จ้าวพายุ ตอนที่ 8
เช้าวันหนึ่ง อรทัยตื่นแต่เช้า เดินนำมาภายในคฤหาสน์ วิทย์เดินตาม รายงานให้ฟัง
“ตั้งแต่เกิดเรื่อง คุณบรรเจิดไม่ได้กลับไปที่บ้านนั้นอีกเลยครับ”
อรทัยไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่
“หาข้อมูลต่อไป หนีอีกกี่ครั้ง ชั้นก็จะต้องหาเค้าจนเจอ”
อรทัยเดินมา สวนกับจำปาพอดี
“ตาวีล่ะ?”
“ยังไม่ตื่นเลยค่ะ ให้จำปาไปปลุกมั้ยคะ?”
อรทัยไม่ตอบ แววตานิ่งคิดบางอย่าง
ขณะที่สุธาวีนอนอุตุอยู่บนเตียง จู่ๆ มีน้ำสาดใส่หน้า เขาตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วเห็นอรทัยยืนถือแก้วน้ำอยู่ข้างเตียง วิทย์อยู่ข้างๆ
“คุณแม่ทำอะไรเนี่ย!”
“ตื่นได้แล้ว เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมง แกต้องรีบไปตอกบัตรให้ทัน ไม่งั้นชั้นไล่แกออก”
สุธาวีฉุน ไม่พอใจมาก ศิวากับธวัชชัยได้ยินเสียงเอะอะจึงเดินเข้ามา
“มีอะไรยัยอร”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ...อรแค่สั่งสอนลูก ต่อไปนี้ตาวีเป็นแค่พนักงานธรรมดา ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน” อรทัยบอก
สุธาวีฟ้องตา “เพราะผมคบกับผู้หญิงที่ไม่ถูกใจคุณแม่ เค้าก็เลยบีบผมอย่างนี้ครับคุณตา ทั้งระงับบัตรเครดิตผม แล้วก็ให้ผมไปทำงานแบบพนักงานโรงแรมคนอื่น”
ศิวามองสุธาวี ก่อนบอกออกมา
“แม่แกก็ทำถูกแล้วนี่”
“คุณตา!”
สุธาวีอึ้ง อรทัยยิ้มนึกว่าศิวาเห็นด้วย
“แต่แกก็ไม่ต้องจำเป็นต้องยอมแพ้แม่แกนี่ตาวี” สองแม่ลูกชะงัก “ถ้าแกจริงจัง ทำงานทำการเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา ไม่ว่าแกคบกับใคร ชั้นนี่แหละ จะสนับสนุนแกเอง”
คราวนี้อรทัยต้องอึ้ง “คุณพ่อ!”
สุธาวียิ้มพอใจ
“ถึงแกไม่เลิกกับมัน แต่มันเลิกกับแกแน่ ผู้หญิงอย่างมันไม่ทนลำบากอยู่กับแกหรอกตาวี”
สุธาวีมองอรทัยหมายมั่น
“ผมจะทำให้แม่เห็นว่าแม่คิดผิด ต่อไปนี้ผมจะทำตัวเหมือนพนักงานคนนึง ไปทำงาน รับเงินเดือน แล้วถ้าผมทำได้ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกผู้หญิงที่ผมรัก แม่จะมาก้าวก่ายเรื่องของผมไม่ได้อีก”
อรทัยชะงัก เห็นความดื้อรั้นของลูกแสบ สุธาวีลุกขึ้นแต่งตัวจะออกไปทำงาน ศิวาเห็นความจริงจังของหลานชายก็พอใจ
ไม่นานต่อมา ที่โต๊ะสนามกลางสวนสวยในสนาม ธวัชชัยรินกาแฟให้ศิวา พร้อมกับรายงาน
“คุณวีออกไปทำงานแล้วครับ ท่าทางจริงจังมาก”
“ชั้นก็เพิ่งเคยเห็นคนรักสนุกอย่างเจ้าวี มันยอมลำบากก็วันนี้แหละ เจ้าวีคงรักผู้หญิงคนนั้นมาก ไม่ว่าเค้าจะเป็นใคร ถ้าเค้าทำให้เจ้าวีรู้จักทำงานทำการกลับมาเป็นผู้เป็นคนชั้นก็จะสนับสนุน...ยังไงเรื่องงานของเจ้าวี ฝากธวัชชัยดูด้วยนะ ถ้าเค้ามีปัญหาอะไร ให้ช่วยเค้า”
“ครับท่าน”
เมื่อปิ่นมณีแวะมาที่ออฟฟิศ เดอะกลอรี่ มองสำรวจไปรอบๆ ห้อง พบว่าห้องทำงานของสุธาวีมีขนาดเล็ก ดูอึดอัด สภาพห้องทำงานก็ไม่หรูหราสมตำแหน่ง หล่อนเลยเซ็ง
สุธาวีนั่งทำงานอยู่อย่างคร่ำเคร่ง ไม่รู้ว่าปิ่นมณีมา จนพอสุธาวีเงยหน้าจากเอกสาร เห็นปิ่นมณีก็ดีใจ
“ปิ่น”
ปิ่นมณียิ้มให้
“พอดีปิ่นพักเที่ยงค่ะ ก็เลยแวะมาหาวี เย็นนี้เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรทานกันนะคะ”
“ไม่ได้หรอกปิ่น งานเหลืออีกเยอะเลย”
ปิ่นมณีนิ่วหน้า ฉงนหนัก สุธาวีเห็นอาการ กลัวหล่อนไม่เข้าใจ จึงอธิบายให้ฟัง
“แม่คิดว่าผมจะทนทำงาน ทนลำบากไม่ได้ และคงต้องกลับไปพึ่งเค้า ถ้าเป็นอย่างนั้น
แม่ก็จะบีบให้ผมเลิกกับคุณ และอีกอย่างที่แม่ทำแบบนี้ เพราะคิดว่าคุณจะทนไม่ได้ และทิ้งผม...”
ปิ่นมณีนิ่งคิด บอกตัวเองว่าไม่มีวันทิ้งสุธาวีแน่นอน ในเมื่อสะพานสู่สะใภ้เจนจรัสตระกูลทอดมารอแล้ว หล่อนเลือกที่จะอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
“แม่คุณไม่รู้จักชั้นดีพอหรอกค่ะ เลยไม่รู้ว่าคนอย่างชั้นอดทนได้ขนาดไหน”
พูดจบก็ลุกอ้อมไปกอดสุธาวีจากด้านหลัง ปลอบใจด้วยคำหวาน
“อดทนนะคะคุณวี ชั้นจะอยู่ข้างคุณเสมอ”
สุธาวียิ้มชื่น เป็นปลื้มที่ปิ่นมณีเข้าใจ และยังพร้อมจะสู้ไปกับเขา
เวลานั้นปองพลอู้งานมาหลบมุมยืนโทรศัพท์อยู่ที่ลานจอดรถ ของโรงแรมเดอะกลอรี่ หัวหน้างานเดินเข้ามาด้านหลังพอดี
“นี่เพิ่งย้ายมาจากสาขาสุรวงศ์ใช่มั้ย มาทำอะไรตรงนี้ กระเป๋าแขกเยอะแยะ ไปช่วยยกสิ!”
ปองพลตกใจ
“ครับๆ ขอโทษครับ”
หัวหน้าเดินหงุดหงิดเข้าไป พอลับหลังปองพลทำหน้าเซ็งๆ ทันที ขณะที่กำลังจะเดินออกไป ปองพลก็มองเห็นสุธาวีลงมาส่งปิ่นมณีที่รถ
โดยปิ่นมณีหอมแก้มลาสุธาวี ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป ส่วนสุธาวีเดินกลับเข้าไปในโรงแรม
ปองพลหลบมุมพึมพำ
“นังปิ่นกับคุณวีนี่หว่า”
ปองพลคิดๆ ปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.รายงานปาน
ปานกำลังยืนมัดถุงกับข้าวให้ลูกค้า มีลูกค้ายืนรออยู่ที่หน้าร้าน 2-3 ราย โทรศัพท์ปานดังขึ้นในจังหวะนี้
ปานหันมาบอกลูกค้า “แป๊บนึงนะ แป๊บนึง” หยิบโทรศัพท์มากดรับ “มีอะไรวะไอ้ปอง
“มีสิ ถึงได้โทร.มาเนี่ย แม่จำคุณวีกับคุณอรเจ้านายชั้นได้มั้ย? ที่บอกจะมาซื้อรถกับนังปิ่นอ่ะ ความจริงชั้นว่าเค้าไม่ได้มาซื้อรถหรอก นังปิ่นน่ะมันคบกับลูกชายเค้าอยู่ ชั้นเห็นเค้าจูบกันอยู่เมื่อกี๊เนี่ย”
ปานตาโต “ห๊า!...นี่แสดงว่านังปิ่นมันจะมีแฟนเป็นเศรษฐีร้อยล้านเลยเหรอวะ”
ลูกค้าที่ยืนรอ เริ่มหน้างอ ที่ปานไม่ยอมส่งกับข้าวให้สักที
“ไม่ใช่ เค้าไม่ใช่เศรษฐีร้อยล้าน เค้าเป็นเศรษฐีพันล้านหมื่นล้านเลยต่างหาก” ปองพลบอก
“ต่อไปนี้เราก็คงจะได้พึ่งพาอีปิ่น สบายแล้วสินะ” ปานฝันเฟื่อง
“ชั้นก็ไม่ต้องมาทำงานยกกระเป๋าอีกแล้ว”
สองแม่ลูกต่างฝันหวาน ลูกค้าเริ่มโวย
“นี่เจ๊...กับข้าวเนี่ยจะขายมั้ย ยืนรอตั้งนานแล้ว”
ปานโวยกลับ “โอ๊ย ไม่ขายแล้ว อีกหน่อยชั้นก็ไม่ต้องง้อเงินสิบเงินร้อยของแกแล้วย่ะ”
ลูกค้าเซ็ง เดินออกไป ปานฝันหวานต่อ
ขณะที่ปองพลเดินออกจากลานจอดรถมากำลังจะกลับเข้าโรงแรม สายตามองเห็นฝรั่งผัวเมียแก่ๆ ท่าทางมีเงินคู่หนึ่งเดินมา ฝ่ายเมียดันทำกระเป๋าถือร่วงหล่นพื้น ข้าวของเทออกมากระจัดกระจาย มีทั้งเงินสด แหวน และ ของมีค่ามากมาย ปองพลตาวาว รีบเข้าไปช่วยเก็บ
“เดี๋ยวผมช่วยเองครับ”
ปองพลเข้าไปช่วยเก็บของจนเรียบร้อย
หญิงฝรั่งว่า “thank you”
จากนั้นฝรั่งผัวเมียเดินเข้าไปในโรงแรม ทันทีที่ลับตาทั้งสองคน ปองพลควักเอาแหวนของหญิงฝรั่งที่แอบขโมยเก็บไว้ในกระเป๋าออกมาดู ยิ้มพอใจ
ส่วนฟ้าใสเดินเข้ามาที่โต๊ะ เสียงมือถือดังขึ้น ฟ้าใสมองหามือถือแต่ไม่เจอ มือถือยังดังอยู่อย่างนั้น
เป็นศุวิลที่โทร.มาจากออฟฟิศ และรอสายอยู่หน้าตาเครียดๆ
“ไม่รับโทรศัพท์งั้นเหรอ...”
ฟ้าใสยกแฟ้มงานขึ้น เห็นมือถือ พอหยิบขึ้นมา สายก็ตัดไปพอดี
พอกดดูจึงรู้ว่าสายที่ไม่ได้รับเป็นศุวิลนั่นเอง
“อีตาลม...”
ศุวิลต่อสายหาฟ้าใสอีก แต่สายไม่ว่างก็เริ่มหงุดหงิด
บังเอิญฟ้าใสก็โทร.กลับมาหาศุวิลเช่นกัน สายจึงไม่ว่าง ฟ้าใสวาง จู่ๆ ข้อความไลน์ดังขึ้น ฟ้าใสกดดู เห็นเป็นข้อความจากศุวิลว่า “ว่างมั้ย เข้ามาหาที่ออฟฟิศหน่อย มีเรื่องจะคุย”
ฟ้าใสใคร่ครวญครุ่นคิด
ไม่นานต่อมา ฟ้าใสเดินเข้ามาในออฟฟิศ เจอศุวิลรออยู่พอดี
“ขอบใจนายมากนะ ที่ให้โอกาสชั้นอธิบาย”
ศุวิลมองฟ้าใสเหมือนตัวประหลาด ผลักประตูให้หล่อนเข้าไป ฟ้าใสเห็นทัดเทพ กับพิมพ์จันทร์ นั่งอยู่ก็งง
“ผมนัดมาคุยเรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”
ฟ้าใสชะงัก
“งานอะไร”
ทัดเทพและพิมพ์จันทร์ปรี่มาดึงฟ้าใสไปนั่งอย่างเอาใจพลางเหล่มองศุวิลดุๆ ศุวิลหน้าตึงใส่
“ไม่ต้องไปสนใจคนอื่น คืองี้จ้ะน้องฟ้า...งานโฆษณาตัวที่แล้วที่น้องฟ้าเล่นน่ะลูกค้าชอบมาก เค้าต้องการให้น้องฟ้ามาเล่นโฆษณาตัวใหม่อีก ถ้าน้องฟ้าไม่ติดงานอะไร ก็รับให้พี่หน่อยนะจ๊ะ”
ทัดเทพบอก พิมพ์จันทร์รีบเสริม
“ลูกค้ารายใหญ่ของพี่เค้าปลื้มน้องฟ้ามาก จะมีงานโฆษณาเป็นซีรีย์ๆเลยนะจ๊ะ พวกพี่คงต้องรบกวนน้องฟ้าอีกแล้ว...”
สองคนยิ้มหวานอ้อน
“นะจ๊ะน้องฟ้า...มาเล่นโฆษณาให้พี่หน่อย” พิมพ์จันทร์ขอร้อง
“จะดีเหรอคะ? ดูท่าทางผู้กำกับเค้าไม่อยากจะกำกับเท่าไหร่”
ฟ้าใสปรายตามองศุวิล
“ผมเป็นมืออาชีพ แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้”
“ถ้าคุณแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ ชั้นก็แยกได้เหมือนกัน” ฟ้าใสหันมาทางทัดเทพและพิมพ์จันทร์ “ตกลงค่ะพี่ ฟ้าจะเล่นให้”
สองคนดีใจ ยิ้มแก้มแทบแตก
“พรุ่งนี้ สิบโมงเช้า คุณก็มาถ่ายภาพนิ่งเอาไว้ก่อน” ศุวิลเสียงเข้ม หน้าตึง
ฟ้าใสเหลือบตามองศุวิล แล้วก็เริ่มรู้สึกโมโห รู้ว่าตัวเองผิด แต่ศุวิลออกจะเยอะเกินไปแล้ว
อ่านต่อหน้า 2
จ้าวพายุ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ตอนเย็นฟ้าใสกลับมาที่โรงเรียน ในหัวยังสับสนเครียดและกลัดกลุ้มเรื่องศุวิลอยู่ หล่อนนั่งอยู่ในห้องทำงานกับชนเมศร์ และงามเสมอ ที่ออกอาการตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าฟ้าใสจะได้เล่นโฆษณาอีก
“ฟ้าได้ไปเล่นหนังโฆษณาอีกแล้วอ่ะ อีกหน่อยถ้าดัง ก็คงไม่ต้องสอนดนตรีแล้วนะ ไปเป็นนางแบบเลย”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฟ้ามันปิดโรงเรียนขึ้นมา ชั้นกับแกก็ตกงานน่ะสิ” งามเสมอเม้ง
ชนเมศร์คิดตาม “เออว่ะ”
งามเสมอยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย “แต่ถ้าฟ้าไม่อยากให้พี่ลำบากอ่ะนะ ฟ้าก็ต้องแนะนำให้พี่เข้าวงการเหมือนฟ้า จะได้ดังด้วยกัน”
ชนเมศร์แหวะใส่ ทั้งสองคนไล่ตีกันตามระเบียบ
แก้วตาเดินหน้ามุ่ยถือแฟ้มงานเข้ามา ยังเครียดๆ เรื่องบรรเจิดระแวงตัวเองอยู่
ชนเมศร์หันเห็นแก้วตาเลยชวนคุย
“นี่แก้ว ฟ้าเค้าได้ไปเล่นหนังโฆษณาอีกแล้วนะ เดี๋ยวเพื่อนเราก็จะดังแล้ว”
“ค่ะ”
แก้วตาฝืนยิ้มเนือยๆ ไม่ได้สนใจอะไร เพราะกังวลว้าวุ่นอยู่แต่เรื่องบรรเจิด
“ความจริงฟ้าไม่อยากเล่นหนังโฆษณานี่เลย ไม่รู้ตาลมจะออกฤทธิ์ออกเดชอะไรใส่ฟ้าอีก” งามเสมอว่า
แก้วตาได้ยินชื่อศุวิลก็ชะงักหูผึ่ง สนใจทันที
“คุณศุวิลแฟนยัยปิ่นน่ะเหรอ”
“ใช่ เค้าเป็นผู้กำกับโฆษณาที่ชั้นจะเล่น แก้วเจอเค้าก็อย่าไปพูดเรื่องยัยปิ่นนะ เค้ากับปิ่นเลิกกันแล้ว” ฟ้าใสบอก
แก้วตาได้ยินก็ดีใจสุดขีด แต่ทำเป็นแอ๊บเศร้าพูดอีกอย่างตามนิสัย
“คุณลมเลิกกับยัยปิ่นแล้วเหรอเนี่ย แย่จังเลย...”
คืนนั้นบรรเจิดเดินเข้ามาในห้องนอนชั้นบนคฤหาสน์ มีเดชถือกระเป๋าเอกสารมาวางให้
“ชั้นคงนอนที่นี่...เดชไปพักได้แล้ว”
เดชพยักหน้ารับคำ กำลังจะออกไป เสียงอรทัยแหลมเข้ามาจังหวะนี้
“กว่าจะกล้ากลับมาบ้านได้ ใช้เวลารวบรวมความกล้านานนะคุณบรรเจิด
สองคนชะงัก อรทัยเดินเข้ามา
“แต่ก็สมควรกลัว เพราะครั้งนี้คุณรอดจากชั้นไปได้อย่างเฉียดฉิว แต่ครั้งหน้าคุณคงไม่โชคดีอย่างนี้...”
พูดจบอรทัยชูรูปแก้วตาในวัยเด็กที่เก็บได้จากบ้านแก้วตาให้บรรเจิดดู บรรเจิดเห็นแล้วจำได้ว่าเป็นรูปแก้วตา เดชเองก็รู้เช่นกัน แม้จะไม่ได้ออกอาการพิรุธอะไร แต่บรรยากาศก็ชวนขนลุก และอึดอัดสุดขีด
“ได้ที่ซุกหัวนอนใหม่ให้นังเมียน้อยแล้วใช่มั้ย? เลือกให้ดีหน่อยนะคุณบรรเจิด เพราะบ้านหลังนี้จะเป็นที่ตายของมัน...” อรทัยขู่
บรรเจิดสุดทนขึ้นเสียงใส่ “เลิกกดดันผมซะทีอรทัย! ผมเคยคิดว่าหลังจากที่รู้จักกันมายี่สิบกว่าปี เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด...ถึงคุณจะไม่หย่า ผมก็จะไม่อยู่กับคุณอีกต่อไปแล้วอรทัย”
อรทัยอึ้งไปในทันที
ครู่ต่อมา บรรเจิดถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมา ศิวาเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“บรรเจิด นี่มันเรื่องอะไรกัน...”
“ผมขอโทษครับคุณพ่อ ผมคงต้องไปแล้ว ผมจะลาออกจากเดอะกลอรี่ครับ”
ศิวาอึ้ง พยายามปลอบ
“มีอะไรค่อยๆ พูดกันนะบรรเจิด”
อรทัยเดินตามมา
อรทัยบอกกับพ่อ “ไม่ต้องห้ามเค้าค่ะคุณพ่อ” แม้จะเจ็บปวดและเสียใจเพียงใด แต่ด้วยความที่ง้อใครไม่เป็นจึงพูดจาดูถูกเหยียดหยันสามีตามเคย “น้ำหน้าอย่างคุณน่ะเหรอ จะกล้าออกจากเดอะกลอรี่จริงๆ ออกไปจะทำอะไรกิน คนเฉื่อยแฉะอย่างคุณ ไม่มีที่ไหนเค้าต้องการหรอก อีกหน่อยก็คงเหลือแต่ตัว โดนนังเมียน้อยนั่นทิ้ง ขี้คร้านจะซมซานกลับมาที่นี่ ทำอะไรให้มันรู้จักเจียมตัวบ้าง”
ศิวารู้ว่าลูกเสียใจเจ็บปวดแต่พูดดีไม่เป็น จึงปราม
“พอได้แล้วยัยอร...เดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่” ศิวาหันมาหาบรรเจิด จะห้าม “บรรเจิด...ชั้นว่า...”
บรรเจิดยกมือไหว้พูดสวนออกมา
“ผมกราบขอโทษด้วยครับคุณพ่อ ผมอยู่ต่อไม่ได้แล้วจริงๆ”
บรรเจิดตัดสินใจเด็ดขาดจะเดินออกไป อรทัยพูดไปน้ำตาไหลไป
“คุณบรรเจิด ถ้าคุณออกไปจากที่นี่ ชั้นจะถือว่าคุณตัดขาดจากเจนจรัสตระกูล คุณจะไม่มีสิทธิ์กลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้ สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเคยมี ชั้นให้โอกาสคุณอีกครั้ง...”
บรรเจิดหันกลับมามองหน้าอรทัยอีกครั้ง พบว่าแม้อรทัยจะน้ำตาเต็มหน้าแต่แววตาแข็งกร้าว ดุดัน บรรจิดตัดใจแล้วหันหลังเดินออกไปเลย อรทัยถึงกับอึ้ง
เมื่อบรรเจิดลับตาไป อรทัยทรุดลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ทั้งเสียใจ ทั้งแค้นใจ ศิวาสงสารเวทนาลูกสาวจับใจ ทำได้แค่เข้าไปกอดปลอบนิ่งๆ
เช้าวันนี้มีการถ่ายทำโฆษณา ฉากในสตูดิโอถูกเซ็ทเป็นป่าเขียวครึ้ม ฟ้าใสอยู่ในชุดสีขาวสวยหวาน พริ้วๆ เดินเข้าฉากตามบท หน้าฟ้าใสยังดูกลุ้มๆ เพราะเครียดที่มีเรื่องกับศุวิลอยู่
ฟ้าใสเดินมาหยิบครีมทามือในตะกร้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ฟ้าใสทาครีมที่มือ สีหน้าฟ้าใสไม่สดชื่น
ศุวิลมองฟ้าใสอยู่หน้ามอนิเตอร์ ทัดเทพ พิมพ์จันทร์ โด่งนั่งดูอยู่ข้างๆ ด้วย
ทัดเทพ และพิมพ์จันทร์ มองการแสดงของฟ้าใสแล้วหน้าเจื่อนๆ เพราะไม่ได้แสดงความสดชื่นตามคอนเซ็ปท์ สองคนเหลือบมองโด่งที่หน้าตึงเปรี๊ยะอยู่ ในที่สุด โด่งก็ทนไม่ไหว
“เว้ย!” ทุกคนหยุด ตกใจเป็นแถบ “นี่มันอะไรเนี่ย! ผมขายครีมทามือ ไม่ใช่ยาเบื่อหนู”
โด่งจะพุ่งเข้าไปอธิบายกับฟ้าใสเอง นึกได้ว่าไม่ควรทำเหมือนคราวก่อน เลยเดินกลับมาหาศุวิล พูดมาดขรึม
“ลืมไปว่าเป็นหน้าที่ผู้กำกับ เดี๋ยวจะหาว่าผมก้าวก่ายหน้าที่คุณอีก นี่ คุณไป บรีฟน้องเค้าเลยว่าครีมเนี่ยทาแล้วมันจะรู้สึกสดชื่น”
โด่งทำหน้าตาสดชื่นพริ้มพรายให้ดูเป็นตัวอย่าง ศุวิลเดินเข้าไปหาฟ้าใส แล้วพูดบอกแบบขอไปที
“ทาแล้วรู้สึกสดชื่น”
โด่งชะงัก โมโหที่ศุวิลพูดอธิบายไร้ชีวิตชีวา เลยพุ่งไปหา
“แค่เนี้ยนะ นี่คุณเป็นอะไรเนี่ย ทำไมไม่สื่อสารกันเลย! คราวก่อนถ่ายงานออกมาดีจะตาย แล้วคราวนี้เป็นอะไร”
ทัดเทพกะพิมพ์จันทร์ปรี่มาหาโด่ง พยายามไกล่เกลี่ย
“ใจเย็นๆนะครับคุณโด่ง” ทัดเทพรีบแก้ไขสถานการณ์ “นี่ทุกคนคงเหนื่อยกัน เดี๋ยวเบรคกินข้าวกันสักแป้ป พออิ่มแล้วกลับมาถ่ายต่อ ก็คงจะสดชื่น...”
“ให้มันจริงเถอะ! อย่าลืมนะว่าผมยังมีสินค้าอีกหลายตัว ทำงานชุ่ยๆ แบบนี้ ต่อไปจะไม่จ้างบริษัทคุณแล้ว!”
โด่งเดินหงุดหงิดออกไป ทัดเทพ กะพิมพ์จันทร์มองศุวิล
พิมพ์จันทร์กำชับ “ลม จัดการด้วยนะ พี่บอกแล้ว ว่าอย่าให้เรื่องส่วนตัวกระทบเรื่องงาน”
ศุวิลกลุ้มๆ เหลือบมองฟ้าใสแล้วเบือนหน้าหนี
ที่ห้องแต่งตัวภายในสตูดิโอ ช่างทำผมเช็ตทรงผมให้ฟ้าใส พอเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไป ศุวิลเดินหน้าตึง ถือบทเข้ามา วางตรงหน้า ฟ้าใสชะงัก
“นี่ พอคุณทาครีมเสร็จแล้ว...ต้องทำหน้าตาให้มันรู้สึกสดชื่น มีความสุข”
ฟ้าใสหน้าตึงใส่เช่นกัน “จะทำได้ยังไง ก็ตอนนี้ชั้นไม่ได้รู้สึกสดชื่นนี่”
“แกล้งทำหน่อยไม่ได้หรือไง แกล้งหลอกคนอื่นมาตั้งนาน ยังทำได้เลย”
ฟ้าใสอึ้ง รู้ว่าถูกประชด แดกดัน
“นี่คุณ! เรื่องปิ่นกับคุณวี ชั้นยอมรับว่าชั้นรู้มาก่อน แล้วก็ตั้งใจปิดบังคุณ”
ศุวิลหันมองหน้าฟ้าใส
“แต่ที่ชั้นทำไป ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคุณหรือว่าเห็นคุณเป็นตัวตลก! ชั้นคิดว่าปิ่นเค้าคบคุณวีเพราะประชดคุณ ตอนนั้นชั้นก็คิดว่าสุดท้ายปิ่นเค้าคงจะเลิกกับคุณวี แล้วก็เลือกคุณ ที่ชั้นไม่อยากให้คุณรู้เรื่องคุณวีเพราะชั้นไม่อยากให้ปิ่นกับคุณมีปัญหากันทีหลัง” ศุวิลอึ้งไป “คุณจะเชื่อหรือไม่ ก็เรื่องของคุณ ชั้นพูดได้แค่นี้แหละ”
ฟ้าใสลุกเดินออกไปเลย
ศุวิลครุ่นคิดถึงคำพูดของฟ้าใสก็เข้าใจ คิดว่าน่าจะจริง ที่ตนเองโกรธฟ้าใสก็เป็นการพาลไปหน่อย
หลังมื้อเที่ยง ทีมงานเตรียมพร้อมทำงาน ฟ้าใสอยู่ในเซ็ทแล้ว ทีมงานดูแลเสื้อผ้าหน้าผมให้อยู่ โด่งอยู่กับทัดเทพ พิมพ์จันทร์ และศุวิล
“นี่ เบรคแล้วนะ กินข้าวแล้วนะ ถ้าคราวนี้ยังไม่ดีอีก มีเรื่อง!” โด่งเหวี่ยง
ทัดเทพ และพิมพ์จันทร์ หน้าเจื่อน ลุ้นให้งานออกมาดี ศุวิลเดินเข้าไปหาฟ้าใสในเซ็ท ความรู้สึกขุ่นเคือง โกรธขึ้งฟ้าใสในใจของเขาคลายลงแล้ว
“นี่คุณ อย่าลืมนะ ทาครีมแล้วก็ทำหน้าสดชื่น ดีใจ...ถ้าคิดไม่ออกว่าจะดีใจยังไง ก็ให้ลองนึกว่าถ้าตัวเองวัดส่วนสูง แล้วสูงขึ้นสิบเซ็นต์น่ะ”
ฟ้าใส คิดตามแล้วฉุนกึก “นี่หาว่าชั้นเตี้ยอีกแล้วนี่”
ศุวิลพยักหน้าซะงั้น
“อีตาบ้า!”
ศุวิล ขำๆ ในใจ เดินกลับมาที่หน้ามอนิเตอร์ ฟ้าใสมองตามไป เห็นว่าศุวิลกลับมากัดตนเหมือนเดิม ก็คงจะหายโกรธแล้ว ก็หายเครียด
ฟ้าใสทาครีมที่มือแล้วทำหน้าตาสดใส สดชื่นตามคอนเซ็ปท์เป๊ะ
ที่หน้ามอนิเตอร์ ทัดเทพกะพิมพ์จันทร์ลุ้นแทบเยี่ยวราด มองโด่ง เห็นโด่งยิ้มพอใจ สองคนโล่ง
ศุวิลเองก็มีท่าทางผ่อนคลายลงถนัดตา
ขณะเดียวกันในร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนม ลูกค้าระดับไฮ เอ็นด์ แถวตรงที่นั่งลองรองเท้า มีกระจกบานใหญ่เต็มตัว พนักงานยื่นกระเป๋าหรูให้ปิ่นมณี ปิ่นมณีรับมาสะพาย มองกระจก ท่าทางพึงพอใจ
“เหมาะมากเลยค่ะคุณผู้หญิง...คอลเลคชั่นนี้เพิ่งมาถึงเลยค่ะ แล้วก็คุ้มมากด้วยนะคะ แค่แสนสองเท่านั้นเองค่ะ”
ปิ่นมณีชะงัก รู้ตัวว่าหล่อนไม่มีเงินขนาดนั้น
“ยังไม่ค่อยถูกใจน่ะค่ะ ใบมันใหญ่ไป”
ปิ่นมณีวางกระเป๋าลงข้างๆ จู่ๆ มีมือๆ หนึ่งมาหยิบกระเป๋าใบที่เพิ่งถูกวางไป ปิ่นมณีหันเห็นว่าคนๆนั้นคือ สราลัย มีบอดีการ์ดประกบอยู่ด้วยสองคน ก็ชะงักนิดๆ
“ใบใหญ่ไปหรือว่าเงินไม่พอจ๊ะ” สราลัยเหน็บ
ปิ่นมณีไม่พอใจ พนักงานเห็นสราลัยก็จำได้ รีบไหว้
“สวัสดีค่ะ คุณสรา”
พนักงานอีกคนรีบเอาน้ำมาต้อนรับ สราลัยหันมาหาพนักงาน
“ทีหลังต้องรู้จักสกรีนลูกค้าหน่อยนะ ประเภทที่ไม่มีเงิน”พลางชายตาเหล่มองปิ่นมณี “แต่ว่าทำเป็นเดินเก๋ๆเข้ามาดูของน่ะ มันมีเยอะ”
ปิ่นมณีถูกกระแนะกระแหนอีกก็ยิ่งไม่พอใจ พนักงานหน้าเจื่อนๆ กันไป
“ชั้นเอาใบนี้...แล้วก็เอาทั้งเสื้อผ้ารองเท้า แล้วก็ของอย่างอื่นที่อยู่ในคอลเลคชั่นเดียวกันเนี่ยมาให้หมด”
พนักงานรีบกุลีกุจอไปแพ็คของให้ ปิ่นมณีถูกหยามก็เดินหนีออกไป สราลัยตาม
ปิ่นมณีหน้าตึงเดินออกมาหน้าร้าน สราลัยตามออกมา
“เดี๋ยวสิจ๊ะ” ปิ่นมณีหยุด “ชั้นให้ยืมถือกระเป๋าไปอวดเพื่อนที่เป็นเซลส์ขายรถด้วยกันดีไหม”
ปิ่นมณียิ้มให้ “คุณสราใจดีจังนะคะ ให้อะไรชั้นตั้งหลายอย่าง”
สราลัยหน้าตึงเปรี๊ยะ รู้ว่าหมายถึงสุธาวี แต่ก็ตอกกลับไม่ยอม
“แล้วนี่วีไปไหนล่ะ? ไม่ได้มาด้วยเหรอ? อ๊ะ ลืมไป ได้ข่าวว่าตอนนี้วีโดนแม่ลดขั้นเป็นพนักงานโรงแรมธรรมดาๆ คนนึงแล้วนี่” ปิ่นมณีอึ้ง “คงไม่มีปัญญาจะมาปรนเปรอเธอได้อย่างที่เธอคาดหวังสินะ...น่าสงสารจัง ฝันว่าจะตกถังข้าวสาร ฝันสลายซะแล้ว”
ปิ่นมณีได้แต่เจ็บแค้นอยู่ในใจ
อ่านต่อหน้า 3
จ้าวพายุ ตอนที่ 8 (ต่อ)
อีกด้านหนึ่ง แลเห็นนวลเดินซื้อของอยู่ พอเห็นปิ่นมณีก็ยิ้มออกมาจะเดินเข้าไปทัก แต่พอแม่เล้าใหญ่พบว่าอยู่กับสราลัยก็ชะงัก มองดูเหตุการณ์ต่อ
สราลัยแดกดันให้ปิ่นมณีดูต่ำต้อยต่อ
“นี่ อย่างเธอน่ะ ไม่เหมาะกับร้านแบบนี้หรอก อยากได้กระเป๋าไปเดินตลาดนัดไป”
บอดี้การ์ดสองคนถือถุงข้าวของพะรุงพะรังออกมาจากร้าน สราลัยเดินเชิดจงใจกระแทกชนไหล่ปิ่นมณีจนเซออกไป บอดีการ์ดตาม
นวลซึ่งรอจังหวะอยู่ปรี่เข้ามาหาปิ่นมณี
“ปิ่น มีอะไรกันเหรอ”
ต่อมาแม่เล้ากะสาวไซด์ไลน์นั่งอยู่ในร้านกาแฟแล้ว ปิ่นมณีนั่งหน้าตึงอยู่กับนวล
“เมื่อกี้นี่แฟนเก่าของคุณวีเหรอ? ถึงว่า เห็นกัดเธอหลายอย่างเชียว...นี่ปิ่น เธอน่าจะเอาคืนนะ กลับไปเหมากระเป๋าในร้านไปฟาดหน้ามันหน่อยไหม”
ปิ่นมณีถอนใจ นวลถือโอกาสนี้เสนองานทันที
“พี่มีลูกค้าใหม่มาจากบรูไน” ปิ่นมณีชะงัก “ถ้าปิ่นรับงานนี้..อย่าว่าแต่ร้านนั้นร้านเดียวเลย จะซื้อทุกช็อปในร้านก็ได้”
ปิ่นมณีนิ่งคิดคล้ายลังเล นวลเห็นดูออก รีบหันไปหยิบแทบเล็ตตัวเองเปิดให้ปิ่นมณีดูหนังหน้าลูกค้า
“นี่ รายละเอียดของเขา”
ปิ่นมณีปิดแทบเล็ตของนวล “ปิ่นไม่รับค่ะ”
นวลชะงัก เสียดาย “ทำไมล่ะปิ่น เมื่อกี้ปิ่นก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณวีกำลังลำบาก”
“ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละค่ะพี่นวล...ถ้าคุณวีเค้าทำงาน พิสูจน์ตัวเองให้แม่เค้าเห็นได้ ปิ่นก็จะได้แต่งงานกับเค้า...จะเป็นสะใภ้เจนจรัสตระกูลก็ต้องระวังชื่อเสียงไว้หน่อยสิคะ”
นวลผิดหวังนิดๆ ที่เห็นปิ่นมณีมุ่งมั่นจะเลิกอาชีพสาวไซด์ไลน์เพื่อสุธาวี
ส่วนสุธาวีเคร่งเครียดอยู่กับดูแฟ้มงานมากมายหลายแฟ้ม สุธาวีท่าทางยุ่งๆตั้งใจทำงาน โทรศัพท์สายภายในที่โต๊ะดังขึ้น สุธาวีรับ
“ครับ” สุธาวีตกใจ “อะไรนะ”
ห้องฝ่ายทรัพยากรบุคคลอยู่ชั้นเดียวกับห้องทำงานของสุธาวี ภายในห้อง ฝรั่งแก่ผัวเมียสองคน คู่ที่ถูกปองพลขโมยแหวน ยืนหน้าเครียด ยามสองคนยืนขนาบปองพลที่เหงื่อแตก
หัวหน้าฝ่ายบุคคลพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด
“ไม่ต้องรอแล้ว เอาไปโรงพักเลย!”
ยามสองคนเข้าคว้าปองพล ลากออกไปหน้าห้อง
ปองพลโวยวายขัดขืน “อย่านะเว้ย! เดี๋ยวพวกแกได้เดือดร้อนกันหมดแน่!!ปล่อย!”
สุธาวีเดินรีบเร่งท่าทางร้อนใจเข้ามา ปองพลเห็นสุธาวีก็ดีใจ สะบัดยามสองคนหลุด ปรี่ไปหาสุธาวี
“คุณวีครับ! ช่วยผมด้วย! จำผมได้ไหมครับ ผมเป็นพี่ชายปิ่นไงครับ!”
สุธาวีถามฝ่ายบุคคล “นี่มีเรื่องอะไรกัน”
“เด็กยกกระเป๋าขโมยของแขกครับคุณวี มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด..ผมก็เลยจะจับส่งตำรวจ”
ปองพลอ้อนวอน “คุณวี ช่วยผมด้วยนะครับ ผมขอร้อง”
เสียงปิ่นมณีดังขัดขึ้นมา “จับส่งตำรวจไปเลยค่ะ!”
ทุกคนหันไปเห็นปิ่นมณียืนอยู่
“ทำไมแกพูดอย่างนี้นังปิ่น! ชั้นเป็นพี่แกนะเว้ย!”
“ชั้นเคยบอกแล้ว ว่าห้ามยุ่งกับชั้นกับคุณวี” ปิ่นมณีหันมาทางสุธาวี “ไปเถอะค่ะคุณวี”
สุธาวีมองปองพล เห็นปองพลมองมาด้วยสายตาอ้อนวอน เขาคิดว่าไม่ควรให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูอรทัย ตัดสินใจเด็ดขาด หันมาหาหัวหน้าฝ่ายบุคคล
“บอกลูกค้าไปว่าผมขอชดใช้ค่าเสียหายให้...แล้วให้ลูกค้าพักฟรีเป็นการขอโทษ...ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผมออกเอง”
พนักงานฝ่ายบุคคลพยักหน้า ปองพลดีใจ ปิ่นมณีฉุน
ต่อจากนั้นไม่นาน สุธาวีเดินเข้ามาในห้องทำงาน ปิ่นมณีตาม
“ความจริงคุณไม่น่าจะช่วยเค้านะคะ ชั้นไม่อยากให้ใครมาว่าได้ ว่าชั้นเป็นแฟนคุณเลยมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น คนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ”
“ไม่เป็นไรหรอก...อีกอย่าง ถ้าพี่ชายคุณถูกจับ เรื่องคงรู้ถึงหูแม่ แม่ก็คงสะใจที่มีเรื่องถากถางคุณได้อีก”
ปิ่นมณีชะงัก อึ้งในความรอบคอบและเป็นห่วงตนของสุธาวี
“ตอนนี้เราต้องระวังให้มาก ผมไม่อยากให้แม่มีหลักฐานอะไรมาเล่นงานเราไปมากกว่านี้”
จังหวะนี้ปองพลตามเข้ามาในห้อง
“คุณวีครับ”
ปิ่นมณีหน้าตึง “มีอะไรอีก? ยังก่อเรื่องไม่พอใช่ไหม”
“ชั้นตามมาขอบคุณคุณวีเว้ย!”
ปองพลเมินปิ่นมณีไปไหว้สุธาวี
“ขอบคุณมากนะครับคุณวีที่ช่วยผม ผิดกับบางคน เป็นญาติกันแท้ๆ ยังอยู่เฉย”
ปองพลหันมามองปิ่นมณี
“ไม่เป็นไร”
“คุณวีครับ ผมอาจจะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ แต่ผมรู้จักบุญคุณ...คุณวีเองก็ต้องระวังตัวไว้นะครับ บางคนกับญาติพี่น้องมัน มันยังทิ้งได้” ปองพลมองปิ่นมณีอย่างเคียดแค้น “ไม่รู้กับคนอื่นมันจะจริงใจหรือเปล่า”
ปิ่นมณีชะงักมองพี่ชายต่างบิดาอย่างไม่พอใจ ปองพลเดินออกไปโดยไม่ใส่ใจ
ตกตอนเย็น แลเห็นบรรดาช่างหลายคน หลายส่วนกำลังตกแต่ง เก็บรายละเอียดงาน ที่บริเวณหน้าโรงแรมในฝันของบรรเจิด โดยมีบรรเจิดมองดูด้วยความภาคภูมิใจ แก้วตาอยู่ข้างๆ เดชยืนอยู่ด้านหลัง
“ชั้นลงทุนลงแรงทำโรงแรมนี้ด้วยตัวเองก็เพื่ออนาคตของเรา”
แก้วตาฝืนยิ้มให้แล้วลอบทำหน้าเนือยๆ เซ็งๆ เดชจังสังเกตอาการของแก้วตาอยู่
บรรเจิดยิ้มชื่น กอดแก้วตากระชับไว้ในอ้อมแขน แล้วมองโรงแรมอย่างภาคภูมิใจ
“นี่ก็เหลือแค่ตกแต่งห้องพัก แล้วก็จะทาสีใหม่... อีกไม่นานก็จะเปิดกิจการได้... แล้วงานแรกของโรงแรมที่จะจัด...ชั้นคิดไว้ว่าจะต้องเป็นงานแต่งงานของชั้นกับแก้ว”
แก้วตาอึ้ง ฝืนยิ้ม บรรเจิดเดินไปสั่งงาน คุยงานกับช่าง
พอลับหลังบรรเจิด แก้วตาหน้าตึงขึ้นมาทันที เดชมองอยู่
แก้วตาเดินหน้าคว่ำ เซ็งสุดขีดออกมาด้านหน้า ถอนใจอย่างรำคาญ เดชตามมาเห็นพอดี
“แก้ว...คุณบรรเจิดจะจัดงานแต่งงานให้ ไม่ดีใจเหรอ? ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“พี่เดช อย่ามาหาเรื่องแก้วนะ”
“แก้วไม่เห็นเหรอว่า คุณบรรเจิดท่านรักและจริงใจกับแก้วขนาดไหน.. แก้วควรจะตอบแทนท่านด้วยความรักความซื่อสัตย์...ไม่ใช่คิดจะไปมีคนอื่น”
แก้วตาจ้องหน้าเดช
“เรื่องหัวใจ เรื่องความรัก มันห้ามกันได้ด้วยเหรอคะพี่เดช”
แก้วตาจงใจพูดกระทบ เพราะรู้ว่าเดชรู้สึกยังไงกับตัวเอง เดชชะงัก คิดถึงเรื่องที่คนแอบรักแก้วตาอยู่เหมือนกันทั้งที่ไม่ควร เดชหลบตาวูบ
“แก้วเองก็ยังสาว...ควรจะมีสิทธิ์เลือกมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอคะ”
“แก้วควรจะเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทรยศผู้มีพระคุณ”
แก้วตาย้อน “นั่นมันทางเลือกของพี่เดชค่ะ” เดชอึ้ง “แก้วไม่จำเป็นต้องเลือกแบบพี่”
เดชนิ่งงันไป ดูออกว่าแก้วหมายมั่น คิดจะหาทางไปจากบรรเจิด
วันหนึ่งภายในห้องทำงานสุธาวีที่ออฟฟิศเดอะกลอรี่ ดูวุ่นวายตามเคย หนุ่มไฮโซหน้าตาเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืนกำลังดูเอกสารอยู่ มือหนึ่งกดโทรศัพท์โทร.ออก
ขณะที่ปิ่นมณีถือถุงอาหารพะรุงพะรังเข้ามาในลอบบี้เดอะกลอรี่ โทรศัพท์ดังปิ่นมณีลำบากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ ปั้นเสียงสวย
“หิวแล้วเหรอคะ? กำลังขึ้นไปค่ะคุณวี”
“ซื้อกาแฟให้ผมแก้วนึงสิปิ่น เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย”
“ได้ค่ะ...รอเดี๋ยวนะคะ”
ปิ่นมณีกดวางโทรศัพท์ ถอนใจเฮือก ฮึดสู้
“ไม่ลำบากไปตลอดหรอกปิ่นมณี อดทนไว้”
ปิ่นมณีเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่างลำบาก เดินย้อนกลับออกไปอีก
ปิ่นมณีเดินหงุดหงิดถือถุงอาหารและแก้วกาแฟด้วยสองมือมา จนสะดุดล้ม กาแฟหกเต็มไปหมด ปิ่นมณียิ่งหัวเสีย รวบรวมสติพยายามลุกขึ้น แต่แล้วก็มีเท้าคู่หนึ่งมาหยุดตรงหน้า ปิ่นมณีมองไล่ขึ้นไป เห็นอรทัยยืนอยู่ วิทย์อยู่เยื้องไป อรทัยมองปิ่นมณีแล้วยิ้มเย็นยะเยือกให้
ปิ่นมณีรีบลุกขึ้นทันที
“ลำบากไหม? ถ้าทนไม่ไหวก็ถอนตัวซะ เพราะเกมส์นี้ชั้นไม่มีวันแพ้แน่”
“อย่าเพิ่งสรุปสิคะคุณอรทัย คุณก็ทราบดีว่าดิชั้นมาจากไหน เรื่องความอดทน คุณสู้ดิชั้นไม่ได้หรอก”
ถูกสวนกลับ อรทัยชะงัก
“ความจริง ดิชั้นต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่เปิดโอกาสให้คุณวีได้ฝึกทำงาน เค้าจะได้รู้ว่า วันนึงถ้าแม่ของเค้าไม่อยู่แล้ว เค้าจะต้องทำตัวยังไง....ในฐานะเจ้าของเดอะกลอรี่”
อรทัยฟังปิ่นมณีแล้วหัวเราะขำออกมาเบาๆ
ปิ่นมณีเกิดความสงสัย
“นี่ตาวียังไม่ได้บอกเธออีกเหรอ? ว่าถึงเค้าจะทุ่มเทแค่ไหน อนาคตของเค้าก็จะเป็นได้แค่หัวหน้าฝ่ายการตลาด ส่วนเธอก็จะเป็นแค่เมียของพนักงานคนนึงเท่านั้น”
ปิ่นมณีอึ้ง มองอย่างคลางแคลงไม่เชื่อ อรทัยยิ้มเป็นต่อ ก่อนจะเดินหนีไป
“อย่าพยายามเปลี่ยนใจดิชั้นเลยค่ะ แผนตื้นๆ แค่นี้ ดิชั้นไม่หลงกลแน่”
อรทัยหยุด ค่อยๆ หันมาหา “ชั้นก็ไม่อยากทำลายฝันของเธอหรอกนะปิ่นมณี แต่สมบัติของเจนจรัส
ตระกูล รวมทั้งเดอะกลอรี่ ถูกยกให้ยัยฟ้าครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งนึง เป็นของลูกนอกสมรสของพ่อชั้น...”
ปิ่นมณีอึ้ง นิ่งงันไป แม้จะรู้อยู่แล้วว่าศุวิลได้สมบัติครึ่งหนึ่ง แต่ที่หล่อนไม่อยากเชื่อคือ สุธาวีที่เธอหันมาเกาะจะไม่ได้อะไรเลย
“รู้แล้วยังจะรออะไรอีกล่ะ ทำสิ่งที่เธอถนัดสิ ทิ้งตาวี แล้วไปหาเกาะคนอื่นซะ”
อรทัยมองปิ่นมณีด้วยแววตาดูแคลนระคนสมเพช ก่อนจะเดินออกไป วิทย์เดินตาม
ปิ่นมณีเริ่มลังเลและไขว้เขว แต่ในหนึ่งก็คิดว่าหรืออรทัยอาจจะเจ้าเล่ห์ โกหกเธอ
อ่านต่อตอนต่อไป พรุ่งนี้ 09.30 น.
จ้าวพายุ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ปิ่นมณีนั่งครุ่นคิดตรึกตรองอยู่ในรถ หล่อนพยายามทบทวนเรื่องที่อรทัยพูด ถ้าหากจริง การลงทุนของเธอกับสุธาวีต้องเสียเปล่า โทรศัพท์ดังขึ้น ปิ่นมณีหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นสุธาวีโทร.เข้ามา
ปิ่นมณียังไม่พร้อมจะคุย เธอต้องการเวลาตั้งหลัก และวางเกมเพื่อค้นหาความจริง กดรับ
“ค่ะคุณวี ขอโทษนะคะ พอดีมีงานด่วน ปิ่นต้องรีบเข้าไปเคลียร์ เอาไว้เจอกันวันหลังนะคะ บายค่ะ”
ปิ่นมณีกดวาง สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล อยากรู้ความจริง
ขณะเดียวกันบรรยากาศในกองถ่ายโฆษณาวุ่นวายได้ที่ ทีมงานเตรียมงานกันอยู่ ทัดเทพ พิมพ์จันทร์ คุณโด่งคุยงานที่มุมหนึ่ง
ที่เซ็ทศุวิลบล็อกคิวฟ้าใสและพวกเด็กๆ อยู่ เตรียมจะให้เด็กๆ ร้องเพลง ศุวิลมองฟ้าใสในหมู่มวลเด็กน้อย แล้วหันหาทีมงาน
“พร็อบครับ เดี๋ยวขอลังมาให้นางแบบหน่อย ยืนด้วยกันแล้วตัวเท่ากับเด็กเลยเนี่ย”
ฟ้าใสหน้าคว่ำ เม้งเข้าให้
“เป็นอะไรมากปะเนี่ย ทำไมต้องหันมากัดชั้นด้วย นี่จบงานนี้ชั้นต้องไปฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าแล้วมั้งเนี่ย โดนกัดทุกวัน”
ศุวิลอมยิ้ม ขำๆฟ้าใส
ที่อีกมุมหนึ่ง งามเสมอและชนเมศร์มองจังสังเกตศุวิลและฟ้าใสอยู่
“ไอ้ชน...ชั้นว่าคุณลมกับยัยฟ้านี่ชักจะยังไงๆ แล้วนะ”
“ใช่ เถียงกันตลอด..สงสัยจะไม่ถูกกันจริงๆ ด้วย”
งามเสมอขัดใจที่ชนเมศร์คิดไม่ทัน
“โอย... มิน่าล่ะ แกถึงไม่แฟนซักที” ชนเมศร์งวยงง “คนที่เค้าไม่ถูกกันน่ะเค้าไม่เป็นแบบนี้หรอก...แบบคุณลมกับยัยฟ้าเนี่ย เค้าเรียกพ่อแง่แม่งอน”
ชนเมศร์ทำหน้าไม่เชื่อ
ศุวิลกลับมานั่งที่หน้ามอนิเตอร์
“แอคชั่น”
ฟ้าใสสีไวโอลินอย่างอ่อนช้อยพลิ้วไหวงดงาม เด็กๆ ร้องเพลงประสานเสียง
ศุวิลมองฟ้าใสในจอมอนิเตอร์เผลอยิ้มออกมา
ชนเมศร์มองอาการของศุวิลแล้วเริ่มคล้อยตามที่งามเสมอพูด หันไปพยักหน้าหงึกๆ ให้งามเสมอเป็นเชิงบอกว่า...เออจริงด้วยว่ะเจ๊
งานผ่านไปอย่างราบรื่น ทีมงานนั่งกินข้าวกันอยู่ รวมทั้งฟ้าใสที่หัวยังมีมงกุฎดอกไม้สวมอยู่ ศุวิลถือบทเดินมาหา
“อ้าว มัวแต่กิน นี่กี่จานแล้วเนี่ย”
ฟ้าใสเซ็ง หนีมากินข้าวยังตามมากัด
“พูดมาก ค่าตัวก็ถูก ยังจะมาห้ามชั้นกินอีกเหรอ ไม่เอาใส่ถุงกลับบ้านไปก็ดีแล้ว”
ศุวิลขำๆ ฟ้าใสจะยกจานไปให้แม่ครัว จู่ๆ มงกุฎดอกไม้ที่หัวก็ร่วงหลุดลงมา ฟ้าใสวางจาน ก้มเก็บมงกุฏดอกไม้
ปากหล่อนบ่นบ้าตามประสา “ร่วงอีกแล้ว เดี๋ยวช่างทำผมดุอีก”
ฟ้าใสใส่มงกุฎดอกไม้เองแล้วเบี้ยว ศุวิลมองอยู่
“มันเบี้ยว”
ฟ้าใสขยับมงกุฎดอกไม้อีก
“ยังเบี้ยวอยู่”
ฟ้าใสขยับมงกุฎ แต่ยังเบี้ยวอยู่ ศุวิลส่ายหน้าขัดใจ
“มานี่”
ศุวิลขยับๆ จัดมงกุฎดอกไม้บนหัวให้ สองคนอยู่ใกล้กันมา ฟ้าใสมองรู้สึกเขินๆ
“อะ ไม่เบี้ยวแล้ว”
สองคนมองหน้ากันซึ้งๆ กิริยาอาการเขินๆ ประดักประเดิดทำตัวไม่ถูกกันทั้งคู่
ขณะนั้นแก้วตาถือตะกร้าเค้กรสส้มเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง ยิ้มแย้มดีใจที่จะได้เจอหล่อล่ำศุวิล พอมองไปเห็นศุวิล กับฟ้าใสใกล้ชิดกัน
แก้วตาชะงักหน้าตึงเปรี๊ยะชั่วขณะ ทั้งหึงทั้งหวง ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ
ครั้นพอคิดได้จึงแอ๊บสวยยิ้มหวาน พร้อมกับตัดสินใจเดินเข้าไปทำลายบรรยากาศหวานๆ ซึ้งๆ นั้น
“ฟ้า...”
ฟ้าใสและศุวิลผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ
“อ้าว แก้ว” ฟ้าใสทัก
“สวัสดีค่ะคุณลม...แก้วทำเค้กมาฝากฟ้ากับคนที่กองค่ะ”
ศุวิลฉงน “นี่คุณแก้วรู้จักฟ้าด้วยเหรอครับ?”
แก้วตาพยักหน้า ศุวิลหันมาพูดกับแก้วตา แหย่ฟ้าใส
“ทีหลังคุณแก้วต้องเลือกคบเพื่อนหน่อยนะครับ”
ฟ้าใสตีศุวิลเผียะ แก้วตาเห็นสองคนสนิทสนมกันก็ยิ่งโมโห พยายามข่มใจ
“มากินเค้กกันดีกว่าค่ะ”
แก้วตาจะจัดเค้กให้
“นี่ค่ะคุณลม”
แก้วตาหยิบเค้กให้ศุวิล งามเสมอ กะชนเมศร์เล็งอยู่พุ่งมาคว้าแก้วตา
“แก้ว มาทางนี้ดีกว่า! มาดูเค้าทำฉากทางนี้ ฉากสวยมากเลย เร็ว”
งามเสมอและชนเมศร์คว้าแก้วตาออกไปเลย สาวจอมแอ๊บเสียดายโอกาสสุดๆ
งามเสมอ ชนเมศร์คว้าแก้วตาเข้ามาในสตูดิโอ
“ดูฉากแล้ว แก้วขอไปคุยกับฟ้าก่อนนะคะ” แก้วตายังหาโอกาสไปใกล้ชิดศุวิลต่อ
“ไม่ต้องแก้ว ปล่อยให้ยัยฟ้าอยู่กับคุณลมไปเถอะ”
แก้วตาชะงัก ชนเมศร์หัวเราะคิกคัก
“ชนว่ายัยฟ้ากับคุณลม สงสัยจะกุ๊กกิ๊กๆกันแล้ว เพื่อนเราจะได้ลงจากคานแล้ว”
แก้วตานัยน์ตาเป็นประกายวาววับ แอบไม่พอใจ
“ไม่มั้งชน คุณลมเค้าเคยเป็นแฟนปิ่น...ยัยฟ้าไม่คิดอะไรอย่างนั้นหรอก”
งามเสมอท้วง “ก็แค่อดีตแฟน...ตอนนี้คุณลมเค้าก็โสดแล้ว”
“แต่ยังไงก็ไม่ควรค่ะ..แฟนเก่าเพื่อน...เพื่อนที่ดีเค้าไม่ทำกันหรอกนะคะ”
แก้วตาหน้าตึงนิดๆ กดข่มกลืนกินความไม่พอใจที่ศุวิลและฟ้าใสสนิทสนมกันลงไป แต่ไม่วายฉุนงามเสมอกะชนเมศร์ที่ออกอาการรู้เห็นเป็นใจ และเชียร์สุดๆ
อ่านต่อตอนที่ 9