กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 13
ตะวันวิ่งออกมาจากโรงแรม แล้วก็ต้องหยุดยืนหอบ เพราะไม่เห็นชายลึกลับแล้ว มองไปทางไหนก็ไม่เจอ ตะวันแปลกใจมาก อุษาวดีวิ่งกระหืดกระหอบตามมา
“คุณตะวัน เจอตัวมั้ยคะ”
ตะวันหันมาแล้วส่ายหน้า
“ไม่รู้หายไปไหน”
อุษาวดีพูดไปหอบไป
“แย่จังเลยนะคะ โรงแรมใหญ่โตขนาดนี้ ปล่อยให้มีโจรขโมยเข้ามาได้ยังไง แบบนี้ต้องร้องเรียนแล้วนะคะ”
ตะวันนิ่ง รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
ทางด้านโรสริน ข้อเสนอของเดชาทำให้เธอถึงกับกอดอก สีหน้าไม่กลัวใดๆ
“คิดว่าคำขู่แค่นี้ จะทำให้ฉันกลัว แล้วทำตามที่คุณบอกงั้นเหรอ ตอนนี้คุณเป็นนักโทษหนีคดี คุณไม่มีสิทธิ์มาต่อรองอะไรกับฉันทั้งนั้น” เดชายังเงียบ “ในเมื่อฉันหาทางออกให้คุณ แต่คุณไม่รับ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็คงต้องทำในสิ่งที่ควรทำ” เดชามองโรสริน โรสรินหยิบมือถือออกมา “ฉันจะโทรบอกตะวันว่าเจอตัวคุณแล้ว”
เดชาไม่ห้าม สีหน้ามั่นใจมากกว่าตัวเองจะไม่เป็นอะไร โรสรินกดโทรหาตะวัน ไม่นานปลายสายรับ
“ตะวัน” โรสรินฟัง อึ้ง ตกใจ “ไม่ใช่ตะวัน คุณเป็นใคร”
ทันใดนั้นเดชากระชากมือถือมาจากโรสริน โรสรินตกใจ
“คนอย่างเดชา ไม่มีคำว่าแพ้” โรสรินอึ้ง “ถึงผมจะเป็นนักโทษหนีคดี แต่ก็ใช่ว่าผมจะจนหนทาง ลูกน้องเก่าของพ่อผม ยังมีอยู่มากมาย ทุกมุมเมือง”
โรสรินหวาดกลัวทันที
“คุณจะทำอะไรตะวัน”
“ถ้าคุณไม่ทำตามผม ผมจะบอกให้คนในสาย ปลิดชีพไอ้ตะวันเดี๋ยวนี้”
โรสรินใจหายวาบ
“เลว ทำไมคุณถึงได้เลวแบบนี้”
“เพราะไอ้ตะวันไงล่ะ มันทำให้ผมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงเวลาที่มันต้องได้รับการชดใช้ คิดให้ดีนะครับคุณโรส” โรสรินเงียบ ลังเล สับสน “ถ้าคุณเลือกที่จะปฏิเสธ ก็อย่าเสียใจ”
เดชาเอามือถือมาแนบหูกำลังจะพูด โรสรินรีบพูด
“ตกลง ฉันตกลง”
เดชามีสีหน้าพอใจ
คืนนั้นที่บ้านโรสริน ณรงค์มองหน้าตะวันสีหน้าสงสัย
“แน่ใจนะว่าไม่ได้ทะเลาะกัน”
“ครับ ผมกับโรสรินไม่ได้มีปัญหากันจริงๆ”
“งั้นก็น่าแปลก ที่อยู่ดีดี ยัยโรสจะหายไปดื้อๆ แบบนี้ มันผิดวิสัยอยู่นา”
“ผมถึงเป็นห่วงอยู่นี่ไงครับ”
พูดไม่ทันขาดคำ เสียงรถดังขึ้น ตะวันกับณรงค์หันไปมอง
“สงสัยยัยโรสจะกลับมาแล้ว”
ทั้งคู่เดินออกไป
ตะวันกับณรงค์เดินออกมา โรสรินกำลังจะเดินมาที่บ้าน ทันทีที่เห็นตะวันก็อึ้ง ทำหน้าไม่ถูก ตะวันดีใจมาก รีบเดินไปจับมือ
“คุณหายไปไหนมา ผมเป็นห่วงมากนะ”
โรสรินดึงมือออกช้าๆ
“ฉันขอตัวไปนอนก่อน รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
โรสรินตัดบทแล้วเดินเข้าไปในบ้านทันที ทำเอาตะวันกับณรงค์งง
“อาการแบบนี้ ไม่ธรรมดา ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ”
ตะวันมองสงสัย แล้วก็คิด
เมื่อเข้ามาในห้อง โรสรินนั่งพิงประตูห้อง หมุนแหวนที่นิ้ว สีหน้าแย่มาก นึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เดชาพูด
“ผมต้องการให้คุณคบกับผม อย่างคนรักกัน ถ้าคุณยอม ผมจะปล่อยตะวันไป แต่ถ้าคุณไม่ยอม ผมสัญญาว่าผมจะทำทุกอย่าง ทำทุกหนทางเพื่อไม่ให้มันได้หายใจอีกต่อไป ว่าไง คุณโรสริน คุณจะเลือกแบบไหน”
โรสรินน้ำตาไหล สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ก้มมองแหวนที่ตะวันให้นึกย้อนกลับไป
“เป็นผู้หญิงของผมนะโรสริน” โรสรินมองหน้าตะวันอย่างคาดไม่ถึง “ถ้าคุณพร้อมและมั่นใจในตัวผม คุณค่อยให้คำตอบผมก็ได้ แต่ตอนนี้ผมขอใช้แหวนวงนี้เป็นตัวแทนความรู้สึกที่เรามีให้แก่กัน”
โรสรินน้ำตาหยดใส่แหวน กุมมือข้างที่มีแหวนแน่น แล้วก็ร้องไห้ออกมา
เสียงเคาะประตูดังขึ้น โรสรินสะดุ้ง หันไปมอง เสียงตะวันดังเข้ามา
“เปิดประตูให้ผมทีสิครับ”
โรสรินชะงัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองประตู พยายามไม่ส่งเสียงสะอื้น ตะวันยังเคาะประตู ณรงค์ยืนอยู่ด้วย
“โรส โรสครับ โรส” โรสรินพยายามห้ามใจไม่เปิดประตู เสียงตะวันยังดังเข้ามา “คุณไม่สบาย หรือว่าเป็นอะไร ผมเป็นห่วง”
โรสรินพยายามกลั้นน้ำตาและประคองเสียงไม่ให้สั่น
“ฉันไม่สบายแค่นิดหน่อย ทานยาแล้ว นายกลับไปเถอะ”
ตะวันกับณรงค์มองหน้ากัน
“ถ้ารู้สึกไม่ดี ก็ไปหาหมอนะลูก” ณรงค์บอก
“ค่ะ”
ตะวันเอามือจับประตู
“มีอะไรโทรหาผมได้นะ”
โรสรินกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แล้วก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากเพราะกลัวตะวันจะได้ยินเสียง โรสรินก้มหน้า ทรุดลงนั่ง สะอื้นไม่หยุด
ณรงค์เดินออกมาส่งตะวันที่สีหน้ากังวลใจ ณรงค์มองอย่างรู้ทัน ตบบ่าตะวัน
“เอ็งไม่ต้องห่วง ข้าจะคอยดูให้เอง”
ตะวันถอนใจ
“ครับ ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้า”
ณรงค์พยักหน้า ตะวันไหว้ลาณรงค์แล้วเดินออกไป
โรสรินยังนั่งนิ่ง พลันเสียงมือถือดังขึ้น โรสรินลุกเดินไปหยิบมือถือ พอเห็นชื่อ “เดชา” ก็ชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกดรับสาย
“มีอะไร”
“คุณนี่เล่นละครไม่เก่งเอาซะเลย”
โรสรินนิ่วหน้า
“หมายความว่าไง”
“ดูที่นอกหน้าต่าง” โรสรินแปลกใจ แต่ก็ยอมเดินไปที่ริมหน้าต่าง มองไปที่หน้าประตูรั้วบ้าน เห็นลูกน้องเดชายืนอยู่ โรสรินตกใจ “เห็นคนของผมแล้วใช่มั้ย”
โรสรินไม่พอใจ
“คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ คุณกำลังละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของฉัน”
“ผมมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวคุณ นับตั้งแต่วันนี้ จำไว้” โรสรินหน้าเสียอย่างแรง “คุณต้องทำยังไงก็ได้ ไม่ให้ไอ้ตะวันมันมายุ่งกับคุณ เพราะไม่ใช่แค่คุณ ที่มีคนของผมคอยจับตาดู ไอ้ตะวันก็มีเหมือนกัน ต่อไปนี้ ถ้าคุณทำผิดข้อตกลงที่ให้กับผม ชีวิตไอ้ตะวัน จบ”
โรสรินอึ้งมาก พยายามตั้งสติ
“เรื่องนี้ต้องใช้เวลา”
“เวลาของผม เหลือไม่มาก”
โรสรินหน้าแย่มาก แทบทรุดลงไปกองกับพื้น
เดชากดวางสาย สีหน้าเจ็บปวดไม่แพ้โรสริน
“ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะผมเสียคุณไปไม่ได้”
เดชาถอนหายใจ
เช้าวันถัดมา ณรงค์ยืนถือถาดข้าวต้ม เคาะประตูห้องโรสริน
“ตื่นเหรอยังลูก ปู่เอาข้าวต้มกุ้งร้อนๆ มาให้” ณรงค์เคาะประตู “ก๊อกๆ เปิดประตูให้ปู่ทีเร้ว ข้าวต้มน่ากิ๊นน่ากิน”
ในห้องยังเงียบ จนณรงค์แปลกใจ ไม่นานแม่บ้านเดินมา
“คุณหนูออกไปข้างนอกแล้วค่ะ”
ณรงค์หันมา แปลกใจ
“ไปไหน”
“ไม่ได้บอกค่ะ แต่ให้อีฉันตัดดอกไม้ในสวนแล้วใส่แจกันให้ด้วยค่ะ”
ณรงค์รู้ทันทีว่าโรสรินไปไหน
ภายในวัด โรสรินวางแจกันดอกไม้ตรงหน้าป้ายหลุมศพพ่อกับแม่ ก่อนจะลุกขึ้นยืน สีหน้าอิดโรยเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน
“โรสอยากให้พ่อกับแม่อยู่กับโรสตอนนี้ด้วยจังเลยค่ะ โรสไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจถูกรึเปล่า โรสรู้ว่าตะวันจะต้องเสียใจ แต่ถ้าโรสไม่ทำ ตะวันอาจจะ อาจจะไม่มีชีวิตอยู่ และโรสก็คงจะทำใจไม่ได้ หากต้องสูญเสียคนที่โรสรักไปอีก”
โรสรินพูดแล้วก็ร้องไห้ เธอกำมือแน่น “โรสจะทำยังไงดี จะทำยังไงดีคะ”
โรสรินก้มหน้าร้องไห้ ทันใดนั้นเสียงตะวันดังขึ้น
“โรส” โรสรินผงะที่ได้ยินเสียงตะวัน เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็รีบปาดน้ำตา แต่ไม่กล้าหันไป จนกระทั่งตะวันมาหยุดยืนข้างหลัง “คุณปู่ของคุณ บอกว่าคุณมาที่นี่ ผมก็เลยตามมา ผมห่วงคุณ คุณดูแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อวาน” โรสรินยังไม่หันหน้ากลับมา ยังไม่อยากมองหน้าตะวัน เพราะไม่รู้จะทำยังไง จึงขอเวลาอีกซักนิด ตะวันจับไหล่โรสริน “โรสครับ”
โรสรินนิ่ง ถอนหายใจ กำมือแน่น แล้วก็พูดเสียงแข็ง
“เอามือออกไป” ตะวันชะงักกับน้ำเสียงของเธอ โรสรินตัดใจ ถอดแหวนออกจากนิ้ว และหันไปทางตะวัน พยายามไม่ร้องไห้ และกลับมาเป็นโรสรินคุณหนูขาวีนเหมือนเดิม “และเอาแหวนของนายคืนไปด้วย”
ตะวันนิ่วหน้า
“ผมไม่เข้าใจ”
โรสรินทำท่าทางและน้ำเสียงแย่ๆ
“นี่ยังไม่ตาสว่างอีกเหรอ โอเค พูดตรงๆ เลยนะ เรื่องระหว่างเราที่เกิดขึ้นที่ทะเล มันไม่เป็นความจริง ฉันแกล้งทำ เพราะต้องการเอาคืนที่นายทำกับฉันไว้อย่างเจ็บแสบตอนที่ฉันอยู่ไร่”
“คุณอำได้เก่งมาก แต่เสียใจด้วยที่คุณทำไม่สำเร็จ เพราะผมไม่เชื่อ”
“ฉันไม่ได้อำ ฉันพูดความจริง”
“เลิกเล่นได้แล้ว”
ตะวันคว้ามือโรสริน เธอสะบัดมือตะวันอย่างแรง ทำเอาตะวันตกใจ
“พูดจาไม่รู้เรื่องรึไง”
ตะวันอึ้งมาก
“คุณเป็นอะไรของคุณ”
โรสรินทำท่ารำคาญ
“ก็บอกไปแล้วยังจะถามอะไรอีก เอาแหวนสั่วๆ ของนายคืนไป แหวนแบบนี้คุณหนูอย่างฉันไม่มีทางใส่” เธอ ยื่นแหวนไปตรงหน้า แต่ตะวันยังนิ่งมองอย่างอึ้ง “เอาไปสิ เอาไป” ตะวันยังไม่รับ โรสรินปาแหวนใส่ตะวัน ตะวันอึ้งตะลึงงัน “นายรู้ตัวมั้ยว่านายมันน่ารำคาญมากแค่ไหน ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
รสรินเดินออกไป ทันทีที่เดินออกไป ก็ร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้นได้อีก ตะวันยังอึ้งไม่หาย พอได้สติ ก็เก็บแหวนบนพื้นขึ้นมา แล้วก็รีบหันหลังตามโรสรินไปทันที
โรสรินรีบจ้ำเดินออกมาที่ลานจอดรถ ตะวันเร่งฝีเท้าตามมาติดๆ
“โรส”
โรสรินได้ยินเสียงตะวัน ไม่หยุดเดิน ไม่หันไป ตะวันตามมาจับแขนโรสรินเอาไว้ เธอชะงัก แต่ไม่หันหน้าไป กลัวตะวันเห็นว่าเธอร้องไห้
“ผมไม่ให้คุณไป จนกว่าเราจะพูดกันให้เข้าใจ”
“ฉันพูดไปหมดทุกอย่างแล้ว ฉันจะไม่พูดอีก”
“สิ่งที่คุณพูดมา คุณโกหก ผมไม่เชื่อว่าคุณจะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ทะเล”
โรสรินไม่หันมา
“นายคิดว่าฉันรักนายจริงๆ งั้นเหรอ” ตะวันผงะ ปล่อยมือจากแขนโรสริน “คิดดูให้ดี คนที่เพียบพร้อมอย่างฉัน จะรักผู้ชายที่ไม่มีอะไรอย่างนายได้ยังไง นายนี่มันโง่จริงๆ นายตะวัน”
เธอพูดเองก็เจ็บปวดเอง
“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ”
โรสรินหันมาจ้องหน้าตะวันตาแข็งกร้าว
“เชื่อซักทีเถอะตะวัน นายถูกฉันหลอกแล้ว “
โรสรินแค่นยิ้ม แล้วก็เดินไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป ทิ้งให้ตะวันยืนอยู่ลำพัง สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน ไม่อยากเชื่อ ในสิ่งที่ได้ยิน
โรสรินขับรถมาตามทาง พลางร้องไห้มาด้วย แล้วก็ขับต่อไปอีกไม่ไหว เธอตัดสินใจเอารถจอดข้างทางแล้วร้องไห้อย่างรู้สึกผิดและสงสารตะวัน
“ตะวัน ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ”
เธอก้มหน้ากับพวงมาลัยร้องไห้
ตะวันกลับมาที่โรงแรม น้ำค้างกับแย้มองตะวันด้วยความตกใจ
“พี่โรสขอเลิกกับพี่ตะวัน”
“ทำไมอ่ะลูกพี่ วันก่อนยังเห็นสวีทหวานกันอยู่เลย”
“พี่ไม่รู้ แต่พี่ไม่เชื่อว่าโรสต้องการที่จะเลิกกับพี่ มันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น”
“แล้วอะไร” น้ำค้างหันไปทางแย้
“นั่นสิ แล้วอะไร”
แย้หันไปอีกทาง แต่ไม่เจอใคร ก็สะดุ้ง ตะวันมองน้ำค้างกับแย้
“เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกให้ปู่ณรงค์กับปู่ชาญรู้ พี่ไม่อยากให้ท่านสองคนเป็นห่วง”
“ค่ะ”
“แย้จะรูดซิบปากให้สนิทเลยครับ”
ตะวันทอดถอนหายใจ
ภายในห้องทำงานณรงค์ ณรงค์แทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่ม ก่อนจะมองหน้าโรสรินสีหน้าไม่เข้าใจ
“หนูจะให้ปู่ไล่นายตะวันออก”
“ค่ะ”
“ทะทำ ทำไม? หรือว่าทะเลาะกัน ถ้าเป็นแบบนั้น ปู่ว่าหนูใจเย็นๆ ก่อนดีมั้ย อย่าเพิ่งตัดสินใจทำอะไรลงไปเลย”
“เราไม่ได้ทะเลาะกัน”
“อ้าว” ณรงค์จะถามต่อแต่โรสรินขัดขึ้นซะก่อน
“ปู่ไม่ต้องถามหรอกนะคะว่าเพราะอะไร เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างโรสกับตะวันมันจบแล้ว” โรสรินหน้าเศร้ามาก รีบตัดบท “โรสไปทำงานก่อนนะคะ”
โรสรินเดินออกไป ณรงค์นิ่งอึ้ง งง ไม่เข้าใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
น้ำค้างยื่นมือถือเครื่องใหม่ให้ตะวัน
“มือถือเครื่องใหม่ เบอร์เดิมค่ะพี่ตะวัน”
ตะวันหน้ายังจ๋อยอยู่
“ขอบใจ”
ระหว่างนั้นณรงค์เดินเข้ามาหาตะวันกับน้ำค้าง
“ตะวัน” ตะวันกับน้ำค้างหันไป “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ตะวันกับน้ำค้างมองหน้าณรงค์สงสัย
ตะวันกับน้ำค้างมองณรงค์ สีหน้าไม่อยากเชื่อ
“โรสรินมาบอกให้คุณปู่ไล่ผมออก”
ณรงค์พยักหน้า
“อื้อ แล้วยังบอกอีกว่าเอ็งกับยัยโรสจบกันแล้ว”
ตะวันสุดทน หันหลังจ้ำเดินออกไปทันที น้ำค้างกับณรงค์มองตามสีหน้าเป็นกังวล
โรสรินเดินซึมๆ มาตามทาง สีหน้ารู้สึกผิดกับตะวันมาก ทันใดนั้นตะวันเข้ามากระชากแขนโรสรินให้หันมา
“นายจะทำอะไร” เธอตกใจ
“บอกผมมาโรสริน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ มีใครทำอะไรคุณ ถึงทำให้คุณเปลี่ยนไปได้ในชั่วข้ามคืน”
โรสรินเงียบ “บอกผมมา บอกมา”
โรสรินมองตะวัน แล้วก็เหลือบมองหาลูกน้องเดชา เห็นคนหนึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับเธอ อีกคนยืนหลบๆ อยู่ฝั่งเดียวกับตะวัน เธอแกะมือตะวันออก แล้วทำหน้าไม่แยแส
“ถ้าอยากรู้ คืนนี้ทุ่มตรงมาเจอฉันที่..(ชื่อร้านอาหาร) แล้วนายจะได้รู้ทุกอย่างที่ต้องการ”
โรสรินพูดจบก็หันหลังเดินออกไป ตะวันมองตามอย่างสงสัย
เดชากดรับสายจากโรสริน
“ว่าไงครับที่รักของผม”
โรสรินรังเกียจมากแต่จำต้องฝืนพูดดีด้วย
“ฉันอยากเจอคุณคืนนี้”
เดชายิ้มมุมปาก
“คิดถึงผมเหรอ” โรสรินไม่ตอบ
“ถ้าอยากให้ตะวันเลิกยุ่งกับฉัน คุณต้องช่วยฉันด้วย”
เดชานิ่วหน้าสงสัย
น้ำค้างอยู่ในห้องพักถอนหายใจไม่หยุด สีหน้าคิดหนักมากๆ แย้มองสงสัย
“ถอนหายใจมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะน้ำค้าง เดี๋ยวก็หน้ามืดหรอก”
น้ำค้างไม่สนใจแย้ ยังคงถอนหายใจไม่หยุด แล้วก็นึกออก ลุกพรวดขึ้นมายืน
“นึกออกแล้ว” แย้ตกใจ
“จู่ๆ ก็ยืน ตกใจหมด นึกว่าผีเข้า นึกอะไรออก”
“ใครที่ทำให้พี่โรสเป็นแบบนี้ นายพีระ ล่าสุดที่เจอกัน นายนั่นพูดจาแปลกๆ”
แย้คิดตามแล้วก็นึกได้
“นี่น้ำค้างแอบไปเจอคุณพีระสองต่อสอง”
“เค้าชวนฉันไปทานข้าว” แย้ตกใจ
“ไปทานข้าว ชักยังไงยังไงแล้วนะ”
“มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด ฉันไม่ได้ชอบหมอนั่น”
“ยังไม่ได้พูดซักคำว่าชอบ เอ หรือว่าน้ำค้างจะชอบคุณพีระจริงๆ” น้ำค้างหน้าแดง พูดไม่ออก รีบเดินออกไป แย้หันไปมองตามแล้วก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม “ตอบไม่ได้ เลยเดินหนีเหรอจ๊ะน้ำค้าง อิอิอิ”
น้ำค้างมาหาพีระที่ออฟฟิศ เธอยืนรอไม่นานพีระก็เดินออกมา พอเห็นน้ำค้างพีระเผลอยิ้มออกมาเหมือนดีใจ ก่อนจะเดินมาหา
“น้ำค้าง” น้ำค้างหันมามองพีระหน้าตาบอกบุญไม่รับ “สีหน้าแบบนี้ ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่”
“นายไปพูดอะไรกับพี่โรส” พีระชะงัก
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ตอบคำถามฉันมาก็พอว่านายไปพูดอะไรกับพี่โรสที่เกี่ยวกับพี่ตะวันรึเปล่า”
“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้เจอโรซี่หลายวันแล้ว ฉันจะพูดกับโรซี่ได้ไง”
“นายอาจจะโทรหาพี่โรสก็ได้”
“ฉันไม่ได้โทร” น้ำค้างมองไม่เชื่อ “สาบาน”
น้ำค้างเห็นพีระจริงจังก็เชื่อ แล้วก็คิด พลางพึมพำ
“ถ้างั้น ใครทำให้พี่ตะวันกับพี่โรสมีปัญหากัน”
น้ำค้างพึมพำแต่พีระได้ยินจึงถามออกมา
“โรซี่กับตะวันทะเลาะกัน”
น้ำค้างหันขวับ หน้าถอดสี
“เปล่า หมดธุระแล้ว ฉันกลับล่ะ”
น้ำค้างรีบเดินออกไป พีระรีบตามไปขวาง
“เค้าสองคนต้องมีปัญหากันแน่ๆ ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่”
“อย่ามาโกหก ฉันได้ยินเธอพูด”
“ถึงพี่โรสกับพี่ชายฉันจะมีปัญหากัน แต่อีกไม่นานเค้าก็ต้องคืนดีกัน อย่าฝันลมๆ แล้งๆ ว่าพี่ชายฉันกับพี่โรสจะเลิกกันหน่อยเลย”
น้ำค้างพูดจบก็เดินออกไป พีระได้แต่ถอนหายใจ
คืนนั้นภายในร้านอาหาร โรสรินเดินเข้ามาเจอเดชาในชุดหรูยืนรออยู่ เดชายิ้มให้โรสริน เธอเดินมาถึงที่โต๊ะ มองไปรอบๆ ร้านอย่างแปลกใจ เพราะไม่มีลูกค้า
“ทำไมไม่มีลูกค้า”
“ผมสั่งปิดร้านนี้ จะได้ไม่มีใครมากวนใจเรา”
เดชาเดินมาเลื่อนเก้าอี้ให้โรสริน แล้วผายมือให้นั่ง เธอจำต้องนั่งลง เดชาเดินมานั่งตรงข้าม
ภายนอกร้านอาหาร ตะวันเดินมาถึง กำลังจะเข้าไปในร้าน แต่พนักงานเดินสวนออกมา
“คุณตะวันนะครับ” ตะวันพยักหน้า มองอย่างไม่ไว้ใจ “เชิญข้างในครับ”
พนักงานเดินนำตะวันเข้าไปในร้าน
ตะวันเดินมาเห็นโรสรินนั่งหันหน้ามาทางประตู ตรงข้ามเป็นเดชานั่งหันหลัง ตะวันยังไม่รู้ว่าเป็นเดชา ก็นิ่วหน้าแปลกใจ โรสรินเห็นตะวัน
“มาแล้ว”
เดชายิ้ม ขยับสูท พร้อมกับลุกขึ้นยืนและหันไป ทันทีที่ตะวันเห็นเดชาก็เลือดขึ้นหน้าทันที
“ไอ้เดชา” ตะวันพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อเดชา โรสรินรีบลุกเดินไปยืนระหว่างกลางตะวันกับเดชา “ฉันตามหาแกมาตั้งนาน ในที่สุดก็เจอ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แกจะเป็นอิสระ”
เดชามองหน้าตะวันอย่างไม่กลัวเกรง โรสรินหันไปทางตะวัน
“ปล่อยเสี่ยเดชาเดี๋ยวนี้”
ตะวันหันไปทางโรสริน
“คุณไม่ต้องกลัวนะโรส ผมอยู่นี่แล้ว ไอ้เดชามันไม่มีทางทำอะไรคุณ”
โรสรินจับแขนตะวัน
“ฉันบอกให้ปล่อยเค้า ไม่ได้ยินเหรอไง” ตะวันชะงัก “ปล่อยสิ”
โรสรินพยายามดึงมือตะวันให้ออกจากเดชา โรสรินทั้งทุบทั้งดึง ทำเอาตะวันต้องปล่อยมือจากเดชา
“คุณเป็นอะไรของคุณ ปกป้องมันทำไม”
เดชาดึงโรสรินมาโอบแน่น ตะวันผงะ
“เพราะฉันกับคุณโรสกำลังคบกัน”
โรสรินจำต้องหันไปยิ้มให้เดชาอย่างหวานซึ้ง ตะวันยังไม่เชื่อ
“ไม่จริง คุณก็รู้ว่ามันทำชั่วอะไรเอาไว้ แล้วมีเหรอที่คนอย่างคุณจะไปคบกับมัน” โรสรินเงียบ ตะวันหันไปทางเดชา “บอกมาว่าแกทำอะไรโรสของฉัน”
เดชาเงียบ โรสรินฝืนใจสุดๆ ทั้งที่ในใจแสนจะเจ็บปวด
“เสี่ยเดไม่ได้ทำอะไรฉันทั้งนั้น ที่เสี่ยเดพูดเป็นความจริง เค้าจะเป็นคนยังไง ฉันไม่สน เพราะเค้าทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าเวลาที่อยู่กับนาย” ตะวันอึ้ง “ออกไปได้แล้ว”
“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ถ้าแกยังไม่เชื่อว่าฉันกับคุณโรสคบกัน ฉันจะพิสูจน์ให้แกเห็น”
ตะวันกับโรสรินนิ่วหน้า โดยที่โรสรินไม่ทันตั้งตัว เดชาหันมาคว้าตัวโรสริน แล้วใช้ตัวบัง ทำให้ตะวันเห็นเหมือนว่าเค้าจูบโรสริน โรสรินอึ้งมากที่เดชาไม่ฉวยโอกาสกับเธอ
“ถ้าอยากให้ตะวันเชื่อ อยู่เฉยๆ” เดชากระซิบบอก
โรสรินได้แต่กำมือแน่น ตะวันหัวใจสลายคิดว่าเค้าจูบกันจริงๆ ไม่นานเดชาผละออกมา แล้วเอามือลูบปากตัวเอง โรสรินจำต้องนิ่ง เดชามองตะวันเยาะๆ
“คราวนี้ เชื่อได้เหรอยัง”
ตะวันสุดทน กำมือแน่น เงื้อหมัดจะต่อยเดชา แต่โรสรินเงื้อมือตบหน้าตะวันเต็มแรงดังเพี๊ยะ! จนตะวันหน้าหัน ชาไปทั้งแทบ ส่วนโรสรินเจ็บทั้งมือเจ็บทั้งหัวใจ เดชายิ้มบางๆ แววตาสะใจ
ตะวันยืนนิ่งไปสองวินาที โรสรินทำใจแข็ง
“ไล่เค้าไปที ฉันไม่อยากเห็นหน้าเค้าอีก”
โรสรินพูดจบ ก็หันหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมอง กลัวใจอ่อน ตะวันไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำตาลูกผู้ชายรื้นขึ้นมา เดชาหันไปมองลูกน้องที่ยืนอยู่ห่างออกไป
“ลากมันออกไป”
ลูกน้องสองคน เดินมาล็อกแขนตะวัน ตะวันขัดขืน
“ปล่อย”
ลูกน้องไม่ปล่อย ตะวันสะบัดจนหลุด แล้วหันไปต่อยลูกน้องเดชา โรสรินตกใจ จะขยับตัวเข้าไป แต่นึกได้ว่าไม่ควร จึงยืนอยู่กับที่ ลูกน้องเดชาโมโห เข้ามารุมอัดตะวัน ตะวันจะสู้ก็สู้ไม่ได้ เดชามองภาพตรงหน้าอย่างมีความสุขมาก ผิดกับโรสรินที่หันหลัง ยกมือขึ้นมาปิดหูไม่อยากได้ยินเสียงตะวัน
ตะวันโดนรุมทั้งต่อยและเตะ
ลูกน้องเดชาเหวี่ยงตะวันที่ถูกซ้อมสะบักสะบอม ปากแตก คิ้วแตก เลือดอาบ หน้าซ้ำ ไปบนพื้นหลังร้านอาหาร
มือถือตะวันกระเด็นออกมาจากกระเป๋า เดชามองไปที่มือถือ ก่อนจะเดินมายืนค่ำหัวตะวันเอาไว้ แล้วย่อตัวลงมาข้างตะวันที่หมดแรง เดชากระชากผมตะวันขึ้นมา
“สุดท้ายคุณโรสก็เลือกที่จะอยู่กับฉัน”
ตะวันพูดอย่างยากลำบาก
“คนชั่ว อย่างแก มีความสุข ได้ไม่นาน ฉัน จะทำให้แกถูกกฎหมายลงโทษ”
เดชาหัวเราะ ก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูตะวัน
“ถ้าแกเรียกตำรวจมาจับฉัน ไม่ใช่แค่ฉันที่จะหมดอนาคต คุณโรสก็ด้วย”
ตะวันอึ้งสุดๆ เงยหน้ามองเดชา
“ไอ้สารเลว”
ตะวันกำมือแน่นโมโหสุดๆ โกรธมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ เดชาแค่นยิ้ม ปล่อยมือจากผมตะวัน
“จำไว้ว่า คนจนตรอก ทำได้ทุกอย่าง ถ้าอยากให้คุณโรสปลอดภัย ก็ปล่อยฉัน และอย่ายุ่งกับคุณโรสอีก ฉันจะเป็นคนทำให้คุณโรสมีความสุขเอง”
เดชาจ้องหน้าตะวัน ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปกับลูกน้อง ตะวันพยายามจะลุกตามเดชา แต่ไม่ไหว ทรุดลงไปอีกครั้ง สภาพร่างกายบอบช้ำมาก
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 13 (ต่อ)
เดชาเดินกลับเข้ามาในร้านอาหาร โรสรินที่รออย่างร้อนรน รีบเดินไปหา
“ไหนคุณรับปากฉันว่าจะไม่ทำร้ายตะวัน คุณผิดสัญญา”
“คุณเป็นคนบอกผมให้พามันออกไป ผมก็ต้องทำแบบนี้ แล้วอีกอย่างมันจะได้เชื่อว่าคุณไม่ได้รักมันแล้ว คุณควรจะขอบคุณผมด้วยซ้ำ” โรสรินอึ้ง พูดไม่ออก เดชาจับมือโรสริน “ทานข้าวได้แล้ว ผมหิว”
เดชาลากโรสรินพามานั่งที่โต๊ะ เดชามีสีหน้าเจ็บปวดไม่แพ้โรสรินเพราะรู้ว่าเธอทำเพื่อตะวัน
น้ำค้างอยู่ที่ห้องพักกดวางสายโทรศัพท์ หันไปทางแย้ สีหน้าไม่สู้ดี
“พี่ตะวันไม่รับโทรศัพท์ ดึกป่านนี้ไปไหนของเค้า”
“โทรถามพี่โรสมั้ยน้ำค้าง”
น้ำค้างพยักหน้า กำลังจะโทร แต่เสียงออดดังขึ้น น้ำค้างกับแย้หันไปมอง
“พี่ตะวัน” น้ำค้างกับแย้รีบตรงไปที่ประตู น้ำค้างเปิดประตู ตะวันล้มเข้ามาในห้อง น้ำค้างกับแย้ตกใจกับสภาพของตะวัน “พี่ตะวัน”
“ลูกพี่”
น้ำค้างกับแย้มองตะวันด้วยความตกตะลึงมาก
น้ำค้างทำแผลให้พี่ชาย เอาพลาสเตอร์แปะที่คิ้วตะวันที่หน้าเศร้ามาก
“บอกน้ำค้างมาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพี่” ตะวันเงียบ น้ำค้างกับแย้มองหน้ากันด้วยความกลุ้มใจ
“ถ้าพี่ไม่บอก น้ำค้างจะไปถามพี่โรส”
น้ำค้างขยับจะลุก ตะวันคว้าแขนไว้
“อย่า! อย่าไปยุ่งกับโรสรินอีก” ตะวันบอกเสียงแข็ง น้ำค้างรู้ทันที
“ที่พี่ตะวันถูกทำร้าย เกี่ยวข้องกับพี่โรสใช่มั้ย”
“ไม่ต้องถาม”
“ไม่ถามไม่ได้ค่ะ พี่ตะวันเป็นพี่ชายน้ำค้าง พี่ตะวันโดนหนักขนาดนี้ จะให้น้ำค้างอยู่เฉยไม่ได้หรอกนะคะ ให้น้ำค้างช่วยพี่เถอะ”
“ถ้าอยากช่วยพี่ ก็อยู่เฉยๆ พี่เหนื่อยแล้ว”
ตะวันล้มตัวลงนอนหันหลังให้น้ำค้าง น้ำค้างกับแย้มองหน้ากันด้วยความสงสัย
ส่วนที่ร้านอาหาร โรสรินกินอะไรไม่ลง เลยรวบช้อน เดชาเงยหน้ามอง
“อิ่มแล้วเหรอ”
“อือ”
เดชาก็เลยรวบช้อน แล้วลุกเดินมานั่งติดกับโรสริน เธอหันไปมองอย่างระแวง
“จะทำอะไร”
เดชาหยิบมือถือออกมา แล้วโอบโรสรินเข้ามาชิดกับตัวเค้า
“คนที่รักกัน ก็ต้องมีรูปคู่กัน”
โรสรินไม่อยากถ่าย แต่เดชาโอบเธอแน่นแล้วยื่นมือถือไปตรงหน้า
“ยิ้มหน่อยสิครับ”
เดชามองโรสริน เธอจำต้องฝืนยิ้ม หันไปมองกล้อง เดชาถ่ายรูปแชะ
น้ำค้างกับแย้เดินออกมาด้วยกัน
“ลูกพี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะน้ำค้าง ลูกพี่เป็นอะไรอ่ะ”
น้ำค้างหน้าเครียด คิดหนัก
เดชากลับเข้ามาในห้องพัก ทิ้งตัวนั่งลง หยิบมือถือออกมากดเปิดดูรูปคู่เค้ากับโรสริน แล้วก็ยิ้มออกมา พลางนึกขึ้นได้ตอนที่เห็นมือถือตะวัน แล้วก็ตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง
ตะวันอยู่ที่ห้องพักสีหน้าเจ็บปวดเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่ร้านอาหาร
“คุณเป็นอะไรของคุณ? ปกป้องมันทำไม”
เดชาดึงโรสรินมาโอบแน่น ตะวันผงะ
“เพราะฉันกับคุณโรสกำลังคบกัน”
โรสรินจำต้องหันไปยิ้มให้เดชาอย่างหวานซึ้ง ตะวันยังไม่เชื่อ
“ไม่จริง คุณก็รู้ว่ามันทำชั่วอะไรเอาไว้ แล้วมีเหรอที่คนอย่างคุณจะไปคบกับมัน” โรสรินเงียบ/ตะวันหันไปทางเดชา “บอกมาว่าแกทำอะไรโรสของฉัน บอกมาสิวะ บอกมา”
เดชาเงียบไม่ตอบ โรสรินฝืนใจสุดๆ ทั้งที่ในใจแสนจะเจ็บปวด
“เสี่ยเดไม่ได้ทำอะไรฉันทั้งนั้น ที่เสี่ยเดพูดเป็นความจริง เค้าจะเป็นคนยังไง ฉันไม่สน เพราะเค้าทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าเวลาที่อยู่กับนาย” ตะวันอึ้ง “ออกไปได้แล้ว”
“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ถ้าแกยังไม่เชื่อว่าฉันกับคุณโรสคบกัน ฉันจะพิสูจน์ให้แกเห็น”
ตะวันกับโรสรินนิ่วหน้า โดยที่โรสรินไม่ทันตั้งตัว เดชาหันมาคว้าตัวเธอ แล้วใช้ตัวบัง ทำให้ตะวันเห็นเหมือนว่าเค้าจูบโรสริน
ตะวันเศร้าสุดๆ พลันเสียงเมสเสจดังขึ้น ตะวันหันไปมองมือถือ หยิบขึ้นมากดเปิดเห็นรูปคู่เดชากับโรสริน ก็นึกย้อนกลับไปตอนที่เค้าถ่ายรูปคู่กับโรสรินแบบนี้ที่ร้านอาหาร ตะวันยิ่งปักใจเชื่อว่าโรสรินเลือกเดชาจริงๆ เขาได้แต่กำมือถือแน่น
ทางด้านโรสริน เมื่อกลับถึงบ้านเธอนั่งมองมือถือ กดชื่อตะวันขึ้นมา สีหน้ามีความเป็นห่วงตะวันมาก ลังเลว่าจะโทรดีมั้ย
“ไม่ เราจะโทรไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้”
โรสรินมีสีหน้าเจ็บปวด
เช้าวันรุ่งขึ้น น้ำค้างกับแย้ยืนมองตะวันที่ยังนอนหลับสีหน้าเป็นห่วง แย้ร้องไห้โฮออกมา
“ฮือๆ”
“ร้องไห้ทำไม” น้ำค้างถามอย่างแปลกใจ
“แย้สงสารลูกพี่”
น้ำค้างนึกอะไรได้
“ฉันจะไปหาพี่โรส”
“แต่ลูกพี่ไม่ให้ถาม”
“ถ้าแย้ไม่บอก พี่ตะวันก็ไม่รู้ เฝ้าพี่ชายน้ำค้างให้ดีล่ะ”
น้ำค้างเดินออกไป แย้หันไปมองตามน้ำค้างแล้วก็ถอนหายใจ รู้สึกไม่สบายใจ
โรสรินนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องรับแขก น้ำค้างเดินเข้ามา
“พี่โรส”
โรสรินสะดุ้ง หันไปเห็นน้ำค้างก็นึกเป็นห่วงตะวันทันที
“น้ำค้าง” โรสรินลุกเดินมาหา “ตะวันเป็นอะไรรึเปล่า”
น้ำค้างนิ่วหน้า
“แสดงว่าพี่โรสรู้ใช่มั้ยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับพี่ตะวัน” โรสรินหน้าถอดสี ไม่ตอบ “พี่โรสช่วยไขข้อข้องใจให้น้ำค้างที น้ำค้างถามพี่ตะวัน พี่ตะวันก็ไม่บอก น้ำค้างไม่เข้าใจว่าพี่สองคนเป็นอะไรกัน”
“รู้ไว้อย่างเดียวว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป ตะวันจะไม่โดนใครทำร้ายอีก”
“หมายความไงคะ”
“รู้แค่นี้ก็พอ”
“พี่ตะวันก็พูดกับน้ำค้างแบบนี้ พี่โรสก็พูดกับน้ำค้างแบบนี้ น้ำค้างต้องการรู้ว่าทำไมพี่ตะวันถึงโดนซ้อม จนถึงขั้นลุกไม่ขึ้น”
โรสรินฟังแล้วก็ยิ่งเป็นห่วงตะวัน
“ตะวันอาการหนักมากเลยเหรอ”
“ตั้งแต่น้ำค้างเกิดมา ไม่เคยเห็นพี่ตะวันเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อน น้ำค้างจะพาไปหาหมอ พี่ตะวันก็ไม่ยอมไป น้ำค้างขอร้องล่ะนะคะ พี่โรสช่วยเล่าทุกอย่างให้น้ำค้างฟังที”
โรสรินนิ่งมองน้ำค้าง ครุ่นคิด แล้วก็ตัดสินใจ...
“พี่นึกได้ว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปทำ พี่ไปก่อนนะ”
น้ำค้างเหวอ โรสรินรีบจ้ำเดินออกไป
โรสรินขับรถออกมา สีหน้าเป็นกังวลเรื่องของตะวัน แล้วก็กดโทรศัพท์หากิตติทัต
“ทัต โรสมีเรื่องอยากให้ช่วย”
โรสรินหน้าเครียด
พีระเดินออกมานอกบ้านก็เห็นน้ำค้างยืนอยู่หน้าประตูรั้ว เขามองอย่างสงสัยว่ามาทำไม น้ำค้างมองพีระอย่างต้องการที่พึ่ง
น้ำค้างกับพีระยืนคุยกัน พีระมองน้ำค้างสีหน้าตกใจ
“พี่ชายเธอถูกซ้อม”
น้ำค้างพยักหน้า อุษาวดีที่เดินออกมาได้ยินพอดี ก็ตกใจเช่นกัน จึงหาที่แอบฟัง
“ฉันถามเท่าไหร่ พี่ตะวันก็ไม่บอก พอฉันไปถามพี่โรส พี่โรสก็ไม่พูดเหมือนกัน ฉันถึงต้องมาหานาย นายเป็นเพื่อนพี่โรสมานาน นายช่วยไปถามพี่โรสทีสิ ช่วยฉันนะ แล้วฉันจะยอมทำตามที่นายต้องการทุกอย่าง” น้ำค้างจับมือพีระเขย่า “ นะนายพีระ นะ ฉันขอร้อง ให้ฉันไหว้ก็ได้”
น้ำค้างจะคุกเข่า พีระตกใจรีบจับแขนน้ำค้าง
“ไม่ต้องขนาดนั้น ฉันก็ช่วยเธออยู่แล้ว”
น้ำค้างยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ เธอกระชับมือพีระแน่น
“ขอบใจมากนะ ขอบใจจริงๆ”
พีระมองมือน้ำค้างที่จับมือตัวเองอย่างรู้สึกดี
“อื้อ”
อุษาวดีครุ่นคิดบางอย่าง แล้วก็รีบเดินออกไป พีระพูดกับน้ำค้าง
“ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้เอง ส่วนเธอต้องเข้มแข็ง จะได้เป็นกำลังใจให้นายตะวัน”
น้ำค้างพยักหน้า พีระยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้ น้ำค้างผงะ ใจเต้นวูบวาบ พีระเองก็อึ้งไปกับสิ่งที่ตัวเองทำเช่นกัน ก็รีบดึงมือออกมา น้ำค้างเขินมากเลยรีบตัดบท
“ถ้างั้น ฉันว่าฉันไปหาซื้อของบำรุงให้พี่ตะวันดีกว่า”
พีระยิ้ม น้ำค้างรีบหันหลังเดินออกไป พลางพ่นลมหายใจออกมา พีระมองตามน้ำค้างแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ที่โรงแรมควีนโรส เสียงเคาะประตูห้องพักตะวันดังขึ้น แย้เดินมาเปิดประตู
“กลับเร็วจังน้ำค้าง”
แต่พอเปิดประตู คนที่ยืนอยู่กลับเป็นอุษาวดีที่ถือตะกร้าผลไม้ยืนอยู่ แย้หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ฉันรู้ว่าคุณตะวันบาดเจ็บ ฉันก็เลยมาเยี่ยม”
แย้กันท่าไม่ให้เข้า
“ลูกพี่กำลังพักผ่อน คุณฝากของไว้ที่ผมก็ได้”
อุษาวดีไม่พอใจ แต่ต้องฝืนยิ้ม ทำเป็นดูนาฬิกาข้อมือ
“นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว เธอคงยังไม่ได้กินอะไร ไม่หิวเหรอ”
“ไม่”
“ที่โรงแรมมีบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ มีทั้งของคาวของหวานเพียบ” แย้กลืนน้ำลายเอื๊อก “น่ากินมากเลยนะ” อุษาวดีหยิบเงินออกมา “รับเงินนี่ไป ฉันเลี้ยง”
“อย่าคิดว่าเงินซื้อผมได้”
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันอยากเลี้ยงเธอจริงๆ แล้วฉันจะดูแลคุณตะวันให้เอง รีบไปเถอะ ไม่งั้นของกินจะหมด”
แย้มองอุษาวดีสีหน้าลังเล
ตะวันเพิ่งตื่น รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว ปวดหัว มึนหัว คอแห้งผาด เขาหันไปเห็นแก้วน้ำบนโต๊ะข้างเตียง พยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่เจ็บปวดจนลุกไม่ไหว สภาพหน้าและร่างกายดูแย่มาก ระหว่างนั้นอุษาวดีเดินเข้ามาเห็นตะวันกำลังจะลุกก็รีบเข้ามาช่วยประคอง
“อุษาช่วยค่ะ” ตะวันหันไปมองอุษาวดีสีหน้าประหลาดใจ “อุษาได้ยินพี่พีคุยกับน้ำค้าง ก็เลยรู้ว่าคุณตะวันบาดเจ็บ อุษาไม่นึกเลยว่าคุณจะเป็นหนักขนาดนี้” ตะวันไม่พูดอะไร หันไปมองแก้วน้ำ “อยากดื่มน้ำใช่มั้ยคะ”
ตะวันพยักหน้า อุษาวดีหยิบแก้วน้ำส่งให้ตะวัน
“ขอบคุณครับ” ตะวันรับแก้วน้ำมาดื่ม แต่สำลัก อุษาวดีรีบเอากระดาษมาเช็ดปากให้ ตะวันรีบผละออกห่าง “ผมทำเอง”
อุษาวดีนิ่ง อย่างไม่ค่อยพอใจ
“นี่โรสไม่มาดูแลคุณตะวันเลยเหรอคะ” ตะวันเงียบ “โรสนี่แย่จังเลยนะคะ”
ตะวันก็ยังเงียบ พลันเสียงกดออดดังขึ้น อุษาวดีกับตะวันหันไปมอง
กิตติทัตสะพายกระเป๋าใส่เครื่องมือแพทย์ยืนอยู่หน้าห้อง ไม่นานประตูเปิดออกโดยอุษาวดี ทำเอากิตติทัตอึ้ง
“หมอทัต”
“ผมมาดูคุณตะวัน”
“เชิญค่ะ”
กิตติทัตเดินเข้าไปในห้อง
กิตติทัตตรวจร่างกายตะวัน ก็มองหน้าเครียด อุษาวดียืนอยู่ข้างกิตติทัต
“คุณน่าจะไปเอ็กซเรย์ดูซักหน่อยนะครับ”
“ผมไม่เป็นไรหรอกหมอ ไม่กี่วัน ก็วิ่งได้แล้ว” ตะวันบอกเสียงอ่อนแรง
“ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่ของแบบนี้อย่าประมาท”
“นี่มันร่างกายของผม ถ้ามันจะแย่ ก็ปล่อยให้มันแย่ ผมไม่สนหรอก”
กิตติทัตนิ่วหน้า
“คุณตะวัน”
“ผมขอเสียมารยาทนะ หมอกลับไปได้แล้ว”
ตะวันล้มตัวลงนอน กิตติทัตนมองตะวันสีหน้าเป็นห่วงมาก ก่อนจะหันไปมองอุษาวดีแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
อุษาวดีเดินออกมาส่งกิตติทัต กิตติทัตทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหว หยุดเดิน และหันมา
“คุณเป็นต้นเหตุทำให้คุณตะวันกับโรสมีปัญหากันรึเปล่า”
อุษาวดีฉุนทันที
“หมอจะดูถูกอุษามากไปแล้วนะคะ”
“ผมไม่ได้ดูถูก ผมพูดตามที่เห็น สิ่งที่คุณทำ มันทำให้ผมอดคิดไปในทางนั้นไม่ได้ ทั้งๆ ที่คุณก็รู้ว่าคุณตะวันกับโรสกำลังคบกัน แต่คุณก็ยังไปยุ่งกับคุณตะวัน” กิตติทัตมีสีหน้าผิดหวัง “ทำไมคุณถึงกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ทำอะไรโดยไม่รู้สึกผิด ไปแย่งของของคนอื่นได้ยังไง”
อุษาวดีตบหน้ากิตติทัตเพี๊ยะด้วยความโมโห ทำเอากิตติทัตอึ้ง รู้สึกตัวว่าพูดแรงไป มองหน้าอุษาวดีที่น้ำตาคลอ
“หมอไม่มีสิทธิ์มาต่อว่าอุษา หมอไม่รู้หรอกนะคะว่าการแอบรักคนอื่น มันเจ็บปวดมากแค่ไหน”
“ใครว่าผมไม่รู้ ผมเองก็แอบรักคนอื่นอยู่เหมือนกัน”
กิตติทัตจ้องหน้าอุษาวดีอย่างมีความหมาย ทำเอาอุษาวดีเอะใจ กิตติทัตพูดจบก็หันหลังเดินออกไป ทิ้งให้อุษาวดีคิดว่ากิตติทัตพูดถึงเธอรึเปล่า
กิตติทัตเดินออกมาจากห้องตะวัน แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เราพูดอะไรออกไป”
กิตติทัตรู้สึกแย่กับตัวเอง
กิตติทัตเดินมาหาโรสรินที่ยืนหันหลังรออยู่ในสวนของโรงแรม
“โรส”
โรสรินหันมา
“ตะวันเป็นไงบ้าง”
กิตติทัตหน้าเครียด
“ก็ ดูแย่ๆ” โรสรินใจแทบสลาย “โรส...” กิตติทัตจะถาม แต่โรสรินพูดขึ้นมาก่อน
“อย่าถาม อย่าพูด”
โรสรินร้องไห้ด้วยความอึดอัด กิตติทัตจับไหล่เธอ โรสรินโผกอดกิตติทัตแน่นแล้วร้องไห้ไม่หยุด กิตติทัตนิ่วหน้าไม่เข้าใจ ได้แต่เอามือตบหลังโรสรินปลอบใจ
ที่แมนชั่นเดชา เสียงเคาะประตูดังขึ้น เดชาถือปืนเดินมายืนที่หลังประตู สีหน้าไม่ไว้ใจ เคาะประตูตอบกลับไปสองครั้งติดกัน มีเสียงเคาะประตูตอบกลับมาอีกสามครั้งติดกัน เดชาโล่งใจ เก็บปืน และเปิดประตู เป็นล่ำกับแหลมยืนอยู่ เดชา ล่ำ แหลมยิ้มให้กันด้วยความดีใจ
เดชานั่งลงที่โซฟา ล่ำกับแหลมยืนกันคนล่ะมุม
“เรือที่จะพาเราหนี จะพร้อมในคืนวันพรุ่งนี้ครับเสี่ย”
“เราสามคนจะได้หนีไปจากที่นี่ซักที ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ อีก” แหลมบอกอย่างดีใจ
“สี่คนต่างหาก”
ล่ำกับแหลมมองหน้ากันด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปมองเดชา
“คนที่สี่ คือใครครับ”
เดชาหันไปมองล่ำกับแหลม
เสียงมือถือโรสรินดังขึ้น โรสรินเห็นชื่อเดชา ก็จำใจต้องรับสาย
“ฮัลโหล”
“คืนนี้ผมอยากเจอคุณ”
“ที่ไหน”
แววตาเดชามีความหวังบางอย่าง
โรสรินเร่งฝีเท้าเดินออกมา มาเจอกับพีระที่เดินมาหา โรสรินถึงกับทำหน้าไม่ถูก
“โรซี่ ว่างคุยกับพีหน่อยมั้ย”
“ไม่ว่าง มีธุระต้องรีบไป ไว้คุยกันวันหลัง”
โรสรินรีบพูด รีบตัดบทแล้วเดินออกไป พีระหันไปมองตามด้วยความงง
“อะไรจะรีบขนาดนั้น”
โรสรินเดินมาถึงสถานที่นัดหมายแต่ไม่เห็นใคร ก็แปลกใจ แล้วก็เริ่มระแวง ทันใดนั้นไฟสว่างขึ้นจากด้านหลัง โรสรินรีบหันขวับไปมองก็เห็นไฟปิงปองประดับประดาเต็มต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า มีดาวปลอมๆ ห้อยลงมาจากต้นไม้ ดูเผินๆ เหมือนกลุ่มดาว สวยงามมาก
โรสรินถึงกับเผลอยิ้มออกมา ความหวาดระแวงหายไปจนหมด เดินมาจับดาวที่ห้อยอยู่แล้วก็ยิ้ม ไม่นานเดชาเดินออกมาจากหลังต้นไม้ในชุดสบายๆ โรสรินเห็นเดชาก็หุบยิ้มทันที เดชาเดินมาหยุดตรงหน้าโรสริน เธอมองว่าเขาจะมาไม้ไหน
“คุณโรสชอบมั้ยครับ” โรสรินนิ่งไปหนึ่งวินาที ก่อนจะพยักหน้า เดชายิ้มกว้างมาก “ผมดีใจนะครับที่คุณชอบ”
“ไม่นึกว่าคุณจะทำอะไรแบบนี้เป็น”
“ตอนเด็กๆ แม่ผมเคยทำแบบนี้ให้ผม แม่สงสารที่ผมไม่เคยได้ออกไปวิ่งเล่น หรือเล่นของเล่นเหมือนเด็กคนอื่น” โรสรินนิ่งฟัง เดชาพูดถึงความหลังแล้วก็เศร้า รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า “เพราะพ่อของผม ต้องการให้ผมเข้มแข็ง” โรสรินยังตั้งใจฟัง เดชาเปลี่ยนเรื่องเพื่อปรับบรรยากาศ “แม่บอกผมว่า ถ้าผมอยากได้อะไร ให้ผมอธิษฐานขอพรจากดวงดาว แล้วมันจะเป็นจริง”
เดชาหันมายิ้มให้โรสริน แววตาเป็นประกาย แต่สักพักแววตาก็วูบลง เขาสะอื้นในใจ
“แต่ในวันที่แม่ถูกศัตรูของพ่อยิง ผมอธิษฐานขอพรจากดวงดาวให้แม่ปลอดภัย แต่ ไม่ได้ผล” เดชาหน้าเศร้า โรสรินมองเดชาด้วยแววตาเห็นใจ “หลังจากแม่เสีย เราสองพ่อลูกต้องหนีหัวซุกหัวซุน เพราะศัตรูของพ่อตามล่าเรา กว่าพ่อจะตั้งหลักได้ ก็เกือบแย่” โรสรินไม่นึกว่าเดชาจะเจอเรื่องราวแบบนี้ “นับตั้งแต่วันนั้น ผมก็ไม่รู้จักกับคำว่าความสุขอีก จนกระทั่ง...” เขาหันมาทางโรสริน “ผมได้มาพบคุณ ผมไม่อยากเป็นเหมือนพ่อของผม ผมไม่อยากหนีอีกต่อไปแล้ว”
โรสรินอึ้ง เดชาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบของบางอย่างออกมา มันคือกล่องกำมะหยี่ใส่แหวนเพชร โรสรินมองอย่างรู้ว่ามันคืออะไร เดชาเปิดกล่องขึ้นมา เห็นแหวนเพชรข้างใน
“ผมอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่ผมรัก คืนพรุ่งนี้หนีไปพร้อมกับผมนะครับคุณโรส”
โรสรินตะลึงงัน
“หนี”
เดชาพยักหน้ารับ
“ผมจะหนีเป็นครั้งสุดท้าย”
“หนีไปที่ไหน”
“ผมยังไม่รู้ แต่ไม่นานทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”
โรสรินใจหาย จับแขนเดชา
“เดชา ถ้าคุณหนี คุณจะยิ่งมีความผิด” เดชาชะงัก
“ผมยอมตายดีกว่าโดนจับ และที่สำคัญถ้าผมโดนจับ ผมต้องสูญเสียคุณ ซึ่งผมยอมไม่ได้ เพราะคุณเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่” โรสรินอึ้ง “ผมรู้ว่าผมสู้ตะวันไม่ได้ แต่ตะวันมีครอบครัว มีคนคอยอยู่เคียงข้าง แต่ผม ผมไม่มีใคร ผมมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น ผมสัญญาว่าผมจะวางมือจากทุกอย่าง จะทำทุกทางให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุด ให้โอกาสผมนะโรสริน”
เดชาคุกเข่าลงตรงหน้า โรสรินนึกไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ เดชามองโรสรินสายตาวิงวอนขอร้อง ก่อนจะหยิบแหวนออกมาแล้วยื่นไปตรงหน้าเธอ รอคอยคำตอบด้วยใจที่จดจ่อ
“คืนนี้ผมอธิษฐานขอพรจากดวงดาว ให้คุณรับรักผม”
โรสรินมองแหวน ใจก็เป็นห่วงณรงค์ เป็นห่วงตะวัน โรสรินมองไปที่เดชาอีกครั้ง
"แต่ฉันอธิษฐาน ขอให้ตะวันปลอดภัย” เดชาเสียใจสุดๆ “ถ้าฉันหนีไปกับคุณ สัญญาได้มั้ยว่าจะไม่แก้แค้นตะวันอีก”
เดชาช้ำที่โรสรินทำเพื่อตะวันแต่ก็ยอม เพราะอยากให้โรสรินอยู่กับตัวเอง
“ผมสัญญา”
โรสรินพยักหน้า อย่างพอใจ แล้วก็ยื่นมือออกไป เดชาเอาแหวนใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของโรสริน เขาจะจูบมือเธอ แต่โรสรินชักมือหนี เดชาเจ็บอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน และดึงโรสรินมากอด
“เท่านี้คุณก็ให้ผมมากเกินพอแล้ว ขอบคุณนะครับ ขอบคุณ”
โรสรินมองแหวน สีหน้าเคร่งเครียด
ตะวันยังนอนนิ่งอยู่ในห้อง ไม่นานน้ำค้างกับแย้ถือถาดวางอาหาร สีหน้ายิ้มแย้ม มองตะวันที่นั่งอยู่บนเตียง
“กระเพาะปลาจากเยาวราช” น้ำค้างบอก
“โจ๊กไข่เยี่ยวม้าจากฮ่องกง” แย้บอก
“ฮ่องกงเลยเหรอ” น้ำค้างหันมาถาม
“ภัตตาคารฮ่องกงยังไงล่ะจ๊ะ” น้ำค้างหัวเราะ แต่ตะวันยังนิ่ง ทำเอาแย้กับน้ำค้างหุบยิ้มแทบไม่ทัน แย้กระซิบกับน้ำค้าง “ท่าทางจะไม่เวิร์ค เอาอาหารมาล่อ ยังไม่พูดอะไรเลย”
น้ำค้างคิดนิดหนึ่ง
“กระเพาะปลาห๊อมหอม โจ๊กก็หน้าตาดี พี่ตะวันลุกมาทานเถอะนะคะ น้ำค้างรับประกันความอร่อยค่ะ”
“จริงครับลูกพี่ ถ้าลูกพี่ไม่กิน แย้เผลอกินหมดไม่รู้ด้วยนะ” ตะวันยังมองเหม่อไม่พูด แย้กับน้ำค้างมองหน้ากัน
“งั้นแย้กินล่ะนะ กินจริงๆ นะ”
ตะวันหันมา แย้กับน้ำค้างคิดว่าได้ผล
“พี่ขออยู่คนเดียว”
ตะวันหันไปทางอื่น น้ำค้างกับแย้เหวอ แล้วน้ำค้างก็สุดทน
“แย้ ในเมื่อพี่ตะวันไม่กิน ก็ทิ้งไปให้หมด”
“ห๊ะ ทิ้งเลยเหรอ อย่าเลย”
“บอกให้ทิ้งก็ทิ้งสิ”
แย้ไม่กล้า น้ำค้างจัดการเอาอาหารเทลงถังขยะจนหมด แย้เสียดายมาก
“หมด หมดกัน”
ตะวันหันมามองน้ำค้าง น้ำค้างมองตะวันทั้งโมโหทั้งเสียใจ แล้วหันหลังจะเดินออกไป
“น้ำค้าง” ตะวันเสียงแข็ง แย้เห็นท่าไม่ดี
“เรื่องในครอบครัว ไม่ยุ่งดีกว่า”
แย้รีบออกไปจากห้องนอน น้ำค้างยืนนิ่ง ไม่หันไปมองตะวัน แต่น้ำตาคลอ
“อย่าโกรธพี่เลยนะ”
น้ำค้างหันมา
“ไม่อยากให้น้ำค้างโกรธ ก็เลิกทำให้น้ำค้างเป็นห่วงซักที เมื่อไหร่พี่ตะวันจะบอกว่าพี่เป็นอะไร” ตะวันเงียบ “ถ้าพี่ยังเห็นน้ำค้างเป็นน้องสาว พี่ตะวันต้องเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้น้ำค้างฟังเดี๋ยวนี้”
ตะวันมองน้ำค้างสีหน้าลังเล
คืนนั้นโรสรินเดินใจลอยเข้ามาในห้อง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ นึกย้อนกลับไปถึงคำพูดเดชา
“ผมอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่ผมรัก คืนพรุ่งนี้หนีไปพร้อมกับผมนะครับคุณโรส”
โรสรินตะลึงงัน
“หนี” เดชาพยักหน้า “หนีไปที่ไหน”
“ผมยังไม่รู้ ช่วงแรกเราอาจะลำบากนิดหน่อย แต่ไม่นานทุกอย่างจะดีขึ้น ผมยังมีเงินทองที่พ่อผมให้ เก็บเอาไว้อยู่ คุณจะไม่ลำบาก”
โรสรินใจหาย จับมือเดชา
“เสี่ยเด ถ้าคุณหนี คุณจะยิ่งมีความผิด” เดชาชะงัก
“แล้วคุณจะให้ผมมอบตัวไปกับตำรวจงั้นเหรอ? ผมยอมตายดีกว่าโดนจับ และที่สำคัญผมรู้ว่าผมต้องสูญเสียคุณ ซึ่งผมทำไม่ได้ เพราะคุณเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่” โรสรินอึ้ง “ผมรู้ว่าผมสู้ตะวันไม่ได้ แต่ตะวันมีครอบครัว มีคนคอยอยู่เคียงข้าง แต่ผม ผมไม่มีใคร ผมมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น ผมสัญญาว่าผมจะวางมือจากทุกอย่าง จะทำทุกทางให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุด ได้โปรด ให้โอกาสผม”
เดชาคุกเข่าลงตรงหน้า ทำเอาโรสรินนึกไม่ถึง เขามองเธอด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง ก่อนจะหยิบแหวนออกมาแล้วยื่นไปตรงหน้าโรสริน รอคอยคำตอบด้วยใจที่จดจ่อ โรสรินมองแหวน ใจก็เป็นห่วงณรงค์ เป็นห่วงตะวัน เธอมองไปที่เดชาอีกครั้ง
“ถ้าฉันหนีไปกับคุณ สัญญาว่าจะไม่แก้แค้นตะวันอีก”
เดชาแอบเจ็บที่โรสรินทำเพื่อตะวันแต่ยอม เพราะอยากให้โรสรินอยู่กับตัวเอง
“ผมสัญญา ถ้าผมผิดคำพูด ขอให้ผมไม่ตายดี”
โรสรินถอนหายใจเฮือกใหญ่พยายามทำใจ ก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมาวางบนเตียง แล้วเก็บเสื้อผ้า
น้ำค้างรู้เรื่องทุกอย่างจากตะวันก็ทั้งตกใจ ทั้งอึ้ง ทั้งตะลึง
“เดชากับพี่โรสเนี่ยนะคะ ไม่จริง น้ำค้างไม่เชื่อหรอกว่าพี่โรสจะเลือกเดชามากกว่าพี่ตะวัน”
“มันเป็นความจริง พี่เห็นเค้าสองคน” ภาพเดชาจูบโรสริน// ภาพเดชาถ่ายคู่กับโรสรินแวบเข้ามา “ใกล้ชิดกันมาก โรสรินเป็นคนถือตัว ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ง่ายๆ ถ้าไม่มีใจให้”
น้ำค้างเริ่มไม่พอใจ
“ทำไมพี่โรสถึงทำแบบนี้กับพี่ตะวัน”
“อย่าไปว่าเค้าเลย นี่มันชีวิตของเค้า”
น้ำค้างฟังแล้วก็ยิ่งโมโห
“น้ำค้างจะแจ้งตำรวจให้จับเดชา”
ตะวันจับแขนน้ำค้าง
“ไม่ได้ โรสจะไม่ปลอดภัย”
“แล้วเราจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไปแบบนี้น่ะเหรอคะ”
“เดชาอาจจะชั่ว แต่ถ้าเค้าทำให้โรสมีความสุขได้ พี่ก็จะไม่ขัดขวาง”
น้ำค้างหงุดหงิดแทนตะวัน
“ถ้างั้นพี่ตะวันจะอยู่ที่นี่อีกทำไม กลับบ้านเรากันเถอะค่ะ”
“พี่ยังกลับตอนนี้ไม่ได้ จนกว่าจะแน่ใจว่าโรสปลอดภัยจริงๆ เมื่อนั้นพี่ถึงจะกลับ”
น้ำค้างมองตะวันสีหน้าเห็นใจและสงสาร
“พี่ตะวัน”
น้ำค้างโผกอดตะวันปลอบใจ ตะวันหน้าเศร้ามาก
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 13 (ต่อ)
ที่บ้านพีระ พีระอยู่หน้าจอไอแพด กำลังคุยกับน้ำค้างผ่านทางเฟซไทม์ น้ำค้างเอาแต่ร้องไห้
“จะหยุดร้องไห้ และบอกฉันได้ยังว่าเธอเป็นอะไร”
“ไม่ต้องรู้”
“เอ้า มาร้องไห้ให้ฉันดูเฉยๆ เนี่ยนะ”
“อือ ก็ฉันไม่รู้จะไปร้องไห้กับใคร”
“ถ้าให้เดา เป็นเพราะพี่ชายเธอแน่ๆ ใช่ป่ะ” น้ำค้างหยุด “จริงด้วย และต้องเกี่ยวกับโรซี่ด้วยใช่มั้ย
ฉันพูดถูกอีกแล้วใช่มั้ย” น้ำค้างเงียบ “ถ้างั้น...”
“เลิกเดาได้แล้ว”
“ถ้าอยากให้เลิกเดาก็บอกความจริงมาสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะเดาไปเรื่อยๆ”
น้ำค้างลังเลจะบอกหรือไม่บอก
“ถ้าฉันบอก นายห้ามไปบอกใคร”
พีระยื่นนิ้วก้อยออกไป
“เกี่ยวก้อยสัญญาได้เลย”
“จะเกี่ยวได้ไงล่ะ” พีระยิ้ม “ที่พี่ตะวันกับพี่โรสเลิกกัน เป็นเพราะไอ้เดชา”
พีระฟังแล้วก็ตกใจ
เช้าวันถัดมา โรสรินเดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากในบ้าน
“ยุนอาว่างรึเปล่า ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย ถ้าไงอีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ซุปเปอร์แถวบ้านฉัน”
โรสรินวางสาย แล้วก็หยุดกึก เพราะพีระเดินเข้ามา สองคนมองหน้ากัน
โรสรินกับพีระยืนคุยอยู่ด้วยกันที่มุมหนึ่ง
“พีรู้เรื่องเสี่ยเดชาแล้ว” พีระบอก โรสรินอึ้ง
“รู้จากใคร”
“น้ำค้างบอกพี พีไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้โรซี่ตัดสินใจไปคบกับเค้า”
“นี่มันเรื่องของฉัน ถ้าจะมาพูดแค่นี้ ก็กลับไปได้แล้ว”
โรสรินหันหลังเดินหนี พีระไม่ยอม รีบเดินมาขวางหน้า
“พีไม่กลับ พี่ไม่ยอมให้โรซี่ไปคบกับคนชั่วๆ พรรณนั้น”
“มันเรื่องของฉัน พีไม่เกี่ยว”
“เกี่ยวสิ โรซี่เป็นเพื่อนพี พีรู้จักโรซี่มานาน ทำไมจะไม่รู้ว่าโรซี่เป็นคนยังไง และพีก็มั่นใจว่าโรซี่ไม่มีทางที่จะไปยุ่งกับคนอย่างมัน พี่รู้แล้ว” พีระนึกอะไรขึ้นมาได้ โรสรินหน้าถอดสี “มันต้องทำอะไรโรซี่แน่ๆ” พีระจับแขนโรสรินสองข้าง “มันทำอะไรโรซี่ใช่มั้ย”
โรสรินปัดแขนพีระออก
“ไม่ใช่ เค้าไม่ได้ทำอะไรฉัน” โรสรินบอกแต่หลบตา
“โรซี่หลบตา โรซี่โกหก”
โรสรินอึกอัก หน้าเหรอหรา
“ฉัน ฉันไม่ได้โกหก เลิกเซ้าซี้และอย่ามายุ่งกับฉันอีก”
“พีจะยุ่ง จนกว่าโรซี่จะบอกความจริง”
“โอ๊ย ฉันจี๊ดแล้วนะ”
“จี๊ดมาเลย พีรับมือโรซี่ได้ทุกกระบวนท่าอยู่แล้ว อยากด่าอยากว่าอะไรพี ก็ว่ามาเลย” พีระตบอกตัวเอง “มา”
“ในเมื่อไม่ยอมออกไป งั้นฉันไปเอง”
โรสรินเบี่ยงตัวหลบพีระจะเดินออกไป พีระหน้าเหวอ รีบตามไป
“พีไม่ให้โรซี่ไป”
พีระเข้ามาดึงแขนโรสริน เธอหันไป
“ปล่อย”
“ไม่ปล่อย” โรสรินดิ้นสู้ พีระก็จับตัวโรสรินแน่นไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ “พีไม่ปล่อยจนกว่าโรซี่จะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
“ฉันบอกให้ปล่อย”
“ไม่”
“ปล่อย ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันพูดไม่ได้ เข้าใจมั้ย” โรสรินอึดอัดมาก สุดทนจะร้องไห้ พีระชะงักมองหน้า
“แสดงว่ามีอะไรจริงๆ เพื่อนมีไว้ปรับทุกข์นะ มีอะไรจะได้ช่วยกัน”
“ไม่มีใครช่วยได้”
“ยังไม่ทันบอกจะรู้ได้ไง” พีระจับโรสรินให้หันมาประจันหน้า “บอกพีมาเถอะ โรซี่จะทนเก็บมันไว้คนเดียวทำไม? โรซี่ไม่อึดอัด ไม่ทุกข์ทรมานงั้นเหรอ”
โรสรินค่อยๆ สงบ มองหน้าพีระ คิดตามที่พูด
โรสรินตัดสินใจบอกความจริงกับพีระ
“เสี่ยเดชาสัญญาว่าจะไม่แก้แค้นตะวัน ถ้าฉันหนีไปกับเค้า” โรสรินตัดสินใจงบอกความจริง พีระ
อึ้ง ตกใจ
“ไอ้สารเลว โรซี่ต้องบอกเรื่องนี้ให้ตะวันรู้ เพราะตอนนี้ตะวันเข้าใจว่าโรซี่กับไอ้เดชา...”
“ห้ามบอกตะวัน ให้เค้าเข้าใจแบบนั้นน่ะดีแล้ว”
“แต่”
“ถ้าพีบอกตะวัน ก็ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันอีก”
“ทำไมอ่ะ ทำไมโรซี่ต้องเสียสละมากขนาดนี้”
“เพราะฉันรักตะวันมาก รักมากจนฉันทนเห็นเค้าเป็นอะไรไม่ได้ ฉันถึงขอเลือกที่จะเป็นอะไรแทน”
พีระอึ้งสุดๆ ไม่นึกว่าโรสรินจะรักตะวันมากขนาดนี้ โรสรินจับแขนพีระสองข้าง “รับปากฉันว่าจะไม่บอกตะวันหรือใคร รับปากฉันสิพี”
พีระเงียบ โรสรินเขย่าแขนพีระ เขาจำต้องพยักหน้า โรสรินร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แล้วก็เอาหัวซบไหล่พีระ พีระยกมือตบหลังโรสรินปลอบใจ
วันเดียวกันนั้นที่บ้านโรสริน โรสรินกับยุนอาวางถุงใส่ของสดบนโต๊ะ
“ขอบใจนะยุนอาที่คอยช่วยฉัน”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ยุนอาเต็มใจ ว่าแต่คุณโรสแน่ใจเหรอคะว่าจะทำกับข้าวเอง”
โรสรินเอาไอแพดมาเปิด
“ฉันหาสูตรทำอาหารชอบของคุณปู่เอาไว้หมดแล้ว เดี๋ยวเรามาช่วยกันทำ”
“ยุนอาด้วยเหรอคะ”
“ใช่ เธอจะได้คอยทำให้คุณปู่ทาน”
“เอ้า แล้วไหงยุนอาต้องทำด้วยล่ะคะ”
“เพราะว่าฉัน...(จะไม่อยู่) เออ เพราะเผื่อฉันไม่มีเวลาไง”
“ยุนอาว่าหาซื้อ ง่ายกว่า”
“ซื้อมันจะสะอาดเท่ากับทำเองได้ไง มาเริ่มกันเลยดีกว่า” โรสรินหันไปมองไอแพด “ดูสิต้องเตรียมอะไรบ้าง”
โรสรินกับยุนอาช่วยกันทำอาหาร
เวลาผ่านไป อาหารเต็มโต๊ะ ณรงค์ตื่นตาตื่นใจ หันไปทางโรสรินกับยุนอา
“ทำเองทั้งหมดเลยเหรอ”
“ค่ะ โรสกับยุนอาช่วยกันทำ คุณปู่ทานดูสิคะว่าถูกปากรึเปล่า”
ณรงค์กิน เคี้ยว คิด
“จืดไปนิด”
“โรสจงใจค่ะ ไม่อยากให้คุณปู่ทานรสจัดมาก จะไม่เป็นผลดีกับไต”
“แหม ปู่ก็ไม่ได้ทานบ่อยๆ ขอเติมพริกอีกนิด”
“ไม่ได้ค่ะ คุณปู่ต้องอดทนน่ะค่ะ ต้องทำให้ได้ เพราะโรสอยู่ดูแลคุณปู่ไม่ได้” ณรงค์กับยุนอามองโรสริน “เออ โรสหมายถึง โรสดูแลคุณปู่ไม่ได้ตลอดเวลานะคะ คุณปู่ต้องมีวินัย และยุนอาก็ต้องช่วยดูแลคุณปู่ด้วย”
“ตกลงเราเป็นหลาน หรือเป็นแม่ปู่กันแน่”
โรสรินหัวเราะ ยุนอาจับท้องตัวเอง
“เราทานกันได้เหรอยังคะ ยุนอาหิวแล้ว”
“ทานเลยจ๊ะ”
โรสรินกับยุนอานั่งลง ทั้งหมดกินข้าวด้วยกัน โรสรินดูแลณรงค์ ตักกับข้าวให้ณรงค์กับยุนอา ก่อนจะหันไปมองณรงค์ไม่วางตาราวกับต้องการจดจำภาพนั้นเอาไว้
โรสรินกำลังชงชาร้อน แล้วหยิบกระปุกยาขึ้นมามอง สีหน้ารู้สึกไม่สบายใจ
“แค่หลับไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ขอโทษนะคะคุณปู่”
โรสรินเทยานอนหลับลงไปในน้ำชา
โรสรินเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดวางชาร้อน เดินมาหาณรงค์ที่นั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะ
“ชาร้อนค่ะคุณปู่”
“ขอบใจ”
ณรงค์ยิ้ม โรสรินมองณรงค์แววตาอาลัย แล้วก็คุกเข่าลงบนพื้นข้างณรงค์ ก่อนจะโผกอดณรงค์แน่น ณรงค์แปลกใจมาก
“โรสรักคุณปู่นะคะ ตั้งแต่พ่อแม่โรสเสีย คุณปู่ก็ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ และเป็นคนเดียวที่รักโรส ไม่ว่าโรสจะทำตัวแย่แค่ไหน ปู่ก็พร้อมจะให้อภัย” โรสรินพูดแล้วก็ร้องไห้ “โรสขอโทษนะคะ ถ้าโรสเคยทำตัวไม่ดี ทำให้คุณปู่กลุ้มใจบ่อยๆ”
ณรงค์ดึงโรสรินออกมา เห็นน้ำตาโรสรินไหล ก็เช็ดน้ำตาให้
“โรสเป็นอะไรรึเปล่า วันนี้เราดูแปลกๆ นะ”
“โรสไม่ได้เป็นอะไรค่ะ โรสแค่ อยากขอบคุณคุณปู่ ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ”
“พูดซะหยั่งกับว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก”
โรสรินแทบจุก กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“โรสเคยอ่านหนังสือ เค้าบอกว่าชีวิตคนมันสั้น ให้เราทำทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ปู่คะ ถ้าเกิดโรสทำเรื่องที่มัน มันแย่มาก ปู่จะให้อภัยโรสมั้ยคะ”
ณรงค์นิ่วหน้า
“ปู่ว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ หนูเป็นอะไร บอกปู่มา”
“โรสไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ เพียงแต่เรื่องนี้มันคาใจโรสมาตลอด โรสก็เลยอยากรู้ ปู่ตอบโรสมาสิคะ”
“หนูเป็นหลานคนเดียวของปู่ เป็นสายเลือด เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ปู่พร้อมจะให้อภัยหนูเสมอไม่ว่าหนูจะทำอะไรผิดขนาดไหนก็ตาม”
โรสรินยิ้ม กอดณรงค์อีกครั้ง
“ขอโรสกอดปู่นานๆ หน่อยนะคะ”
“เด็กเอ๋ยเด็ก”
ณรงค์ลูบหัวโรสริน โรสรินน้ำตาไหลไม่หยุด
พีระเดินไปเดินมาอยู่ที่ออฟฟิศ สีหน้ากลัดกลุ้มมากๆ
“จะทำยังไงดีวะ จะทำยังไงดี”
ระหว่างนั้นอุษาวดีเดินมาเห็นพีระกำลังงุ่นง่านก็แปลกใจ
“พี่พี” พีระไม่ได้ยิน “พี่พี”
พีระสะดุ้งหันไป
“ห๊ะ”
“พี่พีเป็นอะไรคะ ท่าทางแปลกๆ”
“เออ เปล่า” พีระรีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นอุษาวดีสะพายกระเป๋า “จะไปไหน”
“ไปหาคุณตะวันค่ะ”
“ยังไม่ตัดใจจากตะวันอีกเหรอ”
“พี่พีเลิกพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ซักที”
“เรื่องที่เธอจะให้ตะวันหันมาชอบเธอต่างหากที่มันเป็นไปไม่ได้ เค้ายังรักโรซี่อยู่ เค้าสองคนรักกัน”
อุษาวดีนิ่วหน้า
“นี่พี่พีเลิกชอบยัยโรสแล้วเหรอคะ”
“พี่ยังชอบโรซี่ แต่พี่อยากเห็นโรซี่มีความสุขกับคนที่เค้ารักมากกว่า และเธอก็ควรจะคิดแบบเดียวกับพี่ด้วย”
“พ่อพระจังเลยนะคะ เค้าสองคนเลิกกันแล้ว อุษามั่นใจ เพราะขนาดคุณตะวันเจ็บหนัก ยัยโรสยังไม่มาดูแล”
พีระสุดทน เผลอโพล่งออกไป
“นั่นเป็นเพราะเสี่ยเดชาต่างหาก” อุษาวดีชะงัก
“เสี่ยเดชา” อุษาวดีคิดนิดหนึ่ง “อ๋อ เสี่ยเดชาคนนั้น แล้วเค้ามาเกี่ยวอะไรด้วย”
พีระรู้ตัวว่าไม่ควรพูด
“เออ ไม่ ไม่มีอะไร”
“จะไม่มีไรได้ไง ก็พี่พีเพิ่งพูดออกมา พี่พี” อุษาวดีเรียกเสียงแข็ง
พีระมองอุษาวดี สีหน้าลังเล จะเล่าดีหรือไม่
มุมหนึ่งภายในโรงพยาบาล โรสรินยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้กิตติทัต
“ฉันจดเอาไว้หมดแล้วว่าคุณปู่มียาอะไรที่ต้องทานเป็นประจำบ้าง แล้วก็วันที่หมอนัดตรวจสุขภาพ รวมถึงอาหารที่ปู่แพ้”
“เอามาให้ทัตทำไม”
“ฉันอยากฝากทัตให้ช่วยดูปู่”
“โรสจะไปไหน ถึงต้องฝาก”
“ว่าจะไปเที่ยวซักพัก”
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ ตกลงจะช่วยรึเปล่า ถ้าไม่ช่วยจะได้จำไว้”
“ช่วยสิ ปู่ของโรส ก็เหมือนปู่ของทัตเหมือนกัน”
“ได้ยินแบบนี้ ก็สบายใจ” เธอจับมือกิตติทัต “ฝากปู่ด้วยนะทัต”
“อื้อ ไม่ต้องห่วง ว่าแต่จะไปเที่ยวไหน”
“ยังไม่รู้ แต่คงจะไปไกลมาก”
โรสรินมองเหม่อไปทางอื่น หน้าเศร้า กิตติทัตมองอย่างสงสัย
ที่ออฟฟิศพีระ อุษาวดีมองหน้าพีระอึ้งมาก หลังจากที่รู้เรื่องทุกอย่าง
“คุณตะวันรู้เหตุผลของโรสรึเปล่าคะ”
“ไม่รู้ โรซี่ให้พี่รับปากว่าไม่ให้บอกตะวัน แต่พี่จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว”
“ถ้าคุณตะวันมารู้ทีหลังคงจะเสียใจมาก”
“นั่นสิ” อุษาวดีเงียบ เครียด กังวล พีระคิด แล้วตัดสินใจ “ยังไงก็ต้องบอกตะวัน เค้าต้องรู้ และจะได้ห้ามโรซี่ไม่ให้หนีไปกับไอ้เดชา”
พีระรีบออกไป อุษาวดีอึ้งกับการตัดสินใจของพี่ชาย แล้วก็เกิดกังวลใจขึ้นมา
โรสรินเปิดประตูห้องณรงค์เข้ามาเห็นณรงค์หลับ เธอวางกระเป๋าไว้บนพื้น หน้าเศร้ามาก โรสรินเดินไปคุกเข่าข้างเตียง แล้วก้มลงกราบณรงค์ เงยหน้าขึ้นมา น้ำตาไหล
“โรสขอโทษนะคะที่โรสอยู่ดูแลคุณปู่ไม่ได้ ถ้ายังไงชาติหน้าโรสขอเกิดมาเป็นหลานปู่อีกนะคะ”
โรสรินกอดณรงค์ แล้วร้องไห้
โรสรินหิ้วกระเป๋าเดินออกมาเจออุษาวดีก็ตกใจ อุษาวดีแกล้งทำหน้าตาตื่นวิ่งเข้ามา พอเห็นโรสรินก็ทำเป็นโล่งใจ
“โล่งอกที่เธอยังไม่ไปกับเสี่ยเดชา”
โรสรินนิ่วหน้า
“เธอรู้”
“อือ พี่พีเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง”
“นายพีระนะนายพีระ ฉันบอกไม่ให้เล่าให้ใครฟัง”
“อย่าว่าพี่พีเลย พี่พีเค้าเป็นห่วงเธอมาก เค้าบอกให้ฉันมาหาเธอ เพราะตอนนี้เค้ากำลังไปบอกคุณตะวัน”
“ไม่ได้นะ ตะวันจะรู้ไม่ได้ ฉันจะโทรบอกพี”
โรสรินจะโทรหาพีระ แต่อุษาวดีจับแขนเธอไว้
“บอกไม่ทันแล้ว คุณตะวันคงกำลังมา”
“ฉันต้องไปนะอุษา ฉันไม่ไปไม่ได้ ถ้าเสี่ยเดชาไม่เห็นฉัน เค้าอาจจะส่งลูกน้องมาฆ่าตะวันก็ได้”
“เค้าคงไม่ทำหรอกโรส ฉันว่าเค้าขู่เธอเฉยๆ”
“เค้าไม่ได้ขู่ เค้าเป็นคนพูดจริงทำจริง ยังไงฉันก็ต้องไป”
“ฉันไม่ให้เธอไป”
“อุษา ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะ ทุกอย่างมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันถอยไม่ได้อีกแล้ว” โรสรินจับมืออุษาวดี “ถ้าฉันไป ตะวันจะปลอดภัย ได้โปรดช่วยฉันเถอะนะ”
“อย่าทำให้ฉันลำบากใจสิ”
“ฉันรู้ว่าเธอลำบากใจ แต่ฉันจำเป็นต้องไปจริงๆ เธอก็บอกทุกคนแหละกันว่าเธอมาไม่ทัน” อุษาวดีทำเป็นถอนหายใจ “ช่วยฉันนะอุษา”
อุษาวดีนิ่งไปนิดหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปส่ง ฉันจะได้เห็นว่าเธอปลอดภัย”
โรสรินยิ้มให้อุษาวดี และพยักหน้า แต่อุษาวดีหันไปลอบทำหน้าร้ายกาจ
พีระมาหาตะวันที่โรงแรมควีนโรส พีระยืนอยู่ตรงหน้าตะวันกับน้ำค้างที่นั่งอยู่บนโซฟา มีแย้ยืนตรงมุมห้อง
“ไอ้เดชาใช้ความปลอดภัยของผมต่อรองให้โรสคบกับเค้า”
“ใช่ โรซี่บอกผม แล้วก็กำชับไม่ให้ผมบอกคุณ แต่ผมทำไม่ได้”
“แสดงว่าพี่โรสไม่ได้รักไอ้เสี่ยเดชา พี่โรสทำเพราะต้องการช่วยพี่ตะวัน”
ตะวันอึ้ง แทบทรุด
“โธ่โรส ผมมันโง่จริงๆ ที่เข้าใจคุณผิด”
“รีบไปหาโรซี่ก่อนเถอะครับ เพราะโรซี่กำลังจะหนีไปกับไอ้เดชา”
ตะวันกับน้ำค้างอึ้งมาก
ตะวัน พีระ น้ำค้าง วิ่งเข้ามาในบ้านโรสริน
“โรส”
“พี่โรส”
“โรซี่”
ไม่มีเสียงตอบ
“ผมจะขึ้นไปดูบนห้อง” ตะวันบอก
“ผมกันน้ำค้างจะไปดูรอบๆ บ้าน”
ตะวัน พีระ น้ำค้างแยกกันไป
ตะวันเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนโรสริน ไม่เจอใคร ก็เอะใจ เดินเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าบางส่วนหายไป ก็แทบช็อก
ตะวัน พีระ น้ำค้าง เดินมาเจอกันในห้องรับแขก
“หาจนรอบบ้าน ก็ไม่เจอ”
“ผมว่าโรสคงจะไปแล้ว เสื้อผ้าในห้อง หายไปบางส่วน”
“นี่เรามาช้าไปเหรอเนี่ย”
“ไม่หรอก เรายังมาไม่ช้าไป”
พีระกับน้ำค้างมองตะวันสงสัย ระหว่างนั้นณรงค์เดินออกมา เห็นสามคนก็แปลกใจ
“มาหายัยโรสกันเหรอ”
ตะวัน น้ำค้าง พีระหันไปมองณรงค์ก็ทำหน้าไม่ถูก ก่อนจะยกมือไหว้ ณรงค์รับไหว้
“เจอยัยโรสเหรอยังล่ะ”
“ยังครับ คือโรสออกไปทำธุระข้างนอกน่ะครับ” ณรงค์ไม่ติดใจสงสัย ตะวันหันไปทางน้ำค้าง “น้ำค้างอยู่กับคุณปู่ที่นี่ พี่กับคุณพีระจะไปตามหาโรสริน”
“ระวังตัวด้วยนะคะพี่ตะวัน” น้ำค้างหันไปทางพีระเป็นห่วง “นายก็ระวังตัวด้วยนะ”
พีระพยักหน้า ตะวันกับพีระหันไปไหว้ณรงค์
“ผมสองคนไปก่อนนะครับ”
ณรงค์งง
“มาไวไปไวจริงวุ๊ย”
ตะวันกับพีระรีบเดินออกไป น้ำค้างหันมายิ้มแหยๆ
ตะวันกับพีระรีบเดินมาที่รถพีระที่จอดอยู่
“คุณคิดว่าโรซี่ไปไหน”
“ผมไม่รู้”
พีระหยุดเดินข้างรถ
“อ้าว”
“แต่ผมมั่นใจว่าไอ้เดชามันต้องหนีทางเรือ เพราะเป็นทางที่ปลอดภัยที่สุด”
“แต่ท่าเรือมีเป็นสิบๆ ที่เลยนะ”
“ถ้าไงเริ่มหาจากท่าเรือใหญ่ๆ ก่อน”
พีระพยักหน้า แล้วสองคนก็ขึ้นรถ พีระขับรถออกไป
รถอุษาวดีแล่นมาจอดที่ท่าเรือ โรสรินกับอุษาวดีลงมาจากรถด้วยกัน โรสรินมองข้างหน้าสีหน้าไม่มีความมั่นใจ
“เสี่ยเดชาอยู่ไหน” อุษาวดีถามเมื่อไม่เห็นเดชา
“เดี๋ยวเค้าก็คงมา เธอกลับไปเถอะ” อุษาวดีแอบห่วงโรสรินเหมือนกัน แต่ก็พยักหน้า กำลังจะขึ้นรถ แต่โรสรินนึกขึ้นมาได้ รีบเดินมาหาอุษาวดี “เดี๋ยวก่อนอุษา” อุษาวดีหันไป โรสรินโผกอดอุษาวดีแน่น ทำเอาอุษาวดีอึ้ง “ขอบใจมากนะ ขอบใจจริงๆ” อุษาวดีพูดไม่ออก โรสรินผละออกมา “เธอเป็นเพื่อนที่ฉันไว้ใจที่สุด” อุษาวดีฟังแล้วก็แอบจึก “เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน ฉันขอโทษนะถ้าที่ผ่านมา ฉันเคยทำไม่ดีกับเธอ”
“ไม่เป็นไร”
“ก่อนที่ฉันจะไป ฉันมีเรื่องอยากขอ ฝากดูแลตะวันแทนฉันที” อุษาวดีถึงกับอึ้ง “ ฉันรู้ว่าเธอคิดยังไงกับเค้า และถ้าเป็นเธอที่ได้ลงเอยกับตะวัน ฉันก็จะดีใจและสบายใจมาก” อุษาวดีรู้สึกผิดสุดๆ โรสรินจับมืออุษาวดีอีกครั้ง
“รับปากฉันได้มั้ย”
อุษาวดีกลืนน้ำลายลงคอด้วยความลำบาก
“จ๊ะ ฉันรับปาก”
โรสรินยิ้มดีใจ แล้วก็พยักหน้า ก่อนจะปล่อยมือ และถอยออกไป
“ฉันไปก่อนนะ”
“โชคดีนะโรส”
โรสรินยิ้มและหันหลังเดินหายเข้าไปในความมืด อุษาวดีมีสีหน้าแย่มาก รู้สึกผิดสุดๆ
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 13 (ต่อ)
ตะวันกับพีระตามหาโรสรินที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง ทั้งคู่แยกกันหา แต่ก็ไม่เจอ
ภายในท่าเรืออีกแห่ง เดชายืนมองไปตรงทางเดิน ล่ำกับแหลมเดินมาข้างๆ
“เรือใกล้จะออกแล้ว ผมว่าเราไปกันดีกว่า”
“นั่นสิครับ ผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่มา”
“คุณโรสต้องมา” เดชาบอกอย่างมั่นใจ ล่ำกับแหลมถอนหายใจ ไม่นานโรสรินเดินมา เดชา ล่ำ แหลมเห็น เดชายิ้มดีใจ รีบเดินเข้าไปหา “ผมช่วยถือ...”
“ไม่เป็นไร”
“เสี่ยครับ รีบไปกันเถอะครับ”
เดชาพยักหน้า แล้วทั้งหมดก็เดินไปด้วยกัน
อีกด้านหนึ่ง อุษาวดีจอดรถติด สีหน้าไม่มีความสุข นึกย้อนกลับไปถึงคำพูดโรสริน
“ขอบใจมากนะ ขอบใจจริงๆ” อุษาวดีพูดไม่ออก โรสรินผละออกมา “เธอเป็นเพื่อนที่ฉันไว้ใจที่สุด” อุษาวดีฟังแล้วก็แอบจึก “เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน ฉันขอโทษนะถ้าที่ผ่านมา ฉันเคยทำไม่ดีกับเธอ”
“ไม่เป็นไร”
“ก่อนที่ฉันจะไป ฉันมีเรื่องอยากขอ ฝากดูแลตะวันแทนฉันที” อุษาวดีถึงกับอึ้ง “ฉันรู้ว่าเธอคิดยังไงกับเค้า และถ้าเป็นเธอที่จะได้ลงเอยกับตะวัน ฉันก็จะดีใจและสบายใจมาก”
อุษาวดีทุบพวงมาลัยไม่หยุด รู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ แล้วก็ตัดสินใจบางอย่าง
ตะวันกับพีระเดินมาด้วยกัน หน้าตาไม่สู้ดีทั้งคู่
“หามาสามสี่ที่ ก็ไม่มีวี่แวว”
“ก็ต้องหาต่อไป”
ระหว่างนั้นเสียงมือถือพีระดังขึ้น พีระหยิบออกมากดรับสาย
“ว่าไงอุษา” พีระฟัง แล้วชะงัก “เธอรู้ว่าโรซี่อยู่ที่ไหน?”
ตะวันมองพีระตาโต
ภายในท่าเรือ เดชา โรสริน ล่ำ แหลม เดินมาด้วยกัน แต่โรสรินกลับพะดืดพะอมเพราะว่าเครียดมาก
“ฉันขอเข้าห้องน้ำก่อนได้มั้ย”
“มันจะไม่ทันนะครับเสี่ย” ล่ำบอก
“ฉันใช้เวลาไม่นาน”
“ก็ได้ ห้องน้ำอยู่ทางนั้น”
โรสรินพยักหน้า แล้ววางกระเป๋าเอาไว้ก่อนจะรีบเดินออกไป ล่ำกับแหลมร้อนใจมาก
โรสรินอยู่ในห้องน้ำกำลังอาเจียนอย่างหนัก สภาพแย่มาก ตัวสั่น มือสั่นไปหมด เธอเดินออกมาที่อ่างล้างมือ แล้วเปิดน้ำ วักน้ำล้างหน้าไม่หยุด ก่อนจะเงยหน้ามองตัวเองในกระจก
ขณะนั้นตะวันกับพีระเดินเข้ามาในท่าเรือ
“ที่นี่เหรอที่น้องสาวคุณบอก” ตะวันถามพีระ
“ใช่”
“ทำไมมันเงียบแบบนี้”
“คุณตะวัน” ตะวันหันมา “ผมว่าเราแจ้งความไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ได้ ถ้าตำรวจมา ไอ้เดชามันอาจจะทำอะไรโรส รีบแยกกันหา ถ้าใครเจอก่อนก็ให้โทรมาบอก”
พีระกับตะวันแยกกันเดิน
ล่ำเดินมายืนข้างเดชา
“คุณโรสรินไปนานแล้วนะเสี่ย”
“ผมไปตามให้มั้ยครับ”
“ฉันไปตามเอง”
เดชาเดินออกไป
ตะวันตามหาโรสรินมาตามทาง แล้วก็เห็นโรสรินออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่ทรุดมาก ตะวันดีใจสุดๆ
“โรสริน”
โรสรินหันไปเห็นตะวันก็อึ้ง ตะลึงงัน ตะวันพุ่งเข้ามากอดโรสรินแนบแน่น แต่โรสรินกลัวเดชาเห็น รีบผละออกจากตะวัน
“นายจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ หนีไป”
“ผมไม่หนี ผมรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเสียสละเพื่อผมมากขนาดนี้”
“ทำไมจะไม่จำเป็น ในเมื่อนายเป็นคนที่ฉันรัก”
“แต่นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเดชา ผมจะไม่ให้คุณยุ่งกับเรื่องนี้อีก คุณต้องกลับไปกับผม”
“ฉันกลับไม่ได้ ถ้าฉันกลับ เดชาจะส่งคนมาฆ่าคุณ”
“ผมไม่กลัว”
“แต่ฉันกลัว ฉันเสียนายไปไม่ได้นะตะวัน ฉันเสียนายไม่ได้”
โรสรินร้องไห้ ตะวันซาบซึ้งใจ ยกมือเช็ดน้ำตาให้เธอ
เดชาเดินมาเห็นตะวันกับโรสรินก็หยุดกึก แววตาอาฆาตแค้นทันที
“โรสริน คุณหักหลังผม”
เดชาหยิบปืนที่เหน็บเอวออกมา เล็งไปที่ตะวัน แต่โรสรินหันมาเห็นพอดีก็ตกใจมาก รีบเอาตัวบังตะวันเอาไว้
“อย่ายิงนะเสี่ยเดชา”
ตะวันเห็นเดชาก็ชะงัก กัดกรามแน่น เดชาเดินออกมาจากเงามืด จ่อปืนมาที่โรสรินกับตะวัน ตะวันตัดสินใจ ผลักโรสรินให้พ้นทางแล้วยืนประจันกับเดชา โรสรินตกใจ
“ตะวัน”
ตะวันยกมือห้ามโรสรินไม่ให้เข้ามา
“ถ้าแกต้องการฆ่าฉัน ก็ฆ่าซะเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉันอีก”
“ผู้หญิงของแกงั้นเหรอ เข้าใจผิดรึเปล่า คุณโรสเป็นผู้หญิงของฉัน แกเห็นแหวนนั่นมั้ย”
ตะวันหลุบตาไปมองแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายของโรสริน
“เมื่อไหร่แกจะเลิกหลอกตัวเองซักที ที่โรสรินยอมแก เพราะต้องการปกป้องฉัน โรสไม่ได้รักแก คนที่โรสรักคือฉัน”
เดชากำด้ามปืนแน่น โรสรินมองลุ้น ตะวันจ้องเดชาไม่กลัวความตาย แล้วทันใดนั้นเดชาก็ยิงปืน ปัง!
ล่ำกับแหลมได้ยินเสียงปืนก็ตกใจ มองหน้ากัน
“เสียงปืน”
“เสี่ย”
สองคนรีบวิ่งไปทางเสียงปืน
พีระอยู่อีกมุมหนึ่งได้ยินเสียงปืนก็ตกใจเช่นกัน
“แย่แล้ว”
พีระรีบวิ่งออกไป
เดชายิงปืนขึ้นฟ้า โรสรินกับตะวันโล่งอก โรสรินรีบโผเข้ากอดตะวัน เดชาเจ็บปวดกับภาพตรงหน้า
“มอบตัวซักเถอะเดชา แกหนีไม่รอดแล้ว”
“ฉันต้องรอด ยังไงก็ต้องรอด”
ล่ำกับแหลมวิ่งมาพอเห็นตะวันก็เอาปืนออกมาจ่อไปที่ตะวันกับโรสริน ตะวันรีบเอาโรสรินเอาไว้ข้างหลังและจับมือโรสรินเอาไว้แน่น
“เก็บมันทั้งคู่เลยมั้ยครับเสี่ย”
เดชาเงียบ หันไปมองตะวันกับโรสรินตากร้าวและเสียใจ ทันใดนั้นเสียงพีระดังขึ้น
“ทางนี้เลยครับคุณตำรวจ รีบมาเร็วครับ”
เดชา ล่ำ แหลมมองหน้ากัน
“ตำรวจ ตำรวจมา ทำไงดี”
“รีบหนีก่อนครับเสี่ย” ล่ำบอกแต่เดชายังนิ่ง “ไม่งั้นเราถูกจับแน่”
ล่ำกับแหลมรีบจับแขนเดชาลากออกไป เดชายังคงมองโรสรินด้วยสีหน้าเจ็บปวด ไม่นานพีระก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ยังคงแสดงบทบาท
“มาเลยครับคุณตำรวจ จับพวกมันเลยครับ” ตะวันกับโรสรินหันไปมองพีระ พีระหันไปมองรอบๆ “ไปกันหมดแล้วเหรอ”
ตะวันพยักหน้า พีระโล่งอก ตื่นเต้นแทบแย่
“ตำรวจอยู่ไหน” โรสรินถาม พีระยิ้ม
“ไม่มี พีหลอกเค้า” โรสรินถอนหายใจ แล้วเธอกับตะวันก็มองหน้ากัน ก่อนจะกอดกันอีกครั้ง พีระทำหน้าไม่ถูก
“รีบไปจากตรงนี้ก่อนดีมั้ย”
ตะวันกับโรสรินผละออกจากกันแล้วมองพีระ
ที่บ้านโรสริน ณรงค์กับน้ำค้างกำลังเล่นป๊อกเด้ง แต่น้ำค้างเหม่อมาก ถึงตาน้ำค้าง น้ำค้างก็ไม่รู้ตัว
“น้ำค้าง”
น้ำค้างหันมา
“คะ”
“จั่วไม่จั่ว”
น้ำค้างยังไม่ทันตอบ เสียงมือถือดังขึ้น น้ำค้างหยิบมือถือออกมา
“ค่ะพี่ตะวัน” น้ำค้างดีใจมาก “เยสเยส ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณคุณพระคุณเจ้า ขอบคุณขอบคุณขอบคุณ”
ณรงค์งงมากว่าน้ำค้างเป็นอะไร น้ำค้างวางสาย หันไปทางณรงค์
“น้ำค้างเป็นอะไร”
น้ำค้างมองณรงค์แล้วก็ยิ้ม
“ถ้าไงน้ำค้างขอกลับก่อนนะคะ”
น้ำค้างรีบออกไป ณรงค์ไม่เข้าใจ
“เด็กสมัยนี้ อะไรของพวกมัน เฮ้อ”
ภายในพักตะวันที่โรงแรมควีนโรส ตะวัน โรสริน พีระ น้ำค้างเดินเข้ามาด้วยกันในห้อง แย้เห็นทุกคนกลับมาก็ดีใจมากรีบเข้าไปกอดตะวัน
“ลูกพี่ แย้ดีใจที่ลูกพี่ปลอดภัยกลับมา”
ตะวันดึงแย้ออก
“พอได้แล้วไอ้แย้”
“คนมันห่วงอ่ะ ว่าแต่ไอ้เดชาถูกจับรึเปล่าครับ”
“มันหนีไปได้ แต่คงจะไม่กล้ากลับมาที่นี่อีก” ตะวันหันไปทางโรสริน “คุณไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ให้มันเข้าใกล้คุณได้อีก”
โรสรินพยักหน้า ตะวันกับโรสรินยิ้มให้กัน น้ำค้างยิ้มตามแล้วก็นึกได้หันไปมองพีระ เห็นพีระจ๋อยนิดๆ
“นายพีระ”
พีระหันมา
“ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ได้ห่วงซักหน่อย”
พีระอมยิ้ม แล้วโรสรินก็นึกขึ้นมาได้
“เออ จริงสิ ทุกคนรู้ได้ไงว่าโรสอยู่ที่ไหน”
“อุษาเป็นคนบอก”
โรสรินนิ่งไป
คืนนั้นเมื่อพีระกลับถึงบ้าน อุษาวดีมองพีระด้วยสีหน้าสบายใจและดีใจมาก
“พี่พีกับคุณตะวันช่วยโรสออกมาทันเหรอคะ”
พีระพยักหน้า อุษาวดีโล่งอกสุดๆ พีระสงสัย
“ว่าแต่อุษารู้ได้ไงว่าโรสอยู่ที่ท่าเรือ”
อุษาวดีหน้าถอดสี พีระมองอย่างสงสัย
“อุษา อุษาเป็นคนไปส่งโรสที่นั่นเองค่ะ” อุษาวดีบอกสียงเครือ พีระชะงักแปลกใจ “อุษาคิดอยากให้โรสไปไกลๆ จากคุณตะวัน อุษาขอโทษ อุษาเลวมากใช่มั๊ยคะพี่พี” อุษาวดีปล่อยโฮ พีระเช็ดน้ำตาให้
“การที่อุษาสำนึกผิด และทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ได้ถือว่าอุษาเป็นคนเลว”
“พี่พีโกรธอุษามั้ย”
“พี่จะโกรธน้องสาวเพียงคนเดียวของพี่ได้ยังไง”
“พี่พี” อุษาวดีกอดพีระแน่น พีระกอดอุษาวดี ตบหลังปลอบใจ ไม่นานอุษาวดีก็ผละออกมา “อุษาเห็นแล้วว่าโรสรักคุณตะวันมากแค่ไหน มากจนยอมสละชีวิตของตัวเอง ซึ่งอุษาไม่มีทางทำแบบนั้นได้แน่ อุษาจะตัดใจจากคุณตะวันให้ได้ค่ะ”
“พี่จะเป็นกำลังใจให้เอง”
อุษาวดีกับพีระยิ้มให้กัน พีระจับหัวอุษาวดี อุษาวดีกอดพีระอีกครั้ง
ตะวันเดินจับมือโรสรินพามาส่งที่ประตูหน้าบ้าน โรสรินหันไปทางตะวัน
“คืนนี้จะมีตำรวจมาเฝ้าแถวหน้าบ้านคุณน่ะครับ”
“ถ้างั้นคงต้องบอกให้ปู่รู้แล้วล่ะค่ะ” ตะวันพยักหน้า “ขอบใจที่มาส่ง” ตะวันพยักหน้า มือยังไม่ปล่อยจากมือโรสริน “ปล่อยได้แล้ว” ตะวันปล่อยมือจากโรสริน แล้วก็ยิ้ม “ยืนอยู่ทำไม ไปสิ”
“คุณเข้าบ้านก่อนสิ”
โรสรินยิ้มและพยักหน้า หันหลัง แล้วก็นึกขึ้นได้ หันมาหอมแก้มตะวัน ตะวันอึ้ง โรสรินยิ้มเขิน แล้วก็เข้าไปในบ้าน ตะวันยิ้ม แล้วก็รู้สึกกังวลใจบางอย่าง
กลางดึกคืนนั้นตะวันยืนเหม่อ สีหน้ากลัดกลุ้ม อยู่ริมหน้าต่างห้องนอน ด้านหลังน้ำค้างเดินเข้ามา
“พี่ตะวันยังกลุ้มไรอีกคะ ในเมื่อพี่โรสก็ปลอดภัยแล้ว”
“พี่มีลางสังหรณ์” ตะวันหันมาทางน้ำค้าง “ว่าเดชายังไม่ได้ไปที่ไหนไกล”
ตะวันหันไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง สีหน้ากังวลใจมาก น้ำค้างเองก็อดที่จะกังวลใจตามไปด้วยไม่ได้
เดชากำหมัดแค้น ขบกรามแน่นขึ้นเป็นสัน ล่ำขับรถอย่างเร็ว แหลมนั่งอยู่ข้างหลัง
“กลับรถ” เดชาบอกเสียงเข้ม
“แต่ว่า”
ล่ำ แหลม หันมองเดชาอย่างอึ้งสุดๆ
“กลับรถสิวะ” เดชาตะคอก ล่ำกลัวเดชา เบรกเอี๊ยดหยุดรถทันที
“เราต้องหนีกันแล้วนะครับ”
“ถ้าจะกลับไปเก็บพวกมันก็คงไม่ได้ ป่านนี้ตำรวจคงยั้วเยี้ยเต็มโรงแรมแล้วก็ที่บ้านคุณโรสแล้ว”
เดชาคำรามอย่างเจ็บแค้น
“เกมมันยังไม่จบ”
“เรือจะออกแล้ว ยอมรับความจริงเถอะครับ มันจบแล้ว”
เดชาฟาดหลังมือเต็มหน้าล่ำ เลือดกบปากกบจมูก
“ฉันยังไม่ชนะ แล้วมันจะจบเกมได้ยังไง”
“ถ้าเราไม่หนี เสี่ยคิดจะทำยังไงต่อ” แหลมถาม
เดชาครุ่นคิดแผน ความโกรธ ความเจ็บแค้น และความอาฆาตปะทุรุนแรงในหัวใจ
เช้าวันใหม่ที่โรงแรมควีนโรสมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ยืนและเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ในโรงแรม
ภายในห้องทำงานณรงค์ ณรงค์กอดโรสรินไว้อย่างรักและห่วงแทบขาดใจ
“โรสเอ๊ย ปู่จะหัวใจวายตายวันละหลายๆ หน ก็เพราะหนูนี่แหล่ะ ชีวิตทั้งชีวิตเอาไปเสี่ยงกับไอ้คนพรรค์นั้นทำไมลูกเอ๊ย”
โรสรินมีสีหน้าสำนึกผิดที่เป็นตัวต้นเหตุจนทุกคนวุ่นวายกันหมด
“ปู่ณรงค์ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้ตำรวจเฝ้าดูแลหมดแล้ว เดชามันไม่กล้าทำอะไรแน่แต่ถ้ามันมาจริงๆ” ตะวันมองอย่างให้คำมั่นสัญญา “ผมจะเอาชีวิตผมปกป้องโรสเอง”
ยุนอาเคลิ้มกับความรักของโรสริน
“คุณโรสกับคุณตะวัน ต่างก็ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อคนที่เรารัก”
แย้ถือโอกาสโอบยุนอา
“แย้เองก็ตายแทนยุนอาได้เหมือนกันจ๊ะ”
“ถ้างั้นตายตอนนี้เลยมั้ย” แย้สะดุ้ง “เอามือออกไป”
แย้ยิ้มแหย รีบเอามือออก ทุกคนขำๆ
“ผมไม่อนุญาตให้คุณทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว ยิ่งคุณเสี่ยงเท่าไหร่ ใจผมยิ่งสลายเท่านั้น” ตะวันบอกกับโรสริน
ยุนอากับแย้หันมาจับมือกันโดยไม่รู้ตัว
“จิ้น”
ยุนอากับแย้หันมาเจอกัน แย้ยิ้มหวาน ยุนอารีบดึงมือออก โรสรินยิ้มออกมาอย่างเขิน
“เลี่ยนเว่อร์ ไม่อายปู่กับยุนอารึไง”
โรสรินตีตะวัน ตะวันจับมือโรสรินไว้ มองตาจริงใจ
“ห่วงเกินกว่าจะอาย”
ณรงค์ยื่นมือไปจิกหมอนกับยุนอาด้วย จิ้นกันสุดๆ ตะวันมองที่นิ้วมือโรสรินเห็นว่ายังสวมแหวนเพชรของเดชาอยู่ ตะวันเกิดงอนขึ้นมาเลย อารมณ์แบบว่าหวงโรสรินสุดชีวิตสุดหัวใจ ตะวันเดินหนีออกไปเลย โรสริน ณรงค์ ยุนอา แย้ หันขวับมองตามอย่างงงๆ
“เอ๊า เป็นอะไร งอนอะไรเนี่ย”
ตะวันเดินหนี โรสรินเดินตามติด
“งอนเหรอ”
ตะวันทำหน้างอนๆ
“นิดนึง น้อยใจนิดหน่อย”
โรสรินเดินไปขวางหน้า มองหน้าตะวันยิ้มๆ
“ดูทำๆ น่ารักเหมือนกันนะนายเนี่ย”
ตะวันปรายตามองที่นิ้วมือโรสริน เห็นยังสวมแหวนเพชรของเดชาอยู่ แล้วตะวันก็ตวัดสายตามองไปทางอื่น
โรสรินรู้ทันทีว่าตะวันงอนเรื่องอะไรเธอจึงชูแหวน
“นี่ใช่ไหม ตะวัน ไม่ใช่ว่าฉันลืมถอดออก แต่เพราะฉันไม่ใส่ใจมันเลยต่างหาก มันถึงยังอยู่ในนิ้วฉัน” โรสรินถอดแหวนออก “โอเคมั้ย” มีรอยยิ้มออกมาจากใบหน้าตะวัน โรสรินเห็นพนักงานทำความสะอาดถูพื้นกำลังจะผ่านไป
“เดี๋ยว” โรสรินเดินเข้าไปหา “มีแฟนรึยัง แต่งงานรึยัง”
พนักงานมอง งงๆ
“มีแล้วครับ แต่ยังไม่ได้แต่งครับ”
โรสรินยื่นแหวนเพชรให้
“ฉันให้ เอาไปขอแต่งงานนะ” พนักงานอึ้ง โรสรินยื่นให้ พนักงานไม่กล้ารับแหวน “รับไปสิ ไม่อยากได้เมียรึไง”
พนักงานยอมรับแหวน
“ขอบคุณมาก ขอบคุณมากครับคุณโรส”
แล้วพนักงานก็เดินทำความสะอาดออกไป ตะวันยิ้มมองโรสริน เธอจึงหันมาเหวี่ยงขู่ตะวัน
“ยิ้มอะไร เห็นมั้ยว่านิ้วฉันว่างแล้ว ถ้าภายใน15นาที แหวนของนายยังไม่อยู่บนนิ้วมือฉันล่ะก็ พูดเลยว่า จี๊ดส์”
ตะวันตะเบ๊ะให้โรสริน
“ครับผม ผมจะรีบมาครับคุณโรส”
“ฉันรอที่สวนส่วนตัวของฉันนะ”
ตะวันรีบออกไปทันที โรสรินยิ้มมองตามอย่างสุขใจ
โรสรินเดินเล่น ชมสวนอยู่ที่บริเวณสวนส่วนตัว พลันมีใครบางคน เดินมาด้านหลังใกล้ๆ โรสรินรู้ทันทีว่าตะวันมาแล้ว
“มาไวจัง” โรสรินหันมาแล้วอึ้ง “อ้าว พีเองเหรอ”
พีระยิ้มให้โรสริน
“นึกแล้วว่าต้องมาอยู่ที่นี่”
“แล้วพีรู้ได้ยังไง”
“เวลาโรซี่ สบายใจหรือว่ามีความสุข โรซี่มักจะมาอยู่ตรงนี้เสมอ พีรู้เรื่องทุกอย่างของโรซี่นะ ลืมไปแล้วเหรอ พี่น่ะแฟนคลับโรสรินตัวจริงเลยนะ”
“พีมีธุระอะไรรึเปล่า”
“มีสิ สำคัญกับพีมาก ไม่ใช่สิ สำคัญกับเรามากต่างหาก”
พีระยิ้มให้เหมือนมีเรื่องสำคัญจะบอก โรสรินมองแปลกใจมาก
ภายในห้องพักตะวัน ตะวันเปิดลิ้นชักหยิบแหวนทองคำขาวที่เคยให้โรสรินไว้ออกมา ตะวันมองแหวนในมือ ยิ้มสุขใจอย่างมีความหวัง น้ำค้างที่อยู่ข้างๆ ลุ้นตามไปด้วย
“จะให้แหวนพี่โรสเหรอคะ น้ำค้างขออยู่ในโมเมนต์นี้ด้วยได้มั้ยคะพี่ตะวัน นะ นะคะ”
ตะวันขยี้หัวน้อง
“ยุ่งจริงนะเรา”
“ก็น้ำค้างอยากเป็นสักขีพยานรัก ในช่วงเวลาที่พี่ตะวันมีความสุขที่สุดในชีวิตนี่นา”
“ตามใจ”
ตะวันเดินยิ้มออกไป น้ำค้างยิ้มสมหวังเดินตามไป
พีระหยิบตลับแหวนออกมาจากเสื้อ แล้วเปิดตลับแหวนออกเผยให้เห็นแหวนเพชร เพชรเม็ดใหญ่กว่าที่เดชาให้ซะอีก โรสรินช็อกไปเลย
“พี”
สีหน้าและแววตาของพีระมีความกังวลมากกว่าความสุขใจ โรสรินอ้าปากจะพูดห้าม แต่พีระพูดขึ้นมาก่อน
“โรซี่อย่าเพิ่งพูด อย่าเพิ่งตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ขอให้พีได้ทำอย่างที่ใจพีต้องการสักครั้งในชีวิต พีขอเท่านี้จริงๆ”
“โรสไม่เข้าใจ พีจะทำอะไร”
“ทำแบบนี้ไง”
พีระตัดสินใจสวมกอดโรสริน เธอถึงกับอึ้งเหวอไปเลย
ตะวันกับน้ำค้างเดินเข้ามาพอดีด้วยสีหน้ายิ้มสุขใจทั้งคู่ แต่เมื่อเห็นพีระกอดโรสริน ตะวันกับน้ำค้างก็อึ้งนิ่งไป
พีระกอดโรสรินแน่นขึ้น ทั้งคู่ไม่เห็นตะวันกับน้ำค้าง แม้จะกอดโรสรินแต่สีหน้าพีระดูไม่มีความสุขเอาซะเลย
“โรสหายใจไม่ออก”
“ไม่รู้สึก” พีระพูดเหมือนบอกกับตัวเอง
“ไม่รู้สึกอะไร” โรสรินแปลกใจ
“ขอลองอีกวิธีนะโรซี่”
พีระคุกเข่าตรงหน้าโรสรินแล้วเปิดตลับแหวน หยิบแหวนเพชรออกมา
ตะวันกับน้ำค้างช็อกยิ่งกว่าเดิม ตะวันทนเห็นภาพตรงหน้าไม่ได้ เดินหนีออกไปเลย ขณะที่น้ำค้างกำหมัดแน่นจ้องพีระเขม็ง แอบหึง ปนโกรธ
โรสรินมองพีระที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า เธอไม่อยากให้พีระทำแบบนี้ พีระหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นเหมือนขอผู้หญิงแต่งงาน
“ให้ตายเหอะ เป็นการขอผู้หญิงแต่งงานที่ไม่มีความรู้สึกเลย”
“พี เลิกทำอะไรแบบนี้ได้แล้ว พีทำไปทำไม”
พีระลุกขึ้น พลันน้ำค้างก็ตรงเข้ามา มองหน้าพีระอย่างเสียใจ
“พอพี่โรสรอดจากเดชาแล้วนายก็สวมโอกาสนี้เลยเหรอ ทุเรศที่สุด พี่ตะวันกับพี่โรสกลับมาคืนดีกันแล้ว นายทำแบบนี้ทำไม พี่โรสไม่มีวันรักนาย พูดกรอกหูอยู่ทุกวัน หูหนวกรึไง”
“ก่อนจะด่าใคร ฟังเหตุผลก่อนได้มั้ย”
“ฉันเชื่อที่ตาเห็น”
“แค่นั้นไม่ได้ ฉันไม่ใช่คนทุเรศอย่างที่เธอพูด”
“กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ แบบนี้ยิ่งกว่าทุเรศอีก”
น้ำค้างชกพีระเข้าให้ พีระหลบได้
“ฟังก่อน”
“ไม่”
น้ำค้างชกอีกที คราวนี้พีระหลบไม่ทันโดนชกหน้าหงายไปแล้วน้ำค้างก็เดินหนีไปเลย
“โอ๊ย”
เสียงพีระร้องดังออกมาจากห้องพยาบาลของโรงแรมควีนโรส โรสรินกำลังเอาCool pack ประคบตาให้พีระ
“สมน้ำหน้า อยู่ดีไม่ว่าดี”
“พีแค่อยากพิสูจน์ใจตัวเอง แล้วพีก็ได้รู้ว่าในใจของพีไม่มีโรซี่แล้ว” โรสรินมองหน้าพีระอย่างอยากรู้ความในใจเขา พีระมองตาโรสรินแล้วบอกความรู้สึกจากใจ “โรซี่คือรักแรกและรักเดียวของพี แต่พีกลับไม่รู้สึกอะไรกับอ้อมกอดนั้นเลย แม้แต่คุกเข่าจะขอแต่งงานพียังไม่รู้สึก ความรักที่พีมีให้กับโรซี่มันหายไปแล้ว เหลือแต่มิตรภาพดีๆ ที่
พีจะมีให้โรซี่ไปตลอด”
โรสรินยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน
“ในใจพีมีผู้หญิงคนอื่นแล้วใช่มั้ย” พีระยิ้มเขิน
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เค้าเป็นคนที่พีคิดถึงก่อนนอน แล้วตื่นนอนพีก็นึกถึง เค้าเป็นคนแรก แบบนี้เรียกอยู่ในใจรึเปล่า พีไม่รู้”
โรสรินเดาว่าเป็นน้ำค้างแน่
“ถ้าเดาไม่ผิด โรสว่าโรสรู้จักผู้หญิงคนนั้นนะ”
“ไม่ใช่แค่รู้จัก แต่ผูกพันกันเลยแหล่ะ” พีระบอกยิ้มๆ
“ถ้าพี่ยังไม่แน่ใจว่ารัก พี่ก็ลองไปทำให้แน่ใจสิ ไปได้แล้ว”
พีระค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง เขาจับมืออวยพรให้โรสริน
“พีประทับใจในความรักของโรซี่ที่มีให้กับตะวันมาก พีเชื่อว่าตะวันจะทำให้โรซี่มีความสุขได้ทั้งชีวิตของเขา ขอให้ตะวันมาขอแต่งงานไวๆ นะ”
พีระอวยพรแล้วเดินออกไป โรสรินยิ้มสุขใจเมื่อนึกถึงตะวัน แต่พลันก็นึกได้ว่านัดตะวันไว้
“จริงสิ ตะวัน”
โรสรินเดินกลับมาที่สวน หันมองไปรอบๆ ไม่เห็นตะวัน
“ตะวัน นายอยู่ไหน ตะวัน”
โรสรินมองไปรอบๆ สีหน้าไม่สบายใจ
จบตอนที่ 13