วิมานมะพร้าว ตอนที่ 9
ผีเถ้าแก่งุ่นง่านอยู่หน้าทีวีในฮวงซุ้ย
“ไอ้เด็กสองคนนี้ ทำไมถึงชอบทำให้อั๊วต้องสะดุ้งอยู่ในหลุมได้ทุกวัน ชีวิตพวกลื้อมันเรียบง่ายนักหรือไงวะ ถึงได้ชอบทำให้ตัวเองทุกข์ใจ” ผีเถ้าแก่หยิบรีโมทมากดเปิดทีวี เห็นสืบสายยืนซึมอยู่หน้าบ้าน ผีเถ้าแก่กดเปลี่ยนช่องเห็นจุลลานั่งซึมอยู่หน้าบ้าน “ลื้อมีศัตรูภายนอกที่ต้องต่อสู้มากพอแล้วนะอาตี๋ อาหนูช่าง อย่ามาต่อสู้กับตัวเองอีกเลย มันเหนื่อย อกเราคือกระเป๋าแห่งความทุกข์ ยกออกบ้างเถอะวะ” ผีเถ้าแก่กดรีโมท สืบสายกำลังล้มตัวลงนอน ผีเถ้าแก่กดรีโมท จุลลากำลังล้มตัวลงนอน “อยากจะทำให้พวกลื้อเข้าไปเจอกันในฝัน เผื่อมันจะสะป๊ากอีกรอบ อั๊วก็ทำไม่ได้แล้ว” ผีเถ้าแก่ทิ้งตัวลงนอนเซ็งมาก “เก๊กซิมว้อย”
จุลลานอนหลับอยู่ สะดุ้งตื่น เพราะเสียงเคาะประตูดังมาก
“ใคร” ไม่มีเสียงตอบ เสียงเคาะประตูยังดังต่อเนื่อง “ฉันถามว่าใคร”
ยังไม่มีใครตอบ เสียงเคาะประตูยังดังไม่หยุด จุลลาผุดลุกขึ้น นึกไม่ไว้ใจ สำรวจตัวเอง เรียบร้อยรัดกุมดี หันมองหาอาวุธเหมาะมือ ไม่มี ตัดสินใจ ระวังตัว เปิดประตูผลัวะออกไปเห็นสืบสายอยู่ที่หน้าประตู
“คุณสืบสาย เข้ามาได้ยังไง”
จุลลาถามอย่างตกใจ สืบสายไม่พูดพร่ำทำเพลง จูงมือจุลลาออกไปทันที
สืบสายจูงมือจุลลามาถึงหน้าฮวงซุ้ย
“พาฉันมาที่นี่ทำไม”
สืบสายไม่ตอบ แต่พูดกับฮวงซุ้ย
“อากงครับ”
“จะเรียกแกออกมาตอนนี้ทำไม แกนอนแล้ว”
“ผีไม่เคยนอน อากงครับ ผมต้องการเจออากงครับ”
“คุณไม่เคยอยากเจออากงคุณไม่ใช่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้อยากเจอขึ้นมา”
“เรื่องของผม”
“เรื่องของคุณ แล้วพาฉันมาด้วยทำไม เชิญคุยกันตามประสาปู่กับหลานกันสองคนสิ” จุลลาเดินหนี สืบสายฉุดมือ จับมือจุลลาเอาไว้แน่นจนจุลลาเดินไปไหนไม่ได้ “เอ๊ะ”
“อยู่ก่อน”
“เพื่อ”
“ผมอยากถามอากงว่า คุณไม่คิดชอบผมบ้างเลยเหรอ” จุลลาอึ้ง “แม้สักนิดก็ไม่เลยเหรอ” จุลลาอึ้ง มองหน้าสืบสาย พูดอะไรไม่ออก “ในเมื่อผมถามแล้วคุณไม่พูด ผมเลยต้องถามอากง เพราะอากงต้องรู้ใจคุณ รู้ว่าคุณคิดอะไรข้างใน ผมอยู่โดยที่ไม่รู้ว่าคุณคิดกับผมยังไงไม่ได้”
จุลลาอึ้ง เขิน อาย อยากบอกมาก แต่ปากยังหนัก
จุลลานอนอยู่บนเตียง กระสับกระส่าย ละเมอ
“ฉัน ฉัน”
สืบสายนอนกระสับกระส่าย ละเมอเหมือนกัน
“อากงครับ ออกมาพบผมหน่อยสิครับ”
สืบสายยังเรียกผีเถ้าแก่ให้ออกมาพบ
“อากงครับ”
“ไม่ต้องเรียกเถ้าแก่หรอก ถ้าคุณอยากรู้ ฉันก็จะพูด”
“ผมรอฟังอยู่”
“ฉัน ชะ...”
เสียงไก่ขันดังขัดจังหวะพอดี จุลลาและสืบสายชะงัก
จุลลาสะดุ้งตื่นขึ้นมา อึ้ง งง สืบสายสะดุ้งตื่น อึ้ง งงเหมือนกัน จุลลาหันไปมองหน้าต่างแสงอาทิตย์เล็ดลอดเข้ามา
“ฉันฝันไป”
“ฝันเหรอ” สืบสายพึมพำออกมา
ผีเถ้าแก่เสียดายสุดตัว
“ก็ฝันสิวะ ขนาดในฝันยังมีอุปสรรค จะขันขัดจังหวะทำไมวะ รู้มั้ยว่าอั๊วยอมทำผิดข้อห้ามของเง็กเซียนฮ่องเต้ ทำให้อีสองคนเจอกันในฝันอีกครั้ง ไอ้หยา อั๊วเกลียดไก่ ต่อไปนี้ อั๊วจะไม่ยอมกินไก่ คอยดู” ลำแสงส่องสว่างมาจากเบื้องบน ผีเถ้าแก้ตกใจ หน้าซีด คุกเข่าลงทันที “ไอ้หยา เง็กเซียนฮ่องเต้ อั๊วผิดไปแล้ว”
คุณนายเง็กรอใส่บาตรอยู่หน้าบ้าน สืบสายเดินออกมากำลังจะไปทำงาน
“พระยังไม่มาเหรอครับม้า”
“ยัง ทำไมวันนี้ลื้อไปทำงานแต่เช้า”
“อยากไปเคลียร์เรื่องที่ต้องเคลียร์ก่อนครับ”
“ใส่บาตรกับม้าก่อน เมื่อคืนม้าฝันเห็นอากงลื้อ” สืบสายอึ้ง
“ฝันว่ายังไงบ้างครับ”
“ไม่เห็นตัวอีหรอก เห็นแต่ไก่ มันขันเอ๊กอี้เอ๊กเอ่ก” สืบสายอึ้ง “อาเมี่ยงอีเลยตีความว่า สงสัยอาเตี่ยอยากกินไก่ เช้านี้เลยต้มไก่ใส่บาตร”
“ครับ แล้วป้าเมี่ยงไปไหนล่ะครับ”
“นั่นไง มาแล้ว”
สืบสายหันไปเห็นป้าเมี่ยงเดินมาจากนอกบ้านกับจุลลา สืบสายอึ้ง รู้สึกเขิน แต่พยายามกลบเกลื่อน จุลลาเห็นสืบสาย รู้สึกอึดอัดใจ
“มาแล้วเหรออาหนูช่าง”
“ท่านรองให้ป้าเมี่ยงไปตามหนูแต่เช้าเลยนะคะ”
“มาใส่บาตรด้วยกัน เมื่อคืนอั๊วฝันเห็นลื้อกับอาตี๋ที่ฮวงซุ้ยอาเตี่ย”
จุลลา สืบสายชะงัก รู้สึกเขิน
“ฝันว่าอะไรคะ”
“ไม่รู้หรอก ฝันเห็นไกลๆ ลื้อสองคนจับมือกัน มองหน้ากัน แล้วไก่ก็ขัน”
“เถ้าแก่” จุลลาพูดเบาๆ กับตัวเอง
“นายช่างว่าอะไรนะคะ”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ แค่คิดถึงใครบางคน”
จุลลาสบตากับสืบสายที่มองมา ทั้งสองคนอึ้งๆ เขินๆ แล้วก็รีบหันมองไปคนละทาง จุลลานึกเจ็บใจผีเถ้าแก่
“ขอให้พลังฟีบ เพี้ยง”
ผีเถ้าแก่ยังนั่งคุกเข่าบนพื้น ไหว้สวรรค์ปะหลกๆ แสงจากสวรรค์ยังคงเจิดจ้า
“อั๊วผิดไปแล้ว อั๊วสมควรตายร้อยหนพันหน อุย ก็ตายไปแล้วนี่หว่า แล้วแต่ท่านเง็กเซียนจะเมตตาอั๊ว ลงโทษอั๊วเถิด”
ผีเถ้าแก่ก้มหัวลงหมอบบนพื้น แสงจากสวรรค์สว่างวาบลงบนตัวผีเถ้าแก่แล้วก็หายไป ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ ผีเถ้าแก่ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วก็ทรุด ไหล่ลู่ เหี่ยว
“เฮ้อ พลังลดอีกแล้ว”
เจ้าที่โผล่หน้าทะลุประตูเข้ามาในฮวงซุ้ย
“เถ้าแก่ ขออนุญาตเข้าไปได้มั้ยครับ”
“ไอ้หยา อาเจ้าที่ มาได้ยังไง”
“เจ้าของบ้านเค้าขอให้มาช่วยดูแลลูกสาวเค้า เจ้าที่แถวนี้เลยแนะนำให้มาคุยกับขาใหญ่ ให้เข้าไปได้หรือยัง เมื่อยมาก”
“เข้ามาสิ”
เจ้าที่ทะลุประตูเข้ามา มองซ้ายมองขวาไปรอบๆ สังเกตเห็นผีเถ้าแก่แก่มาก งกเงิ่น แรงไม่มี
“ทำไมแก่อย่างนี้ล่ะเจ้าสัว”
“ไม่อยากเตะเด็ก”
ผีเถ้าแก่นั่งลงอย่างอ่อนแรง
“ทำผิดกฎสวรรค์มาใช่มั้ย” ผีเถ้าแก่พยักหน้า
“แล้วเมื่อไหร่เจ้าสัวจะดีขึ้น”
“ต้องรอให้ลูกหลานอีทำบุญมาให้ อาเง็ก ลื้อคิดถึงอั๊วมั้ย”
คุณนายเง็กคุยกับสืบสายและจุลลา
“ช่วงนี้ อั๊วรู้สึกขนลุกบ่อยมาก แปลว่าอะไรอาหนูช่าง”
“อยากเข้าห้องน้ำมั้งคะ”
“อาหนูช่าง”
“ขอโทษค่ะ จู่ๆ ท่านรองก็กล่าว หนูไม่รู้ว่าท่านรองหมายถึงเรื่องอะไร”
“เรื่องอาเตี่ย อั๊วรู้สึกว่าอีเข้าใกล้อั๊วมากขึ้นทุกทีๆ”
“เถ้าแก่แกก็เข้าใกล้ทุกคนมากอยู่แล้วค่ะ”
สืบสาย คุณนายเง็ก ป้าเมี่ยงสะดุ้ง มองซ้ายขวาเลิกลั่ก
“ม้า ผมไปทำงานก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อน อั๊วฝันเห็นลื้อสองคนก็เลยอยากให้มาใส่บาตรด้วยกัน”
“ฝันเห็นหนู แต่ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับการใส่บาตรนะคะ”
“เกี่ยวสิ อั๊วฝันเห็นใครหรืออะไร แปลว่าเกี่ยว อาเตี่ยคงต้องการบอกใบ้อะไรอั๊ว เลยทำให้อั๊วฝันเห็นแบบนี้”
“ไร้สาระน่ะม้า” สืบสายบอก จุลลาฉุน “ผมไม่อยากทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกับใครมั่วซั่ว”
แล้วสืบสายก็เดินไปเลย จุลลาเจ็บจี๊ด
“อาตี๋ เดี๋ยวก่อน อาตี๋ อาหนูช่างอย่าโกรธอาตี๋นะ ลื้อใส่บาตรกับอั๊วก็แล้วกัน ถือว่าทำบุญเป็นมงคลกับชีวิตน้าอาเตี่ยคงอยากให้ลื้อช่วยงานอาตี๋เยอะๆ เพราะตอนนี้อาตี๋อีเครียดมากเลยนะ ลื้อรู้เปล่า”
“ไม่รู้หรอกค่ะ เค้าไม่ได้พูดอะไรกับหนู”
“งั้นเดี๋ยวอั๊วจะเล่าให้ฟัง”
จุลลาหน้าเศร้า ไม่ได้อยากจะรับรู้เรื่องของสืบสายเลย เครียด
ในฮวงซุ้ย เจ้าที่ช่วยเตรียมสำรับ จาน ช้อน ตะเกียบให้เถ้าแก่
“เป็นเด็กเนี่ย ลำบากเนาะ ถูกผู้ใหญ่ใช้งานตลอด”
“อย่าให้อั๊วมีแรงนะ อาเจ้าที่ ลื้อถูกอั๊วเตะแน่”
“เอาล่ะ เรียบร้อย ตอนนี้ก็รอให้ลูกหลานกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลมาให้”
เสียงกรุ๊งกริ๊งๆ ดังขึ้น จากนั้นบนโต๊ะก็ปรากฏอาหารที่คุณนายเง็กทำบุญใส่บาตรมาให้ ผีเถ้าแก่และเจ้าที่ดีใจ
เริ่มจากข้าวสวยก่อน ตามด้วยผลไม้ ตามด้วยขนม สุดท้ายตบด้วยไก่ต้ม
“ไอ้หยา ไก่ อั๊วไม่กินไก่”
“งั้นผมกินเองนะ” เจ้าที่หยิบไก่มากินอย่างเอร็ดอร่อย ผีเถ้าแก่เซ็ง “ทำไมไม่กินล่ะเจ้าสัว อร่อยดีนะ ไม่อยากมีแรงเหมือนเดิมหรือไง”
“อั๊วไม่กลืนน้ำลายตัวเอง อั๊วประกาศให้โลกรู้ไปแล้วว่าจะไม่กินไก่”
“บางทีศักดิ์ศรีไม่ได้ช่วยให้เรารอดตายนะเจ้าสัว ในเคสนี้ เจ้าสัวต้องเร่งฟื้นฟูตัวเองเพื่อปฏิบัติภารกิจช่วยลูกหลาน”
“ไม่”
“อย่าให้เด็กต้องเตือนบ่อย ไม่ดี เสียผู้ใหญ่”
ผีเถ้าแก่มองไก่ ครุ่นคิด
สืบสายอยู่ในห้องทำงาน หันมาต่อว่าทรงเดช
“นายควรจะรอให้ฉันกลับมาก่อน”
“แต่ทางญี่ปุ่นรอไม่ได้”
“ฉันไม่เคยเจอเหตุผลนี้ คนที่อยากขายของยังไงก็ต้องรอ อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง”
“นายทำงานมากี่ปีสืบ” สืบสายอึ้ง น้ำหวานและครรชิตที่รอจดรายงานถึงกับซีดที่ทรงเดชกล้าถามสืบสายแบบนี้ “การทำธุรกิจ ทุกวินาทีมีความหมาย ทุกอย่างพลิกผันได้ตลอดเวลา ใครชิงความได้เปรียบก่อนคือผู้ชนะ นายเอาแต่เรียนจนจบปริญญาโท เพิ่งจะมีประสบการณ์การทำธุรกิจแค่ไม่กี่ปีในช่วงที่มารับงานต่อจากป๊า นายคงยังไม่ได้เรียนรู้หลักการข้อนี้”
“ฉันอาจจะมีชั่วโมงบินไม่เท่านาย แต่ด้วยคอมม่อนเซ้นส์ของคน ฉันไม่เชื่อในเหตุผลของนาย”
“นายไม่ไว้ใจฉันงั้นสิ”
“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องรีบร้อนถึงขนาดนั้น”
“มันก็ข้อเดียวกัน นายไม่ต้องปฏิเสธ กลัวฉันตุกติกหรือโกงใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้คิดว่านายจะโกง”
“แต่นายทำให้ฉันเชื่ออย่างนั้น คอมม่อนเซ้นส์ง่ายๆ เหมือนกันนะสืบ ถ้าฉันจะโกง ฉันไม่ยืนหน้าด้านรอเคลียร์ตัวเองกับนายอยู่แบบนี้หรอก” สืบสายอึ้ง “ดูเอกสารให้ละเอียด ว่าฉันซื้อของเกินงบที่นายตั้งไว้หรือเปล่า แล้วรอดู
เวลาที่เครื่องจักรมาถึง มันผิดสเป็กหรือเปล่า อย่าด่วนสรุปคนอื่นเพียงแค่มีหลักการทำงานที่ต่างกับนาย”
ทรงเดชเดินออกไปทันที น้ำหวานตามไปแบบกลัวๆ สืบสายยืนอึ้ง ทิ้งตัวลงนั่ง ฉุน เครียด ครรชิตมองสืบสายอย่างเห็นใจ
ทรงเดชยิ้มกริ่มเดินมา น้ำหวานเดินตาม ทรงเดชปรายตามองน้ำหวาน
“ฉันวางบิลเติมน้ำมันไว้ที่โต๊ะเธอ ทำเบิกออฟฟิศให้ด้วย”
“ค่ะ”
“ได้ข่าวว่า เป็นแฟนกับไอ้แสบแล้วนี่”
“ใครบอกคะว่าหนูเป็นแฟนกับพี่แสบ”
“เม้าท์กันทั่วโรงงาน ไวไฟไม่ใช่เล่นนะเรา” ทรงเดชส่งสายตาเจ้าชู้กะลิ้มกะเหลี่ยใส่น้ำหวาน น้ำหวานถอย
“ไอ้แสบมันเป็นแค่พนักงานซ่อมบำรุงกระจอกๆ ไม่มีอนาคตหรอกนะ”
“คุณทรงเดชมองเห็นอนาคตได้ด้วยเหรอคะ”
“ฉันเดาทางได้ไม่ยาก อยู่กับมันมีแต่จะลำบาก ไหนเลยจะสู้...”
“ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
น้ำหวานรีบออกไป ใจคอไม่ดี ทรงเดชมองตาม หัวเราะมีความสุข ย่ามใจ
สืบสายนั่งเครียด มองเอกสารใบเสนอราคาในมือ ครรชิตค่อยๆ ออกไปตัวลีบ ไม่กล้าเข้าไปสาระแน กลัวอารมณ์สืบสาย
“ครรชิต เดี๋ยวก่อน”
“ครับ บอส”
ที่ฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่ถอนใจ ตัดสินใจ
“กินก็กินวะ”
ผีเถ้าแก่หันไปแล้วอึ้งเพราะเหลือแต่ซากไก่ เนื้อหมด ผลไม้เกลี้ยง ข้าวไม่เหลือสักเม็ด เจ้าที่ดื่มน้ำอั่กๆ อยู่ กินเสร็จพอดี
“อิ่ม”
“อาเจ้าที่”
“ขอบคุณมากครับที่กรุณาสำหรับมื้อนี้ ของฟรีเนี่ยมันอร่อยดีจริงๆ” ผีเถ้าแก่เซ็ง
“อ้าว ก็เห็นเสียงแข็ง นึกว่าเจ้าสัวคงไม่เปลี่ยนใจ คงสายไปแล้วสินะ”
“เออ”
“อุ๊ตะ ยังมีความหวัง” เจ้าที่หยิบจานขนมขึ้นมา เหลืออยู่ชิ้นหนึ่ง เสี้ยวเล็กมากๆ “ยังพอมีอยู่บ้าง พอไหวมั้ยครับ” ผีเถ้าแก่ประคองเสี้ยวขนมมาจากมือเจ้าที่ กลัวหล่น “จำไว้นะครับ โอกาสที่สองอาจจะไม่มาถึงมือของเจ้าสัว เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสแรก จงรีบฉกฉวยมันเอาไว้ ธรรมะสวัสดี” เจ้าที่จะไป
“เออ รีบไปเร็วๆ ไม่น่าเชิญมันเข้ามาเลย”
“ไม่ต้องห่วงครับ วันหลังไม่ต้องเชิญ ผมก็เข้ามาได้แล้ว วันนี้คงกวนแค่นี้ ขอให้สุขภาพแข็งแรงเร็วๆ”
เจ้าที่เดินทะลุประตูออกไป ผีเถ้าแก่มองเศษขนมในมืออย่างเซ็ง ค่อยๆ ลิ้มรสอย่างเต็มที่ ทั้งที่มีอยู่เพียงแค่นั้น
จุลลายืนดูแสบและลูกน้องทำงาน ใจลอย แสบและลูกน้องสังเกตจุลลา กระซิบกระซาบกัน
“สงสัยคิดมากเรื่องบอสแหงๆ เลยว่ะ”
“เรื่องอะไรพี่”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“อ้าว”
“ตอนไปถึงเกาะยังเห็นสมัครสมานกลมเกลียวกันดี ผ่านไปไม่กี่นาที ทั้งบุรุษและสตรีก็เป็นอื่น มึนใส่กัน พี่รู้แค่เนี้ย”
“อะไรวะพี่แสบ ทำไมไม่ล้วง”
“ไปขอพี่จูนล้วงเองไป”
“เฮ้ย! คุยอะไรกัน”
“ไอ้หยิกอยากล้วงพี่จูนครับ”
“ไอ้เข่ง! ปากพาซวย พูดก็พูดให้จบสิวะ คืองี้พี่จูน หมายถึงล้วงความในใจว่าพี่จูนกับบอสโกรธอะไรกัน พวกเราผู้ชายอยากรู้”
“จะรู้มะ ทำงาน ปากมากเม้าท์เรื่องฉันอีก โดน”
แสบและลูกน้องรีบก้มหน้าทำงานต่อ ครรชิตเดินเข้ามา
“คุณจุลลาครับ รีบเร็วเถอะครับ”
“รีบไปไหนคุณเลขา”
จุลลาสงสัย ครรชิตมาตามให้ไปไหน
จุลลาตามครรชิตมาพบสืบสายที่ห้องทำงาน จุลลายืนดูใบเสนอราคาเครื่องจักรที่มีลายเซ็นของเสี่ยตง
สืบสายยืนมองอยู่ ครรชิตอยู่ด้วย
“ก็สมเหตุสมผลดีนี่ สเป็กนี้ ราคาประมาณนี้แหละ ถูกกว่าที่เคยรู้มาด้วย แต่ก็ถูกกว่าไม่มาก”
“เธอแน่ใจนะ”
“แน่ใจ” สืบสายถอนหายใจ โล่งอก
“สบายใจได้แล้วใช่มั้ยครับบอส”
“ต่อไป ฉันจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ติดต่อหรือตามตัวฉันไม่ได้อีก มีแต่เสียกับเสีย ไร้สาระที่สุด”
“อ้าว พูดอย่างนี้ โทษฉันหรือไง คุณต่างหากที่บอกให้ฉันรีบไปตามน้ำหวานกลับบ้าน เพราะดันไปโกหกพ่อของน้ำหวานเอาไว้”
“ฉันพูดตอนไหนว่าฉันโทษเธอ”
“ไม่ต้องพูดออกมาตรงๆ ก็ตีความได้ เพราะฉันไม่ได้โง่”
“ใจเย็นๆ ก่อนครับ อย่าใช้อารมณ์ เดี๋ยวมีปัญหาครอบครัวนะครับ”
“เงียบ” สืบสายกับจุลลาพูดพร้อมกัน ครรชิตจ๋อย
“ครับ”
“ตัวเองเครียด แล้วก็มาลงกับลูกน้องแบบนี้ ไม่ยุติธรรมเลยนะ”
“อย่ามาเรียกร้องหาความยุติธรรมกับความเป็นเจ้านายและลูกน้อง ฉันเป็นคนจ้างเธอ เธอมีหน้าที่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย”
“รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำนักหรอกว่าเป็นเจ้านายกับลูกน้อง ได้ยินชัดเต็มสองรูหู มันประทับอยู่ในนี้” จุลลาตบไปที่หน้าอกตัวเอง “ลึกจนลบไม่ออกอยู่แล้ว”
สืบสายอึ้งเมื่อเห็นสายตาตัดพ้อน้อยใจของจุลลา จุลลาหันหนีเดินออกไป ครรชิตทอดถอนใจ สืบสายแปลกใจ ไม่เข้าใจความรู้สึกของจุลลา
“จุลลา”
จุลลากลับมาที่ห้องพักแผนกซ่อมบำรุง พอเข้ามาในห้องจุลลานั่งลงกระแทกตัวด้วยความฉุน อยากจะบ้ากับสืบสาย ประตูห้องถูกแง้ม แสบ หยิก เข่ง ถัดยื่นหน้ามาสังเกตการณ์
“นั่นไง มันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่คอขาดบาดตายแน่ๆ พี่จูนไม่เคยหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน”
“เคยนะ”
“ตอนไหนวะ”
“ตอนที่พวกเราอู้งานแล้วแอบมาสาระแนเรื่องชาวบ้านอ่ะ”
“แบบที่พวกเรากำลังทำอยู่ใช่มั้ย”
เจ๊พุ่มโผล่หน้ามาแทรก
“เออ”
“เฮ้ย” แสบและลูกน้องวงแตก จุลลาหันมามอง
“อะไรกันอีก พวกแก นี่เตือนก็แล้วอะไรก็แล้ว ก็ยังไม่เลิกใช่มั้ย หา” จุลลาโวยวาย แสบและลูกน้องรีบผลุบหายไปทันที เหลือแต่เจ๊พุ่ม “เจ๊พุ่มก็อีกคน”
“อย่าเพิ่งเหวี่ยงเจ๊ เจ๊จะมาบอกว่ามีแขกมาหานายช่าง”
“ตอนนี้เหรอ”
“ค่ะ ไม่พร้อมเหรอคะ ให้ไปบอกมั้ยคะ ว่านายช่างกำลังหงุดหงิดเพราะเพิ่งทะเลาะกับบอสมา เรื่องอะไรไม่รู้ ทะเลาะกันมาตั้งแต่ตอนที่อยู่บนเกาะ แล้วยังตามมาทะเลาะกันต่อที่นี่”
“นี่รู้กันไปทั่วโรงงานแล้วมั้ง”
“ค่ะ ไม่เหลือ”
จุลลาถอนใจ เดินออกไป เจ๊พุ่มหน้าตาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของจุลลามาก
จุลลาเดินเข้ามาในมุมรับแขกแล้วชะงักเมื่อเห็นพี่โย้รออยู่
“พี่โย้”
“จูน”
“บอกแล้วไง ว่าไม่ต้องมาให้เจอ”
จุลลาเดินหนี พี่โย้รีบไปดักเอาไว้
“พี่มาขอโทษ” จุลลาอึ้ง
เจ๊พุ่มเข้ามารวมกลุ่มเม้าท์แตกเรื่องจุลลา
“อู๊ย ไม่อยากจะเล่าว่ามีผู้ชายมาหานายช่าง คนนั้นน่ะ หล่อๆ ที่เป็นข้าราชการกระทรวงอุตฯน่ะ”
“นี่ขนาดไม่อยากนะ เล่าจนจบเลย”
“จะฟังไม่ฟัง อย่าเบรก เดี๋ยวจับทำผัว”
“หยั่มมา เจ๊จะมาพูดแบบนี้ตามอำเภอใจไม่ได้แล้วนะ เพราะตอนนี้แสบมีแฟนแล้ว”
“ใครแฟนแก ไอ้พี่แสบ” น้ำหวานถามเสียงเข้ม
“ก็น้ำหวานไงจ๊ะ หน้าก็หวาน เสียงก็หวานแบบนี้เลย” แสบหันไปเห็นน้ำหวานยืนแยกเขี้ยวอยู่ “ว้าย”
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงจะคบเป็นแฟนกับแกเลยนะไอ้พี่แสบ”
ทุกคนหันมองแสบเป็นตาเดียว
“อ้าว พี่ ตู่นี่หว่า”
“แล้วเที่ยวไปโพนทะนาซะทั่วโรงงานเลย”
“อย่างนี้ผู้หญิงเค้าเสียหายนะพี่”
“ไม่ใช่แฟน แล้วที่ยอมให้พี่ซบอก แล้วที่ยอมให้พี่ดื่มกาแฟแก้วเดียวกับน้ำหวาน แล้วที่จับมือถือแขน แล้วที่หยิกแก้มพี่ ยิ้มให้พี่ ทำท่าขวยเขินแบบเนี้ยเวลาที่คุยกับพี่ เค้าเรียกว่าอัลลัย”
“เรียกว่าดูๆ ใจกันอยู่ แต่ยังไม่ใช่แฟน” แสบอึ้ง ทุกคนอึ้ง “เพราะว่าเตี่ยยังไม่อนุญาตให้น้ำหวานเป็นแฟนพี่แสบ จนกว่าพี่แสบจะมีหลักฐานที่มั่นคงกว่านี้ จำไม่ได้หรือไงที่บอสมาบอกอ่ะ หา”
“จำได้จ๊ะ แต่ว่าพี่ใจร้อน”
“ถ้าใจร้อน ก็เลิกคบตอนนี้เลย”
“ได้ เราแค่อยู่ในช่วงดูใจกันอยู่ ตามนั้น” แสบแข็งขัน แล้วก็อ้อนใหม่ “ไม่ใจอ่อนจริงเหรอ”
“พี่แสบ เดี๋ยวกัดหู”
แสบจ๋อย ทุกคนยิ้ม แช่มชื่นไปกับแสบ
จุลลานั่งนิ่ง พี่โย้นั่งจ๋อยกับจุลลา
“พี่ไม่อยากให้มิตรภาพที่ยาวนานของเราต้องจบลงเพราะความใจร้อนของพี่”
“จริงๆ จูนก็ไม่อยากให้เราต้องเลิกคบกันหรอกนะ มันเสียดาย แต่จูนก็ไม่อยากมองหน้าพี่ไม่ติด ถ้าพี่ยังคิดกับจูนแบบนั้น”
“มันไม่คุ้มกันเลย ถ้าพี่ต้องเสียน้องเสียเพื่อนอย่างจูนไป”
“พี่โย้ทำใจได้มั้ย ทำใจเลิกคิดแบบนั้นกับจูน”
“พี่จะพยายามนะจูน”
“นะพี่ สักวัน พี่ต้องทำได้”
“เพราะจูนมีคุณสืบสายอยู่ในหัวใจแล้วใช่มั้ย” จุลลาอึ้ง
“ถ้าไม่อยากถูกต่อยจริงๆ อย่าพูดถึงเจ้านายจูนในแง่นั้นอีกนะ”
“อะไรวะ ไอ้จุ่น ของขึ้นง่ายจริงนะ”
“ใช่ ขึ้นแล้วลงยากด้วย ขอร้อง”
“โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด แต่แสดงว่าพี่พูดถูก”
จุลลาอึ้ง น้ำตาจะไหลให้ได้แต่พยายามจะปากแข็ง
“อย่าพูดอีกไงพี่ จูนจะไม่ไหวแล้วนะ”
พี่โย้อึ้ง เห็นความเจ็บปวดของจุลลาจริงๆ เดือนพิไลเข้ามาเห็นจุลาและพี่โย้ ถึงกับชะงัก จุลลาเองก็ชะงักเมื่อเห็นเดือนพิไล
“อ้อ เธอกับแฟนนี่เอง”
จุลลาลุกขึ้น ไม่อยากเห็นหน้าเดือนพิไลอีก เพราะยังโกรธอยู่ จึงเดินหนีทันที พี่โย้ตามจุลลาไป
“จูน เดี๋ยวก่อน จูน”
เดือนพิไลมองตาม ยิ้มเหยียด เดินเข้าข้างในไป
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 9 (ต่อ)
สืบสายเดินมา ครรชิตรายงาน
“บ่ายโมงมีประชุมกับฝ่ายขาย เพื่อกำหนดยอดขายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ สี่โมงเย็นมีนัดทานข้าวกับลูกค้า แต่ว่าแคนเซิลได้นะครับ ถ้าบอสอยากไปทานดินเนอร์เพื่อปรับความเข้าใจกับคุณจุลลา”
“ปรับอะไร ปรับทำไม”
“บอสกำลังเศร้ามากนะครับ ผมทราบอย่าปล่อยให้เรื่องคาราคาซังเลยนะครับ จำได้มั้ยครับว่า สู้ๆ สู้เพื่อรัก”
“ถ้ายังไม่เลิกไร้สาระ ฉัน...”
“ไล่ออกเลยครับ เพราะผมก็จะไม่ทนกับความไร้สาระของบอสอีกต่อไปอีกแล้วเหมือนกัน” สืบสายอึ้ง “ผมล้อเล่นครับบอส ใครจะกล้า งานหายากจะตาย ทนได้ก็ทนไปครับ รายงานต่อนะครับ ทานข้าวกับลูกค้าเสร็จ มีนัดคอนเฟอเร้นออนไลน์กับทางฝรั่งเศสเรื่องน้ำมันมะพร้าวออกานิก...”
สืบสายเหลือบไปเห็นจุลลาเดินหนีมาจากทางหนึ่ง สืบสายจะเรียกแต่แล้วก็เห็นพี่โย้เดินตามจุลลามา สืบสายชะงักไว้ สืบสายเห็นจุลลาหน้าแย่มาก เหมือนจะร้องไห้ก็แปลกใจ
“จุลลา”
สืบสายตามทันที ครรชิตเงยหน้ามา เข้าใจว่าสืบสายไปหาจุลลาเพราะตัวเองไม่เห็นพี่โย้
“ไปหาคุณจุลลา งั้นนัดลูกค้าตามเดิมนะครับ เพราะบอสคงจะเคลียร์กับคุณจุลลารู้เรื่องเรียบร้อยในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า สู้ๆ ครับบอส”
ครรชิตยืนลุ้นสืบสายกับจุลลา
จุลลา พี่โย้เดินเร่งกันมา สืบสายตามไป เดือนพิไลเดินมาเห็นสืบสายไวๆ ตามสืบสายไปทันที
จุลลาเดินมาถึงมุมหนึ่ง พี่โย้จับมือจุลลาเอาไว้
“จูน เดี๋ยวก่อน เป็นอะไรไป”
“จูนต้องออกมาจากตรงนั้นพี่ ไม่อย่างนั้น จูนอาจจะไม่ได้ต่อยหน้าพี่ แต่ต่อยยัยนั่นแทน”
“เค้าเป็นใคร”
“เป็น เป็น แฟนคุณสืบสาย”
พี่โย้เห็นน้ำตารื้นออกมาจากนัยน์ตาของจุลลา น้ำตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ น้อยใจและคับแค้นใจ
“จูน”
“จูน เจ็บอ่ะพี่โย้”
จุลลาทนไม่ไหว น้ำตาไหลออกมา จับมือพี่โย้เอาไว้เป็นหลักยึด พี่โย้อยากจะกอดปลอบใจ แต่เกรงใจจุลลาและสถานที่ทำงานจึงจับมือของจุลลาเอาไว้แน่น
“ร้องมาเถอะจูน ร้องออกมา”
“จูนจะร้องแค่ตรงนี้ วันนี้เท่านั้น หลังจากนี้ จูนจะไม่เสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้อีก มันทำร้ายจูนจนจูนทำอะไรไม่ได้เลยพี่โย้”
จุลลายืนร้องไห้กับพี่โย้ สืบสายเดินเข้ามาเห็นภาพบาดตา ตกใจที่เห็นน้ำตาของจุลลาและเจ็บปวดที่คนที่จุลลาร้องไห้ด้วยไม่ใช่ตัวเอง สืบสายมองอย่างเจ็บปวด เดือนพิไลเดินมาเห็นสืบสายมองจุลลากับพี่โย้ เดือนพิไลหยุดกึก มองอย่างไม่พอใจ ทรงเดชเดินเข้ามากระซิบกับเดือนพิไล
“รักสามเส้าสี่เส้าแบบนี้ ถูกใจผู้ชมอย่างผมมากเลยนะ รู้มั้ย” เดือนพิไลอึ้ง “สืบกับจุลลาไปค้างคืนที่เกาะกันมา อยากรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น”
เดือนพิไลตาวาวโรจน์
ทรงเดชและเดือนพิไลแยกมาคุยกันตามลำพัง
“คุณรู้อะไร”
“บอกดีมั้ยเนี่ย”
“อย่ามาท่ามาก ฉันไม่ชอบ”
“อย่าหงุดหงิดง่ายนักสิครับ ผมก็แค่ล้อเล่น ที่ผมรู้ก็คือเค้าสองคนไปตามลูกน้องด้วยกัน เค้าลือกันทั้งโรงงานว่าสองคนนี้แอบมีใจให้กัน เพราะอะไรรู้มั้ย สายตาที่มองกัน มันไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้อง”
“ก็แค่ข่าวลือ”
“ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ สืบดูจะไว้ใจยัยจุลลานั่นมาก ถึงขั้นให้มาช่วยเช็กใบเสนอราคาเครื่องจักรของผม แถมท่านรองก็สนับสนุนสุดตัว ถ้าไม่ได้ถูกวางไว้เป็นอนาคตลูกสะใภ้ของปาล์มโปรดักส์ แล้วจะเป็นอะไรได้” เดือนพิไลยิ่งโกรธ ไม่พอใจ “เส้นทางของคุณยิ่งยากขึ้นทุกวันๆ”
“เรื่องของฉัน”
“มันเป็นเรื่องของเรา”
“ฉันไม่เข้าใจ”
“เราสองคนต่างอยากจะกำจัดยัยจุลลาไปให้พ้นทางด้วยกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ ยัยนั่นมันจ้องจะล้มผมให้ได้อยู่ตลอดเวลา สำหรับคุณ มันก็เป็นมารคอหอยชิ้นโต เรามีเป้าหมายร่วมกันนะ คุณเดือนพิไล”
เดือนพิไลสบตาทรงเดชเห็นเป้าหมายร่วมกัน
สืบสายเข้าห้องมา ปิดประตูดังโครม จนครรชิตสะดุ้งเฮือก สืบสายนั่งลงอย่างเจ็บปวด ครรชิตยืนมองนิ่งๆ ไม่กล้าพูดใดๆ คุณนายเง็กเปิดประตูเข้ามา ร่าเริง
“อาตี๋”
“ครับ”
“มื้อกลางวัน ทานข้าวกับม้านะ”
“ผมไม่ทาน ผมไม่หิว”
“ไม่หิวก็นั่งหล่ออยู่เฉยๆ ก็ได้”
“ม้ามีอะไรหรือเปล่า ตอนนี้ผม...”
“ตอนนี้บอสกำลังเครียดครับท่านรอง หลังจากที่ไปปรับความเข้าใจกับคุณจุลลามา แต่คงไม่ได้ผล กลับมาหน้าเป็น...”
“ครรชิต พอ”
“ครับ บอส”
“ตกลงลื้อกับอาหนูช่างโกรธอะไรกัน” สืบสายเงียบ “นี่ ปรองดองกันได้ก็ปรองดองกันเถอะน่า ทะเลาะกันแบบนี้แล้วจะทำงานกันยังไง อีจะเป็นคนที่ช่วยลื้อเรื่องงานได้เยอะ อีเป็นคนเก่ง เลี้ยงๆ อีไว้ให้นานๆ เถอะน่า อีมีประโยชน์กับลื้อ”
“นี่คิดแค่ผลประโยชน์กันเองเหรอครับ”
“อาครรชิต อั๊วไม่ได้ให้ลื้อพูดแทรก ออกไปก่อน”
“ขอประทานโทษครับ แต่เสียใจและผิดหวังมากครับ”
ครรชิตหน้าม่อยออกไป
“นะ เชื่อม้าเถอะ เอางี้ ตอนนี้ยังโกรธกันไม่เป็นไร อย่าเครียด ถ้ายังเครียด เดี๋ยวม้าช่วยให้หายเครียดเอง ลื้อต้องเปิดใจนะอาตี๋ หาใครสักคนมาช่วยทำให้ลื้อผ่อนคลาย”
“ม้าจะทำอะไรกันแน่ครับ”
“ม้านัดลูกสาวเพื่อนม้ามาแนะนำให้ลื้อรู้จัก อี...”
“ผมไม่ดูตัวกับใครทั้งนั้น” สืบสายตัดบท เสียงเคาะประตูดังขึ้น เดือนพิไลผลักประตูยิ้มเข้ามา สืบสายอึ้ง คุณนายเง็กไม่พอใจมาก “คุณมูน”
“ลื้อเข้ามาได้ยังไง ใครอนุญาต”
“พอดีไม่เห็นคุณเลขาหน้าห้อง ก็คิดว่าน่าจะเข้ามาได้ค่ะ สวัสดีค่ะคุณแม่ คุณสืบ”
สืบสายถอนใจ เหนื่อยใจจะแย่ ในขณะที่คุณนายเง็กไม่พอใจมาก ส่วนเดือนพิไลยิ้มใสสุดๆ เตรียมขย้ำเหยื่อ
แสบและลูกน้องทำงานอยู่ที่มุมหนึ่ง จุลลาเดินมากับพี่โย้ จุลลาหยุดร้องไห้แล้ว หน้าตาเป็นปกติ ยิ้มแห้งกับพี่โย้ แสบและลูกน้องสังเกตตลอดเวลา
“ขอบคุณนะพี่โย้ ที่อยู่เป็นเพื่อนจูนตอนร้องไห้”
“พี่อยู่กับจูนได้เสมอในทุกสถานการณ์”
“อย่าหล่อ ยังไงก็ไม่รัก”
“ก็รู้ เฮ้อ แปลกแฮะ อกหักคราวนี้ไม่ยักเจ็บ”
“เจ็บได้นะ จูนยังเจ็บเลย”
“จูน หายเร็วๆ นะ พี่เอาใจช่วย”
“จูนก็เอาใจช่วยพี่โย้เหมือนกัน”
“แปลกเนาะ ความรักชอบเล่นตลกกับเรา ทำไมต้องไปชอบไปรักคนที่เค้าไม่รักด้วยก็ไม่รู้”
“เป็นอย่างเดียวในชีวิตที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของจูน”
พี่โย้เห็นแสบและลูกน้องมองๆ มา
“ลูกน้องมองกันใหญ่แล้วจูน ไปทำงานเถอะ พี่กลับแล้ว”
“ขับรถดีๆ นะพี่ แล้วส่งข่าวกัน”
“สู้ๆ น้องรัก”
พี่โย้ขยี้หัวจุลลาอย่างเอ็นดู อดใจแป้วไม่ได้ที่จะเป็นได้แค่พี่แค่เพื่อน พี่โย้เดินออกไป แสบและลูกน้องคอยาว จุลลาหันมามอง แสบและลูกน้องรีบหันไปทำงานต่อ
ในห้องทำงานสืบสาย เดือนพิไลเดินเข้ามา
“มูนมาเตือนความจำคุณสืบค่ะ ว่าอย่าลืมงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังโฆษณานะคะ”
“ไม่ลืมครับ ยังไงผมก็ต้องไปแน่นอน”
“ลื้อไม่เห็นจะต้องลงทุนมาเอง โทรมาคุยกับเลขาของอาตี๋ก็ได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่ มูนไม่ค่อยชอบโทรศัพท์คุยกับคนสำคัญ ต้องมาคุยกันให้เห็นหน้า เพราะนี่คือการให้เกียรติกัน”
“สำคัญ อาตี๋สำคัญยังไงกับลื้อ” เดือนพิไลจะพูด แต่คุณนายเง็กขัดจังหวะ “ผู้หญิงที่ดี ไม่มีใครพูดออกมาก่อนหรอกนะว่าผู้ชายสำคัญกับตัวเองยังไง”
“ถ้าไม่พูดแล้วเมื่อไหร่ คนจะเข้าใจล่ะคะ ว่าเรารู้สึกยังไง สมัยนี้คนชอบเข้าใจผิดกันเพราะสื่อสารกันไม่ดี”
“อ้อเหรอ งั้นก็บอกมาซิ ว่าอาตี๋สำคัญกับลื้อยังไง ผู้หญิงที่ดีเค้าไม่แสดงออกจนออกนอกหน้าหรอกนะว่า...”
“คุณมูนครับ เที่ยงนี้ว่างหรือเปล่าครับ ไปทานข้าวด้วยกันมั้ย” สืบสายรีบขัด เดือนพิไลอึ้ง ตื่นเต้นมาก
คุณนายเง็กอึ้ง ตกใจ ปากค้าง ตาค้าง
“อาตี๋”
“เที่ยงนี้ มูนว่างค่ะ กำลังจะมาชวนคุณสืบไปทานข้าวด้วยกันพอดี”
“ไปครับ ม้าครับ ขอตัวนะครับ ฝากขอโทษเพื่อนม้าด้วย วันนี้ผมไม่สะดวกจะเจอใครที่ไม่เคยรู้จักจริงๆ”
สืบสายเดินออกไป เดือนพิไลยิ้มให้คุณนายเง็ก ไหว้ชดช้อยอย่างงามแล้วรีบตามสืบสายไป คุณนายเง็กยืนช็อกอยู่ ก่อนจะแหวลั่น
“อาครรชิต”
ครรชิตยืนเศร้าเล่าความในใจกับจุลลา แสบและลูกน้องฟัง จุลลานั่งทำงานที่คอมพิวเตอร์ไม่สนใจฟัง
“อยู่กับบอสตอนนี้เหมือนนั่งรถไฟเหาะครับทุกๆ คนครับ”
“รถไฟเหาะตีลังกาด้วยป่ะ คุณเลขา”
“ใช่เลยครับ ความเร็วห้าร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยครับ อารมณ์แกขึ้นๆ ลงๆ หัวใจผมจะวาย”
“จะอะไรซะอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่อง...”
แสบปรายตามองจุลลา ทุกคนมองตามแสบ จุลลานั่งทำงานอยู่ ได้ยินทุกคำพูดแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ เหลือบตามอง เห็นทุกคนมองอยู่
“ข้องใจอะไร”
“ไม่เลยครับ แต่ข้องใจช่างแสบ ทำไมต้องหันมองคุณจุลลาด้วยครับ”
“โหย คุณเลขา ช่างไม่รู้อะไร ก็...”
“หยุดเลยนะไอ้แสบ หยุดพล่าม ตอนนี้พักเที่ยงแล้ว ก็ไปกินข้าวกันสิ จับกลุ่มนินทานายกันอยู่ได้”
“หวาย โดนเต็มๆ เลยครับ”
เจ๊พุ่มวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณเลขา ท่านรองให้หา ตอนนี้พายุเข้าออฟฟิศกำลังจะพัง”
จุลลาและทุกคนตกใจ
“มีเรื่องอะไรเหรอเจ๊พุ่ม”
“ก็คุณเลขาไม่อยู่หน้าห้อง ไม่มีใครสกัดคุณเดือนพิไลน่ะสิ แกเข้าไปในห้องบอสได้ คราวนี้ก็จบเลย บอสออกไปทานข้าวกับคุณเดือนพิไลสองต่อสอง ซวยแล้ว คุณเลขา ท่านรองเหวี่ยง”
“คุณพระ ช่วยคุ้มครองลูกช้างด้วยเถอะครับ”
ครรชิตรีบวิ่งออกไป จุลลาอึ้ง เจ็บ แต่แกล้งทำเฉย เดินออกไป แสบและลูกน้องมองตามจุลลาอย่างสงสัย
“เฮ้ย ไม่ไปกินข้าวกันหรือไง เข้างานสายล่ะก็พวกเอ็ง” เจ๊พุ่มบอก
“เฮ้ย ไปเว้ยน้องๆ กองทัพเดินได้ด้วยท้อง เรื่องซุบซิบนินทาเป็นขนมหวาน ที่ไว้กินล้างปากหลังจากกินข้าว”
แสบเดินนำลูกน้องไป ในใจอยากรู้เรื่องระหว่างจุลลาและสืบสายมาก
จุลลาเดินซึมมาที่หน้าฮวงซุ้ย
“เถ้าแก่ หายเงียบไปเลยนะ” ยอดมะพร้าวเอนไหวด้วยแรงลม “เป็นอะไรหรือเปล่าเถ้าแก่ หนูมาหา” เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ จุลลาใจคอไม่ดี “เถ้าแก่ อย่าเงียบแบบนี้สิ อย่าทำให้หนูใจคอไม่ดีอีกได้ป่ะ ที่เจอวันนี้ก็สุดๆ แล้วนะ เถ้าแก่”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงลมพัดผ่านหน้าจุลลาไป จุลลาหันมองไปรอบๆ ไม่เห็นอะไร หันกลับมาที่ฮวงซุ้ยอีกทีก็เห็นผีเถ้าแก่ยืนห้อยหมดสภาพอยู่ จุลลาถึงกับตกใจ
“เถ้าแก่ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ”
“อย่าเพิ่งให้เล่าเลย ตอนนี้ อั๊วเหนื่อย”
ผีเถ้าแก่เดินย่องไปหยิบเก้าอี้มานั่ง หอบ
“ไม่มีแรงเลยเหรอ ไม่ได้กินอะไรบ้างหรือไง หรือที่ท่านรองกับหนูกรวดน้ำไปให้เมื่อเช้า ไม่ได้รับ นี่บาปหนาขนาดนี้เลยเหรอ”
“เฮ้ย มีสัมมาคารวะหน่อย”
“แหม พอได้ด่าเนี่ย แรงมาเลยนะ”
“อั๊วลืมตัว”
“ตกลงได้รับมั้ย ที่กรวดน้ำมาให้”
“ได้ แต่กินไม่ทันมัน”
“มันน่ะใคร”
“เพื่อนอั๊ว เหลือแค่เศษขนมชิ้นเล็กๆ อื้อหือ อั๊วเคี้ยวแล้วเคี้ยวอีก มันจะไปพอที่ไหนวะ”
“หนูไม่เชื่อหรอกว่าเถ้าแก่หมดแรงเพราะไม่ได้กินของที่ท่านรองทำบุญมาให้ แอบทำอะไรผิดๆ อีกใช่มั้ย”
ผีเถ้าแก่หลบตาวูบ “น่านไง น่านไง ในฝัน มีไก่ขัน หนูฝัน ท่านรองก็ฝันเหมือนเป๊ะ แล้วคุณสืบสายล่ะ ฝันเหมือนกับหนูหรือเปล่า” ผีเถ้าแก่จะตอบโกหก จุลลารู้ทัน พูดดักคอ “อย่าโกหก ไม่งั้นพลังจะลดลงอีก”
“อาตี๋อีก็ฝันเหมือนลื้อ”
“ทำอย่างนี้ทำไมเถ้าแก่ รู้มั้ย ถ้าหนูจะเจ็บก็ขอเจ็บทีเดียว อย่าทำให้มันเจ็บนาน กลายเป็นแผลเรื้อรัง รักษาไม่หาย หรือถ้าหายก็ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ตอกย้ำ” ผีเถ้าแก่อึ้ง “เถ้าแก่ไม่รักหนูเหรอ หนูขอร้องนะ ปล่อยหนูให้หนูอยู่ของหนู เค้าก็อยู่ของเค้า เค้ากำลังมีความสุขกับผู้หญิงที่เถ้าแก่หรือท่านรองอาจจะไม่ชอบ แต่ก็เป็นผู้หญิงที่เค้ารักเค้าเลือกแล้ว อย่าดันทุรังอีกเลย” จุลลาจะร้องไห้ออกมาอีก ผีเถ้าแก่มองอย่างเห็นใจจุลลา “ว่าจะไม่ร้องแล้วนะ”
“งั้นก็หัวเราะ”
“ร้องไห้ดีกว่า” แต่จุลลาก็หัวเราะทั้งน้ำตากับผีเถ้าแก่ “เหมือนเป็นคนบ้าเลยอ่ะ”
“คนที่เจ็บปวดเพราะความรัก มันเหมือนคนบ้าทั้งนั้นแหละอาหนูช่างเอ้ย”
จุลลานั่งหัวเราะทั้งน้ำตากับผีเถ้าแก่ ที่นั่งฟังจุลลาอย่างเงียบๆ
สืบสายเดินเล่นมากับเดือนพิไล สืบสายอยู่กับความคิดของตัวเอง
“คุณดูเครียดจัง”
“ครับ”
“เพราะมูนหรือเปล่าคะ”
“ต้องขอบคุณคุณมูนมากกว่าที่ดึงตัวผมออกมาจากเรื่องเครียด”
“ดีใจจังเลยค่ะ ที่มูนสามารถช่วยอะไรคุณได้บ้าง” สืบสายยิ้ม “รู้มั้ยคะ ว่ามูนชอบเวลาที่คุณยิ้มจัง”
“เหรอครับ”
“ยิ้มของคุณทำให้หัวใจของมูนเต้นแรงมากเลย รู้มั้ยคะ” สืบสายอึ้ง เดือนพิไลจงใจสบตาสืบสายตรงๆ สื่อความหมายสุดชีวิต สืบสายหลบตา อึดอัด “หลบตามูนทำไมคะ เขินเหรอ”
“ก็ ประมาณนั้น”
“เขินทำไม”
“ก็ ผมไม่ค่อยชินที่ต้องสบตาผู้หญิงตรงๆ แบบนี้”
“แล้วคิดว่ามูนไม่เขินเหรอคะ”
“อะไรนะครับ”
“มูนเขินจะแย่ แต่ต้องทำใจแข็ง เพราะมูนอยากให้คุณเห็นว่ามูนรู้สึกยังไงกับคุณ” สืบสายยิ่งทำตัวไม่ถูก
“ถึงคุณจะยังไม่ตอบรับตอนนี้ก็ไม่เป็นไร มูนเข้าใจดีค่ะ แต่คุณรู้มั้ยคะ ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน ถ้าหากว่าเราแยกจากกันวันนี้ แล้วมูนเกิดอุบัติเหตุ ตายจากไป มูนกลัวว่ามูนต้องตายไปพร้อมกับความรู้สึกที่มันอัดแน่นอยู่ในใจโดยไม่ได้บอกคุณ”
“อย่าพูดอย่างนี้สิครับ ไม่ดีเลย”
“ไม่ดี แต่มันคือความจริงค่ะ” สืบสายสบตาเดือนพิไลที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง “พอจะให้โอกาสมูนได้มั้ยคะ ขอแค่ไม่นาน เราก็คงบอกได้ว่าต่างคนต่างใช่หรือไม่ใช่ ถึงตอนนั้น ถ้าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกัน มูนจะยอมเดินจากไป โดยไม่มีอะไรต้องติดค้างอีก ถ้าจะตายมูนก็ตายตาหลับ”
สืบสายจับมือเดือนพิไล
“ผมบอกแล้วไง ว่าอย่าพูดเรื่องตาย”
“ขอโทษค่ะ” เดือนพิไลจ้องดูมือของสืบสายที่จับมือตัวเองเอาไว้ เดือนพิไลจับมือของสืบสายเอาไว้แน่น
“มือของคุณ อบอุ่นจังเลยค่ะ”
สืบสายอึ้ง อยากจะดึงกลับ แต่ก็ปล่อยให้เดือนพิไลจับเอาไว้ พยายามจะใช้เป็นสิ่งที่ทำให้ลืมจุลลา
ที่มุมหนึ่ง มีปาปาราซซี่แฟนคลับที่เดือนพิไลเคยใช้งาน โผล่มาพร้อมมือถือ ถ่ายรูปสืบสายกับเดือนพิไลเอาไว้.แชะ แชะ
หน้าฮวงซุ้ย จุลลาหยุดหัวเราะ นิ่ง ซึม
“หมดแรงแล้วเรอะ อาหนูช่าง”
“เพิ่งคิดได้ว่า ถึงจะร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด อะไรๆ ก็ใช่ว่าจะกลับมาอยู่ในการควบคุม”
“นี่แหละชีวิต ถ้าคุมได้ไปซะทุกอย่าง เราก็จะไม่มีวันได้เรียนรู้จากความผิดพลาด”
“แล้วหนูพลาดตรงไหนล่ะเถ้าแก่”
“ไอ้นี่ ไม่เคยเรียนรู้ หัวใจที่ถูกกำแพงแห่งความปัญญาอ่อนปิดทึบเอาไว้ จนทำให้ลื้อกับอาตี๋ข้ามไปไม่พ้น พ่ายแพ้ล่าถอย ถูกตียับให้กลับมาจมองน้ำตา”
“หนูปัญญาอ่อนตรงไหน”
“ปากแข็ง รักก็ไม่บอกว่ารัก เตือนก็แล้ว ช่วยก็แล้ว ยังไม่เวิร์กอีก อั๊วจนปัญญาแล้ว ต่อไปนี้ กรรมใครกรรมมันก็แล้วกัน”
“ดื้อ พูดก็ไม่ฟัง จะให้หนูบอกไปได้ยังไง ถึงบอกก็ใช่ว่าจะทำให้เค้าเปลี่ยนใจ โอย วนมาเรื่องนี้อีกแล้ว ไม่จบสักที เลิกๆๆ หนูขอประกาศต่อหน้าฮวงซุ้ยเถ้าแก่ไว้เลยว่า หนูจะตัดใจให้ได้ ภายในสามวันเจ็ดวัน”
“เอาเห้อะ จะคอยดู”
เสียงมือถือจุลลาดังขึ้น
“หยุดก่อนเถ้าแก่ หนูจะรับโทรศัพท์ เดี๋ยวต่อก๊อกสอง” จุลลารับโทรศัพท์ “ว่าไงเจ๊พุ่ม หา! ท่านรองช็อก”
“ไอ้หยา อาเง็ก”
คุณนายเง็กนอนหลับอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เสี่ยตงนั่งดูแลอยู่ข้างๆ ครรชิตยืนอยู่ใกล้ๆ
“ทำไมอาเง็กถึงได้ช็อกจนหมดสติ อาครรชิต” เสี่ยตงถามครรชิต
“ท่านรองโกรธมากที่ บอสไปทานข้าวกับคุณเดือนพิไลครับ”
“แล้วอาตี๋รู้เรื่องหรือยัง ว่าม้าอีเข้าโรงพยาบาล”
“ทราบแล้วครับ บอสกำลังมาครับ”
“อืม”
เสี่ยตงมองคุณนายเง็กอย่างเป็นห่วง
มุมหนึ่งในโรงพยาบาล สืบสายเดินมากับเดือนพิไล สืบสายร้อนใจ เดือนพิไลตามติด สืบสายคิดได้ว่าคุณนายเง็กไม่ชอบเดือนพิไลจึงหยุดเดิน หันไปขอร้องเดือนพิไล
“ผมคิดว่า คุณมูน...”
“กลับไปก่อนใช่มั้ยคะ” เดือนพิไลตีหน้าเศร้า “เพราะมูน ทำให้แม่ของคุณต้องเข้าโรงพยาบาล มูนอาจจะทำให้ท่านล้มเจ็บลงไปอีก คุณจะพูดแบบนี้ใช่มั้ยคะ”
สืบสายมองเดือนพิไลอย่างเห็นใจ แต่ไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจ
“อดทนไว้นะครับ สักวันคุณแม่อาจจะมองคุณในแง่ดีขึ้น”
“แล้วมันจะทำให้คุณใจอ่อนกับมูนด้วยหรือเปล่าคะ” สืบสายอึ้ง อึดอัด ลำบากใจที่จะตอบ “มูนนี่หน้าไม่อายเลยจริงๆ นะคะ มาร้องอ้อนวอนขอความรักจากผู้ชายที่เค้าไม่มีใจให้อยู่ได้ซ้ำซาก” เดือนพิไลเริ่มบีบน้ำตา ทำเสียงเครือให้รู้ว่าสะเทือนใจมาก “แถมผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้ใจอ่อนรับคำว่าจะให้โอกาส แต่ก็ยังทนด้านหน้ามากับเค้าอีก”
สืบสายเห็นน้ำตาเดือนพิไลจึงส่งผ้าเช็ดหน้าให้ เดือนพิไลรับมาจงใจจับมือสืบสาย “อย่าน่ารักกับฉันนักได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากจะตกหลุมรักคุณอีกแล้ว”
สืบสายอึ้ง คิดถึงตอนที่อยู่บนเกาะกับจุลลาตอนที่กำลังจะเดินทางกลับ เขาก็พูดประโยคเดียวกัน จึงเข้าใจความรู้สึกของเดือนพิไลทันที จุลลาเดินเข้ามาเห็นพอดี จุลลาอึ้งเมื่อเห็นสายตาเดือนพิไลมองสืบสาย และการที่สืบสายไม่ได้ติดขัดที่ต้องจับมือเดือนพิไล จุลลาเจ็บจี๊ด รีบเดินเลี่ยงหนีออกไปอีกทางทันที
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ แต่ผมไม่อยากเร่งรัดตัวเอง แต่ถ้าคุณรอไม่ได้ ผมก็เข้าใจ แล้วเจอกันครับ”
สืบสายปล่อยมือจากเดือนพิไลเดินออกไป เดือนพิไลเจ็บใจ
จุลลายืนรอลิฟต์อยู่แต่ลิฟต์มาช้าเหลือเกิน จุลลาเซ็ง หันมองไปรอบๆ แล้วชะงักเมื่อเห็นสืบสายเดินเข้ามา สืบสายเห็นจุลลาก็ชะงัก ทั้งคู่อึ้งกันไป จุลลายิ้มให้สืบสาย สืบสายยิ้มตอบ แล้วทั้งสองคนก็หันหน้าหนี ยืนรอลิฟต์อย่างสงบ ทั้งที่ในใจเต้นโครมคราม
จุลลาปรายตามองสืบสาย สืบสายปรายตามองมา จุลลาหลบตา เหลือบไปมองสืบสายใหม่ สืบสายหลบตา
ผีเถ้าแก่นั่งมองทีวี ในจอทีวีเห็นสืบสายและจุลลารอลิฟต์อยู่ แต่ต่างคนต่างเหลือบมองกันไปมา
“เป็นอีแอบกันอีกแล้ว แอบมองกันไปมาอยู่ได้ ถ้าเป็นปลากัด ท้องไปแล้ว”
จู่ๆ เจ้าที่ก็ทะลุประตูฮวงซุ้ยเข้ามา พร้อมตะกร้าอาหารที่มีกับข้าวและผลไม้
“บ่นเป็นคนแก่เลยนะครับ”
“เฮ้ย! ลื้อกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
“เอาบุญมาฝากครับ บุญเยอะ เจ้าของบ้านผมเค้าทำบุญส่งมาให้ทุกวัน กินคนเดียวไม่หมด” เจ้าที่ลงไปนั่งดูทีวี ผีเถ้าแก่กำลังจะหยิบกิน จู่ๆ เจ้าที่ก็สะดุ้งพรวด ตกใจ “คุณพระ”
ผีเถ้าแก่ชะงัก ไม่ได้กิน
“อะไรของลื้อวะ” ผีเถ้าแก่ดูทีวีเห็นจุลลากับสืบสายยังยืนรอลิฟต์อยู่ปกติ ธรรมดา ผีเถ้าแก่หันมองเจ้าที่ เซ็ง “ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างปกติ”
“ก็ปกติไง ปกติจนน่าตกใจ”
“ไร้สาระ”
ผีเถ้าแก่จะหยิบของเข้าปากกิน เจ้าที่ตกใจอีก
“คุณพระ เข้าลิฟท์ไปแล้ว” ผีเถ้าแก่ตกใจ วืด เซ็ง
“แล้วเมื่อไหร่อั๊วจะได้กิน”
ประตูลิฟต์เปิด สืบสายและจุลลาก้าวขาจะเข้าไปพร้อมกัน ชะงัก
“เชิญคุณก่อน”
จุลลาเข้าลิฟต์ไป สืบสายกำลังจะเข้า จุลลากดประตูลิฟต์ปิดรัวๆ สืบสายรีบเข้าไปในลิฟต์ทันที
ในลิฟต์ สืบสายและจุลลายืนกันคนละมุม
“รีบกดประตูลิฟต์ให้ปิดทำไม ผมยังไม่ได้เข้ามาเลย” สืบสายถาม
“ไม่รู้ ชินมั้ง เห็นอะไรค้างๆ ไม่ได้ ต้องกดปิด”
“โรคจิต” สืบสายแอบด่า
“อะไรนะ”
“เปล่า”
สืบสายหันหน้าหนี ไม่สนใจ จุลลาเข่นเขี้ยว หันกลับไปอยู่ในมุมของตัวเองเงียบๆ จู่ๆ ไฟในลิฟต์ติดๆ ดับๆ
สืบสายและจุลลาตกใจกระเถิบมาอยู่ใกล้กันโดยอัตโนมัติ
“อาเจ้าที่ ลื้อทำอะไร” ผีเถ้าแก่ถามเจ้าที่
“ผมไม่ได้ทำ ไฟมันติดๆ ดับๆ ของมันเอง”
ผีเถ้าแก่และเจ้าที่พุ่งไปดูที่หน้าจอทีวีทันที
ในลิฟต์ สืบสายและจุลลายังคงอยู่ใกล้กัน ไฟยังติดๆ ดับๆ
“อย่าบอกนะว่าเถ้าแก่ยังเล่นไม่เลิก” จุลลาพูดกับตัวเอง สืบสายโผล่หน้าเข้ามาถาม
“เธอว่าอะไรนะ” จุลลาตกใจ ผงะออกทันที
“เฮ้ย”
ไฟกลับมาติดเหมือนเดิม ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สืบสายและจุลลายืนอยู่คนละมุมเหมือนเดิม
ผีเถ้าแก่และเจ้าที่เซ็ง ผละออกจากหน้าจอทีวีพร้อมกัน
“จบข่าว”
“คงลุ้นไม่ขึ้นแล้วจริงๆ”
ผีเถ้าแก่นั่งห่อเหี่ยวกับเรื่องของสืบสายและจุลลา เจ้าที่มองอย่างเห็นใจ ผีเถ้าแก่คีบกับข้าวเข้าปากอย่างหมดแรง
สืบสายเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้ามา ขณะนั้นคุณนายเง็กฟื้นแล้ว คุยกับเสี่ยตงอยู่ จุลลาเดินตามเข้ามา ครรชิตถอนหายใจเฮือก โล่งอก สืบสายเดินเข้าไปหาคุณนายเง็กอย่างเป็นห่วง
“หม่าม้า เป็นไงบ้างครับ”
คุณนายเง็กหันหลังหนี สืบสายอึ้ง เสี่ยตงพยักหน้าให้สืบสาย ทำนองอย่าเพิ่งเซ้าซี้ ใจเย็น
“ท่านรอง เป็นยังไงบ้างคะ” จุลลาถาม คุณนายเง็กหันมาคุยปร๋อทันที
“ขอบใจนะอาหนูช่างที่มาเยี่ยม อั๊วยังหายใจดีอยู่ ไม่ตายง่ายๆ เปิดโอกาสให้ใครบางคนทำอะไรบางอย่างสะดวกใจหรอก”
“ท่านรองแปลว่าจะอยู่เป็นก้างขวางคอบอสกับคุณเดือนพิไลไปนานๆ ครับบอส”
“อาครรชิต” ครรชิตจ๋อย สืบสายเครียด “อาเง็ก ลื้อเพิ่งจะฟื้นคืนสติ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลย ทำใจให้สบายๆ ดีกว่า”
“หม่าม้า ผม...” สืบสายจะพูด คุณนายเง็กตัดบท หันหลังให้
“อั๊วไม่อยากคุยกับลื้อ ไปให้พ้นหน้าอั๊ว”
ทุกคนอึ้งกันไปหมด
“อาตี๋ ออกไปกับป๊าก่อน”
“งั้นหนูขอลา” จุลลาบอก คุณนายเง็กรีบขัด
“ยังไม่ให้ลา อาหนูช่าง อยู่เป็นเพื่อนอั๊วก่อน ส่วนคนอื่น เชิญกลับ”
สืบสายออกไปกับเสี่ยตง จุลลาอยู่ต่อ
สืบสายออกมายืนเครียดอยู่หน้าห้อง เสี่ยตงเข้ามาปลอบใจ
“เอาน่ะ แม่ลื้อโกรธง่าย หายเร็ว ไม่ต้องเครียดไปหรอก”
“ผมพยายามจะอธิบายว่าหม่าม้าเข้าใจผิดเรื่องผมกับเดือนพิไล”
“เข้าใจผิด”
ภายในห้อง คุณนายเง็กคุยกับจุลลา ครรชิตยืนรอรับคำสั่งอยู่ข้างๆ
“อั๊วไม่ได้เข้าใจผิด อาตี๋อีไม่มีทางไปกับยัยข้าวเหนียวบูดถ้าอีไม่ได้มีใจให้”
จุลลาเซ็งมาก ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ
“เฮ้อ”
“ลื้อเซ็งใช่มั้ยอาหนูช่าง อั๊วยิ่งกว่าเซ็งอีก อั๊วอยากซี้”
“ท่านรองซี้ไม่ได้นะครับ ซี้ไปแล้ว ใครจะอยู่เป็นก้างขวางคอบอสกับคุณเดือนพิไล”
ด้านนอกสืบสายคุยกับเสี่ยตง
“ผมไม่ได้คิดกับเดือนพิไลในเชิงชู้สาวเลยแม้สักนิดนะครับป๊า แต่ผมก็ไม่ชอบให้จับคู่ดูตัวผมกับลูกสาวเพื่อนม้าเหมือนกัน”
“ฮ้า ม้าลื้อคิดจะจับคู่ลื้อกับลูกสาวเพื่อนอี”
ภายในห้องคุณนายเง็กคุยกับจุลลาและครรชิต
“เพื่อนอั๊วโทรมาด่าอั๊วยับเลย ที่อาตี๋อีไม่ยอมไปตามนัด”
“เฮ้อ” จุลลาถอนหายใจ
“ลื้อเข้าใจความรู้สึกอั๊วใช่มั้ยอาหนูช่าง ว่าอั๊วหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ”
“ก็สมควรแล้วล่ะครับท่านรอง ใครจะไปยอม บอสเค้ามีคนที่รักที่ชอบอยู่แล้ว” ครรชิตบอกพร้อมกับปรายตามองจุลลา
“นี่ไงที่อั๊วอยากซี้ เลือกเมียดีเหมือนมีขุมทรัพย์อยู่ในบ้าน แต่อาตี๋อีตาบอด อั๊วจะทำไงดี อาหนูช่าง”
“ควรจะกลับบ้านค่ะ”
“อะไรนะ”
“หมายถึงหนูค่ะ ส่วนท่านรองหนูไม่อาจเอื้อมเสนอความคิดเห็นหรอกค่ะ”
“พูดออกมาเลย อั๊วอนุญาต ไม่ต้องเกรงใจ ตามสบาย” พอคุณนายเง็กเปิดโอกหาส จุลลาจึงพูดอย่างไม่เกรงใจ
“เค้าจะไปหัวทิ่มหัวตำที่ไหนก็ช่างหัวเค้าเถอะค่ะ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ยังจะทำให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง กินไม่ได้นอนไม่หลับต้องเข้าโรงพยาบาล ตายไปก็ตกนรก สมน้ำหน้า ขอให้จริง เพี้ยง”
คุณนายเง็ก ครรชิตอึ้ง
ที่หน้าห้อง จู่ๆ สืบสายจามออกมา
“ลื้อเป็นหวัดเหรอวะอาตี๋” เสี่ยตงถามอย่างแปลกใจ
“เปล่าครับ แต่รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครพูดถึง”
“เอางี้ ลื้อไม่ต้องห่วง ป๊าจะช่วยอธิบายให้ม้าลื้อเข้าใจเรื่องของลื้อกับหนูมูน และอั๊วจะออกตัวขวางเรื่องการจับคู่ดูตัว ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก แต่ลื้อต้องเข้าใจหม่าม้าด้วยนะ ให้เวลาอีหน่อย อีต้องการเวลาทำใจ”
“ขอบคุณครับป๊า”
สืบสายดูโล่งใจขึ้น ส่วนเสี่ยตงนั้นมีแผนในใจตั้งใจจะพูดตรงกันข้ามเรื่องสืบสายกับเดือนพิไล เพื่อให้คุณนายเง็กเข้าใจว่าสองคนนี้ชอบกันต่อไป
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 9 (ต่อ)
จุลลานั่งเซ็งอยู่หน้าบ้านพัก แสบกับน้ำหวานช่วยกันถือจานกับข้าวและข้าวสวยมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน
“มาแล้วจ้า มื้อนี้...แกะ”
“โห นี่ซื้อเนื้อแกะมากินเลยเหรอไอ้แสบ เว่อร์ไปมั้ง”
“เนื้อแกะที่ไหนล่ะพี่จูน กับข้าวแกะจากถุงต่างหาก”
“แหม แสบชง น้ำหวานตบ เราเกิดมาคู่กันจริงๆ”
“เว่อร์”
แสบ น้ำหวานส่งตาหวานกันไปมา จนจุลลาอดยิ้มตามไม่ได้
“วันหยุด ทำไมไม่ไปเที่ยวกัน แต่ก็ขอบใจนะที่มากินข้าวเป็นเพื่อนพี่”
“กินข้าวคนเดียวเหงา กินกันหลายๆ คน สนุกดี”
“ใช้พี่เป็นกันชน กลัวเตี่ยจะว่าล่ะสิถ้าไปกินข้าวกับไอ้แสบสองคนน่ะ รู้ทันน่า”
“พี่จูนอ่ะ”
“หวาย! อยากกินเค้าเคล้าข้าวกลางวัน หวายๆๆ”
“ไอ้พี่แสบ บ้า ทะลึ่ง งั้นอย่ากินมันเลย”
น้ำหวานแย่งจานข้าวแสบมา แสบแย่งคืน เง้างอดกัน จุลลาขำๆ มองอย่างเอ็นดู นึกสะท้อนใจเรื่องตัวเองจึง เศร้า แต่ตัดใจ ตักกับข้าวกิน
เสี่ยตงประคองคุณนายเง็กเดินมานั่งพัก สืบสายตามมาห่างๆ ป้าเมี่ยงมาช่วยครรชิตรับถุงยาเอาไปเก็บ
“ความจริง น่าจะนอนพักที่โรงพยาบาลอีกสักวัน ค่อยออกมาก็ได้”
“อั๊วคิดถึงบ้าน”
“คิดถึงบ้านทีหลังก็อย่าป่วย จะได้ไม่ต้องไปนอนที่อื่น”
“ก็บอกคนอื่นอย่าทำให้อั๊วป่วยสิ” สืบสายอึ้ง
“ผมขอตัวไป...”
“อาครรชิต พูดวรรคทองของอาหนูช่างที่โดนใจอั๊วที่สุดดังๆ ซิ”
“วรรคทองของจุลลา อะไร ครรชิต” สืบสายแปลกใจ
“ดังนี้ครับบอส...” ครรชิตอ่านจากสมุดบันทึก “เค้าจะไปหัวทิ่มหัวตำที่ไหนก็ช่างหัวเค้าเถอะค่ะ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ยังจะทำให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง กินไม่ได้นอนไม่หลับต้องเข้าโรงพยาบาล ตายไปก็ตกนรก สมน้ำหน้า ขอให้จริง เพี้ยง” สืบสายอึ้ง “เหนื่อยมากครับ ตามนั้นครับบอส”
“บอกอีอีกข้อ ว่าไม่ต้องโกรธอาหนูช่าง เพราะถ้าอีโกรธ ก็เท่ากับโกรธอั๊วด้วย โกรธพ่อโกรธแม่ บาป ตกนรก”
“ตามนั้นครับบอส”
“เฮียพาอั๊วขึ้นห้องนอน”
เสี่ยตงตบไหล่ให้กำลังใจสืบสาย ก่อนจะพาคุณนายเง็กขึ้นห้องไป สืบสาย ถอนใจ แต่แล้วก็ขำออกมาเพราะคำพูดของจุลลา
“ครรชิต จุลลาพูดอย่างนั้นจริงเหรอ”
“แบบไม่เว้นจังหวะหายใจด้วยครับบอส นอกจากจะเป็นผู้หญิงใจใหญ่แล้ว ปอดยังใหญ่มากด้วย บอสอย่าโกรธคุณจุลลาเลยนะครับ”
“ไม่โกรธหรอก แค่อยากทำความเข้าใจ”
สืบสายเดินออกไป
“แหม อยากทำความเข้าใจ หาเรื่องจะไปเห็นหน้าเค้าอ่ะดิ”
จุลลานั่งกินข้าวอยู่ จู่ๆ ข้าวก็ติดคอ
“ค่อกๆๆ”
“กินน้ำก่อนพี่จูน”
น้ำหวานรีบส่งแก้วน้ำให้จุลลา จุลลารีบรับน้ำมาดื่มอั่กๆ จนคล่องคอดีแล้ว จุลลารวบช้อน
“อ้าว ไมอิ่มเร็ว ไม่อร่อยเหรอ”
“เปล่า กินไม่ลง”
“จะกินลงได้ไง”
จุลลา แสบ น้ำหวาน สะดุ้งเฮือกหันไป เห็นสืบสายจ้องเอาเรื่องอยู่
“บอส”
“เพราะฉันแช่งให้ข้าวติดคอเธอ ตอบกลับที่เธอแช่งฉัน”
“ข่าวเข้าหูเร็วจริงๆ”
“ยอมรับว่าทำจริงๆ ใช่มั้ย”
จุลลาพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
“พี่จูนไปแช่งบอสว่าอะไรเหรอ” น้ำหวานถามจุลลา
“ยาวอ่ะ จำไม่ได้แล้ว จำได้แค่ ทำให้แม่เสียใจ ตายไปขอให้ตกนรก”
“แรง” น้ำหวานกับแสบพูดพร้อมกัน
“แล้ว จะเอาไง”
“เธอต้องถูกลงโทษ ที่ไม่ให้เกียรติและนับถือเจ้านาย”
แสบ น้ำหวานหันมามองหน้ากัน ตกลงกัน ค่อยๆ กระเถิบออกจากสืบสายและจุลลา ตัวลีบๆ ออกไป
“เฮ้ย ไปไหนเล่า ทิ้งกันไปเฉยๆ ได้ไง ไอ้แสบ น้ำหวาน”
แสบหันมาตะโกนบอก
“รักนะพี่จูน แต่ขอตัว”
แสบและน้ำหวานวิ่งจู๊ดออกไป
“จะลงโทษยังไง หักเงินเดือน พักงานหรือไล่ออก”
จุลลาหันมาถามสืบสาย สืบสายยิ้มเจ้าเล่ห์
“ขอโทษฉัน”
“ขอโทษ” จุลลาบอกเสียงห้วน
“เอาแบบเพราะๆ หวานๆ”
“ไล่ออกเลยดีกว่า”
“ไล่ออกมันง่ายเกินไป”
“ฉัน...”
“ทำไม่ได้”
“ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ไม่ทำ”
จุลลาเดินหนี สืบสายตาม อย่างนึกสนุกที่ได้แหย่
แสบเดินมากับน้ำหวาน
“ป่านนี้ พี่จูนกับบอส จะทะเลาะกันบ้านระเบิดหรือยัง เรากลับไปดูกันมั้ย”
“โอ๊ย อย่าไปเป็นก้างขวางคอ”
“พี่แสบหมายความว่ายังไง”
“อยากรู้เหรอ เอียงหูมา เรื่องนี้พูดเสียงดังไม่ได้ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง”
“ไม่ต้องมาเนียน รู้ทันหรอกน่ะ ว่าจะทำอะไร”
“รู้ได้ไง ว่าเค้าจะขโมยหอมแก้ม”
“ลองทำดูดิ่ จะตบให้ปากเหวิ่น กินข้าวไม่ได้ไปหลายวันเลย”
“แหม้ มันมวยถูกคู่จริงๆ ต้องงี้สิ แม่ของลูกแสบ”
“จะบอกได้หรือยัง ว่าหมายความว่ายังไง”
“ก็บอสเค้าชอบพี่จูน”
“ฮ้า” น้ำหวานตกใจ
“เค้าไม่ได้มาชวนทะเลาะชนิดเอาเป็นเอาตายหรอก เค้าแค่อยากมาเห็นหน้า”
“ฮ้า” น้ำหวานตกใจอีกรอบ
“คนอะไร ยิ่งตกใจยิ่งน่ารัก แต่อย่าพูดไปนะ ใครรู้เข้า บอสต้องรู้แน่ๆ ว่าออกมาจากปากพี่ แล้วพี่ก็จะถูกไล่ออก รีบกลับบ้านเถอะเดี๋ยวเตี่ยว่าเอาที่ออกมากับพี่นานๆ พี่ไปส่งที่รถ”
“ฮ้า” น้ำหวานตกใจอีกรอบ
“จะตกใจทำไม”
“ก็ชมน้ำหวานไม่ใช่เหรอ ยิ่งตกใจยิ่งน่ารัก ก็อยากน่ารักเยอะๆ”
“แค่นี้ก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะแม่คุณ”
แสบพาน้ำหวานเดินไป หัวเราะกันคิกคัก โลกสวย สดใส
จุลลาเดินหนีสืบสายมาอีกมุมหนึ่ง
“ทำไมมันถึงพูดหวานๆ เพราะๆ กับเจ้านายเธอไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ที่เธอควรจะทำ โดยที่ฉันไม่ต้องบอกด้วยซ้ำ”
“แล้วน้ำเสียงคำขอโทษของฉันฟังไม่ดีตรงไหน ฉันพูดด้วยความสำนึก ไม่ได้พูดแบบขอไปที และนี่ก็เป็นนิสัยของฉัน ทำไมถึงชอบนักกับคำพูดรื่นหู มันก็แค่เปลือก ฉันไม่มีให้หรอก นอกจากการทำงาน” สืบสายอึ้ง “ฉันรู้ว่าจริงๆแล้ว คุณเองก็ไม่ได้อยากได้ยินฉันพูดเพราะๆ หวานๆ หรอก คุณแค่ต้องการเอาชนะฉันใช่มั้ย”
สืบสายมองหน้าจุลลาอย่างพินิจพิเคราะห์
“เธอจะรู้ใจฉันมากไปแล้วนะ”
“ดูไม่ยาก”
“แล้วรู้ใจฉันตอนนี้มั้ย ว่าคิดอะไรอยู่” จุลลาหลบตา
“จะไปรู้เหรอ”
“ไหนบอกว่าดูไม่ยาก”
“ก็ไม่อยากดู”
“ฉันอยากเป็นเพื่อนเธอนะจุลลา” จุลลาอึ้ง “ไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้อง อย่างที่ฉันมักจะพูดบ่อยๆ เพราะระหว่างเราสองคน มันลึกซึ้งมากกว่านั้น” จุลลาอายขึ้นมาทันที “นั่นก็คือความเป็นเพื่อน เธอคิดอย่างที่ฉันคิดหรือเปล่า”
จุลลาพยายามสะกดจิตที่ปั่นป่วนให้เป็นปกติ หันไปยิ้มกับสืบสาย
“ใช่ เราสองคนเป็นเพื่อนกันได้ มากกว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง ถ้าคุณอยากจะให้มันเป็นอย่างนั้น”
จุลลายิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับสืบสาย สืบสายใจชื้น
แสบเดินลั้ลลามาจะเข้าบ้านแต่ต้องชะงักอึ้ง เมื่อเห็นพ่อของน้ำหวานยืนรออยู่
“เตี่ย”
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนาย”
แสบอึ้ง ประหลาดใจ ใจคอไม่ดี
จุลลาเดินออกมาส่งสืบสายหน้าบ้าน
“ฉันอาจจะหงุดหงิดกับเรื่องรอบตัวจนไปลงกับเธอ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังคงทำงานทำหน้าที่ของเธอต่อไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และมีแต่ความจริงใจให้ฉัน ให้แม่ของฉัน เป็นฉันเองที่ไม่ได้เรื่อง ขอโทษนะจุลลา”
“อืม ไม่เป็นไร...ค่ะ”
“หือ”
“บอกแล้วไง ถ้าอยากทำ ทำเอง ไม่ต้องบังคับ”
“นั่นสินะ ขอบคุณมากที่พูดเพราะๆ หวานๆ กับฉันโดยที่เธอเต็มใจ”
สืบสายและจุลลายิ้มๆ ให้กัน โดยที่ยังไม่มีใครยอมแยกกลับ จุลลาตัดสินใจถามสืบสายขึ้นมา
“เอ่อ ถามอะไรหน่อยสิ”
“ถามมาสิ”
“คุณเห็นอากงคุณอีกหรือเปล่า”
“หลังจากวันนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย”
“งอนนานไปมั้ยเนี่ย” จุลลาพูดเบาๆ กับตัวเอง
“งอน ใครงอนใคร เรื่องอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก คุณกลับเถอะ เจอกันที่โรงงาน”
“เจอกันที่โรงงาน”
สืบสายออกไป จุลลายิ้ม ปลง
“เป็นแบบนี้ ดีแล้วล่ะไอ้จูน”
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่พนักงานทยอยกันเข้ามาทำงาน ผีเถ้าแก่ก็ปรากฏตัวขึ้น มองพนักงานทุกคนที่เข้ามาทำงานด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ผีเถ้าแก่มองตามยิ้มแย้มไปด้วย
“รับเช้าวันใหม่ด้วยรอยยิ้ม แล้ววันนี้จะเบิกบานมีโชคไปทั้งวัน แต่ถ้าหน้าบูดบึ้ง ซวยตลอดเวย์ จำคำอั๊วไว้ ขยันทำงานกันนะลูกหลาน เพื่อโรงงานของเราทุกคน”
ผีเถ้าแก่คิดถึงภาพแห่งความหลัง
ภายในอดีต คนงานกำลังขนมะพร้าวจากในสวนมากองรวมกัน เสียงคนงานโวยวายดังเข้ามา กลุ่มคนงานที่เพิ่งลากทะลายมะพร้าวมากองหันไปมอง เห็นเถ้าแก่ซึ่งตอนนั้นยังไม่แก่มาก ช่วยขนทะลายมะพร้าวมาด้วย
“เฮียเล้ง พวกเราขนเองก็ได้ เฮียไม่ต้อง เป็นเจ้าของสวน มาขนเองทำไม”
“ยิ่งเป็นเจ้าของ ยิ่งต้องลงมือทำเอง ยิ่งเป็นเจ้าของกิจการยิ่งต้องเหนื่อยมากกว่าลูกจ้าง ลื้อได้แค่ค่าแรง แต่อั๊วได้กำไร แต่ว่ากำไรอั๊วต้องเอาไปสร้างโรงงาน อั๊วเลยคืนกำไรให้พวกลื้อด้วยการช่วยออกแรง ดีมั้ย”
“แล้วถ้าเฮียเป็นลมตายไป ใครจะจ่ายค่าแรงพวกเรา”
“ตามไปเอาบนสวรรค์แล้วกัน ไอ้เม้งไอ้ปากพาซวย ค่าแรงวันนี้อย่าเอาเลย เอาตีนอั๊วไปกิน”
เถ้าแก่ไล่เตะคนงาน คนงานหัวเราะขำอย่างอารมณ์ดี
ผีเถ้าแก่ยืนมองรูปถ่ายของตัวเองเมื่อครั้งอดีตที่ถ่ายกับคนงานในสวนมะพร้าว ภาพเถ้าแก่กอดคอคนงานสองข้าง ยิ้มอย่างมีความสุขแม้จะเหน็ดเหนื่อย เสี่ยตงที่ยังเป็นเด็กเล็กมากยืนอยู่ที่มุมรูปถ่าย
“นึกถึงวันเวลาเหล่านั้นกับพวกลื้อจริงๆ อาเม้ง ขอบใจนะที่ช่วยทำให้อั๊วได้สร้างโรงงานนี้จนสำเร็จ มันไม่ได้เป็นแค่ของอั๊ว แต่มันเป็นของพวกลื้อด้วย” ผีเถ้าแก่เหลือบไปเห็นเสี่ยตงเด็ก “ลูกใครวะ ขี้เหร่จริงๆ สู้เตี่ยมันก็ไม่ได้ หล่อกว่าเยอะ ฮ่ะๆๆ”
ทรงเดชเดินเข้ามายืนมองรูป ยิ้มกริ่ม รูปถ่ายเถ้าแก่ตกลงมาเพราะตะปูเก่า ตกลงมาแทบเท้าทรงเดช
“ไอ้หยา” ผีเถ้าแก่ตกใจ ทรงเดชก้มมองดูเฉย
“ของเก่า มันก็ต้องมีวันหมดอายุ ถูกโล้ะ ให้ของใหม่มาแทนที่”
ทรงเดชยิ้มเฉย ก้าวข้ามรูปไปเลย ผีเถ้าแก่โกรธมาก
“ไอ้ทรงเดช”
มุมหนึ่งในโรงงาน วิศวกรฯกับช่างเทคนิคกำลังติดตั้งเครื่องจักรใหม่ จุลลา แสบและลูกน้องเฝ้าดูการทำงานของทีมญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด มีครรชิตเป็นล่ามอยู่ สืบสายคุยกับทรงเดช เสี่ยตงอยู่ด้วย ใกล้ๆ กับจุดที่ติดตั้งเครื่องจักร
“ขอบใจมากนะทรงเดช ที่ทำให้เครื่องจักรมาถึงเร็วกว่ากำหนด เราจะได้เดินสายการผลิตเต็มที่ได้เร็วขึ้น”
“ฉันเคยบอกนายแล้วไง เพื่อนกัน ฉันทำเต็มที่ มีคอนเน็คชั่นที่ไหนยังไงบ้าง ฉันก็ไม่เคยเม้ม ฉันทำเพื่อโรงงานของเรา”
สืบสายยิ้มๆ แต่รู้สึกขัดหูกับคำว่าโรงงานของเราจากปากของทรงเดช
“คอนเน็คชั่นเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ มีพันธมิตรเอาไว้ เราสบาย ทำอะไรก็คล่องตัว อาทรงเดชช่วยเราได้มากจริงๆ”
“ขอบคุณครับป๊า”
“เออ อาตี๋ อั๊วว่า งานแถลงข่าวเปิดตัวโฆษณาเปลี่ยนมาจัดที่นี่เลยดีกว่า ถือโอกาสให้นักข่าวได้เยี่ยมชมโรงงานของเราที่เพิ่งติดตั้งเครื่องจักรใหม่เสร็จด้วย”
“แต่เครื่องจักรอาจจะติดตั้งเสร็จไม่ทันงานนะครับ”
“โอ๊ย เสร็จทันครับ ไม่มีปัญหา ป๊าให้นักข่าวมาเยี่ยมชมโรงงานเราได้เลย” ทรงเดชบอก
“แน่ใจเหรอทรงเดช เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ไม่ทันก็คือไม่ทันนะ”
“ฉันบอกว่าทันก็คือทันสิ ฉันคุยกับจุลลาแล้ว เค้าเป็นคนยืนยันกับฉันเอง ว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยในวันนั้นพอดี”
“ทำงานเร็ว รอบคอบดี มันต้องอย่างนี้ ทำธุรกิจจะมาอืดอาดยืดยาดไม่ได้ ลื้อคิดถูกแล้วอาตี๋ ที่ดึงตัวอาทรงเดชมาช่วยงานเรา”
“ครับ”
สืบสายไม่ค่อยสบายใจนัก ในขณะที่ทรงเดชยิ้มตัวใหญ่คับโรงงานที่เอาหน้ากับเสี่ยตงได้ สืบสาย เสี่ยตง ทรงเดชดูการติดตั้งต่อไป ผีเถ้าแก่ลอยมาอยู่ข้างหลังจุลลา
“ไอ้ทรงเดชมันหยามอั๊ว”
จุลลาอึ้ง พูดออกมาเบาๆ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะเถ้าแก่ หนูกำลังทำงาน ไว้คุยกันทีหลังนะ”
“ทีหลังไม่ได้ อั๊วของขึ้น ขึ้นแล้วลงยาก เหมือนลื้อไง”
“คุณจุลลาเชิญทางนี้ครับ นายช่างญี่ปุ่นอยากจะเน้นย้ำกลไกสำคัญที่พึงระวังของเครื่องจักรตัวนี้ให้ทราบครับ” ครรชิตเข้ามาบอก
“โอเค”
จุลลา แสบและลูกน้องเข้าไปฟังนายช่างญี่ปุ่นอธิบาย ทิ้งให้ผีเถ้าแก่ยืนโดดเดี่ยว
“อาหนูช่าง อาหนูช่าง” แต่จุลลาก็ไม่สนใจ ผีเถ้าแก่เห็นเครื่องจักรใหม่ “ทำไมเครื่องจักรมันมาเร็วนักวะ สมัยก่อนลงเรือมา กว่าจะถึงเป็นเดือนๆ”
ทรงเดชคุยโม้โอ้อวดกับสืบสายและเสี่ยตง เสี่ยตงชื่นชมการทำงานของทรงเดชมาก
“เค้าลงทุนเสียค่าขนส่งที่แพงขึ้นมาทางเครื่องบิน เอามาประกอบที่นี่ เพื่อบริการลูกค้ารายใหญ่อย่างเราให้ดีที่สุด ไม่ต้องรอเป็นเดือนๆ เหมือนรายอื่น”
ผีเถ้าแก่มองทรงเดชอย่างเจ็บใจ
“เหม็นน้ำลายไอ้ส่งเดชนี่จริงๆ”
แสบเข้ามานั่งซึมในห้องพักแผนกซ่อมบำรุง จุลลาแสบ หยิก เข่ง ถัดตามเข้ามาหลังจากนั้น ทุกคนดูเหน็ดเหนื่อย
“ทำไมพวกนั้นดูรีบๆ ประกอบเครื่องจังเลยพี่จูน ยังถามคุยไม่รู้เรื่อง มันก็ไปประกอบที่อื่นต่อแล้ว”
“คุณเลขาก็แปลติดๆ ขัดๆ ไม่ค่อยเข้าใจเลย”
“กูก็ถามจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก มันก็ไม่ตอบ”
“แกถามตอนไหนวะ พูดญี่ปุ่นเป็นด้วยเหรอไอ้ถัด เอาอะไรมาเมื่อย”
“มือไง พูดไม่เป็น ก็ใช้มือ”
“คนญี่ปุ่นทำงานเร็ว ไม่อืดอาด ทุกอย่างต้องตรงเวลา เวลาสำหรับเค้าทุกวินาทีสำคัญมาก เราอาจจะทำงานเอิงเอยแบบไทยๆ จนชิน” จุลลาเห็นแสบนั่งซึม ไม่หือไม่อือก็แปลกใจ “เป็นอะไร ฉันคิดว่าพักปุ๊บ แกจะไปขายขนมจีบต่อซะอีก”
“หวานจนมดท่วมโรงงานแล้ว สงสารคนไม่มีแฟนอย่างพวกเราบ้างเห้อะ”
“อิจฉาจนตาร้อนแล้วเพ่”
แสบชำเลืองทุกคนเซ็งๆ ไม่หือไม่อือ ทุกคนมองแปลกใจ
“พี่แสบไม่สบายเปล่าวะ”
“ซึมเป็นหมาหงอยเลยว่ะ”
“พี่แสบเป็นอะไร หรือว่าอกหัก น้องน้ำหวานบอกเลิก”
“เฮ้ย”
แสบลุกขึ้นมาโวย ทุกคนผงะ แต่ก็แค่นั้น แสบลงนั่งซึมอีกรอบ น้ำหวานเข้ามา
“พี่จูน คุณทรงเดชเรียกพบจ๊ะ” น้ำหวานมองแสบ ยิ้มให้ “พี่แสบ”
แสบชะงัก อยากจะเข้าไปป้อใจจะขาด แต่แสบกับลุกเดินหนีไปเลย ผ่านน้ำหวานด้วยสีหน้าเย็นชา น้ำหวาน จุลลาและทุกคนงง
“น้ำหวาน ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า”
“เปล่าเลยนะพี่จูน ตั้งแต่เช้าแล้วอ่ะ พี่แสบเป็นอะไรไม่รู้ น้ำหวานพูดด้วยก็เดินหนี นี่ครั้งที่สามแล้วนะ น้ำหวานไม่ไหวแล้ว”
น้ำหวานน้ำตารื้นออกมา จุลลาและทุกคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
จุลลามาหาทรงเดชที่ห้องทำงาน
“ฉันต้องการให้เครื่องจักรใหม่ เดินสายการผลิตทันวันงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังโฆษณา”
“อีกกี่วัน”
“ห้าวัน”
“พูดเป็นการ์ตูน เครื่องจักรห้าตัว ติดตั้งได้วันละตัว คุณจะไม่เผื่อเวลาให้พวกฉันได้ทดลองเดินเครื่องก่อนเปิดใช้งานจริงหรือไง”
“ทำไมต้องทดลอง ติดตั้งเสร็จก็เปิดใช้งานเลยสิ จะเสียเวลาทำไม”
“ถามอีกที เคยทำงานในโรงงานจริงป่ะ”
“จุลลา เธอกำลังสบประมาทฉัน”
“ไม่ได้สบประมาท แต่ฉันถามคุณจริงๆ ตอบฉันมาสิ ว่าเคยทำงานในโรงงานจริงๆ หรือเปล่า ถึงได้สั่งงานฉันแบบนี้”
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบคำถามงี่เง่าของเธอ แต่ฉันจะบอกแค่ว่าถ้าทำไม่ได้ เครื่องจักรไม่พร้อมในวันนั้น เธอและลูกน้องต้องถูกไล่ออกทันที! นี่เป็นคำสั่งจากผู้จัดการฝ่ายการผลิต”
จุลลาอึ้ง โกรธมาก ที่ต้องรับคำสั่งงี่เง่าของทรงเดช
จุลลาโกรธมาก เดินฮึดฮัดมา
“ปัญญาอ่อน โอ๊ย! ทำไมต้อง...โอ๊ย โอย อยากฆ่าคน”
แล้วจุลลาก็เหลือบไปเห็นแสบแอบนั่งมองอะไรบางอย่างอยู่ที่มุมหนึ่ง จุลลาย่องไปหาทางด้านหลังของแสบทันที มองตามสายตาของแสบเห็นน้ำหวานกำลังคุยงานอยู่กับคนงานคนหนึ่ง จุลลามองหน้าแสบเห็นสายตาแสบละห้อยโหยหามาก
“น้ำหวาน”
“อยากคุยแล้วทำไมไม่เข้าไปคุย” แสบตกใจ ผงะ
“เฮ้ย พี่จูน”
“เดี๋ยวเรียกให้”
จุลลาจะเรียกน้ำหวาน แต่ถูกแสบลากออกไปทันที ฟิ้ว
แสบถูกจุลลาลากตัวกลับเข้ามาใหม่
“จะหนีทำไม มานี่”
“พี่จูน อย่านะ อย่าเรียกน้ำหวานตอนนี้”
“ทำไม ทะเลาะอะไรกัน รู้มั้ย น้ำหวานมันเสียน้ำตากี่รอบแล้ว เพราะไม่รู้ว่าแกเป็นบ้าอะไร”
แสบอึ้ง คอตก น้ำหวานหันมาเห็นแสบอยู่กับจุลลาจึงจะเข้าไปหา ขณะนั้นจุลลายังสั่งสอนแสบ
“แสบ มีเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจกัน รีบเคลียร์กันซะ ชีวิตคนมันสั้น อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่เลย”
“ผมยังไม่พร้อม”
“แล้วตอนไหนถึงจะพร้อม ช้าหรือเร็วสุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้าอยู่ดี เป็นลูกผู้ชาย อย่าหนี”
น้ำหวานเดินเข้ามา
“พี่แสบ อยากคุยอะไรกับน้ำหวานมั้ย”
“คุยกันซะ ฉันไปล่ะ”
“เราสองคน เลิกกันเถอะน้ำหวาน” แสบโพล่งออกมา น้ำหวานอึ้ง จุลลาชะงัก หันมาอย่างตกใจ
“ไอ้แสบ พูดอะไรออกมา นี่ไม่ใช่เวลาพูดเล่นนะ”
“ผมไม่ได้พูดเล่น ผมพูดจริง” น้ำหวานยังยิ้มสู้
“พี่แสบ พูดผิด พูดใหม่ได้นะ”
“พี่ไม่ได้พูดผิด พี่คิดดีแล้ว คิดมาทั้งคืน เราสองคน หยุดแค่นี้ดีกว่า”
“ทำไม”
“พี่เป็นคนขี้เบื่อ บอกตรง พอน้ำหวานยอมศึกษาดูใจกับพี่ปุ๊บ ความเร้าใจมันก็ไม่เหลือแล้วอ่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะยากกว่านี้ ที่ไหนได้ง่ายกว่าที่คิด”
“เลว”
น้ำหวานตบหน้าแสบอย่างแรงด้วยความเสียใจและเจ็บใจจนแสบหน้าหัน น้ำหวานเสียใจวิ่งออกไปทันที แสบก็ยังไม่หันมา ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น จุลลามองเหตุการณ์อย่างตกใจและไม่เข้าใจ ไม่เชื่อว่าแสบจะเลวอย่างที่แสดงออกมา
“แสบ ทำไม”
แสบยืนนิ่ง เจ็บปวด จนพูดไม่ออก
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ตอนที่พ่อน้ำหวานมาหาแสบ
“เลิกกับน้ำหวานซะ” พ่อน้ำหวานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนแสบตกใจ
“แต่เตี่ยเพิ่งจะอนุญาตให้ผมกับน้ำหวาน...”
“ฉันไม่อยากให้น้ำหวานเสียเวลาชีวิตมากไปกว่านี้ เพราะมันมองไม่เห็นอนาคต”
“คบกับผม เตี่ยคิดว่าไม่มีอนาคตเหรอครับ”
“นายย่อมรู้ดีกว่าใคร ตอนนี้ตัวนายมีอะไร นอกจากเงินเก็บที่ไม่ถึงแปดพัน”
“แต่ตอนนี้ หมื่นสองแล้วนะครับ” พ่อน้ำหวานส่ายหัว “และผมก็มีงานทำที่มั่นคง เงินเดือนเพิ่มทุกปี แถมมีโบนัสสามเดือน”
“แต่สุดเพดานของสายงานก็ได้แค่หัวหน้าช่าง มันไม่มีทางไปได้ไกลกว่านี้” แสบอึ้ง “แต่ลูกสาวฉัน เป็นถึงลูกสาวเจ้าของกิจการโรงงานพลาสติก ควรมีโอกาสที่จะได้เลือกคนรักที่ดีกว่านี้ โดยเฉพาะคนที่จะมาช่วยต่อยอดธุรกิจของเราได้ ฉันไม่อยากเห็นลูกสาวคนเดียวของฉันต้องมาจมปลักอยู่กับนาย”
“จมปลัก เหมือนผมเป็นควายไม่ใช่คน”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูก ฉันเห็นใจนะ แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ความบริสุทธิ์ใจของนาย ไม่ได้ทำให้พวกเราอยู่รอดได้บนโลกใบนี้ นายมีอะไร สภาพแวดล้อมสังคมที่นายอยู่มันเป็นยังไง มันคนละระดับกับที่น้ำหวานโตมา อย่าดึงน้ำหวานให้ลงต่ำเลย” แสบอึ้ง จุก พูดไม่ออก “ถ้ารักน้ำหวานจริง ปล่อยน้ำหวานไปซะ ให้โอกาสน้ำหวานเถอะ”
“ไม่ใช่แค่ผมที่เสียใจ น้ำหวานเองก็ต้องเสียใจ”
“ฉันขอโทษนะแสบ แต่เวลาจะช่วยรักษาทุกอย่าง ถ้านายทำตามที่ฉันขอร้อง ฉันจะนับถือน้ำใจนายมาก”
แสบเหมือนถูกตีกลางแสกหน้า พ่อน้ำหวานเดินจากไป ทิ้งแสบโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว
แสบเสียน้ำตาด้วยความคับแค้นใจ จุลลาอยู่กับลูกน้องฟังแสบด้วยความเห็นใจสุดชีวิต
“ผมไม่อยากทำให้น้ำหวานเสียโอกาส และผมก็ไม่อยากให้น้ำหวานมีปัญหากับเตี่ยจนหนีออกจากบ้านอีก ผมยอมเป็นคนเลว น้ำหวานจะได้เกลียดผมและตัดใจจากผมได้ไม่ยาก” จุลลาและลูกน้องสะเทือนใจไปกับแสบ
“คนจนอย่างแสบ ไม่มีสิทธิ์จะรักใครหรือไงวะ พี่”
ทุกคนเสียใจไปกับแสบ จนพูดอะไรไม่ออก จุลลาตัดสินใจเข้าไปปลอบแสบ
“แกมีสิทธิ์แห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับทุกคนบนโลกใบนี้ เพียงแต่ในบางสถานการณ์ แกอาจจะยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้แกต้องยอมแพ้”
“ผมมันคนละชั้นกับพวกเค้า จะให้ผมเอาอะไรไปสู้ ผมมีอยู่แค่สองมือ สองเท้ากับหม้อหุงข้าวไฟฟ้า และเงินในบัญชีแค่หมื่นกว่าบาท แค่นี้ผมสู้ไม่ไหวหรอกพี่จูน”
“ถ้าแกมีสมอง และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ มันจะพาแกไปสู่ชัยชนะ” แสบอึ้ง คิดตาม “มันคือต้นทุน มันคืออาวุธที่จะช่วยแกทำลายอคติของเตี่ยน้ำหวาน คุณสมบัติที่แกมี คือสิ่งที่จะช่วยดูแลปกป้องน้ำหวานให้มีความสุขอย่างแท้จริง และแกก็สามารถสร้างเงินทองข้าวของหรือความมั่นคงอย่างที่เตี่ยเค้าอยากได้ด้วยสองมือหนึ่งสมองหนึ่งหัวใจของแก”
“พี่แสบ พี่จูนพูดถูก วันนี้พี่ยังไม่มี แต่อีกไม่นานพี่ก็จะมี”
“สู้ๆ นะพี่แสบ อย่าเพิ่งถอดใจ”
“พวกเราเอาใจช่วยพี่นะ”
แสบลุกขึ้น เหมือนจะฮึด
“สู้เพื่อที่จะแพ้ อย่าสู้เลย อยู่เฉยๆ ดีกว่า หรือไม่ก็หาแฟนใหม่ที่เป็นคนระดับเดียวกัน จะได้ไม่เหนื่อย” แสบเดินหนี
“ไอ้แสบ เดี๋ยวสิ” จุลลาเรียก แสบหันมาประกาศ
“ทุกคน ห้ามยุ่งเรื่องของแสบอีก ถ้าไม่อยากถูกเลิกคบ”
แสบออกไป จุลลาและลูกน้องอ่อนใจ
แสบเดินมาตามทางเดิน น้ำตาลูกผู้ชายซึมหน่วยตา แสบพยายามจะปาดทิ้งเดินต่อไปอย่างเจ็บช้ำ แต่ก็ต้องเดินต่อไป
น้ำหวานหลบเข้ามาอยู่ในมุมหนึ่งที่ปลอดคน ร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างหนัก
จุลลาเดินมาคุยกับผีเถ้าแก่ที่หน้าฮวงซุ้ย โดยไม่ได้สังเกตว่ามีของเซ่นเพิ่งถูกนำมาวาง ธูปเทียนก็ยังดับไม่หมด
“เถ้าแก่ อย่างอนหนูนะที่ไม่คุยด้วยตอนเช้า ตอนนี้หนูเศร้ามากเลยเถ้าแก่” ผีเถ้าแก่เดินออกมาจากฮวงซุ้ย ลากเก้าอี้ประจำตัวออกมานั่งด้วย แต่สะบัดหน้าไปทางอื่น “งอน แต่เอาเก้าอี้มานั่งรอฟังเลยนะ”
“มีเรื่องอะไรก็รีบว่ามา อั๊วกำลังยุ่ง”
“ตายไปแล้ว มีอะไรยุ่งนักหนา ยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่ถือว่ายุ่งนะ”
“ไอ้หยา จะมาเล่าเรื่องเศร้าหรือมาแขวะอั๊ววะ เลือกสักอย่าง”
“ก็เพราะเศร้าไง เลยแขวะเถ้าแก่แก้กลุ้ม”
“เห็นอั๊วเป็นที่ระบายอารมณ์”
“เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
“ยังจำได้หรือไงว่าเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่มีอาตี๋เป็นเพื่อนใหม่แล้วลืมอั๊วหรือไง”
“น่าน แขวะกลับ ถ้ายังงอน หนูกลับก็ได้”
จุลลาเดินหนี ผีเถ้าแก่รีบพูดดักเอาไว้
“ก็เล่ามาสิ รอฟังอยู่”
จุลลายิ้มๆ เดินมานั่ง ถอนใจ
“สงสารไอ้แสบจังเลยเถ้าแก่”
“มัวแต่สงสารคนอื่น สงสารตัวเองก่อนเถอะ อาหนูช่าง”
“สงสารตัวเองมาเป็นอันดับที่สอง รองจากเรื่องไอ้แสบ”
“ไอ้ทรงเดชมันกดดันลื้อใช่มั้ย ไอ้นี่มันไว้ใจไม่ได้ ลื้อต้องระวังตัว”
“หนูก็ระวังอยู่ทุกฝีก้าวอยู่แล้ว เป็นห่วงก็แต่หลานเถ้าแก่ กลัวว่าเค้าจะพลาดที่ไว้ใจเพื่อนอย่างทรงเดช”
“ขงจื้อเคยกล่าวไว้ คบกับคนซื่อตรง คนซื่อสัตย์ คนที่มีความรู้กว้างไกลมีประโยชน์ คบกับคนประจบสอพลอ ต่อหน้าชื่นชมลับหลังนินทา คบกับคนคุยโม้โอ้อวดแต่ไม่มีความรู้จริง เป็นผลเสีย ไม่ดี”
“แต่เราก็ยังทำอะไรไม่ได้”
“ทำได้สิ อย่าทิ้งอาตี๋ของอั๊วนะ”
จุลลาเห็นสายตาร้องขอของผีเถ้าแก่แล้วอึ้ง
“หนูไม่ทิ้งเค้าหรอกเถ้าแก่”
จุลลานั่งพักสงบสติอารมณ์อยู่กับผีเถ้าแก่
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 9 (ต่อ)
วันต่อมา จุลลา แสบและลูกน้องยืนดูเครื่องจักรใหม่ที่ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว จุลลามองเครื่องจักรอย่างสงสัย
“ฉันไม่เข้าใจ นายทรงเดชบอกว่าเครื่องจักรใหม่ แต่นี่มันของเก่าใช้แล้วชัดๆ”
แสบและลูกน้องตกใจ
“จริงเหรอพี่จูน”
“จะโกหกทำไม ฉันเคยดูแลเครื่องจักรรุ่นนี้ที่ที่ทำงานเก่า มันตั้งหลายปีมาแล้ว”
“แล้วทำไมพี่ไม่ทักตั้งแต่แรก”
“ตอนแรกมันมาเป็นชิ้นๆ ฉันก็ไม่แน่ใจ ประกอบเสร็จตัวแรก ก็ยังเข้าใจว่าตัวอื่นๆ คงจะเป็นของใหม่ ที่ไหนได้ เก่าทุกตัว แถมกำลังการผลิตก็น้อยกว่าเครื่องเก่าที่เราจะโละ วะ ซื้อมาซ่อมชัดๆ มิน่ามันถึงซื้อได้ถูก”
“ยังงี้ถ้าเครื่องทำงานหนัก มันก็เสียเร็ว เราก็ต้องเหนื่อยมาซ่อมกันอีกเด่ะพี่”
“ไปจับไอ้คนที่มันมาติดตั้งเครื่อง มาสอบปากคำเลยมะเพ่”
“พอติดตั้งตัวสุดท้ายเมื่อวานเสร็จ มันก็กลับไปแล้ว ไม่ทันแล้ว”
“งี้ก็เท่ากับว่ามีการเซ็นรับไปแล้วสิพี่จูน บอสรู้เรื่องป่ะเนี่ย”
จุลลารีบวิ่งออกไปทันที แสบและลูกน้องร้อนใจ
“เฮ้ย ทดลองเครื่องเลย ใหม่เก่าไม่สำคัญเท่ากับตอนนี้เครื่องต้องเดินสายการผลิตแล้วตามคำสั่งไอ้ส่งเดช”
“ครับพี่”
แสบและลูกน้องเข้าไปดูเครื่องเพื่อทดลองเปิดระบบ
จุลลามาหาสืบสายที่ห้องทำงาน
“ฉันเซ็นรับไปแล้ว ทำไม มีปัญหาอะไร จุลลา”
“มันเป็นของเก่าไม่ใช่ของใหม่ คุณรู้หรือเปล่า”
“ของเก่า”
“คุณพระ แต่บอสสั่งให้คุณทรงเดชจัดซื้อเครื่องจักรใหม่นะครับ จะซื้อของเก่ามาแทนของเก่าทำไม”
“ตามทรงเดชมาพบฉัน เดี๋ยวนี้”
“ครับ บอส”
ทรงเดชมาพบสืบสายที่ห้องทำงานพร้อมกับยื่นสำเนาใบสั่งซื้อสินค้าเครื่องจักรให้สืบสายอ่าน
“นายอ่านรายละเอียดในใบสั่งซื้อสินค้าอีกทีนะสืบ”
สืบสายไล่ดู จนมาถึงเงื่อนไขแนบท้ายที่ระบุไว้ว่า เป็นราคาเครื่องจักรมือสองคุณภาพสูง
“เครื่องจักรมือสอง ทำไมฉันไม่เคยเห็น”
“เพราะนายไม่เคยอ่านให้ละเอียด มันมีเงื่อนไขแนบท้ายมาตั้งแต่แรกที่ฉันให้ป๊าได้พิจารณาแล้ว”
สืบสายอึ้ง จุลลาเจ็บใจทรงเดช รู้ดีว่าทรงเดชตุกติก ทรงเดชแอบยิ้มกริ่มภาพเหตุการณ์ในอดีตหวนกลับมาใน
ทรงเดชเดินเข้ามาในห้องทำงาน ถือใบสั่งซื้อสินค้าที่มีลายเซ็นของเสี่ยตงเข้ามา มองอย่างพึงพอใจ หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาใครบางคน
“ผมได้ลายเซ็นมันในใบสั่งซื้อมาแล้ว ให้คนของเสี่ยพิมพ์เงื่อนไขแนบท้ายเพิ่มเข้าไปหน่อยว่าเป็นราคาเครื่องจักรมือสอง ทำให้เนียนๆ นะ”
ทรงเดชยิ้มกริ่ม
ทรงเดชหันเผชิญหน้าเอาเรื่องจุลลา
“ยัยนี้แจ๋นมาฟ้องนายใช่มั้ย ใส่สีตีไข่ว่าฉันตุกติกคิดโกงนายด้วยหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้พูด แต่คิด”
“อะไรนักหนาจุลลา เธอตั้งใจจะเลื่อยขาเก้าอี้ฉันตลอดเวลา เพราะอะไร”
“อย่าเพิ่งเปลี่ยนประเด็นทรงเดช เราตกลงกันว่าจะใช้เครื่องจักรใหม่ เรามีปัญหากับเครื่องจักรเก่ามามากจนไม่อยากจะลองอีก เข็ดเรื่องอะไหล่เต็มที ตอนนั้นนายก็รับรองในที่ประชุมว่าจะซื้อของใหม่ แต่ทำไมไม่ทำอย่างที่สั่ง”
“ถ้าอยากได้อย่างที่นายสั่ง งบที่นายตั้งไว้มันซื้อไม่ได้ห้าเครื่องอย่างนี้หรอกสืบ แต่ฉันได้พยายามใช้คอนเน็คชั่นที่ฉันมีเลือกของที่มีคุณภาพเท่าของใหม่ ฉันทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของนาย! ยัยนี่มันใช้เครื่องไม่เป็นและทำงานไม่ได้ตามที่สั่งต่างหาก ถึงได้มาพูดให้นายจับผิดฉันกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง”
“ไม่ได้ใช้ไม่เป็น เครื่องจักรมันเฮงซวย ยังไม่ทันใช้ก็ทำท่าจะไม่ไหวแล้ว พอลงมือทำงานไป มันขัดข้องขึ้นมา คุณก็โทษอีกว่าทำให้การผลิตล่าช้า แล้วจะบอกให้นะว่ากำลังการผลิตมันน้อยมาก ถ้าหากคุณเร่งผลิตแบบที่ทำอยู่
ทุกวันนี่ล่ะก็ มันโอเวอร์โหลดแล้วก็จะพัง”
“นั่นมันเรื่องของฝ่ายซ่อมบำรุง ไม่ใช่ฉัน หน้าที่ผมคือผลิตสินค้าอย่างมีคุณภาพ หน้าที่คุณคือไม่ทำให้เครื่องจักรเสีย ถ้าคุณปล่อยให้มันเสียจนผมผลิตไม่ได้ ก็ถูกไล่ออก”
“อ้าว! พูดแบบนี้ก็ห่วยแตกสิ ผู้จัดการฝ่ายผลิต ถ้าให้ฉันทำงานโดยไม่ต้องรับผิดชอบอย่างคุณ อย่าว่าแต่เป็นผู้จัดการฝ่ายเลย ให้เป็นเจ้าของโรงงานก็ยังไหว โรงงานเจ๊งก็เป็นความผิดของคนงาน ไม่ใช่ฉัน สบายมาก”
ครรชิตทำท่าจะเป็นลม
“โอ๊ย บีบคั้นหัวใจเหลือเกินครับบอส”
“คุณฟังผมนะจุลลา ผม...”
สืบสายเหนื่อยและเพลียใจมาก ตัดสินใจเบรกทั้งสองคน
“หยุดก่อนเถอะ เอาล่ะ เลิกคุยกันก่อน”
“เลิกได้ไง แล้วตกลงเรื่องนี้จะยังไงต่อ ต้องให้เคลียร์สิ”
“สืบ นายเอาไปคิดต่อให้ดีนะ ระหว่างความหวังดีของฉันกับการเกี่ยงงานปัดความรับผิดชอบของยัยนี่ นายจะเลือกเชื่อใคร”
“ใครปัดความรับผิดชอบกันแน่”
“ผมบอกให้หยุด” สืบสายตวาด จุลลา ทรงเดชชะงัก “เดี๋ยวผมจะเคลียร์เรื่องนี้เอง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ และเมื่อทุกคนออกจากห้องนี้ไป ขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ต้องคุยกับใคร จนกว่าผมจะหาข้อสรุปได้”
จุลลาและทรงเดชมองหน้ากัน ไม่มีใครยอมใคร สืบสายเหนื่อยใจเต็มที
จุลลาเปิดประตูห้องทำงานสืบสายออกมาด้วยความฉุน ทรงเดชเดินตามออกมา
“เดี๋ยวก่อนจุลลา”
จุลลาชะงัก หันไป
“อะไร”
“อย่าใช้อารมณ์สิ เราควรจะคุยกันอย่างปัญญาชนคนได้รับการศึกษา”
“ฉันได้รับการสั่งสอนมาว่า ความรู้ที่เอามาใช้ในการประกอบอาชีพควรจะควบคู่ไปกับคุณธรรม ไม่ใช่ทำงานหาเงินเข้าตัวโดยปราศจากจิตสำนึก”
“ผมทำทุกอย่างตามกฎกติกา”
“แน่ใจเหรอว่าคุณไม่ได้เล่นนอกกฎ”
“อย่าเสียเวลากล่าวหาผมดีกว่า ควรจะไปรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดี เพราะผมยังจำได้ว่าถ้าวันนี้มีการผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น คุณยังอยู่ในช่วงทดลองงาน ผมซึ่งเป็นหัวหน้างานโดยตรงของคุณจะไล่คุณออกแน่ และจะไม่มีใครช่วยคุณได้”
ทรงเดชยิ้มเยาะจุลลาออกไปอย่างสบายใจเฉิบอย่างยิ่ง จุลลาปรี๊ด สืบสายออกมากับครรชิต
“จุลลา”
“ทำไมถึงได้สะเพร่า สั่งซื้อของไม่ดูตาม้าตาเรือ” จุลลาใส่สืบสายทันที
“ผมขอร้องนะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ ช่วยสั่งลูกน้องของคุณด้วย ผมไม่อยากให้ป๊าผม ไม่สบายใจและรู้สึกเสียหน้า”
“โอย ฉันอยากฆ่าคน”
จุลลาเดินออกไปทันที สืบสายเครียด
“บอสครับ เงินไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ ถ้าเครื่องจักรล็อตนี้มีปัญหาขึ้นมาอย่างที่คุณจุลลาบอก ผลิตตามออร์เดอร์ไม่ทัน เจ๊งได้นะครับบอส”
“อย่าพูดคำนี้ให้ฉันได้ยินอีก”
“ขอโทษครับบอส”
สืบสายเครียด
จุลลาเดินหน้าเครียดมา คุณนายเง็กเห็นจุลลา รีบมาเรียกไว้
“อาหนูช่าง ว่างมั้ย”
“สวัสดีค่ะท่านรอง ตอนนี้เหรอคะ”
“ใช่”
“ก็ ต้องทดลองเดินเครื่องจักรใหม่น่ะค่ะ”
“ให้ลูกน้องทำไปก่อน หนูมากับฉัน”
“มีอะไรเหรอคะ”
คุณนายเง็กพาจุลลามาที่ห้องทำงานเสี่ยตง
“ให้หนูเป็นพิธีกรกับคนนำนักข่าวชมโรงงาน” จุลลาถามอย่างตกใจ
“ใช่”
“ท่านรองล้มหัวฟาดพื้นมาหรือเปล่าคะ” คุณนายเง็ก เสี่ยตงมองจุลลาสายตาดุ จุลลารีบยกมือไหว้ “ขอโทษค่ะ แต่หนูคงทำไม่ได้หรอกค่ะ ตั้งแต่เกิดจากท้องพ่อท้องแม่หนูไม่เคยทำอะไรแบบนี้ คนอื่นเถอะค่ะ”
“จุลลาอีไม่เต็มใจ อย่าไปฝืนใจอีเลยน่าอาเง็ก”
“คือไม่ใช่ไม่เต็มใจหรอกนะคะ แต่หนูทำไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“ต้องทำได้สิ ฉันไม่อยากได้คนอื่นที่ไม่ได้รู้จักเราจริงๆ เป็นคนทำ พูดตามสคริปต์อย่างเดียวแต่ไม่อิน หนูนั่นแหละเหมาะที่สุด”
“หนูพูดไม่เก่งหรอกค่ะ”
“พูดเป็นต่อยหอยอยู่เนี่ย ไม่เก่งอีกหรือไง”
“ก็เก่งแต่ต่อยหอย กับต่อยปากคน ให้พูดต่อหน้าคนเป็นร้อย หนูอาย
“เห็นมั้ยว่าอีอาย”
“ไม่ต้องอาย อั๊วยังไม่อายเลย จบนะ ไป ไปแต่งตัวให้สวยที่สุด อย่าให้เสียชื่อตัวแทนของปาล์มโปรดักส์”
“ท่านรอง หนูไม่ทำค่ะ”
ที่ร้านสบายท้อง ดารา ลีลา กำลังช่วยกันดูแลลูกค้า จำรัสนั่งคิดเงินอยู่ ป้าลำยองดูทีวีอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ร้องเสียงดัง
“ว้าย ตายแล้ว”
ทั้งร้านหันมามอง
“เบาๆ เกรงใจลูกค้าบ้าง”
“แกเป็นอะไร! อยากตบนังอิจฉาในละครอีกหรือไง”
ป้าลำยองชี้ไปที่ทีวี
“ค่ะ อยากตบมาก เพราะว่ามันมาแย่งแฟนคุณจูน”
ทุกคนงง พุ่งไปดูที่ทีวี ในจอทีวี เห็นการรายงานข่าวบันเทิง มีภาพนิ่งสืบสายกับเดือนพิไลจับมือกัน
“นั่น” ทุกคนตกใจ
“ฮู้ย คราวนี้ไม่รู้จะปากแข็งปฏิเสธกันอีกหรือเปล่านะคะว่าไม่มีอะไรกัน แค่ทำงานด้วยกัน มันไม่ขนาดนี้ เจ๊ขอโบกกก” พิธีกรบอก
“เห็นมั้ย จับมือถือแขนกับบอส แฟนคุณจูนอ่ะ หืม...เห็นแล้วหมั่นไส้ ขอทะลุทีวีเข้าไปตบสักทีเหอะ”
ป้าลำยองจะพุ่งเข้าไปในทีวี จำรัสคว้าตัวเอาไว้
“แกนั่นแหละ มาให้ฉันตบปากก่อน แฟนไอ้จูนที่ไหน ไม่ใช่ พูดแบบนี้ลูกสาวข้าเสียหาย”
มะขวิดวิ่งออกมาจากในร้าน
“คุณดาราครับ คุณจูนโทรมาครับ”
“ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ดารารีบวิ่งเข้าร้านไปรับโทรศัพท์
หน้าห้องประชุมออฟฟิศปาล์มโปรดักส์ สถานที่สำหรับจัดงานแถลงข่าวมีโลโก้ “ปาล์มโปรดักส์” ติดและตกแต่งเต็มพื้นที่ทางเข้างาน เสี่ยตงและคุณนายเง็กมองดูอย่างภาคภูมิใจ
“นี่เป็นการแถลงข่าวเปิดศักราชใหม่ของปาล์มโปรดักส์ที่อั๊วภูมิใจที่สุด”
“ทุกอย่างดูทันสมัย เพราะเราเตรียมตัวสู่สากลระดับโลก ใช่มั้ยอาตี๋”
สืบสายยิ้มรับ ทั้งที่มีความเครียดสูง
“มูนไม่ได้มาสายใช่มั้ยคะ”
สืบสาย คุณนายเง็ก เสี่ยตงหันไป เดือนพิไลและเจ๊บีเดินเข้ามา เดือนพิไลแต่งตัวสวยงามตามท้องเรื่อง แต่จัดเต็มกว่าทุกครั้ง สืบสายยิ้มให้ อึ้งไปเล็กน้อยกับความสวย ส่วนเสี่ยตงอึ้งมาก คุณนายเง็กเช็กผัวและลูกชาย เห็นมองเดือนพิไลตาค้างก็รีบเข้าไปขวาง
เดือนพิไลและเจ๊บีไหว้คุณนายเง็กและเสี่ยตง คุณนายเง็กรับไหว้แบบเสียไม่ได้ หันไปค้อนเสี่ยตง เสี่ยตงรับไหว้วางฟอร์มปกติทันที เดือนพิไลส่งยิ้มหวานให้สืบสาย สืบสายยิ้มรับด้วยมิตรภาพ เจ๊บีส่งยิ้มหวานแฝงนัยยะให้ครรชิต ครรชิตยิ้มรับตามมารยาท เจ๊บีใจพองโต
“เฮีย ไปช่วยอั๊วต้อนรับนักข่าวทางโน้นดีกว่า” คุณนายเง็กบอกเสี่ยตง
“แต่”
คุณนายเง็กไม่รอฟังเสียงกระชากเสี่ยตงออกไปทันที
“ทำไมเปลี่ยนใจมาจัดงานที่นี่ล่ะคะ” เดือนพิไลถามสืบสาย
“เหตุผลทางการตลาดครับ”
“เหรอคะ ค่ะ ก็โอเคค่ะ ตื่นเต้นจังเลยค่ะ จวนได้เวลาแล้วอ่ะ”
“ได้ข่าวว่ามีการเปลี่ยนตัวพิธีกรดำเนินรายการแบบกะทันหันมาก เห็นว่าเป็นพนักงานที่นี่ ไม่ทราบว่าใครครับ” เจ๊บีถามครรชิต
“อ๋อ คุณจุลลาครับ”
สืบสาย เดือนพิไลหันขวับทันที
“จุลลา”
“ครับ เซอร์ไพรส์”
สืบสายแปลกใจ จุลลารับงานนี้ได้ไง เดือนพิไลเจ็บใจจี๊ด ไม่พอใจ แต่แอบเก็บอาการ
ที่บ้านพักจุลลา ดารา จำรัส ลำยอง ลีลา รุมรอกันอยู่หน้าห้องจุลลา
“ถึงกับปิดร้านให้ไอ้มะขวิดมันเฝ้าร้านอยู่คนเดียวแล้วแห่กันมาขนาดนี้ด้วยเหรอแม่”
“ไม่ได้สิ นี่เป็นครั้งแรกของลูกจูน เราต้องมาให้กำลังใจ ฉันไม่อยากให้ลูกจูนเสียขวัญ ลูกไม่เคย”
“คุณจูนจะคลอดลูกเหรอคะ นี่ไปท้องตั้งแต่ตอนไหนคะ บ้าแล้ว”
“แกนั่นแหละบ้า คลอดลูกอะไร มันลุ้นยิ่งกว่านั้น”
“กะอีแค่ไอ้จูนแต่งหญิง ตื่นเต้นกันไปได้”
“คุณไม่ตื่นเต้น แต่ฉันตื่นเต้น ดูสิ น้ำตาจะไหล นี่ถ้าเจ้านายลูกจูนไม่ขู่ว่าจะไล่ออก ลูกจูนไม่มีทางยอมทำแบบนี้แน่ๆ โอ๊ย หัวใจจะหลุดออกมาข้างนอกแล้วอ่ะ น้องจ๋อม เสร็จหรือยังจ๊ะ”
“เสร็จแล้วค่า”
จ๋อมเปิดประตูออกมาจากห้อง ทุกคนรอลุ้น ชะโงก อยากเห็นจุลลา จากนั้นทุกคนก็ตาโต อ้าปากค้าง
นักข่าวเริ่มทยอยเข้ามาในห้องแถลงข่าว นักข่าวบางส่วนตั้งกล้องรอ สืบสายและครรชิตนั่งอยู่แล้ว ทรงเดชและน้ำหวานนั่งอยู่อีกแถว เจ้าหน้าที่เชิญคุณนายเง็กและเสี่ยตงเข้ามานั่งที่โซฟาซึ่งเป็นที่นั่งประธานของงาน คุณนายเง็กดูร้อนใจ เพราะจุลลายังไม่มา จึงหันไปกระซิบกับสืบสาย
“อาตี๋ อั๊วยังไม่เห็นอาหนูช่างเลย”
“ป่านนี้ยังไม่มาอีก หรือว่าอีหนีไปแล้ว” เสี่ยตงบอก
“อีไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบ อีรับปากว่าจะทำ ยังไงอีก็ต้องมา”
“รับปากแต่ถูกบังคับก็อาจจะกลัว”
“ไม่มีทางครับ จุลลาเคยกลัวอะไรที่ไหน”
คุณนายเง็ก เสี่ยตงอึ้ง ที่สืบสายออกรับแทนชัดมาก
“โอ๊ะ”
“ผมไปตามให้ครับ”
“ไม่ต้อง ฉันเอง แกอยู่ดูแลป๊ากับหม่าม้า”
สืบสายรีบลุกออกไป คุณนายเง็ก เสี่ยตงมองตามสืบสาย เริ่มแหม่งๆ
เดือนพิไลนั่งอยู่ในห้องพัก พี่บีเข้ามา
“ซ้อมตอบคำถามอีกรอบดีมั้ย”
“นักข่าวมากันเยอะหรือยัง”
“ไม่ต้องไปห่วงนักข่าวน่ะ ห่วงสิ่งที่หล่อนจะต้องพูดบนเวทีเถอะ”
“ซ้อมรอบเดียวก็พอแล้ว เดี๋ยวไม่สดแทนที่จะห่วงหนู ห่วงเรื่องพิธีกรยังมาไม่ถึงดีกว่าป่ะ”
“ฉันห่วงหล่อนสิถูกแล้ว คนอื่นอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของฉัน มาช้ามาเร็ว ก็ช่างเค้าสิ”
“คนอื่นแต่มีผลกับงานของหนูนะ คิดไง เอาพวกไม่มืออาชีพมาทำงานงานพัง อย่ามาโทษหนูแล้วกัน ดูซิ งานจะเริ่มอยู่แล้ว ยังไม่มาอีก”
พี่บีเห็นด้วย หันไปหาเจ้าหน้าที่
“น้องคะ ทำไมไม่ให้พิธีกรมาแต่งหน้าทำผมแต่งตัวที่นี่ล่ะคะ”
ขณะที่พี่บีกำลังฟังเจ้าที่อธิบาย เดือนพิไลออกไป
“ไปขอกำลังใจจากคุณสืบดีกว่า ต้องทำเป็นตื่นเต้น อุ๊ย ตื่นเต้นๆ”
มุมหนึ่งหน้าห้องแถลงข่าว สืบสายคุยกับเจ้าหน้าที่ออกาไนซ์
“ช่างหน้าผมเป็นช่างส่วนตัวของพิธีกรที่ทางลูกค้าแคนเซิลน่ะค่ะ เราพยายามติดต่อช่างคนอื่น แต่ไม่มีใครว่างเลย ทางคุณจุลลาเลยขอรับผิดชอบเองค่ะ”
“จุลลาเนี่ยนะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง แล้วจะไหวมั้ยเนี่ย” สืบสายบ่นกับตัวเองอย่างเป็นกังวล
ดือนพิไลเดินมา เห็นสืบสายจะเข้าไป
“คุณสืบสาย” เสียงจุลลาดังขึ้น
“จุลลา”
สืบสายดีใจที่ได้ยินเสียงจุลลา รีบหันไป จุลลาเดินเข้ามาในชุดเดรสสั้น เข้ากับงาน แต่งหน้าทำผม สวยเก๋
สืบสายอึ้ง ตะลึงกับลุคที่ไม่เคยเห็นของจุลลา ถึงกับตาค้าง
เดือนพิไลเห็นจุลลา อึ้ง ชะงักตกใจเลย และไม่พอใจที่เห็นสืบสายมองดูจุลลาด้วยสายตาแบบนั้น
“ฉันมาแล้ว”
“เห็น แล้ว” สืบสายเพ้อ เพราะยังตะลึงอยู่ เดือนพิไลไม่พอใจมาก จะเข้าไปวีน
“นังจุลลา ฉันจะปล่อยให้แกแย่งความสนใจจากคุณสืบไปจากฉันไม่ได้”
จำรัส ดารา ป้าลำยองและลีลาเข้ามาแบ็คอัพหลังจุลลา เดือนพิไลเห็นคนเยอะ ไม่กล้าเข้าไป กลับไปยืนตั้งหลักที่เดิม
“งานยังไม่ได้เริ่มใช่มั้ยคะ ลูกจูนยังมาทันใช่มั้ยคะ” ดาราถาม แต่สืบสายยังไม่เลิกเพ้อ
“ทันครับ”
“ค่อยยังชั่ว”
“น้องจูนแต่งตัวแต่งหน้าทำผมแบบนี้ โอเคมั้ยคะบอส” จ๋อมถามสืบสาย
“สวยมากครับ” สืบสายยังเพ้อ
“พี่ดารา จ๋อมดีใจที่สุดเลย ความมั่นใจของจ๋อมกลับมาแล้ว”
สืบสายยังคงจ้องดูจุลลา จุลลาเขิน ม้วนแบบเขินๆ อายๆ
“ดูบอสของคุณจูนดิ่ป้า เคลิ้ม อึ้งตะลึงตึ่งๆ เลยอ่ะ” ลีลาคุยกับป้าลำยอง
“ดูคุณจูนของเราสิ เขินตัวม้วนเป็นเลขแปดแล้วอ่ะ”
จำรัสได้ยิน เห็นสายตาของสองหนุ่มสาว เข้าไปขวางเลย
“เอาตัวลูกสาวมาส่งแล้ว ก็พาเข้างานได้แล้วครับ บอส” สืบสายได้สติ รู้สึกตัว
“ครับ คุณพ่อ คุณแม่ ทุกคนมากันเยอะเลย”
“มาให้กำลังใจลูกสาวค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสลูกจูนได้แสดงศักยภาพความเป็นลูกผู้หญิง ลูกจูนน่ะสวยได้นะคะแต่ไม่อยากสวย”
“พอแล้วแม่ เดี๋ยวเค้าก็ว่าเราเว่อร์”
“โอ๊ย เว่อร์จริงค่ะ ไม่ต้องเค้าว่าหรอกค่ะ พวกเราเองนี่แหละ”
“เห่อลูกล่ะไม่มีใครเกินคุณดาราค่ะ”
“กลับไปอยู่ข้างหลัง”
ป้าลำยองและลีลาพร้อมใจกันก้าวถอยหลัง จ๋อยๆ
“จวนได้เวลาแล้ว เชิญคุณ...จุลลาใช่มั้ยคะ” เจ้าหน้าที่ถาม
“ค่ะ”
“เชิญที่ห้องพักนะคะ เจ้าหน้าที่เวทีจะได้อธิบายสคริปต์และคิวต่างๆ ค่ะ”
“ค่ะ” จุลลาหันไปบอกทุกคน “ทุกคนคะ จูนขอตัวก่อนนะ ขอบคุณมากค่ะที่มาช่วย จูนส่งตรงนี้นะ สวัสดีค่ะ”
เจ้าหน้าที่พาจุลลาไป จุลลายิ้มให้สืบสาย สืบสายยิ้มให้ จุลลาขาขวิดเลยด้วยความเขิน ตกส้นสูง สืบสายรีบประคอง จำรัสรีบเข้าไปประคองจุลลาแทน
“ไม่ต้อง ผมเอง”
“ครับ สู้ๆ นะจุลลา ผมรู้ว่าคุณทำได้”
“ค่ะ ฉันทำได้”
จุลลามั่นใจเดินต่อไป ทุกคนเห็นจุลลาดึงโน่น ดึงนี่ด้วยความไม่ชิน แถมเดินแบบกลัวตกส้นสูงด้วยความไม่ถนัด ทุกคนลุ้นใจหายใจคว่ำ
“น้องจูนขา เดินดีๆ ค่ะ หลังตรง มองทาง มั่นใจค่ะมั่นใจ” จ๋อมบอก จุลลาขาขวิดอีกรอบ เขิน ขยี้ผม “โอ๊ย ผมพังค่ะ จ๋อมขอตามไปดูแลน้องดีกว่าค่ะ กว่าจะขึ้นเวที มีหวัง เสื้อผ้าหน้าผม เยินก่อนแน่ค่ะ”
“ดีกว่าครับ เชิญครับ” สืบสายบอก จ๋อมรีบตามจุลลาไป
“ขอพวกเราเข้าไปให้กำลังใจลูกสาวข้างในได้มั้ยคะ รับรองค่ะว่าจะเชียร์เงียบๆ”
“จะดีเหรอแม่ พ่อว่าเกะกะเค้าเปล่าๆ” จำรัสหันไป ดาราและชาวคณะตามสืบสายเข้าห้องไปแล้ว “ทุกที เสียงพ่อไม่เคยดังเข้าหู”
จำรัสรีบตามดาราไป ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเดือนพิไล ซึ่งไม่พอใจมาก
“คุณสืบกับยัยนั่น มันไม่ปกติแล้ว โอ๊ย”
เดือนพิไลเดินกลับเข้าไปที่ห้องพักทันทีด้วยความเจ็บใจ เอาไงต่อดี
ผีเถ้าแก่อยู่หน้าโรงงาน มองเข้าไปในโรงงาน ลังเล ตัดสินใจอยู่
“ซ้าย ไปหาอาหนูช่าง ขวา ไปหาพวกไอ้แสบ ซ้าย อาหนูช่างอีมีครอบครัวมาเป็นกำลังใจ แต่ขวา พวกอาแสบอีไม่มีใคร งั้นอั๊วไปหาอาหนูช่าง อิอิ อาแสบจะได้ทำงานอย่างมีสมาธิ”
ผีเถ้าแก่เดินไปทางซ้าย
แสบและลูกน้องยืนดูเครื่องจักรที่กำลังทำงานอย่างโล่งใจ
“ใช้ได้ครบทุกตัวแล้วเว้ยเฮ้ย”
“เย้”
แสบและลูกน้องดีใจ เจ๊พุ่มเข้ามาหาแสบหน้าตาตื่น
“ไอ้แสบ แย่แล้ว”
“ถูกหวยกินมาหรือไงเจ๊”
“ไอ้ปากอัปมงคล ไม่ใช่เรื่องหวย เรื่องเครื่องจักรตัวใหม่หมายเลข1 จู่ๆ สายพานมันก็หยุดเดิน”
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอก”
แสบกับลูกน้องวิ่งออกไปทันที
“รอด้วย”
เจ๊พุ่มวิ่งตามออกไป
จุลลาเข้ามานั่งในห้องพัก จ๋อมตามมาด้วย เจ้าหน้าที่เวทียื่นสคริปต์ให้ พี่บีเห็นจุลลา ตื่นเต้นเหมือนเห็นของแปลกของโลก
“อุ๊ย นั่น ใช่นายช่างที่เห็นวันนั้นใช่มั้ยคะ”
“อ๋อ ค่ะ หนูเองค่ะ สวัสดีค่ะ”
“ค่า ต๊าย สวย สวยมาก”
“เมคอัพและเสื้อผ้าบายจ๋อมค่ะ”
“อุ๊ย งั้นเดี๋ยวรบกวนขอนามบัตรด้วยนะคะ คุณจ๋อม” จ๋อมยื่นให้เลย เพราะเตรียมไว้แล้ว
“นี่ค่ะ”
“ต๊าย ไวปานว่อก เอ้ย ไวมากค่ะ ขอบคุณค่ะ อูย นี่ถ้าเจ๊เป็นผู้ชาย สวยแปลกและแตกต่างอย่างนี้ เจ๊ตกหลุมรักแต่แรกเห็นเลยนะเนี่ย”
เดือนพิไลเดินเข้ามาได้ยินพอดี
“โชคดีไปนะคะ”
“ของหนูหรือของเจ๊”
“สองคนเลยค่ะ”
“ฮ่ะๆๆ จริงใจไม่แอ๊บอ้อย เจ๊ชอบ ไปเป็นดาราในสังกัดเจ๊มั้ย”
“อุย ไม่ดีกว่าค่ะ”
เดือนพิไลไม่พอใจ เข้ามาแทรกเลย
“เจ๊บี”
“อะไร หายไปไหนมา เค้าตามหากันให้ควั่ก หา”
“อุ๊ย คุณเดือนพิไล ดารามาด้วยเหรอคะน้องจูน ว้าย! ตื่นเต้น ขอลายเซ็นหน่อยนะคะ” จ๋อมบอกอย่างตื่นเต้น
“ไม่ใช่ตอนนี้” เดือนพิไลบอกเสียงห้วน จ๋อมจ๋อยเลย ไม่พอใจเดือนพิไลทันที
“มูน พูดดีๆ หน่อย” พี่บีเตือน
“เดี๋ยวนี้ วีนหนูตลอดเลยนะ เป็นมูนเนี่ยอะไรก็ผิดใช่มั้ย จะปั้นคนอื่นมาแทนที่หนูล่ะสิ ได้ยินนะ”
“พูดเลยว่าใช่! ถ้าฉันเจอช้างเผือกเมื่อไหร่ ฉันคว้าทันที ส่วนชะนีตัวไหนที่มันมีปัญหามากนัก จะตัดเชือก ปล่อยให้ไปร้องหา ผัวๆๆ ตามสบาย”
“เจ๊”
พี่บีเห็นจุลลาและคนอื่นๆ มองอึ้งๆ เหวอๆ ที่พี่บีและเดือนพิไลทะเลาะกัน เลยลากเดือนพิไลไปคุยนอกห้อง
“น้องคะ คุยกับพิธีกรไปก่อนนะคะ เจ๊ขอเคลียร์กับน้องมูนนิดนุง”
จุลลามองตาม ไม่ค่อยเข้าใจวงการบันเทิง หันไปคุยกับเจ้าหน้าที่ต่อ
พี่บีลากเดือนพิไลมาคุยตรงทางหนีไฟ
“ทำไมต้องลากมาในนี้ด้วย ร้อน”
“ร้อนก็ต้องทน เจ๊จะไม่ยอมให้ใครมาได้ยินเรื่องเน่าๆ เหม็นๆ ของหล่อน”
“หนูไปทำอะไรเน่าเหม็นในสายตาของเจ๊อีกล่ะ”
“นี่จะเป็นการเตือนครั้งสุดท้ายจากเจ๊ถึงหนู จากกะเทยถึงผู้หญิงที่ทำตัวไม่มีคุณค่า ทำให้วงการบันเทิงต้องเน่าในสายตาของประชาชน”
“ขืนเจ๊ด่าหนู โดยที่หนูไม่รู้เรื่องอีกคำเดียว หนูก็จะไม่ทน เพราะหนูก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
เดือนพิไลสู้สายตาพี่บี พร้อมจะแตกหัก
แสบโวยใส่เจ๊พุ่ม
“นี่มันเครื่องจักรเก่า เครื่องใหม่ที่ไหนกันล่ะเจ๊”
“อ้าว ก็ไอ้โชคมันบอกฉัน ฉันก็ไปบอกแก”
“ผมบอกเจ๊ว่า นี่ถ้าเครื่องใหม่เสียตอนนี้ล่ะก็ แย่แน่ๆ”
“เจ๊พุ่ม”
“เจ๊ขอโทษ ก็เจ๊นอย กลัวจนขึ้นสมอง”
“แล้วคิดว่าพวกเราไม่นอยกันหรือไง ความเป็นความตายของพวกเราขึ้นอยู่กับการทำงานของเครื่องจักรใหม่พวกนี้ รู้มั้ยว่าเจ๊ทำฤกษ์เสียลางไม่ดี”
“ก็บอกแล้วไง ว่าเจ๊ขอโทษ อ่ะ ยอมให้จูบเลยอ่ะ จะได้หายกัน”
“อ๊วกกกกก”
“แล้วพี่จูนอยู่ไหน บอกพี่จูนหรือยังว่าทุกอย่างโอเค”
คนงาน 2 วิ่งเข้ามา
“เฮ้ย เห็นพี่จูนกันหรือยัง ช่าง”
แสบ ลูกน้อง เจ๊พุ่ม แปลกใจ จุลลาทำไมอย่างไร
จบตอนที่ 9