วางมือถือไป
แก้วตาเครียดจัด กำโทรศัพท์มือถือแน่น บรรเจิดเงียบไป ไม่ยอมตอบข้อความใดๆกลับมาเลย แก้วตากลุ้ม
ด้านเดชอยู่ที่บ้าน โทรศัพท์มือถือดัง เห็นชื่อแก้วตาโทร.เข้า เดชหยิบโทรศัพท์ไปมองหน้าจอ
“แก้ว?... ฮัลโหล”
แก้วตาทรุดอยู่ที่พื้นห้องรับแขก ร้องไห้สะอึกสะอื้น คร่ำครวญ
“พี่เดช...แก้วไม่เหลือใครแล้ว....ไม่มีใครรักแก้วแล้ว....แก้วเหลือแต่พี่เดช”
“แก้ว แก้วพูดอะไร”
“คุณบรรเจิดทิ้งแก้วไปแล้ว...”
“อะไรนะแก้ว!” เดชตกใจ
“พี่เดชมาหาแก้วหน่อยนะคะ...แก้วไม่อยากอยู่คนเดียว...”
เดชชะงัก ปฏิเสธ “พี่ไปไม่ได้....ไม่ว่ายังไง พี่ก็จะไม่ทรยศคุณบรรเจิดอีก”
“แก้วไม่มีค่าอะไรอีกแล้วใช่ไหมคะ....พี่เดชไม่รักแก้วแล้วใช่ไหมคะ”
เดชอึกอัก ในใจรักแก้วตาอยู่มาก
“ถ้าพี่เดชไม่มา...เราก็คงไม่ได้เจอกันอีก...มางานศพแก้วด้วยนะคะ”
แก้วตาวางสาย ปาดน้ำตา เดินไป
“แก้ว!! แก้ว!!”
เดชวางสาย เครียดคิด เป็นห่วงแก้ว เอายังไงดี
ผ้าปูที่นอนผูกเป็นห่วงอยู่บนขื่อในห้องนอน เตรียมพร้อมสำหรับฆ่าตัวตาย แก้วตาท่าทางใจเย็น ยืนกอดอกมองผ้าไม่ได้มีทีท่าว่าจะฆ่าตัวตาย
แก้วตาดูนาฬิกา ชะเง้อไปหน้าบ้าน ร้อนใจที่เดชไม่มาซักที จนมีเสียงรถแท็กซี่แล่นเข้ามา แก้วตารีบไปแอบชะโงกดูที่หน้าต่าง พอเห็นว่าเป็นเดชที่ท่าทางร้อนใจมาก แก้วตายิ้ม เอาน้ำมาหยด ทำเป็นน้ำตา รีบพรวดไปที่เก้าอี้ ขึ้นยืนบนเก้าอี้ ตั้งท่ารอ พอได้ยินเสียงประตูบ้านเปิด แก้วตาจับผ้าทันที
“แก้ว! แก้วอยู่ไหน แก้ว”
แก้วตารอจังหวะ พอได้ยินเสียงเดชเดินปึงปังมาถึงหน้าห้องนอน รีบตั้งท่าเตรียมเปิดการแสดง
เดชพรวดเข้ามา พอเห็นแก้วตาก็ตกใจ พุ่งมากอดรวบแก้วตาลงจากเก้าอี้
แก้วตาแสร้งดิ้น
“พี่เดชปล่อยแก้ว!! ให้แก้วตายเถอะ”
แก้วตาดิ้นใหญ่ เดชยิ่งกอดแก้วตาไว้ทั้งตัว
“ไม่ได้ พี่ปล่อยให้แก้วทำอย่างนั้นไม่ได้”
แก้วตาสะอื้น บีบน้ำตา เริ่มหยุดดิ้น ซบเดชไว้
“แก้วไม่เหลือใครแล้ว...คุณบรรเจิดทำแก้วเจ็บ! พี่เดชเองก็เหมือนกัน! ...ทุกคนที่บอกว่ารักแก้ว สุดท้ายก็ทิ้งแก้วไปหมด”
“แก้ว คุณบรรเจิดท่านรักแก้วมาก ถ้าแก้วทำตัวดีๆ คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้”
“พี่เดช!”
“พี่เคยเตือนแก้วแล้ว...แต่แก้วก็ไม่ฟังพี่”
แก้วตาเถียงไม่ได้ เลยบีบน้ำตา ด่าตัวเองแทน
“แก้วมันชั่ว แก้วมันเลว ถ้าแก้วมันไม่ดี พี่จะมาห้ามแก้วทำไม! ปล่อยให้แก้วตายๆไปซะทุกคนคงจะพอใจ”
แก้วตาดิ้นใหญ่ ผลักเดชกระเด็น แล้วจะพุ่งไปที่ระเบียง เดชตามคว้าไว้ได้อีก แก้วตาไม่หยุดดิ้น
“วันที่แก้วต้องการใครสักคน แก้วก็ไม่เหลือใครเลย..แก้วไว้ใจพี่ คิดว่าจริงใจกับแก้ว แต่พี่ก็กลับมาซ้ำเติมแก้วอีก! แก้วไม่อยู่แล้ว! พี่ไม่รักแก้ว!”
เดชกอดแก้วตาไว้แน่น ในใจยังคงรักแก้วตาเสมอ
“พี่รักแก้ว! พี่รักแก้ว!”
เดชโพล่งเสียงดัง แก้วตาลอบยิ้มสมใจ หยุดดิ้น ค่อยๆ เงยหน้าไปมองเดช สองคนใบหน้าติดกัน
“พี่เดชอย่าหลอกแก้วนะ”
แก้วตาน้ำตาคลอ มองเดชอ้อนวอน เดชเห็นแววตาของแก้วตาแล้วก็อยากปลอบโยนคนที่ตนรัก เดชก้มไปจูบแก้วตา แล้วถอนจูบ มองหน้าแก้วตาซึ้งๆ
“พี่อย่าทิ้งแก้วนะคะ”
เดชไม่ตอบ มองแก้วตาด้วยความรัก จูบแก้วตาอีก
แก้วตาลอบยิ้มพอใจ เอนตัวลงบนเตียง เดชโน้มตัวตาม
ด้านบรรเจิดเครียดๆ หยิบโทรมาปลดล็อคหน้าจอ เห็นมิสคอลล์จากแก้วตายี่สิบกว่ราสาย มีข้อความเป็นสิบข้อความ บรรเจิดคิดๆ กดอ่านข้อความจากแก้วตา เขียนว่า
“แก้วขอโทษค่ะ อย่าทิ้งแก้วเลยนะคะ...แก้วอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”
บรรเจิดครุ่นคิดหนัก ความรักความหลังผุดขึ้นมาในห้วงคิดเป็นฉากๆ
ตั้งแต่...ตอนแก้วตาคอยดูแลบรรเจิดอย่างดี ทั้งใส่แว่นตาให้ ผูกไทด์ให้ ใส่รองเท้าให้โดยไม่รังเกียจ แววตามองบรรเจิดด้วยความเทิดทูน
“แก้วพักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมให้เดชหาบ้านใหม่ให้แล้ว”
“แก้วอยู่ยังไงก็ได้ค่ะ ขอแค่ให้แก้วได้อยู่กับคุณ” บรรเจิดลูบหัวแก้วตาอย่างแสนรัก
แก้วตาเอาตุ๊กตาหมีมาหยอกล้อเล่น บรรเจิดหัวเราะอารมณ์ดี
จนมาถึงตอนบรรเจิดบอกว่าฟ้าใสรู้แล้วว่าแก้วตาคือเมียน้อยเขา แก้วตากอดบรรเจิดออดอ้อน
“แก้วกลัวจะไม่ได้อยู่กับคุณ ถ้าเป็นอย่างนั้น แก้วคงอยู่ไม่ได้”
บรรเจิดคิดขึ้นมาแล้วหน้าเครียด แววตาอ่อนลง เสียใจเหมือนกัน ที่สุดตัดสินใจคว้ากุญแจรถลุกออกไป
ที่บ้านแก้วตา เสื้อผ้าของแก้วตาและเดช ถูกโยนลงบนพื้นห้องนอน ทีละชิ้นๆๆ
บรรเจิดขับรถมาตามทาง เร่งเครื่องเร็ว แรงขึ้น หน้าปัดรถยนต์ เห็นว่าเกน้ำมันลดลง น้ำมันหมด เครื่องดับตามมา บรรเจิดเซ็ง เปิดประตูรถลงไปเครียดๆ ในใจร้อนรนอยากกลับไปหาแก้วตา
ด้านเดชถอดเสื้อแล้วกำลังนัวเนียกับแก้วตาอยู่บนเตียงนอน
ที่หน้าบ้านแก้วตามีรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นมาจอด พอประตูรถเปิดออก จึงเห็นว่าบรรเจิดลงมาจากรถ หยิบกุญแจออกมากำลังจะไขประตูแต่ชะงัก เมื่อพบว่าประตูรั้วไม่ได้ล็อค บรรเจิดประหลาดใจ ทำไมแก้วตาหละหลวมไม่ล็อคบ้าน
บรรเจิดเดินมาถึงประตูบ้าน เห็นว่าไม่ได้ล็อคอีกยิ่งฉงน ขณะกำลังจะก้าวเข้าบ้านก็ต้องชะงัก เมื่อสายตาไปเจอะรองเท้าผู้ชายคู่หนึ่งที่ถอดไว้แบบรีบๆ
บรรเจิดกลืนน้ำลาย รองเท้าผู้ชายที่ไหน? ใจคอไม่ดี ค่อยๆ สืบเท้าก้าวเข้าบ้านไป
เมื่อเข้ามาในบ้าน บรรเจิดมองไปรอบๆ ไม่เห็นแก้วตา จึงเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
ที่หน้าประตูห้องนอนแก้วตา บรรเจิดมองลูกบิด แล้วตัดสินใจ เปิดประตูเข้าไปเลยโดยไม่เคาะ พบว่าที่พื้นมีเสื้อผ้าแก้วตาและเสื้อเดชกองอยู่ แก้วตาอยู่ในชุดคลุม กำลังลุกจากเตียง พอเห็นบรรเจิดเปิดประตูเข้ามาหน้านิ่งๆ
แก้วตาตกใจร้อง “ว้าย”
เดชใส่กางเกงตัวเดียว เปลือยท่อนบน พรวดออกมาจากห้องน้ำ
“มีอะไรแก้ว?”
เดชเห็นบรรเจิดยืนอยู่ บรรเจิดบดกรามแน่น เสียใจ เจ็บใจ ผิดหวังเรื่องเดชกับแก้วตาเลยเถิดมาถึงเพียงนี้
เดชอึ้ง ตะลึงงัน ตกใจสุดขีด แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ และผิดหวังในตัวบอดี้การ์ดคู่ใจ เดชละอาย
“แก้วอธิบายได้นะคะ คุณ...”
แก้วตาพูดไม่ทันขาดคำ บรรเจิดต่อยเปรี้ยง! เดชคว่ำลงไปกองกับพื้นทันที
บรรเจิดทำไมแกทำอย่างนี้เดช! ทำไม!!
บรรเจิดต่อยเดชซ้ำๆ เพราะความเจ็บปวด ตนรักและไว้ใจเดชมาก แก้วตาตะลึง ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าบรรเจิดจะย้อนกลับมา
บรรเจิดต่อยเดชจนเหนื่อย ใบหน้าเดชช้ำ เลือดไหลซึมตรงมุมปาก สะบักสะบอม เดชไม่สู้
บรรเจิดต่อยๆๆ เดชจนหมดแรง เขาเองตกใจแทบจะทรงตัวไม่อยู่ถดตัวถอยหลังไป พิงกำแพง หมดแรง เดชคลานเข้าไปหาบรรเจิด
“คุณบรรเจิด..ผมผิดไปแล้ว...ฆ่าผมเถอะ”
บรรเจิดเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองเดช
“ฆ่าแกแล้วชั้นจะหายเจ็บอย่างนั้นเหรอเดช ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น ชั้นคงไม่เจ็บขนาดนี้!! ทำไมถึงเป็นแก! ห๊า เดช! ทำไม”
บรรเจิดโมโหขึ้นมาอีก ต่อยเดชซ้ำอีก เดชโงนเงน เริ่มจะหมดสติมะรอมมะร่อ บรรเจิดชะงักมือไว้
แก้วตาค่อยๆ เดินเข้าไปหาบรรเจิด แตะไหล่เบาๆ จะใส่ร้ายเดชเอาตัวรอด
“คุณบรรเจิดคะ...แก้วเคยเตือนคุณแล้วไงคะ ว่าพี่เดชน่ะ...”
บรรเจิดเหลียวขวับ จ้องตาเขม็ง แก้วตาชะงักกลัว ไม่เคยเห็นบรรเจิดมองตนด้วยท่าทีน่ากลัวขนาดนี้
บรรเจิดลุกพรวด ไม่มองทั้งแก้วตา ทั้งเดช ตัดใจ จะเดินออกไป แก้วตากอดแขนไว้
“คุณบรรเจิด”
“ปล่อยชั้น” บรรเจิดบอกเสียงเย็นเยียบ ไม่มองหน้า
แก้วตาละมือปล่อย บรรเจิดเดินออกไปเลย แก้วตาอึ้ง หันมองเดชที่หมดสติไปแล้ว
แก้วตาดูแลเช็ดหน้าเช็ดตาให้เดชที่หน้าตาบวมช้ำ สักครู่เดชค่อยๆ ได้สติ พอทบทวนเหตุการณ์ได้ ก็ลุกพรวด
“ท่าน...”
“คุณบรรเจิดเค้าไปแล้วค่ะพี่เดช”
เดชทรุด เขารู้ว่าเขาทำบรรเจิดเสียใจ เดชจะเดินออกแก้วตาดึงไว้
“พี่เดชจะไปไหน? จะทิ้งแก้วไปอีกคนเหรอ?”
“พี่ไม่ได้ทิ้งแก้ว...แต่พี่ทนอยู่กับแก้วไม่ได้แล้ว แค่นี้พี่ก็ทำผิดต่อคุณบรรเจิดมากพอแล้ว”
“พี่เดช! พี่จะปล่อยแก้วไว้แบบนี้ไม่ได้นะ”
เดชทนอยู่กับแก้วตาไม่ได้จริงๆ เขาเดินออกไปเลย
“พี่เดช”
แก้วตาเจ็บใจ คราวนี้ชีวิตหล่อนไม่เหลือใครแล้วจริงๆ
ที่ออฟฟิศเดอะกลอรี่เช้าวันนี้ วิทย์ยืนรายงานเรื่องบรรเจิดที่ไปสืบจากคลินิคอยู่ อรทัยฟังเครียดๆ
“คุณอรครับ ผมส่งคนไปเฝ้าโรงพยาบาลที่เราเห็นคุณบรรเจิดแล้ว ก็ไม่เห็นว่าคุณบรรเจิดกลับไปหาใคร ส่วนพวกพยาบาลที่นั่น ผมสืบดูหมดแล้ว ไม่มีใครเกี่ยวข้องกับคุณบรรเจิดสักคนครับ ประวัติการรักษาของคุณบรรเจิดที่นั่นก็ไม่มี”
อรทัยใคร่ครวญครุ่นคิด
“วันนั้นมีอีกคนที่อยู่โรงพยาบาล...ท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆ”
วิทย์อึ้ง
“คุณแก้วเหรอครับ..”
อรทัยทบทวนเรื่องราว “เมียน้อยของคุณบรรเจิด เคยเรียนที่เดียวกับยัยฟ้า...หนูแก้วก็เรียนที่เดียวกับยัยฟ้า... วันนั้นที่เราเห็นคุณบรรเจิดที่โรงพยาบาล ก็เป็นวันเดียวกับที่หนูแก้วรักษาตัว...”
อรทัยยิ่งมั่นใจ สีหน้าตึงเปรี๊ยะ ค่อยๆ แค้นใจมากขึ้น
“ถ้ามันเป็นอย่างนั้น...แสดงว่าเราโดนมันหลอกมาตลอด”
อรทัยแค้นจัด นัยน์ตาวาวโรจน์
อ่านต่อตอนที่ 14