จ้าวพายุ ตอนที่ 9
งานถ่ายโฆษณาที่ฟ้าใสเป็นนางแบบเสร็จในตอนเย็น ทีมงานกำลังเก็บข้าวของ ส่วนที่หน้า studio มีรถตู้จอดรออยู่ พิมพ์จันทร์มายืนส่งพวกเด็กๆ ฟ้าใส แก้วตา ชนเมศร์ งามเสมออยู่ด้วย
“ขอบคุณมากนะคะทุกคน...น้องฟ้า น้องชน น้องงามด้วย” พิมพ์จันทร์ยิ้มแย้ม
งามเสมอกระเซ้า “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นแบบว่า หางานโฆษณาให้งามเล่นบ้างได้ไหมคะ”
ชนเมศร์กัดทันที “จะพูดให้เค้าลำบากใจทำไมเจ๊”
งามเสมอเซ็ง แก้วตามองไปอีกด้านหนึ่ง เห็นศุวิลยืนอยู่กับทัดเทพและทีมงาน
“เอ่อ แก้วลืมกระเป๋าอะค่ะ ขอเข้าไปเอาก่อนนะคะ”
ชนเมศร์บอก “ไม่ต้องแก้ว” แก้วตาชะงัก “ชนหยิบมาให้แก้วแล้ว”
ชนเมศร์ชูกระเป๋าแก้วตาให้ดู แก้วตาเซ็ง ทุกคนขึ้นรถ ฟ้าใสกำลังจะขึ้นตาม จู่ๆ ทัดเทพวิ่งหน้าตาตื่นวิ่งเข้ามา ศุวิลตามมาด้วย
“น้องฟ้า อย่าเพิ่ง!”
ฟ้าใสชะงักหันมาหา
ทัดเทพบอก “คุณโด่งเค้าขอ insert น้องฟ้าหน่อย”
ศุวิลกัดฟ้าใส “อดกลับบ้าน สมน้ำหน้า”
ฟ้าใสเบ้หน้าชริใส่ แก้วตาเห็นอาการระหว่างฟ้าใสและศุวิลก็ยิ่งหงุดหงิด จะต้องขัดสองคนนี้ให้ได้
“งั้นเดี๋ยวแก้วอยู่เป็นเพื่อนนะฟ้า”
“ไม่ต้องหรอกแก้ว ฟ้าเค้ามีเพื่อนเยอะแยะ ไปๆๆ” งามเสมอดึงแก้วตาขึ้นไปเลย
ปิ่นมณีอยู่ในล็อบบี้คอนโดคิดเครียดถึงเรื่องที่อรทัยบอกว่าสุธาวีไม่ได้อะไร
“นี่ตาวียังไม่ได้บอกเธออีกเหรอ? ว่าถึงเค้าจะทุ่มเทแค่ไหน อนาคตของเค้าก็จะเป็นได้แค่หัวหน้าฝ่ายการตลาด ส่วนเธอก็จะเป็นแค่เมียของพนักงานคนนึงเท่านั้น”
“ชั้นก็ไม่อยากทำลายฝันของเธอหรอกนะปิ่นมณี แต่สมบัติของเจนจรัสตระกูล รวมทั้งเดอะกลอรี่ ถูกยกให้ยัยฟ้าครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งนึง เป็นของลูกนอกสมรสของพ่อชั้น...”
ปิ่นมณีดึงความคิดกลับมา แม้จะรู้แล้วสมบัติครึ่งหนึ่งนั้นศุวิลจะได้ แต่ไม่อยากเชื่อว่าอีกครึ่งจะเป็นของฟ้าใส ไม่ใช่สุธาวี
“ไม่จริง”
ปิ่นมณีหยิบมือถือ เลื่อนหาชื่อฟ้าใส กดโทร.ออกทันที
ที่ห้องแต่งตัวในสตูดิโอ มือถือฟ้าใสอยู่ในกระเป๋าสั่น ปิ่นมณีโทร.เข้ามา ขณะช่างหน้าช่างผมกำลังแต่งหน้าทำผมให้ฟ้าใสอยู่ ปิ่นมณีขัดใจที่ฟ้าใสไม่รับมือถือ นิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วกดมือถือไปที่อีกเบอร์
รถตู้แล่นมาตามถนนมุ่งหน้ากลับโรงเรียน ในรถตู้งามเสมอร้องเพลงอยู่กับเด็กๆ อย่างสนุกสนาน แก้วตานั่งหน้าตูมอยู่ ชนเมศร์นั่งข้างๆ
มือถือแก้วตาดังขึ้น หน้าจอเห็นปิ่นมณีโทร.เข้า หล่อนนิ่งคิดแล้วกดรับ
“จ้ะปิ่น อ๋อ...ติดต่อยัยฟ้าไม่ได้เหรอจ๊ะ”
แก้วตายิ้มสาสมใจ สาวจอมแอ๊บคิดจะยืมมือให้ปิ่นมณีไปขวางฟ้าใสกับศุวิล
ทัดเทพ พิมพ์จันทร์ และโด่งนั่งอยู่ที่หน้ามอนิเตอร์ ทีมงานพร้อมแล้ว ส่วนที่เซ็ทฟ้าใสถือไวโอลินยืนฟังศุวิลปรี๊ฟอยู่ บ่นกระปอดกระแปด
“นี่ ทำงานก็เลิกช้า เอาโอทีมาเลย”
“บ่นอยู่ได้ น่าเบื่อ ก็เล่นดีๆ สิ จะได้รีบกลับ”
ฟ้าใสเซ็ง ไปยืนที่มาร์คไว้ ศุวิลกำลังจะเดินกลับไปที่หน้ามอนิเตอร์ ทันใดนั้น ศุวิลเห็นว่ากิ่งไม้ปลอมที่เซ็ทไว้ไหวไปมาเหมือน กำลังจะร่วง
ศุวิลตกใจกระโจนพรวดเดียวดึงฟ้าใสเข้ามากอดปกป้อง ฟ้าใสตกใจปนงง ทัดเทพ พิมพ์จันทร์ และคุณโด่งต่างตกใจ ทีมงานงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทำอะไรน่ะอีตาบ้า!” ฟ้าใสฉุน
“กิ่งไม้มันจะร่วงอะ”
ศุวิลเงยหน้ามอง แต่กิ่งไม้ดันไม่ได้ร่วง เพียงแค่ไหวๆ เหมือนจะร่วงเท่านั้น
“แต่ว่ามันไม่ได้ร่วงแล้ว”
ศุวิลยังกอดฟ้าใสอยู่ ฟ้าใสเขินมาก ศุวิลหันกลับมามองหน้าฟ้าใส สองคนชะงักเขินกัน
“ไม่ร่วงก็ปล่อยดิ”
ศุวิลค่อยๆ ปล่อยฟ้าใส ทั้งคู่เขินๆ กันไป ขณะสองผละห่างจากกันนั้น ปิ่นมณียืนมองจากที่ไกลๆ ด้วยกิริยาอึ้งๆ อยู่ เมื่อเห็นศุวิลและฟ้าใสใกล้ชิดกัน!
ตกเย็น เห็นวิทย์ขับรถเคลื่อนเข้ามาจอดที่มุมหนึ่งหน้าโรงแรมใหม่ของบรรเจิด อรทัยนั่งหน้านิ่งๆ มองสำรวจไปรอบๆ
“นี่น่ะเหรอ...โรงแรมคุณบรรเจิด”
“ครับคุณอร...”
อรทัยมองตัวโรงแรมที่ขนาดดูเล็กกว่ามาก และไม่หรูหราเหมือนเดอะกลอรี่
อรทัยมองไปอีกทางหนึ่งเห็นบรรเจิดสภาพเหงื่อซ่ก ช่วยคนงานยกกระถางต้นไม้อยู่อีกมุม อรทัยเพ่งมองนิ่งๆ
“ขับรถเข้าไปข้างหน้าวิทย์...”
วิทย์เคลื่อนรถเข้าไปข้างหน้า บรรเจิดได้ยินเสียงรถก็หันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นรถใคร ก็ชะงักนิดๆ
อรทัยลงรถมา ยิ้มเยาะบรรเจิด
“ทำไมเจ้าของโรงแรมถึงต้องมายกกระถางต้นไม้เองล่ะคะ”
บรรเจิดพยายามควบคุมอารมณ์ ไม่มองหน้าอรทัย
“จะว่าไป โรงแรมคุณก็...” อรทัยมองไปรอบๆ ท่าทีเหยียดหยัน “พอดูได้นะคะ ..กะทัดรัดดี นี่คืนละเท่าไหร่เนี่ย? พันนึง? สองพัน? ชั้นว่าเรทราคาประมาณนี้กำลังดีนะคะ เพราะขืนคิดเกินกว่านี้ คงไม่มีแขกมาพัก”
บรรเจิดตัดบทไม่อยากมีเรื่อง “คุณกลับไปเถอะอรทัย”
อรทัยเหยียดยิ้ม “ไม่ต้องไล่หรอก ชั้นไปแน่” หล่อนกราดมองไปรอบโรงแรมด้วยแววตาดูถูก “เดี๋ยวคนที่รู้จักชั้นมาเห็นจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาขาของเดอะกลอรี่ ชั้นขายขี้หน้าแย่”
“ไม่เป็นไร ถ้ามีคนเข้าใจผิด ผมจะอธิบายกับเค้าเองว่าที่นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเดอะกลอรี่”
อรทัยชะงัก จ้องบรรเจิดเขม็ง “อยากจะรู้นัก ว่าถ้าวันนึงโรงแรมไปไม่รอด คุณจะทำยังไง”
พูดจบอรทัยสะบัดหน้าหนี จะขึ้นรถ เสียงบรรเจิดดังขึ้นมาก่อน
“มีหลายอย่างที่ผมจะทำ...แต่ที่ไม่ทำแน่ๆ คือซมซานกลับไปหาคุณ”
อรทัยเจ็บใจ
“แล้วชั้นจะคอยดู”
อรทัยขึ้นรถแล้วปิดประตูปัง!
ส่วนที่ลานจอดรถของสตูดิโอ ปิ่นมณีนั่งนิ่งอยู่ในรถ เห็นฟ้าใสขึ้นรถไปกับศุวิล หล่อนมองตามสองคนไป พลางพึมพำ
“เห็นนิ่งๆ ไม่คิดเลยว่าเธอจะไวเหมือนกันนะฟ้า...นี่ถ้าเกิดเธอกับลมได้สมบัติอย่างที่อรทัยพูดจริงๆ...เธอก็จะได้สมบัติทั้งหมดเลยน่ะสิ”
รถศุวิลเคลื่อนที่ออกไป ปิ่นมณีออกรถตามทันที
อ่านต่อหน้า 2
จ้าวพายุ ตอนที่ 9 (ต่อ)
รถศุวิลขับแล่นมาบนถนนสายหนึ่ง มุ่งหน้าไปส่งฟ้าใสที่โรงเรียนสอนดนตรี โดยที่ด้านหลังมีรถของปิ่นมณีขับตาม ทิ้งระยะห่างไกลออกไปหน่อย
ศุวิลเป็นคนขับมาตามทาง ฟ้าใสนั่งอยู่ข้างๆ โทรศัพท์ของศุวิลดังขึ้น ศุวิลหยิบขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นทัดเทพที่โทร.มา จึงกดรับ
“ครับพี่เทพ...อะไรนะ ฟุตเทจงานมีปัญหาเหรอ ได้ๆ เดี๋ยวผมจะรีบเข้าไปเช็คที่ออฟฟิศนะ”
ศุวิลวางสาย ฟ้าใสมองอย่างเข้าใจ
“ต้องรีบเข้าออฟฟิศเหรอ? งั้นคุณส่งชั้นตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้นะ เดี๋ยวชั้นกลับเอง”
“ไม่เป็นไร...อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านคุณแล้ว เดี๋ยวผมขับไปส่งคุณที่บ้านก่อน แล้วค่อยไปออฟฟิศก็ยังทัน...ไม่ใช่อะไรนะ ผมกลัวคุณไปทำร้ายคนขับแท็กซี่เค้าอ่ะ”
ศุวิลหัวเราะชอบใจ ฟ้าใสหน้าบูดใส่
“อีตาบ้า...ปากเสีย...จอดป้ายรถเมลล์นี่แหละ เดี๋ยวชั้นกลับเอง ตอนเย็นๆ แถวออฟฟิศคุณรถติดจะตาย...กว่าจะขับไปถึง เดี๋ยวทีมงานเค้าก็รอกันแย่หรอก”
ศุวิลคิดตามฟ้าใสก็เห็นว่าจริง
“คุณกลับได้แน่นะ”
“สบายมาก...สวย น่ารัก และสุขภาพดีอย่างชั้น ไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก”
ฟ้าใสทำท่าเบ่งกล้ามตลกๆ ให้ดู ศุวิลขำๆ ก่อนจะเลี้ยวรถจอดที่ป้ายรถเมลล์ ฟ้าใสเปิดประตูลงจากรถ
“ถึงบ้านแล้วก็ไลน์มาบอกผมด้วยนะคุณ”
ฟ้าใสพยักหน้าให้ ศุวิลยิ้มๆ ขับรถออกไป
ฟากปิ่นมณีรอจังหวะอยู่ รีบขับรถเข้ามาจอดเทียบตรงจุดที่ฟ้าใสยืนอยู่ทันที หล่อนเปิดประตูเดินก้าวลงมา ตรงเข้ามาหาฟ้าใส ฟ้าใสเห็นปิ่นมณีที่อยู่ๆ โผล่มาก็ตกใจ
“ฟ้า...เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ฟ้าใสชะงัก สงสัยว่าปิ่นมณีจะคุยเรื่องอะไร ปิ่นมณีดูท่าทางเครียดๆ
สองสาวอยู่ในสวนสาธารณะใกล้ๆ ปิ่นมณีเปิดประเด็นทันที
“ตกลงมันจริงหรือเปล่า ที่ว่านอกจากลมจะได้สมบัติของคุณศิวาครึ่งนึง...ส่วนอีกครึ่งนึงก็เป็นของเธอ?”
“ใช่....เธอเข้าใจถูกแล้วล่ะปิ่น”
ปิ่นมณีนิ่งงันไปชั่วขณะ แปลว่าอรทัยไม่ได้โกหก
“หมายความว่าคุณสุธาวีจะไม่ได้อะไรเลยอย่างนั้นเหรอ”
ฟ้าใสจ้องหน้า “เธอเลือกคนผิดแล้วล่ะปิ่น”
ปิ่นมณีอึ้ง ฟ้าใสจะเดินออก
“เดี๋ยว” ฟ้าใสหยุด “เรื่องของลมน่ะ วันนั้นชั้นแค่พูดประชดว่าจะยกเค้าให้เธอ..ไม่คิดว่าเธอจะทำจริงๆ”
ฟ้าใสนิ่งฟัง
ปิ่นมณีแดกดันสร้างภาพต่อ “เธอไม่อายบ้างเหรอ..มายุ่งกับแฟนเพื่อนแบบนี้”
ฟ้าใสอึ้งที่ปิ่นมณีเอาแต่ต่อว่าตัวเอง พยายามอธิบาย
“ปิ่น...ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนจะสนใจคุณลม...เธอก็ไม่สมควรจะไปหึงเค้า” ปิ่นมณีอึ้ง “เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเธอทิ้งเค้าไปแล้ว”
ปิ่นมณีนิ่ง
“นี่เธอเตือนชั้นในฐานะเพื่อน..หรือว่าในฐานะผู้หญิงคนใหม่ของลม แต่ยังไงก็ต้องขอบใจเธอมากนะฟ้า...เพราะมันทำให้ชั้นรู้ว่า ชั้นจะต้องรีบกลับมาหาลมให้เร็วที่สุด”
ฟ้าใสอึ้งชะงักงัน ขณะปิ่นมณีเดินเชิดออกไป
ค่ำแล้วปิ่นมณีเปิดประตูห้องเข้ามา ทิ้งตัวลงตรงโซฟาอย่างหมดแรง เครียดจัดเมื่อรู้ว่าสุธาวีจะไม่ได้สมบัติอะไรเลย มือถือปิ่นมณีสั่นในจังหวะนี้
ที่หน้าจอเห็นว่าเป็นสุธาวีโทรเข้ามา ปิ่นมณีมองนิ่งๆ ครุ่นคิดหนัก ด้วยใจจริงก็รู้สึกดีกับสุธาวีไม่น้อย
“ระหว่างคุณกับลม...ชั้นเลือกคุณ...แต่ระหว่างคุณกับความสุขสบาย...ชั้นเลือกอย่างหลัง”
ปิ่นมณีบอกตัวเองขณะกดตัดสายสุธาวีทิ้งทันที
สุธาวีอยู่ในห้องทำงานที่คฤหาสน์เจนจรัสตระกูล เขามองมือถือที่ปิ่นมณีตัดสายทิ้งอย่างงุนงง แต่ก็ตัดใจหันทำงานต่ออย่างตั้งใจ
ศิวาเปิดประตูเข้ามาพอดี มีธวัชชัยตามติด สุธาวีมัวก้มหน้าก้มตาทำงาน ยังไม่รู้ตัว ศิวามองหลานชายที่ตั้งหน้าทำงาน ก็ชื่นใจ ไม่เคยเห็นสุธาวีตั้งใจทำงานแบบนี้ สักครู่หนึ่งสุธาวีเงยหน้ามาเห็น
“คุณตา”
ศิวาถามไถ่ “เป็นไง งานหนักไหมตาวี”
“งานหนักน่ะไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่หนักใจมากกว่าที่ต้องทำกับแม่” ศิวาธ และวัชชัยชะงัก “ไม่ว่าผมจะเสนออะไรไป แม่ก็บอกว่ายังไม่ดีพอ”
“งั้นแกก็ต้องพยายามให้มากขึ้น...แม่แกเป็นคนเก่ง ถ้าแกทำให้แม่แกยอมรับความสามารถแกได้...งานที่เหลือก็ไม่ยากแล้ว”
ศิวายิ้มให้กำลังใจหลานชาย
“ถ้างานแกมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาธวัชชัยเค้าได้”
สุธาวีแปลกใจนิดๆ ที่ศิวาพูดให้กำลังใจเขาเป็นครั้งแรก มองผู้เป็นตางงๆ
“ทำไมแกมองชั้นแบบนั้น”
“ผมไม่เคยเห็นคุณตาเป็นแบบนี้กับผม”
ศิวายิ้ม “ชั้นก็ไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้เหมือนกัน”
สุธาวี และศิวาหัวเราะออกมา ธวัชชัยมองตาหลานที่หัวเราะก็ชื่นใจไปด้วย
“ขอบคุณมากนะครับคุณตา”
เช้าวันใหม่ แก้วตายืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงมุมหนึ่งในบ้านหลังใหม่
“ฟ้า...แก้วมีเอกสารด่วนน่ะ เดี๋ยวแก้วเอาเข้าไปให้ฟ้าเซ็นที่สตูนะจ๊ะ...จ้ะ แค่นี้นะ”
แก้วตาวางโทรศัพท์ ยิ้มกระหยิ่มหมายมั่นจะเข้าไปหาศุวิลที่สตูดิโอ แต่แล้วพอหันเจอบรรเจิดกับเดชมองอยู่ ก็ชะงัก
“วันนี้แก้วจะไปสตูเหรอ? สตูอยู่ที่ไหน จะได้ให้เดชไปรับ”
แก้วตาชะงักงัน ไม่อยากให้เดชไปเจอศุวิล
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แก้วกลับรถตู้ของออฟฟิศดีกว่า”
บรรเจิดเอะใจว่าแก้วตามีเรื่องปิดบัง
“ถ้าไม่ให้เดชไปรับ ชั้นจะเข้าไปรับเอง” บรรเจิดเห็นแก้วตาอึ้งก็คาใจ “ทำไม? หรือว่าที่สตูมีอะไรที่ชั้นไม่ควรเห็น”
แก้วตาอึกอัก พูดไม่ออก
เดชเห็นอาการแก้วตา รู้ว่าทันทีว่าแก้วตามีเรื่องปิดบังจริง แต่ก็ไม่อยากให้หล่อนโดนจับได้
“อย่าไปเลยครับท่าน...แก้วคงเห็นว่าที่สตูมีคนเยอะ ใครเป็นใครบ้างก็ไม่รู้ ถ้ามีคนเห็นท่านกับแก้วจะเป็นเรื่อง...” เดชว่า
บรรเจิดคิดตาม เห็นจริงอย่างที่เดชว่า แต่ก็ยังสงสัยแก้วตาอยู่
หันมาทางแก้วตา “ถ้างั้นเย็นนี้ถึงบ้านแล้วโทร.บอกชั้นด้วย”
แก้วตาพยักหน้า แอบดีใจ เดชมองแก้วตาสงสัย
ที่สตูดิโอบริษัทศุวิล มีงานถ่ายโฆษณา ทีมงานต่างเตรียมงานกันวุ่นวาย ส่วนอีกมุมหนึ่ง ทัดเทพ และพิมพ์จันทร์คุยกับโด่งเจ้าของสินค้าอยู่
แก้วตาเข้ามาตรงทางเข้าสตู มือถือแฟ้ม สอดตามองหาศุวิลอยู่
เสียงชนเมศร์ดังขึ้น “แก้ว ชนอยู่นี่”
แก้วตาชะงัก เซ็ง หันไปเห็นชนเมศร์และงามเสมอยืนอยู่ด้วยกัน ชนเมศร์ยิ้มหน้าบาน
“แก้วเค้าไม่ได้มองหาแกย่ะ” งามเสมอกัดคู่หู แก้วตาชะงักนิดๆ กลัวความลับแตกว่ามองหาศุวิล “เค้ามองหาฟ้าต่างหาก เอาเอกสารมาให้ฟ้าเซ็น”
ชนเมศร์เซ็งเป็ด
เวลาต่อมา ฟ้าใสเซ็นเอกสารอยู่ มีแก้วตารออยู่ข้างๆ
“เรียบร้อยแล้วจ้ะแก้ว...ขอบใจแก้วมากนะ อุตส่าห์เอามาให้ฟ้าเซ็นถึงนี่”
ฟ้าใสยื่นเอกสารคืน แก้วตาเห็นสีหน้าฟ้าใสดูเนือยๆ นึกสงสัยว่าเมื่อวานปิ่นมณีคุยอะไรกับฟ้าใส
“เออ ฟ้า เมื่อวานปิ่นเค้าตามหาเธออยู่น่ะ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”
ฟ้าใสชะงัก นึกถึงเรื่องที่ปิ่นมณีพูดเมื่อวานก็หน้าเจื่อน แก้วตาเห็นกิริยาฟ้าใสก็ยิ่งอยากรู้
“มีปัญหากันใช่ไหม...บอกชั้นได้นะฟ้า เผื่อชั้นจะช่วยอะไรได้”
ฟ้าใสถอนใจเฮือก
“ปิ่นเค้ามาคุยกับชั้นเรื่องคุณลมน่ะ” แก้วตาหูผึ่งอยากรู้ว่าปิ่นมณีพูดอะไร “เค้าไม่อยากให้ชั้นใกล้ชิดคุณลมเค้ามากเกินไป”
แก้วตาคิด เห็นช่องทางที่จะกีดกันฟ้าใสให้ห่างจากศุวิล
“ปิ่นเค้าก็พูดถูกนะฟ้า.. ชั้นว่าเธอควรจะอยู่ให้ห่างๆ คุณลมเค้าไว้”
ฟ้าใสแปร่งหู
แก้วตารีบแก้ “ชั้นพูดเพราะความหวังดีนะฟ้า ถึงคุณลมเค้าจะเลิกกับปิ่นแล้ว แต่การไปยุ่งกับแฟนเก่าเพื่อน มองยังไงมันก็น่าเกลียด”
“ขอบใจนะแก้ว ที่เป็นห่วงชั้น”
ฟ้าใสสะท้อนใจ หน้าเศร้าลงเมื่อนึกถึงเรื่องที่ปิ่นมณีบอกว่าจะกลับมาหาศุวิล แต่พยายามตัดใจ
“อีกหน่อยอะไรๆ มันคงดีขึ้นแหละ...เพราะว่าปิ่นเค้าจะกลับมาหาคุณลมแล้ว”
แก้วตาตกใจ “อะไรนะฟ้า? ปิ่นจะกลับมาหาคุณลมเหรอ?”
ฟ้าใสพยักหน้าในใจแอบเจ็บแปล๊บๆ แก้วตาอึ้งไป คิดแค้นที่ก้างชิ้นใหญ่กำลังจะมาขวางคออีก
อ่านต่อหน้า 3
จ้าวพายุ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ทุกคนเตรียมงานอยู่ในสตูดิโอ ศุวิลถือสตอรี่บอร์ดคุยงานกับทีมงาน และตากล้องอยู่ ขณะทัดเทพ พิมพ์จันทร์ ประจบประแจงโด่งอยู่
จังหวะนี้มีใครคนหนึ่งเดินเฉิดฉายเข้ามา เดินเลยทีมงานไป ผ่านทัดเทพ ผ่านพิมพ์จันทร์ ซึ่งทั้งคู่เห็นก็ตกใจ ใครคนนั้นเดินไปหยุดที่ศุวิล ศุวิลหันมามอง
เป็นปิ่นมณีที่เดินมาถึงพอดี ศุวิลอึ้งคิดไม่ถึง ปิ่นมณียิ้มหวานให้ ก่อนจะยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มเหมือนแต่ก่อน
“ว่างเลยแวะมาหาน่ะค่ะลม”
ศุวิลเดินหุนหันออกมานอกสตู ปิ่นมณีเดินตาม
“คุณต้องการอะไรปิ่น? คุณมาหาผมอีกทำไม”
ปิ่นมณีมองประเมินศุวิล เห็นว่ายังเสียใจเรื่องตนอยู่ เธอคิดว่ามีหวัง เดินหน้าต่อ
“เพราะปิ่นรู้แล้วค่ะ ว่าความจริง ปิ่นต้องการลม”
ศุวิลชะงักงัน ปิ่นมณีค่อยๆเยื้องย่างมา เอามือลูบแก้มศุวิลเว้าวอน
ศุวิลมองปิ่นมณีผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปเพราะเงิน และจากเรื่องที่เจอมา เขาเจ็บปวดและยากที่จะเชื่อใจปิ่นมณีอีก ถอยออกรักษาระยะ
“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าหลานชายผมเค้าไม่ยอมรับสมบัติเหมือนกับผม คุณถึงจะทิ้งเค้า”
ปิ่นมณีรู้ทันทีว่าศุวิลยังคงติดค้างเรื่องสมบัติ ที่เธอเคยอยากให้เขารับเอาไว้ ปิ่นมณีกลับลำ
“การคบกับคุณวี เป็นเรื่องที่ผิดพลาด ปิ่นคิดว่าความสบายจะทำให้ปิ่นมีความสุข แต่ความจริงแล้ว...ทุกครั้งที่อยู่กับเค้า มันก็ยิ่งทำให้ปิ่นคิดถึงคุณ....ลมคะ ให้โอกาสปิ่นได้ไหมคะ ตอนนี้ปิ่นรู้แล้วว่า ไม่มีอะไรสำคัญสำหรับปิ่นมากไปกว่าคุณ”
ปิ่นมณีมองจ้องศุวิลซึ้งๆ พยายามโน้มน้าวให้เขาเชื่อเธอ เห็นว่าศุวิลยังโกรธอยู่
“ยังโกรธปิ่นอยู่เหรอคะลม? ดีค่ะ เพราะถ้าคุณโกรธ ก็หมายความว่า” หล่อนเอามือวางบนหน้าอกศุวิลอย่างใกล้ชิด “คุณยังรักยังแคร์ปิ่นอยู่...ให้โอกาสปิ่นได้ไหมคะลม”
“ผมรู้ความรู้สึกตัวเองดีปิ่น...ผมไม่เอาความโกรธมาใส่กับความรักหรอก” ศุวิลดึงมือปิ่นมณีออกจากอกเขา “สิ่งที่ผมให้คุณได้ ก็คือให้อภัย ไม่ใช่ให้โอกาส”
ศุวิลเดินหนีออกไปเลย ปิ่นมณียืนมองตามอย่างไม่พอใจ ยิ่งคิดแค้นว่าฟ้าใสคือต้นเหตุที่ทำให้ศุวิลใจปั้นปึ่งแข็งกร้าวกับเธอ
ส่วนฟ้าใสนั่งเหม่อๆ อยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว ช่างผมเช็ตผมให้อยู่ มีแก้วตานั่งอยู่ข้างๆ พอช่างผมเช็ตผมให้ฟ้าใสเรียบร้อยก็เดินออกไป
ภาพสะท้อนในกระจก เห็นปิ่นมณีเดินเข้ามาในจังหวะนี้ ฟ้าใสชะงักหันไปมอง
“ปิ่น...”
แก้วตาเซ็งที่ปิ่นมณีมาแสดงตัวถึงกองถ่าย แต่ก็จะฉวยโอกาสใช้ปิ่นมณีเป็นตัวกันฟ้าใสออกจากศุวิล
“มาดูฟ้าถ่ายโฆษณาเหรอปิ่น?” แก้วตายิ้มหวานทัก
“ใช่...ชั้นอยากมาดู ว่าเวลาถ่ายโฆษณา นางแบบจะใกล้ชิดผู้กำกับเกินไปหรือเปล่า”
ฟ้าใสชะงัก รู้ว่าปิ่นมณีจงใจเหน็บตน แก้วตาได้จังหวะ เลยรีบพูดเขี่ยบอลทันที
“ปิ่น...ทำไมพูดกับฟ้าอย่างนั้นล่ะ..เรื่องคุณลมกับฟ้าน่ะ ฟ้าเค้าไม่ได้คิดอะไรอย่างที่เธอคิดหรอกนะ...ใช่ไหมฟ้า”
ฟ้าใสสะอึก
แก้วตายิ้มหวานซื่อใสสาระแนต่อ “ตอบปิ่นไปสิฟ้า เราสามคนเป็นเพื่อนกัน อย่ามาทะเลาะกันเพราะเรื่องแบบนี้เลยนะ”
“เธอวางใจได้ปิ่น ชั้นรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”
ฟ้าใสพูดจบจะลุกหนีไป
“ถ้ารู้ก็ดีแล้วฟ้า” ฟ้าใสชะงักงัน รอฟัง “ไม่งั้นคนเค้าจะหาว่าเธอแย่งแฟนเพื่อน”
ฟ้าใสอึ้งๆ เดินออกไป ส่วนแก้วตาลอบยิ้มพอใจ
กองถ่ายโฆษณาเริ่มงานกันต่อ ฟ้าใสอยู่ในชุดนางไม้สวยงาม นั่งทาครีมทอยู่บนเปลเถาวัลย์ลวดลายดอกไม้ สีหน้าเหม่อลอยดูเครียดๆ นึกถึงเรื่องที่ปิ่นมณีพูด ศุวิลมองมอนิเตอร์อยู่
ทัดเทพกับพิมพ์จันทร์ยังคงประจบประแจงเอาใจโด่งอยู่ บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้นเป็นลำดับ เพราะฟ้าใสเล่นได้ไม่ดีเหมือนวันก่อน
อีกมุมหนึ่งปิ่นมณียืนจ้องฟ้าใสที่อยู่ในเซ็ทเขม็ง แก้วตาอยู่ข้างๆ รอหาจังหวะปั่นหัว ชนเมศร์ และงามเสมออยู่หลังสองสาวแต่ห่างมาพอสมควร
ชนเมศร์ฉงน กระซิบถามงามเสมอ
“เจ๊ คอนเซ็ปท์โฆษณานี่มันทาครีมแล้วต้องสดชื่นไม่ใช่เหรอ? ทำไมฟ้าทำหน้าอย่างนั้นอ่ะ”
งามเสมอตีชนเมศร์กระซิบกลับ “จะสดชื่นได้ยังไง ไม่เห็นเหรอว่าใครมา!”
งามเสมอชี้ไปที่ปิ่นมณี ชนเมศร์ปะติดปะต่อเรื่องได้
ปิ่นมณียังคงจ้องฟ้าใสไม่วางตา แก้วตายิ้มกระหยิ่ม
ศุวิลดูที่ฟ้าใสเล่นแล้ว เห็นผิดคอนเซ็ปท์
“คัท!”
ศุวิลอยู่ที่หน้ามอนิเตอร์ ทีมงานรับฟ้าใสลงจากเปลพอดีกับศุวิลที่เดินดุ่มไปหา
“เหนื่อยรึไง ทำไมหน้าเหี่ยวอย่างนั้น?” ศุวิลแหย่ให้อารมณ์ดี “หิว” ฟ้าใสนิ่งไม่ตอบ “ท้องผูก”
เขาเห็นหล่อนไม่ตอบโต้ก็งง “เป็นอะไรอีกเนี่ยคุณ”
ฟ้าใสแอบชำเลืองมองไปทางปิ่นมณี
“เปล่า ชั้นไม่เป็นอะไร ถ่ายต่อเถอะ”
ศุวิลงงว่าฟ้าใสเป็นอะไรไม่ยอมเล่นหัวด้วย จึงเดินกลับไปที่มอนิเตอร์ เริ่มถ่ายต่อ
แก้วตาลอบยิ้มพอใจที่ปิ่นมณีมาขวางฟ้าใสกับศุวิลได้ผลจริงๆ แก้วตาเหลือบมองปิ่นมณี จะหาทางจัดการหล่อนเป็นคนต่อไป
ในที่สุดก็คิดออก แก้วตาเลี่ยงเดินออกไปนอกสตูดิโอ
ครู่ต่อมาแก้วตาถือมือถือรอสายอยู่ ปลายสายเป็นที่โรงแรมเดอะกลอรี่ พนักงานที่ฟร้อนท์รับสาย
“เดอะกลอรี่สวัสดีค่ะ” พนักงานนิ่งฟัง “เรียนสายคุณสุธาวี จากใครคะ”
แก้วตายิ้ม “จากปิ่นมณีค่ะ”
ขณะที่สุธาวีนั่งทำงานอยู่เคร่งเครียด โทรศัพท์ของโรงแรมดัง สุธาวีกดสปีคเกอร์โฟนรับสาย
“คุณวีคะ มีสายจากคุณปิ่นมณีค่ะ ดิชั้นจะโอนสายเข้าไปเลยนะคะ”
ฟร้อนท์โอนสายเข้ามา สุธาวีดีใจ “ฮัลโหล ปิ่น”
เมื่อแก้วตา ได้ยินสุธาวีรับสายแล้วก็ตัดสายไปทันที ยิ้มสมใจ
สุธาวีชะงักงัน คิดว่าสายหลุด แปลกใจที่ปิ่นมณีโทร.เข้าออฟฟิศ แต่ไม่โทร.เข้ามือถือ
มุมหนึ่งในสตูดิโอ มือถือปิ่นมณีสั่น ปิ่นมณีหยิบมือถือขึ้นมา เห็นหน้าจอ เป็นสุธาวีโทร.เข้ามา แก้วตาที่อยู่ข้างๆ แอบมอง ปิ่นมณีกดปิดเครื่องไปเลยแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋าไป แก้วตาขัดใจมาก
ส่วนสุธาวีรอสายปิ่นมณี แต่ไม่รับสักที ก็เริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และเป็นห่วงปิ่นมณี ธวัชชัยถือแฟ้มงานเข้ามาพอดี
“คุณวีครับ ผมลองดูแผนการของคุณวีแล้ว ยังมีที่ต้องแก้อยู่อีก..." พอหันมาเห็นสุธาวีท่าทางร้อนใจ "มีอะไรหรือเปล่าครับคุณวี”
สุธาวีห่วงหน้าพะวงหลัง ห่วงทั้งงาน ทั้งปิ่นมณี
ขณะเดียวกันบรรเจิดอยู่ที่โรงแรมใหม่ของเขา โทร.หาแก้วตาอยู่ แต่แก้วตาปิดเครื่อง
“ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ”
บรรเจิดตัดสายทิ้ง เดชมองอยู่
“โทร.หาแก้วไม่ติดเหรอครับ”
บรรเจิดพยักหน้ากลุ้มๆ ยิ่งสงสัยในตัวแก้วตา
เดชยิ่งมั่นใจว่าที่แก้วตาไม่ให้ไปรับที่สตูดิโอ จะต้องมีเรื่องปกปิดแน่
“ท่านจะให้ผมไปดูหรือเปล่าครับ”
บรรเจิดบอกนิ่งๆ หน้าเครียด “จัดการให้ชั้นด้วย”
อ่านต่อหน้า 4
จ้าวพายุ ตอนที่ 9 (ต่อ)
แก้วตายืนอยู่กับชนเมศร์ และงามเสมอที่มุมหนึ่งของสตูดิโอ แก้วตามองไปเห็นปิ่นมณีถือกาแฟกำลังเดินไปหาศุวิลที่หน้ามอนิเตอร์ก็ไม่สบอารมณ์
แก้วตาคิดๆ เหลือบมองกระเป๋าปิ่นมณี จนคิดได้ เห็นงามเสมอและชนเมศร์ไม่ได้มองตน แก้วตาแอบหยิบมือถือปิ่นมณีจากกระเป๋า แล้วกดเปิดเครื่อง แล้วเก็บคืนใส่กระเป๋าปิ่นมณีเหมือนเดิม
ปิ่นมณียื่นกาแฟให้ศุวิล “กาแฟค่ะลม...”
จังหวะนี้ปิ่นมณีเหลือบตามองไปยังฟ้าใสที่อยู่ในเซ็ท ฟ้าใสหน้าเจื่อน หันมองไปทางอื่น
“ไม่ใส่ครีม ไม่ใส่น้ำตาล...แบบที่ลมเคยชอบ” ปิ่นมณีจงใจพูดให้ฟ้าใสได้ยิน
ศุวิลสวนเสียงเข้ม ไม่ไว้หน้า “ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบแบบเดิมอีกแล้ว”
ปิ่นมณีชะงัก หน้าชา
เสียงมือถือจากกระเป๋าปิ่นมณีดังขึ้นมา ทุกคนหันมองหาว่าต้นเสียงอยู่ไหน แก้วตาถือกระเป๋าของปิ่นมณีเดินมาหา เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่
“โทรศัพท์เธอน่ะปิ่น”
แก้วหยิบมือถือจากในกระเป๋าขึ้นมายื่นให้
ที่หน้าจอเห็นชัดว่าเป็นสุธาวีโทร.เข้ามา ปิ่นมณีหันมามองศุวิล ศุวิลบอกหน้านิ่งๆ
“ที่นี่เซ็ทถ่ายโฆษณาต้องปิดมือถือ ถ้าจะคุย ไปคุยข้างนอก”
ปิ่นมณีหน้าเจื่อน ถือกระเป๋าถือมือถือออกไปเลย แก้วตามองตาม อย่างสะใจ
ปิ่นมณีออกมาหน้าสตูดิโอ คุยมือถือด้วยสีหน้าไม่พอใจที่สุธาวีโทรมาขัดจังหวะ
“ค่ะคุณวี”
สุธาวีคุยมือถืออยู่ด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใย
“ปิ่น คุณมีอะไรหรือเปล่า? เห็นคุณโทร.หาผม”
ปิ่นมณีชะงักงัน งงๆ แต่ขี้เกียจคุยต่อ จะรีบตัดบท
“ปิ่นไม่ได้โทร.ไปนะคะ แค่นี้ก่อนนะคะ ปิ่นยุ่งอยู่”
สุธาวียิ่งสงสัย “คุณอยู่ที่ไหนน่ะปิ่น”
“ปิ่นคุยกับลูกค้าอยู่ที่โชว์รูมค่ะ”
สุธาวีอึ้งๆ อยู่ ด้วยว่าตอนนี้เขาอยู่ในโชว์รูมที่ปิ่นมณีทำงาน รู้ทันทีว่าปิ่นมณีโกหกเขา
“ตอนนี้ผมโชว์รูมคุณ”
ปิ่นมณีอึ้ง นิ่งงันไปที่ถูกจับได้
ตกตอนเย็นวันนั้นเอง ปิ่นมณีเปิดประตูห้องพักเข้ามาหน้าตึง เห็นสุธาวีนั่งรออยู่หน้านิ่งๆ
“ทำไมถึงโกหกผม”
ปิ่นมณี ไม่ตอบ
“คุณไม่ได้อยู่ที่โชว์รูม คุณไปไหนมา?” สุธาวีซักไซ้
ปิ่นมณีตระหนักว่าความเงียบไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไหร่
“ชั้นพาลูกค้าไปเทสต์รถ”
สุธาวีจ้องตาปิ่นมณี แล้วส่งโทรศัพท์ให้หล่อน
“ถ้าพาลูกค้าไปเทสต์รถ ก็โทร.หาเค้า” ปิ่นมณีอึ้งไม่นึกว่าจะโดนต้อนหนักขนาดนี้ “แล้วคุยต่อหน้าผม...” สุธาวีสำทับ
ปิ่นมณีชะงัก มองตาสุธาวี รู้ว่าเขาต้องการอย่างนั้นจริงๆ แต่หล่อนทำอะไรไม่ได้ ไม่มีลูกค้าที่ว่านั้น
สุธาวีมองปิ่นมณีที่นิ่งๆ ได้คำตอบ รู้ว่าปิ่นมณียังโกหกเขา หวนคิดถึงตอนที่ปิ่นมณีโกหกศุวิลแบบเดียวกันนี้ สุธาวีปาโทรศัพท์ทิ้ง
“คุณก็เคยโกหกไอ้ลมแบบนี้ เพื่อมาอยู่กับผม! แล้ววันนี้คุณโกหกผม เพื่อไปอยู่กับใคร!”
ปิ่นมณีอึ้งอึดอัดที่ถูกต้อนและคาดคั้นหนัก
“ทำไมปิ่น คุณโกหกผมทำไม หรือว่าคุณจะเลิกกับผม!”
สุธาวีระเบิดอารมณ์ใส่ ปิ่นมณีเริ่มทนไม่ไหว “ถึงคบกันต่อ เราก็ไปกันไม่รอดหรอกค่ะ”
สุธาวีอึ้ง
“ทำไมปิ่น? หรือเพราะว่าตอนนี้ผมเป็นแค่พนักงานของเดอะกลอรี่? ..หรือคุณรู้แล้ว ว่าผมจะไม่ได้สมบัติ”
ปิ่นมณีชะงักงัน ถึงสุธาวีจะพูดถูก แต่ปิ่นมณีไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด หล่อนเลือกทางที่ฉลาดกว่า ยกเรื่องอรทัยมาอ้าง
“เพราะคุณแม่ของคุณต่างหากค่ะ ยังไงคุณแม่คุณก็ไม่มีวันยอมรับชั้น ถึงคุณพยายามแค่ไหน แม่คุณก็ไม่มีวันยอมให้ชั้นแต่งงานกับคุณ”
สุธาวีชะงัก
“ถ้าไม่ใช่เรื่องสมบัติ เราก็ไปจดทะเบียนกัน” ปิ่นมณีอึ้ง “ผมไม่สนแม่ผมอีกแล้ว ผมจะแต่งงานกับคุณ..ตกลงไหมปิ่น?”
ปิ่นมณีบ่ายเบี่ยง
“มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาหรอกค่ะคุณวี”
สุธาวีเข้าใจทันทีว่าปิ่นมณีทิ้งตนเพราะตนไม่ได้สมบัติ
“นั่นสินะ เพราะปัญหาของคุณก็คือผมไม่ได้สมบัติ ทางแก้ก็คือต้องเลิกกับผม ใช่ไหมปิ่น!”
ในใจปิ่นมณีนึกเสียดายสุธาวี เพราะรู้ว่าเขารักหล่อนมาก และหล่อนเองก็รู้สึกดีกับสุธาวี แต่จำเป็นต้องเลือกความสุขสบาย ปิ่นมณีเลยเงียบแทนคำตอบ
สุธาวีเห็นปิ่นมณีเงียบก็ยิ่งเสียใจ ผิดหวังอย่างรุนแรง เดินปึงปังออกไปทันที
อ่านต่อตอนที่ 10