จ้าวพายุ ตอนที่ 11
ไม่นานต่อมา ที่หน้าคฤหาสน์เจนจรัสตระกูล มีรถพยาบาลมาจอดรับศิวา พยาบาลและผู้ช่วยเข็นร่างศิวาขึ้นรถไป อรทัยจะตาม ธวัชชัยจึงหันไปห้ามไว้
“ผมว่า...คุณอรไม่ต้องไปหรอกครับ”
อรทัยชะงักกึกมองหน้าธวัชชัยตาขวาง
“นั่นพ่อชั้นนะ”.
“แต่ถ้าท่านฟื้นขึ้นมาเจอหน้าคุณ อาการท่านอาจจะหนักกว่าเดิมก็ได้”
อรทัยอึ้งลึกๆ หล่อนเสียใจมาก แต่เมื่อคิดตามที่ธวัชชัยพูดก็เห็นจริงด้วย ธวัชชัยขึ้นรถพยาบาลไปเลย อรทัยยืนนิ่งน้ำตาคลอ รู้สึกผิด
ด้านฟ้าใสเก็บอุปกรณ์ดนตรีอยู่ ท่าทางเหนื่อยๆ ไม่สบาย ชนเมศร์กับงามเสมอมองๆ ฟ้าใสอยู่อย่างเป็นห่วง ทั้งสองคนเดินเข้ามาหา
“ฟ้าถ้ามีอะไร ฟ้าก็ปรึกษาเจ๊กับไอ้ชนมันได้นะ”
ชนเมศร์พยักหน้าเออออ งามเสมอเอื้อมมือไปจับแขน พบว่าตัวฟ้าใสร้อนจี๋ งามเสมอตกใจ
“ฟ้า ฟ้าตัวร้อนจี๋เลย” งามเสมอเอามือไปอังหน้าผากใสอยู่ “ให้เจ๊กับไอ้ชนพาไปหาหมอมั้ย”
“เดี๋ยวฟ้าไปหาหมอเองก็ได้ ขอบคุณนะคะ”
ฟ้าใสเดินออกไปเลย ชนเมศร์กับงามเสมอมองตามอย่างเป็นห่วง
ฟ้าใสยืนรอแท็กซี่อยู่ที่หน้าโรงเรียนสอนดนตรีท่าทางเหนื่อยๆ โทรศัพท์ดังขึ้น ที่หน้าจอเห็นว่าอรทัยเป็นคนโทรเข้ามา ฟ้าใสกดรับ
“ค่ะอาอร อะไรนะคะ คุณตาเข้าโรงพยาบาล ค่ะเดี๋ยวฟ้าจะรีบไปทันที”
อรทัยโทร.มาจากบ้านเจนจรัสตระกูล
“อย่าเพิ่งไปฟ้า อาติดต่อตาวีไม่ได้เลย โทรไปก็ไม่ยอมรับ ฟ้าช่วยตามหาตาวีให้อาหน่อย”
“แต่ว่า...”
“ธวัชชัย เค้าโทร.มาบอกอาแล้วว่าคุณพ่อไม่เป็นอะไร ฟ้าช่วยตามหาตาวีแล้วส่งข่าวให้อาก่อน”
ฟ้าใสรับคำ “ได้ค่ะ” แล้ววางสายจากอรทัย
ส่วนที่บาร์ในโรงแรมเดอะกลอรี่ ตอนนั้น สุธาวียกแก้วเหล้าขึ้นดื่มดับกลุ้ม ท่าทางเมามายมากแล้ว
ฟ้าใสเดินเข้าไปในโรงแรม กำลังจะเข้าไปในบาร์ โทรศัพท์ฟ้าใสดังขึ้น ที่หน้าจอเห็นเป็นชื่อศุวิล ฟ้าใสถอนใจ แล้วกดรับสาย
ศุวิลอยู่ในรถ ที่กำลังขับแล่นมาบนถนนสายหนึ่งไม่ไกลจากโรงแรมนัก
“ฟ้า คุณอยู่ที่ไหน ผมอยากคุยกับคุณ”
“ชั้นมาทำธุระที่สาขาสุขุมวิท” ฟ้าใสเดินเข้าบาร์ไป มองเห็นสุธาวีพอดี “แค่นี้นะ”
ฟ้าใสกดวางสาย ศุวิลถูกฟ้าใสวางสายใส่ก็ไม่พอใจ คิดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องคุยกับฟ้าใสให้รู้เรื่อง
เห็นสุธาวีนั่งกินเหล้าอยู่ที่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ ฟ้าใสตรงเข้าไปหาทันที
“คุณวีคะ”
สุธาวีหันไปมอง เห็นว่าเป็นฟ้าใสที่เรียกตน
“มาที่นี่ได้ยังไง?”
“คุณตาไม่สบาย อาอรให้ฟ้ามาตามคุณวี”
สุธาวีได้ยินชื่ออรทัยก็ไม่พอใจ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีก
“คุณวีคะ” ฟ้าใสจับแขนสุธาวี “คุณตาไม่สบายอยู่นะคะ”
สุธาวีไม่สน สะบัดออก
“ทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายกับชั้นด้วย จะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่ง”
“แต่อาอรสั่งให้คุณวีไปหาคุณตา”
สุธาวีมองหน้าฟ้าใสอย่างแค้นใจ
“ทำตามคำสั่งแม่ชั้นทุกอย่างเลยนะ หรือที่มาตามชั้นอย่างนี้ ใจจริงเธออยากจะยุ่งกับชั้น”
ฟ้าใสโมโห “คุณวี”
“ทำไม เธอถึงไม่ไปจากบ้านชั้นสักที หรือความจริงเธอชอบชั้น อยากแต่งงานกับชั้น!”
“พูดอะไรของคุณน่ะคุณวี”
สุธาวีกระชากฟ้าใสออกไปเลย
ทางฝั่งศุวิลขับรถมาจอดที่โรงแรม ศุวิลลงจากรถท่าทางเร่งรีบ เดินเข้าไปในโรงแรมเพื่อตามหาฟ้าใส
ส่วนสุธาวีกระชากฟ้าใสเข้ามา
“ปล่อยนะคุณวี! จะทำอะไร!”
“ก็ทำสิ่งที่เธอต้องการไงล่ะ ที่เธอวุ่นวายกับชั้นอยู่ได้ เพราะเธอชอบชั้น อยากแต่งงานกับชั้นใช่มั้ย”
“คุณวีพูดบ้าอะไรน่ะ ปล่อยนะคุณวี”
“มีอะไรกับเธอก็ดีเหมือนกัน เรื่องมันจะได้จบซักที!”
สุธาวีดันฟ้าใสจนหล่อนจนมุม สุธาวีกอดปล้ำพัลวัน ฟ้าใสสู้ไม่ได้ เพราะป่วยอยู่ จู่ๆ มีมือหนึ่งมากระชากสุธาวีออกไปจากฟ้าใส
ที่แท้เป็นศุวิลที่กระชากร่างสุธาวีเหวี่ยงออกไป แล้วตามเข้าไปชกเต็มแรง จนสุธาวีล้มไปนั่งแปะกับพื้น มีเลือดไหลที่มุมปาก
สุธาวีไม่ลุกขึ้นต่อสู้ นั่งหมดอาลัยตายอยาก ศุวิลหันมาหาฟ้าใสอย่างเป็นห่วง
“ฟ้า ฟ้าเป็นไงบ้าง”
ทุกอย่างในกรอบสายตาฟ้าใส ภาพเบลอไปหมด ฟ้าใสล้มพับเป็นลมไป ศุวิลตกใจ เข้าไปประคองทันที
“ฟ้า! ฟ้า!”
ด้านแก้วตาพรวดเข้ามาในบ้านท่าทางตกใจสุดขีด
“อะไรนะคะ! ฟ้ารู้เรื่องของแก้วกับคุณแล้วเหรอคะ”
บรรเจิดพยักหน้า เดชที่ยืนอยู่ด้วย ท่าทางกังวล แก้วตาอึ้ง หวาดกลัวอรทัย
“แล้วคุณอรละคะ”
“ฟ้ารับปากกับชั้นแล้ว ว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ว่าคุณอรหรือใครก็จะไม่มีใครรู้เรื่องของเรา”
แก้วตาโล่งไปอีกเปลาะหนึ่ง แต่ยังกังวล กลัวเรื่องรู้ไปถึงหูศุวิล จึงหันกลับมาเล่นบทน่าสงสารรีบออดอ้อนกอดบรรเจิด
“คุณบรรเจิดต้องกำชับฟ้านะคะ ว่าห้ามบอกใคร แก้วกลัวว่าเรื่องจะรู้ไปถึงหูคุณอร...แก้วกลัวจะไม่ได้อยู่กับคุณอีก ถ้าเป็นอย่างนั้น แก้วคงอยู่ไม่ได้”
บรรเจิดลูบหัวแก้วตาอย่างสงสาร ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดที่ผลักความรับผิดชอบให้ฟ้าใส เดชมองแก้วที่โกหกบรรเจิดหน้าตาเฉย แล้วเมินหน้าไปมองอีกทาง
“ชั้นรู้จักยัยฟ้าดี ยัยฟ้าไม่ผิดคำพูดหรอก...แก้วไม่ต้องกลัวนะ ตอนนี้เราแค่ต้องระวังให้มากขึ้น พรุ่งนี้ให้เดชพาแก้วไปเก็บของที่โรงเรียนยัยฟ้า” แก้วตาอึ้ง “ชั้นลาออกให้แก้วแล้ว”
แก้วตาอึ้งหนักถ้าไม่ได้ออกไปไหน แล้วหล่อนจะไปหาศุวิลได้อย่างไร
“แต่ว่า...”
“เชื่อชั้นนะแก้ว...ตอนนี้แก้วไม่ควรออกไปไหน”
แก้วตาอึ้งๆ ไม่พอใจ
เดชลอบมองค่อนข้างโล่งใจ ที่ทางเลือกนี้จะทำให้แก้วตาทำอะไรไม่ดียากขึ้น
ฟากฟ้าใสนอนอยู่ที่โซฟากลางบ้านศุวิล อาภากับสำลี ช่วยกันพยาบาลอยู่ ศุวิลมองฟ้าใสอยู่อย่างเป็นห่วง สักพักฟ้าใสค่อยๆ สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา
ศุวิลดีใจ “ฟ้า คุณเป็นยังไงบ้าง”
ฟ้าใสมึนงง ถามอย่างอ่อนแรง “ชั้นอยู่ที่ไหน”
“บ้านผมเอง คุณเป็นลม ผมเลยพาคุณมาที่นี่”
ฟ้าใสพยายามยันตัวขึ้น ทั้งๆ ที่ตัวเองก็แทบไม่มีแรง
“ชั้น...ชั้นจะกลับบ้าน” ฟ้าใสยกมือไหว้ขอบคุณอาภากับสำลีท่าทางยังอิดโรย “ขอบคุณมากนะคะ”
“หนูฟ้า...หนูจะกลับไปบ้านคุณศิวาเหรอลูก อย่าไปเลย น้าเป็นห่วง เดี๋ยวจะมีเรื่องกันอีก”
ฟ้าใสชะงัก อาภากับสำลีคงรู้เรื่องสุธาวีแล้ว ฟ้าใสคิดตามที่อาภาบอก
“แล้วนี่หนูจะไปที่ไหน มันดึกแล้วนะลูก แล้วหนูก็ไม่สบาย น้าว่าคืนนี้นอนที่นี่ก่อนเถอะ”
ฟ้าใสลำบากใจไม่อยากนอนค้างที่บ้านนี้
“เดี๋ยวน้าไปจัดห้องให้นะลูก อยู่นี่แหละ อยู่นี่”
สำลีรีบกุลีกุจอขึ้นไปจัดห้องให้
“คืนนี้อยู่ที่นี่ก่อนเถอะนะ แล้วพรุ่งนี้ยังไงค่อยว่ากัน”
ฟ้าใสคิดตาม ตัวเองก็ไม่รู้จะไปไหนจริงๆ
“ขอบคุณค่ะคุณน้า”
เช้านั้นสุธาวียังอยู่ในชุดเมื่อคืน นอนหมดสภาพอยู่ในห้อง อรทัยเดินพุ่งพรวดเข้ามา หน้าตาเครียดสุดขีด
“ตาวี!” สุธาวียังนิ่งหลับ “ตาวี ตื่นเดี๋ยวนี้!”
สุธาวีรู้สึกตัว แต่ยังอยู่ในอาการงัวเงีย อรทัยยิ่งขัดใจ ดึงหมอนออก สุธาวีหัววืดตกจากหมอน อรทัยเอาหมอนฟาดลูกไม่ยั้ง
สุธาวีฉุน “อะไรกันอีกครับแม่!”
อรทัยโมโห “ยังจะมีหน้ามาถาม! เมื่อคืนแกไปทำอะไรฟ้าเค้า!”
สุธาวีชะงักกึก นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาแว้บๆ รู้สึกผิดที่ทำกับกับฟ้าใสแบบนั้น สุธาวีไม่ได้ตอบอะไร อรทัยยิ่งโมโห
“พนักงานที่สาขาสุขุมวิทพูดกันให้ทั่วว่าแกจะปล้ำยัยฟ้า!”
สุธาวีย้อน “เอ้า นึกว่าจะถูกใจแม่ซะอีก” อรทัยจ้องลูกนัยน์ตาวาววับ “ผมไม่ได้พิศวาสอะไรยัยฟ้าหรอกนะ แค่จะขู่ เค้าจะได้ไม่มายุ่งกับผมอีก!”
อรทัยเครียด เป็นห่วงฟ้าใส
“เมื่อคืนฟ้าก็ไม่ได้กลับ..ไม่รู้เตลิดหนีไปอยู่ที่ไหน”
สุธาวีอึ้ง เครียดเป็นห่วงฟ้าใส เมื่อคืนฟ้าใสออกไปกับศุวิล แต่เขาไม่ยอมบอก กลัวแม่จะยิ่งคลั่ง อรทัยกลุ้มหนัก
ขณะเดียวกันที่บ้านศุวิล อาภายกข้าวต้มใส่ถาด หันยื่นให้สำลี ศุวิลอยู่ด้วย
“สำลี เดี๋ยวยกไปให้หนูฟ้าหน่อยนะ”
“เดี๋ยวผมยกไปเองครับแม่”
ศุวิลยกถาดข้าวต้มหันไป อาภากะสำลีชะงักหันมองกันเพราะเห็นศุวิลเป็นห่วงฟ้าใสเกินปกติ
ฟ้าใสเดินลงมาพอดี
“ลุกไหวแล้วเหรอ? งั้นก็มากินข้าวมา”
ฟ้าใสส่ายหน้า แล้วหันไปไหว้อาภา สำลี
“คุณน้าคะ ฟ้าขอบคุณมากนะคะ ยังไงฟ้าไม่รบกวนคุณน้าแล้ว ฟ้าลานะคะ”
ศุวิลฉงน “อ้าว จะรีบไปไหนล่ะ”
“เมื่อคืนอาอรบอกว่าคุณตาอยู่โรงพยาบาล ชั้นจะไปเยี่ยมคุณตา”
ทุกคนชะงักงัน
อาภารีบถาม “คุณศิวาเป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะหนูฟ้า”
“ปลอดภัยแล้วค่ะ...แต่ยังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล”
ฟ้าใสจะเดินออก ศุวิลบอก “เดี๋ยวผมพาคุณไปเยี่ยมคุณศิวาเอง”
ฟ้าใสชะงัก มองศุวิลอย่างแปลกใจ อาภาและสำลีก็แปลกใจเช่นกัน
ส่วนแก้วตาแวะมาเก็บของที่โรงเรียนสอนดนตรีฟ้าใส และกำลังเก็บลงลัง งามเสมอช่วยเก็บอยู่
“แก้วติดต่อคนที่จะมาทำบัญชีแทนแก้วให้แล้วนะคะพี่งาม”
“แก้ว...นี่แก้วจะไปจริงๆ เหรอ มีปัญหาอะไรกับฟ้าหรือเปล่า ทำไมถึงจะออกล่ะ”
แก้วตาชะงัก สาเหตุที่ต้องออก เป็นเพราะเธอเป็นเมียน้อยของอาของฟ้าใส จะพูดบอกใครไปได้อย่างไร ชนเมศร์หน้าตาตื่นเข้ามา
แก้วตาบอก “ที่แก้วต้องออก เพราะญาติแก้วเค้าป่วยน่ะค่ะ แก้วต้องไปดูแลแก้วลาแล้วนะคะ”
ชนเมศร์ใจแป้ว “แก้ว...อย่าทิ้งชนไปเลยนะ”
ชนเมศร์อาลัยอาวรณ์จะตามแก้วตา
งามเสมอเอ็ด “แกอยู่เฉยๆ เถอะ แค่นี้แก้วเค้าก็ลำบากใจจะแย่อยู่แล้ว”
แก้วตายกมือไหว้ลางามเสมอ แล้วเดินออกไป
เดชรออยู่ในรถตรงที่นั่งคนขับ แก้วตานั่งอยู่ข้างๆ เดชมองลังที่วางด้านหลัง
“มีของแค่นี้เหรอแก้ว?”
“ค่ะ พี่เดชกินอะไรมาหรือยังคะ? เราแวะกินข้าวก่อนดีไหมคะ?”
เดชเคลื่อนรถออกไป พูดไปด้วย
“พี่จะพาแก้วไปหาคุณบรรเจิดที่โรงแรม เดี๋ยวค่อยไปกินที่นั่นแล้วกัน”
“ทำไมไม่พาแก้วกลับบ้านล่ะคะ...หรือว่า ไม่อยากอยู่กับแก้วสองต่อสอง”
เดชชะงักงัน ไม่ตอบอะไร แก้วตายิ้มสมใจในสีหน้า รู้ว่าคำตอบคือใช่
วิทย์ขับรถพุ่งเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรมของบรรเจิด อรทัยลงรถหน้าเครียด กังวลเรื่องที่ฟ้าใสหายไปหลังจากทะเลาะกับสุธาวี หล่อนเดินดุ่มๆ เข้าไปทันที วิทย์รีบตาม
อรทัยเปิดประตูผัวะเข้ามาในห้องทำงานสามี วิทย์ตาม บรรเจิดเงยหน้ามาจากกองเอกสาร เห็นอรทัยก็ชะงักตกใจว่าภรรยาอารมณ์ร้ายจะมาหาตนเรื่องอะไรอีก หรือว่าฟ้าใสหลุดบอกเรื่องแก้วตาแล้ว
“คุณมาที่นี่ทำไมคุณอร”
อรทัยไม่พอใจที่บรรเจิดถามแบบนี้ แต่พยายามข่มอารมณ์อดกลั้น
“ยัยฟ้ามาหาคุณหรือเปล่า”
“เปล่า...ทำไม?” บรรเจิดฉงน
อรทัยถอนใจ
“ยัยฟ้าหายไปตั้งแต่เมื่อคืน ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน...ชั้นโทรหาก็ไม่ติด”
บรรเจิดตกใจ กลัวว่าฟ้าใสจะคิดมากเรื่องของตัวเองจนหนีหายไป
“หายไป หายไปได้ยังไง” บรรเจิดมองหน้าอรทัย ฉงนฉงาย “มีเรื่องอะไรกัน?”
อรทัยพูดไม่เต็มปาก ว่าเป็นเพราะสุธาวี เธอไม่อยากให้บรรเจิดโมโหลูกชาย
“ยัยฟ้าทะเลาะกับตาวีนิดหน่อย...ชั้นเพิ่งมารู้เรื่องเมื่อเช้า”
บรรเจิดเครียดจัด “ตาวีไปทำอะไรยัยฟ้า ยัยฟ้าถึงต้องหนีหายไปอย่างนี้?” เขาหันมาหาอรทัยจ้องตา “คุณปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไงคุณอร”
อรทัยชะงักที่บรรเจิดว่าตนอีกแล้ว เลยโมโหขึ้นมา
“มีอะไรก็โทษชั้นอย่างนั้นเหรอคุณบรรเจิด! ถ้าคุณยังอยู่ที่บ้าน ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้หรอก”
บรรเจิดชะงัก
จังหวะนี้ เดชพาแก้วตาเดินเข้ามาที่หน้าห้องทำงานบรรเจิด
ส่วนในห้องทำงาน อรทัยใส่บรรเจิดต่ออย่างมีอารมณ์
“ชั้นมาที่นี่ เพราะคิดว่ายัยฟ้ามาหาคุณ ชั้นไม่ได้มาหาเรื่องทะเลาะกับคุณ”
บรรเจิดกลุ้ม อรทัยจะเดินออก วิทย์เปิดประตูให้
เดชเดินนำแก้วตามาตามทาง ตรงมายังหน้าห้อง กำลังจะถึง พบว่าประตูเปิดอยู่แล้ว
อรทัยที่กำลังจะออกไปชะงัก หันหาบรรเจิด
“ชั้นว่า ที่ยัยฟ้าไม่ได้มาหาคุณ ก็เพราะแกคงฉลาดพอ ที่จะรู้ว่า คุณมันพึ่งพาไม่ได้”
บรรเจิดเสียวสันหลังวูบชะงักงันไป
เดชเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว แต่แก้วตายังไม่ถึง เดชเห็นอรทัยและวิทย์คาตา เดชชะงักตกใจ แก้วตามองอาการเดชก็ชะงักหยุดเดิน และทันได้ยินเสียงอรทัยเมื่อครู่ แก้วตาหน้าซีด
อรทัย วิทย์หันมองเดชที่ยืนอยู่หน้าห้อง
เดชใจเต้นโครมคราม แต่อรทัยไม่ได้สนใจเดช เพราะมัวทะเลาะกับบรรเจิด
“ขนาดลูกเมียคุณยังทิ้งมาได้ไม่เหลียวแล นับประสาอะไรกับหลาน!” อรทัยใส่อีกดอก
บรรเจิดโมโห ย้อนสวนกลับ “คุณอร! ที่ยัยฟ้าหนีหายไป เพราะบ้านมันร้อนจนอยู่ไม่ได้น่ะสิ” อรทัยชะงัก “ผมก็ออกมาแล้ว...นี่ยัยฟ้าก็หนีออกมาอีกคน ต่อไป คงเป็นตาวี! คุณจะไม่เหลือใครเลยคุณอร”
อรทัยจ้องบรรเจิดแค้นใจ ปึงปังออกไป วิทย์ตาม
เดชยืนหน้าเจื่อนอยู่ที่หน้าห้องคนเดียว อรทัยและวิทย์จ้องเดชแว้บหนึ่ง แล้วเดินเชิดออกไปทางลิฟต์
แก้วตายืนแอบมองอรทัยอยู่ที่บันไดหนีไฟ ใจเต้นระรัว ตกใจสุดขีด
ฟากปิ่นมณีอยู่ในห้องฝ่ายบุคคลออฟฟิศโชว์รูมรถ หล่อนมีท่าทางตกใจสุดขีด มองหน้าเจ้านายที่ท่าทางนิ่งๆ ดุๆ
“ดิฉันอธิบายได้นะคะ”
“คุณไม่ต้องแก้ตัว” ปิ่นมณีชะงักหน้าเจื่อน “ทำไมคุณปล่อยให้เรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานแบบนี้ นี่ดีเท่าไหร่แล้วที่ลูกค้าไม่แจ้งความ ว่าแฟนคุณทำร้ายร่างกายเค้า ไม่งั้นโชว์รูมเราได้เสียชื่อแน่” ปิ่นมณีอึ้งหัวหน้าย้ำคำ “ยังไงผมก็ต้องให้คุณออก”
ปิ่นมณีหมดหวัง เสียใจมาก นึกโกรธสุธาวีที่ทำให้เธอโดนไล่ออก
ครู่ต่อมาปิ่นมณีเดินออกมาที่หน้าห้องด้วยความเสียใจ แล้วเปลี่ยนเป็นเจ็บใจ ที่ตนเองมายุ่งกับสุธาวี จนกลายเป็นเรื่องแบบนี้
มือถือปิ่นมณีดังในจังหวะนี้ ที่หน้าจอ เห็นว่าเป็นสายจากปานผู้เป็นแม่ หล่อนชะงัก ทวีความหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
ปิ่นมณีกดรับ “มีอะไรอีกแม่”
ไม่นานต่อมาปิ่นมณีเดินหน้าเครียดเข้ามา เกือบถึงหน้าบ้านแล้ว หล่อนได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นมาจากในบ้าน
ปิ่นมณีรีบวิ่งเข้าไปที่บ้าน พบว่าข้าวของในบ้านกระจุยกระจายพังระเนระนาด นักเลงสองคนยืนถมึงอยู่
ปานมีท่าทางตกใจกลัว ปองพลโดนซ้อมจนทรุดร่วงไปแล้ว ส่วนพันเมาแอ่นอยู่ ไม่รู้เรื่องอะไร
ปานขอร้องกับนักเลง “พอแล้วๆ มีอะไรค่อยๆพูดกัน” แล้วหันเห็นปิ่นมณีพอดี “ปิ่น” หันกลับไปบอกนักเลง “นี่ไง ลูกสาวชั้นมาแล้ว ใจเย็นๆ”
ปิ่นมณีตกใจ “นี่มันอะไรกันน่ะแม่”
“เค้ามาทวงหนี้” ปิ่นมณีชะงัก “พอดีแม่ต้องใช้เงินเป็นค่าประกันงานใหม่ให้ไอ้ปองมัน แล้วก็ค่ากินค่าอยู่นี่แหละ โทร.หาแก แกก็ไม่รับ แม่เลยต้องไปยืมเงินคนอื่น”
ปิ่นมณีถอนใจ ทั้งหน่าย ทั้งเซ็ง ถามนักเลง “เท่าไหร่? เดี๋ยวชั้นใช้ให้”
ปิ่นมณีควักกระเป๋าตังค์มา เตรียมจะนับให้
นักเลง 1 บอกเสียงเข้ม “แสนสอง”
ปิ่นมณีตกใจ
“แม่! ทำไมแม่ยืมเค้ามาเยอะอย่างนี้”
ปานบอกจ๋อยๆ “มันก็รวมๆ ดอกเบี้ยด้วยน่ะ”
ปิ่นมณีเครียดหนัก บอกนักเลง
“ชั้นมีอยู่แค่สองหมื่น”
นักเลง 1 ดึงกระเป๋าไป ควักเงินออกมาหมด
“นี่จะถือว่าเป็นดอกเบี้ย! ส่วนที่เหลือ อาทิตย์หน้าชั้นจะมาเก็บ”
นักเลง 1 โยนกระเป๋าเปล่าคืนปิ่นมณี นักเลงสองคนออกไป
ปิ่นมณีหันหาพวกปาน “ทำไมถึงสร้างแต่เรื่อง!”
ปองพลบอกอย่างเห็นแก่ตัว “แกหุบปากไปเลยนังปิ่น! ถ้าแกให้เงินแม่ แม่จะต้องไปยืมคนอื่นไหม”
ปิ่นมณีเจ็บใจ
“ปิ่น...แกช่วยแม่หน่อยนะ แกก็ไปยืมแฟนแกมาสิ เห็นไอ้ปองบอกว่าคุณวีแฟนแกน่ะรวยไม่ใช่เหรอ”
พันอ้อแอ้ๆ ขึ้นมา “หมดเรื่องแล้วใช่ไหม..ขอเงินกินเหล้าหน่อย”
ปิ่นมณีกลุ้มหนัก ไม่รู้จะไปหาเงินมากขนาดนี้มาจากไหน
ปิ่นมณีนั่งกลุ้มใจอยู่ในรถ คับแค้นใจในโชคชะตา ปิ่นมณีร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
อีกฟากหนึ่งที่ห้องพักผู้ป่วยวีไอพี ของโรงพยาบาลศิวานอนอยู่บนเตียง ท่าทางดีขึ้นมาก ฟ้าใสกับศุวิลยืนอยู่ข้างเตียง ธวัชชัยอยู่ด้วย
ศิวารู้เรื่องแล้ว มองฟ้าใสด้วยสีหน้าสงสัย ฟ้าใสอึดอัด
“ฟ้ามีเรื่องอะไรจะบอกตา ไหนบอกว่ามาซิ”
ฟ้าใสอึกอักๆ ไม่กล้าเล่าเรื่องที่สุธาวีไล่ปล้ำตน หล่อนมองหน้าศิวานิ่งงันอยู่ ศุวิลมองหน้าฟ้าใส ส่งสายตาประมาณว่าให้ฟ้าใสพูดไปเลย
ฟ้าใสมองตอบศุวิล แล้วหันกลับไปหาศิวา แล้วเธอก็ตัดสินใจพูดมันออกมา แต่เบี่ยงประเด็น
“ฟ้าจะขออนุญาตคุณตาย้ายออกไปอยู่ข้างนอกค่ะ”
ศิวาชะงักสงสัยหนัก ธวัชชัยเองก็แปลกใจมาก
“ทำไมถึงจะต้องย้ายออกจากบ้าน มีอะไรฟ้า?” ศิวาซัก
ฟ้าใสอึกอัก ไม่อยากพูด
“ฟ้าทะเลาะกับคุณวีนิดหน่อยค่ะ”
ศุวิลชักอารมณ์เสียที่ฟ้าใสเอาแต่อ้ำอึ้ง เลยโพล่งออกมา
“มันปล้ำคุณขนาดนั้นไม่เรียกว่านิดหน่อยหรอก ถ้าผมไม่ไปเจอเข้าไม่รู้จะเป็นยังไง!”
ศิวาและธวัชชัยตกใจ มองลูกชาย แล้วจ้องหน้าฟ้าใส
“จริงเหรอฟ้า เจ้าวีมันปล้ำฟ้าเหรอ”
ฟ้าใสไม่อยากให้เกิดเรื่องใหญ่โต “คุณวีเค้าเมาน่ะค่ะ ตอนนี้ฟ้าก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ศิวาโมโห “ฟ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น เรื่องเจ้าวี ตาจะจัดการมันเอง”
“ให้ฟ้าไปเถอะนะคะคุณตา จะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาอีก”
ศุวิลขอร้องอีกแรง “ผมเห็นด้วยกับฟ้านะครับ คุณไม่ต้องห่วงฟ้านะ เดี๋ยวผมจะดูแลให้”
ฟ้าใสมองศิวาอย่างรอคำตอบว่าจะอนุญาตไหม
ศิวาเหนื่อยใจเรื่องสุธาวี พยักหน้าอย่างเหนื่อยล้าบอกเสียงอ่อนโยน
“พ่อฝากฟ้าด้วยนะลม”
ไม่นานหลังจากนั้น ศุวิลช่วยฟ้าใสถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมาหน้าคฤหาสน์เจนจรัสตระกูล ฟ้าใสหันมองคฤหาส์นเจนจรัสตระกูลอีกครั้ง ใจหาย หันจะเดินต่อ
เสียงสุธาวีดังขึ้น “ฟ้า”
ฟ้าใสกับศุวิลเหลียวมองไป เห็นสุธาวีเดินตามออกมา สุธาวีมีสีหน้ารู้สึกผิด ฟ้าใสทำหน้าไม่ถูก
“จะไปไหน”
ศุวิลเห็นสุธาวีแล้วไม่พอใจ นึกโกรธที่สุธาวีข่มเหงฟ้าใส
“จะถามทำไม แกก็รู้ว่าแกเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฟ้าเค้าต้องออกจากบ้าน จะให้ฟ้าอยู่รอแกเมาแล้วก็ทำอะไรบ้าๆ อีกหรือไง”
สุธาวีชะงักงันไปยิ่งรู้สึกผิด เขาหันไปหาฟ้าใส
“ชั้นไม่ได้ตั้งใจ ชั้นขอโทษ”
ฟ้าใสยังรู้สึกไม่ดีกับสุธาวีอยู่
“ค่ะ...”
ฟ้าใสหันหลังเดินออกไป ศุวิลมองตำหนิสุธาวีแล้วเดินไป สุธาวีมองตาม คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้
ด้านศิวานอนใช้ความคิดอยู่บนเตียงเรื่องที่ฟ้าใสต้องออกจากบ้านเจนจรัสตระกูลเพราะสุธาวี แล้วรู้สึกเครียด ธวัชชัยเห็นศิวาเครียดก็เป็นห่วง
“ท่านอย่าคิดมากนะครับ เดี๋ยวอาการจะทรุดลงอีก”
“เจ้าวีเมาแล้วมีเรื่องกับยัยฟ้าจนฟ้าต้องย้ายออกจากบ้าน จะไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง ธวัชชัย” ชายชราถอนใจ “ที่บ้านมีแต่เรื่องวุ่นวาย ไม่เคยสงบสุข ไม่รู้ก่อนชั้นตาย จะได้เห็นลูกหลานกลับมารักใคร่ปรองดองกันอีกไหม
ศิวาเครียดหนัก คิดมากจนอยู่ๆ อาการกำเริบปวดท้อง หายใจขัดขึ้นมา ธวัชชัยตกใจรีบเรียกพยาบาลทันที
“พยาบาล!”
ฟากอาภากำลังยืนคนต้มจืดในหม้ออยู่ในครัว เพื่อจะนำไปเยี่ยมไข้ศิวา สำลียืนดูอยู่ข้างๆ
“เดี๋ยวคุณศิวาได้ชิมต้มจืดฝีมือพี่ภา ของโปรด คุณศิวาต้องอาการดีขึ้นแน่ๆ” สำลีคิดเรื่องศุวิลและฟ้าใส ตัดสินใจเอ่ยขึ้น “พี่ภา...ชั้นเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเรื่องเจ้าลมกับหนูฟ้า มันชักจะยังไงยังไง”
อาภาเห็นด้วยกับสำลี นึกเอ็นดูฟ้าใส
“เรื่องของเด็ก ให้เค้าตัดสินใจกันเอง”
อาภายิ้มๆ ทันใดนั้นเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น สำลีกับอาภามองหน้ากัน
“สงสัยตาลมพาหนูฟ้ากลับมาจากเยี่ยมคุณศิวาแล้ว เดี๋ยวชั้นไปเปิดประตูเองจ้ะพี่ภา”
สำลีเดินออกไป
เป็นแก้วตายืนรออยู่ที่หน้าบ้านศุวิล ในมือถือกล่องเค้กส้มด้วย ท่าทางแก้วตาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เมื่อสำลีเดินออกมาที่หน้าบ้าน เห็นแก้วตายืนอยู่ก็ชะงัก
แก้วตาเห็นสำลีก็รีบยกมือไหว้ยิ้มอย่างอ่อนหวาน สำลีหน้าเจื่อนทำหน้าไม่ถูก เพราะเห็นกับตาว่าแก้วตาเป็นเมียน้อยของบรรเจิด
ต่อจากนั้น แก้วตา สำลี และอาภา นั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขกของบ้าน แก้วตาส่งกล่องเค้กให้อาภา
“แก้วทำเค้กส้มมาฝากทุกคนด้วยนะคะ แก้วต้องขอโทษอีกครั้งนะคะที่ย้ายไปแล้วไม่ได้ลา...ญาติแก้วป่วย แก้วเลยต้องไปดูแล”
อาภาและสำลีชะงักงันกันไป เพราะรู้ว่าแก้วตาโกหก ที่ต้องไปเพราะเมียหลวงตามราวีต่างหาก
“แล้วคุณลมไม่อยู่เหรอคะ”
สำลีชะงัก ประเมินอาการแล้วรู้ทันทีว่าแก้วตาคิดอะไรกับศุวิล
“ตาลมไปทำงาน ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ ไม่ต้องรอหรอกจ้ะ”
ศุวิลเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าฟ้าใสเข้ามา
“อ้าว คุณแก้ว”
แก้วตายิ้มหวาน
“คุณลมคะ..แก้ว...”
ฟ้าใสเดินตามศุวิลเข้ามา แก้วตาชะงักอึ้ง ตะลึงไป ฟ้าใสเห็นแก้วตาก็ชะงักเหมือนกัน ศุวิลหันมาหาอาภา
“แม่ ผมพาฟ้าเค้าไปเก็บเสื้อผ้ามาแล้ว ยังไงเดี๋ยวผมจะพาฟ้าออกไปหาอพาร์ทเม้นต์อยู่เลยนะครับ”
“หาที่ดีๆ เอาที่มันปลอดภัยๆนะลม” อาภาหันมาทางฟ้าใส “ค่อยๆดูไปนะหนูฟ้า ถ้ายังหาที่พักดีๆไม่ได้ ค้างต่อที่บ้านน้าอีกก็ได้นะลูก”
แก้วตาได้ยินว่าฟ้าใสมาค้างบ้านศุวิลเมื่อคืนก็ตกใจ
แก้วตาอยู่กับฟ้าใสที่มุมหนึ่งในบ้านของศุวิล แค่สองคนคุยกันเสียงเบา
“ฟ้า...เมื่อคืนทำไมฟ้ามาค้างที่บ้านคุณลมล่ะ”
ฟ้าใสตึงๆ ใส่ นึกถึงเรื่องที่แก้วตาเป็นเมียน้อยอาตน “ชั้นมีเรื่องนิดหน่อย”
แก้วตามองๆ ฟ้าใส รู้สึกกังวล บรรเจิดบอกว่าฟ้าใสรู้เรื่องที่หล่อนเป็นเมียน้อยเขา แล้วฟ้าใสจะบอกเรื่องนี้กับบ้านศุวิลหรือเปล่า?
“ฟ้า...ฟ้ายังไม่ได้บอกใครเรื่องแก้วกับคุณบรรเจิดใช่ไหม”
พออีกฝ่ายพูดเรื่องเป็นเมียน้อยบรรเจิดขึ้นมา ฟ้าใสก็รู้สึกเหนื่อยใจ มองหน้าแก้วตาแล้วก็ถอนใจ
“เธอสบายใจได้นะแก้ว..ยังไงชั้นก็ไม่พูด ชั้นรับปากอาชั้นไว้แล้ว”
แก้วตาได้ยินก็ดีใจที่ฟ้าใสยังไม่ได้บอกเรื่องเธอเป็นเมียน้อยบรรเจิดกับบ้านศุวิล โดยไม่รู้ว่าอาภากับสำลีรู้แล้ว มีคนเดียวที่ไม่รู้คือศุวิล แก้วตารีบเล่นบทน่าสงสารทันที
“ฟ้า...ฟ้าจะโกรธชั้นก็ได้นะ ที่ชั้นปิดบังเรื่องนี้ฟ้ามาตลอดเพราะชั้นแคร์ฟ้า...ชั้นไม่อยากให้ฟ้ามองชั้นในแง่ไม่ดี...แต่บางทีชีวิตคนเรามันก็ไม่มีทางเลือกนะฟ้า ฟ้าเข้าใจชั้นนะ”
ฟ้าใสมองแก้วตา ผิดหวังในตัวเพื่อน แก้วตารีบบีบน้ำตา จนฟ้าใสใจอ่อน พยักหน้า
“ขอบใจมากนะฟ้า”
ฟ้าใสส่งทิชชู่ให้ ศุวิลเดินมา เห็นแก้วตาร้องไห้ก็ชะงัก งงๆ
“มีอะไรกันเหรอ? เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณแก้ว”
แก้วตาส่ายหน้า ศุวิลหันหาฟ้าใส
“ฟ้า รีบไปหาอพาร์ทเม้นต์กันดีกว่า”
ฟ้าใสพยักหน้ารับ ลุกเดินออกไปกับศุวิล แก้วตามองตามฟ้าใสกับศุวิลในใจคิดแค้น บอกตัวเองว่าเดี๋ยวฟ้าใสจะต้องเจอพายุลูกใหญ่แน่
เพราะหล่อนจะเอาเรื่องฟ้าใสมาค้างบ้านศุวิลไปฟ้องปิ่นมณี!
ทางด้านปิ่นมณีปิดลิ้นชักข้างเตียง หยิบกล่องสร้อยเพชรที่สุธาวีให้มา เปิดกล่อง มองสร้อยเพชรแล้วลูบ...ครุ่นคิดว่าหากขายทิ้ง ก็คงมีเงินอีกก้อนใหญ่..
ปิ่นมณีสวมสร้อยเพชร คิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้าย...หล่อนมองตนเองในกระจก
หวนคิดไปถึงตอนที่ได้สร้อยเพชรมา ตอนมีเฮลิคอปเตอร์ลงมาจอดรับตรงหน้าไปดินเนอร์หรู
ปิ่นมณีมองภาพสะท้อนตนเองในกระจก มองสร้อยสวยที่สวมก็ยิ่งเสียดาย หล่อนทอดถอนใจ ละสายตาจากกระจก
หยิบมือถือขึ้นมา ตัดสินใจกดโทรหาใครคนหนึ่งทันที
“ฮัลโหล...พี่นวลว่างไหมคะ? ปิ่นมีเรื่องจะรบกวน”
ต่อมาไม่นานปิ่นมณีแต่งหน้าแต่งตัวสวยจัดงามตา นั่งเฉิดฉายอยู่ในล็อบบี้โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แม้ยามนี้หล่อนจะตกที่นั่งลำบาก จนตรอกเข้าทุกที แต่ยังไงก็ต้องดูสวยงามเสมอ
นวลเดินเยื้องย่างเข้ามานั่งลงอย่างไว้ท่า มองปิ่นมณียิ้มๆ
“ยังไงยะเนี่ย อยู่ๆ ก็โทร.หา”
ปิ่นมณีทำหน้าลำบากใจ
“มีลูกค้าให้ปิ่นบ้างไหมคะ”
นวลหัวเราะน้อยๆ อย่างเป็นต่อ “ชั้นว่าแล้วเชียว..เฮ้อ ..ตอนน้ำขึ้นก็ไม่รีบตัก จะมาตักอะไรเอาตอนที่มันแห้งแล้ว...” ปิ่นมณีชะงัก “ลูกค้าดีๆ ที่จะมีเงินมาจ่ายให้เราคืนละแสนสองแสนน่ะ ไม่ได้หาง่ายๆหรอกนะ ตอนที่มี พี่ก็อุตส่าห์แนะนำเรา แต่เราดันท่ามากอยู่ได้ ทีนี้ล่ะจะมาถามหางาน
ปิ่นมณีถอนใจรำคาญความเยอะของแม่เล้าไฮโซ “ไม่มีเลยเหรอพี่”
“ไม่มีหรอก ส่วนมากลูกค้าเค้าก็มีขาประจำของเค้าอยู่แล้ว....ตอนที่มีลูกค้าติดเธอ เธอดันเชิดใส่ เป็นไงล่ะยะ”
ปิ่นมณีอึ้ง ผิดหวัง
“ปิ่น พี่จะบอกอะไรให้นะ...ผู้หญิงเราน่ะ ถึงจะมีของดีอยู่กับตัว แต่มันก็มีวันสึกหรอ มีวันหมดอายุนะจ๊ะ...รีบใช้งานเข้า” ปิ่นมณีชะงักครุ่นคิดตาม “มีผู้ชายจากเจนจรัสตระกูลอยู่ในมือตั้งสองคน จับไว้ให้ได้สักคนสิ..จะได้สบาย”
ปิ่นมณีคิดหนักท่าทีลังเลระหว่างศุวิลกับสุธาวี ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะเลือกใคร แต่เพราะ ตอนนี้เหมือนทั้งสองคนจะค่อยๆ หลุดมือหล่อนไปแล้ว
ขณะปิ่นมณีขึ้นรถมา มือถือดัง ที่หน้าจอ เห็นว่าเป็นแก้วตาโทร.มา ปิ่นมณีชะงักกดรับ
“มีอะไรแก้ว”
แก้วตาคุยสายพูดอ้อมๆ เรื่องฟ้าใส เป็นการหยั่งเชิง
“ปิ่น ปิ่นติดต่อฟ้าบ้างหรือเปล่า ไม่รู้ฟ้าเค้ามีปัญหาอะไร เห็นว่าออกจากบ้าน”
ปิ่นมณีหงุดหงิด ตัดบท “ไม่ได้ติดต่อ แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวสิปิ่น...ชั้นเป็นห่วงฟ้าจังเลย ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร เห็นว่าไปค้างบ้านคุณลมด้วย”
ปิ่นมณีชะงัก “อะไรนะ”
ปิ่นมณีขับรถแทบจะบินมา เลี้ยวเข้ามาจอดที่ในโรงเรียนของฟ้าใสอย่างเร็ว ก้าวลงรถมาท่าทางโกรธมาก หล่อนเดินจ้ำเข้าไปในอาคารเรียน
ฟ้าใสกำลังสีไวโอลิน สอนเด็กๆ อยู่ในห้องเรียน
“พูดกันไม่รู้เรื่องใช่มั้ยฟ้า”
ฟ้าใสหันไปเห็นปิ่นมณีเดินเข้าห้องมา ท่าทางโกรธ เด็กๆ ก็ตกใจกันไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น
“ปิ่น”
“หึ ยังจำชื่อเพื่อนคนนี้ได้อีกเหรอ...ถ้าจำได้ แล้วทำไมไม่จำด้วยว่าผู้ชายที่เธอยุ่งด้วยน่ะมันแฟนเพื่อน!”
เด็กๆ งง ฟ้าใสเห็นเด็กๆ ตกใจแล้วก็งงกัน
“ปิ่น ออกไปคุยข้างนอก”
ฟ้าใสจะดึงปิ่นมณี ออกไป แต่ปิ่นมณีสะบัดออก
“ทำไมอายเหรอ ไม่อยากให้ลูกศิษย์รู้เหรอว่าแย่งแฟนเพื่อน”
ฟ้าใสดึงปิ่นมณีออกไปเลย เด็กๆ ฮือกันว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่มุมหนึ่งในโรงเรียนสอนดนตรีฟ้าใส ปิ่นมณีกับฟ้าใสทะเลาะกันอยู่ตรงนั้น
“เธอเข้าใจผิดแล้วนะปิ่น ชั้นไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับลม”
“ไม่ได้ยุ่ง แล้วทำไมไปนอนบ้านเค้า”
ฟ้าใสอึ้ง งงว่าปิ่นมณีรู้ได้ยังไง
“ร้ายมากนะ เห็นหน้าตาซื่อๆ นี่เข้าหาผู้ชาย ไปค้างกับผู้ชายถึงในบ้านเค้าเลยเหรอ”
“เธอเข้าใจผิดปิ่น ชั้นไม่สบาย ลมเค้าเลยไปช่วยชั้นไว้”
“พอเหมาะพอเจาะจังเลยนะ พอเธอไม่สบาย เค้าก็เข้าไปช่วย พูดไม่รู้เรื่องเหรอไงฟ้า” ปิ่นมณีจับแขนฟ้าใสอย่างแรง “ชั้นบอกให้เธอเลิกยุ่งกับลม ของของเพื่อนจะเอาให้ได้เลยใช่มั้ย”
ศุวิลเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นพอดี ปิ่นมณีตกใจ
“ปล่อยฟ้านะปิ่น”
ปิ่นมณีไม่สน หันไปจ้องหน้าฟ้าใสอย่างเอาเรื่อง
ศุวิลเดินเข้ามา แกะมือปิ่นมณีออกจากแขนฟ้าใส
“คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะปิ่น ผมจะรักจะชอบจะคุยกับใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งนั้น คุณลืมไปแล้วเหรอว่า เราเลิกกันแล้ว!”
“ลม” ปิ่นมณีอึ้ง
“คุณเลือกเดินออกไปจากชีวิตผมแล้ว...อย่ากลับมาทำให้ผมต้องเสียใจอีกเลยนะ”
ศุวิลจูงฟ้าใสออกไปจากห้อง เดินลับตาไป ปิ่นมณีมองตามทั้งสองคนไปอย่างหมดแรง หมดหวังจากศุวิลแล้ว
คืนนั้น ปิ่นมณีขับรถเอื่อยๆ เข้ามาจอดในลานจอดรถคอนโดที่พัก ปิ่นมณีนั่งนิ่งๆ ครุ่นคิดหนักอยู่ในรถ หล่อนมีปัญหากับสุธาวีจนต้องตกงาน ส่วนศุวิลนั้นก็หลุดลอยไปแล้วจริงๆ ปิ่นมณีมีท่าทีหมดแรง สิ้นหวัง
คำพูดศุวิลก้องในหู “คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะปิ่น ผมจะรักจะชอบจะคุยกับใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งนั้น คุณลืมไปแล้วเหรอว่า เราเลิกกันแล้ว!”
ปิ่นมณีถอนใจ ลงรถเข้าคอนโดไป
ขณะที่ปิ่นมณีเดินเข้ามา มัวครุ่นคิดด้วยความสิ้นหวัง ไม่ทันได้มองว่าใครนั่งอยู่แถวล็อบบี้ จนเสียงเรียกดังขึ้น
“ปิ่น”
ปิ่นมณีชะงัก หันเห็นสุธาวีที่นั่งรออยู่ ลุกขึ้นเดินมาหาหล่อน
“คุณวี”
ปิ่นมณีงงว่าสุธาวีมาหาด้วยเรื่องอะไร
สองคนอยู่ในห้องพัก ปิ่นมณีเอาน้ำมาให้สุธาวีที่นั่งอยู่หน้าเครียดๆ แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปที่วิวข้างนอก แล้วพูดกับสุธาวี
“คุณมาหาชั้น มีอะไรเหรอคะ คุณวี”
สุธาวีฟังแล้วใจหายกับคำถามของปิ่นมณี แม้เจ็บ แต่ก็พยายามแข็งใจ สงบนิ่ง เขาค่อยๆ บอก
“ผมไปหาคุณที่โชว์รูมมา เค้าบอกว่าคุณถูกไล่ออก...ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเดือดร้อน”
ปิ่นมณีเหลียวมามอง สุธาวีที่มีทีท่าอ่อนลง สำนึกผิด ไม่ฉุนเฉียว ปิ่นมณีคิดหาทางดึงสุธาวีกลับ
“ไม่หรอกค่ะ มันเป็นความผิดชั้นเอง ที่ชั้นทำให้คุณเชื่อใจชั้นไม่ได้”
“ไม่ใช่ความผิดคุณ ตั้งแต่เราสองคนคบกัน ก็มีแต่ปัญหาอย่างที่คุณว่าจริงๆ ผมคงไม่รั้งคุณไว้อีกแล้ว”
ปิ่นมณีตกใจ
“ถึงตอนนี้ผมจะเป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ ของนึงของเดอะกลอรี่ แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณเดือดร้อน คุณบอกผมได้นะปิ่น..ถึงเราจะไม่ได้คบกันแล้ว...แต่ผมหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
สุธาวีมองปิ่นมณีอย่างอาลัยอาวรณ์ พยายามแข็งใจจะเดินออกไป ปิ่นมณีรีบคิดแผน เธอจะไม่มีวันปล่อยให้สุธาวีหลุดลอยไปง่ายๆ แบบนี้แน่
“เดี๋ยวค่ะคุณวี”
สุธาวีชะงักค้าง
“ก่อนที่คุณจะไป ชั้นมีของบางอย่างจะคืนคุณ”
ปิ่นมณีเดินนำสุธาวีเข้าไปในห้องนอน สุธาวีเดินตาม ปิ่นมณีค่อยๆ เปิดลิ้นชักข้างเตียง หยิบกล่องสร้อยเพชรขึ้นมา ยื่นคืนสุธาวีน้ำตาคลอๆ
“ถ้าให้ชั้นเก็บมันไว้ ชั้นคงคิดถึงคุณ...คุณเอาคืนไปเถอะ”
สุธาวีชะงักงัน อึ้งๆไป เขาไม่รับกล่องสร้อยเพชรที่ปิ่นมณียื่นมาให้
“คุณเก็บไว้เถอะปิ่น อะไรที่ผมให้คุณแล้ว ผมไม่เอาคืน”
สุธาวีหมายถึงความรักที่เขามีต่อปิ่นมณีด้วย
ปิ่นมณีได้ยินสุธาวีพูดอย่างนี้ ก็ยิ่งคิดว่าลงล็อค สุธาวีไม่มีทางหมดเยื่อใยกับเธอง่ายๆ หรอก
“อย่าเลยค่ะ..ยิ่งเห็นมัน ชั้นก็ยิ่งคิดถึงเรื่องเก่าๆ ของเรา ถ้าคุณตัดสินใจจะไป ชั้นเองก็คงไม่กล้ารั้งคุณไว้ แต่ขอให้คุณรู้ไว้ว่า คุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของชั้น และชั้นก็คงรักใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากคุณ”
สุธาวีนิ่งงันไป ปิ่นมณีน้ำตาไหล สุธาวีมองปิ่นมณีที่แววตาเศร้าๆ เขาไม่เคยเห็นปิ่นมณีเป็นแบบนี้ สุธาวีเห็นความอาลัยอาวรณ์ของแววตาของปิ่นมณี
สุธาวีมองหน้าปิ่นมณีนิ่งนาน เขาตัดใจจากปิ่นมณีไม่ได้จริงๆ สุธาวีหยิบกล่องสร้อยเพชรจากมือปิ่นมณี วางที่โต๊ะข้างเตียง แล้วหันมาประคองใบหน้าปิ่นมณีไว้ด้วยสองมือ
สุธาวีซึ้งจูบปิ่นมณีแผ่วเบาละมุนละไม ก่อนจะถอนจูบมองหน้าปิ่นมณีด้วยความชื่นใจ
เขาดึงหล่อนเข้ามากอดไว้แนบแน่น รู้สึกมีความสุข ที่ได้ปิ่นมณีกลับคืนมา
ปิ่นมณียิ้มในสีหน้า ทั้งโล่งใจ และมั่นใจว่าหล่อนได้สุธาวีกลับคืนมาแล้ว
อ่านต่อตอนที่ 12