วิมานมะพร้าว ตอนที่ 4
ผีเถ้าแก่ต่อว่าจุลลาและสืบสายที่ยังสปาร์คกันอยู่นั่น
“รู้บ้างมั้ย ชีวิตคนมันสั้น อยากหรือคิดจะทำอะไรก็อย่ามัวเสียเวลากับอคติที่พวกลื้อมี ไม่เข้าท่า ตกลงจะปรองดองกันได้หรือยัง หัวใจตรงกันขนาดนี้แล้ว”
จุลลาผลักสืบสายกระเด็น เช็ดหน้าอย่างแรง แทบจะถลกหนังตัวเอง
“รู้แล้วว่าไม่ชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่ควรรังเกียจเหมือนฉันเป็นตัวสกปรก”
“เอ๊ะ บอกว่าไม่ใช่ ไม่ใช่! ต้องให้ทำยังไงถึงจะเชื่อ หา! ทำไมผู้ชายที่นี่ถึงได้ไร้สาระ วันๆ สร้างแต่เรื่อง มีแต่ปัญหา”
“อย่าเหมารวมอั๊วสิวะ” ผีเถ้าแก่บอก จุลลาจึงหัยมาหาผีเถ้าแก่
“ตัวดีเลย”
“จุลลา เธอคุยกับใคร” สืบสายถามอย่างสงสัย
“กับอากาศ”
“ลื้อว่าอั๊วเป็นอากาศเหรอ”
“เป็นอากาศ ที่จะไม่สนใจ ไม่ได้ยิน ไม่เห็น ไม่มีตัวตน”
“ได้ คนอย่างอั๊วก็มีศักดิ์ศรี ลื้อไม่ยินดีจะเป็นมิตร อั๊วก็ไม่ตื้อ อั๊วจะไม่ยุ่งกับลื้ออีก อั๊วก็เหนื่อยเป็น” ผีเถ้าแก่มองจุลลาอย่างผิดหวัง จุลลาอึ้ง รู้สึกใจหาย
“จุลลา เธอคุยกับใคร” สืบสายถามอย่างสงสัย
“ฉันบอกแล้วไง ว่าคุยกับ...อากาศ”
ครรชิตวิ่งหน้าตื่นมาหาสืบสาย
“บอสครับผม ตายหมู่ครับตายหมู่”
สืบสายกับจุลลาตกใจ ถามขึ้นมาพร้อมกัน
“ใครตาย”
“ท่านประธาน ท่านรอง และคุณเดือนพิไลกำลังมีเรื่องกันครับผม”
“อะไรนะ”
“ไม่ต้องเสียเวลาถาม ไปก่อนเถอะ นั่นพ่อแม่คุณนะ”
จุลลาวิ่งนำสืบสายไป สืบสายเพิ่งได้สติ ตามไป ผีเถ้าแก่มองตาม.
“เรื่องบางเรื่องก็ไม่ต้องให้อั๊วจัดสรร มันอาจมีครรลองของมันเอง”
ผีเถ้าแก่ค่อยๆ เดินออกไปจากเชื่องช้า หันหลังให้กับโรงงาน
คุณนายเง็กคุยกับเสี่ยตงและเดือนพิไลอยู่ในห้องประชุม น้ำหวานแอบดูอยู่ที่หน้าห้องประชุม
“อั๊วบอกพวกนักข่าวว่า ไม่มีการแถลงข่าวใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้ทุกคนกลับไป”
“แล้วนักข่าวก็เชื่อลื้อ”
“แน่นอน เพราะอะไรรู้มั้ย” เสี่ยตง เดือนพิไล อึ้ง รอฟัง อยากรู้
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ คุณนายเง็กยืนประกาศต่อนักข่าวทุกคน
“ท่านประธานเครียดจัดกับข่าวที่เกิดขึ้น ตอนนี้ช็อคต้องหามส่งโรงพยาบาลไปแล้ว ฉันจึงเข้ามาทำหน้าที่แทน และขอแจ้งให้ทุกคนทราบว่า....ภาพหลุดที่เห็นนั้นเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ”
“อุบัติเหตุยังไงคะ” นักข่าวถาม
“หนูเดือนพิไลเค้าไปถ่ายโฆษณาให้ทางเรา ลูกชายฉันเค้าก็ไปดู แต่หนูเดือนพิไลเค้าเป็นลม ซึ่งฉันก็ไม่รู้นะว่าเป็นจริงหรือแกล้งทำ แหม ลูกชายฉันก็ครบสูตรผู้ชายเพอร์เฟ็คต์ หล่อ รวย การศึกษาดี มีอนาคต โอ๊ย ใครก็อยากเป็นข่าวด้วย” นักข่าวฮือฮา คุณนายเง็กกลัวเสี่ยตงจะเข้ามาขัดจังหวะ รีบสรุปจบ “เอางี้ ฉันต้องรีบไปโรงพยาบาล พวกหนูๆ กลับกันไปก่อนนะ รีบๆ เลย รีบไปเขียนข่าวตามที่ฉันบอก แต่อย่าใส่ชื่อฉันนะ เอาแค่แหล่งข่าววงในที่เชื่อถือได้ก็พอ รับรอง ดัง!”
นักข่าวคล้อยตามคุณนายเง็ก รีบพากันออกไป บ้างก็โทรรายงานเจ้านายเดี๋ยวนั้นเลย คุณนายเง็กมองตามขบวนนักข่าวกรูกันออกไปอย่างพึงพอใจ
คุณนายเง็กยิ้มอย่างผู้มีชัย เดือนพิไลโกรธจัด ขณะนั้นสืบสาย จุลลา ครรชิต วิ่งมาพอดี น้ำหวานเข้าไปหาครรชิต โดยที่คุณนายเง็ก เสี่ยตงและเดือนพิไลยังไม่เห็น
“คุณแม่” เดือนพิไลเรียกคุณนายเง็ก
“บอกแล้วไงอั๊วไม่มีลูกสาว”
“ถ้าไม่นับมูนเป็นเพื่อนลูกชาย งั้นมูนก็จะไม่เกรงใจ”
“ลื้อจะทำอะไรอั๊ว”
“มูนจะฟ้องดำเนินคดีคุณ ข้อหาหมิ่นประมาทให้มูนต้องเสื่อมเสีย”
คุณนายเง็กอึ้ง ตกใจ เสี่ยตงก็ตกใจ สืบสาย จุลลา ครรชิต น้ำหวาน ตกใจ
“หนูมูน ใจเย็นๆ อย่าถึงกับต้องฟ้องร้องกันเลย” เสี่ยตงถาม
“แล้วชื่อเสียงมูนล่ะคะ ยับเยินป่นปี้ ใครจะรับผิดชอบ”
“ฟ้องก็ฟ้องเลย ดี จะได้พิสูจน์หาต้นตอแหล่งที่มาของภาพหลุดว่ามันเป็นฝีมือใคร ซึ่งอาจจะเป็นฝีมือลื้อก็ได้”
เดือนพิไลอึ้ง ลืมคิดว่าอาจจะถูกซัดทอดมาถึงตัวได้ สืบสายเข้าใจเรื่อง ทนไม่ไหวเข้าไปหาคุณนายเง็ก
“หม่าม้า”
เดือนพิไลบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสารทันที
“คุณสืบ มูนก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่มูนก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะแม่คุณเกลียดมูน ยัดเยียดความเลวร้ายให้มูน ทั้งๆ ที่มูนเป็นเหยื่อของเรื่องนี้”
“ไม่หรอก อาเง็กอีไม่ได้เกลียด...” เสี่ยตงพยายามปลอบ คุณนายเง็กจึงพูดขัด
“อั๊วเกลียด เกลียดผู้หญิงที่วิ่งเข้าหาผู้ชาย” คุณนายเง็กเข้าไปขวางระหว่างสืบสายกับเดือนพิไลทันที “ออกไปให้ห่างๆ”
“ผมว่าทุกคนใจเย็นๆ แล้วไปคุยกันด้วยเหตุผลเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่ายกันดีกว่า” สืบสายบอก
“ใช่ค่ะ ฉันเห็นด้วย” จุลลาบอก เดือนพิไลจึงหันมาแหวจุลลา
“เธอมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่ามายุ่ง”
“เอ่อ...”
“ผมขอให้คุณจุลลามาด้วย เธอยุ่งได้” สืบสายบอก จุลลาอึ้งที่สืบสายออกรับแทน ทั้งที่ตัวเองมาเอง จุลลายิ้มเจื่อนๆ ให้สืบสาย สืบสายยิ้มตอบ
“แต่ที่เห็น คุณจุลลาวิ่งมาก่อนคนแรกเลย บอสยังไม่ได้อะไรสักแอะ” ครรชิตกระซิบกับน้ำหวาน
“บอสแมนอ่ะ ออกรับแทนด้วย”
เสี่ยตงพยายามพูดโน้มน้าวไม่ให้มีเรื่อง
“ใช่ อย่าให้ถึงกับต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลย”
“แต่อั๊วอยากขึ้น อั๊วอยากดัง อยากเพิ่มเรตติ้ง ดีมั้ยเฮียตง” คุณนายเง็กบอก
“ขออนุญาตยุ่งค่ะ” จุลลาบอก
“ว่ามา! อั๊วอนุญาต” คุณนายเง็กบอก
“ไม่ทราบหรอกนะคะว่าพูดประชดหรืออยากดังจริง แต่ดังในทางลบ อย่าดังเลยดีกว่าค่ะ ไม่มีคำสรรเสริญ มีแต่คำเสียดสีและนินทา ไม่น่าภูมิใจ”
“ใช่ครับ ผมเห็นด้วย”
สืบสายเห็นด้วยกับจุลลา คุณนายเง็กอึ้ง
เดือนพิไลไม่พอใจที่จุลลาเข้ามายุ่งในเหตุการณ์ จุลลายิ้มให้สืบสายที่เห็นด้วย สืบสายยิ้มตอบ จุลลาเซเพราะเข่าอ่อนโดยไม่รู้ตัวกับรอยยิ้มของสืบสาย
คุณนายเง็กมีท่าทีอ่อนลง เสี่ยตงโล่งอก ครรชิตกับน้ำหวาน ลุ้นว่าเหตุการณ์จะสงบลงหรือไม่
แผนกซ่อมบำรุง จุลลานั่งลง ถอนใจ โล่งอก เปิดคอมพิวเตอร์ทำงานต่อ ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์หน้าจอเปิดเป็นภาพผีเถ้าแก่ยิ้มเผล่ให้จุลลาจากห้องคอนโดในฮวงซุ้ย จุลลาสะดุ้งเฮือก เด้งออกจากคอมฯ
“เฮ้ย”
“เป็นไงบ้างวะอาหนูช่าง เรื่องวุ่นวายจบลงได้ด้วยดีมั้ย”
“ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งด้วยแล้วไง”
“เออ ลืม ขอโทษ อย่าถือคนแก่ ความจำไม่ค่อยดี ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง ไปนะ”
หน้าจอดับวูบ คอมพิวเตอร์ก็ดับไปด้วย
“ทำเป็นเข้ม สุดท้ายก็วกกลับมา จะเชื่อคำพูดได้สักครั้งมั้ยเถ้าแก่ อ้าว...เครื่องดับ พังเลย วันนี้จะทำงานได้มั้ยเนี่ย ตกลงไม่ให้ทำงานใช่มั้ย ได้ ไม่ทำก็ได้”
จุลลาเซ็ง หงุดหงิด ตัดสินใจบางอย่าง
ผีเถ้าแก่ยืนมองจ้องทีวีเห็นจุลลาเดินงุ่นง่านพล่านอยู่ในห้อง
“อั๊วยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อให้พวกอั๊วได้แต่สิ่งที่ดีที่สุด อั๊วยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ไม่แคร์ ไม่ตอบ ไปดูเองก็ได้วะ”
เถ้าแก่หยิบรีโมทมากดเปลี่ยนช่อง
ที่ห้องทำงานเสี่ยตงซึ่งสืบสายนั่งตรงกลางระหว่างคุณนายเง็กและเดือนพิไล เสี่ยตงยืนปวดหัวอยู่กับครรชิต
“ทำไมหม่าม้าคิดว่าคุณมูนเป็นคนปล่อยภาพนั้นออกไปเอง”
“อยากสร้างข่าวกับลื้อไง”
“มันมีแต่เสียกับเสียกับหนูมูนเค้า เค้าจะทำทำไม” เสี่ยตงบอก
“ก็ทำเพื่อให้ผู้ชายดีๆ อย่างลื้ออย่างอาตี๋ ต้องมาออกโรงปกป้องศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง โดยการยอมรับว่าคบหาดูใจกับอีซะ ลื้อพลาดแล้วเฮีย”
ทุกคนอึ้ง โดยเฉพาะเดือนพิไลเจ็บใจที่คุณนายเง็กรู้ทันแผนการณ์ทุกอย่าง
“โอว มารยาร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิง เป็นอย่างนี้นี่เอง” ครรชิตบอกออกมาเบาๆ
“คนที่เป็นเหยื่อของเรื่องนี้คืออาตี๋ ไม่ใช่เดือนพิไล” เดือนพิไลแล้งร้องไห้กระซิกๆ
“โอเคค่ะ ถ้าปักใจเชื่อว่ามูนเลว มูนยอมรับก็ได้ สบายใจหรือยังคะ ถ้าอย่างนั้น ข่าวเสื่อมเสียของมูนที่กำลังจะเกิดขึ้นเพราะคุณแม่ให้ข่าว มูนก็จะไม่สนใจ ไม่แก้ข่าวอะไรทั้งสิ้น ให้อาชีพในวงการของมูนมันจบลงกับเรื่องนี้ไปเลย พอใจมั้ยคะ”
“คุณมูน” สืบสายจับมือของเดือนพิไลเอาไว้ เดือนพิไลอึ้ง ยอมทำเป็นอ่อนลง “หม่าม้าครับ ใจเย็นก่อนนะ เราตกลงกันแล้วว่าจะใช้เหตุผลไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็ได้”
“เรื่องภาพหลุด เราไม่มีหลักฐานว่ามาจากไหน โยนความผิดให้คุณมูน มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ”
“แต่อั๊วมั่นใจ...”
“ม้า...” คุณนายเง็กเงียบ สืบสายจึงพูดกับเดือนพิไลต่อ “ผมขอโทษที่หม่าม้าให้ข่าวทำให้คุณต้องเสื่อมเสีย ผมจะเป็นคนแก้ข่าวให้คุณเอง”
“จริงเหรอคะ คุณสืบ”
“ผมจะได้ถือโอกาสชี้แจงกับสื่อมวลชนเลยว่า ผมกับคุณมูนไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันนอกจากการเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น” เดือนพิไลอึ้ง “สบายใจนะครับ ผมขอตัว มีงานรอให้เคลียร์”
แล้วสืบสายก็ลุกไปเลยอย่างเคร่งเครียด ครรชิตรีบตามสืบสายไป เดือนพิไลผิดหวัง ทนอยู่ต่อไปไม่ไหว ยกมือไหว้เสี่ยตงและคุณนายเง็กแบบขอไปทีแล้วลุกออกไป คุณนายเง็กหันมายิ้มเย้ยเสี่ยตง
“โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง เหนือฟ้ายังมีเมฆ เหนือลื้อยังมีอั๊ว ฮ่ะๆๆ”
เสี่ยตงเจ็บใจคุณนายเง็ก สองสามีภรรยาจ้องหน้ากันอย่างไม่ยอมลดละ
เดือนพิไลออกมาจากห้องได้ก็เต้นเร่าๆ ด้วยความเจ็บใจ
“ก้างเต็มไปหมด แต่คนอย่างเดือนพิไล อยากได้ ต้องได้ อ๊ายย”
เดือนพิไลเดินออกไป
ภาพในจอทีวีภายในฮวงซุ้ย เป็นภาพเดือนพิไลเดินออกจากหน้าห้องเสี่ยตง
“ไอ้หยา ผู้หญิงสมัยนี้ แรงงง สงสารอาตี๋จริงๆ เป็นผู้ชายในยุคนี้มันยากจริงๆ เพราะผู้หญิงน่ากลัว เฮ้อ” ผีเถ้าแก่ลงนอนเอนหลัง เปลี่ยนรีโมทไปที่ห้องพักแผนกซ่อมบำรุงแต่ไม่มีจุลลาแล้ว “อาหนูช่างอีไปไหนวะ”
จุลลาเดินอย่างมุ่งมั่น เพื่อทำอะไรบางอย่าง น้ำหวานเดินถือแฟ้มเอกสารมาเห็น รีบเข้าไปหาจุลลา
“พี่จูน ตกลงเรื่องคุณมูนกับบอสว่าไง พี่จูนเข้าไปคุยกับเขาด้วยหรือเปล่า”
“เปล่า เรื่องส่วนตัวเจ้านาย ให้เค้าคุยกันเอง ฝ่ายบุคคลไปทางไหนน้ำหวาน”
“ทางโน้นจ๊ะ พี่จูนจะไปทำไม”
“ลาออก!”
แล้วจุลลาก็เดินลิ่วไป
“อ๋อ ลาออก นึกว่าเรื่องอะไร...หา! พี่จูนจะลาออก” น้ำหวานตกใจวิ่งตามจุลลาไปทันที “พี่จูน”
จุลลาเดินโลดลิ่วมา เดือนพิไลเดินลิ่วมาจากอีกทาง สวนกับจุลลา ทั้งสองคนหยุดมองหน้ากัน เดือนพิไลเชิดใส่จุลลาแล้วเดินเลยไป น้ำหวานที่วิ่งตามจุลลามาไม่ทันระวัง ชนเข้ากับเดือนพิไลโครม จนกระเป๋าเดือนพิไลหล่น
“ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ”
“ซุ่มซ่าม! เดินยังไง ไม่เห็นหรือไงว่าคนทั้งคนเดินอยู่” เดือนพิไลต่อว่าอย่างไม่พอใจ
“เห็นค่ะ แต่น้ำหวานไม่ทันระวัง ขอโทษนะคะ”
“แล้วมัวยืนทำไม เก็บสิ กระเป๋าฉันน่ะ”
“อย่าตะคอกสิคะ ก็กำลังจะเก็บให้อยู่นี่ไงคะ”
“เร็วๆ” น้ำหวานสะดุ้ง น้ำตาคลอ งกเงิ่นไปหมด “นี่! ฉันบอกให้เร็วๆ”
จุลลาทนไม่ไหว เข้าไปเก็บกระเป๋าเอง ส่งให้เดือนพิไล
“อ่ะ”
เดือนพิไลคว้ามา แต่ทุ่มลงไปใหม่
“ฉันให้คนที่ชนฉันเก็บ ไม่ใช่เธอ! อย่ายุ่ง”
“นี่มันจงใจหาเรื่องกันนะ น้องเค้าไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษแล้ว และฉันก็เก็บให้แล้ว จะเอาอะไรอีก”
“แค่ให้คนที่ควรรับผิดชอบ ทำในสิ่งที่ต้องทำ! เก็บ” เดือนพิไลสั่งน้ำหวาน น้ำหวานตกใจอีก
“ค่ะ เก็บค่ะ”
น้ำหวานจะเก็บ แต่จุลลาเข้าไปจับมือของน้ำหวานไว้
“น้ำหวาน ไม่ต้องเก็บ ถือว่าเราทำในสิ่งที่ต้องทำแล้ว ให้ไอ้พวกโรคจิตมันเก็บเอง ไปกับพี่”
จุลลาจูงมือน้ำหวานออกไปทันที ปล่อยเดือนพิไลยืนอึ้ง
“มันว่าฉันโรคจิตเหรอ อ๊าย” เดือนพิไลจะกรี๊ด แต่ไม่กล้ากรี๊ด เพราะเริ่มมีพนักงานหันมามอง เดือนพิไลจึงรีบเก็บกระเป๋าตัวเองไปอย่างเจ็บใจ “ฝากไว้ก่อนเถอะ จุลลา”
เดือนพิไลออกไป
จุลลาจูงน้ำหวานที่ยังร้องไห้ไม่เลิกมา เห็นน้ำตาแล้วอ่อนใจ
“หยุดร้องได้ยัง”
“หยุดแล้ว” น้ำหวานบอกหยุดแต่ร้องออกมาอีก “คนอะไรใจร้าย ไม่เหมือนหน้าตา”
“ช่างเขาเถอะ ทีหลังก็อย่าไปเข้าใกล้ คงจะหงุดหงิดไม่ได้อย่างใจ เลยมาลงที่น้ำหวาน ซวยไปนะ”
“ขอบคุณนะพี่จูน”
“ไม่เป็นไร”
จุลลาโอบน้ำหวานเอาไว้เพื่อปลอบใจ สืบสายเดินออกมาเห็นพอดี อึ้ง ยืนดู
“พี่จูนจะลาออกจริงเหรอ เกิดอะไรขึ้น ทำไม”
“พี่เครียด ทำงานไม่สนุก มีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“พี่จูนไม่อยู่ แล้วน้ำหวานจะคุยกับใคร” จุลลาอึ้ง สืบสายเข้าไปหาจุลลา
“จุลลา” จุลลา น้ำหวานสะดุ้ง หันไป “ไปพบฉันที่ห้อง”
จุลลาอึ้ง
จุลลาตามสืบสายมาที่ห้องทำงาน พอเข้ามาในห้องสืบสายหันมาถามจุลลาทันที
“ทำไม”
“ทำไม อะไร”
“เรื่องจะลาออก”
“ความเครียดสูง”
“หรือทำงานไม่ได้อย่างที่เขียนไว้ในใบสมัคร เลยชิงลาออกซะก่อน”
“ถ้าถามแบบนี้ คงไม่จำเป็นต้องตอบอะไรแล้ว ไม่อนุมัติ ก็จะออก”
“ก็ดี ไปเลย เธอจะได้สร้างประวัติไว้กับที่นี่ว่า เธอไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำงานภายใต้ความกดดันของงานที่ต้องการความรับผิดชอบอย่างสูงได้ สั้นๆ ว่าเธอไม่สู้งาน”
“ถ้าเป็นเรื่องงาน ฉันสู้ไม่เคยถอย แต่นี่มันทั้งเรื่องคนเรื่องผะ...” จุลลาอึ้ง
“ผะ อะไร เธอชอบทำตัวแปลกๆ เหมือนคุยกับใครที่ฉันมองไม่เห็น”
“ช่างเถอะ ไหนๆ ก็จะไม่ได้มาที่นี่อีก พูดไปก็เท่านั้น แค่นี้นะ สวัสดี ไม่ต้องจ่ายเงินเดือน ฉันไม่รับ”
จุลลาจะออกไป สืบสายพูดไล่หลัง
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนขี้แพ้” จุลลาอึ้ง ไม่หันมา “สุดท้าย เธอก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานในการดูว่าใครเป็นยังไง”
จุลลาไม่ตอบ เปิดประตูปิดดังโครม สืบสายถอนใจ
จุลลาเดินมาถึงมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ใส่หมวก ใส่แจ็คเก็ต สตาร์ทเครื่องบิดออกไป น้ำหวานวิ่งตามออกมา
“พี่จูน จะไปไหน พี่จูน”
แต่จุลลาไม่ฟัง บิดเครื่องหายไป น้ำหวานแปลกใจ เกิดอะไรขึ้นกับจุลลาพอหันกลับมาก็เจอแสบมายืนดักข้างหน้าอย่างหล่อ โดยมีลูกน้องอยู่ข้างหลัง
“ไปกินข้าวกลางวันกันมั้ยจ๊ะ” แสบถาม
“ยังจะมีอารมณ์กินอีกเหรอ รู้มั้ยว่าพี่จูนลาออกแล้ว”
“ลาออก” แสบและลูกน้องอุทานออกมาพร้อมกัน
สืบสายยืนมองอยู่มุมหนึ่ง ครรชิตเข้ามาคุยด้วย
“บอสจะปล่อยให้คุณจุลลาไปเฉยๆ แบบนี้จริงเหรอครับ”
“ฉันไม่ชอบบังคับใจใคร”
“ท่านรองทราบแล้วอาจจะ...”
“ฉันจัดการได้”
สืบสายเดินออกไป ครรชิตถอนใจ หนักใจ ไม่อยากจะคิดภาพคุณนายเง็กเมื่อรู้ว่าจุลลาลาออก ผีเถ้าแก่ลอยมาอย่างเศร้าใจ
“เป็นเพราะอั๊วใช่มั้ย อาหนูช่าง”
จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านสวนมะพร้าวไปตามถนน สายตาของจุลลาเจ็บปวดชอกช้ำ
ที่ร้านสบายท้อง ลีลา และมะขวิดกำลังเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า ดารากำลังคิดเงินลูกค้าที่เคาน์เตอร์ จุลลาเดินเข้ามา สีหน้าอย่างเครียด ลีลา มะขวิด ดาราเห็นจุลลาก็ตกใจ
“คุณจูน คุณจูน คุณจูน”
“จะเรียกอีกนานมั้ย น้ำลายแกทำหัวลูกค้าเปียกหมดแล้ว”
“อุ๊ย ขอประทานโทษค่ะ” ลีลาขอโทษลูกค้า ดาราเข้ามาหาจุลลา
“วันนี้ต้องทำงานไม่ใช่เหรอคะลูก มาที่นี่ได้ยังไง”
จำรัส ป้าลำยองโผล่ออกมาจากในครัว จุลลานั่งลงอย่างหมดแรง หน้าจ๋อย จำรัสเข้ามาซักอย่างเป็นห่วงโอเว่อร์
“ไอ้จูน เกิดอะไรขึ้น มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า จู่ๆ ก็โผล่มา แกเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า ไหนจับตัวดูซิ ว่าไง ตอบพ่อสิ”
“พ่อ จะให้ลูกจูนตอบ ก็หยุดถามก่อนสิ”
“ใช่ค่ะ ทำเหมือนเกิดมาไม่เคยพูดนะคะเนี่ย อู๊ย รู้หรอกว่าคิดถึงคุณจูนใจจะขาด แหม แล้วทำเป็นฟอร์ม คนเราเนี่ยนะคะ เมื่อวานทำกับข้าวไปก็บ่นไปว่าบ้านเงียบ...” ป้าลำยองบอก จำรัสรีบขัด
“พูดอีกคำ ไล่ออก”
“สงบค่ะ”
“ว่าไงวะ ไอ้จูน”
จำรัสและทุกคนหันไปที่จุลลา แต่จุลลาไม่อยู่แล้ว
“อ้าว”
“เห็นมั้ยไอ้มะขวิด ว่าแต่ฉัน คุณจูนแกรีบไปสระผม หัวแกเปียกเพราะน้ำลายของคุณผู้ชายกับป้าลำยอง”
“ไล่ออกอีกคน”
“สงบค่ะ”
จำรัสและดารา รู้สึกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับจุลลา
จุลลาหลบมานั่งซึม ดาราและจำรัสเดินเข้ามา
“ลูกจูน”
“จูน ลาออกแล้วแม่”
“ดี”
“คุณจำรัส! เฉยน่ะ”
“สิ่งที่ลูกตัดสินใจ ผมถือว่าลูกคิดดีแล้ว ผมคิดอย่างนี้ทุกครั้ง ผมเชื่อในตัวลูก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน และผมก็ต้องให้กำลังใจลูก”
“แต่ครั้งนี้ จูนไม่แน่ใจอ่ะพ่อว่าจูนคิดดีแล้ว ถูกแล้วหรือเปล่า”
“อ้าว...ไอ้นี่ ทำทฤษฎีพ่อแกว่งซะแล้ว”
“สอนให้รู้ว่าย่อมเกิดทฤษฎีใหม่ขึ้นมาหักล้างทฤษฎีเก่าได้เสมอค่ะ เกิดอะไรขึ้นล่ะคะลูกจูน เล่าให้แม่กับพ่อฟังซิ”
จุลลาตัดสินใจไม่เล่า
“เอาเป็นว่าจูนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แม้กับเรื่องหยุมหยิมค่ะ จูนเลยพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก”
“แค่เนี้ยะ”
“ขอแค่นี้เถอะพ่อ ถ้ามากกว่านี้ จูนอาจจะกลับมาหาพ่อกับแม่ในสภาพแบบนี้ก็ได้นะ”
“แบบไหนวะ” จุลลาทำท่าเอ๋อให้ดู
“ว้าย /เฮ้ย”
สืบสายจะออกไปประชุมงานข้างนอก เดินมากับครรชิต ทรงเดชวิ่งหน้าตาดีใจมาหาสืบสาย
“ได้ข่าวว่า ยัยจุลลาลาออกไปแล้วเหรอสืบ”
“ใช่ เค้าลาออก”
“โล่งใจไป รู้อะไรมั้ยว่าฉันขอแผนการซ่อมบำรุงไปตั้งนานแล้ว ไม่ส่งฉันสักที ทวงจนปากเปียกปากแฉะ เอ่อ...ฉันอยากจะ...” ทรงเดชจะเอ่ยปากยืมเงิน แต่สืบสายพูดบท
“ฉันรีบ นัดลูกค้าไว้ ป๊ารออยู่ สายแล้ว ไว้คุยกันวันหลังนะ ไป ครรชิต”
“อยากไปตั้งนานแล้วครับ เชิญครับบอส”
สืบสายและครรชิตออกไป ทรงเดชเจ็บใจ
“มันจะรีบอะไรกันนักกันหนาวะ เว้ย”
คุณนายเง็กนั่งพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เสี่ยตงกลับมาจากทำงานเดินเข้ามากับสืบสาย คุณนายเง็กเชิดใส่เสี่ยตงสืบสายหนักใจ
“ป๊าครับ หม่าม้าครับ ผมมีเรื่องจะขอคุยด้วย” เสี่ยตง คุณนายเง็กนั่งคนละมุม รอคุยกับสืบสาย โดยที่ไม่ยอมมองหน้ากัน “ผมรู้นะครับว่าป๊ากับหม่าม้าหวังดีกับผม แต่ผมขอได้มั้ยครับ อย่ามาทะเลาะกันเรื่องหาผู้หญิงมาเป็นแฟนให้ผมเลย”
“อั๊วไม่ได้หาแฟนให้ลื้อ ป๊าลื้อต่างหาก สำหรับอั๊ว ไม่อยากให้ลื้อมีแฟนซะด้วยซ้ำ อั๊วอยากให้ลื้ออยู่กับอั๊วนานๆ”
“อาตี๋โตแล้ว ยังจะเลี้ยงลูกให้เป็นลูกแหง่”
“ลื้อพรากลูกจากอกอั๊วให้ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่อายุ 10 ขวบ อีกลับมา อั๊วก็อยากใช้เวลาอยู่กับอีให้หายคิดถึง อั๊วผิดหรือไง”
เสี่ยตงอึ้ง เห็นใจ แต่ก็ไม่เห็นด้วย
“อย่าทำให้อาตี๋เป็นผู้ชายอ่อนแอปวกเปียกอย่างนี้สิ อาเง็ก”
“ลื้อไม่เข้าใจหัวอกแม่”
“ดีแต่เรียกร้องให้คนอื่นเข้าใจหัวอกลื้อ แล้วพ่ออย่างอั๊วล่ะ ที่อยากเห็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเข้มแข็ง อดทน เติบโต ทำไมลื้อไม่คิดบ้าง”
“ช่วยคิดถึงผมด้วยนะครับ” สืบสายขัด คุณนายเง็ก เสี่ยตงอึ้ง “ผมที่อยู่ตรงกลาง ที่อยากทำให้ทั้งป๊าและม้าสบายใจ แต่ก็มีความต้องการเป็นของตัวเอง” คุณนายเง็ก เสี่ยตง อึ้งไปอีก “ผมจะไม่ทอดทิ้งหม่าม้าให้เหงา ผมจะขยันทำงานให้ป๊าภูมิใจ แต่สำหรับเรื่องของหัวใจ...ขอให้เป็นเรื่องของผม ที่ผมต้องเป็นคนเลือกและตัดสินใจเองเถอะครับ เพราะผมคือคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับใครคนนั้นไปตลอดชีวิต ไม่ใช่ป๊าหรือม้า” คุณนายเง็กและเสี่ยตง อ่อนลง
“เงียบแบบนี้ ผมถือว่า ดีล อีกอย่างผมมีเรื่องจะบอกป๊ากับม้า จุลลาลาออกแล้วนะครับ”
“อะไรนะ”
คุณนายเง็กเสียงสูงขึ้นมาเลยทันที
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 4 (ต่อ)
คุณนายเง็กไม่พอใจสืบสายที่ปล่อยให้จุลลาลาออก
“ทำไมอาหนูช่างลาออก”
“ความเครียดสูงครับ”
“เครียดเรื่องอะไร”
“จุลลาไม่ได้บอกรายละเอียด แต่ผมคิดว่า...คงเบื่อเรื่องวุ่นวาย ที่ไม่ใช่เรื่องงาน”
“เรื่องวุ่นวาย เรื่องใคร ทำอะไร” เสี่ยตงถามเป็นชุด ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวขึ้นข้างเสี่ยตง
“วันๆ ลื้อรู้เรื่องของลูกน้องลื้อบ้างหรือเปล่าวะไอ้ตง ไอ้ลูกไม้หล่นไกลต้น” เสี่ยตงสะดุ้ง
“ทำไมขนลุกวะ”
“อั๊วคงปลุกได้แค่ขนลื้อใช่มั้ย แต่จิตสำนึกลื้อคงปลุกไม่ขึ้นแล้ว”
“จะเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องยัยข้าวเหนียวมูน ทำเครียดทั้งบริษัท”
“ถ้าเครียดแค่เพราะเรื่องนี้ ก็สมควรให้ออก” เสี่ยตงบอกอย่างไม่แคร์
“คนดีๆ อย่างอาหนูช่างยิ่งสมควรต้องรักษา แต่ผู้หญิงที่ลื้ออยากได้เป็น ลูกสะใภ้ควรจะเอาไปเก็บไว้ไกลๆ” ผีเถ้าแก่บอกแต่ไม่มีใครได้ยิน คุณนายเง็กหันไปพูดกับสืบสาย
“ลื้อต้องไปตามอีกลับมา อาตี๋”
“ง้ออีทำไมให้เสียศักดิ์ศรี เราเป็นองค์กรใหญ่ ทางเลือกเยอะแยะ มีนายช่างอยากมาร่วมงานกับปาล์มโปรดักส์อีกเพียบ ใช่มั้ยอาตี๋”
“ไม่มีแล้วครับ”
“หา”
“วิศวกรคนเก่าที่ลาออกไปเพราะถูกผีหลอก กลายเป็นประวัติของเราที่แพร่หลายในวงการวิศวกรด้วยกัน ครรชิตโทรตามกี่คนๆ ก็ไม่มีใครยอมมา”
“ตอนเป็นๆ ก็งกจนขึ้นชื่อ พอตายไปก็ยังจะหวงสมบัติ ไม่ยอมไปผุดไปเกิด” เสี่ยตงต่อว่าเตี่ยตัวเอง ผีเถ้าแก่ไม่พอใจมาก โกรธ หายตัวไปทันที
“เฮียตง ไอ้หยา ลื้อพูดถึงเตี่ยลื้อแบบนี้ได้ยังไง แบบนี้ไงเตี่ยลื้อถึงได้ตายตาไม่หลับ เลยยังวนเวียนอยู่แถวนี้” คุณนายเง็กต่อว่าเสี่ยตง ทันใดนั้นก็มีเสียงของหล่นโครมดังเข้ามา ทุกคนตกใจ
“ว้าย”
สืบสายวิ่งออกไปก่อนใคร คุณนายเง็กและเสี่ยตงรีบตามออกไป
ในห้องทำงานเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่ยืนอยู่หน้ารูปตัวเองใกล้ๆ แท่นวางของไหว้ หน้าตาโกรธมาก ป้าเมี่ยงอยู่หน้ารูปเถ้าแก่ เห็นของไหว้ตกกระจายเกลื่อน ป้าเมี่ยงสั่งเด็กเก็บทำความสะอาดอยู่
“รีบเก็บเร็วๆ เข้า”
สืบสาย คุณนายเง็ก เสี่ยตงเข้ามา แปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับป้าเมี่ยง”
“ป้าเข้ามาในห้องทำงานของท่านเจ้าสัว เช็คดูความเรียบร้อยตามปกติ จู่ๆ ของไหว้ก็หล่นลงมาค่ะ”
สืบสาย คุณนายเง็ก เสี่ยตงตกใจ คุณนายเง็กและเสี่ยตงมองหน้ากัน กระเถิบเข้าหา ใกล้ชิดกันโดยอัตโนมัติเพราะคิดว่าผีเตี่ยชัวร์
“ป้าว่า อาจเป็นเพราะ...” ป้าเมี่ยงมองรูปเถ้าแก่อย่างกลัวๆ “ไม่งั้น ของพวกนี้ไม่มีทางหล่นลงมาได้เองหรอกค่ะ”
“เออ อั๊วเอง อั๊วโกรธที่ไอ้ตงมันลบหลู่อั๊ว” ผีเถ้าแก่บอก เสี่ยตงมีสีหน้าตื่นตระหนก
“จริงเหรอ เตี่ย! อย่าทำแบบนี้สิ พวกอั๊วกลัวนะ อยากได้อะไรก็ออกมาคุยกันดีๆ สิ”
“แต่ถ้าไม่ออกจะดีกว่านะ บอกผ่านคนอื่นก็ได้นะเตี่ย” คุณนายเง็กบอก
“คนที่อั๊วจะบอกผ่านได้อีไปแล้ว ชีช้ำ”
“ผมว่า คิดมากกันไปเอง อาจจะมีแมววิ่งมาชนหรือวางของไว้พลาดเองก็ได้ ไม่ได้เห็นกับตาไม่ใช่เหรอครับ ป้าเมี่ยง” สืบสายบอก
“ค่ะ ไม่ได้เห็นกับตา”
แต่คุณนายเง็ก เสี่ยตงและป้าเมี่ยงก็ยังเชื่อว่าเป็นเหตุเหนือธรรมชาติ
“ป๊ากับม้าไปพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยถึงจะไม่มีจุลลา”
สืบสายเดินออกไป แต่ในใจเริ่มเคลือบแคลงสงสัยเรื่องเถ้าแก่ส่งสาร
คืนนั้นที่บ้านจุลลา จุลลานั่งเปิดอินเตอร์เน็ตหางาน แต่ก็เปิดผ่านๆ ไม่สนใจอะไรเลย ที่หน้าห้องจำรัสเงี่ยหูฟังเสียงในห้องจุลลา อยากรู้ความเคลื่อนไหวของลูกสาว ดาราเข้ามาตีเบาๆ
“พ่อ มาสอดแนมอะไรลูก”
“ชู่ว์ เบาๆ เดี๋ยวมันรู้ว่าผมกำลังซุ่มโป่งมันอยู่”
“นิสัยไม่ดี ไปนอน”
“ใครจะไปนอนหลับ ลูกมันเข้าไปฝังตัวในห้องตั้งแต่หัวค่ำ ไม่กินข้าว ไม่พูด ไม่คุย ผมเป็นห่วงมัน”
“ก็เข้าไปคุยให้เป็นเรื่องเป็นราวสิ”
“ถ้ามันอยากคุย มันคุยด้วยนานแล้ว”
“ก็จริง ตกงานคราวนี้ดูลูกจูนเครียดมากกว่าทุกครั้งเลยนะพ่อ”
“แสดงว่ามันต้องมีอะไรในใจที่พูดไม่ออก บอกใครไม่ได้ แต่ผมต้องรู้ จะได้หาทางช่วยมันถูก”
จุลลาเปิดประตูผลัวะออกมา
“ช่วยไปนอนเถอะพ่อ ยืนขาแข็งอยู่ได้ตั้งนานแล้ว ไม่เมื่อยหรือไง”
“เมื่อยเหมือนกัน...เย้ย! ไอ้จูน แกรู้ด้วยเหรอวะ”
“ทำยังกะยืนแอบฟังเงียบๆ งั้นแหละ ยุกยิกๆ ดังไปถึงปากซอยโน่น”
“ก็ฉัน...”
“แม่ พาลูกชายคนโตไปนอนเถอะ เดี๋ยวเป็นลม” จุลลาตัดบท
“ไปพ่อ นอน! ให้ลูกพักผ่อน รอให้ลูกพร้อมกว่านี้ค่อยคุย” จำรัสฮึดฮัด “พ่อ”
จำรัสเลยยอมตามดาราไปแต่โดยดี แต่ยังอดเป็นห่วงจุลลาไม่ได้ จุลลาเหนื่อยใจ ปิดประตู
จุลลาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง คิดถึงเรื่องเถ้าแก่
“ขอโทษด้วยนะเถ้าแก่ อย่าหาว่าหนูใจดำเลย” เสียงซอจีนดังเข้ามา “ใครเปิดเพลง”
จุลลาคิดว่าเป็นพ่อกับแม่
จุลลายืนที่หน้าห้องพ่อกับแม่ จำรัสเปิดประตูออกมาเห็นดารานอนพักผ่อนอ่านหนังสือข้างใน
“จะปิดไฟนอนอยู่แล้ว แกก็รู้ว่าเวลานอนพ่อกับแม่ชอบนอนเงียบๆ ไม่เปิดอะไรทั้งนั้นแหละ”
จำรัสบอก จุลลามองเข้าไปในห้อง เงียบจริงๆ จุลลายังได้ยินเสียงเพลงซอจีนแว่วอยู่
“หรือข้างบ้านเปิด พ่อได้ยินป่ะ เนี่ย! ยังดังอยู่เลย”
“ไม่เห็นจะได้ยินอะไร ได้ยินข้างบ้านเปิดเพลงหรือเปล่าแม่” จำรัสหันไปถามดารา
“ไม่นี่ หูแว่วหรือเปล่าคะลูกจูน”
แต่จุลลายังได้ยินเสียงเพลงเต็มสองรูหู ชัดเจน นึกถึงผีเถ้าแก่
“ตัวไม่มาก็ยังขอส่งเสียงมานะ ไม่รู้เป็นปลาหรือผี ตอดตลอด” จุลลาบ่นแล้วเดินกลับไปที่ห้อง จำรัสมองตามจุลลางงๆ
“มันบ่นอะไรของมันวะ ใครเร้าใครหรือ”
ผีเถ้าแก่กำลังสีซอจีนบรรเลงอยู่อย่างเศร้าสร้อย กลางสวนมะพร้าวอันเวิ้งว้าง ถึงท่อนร้อง ผีเถ้าแก่ก็ร้อง สีหน้าเศร้าสะเทือนใจจริงๆ
จุลลาลงนอนบนที่นอน ยิ่งได้ยินเสียงร้อง ยิ่งทรมานหู
“โอย”
จุลลาเอาผ้าห่มคลุม เอาหมอนปิดหัวปิดหู เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงเพลง ผีเถ้าแก่ยังคงร้องเพลงสีซอ ดูเศร้า วังเวง รันทด หดหู่จริงอะไรจริง จุลลาอินตามอดเคลิ้มตามเพลงไม่ได้
เสียงร้องติดๆ ขัดๆ ผีเถ้าแก่พยายามจะงับปากตาม จุลลาค่อยๆ โผล่หน้าออกมา เพราะได้ยินเสียงเพลงที่ติดๆ ขัดๆ ไม่สมูธ
“เสียงเป็นอะไร หรือคอแห้ง”
ผีเถ้าแก่งับปากตามเพลงที่ติดๆ ขัดๆ ทันบ้างไม่ทันบ้าง จนทนไม่ไหว เอี้ยวตัวไปข้างๆ เห็นเครื่องเล่นซีดีกงเต็กวางอยู่ ผีเถ้าแก่กดปุ่มปิด เปิดเครื่องเอาแผ่นออกมา
“ไอ้หยา แผ่นเป็นรอยหมดแล้ว แล้วอั๊วจะไปบอกลูกหลานยังไงว่าให้เผาแผ่นซีดีมาให้ใหม่”
จุลลาเงี่ยหูฟัง แต่ไม่ได้ยินอะไร
“ไม่คิดจะพูดอะไรมากกว่านี้หรือไง เถ้าแก่”
“อั๊วคงไม่กล้าสู้หน้าหรือพูดอะไรกับลื้ออีกแล้ว วิกฤติศรัทธามันเป็นอย่างนี้นี่เอง” ผีเถ้าแก่บอกแล้ว
เดินหิ้วซอหลังงุ้ม ดุ่มๆ เข้าไปในสวนมะพร้าว
จุลลาหงุดหงิด จริงๆ หวังจะให้ผีเถ้าแก่มาง้อหรือขอโทษ แต่เงียบ จุลลาเลยตัดสินใจนอนดีกว่า ผีเถ้าแก่ตัวสลัวรางๆ ดูพลังอ่อนมาก อยู่กลางสวนมะพร้าวที่มืดมิด
“อั๊วคงเป็นผีแก่ๆ ติดอยู่ในสวนมะพร้าว เงียบๆ คนเดียวไม่มีใครคบต่อไป”
ผีเถ้าแก่ค่อยๆ เดินไกลห่างออกไป จนลับหายไปในดงมะพร้าว
สืบสายที่กำลังจะเข้านอนยืนมองรูปเถ้าแก่อยู่
“ก๋งกำลังพยายามจะสื่อสารกับพวกเราอยู่จริงๆ เหรอครับ”
ที่รูปของเถ้าแก่บนฝาผนัง ยังคงเป็นรูปปกติ ธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติ คุณนายเง็กเดินเข้ามา
“ม้าเชื่อว่าก๋งพยายามทำอย่างนั้นอยู่จริงๆ นะอาตี๋ ม้ามีเซ้นส์”
“นอกจากคำทำนายของอาจารย์เพี้ยนแล้ว อะไรที่ทำให้ม้าเชื่ออย่างนั้นครับ”
“เซ้นส์อั๊วไง”
“ม้า ไม่ได้ดีขึ้นเลย”
“ลื้อทำงานกับอาหนูช่าง ลื้อสังเกตเห็นอะไรบ้างมั้ย”
“สังเกตเห็นอะไรครับ”
“เห็นว่าอีทำตัวแปลกๆ แบบที่คนปกติเค้าไม่ทำกัน”
สืบสายอึ้ง คิดถึงเหตุการณ์แปลกๆ ของจุลลา
“แน่จริงก็ซึ่งๆ หน้าสิ หลบหน้ากันทำไม ไม่แมน”
“ฉันไม่ได้หลบหน้าเธอ” สืบสายบอกเพราะเข้าใจว่าจุลลาพูดกับเขา ทำให้จุลลารู้สึกตัวว่าเผลอหลุด รีบแก้ตัว
“ฉันไม่ได้หมายถึงคุณ”
“แล้วพี่หมายถึงใคร” แสบถามอย่างแปลกใจ
“เออ ช่างมันเหอะ ฉันพูดอะไร ลืมๆ ไปให้หมด”
อีกครั้ง จุลลาก็เผลอพูดออกมาคนเดียว
“ไม่บอก”
สืบสาย แสบยิ่งงงหนัก จุลลาพูดอะไรกับใคร
อีกครั้งตอนที่จุลลาถูกผีเถ้าแก่พูดสบปรามาท จุลลาของขึ้นทันที
“ที่เมื่อคืนหนูฝันเห็นนายหยวกเข้าห้อง แล้วก็เกือบจะจูบหนูเนี่ย มันฝีมือใคร”
กลับมาปัจจุบัน คุณนายเง็กรอคำตอบจากสืบสาย
“ว่าไงอาตี๋”
“ผมไม่แน่ใจ”
สืบสายบอก แต่ก็นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาของจุลลา
“อยู่ข้างใครกันแน่เนี่ย” จุลลาถามผีเถ้าแก่ สืบสายจับหน้าจุลลาด้วยสองมือประคอง
“หันหน้ามาคุยกับฉันนี่ ยายเพี้ยน! ทำไมชอบพูดกับใครก็ไม่รู้อยู่เรื่อย”
จุลลาอึ้ง เขิน ที่ถูกสัมผัส สืบสายเห็นสายตาวูบไหวของจุลลาก็อึ้ง
คุณนายเง็กสังเกตเห็นสืบสายหน้าแดง
“ลื้อหน้าแดง หูแดง ลมพิษขึ้นหรือไง”
“ผม เอ่อ” สืบสายอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง
“ลื้อเป็นอะไร เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
“เปล่าครับ”
“ตอบม้าได้หรือยัง ว่าลื้อผิดสังเกตกับอาหนูช่างตอนไหนยังไงบ้างมั้ย”
“มีหลายครั้งที่จุลลาพูดกับใครที่ผมมองไม่เห็น”
“ชัวร์! อีต้องคุยกับก๋งลื้อ” คุณนายเง็กบอกอย่างมั่นใจ
“หม่าม้า ไร้สาระ ผีไม่มีจริง คนตายก็คือตาย ทุกอย่างดับสูญ”
“ไม่ อาตี๋ ก๋งลื้อยังอยู่ อยู่เพื่อภารกิจอะไรบางอย่างที่จะตายไปกับอีไม่ได้”
“หม่าม้า แต่...”
“ไปตามจุลลากลับมา อีจากไปโดยที่อั๊วยังไม่ได้ข้อพิสูจน์ว่าอีติดต่อกับก๋งลื้อได้หรือไม่ได้กันแน่” คุณนายเง็กตัดบท
“ยิ่งไม่ใช่เหตุผลที่ควรจะไปตามจุลลากลับ ถ้าเพราะเธอทำงานดี ขยัน ลูกน้องให้ความเชื่อถือ ผมจึงจะไป”
“งั้นลื้อยิ่งควรไป”
สืบสายอึ้ง พยักหน้า คุณนายเง็กไม่พูดอะไรต่อ เดินออกไป
“ผมไม่รับปากนะหม่าม้า”
คุณนายเง็กไม่หันกลับมา ไม่สนใจคำพูดของสืบสาย
วันรุ่งขึ้นที่ร้านสบายท้อง มะขวิดขับรถกระบะวิ่งเข้ามาจอดเทียบ จุลลากระโดดลงมาจากรถ มะขวิดรีบตามลงมาช่วยจุลลาหิ้วถุงใส่กับข้าว จุลลาหิ้วถุงเต็มสองมือ ทรงพลังมาก ลีลาและป้าลำยองวิ่งออกมาจะช่วยแบ่งถุงจากจุลลา ไม่อยากให้ลูกเจ้านายถือของหนัก
“นังลีลา อย่ามัวลีลา รีบไปถือของให้คุณจูน”
“ลีลาตรงไหน มาค่ะคุณจูน หนูช่วย” จุลลายื่นถุงให้ “เดี๋ยวก่อนค่ะ ผมหลุด” ลีลาติดกิ๊บใหม่ ยื่นมือไปรับถุงจากจุลลา จุลลาส่งให้ “เดี๋ยวค่ะ รู้สึกเส้นตึง ช่วงนี้ไม่ค่อยได้โยคะ”
ลีลายืดแขน ยืดขา ยืดตัว แล้วก็ยื่นมือไปรับของอีกที
“พอเหอะ!” จุลลาหัวเสียผิดปกติ “ถือเองป่านนี้เอาไปวางในครัวแล้ว โน่น ไปช่วยป้าลำยองกับมะขวิดโน่น”
จุลลาเดินเข้าร้านไป ทิ้งลีลาปากคอสั่นเพราะตกใจกับท่าทีของจุลลา
“คุณจูนระเบิดลงใส่หนูอีกแล้วอ่ะ”
ป้าลำยองถือของหนักเข้ามาตะคอกลีลา
“ก็แกอู้ทำไม”
มะขวิดถือของหนักมาตะคอกอีกข้าง
“นิสัยเสีย แบบนี้ไง ถึงได้ไม่มีผัวสักที”
“เฮ้ย ไอ้...”
ลีลายังไม่ทันเถียงจบ ทั้งป้าลำยองและมะขวิดก็พร้อมใจกันโยนถุงใส่ของให้ลีลาแบกพร้อมกัน จนลีลาทรุด
“ขน”
“เข้าบ้าน”
“เออ” ป้าลำยอง มะขวิดเข้าบ้านไป ลีลาขนของมองตามเจ็บใจ “เดี้ยะ จะมีแฟนให้ดูเป็นตัวเป็นตนภายในสามวันเจ็ดวัน ไอ้มะขวิด”
จุลลาเอาของเข้าตู้เย็น ตั้งใจทำมากเกินควร เพราะไม่อยากฟุ้งซ่านกับเรื่องผีเถ้าแก่และสืบสาย เสียงดังโครมคราม กระแทกกระทั้นจนป้าลำยอง ลีลาและมะขวิดที่ช่วยเก็บของพากันสะดุ้งทุกครั้ง
“ปู่ก็เอาแต่ใจตัวเอง!” จุลลายัดของหนึ่งที โครม ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดตกใจหน้าทิ่ม “หลานก็พูดจามะนาวไม่มีน้ำ!” ยัดของอีกหนึ่งที โครม ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดตกใจหน้าหงาย “ทั้งปู่ทั้งหลาน พอกัน อย่าให้เจออีกนะ” ปิดตู้โครม ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดตกใจร้องออกมาพร้อมกัน
“ว้าย/เฮ้ย” แล้วก็ทนไม่ไหว “คุณจูน”
“อะไร”
“ขออนุญาตวิจารณ์แบบตรงไปตรงมานะคะ เป็นอะไรไปคะ โมโหใครมา”
“ตกอกตกใจจนฉี่จะราดอยู่แล้วค่ะ”
“ก็รีบไปเข้าห้องน้ำสิป้า”
“ฉันเปรียบเปรยอุปมาอุปไมย ไอ้นี่”
“ป้า หยุดโวยวาย ขอฟังคำตอบสวยๆ จากคุณจูนก่อน”
ทุกคนหันไปหาจุลลา เห็นจุลลาถือมีดมองมาน่ากลัวมา ตาขวาง
“ว้ากกกก คุณจูน บ้าไปแล้ว”
จุลลาถือมีดเดินย่างเข้ามา ทุกคนตกใจถอยกรูด กรี๊ดลั่น คิดว่าจะโดนกระซวก จุลลาเอื้อมมือมาหาลีลา
ลีลาไหว้ปะหลกๆ
“คุณจูนขา หนูขอโทษ ต่อไปหนูจะไม่อู้ หนูจะไม่ขออนุญาตวิจารณ์ หนูจะไม่ทำตัวสวยรวยเสน่ห์ตลอดเวลาให้ทุกคนลำบากใจ”
“ให้อภัยมันเถอะนะคะ หน้าตาอย่างมัน ควรจะถนอมเอาไว้เป็นของแปลกดึงลูกค้า”
“คุณจูนครับ ปาดคอผมแทนเถอะครับ” ลีลาหันมองมะขวิดอึ้ง “ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ แล้วต้องเห็นหน้ามันทุกวันครับ...ว้าก ฮ่ะๆๆ”
“ดูละครมากไปป่ะ ดราม่าโวยวายโอเว่อร์แระ ถอยไป! ฉันจะหยิบเขียง อยากกินกระเพราหมูสับตับหมู” จุลลาบอก
“อ้าว”
โจ๊กหมูใส่ตับในชามถูกตักขึ้นโดยสืบสาย ที่กินไม่ค่อยลง ใช้ความคิด ในขณะที่ยังไม่มีใครมาร่วมโต๊ะ
ป้าเมี่ยงยกกาแฟมาเสิร์ฟ
“วันหยุด ทำไมไม่นอนตื่นสายๆ ล่ะคะ คุณสืบ”
“ผม มีธุระต้องไปทำ”
“ธุระสำคัญมากเหรอคะ ถึงต้องเอาเวลาพักผ่อนไปทำ ป้าเป็นห่วงสุขภาพคุณสืบนะคะ พักผ่อนบ้าง”
“เช้านี้อยากทานโจ๊กใส่ตับพอดี ขอบคุณมากนะครับป้า” สืบสายเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วทำไมถึงดูทานไม่ลงคะ เห็นเขี่ยไปเขี่ยมา คิดอะไรอยู่”
สืบสายไม่ตอบตักโจ๊กเข้าปาก ดูนาฬิกายังเช้าอยู่มาก ประมาณเจ็ดโมงกว่า สืบสายหันมาสนใจโจ๊ก ผีเถ้าแก่
นั่งตรงข้ามสืบสาย ตักโจ๊กของตัวเองกินเข้าไปด้วย
“อาหนูช่างอีตื่นเช้า ลื้อรีบไปเถอะน่า ปล่อยเวลาเนิ่นนานช้า เดี๋ยวมันจะไม่ทันกิน ผ่านไปหลายวันแล้วนา”
สืบสายวางช้อน
“ผมอิ่มแล้วครับ”
“อะไรกัน เพิ่งทานไปไม่กี่คำ ธุระที่ว่าต้องรีบไปมากเลยเหรอคะ”
“คือ ไม่ไปแล้วครับ”
“อ้าว เฮ้ย ไอ้ตี๋” สืบสายเดินขึ้นบันไดไป ป้าเมี่ยงมองตามงงๆ “ป๊อดนี่หว่า”
สืบสายเดินขึ้นบันไดมา เจอคุณนายเง็กยืนขวางอยู่ หน้าตาขึงขัง
“อาตี๋”
“หม่าม้า”
“ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ ลื้อต้องไปตามอาหนูจุลลาตามสัญญาที่ให้ไว้กับม้า”
“ผมไม่ได้สัญญา ผมบอกม้าว่า ผมไม่สัญญา”
“มีคำว่าสัญญาออกมาจากปากลื้อ แปลว่าสัญญา”
“ม้า แถนะ”
“ตามนี้! ไม่งั้น บ้านบึ้ม”
“ม้า”
“บ้านนี้ใครใหญ่”
สืบสายอึ้ง ถอนใจ คุณนายเง็กเดินขึ้นกลับชั้นบนไป สืบสายหันหลังกลับ ไปก็ไป โดยมีผีเถ้าแก่ยืนแต่งตัวเฟี้ยวเตรียมออกไปข้างนอก
“บ้านบึ้ม บ้ะ บ้ะ บ้ะบึ้ม บึ้ม ใครไม่บึ้ม อาเง็กอีบึ้ม”
อีกด้านหนึ่งที่คอนโดเดือนพิไล เดือนพิไลนอนหลับสบายบนที่นอน พี่บีเข้ามาดึงผ้าห่มออก
“นังมูน ตื่น ระเบิดลง ตูม”
เดือนพิไลตกใจ หนีลนลาน
“ว้าย หนีเร็ว! ฉันยังไม่อยากตาย ฉันอยากแต่งงาน ฉันอยากไปฮันนีมูนที่มัลดีฟ” พี่บียืนดูเดือนพิไลหนีระเบิดด้วยความเซ็ง เดือนพิไลวิ่งมาเจอพี่บียืนหน้าตูมอยู่ “หนีสิ อยากตายหรือไงเจ๊”
“หล่อนน่ะสิ ตาย อดตายไง ตายคนเดียวไม่พอ ลากฉันตายไปด้วย”
“ตกลงระเบิดลงตาย หรือจะอดตาย เอาสักอย่าง จะมากลางๆ เหมือนตัวเองไม่ได้นะ” เดือนพิไลต่อว่า
“ไม่ต้องยุ่งกับเพศสภาพฉัน สนใจเรื่องปากท้องตัวเองเถอะย่ะ มานี่”
เดือนพิไลถูกพี่บีกระชากออกไป
พี่บีลากเดือนพิไลมาที่โต๊ะ ซึ่งวางสมุดคิวงานอยู่
“ดูซะ เดือนนี้ เดือนหน้า มีคิวถ่ายละครเรื่องที่รอปิดอยู่แค่สองคิว! ที่เหลือ ขาวโพลนนน”
“ใช้หมึกล่องหนเขียนหรือเปล่า เลยมองไม่เห็น”
“อุ๊ตะ! คิดได้อ่ะ จะใช้หมึกล่องหนเพื่อ”
“ทำไมเหลือแค่สองคิว”
“เพราะหล่อนเล่นแข็งมากไง เข็นยังไงก็ไม่ขึ้น จนเค้าตัดบทหล่อนออกให้ตายเร็วกว่าเดิม”
“อร๊ายย แล้วงานอีเว้นต์ล่ะ มีมั้ย โชว์ตัวต่างจังหวัดไรเงี้ย”
“เพราะข่าวฉาวของหล่อน ถูกแคนเซิลพร้อมกันห้างาน”
“อย่างนี้ฉันก็อดตายน่ะสิ”
“เดือดร้อนด้วยเหรอ”
“เพราะเจ๊คนเดียว บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ขยันหางาน เอาเวลาไปซองผู้ชายหรือไง น้องนุ่งไม่ดูแล”
“ในเมื่อหล่อนไม่มีงาน แปลว่ารายได้ฉันก็หดหาย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซองผู้ชาย แค่หน้าตาดีมีอาชีพในวงการแค่นี้ ไม่ได้”
“แล้วทำไงดีล่ะ”
“สวยด้วยฉลาดด้วย ก็คิดสิยะ ฉันไม่คิด เพราะต้นเหตุของการว่างงานไม่ใช่ฉัน โอ๊ย! รมณ์เสีย เปลี่ยนโหมด เสพความบันเทิงดีกว่า”
พี่บีเลี่ยงไปเปิดทีวีปล่อยเดือนพิไลนั่งเซ็ง พี่บีเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จนเจอข่าวบันเทิง เข้าข่าวสัมภาษณ์สืบสายพอดี
“อุ๊ตะ คุณสืบสาย ให้สัมภาษณ์นักข่าว เรื่องหล่อนแน่เลย”
เดือนพิไลหันขวับ ไปเกาะหน้าจอทีวีทันที
จอทีวีที่ร้านสบายท้องเปิดดูข่าวสัมภาษณ์สืบสายเหมือนกัน
“เรามาฟังคำสัมภาษณ์จากนักธุรกิจหนุ่มไฮโซที่กำลังตกเป็นข่าวว่ากำลังถูกนักแสดงสาวเซ็กซี่เร่งทำคะแนนเอาชนะใจ แต่งานนี้คุณแม่ไม่ปลื้มออกตัวปกป้องลูกชายเต็มพิกัดกันดีกว่านะคะ”
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ ผมกับคุณเดือนพิไลเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน”
“แต่แหล่งข่าวคือคุณแม่คุณเองเลยนะคะ”
“แม่ทุกคนหวงลูกชายทั้งนั้นแหละครับ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอะไร ยืนยันครับว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น”
“อนาคตมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กันมั้ยคะ”
“ไม่แน่นอนครับ ขอตัวครับ”
จุลลาเข้ามาปิดทีวี ตาขวาง ป้าลำยอง ลีลา มะขวิด ดาราและจำรัสที่กำลังดูทีวีอย่างสนใจ อารมณ์ค้าง
“อ้าววว”
“ปิดทำไมไอ้จูน นั่นข่าวเจ้านายแกนะ ไม่ฟังให้จบเล่า”
“อดีตเจ้านายพ่อ เป็นอดีต”
“เจ้านายคุณจูนหล่ออ่ะ”
“เป็นพระเอกละครได้สบายเลยนะคะ รับรองแฟนคลับเพียบ”
“แต่ฉันว่าไม่เหมาะเป็นพระเอกละครหรอกป้า เหมาะเป็นแฟนคุณจูนมากกว่า” มะขวิดบอก
“เฮ้ย” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“ไมอ่ะ หน้าตาคล้ายกัน โบราณว่าเป็นเนื้อคู่กัน”
สืบสายเดินเข้ามากับครรชิตพอดี สืบสายดูเขินๆ มะขวิดหันไปเห็น เข้าไปจูงมือสืบสายเข้ามาเลยด้วยความโม้เพลิน จุลลาและทุกคนหันมองสืบสาย ตกใจ
“นี่ไง คล้ายป่ะ ว่าป่ะล่ะ เออ คนอะไร หายตัวออกมาจากทีวีได้ด้วย”
“นั่นมันตัวจริง มะขวิด” ดาราบอก
“อ๋อ มิน่า ว้าย” มะขวิดสะดุ้งหนี
จุลลามองหน้าสืบสายไม่เต็มตานัก สืบสายเองก็เหมือนกัน
“มาทำไม” จุลลาถามสียงห้วน
ทุกคนจ้องสืบสายเป็นตาเดียว ด้วยความอยากรู้ สืบสายอึดอัด ยิ่งเห็นสายตาของจำรัสที่ออกแนวไม่ไว้ใจโจ่งแจ้ง สืบสายยิ่งอึดอัด
“ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้มั้ย” สืบสายบอก
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 4 (ต่อ)
มุมหนึ่งในร้านสบายท้อง จุลลายื่นน้ำให้สืบสาย สืบสายรับมา ค่อยๆ จิบ จุลลานั่งลง
“ว่ามา” สืบสายเหลือบมองไปข้างๆ ทั้งบ้านนั่งสลอน รอฟังด้วย สืบสายกลืนน้ำไม่ลง “อย่าถามหาคำว่าเป็นส่วนตัวจากคนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”
“เอาเลยไอ้จูน ข่มไว้ อย่าให้เค้าได้ใจ ฉันรู้ว่าเจ้านายแกจะมาง้อให้แกกลับไป” จำรัสบอก จุลลาอึ้ง ในใจแอบดีใจลึกๆ แต่ยังวางฟอร์ม
“คุณ! ไม่ให้ความเป็นส่วนตัวเค้าแล้ว ก็ช่วยให้ความเกรงใจให้เค้าคุยกับลูกจูนไปให้จบ ไม่ต้องขัด” ดาราบอก
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวเจ้านายคุณจูนจะคิดว่าคุณผู้ชายเป็นสามีที่ไม่มีใครสั่งใครสอนเรื่องมารยาทนะคะ”
“ต่อเลยค่ะคุณเจ้านายคุณจูนรูปหล่อขา ไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกา น่ารำคาญค่ะ”
“ไล่ออกดีมั้ยเนี่ย ลูกน้องแต่ละคน มันลามปามขึ้นทุกวัน” จำรัสบอก ป้าลำยอง ลีลาจ๋อย ชวนกันไปอยู่มุมบ้านดีกว่า “ผมเงียบก็ได้ แต่ช่วยคุยกับลูกสาวผมเร็วๆ หน่อย” จำรัสบอกสืบสาย ดาราขัด
“ช้าๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องรีบ”
“ช้าก็ได้ แต่ช่วยรีบ ผมไม่อยากให้ลูกสาวผมเครียดไปมากกว่าเดิมเพราะคุณ”
“คุณเครียด ผมคิดว่าคุณจะสบายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกได้ซะอีกที่ลาออก”
“ลูกจูนเครียดมากค่ะ ไม่กินไม่นอน คิ้วผูกโบว์ทั้งวัน ไม่พูดกับใคร”
“ไม่พูด แต่แจกระเบิดค่ะ”
“ไม่มีใครเข้าหน้าแกติดเลย”
“เหมือนในใจมีแต่ความแค้น วันๆ เอาแต่พูดว่า ปู่...หลาน ปู่..หลาน อย่าให้เจออีกนะ”
สืบสายสำลักน้ำแทบไม่ทัน จุลลาร้อนตัวกลัวลูกน้องปากมากไปกว่านี้ รีบขัด
“พอแล้ว! จะไปไหนก็ไปมะ”
“ไป ไปกันให้หมดนั่นแหละ ไม่งั้น วันนี้คุณเค้าคุยกับลูกจูนไม่จบแน่”
“ไปๆๆๆ” จำรัสไล่ลูกน้อง
“คุณด้วย คุณจำรัส” ดาราบอก
“เผื่อมีลูกค้า”
“ลูกค้าเรารู้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน อย่ามาฟอร์ม”
จำรัสฮึดฮัด แต่ก็ไป เพราะกลัวสายตาดารา
“อ่ะ เป็นส่วนตัวแล้ว ว่ามา “
สืบสายนั่งทำใจ จุลลาไม่กล้ามองหน้าสืบสาย กลัวใจเต้นแรง ครรชิตเห็นอาการตื่นเต้นของเจ้านาย รีบโค้งให้
“ที่ที่ผมควรจะอยู่ในตอนนี้ คือข้างนอก ขอตัวครับบอส”
“เดี๋ยว”
แต่ครรชิตวิ่งแน่บออกไปแล้ว เหลือแค่สืบสายจุลลาสองคน ที่พูดอะไรกันไม่ออก เพราะตอนนี้ในหัวใจมันไม่ปกติต่อกันแล้วทั้งสองคน
ด้านนอกร้านสายท้อง ผีเถ้าแก่ส่องกล้องส่องทางไกลมองในบ้าน
“จะอ้ำอึ้งอยู่ทำไมวะ อาตี๋ จะง้อก็รีบง้อ”
เจ้าที่มาสะกิดผีเถ้าแก่
“เจ้าสัว ฉันอนุญาตให้เข้าไปได้แล้วทำไมไม่เข้าไป”
“อาเจ้าที่ รู้จักมั้ย กอ ขอ คอ”
“แล้วรู้จักมั้ย มอ รอ ยอ”
“มารยาท”
“ใช่ มาแอบดูชาวบ้านเขาแบบนี้ มันไม่สุภาพ”
“ไม่เป็นไร อั๊วไม่ถือ”
“ตามใจ”
เจ้าที่เดินออกไป ผีเถ้าแก่ส่องกล้องต่อไปอย่างลุ้น
“จะให้ก๋งรอถึงพ.ศ.ไหนนนน อย่าขัดใจคนดูสิวะอาตี๋”
สืบสาย จุลลายังนั่งกันนิ่ง จุลลาทนไม่ไหว
“ถ้าจะมาเพื่อนั่งเฉยๆ แบบนี้ ก็กลับไปเลยไป”
จุลลาลุกขึ้นเดินผ่านสืบสายจะออกไป สืบสายรีบคว้ามือของจุลลาไว้ จุลลาอึ้ง มองมือสืบสายตกใจ สืบสาย
รีบปล่อย
“ขอโทษ แต่นั่งก่อน ได้มั้ย”
จุลลาเดินกลับมานั่ง ยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้น นั่งผิดนั่งถูก แต่ยังวางฟอร์ม
“นั่งแล้ว” ตามองที่มือที่เพิ่งสัมผัสมือสืบสาย หน้าแดง หลุดยิ้มเขินออกมา
“ผมยังไม่ได้อนุมัติการลาออกของคุณนะ”
“บอกแล้วไง ถึงคุณไม่อนุมัติฉันก็ไม่สน”
“คุณอยากให้ประวัติการทำงานของคุณเสียจริงๆ เหรอ ทิ้งงาน ออกจากงานโดยไม่แจ้งล่วงหน้าตามข้อตกลง ผมสามารถส่งเรื่องไปให้พันธมิตรของผมในวงการนี้ได้สบายมากเลยนะ”
“แล้วคุณจะเอาไง”
“คุณต่างหากจะเอาไง จู่ๆ ก็ออกจากงาน ที่คุณเคยพูดกับผมเองว่า คุณจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคุณทำงานที่นี่ได้ คุณจะลบคำสบประมาทของผม” จุลลาอึ้ง “และคุณก็เกือบทำให้ผมลบอคติที่มีต่อคุณได้แล้ว” จุลลาอึดอัด เพราะใจจริงก็ไม่ได้อยากลาออก “ผมรู้ว่าคุณสู้งาน แต่คุณจะไม่ทนเรื่องไร้สาระที่ไม่ใช่เรื่องงาน ผม เอ่อ...”
“เอ่ออะไร”
“มาขอโทษ”
“หือ”
“ถ้ามีเรื่องไร้สาระ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามทำให้คุณรำคาญใจ ผมขอโทษ” จุลลาอึ้ง สบตากับสืบสาย เห็นสายตาที่ขอโทษอย่างจริงใจ “กลับมาได้มั้ย”
จุลลาเจอทั้งสายตาอ้อนวอน น้ำเสียงออดอ้อน ใจจะละลายอยู่แล้ว
หน้าบ้าน ผีเถ้าแก่เขินเอง คิดถึงเมียที่ตายไปแล้วขึ้นมา
“อาลั้ง ลื้อไปเกิดแล้ว ลื้อเลยไม่มีโอกาสเห็นอาตี๋น้อยของเรา มันกำลังง้อผู้หญิง เหมือนตอนอั๊วไปง้อลื้อไม่มีผิด โรแมนติกไม่ทิ้งแถว” แสบขี่มอเตอร์ไซค์แว้นเข้ามาจอดแทบชนผีเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่กระโดดหลบ “เฮ้ย” แสบถอดหมวกกันน็อกออก “ไอ้แสบ ลื้อมาทำไม” แสบจอดมอเตอร์ไซค์ได้ มองเข้าไปในบ้าน ตาขวาง เอาเรื่อง เข้าไปทันที
“มันไม่ได้มาดีแน่ๆ ไอ้หยา”
ผีเถ้าแก่รีบตามแสบเข้าไปในร้าน เจ้าที่มองเหตุการณ์ กังวล
“นับจากนี้ ที่นี่ก็จะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกแล้ว โชคดีนะทุกคน”
ครรชิตกำลังกินข้าวที่ดาราจัดมาให้กินอย่างเอร็ดอร่อย ลีลาเด็ดผัก มะขวิดโขลกน้ำพริกอยู่ใกล้ๆ คอยเงี่ยหูฟัง จำรัสผุดลุกผุดนั่งเพราะเป็นห่วงจูน
“นี่พ่อคุณ ทานช้าๆ ก็ได้จ๊ะ ไม่มีใครแย่ง”
“เจ้านายแกเค้าไม่ให้กินข้าวหรือไง กินเหมือนไม่เคยกิน”
“ไม่เคยรับประทานอาหารที่อร่อยมากอย่างนี้มาก่อนเลยครับ เสียดายวันนั้นมาแล้ว แต่ไม่ได้กิน”
“อะไรนะ เจ้านายไอ้จูนกับนาย เคยมาที่นี่”
“ครับ ตอนแรกตั้งใจมาทานข้าว แต่พอดีเจอคุณจุลลากำลังปราบเหล่าร้าย ลูกถีบว่อนร้าน ณ จุดนั้นเลยอิ่มกันดีกว่า”
“อ้อออ พวกคุณนั่นเอง ต๊าย ถ้าอย่างนั้น เจ้านายลูกจูนก็เห็นลูกจูนบู๊”
“ทั้งบู๊ทั้งบุ๋น เห็นหมดแล้วครับ”
“แล้วชอบมั้ย” ดารากระซิบถาม ครรชิตเม้าปากยาวเลย วางช้อน
“ไม่เหลือสิครับ” จำรัสและทุกคนหูยาวเข้ามาทันที “ผมน่ะรู้ใจบอสดี ปากทำเป็นว่าเค้า แต่ใจเนี่ย...”
“พี่จูน”
ทุกคนตกใจ หันไป แสบเดินลิ่วเข้าไปในร้าน
“ใครมาอีกวะเนี่ย”
“ไอ้แสบ”
“ชื่อนี้ มั่นใจค่ะ ว่าไม่ได้มาดี”
“ทุกคน ลุย”
ทุกคนวางมือจากสิ่งที่ทำ ตามแสบเข้าไปในร้านทันที
“ใจเย็นๆ ครับ ไอ้แสบมันนับถือคุณจุลลามากเลยนะครับ”
ครรชิตบอกแล้วรีบตามไป
ขณะนั้นจุลลากำลังอ้ำอึ้งกับสืบสาย
“ฉัน”
“หรือถ้าเธอมีอะไรที่ยังอึดอัดใจก็บอกฉันมาได้ ฉันจะยอมรับฟังทุกเรื่อง”
“แน่ใจเหรอว่าจะรับฟังทุกเรื่อง” สืบสายพยักหน้า “ใจกว้างแน่นะ” สืบสายพยักหน้า “งั้นฟังนะ จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะลาออก แต่เพราะฉันยื่นคำขาดออกไปแล้วว่า ถ้าเถ้า...”
“พี่จูน”
แสบเข้ามา จำรัส ดารา ครรชิต ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดตามเข้ามาอีกที
“ไอ้แสบ”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว
“ไอ้หยา! มาสกัดทัพไม่ทัน เดี๋ยวนี้พลังอ่อน เดินทางช้า”
“หวัดดีบอส”
“มาหาจุลลาเหรอ”
“ไม่ได้มาหาบอสแล้วกัน พี่จูน พี่ลาออกทำไม ทำแบบนี้ทำไม”
ทุกคนคิดว่าแสบเสียใจที่จุลลาลาออก ดูซาบซึ้งใจกันมาก
น้ำหวานลงจากแท็กซี่หน้าร้านสบายท้อง มีแผนที่บ้านจุลลาอยู่ในมือ แท็กซี่ออกไป น้ำหวานเห็นมอเตอร์ไซค์ของแสบก็จำได้
“มอเตอร์ไซค์ไอ้แสบ มาหาพี่จูน”
น้ำหวานรีบเข้าไปในร้าน เจ้าที่ปรากฏตัว
“มากันเยอะนะวันนี้ ท่าทางจะสนุก”
แสบเซื่องเข้าไปหาจุลลา
“ฉันจะไม่ยอมให้พี่ไป ทั้งๆ ที่พี่ทำให้ฉันค้าง”
“เฮ้ย” ทุกคนตกใจ
“ไอ้ทะลึ่ง ลามก นี่พ่อไอ้จูน ยืนหัวโด่อยู่นี่นะเว้ย พูดให้ดี อะไรค้าง”
“ค้างคาใจครับพ่อ” ทุกคนโล่งอก “ลืมหวัดดีครับพ่อแม่ พี่น้อง ทุกคนครับ”
แสบไหว้กราด ทุกคนรับไหว้แทบไม่ทัน
“ฉันไปทำอะไรให้แกค้างคาใจ”
“ตกลงพี่เป็นทอมหรือเปล่า”
“เฮ้ย”
ทุกคนยกเว้นสืบสายกับผีเถ้าแก่ ตกใจ
“ใช่เรื่องที่จะมาถามตอนนี้ที่นี่เหรอวะ ลื้อมันจังหวะนรกจริงๆ คนเขาจะเคลียร์ใจกัน มันน่าเขกหัวแตก” ผีเถ้าแก่บอกแล้วเขกหัวแสบ แต่วืด ไม่สามารถสัมผัสแสบได้ “ไอ้หยา! พลังอั๊วอ่อนลงจริงๆ ด้วย”
“พี่จูนตอบฉันมา แมนๆ”
“ฉันบอกแล้วไงว่า ฉัน...”
น้ำหวานโผล่เข้ามา
“พี่จูน”
“น้ำหวาน”
“พี่มันคนทรยศ” แสบต่อว่าจุลลา
“แสบ ใจเย็นก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน” สืบสายถามขึ้นมา
“นั่นสิ เรื่องอะไรกัน แม่งงไปหมดแล้ว”
“งงกันทั้งบ้านแหล่ะค่ะ คุณผู้หญิง”
“นี่คือสาเหตุที่พี่คอยดักคอฉันเวลาฉันจีบน้องน้ำหวาน เพราะพี่จะเก็บไว้กินเองใช่มั้ย! และนี่ก็คือหลักฐาน นัดมาเจอกันที่บ้านลับหลังฉัน” แสบบอก
“ไอ้แสบ เลิกมโนซะที ไม่งั้นต่อยปากแตก”
จุลลาพูดไม่ทันขาดคำ น้ำหวานจัดการต่อยแสบเปรี้ยงเองซะเลย ทุกคนตกใจ แสบเซแถ่ดๆๆ ครรชิตรับเอาไว้ได้ทัน
“พี่จูนไม่ต้อง น้ำหวานจัดการเอง น้ำหวานไม่ชอบให้ใครพูดจาลบหลู่พี่จูน”
“น้องน้ำหวานนนน นี่รักพี่จูนขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่ น้ำหวานรักพี่จูน”
“เฮ้ย” ทุกคนตกใจ
“จุลลา ตกลงเธอเป็นจริงๆ ใช่มั้ย” สืบสายถาม
“เอาเข้าไป วุ่นวายกันใหญ่ อาหนูช่าง รีบแก้ตัวสิ มีตัวช่วยมั้ย อั๊วอยากช่วยนะ แต่ตอนนี้คิดไม่ออก สมองตัน” ผีเถ้าแก่บอก จังหวะนั้นพี่โย้ หนุ่มหล่อ รุ่นพี่ของจุลลาเดินเข้ามางงๆ
“สวัสดีครับทุกคน”
ทุกคนหันไป เห็นพี่โย้แล้วแปลกใจ
“ร้านยังไม่เปิดครับคุณ”
“ผมทราบครับ ผมไม่ได้มาทานข้าว ผมมาหาไอ้จุ่นครับ”
จุลลาจำได้ ดีใจ เพราะไม่เจอตั้งนาน
“พี่โย้”
“เออ พี่เอง”
จุลลาพุ่งเข้าไปกอดพี่โย้ทันทีด้วยความคิดถึง ทุกคนยิ่งแปลกใจ ใครวะ โดยเฉพาะสืบสาย ไม่ค่อยชอบใจนักที่เห็นจุลลากอดผู้ชาย จำรัสดึงตัวจุลลาออกมาจากพี่โย้
“ไอ้จูนใครวะ”
“แฟนจูนเองค่ะพ่อ”
“แฟน”
พี่โย้ยืนงง มองหน้าจุลลา เหวอ. จุลลายิ้มอย่างเดียวเกาะพี่โย้ไม่ยอมปล่อย ปล่อยให้ทุกคนเหวอไป
เดือนพิไลนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งกับคำให้สัมภาษณ์นักข่าวของสืบสาย
“ฉันมันไม่ดีตรงไหน ทำไมคุณสืบสายไม่ชอบ ไม่สนใจ ไม่อ่อนไหว ไม่...”
“ไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองบ้างเลย” พี่บีพูดแทรกขึ้นมา
“เจ๊ ฉันกำลังเสียใจนะ อย่าซ้ำเติม”
“ไม่ได้ซ้ำ แต่ช่วยสะท้อน หล่อนมีแค่ความสวยความเซ็กเอ็กซ์แตกให้เค้าเห็น คุณสืบสายไม่ใช่ผู้ชายที่ยึดสิ่งนี้เป็นสรณะในการเลือกแฟน”
“แต่ความสวยคือด่านแรกที่จะทำให้ผู้ชายสนใจ ที่เหลือก็ตามมา”
“แล้วหล่อนมีอะไรที่เหลือบ้างล่ะ นอกจากความสวย”
“เจ๊”
“โอ๊ย! ขี้เกียจเล็กเชอร์ ฉันไปอาบน้ำดีกว่า ตอนบ่ายต้องพาน้องกระต่ายไปแคสติ้งโฆษณา”
“แล้วฉันล่ะ”
“เชิญนอนแห้งอยู่ที่นี่เถอะย่ะ”
“อ๊ายยยย”
เสียงมือถือพี่บีดังขึ้น /พี่บีรีบหยิบมือถือขึ้นมา หันไปส่งสัญญาณให้เดือนพิไลเงียบแล้วรับสาย
“สวัสดีค่ะ บี่บี๊ยินดีรับใช้ให้บริการค่ะ อุ๊ตะ” พี่บีตกใจหันมองเดือนพิไล
“อะไร”
“เชิญไปงานเปิดตัวชุดชั้นในคอลเล็กชั่นใหม่ของอลิซาเบ็ธ ท็อปซีเคร็ต” เดือนพิไลดีใจสุดๆ
“อ๊าย!”
“ขอดูคิวก่อนนะคะว่าว่างหรือไม่ว่าง เพราะค่อนข้างแน่น”
เดือนพิไลหยิบสมุดคิวให้พี่บี พี่บีลนลาน ดีใจกันมาก
ที่ร้านสบายท้อง จุลลาจับมือของโย้ไว้ แนะนำตัวให้กับทุกคน
“ว่าจะพามาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก แต่ยังไม่มีโอกาส พี่โย้เป็นรุ่นพี่วิศวะจูนเอง” ทุกคนตาค้างอ้าปากหวอ พี่โย้มองจุลลางงๆ “อุ๊ย พี่โย้ปวดท้องจะเข้าห้องน้ำเหรอคะ ไปค่ะ จูนพาไป เดี๋ยวค่อยกลับมาคุยต่อนะคะทุกคน”
จุลลารีบพาพี่โย้ออกไป ทิ้งทุกคนยังยืนอ้าปากค้าง
จุลลาลากพี่โย้ออกมาที่ลับตาคน
“นี่มันอะไรกันไอ้จุ่น จู่ๆ ก็มาอุปโลกน์ให้ฉันกลายเป็นแฟน”
“โทษทีพี่โย้ สถานการณ์มันพาไป ตอนนี้ช่วยเป็นแฟนที่รักกันมากกับจูนไปก่อนได้ป่ะ แล้วจะอธิบายทีหลัง”
“รักกันมากด้วยเหรอ”
“ใช่ ไม่งั้นไม่จบ เสร็จเรื่องเลี้ยงขาหมูของโปรด”
“ไม่ต้องเอาขาหมูมาล่อ เห็นมั้ยว่าฉันไม่อ้วนพุงโย้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“เออ จริงด้วย หล่อเลยอ่ะ คิดไงอยากผอม”
พี่โย้มองจุลลา ลึกซึ้ง พยายามสื่อความหมาย
“ก็...” จุลลาตัดบท
“รีบเข้าบ้านเถอะ จะได้รีบๆ จบเรื่อง”
จุลลาไม่ฟังเหตุผลที่พี่โย้ลดความอ้วน ลากพี่โย้เข้าบ้านไป พี่โย้เซ็งๆ ผีเถ้าแก่ยืนฟังอยู่ข้างหลังในตำแหน่งที่จุลลาไม่เห็น
“น่านไง ซื้อหวยไม่ถูก แล้วอาหนูช่างอีทำแบบนี้ทำไมวะ”
จุลลายืนคู่พี่โย้จับมือไว้ตลอดเวลา สืบสายมองอย่างอึดอัด ไม่ชอบ ทุกคนรอฟังจุลลาอธิบาย
“เข้าห้องน้ำ ล้างมือแล้วใช่มั้ยครับ” ครรชิตถาม
“ครับ ไอ้จุ่น เอ้ย จูนชอบจับมือผมตลอดเวลาแบบนี้ ผมต้องดูแลมือตัวเองให้สะอาดเพื่อคนรักสิครับ ใช่มั้ยจูนจ๋า” พี่โย้บอก จำรัสตีมือจุลลา
“ต่อหน้าพ่อแม่ อย่าจับมือ ไม่ชอบ”
“ลูกจูน อธิบายมาสิคะ ทุกคนรอฟังที่มาที่ไปของเรื่องราวดีๆ ของลูกจูน”
“ไม่ดี”
“พ่อ” จำรัสเงียบ “คือจูนกับพี่โย้เราเพิ่งตกลงศึกษาดูใจกันเมื่อไม่กี่วันก่อน”
“ใช่ครับ ผมตื่นเต้นมากที่ในที่สุดจูนก็เห็นใจผม หลังจากที่ผมพยายามตามจีบจูนมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่จูนก็ไม่เคยสนใจ”
“เหรอ จริงป่ะเนี่ย ตั้งแต่ปีหนึ่งเลยเหรอ”
“จริงสิ แต่จูนไม่รู้ ที่พี่ลดความอ้วนจากร้อยกว่าโลก็เพื่อจูน แล้วมันก็ได้ผล จูนหันมามองพี่ ต่อไปนี้พี่จะเป็นแฟนที่จูนยืนด้วยแล้วภาคภูมิใจ”
“ฮิ้ว” ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดร้องออกมาพร้อมกัน
“เงียบเลย” ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดจ๋อย
“แสดงว่า พี่จูนไม่ได้เป็น...”
“ทอมมีแฟนได้ไง เชื่อหรือยัง”
“แต่น้องน้ำหวานรักพี่” แสบบอก
“ใครอยู่ใกล้ชิดพี่จูนก็ต้องรักพี่จูนทั้งนั้นแหละ พี่จูนใจดี มีน้ำใจ ทำงานเก่ง ขยัน ใครไม่รักมั่ง” น้ำหวานบอก
“แสบผิดไปแล้ว แสบขอโทษ”
“ไม่เป็นไร เลิกเกลียดฉันแล้วใช่มั้ย”
“รักเหมือนเดิมแล้วครับพี่”
“อาตี๋ ลื้อเชื่ออาหนูช่างเหรอ” ผีเถ้าแก่ถามสืบสาย จุลลามองผีเถ้าแก่ตาเขียว
“ครรชิต เรากลับกันเถอะ” สืบสายบอก
“แล้วตกลงคุณจุลลายอม...”
“ตัดสินใจว่าจะกลับไปทำงานหรือไม่กลับได้เมื่อไหร่ แล้วโทรบอกฉันแล้วกัน แต่อย่าช้า เพราะฉันต้องเดินหน้า รอนานไม่ได้” สืบสายบอกจุลลาแล้วหันมาลาดาราและจำรัส
“สวัสดีครับ”
สืบสายออกไปกับครรชิต
“อีงอนกลับไปแล้ว ลื้อจะเอาไง รีบไปบอกอีสิ อาหนูช่าง” ผีเถ้าแก่บอกจุลลา
“เดี๋ยวจูนมานะพี่โย้”
จุลลาออกไป ทุกคนหันมามองพี่โย้อย่างพินิจพิเคราะห์ ลีลาตาหวานใส่พี่โย้
“แฟนคุณจูนหล้อหล่อนะคะ เลิกกันเมื่อไหร่ ลีลารอช้อนนะ”
“นังลีลา”
พี่โย้รู้สึกมีความสุข แม้จะแค่แฟนอุปโลกน์ แต่ก็ต้องหุบยิ้มเพราะเจอสายตาพิฆาตของจำรัส
“แค่แฟนอุปโลกน์ ลื้ออย่าดีใจไป แฟนตัวจริงของอาหนูช่างอยู่หน้าบ้านเว้ย” ผีเถ้าแก่บอก
สืบสายเดินออกมา ครรชิตตาม สืบสายหยุดเดิน มองเข้าไปในร้าน รู้สึกเหมือนอกหัก
“ใจหายนะครับ ที่รู้ว่าคุณจุลลามีแฟนแล้ว”
“ใครใจหาย”
“บอส เอ้ย ผมครับ แหม้ อุตส่าห์ลุ้น”
“ลุ้นอะไร”
“ลุ้นให้ได้กัน เอ้ย ลุ้นให้คุณจุลลากลับไปทำงาน แหม้ บอสอุตส่าห์มาง้อ”
“ฉันทำตามคำสั่งของหม่าม้า เพราะไม่อยากมีปัญหาที่บ้าน ไม่ได้อยากมาง้อเอง”
จุลลาเข้ามาพอดี ได้ยินเข้า อึ้ง แอบยืนฟัง
“จริงเหรอครับ ที่ก้นบึ้งของหัวใจไม่ได้อยากให้คุณจุลลากลับไปอยู่ใกล้ๆ เลยเหรอครับ”
“ไม่”
“ที่คิดว่าไม่ เพราะเห็นคุณจุลลามีแฟนเหรอครับ”
“ไอ้ครรชิต”
“ขอโทษครับ ผมก็แค่ใจเสีย เลยพูดอะไรเพี้ยนๆ เพราะท่านรองโทรมากำชับ ว่าต้องตามคนดีคนเก่งอย่างอาหนูช่างกลับไปให้ได้ ไม่งั้น ผมถูกไล่ออกนะครับบอส ลูกยังเล็ก นมก็แพง ปีหน้าก็ต้องเข้าอนุบาล ค่าเทอมก็แพ้งแพง ตายหมู่ยกครัวเลยนะครับบอส”
จุลลาอึ้ง เห็นใจครรชิต รู้สึกแย่กับตัวเองที่ลาออกด้วยเรื่องไร้สาระ ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างๆ จุลลา
“รู้สึกผิดใช่มั้ยถ้าลื้อไม่กลับไปแล้วมีหลายคนต้องเดือดร้อนเพราะการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นของลื้อ”
จุลลาอึ้ง หันมองผีเถ้าแก่ “อั๊วขอโทษนะอาหนูช่าง ที่อั๊วล้ำเส้นลื้อ อั๊วขอโทษ”
จุลลาอมยิ้มที่ได้ยินผีเถ้าแก่พูดขอโทษอย่างจริงใจ
“แต่ฉันทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเค้าจะไม่กลับ...”
“แน่ใจเหรอว่าทำดีที่สุดแล้ว” จุลลาเข้าไปขัด สืบสายชะงัก
“เธอหมายความว่าไง”
“ยังไม่ได้ใช้ความสามารถอะไรในการง้อฉันให้กลับไปทำงานเลย นอกจากคำพูดไม่กี่ประโยค”
“ฉันต้องทำอะไรอีกงั้นเหรอ”
“พิสูจน์ให้เห็นสิ ว่าอยากได้ฉันกลับไปจริงๆ”
“ไร้สาระ เสียเวลา”
“หม่าม้ามันขู่ว่า ถ้าเอาลื้อกลับไปไม่ได้ บ้านบึ้ม อาเง็กอีเอาจริงนะ” ผีเถ้าแก่บอกจุลลา
“ไม่งั้นบ้านบึ้ม ไม่ใช่เหรอ” จุลลาถามสืบสาย
“เธอ รู้ได้ไง” สืบสายถามอย่างแปลกใจ
“ก็ตามใจ กลับไปตอนนี้เลยก็ได้นะ แต่บอกไว้ก่อน ฉันพร้อมจะกลับไปทำงาน เมื่อคุณชนะได้สองในสาม แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็...”
“บ้านบึ้ม” ผีเถ้าแก่กับครรชิตพูดพร้อมกัน สืบสายอึ้ง
จุลลาเดินเข้าบ้านไป แต่เดินช้า ถ่วงรอการตัดสินใจของสืบสาย สืบสายรีรอ ลังเล ผีเถ้าแก่และครรชิตบิ้วท์ แร็พด้วยกัน
“บ้านบึ้ม บึ้มๆๆๆ”
“ใครไม่บึ้ม อาเง็กอีบึ้ม”
“โอเค” สืบสายบอกออกมา จุลลาพอใจ หยุดเดินหันมองสืบสาย ผีเถ้าแก่และครรชิตดีใจสุดตัว “จะให้ฉันแข่งอะไรกับใคร”
จุลลาและสืบสาย ยืนเผชิญหน้ากัน
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 4 (ต่อ)
จุลลาอธิบายกฎกติกาให้ทุกคนฟัง โดยมีผีเถ้าแก่ยืนอยู่ข้างๆ
“ถ้าคุณชนะสองในสาม ฉันยอมกลับไปทำงาน แต่ถ้าฉันชนะ คุณต้องเซ็นใบลาออกให้ฉัน เพื่อไม่ให้ฉันเสียประวัติ แต่ถ้าเสมอ เราต้องมาวัดกันด้วยการแข่งครั้งสุดท้าย”
“ทำไมต้องทำอะไรยุ่งยากซับซ้อนด้วย กลับก็กลับ ไม่กลับก็คือไม่กลับ” สืบสายบอก
“แต่ควรจะกลับนะคะ พวกเราคิดถึงพี่จูนกันมากเลยนะ” น้ำหวานบอก
“พี่เป็นหัวหน้าที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา เก่งจริง ไม่ได้โม้ ทำแต่งาน ใครจ้างพี่โคตรคุ้มเลย” แสบบอก
“แต่ตอนนี้ผมกำลังจะถูกเลิกจ้าง อุ๊ย ไม่เอา ไม่ดราม่า” ครรชิตบอก
“ตอนแรกก็ว่าจะกลับดีๆ แต่ดันไปได้ยินอินเนอร์ของใครบางคน ที่มาตามฉันกลับเพราะถูกสั่งให้ทำ ไม่ใช่เพราะอยากให้กลับจริงๆ” จุลลาบอก สืบสายอึ้ง จะเถียงว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่พูด
“เอาไงวะ ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ พูดไปสิ ว่าลื้อปากไม่ตรงกับใจ” ผีเถ้าแก่บอก
“ใช่! ฉันไม่ชอบคนเล่นตัว ใจร้อน ตัดสินใจเรื่องสำคัญด้วยเหตุผลงี่เง่า” สืบสายบอก
“ปูโธ่เอ้ย” ผีเถ้าแก่ถึงกับเซ็ง
“งั้นก็ ใช้ความพยายามหน่อยแล้วกัน” สืบสายหันหลังจะไป ครรชิตเริ่มใจเสีย หันไปมองจุลลาสายตาละห้อยมาก “ถ้าจะมีใครเดือดร้อนจากการออกจากงานของฉัน คุณก็มีส่วนรับผิดชอบด้วย”
สืบสายชะงัก เหลือบไปเห็นครรชิตซับน้ำตาป้อยๆ ครุ่นคิด ตัดสินใจ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ทรงเดชกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับพนักงานแคชเชียร์ที่ร้านเสื้อผ้าผู้ชายหรู ที่ยื่นบัตรคืนให้
“บัตรไม่ผ่านค่ะ”
“ไม่ผ่าน รูดอีกทีซิ”
“ค่ะ”
พนักงานรูดบัตรอีกที ทรงเดชรอคอยอย่างกระวนกระวาย
อีกด้านหนึ่งที่ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง เดือนพิไลถือถุงช้อปปิ้งเสื้อผ้าเต็มมือเดินหน้าระรื่นออกมากในร้าน พี่บีตามมา ยังเก็บกระเป๋าเงินตัวเองไม่เรียบร้อย
“นังพิไล”
“บอกว่าชื่อมูน”
“นังพิบัติภัย”
“เจ๊! ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องไปแล้วหรือไง”
“เออ! โดนหล่อนใช้บัตรฉัน รูปปื๊ด รูดปื๊ด ซื้อเสื้อผ้ารองเท้าเครื่องประดับแทบเหมาร้าน บ่องตง ตอนนี้ หูอื้อ ตาลายและเบลอมาก อร๊ายย”
“โอ๊ย จะงกอะไรนักหนาเนี่ย งานเข้าไม่รู้กี่งาน ฉันก็ต้องจัดชุดล็อตใหม่เดี๋ยวก็ได้เงินคืนน่ะ ไปเร็ว อยากได้กระเป๋าใบใหม่”
เดือนพิไลลากพี่บีออกไป
“ฮ้า ยังอยากได้อีกเหรอ”
ที่ร้านสบายท้อง สืบสายพูดกับจุลลา
“ที่ฉันไม่แข่ง เพราะคงไม่น่าภูมิใจเท่าไหร่ ถ้าต้องชนะผู้หญิง ไม่ใช่ไม่สู้เพื่อคนอื่น”
“แล้วจะเอาไง”
“ผมแข่งแทนน้องจูนเอง”
“พี่โย้”
“พี่จะชนะให้ดู น้องจูนจะได้ไม่ต้องไปทำงานกับเจ้านายแบบนี้อีกให้เครียดซะเปล่าๆ”
“เอ่อ...” จุลลาไม่อยากให้พี่โย้แข่งเพราะกลัวชนะ ถ้าตัวเองแข่งเองก็อ่อยแพ้ได้
“กลัวนายโย้มันจะชนะอาตี๋ ทำให้ลื้อกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้ ไม่ได้กลับไปอยู่ใกล้ๆ อีอีกใช่มั้ย” ผีเถ้าแก่บอกอย่างรู้ทัน จุลลาหันมองผีเถ้าแก่ไม่พอใจ
“ไม่...”
“ไม่ปฏิเสธ เป็นอันว่าตกลง” พี่โย้พูดแทรกขึ้นมา
“เธอต้องกลับไปเครียดกับเจ้านายแบบฉัน จุลลา” สืบสายบอก
“อย่ามั่นใจตัวเองนัก ผมไม่อยากเห็นคนผิดหวัง”
สืบสายกับพี่โย้เผชิญหน้ากัน โดยมีทุกคนลุ้นใจหายใจคว่ำ จุลลาชักเครียด
ร้านเสื้อผ้าชาย ทรงเดชเขวี้ยงบัตรเครดิตของตัวเองทั้งหมดประมาณ 5-6 ใบที่รูดไม่ผ่านสักใบ
“เต็มทุกใบได้ไงวะ”
“เพราะใช้จนเต็มวงเงินทุกใบไงคะ” พนักงานบอก
“ไม่ได้ถาม”
ทรงเดชเดินออกไปอย่างหัวเสีย
“บัตรพวกนี้ล่ะคะคุณ” พนักงานถาม
“ไม่มีปัญญาจ่ายมันหรอก จะเก็บไว้ทำไม” พนักงานอึ้งกันเป็นแถบๆ ทรงเดชหันออกไปเห็นเดือนพิไลเดินมากับพี่บีเลยไปทางหนึ่ง ทรงเดชยิ้มแต้เลย “เมื่อเราถึงทางตัน สวรรค์จะส่งประตูทางออกมาให้เสมอ”
ทรงเดชตัดสินใจเดินตามเดือนพิไลไป
ที่ร้านสบายท้อง สืบสายพับแขนเสื้อ คลายกระดุมให้รู้สึกสบายตัวที่สุด ถอดนาฬิกาส่งให้ครรชิต พี่โย้ถอดนาฬิกายื่นไปข้างๆ แต่ไม่มีใครยืนรอรับ หันมองหาจุลลา แต่ลีลาฉวยโอกาสเข้าไปรับแทน พี่โย้ไม่ให้ ลีลาถูกมะขวิดจิกมายืนเข้ากลุ่ม จุลลาจะเข้าไปรับนาฬิกาพี่โย้ แต่ถูกจำรัสเข้าไปขวางก่อน พี่โย้จำใจส่งให้
กองเชียร์คอยลุ้นแยกเป็นสองฝ่าย แสบ น้ำหวานอยู่ฝ่ายสืบสาย จำรัส ดารา ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดอยู่ฝั่งพี่โย้ จุลลาอยู่ตรงกลาง
“เริ่มภารกิจแรกได้”
“เดี๋ยวครับพี่จูน” แสบขัด
“ทำไมชอบขัดจังหวะอยู่เรื่องเลยนะพี่แสบ รีบแข่ง รีบจบ จะได้รีบรู้ผล” น้ำหวานบอก
“มันจะจบไม่สวยนะสิจ๊ะน้องน้ำหวานแฟนพี่แสบ”
“ให้โอกาสพูดอีกทีนะพี่แสบ ถ้าไม่อยากตาแตก”
“น้องน้ำหวานเฉยๆ ทุกคนฟัง พี่จูนเป็นกรรมการ มันจะเกิดการลำเอียงได้ ไม่ยุติธรรมกับบอสของพวกเรา”
“แล้วใครเป็นถึงจะยุติธรรม”
“พ่อเป็นเอง!” จำรัสเข้าไปยืนตรงกลาง “เพราะพ่อไม่อยากให้แกกลับไปทำงาน อีกอย่างพ่อก็ไม่ชอบขี้หน้าแฟนแก ไม่ลำเอียงเข้าข้างมันแน่ สรุป เกลียดทั้งคู่ ยุติธรรมมั้ย”
“ที่สุดครับ”
“เอาล่ะ ทั้งสองคน พร้อมสำหรับภารกิจแรก โชว์เปิดขวด”
“ช่างเป็นการแข่งขันที่เร้าใจอั๊วมาก ให้ผู้ชายโชว์เปิดขวด ไอ้หยา”
สืบสายและครรชิตประจำที่ที่โต๊ะซึ่งวางขวดน้ำอัดลมชนิดฝาจีบเอาไว้ฝั่งล่ะสามสี่ลัง ทั้งคู่หยิบที่เปิดขวดขึ้นมา เตรียมพร้อม จุลลามองหาผีเถ้าแก่
“เถ้าแก่ อยู่ไหนเนี่ย”
จุลลาเรียกเบาๆ แล้วมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นผีเถ้าแก่
ผีเถ้าแก่นั่งลงที่โต๊ะกงเต๊ก มีไมค์และเครื่องส่งสัญญาณเสียงติดตั้งพร้อม ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยาย ผีเถ้าแก่
เก๊กเสียงหล่อ พูดกับไมค์
“การส่งสัญญาณเสียงผ่านดาวเทียมพร้อมแล้ว วันนี้ดีเจเล้งทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายการแข่งขัน สดจากสนามแข่งร้านสบายท้อง ส่งตรงถึงคุณผู้ฟังทั้งที่อยู่ในนรกและบนสวรรค์นะเคิ้บ”
ผีเถ้าแก่หันไปเปิดเพลงตื่นเต้น จุลลาอดขำไม่ได้กับลีลาดีเจของผีเถ้าแก่
“ทุกคนฟังกติกา ใครเปิดขวดได้หมดก่อนชนะ หมายเหตุใครแพ้ต้องจ่ายค่าน้ำอัดลมทั้งหมดด้วย” จำรัสบอก
“มาจ่ายตอนวันเงินเดือนออกได้มั้ยครับ ผมเป็นแค่ข้าราชการจนๆ มีเงินใช้เดือนชนเดือน” พี่โย้บอก
“แปลว่ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม” สืบสายบอก
“เขาเรียกว่าตัดไม้ข่มนาม พูดว่าแพ้ จะได้ไม่แพ้”
ทั้งสองหนุ่มมองหน้าท้าทายกัน ดารากระซิบกับป้าลำยองและลีลา
“ว่ามั้ย ว่าทั้งสองหนุ่มดูจะมีรังสีการแข่งขันสูงกว่าที่ควรจะเป็น”
“อุ๊ย...เพิ่งรู้สึกเหรอคะ เห็นสายตาบอสเวลามองคุณจูนมั้ยคะ ไม่ได้คิดกับคุณจูนแค่ลูกน้องธรรมดา ไม่งั้นไม่มาตามด้วยตัวเองหรอก แต่พอเจอคุณจูนมีแฟน เลยหึง”
“แน่ๆ ค่ะ ความรู้สึกนั้นดิฉันสัมผัสได้”
จำรัสโบกมือให้สัญญาณ มะขวิดเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน สืบสายและพี่โย้ลงมือเปิดขวดน้ำอัดลม ผีเถ้าแก่บรรยายการแข่งขัน
“สืบสาย ศิษย์เสี่ยเล้ง ลีลาดี มีอนาคต ส่วนนายโย้ อดีตพะโล้เรียกพี่ หน่วยก้านดี มีลุ้นชนะออกตัวกันอย่างสูสี บรรยากาศขอบสนามตอนนี้บ่องตงกองเชียร์ เชียร์กันมันมันฝุดๆ”
จุลลาแอบลุ้นสืบสายอยากให้ชนะ ทุกคนเชียร์ฝ่ายตัวเอง เฮกันลั่น พิสดาร ไม่มีที่ไหนในโลก แสบ น้ำหวาน เชียร์สืบสาย ลีลาเชียร์พี่โย้อยู่คนเดียว ในขณะที่ดาราและป้าลำยองมองหน้ากันเชียร์ใครดี
“ลำยอง เธอว่าฉันควรเชียร์ใครดี”
“จุดๆ นี้ สวยๆ อย่างลำยองเลือกไม่ถูกเลยค่ะ หล่อ ดูดี มีการศึกษาทั้งสองคน เฮ้อ...”
“ไม่ใช่ให้เลือกแฟน”
“เหรอคะ งั้นขอเก็บเธอไว้ทั้งสองคนดีกว่าค่ะ”
“ถูก เป็นผู้ใหญ่ต้องมีความยุติธรรม”
ดาราและป้าลำยองไปอยู่ตรงกลาง รวมกลุ่มกับจุลลา ดูการแข่งขันต่อไป สืบสายไล่ตามพี่โย้อยู่หลายช่วงตัว สืบสายพยามยามเร่ง จุลลาแอบเอาใจช่วยสืบสาย
“เร็วๆ หน่อยสิคุณสืบสาย”
มุมหนึ่งของศูนย์การค้า เดือนพิไลเดินมากับพี่บี ทรงเดชเดินตามมาห่างๆ พลางคิดหาคำพูดพูดกับเดือนพิไล
“เอ่อ คุณมูนครับ สักแสนได้มั้ยครับ จะให้ยืมป่ะวะ”
พี่บีรับมือถือที่มีสายเข้า
“หยุดก่อนนังมูน หยุดๆๆ รับโทรศัพท์ก่อน”
“เรื่องงานหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ไม่ต้องคุยนาน” พี่บีเห็นเบอร์
“อุ๊ตะ พี่ซี้ด ทีวีพุ่ง”
“รีบรับเลยเจ๊ เห็นมะ พอมีข่าว ทั้งงานทั้งนักข่าวก็วิ่งเข้าหาเป็นว่าเล่น” พี่บีปลีกตัวไปรับสาย
“ฮัลโหลค่ะพี่ซี้ด”
ทรงเดชเห็นเดือนพิไลยืนอยู่คนเดียวจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา ก่อนจะถึงตัวทรงดชได้ยินเดือนพิไลพูดเปรยๆขึ้นมาพอดี
“มิเสียแรง ที่จ้างคนแอบถ่ายรูปเอาไปลงอินเตอร์เน็ต ลงทุนไม่กี่พัน ได้คืนมาเป็นล้านในเวลาไม่กี่วัน หึหึหึ”
ทรงเดชชะงัก ความคิดชั่วๆ แล่นเข้ามาในหัวทันที โผล่หน้าเข้าไปทักเดือนพิไล
“งั้น ขอยืมสักห้าแสนสิครับ”
เดือนพิไลตกใจ หันไป เห็นทรงเดชยืนยิ้มเตรียมแบล็คเมล์ดารา
ที่ร้านสบายท้อง พี่โย้ชูมือหลังจากเปิดขวดหมดก่อนสืบสาย
“อาโย้ชนะไปแล้วครับคุณผู้ฟัง ข้อมืออีแข็งดี ไม่มีแรงตก ส่วนอาตี๋ของอั๊ว คงไม่ค่อยได้ออกกำลังข้อมือ แพ้ไปแล้ว” ผีเถ้าแก่บรรยาย จำรัสเข้าไปชูมือพี่โย้ สืบสายเซ็ง
“นายโย้ได้ไป 1 คะแนน”
สืบสายและพี่โย้แยกกันไปนั่งพักคนละมุม มีการให้น้ำ บีบนวดแต่ละคนเหมือนนักมวย จุลลาเข้าไปหาพี่โย้
“เก่งมากเลยพี่โย้ สมแล้วที่เป็นแฟนจูน ไปฝึกมาจากไหนเนี่ย”
“พี่น่ะขาชงรอบวงเลย จำไม่ได้หรือไง หน้าที่หลักคือเปิดขวดโซดา ป๊อกป๊อกป๊อก น้องจูน พี่หิวน้ำ แต่ชาไปหมดทั้งสองมือเลย ยกแก้วไม่ไหวป้อนหน่อยสิ”
จุลลาจัดการป้อนน้ำให้พี่โย้ สืบสายมองอย่างไม่พอใจ เคี้ยวน้ำแข็งกร้วมๆๆ
หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จพี่บีเดินตามหาเดือนพิไล
“หายไปไหนของมันนะ โทรไปก็ไม่รับสาย โอ๊ย! ชะนี”
พี่บีกดโทรออกหาเดือนพิไลอีก
ระหว่างนั้นทรงเดชคุยกับเดือนพิไลอยู่อีกมุมหนึ่ง
“พอดีได้ยินชัดเต็มสองหู ว่าคุณมูนทำอะไรไว้บ้าง”
“ได้ยินว่าอะไร ไหนลองทวนให้ฟังอีกทีสิ”
“จ้างคนไปถ่ายรูปคุณกับสืบสายลงอินเตอร์เน็ต” เดือนพิไลตกใจ “ถ้าเรื่องนี้ถึงหูไอ้สืบหรือนักข่าว มันคงฉาวโฉ่พิลึกนะครับ อาจถึงขั้นไอ้สืบไม่คบ หรือไม่เป็นที่ต้องการของวงการบันเทิงอีกต่อไป”
“คุณพูดเหมือนต้องการจะแบล็คเมล์ฉัน”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะเรามีทางเจรจากันได้”
“เจรจา เจรจาอะไร”
“แค่คุณเอาเงินมาให้ผมห้าแสน ไม่สิ ต้องล้านนึง เพราะถือว่าเป็นความลับสุดยอด มันมีมูลค่าสูง ว่าไงครับ คุณเดือนพิไล”
เดือนพิไลเปลี่ยนจากสีหน้าหวั่นใจเป็นเหวี่ยงใส่
“ก็เรื่องของคุณสิ”
“อะไรนะ นี่คุณไม่กลัวเสียชื่อเสียงหรือไง หรือว่ามันเสียจนไม่มีอะไรจะเสีย”
“ก็แค่คำพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐาน คุณอาจจะหูแว่วไปเอง หรือไม่ก็สร้างเรื่องเพราะอยากรีดไถเงินจากฉัน” ทรงเดชอึ้ง คาดไม่ถึงว่าเดือนพิไลจะพลิกเกม เดือนพิไลชูมือถือซึ่งอัดเสียงเอาไว้ “ฉันอัดเสียงคุณไว้ ไม่รู้ตัวล่ะสิ” ทรงเดช
อึ้ง ตกใจ “ถ้าคุณสืบสายรู้ว่ามีเพื่อนที่มีอาชีพเสริมเป็นพวกต้มตุ๋นหากินกับการแบล็คเมล์! คุณสืบจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
“อย่านะ”
“ไม่อยากเดือดร้อน ก็หุบปาก” เสียงมือถือของเดือนพิไลดังขึ้น เดือนพิไลรีบรับแล้วเชิดใส่ทรงเดช ออกไป “ฮัลโหล หนูมาเข้าห้องน้ำ กำลังไปหาจ๊ะเจ๊”
ทรงเดชหน้าซีดเผือด
ผีเถ้าแก่เดินมาหาสืบสายที่มองจุลลากับพี่โย้ดูแลกันอย่างไม่พอใจ
“เอ้า พร้อมกันหรือยัง พักเหนื่อยพอสมควรกันแล้ว” จำรัสบอก สืบสายลุกขึ้น
“ต่อเลยดีกว่าครับ ผมพร้อมแล้ว”
“การแข่งขันรอบต่อไป...”
สืบสายและพี่โย้เข้ามาเจอกันตรงกลาง เผชิญหน้า
หอมหัวใหญ่ที่ปอกเปลือกแล้วจำนวนมากในกาละมังถูกวางไว้บนโต๊ะประจำที่แต่ละคนที่ยืนกันคนละฝั่งโต๊ะ พร้อมเขียงและมีด
“กลับมาอีกครั้ง หลังจากพักเบรกโฆษณากับภารกิจพิชิตใจอาหนูช่าง ผ่าง! ภารกิจต่อไปคือ...” ผีเถ้าแก่เริ่มการบรรยาย
“เป็นการแข่งขัน ซอย หอออออออ” ทุกคนลุ้นว่าจะหออะไร “ซอยหอมใหญ่”
“ซอยหอมใหญ่ครับ อาคุณผู้ฟัง”
“หอมใหญ่พร้อม อุปกรณ์พร้อมครับผม”
“กติกาคือใครซอยได้เร็ว ซอยได้ถี่ ซอยจนเสร็จ หมดก่อนชนะ ดูการสาธิต” จำรัสผายมือไปทางหนึ่ง มะขวิดซอยหอมใหญ่ฉับๆ เรียบร้อย จำรัสหยิบชิ้นหอมขึ้นมาโชว์ “บางไปหนาไปนิดๆ หน่อยๆ ถือว่าอนุโลม พร้อมมั้ย”
“พร้อมครับ” สืบสายกับพี่โย้บอกพร้อมกัน
“เริ่มได้”
สืบสายและพี่โย้เริ่มซอยหอม ทุกคนลุ้น แสบ ครรชิตคอยพัดวีสืบสาย ลีลาคอยเชียร์พี่โย้ พี่โย้หันไปซอยหอม ไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ผิดกับสืบสายที่ซอยคล่องมาก ปับๆ
“การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือด เสียงซอยเป็นจังหวะจะโคน ปัก ปัก ปัก สถานการณ์ช่างชวนหัวใจวาย อดใจไม่ไหว ต้องไปเกาะขอบสนาม แต่รอสักเดี๋ยว ขอหยิบอุปกรณ์ก่อน”
ผีเถ้าแก่ก้มลงไปใต้โต๊ะ
สืบสายซอยหอมได้มากกว่าพี่โย้ พี่โย้เหลือบมองใจคอไม่ดี ทุกคนเริ่มมีน้ำหูน้ำตาไหล เพราะแสบตาไปหมด
ผีเถ้าแก่ใส่แว่นว่ายน้ำถือไมค์เข้ามา
“ขณะนี้ สืบสายนำไปแล้วครับอาคุณผู้ชม ดูท่าทางจะเข้ามืออีมาก ใช้มีดได้เสมือนเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกาย ส่วนอาโย้ท่าจะเหนื่อยเอาการ”
“ทำไม เค้าใช้มีดคล่องจังเลยอ่ะคุณเลขา” จุลลาถามครรชิต
“ตอนอยู่เมืองนอก บอสชอบทำกับข้าวกินเองครับผม มีดงี้เหมือนมือที่สามเลย”
ทุกคนหันไปดูการแข่งขันต่อ สืบสายซอยหอมอย่างรวดเร็ว ผีเถ้าแก่บรรยายต่อ
“เอาแหล่วๆ ขณะนี้อาสืบสาย ศิษย์เสี่ยเล้งกำลังเร่งมือ ชนิดที่เรียกว่าทิ้งคู่แข่งไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียว” พี่โย้เร่งมือแต่ก็สู้สืบสายไม่ได้ “ใกล้แล้วครับคุณผู้ฟัง ใกล้เส้นชัยเข้าไปเต็มที อีกลูกเดียว นิดเดียว ลูกเดียว นิดเดียว ลูกเดียว” ในที่สุดสืบสายก็ชนะ ชูมืออย่างดีใจ จำรัสเข้าไปจับมือชู มะขวิดเป่านกหวีด พี่โย้วางมือ เจ็บใจ “สืบสาย ศิษย์เสี่ยเล้ง ชนะไปแล้วครับคุณผู้ฟัง”
“เฮ้”
แสบ น้ำหวาน ครรชิต ดารา ป้าลำยองร้องลั่น จุลลาแอบยิ้มดีใจที่สืบสายชนะโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
จำรัสถือลูกฟุตบอลอยู่ตรงกลาง สืบสาย พี่โย้เข้าคนละฝั่ง
“ในเวลา 15 นาที ใครเตะทำประตูได้มากกว่าคือผู้ชนะ แต่ถ้าเสมอต้องตัดสินด้วยลูกโทษ sudden death”
ที่โต๊ะบรรยายผีเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่นั่งลงในชุดนักกีฬาทีมฟุตบอลทีมโปรด อุปกรณ์เชียร์บอลพร้อม ได้แก่แตร พลุสี เป็นต้น
“กลับมาพบกับการแข่งขันที่จะเป็นการตัดสินผลแพ้ชนะครับอาคุณผู้ฟัง เตะบอลโกลหนู” ผีเถ้าแก่เป่าแตร จุดพลุ “อาตี๋สู้ๆ อาตี๋สู้ตาย”
“เริ่มได้”
จำรัสเป่านกหวีด เขี่ยบอล แล้วไปเป็นกรรมการที่ขอบสนามกับมะขวิดแบ่งกันคนละฝั่ง พี่โย้แย่งบอลได้ สืบสายเข้าแย่ง แย่งไม่สำเร็จ พี่โย้พาเข้ายิงประตู เปรี้ยง!
พี่โย้ดีใจทำท่าเย้ยใส่สืบสาย สืบสายเจ็บใจ ผีเถ้าแก่เซ็ง บรรยายเนือยๆ
“ไอ้โย้ มันยิงประตูนำไปก่อนครับอาคุณผู้ฟัง หนึ่ง ศูนย์ แต่ดีใจเหมือนยิงไปห้าลูก แหม”
แสบเข้ามาเป็นโค้ชให้สืบสาย
“2 2 4 สิบอส ท่องไว้ 2 2 4”
“มีด้วยเหรอแผนการเล่น 2 2 4 ตั้งแต่เตะบอลมา ไม่เคยได้ยิน”
“ผมจะให้บอสท่องสูตรคูณ จะได้มีสมาธิ หรือจะ 3 3 9 ก็ได้”
“อยู่เฉยๆ บอสจะมีสมาธิกว่านะพี่แสบ อย่าป่วน” น้ำหวานต่อว่า แสบจ๋อย
จำรัสเป่านกหวีด เขี่ยบอล คราวนี้สืบสายแย่งได้ วิ่งพาบอลลิ่ว พี่โย้เข้าแย่ง สืบสายสับขาหลอก ทุกคนร้องเชียร์ฝั่งของตัวเอง ผีเถ้าแก่พากย์อย่างเมามัน
“ไปแล้ว พาลูกไปแล้ว ลีลาเร้าใจ เหมือนใครก็ไม่รู้”
ผีเถ้าแก่ออกลีลาสับขาหลอกโชว์ สืบสายเตะเปรี้ยงเข้าประตู จุลลาและกองเชียร์เฮ น้ำหวานลืมตัวดีใจกอดแสบ แสบหน้าพริ้มเลย น้ำหวานรู้สึกตัวผลักแสบกระเด็น ผีเถ้าแก่บรรยายอย่างดีใจสุดตัว
“สืบสาย ศิษย์เสี่ยเล้งยิงเข้าไปแล้ว เสมอกัน หนึ่ง หนึ่ง”
ผีเถ้าแก่เป่าแตรดีใจ เวฟตัวเองอีกรอบ สืบสายเข้ามาทำท่าเย้ยใส่พี่โย้ พี่โย้เจ็บใจ
สืบสายและพี่โย้ผลัดกันยิงประตู มีทั้งยิงได้และยิ่งพลาด จุลลามองการเคลื่อนไหวของสืบสายเห็นความเป็นเด็กที่มีอยู่ตัวของสืบสาย มองเพลินจนจำรัสเป่านกหวีดยุติการแข่งขัน
“เสมอกันห้าต่อห้า ตัดสินกันด้วยการยิงลูกโทษ ซัดเด้นเด้ธ”
สืบสาย พี่โย้ มองหน้ากันเหนื่อยหอบ จุลลาและทุกคนลุ้น
พี่โย้เตรียมยิงประตูก่อน สืบสายป้องกันประตู ทั้งสองคนมุ่งมั่นกับภารกิจ สายตาเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น จุลลาเอาใจช่วยให้สืบสายป้องกันประตูได้
“อุดไว้ อุดไว้ อุดไว้”
“อาหนูช่างบอกให้ลื้ออุดไว้ อุดไว้ อุดไว้ว่ะ อาตี๋” ผีเถ้าแก่ประกาศออกไมค์ สืบสายหันมองจุลลา จุลลาอึ้ง รีบหลบสายตา ตะโกนเชียร์พี่โย้
“อุดไว้พี่โย้”
“อุดได้ไงน้องจูน พี่เป็นคนยิง”
“พูดผิด สุดๆ ไว้พี่โย้”
“โอเค เพื่อน้องจูน สุดๆ”
“พร้อมหรือยัง” สืบสายตัดบท
“พร้อมเสมอ”
“เอาให้ซีดกลับบ้านไปเลยอาตี๋ ประกาศให้โลกลื้อว่าในยุทธจักรฟุตบอลโกลรูหนู ลื้อคือจอมยุทธกระบี่มือหนึ่ง”
ผีเถ้าแก่บอกแล้วนึกถึงอดีต ภาพในอดีตเถ้าแก่ในชุดเตะบอลกำลังเป็นโค้ชให้สืบสายเลี้ยงลูกบอลแล้วซัลโวเข้าประตูโกลรูหนู โดยเถ้าแก่ทำหน้าที่รักษาประตู สืบสายยิงเปรี้ยงๆ เข้าทุกลูก เถ้าแก่ยืนหอบ
“เก่งมาก อาตี๋”
“เพราะโค้ชผมเจ๋งที่สุดในโลกครับ”
“แน่นอน อั๊วเจ๋งเสมอ ไม่งั้น ไม่กล้าสอนลื้อหรอก”
“งั้นมาแข่งกันครับ สิบนาที คราวนี้ผมจะยิงให้พรุนเลย สิบศูนย์”
เถ้าแก่เป็นลม หมดแรง
“คร่อกกก”
“ก๋ง”
สืบสายเข้าไปประคองเถ้าแก่
ผีเถ้าแก่น้ำตารื้น ก่อนจะประกาศด้วยความฮึกเหิม
“นาทีนี้ อั๊วขอเลือกข้างอาตี๋ สืบสายศิษย์เสี่ยเล้ง อีจะต้องป้องกันประตูและคว้าชัยชนะมาบูชาโค้ชอย่างอั๊วอาตี๋ ไฟว์ติ้ง”
ผีเถ้าแก่เป่าแตรเชียร์สืบสาย สืบสายรู้สึกมีพลังฮึกเหิมอย่างประหลาด
“พร้อมแล้ว มาเลย”
สืบสายเตรียมตั้งรับ สองหนุ่มมองหน้ากัน รังสีแข่งขันเปรี๊ยะปร๊ะ
สืบสายและพี่โย้ผลัดกันยิงลูกโทษ เปรี้ยงๆๆ กองเชียร์ตามลุ้น มาถึงลูกสำคัญพี่โย้เป็นคนยิง แล้วยิงไม่เข้า สืบสายป้องกันประตูได้ ผีเถ้าแก่ แสบ น้ำหวาน ครรชิต เฮ จุลลาลืมตัวเฮด้วย สืบสายวิ่งมาเฮที่ขอบสนามเจอจุลลาเข้ามาเฮด้วย สองคนกอดกันเฮ
ทุกคนหยุดเฮ มองสืบสายและจุลลาเป็นตาเดียว โดยเฉพาะพี่โย้ พอจะเดาออกลางๆ ว่าจุลลารู้สึกพิเศษกับสืบสาย สืบสายและจุลลาชะงัก มองซ้ายขวา ถูกเพ่งมองมา รู้สึกตัว ผละออกจากกันทันที
“เก่งนะบอส” จุลลารีบแก้เก้อ
“ขอบใจ”
“บอส เข้าที่ มาดูกันว่าลูกนี้จะทำให้ได้ตัวไอ้จูนกลับไปหรือเปล่า” จำรัสเรียก สืบสายเข้าที่
“ตอนนี้อาตี๋สืบสายกำลังยิงจะลูกโทษ ตัดสินชะตากรรมของอาหนูช่าง ขออนุญาตจบการรายงานแต่เพียงเท่านี้ อั๊วจะไปลุ้น” ผีเถ้าแก่ผละจากไมค์ไปลุ้นอยู่กับแสบ
“บอส บอส บอส บอส บอส”
แสบ น้ำหวาน ครรชิต เล่นเวฟ ผีเถ้าแก่เล่นด้วย เข้ากันได้ดี
สืบสายเหงื่อตก ติ๋งๆ มองไปที่ประตู เตรียมยิง พี่โย้หายใจเต้นแรง รอรับ สืบสายออกตัว เงื้อเท้า เตะบอลลอยโด่ง ลูกบอลพุ่งกลางอากาศตรงไปหาพี่โย้ พี่โย้เล็งทิศทางจะป้องกันประตูแต่กลับไปคนละทางกับลูกบอล ลูกบอลเข้าประตูไป ทุกคนเฮ สืบสายเต้นท่าดีใจมาก ดีใจสุดๆ เหมือนนักฟุตบอลระดับโลกทำ พี่โย้เซ็งเหลือบไปมองจุลลาที่ยิ้มดีใจ แต่พอพี่โย้หันมาจุลลารีบหุบยิ้ม ตบไหล่ปลอบใจพี่โย้ แต่แอบยิ้มอีกทีดีใจที่สืบสายชนะ
มุมหนึ่งคฤหาสน์สืบสาย คุณนายเง็กเข้ามาได้ยินป้าเมี่ยงกำลังสั่งเด็กรับใช้
“กาแฟร้อนไม่ใส่ครีม และขอเป็นน้ำตาลเทียม น้ำเปล่าเอาไม่เย็น อุ่นๆ ที่อุณหภูมิห้อง อะไรอีก ไม่มีแล้ว ไปจัดมาไป 2 ชุด”
เด็กรับใช้เดินไป คุณนายเง็กแปลกใจ เข้าไปถาม
“ใครมาป่วยแถวนี้วะ อาเง็ก”
“ก็ ผู้หญิงที่มีข่าวกับคุณสืบน่ะค่ะ”
คุณนายเง็กเครียดทันที ไม่พอใจ
เดือนพิไลคุยกับเสี่ยตงโดยมีพี่บีนั่งอึดอัดอยู่ใกล้ๆ ที่มาที่นี่
“เป็นยังไงบ้าง หนูมูนสบายดีมั้ย”
“สบายมากเลยค่ะ งานเข้าตรึม”
“ดีใจด้วยนะ”
“ขอบพระคุณค่ะ หนูก็ดีใจ๊ดีใจค่ะคุณป๊าที่น้องมูนมีงาน...”
“ขอให้อาหนูมูนอีตอบอั๊วบ้างเถอะนะ” พี่บีจ๋อย
“ค่ะ”
“ภายนอกทุกคนอาจจะเห็นว่ามูนสบายดี แต่ลึกๆ แล้ว มันไม่ใช่เลยค่ะ” พี่บีหันมองเดือนพิไลขวับ รู้เลยว่ากำลังทำการแสดงอีกแล้ว
“หนูมูนเป็นอะไรไป มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ บอกป๊าซิ”
“ตอนนี้ถึงทุกคนจะบอกว่าเข้าใจ แต่ในใจมันไม่ใช่ ทุกคนต่างเอาไปพูดกันสนุกปากทั้งต่อหน้าและลับหลังว่ามูนต้องการจะจับคุณสืบ” พี่บีอึ้งอ้าปากค้าง “ที่พี่บีบอกว่างานเข้า หมายถึงหนูถูกแคนเซิลงาน เพราะฉายาดาราคุณ
แม่ไม่ปลื้ม ที่สื่อตั้งให้หนู ตอนนี้มูนลำบากมากเลยนะคะ”
“หนูมูน โถๆๆ”
เสี่ยตงโอบเดือนพิไลมาปลอบ
“โอ๊ว...ออสการ์เลยจ้า” พี่บีพึมพำออกมา
“เพราะอาเง็กคนเดียว ไอ้หยาผู้ใหญ่รังแกเด็กชัดๆ ป๊าอยากจะช่วยหนูเพื่อชดเชยความผิดแทนอาเง็ก”
“มูนไม่ต้องการให้ป๊าช่วยเหลืออะไรเลยนะคะ มูนแค่มาเล่าสู่กันฟัง เพราะเคารพและรักป๊าเหมือนผู้ใหญ่ใจดีที่เป็นที่พึ่งให้มูนได้”
“ไม่ต้องเกรงใจ ป๊าสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด อยากให้ป๊าทำอะไร บอกเลย”
“จะดีเหรอคะ”
“ดีสิ ถ้าหนูไม่บอกมา ป๊าจะถือว่า ไม่รักกันจริง”
เดือนพิไลทำหน้าเกรงใจ แต่ในใจลิงโลดมีแผนจะเรียกเอาผลประโยชน์จากเสี่ยตง
สืบสายเข้ามาหาจุลลาและพี่โย้ สืบสายยื่นมือเช็คแฮนด์กับพี่โย้ พี่โย้เช็คแฮนด์ตอบ ทั้งสองคนยิ้มให้กันแมนๆ โดยมีจุลลายืนอยู่ตรงกลาง
“ว่าไง” สืบสายพูดกับจุลลา
“ก็ว่างั้น”
“แล้วเจอกันที่บริษัท” สืบสายหันไปสวัสดีจำรัสและดารา “ผมลาล่ะครับ สวัสดีครับ”
“ครับ” จำรัสตอบเสียงห้วน
“เดี๋ยวก่อนค่ะ จะกลับเลยเหรอคะ พักก่อนมั้ย น้ำท่าก็ยังไม่ได้ทาน” ดาราบอก
“ไม่ล่ะครับ พอดีผมมีธุระต้องไปทำต่อ”
“สวัสดีครับ /ค่ะ บอส” น้ำหวานกับแสบบอก สืบสายรับไหว้ทุกคนแล้วรีบเดินออกไป ทำท่าไม่ได้สนใจหรือดีใจกับการชนะครั้งนี้มากนัก จุลลามองตาม
“ชิ! พอชนะแล้วทำวางก้าม”
คุณนายเง็กกับป้าเมี่ยงแอบดูเห็นเสี่ยตงกำลังกอดปลอบเดือนพิไลอยู่ คุณนายเง็กถึงกับของขึ้น
“มากอดผัวอั๊วได้ยังไง”
“เมี่ยงว่า...” ป้าเมี่ยงหันมา คุณนายเง็กหายไปแล้ว “อ้าว คุณนาย ไปไหนแล้วคะ”
คุณนายเง็กเดินเข้าไปหาเสี่ยตง เข้าไปแยกเดือนพิไลออกจากเสี่ยตงทันที
“แยกๆๆ”
“อาเง็ก”
“อุ๊ย...คุณแม่”
คุณนายเง็กยืนหน้าเขียว ป้าเมี่ยงตามมาดูแลห่างๆ เผื่อมีอะไรให้ช่วย เสี่ยตง พี่บีสยอง แต่เดือนพิไลไม่สนใจ เตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว
จบตอนที่ 4