กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 9
หน้าห้องตะวัน น้ำค้าง แย้ อึ่งยังพยายามตั้งใจฟัง
“ไม่เห็นมีเสียงอะไรเลย?” น้ำค้างบอก
ทันใดนั้นชาญเดินมา
“สาระแนอะไรกันอยู่” ชาญถามเสียงเข้ม
“ชู่ววว” สามคนบอกออกมาพร้อมกันพอเห็นชาญก็ตกใจ “เฮ่ย”
“งานการมี ทำไมไม่ไปทำกันห๊า”
น้ำค้าง แย้ อึ่ง รีบปิดปาก กลัวเสียงดัง
“ปู่อย่าเสียงดังสิจ๊ะ พวกเรากำลังแอบฟังพี่ตะวันกะคุณโรส”
ชาญกำลังจะด่า แต่น้ำค้างรีบพูด
“หรือปู่ไม่อยากรู้ว่าทำไมกลับจากป่าแล้วสองคนนั้นเค้าดูแปลกๆ ไป”
ชาญชะงักไปแล้วทำเป็นดุ ผลักหัวเด็กๆ ผลักออกไป
“ออกไป” ทุกคนจ๋อย “เกะกะ!”
พูดจบชาญก็เอาหูแนบประตูฟังทันที ทุกคนหน้าบาน
“ปู่” ชาญยิ้มดีใจ
“เอาล่ะเว้ย ความฝันของปู่จะเป็นจริงแล้ว”
ว่าแล้วทุกคนก็แอบเอาหูแนบกับประตูแอบฟังโรสรินกับตะวันต่อไป
ในห้อง ตะวันนอนเปิดเสื้อ โรสรินกำลังเอาเจลเย็นมาประคบตรงที่มีรอยช้ำ
“โอ๊ยย”
ตะวันร้องเพราะเย็น ที่หน้าห้อง น้ำค้าง ชาญ แย้ อึ่ง หูผึ่ง ตาโต หันมามองหน้ากัน
“แค่นี้ก็ร้อง ป๊อด” โรสรินต่อว่า
“ให้ผมลองทำคุณดูบ้างมั๊ยล่ะ จะได้รู้ว่ามันเย็นแค่ไหน”
ตะวันแย่งเจลเย็นมาจากโรสริน แล้วแตะแขนโรสริน
“อย่า ไม่เอา” ตะวันแกล้งไม่หยุด “ยอมแล้วยอมแล้ว”
ตะวันอมยิ้มสะใจ โรสรินแย่งน้ำแข็งคืนมา ที่หน้าห้อง น้ำค้าง ชาญ แย้ อึ่ง ทำหน้าแบบว่าอึ้งและงง
“ยอมแล้ว”
ในห้องโรสรินกำลังประคบเย็น โรสรินแกล้งตะวัน กดเจลเย็นไปที่แผลแรงๆ
“อุ๊ยย โอ๊ยย โอ้วว”
ตะวันร้องเพราะทั้งเย็นและเจ็บ ชาญ น้ำค้าง อึ่ง แย้ ได้ยิน
“มันทำอะไรกันวะเนี่ย? มีทั้ง อุ๊ย โอ๊ย โอ้ว” ชาญบอก
“หรือว่าพี่ตะวันกับพี่โรสกำลังฟิเจอริ่งกันอยู่” แย้บอก
“ทะลึ่ง” น้ำค้างต่อว่าแย้
“ฉันหมายถึง ร้องเพลงประสานเสียง”
ชาญ น้ำค้าง อึ่งรีบเอาหูแนบกับประตูอีกครั้ง
ในห้อง โรสรินทำเสร็จพอดี
“เรียบร้อย”
ที่หน้าห้อง ทุกคนตาโต
“เรียบร้อย”
ตะวันถอนหายใจ เอาเสื้อลงมาปิด โรสรินห่มผ้าให้ตะวัน
“ฉันไปนะ”
ตะวันพยักหน้า โรสรินเดินไปเปิดประตู ทันใดนั้นชาญรีบพาน้ำค้าง อึ่งหลบ เหลือแย้ที่ยังเคลิ้มอยู่ โรสรินเปิดประตูออกมาสุดแรง ปะทะหน้าแย้จนล้มกลิ้งไป
“โอ๊ย!”
โรสรินกับตะวันตกใจ ชาญ น้ำค้างและอึ่งรีบแก้ตัว
“เออ คือพวกเรามาดูไอ้ตะวันว่าเป็นยังไง” น้ำค้าง แย้ อึ่งรีบพยักหน้าสนับสนุน “แต่ก็ดูสบายดีแล้วเนอะ”
ชาญหันไปทางขอความเห็น
“ใช่จ๊ะ ใช่ใช่” น้ำค้าง แย้ อึ่งตอบรับพร้อมกัน
“พี่ตะวันไม่เป็นไร งั้นเรากลับกันเถอะปู่”
“เออ ใช่ ไปไป ตามสบายนะ”
ชาญ น้ำค้าง อึ่ง แย้ยิ้มแหย แล้วก็รีบเดินออกไป โรสรินหันไปมองหน้าตะวัน ทำหน้าไม่ถูก
คืนนั้น โรสรินนั่งจิบชาที่หน้าบ้านพัก สีหน้ายิ้มๆ ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์วาบหวามหัวใจที่ผ่านมาตอนที่
ตะวันบรรจงจูบปากโรสรินด้วยความนุ่มนวล...
ปัจจุบัน โรสรินหวิวๆ หัวใจ แตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ แล้วก็ยิ้มออกมา สักพักอุษาวดีเดินเข้ามาหาเห็นโรสรินตกอยู่ในภวังค์
“เหม่อคิดถึงใครจ๊ะโรส”
โรสรินสะดุ้ง
“เปล่าซะหน่อย”
“โรส เธอไม่รู้ตัวเหรอว่าโกหกไม่เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วน่ะ แล้วนี่ดูสิ ตาเธอมันฟ้องซะขนาดนั้น” อุษาวดีบอกยิ้มๆ โรสรินถึงกับไปไม่ถูก
“อะไร ยังไง ฟ้องอะไร”
“คนที่มีประกายตาวิบวับ เค้าว่ากันว่า เกิดจากความสุขใจ ปลาบปลื้ม โหยหา และคิดถึง”
“เหรอ”
“คิดถึงคุณตะวันเค้าล่ะสิ” อุษาวดีหยั่งเชิงถาม โรสรินหันขวับ
“ยัยอุษา”
อุษาวดียิ้มหวาน แต่ตาจับผิดสุดๆ ขณะนั้นพีระแอบมองอยู่ที่มุมหนึ่ง ลุ้นสุดๆ
“ล้วงความลับมาให้ได้นะอุษา อย่าทำให้พี่ผิดหวัง”
อุษาวดีจับมือโรสรินมองตาอย่างเป็นมิตรและหวังดีอยากให้คำปรึกษา
“ตั้งแต่กลับมาจากป่า เธอกับคุณตะวันดูแปลกๆ”
โรสรินหน้าถอดสี กลัวอุษาวดีรู้ว่าเธอกับตะวันจูบกัน
“แปลกยังไง” โรสรินถามเสียงสูง
“เสียงสูงแสดงว่าแก้ตัว”
โรสรินพูดเสียงต่ำวูบทันที
“ฉันกับนายตะวันก็เหมือนเดิม”
“ไม่เหมือน” โรสรินอึ้ง “เธอดูห่วงเค้ามาก ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน เธอกับเค้าพูดกันได้ไม่ถึงสามคำ” โรสรินชะงัก เงียบ
“ฉันเป็นเพื่อนเธอมานานนะโรส เธอปิดบังความรู้สึกกับฉันไม่ได้หรอก บอกมาว่าในป่ามันมีอะไร”
“ไม่มี” โรสรินหลบตาแล้วลุกขึ้น
อุษาวดีสงสัย ลุกตามเดินอ้อมมาตรงหน้าโรสริน
“มันต้องมี เธอถึงหลบตาฉัน บอกมาโรสว่ามันเกิดไรขึ้นระหว่างเธอกับคุณตะวัน” โรสรินเงียบ “บอกมาสิโรส” โรสรินยังไม่พูด อุษาวดีสุดทนเสียงดัง “โรสริน”
โรสรินผงะ แปลกใจ
“ทำไมเธอต้องอยากรู้ขนาดนี้ห๊ะอุษา”
อุษาวดีชะงัก หน้าเจื่อน เสียงสูงปรี๊ด
“เปล๊า! ก็แค่เป็นห่วงเธอเฉยๆ”
“เสียงสูงแสดงว่าแก้ตัว” โรสรินย้อนคำ
“นี่ ฉันถามเธอก่อน เธอก็ต้องตอบฉันมาสิ”
“เธอก็บอกเหตุผลมาสิ ว่าอยากรู้เรื่องฉันกับตะวันทำไม”
โรสรินจ้องหน้าอุษาวดี อุษาวดีกลืนน้ำลาย พูดไม่ถูก พีระที่แอบมองอยู่ก็กำลังลุ้นอยู่สุดๆ เช่นกัน แต่แล้วพลันเสียงโทรศัพท์ของพีระดังขึ้นเสียงดัง พีระลนลานรีบปิดเสียงโทรศัพท์
“บ้าเอ๊ย โทรมาอะไรตอนนี้วะ จังหวะนรกจริงๆ”
โรสรินชะงักไม่เล่าต่อ
“ใคร ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ”
พีระเดินออกมา ทำตัวไม่มีพิรุธ
“ไฮ้ พีเองจ๊ะ”
พีระทำยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โรสรินหันไปมองพีระกับอุษาวดี
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” พีระกับอุษาวดีหน้าถอดสี โรสรินมองอย่างไม่ค่อยพอใจ “อยากรู้กันนักใช่มั๊ยว่าเกิดอะไรขึ้นในป่า” พีระกับอุษาวดีตั้งใจฟังมาก “ฉัน-ไม่-บอก”
โรสรินจ้ำเดินออกไป อุษาวดีหันไปมองพีระด้วยความหงุดหงิด
“พี่พี ทำเสียเรื่องหมด น้องเกือบจะล้วงความลับให้พี่ได้อยู่แล้วเชียว โธ่เอ๊ย”
พีระมองไปทางโรสรินที่เดินออกไปไกล อย่างเป็นกังวลสุดใจ
“พีใจหายนะ โรซี่”
“คุณตะวัน”
อุษาวดีรำพึงคนเดียว
เช้าวันใหม่ ตะวันกำลังตักข้าวต้มควันฉุย สีหน้าแช่มชื่น มีความสุข ตะวันเอาช้อนตักชิม
“ใช้ได้น่า”
ระหว่างนั้นน้ำค้างเดินตามกลิ่นเข้ามา
“ห๊อมหอม” ตะวันหันไป น้ำค้างเข้ามาดู “น่ากินมาก” น้ำค้างจะตักกิน
“อ๊ะๆ” น้ำค้างหันไป “ถ้าอยากทาน ไปตักใหม่ ชามนี้พี่จะเอาไปให้คุณโร...” ตะวันชะงักไปไม่พูดต่อ
น้ำค้างสงสัย ตะวันเอาข้าวต้มวางบนถาด แล้วก็เดินออกไป น้ำค้างมองตามตะวัน แล้วยิ้มด้วยความดีใจ
“ชัดเลย พี่ชายเรากำลังอินเลิฟแน่ๆ”
ที่บ้านพักโรสริน โรสรินออกมาจากห้อง ก็ได้กลิ่นหอมๆ เดินไปเห็นข้าวต้มร้อนๆ วางอยู่บนโต๊ะ เห็นดอกกุหลาบวางอยู่ข้างๆ ชามข้าวต้ม โรสรินยิ้มออกมาอย่างอุ่นหัวใจ อย่างรู้ว่าใครเป็นคนทำ โรสรินหยิบดอกกุหลาบขึ้นมาดม มองกุหลาบ แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้
ตะวันแต่งตัวเรียบร้อยเดินออกมาเตรียมไปทำงาน สีหน้าตะวันยิ้มมีความสุขใจ ทุกคนมองตะวันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางสะกิดกัน หน้าตาเจ้าเล่ห์ น้ำค้าง อึ่ง อาทิตย์ แย้ เรียงแถวเต้นน่ารักๆ แซวๆ โดยมีชาญโยกตาม
“ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ...”
ตะวันชะงัก มองสงสัย
“ลงทะเบียนฝากไว้ตัวเอากลับไป แต่ใจให้เก็บรักษา”
“ยอมจำนนเธอแล้ว วันนี้แค่แรกเห็นหน้า”
“ฝากไว้กับฉันนะ หัวใจของเธอ โอ๊ะ โอ โอยย”
อึ่ง น้ำค้าง แย้ อาทิตย์ โพสต์ท่าซารังเฮโยจบพร้อมกัน ชาญยิ้มแย้มชอบใจ ตะวันงงมาก
“เป็นอะไรกัน ว่างกันมากใช่มั้ย งานมีล้นไร่ ดันร้องเพลง”
“แหม เห็นลูกพี่มีความสุข พวกเราก็อยากร้องเพลงแสดงความยินดี” แย้บอก ตะวันชะงัก
“หน้าฉันมันบอกออกมาขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ถูก”
น้ำค้าง อึ่ง แย้บอกเป็นเสียงเดียวกัน อาทิตย์พยักหน้า ตะวันยิ้มเขิน
“แมนๆ เลยตะวัน บอกมาว่าแกกับหนูโรสเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม” ชาญถาม ตะวันชะงักไปแล้วอึกอักตอบ
“ไม่มี ทุกอย่างเหมือนเดิม”
ตะวันบอกว่าเปล่า แต่หน้าตาท่าทางอาการดูเปลี่ยนไปมาก ตะวันเดินออกไปเลย ทุกคนมองๆ อย่างครุ่นคิด
“ผู้ร้ายปากแข็ง”
“ยังไงก็ต้องมากกว่าเพื่อนแน่ๆ ถึงยังไม่ใช่แฟนก็เถอะวะ”
สีหน้าน้ำค้างสงสัยอยากรู้และอยากลุ้นความรักของพี่ชายมากๆ
ขณะนั้นโรสรินกำลังผูกช่อดอกกุหลาบ มัดเต็มแรง
“ว้าย ก้านหักหรือเปล่าเนี่ย” โรสรินรีบยกขึ้นมาดู ก้านหักห้อยลงมา โรสรินรีบจัดการซ่อม “ถึงจะพัง แต่ก็ตั้งใจนะจ๊ะ”
ระหว่างนั้นพีระกับอุษาวดีเดินมา โรสรินเห็นรีบเอาดอกไม้ซ่อนข้างหลัง แต่ไม่อาจรอดสายตาพีระไปด้วย
“ซ่อนไรเอาไว้อ่ะ”
“เปล่า” โรสรินหลบอีกแต่อุษาวดีเห็น
“ดอกไม้”
โรสรินจำใจต้องเอาออกมา
“จะเอาไปให้ใคร” พีระจับผิด
“เออ...” พีระกับอุษาวดีจ้องหน้า “เอาไปให้ปู่ชาญน่ะ ไปก่อนนะ”
โรสรินรีบเดินออกไป พีระกับอุษาวดีมองตาม อุษาวดีสงสัย แต่พีระไม่
“น้องว่าโรสไม่ได้เอาดอกไม้ไปให้ปู่ชาญ”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”
อุษาวดีฉุดแขนพีระให้เดินตามโรสรินไป
ที่แปลงกุหลาบ ตะวันกำลังสั่งงานลูกน้อง โรสรินเดินมา มองตะวันแล้วก็ยิ้ม ตะวันหันมา ทั้งคู่มองหน้าแล้วก็เขินๆ ใส่กัน
“ทำไมไม่นอนพัก หายเจ็บแล้วเหรอถึงลุกมาทำข้าวต้มให้ฉันทาน”
“รู้ด้วยเหรอว่าผมเป็นคนทำ”
“ก็ลองเดาดู เพราะรสชาติมีนแปลกๆ” ตะวันจ๋อย “แต่ อร่อยดีนะ”
ตะวันยิ้มดีใจ
“ถ้าคุณชอบผมทำให้ทานทุกเช้าก็ได้นะ”
“พูดแล้ว ห้ามคืนคำนะ”
“ครับพ้ม”
โรสรินกับตะวันยิ้มให้กัน แล้วโรสรินก็เอาช่อดอกไม้ออกมา ตะวันมอง
“ฉันให้ ฉันจัดเองเลยนะ” ตะวันรับมาแต่ก้านเหี่ยว คอตก ตะวันขำ
“ผมเชื่อว่าคุณจัดเอง เพราะทุกคนในไร่ตะวันไม่มีใครจับช่อแล้วคอหักแบบนี้สักคน”
“เอาคืนมา” โรสรินงอนคว้าคืนแต่ตะวันไม่ปล่อย
“ไม่คืน สวยแปลกๆ แบบนี้ ผมชอบที่สุด”
โรสรินอึ้ง ตะวันมองโรสรินมีความหมาย แต่มือตะวันจับมือโรสริน ทั้งคู่ถึงกับสะท้าน
พีระกับอุษาวดีมองไปทางตะวันกับโรสริน สองคนอึ้งกันมากๆ
“มันทนไม่ไหวแล้วเว๊ย”
พีระจะออกไปเอาเรื่องตะวัน แต่อุษาวดีคว้าตัวพีระเอาไว้
“อย่าพี่พี ขืนพี่ออกไปโวยวาย พี่ได้กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาโรสแน่ พี่ต้องอดทน”
“พี่เป็นคนไม่มีความอดทน”
“แต่พี่ต้องอดทน ถ้าพี่อยากได้โรส”
พีระฮึดฮัด
“โว๊ยย ทนดูไม่ได้แล้ว”
พีระจ้ำเดินออกไป อุษาวดีมองตะวันอย่างใจร้อนรนเหมือนกัน
“อุษาก็ทนดูไม่ได้แล้วเหมือนกัน”
อุษาตามพีระออกไป ตะวันกับโรสรินยังยิ้มให้กัน
โรสรินกับตะวันเดินมาด้วยกัน สองคนเก้อเขิน ตะวันเห็นแดดแรงเลยถอดหมวกใส่ให้โรสริน โรสรินหันไป
“เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ขอบใจ”
“ถ้าเป็นตอนที่คุณมาอยู่ไร่ใหม่ๆ แดดแรงขนาดนี้ คุณไม่มีทางออกมาเดินแน่”
“นั่นสิ ฉันไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่า คนอย่างฉัน จะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้ ไม่ต้องนอนห้องแอร์เย็นๆ ไม่ต้องเดินห้างหรู ไม่ต้องถือกระเป๋าแบรนด์เนม แต่ฉันก็อยู่ได้ มันน่าแปลก แปลกมาก”
“แปลกยังไงครับ”
“ฉันคิดว่า ถ้าให้ฉันอยู่ที่นี่ตลอดไป ฉันก็คงอยู่ได้” ตะวันมองโรสรินอย่างไม่อยากเชื่อ “ฉันลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อก่อนฉันใช้ชีวิตยังไง”
หัวใจตะวันมีความสุขมาก
“คุณมีความสุขที่อยู่ไร่ตะวัน โดยที่ไม่ต้องพยายามแล้วใช่มั้ย” โรสรินยิ้มให้แทนคำตอบ ตะวันหัวใจพองโตมาก “ผมก็อยากให้คุณอยู่ที่นี่ ตลอดไป”
สองคนยิ้มอย่างรู้สึกดีดีต่อกัน
ริมบึง ท้ายไร่ตะวัน น้ำค้างควงกุญแจรถตู้ เดินเรียกหาแย้ หันมองซ้ายขวา
“พี่แย้ พี่แย้ อยู่ไหน ไปส่งดอกไม้ได้แล้ว ไม่ทันแล้วเนี่ย พี่แย้ วู้”
น้ำค้างชะงัก เห็นพีระนั่งซึมอยู่ริมบึง พีระปาก้อนหินลงบึงอย่างเซ็งๆ เศร้าๆ
“โรซี่เปลี่ยนไปขนาดนี้ได้ยังไง”
พีระหงุดหงิดหยิบหินปาอีก แต่คราวนี้ไม่ได้ปาลงบึง แต่ปาส่งเดชออกไป เฉี่ยวหัวน้ำค้างนิดเดียว
“เฮ้ยย จะฆ่าฉันเหรอ”
“โอ๊ว โวยวายล่ะที่หนึ่ง แล้วมาทำอะไรเงียบๆ ล่ะ”
“แล้วมานั่งหน้าเศร้าอะไรตรงนี้ล่ะ?” น้ำค้างถามกลับ พีระหน้าเศร้ามากจ้องหน้าน้ำค้างนิ่งๆ น้ำค้างรู้ทันทีว่าพีระมีเรื่องทุกข์ใจมากๆ พีระไม่พูดอะไร ลุกเดินหนีไปเลย “เดี๋ยวสิ”
น้ำค้างรีบวิ่งเข้าไปขวางหน้าไว้
“มีอะไร ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” น้ำค้างยิ้มให้แทนคำตอบ พีระมองงงๆ “อ้าว ยิ้มงี้ไม่ได้ห่วงนี่หว่า”
รถตู้บรรทุกลังดอกไม้ขับเข้ามาตามถนนในไร่ ภายในรถเห็นพีระนั่งหน้านิ่ว น้ำค้างนั่งอยู่ข้างๆ
“ทำไมนะทำไม นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือต้นๆ ของวงการ ต้องมานั่งเป็นมือขับรถให้สาวชาวไร่ เฮ้อ อนาถชีวิต”
“เอาน่า เลี้ยงควาย ไถนาก็ยังทำมาแล้ว พี่แย้เค้าหายไปไหนก็ไม่รู้ ฉันก็ต้องไปส่งดอกไม้แล้วด้วย นายเองก็ไม่ทำอะไร ช่วยกันหน่อยแล้วอย่าบ่นนักเลย” พีระเอาแต่ถอนหายใจเซ็งๆ “เฮิร์ตเรื่องพี่ตะวันกับพี่โรสเหรอ”
คำถามนี้ทำให้ พีระของขึ้นเลย
“ทำไมฉันต้องเฮิร์ตด้วย สองคนนั่นไม่ได้รักกันชอบกัน ก็แค่สนิทกันมากขึ้น แต่ไม่มีทางชอบกันเด็ดขาด”
น้ำค้างมองอาการของพีระแล้วขำ
“ทำไมต้องโมโห”
“ไม่ได้โมโห แต่เป็นคนจริงจัง” น้ำค้างยิ้มขำๆ
“แถไปเรื่อย”
พลันพีระหันมองทางอีกทีก็ต้องตกใจที่อุษาวดีเดินตัดหน้ารถ พีระกับน้ำค้างร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“เฮ้ยยย/ ว้ายยย”
รถเบรกเอี๊ยด อุษาวดีที่ยืนตกใจตัวสั่นอยู่ที่เกือบจะโดนรถชน น้ำค้าง พีระ รีบลงมาจากรถมาดูอาการอุษาวดี
“ยัยอุษา! เดินเหม่ออะไรอยู่ เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ”
“เอ่อ”
น้ำค้างมองอุษาวดีอย่างสงสัยเป็นห่วง
“คุณอุษาเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“เอ่อ คิดเรื่องงานน่ะ นี่จะไปไหนกันเหรอ ไปด้วยสิ”
บริเวณตลาด ในเขตอำเภอ พีระยกลังดอกกุหลาบ จะเอาลงจากรถ ที่คอก็หนีบโทรศัพท์มือถือคุยกับอุษาวดีไปด้วย
“โอเคๆ รอพี่อยู่ที่ร้านกาแฟนั่นแหล่ะ เดี๋ยวส่งดอกไม้เสร็จจะไปรับ”
พีระกดวางหูไป น้ำค้างเดินเข้ามาหา
“เดี๋ยวนายยกเข่งสีชมพูไปส่งที่ร้านเจ๊อ้อย ที่อยู่แผงสีเหลืองๆ แล้วยกลังสีเขียวไปส่งที่ร้านพี่อี๊ดอยู่ใกล้ๆ กับร้านทอง ฉันจะไปธุระที่ธนาคาร”
“จ้า ยัยคุณนายย”
น้ำค้างเดินออกไป พีระหันหลังยกลังเดินไป ไม่ระวังชนเข้ากับนักเลงท่าทางเถื่อนๆ 2 คน
“โอ๊ะ”
พีระทำลังหลุดมือทับเท้านักเลง ดอกไม้กระจาย นักเลงผลักพีระเลย อย่างโหด
“เฮ้ยย ทำอะไรวะ”
“โอ๊ยย”
น้ำค้างหันขวับ เห็นพีระตัวเซไปติดท้ายรถ นักเลงเข้ารุม
“นายพีระ”
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)
นักเลงกระชากคอเสื้อพีระอย่างเอาเรื่อง
“กราบขอโทษเดี๋ยวนี้” นักเลงบอก
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่ถึงตั้งใจ ฉันก็ไม่กราบนายโว้ย ใหญ่มาจากไหนวะ”
พีระผลักอกนักเลงออกไป นักเลงอีกคนชักมีดขึ้นมา บรรดาไทยมุงฮือฮา ไม่กล้าเข้าใกล้ แต่น้ำค้างวิ่งเข้ามาขวางหน้าพีระไว้ พีระอึ้งเลย
“อย่ามีเรื่องกันเลย นายคนนี้เป็นเพื่อนฉัน ฉันขอโทษแทนเค้าด้วยนะ”
พีระมองน้ำค้างอย่างอึ้งๆ ที่น้ำค้างปกป้อง พวกนักเลงจ้องหน้าพีระโหดๆ อย่างไม่ยอมง่ายๆ
อุษาวดีนั่งเล่นมือถืออยู่ในร้านกาแฟ อุษาวดีถอนใจเบื่อๆ ขณะอัพสเตตัสบน Face book อุษาวดีพิมพ์คำว่า “รักแล้ว มัวแต่ทำเฉย ก็เลยไม่ได้รัก เฮ้อออ เซ็งจุง”
“คุณตะวัน หัวใจคุณไม่มีพื้นที่ว่างเหลือไว้ให้อุษาแล้วใช่ไหม?”
กิตติทัตเดินเข้ามาในร้านกาแฟ เห็นอุษาวดีก็แปลกใจ เดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับคุณอุษา”
“อ้าว หมอ นั่งก่อนสิคะ”
กิตติทัตนั่งลงที่โต๊ะเดียวกัน เห็นสีหน้าไม่สบายใจของอุษาวดีก็แปลกใจ
“มีเรื่องไม่สบายใจอยู่ใช่มั้ยครับ”
“ตกลงเป็นหมอรักษาคน หรือเป็นหมอดู ถึงรู้ว่าอุษาเป็นอะไร”
“ก็หน้าคุณมันฟ้องซะขนาดนี้ เป็นใคร ก็รู้ทั้งนั้นแหละครับ”
อุษาวดีถอนหายใจเฮือกใหญ่
ส่วนที่บริเวณตลาด นักเลงยังไม่ยอมปล่อยพีระกับน้ำค้างไปง่ายๆ
“ไปพูดดีกับมันทำไม มันหาเรื่องฉันก่อน” พีระพูดกับน้ำค้าง น้ำค้างหันไป กระซิบ
“พวกนี้มันขี้ยาเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น อย่ายั่วโมโหพวกมัน” น้ำค้างหันไปบอกนักเลง “เลิกแล้วต่อกันเถอะนะ”
พวกนักเลงยิ้มให้กันหื่นๆ
“พี่ไม่เอาเรื่องไอ้จืดนี่ก็ได้ แต่น้องต้องไปเที่ยวกับพี่ โอป่ะ”
นักเลงบอกแล้วลากน้ำค้างไปเลย
“อย่านะ ปล่อยฉัน”
“เฮ้ยยย”
พีระจะเข้าไปช่วย นักเลงอีกคนเอามีดชี้หน้า
“เข้ามาเอ็งตาย”
นักเลงลากตัวน้ำค้างออกไป น้ำค้างพยายามสะบัดตัวออก
“ปล่อยฉัน ปล๊อยย”
พีระเห็นน้ำค้างโดนลากไปต่อหน้า น้ำค้างหันมองพีระ พีระห่วงน้ำค้าง เห็นน้ำค้างสีหน้าหวาดกลัวมาก พีระตัดสินใจคว้าลังกุหลาบวิ่งไปฟาดหัวนักเลงจนคะมำไป น้ำค้างสะบัดหลุดจากนักเลงอีกคน พีระต่อยนักเลงแต่หวืดไป โดนนักเลงถีบกระเด็น
พีระลุกขึ้นได้คว้ามือน้ำค้างแล้วพาวิ่งหนีเลย
“หนีก่อนเร็ว”
พีระและน้ำค้างวิ่งหนีนักเลงเข้ามาในซอย พีระจูงมือน้ำค้างวิ่ง พีระ น้ำค้างหันหลังกลับไปมอง
“อยู่ไหน มันอยู่ไหนแล้ว”
“คงไม่ตามมาแล้วมั้ง”
พีระและน้ำค้างหันกลับมา พีระก็โดนนักเลงถีบกระเด็น นักเลงกระชากแขนน้ำค้าง
“ไปกับพี่ยากๆ แบบนี้พี่ชอบ”
“อย่า ปล่อยฉันนน ปล่อย”
“เฮ้ย ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้!” พีระมีสีหน้าเอาจริง “ลูกผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิงสิวะ” น้ำค้างอึ้งไปกับท่าทางและน้ำเสียงของพีระ พีระตัดสินใจพุ่งเข้าไปหาอย่างมั่วซั่วและบ้าเลือด “ปล่อยเดี๋ยวนี้”
พีระชกมั่วซั่ว ไม่โดนนักเลง นักเลงอัดกระเด็นไปอีก แต่พีระก็ลุกขึ้นมาสู้อีก พีระอัดมั่ว ชาร์จนักเลงกระเด็นหัวโขกกำแพง นักเลงเลือดไหลซึมออกจากหัว
นักเลงจับที่หัว เห็นเลือดไหลก็แค้นจัด
“ตาย”
พีระช่วยน้ำค้างมาได้ พีระดันน้ำค้างไปอยู่ข้างหลัง ป้องกันอันตรายให้
“หนีไป”
“ไม่ ถ้าฉันหนีแล้วนายล่ะ”
น้ำค้างพูดไม่ทันขาดคำ นักเลงโมโหชักมีดพุ่งเข้าไปจะแทงพีระ พีระหลบไปหลบมา นักเลงแทงมั่วจะแทงมีดโดนน้ำค้าง
“ระวัง”
พีระกอดน้ำค้างไว้ ไม่ให้โดนมีดแต่พลาดโดนมีดเฉี่ยวที่แขน พีระร้องลั่น
“คราวนี้ไม่ใช่แค่เฉี่ยวแน่”
พีระสู้ขาดใจ แต่สุดท้ายก็เพลี่ยงพล้ำ นักเลงจะแทงพีระ พลันตำรวจสายตรวจสองนายขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเข้ามา พวกนักเลงตกใจ
“เฮ้ยย หยุด”
“หนี”
พวกนักเลงวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
“ตามมันไปเลยครับ พวกเราไม่เป็นอะไร” พีระบอก
ตำรวจรีบขี่มอเตอร์ไซค์ตามพวกนักเลงไป น้ำค้างมองๆ พีระที่เลือดไหลซิบๆ ออกมาที่แขนอย่างห่วงๆ
พีระนั่งในรถ มองแผลที่แขนตัวเอง ตัวสั่นหงึ่กๆๆ ยังไม่หายตกใจ หน้าซีดสุดๆ
“ต้องเย็บกี่เข็ม ฉันกลัวเข็มด้วยนะ ไม่ฉีดยาชา บอกให้หมอโปะยาสลบเลย” น้ำค้างขำ
“ฮีโร่ที่ช่วยชีวิตฉันเมื่อกี๊หายไปไหนแล้วเนี่ย”
พีระอึ้งๆ หันมองหน้าน้ำค้าง
“ฮีโร่”
“ใช่ พูดตรงๆ ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบนาย แต่เมื่อกี๊ นายเท่มาก” พีระอึ้งสุดๆ ไม่คิดว่าน้ำค้างจะชมตัวเอง น้ำค้างยิ้มให้แอบปลื้มอยู่ในใจ “แล้วก็ไม่ต้องตกใจ แผลเล็กแค่นี้ ไม่ต้องเย็บ”
น้ำค้างหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดออกให้พีระ น้ำค้างหยิบพลาสเตอร์ออกจากกระเป๋าสตางค์ แล้วเอาพลาสเตอร์ลายการ์ตูนแปะที่แผลให้พีระ
“พ้วงงง เดี๋ยวก็หาย” น้ำค้างมองพีระจริงจัง “ขอบใจ”
พีระยิ้มรับคำขอบคุณอย่างจริงใจของน้ำค้าง พีระมองน้ำค้างอย่างอึ้งๆ เป็นไม่กี่ครั้งที่เขารู้สึกว่าน้ำค้างน่ารักเป็นพิเศษ
ที่ร้านกาแฟ อุษาวดีนั่งจิบกาแฟอยู่ กิตติทัตยังมองอุษาวดีอย่างไม่หายคาใจ
“คุณหมอคะ ต้องจับอุษาไปผ่าชันสูตรดูให้รู้เลยมั้ยคะถึงจะหายสงสัย ก็บอกแล้วไงว่ามีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
“ผมว่าไม่หน่อย” กิตติทัตมองตา “น่าจะเป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจคุณอุษามากต่างหาก” อุษาวดีชะงักไปนิดหนึ่ง
“แต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรครับ” กิตติทัตยกกาแฟขึ้นจิบ “แล้วอาการคุณตะวันเป็นไงครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงใช่มั้ย”
อุษาวดีนึกแล้วเจ็บจี๊ด
“ไม่ค่ะ มีคนดูแลดี” น้ำเสียงตัดพ้อนิดๆ “ได้กำลังใจดีซะขนาดนั้น”
กิตติทัตยังไม่เอะใจ ว่าอุษาวดีเจ็บจี๊ดเรื่องตะวัน
“คนดูแลดี คุณหมายถึงยัยเหยิน เอ่อ โรสใช่มั้ย”
“หมอรู้ด้วยเหรอ”
“ผมว่า ยัยโรสรู้สึกกับคุณตะวันแปลกไป เหมือนกับว่า…”
พลันเสียงกรี๊ดร้องของชาวบ้านก็ดังขึ้นจากมุมหนึ่ง อุษาวดี กิตติทัต หันขวับมองไปทางเสียง
อีกมุมหนึ่ง ร้านกาแฟ เด็กชายคนหนึ่งที่แต่งตัวโทรม ดูมอมแมมกำลังนอนชักอยู่ที่พื้น ชาวบ้านกรี๊ดลั่น ทำอะไรไม่ถูก คนแถวนั้นจะช่วยก็ไม่รู้จะช่วยยังไงตะลึงกันไปหมด กิตติทัต อุษาวดีวิ่งเข้ามาถึงก็ตกใจ
“พ่อแม่มันหายไปไหนเนี่ย อยู่ๆ ก็ลงไปชักที่พื้น ไอ้เปี๊ยกๆๆ อย่ากัดลิ้นตัวเอง”
อุษาวดีตกใจมาก เห็นเด็กชัก วินาทีนั้นคิดแต่ว่าจะช่วยชีวิต เลยพุ่งเข้าไป ยื่นมือให้เด็กกัด อุษาวดีเจ็บมาก กิตติทัตตกใจ หันไปทางเจ้าของร้านที่ถือช้อนคนกาแฟในมือก็รีบดึงช้อน แล้วตรงมาหาอุษาวดี
“เอามือออกนะครับ”
อุษาวดีพยักหน้า สีหน้าเจ็บปวดมาก กิตตทัตง้างปากเด็ก อุษาวดีเอามือออก กิตติทัตรีบเอาช้อนเข้าไปในปากเด็ก เพื่อไม่ให้เด็กกัดลิ้นตัวเอง
ทั้งๆ ที่มือเจ็บ แต่อุษาวดีก็ช้อนหัวเด็กวางไว้บนตัก เพื่อไม่ให้หัวกระแทกพื้น อุษาวดีไม่รังเกียจในความสกปรกมอมแมม ดูห่วงเด็กมากๆ
“หมอ น้องเค้าจะปลอดภัยรึเปล่า”
กิตติทัตสีหน้าเครียดๆ สักพักเด็กหายตัวเกร็งและเลิกชัก กิตติทัตอุ้มตัวเด็กไว้ในอ้อมแขน อุษาวดีลูบหัวเด็ก
“ไม่ต้องกลัวนะคะ หมออยู่นี่แล้ว”
กิตติทัตมองอุษาวดีอย่างปลื้มๆ ในความจิตใจดีงามที่ซ่อนอยู่ในตัวสาวสังคมเมืองสุดมั่นคนนี้
“ผมต้องรีบพาเค้าไปโรงพยาบาล และคุณก็ต้องไปโรงพยาบาลกับผมเหมือนกัน”
อุษาวดีผงะ มองมือตัวเองที่ห้อเลือด
ที่ไร่ตะวัน แถวแปลงกุหลาบ ตะวันกำลังล้างหน้าล้างตา ชำระล้างเศษดินตาเนื้อตัวอยู่ สักพักเสียงข้อความโทรศัพท์มือถือของตะวันดังขึ้น ตะวันมองหน้าจอเห็นเป็นเบอร์แปลกๆ โรสรินเดินผ่านเข้ามาก็ชะงักที่เห็นตะวันดูสีหน้าเครียดๆ
ตะวันอ่านข้อความ เห็นข้อความเขียนว่า “เจอกันที่ทางเข้าไร่ ฉันอยากเคลียร์กับนายอย่างลูกผู้ชาย…เดชา”
ตะวันชะงัก ครุ่นคิดตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี ตะวันหน้าเครียดๆ มีพิรุธ ตะวันหันมองซ้าย-ขวา ไม่เห็นโรสรินก็รีบเดินออกไปเลย โรสรินเดินมาพอดี เห็นตะวันรีบเดินออกไปก็สงสัยสุดๆ
“จะรีบไปไหน”
โรสรินตามไปทันที
ทางเข้าไร่ตะวัน ล่ำ แหลม โดนเดชาถีบกระเด็นไปอยู่แทบเท้าตะวัน ตะวันมองหน้าเดชาอย่างไม่เข้าใจ
“ขอโทษไอ้ตะวัน แล้วสารภาพว่าแกทำอะไรลงไป”
ล่ำ แหลม กลัวๆ เดชา ยอมสารภาพออกไป
“ฉันสองคนเป็นคนตัดสายเบรกรถ” ตะวันอึ้ง
“ไอ้สองตัวนี้มันเกือบทำให้คุณโรสต้องเป็นอันตราย มันเป็นความผิดของฉัน ที่ปล่อยให้พวกมันไปทำเรื่องโง่ๆ”
ตะวันกัดฟันกรอด
“ก็ยังดีที่ยังยืดอกรับผิด แต่อย่าให้ถึงทีของฉันบ้าง ฉันจะเล่นงานไม่ให้เหลือซากแน่ หมดธุระแล้วใช่มั้ย”
ตะวันจะเดินกลับไป
“ยัง” ตะวันชะงัก หันมาจ้องหน้าเดชา โรสรินเข้ามาแอบมองและฟังอยู่ “ฉันหวังว่าแกจะเป็นลูกผู้ชายพอที่จะเลิกใช้วิธีสกปรกใส่ร้ายและกีดกันเพื่อให้คุณโรสเกลียดฉัน”
ตะวันหันขวับ
“แกเข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่พูดความจริง”
ตะวันเดินข้าไปประจันหน้าเดชาใกล้ๆ แทบจะหายใจรดกันเลยทีเดียว โรสรินที่แอบอยู่ถึงกับใจเต้นตึกตักๆ มองเห็นตะวัน เดชา ทำท่าจะฮึ่มๆ ใส่กัน
“แล้วฉันก็ขอสาบานว่า ถ้าฉันยังหายใจ ฉันจะปกป้องโรสรินด้วยชีวิตของฉัน”
โรสรินอึ้ง ปลื้ม รู้สึกดีกับคำพูดของตะวัน รู้จากหัวใจว่าเขาพูดจริง!
“แล้วคุณโรสเคยบอกว่าอยากให้แกปกป้องรึเปล่า” ตะวันผงะ “ในเมื่อคุณโรสไม่เคยพูดฉันก็ยังมีโอกาส และฉันก็มั่นใจว่าความจริงใจของฉันที่มีให้คุณโรส จะทำให้คุณโรสมีความสุขที่สุดในชีวิต” โรสรินอึ้งไปกับคำประกาศของเดชา “มาวัดกันสักตั้ง ไอ้ตะวัน”
เดชา ล่ำ แหลม เดินหันหลังไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที ตะวันหันมองรถเดชาจนลับตา แววตาฉายแววแห่งความเครียด
ที่โรงพยาบาล กิตติทัตเดินถือถุงยาตรงมาที่อุษาวดี กิตติทัตหยุดลอบมองอุษาอย่างชื่นชมในความมีน้ำใจ
หน้ากิตติทัตมีรอยเปื้อนปากกาเล็กๆ ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น
“ทายา แล้วก็ทานยาให้ตรงเวลา อีกไม่กี่วัน ก็จะดีขึ้น รับรองมือของคุณอุษาจะกลับมาสวยเหมือนเดิมครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมไม่นึกเลยนะว่าคุณจะกล้า เอามือตัวเองเข้าไปให้เด็กคนนั้นกัด”
“ตอนนั้นอุษาไม่คิดอะไร คิดแต่จะทำยังไงเพื่อช่วยเค้า”
“นี่ถ้าผู้ชายคนไหนได้คุณอุษาไปเป็นแฟน คงจะเป็นผู้ชายที่โชคดีมากนะครับ”
“คุณหมอพูดจนอุษาทำหน้าไม่ถูกเลยค่ะ” กิตติทัตกับอุษาวดียิ้มให้กัน พลันเสียงมือถืออุษาวดีดังขึ้น อุษาวดีเอามือถือออกมาพอเห็นชื่อก็ผงะ “พี่พี ตายจริง อุษาลืมบอกพี่พีไปเลยว่ามาโรงพยาบาล ขอรับสายก่อนนะคะ”
“เชิญครับ”
อุษาวดีกดรับสาย
“มีอุบัติเหตุนิดหน่อย อุษาไม่เป็นอะไร พี่พีรอที่ร้านกาแฟนะ” กิตติทัตมองอุษาวดีไม่วางตา แววตาเป็นประกายมากๆ อุษาวดีหันมาเห็นรอยปากกาที่หน้ากิตติทัต “คุณหมอคะ”
อุษาวดีชี้ที่แก้มตัวเอง กิตติทัตมองอุษาวดี แล้วก็คิดไปไกล
“ทำแบบนี้หมายความว่าไง หรือว่า จะให้เราหอมแก้ม”
“มีรอยปากกาติดที่แก้มคุณหมอค่ะ” กิตติทัตแอบเสียดาย แล้วก็เอานิ้วมือถูรอยปากกา อุษาวดีหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าส่งให้กิตติทัต “เอานี่เช็ดดีกว่าค่ะ” อุษาวดียื่นผ้าให้ “อุษาไปก่อนนะคะ”
“ครับ”
อุษาวดีเดินออกไป กิตติทัตเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาดม กลิ่นหอมชื่นใจ
ตะวันเดินกลับมา เจอโรสรินมายืนขวางทาง ตะวันหยุดเดิน มองหน้าโรสริน
“เมื่อกี๊ไปสาบานอะไรไว้”
ตะวันอึ้ง
“คุณตามผมไปเหรอ?”
“ฉันเป็นห่วง ก็เลยตามไปดู” ตะวันมองตาโรสริน เห็นแววตาแห่งความห่วงใยอยู่ในนั้น “ฉันรู้ว่านายไม่กลัวใคร แต่นายยังไม่หายดี ออกไปเจอเดชาตามลำพังแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อเดชามองนายเป็นศัตรู วันนี้ไม่ได้ตั้งใจตัดสายเบรกเพื่อฆ่านาย แต่ครั้งหน้าถ้าตั้งใจล่ะ ฟังฉันนะ ยิ่งนายปกป้องและหวงแหนฉันเท่าไหร่ นายก็จะเดือดร้อนมากเท่านั้น”
ตะวันซึ้งกับความห่วงใยของโรสริน
“ผมไม่กลัว”
“แต่ฉันกลัว” ตะวันชะงัก “ฉันกลัวนายเป็นอะไร?” ตะวันรู้สึกดีสุดๆ “แค่คิดว่านายจะตาย ฉันก็ ก็ ใจสั่นแล้ว”
โรสรินน้ำตาคลอเบ้า ตะวันอึ้งไปไม่คิดว่าโรสรินจะห่วงเขามากขนาดนี้ น้ำตาโรสรินไหล ตะวันเช็ดน้ำตาให้โรสรินอย่างแผ่วเบา
“ผมไม่มีทางตายง่ายๆ เพราะผมต้องอยู่เพื่อดูแลคุณ”
โรสรินอึ้ง ทั้งสองคนตกอยู่ในภวังค์กันอีกครั้ง ตามองตา โรสรินรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่อตะวันอยู่ใกล้ๆ
สองคนยิ้มให้กัน
ภายในบ้านตะวัน ชาญกับแย้กำลังเถียงกันหน้าดำหน้าแดง
“ข้าว่าหอมแก้มกันแล้ว”
“แย้ว่าจูบ”
“ข้าว่าหอมแก้ม”
“แย้ว่าจูบ”
น้ำค้างสุดทน
“โอ๊ยย! หยุดได้แล้วค่ะ เถียงกันเรื่องอะไรเนี่ย ไร้สาระ”
“ไร้สาระยังไง ปู่ต้องเช็คความสัมพันธ์ของตะวันกับหนูโรส ถ้าหอมแก้ม แสดงว่าเริ่ม ถ้าจูบแสดงว่ารักไปแล้ว”
“ฮิ้ว”
ไม่นานตะวันเดินยิ้มเข้ามาในบ้าน ทั้งหมดหันไปมอง
“จำเลยมาแล้ว ยิ้มกริ่มซะด้วย เฮอะๆ”
น้ำค้างพรวดเข้ามาหาตะวัน ตะวันสะดุ้ง
“พี่ตะวันจ๋า” ตะวันมองน้ำค้างระแวง “พี่ตะวันจำที่แม่กับพ่อเคยสอนเราได้มั้ย พี่น้องกันต้องรักกัน ห่วงใยกัน ช่วยเหลือกัน และไม่มีความลับต่อกัน”
“จำได้”
“ดี งั้นพี่ตะวันต้องตอบคำถามของน้ำค้างมาเดี๋ยวนี้ว่าพี่ตะวันกับพี่โรสรักกันใช่มั้ย” ตะวันตกใจมาก น้ำค้าง แย้ ชาญ มองอย่างลุ้นสุดๆ “บอกน้องมาเถอะ พี่ตะวันกับพี่โรสรักกันใช่รึเปล่า”
“ใช่มั๊ย ใช่มั๊ย ใช่มั๊ย”
“หยุด! ไอ้แย้”
“ครับลูกพี่”
“ออกไป”
“ครับผม เยยย ให้แย้ออกไปทำไมอ่ะ”
“นี่เป็นเรื่องในครอบครัวฉัน”
“โธ่ เซ็งเป็ด”
ชาญกับน้ำค้างหันไปมองแย้ แย้เดินออกไป
แย้เดินออกมาหน้าบ้านแล้วก็หันไปโวย
“คิดว่าแค่นี้จะไล่แย้ได้เหรอลูกพี่ หุหุหุ”
แย้แอบซุ่มฟังอยู่ที่พุ่มไม้หน้าบ้าน
ภายในบ้าน ชาญกับน้ำค้างมองตะวันตกใจมาก
“พี่ตะวันกับพี่โรส”
“จูบกัน...น...น”
ด้านนอก แย้ได้ยิน แทบช็อก
“บระเจ้า เรื่องนี้ต้องขยาย” แย้รีบออกไป
ตะวันทำหน้าไม่ถูก น้ำค้างกับชาญจ้องไม่เลิก
“แล้ว เอ่อ พี่โรสเค้าว่าไง”
“เรายังไม่ได้คุยกันถึงเรื่องนี้ คือพี่พยายามจะคุย แต่มัน ก็ ไม่รู้จะเริ่มยังไง แล้วพี่ก็ไม่มั่นใจว่าคุณโรสจะคิดเหมือนพี่รึเปล่า”
“ไม่ต้องคุยแล้ว ลุยเลยไอ้หลานชาย”
“ปู่พูดถูก”
ตะวันมีสีหน้าไม่มั่นใจ
“แต่”
“พี่ตะวันจะเก็บความรู้สึกของตัวเองทำไม ในเมื่อปิดเท่าไหร่เก็บยังไงมันก็ซ่อนไว้ไม่มิดอยู่ดี ถ้ารักก็บอกเลยสิคะ จะได้ชัดเจนกันไปเลย”
“แต่ถ้าคนจะรักกันยังไงก็รักกันอยู่ดี ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย”
“ชีวิตคนมันสั้นนะโว๊ยไอ้หลานรัก ถ้าปล่อยให้เวลาพิสูจน์ก็แก่เกินแกงพอดี “อย่าเสียเวลาที่จะรัก” เชื่อปู่”
น้ำค้างจับแขนยิ้มให้กำลังใจ
“ถ้าชัดเจนแล้วก็บอกรักพี่โรสแล้วขอเป็นแฟนเลย ผู้หญิงเค้าชอบความชัดเจนนะพี่ตะวัน”
ตะวันนิ่ง คิดตามน้ำค้าง
เย็นวันเดียวกันนั้นแย้มาที่ตลาดและแวะที่แผงขายผลไม้ของมาลัย แย้หยิบส้มขึ้นมาแกะเปลือกกินทันที ทำเอามาลัยกับมาลีไม่พอใจ
“ไอ้แย้ ของซื้อของขายนะเอ็ง”
“อ้าวเหรอ นึกว่าแจกฟรี เหมือนลูกสาวเจ้าของร้าน”
“พูดไรของแกห๊ะไอ้อ้วน”
“พูดความจริงไง ขนาดแจกฟรี ยังไม่ค่อยจะมีใครเอาเล้ยยย”
มาลีโมโหเอาส้มปาใส่แย้ แย้รีบหลบแทบไม่ทัน
“ถ้าจะพูดจาสุนัขไม่รับประทานแบบนี้ ก็ออกไปจากร้านข้า”
“ไปก็ได้ แต่ก่อนไป ขอบอกไรอย่างได้ป่ะ” มาลัยกับมาลีมองสงสัย “แฮ่ม ลูกพี่ตะวันของฉันกับคุณโรสรักกันแล้วเว๊ยย”
มาลัยกับมาลีตกใจมาก
“ไม่จริง ไอ้โกหก”
“ไม่ได้โกหก แกทำใจไว้เลยนังมาลัย เค้าสองคนแต่งงานกันแน่ ฮิ้ววว”
“ไม่ ไม่จริง ไม๊ พี่ตะวันต้องเป็นของฉัน เค้าเป็นของฉัน”
แย้คว้าส้มอีกลูกแล้วก็เดินออกไป มาลัยช็อกอย่างสุดๆ น้ำตาคลอเบ้า มาลีหันไปจับแขนลูกปลอบใจ
“ใจเย็นก่อนลูก ใจเย็นๆ”
มาลีโอบกอดปลอบลูก มาลัยน้ำตาไหลอย่างรับไม่ได้
ส่วนที่บ้านตะวัน ตะวันแบมือรับสร้อยจี้รูปกุหลาบจากมือชาญ มีน้ำค้างยืนอยู่ด้วย
“พ่อเอ็งให้แม่เอ็งตอนที่ทั้งสองตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกัน กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่นิรันดร แม่เอ็งสวมมันไว้จนวันสุดท้ายของชีวิต”
ชาญส่งจี้ให้ตะวัน ตะวันรับมามอง แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
“ผมอยากให้โรสรู้ว่าโรสมีค่าและความหมายกับผมมากแค่ไหน”
“น้ำตาจะไหล ปู่ไม่อยากจะเชื่อ ว่าปู่จะได้ยินคำนี้ เอ็งทำให้ปู่มีความสุขจริงๆ กอดทีเว้ย”
ชาญยินดีและดีใจกับความรักของเอ็งจริงๆ ชาญกอดตะวันอย่างรัก
“ให้คุณโรสเค้าเอ่ยปากรับรักผมก่อนดีกว่าปู่”
น้ำค้างยิ้มให้กำลังใจ
“โชคดีนะคะพี่ชาย ทำให้สำเร็จนะคะ”
ตะวันตั้งใจมากว่าวันนี้จะบอกรักโรสรินให้ได้
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)
คืนนั้นที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ท้ายไร่ ตะวันตกแต่งสถานที่ทำเป็นซุ้มดอกกุหลาบ และแขวนไฟกระพริบระยิบระยับ
น้ำค้างยิ้มดูพี่ชายลงมือทำ
“แค่จะบอกรัก ต้องลงทุนแบบนี้เลยเหรอคะพี่ชาย”
“ต้องให้พิเศษ สมเป็นคนพิเศษหน่อยสิ”
ตะวันหยิบสร้อยออกมา ยิ้มมองอย่างมีความหวัง
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ห้องเช่ามาลัย เสียงมาลัยร้องไห้สะอึกสะอื้นดังออกมา มาลัยน้ำตานองหน้าสะอึกสะอื้น กำลังแขวนเชือกกับขื่นบ้าน มาลัยแขวนเชือก ทำเป็นบ่วงผูกคอสำเร็จ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก
ตะวันมองซุ้มดอกไม้ที่แต่งเสร็จแล้ว แววตาภูมิใจมาก แล้วก็ดูสร้อยจี้รูปกุหลาบในมือ พลันเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ตะวันกดรับ มีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที
“พี่ตะวัน มาลัย ลาก่อน โฮๆ”
“พี่ไม่สนุกด้วยนะมาลัย อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้”
มาลัยพูดปนเสียงสะอื้น
“มาลัยให้เวลาพี่ตะวันครึ่งชั่วโมง ถ้ามาลัยไม่เจอหน้าพี่ตะวัน มาลัยจะฆ่าตัวตาย”
มาลัยตัดสายทิ้งไปและปิดมือถือ ตะวันสีหน้าใจคอไม่ดี ครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี เอาสร้อยใส่กระเป๋ากางเกง แล้วก็รีบวิ่งออกไป
มาลัยสะอึกสะอื้น หันมองนาฬิกาที่ผนังบอกเวลา 21.00 นาฬิกา มาลัยเดินไปยืนที่เก้าอี้ มือจับที่บ่วง กำลังจะแขวนคอตัวเอง
“มาลัยขอบูชาความรักที่ไม่สมหวังของมาลัย ด้วยความตาย”
มาลัยทำท่าจะแขวนคอ แล้วชะงัก หันมองนาฬิกาอีกครั้ง มาลีเดินเข้ามา
“เอิ่บ ครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่มาวะ โธ่เว้ย”
“โธ่แม่ ต่อให้อีกห้านาทีเผื่อรถติด”
ที่แท้เรื่องฆ่าตัวตาย มันเป็นแผนของมาลัยนั่นเอง มาลีหยิบเก้าอี้วางโครมหน้ามาลัย
“อ่ะนี่ เก้าอี้สำหรับปีนขึ้นไปบนขื่อ” มาลัประชด
สักพักเสียงทุบประทูห้องดังขึ้น ปังๆ มาลัยชะงัก
“มาลัย มาลัย อย่าทำอะไรบ้าๆ”
มาลีรีบหลบ มาลัยรีบเอาหน้าเข้าไปในบ่วง สะอึกสะอื้นเหมือนเดิม มาลัยกลั้นใจ เอาวะ! มาลัยตัดสินใจแขวนคอตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกับที่ตะวันเข้ามาพอดี
“มาลัย”
ตะวันรีบวิ่งเข้าไปช่วย อุ้มร่างมาลัยไว้ มาลัยเล่นละครเนียน แกล้งสำลักทำหายใจไม่ออก สะอึกสะอื้น
สักพักมาลีเข้าประตูห้องมาเหมือนบังเอิญ
“ว้ายยย นังมาลัย อีลูกเวร แกฆ่าตัวตายเหรอ”
“ช่วยจับตัวมาลัยไว้หน่อยครับ” มาลีจับตัวมาลัยไว้ ตะวันแกะเชือกที่คอมาลัยออกจนได้ ตะวันอุ้มช้อนร่างมาลัยไว้ “อย่าทำอย่างนี้มาลัย อย่าทำอย่างนี้”
มาลัยกับมาลีแอบขยิบตากันโดยที่ตะวันไม่เห็น
มาลัยร้องไห้อยู่บนเตียงมาลีลูบหัวปลอบลูก
“อย่าเสียใจไปเลยนะลูก ยิ่งแกเสียใจเท่าไหร่แม่ก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น”
“แต่พี่ตะวันจะแต่งงานนะแม่ ฮือๆ”
ตะวันอ่อนใจ
“ไปฟังใครมา”
“พี่ตะวันกล้าบอกกับมาลัยมั้ยล่ะ ว่าพี่ตะวันไม่ได้รักคุณหนูโรส ฮือๆ”
ตะวันอึ้งไปก่อนตอบ
“พี่จะรักใครมันก็ไม่ใช่เรื่องที่มาลัยจะเอามาเป็นสาเหตุของการทำลายชีวิตตัวเอง อย่าให้อนาคตทั้งชีวิตต้องจบลงเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ถึงเราจะรักกันไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะเกลียดกัน”
“โฮๆๆ”
มาลีลูบหัว สงสารลูก
“ตัดใจเหอะวะลูกเอ๊ย”
“เข้าใจพี่นะมาลัย แล้วถ้ายังรักและหวังดีกับพี่อยู่ อย่าทำแบบนี้เด็ดขาด ฝากดูแลมาลัยด้วยนะครับ”
มาลีพยักเพยิดหน้าให้ ตะวันหันหลังจะเดินออกจากห้องเช่ามาลัย มาลี หันมายิ้มร้ายๆ ให้กันอย่างมีแผน
มาลัยหยิบขวดยาสลบเล็กๆ ที่ซุกไว้ใต้ผ้าห่ม เอามาเหยาะใส่ผ้าเช็ดหน้าที่เอาออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วรีบเก็บขวดยา
“พี่ตะวันคะ ขอให้มาลัยกอดพี่เป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ยคะ”
ตะวันยิ้มให้มาลัยแล้วเดินเข้าไปหา ทันใดนั้นมาลัยเอาผ้าเช็ดหน้าที่มียาสลบปิดจมูกตะวัน ตะวันตกใจ ตาเหลือก ปัดมือมาลัยออกทันควัน
“ทำอะไร”
มาลัยกับมาลีอึ้ง
“ทำไมไม่สลบ” ไม่ทันขาดคำ ตะวันหมดสติล้มไปบนพื้นทันที มาลัยกับมาลียิ้มให้กัน “ยาสลบของแม่ มันแรงงงส์ ดีจริงๆ”
“แน่สิวะ ขนาดช้างยังสลบ แล้วคุณตะวันจะไปเหลือเหรอ ฮ่าๆ แปร๋นน”
“แปร๋นน”
มาลี มาลัย ยิ้มให้กันอย่างร้ายกาจ
“ถอดเสื้อผ้าเร็วเข้า”
มาลัยจะถอดเข็มขัด แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบมือถือตะวันออกมาปิดเครื่อง
“ปิดมันซะเลย จะได้ไม่มีใครตามถูก” มาลัยเหลือบเห็นสร้อยที่หลุดออกมาจากกระเป๋ากางเกง “สร้อยอะไร”
มาลัยหยิบสร้อยจี้รูปกุหลาบขึ้นมามอง
ที่ห้องนอนโรสริน โรสรินเพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังหวีผมอยู่หน้ากระจก แล้วก็ยิ้มเมื่อคิดถึงตะวัน ก่อนจะเห็นตัวเองนั่งยิ้มทางกระจก
“บ้าป่าวเนี่ยเรา ยิ้มคนเดียว”
สักพักเสียงข้อความมือถือโรสรินดังขึ้น โรสรินหยิบมือถือมากดเปิดอ่าน แล้วก็ตกใจ ที่ได้อ่านข้อความจากเบอร์ปริศนา
“ตะวันอยู่ในอันตราย อย่าบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ไม่งั้นไม่รับรองความปลอดภัย ให้รีบมาตามที่อยู่นี้”
โรสรินเครียดขึ้นมาทันที โรสรินเลื่อนไปดูรูปที่เบอร์ปริศนาส่งมาให้ เป็นรูปตะวันนอนคว่ำหน้าบนเตียง แต่เอียงหน้าให้รู้ว่าชายคนนั้นคือตะวัน โรสรินเป็นห่วงตะวันมากๆ พลางฉุกคิดขึ้นมาได้
“หรือว่าจะเป็นเดชา เดชาจับตัวตะวันไปงั้นเหรอ”
โรสรินครุ่นคิดหน้าเครียด
โรสรินขับรถออกจากบ้านพักด้วยความร้อนใจเพราะห่วงตะวัน
“ตะวัน นายอย่าเป็นอะไรนะ”
โรสรินมาหยุดยืนที่หน้าห้องเช่ามาลัย โรสรินดูที่อยู่บนจอโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
“ที่นี่…”
โรสรินยืนอยู่หน้าห้องเช่าตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่แล้วโรสรินก็ต้องช็อกไปเมื่อเห็นตะวันนอนหลับเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงนอน เสื้อผ้ากองหลุดลุ่ยที่พื้น มีขวดเหล้าที่หมดขวดวางอยู่บนโต๊ะ มาลัยอยู่ใต้ผ้าห่มกำลังทาบทับร่างตะวัน หอมหน้าผาก หอมแก้มตะวันเบาๆ
“หลับปุ๋ยเลยนะคะที่รัก”
โรสรินอ้าปากค้า น้ำตาเอ่อออกมา มาลัยรู้สึกเหมือนมีใครมาก็หันไปมองเห็นโรสรินยืนช็อก โรสรินเห็นมาลัยใส่สร้อยจี้รูปกุหลาบ
“อ้าว คุณโรส ขอโทษนะที่ต้องโกหกว่าพี่ตะวันกำลังเป็นอันตราย เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น คุณคงไม่มา และไม่ได้เห็นว่าฉันกับพี่ตะวันมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแค่ไหน”
“ดูจงใจไปรึเปล่าห๊ะ ที่เธอเรียกฉันมา เพราะต้องการให้ฉันเข้าใจเธอกับตะวันผิดใช่มั๊ย”
“ที่เรียกเธอมา เพราะไม่อยากให้เธอถลำลึกกับพี่ตะวันของฉันต่างหาก ฉันเห็นใจที่เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันกับพี่ตะวันมีอะไรกันมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่เธอจะมาอยู่ที่นี่ คนมันเคยๆ กันอยู่ ยังไงก็ตัดไม่ขาด”
โรสรินเริ่มอึ้ง แต่ยังไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันจะปลุกตะวันขึ้นมาถาม” โรสรินบอก
“ปลุกเท่าไหร่ ก็ไม่ตื่น ทั้งฤทธิ์เหล้า และรสรักของฉัน มันทำให้พี่ตะวันเหนื่อย และพี่ตะวันก็เป็นคนหลับลึก ขนาดฉันนอนดิ้น พี่ตะวันยังไม่ตื่น ถ้าไม่เชื่อ จะทำให้ดู” มาลัยปลุกตะวัน เขย่าแขน “พี่ตะวัน พี่ตะวันตื่นสิจ๊ะ พี่ตะวันจ๋า”
ตะวันเพ้อออกมา
“มาลัย”
มาลัยหันไปทางโรสริน
“เห็นแล้วนะ ตาสว่างซักทีว่าพี่ตะวันเป็นของใคร”
มาลัยหอมแก้มตะวันโชว์โรสริน ลูบไล้แผงอกเบาๆ โรสรินน้ำตาอาบแก้ม เริ่มสะอึกสะอื้นออกมาพูดอะไรไม่ออก วิ่งหนีออกจากห้องไปเลย สักพักมาลีเดินออกมาจากห้องน้ำ
“ตามแผนทุกอย่าง”
“แม่จ๋าเตรียมย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ไร่ตะวันกันได้แล้วล่ะจ้า”
มาลัย มาลี หัวเราะให้กันอย่างสะใจ ตะวันนอนหมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียง
โรสรินผลักประตูเข้ามาในห้อง แล้วล้มตัวลงที่เตียงร้องไห้ออกมาอย่างหนัก น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่มีวันหมด ร้องไห้เจียนขาดใจตาย ตัวสั่นเทา ทำอะไรไม่ถูก
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่โรงแรมควีนโรส ณรงค์กำลังคุยโทรศัพท์กับชาญ ณรงค์กับชาญหัวเราะร่า มีความสุข
“เอ็งหัวเราะอะไร?” ณรงค์ถาม
“แล้วเอ็งหัวเราะอะไร?” ชาญย้อนถาม
“ข้ามีความสุขน่ะสิวะ”
“ข้าก็มีความสุข”
“ฮ่าๆ”
“พอ”
“คนมันแฮปปี้ เลยไม่อยากหยุดหัวเราะ ลุ้นมาตั้งนาน หลานเอ็งกับหลานข้าตกลงชัวร์แน่ใช่มั้ย”
“ทางข้าน่ะชัวร์ เดี๋ยวคืนนี้จะรู้ว่าทางเอ็งชัวร์รึเปล่า”
“ข้าว่าชัวร์ ฮ่าๆๆ”
สองปู่หัวเราะชอบใจมาก
เช้ามืดวันรุ่งขึ้น โรสรินนั่งนิ่งอยู่ในห้อง ไม่พูดไม่จา สภาพหน้าแย่มาก โรสรินหยิบมือถืออกมากดโทรออก
“โรสอยากกลับบ้าน โรสไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว พาโรสกลับบ้านนะคะปู่”
โรสรินร้องไห้ออกมาอีกครั้งด้วยความเสียใจที่สุดในชีวิต
ช่วงเช้าเสียงเคาะประตูหน้าห้องตะวันดังขึ้น เสียงน้ำค้างดังเข้ามา
“พี่ตะวัน”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับน้ำค้างจึงเปิดประตูเข้ามา ไม่เห็นตะวันในห้อง
“พี่ตะวันไปไหน หรือว่า...”
น้ำค้างยิ้มกริ่ม
ชาญ แย้ อึ่ง น้ำค้าง อาทิตย์อยู่ด้วย
“ไม่อยู่ในห้องตัวเองก็แสดงว่าอยู่ห้องหนูโรส”
“แน่นอน”
“ฟันธง”
“แบบนี้ก็ต้องตัดชุดไปงานแต่งงานแล้วสิวะ”
ทุกคนเฮ ทันใดนั้นณรงค์เดินเข้ามาในบ้าน ทุกคนเบรกเอี๊ยด หันไปมองอย่างแปลกใจ
“ไอ้ณรงค์ มาไม่บอก ร้อนใจเรื่องหนูโรสกับไอ้ตะวันเหรอวะ อ๋อๆ หรือว่าจะมาคุยเรื่องงานแต่ง”
“คุยเรื่องงานแต่งบ้าบออะไร” ทุกคนชะงัก “โรสโทรหาฉันแต่เช้ามืด บอกให้ฉันมารับ”
“หา” ทุกคนตกใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความงงมากๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ชาญเขกกะโหลกแย้
“อยากรู้ก็ถามไอ้ตะวันสิวะ น้ำค้าง โทรหาตะวัน ถามว่ามันอยู่ไหน”
น้ำค้างพยักหน้า รีบเอามือถือมากดโทรออก
“พี่ตะวันปิดเครื่อง”
ทุกคนหน้าแย่มาก
ณรงค์เดินลงบันไดมากับชาญ น้ำค้าง อึ่ง แย้ อาทิตย์ สีหน้าทุกคนไม่ดีเลย ระหว่างทางเจอพีระกับอุษาวดีเดินมาพอดี พีระกับอุษาวดีเห็นณรงค์ก็แปลกใจ รีบเข้ามาไหว้
“คุณปู่มาได้ไงครับเนี่ย” ณรงค์เครียด พีระตาโต “หรือว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับโรซี่”
ทุกคนเงียบกริบ ชาญบ่นคนเดียว
“ยิ่งเครียดอยู่ มันจะถามซ้ำทำไมวะ”
โรสรินเดินออกมาจากในห้องสภาพแย่มาก ในมือลากกระเป๋าเดินทางมาด้วย จนทุกคนอึ้ง พีระเห็นโรสรินก็รู้สึกโมโห
“ใครทำโรซี่ บอกพีมา พีจะไปจัดการมัน”
โรสรินไม่สนใจพีระหันไปทางณรงค์
“ปู่คะ โรสอยากกลับบ้าน”
“หนูเป็นอะไรกันแน่ บอกปู่ได้มั๊ย”
โรสรินเงียบ น้ำค้างเข้ามาจับแขนโรสริน
“พี่ตะวันทำอะไรพี่โรสคะ พี่โรส” โรสรินไม่ตอบ
“ถ้าปู่ไม่กลับ โรสจะหาทางกลับเอง”
โรสรินลากกระเป๋าเดินทางออกไป ทุกคนตกใจมาก
“ฉันคงต้องพาหลานฉันกลับไปก่อน ตอนนี้ยัยโรสกำลังโมโห พูดอะไรก็คงไม่ฟัง”
ชาญพยักหน้า สีหน้าไม่สบายใจ
โรสรินลากกระเป๋าจ้ำเดินมาตามทาง ใกล้จะถึงรถณรงค์ ทุกคนเดินตามมา พีระรีบเข้าไปหาโรสริน
“ใจเย็นก่อนนะโรส พีพาโรสกลับเอง รอพีกับอุษาเก็บของแป๊บเดียว”
“ไม่ต้อง” ณรงค์บอก พีระตกใจ ณรงค์เข้ามายืนตรงหน้าโรสริน โรสรินหยุดเดิน “อยากกลับก็กลับ”
ณรงค์หันไปทางคนขับ “เอากระเป๋าคุณโรสไปเก็บ”
คนขับเอากระเป๋าโรสรินไปเก็บที่รถ อึ่ง อาทิตย์ มองหน้าโรสรินอย่างอ้อนวอน อาทิตย์มองโรสรินเศร้า โรสรินเดินมาย่อตัวตรงหน้าอาทิตย์
“พี่ไปก่อนนะครับ” อาทิตย์เศร้ามาก “พี่ไม่อยู่แล้ว อาทิตย์ต้องเป็นเด็กดี ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ เชื่อฟังทุกคนนะ” โรสรินบอกแล้วน้ำตาไหล “แล้วอาทิตย์ก็ต้องพยายามพูดรู้มั๊ยครับ คนอื่นจะได้รู้ว่าอาทิตย์ต้องการอะไร” โรสริน กลั้นใจพูด เสียงสั่น “พี่ไปนะ”
โรสรินดึงอาทิตย์มากอดแน่น น้ำตาไหล อาทิตย์ร้องไห้เงียบๆ มือกำแน่น โรสรินผละออกมา หอมหน้าผากอาทิตย์ แล้วก็ลุกขึ้น ตัดใจหันหลัง อาทิตย์มองโรสรินที่กำลังก้าวเดินจากเค้าไป อาทิตย์ตัดสินใจ
“พี่โรส”
ทุกคนตะลึงงันกันทั้งหมด โรสรินหันขวับมาทางอาทิตย์
“นายติสต์ นายพูด”
โรสรินยิ้มย่อตัวตรงหน้าอาทิตย์ ดึงอาทิตย์มากอดอีกครั้ง ทุกคนยิ้มทั้งน้ำตากับภาพตรงหน้า
“พี่โรสให้ผมพูด” โรสรินผงะ “ผมพูดแล้ว ผมไม่อยากให้พี่โรสไป” โรสรินผละออกมา อาทิตย์หน้าเศร้ามากๆ
“อย่าไปนะครับ”
ทุกคนมองโรสรินลุ้นกับการตัดสินใจ โรสรินปาดน้ำตาที่ไหลเอ่อ มองอาทิตย์อย่างตัดสินใจอีกครั้ง
ที่ห้องเช่ามาลัย ตะวันค่อยๆ รู้สึกตัว รู้สึกมึนหัวมาก ตะวันแปลกใจที่มองไปรอบๆ ไม่ใช่ห้องนอนตัวเอง
แล้วตะวันก็ต้องตกใจที่เห็นมาลัยนอนเปลือยอยู่ข้างๆ
“มาลัย นี่มันอะไร”
“อ้าว รู้สึกตัวแล้วเหรอคะสุดที่รัก”
มาลัยจะกอดตะวัน ตะวันดันตัวมาลัยออกไป
“อย่า” ตะวันพยายามรวบรวมสติ “เกิดอะไรขึ้น”
“แหม ทำมาลัยขนลุกทั้งคืนยังมาถามอีกว่าเกิดอะไรขึ้น”
ตะวันนึกย้อนกลับไป ภาพที่มาลัยเอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากยังจำแม่นในหัวสมอง
“พี่ไม่ได้ทำอะไรเธอ เธอโปะยาสลบพี่”
มาลัยหน้าถอดสีแต่ไม่ยอม
“มาลัยไม่ได้ทำ พี่ตะวันอย่ามาใส่ร้าย หลักฐานฟ้องขนาดนี้ ยังจะปฏิเสธ ยังไง พี่ตะวันก็ต้องรับผิดชอบ มาลัยเป็นเมียพี่แล้ว”
“ไม่! พี่จะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เพราะพี่ไม่ได้ทำ”
ตะวันเห็นสร้อยที่คอมาลัย จึงกระชากสร้อยคืนมา มาลัยอึ้ง
ตะวันออกจากห้องเช่ามาลัย คุยโทรศัพท์อยู่อย่างตกใจ
“ว่าไงน้ำค้าง” ตะวันตกใจสุดขีด “ห๊า อะไรนะ”
มาลัยพุ่งออกมาจากบ้านยื้อตะวันไว้
“พี่ตะวันข่มเหงมาลัย พี่ตะวันรังแกมาลัย มาลัยไม่ให้พี่ไป”
“ปล่อยพี่ พี่ต้องรีบไป”
“รีบไปอธิบายให้นังคุณหนูนั่นฟังน่ะเหรอ” ตะวันชะงัก “อธิบายไป เค้าก็ไม่เชื่อหรอก เพราะเมื่อคืนยัยนั่นเห็นกับตาตัวเองแล้วว่าเราขึ้นสวรรค์อย่างมีความสุขแค่ไหน” ตะวันโมโหมาก แกะมือมาลัยออก แล้วรีบจ้ำเดินออกไปทันที
“พี่กับนังนั่นจะไม่มีวันได้รักกัน ฉันต่างหากที่จะต้องเป็นเมียพี่”
มาลัยหน้าเหี้ยมมาก
ที่จอดรถไร่ตะวัน น้ำค้างเดินมากระซิบกับชาญ
“ติดต่อพี่ตะวันได้แล้วค่ะ”
ชาญพยักหน้ารับรู้ หันไปมองโรสริน โรสรินลุกขึ้นยืน ทุกคนรู้คำตอบของโรสรินทันที อาทิตย์หน้าเสีย
“พี่ขอโทษ พี่ต้องไปแล้ว”
โรสรินลูบหัวอาทิตย์ ก่อนจะหันหลัง แต่อาทิตย์จับมือโรสรินแน่น โรสรินกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ณรงค์ทนไม่ได้ต้องถามอีกครั้ง
“ไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอลูก”
“ค่ะ โรสอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่นาทีเดียว” โรสรินหันมาไหว้ชาญ “ลาก่อนค่ะปู” โรสรินหันไปทางน้ำค้าง อึ่ง แย้ “พี่ไปนะ”
โรสรินหันมามองอาทิตย์ อาทิตย์ส่ายหน้าร้องไห้ ไม่ยอมให้โรสรินไป โรสรินตัดใจ แกะมืออาทิตย์แล้วเดินออกไป น้ำค้างสุดทน
“พี่โรส รอพี่ตะวันก่อนนะคะ”
โรสรินหยุดเดิน ไม่หันมา แล้วก็ก้าวเดินไปที่รถ อาทิตย์ไม่ยอมแพ้
“อย่าทิ้งผม” โรสรินกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พรั่งพรูออกมา “อย่าไปนะพี่โรส”
ชาญ น้ำค้าง อึ่ง แย้ ณรงค์ มองว่าโรสรินจะตัดสินใจยังไง ในที่สุดโรสรินก็ตัดใจเข้าไปในรถ ปิดประตูปัง!
อาทิตย์ฝันสลาย น้ำค้างเดินไปกอดปลอบอาทิตย์สงสาร ชาญกอดอึ่งเอาไว้ แย้หน้าเศร้ามาก ณรงค์หันมาทางชาญ
“ฉันจะถามตะวันเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ชาญบอก
ณรงค์พยักหน้า เดินไปขึ้นรถ รถณรงค์แล่นออกไป พีระกับอุษาวดียืนมอง คนที่เหลือมองอย่างใจหาย
อาทิตย์มองตามรถ แล้วก็กำมือแน่น ตัดสินใจวิ่งตามรถของณรงค์ไป ทุกคนคาดไม่ถึง
โรสรินนั่งอยู่เบาะหลังข้างๆ กับณรงค์ ณรงค์บีบมือโรสรินปลอบใจ คนขับเห็นอาทิตย์วิ่งตามรถมาก็ตกใจมาก
“ท่านครับ”
ณรงค์กับโรสรินหันไปมองก็เห็นอาทิตย์วิ่งตามเข้ามา โรสรินอึ้ง แทบจะใจอ่อนกลับไป แต่ความโกรธในตัวตะวันมีมากกว่า ทำให้เธอรีบหน้ากลับมา อย่างตัดใจ
“จะไม่หยุดรถเหรอลูก” ณรงค์ถาม โรสรินน้ำตาจุกไม่ตอบ
ณรงค์มองโรสรินไม่เข้าใจ ว่าเพราะอะไรทำให้โรสรินเป็นแบบนี้
“ขอโทษนะนายติสต์ ฉันขอโทษ”
โรสรินพึมพำออกมา
อาทิตย์วิ่งร้องไห้จะเข้าไปหารถของณรงค์ ที่แล่นไกลออกไป น้ำค้างวิ่งตามอาทิตย์เข้ามา
“กลับมาครับอาทิตย์ อย่าตามไป”
“อย่าทิ้งผมไป พี่โรสอย่าทิ้งผม” อาทิตย์วิ่งเร็วขึ้นอยากจะตามให้ทันพร้อมกับร้องไห้ “พี่โรส พี่โรสสส”
อาทิตย์วิ่งหกล้มตัวไถลไปตามพื้น แต่อาทิตย์ก็ลุกขึ้นแข็งใจวิ่งตามไปอีก น้ำค้างวิ่งตามเข้ามาเห็นอาทิตย์พยายามสุดกำลังก็สงสารมาก
“อาทิตย์พอได้แล้ว พอแล้ว”
อาทิตย์วิ่งตามแล้วก็หกล้มลงไปอีก แล้วลุกต่อไม่ไหว
“อย่าทิ้งผม ฮือๆๆ”
น้ำค้างวิ่งตามไปถึงตัวอาทิตย์ พยุงอาทิตย์ให้ลุกขึ้น อาทิตย์ น้ำค้าง ได้แต่มองรถของณรงค์ที่ขับไกลออกไปจนลับตา น้ำค้างกอดอาทิตย์ไว้แน่น
ตะวันขับรถมาอย่างร้อนใจที่สุด
“โรสรอผมก่อน อย่าเพิ่งไป”
ตะวันขับรถสวนกับรถของณรงค์ ตะวันมองด้วยหางตา เห็นโรสรินนั่งอยู่เบาะหลัง ตะวันถึงกับอึ้ง
“โรส”
ตะวันตัดสินใจหักเลี้ยวไปที่ถนนอีกเลน แล้วเหยียบคันเร่งอย่างแรง
ตะวันเหยียบคันเร่งขับรถแซงรถของณรงค์ ก่อนจะขับปาดหน้า คนขับรถณรงค์เหยียบเบรกเอี๊ยดดด ณรงค์ โรสริน หน้าแทบคะมำ
“เฮ้ย เบรกทำไม?” ณรงค์เงยหน้าขึ้นมา เห็นรถตะวันจอดขวางถนน ไม่นานตะวันลงจากรถ เดินมายืนที่หน้ารถณรงค์ “ตะวัน” โรสรินเห็นตะวันก็นิ่ง “ปู่ว่าเขาคงอยากเคลียร์กับหนูจริงๆ ลงไปคุยกับเขาเถอะนะโรส”
โรสกำหมัดเม้มปาก น้ำตาเอ่อออกมาอีก
ตะวันยืนมองรถณรงค์ ไม่นานโรสรินเปิดประตูออกมา ใบหน้าซีดเซียวและเศร้าหมอง ตะวันดีใจมากรีบเดินไปหาโรสรินทันที ด้านหลังเห็นณรงค์เปิดกระจกเพราะต้องการจะฟัง
“โรสริน ผมไม่มีอะไรกับมาลัย”
ตะวันพูดจบ เพราะโรสรินตบหน้าตะวันอย่างแรง เพี๊ยะ! ตะวันอึ้ง ณรงค์ก็อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน โรสรินระเบิดความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ในใจออกมา พูดไปร้องไห้ไป พลางทุบอกตะวันไปด้วย
“ฉันเห็นคาตาว่านายนอนกับมาลัย นายยังจะกล้าปฏิเสธอีก นายทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่ฉันไว้ใจนาย เชื่อใจนาย แล้วทำไมนายถึงทรยศต่อความรู้สึกของฉัน ใจคอนายมันทำด้วยอะไร มันทำด้วยอะไรตะวัน”
ตะวันยืนให้โรสรินทุบอก โรสรินค่อยๆ เบามือ เริ่มหมดแรง น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย โรสรินคากำปั้นไว้ที่อกตะวันและก้มหน้าร้องไห้ ตะวันจับมือโรสรินแน่น
“ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้...”
โรสรินเงยหน้า
“หยุด ฉันไม่อยากฟังนายอีกแล้ว พอกันที หลังจากวันนี้ เราจะไม่เจอกันอีก ฉันจะถือว่าเราไม่เคยรู้จักกัน”
ตะวันตกใจ โรสรินหันหลังจะเดินหนีแต่ตะวันกอดโรสรินเอาไว้แน่น รั้งเอาไว้ไม่ให้ไป
“ไม่ ผมไม่ให้คุณไป คุณอย่าไปนะโรส” ตะวันเอามืออีกข้าง ล้วงหยิบสร้อยในกระเป๋ากางเกงออกมา ยื่นไปตรงหน้าโรสริน “สร้อยเส้นนี้ เป็นสร้อยที่พ่อให้แม่ผม มันเป็นตัวแทนของความรัก ที่ผมมีให้กับคุณ”
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)
โรสรินก้มมองสร้อยแล้วชะงัก นึกย้อนกลับไปตอนที่เห็นมาลัยใส่สร้อยเส้นนี้ โรสรินยิ่งโกรธและเสียใจมาก
โรสรินพยายามแกะมือตะวันออก
“ปล่อย”
ตะวันน้ำตาคลอ
“ไม่ปล่อย ผมไม่มีวันปล่อยคุณ ผมรัก...”
โรสรินสวนขึ้นมาทันที
“ฉันเกลียดนาย” ตะวันอึ้ง ณรงค์ได้ยิน ลงจากรถ หันไปมองเห็นความเสียใจบนใบหน้าของตะวันอย่างชัดเจน โรสรินหันมาทางตะวัน แววตากร้าว ตะวันเหวอมาก “ได้ยินมั๊ยว่าฉันเกลียดนาย”
“ผมไม่เชื่อ คุณไม่ได้เกลียดผม คุณ-ไม่-เกลียด-ผม”
“ฉันจะทำให้นายเชื่อ ตะวัน”
ตะวันนิ่วหน้ามองโรสริน โรสรินเดินไปขึ้นรถ ณรงค์เหรอๆ หราๆ ขึ้นตามโรสริน
โรสรินเข้ามาในรถ ณรงค์มองอย่างห่วงๆ
“ออกรถ”
“เออ แต่คุณคนนั้น ยังยืนอยู่นะครับ”
“ฉันบอกให้ออกรถ”
“โรส ถึงตายเลยนะลูก”
“ออกรถสิ” โรสรินตวาด
“ครับครับ”
คนขับรถกล้าๆ กลัวๆ ตัดสินใจขับรถพุ่งไป
ตะวันเห็นรถพุ่งมาหาตัวเอง แม้จะตกใจแต่มองนิ่ง ในรถ ณรงค์หัวใจแทบวาย
“เฮ้ยๆๆ ระวังๆๆ”
“ถ้าเค้าไม่หลบ นายก็ไม่ต้องหลบ”
“ห๊ะ! ฆ่าคนตายติดคุกนะ”
โรสรินไม่สน ตะวันยืนนิ่ง ไม่ยอมเขยิบหนีแม้แต่ก้าวเดียว ณรงค์กับคนขับรถร้องลั่น
“เฮ้ยยยย”
รถณรงค์เบี่ยงหลบตะวัน ตั้งลำให้ตรง แล้วพุ่งออกไปเลย ตะวันเหลียวมองตามหัวใจสลายไปหมดแล้ว น้ำตาเอ่อล้น
ภายในรถ ณรงค์จับหัวใจตัวเองหัวใจแทบวาย ขณะที่โรสรินเอาแต่ร้องไห้ ร้องจนตัวโยน
ตะวันกลับเข้าบ้านด้วยอาการซึมเศร้า แต่ต้องชะงักเพราะอาทิตย์มายืนขวางไว้ ตามเนื้อตัวถลอกปอกเปิก
อาทิตย์น้ำตาคลอ
“พี่ตะวัน”
ตะวันช็อกตะลึง น้ำตาคลอทั้งดีใจแปลกใจที่อาทิตย์พูดออกมาเป็นครั้งแรก
“อาทิตย์ อาทิตย์พูดได้แล้ว พี่ดีใจจริงๆ”
ตะวันกอดอาทิตย์แน่น น้ำค้างเดินเข้ามาสมทบ
“อาทิตย์พูดตอนที่พี่โรสกำลังจะไป แล้วอาทิตย์ก็วิ่งตามรถพี่โรสจนหกล้มเจ็บไปทั้งตัวแบบนี้”
ตะวันมองอาทิตย์อย่างสุดสงสาร
น้ำค้างทำแผลที่หัวเข่าให้กับอาทิตย์ เห็นอาทิตย์ตาช้ำผ่านการร้องไห้ อึ่ง แย้ที่นั่งข้างๆ มองอย่างสงสาร
“ดูซิ ถลอกปอกเปิดหมดเลย”
“พี่ตะวันจะไม่ตามพี่นางฟ้ากลับมาจริงๆ เหรอ สงสารคุณทิตย์” อึ่งบอก ตะวันถอนใจ
“จะช้าจะเร็ว วันนึงเค้าก็ต้องไปอยู่ดี” ตะวันลูบหัวอาทิตย์ “อย่าเสียใจไปเลยนะอาทิตย์ ยังมีคนที่รักเราอีกตั้งเยอะ แล้วต่อไปนี้ไม่ต้องเงียบกับพี่แล้วนะ บอกความรู้สึกให้พี่รู้ พี่จะได้ทำสิ่งที่อาทิตย์ต้องการได้นะครับ”
“อาทิตย์อยากให้พี่โรสกับพี่ตะวันรักกัน” อาทิตย์บอก ตะวันชะงัก “ถ้ารักกันพี่โรสก็จะไม่หนีเราไปไหน”
“อาทิตย์”
“อาทิตย์จะรอ รอวันที่พี่โรสกลับมา”
ทุกคนมองอาทิตย์อย่างสงสาร
“ตะวันปู่ขอคุยด้วยหน่อย”
เวลาผ่านไป ทันทีที่ทุกคนรู้เรื่องจากตะวันก็อึ้ง และโมโหมาก
“นังมาลัยมันทำกับลูกพี่แบบนี้ได้ยังไง นังแม่ลูกมหาภัย นังแม่มด นังปลาร้าเน่า”
“ปู่จะไปจัดการพวกมัน”
“ลุยเลยปู่ แย้ไปด้วย” แย้สนับสนุน
“อย่าเอาตัวไปแลกกับคนพวกนี้เลยครับปู่ เค้าทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนว่าจะดีหรือเลว ผมไม่อยากให้ปู่ต้องมาเดือดร้อนไปด้วย” ตะวันบอก
“พี่ตะวันพูดถูกค่ะ คนพวกนี้เหมือนหมาจนตรอก ทำได้ทุกอย่าง”
น้ำค้างบอก ชาญ แย้ ถอนหายใจเฮือก
“เฮ้อ แต่หนูโรสนะหนูโรส ทำไมเค้าถึงไม่ฟังเอ็งบ้างว้าไอ้ตะวัน”
“ไม่แปลกหรอกครับ เห็นกับตาขนาดนั้น เค้าคงไม่มีทางเชื่อผมอีกแล้ว ในสายตาเค้าผมกลายเป็นคนชั่วไปแล้ว”
ตะวันถอนหายใจ เหมือนจะถอดใจ ทุกคนจ๋อยตามไปด้วย
ตะวัน ชาญ ยืนคุยกันมุมส่วนตัว
“หนูโรสไม่อยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมง รู้สึกไร่เราเหงาๆ ยังไงก็ไม่รู้”
“สักวันทุกคนก็จะลืม”
“แต่คนที่จะไม่ลืมเห็นจะมีแต่เอ็ง จริงมั้ยตะวัน” ตะวันถอนใจไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ “ส่วนเรื่องนังมาลัย ในเมื่อยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเอ็งบริสุทธิ์ ในฐานะลูกผู้ชายก็คงต้องรับผิดชอบ” ชาญบอกกับตะวันอย่างรักและหวังดี “แต่สำหรับหนูโรส ปู่เตือนเอ็งเอาไว้ก่อนนะว่าถ้าไม่รีบเยียวยา ความสัมพันธ์มันจะไม่กลับมาประสานกันเหมือนเดิมอีกเลยนะ”
“จะมีประโยชน์อะไรครับ ในเมื่อโรสก็มาอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวตั้งแต่แรก สักวันก็ต้องไป แล้วอีกอย่างผมดูแลโรสไม่ดีพอ เธอต้องเป็นอันตรายไม่รู้ต่อกี่ครั้ง การที่เธอไม่อยู่ที่นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดกับชีวิตเธอแล้ว”
“โกหกใจตัวเอง ไม่เหนื่อยเหรอวะลูก”
ชาญพูดให้ตะวันคิด ตบไหล่ตะวันแล้วเดินออกไป ตะวันยืนนิ่งน้ำตาร่วง
พีระกับอุษาวดีลากกระเป๋าออกมา พีระถือกระเป๋าใบหนึ่ง เจอน้ำค้างเดินมา พีระกับอุษาวดีมองน้ำค้าง
“จะไปแล้วเหรอ” น้ำค้างถาม
“อือ”
“น้องไปรอที่รถนะคะพี่พี” พีระพยักหน้า อุษาวดีหันไปทางน้ำค้าง “ฉันไปนะน้ำค้าง”
“จ๊ะ ว่างๆ ก็มาเยี่ยมบ้างนะ”
อุษาวดียิ้ม
“อุษาไปรอพี่ที่รถก่อน พี่มีเรื่องจะคุยกับน้ำค้าง”
อุษาวดีสงสัย แต่ก็ยอมเดินออกไป น้ำค้างหันมามองพีระ พีระเงียบ เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
“ไหนบอกมีไรจะพูดกับฉัน เงียบทำไม” พีระอึกอัก
“แฮ่ม”
น้ำค้างเริ่มรำคาญ
“จะพูดไม่พูด ถ้าไม่พูด จะได้ไป”
“เดี๋ยว” พีระคว้ามือน้ำค้าง น้ำค้างหันมา พีระกลั้นใจบอก “ฉันอยากบอกว่า ที่ผ่านมาถ้าฉันทำอะไรไม่
ดีกับเธอไว้ ฉันขอโทษ”
“นายพูดว่าอะไรนะ” น้ำค้างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ฉันขอโทษ”
“ไม่ได้หูฝาด”
“เอ้า ได้ยินอยู่แล้ว ยังจะถามอีก” น้ำค้างยิ้ม
“ก็ไม่คิดว่าคนอย่างนายจะขอโทษเป็น”
“ฉันเปลี่ยนไปแล้ว”
“เหรอ”
“อื้อ”
น้ำค้างหัวเราะ แล้วก็เห็นพีระยังจับมือตัวเองอยู่
“ปล่อยมือได้แล้วมั๊ง” พีระรีบปล่อยมือ “ฉันเองก็ต้องขอโทษนายเหมือนกัน” พีระชะงัก “ขอโทษที่ใช้งานนายหนัก”
“งั้นถือว่าหายกัน”
“อื้อ”
น้ำค้างยื่นมือออกไป พีระมองมือน้ำค้าง แล้วก็จับ สองคนพูดออกมาพร้อมกัน
“โชคดี”
สองคนชะงัก ยิ้มกันออกมา แล้วก็มองมือที่จับกันอยู่ ก่อนจะรีบปล่อยจากกัน
“ฉันไปล่ะนะ” น้ำค้างพยักหน้า สองคนยิ้มให้กัน เหมือนศึกที่เคยมีจะสงบลง แต่พีระดันนึกอะไรขึ้นมาได้
“อ้อ ฝากบอกพี่ชายห่วยๆ ของเธอด้วยว่า ถ้าฉันรู้ว่าที่โรซี่ร้องไห้เพราะมัน ฉันจะกลับมาเอาคืน”
น้ำค้างชะงักกึก
“ปากดีได้ไม่ถึงสามวิเลยนะ”
“ฉันพูดจริง ตะวันมันห่วย ดูแลชีวิตโรซี่ไม่ดี ทำให้โรซี่เสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วน ฉันด่ามันแล้วผิดตรงไหน นิสัยฉันเปลี่ยนไปรึเปล่าไม่รู้ สิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนคือฉันไม่มีวันญาติดีกับนายตะวัน”
“ฉันว่านิสัยแย่ๆ ของนายคงเลิกยากแล้วล่ะ คำขอบใจที่ฉันพูดออกไปเมื่อกี๊ ขอเอาคืน”
“ฉันก็ขอเอาคำขอโทษของฉันคืนเหมือนกัน”
“ฉันไม่น่าหลงคิดว่านายเป็นคนดี เพราะตั้งแต่แรกนายก็หลอกฉันเรื่องหมอกิตติทัต ฉันไม่น่าลืมข้อนี้เลยให้ตายเถอะ”
“มันช่วยไม่ได้ อยากฉลาดไม่ทันฉันเอง หลอกแค่นี้ก็เชื่อ คนอย่างพีระจับไม่ได้ไล่ไม่ทันนะจ๊ะ ฮ่าๆ ขนาดหมอทัตโดนฉันสับขาหลอกว่าอุษาชอบหมอ หมอจะได้เลิกยุ่งกับโรซี่ หมอก็ยังไม่รู้ว่าเป็นแผนของฉัน ฮ่าๆ โคดฉลาดเลยว่ะ หุหุหุ”
น้ำค้างมองไปทางมุมหนึ่งหลังพีระอย่างอึ้ง
“เวรกรรมมีจริง ซวยแล้วนายพี” พีระนิ่วหน้า
“หมายถึงอะไร”
พีระเอะใจหันหลังไปมอง เห็นกิตติทัตยืนอยู่ข้างหลัง พีระหน้าซีด กิตติทัตมีสีหน้าช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน เดินมาตรงหน้าน้ำค้าง
“ผมมาดูอาการของตะวัน”
“เออ พี่ตะวันอยู่ที่บ้านค่ะ” กิตติทัตพยักหน้า หันไปมองพีระ พีระรีบก้มหน้า ไม่กล้าสบตา แต่กิตติทัตเดินมาตรงหน้า “ตกลงคุณอุษาไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย ทุกอย่างเป็นแผนของคุณ”
“เอ่อ ผมต้องรีบไป บ๊ายบายครับหมอ”
พีระรีบเดินหนีออกไปเลย กิตติทัตยังอึ้ง มึนงง สับสน
“หมอคะ หมอรู้เรื่องพี่โรสรึยัง”
กิตติทัตหันไปมองน้ำค้างสงสัย
พีระรีบเอากระเป๋าใส่ท้ายรถ แล้วปิด ก่อนจะหันไปทางอุษาวดี
“รีบไปเร็วเข้าอุษา”
“พี่พีเป็นไรคะ ท่าทางร้อนรน”
“ร้อนสิ ร้อนมากด้วย” พีระปาดเหงื่อ “เห็นมั๊ย เหงื่อหยดติ๋งๆๆ”
พีระรีบขึ้นรถ อุษาวดีงงๆ แล้วก็ขึ้นรถ พีระรีบขับรถออกไป
กิตติทัตดูแผลให้ตะวัน เห็นดีขึ้น รอยช้ำจางลง ตะวันเอาเสื้อลงมาปิด
“ดีขึ้นมากเลยครับ คงเป็นเพราะประคบเย็นตามที่หมอบอกใช่มั๊ย”
ตะวันนิ่ง นึกภาพตอนที่โรสเอาเจลเย็นประคบแผล
“ครับ โรสรินทำให้ผม เธอดูแลผมดีมาก”
กิตติทัตตัดสินใจพูด
“น้ำค้างเล่าเรื่องโรสกับคุณให้ผมฟังแล้ว ผมรู้จักนิสัยโรสรินดี เค้าเป็นคนโกรธง่าย แต่หายเร็ว แล้วเวลาที่โมโห ก็จะไม่ฟังใคร”
“ขอบคุณที่ให้กำลังใจ”
“ผมไม่ได้พูดเพื่อให้กำลังใจ แต่นี่เป็นความจริง อย่าเพิ่งหมดหวังเรื่องโรสนะครับ ผมดูออกว่าโรสรู้สึกดีกับคุณ”
ตะวันนิ่ง นึกย้อนไปตอนที่โรสรินพูดว่า “เกลียดตะวัน” ตะวันจึงกล้ำกลืนพูดออกมา
“เธอเกลียดผม”
ตะวันเศร้ามาก กิตติทัตมองอย่างเห็นใจ
คืนนั้นที่บ้านณรงค์ โรสรินน้ำตาซึมนอนฟุบหน้ากับหมอน โรสรินยังไม่หยุดร้องไห้อดคิดถึงเหตุการณ์ที่เจ็บปวดหัวใจไม่ได้
ภาพตะวันนอนหลับเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงนอน เสื้อผ้ากองหลุดลุ่ยที่พื้น มาลัยอยู่ใต้ผ้าห่มกำลังทาบทับร่างตะวัน หอมหน้าผาก หอมแก้มตะวันเบาๆ มาลัยหอมแก้มตะวันโชว์โรสริน ลูบไล้แผงอกเบาๆ โรสรินเริ่มสะอึกสะอื้นออกมาพูดอะไรไม่ออก วิ่งหนีออกจากห้องไปเลย
ปัจจุบัน โรสรินร้องไห้หนักกว่าเดิม ที่หน้าประตูห้อง ณรงค์แง้มประตูมองโรสรินอยู่ ณรงค์อดน้ำตาซึมไม่ได้ สงสารโรสรินมาก
วันถัดมา ณรงค์ในชุดสูทกำลังเช็คอีเมลบนไอแพด พลางพูดกับพีระไปด้วย
“ยัยโรสคงไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวเล่นหรอก ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ลงมา”
“ผมจะทำให้โรซี่กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ครับ”
“คนเดิมที่เหวี่ยงไม่เลือกหน้า ความรับผิดชอบไม่มีน่ะเหรอ ไม่เอา”
โรสรินเดินลงบันไดบ้านมา จึงเห็นว่าโรสรินอยู่ในชุดเก๋ๆ แฟชั่นๆ สไตล์คุณหนูโรสริน
“โอ้โหวว สวยที่สุดเลยโรซี่ นี่สิ โรซี่ของพี สไตล์นี้ดูดีกว่าอยู่ไร่ตะวันตั้งเยอะ พีมาชวนโรสไปผ่อนคลายให้สมกับที่เหนื่อยมานาน จะช้อปปิ้ง ดูหนัง ทำหน้า ทาเล็บ หรืออยากไปไหนทำอะไร พียินดีบริการทุกอย่าง” โรสรินพยักเพยิดหน้าให้ พีระดีใจมาก “เดี๋ยวพีไปขับรถมารอรับหน้าประตูบ้าน รอพีแป๊บนึง”
แล้วพีระก็รีบเดินออกไปอย่างใจมีความสุข
“คุณปู่คะ โรสไปข้างนอกนะคะ”
“ปู่นึกว่าไร่ตะวันจะทำให้หนูเปลี่ยนไปแล้วเสียอีก”
“โรสไม่อยากนึกถึงไร่ตะวันอีก มันเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้โรสกลับมาสู่โลกใบเดิมของโรสแล้ว โรสจะทำทุกอย่างที่ใจโรสต้องการค่ะ”
แล้วโรสรินก็เดินออกไป แน่นอนว่าหน้าตายังไม่มีความสุขเหมือนเดิม ณรงค์ถอนใจ
“โรสเอ๊ย ถ้าใจหนูยังอยู่ที่นั่น พยายามลืมแค่ไหน ใจก็ยังจำอยู่ดี”
โรสรินไปเดินห้างช็อบปิ้งทุกอย่างที่อยากได้ ซื้อโดยไม่เลือก หยิบอย่างเดียว ทั้งกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา ฯลฯ โดยมีพีระคอยเดินตามหิ้วของให้เหมือนคนรับใช้คนหนึ่ง ตลอดการช็อปปิ้งเห็นว่าโรสรินหน้าบูดอยู่ตลอด ไม่มีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว
พีระเดินตามโรสรินเข้ามาตามทาง จะเห็นว่าพีระหิ้วของที่โรสรินซื้อพะรุงพะรัง โรสรินเดินนำหน้าพีระ สีหน้าเซ็งสุดขีด
“โรซี่เป็นอะไรน่ะ ช็อปของจนจะหมดห้างแล้ว ยังหน้าเครียดอยู่อีก เรามาผ่อนคลายยิ้มหน่อยสิ”
โรสรินยังนิ่งเฉย
“คนไม่มีความสุขจะให้ยิ้มได้ยังไง”
“เฮ้ย ได้ยินที่พีพูดไหมเนี่ย”
สักพักโรสรินหยุดเดิน ยืนนิ่ง แล้วก็เห็นว่าตัวเองหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายไม้ดอกไม้ประดับ อุปกรณ์ตกแต่งสวน
โรสรินชะงักมองไปที่ช่อกล้วยไม้สีสันสดสวยที่วางแขวนอยู่เรียงราย โรสรินมองกล้วยไม้เหมือนต้องมนต์ ลูบไปที่กล้วยไม้เบาๆ อย่างคิดถึงเรื่องราวในอดีต
ภาพในความทรงจำของโรสรินปรากฏขึ้น เป็นภาพโรสรินกับตะวันช่วยกันเพาะชำกล้วยไม้ ให้ปุ๋ยรักษาดูแลกล้วยไม้ สีหน้าโรสรินมีความสุขมากๆ
ปัจจุบัน โรสรินยิ้มออกมา ยิ้มเป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพ พีระมองอยู่ก็สงสัย
“ทีแบบนี้ยิ้มออก” พีระมองเคืองๆ “ยังคิดถึงไร่ตะวันอยู่ล่ะสิ” โรสรินไม่ตอบ รอยยิ้มคลายลง “หรือว่าคิดถึงคนในไร่ตะวัน” โรสรินก็ยังไม่ตอบอยู่ดี สีหน้ากลับมาเครียดเหมือนเดิม “ใช่แน่ๆ โรซี่จะไปคิดถึงไอ้ตะวันให้รกสมองทำไม”
โรสรินหันมาเหวี่ยง
“โรสไม่ได้นึกถึงเค้า ไม่เคยนึกถึง เค้ากับโรสไม่ได้เป็นอะไรกัน ความผูกพันสักนิดก็ไม่มี โรสจะคิดถึงเค้าทำไม”
แล้วโรสรินก็เดินออกไปเลยอย่างหงุดหงิด
“ไม่คิดก็ไม่คิด ไม่คิดแล้วทำไมต้องหงุดหงิดด้วยว้า”
พีระบ่นคนเดียวแล้วเดินตามโรสรินไปอย่างเอาใจ
โรสรินเดินเข้ามาในโรงแรมควีนโรสโดยมีพีระเดินตามประกบ
“โรสอยากอยู่คนเดียว พีกลับไปได้แล้ว”
“ไม่ พีอยากช่วยทำให้โรซี่หายเศร้า ให้พีเล่นตลกให้ดูมั้ย” โรสรินนิ่ง สยบความโกรธ “ฉี่อะไรให้กำลังใจ”
โรสรินเงียบ ข่มอารมณ์ พีระร้องเพลง ความเชื่อของบอดี้แสลม “ฉี่วิตมันต้องเดินตามหาความฝัน หกล้มคลุกคลานเท่าไหร่ มันจะไปจบที่ตรงไหน แต่จะยังไงก็ต้องไปให้ถึง…” พีระดูอาการโรสริน “อุตส่าห์เล่นซะเยอะ ไม่ตลกเหรอ”
โรสรินหันขวับ ดุ จริงจัง
“ไปให้พ้นเลยนะพี บอกแล้วไงว่าไม่เป็นอะไร”
พีระจ๋อย โรสรินดูจริงจังมาก
“ไม่เป็นอะไรล่ะ เป็นชัดๆ ห่วงนะ หึงด้วย รู้มั้ยเนี่ย” พีระบอก
โรสรินเดินหนีไปเลย พีระจะตามไปก็ชะงัก ไม่กล้าตาม ได้แต่มองอย่างห่วงๆ
ส่วนที่ไร่ตะวัน ตะวัน แย้ น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่งกำลังรดน้ำ ให้ปุ๋ยแปลงกุหลาบอยู่ ทุกคนหันมองหน้าตะวัน ตะวันดูเครียดและซึม ไม่เหมือนตอนที่โรสรินยังอยู่
“ลูกพี่ ตั้งแต่คุณโรสจากไปเนี่ย ยิ้มออกมาบ้างรึยัง” แย้ถาม ตะวันไม่ตอบ
“อย่าว่าแต่พี่ตะวันเลย พวกเราก็ไม่ยิ้มสักคน” น้ำค้างบอก
“เฮ้ออ เมื่อไหร่ไร่ตะวันจะกลับมาสดชื่นสดใสแบบเดิมสักทีว้า”
อาทิตย์สะกิดตะวัน
“พี่ตะวันไปพาพี่โรสกลับมานะครับ”
“พี่นางฟ้าทำให้ไร่เรามีความสุข” อึ่งบอก
“เป็นอะไรกันไปหมด ตอนไม่มีโรสเราก็อยู่กันได้ไม่ใช่เหรอ ทำหน้าที่ของเรา ใช้ชีวิตของเราไป อดีตมันก็คืออดีตเข้าใจมั้ย”
ตะวันเดินออกไป ทุกคนมองตามอย่างไม่เข้าใจ
“ให้คนอื่นเข้าใจน่ะ ตัวเองเข้าใจรึเปล่าเห๊อะ”
น้ำค้างและทุกคนมองไปทางตะวันอย่างสงสาร
คืนนั้นที่ห้องนอนโรสริน บ้านณรงค์ ณรงค์มองโรสรินที่หวีผมอยู่หน้ากระจก โรสรินมีสีหน้าซึมๆ
“หน้าบูดเชียวลูก ไปช็อบปิ้ง ทำหน้า นวดสปา ไม่ได้ทำให้มีความสุขขึ้นเลยเหรอ” โรสรินส่ายหน้า ณรงค์
แซวสร้างบรรยากาศให้ดี “หรือว่าหลานสาวปู่กลายเป็นสาวชาวไร่ไปซะแล้ว”
“โรสยอมรับว่ามันไม่ใช่ชีวิตของโรส แต่โรสกลับชอบ”
“ชอบคน หรือชอบไร่”
“ถ้าจะพูดเรื่องนี้ จบ! โรสไม่คุย”
“ไม่คุยก็ไม่คุย ปู่เป็นห่วงโรสถึงอยากให้โรสกลับบ้าน แล้วโรสก็เลือกที่จะเดินออกมาเอง ฉะนั้นลืมให้ได้ แต่จะทำวิธีไหนเพื่อให้ลืม ต้องหาคำตอบเอง”
ณรงค์ขยี้หัวโรสรินเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องไป โรสรินคิดไม่ตก ทำยังไงถึงจะลืมตะวันได้ลง
เช้าวันใหม่ ที่ห้องทำงานณรงค์ โรงแรมควีนโรส ณรงค์ ยุนอา มองหน้าโรสรินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เมื่อกี๊ฉันหูฝาดรึเปล่า”
ณรงค์ถามยุนอา
“ถ้าหูฝาด ก็คงฝาด ทั้งคู่นะคะท่านประธาน”
“โรสพร้อมที่จะเป็นว่าที่ผู้บริหารโรงแรมควีนโรสแล้วค่ะ โรสยอมฝึกงานตั้งแต่ระดับล่างสุดเพื่อเข้าใจคน และเข้าใจงานทั้งหมดเพื่อไต่เต้ามาถึงวันที่จะได้เป็นผู้บริหารโรงแรมให้ได้”
“รู้ใช่มั้ยว่าล่างสุด มันเริ่มตั้งแต่ ถูพื้น ขัดห้องน้ำ ทำความสะอาด ทิ้งขยะ กว่าจะได้เลื่อนขั้นขึ้นมาปูเตียงไม่ใช่เรื่องง่ายนะโรส” ณรงค์บอก
“กระจอกมาก แล้วโรสจะทำให้ดู”
“แล้วโรสไม่อาย”
“โรสจะมาบริหารโรงแรม ไม่ได้มาทำหน้าบางให้ใครเห็น โรสอยากทำตัวให้มีประโยชน์ ให้มีคุณค่า หมดเวลาสำหรับคุณหนูโรสรินคนเดิมแล้วค่ะ”
โรสรินมุ่งมั่นมากๆ มุ่งมั่นสุดๆ ณรงค์กับยุนอามองอย่างแปลกใจ
จบตอนที่ 9