xs
xsm
sm
md
lg

จ้าวพายุ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จ้าวพายุ ตอนที่ 10

ที่สตูดิโอในตอนเย็นวันนั้น เลิกกองแล้ว แลเห็นทีมงานกำลังเก็บข้าวของกันอยู่ ส่วนที่มุมหนึ่งฟ้าใสเปลี่ยนชุดเสร็จถือไวโอลิน สะพายกระเป๋า เดินคุยมากับพิมพ์จันทร์

“ถ่ายมาหลายวันแล้ว วันนี้น้องฟ้าเหนื่อยใช่ไหม...ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้องฟ้ามารับค่าเหนื่อยกับพี่ รับรองหายเหนื่อย”
ฟ้าใสยิ้มแหยๆ ศุวิลคุยกับทัดเทพ และโด่ง กำลังจะเดินมาหา แต่ฟ้าใสเตรียมชิ่งพยายามจะหาทางเลี่ยงศุวิล นั่นเอง
“เดี๋ยววันหลังฟ้าค่อยรับเช็คก็ได้ค่ะพี่พิมพ์ ฟ้าไปก่อนนะคะ ฟ้าปวดหัว”
ฟ้าใสรีบเดินออกไปเลย ศุวิล ทัดเทพ คุณโด่งเดินมาถึงพิมม์จันทร์พอดี
ศุวิลมองตามฟ้าใส งงที่วันนี้ฟ้าใสแปลกๆ เหมือนจงใจหลบหน้าตัวเอง

แก้วตาเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ เดินผ่านมาถึงห้องๆ หนึ่ง คิดๆ จะหาทางใกล้ชิดศุวิล จู่ๆ ได้ยินเสียงคนตะโกนออกมาจากห้องๆ หนึ่ง ประตูถูกเขย่าอย่างแรง
“มีคนอยู่ข้างนอกไหม เปิดให้ป้าหน่อย!”
แก้วตางงๆ เดินไปบิดลูกเปิดประตูให้ แม่บ้านออกมาหน้าตื่น
“โอ้ย! บุญแท้ๆ ที่หนูมาเปิดประตูให้ป้า ประตูมันเสียเนี่ย เปิดจากข้างในไม่ได้” แม่บ้านบ่นงึมงำ “ใครทำพังแล้วก็ไม่ยอมแปะป้ายบอก!”
แก้วตาใคร่ครวญครุ่นคิด
“ขอบใจมากนะหนู”
“ป้าไม่ต้องขอบใจหนูหรอกค่ะ”
แก้วตายิ้มในสีหน้า เพราะคิดแผนใกล้ชิดศุวิลได้แล้ว

ทางด้านงามเสมอ และชนเมศร์ยืนรอแก้วตาอยู่ตรงรถตู้หน้าสตูดิโอ ฟ้าใสที่นั่งอยู่ในรถตู้ ชะโงกหน้าออกมาถาม
“แก้วมาหรือยังคะ”
งามเสมอมองท่าทีฟ้าใสที่เร่งรีบ ก็เข้าใจว่าฟ้าใสพยายามหลบหน้าศุวิลเพราะปิ่นมณี
แก้วตาที่มีแผนจะใกล้ชิดศุวิลในใจ เดินเข้ามา ชนเมศร์เห็น
“แก้วกลับกันเถอะ เดี๋ยวแก้วนั่งข้างชนนะ”
แก้วตายิ้มพลางบอก
“แก้วยังไม่กลับจ้ะชน” ชนเมศร์ กะงามเสมอ งงๆ “พอดีเดี๋ยวญาติแก้วเค้าจะมารับน่ะะ”
ชนเมศร์อาสา “งั้นเดี๋ยวชนอยู่เป็นเพื่อน”
“แกมาอยู่เป็นเพื่อนชั้นนี่!”
งามเสมอจิกชนเมศร์ขึ้นรถตู้ไปเลย ปิดประตูปัง รถตู้เคลื่อนออกไป

มือถือแก้วตาดังขึ้นในจังหวะนี้ หน้าจอ เห็นว่าเดชโทร.มา แก้วตาคิดๆ แล้วกดรับ
“ค่ะพี่เดช...ยังถ่ายไม่เสร็จเลยค่ะ” สาวจอมแอ๊บนิ่งฟัง “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแก้วกลับรถตู้ออฟฟิศ แค่นี้นะคะ”
แก้วตากดวาง นัยน์ตาวาววามหมายมาดมุ่งมั่นว่าจะใกล้ชิดศุวิลตามแผน!

ฟากศุวิลคุยกับทัดเทพ และพิมพ์จันทร์อยู่ในสตูดิโอ
“ไอ้ลม ไม่รู้วันนี้น้องฟ้าเป็นอะไรเนอะ กว่าจะถ่ายได้แต่ละคัท ลุ้นใจแทบขาด กลัวคุณโด่งจะเหวี่ยง” ทัดเทพเปิดประเด็น
พิมพ์จันทร์เสริม “เอาน่า สุดท้ายคุณโด่งก็ไม่เหวี่ยงใช่ไหมล่ะ ลม เดี๋ยวชั้นกลับก่อนแล้วกันนะ”
ศุวิลพยักหน้า ทัดเทพ พิมพ์จันทร์ออกไป
ศุวิลครุ่นคิดว่าวันนี้ฟ้าใสแปลกๆ ไปเพราะอะไร หยิบมือถือขึ้นมา กดโทร.หาฟ้าใส
จู่ๆ มือถือศุวิลแบตหมด เครื่องดับวูบไป ศุวิลถอนใจอย่างหงุดหงิด
“แบตก็หมดอีก!”
ด้านหลังศุวิล เห็นแก้วตาเดินเข้ามา
“แบตหมดเหรอคะคุณลม”
ศุวิลอึ้ง หันมาเห็นแก้วตา ก็แปลกใจ
“อ้าว คุณแก้ว ยังไม่กลับเหรอครับ...แล้วนี่ฟ้า”
“รถตู้ของฟ้ากลับไปแล้วค่ะ”
ศุวิลชะงักงัน ผิดหวังไปถนัดตา แก้วตาแอบไม่พอใจ
“พอดีแก้วลืมกระเป๋าน่ะค่ะ ไม่รู้เอาไปวางไว้ที่ไหน...คุณลมช่วยแก้วหาหน่อยได้ไหมคะ”

หน้าห้องๆ หนึ่งในสตูดิโอ เป็นห้องที่ลูกบิดประตูเสียนั่นเอง แก้วตาเดินนำศุวิลเข้ามา แก้วตาแสร้งทำเป็นบ่น
“ดูในห้องน้ำแล้วก็ไม่มีเลยอะค่ะ” หล่อนหันไปมองประตูห้อง ที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกบิดเสีย “หรือว่าจะอยู่ในห้องนี้”
ศุวิลเปิดประตู แต่ไม่ได้เดินเข้าไป เขามองเข้าไปในห้อง ไม่เห็นมีกระเป๋า
“ผมว่าไม่น่าจะอยู่ในห้องนี้นะครับคุณแก้ว”
แก้วตาขัดใจ
“ดูดีหรือยังคะคุณลม”
แก้วตาทำเป็นชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านใน แล้วแสร้งสะดุดล้มใส่ศุวิล ทั้งสองเลยถลาเข้าไปในห้อง และประตูปิดลงทันที
แก้วตาสมใจแล้ว แกล้งทำเป็นผละออกจากศุวิล
“แก้วขอโทษค่ะ แก้วนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย”
แก้วตาทำเป็นหันมองหากระเป๋า
“กระเป๋าแก้วไม่ได้อยู่ในนี้จริงๆด้วยค่ะ เรารีบออกไปกันเถอะค่ะคุณลม”
ศุวิลหันไปบิดลูกบิดประตู แต่เปิดประตูไม่ได้ก็ชะงัก ตกใจ
“ประตูเสีย เปิดไม่ได้ครับคุณแก้ว”
แก้วตาแสร้งตกใจ “จริงเหรอคะคุณลม”
ศุวิลพยักหน้าเครียดๆ แล้วหันไปทุบประตู ร้องตะโกน
“มีใครอยู่ข้างนอกไหม! เปิดประตูให้หน่อย”
ทุกอย่างเงียบ ไม่มีเสียงตอบ ศุวิลหันมองไปรอบๆ หาลู่ทางอย่างอื่นในห้อง แก้วตาแสร้งเป็นกังวล
“คุณลมคะ ถ้าไม่มีใครได้ยิน เราจะทำยังไงคะ”
ศุวิลปลอบ “คุณแก้วใจเย็นๆนะครับ”
ศุวิลหันไปเห็นช่องลม
“เดี๋ยวผมจะปีนออกไปทางช่องลม แล้วตามคนมาช่วยนะครับ”
แก้วตาขัดใจมาก ศุวิลทำท่าจะงัดช่องลม ทันใดนั้น ไฟดับพรึ่บ! แก้วตาได้โอกาส ทำเป็นตกใจ
“ว้าย”
แก้วตาผวาตัวไปกอดศุวิลทันที ศุวิลชะงัก

“แก้วกลัวค่ะคุณลม” แก้วตาออเซาะอย่างน่าสงสาร

ศุวิลกระอักกระอ่วน ด้วยไม่รู้จะทำยังไงในสถานการณ์นี้ ได้แต่ปลอบ

“ไม่ต้องกลัวนะครับคุณแก้ว สตูเนี่ย เวลาใช้งานเสร็จแล้วเค้าก็จะปิดไฟอย่างนี้แหละครับ ไม่มีอะไรหรอก...คุณแก้วรออยู่ที่นี่นะครับ เดี๋ยวผมมา”
ศุวิลผละออกจากแก้วตา หันหาช่องลม ส่วนแก้วตาคิดหาทางไม่ให้ศุวิลออกไป
“อย่าทิ้งแก้วไว้อย่างนี้นะคะ แก้วกลัว”
แก้วตาโผไปกอดศุวิลไว้ ตั้งใจให้เสียหลักล้มลงไปที่พื้นทั้งคู่ โดยแก้วตายังกอดศุวิลเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“แก้วอยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆ ค่ะ อย่าไปเลยนะคะ”
แก้วตาพยายามส่งสายตาเว้าวอนให้ศุวิล สองคนหน้าใกล้กันแค่คืบ

ทันใดนั้นเองประตูถูกถีบโครมเข้ามา จนลูกบิดพัง แสงสว่างสาดเข้ามาในห้องกระทบร่างแก้วตาที่กอดกับศุวิลอยู่ที่พื้น
แก้วตาตกใจ มองไปที่ประตู แล้วยิ่งช็อก! เมื่อเห็นเป็นเดชยืนหน้านิ่งๆ อยู่ หล่อนอึ้งที่เดชมาเห็นคาหนังคาเขา
“แก้ว!” เดชตกใจปนโกรธ
แก้วตาตกใจสุดขีดไม่รู้จะทำยังไง เลยแกล้งเป็นลมหมดสติไป ศุวิลตกใจ
“คุณแก้ว”
ประตูเปิดอ้าอยู่ เดชเดินเข้าไปหา
“ผมเป็นญาติแก้ว เดี๋ยวผมดูแลเอง”
เดชช้อนอุ้มร่างแก้วตาพาออกไป

ไม่นานต่อมาเดชขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน มองแก้วตาที่แสร้งสลบอยู่กดมือถือโทร.ออก แล้วรอสาย
บรรเจิดนั่งเครียดอยู่ที่ห้องทำงาน มือถือดัง บรรเจิดรีบกดรับ
“เป็นไงบ้างเดช”
“ได้เรื่องแล้วครับท่าน...ท่านรีบกลับมาเลยนะครับ”
บรรเจิดหน้าเครียดจัด ขณะกดวางสาย

เดชอุ้มร่างแก้วตาที่แกล้งสะลืมสะลือลงจากรถ เข้ามาบ้านมาวางลงที่โซฟา ถึงจะโกรธแก้วตามากแต่ลึกๆ เขาก็ยังเป็นห่วง
“แก้ว...แก้ว...”
แก้วตาค่อยๆปรือตาขึ้นมามองเดช ยังเห็นสายตาว่าเดชมองอย่างเป็นห่วง
“ทำไมแก้วถึงทำแบบนั้น?”
“มันเป็นอุบัติเหตุนะคะพี่เดช”
“แก้ว...พี่ไม่ได้โง่นะ”
เห็นเดชเสียงขุ่น แก้วตาชะงัก
“ยังไงพี่ก็ต้องรายงานเรื่องนี้กับท่าน”
แก้วตารู้ว่าโกหกต่อไปไม่รอดแน่ เลยกุมมือเดชไว้ น้ำตาเอ่อ ท่าทางน่าสงสารสุดขีด
“พี่เดช...แก้วรู้ว่าแก้วผิด...แก้วควรจะตอบแทนบุญคุณคุณบรรเจิด แล้วห้ามใจตัวเองให้ได้... เหมือนกับที่พี่เดช ซ่อนความรู้สึกที่มีต่อแก้ว”
เดชอึ้ง คาดไม่ถึงว่าแก้วตารู้ใจตน
“แก้ว...” เดชคราง
แก้วตาเห็นท่าทางของเดช ก็ยิ่งมั่นใจว่าเธอจะรอดจากเรื่องนี้ได้
“ที่ผ่านมาแก้วรู้ค่ะ...แต่แก้วไม่เคยคิดรังเกียจ...แก้วนับถือน้ำใจพี่ แล้วก็เห็นใจพี่ พี่ไม่เคยเรียกร้องอะไรตอบแทนจากแก้วเลย”
เดชละอายใจนัก หันหลังหนีไม่อยากสบตา แก้วตาค่อยๆ ลุกมานั่งข้างเดช
“แค่แก้วดีกับคุณบรรเจิดก็พอ”
“แก้วรู้ค่ะ...พี่เดชต้องเลือกหน้าที่ มากกว่าเลือกทำตามหัวใจ”
แก้วตาวางมืออย่างแผ่วเบาลงบนหน้าอกแกร่งของเดช บอดี้การ์ดหนุ่มอึ้ง มองมือแก้วตา ผู้หญิงที่เขาเฝ้าหวงแหนอย่างหวั่นไหว
“พี่เดชสอนแก้วหน่อยได้ไหมคะ...ว่าพี่เดชห้ามใจตัวเองได้ยังไง”
เดชมองจ้อง เห็นแววตาใสซื่อของแก้วตา ปฏิเสธความรักที่มีให้เธอไม่ได้ แต่ค้านในใจอย่างรุนแรงเมื่อคิดถึงบรรเจิดตัดใจลุกหนี
“พี่นึกถึงท่าน...ท่านมีบุญคุณกับพี่”
แก้วตาเดินอ้อมมาดักหน้าเดช “แต่มันก็ทรมานใช่ไหมคะ” เดชชะงักงัน “ทุกครั้งที่พี่พาท่านมาหาแก้ว แก้วรู้ว่าพี่เจ็บ... ทั้งๆ ที่เราอยู่ใกล้ชิดกัน แต่พี่แตะต้องแก้วไม่ได้เลย”
เดชพูดไม่ออก หันหน้าหนีไปทางอื่นอีก ในใจเขาเต้นแรง ระส่ำระสายไปหมด
แก้วตาค่อยๆ เอื้อมมือไปจับหน้าให้เดชหันกลับมามองตนอีกครั้ง พูดเสียงหวาน
“อีกเดี๋ยว คุณบรรเจิดก็จะรู้เรื่อง แก้วก็จะกลายเป็นคนอื่นแล้ว พี่เดชบอกแก้วหน่อยได้ไหมคะ ว่าถ้าไม่มีคุณบรรเจิดแล้ว เหลือแค่พี่กับแก้ว...พี่จะยอมทำตามหัวใจตัวเองรึเปล่า”
เดชมองแก้วตา อดคิดตามไม่ได้ว่า ถ้าแก้วตาไม่ได้เป็นของบรรเจิด เขาคงได้พูดความรู้สึกมากมายที่เก็บเอาไว้ และคงไม่รีรอที่จะโอบกอดแก้วตา
ในห้วงความคิดของเดชตอนนี้ แก้วตารับรู้ได้ เธอค่อยๆ โน้มตัวเข้าไป บรรจงจูบเดชแผ่วเบาไร้เดียงสา เหมือนบางอย่างที่เขาเฝ้ารอได้ถูกเติมเต็ม

เดชจูบตอบแก้วตา มิอาจต้านทานแรงรักที่มีต่อแก้วตาได้
 
อ่านต่อหน้า 2

จ้าวพายุ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ตกกลางคืน หลังฉากรักอันดื่มด่ำในห้องรับแขกจบลง เดชลุกขึ้นมา ความรู้สึกผิดต่อบรรเจิดถาโถมเข้ามาในหัวเขา เดชลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า โกรธโทษตัวเอง

แก้วตาเดินเข้ามาใกล้ๆ ติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายเรียบร้อย มองเดช ในใจรู้ว่าตอนนี้หล่อนมีข้อต่อรองแล้ว เธอเดินไปยืนตรงหน้าเดช มองเดชด้วยดวงตาใสซื่อเหมือนเดิม
“พี่เดช...”
เดชรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ หันหนีไปต่อยเข้าที่กำแพง
“มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย! คุณบรรเจิดไว้ใจพี่ ถ้าท่านรู้ว่าพี่...” เดชชะงักละอายปาก
“อย่าโทษตัวเองสิคะพี่เดช...แก้วบอกแล้วไงคะ ว่าเรื่องหัวใจมันห้ามกันไม่ได้....เรื่องของแก้วกับคุณลมก็เหมือนกัน...”
เดชชะงักงัน นิ่งอึ้ง มองหน้าแก้วลำดับเหตุการณ์ คิดได้ว่าแก้วตั้งใจมีความสัมพันธ์กับตนเพื่อปิดปาก
“นี่...แก้วตั้งใจให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น!”
“แก้วจำเป็นค่ะพี่เดช” เดชอึ้งกว่าเก่า “แก้วขอร้องได้ไหมคะ ถ้าพี่เดชบอกคุณบรรเจิดว่าแก้วมีคนอื่น....แก้วคงจำเป็นต้องบอกเค้าว่า ผู้ชายคนนั้นก็คือพี่...”
“แก้วกำลังขู่พี่เหรอ?”
“แก้วไม่ได้ขู่...อย่ามองแก้วแง่ร้ายเลยนะคะ...แก้วขอความเห็นใจจากพี่...นะคะพี่เดช”
แก้วตาเข้าไปกอดเดช ออดอ้อนออเซาะ เดชดันแก้วตาออก
ทันใดนั้นได้ยินเสียงรถขับมาจอด สองคนชะงักงันกันไปจำได้แม่นว่าเป็นเสียงรถบรรเจิด

รถบรรเจิดแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูบ้าน บรรเจิดลงรถ ร้อนใจ เข้ารั้วบ้านไป
แก้วตาหันมองไปที่หน้าบ้าน เห็นบรรเจิดเดินเร่งรีบเข้ามา เดชหันมองตาม อึ้งๆ
“พี่เดชเลือกเอาเองนะคะ”
เดชว้าวุ่น สับสนหนัก
บรรเจิดร้อนใจมาก รู้ว่าเดชพบอะไรที่ไม่ดีเรื่องแก้วตา เดินเข้ามาในบ้าน มองเดช มองแก้วตา
เดชมองบรรเจิด รู้สึกผิด กระอักกระอ่วนไปหมด
“ว่ามาเดช...วันนี้แกไปเจออะไรมา?”
บรรเจิดหันมามองแก้วตา คิดว่าเรื่องที่เดชจะบอก ต้องเกี่ยวกับแก้วตาแน่ๆ
แก้วตาเหลือบตามองเดช ลุ้นว่าเดชจะตัดสินใจอย่างไร
เดชมองแก้ว อย่างเจ็บปวด ก่อนจะหันมองบรรเจิด คิดว่าบรรเจิดจะต้องเสียใจมาก ถ้ารู้ว่าคนสนิทอย่างเขาทรยศ เดชจำใจ ต้องตกเป็นเหยื่อของแก้ว
“แก้วไม่สบายครับ”
แก้วตาลอบยิ้มในสีหน้า อย่างพอใจ การเปลืองตัวครั้งนี้ มีผลตอบแทนสูง
บรรเจิดมองเดชไม่แน่ใจ จากน้ำเสียงของเดชที่โทร.เรียกเขา เหมือนมีเรื่องใหญ่กว่านี้
“แก้วเป็นอะไร”
แก้วตาตอบ “แก้วเวียนหัวน่ะค่ะ”
สาวเจ้าเล่ห์เล่นตามน้ำ เซโงนเงนทันที บรรเจิดรีบประคองแก้วตา หันมองเดชเพื่อความแน่ใจ เดชได้แต่ก้มหน้า
บรรเจิดตัดใจพาแก้วขึ้นบนบ้านไป
“งั้นขึ้นไปพักก่อนนะ”
เดชมองตามทั้งสองคนจนลับตา อึดอัดเสียใจไปหมด

เช้าวันต่อมา วิทย์เลื่อนรูปเมียน้อยบรรเจิดคืนอรทัย ซึ่งเป็นรูปแก้วตาตอนประถม ใส่ชุดนักเรียน
“ผมเอารูปไปถามที่โรงเรียนนี้มาแล้วครับคุณอร...แต่ว่าข้อมูลของทางโรงเรียนหายไปตอนน้ำท่วม เลยตามค้นต่อไม่ได้ครับว่าผู้หญิงในรูปนี้คือใคร”
อรทัยขัดใจ หมดหวัง “ไม่ได้เรื่องอีกจนได้”
“แต่คุณอรครับ โรงเรียนนี้ เป็นโรงเรียนเดียวกับที่คุณฟ้าใสเรียนตอนประถมนะครับ”
อรทัยชะงัก หยิบรูปขึ้นมาจ้องเขม็ง

“เมียน้อยคุณบรรเจิดเคยเรียนที่เดียวกับยัยฟ้างั้นเหรอ”

ต่อมาไม่นาน เห็นฟ้าใสหน้าซึมนั่งอยู่กับอรทัย วิทย์อยู่ด้วย

“อาได้เบาะแสเรื่องเมียน้อยคุณบรรเจิดแล้ว แต่ยังสาวไปไม่ถึงตัวของมัน อาคิดว่าฟ้าจะช่วยอาได้”
ฟ้าใส งุนงง สงสัย
“นี่คือรูปถ่ายมัน...”
อรทัยส่งรูปแก้วตาตอนประถมที่เก็บมาได้ให้ฟ้าดู
ฟ้าชะงัก เห็นว่าเป็นเด็กที่ใส่ชุดคอนแวนต์แบบเดียวกับตน
“มันเรียนโรงเรียนเดียวกับฟ้า ฟ้ารู้ไหมว่ามันเป็นใคร”
ฟ้าใสมองเพ่งที่ใบหน้าเด็กคนนั้น ฟ้าใส รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา แต่เธอไม่แน่ใจ
“ว่าไงฟ้า”
“ฟ้าไม่แน่ใจค่ะอาอร”

ฟ้าใสเข้ามาในห้องนอนท่าทีร้อนใจ เปิดดูหนังสือรวมศิษย์เก่าคอนแวนต์สมัยประถมอย่างรีบเร่ง ใจอยากช่วยอรทัย
อรทัยที่ตามมาลุ้นอยู่ข้างๆ ร้อนรนกว่าใคร วิทย์ยืนอยู่ด้วย
“ว่าไงฟ้า เจอไหม”
“ยังเลยค่ะอาอร”
ในหนังสือรุ่น เห็นรูปถ่ายนักเรียนแต่ละคนละลานตาไปหมด ฟ้าใสไล่ดูไปอย่างละเอียด เพราะรูปที่ดูจากอรทัยไม่ใช่ภาพปัจจุบัน ฟ้าใสเปิดไปที่หน้าหนึ่ง แล้วต้องตะลึง เห็นรูปเด็กคนเดียวกับที่เห็นเมื่อครู่
ฟ้าใสมองไปที่ชื่อ พบว่าเด็กคนนั้นชื่อ “ด.ญ.แก้วตา สุขน้อย”
“เจอแล้วเหรอฟ้า”
ฟ้าใสอึ้ง นิ่งงันไป เมื่อรู้ว่าคือแก้วตาเพื่อนสนิทเธอเอง ฟ้าใสค่อยๆ ปิดหนังสือไม่ให้อรทัยเห็น
“ไม่เจอค่ะอาอร...คงไม่ใช่รุ่นเดียวกับฟ้าน่ะค่ะ”
อรทัยผิดหวัง เมื่อเบาะแสเดียวนำหล่อนมาสู่ทางตัน
ฟ้าใสนิ่ง ไม่อยากเชื่อ เพื่อนสนิทเธอกลายเป็นคนทำลายครอบครัวของอาเธอ

ด้านปิ่นมณีขับรถหรูมาจอดที่ลานจอดรถออฟฟิศหรู แล้วลงมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยท่าทางยิ้มแย้ม
“ปิ่นถึงแล้วนะคะ รออยู่ที่ลานจอดรถ”
มีสายตาของใครคนหนึ่งจ้องมองปิ่นมณีที่คุยโทรศัพท์ท่าทางอารมณ์ดีอยู่ ที่แท้เป็นสุธาวีที่นั่งอยู่ในรถของตัวเองที่จอดอยู่ไกลๆ
สุธาวีนั่งอยู่ในรถท่าทางเครียดจัด ตั้งใจจะจับให้ได้ว่าปิ่นมณีนัดใครมาที่นี่

ขณะเดียวกันที่หน้าห้องประชุมเดอะกลอรี่เช้านี้ แลเห็นผู้บริหารท่าทางภูมิฐานกำลังทยอยกันเดินเข้าห้องประชุม ธวัชชัยอยู่หน้าห้องประชุม เลขาหญิงคนหนึ่งชื่อ อนงค์ อายุประมาณ 30 เดินผ่านธวัชชัยจะเข้าห้องประชุมไป ธวัชชัยเรียกไว้
“คุณอนงค์ครับ คุณวียังไม่มาเหรอครับ”
“วันนี้ไม่เห็นคุณวีเข้าออฟฟิศเลยนะคะ แต่เดี๋ยวคงมาค่ะ เพราะคุณวีต้องเสนอโปรเจคท์กับที่ประชุม”
ธวัชชัยมองไปเห็นอรทัยเดินมา มีวิทย์ตาม
อรทัยเดินเข้าห้องประชุมไป ธวัชชัยรู้สึกเป็นกังวลเป็นห่วงว่าสุธาวีหายไปไหน

สุธาวีอยู่ในรถมองจับตาปิ่นมณีอยู่ตลอดเวลา เห็นผู้ชายรูปร่างดีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาปิ่นมณี
ปิ่นมณีทักทายผู้ชายคนนั้นอย่างเป็นกันเอง แล้วหัวร่อต่อกระซิกอย่างสนิมสนม สุธาวีเห็นแล้วโมโห พุ่งพรวดลงจากรถไปทันที

เขาแน่ใจว่านี่คือผู้ชายคนใหม่ของปิ่นมณีแน่นอน

อ่านต่อหน้า 3

จ้าวพายุ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ปิ่นมณียังคงคุยกับผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้าระรื่น

“ขอบคุณคุณปิ่นมากนะครับที่อุตส่าห์เอารถมาให้ผมเทสต์ถึงที่นี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีรัตต์ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ปิ่นมีหน้าที่บริการคุณอยู่แล้ว”
ทั้งสองคนหัวเราะกัน ทันใดนั้นสุธาวีกระชากธีรัตต์ออกมา ต่อยหน้าธีรัตต์หงาย ปิ่นมณีตกใจ
“คุณวี!”
ส่วนชายชื่อธีรัตต์พอลุกขึ้นได้ก็โวยวาย
“เฮ้ยอะไรวะคุณ!”
สุธาวีจะเข้าไปซ้ำ ปิ่นมณีเข้ามาดึงสุธาวีไว้
“ปิ่นเค้าเป็นแฟนชั้น แกอย่ามายุ่ง”
ปิ่นมณีโมโห
“คุณวีคะ คุณธีรัตต์เค้าเป็นลูกค้าปิ่น ปิ่นเอารถมาให้เค้าเทสต์!”
สุธาวีเสียงดังใส่ “เลิกโกหกผมได้แล้วปิ่น”
ธีรัตต์เข้าใจทันทีว่าที่ตัวเองโดนต่อยเพราะปิ่นมณี ธีรัตต์โกรธจัด
ปิ่นมณีเห็นอาการก็รู้ว่าธีรัตต์กำลังโกรธตน
ธีรัตต์ขว้างกุญแจคืนใส่ปิ่นมณี “เอารถคุณกลับไป! แล้วฝากไปบอกเจ้านายคุณด้วยว่า ผมไม่ซื้อรถคุณแล้ว”
สุธาวีอึ้งเมื่อรู้ว่าปิ่นมณีพูดความจริง
ธีรัตต์เดินออกไป ปิ่นมณีพยายามเดินตาม แต่ไม่ทันแล้ว
ปิ่นมณียืนโกรธจนตัวสั่นอยู่
สุธาวีอึ้ง รู้สึกผิดที่ทำให้สุธาวีเดือดร้อน สุธาวีเดินเข้าไปหาปิ่นอยากจะขอโทษ
“ปิ่น...”
ปิ่นมณีหันมาตบหน้าสุธาวีอย่างแรง
สุธาวีตะลึง ปิ่นมณีมองหน้าสุธาวีโกรธๆ
“สะใจคุณแล้วใช่มั้ย ที่ทำให้ชั้นเดือดร้อน”
ปิ่นมณีเดินไปขึ้นรถทันที สุธาวีหน้าจ๋อยสนิท รู้สึกผิด

ทางด้านอรทัยนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะในห้องประชุมเดอะกลอรี่ท่าทางหงุดหงิดมาก ผู้บริหารอื่นๆ นั่งรออยู่ท่าทางเป็นกังวล
บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มมาคุจนเป็นตึงเครียดสุดขีด เลขาอนงค์หันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนสาวคนหนึ่ง
“เธอ...ทำไมคุณวียังไม่มาอีก ท่าทางคุณอรทัยอารมณ์เสียแล้วเนี่ย”
เวลาเดียวกันธวัชชัยยืนโทรศัพท์รอสายจากสุธาวีอยู่ที่หน้าห้องประชุม ธวัชชัยมองเข้าไปในห้องประชุม เห็นอรทัยนั่งหงุดหงิด ธวัชชัยยิ่งร้อนใจ
ส่วนในรถเห็นโทรศัพท์สุธาวีสั่น พบว่าธวัชชัยโทร.เข้า แต่ไม่มีคนอยู่ ด้วยสุธาวียืนเครียดอยู่ที่เก่า
อรทัยปิดแฟ้มงานดังปัง!
“พอแล้วไม่ต้องรอแล้ว โปรเจคท์ที่สุธาวีจะเสนอให้ล้มไป”
อรทัยเดินปึงปังออกไปจากห้องประชุม ผู้บริหารในห้องประชุมคนอื่นเลิ่กลั่ก แล้วค่อยเดินตามอรทัยออกมา ธวัชชัยเห็นเข้าก็ตกใจ แล้ววางสาย รีบตรงเข้าไปหาอรทัย
“คุณอรครับ รอคุณวีอีกสักพักได้มั้ยครับ”
“ชั้นรอมานานพอแล้ว โปรเจคท์ของตาวี ชั้นยกเลิก!”
“คุณอรครับ คุณวีตั้งใจกับโปรเจคท์นี้มากเลยนะครับ ผมขอร้องคุณอรให้เห็นใจคุณวีด้วย”
“ถ้ามันตั้งใจจริง แล้ววันนี้ตาวีหายไปไหน!”

ธวัชชัยอึ้ง ตอบไม่ได้ อรทัยเดินไปเลย ธวัชชัยกลุ้มหนัก สงสารสุธาวี

ด้านบรรเจิดอยู่ในห้องทำงานที่โรงแรมใหม่ของตน กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับแก้วตา

“แก้วเป็นยังไงบ้าง ไม่สบาย อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง”
แก้วตากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน
“ยังเป็นไข้อยู่นิดหน่อยค่ะ คุณบรรเจิด”
“ถ้าอย่างนั้นแก้วกินยา แล้วก็นอนพักซะ..ชั้นเป็นห่วงแก้วนะ”
บรรเจิดวางสายไป
แก้วตาวางโทรศัพท์ หล่อนนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง แต่งตัวสวยงามเตรียมพร้อมออกจากบ้าน ไม่มีท่าทีป่วยไข้สักนิด แก้วตาหยิบลิปสติกขึ้นมาทาปาก อย่างอารมณ์ดี
แก้วตาหยิบกระเป๋าเดินออกไป เดชยืนอยู่ที่หน้าห้อง เห็นแก้วตาเดินออกมา
“นี่แก้วจะไปไหน?”
“ไปธุระข้างนอกค่ะ ถ้าคุณบรรเจิดโทรมาบอกว่าแก้วนอนอยู่นะคะ”

แก้วตาพูดจบก็เดินออกไปเลย เดชกลุ้มๆ ตกเป็นเบี้ยล่างของสาวเจ้าเล่ห์แล้ว

พอศุวิลจอดรถก้าวลงมา ทัดเทพที่รออยู่พุ่งออกมารับหน้าศุวิลไว้ ทัดเทพทำหน้าเจ้าเล่ห์
“ไอ้ลม...มีสาวมาหาแกอีกแล้วว่ะ”
ศุวิลชะงัก ดีใจคิดว่าเป็นฟ้าใสที่เลี่ยงตนอยู่มาหาแล้ว
“ฟ้าใสเหรอพี่?”
“ไม่ใช่น้องฟ้า” ศุวิลเซ็ง “แต่ว่าใสเหมือนกัน” คราวนี้ศุวิลงง “น้องคนนั้นน่ะ ที่หน้าตา แบ๊วๆ หวานๆ น่ารักๆ น่ะ”
ทัดเทพนึกชื่อไม่ออก ศุวิลงง
เสียงแก้วตาดังขึ้นมา “สวัสดีค่ะคุณลม”
ศุวิลหันไป เห็นแก้วตายืนสวยอยู่ก็อุทานงงๆ
“คุณแก้ว”

แก้วตายิ้มเฉิดฉาย เดินตามศุวิลเข้ามา
“แก้วจะมาขอบคุณคุณลมน่ะค่ะ ที่เมื่อคืนคุณลมอยู่เป็นเพื่อนแก้ว ช่วยแก้วหากระเป๋า...”
“ไม่เป็นไรครับ...ส่วนเรื่องกระเป๋าคุณแก้ว...”
แก้วตารีบชิงพูดทันที “แก้วว่าแก้วจะย้อนกลับไปที่สตูดิโออีก แต่ว่าไม่รู้จะไปบอกเค้ายังไง เพราะแก้วเองก็ไม่ใช่คนของทีมงาน...เลยอยากรบกวนคุณลมให้พาแก้วไปหน่อยน่ะค่ะ คุณลมว่างไหมคะ”
“เจอกระเป๋าคุณแก้วแล้วครับ” แก้วตาชะงัก “ผมให้คนไปลองหาดูอีกที เค้าบอกว่าอยู่ในซอกใต้โต๊ะในห้องแต่งตัว น่าจะเป็นของคุณแก้วนะครับ”
ศุวิลหันไปหยิบกระเป๋าของแก้วตาออกมายื่นให้
“นี่ครับ”
แก้วตาเซ็งนิดๆ หมดข้ออ้างให้ศุวิลออกไปข้างนอกด้วย
“ใช่ของแก้วจริงๆ ด้วยค่ะ”
แก้วตายื่นมือไปรับ แกล้งเอามือแตะโดนมือศุวิล พร้อมกับทอดสายตาให้
“แก้วไม่รู้จะตอบแทนคุณลมยังไงดี”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องเล็กน้อย แล้วนี่คุณแก้วดีขึ้นหรือยังครับเนี่ย?” แก้วตาชะงัก “เมื่อคืนคุณแก้วเป็นลม”
แก้วตานึกได้ว่าแสดงบทเป็นลมเอาไว้ “อ๋อ ยังมึนๆหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ เวลาแก้วนอนน้อยแล้วหน้ามืดบ่อยๆ ขอบคุณคุณลมอีกครั้งนะคะ แก้วไม่กวนแล้วค่ะ”
แก้วตาจะเดินออก แล้วแสร้งหน้ามืด เซ ศุวิลจะเข้าไปประคอง แต่ทันใดนั้น มีคนๆ หนึ่งมาประคอง
แก้วตาไว้พอดี
ศุวิลหันมาเห็นว่าคนที่ประคองแก้วตาคือปิ่นมณีนั่นเอง
“ปิ่น...”
แก้วตาที่แสร้งหน้ามืดอยู่ ปรือตามามองๆ แอบเจ็บใจ

“ไม่เป็นไรค่ะลม เดี๋ยวปิ่นดูแลเพื่อนเอง” ปิ่นมณีหันมาจ้องหน้าแก้วตา “หน้ามืดเหรอจ๊ะแก้ว”

อ่านต่อหน้า 4 / 09.30 น.

จ้าวพายุ ตอนที่ 10 (ต่อ)

อีกมุมรับแขกในบริเวณออฟฟิศศุวิล แก้วตานั่งเจื่อน ซีดๆ จ๋อยๆ อยู่ตรงนั้น ปิ่นมณีนั่งนิ่งๆ มองหน้าแก้วตาเอายาดมให้ดม

“ดีขึ้นหรือยังจ๊ะ”
“ค่อยยังชั่วแล้วจ้ะ ขอบใจมากนะจ๊ะปิ่น”
ปิ่นมณีเข้าประเด็นทันที
“นี่แก้วไปยังไงมายังไงจ๊ะ ถึงได้มาเป็นลมถึงที่นี่”
แก้วตาชะงัก ที่ปิ่นมณีพูดเหมือนรู้ทันหล่อนฝืนยิ้มให้
“แก้วมาเอากระเป๋าน่ะจ้ะ พอดีเมื่อวานแก้วลืมไว้”
“อ๋อ...นี่ก็ได้กระเป๋าแล้วนี่...รีบกลับไปสิจ๊ะ” ปิ่นมณีสงสัย ไม่เชื่อว่าแก้วตาจะมาเอาแค่กระเป๋า “หรือว่าที่มา อยากได้มากกว่ากระเป๋า”
แก้วตาชะงักอีก ใจไม่ดีที่ปิ่นมณีรู้ทัน รีบพูดกระเซ้า
“ปิ่น พูดอะไรน่ะ...นี่อย่าบอกนะว่าปิ่นหึงแก้วกับคุณลม”
ปิ่นมณียิ้มเยือกเย็น “แล้วชั้นควรจะหึงไหมล่ะจ๊ะแก้ว”
แก้วตายิ้มใสซื่อ “ทำไมปิ่นคิดแบบนี้กับแก้วล่ะ..เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“จำได้ก็ดี....อีกอย่างที่ควรจะจำไว้ก็คือ อย่าคิดจะยุ่งกับของๆ เพื่อน”
ปิ่นมณีไม่ไว้ใจ มองแก้วตาอย่างคาดโทษ ส่วนแก้วตายิ้มซื่อใสประหนึ่งว่าปิ่นมณีพูดเรื่องไร้สาระ เป็นไปไม่ได้
ฟากศุวิลถือผ้าชุบน้ำจะเอาออกไปให้แก้วตาซับหน้าซับตา ปิ่นมณีกลับเข้ามาหาศุวิล
“คุณแก้วล่ะ? กลับไปแล้วเหรอ”
“แก้วเค้ามาเอากระเป๋า ได้กระเป๋าแล้ว ก็กลับสิคะ จะอยู่ทำไม”
ศุวิลถอนใจ “แล้วคุณล่ะ จะอยู่ทำไม”
“ปิ่นไม่ได้มาเอากระเป๋า มาเอาอย่างอื่น...ถ้ายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ก็ยังไม่กลับ”
“ปิ่น...พอเถอะ เรื่องของเรามันไม่มีวันเหมือนเดิมหรอก”
ศุวิลพูดเสียงเย็นชา ตัดขาดไม่มีเยื่อใย ปิ่นมณียังใจเย็น ยิ้มหวานให้
“เย็นชาจังเลยนะคะลม...ปิ่นว่าเรามาคุยกันดีๆ ดีกว่านะคะ อย่าใช้อารมณ์เลย”
“ผมไม่ได้ใช้อารมณ์...นี่พูดอย่างมีสติที่สุดแล้ว คุณกลับไปเถอะ”
ปิ่นมณีเข้าไปใกล้ จับมือศุวิลแน่น
“ลมคะ...ปิ่นไม่ไปไหนแล้วล่ะค่ะ” ศุวิลนิ่ง “ปิ่นเลิกกับคุณวีแล้ว”
ศุวิลชะงักที่ปิ่นมณีเลิกกับสุธาวีรวดเร็วแบบนี้
“ถึงคุณจะเลิกกับเค้า มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม”
ศุวิลพูดด้วยความรู้สึกจริงๆ จากใจ ไม่ได้ประชด ด้วยตอนนี้ไม่ได้ไยดีปิ่นมณีแล้ว ปิ่นมณีเห็นท่าทีศุวิลแข็งกระด้าง ไม่ไยดี ก็เริ่มโมโห
“ที่ลมใจแข็งกับปิ่นขนาดนี้เพราะลมมีคนอื่นแล้วใช่ไหมคะ” ศุวิลอึ้ง “ใครกันคะ? แก้วตาหรือว่าฟ้าใส”
ศุวิลชะงักคิด ถามตัวเองเช่นกัน และก็ได้คำตอบทันทีว่าเขาหวั่นไหวกับฟ้าใส
“จะเป็นใครก็ช่าง...แต่ไม่มีวันเป็นคุณอีกแล้ว”
ศุวิลเดินกลับเข้าไปในออฟฟิศเลย ทิ้งปิ่นมณียืนเจ็บใจอยู่คนเดียว

ทางด้านฟ้าใสหน้าเครียดจัด ขณะเดินมาหยุดที่หน้าโรงแรมใหม่ของบรรเจิด เห็นบรรเจิดท่าทางดีใจ ปรี่ออกมารับ
“มาแล้วเหรอยัยฟ้า”
ฟ้าใสยกมือไหว้ มองบรรเจิดได้ไม่เต็มตา ไม่สนิทใจอย่างเก่า
“สวัสดีค่ะอา”
“มาๆ เข้ามา” บรรเจิดโอบฟ้าใสเดินเข้าไปด้านใน
“นี่เรากินอะไรมาหรือยัง เดี๋ยวอยู่กินกลางวันกับอาไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าต้องไปทำงานต่อ”
“อาดีใจนะที่ฟ้ามาหาอา...ตอนแรกอาคิดว่าจะรอให้เปิดโรงแรมก่อน แล้วจะให้ฟ้ามาเล่นดนตรีเปิดงานให้อาซักหน่อย...นี่ฟ้าสบายดีไหม? ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
ฟ้าใสอึกอัก

ขณะเดียวกันเดชขับรถเข้ามาที่หน้าโรงแรมของบรรเจิด โดยเดชมีท่าทางกลัดกลุ้ม ในใจสับสนไปหมดรู้สึกผิดกับบรรเจิดเรื่องเผลอใจไปมีอะไรกับแก้วตา และช่วยปิดบังความเลวของหล่อนอีกด้วย

บรรเจิดเห็นฟ้าใสท่าทางเครียดๆ ก็เอะใจ
“ฟ้า ฟ้ามีอะไรหรือเปล่า”
ฟ้าใสเข้าเรื่อง “อาคะ...ฟ้ารู้แล้วค่ะ ว่าเมียน้อยของอา...ก็คือแก้ว”
บรรเจิดอึ้ง หน้าถอดสี
“อาขอร้องนะฟ้า...อย่าบอกคุณอรเรื่องแก้วตา...อากลัวว่าแก้วจะไม่ปลอดภัย”
“ถึงอาไม่ขอร้อง ฟ้าไม่บอกใครหรอกค่ะ...แก้วเป็นเพื่อนฟ้า...” บรรเจิดหลบตาวูบ นึกละอายใจไม่น้อย “ฟ้าก็เป็นห่วงแก้วเหมือนกัน...แล้วฟ้าก็เป็นห่วงความรู้สึกของอาอรด้วย”
บรรเจิดหันมามองฟ้าใส ยิ่งละอายใจ เพราะตนเองห่วงแต่แก้วตา
“อาคะ.. แค่อามีเมียน้อย มันก็ผิดมากพออยู่แล้ว..แต่นี่เมียน้อยอา ยังเป็นเพื่อนสนิทของฟ้า...” บรรเจิดอึ้งอีก “ที่จริง ฟ้าก็มีส่วนผิด ที่พาแก้วมาให้อารู้จัก”
ที่หน้าประตูห้องตอนนั้น เดชกำลังจะเข้ามา แต่ได้ยินเสียงฟ้าใสคุยกับบรรเจิดอยู่ ชะงักหยุดฟังอยู่หน้าห้อง
“ฟ้าไม่ผิดหรอก...แก้วก็ไม่ผิด เรื่องทุกอย่างอาผิดเอง...ฟ้าอย่าโกรธแก้วนะ .. อาจะให้แก้วเค้าลาออกจากโรงเรียนของฟ้า”
“แค่ให้แก้วออกจากโรงเรียนฟ้า มันไม่ได้แก้ปัญหาหรอกนะคะ” ฟ้าใสมองหน้าบรรเจิด “อาเลิกกับแก้วเถอะค่ะ”
บรรเจิดนิ่งงันไป เขาทำใจเลิกกับแก้วตาไม่ได้
“เลิกกับแก้ว...แล้วกลับไปหาอาอรนะคะ..เรื่องของอากับแก้วอาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ...”
ฟ้าใสเกลี้ยกล่อม บรรเจิดขัดขึ้นทันที
“มันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบนะฟ้า” ฟ้าใสอึ้ง นิ่งงันไป “อารักแก้ว..มันอาจจะไม่ถูกต้อง..แต่ว่าเราสองคนรักกัน”
“คุณอา”
“ฟ้าจะโกรธจะเกลียดอาก็ได้...อาผิดที่มารักเพื่อนของฟ้าทั้งที่มีอรทัยอยู่แล้ว... มันเป็นเรื่องไม่ถูกไม่ควร....แต่ความรักที่อามีให้แก้ว มันทำให้อาลืมไปหมดทุกอย่าง”
ฟ้าใสใจหาย ที่บรรเจิดเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ บรรเจิดเห็นสายตาของหลาน ก็รู้สึกผิด
ส่วนด้านนอกห้อง เดชได้ยินที่บรรเจิดพูดว่ารักแก้วตามากขนาดไหน เดชก็ยิ่งรู้สึกผิดกับบรรเจิด
“ถ้าฟ้ารักใครสักคน ฟ้าจะเข้าใจ ว่าการพยายามไม่รักเค้า มันยากแค่ไหน”
ฟ้าใส ชะงักนิ่งคิดด้วยหล่อนเองก็กำลังหวั่นไหวกับศุวิล คนรักเก่าของเพื่อน ซึ่งไม่ควร ไม่ถูกต้องเช่นกัน และเธอก็กำลังพยายามห้ามใจ
เดชคิดถึงเรื่องตนที่แม้จะพยายามหักห้ามใจจากแก้วตา แต่สุดท้ายก็หักห้ามใจไม่ได้
“ถึงจะยาก แต่เราก็ควรจะห้ามใจตัวเองให้ได้...เพราะถ้าเราเลือกความรัก อาจจะมีคนต้องเจ็บเพราะเราหลายคน...แต่ถ้าเราเลือกความถูกต้อง...คนที่เจ็บ ก็จะมีแค่เราคนเดียว”
ฟ้าใสบอกบรรเจิด และบอกเตือนตัวเองด้วย ว่าต้องตัดใจจากศุวิลให้ได้
ส่วนเดชได้ยินคำพูดของฟ้าใส ความรู้สึกก็ยิ่งสับสนปนเปไปหมด ทั้งรู้สึกผิด ทั้งรู้สึกสงสารบรรเจิด เดชโทษตัวเองอย่างหนัก

เป้าปืนในสนามยิงปืนแห่งนั้น ถูกยิงปัง! ปัง! ปัง! คนยิงปืนนั้น เห็นว่าคือเดช ที่ยิงปืนอยู่ท่าทางเครียดๆ
เดชวางปืนลงหันหลังจะเดินออกไป แต่ทันทีที่หันหลังมา เขาก็หันไปเจอวิทย์ยืนรออยู่
“วิทย์”
“คุณอรสั่งให้ชั้นมาคุยกับแกเรื่องเมียน้อยคุณบรรเจิด”
“แกก็รู้ว่าชั้นไม่มีทางบอกอะไรคุณอร”
"ชั้นเข้าใจว่าแกรักและเคารพคุณบรรเจิดมาก แต่แกไม่คิดบ้างเหรอว่าสิ่งที่แกทำน่ะมันผิด" วิทย์จ้องหน้าเขา 
เดชนิ่งงันไป คำพูดของวิทย์บังเอิญมากระแทกสิ่งที่อยู่ในใจเขาจังๆ
"แกไม่ควรช่วยคุณบรรเจิดปกปิดเรื่องเมียน้อย คุณอรมีข้อเสนอให้แก"
วิทย์ยื่นเช็คให้ เดชรับมา เปิดดูเป็นเช็คจำนวนห้าแสน ลงชื่อ อรทัย เจนจรัสตระกูล
"ขอแค่แกบอกมาเมียน้อยของคุณบรรเจิดคือใคร ที่เหลือคุณอรจะจัดการเอง รับรองว่าจะไม่ให้แกเดือดร้อน คุณบรรเจิดจะไม่มีทางรู้ว่าเรื่องมาจากแก"
เดชมองเช็ค ในใจก็อยากให้เรื่องยุ่งๆ นี้มันจบลง เพราะว่าแก้วตาเองก็ไม่ได้คู่ควรกับความรักของบรรเจิดเลย อรทัยถึงแม้จะดุ อารมณ์ร้าย แต่ก็รักและจริงใจกับบรรเจิด ทว่าเดชก็ยังทำร้ายแก้วตาไม่ลง เขาสับสนไปหมด
“เช็คใบนี้ อาทิตย์หน้าจะขึ้นเงินได้ ระหว่างนี้แกก็คิดดูให้ดีแล้วกัน หวังว่าแกจะเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง”

วิทย์เดินออกไปเลย เดชอึ้งคิดไม่ตก ไม่รู้จะทำยังไง

เย็นนั้น ขณะที่ฟ้าใสลงจากรถแท็กซี่เดินกลับเข้ามาในโรงเรียน เครียดๆ เรื่องที่บรรเจิดเอาแก้วตาเป็นเมียน้อย

เมื่อฟ้าใสเดินเข้าไปที่ด้านใน ชนเมศร์กับงามเสมอก็วิ่งมาดักหน้า สองคนมองมาด้วยหน้าตากรุ้มกริ่ม
ชนเมศร์บอก “ฟ้า มีคนมารอฟ้าน่ะ”
ฟ้าใสงงๆ ชนเมศร์กะงามเสมอมองหน้ากันคิกคัก ฟ้าใสเดินเข้าไปอีกก็เห็นศุวิลนั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะรับแขก ฟ้าใสตกใจจะเดินหนีออกไป
ศุวิลที่นั่งรอฟ้าใสอยู่นั้น หันมาเห็นพอดี ศุวิลรีบลุกเดินไปหาทันที
“ผมเอาเช็คค่าเล่นโฆษณามาให้ เห็นคุณไม่เข้าไปเอาที่ออฟฟิศซักที”
ศุวิลยิ้ม ยื่นเช็คส่งให้ ฟ้าใสมองเช็คที่มือศุวิลรับมา
“ขอบคุณนะ...เอ่อ...ชั้นไปก่อนนะ ต้องรีบไปเข้าคลาสสอนเด็ก”
ฟ้าใสหันหลังจะเดินหนีศุวิลออกไปอีก
“เดี๋ยวสิคุณ”
ศุวิลดึงมือฟ้าใสไว้ให้หันกลับมา ฟ้าใสมองมือศุวิลที่จับมือตนอยู่ ศุวิลรู้ตัวรีบปล่อยมือออกเขินๆ
“ผมจะบอกคุณว่า เดี๋ยวที่ออฟฟิศเค้าจะมีงานเลี้ยงปิดจ็อบนี้กัน คุณช่วยผมเลือกร้านหน่อยสิ ว่าเราจะไปกินที่ร้านไหนกันดี”
ฟ้าใสพยายามเลี่ยงที่จะใกล้ชิดศุวิล
“ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกร้านอร่อยๆ หรอก ให้พี่ทัดเทพกับพี่พิมพ์จันทร์ช่วยเลือกสิ”
“อะไรคุณ อย่ามาโม้นะ...ผมเห็นคุณกินเก่งจะตาย ระดับคุณต้องรู้อยู่แล้วร้านไหนอร่อย ร้านไหนไม่อร่อย นี่ผมให้สิทธิพิเศษคุณเลือกเองเลยนะ”
ฟ้าใสยิ้มแห้งๆ
“ถึงชั้นช่วยเลือก ยังไงชั้นก็คงไม่ได้ไป งานยุ่งๆ น่ะ”
ศุวิลชะงัก เขาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง แต่ฟ้าใสหลบตาเขา ศุวิลมั่นใจแล้วว่าฟ้าใสพยายามหลบหน้าตน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฟ้าใสต้องทำแบบนี้
“งานยุ่ง? หรือจริงๆ คุณกำลังหลบหน้าผมอยู่” ศุวิลถอนใจ “ผมถามจริงๆ นะ คุณเป็นอะไรของคุณกันแน่ ถึงได้ทำเหมือนไม่อยากอยู่ใกล้ผม”
“ใช่…ชั้นไม่อยากอยู่ใกล้คุณ”
ศุวิลชะงักค้าง
“เพราะชั้นไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ว่าชั้นไปยุ่งกับแฟนของเพื่อน เพราะฉะนั้นคุณอยู่ห่างๆ ชั้นไว้เถอะนะ”
พูดจบฟ้าใสเดินออกไปเลย ผ่านชนเมศร์กับงามเสมอที่แอบฟังอยู่หน้าห้อง ชนเมศร์กับงามเสมอตกใจที่ฟ้าใสพูดแรงกับศุวิล
ศุวิลยืนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก

ภายในบาร์ของเดอะกลอรี่ คลาคร่ำไปด้วยเหล่านักเที่ยวชายหญิงที่มาดื่มกินยามค่ำคืน
ที่มุมหนึ่งในบาร์ สุธาวีนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว ใจยังคิดเครียดเรื่องปิ่นมณี
ส่วนอีกมุมหนึ่งสราลัยยืนคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ สราลัยเหลือบมาเห็นสุธาวีนั่งอยู่คนเดียว มองๆ อยู่พักหนึ่ง เห็นไม่มีใครมานั่งกับสุธาวีด้วย ก็ตรงเข้าไปหาทันที
“ท่าทางหมดสภาพ...สราได้ยินมาว่าคุณแม่คุณสั่งตัดบัตร คงต้องทำงานหนักน่าดูเลยสินะ” สราลัยมองสุธาวีแล้วยิ้มหยัน “น่าสงสารจัง”
สราลัยยิ้มกวนให้อีกดอก สุธาวีมองอดีตคู่ขาเซ็งๆ จะลุกหนี สราลัยเดินเข้าไปดักหน้าไว้
“แล้วนี่แม่เซลส์ขายรถนั่นหายไปไหน เอ๊ะ...หรือว่าเพราะวีไม่มีเงิน มันก็เลยทิ้งวีไปเกาะผู้ชายคนใหม่แล้ว”
สราลัยยิ้มเยาะ สุธาวีโดนจี้ใจดำเข้าให้ก็หมดความอดทน
“พูดพอหรือยัง ถ้าพอแล้ว ก็ออกไปได้แล้ว”
“สราก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานนักหรอกค่ะ ก็แค่อยากเข้ามาดูสภาพ ว่าผู้ชายโง่ๆ ที่โดนผู้หญิงทิ้ง เพราะไม่มีเงิน มันหน้าตาเป็นยังไง...แต่ตอนนี้รู้แล้ว หน้าตาแบบวีนี่เอง”
สราลัยยิ้มเยาะแล้วเดินเชิดออกไป
สุธาวีโกรธ เจ็บใจ พาลโกรธอรทัยที่ทำให้ตนเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

กลางดึก สุธาวีเดินเซๆ ดูออกว่าเมาหนักเข้ามา เจออรทัยนั่งหน้าหงิกรออยู่ในห้องโถง
“กลับมาได้แล้วเหรอตาวี” สุธาวีชะงัก เห็นแม่ก็ยิ่งเซ็ง แทบจะสร่างเมา “หายหัวไปไหนมา ถึงไม่มาประชุม ผู้บริหารทุกคนเค้าต้องรอแกคนเดียว”
อรทัยเข้าใกล้สุธาวีก็ได้กลิ่นละมุดหึ่ง ก็ชะงัก
“เหม็นเหล้าหึ่งไปหมด! นี่แกเป็นอะไรของแกอีก”
“นี่แม่ถามเพราะเป็นห่วง หรือว่าแค่อยากรู้เพื่อความสะใจ”
อรทัยโมโหที่ลูกมองหล่อนในแง่ร้ายอีกแล้ว
“ตาวี! ที่ชั้นด่าแกอยู่ทุกวัน แกคิดว่าชั้นสนุกเหรอ?! (สุธาวีชะงัก) แกเป็นลูกชั้น ชั้นด่าเพื่อจะให้แกสำนึก หูตาจะได้สว่าง!” สุธาวีถอนใจอย่างหงุดหงิด “ประชุมก็ไม่เข้า แล้วยังไปกินเหล้ามาอีก! ไปคบคนต่ำๆ ก็พาลดึงกันลงต่ำอย่างนี้แหละ”
สุธาวีเจ็บช้ำ พยายามกลั้นไว้
“แม่พูดจบแล้วใช่ไหมครับ”
“ทำไม? นังเซลส์ขายรถนั่นมันวิเศษมากเลยหรือไง พอชั้นว่ามัน แกถึงทนฟังไม่ได้! มันรู้ว่าแกไม่มีเงิน มันยังไม่ทิ้งแกอีกเหรอ”
สุธาวีทนไม่ไหวแผดเสียงดังลั่นใส่หน้า “พอสักทีเถอะแม่!”
อรทัยตะลึง สุธาวีโมโห เพราะปิ่นมณีเป็นอย่างที่อรทัยพูด หล่อนทิ้งเขาจริง
“ถ้าเค้าทิ้งผมไป แม่คงจะดีใจมากใช่ไหม”
อรทัยชะงัก
ศิวา ธวัชชัยได้ยินเสียงเอะอะ ก็หน้าตื่นเข้ามา
“เอะอะโวยวายอะไรกันอีกยัยอร”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ สงสัยหลานชายคุณพ่อจะโดนผู้หญิงถีบหัวส่งมา มันถึงได้เมาขนาดนี้” อรทัยปรายตามมองธวัชชัย “ไม่มีใครบอกคุณพ่อเหรอคะ ว่าวันนี้งานการมันก็ไม่ไปทำ ขนาดจะต้องเสนอโปรเจคท์ของตัวเองกับที่ประชุมแท้ๆ แต่ก็ยังหายไป”
ศิวาตกใจหันไปมองหน้าสุธาวี
“ตาวี เกิดอะไรขึ้น?”
สุธาวีเห็นสายตาผิดหวังของศิวาก็รู้สึกผิด เขาคว้ากุญแจรถเดินออกไปเลย
“ตาวี”
สุธาวีออกไปไม่นาน ก็เห็นรถสปอร์ตของสุธาวีพุ่งทะยานออกไปจากบ้านด้วยความเร็วสูง

เวลาต่อมาศิวากับอรทัยยืนทุ่มเถียงทะเลาะกันอยู่ตรงชั้นพักบันไดห้องโถง ธวัชชัยอยู่ด้วย
“ไม่มีทางค่ะ โปรเจคท์ของตาวีอรสั่งยกเลิกไปแล้ว อรจะไม่รื้อมันขึ้นมาอีก”
“มันเป็นลูกชายแกนะ ทำไมแกไม่ให้โอกาสตาวีมัน”
“ให้โอกาสเหรอคะ?! คุณพ่อไม่เห็นมันทำตัวเหรอ เมาไม่เป็นผู้เป็นคน”
“แล้วแกเคยถามตาวีมันไหม ว่าที่มันเมามา มันมีปัญหาอะไรกันแน่ แกเคยพูดกับมันดีๆ ไหม!? มีแต่ซ้ำเติม ไม่เคยสนับสนุนมัน ผัวก็หนีไปแล้วคนนึง อยากเสียลูกชายไปอีกคนหรือไง”
อรทัยชะงักงัน เจ็บแปลบในใจ
“คุณพ่อไม่ต้องมาสั่งสอนอร ลูกของอร อรเลี้ยงได้”
“ชั้นก็ไม่มีหน้าไปสั่งสอนแกหรอกยัยอร เพราะชั้นก็คงล้มเหลวในการเลี้ยงดูแกเหมือนกัน แกถึงโตมาเป็นอย่างนี้ไง! เอาแต่อารมณ์ไม่ฟังคนอื่น ชั้นจะไม่แปลกใจเลยนะ ถ้าสุดท้ายแกไม่เหลือใคร แล้วนอนตายอยู่คนเดียว!”
“ถ้าถึงวันนั้นคุณพ่อก็คงสะใจสินะคะ เพราะคุณพ่อก็เกลียดอรอยู่แล้วนี่”
“อร...” ศิวาคราง นึกเสียใจ
“หรือว่าไม่จริง ถ้าอรตาย คุณพ่อก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน หรือคุณพ่ออยากจะจัดงานเลี้ยงกันบนหลุมศพอรก็ได้นะคะ”
“ยัยอร!!”
ศิวาเครียดจัดจนเกิดอาการปวดท้องกะทันหัน โรคกำเริบ ชายชราเสียหลักตกบันได กลิ้งหลุนๆ ลงมา

ธวัชชัยกับอรทัย ช็อก! ตกตะลึงพรึงเพริศ

อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น