xs
xsm
sm
md
lg

วิมานมะพร้าว ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วิมานมะพร้าว ตอนที่ 3

ในเวลาต่อมา เดือนพิไลเดินมานั่งตรงมุมหนึ่งหน้าสตูดิโอ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ สืบสายยืนฟังอยู่อย่างอึดอัด

“ถ้าคุณสืบสายรีบกลับ เชิญก่อนก็ได้นะคะ มูนอยากนั่งพักตรงนี้สักครู่ เข้าไปในสตูตอนนี้ อายคนค่ะ ถูกจับได้แน่ ว่าเพิ่งร้องไห้มา”
“แต่เมื่อกี้ ยังเห็นคุณมูนทำงานได้ตามปกติ”
“ถ้ามูนไม่เข้มแข็ง อ่อนแอจนทำงานไม่ได้ ทุกคนต้องเดือดร้อนค่ะ”
“งั้น ผมปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวดีกว่า คุณคงต้องการเวลาอยู่กับตัวเอง”
เดือนพิไลอึ้ง แอบเซ็งที่ดึงตัวสืบสายเอาไว้ไม่ได้ กลบเกลื่อน
“ขอบคุณนะคะ”
“ดินเนอร์ตอนเย็น ไม่ไหว ก็ไม่เป็นไรนะครับ”
“ไหวสิคะ มูนไม่ใช่คนที่จมอยู่กับอดีตที่เลวร้าย มูนตัดได้เร็วค่ะ”
“คุณเข้มแข็งดีมาก” เดือนพิไลยิ้มชื่นใจที่สืบสายชม “แล้วเจอกันครับ”
“ค่ะ” สืบสายเดินออกไป เดือนพิไลแกล้งล้ม เวียนหัว “โอ๊ย”
สืบสายตกใจ ปราดเข้ามาประคอง
“คุณมูน เป็นอะไรไปครับ”
“จู่ๆ มูนก็หน้ามืดอ่ะค่ะ”
“นั่งพักก่อนครับ อย่าเพิ่งรีบลุก”
สืบสายประคองเดือนพิไลลงนั่ง เดือนพิไลยิ้มกริ่ม เหลือบมองไปทางหนึ่งซึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งแอบอยู่พร้อมกล้องถ่ายรูป ชายคนนั้นยิงชัตเตอร์รัวทันทีเพื่อเก็บภาพเดือนพิไลกับสืบสาย

สืบสายเร่งเดินมามาหาเสี่ยตงที่ยืนรออยู่กับครรชิต
“ลื้อหายไปไหนมาวะ อาตี๋”
“พาคุณมูนไปนั่งพัก เธอไม่ค่อยสบาย”
“ไอ้หยา อั๊วจะไปดูอาการอีนะ”
“ท่านรองให้ท่านประธานกลับไปประชุมด่วนนี่ครับ” ครรชิตบอก
“มีทีมงานดูแลเธออยู่แล้วครับ ผู้จัดการเธอก็มี” สืบสายบอก
“ก็ได้ อาตี๋ คอยโทรเช็คอีนะว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าอีเป็นมากๆ เราต้องดูแลและรับผิดชอบ เพราะอีทำงานให้เราอยู่”
“ครับป๊า”
“แล้วเจอกันที่ออฟฟิศ”
เสี่ยตงเดินออกไป ครรชิตเดินมาจ้องหน้าสืบสาย
“มองอะไร” สืบสายถามครรชิต
“คุณมูน ไม่สบายเป็นอะไรครับ”
“เวียนหัวเห็นบอกว่านอนน้อย พักผ่อนเดี๋ยวก็หาย รีบไปเถอะ อย่าให้หม่าม้ารอนาน”
สืบสายเดินไป โดยไม่ได้คิดอะไร ครรชิตถอนหายใจโล่งอก

ภายในห้องพักแต่งตัวในสตูดิโอ เดือนพิไลนั่งกรี๊ดอย่างมีความสุขสมใจ พี่บีมองอาการของเดือนพิไลด้วยความเหนื่อยใจ
“อ๊ายยย คนอะไรไม่รู้ สุภาพบุรุษสุดๆ แมนมากกกก อ่อนโยน อบอุ่น อยู่ใกล้แล้วใจเต้นแรง อ๊าย”
“นี่ เลิกคลั่งได้หรือยัง ข้าวปลาไม่ยอมกิน อดหลับอดนอน เที่ยวกลางคืนมันเข้าไปถึงได้เป็นลม จนต้องให้ลูกค้าหิ้วปีกมาส่ง”
“เบาๆ สิเจ๊ ทำไมชอบว่าหนูนัก เดี๋ยวพวกนั้นได้ยินก็เอาหนูไปเม้าอีกหรอก”
“แล้วมันจริงป่ะล่ะ”
“ข้าวปลาไม่กิน อดนอน เที่ยวกลางคืนน่ะจริง แต่ที่เป็นลม ไม่จริง”
“ฮ้า อย่าบอกนะว่าหล่อน...”
“แอ็คติ้งให้คุณสืบสายดูแล เนียนป่ะ ฮ้าๆๆๆ”
“โห ทีงี้ล่ะเล่นเนียน แต่ทีตอนต้องเล่นละคร แข็งยังกะสากกะเบือ ใช้ความสามารถผิดที่ผิดทางมากหล่อน”
“ด่าอีกแล้ว เดี๋ยวงอนไล่เจ๊ออกแล้วจะหนาว ไปทำงานดีกว่า เดี๋ยวเสร็จช้า ให้ผู้ชายรอนาน ไม่ดี คริคริ”
เดือนพิไลเดินออกไปทิ้งให้พี่บียืนอึ้ง ตกใจ ด่าไม่ทัน
“มันจะไล่ฉันออก นี่ ฉันต่างหากที่จะเฉดหัวแกทิ้ง นังข้าวเหนียวมูน”

คุณนายเง็กยืนอยู่กลางห้องทำงานเสี่ยตงประกาศลั่น ซักไซ้ลูกกับผัว
“ทำไมต้องไปกินดินเนอร์ บ้านอีไม่มีข้าวกินหรือไง ถึงต้องไปเลี้ยง”
“ก็เลี้ยงขอบคุณ เป็นมารยาท ลื้อเข้าเรื่องด่วนของลื้อเถอะ เรียกมาจะประชุมเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องนี้แหละ เรื่องด่วน! แหม...เผลอแล้วไม่ได้ เป็นต้องสร้างสัมพันธไมตรี” สืบสายนั่งกุมขมับในขณะที่เสี่ยตงเซ็งมาก หันมองครรชิตตาเขียว ครรชิตยืนนิ่ง ไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่ต้องไปมองอาครรชิต อั๊วถามอะไรอี อีต้องตอบอั๊วอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิ์โกหก อั๊วขอสั่งเด็ดขาดจะไม่มีการดินเนอร์”
“ได้ยังไง นัดอีไว้แล้ว”
“นัดได้ ก็ยกเลิกได้”
“เสียผู้ใหญ่”
“ไม่เป็นไร อั๊วไม่ถือ”
“อาหนูมูนอีเสียหายตรงไหน ลื้อถึงได้ตั้งป้อมกับอีนัก”
“อั๊วมีเซ้นส์ ว่าอีไม่ใช่คนดีที่ควรจะไปสุงสิงด้วย”
“เซ้นส์ลื้อมันซีซั้ว มั่ว ตั้งแต่เรื่องรับอาจุลลามาทำงานแล้ว”
“อย่าประเมินเซ้นส์อั๊วต่ำไป อาตง”
สืบสายปวดหัว หันไปพยักหน้าให้ครรชิตออกไปจากห้องด้วยกัน สืบสายออกไปครรชิตโดยที่เสี่ยตงและคุณนายเง็กไม่ได้สังเกตเพราะมัวแต่ทุ่มเถียงกัน

สืบสายเดินมาโดยมีครรชิตเดินตาม
“บอส จะไปไหนครับ”
“ทำงานไง”
“ดีครับ ทำงานกันเนาะ เราเสียเวลามาจะหมดวันแล้ว ยังไม่ได้งานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย มัวแต่ตามจับผิดคน ไม่ก็...” ครรชิตหันไป สืบสายหายไปแล้ว “อ้าว แหม จะไปไหนก็ไม่บอก แล้วไปไหนอ่ะ บอส ตายๆ ท่านรองสั่งห้ามไม่ให้บอสคลาดสายตา ตายๆๆ”
ครรชิตออกตามหาสืบสายทันที

จุลลาและแสบกำลังตรวจเช็คเครื่องจักรตัวหนึ่งอยู่ แสบมองซ้ายมองขวาเห็นไม่มีใครสังเกต เข้ามาถามจุลลา
“พี่จูน ตอนกลางวัน น้องน้ำหวานไปปรึกษาพี่เรื่องอะไร” จุลลาเงียบ ไม่ตอบ ทำงานต่อ
“เฮ้ย พี่จูน ถามได้ยินป่ะเนี่ย”
“ไม่คุยเรื่องส่วนตัวเวลางาน โอเคป่ะ”
“แจ่ม เคลียร์”
“เวลางาน มัวคุยอะไรกันอยู่”
จุลลากับแสบสะดุ้ง หันไปเห็นทรงเดชเดินกร่างเข้ามาโดยมีน้ำหวานเดินตามหน้าเซ็งมาก จุลลาเซ็ง แต่แสบไม่เซ็ง เพราะได้เจอน้ำหวาน แสบยิ้มให้น้ำหวาน น้ำหวานตีหน้ายักษ์ใส่ ทรงเดชขยับตัวบังน้ำหวานจากแสบทันที แสบเซ็ง มองหน้าทรงเดชอย่างไม่พอใจ
“ฉันถามว่า มัวคุยอะไรกันอยู่”
“ฉันกำลังคุยกับลูกน้องว่า เวลางานไม่คุยเรื่องส่วนตัว”
“เรื่องส่วนตัว เรื่องอะไร”
“คุณกำลังอยากรู้เรื่องส่วนตัวในเวลางาน ขอไม่คุยนะ”
แสบกับน้ำหวานหลุดขำออกมาพร้อมกัน ทรงเดชอึ้ง รู้สึกอายขายขี้หน้า สืบสายเดินมาจากมุมหนึ่งได้ยินเสียงหัวเราะ เดินเข้าไปดู เห็นเหตุการณ์เลยหยุดดูตรงนั้น
“อุ๊ย...หัวเราะก็หัวเราะพร้อมกันด้วยอ่ะ” แสบคุยกับน้ำหวาน
“เฮ้ย หัวเราะอะไรกัน ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น” น้ำหวาน แสบหยุดหัวเราะทันที “งั้น ว่ากันด้วยเรื่องงาน ตอนนี้พวกแผนกซ่อมบำรุง ทำอะไรกันบ้าง”
“ฉันกำลังทำประวัติเครื่องจักรทุกตัว เพื่อตรวจเช็คประสิทธิภาพและทำบันทึกการซ่อมบำรุงอย่างเป็นระบบ ต่อไปถ้าเกิดปัญหาการใช้งานจะได้มีข้อมูลประกอบการแก้ปัญหา”
“ฉันกำลังจะสั่งให้เธอทำอยู่พอดี ทำเสร็จแล้ว รายงานฉันด้วย ฉันต้องการดูรายละเอียดทั้งหมด”
“ค่ะ แล้วฉันก็อยากจะขอแผนการผลิตจากฝ่ายผลิตด้วย”
“เอาไปทำไม”
“วางแผนการซ่อมบำรุงค่ะ”
ทรงเดชงงๆ ไม่รู้เรื่อง แต่ทำกลบเกลื่อนรู้ดี
“เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน ไป น้ำหวาน”
ทรงเดชหันไปพยักหน้าให้น้ำหวานตามไป แล้วตัวเองก็เดินไปอย่างวางเขื่อง ผ่านพนักงานก็เดินดูผ่านๆน้ำหวานยกนิ้วให้จุลลาว่าเยี่ยม แสบเข้ามาเสนอหน้ายิ้มรับ เจอจุลลาเบรกหน้าหงาย
“ไปทำงาน เกือบซวยแล้วมั้ยล่ะแก ไอ้แสบ”
“ครับพี่ แต่...มันน่าหมั่นไส้จริงนะพี่ แหม ทำเป็นวางก้ามออกคำสั่ง ฮี่โธ่”
“ไอ้แสบ ทำงาน”
“ครับพี่”
แสบวิ่งไปตรวจเช็คเครื่องจักรต่อทันที จุลลาถอนใจตัดอารมณ์ขุ่นมัวเรื่องทรงเดช ตั้งใจทำงานต่อ
สืบสายเฝ้ามองจุลลา นึกแปลกใจที่เห็นมุมตั้งใจทำงานของจุลลา เฝ้ามองจุลลาตรวจเช็คเครื่องต่อไปอย่างเงียบๆ เผลอไผล เฝ้ามอง จุลลาใช้มือปาดเหงื่อทำให้น้ำมันเครื่องเปื้อนหน้า สืบสายหลุดขำเมื่อเห็นจุลลาหน้าเปื้อน โดยที่จุลลาไม่รู้ตัว ครรชิตโผล่มาข้างหลังสืบสาย
“บอสครับ”
สืบสายสะดุ้ง รีบปั้นหน้าขรึม
“อะไร ตามฉันมา ฉันจะไปคุยกับฝ่ายการตลาด”
“การตลาดก็อยู่ในออฟฟิศ แล้วลงมาที่โรงงานทำไมครับ”
“แวะมาดู ฉันคิดว่าควรจะลงมาดูบ้าง ไม่ใช่นั่งทำงานข้างบนอย่างเดียว”
“ซึ้งมากครับ”
สืบสายรีบเดินออกไปทางหนึ่ง ครรชิตรีบเดินตามไป ผีเถ้าแก่ยืนอยู่ข้างหลัง หัวเราะอย่างชอบใจ
“แสดงว่าที่ก๋งพูด มันก็เข้าหัวลื้อไปบ้างเหมือนกัน ลื้อทำถูกแล้วอาตี๋ จะบริหารโรงงานได้ยังไง ถ้าไม่รู้จักคนงานและเครื่องจักรที่ทำงาน ให้ลื้อดูด้วยตาหนึ่งครั้งดีกว่าฟังมาร้อยหน” จุลลายังคงทำงานอย่างตั้งใจ ผีเถ้าแก่หันไปมองจุลลานึกเอะใจ “หรือมันจะมาดูอาหนูช่างอีคนเดียววะ อะๆๆๆ น่านไง เอาแล้วไง”
ผีเถ้าแก่นึกทำอะไรบางอย่าง

ในห้องทำงานเสี่ยตง เสี่ยตงกับคุณนายเง็ก นั่งลงหมดแรงทั้งคู่
“พอก่อน อั๊วเหนื่อย”
“อั๊วก็เถียงจนหายใจไม่ทันแล้ว”
“อาเง็ก”
“อะไร”
“ลื้อไม่อยากเห็นอาตี๋เป็นฝั่งเป็นฝาหรือไง ตั้งแต่อีเรียนจบกลับมา อีก็ไม่ยอมมีแฟน ทำแต่งาน”
“อยากซี อั๊วอยากอุ้มหลาน แต่ต้องไม่ใช่ยัยข้าวเหนียวมูนบูดๆ”
“ลื้อไปฟังจากใครมาว่าอีเป็นข้าวเหนียวบูด”
“อั๊วมีสายคอยรายงาน”
“ลื้อฟังจากคนอื่น แต่อั๊วเห็นมากะตา อีเป็นเด็กดี ตั้งใจทำงาน”
“ลื้อก็เลยคิดอยากจะเป็นพ่อสื่อจับให้อีมาเป็นแฟนกับอาตี๋”
“เสียหายตรงไหน”
“ก็อั๊วยังไม่เห็นความดีของอี นอกจากความสวยและความเป็นดารา อีอาจจะสร้างภาพออกสื่อ แต่ตัวจริง เหลาเหย่”
“ลื้อก็ให้โอกาสอีพิสูจน์สิ แล้วลื้ออาจจะเห็นอย่างที่อั๊วเห็น อย่าเพิ่งปิดโอกาสเขาและโอกาสของเรา” คุณนาย เง็กมีท่าทีอ่อนลง เสี่ยตงรุกต่อ “อีกอย่างนา ถ้าได้อีเป็นสะใภ้ กิจการของเราก็จะได้รับการโฆษณาต่อสาธารณะ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เป็นการแต่งงานที่ต่อยอดธุรกิจ ลื้อเข้าใจมั้ย”
“แต่ชีวิตรักของอาตี๋ไม่ใช่ธุรกิจ”
“วะ ดื้อด้านเหมือนใครวะ”
“เหมือนลื้อนั่นแหละ เอาอย่างนี้ อั๊วเปิดโอกาสให้อีก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องให้อาตี๋อีเป็นคนตัดสินใจเอาเอง ทั้งลื้อและอั๊วต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้น ถ้าลื้อไม่ตกลง อั๊วก็จะขวางงงงง ไม่เลิก”
“ก็ได้ เราสองคนจะให้อาตี๋เป็นคนตัดสินใจเลือกเอง”
“ตามนั้น”
เสี่ยตงและคุณนายเง็กมองหน้ากัน ศึกวันทรงชัยเริ่มต้น

จุลลาเข้ามากดน้ำดื่มใส่แก้วกระดาษ รู้สึกสดชื่นขึ้น เดินออกไป สืบสายเดินคุยมากับฝ่ายการตลาด ครรชิตตามติด
“โอเคนะ”
“ครับ”
ฝ่ายการตลาดเดินออกไป สืบสายจะเดินต่อ จุลลาเดินสวนมาพอดี ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างหลังจุลลาใช้มือปัดแก้วน้ำในมือจุลลาจนน้ำกระเด็นไปโดนสืบสายเต็มๆ
“เฮ้ย”
“เฮ้ย”
สืบสายกับจุลลาร้องออกมาพร้อมกัน สืบสายจ้องหน้าจุลลา ไม่พอใจ
“เอ่อ ขอโทษค่ะ คือ...ฉัน...เอ่อ...” จุลลาหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองเข้าไปซับน้ำให้สืบสายด้วยสัญชาติญาณ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ”
สืบสายอึ้ง มองจุลลาที่ขมีขมันซับน้ำให้ด้วยหัวใจที่เต้นแรง ครรชิตมองสืบสายที่ตัวแข็งแล้วยิ้มๆ จุลลาซับไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงเป้า จะซับต่อ สืบสายรีบจับมือจุลลาเอาไว้ได้ทัน
“หยุด”
จุลลาชะงัก อึ้ง มองมือสืบสายที่จับมือตัวเองอยู่ เหมือนมีกระแสไฟแล่นทั่วร่าง เปรี๊ยะปร๊ะ สืบสายก็อึ้ง เคมีในร่างปั่นป่วน เกิดเป็นโมเม้นต์ช็อต สบตากัน ความรู้สึกของทั้งคู่เหมือนโลกนี้มีเพียงเราสอง และหัวใจของทั้งสองก็ฟูฟ่องละล่องลอยมาก เวลาหยุดเดินไว้เพียงแค่นั้น ผีเถ้าแก่ลอยมาอยู่ระหว่างสืบสายและจุลลา
“น่านไง อั๊วมีเซ้นส์ว่าลื้อสองคน มันพร้อมจะสะป๊าก อิอิ”
จุลลาได้สติ รีบผละออกจากตัวสืบสาย ผีเถ้าแก่รีบหายตัวไปทันที แต่สืบสายยังอึ้งค้าง ไม่ยอมปล่อยมือจุลลา
“ปล่อยมือฉันได้หรือยัง”
สืบสายสะบัดมือจุลลาออก ผ้าเช็ดหน้าติดมือมาด้วย สืบสายทำไม่พอใจกลบเกลื่อน
“ซุ่มซ่าม”
“ขอโทษแล้วไง”
จุลลารีบเดินออกไปทันทีเพราะเขิน และลืมไปเลยว่าทิ้งผ้าเช็ดหน้าตัวเองเอาไว้กับสืบสาย
“แต่ก็ชอบใช่ป่ะครับ” ครรชิตถามสืบสาย
“หงุดหงิด”
สืบสายเดินไปเลย ครรชิตยิ้มๆ ตามไป ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวหัวเราะชอบใจกับฝีมือชงของตัวเอง
“อิอิอิ ยิ่งเจอยิ่งพบก็จะยิ่งคุ้นเคย พบหน้ากันบ่อยๆ มิตรภาพก็จะยิ่งสนิทแน่นแฟ้น แล้วกำแพงระหว่างลื้อสองคนก็จะ บึ้ม อิอิอิ”

แสบกำลังทำประวัติเครื่องจักรอยู่ จุลลาเดินมา ครุ่นคิด
“แก้วมันหลุดมือได้ยังไง” แล้วจุลลาก็คิดถึงตอนจับมือกับสืบสายและสบตากัน แค่แวบเดียวก็ขนลุก “อื๋ยยยย”
“เป็นอะไรพี่” แสบถาม
“ขนลุก”
“ปวดขรี้เหรอครับ”
“ทะลึ่ง ทำงานไป ฉันจะไปวางแผน pm แล้ว(pre-maimtainance)”
จุลลาเดินออกไป เขินๆ แสบมองตามงงๆ ลงมือทำงานต่อไป

สืบสายเข้ามาในห้องทำงาน นั่งลงอย่างเซ็งๆ เห็นผ้าเช็ดหน้าของจุลลาในมือก็อึ้ง เพิ่งรู้ตัวว่าถือติดตัวมาสืบสายมองแล้วเผลอตัวดมกลิ่น ยิ้มละมุน เพราะหอม สืบสายพิจารณาผ้าเช็ดหน้าในมือชัดๆ เป็นผ้าเช็ดหน้าผู้ชาย
“แมนไปหรือเปล่าเนี่ย หรือว่าจะเป็นทอมจริงๆ”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างสืบสายด้วยความหงุดหงิด
“วะ อุตส่าห์ให้ได้สะป๊ากกัน ดันไปคิดว่าอีเป็นทอมซะอีก อย่าทำให้อั๊วเสียเวลาเปล่าซี่ อาตี๋”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น สืบสายสะดุ้ง รีบเก็บผ้าเช็ดหน้าในลิ้นชักโต๊ะทำงาน ครรชิตเปิดประตูเข้ามา
“ได้เวลาแล้วครับ บอส”
“เวลาอะไรวะ” ผีเถ้าแก่แปลกใจ ขณะที่สืบสายเซ็ง
“อืม รู้แล้ว”
สืบสายลุกเดินออกไป ทิ้งให้ผีเถ้าแก่อยากรู้

จุลลานั่งหมดแรงอยู่ในห้องฝ่ายซ่อมบำรุง แสบ เข่ง ถัด กำลังเก็บของ เตรียมตัวกลับ แสบแถเข้ามาหาจุลลา
“พี่จูน เลิกงานแล้ว บอกเรื่องน้องน้ำหวานได้หรือยัง”
“นี่แกชอบน้ำหวานจริงจังมากเลยใช่มั้ยเนี่ย”
“อ้าว แล้วจะให้แสบไปจริงจังกับใครในนี้ เจ๊พุ่มเหรอ”
“โห่”
“หรือว่าเจ๊อ้อย”
“สาธุ” ถัดกับเข่งบอกพร้อมกัน
“พอๆๆ ไม่ต้องยียวนกวนประสาท”
“แสบล้อเล่น รักแรกพบ พี่เข้าใจป่ะ”
“ไม่เข้าใจ ไม่เคยเจอ ไปๆ กลับๆ เหนื่อย อยากอาบน้ำ”
“อ้าว ยังไม่บอกเรื่องน้องน้ำหวานเลยเพ่”
“ใครเห็นเจ๊พุ่มบ้าง แกอยู่ไหน ฉันจะไปเอากุญแจบ้านพัก”
หยิกวิ่งเข้ามา หน้าตาตื่นเต้น
“ณ จุดนี้ออฟฟิศเจ๊พุ่มเปิดทำการแล้วครับพี่น้อง”
“รีบเลยครับพี่น้อง”
“อีกแล้วนะพวกเอ็ง”
“ออฟฟิศเจ๊พุ่ม ออฟฟิศอะไร”
จุลลาแปลกใจ ในขณะที่แสบไม่ค่อยชอบใจ ส่วนชาวแก๊งตื่นเต้นมาก

หลังโรงงานที่บ้านพักเจ๊พุ่ม เจ๊พุ่มกำลังนั่งอยู่บนตั่ง ข้างหลังเป็นรูปปั้นเจ้าแม่ตะเคียนทองพร้อมเครื่องบูชาจัดเต็ม คนงานล้อมรอบ เจ๊พุ่มกำลังพนมมือตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนงาน ยามจ่อย ซึ่งออกเวรแล้ว เข้ามาจัดการจราจร เป่านกหวีดดังลั่น
“นั่งกันดีๆ ครับผม หวอครับหวอ อ้อ ไม่มีหวอ ทุกคนใส่กางเกง อย่าเบียด อย่าออกันมาข้างหน้า เดี๋ยวเจ้าแม่ตะเคียนทองจะไม่มีสมาธิครับผม”
จุลลา หยิก เข่ง ยืนดูอยู่ด้านหลังสุด จุลลามองเจ๊พุ่มอย่างแปลกใจ แสบเข้ามาพร้อมส่งกุญแจบ้านให้จุลลา
“กุญแจบ้านพักพี่”
“ขอบใจ นั่นเจ๊พุ่มแกทำอะไร”
“เชิญเจ้าแม่ตะเคียนทองมาประทับทรง บอกสูตรคณิตศาสตร์”
“เจ้าแม่ตะเคียนทองเป็นติวเตอร์สอนเลขคนงาน”
“โอย! พี่นี่ ซื่อ ใสหรืออะไรกันแน่ ใบ้หวยครับ ใบ้หวย”
เจ๊อ้อยเดินเข้ามา
“ใบ้หวยประสาอะไรก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นมีใครถูกเลย”
เจ๊พุ่มได้ยิน กระทืบเท้าโครม ชี้หน้าด่าเจ๊อ้อย
“เฮ้ย นังอ้อยพูดดีๆ นะเว้ย ที่ไม่ถูกเพราะตีความสูตรไม่เป็นต่างหาก”
“โห...สูตร สูดเอาเงินออกจากกระเป๋าน่ะสิ”
“อย่ามากวนสมาธิเวลาฉันจะเชิญเจ้าแม่มาประทับทรง ที่นี่ฉันเป็นเจ้าที่ สัมภเวสีสีอย่างแก ออกไป”
“อ๋อ มีย้อนนะแก ไม่ไป”
“เจ๊ ถ้าไม่ชอบ เราก็ยืนดูเฉยๆ ก็ได้ ไปด่าเค้าทำไม” จุลลาบอก
“ยืนเฉยๆ ไม่ได้ ต้องจด” เจ๊อ้อยควักกระดาษมาเตรียมจด “ที่ด่าเพราะโมโหไง ไม่เคยถูก รีบเชิญเจ้าแม่มาเร็วๆเลย นังพุ่ม ใจร้อน”
“เฮ้อ” จุลลาถอนใจ
“ไง คนแถวนี้แซ่บเว่อร์มั้ยพี่ เพี้ยน” แสบบอก
“แล้วแกไม่เอาสูตรไปคำนวณกับเค้าบ้างเหรอ”
“ไม่ล่ะ ไม่ชอบ”
“เจ้ามือหวยไม่เคยได้เงินพี่แสบหรอก” เข่งบอก
“ถูก”
“เพราะพี่แสบไม่เคยเหลือเงินไปเล่นหวย” หยิกพูดต่อ
“พูดอีกก็ถูกอีก เย้ย! เดี้ยะ”
จุลลายิ้มขำลูกน้อง หันไปดูเจ๊พุ่มเข้าทรง ตัวสั่นพั่บๆ ท่าทางแปลกๆ ตกใจกันเป็นแถบๆ สักพัก เจ้าแม่ประทับทรง หัวเราะเหอๆ หยิบหมากมาเคี้ยวหยับๆ จุลลาเห็นทุกคนเตรียมจดยิก จุลลามองเหตุการณ์อย่างขำๆ อึ้ง ไม่เห็นด้วยที่จะมาเสียเวลาและเสียเงินไปกับการเล่นหวย

จุลลาเดินคุยมากับแสบจะเข้าไปในโรงงาน
“ฉันเดาว่าคุณสืบสายต้องไม่ชอบแน่ๆ อาจถูกไล่ออกได้นะแสบ”
“โอ๊ย ว่าก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเจ๊พุ่มแกเส้นใหญ่ มีท่านรองหนุนหลัง เหตุผลก็คือเจ้าแม่ของเจ๊พุ่มเป็นความหวังของคนใช้แรงงาน แกไม่อยากดับความหวังใคร เลยหยวนๆ แต่ให้ทำนอกเวลางานและนอกโรงงานแล้วกัน”
“เหร้อ เออ ก็ดีนะ แต่ถ้าจะให้ดี ไม่ควรสนับสนุนเลยจะดีกว่า”
“แล้วพี่จะให้พวกนั้นไปเล่นอะไร เล่นหุ้น พูดเป็นเล่น”
“เล่นหวย เล่นหุ้น ถ้าเล่นจนไม่มีสติ มันก็หมดตัวได้ทั้งนั้นแหละ จะว่าไปแสบก็มีดีอยู่อย่างนะ ไม่เล่นหวย ถามจริง ทำไม”
“เสียดายตังค์ว่ะพี่ เก็บเงินไว้ดีกว่า ไว้แต่งเมีย” น้ำหวานเดินออกมา จะกลับบ้าน “น่านไง พูดถึงเรื่องแต่งเมีย ว่าที่เมียก็มา. จะกลับบ้านแล้วเหรอจ๊ะน้องน้ำหวาน”
“ไปตีกอล์ฟมั้ง ถามไม่คิด”
“พี่ก็ว่างั้นจ๊ะ”
“พี่จูน น้ำหวานกลับแล้วนะ เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ”
“จ๊ะ กลับดีๆ นะ กลับยังไง”
“ขึ้นรถสองแถวไปลงหน้าปากซอยบ้านจ๊ะ”
“งั้นพี่นั่งไปเป็นเพื่อนมั้ยจ๊ะ” แสบเสนอตัว
“เพื่อนมีเยอะแล้ว ไม่ต้อง”
“จ๊ะ งั้นไม่กวน”
น้ำหวานเดินออกไป แสบมองตามคอตก
“เอาน่า รักจริงต้องอดทน”
จุลลา แสบหันเดินเข้าโรงงาน เจอคุณนายเง็กยืนสะพายกระเป๋ารออยู่ หน้าเครียด
“อาหนูช่าง”
“คะ/ครับ” จุลลาและแสบต่างตกใจ
“อั๊วมีเรื่องให้ลื้อช่วย” คุณนายเง็กบอก จุลลาแปลกใจ

จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีคุณนายเง็กสวมหมวกกันน็อคซ้อนท้าย วิ่งออกจากโรงงาน แสบยืนมองตามงงๆ
“ท่านรองจะสก๊อยไปไหนวะ รีบซะขนาดนี้”
แสบมองตามอย่างแปลกใจ

ที่ร้านอาหารหรู สืบสายเลื่อนเก้าอี้ให้เดือนพิไลนั่ง เดือนพิไลอยู่ในชุดสวยเป็นพิเศษนั่งยิ้ม สืบสายอ้อมไปนั่งตรงข้ามแอบถอนใจเพราะไม่อยากมา ครรชิตนั่งหลบอยู่ที่โต๊ะหนึ่งไกลๆ
“คุณพ่อไม่มาด้วยกันเหรอคะ” เดือนพิไลถามถึงเสี่ยตง
“ป๊าติดงานด่วนครับ”
“น่าเสียดายจังนะคะ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่คุยสนุกมากเลยนะคะ”
“งั้น คืนนี้เรายกเลิกดีมั้ยครับ ไว้รอป๊ามาด้วยดีเหมือนกัน”
เดือนพิไลอึ้ง ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮ่ะๆๆ คุณสืบสายเนี่ย มีอารมณ์ขันจังนะคะ เล่นมุกซะจนมูนขำ”
“ผมไม่ได้มุก”
เดือนพิไลอึ้ง ก่อนจะรับกลบเกลื่อน เปลี่ยนบรรยากาศ
“ฮ่ะๆๆ เอาจริงเหรอคะ”
“ครับ”
“เอ่อ” เดือนพิไลคิดจะเอาไงดี สืบสายรอฟังคำตอบจากเดือนพิไล

บ้านสืบสาย เสี่ยตงเดินออกมาจากห้องทำงาน มองหาคุณนายเง็กแต่ไม่เห็น
“อาเมี่ยง อาเมี่ยง”
ป้าเมี่ยงวิ่งเข้ามาหา
“ขา ท่านประธาน”
“อาเง็กไปไหน ยังไม่กลับมาจากออฟฟิศอีกเหรอ”
“ท่านรองให้บอกท่านประธานค่ะว่า คืนนี้มีงานเลี้ยงรุ่นมหาวิทยาลัย จะกลับมาดึกนิดหน่อย ไม่ต้องรอทานข้าวค่ะ”
“แล้วทำไมอีไม่บอกอั๊วตั้งแต่ตอนกลางวันวะ”
“ท่านรองอาจจะลืมมั้งคะ”
“นั่นสิ แก่แล้วก็อย่างนี้ แย่ๆๆ ไปๆๆ ตั้งโต๊ะ อั๊วหิวข้าว”
เสี่ยตงเดินนำป้าเมี่ยงไป โดยที่ไม่ติดใจสงสัยอะไร

มอเตอร์ไซค์ของจุลลาแล่นเข้ามาหน้าร้านอาหารหรู โดยมีผีเถ้าแก่ซ้อนมาด้วย กลายเป็นซ้อนสามคน ผีเถ้าแก่ลงมาจากรถ คุณนายเง็กลงมา ถอดหมวก
“ทำไมมันแน่นๆ เหมือนมีอะไรอัดอยู่ข้างหลังวะ” คุณนายเง็กบ่น
“ไอ้หยา ทำไมลื้อตูดใหญ่จังวะอาเง็ก อั๊วแทบนั่งไม่ติดเบาะ” ผีเถ้าแก่บ่น จุลลาที่ถอดหมวกออกปุ๊บ ตกใจปั๊บ หันขวับไปดูข้างหลังเห็นผีเถ้าแก่ยืนผมเรียบอยู่ ยิ้มเผล่
“เถ้า...”
“อาหนูช่าง มาว่าอั๊วเฒ่าชราได้ยังไง” คุณนายเง็กขัด
“อุ๊บ คือ หนูไม่ได้ตั้งใจค่ะ คือหนู เอ่อ...”
“อ่ะ หมวกกันน็อค ลื้อรีบเอารถไปจอด แล้วตามอั๊วมาเร็วๆ อั๊วจะรออยู่ตรงนี้”
“เอ่อ ทำไมท่านรองไม่นั่งรถส่วนตัวสบายๆ มาล่ะคะ”
“ไม่ได้ เดี๋ยวความแตก” จุลลางง “ลื้อรีบเอารถไปจอด อั๊วรออยู่”
“ค่ะๆ”
จุลลาขยิบตาให้ผีเถ้าแก่ตามไปด้วย แล้วรีบออกรถไป คุณนายเง็กมองเข้าไปในร้านอาหารหรู
“เลี้ยงซะหรู”

จุลลาจอดรถปุ๊บ หันมาโวยใส่ผีเถ้าแก่ที่ยืนอยู่ข้างหลังปั๊บ
“นี่มันเรื่องอะไรกันเถ้าแก่”
“อั๊วก็อยากรู้เหมือนกัน ถึงได้ซ้อนท้ายมากะลื้อนี่ไง”
“ซ้อนสาม หมวกกันน็อกก็ไม่ใส่ ตำรวจจับ! รู้บ้างมั้ยเนี่ย”
“ตำรวจที่ไหนมันจะเห็นอั๊ววะ อั๊วเป็นผี”
“เออ จริง”
“ค่ะ”
“ค่ะ”
“รีบไปหาอาเง็กเถอะ อั๊วอยากรู้จนตัวสั่นแล้ว ว่าอีมีความลับอะไรนักหนา”
จุลลาถอนใจทั้งเหนื่อยทั้งเซ็ง เดินออกไปกับผีเถ้าแก่

คุณนายเง็กเดินนำจุลลาและผีเถ้าแก่ พลางอธิบาย
“อั๊วมางานเลี้ยงรุ่นที่นี่ แต่กลัวมาสาย เลยต้องกวนให้ลื้อมาส่ง นั่งมอเตอร์ไซค์มันเร็วดี”
“ปกติเวลาหนูเห็นคุณหญิงคุณนายมางานเลี้ยงรุ่น หน้าเต็มผมเป๊ะมาก แต่ท่านรอง เอ่อ...”
“ทำไมเหรอ อาหนูช่าง หน้าผมอั๊วเป็นไง”
“เยินมาก” ผีเถ้าแก่บอก คุณนายเง็กหันดูในกระจกเห็นผมกระเซิงยุ่งเหยิง
“ว้าย”
“ไม่เยินได้ไงวะ จากโรงงานมาถึงนี่ ตั้งไกล”
“ช่างมัน ฉันไม่แคร์ ไปอาหนูช่าง มาทางนี้”
“ให้หนูรอข้างนอกดีกว่ามั้ยคะ”
“ไม่ดีหรอก ไหนๆ ลื้อก็อุตส่าห์มาส่งอั๊วแล้วก็เข้าไปกินข้าวเลย อั๊วรู้ว่าลื้อหิว”
“เห็นมั้ย ลูกสะใภ้อั๊วอีมีน้ำใจ เห็นอกเห็นคนอื่น อั๊วรักอีมากกว่ารักลูกแท้ๆ ของตัวเองอีกนะ” ผีเถ้าแก่บอกจุลลา
“ก็ได้ค่ะ”
คุณนายเง็กลากจุลลาตามเข้าไป ผีเถ้าแก่รู้สึกแปลกๆ
“แต่ อั๊วมีเซ้นส์ว่ะ” ผีเถ้าแก่หันมองรอบๆ ไม่เห็นมีสัญญาณชีพที่คึกคักอันแสดงว่ามีงานเลี้ยงที่นี่ “งานเลี้ยงรุ่นเหรอวะ แล้วทำไมมันเงียบผิดปกติ”
ผีเถ้าแก่รีบเดินตามจุลลาและคุณนายเง็กไป

เดือนพิไลตักอาหารให้สืบสาย พลางออดอ้อน
“ทานเยอะๆ นะคะ มูนก็จะทานเยอะๆ เหมือนกัน เพราะหิวมาก”
“เอ่อ ครับ”
สืบสายหันไปมองครรชิตซึ่งนั่งหลังตรงคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา แต่ตาก็เหลือบมองไปที่ประตูทางเข้า เหมือนรอคอยใครบางคน
“คุณสืบ เอ่อ...มูนเรียกคุณสืบเฉยๆ ได้มั้ยคะ”
“ตามสบายครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณสืบคงไม่ว่าอะไรมูนนะคะ ที่มูนขอสั่งอาหารทานตอนนี้เพราะมูนหิวมากจริงๆ ให้กลับบ้านไปโดยที่ไม่ทานอะไร คงไม่ไหว ไม่อยากเป็นลมเหมือนเมื่อกลางวันอีกน่ะคะ”
“ผมขอโทษคุณด้วยนะ ผมลืมคิดไปว่าคุณอาจจะหิว เพราะนี้ก็ค่ำแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ มูนเข้าใจ คุณอาจจะอึดอัดที่ต้องมาทานข้าวกับมูนสองต่อสอง” เดือนพิไลส่งสายเชิญชวนให้สืบสาย สืบสายอึ้ง หายใจไม่ทั่วท้อง เดือนพิไลเอื้อมมือมาจับมือสืบสาย “ทานสิคะ”
-สืบสายตกใจ ทำช้อนหล่น ตื่นเต้น ครรชิตที่กำลังดื่มน้ำ สำลักพรวด คุณนายเง็ก จุลลาและผีเถ้าแก่เข้ามาเห็นพอดี
“อ๊ายยย” คุณนายเง็กแกล้งตาเหลือกเป็นลมทันที “อั๊วเป็นลม”
“ท่านรอง”
สืบสาย เดือนพิไล ครรชิต ตกใจ ผีเถ้าแก่ก็ตกใจ

“หม่าม้า” สืบสายลุกพรวด

สืบสายประคองคุณนายเง็กมา จะให้มานั่งที่โซฟาซึ่งจัดเป็นมุมให้ลูกค้ารอในร้านอาหาร คุณนายเง็กทำเป็นกะปลกกะเปลี้ยมาก จุลลาและเดือนพิไลเดินตามมาติดๆ ผีเถ้าแก่เดินตามมาสังเกตการณ์กับครรชิต ผู้จัดการร้านตามมาคอยช่วย เดือนพิไลรีบถลามาช่วยประคองคุณนายเง็ก

“มูนช่วยนะคะคุณแม่”
“ไม่ต้อง แล้วอั๊วก็มีลูกชายคนเดียว ไม่มีลูกสาว” คุณนายเง็กแหวขึ้นมาอย่างลืมตัว
“อุ๊ย หายดีแล้วเหรอคะ”
“เอิ่กกกก” คุณนายเง็กเป็นลมต่อ “ลมมันตีเป็นพักๆ เมื่อกี้มันไม่ตี แต่ตอนนี้ลมตีอีกแล้ว กลิ่นน้ำหอมลื้อ ทำอั๊วคลื่นไส้ ไปห่างๆ เอิ่กกก”
คุณนายเง็กรีบซบสืบสาย ผลักเดือนพิไลออกไปเนียนๆ
“หม่าม้า ระวังครับ”
“ช่วยหน่อยๆ อาหนูช่าง ฉันตัวหนัก อาตี๋ประคองคนเดียวไม่ไหวหรอก” จุลลาปราดเข้าไปประคองคุณนายเง็กไว้อีกข้างทันที
“ค่ะ”
เดือนพิไลแอบปี๊ด
“พาหม่าม้าไปนั่งตรงโน้นก่อนคุณ” สืบสายบอกจุลลา
“ค่ะ” สืบสายและจุลลาช่วยพาคุณนายเง็กไปนั่งพักที่โซฟา ในขณะที่เดือนพิไลถูกทิ้งให้ยืนคว้างอยู่ด้วยความไม่พอใจ “บอกพนักงาน ขอยาหอม” จุลลาบอกสืบสาย
“แล้วถ้าไม่มีล่ะ”
“ก็ไปถามเค้าก่อนเถอะน่า”
สืบสายรีบเดินไปบอกผู้จัดการร้าน สั่งยาหอม ผู้จัดการร้านพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งออกไป สืบสายกลับมาดูแลคุณนายเง็กต่อ
“เค้ามียาหอม กำลังไปเอามาให้”
“แล้วขอยาดมหรือเปล่า”
“ไม่ได้ขอ”
“เคยเป็นลมหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่เคย! เลยไม่รู้ แล้วแม่ผมก็ไม่เคยเป็นลมให้ผมดูแล”
คุณนายเง็ก ผีเถ้าแก่ ครรชิต เดือนพิไลมองสืบสายและจุลลาเถียงกันไปมา คุณนายเง็กเวียนหัวจริง
“โอย...อั๊วอยากได้ยาดม เอิ่กกก”
“อั๊วดมก่อนแล้วกัน เวียนหัวเพราะอาตี๋กะอาหนูช่างเถียงกันจุงเบย”
ผีเถ้าแก่ควักยาดมในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดม กระเป๋าผีเถ้าแก่จะมีทุกอย่างอยู่ในนั้น เหมือนกระเป๋า
โดเรม่อน เพราะลูกหลานเผากงเต็กส่งทุกอย่างไปให้ จุลลาหันมองค้อนผีเถ้าแก่ เผลอตัวเถียง
“ก็ดู...” ผีเถ้าแก่รีบห้าม
“ชู่ว์ คุยกะอั๊ว เดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าลื้อบ้า”
จุลลารีบหุบปาก หันมาเร่งสืบสาย
“ไปหายาดมมาสิ”
“ผมมีครับ เตรียมไว้แล้ว” ครรชิตยื่นยาดมให้สืบสาย สืบสายรับมา คุณนายเง็กสะดุ้ง ขยิบตาให้ครรชิตอย่าพูดมาก ครรชิตรีบแก้ตัว “หมายถึง มีติดตัวไว้ตลอดเวลา เตรียมพร้อมอยู่เสมอกับทุกสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดครับ”
“ดี”
ครรชิตรีบกลับมาประจำที่ข้างเดือนพิไล ผีเถ้าแก่รีบประกบเดือนพิไลอีกข้าง ทั้งสองคนดูภาพที่สืบสายและจุลลาช่วยกันพยาบาลคุณนายเง็กด้วยความพึงพอใจ เดือนพิไลหน้าง้ำ หงุดหงิด รู้สึกว่าคุณนายเง็กตั้งใจกันท่า

ที่ร้านสบายท้อง ป้าลำยองนั่งดูละครในทีวี ขณะที่ลีลาและมะขวิดคอยช่วยบริการลูกค้าที่เหลืออยู่บางตาจำรัสและดารากำลังกินข้าวอยู่มุมหนึ่ง ในทีวีเป็นละครที่เดือนพิไลกำลังร้องไห้คร่ำครวญขณะที่กำลังใกล้ตาย ป้าลำยองตบเข่าฉาด อินมาก
“ซื้อหวยไม่เคยถูก สมน้ำหน้า เป็นไงล่ะ ถูกฆ่าปิดปากซะเลย บอกแล้วว่าอย่าตามมันมา นังโง่ เขาหลอกมาฆ่ายังไม่รู้ตัว แกมันไม่มีประโยชน์ ก็ต้องถูกกำจัด” ป้าลำยองตบโต๊ะอีกเปรี้ยง ทุกคนในร้านสะดุ้งเฮือก หันมองป้าลำยองเป็นตาเดียว ป้าลำยองยังไม่รู้สึกตัว “ถ้าไม่อยากตาย ก็หาทางหนีสิวะ บอกให้หนี หนีไป”
ป้าลำยองเชียร์เดือนพิไลในทีวีอย่างจริงจัง ไม่สนใจชาวบ้าน

ส่วนที่ร้านอาหาร เดือนพิไลเห็นจุลลาช่วยนวดแขนนวดมือคุณนายเง็กในขณะที่สืบสายอังยาดมให้คุณนายเง็กดมแล้วของขึ้น ที่ถูกปาดหน้าเค้กทำคะแนน จึงปราดเข้าไปนั่งแทรกจุลลาจนจุลลากระเด็น
“ฉันนวดให้คุณแม่เอง”
“เอ๊ะ บอกว่าอั๊วไม่มีลูกสาว” คุณนายเง็กแหว แต่เดือนพิไลไม่ยอมแพ้
“เอ๊ะ หนูก็ให้เกียรติคุณสืบสาย แม่ของคุณสืบสายก็เหมือนแม่ของหนู เพราะเราเป็นเพื่อนกันค่ะ” คุณนายเง็กอึ้ง
“อาหนูมูนอีไม่ธรรมดาซะแล้ว” ผีเถ้าแก่บ่น
“อ้าว หม่าม้า ค่อยยังชั่วแล้วใช่มั้ย ครรชิตเอายาดมคืนไป” สืบสายคืนยาดมครรชิตแต่คุณนายเง็กเป็นลมจริงเพราะเจอฤทธิ์เดือนพิไล
“เอิ่กกก” คุณนายเง็กแย่งยาดมมาดมเอง
“หม่าม้า”
“คุณแม่ คุณสืบคะ ให้มูนช่วยอะไรมั้ยคะ”
คุณนายเง็กเหลือบมองครรชิตให้ทำอะไรสักอย่าง ครรชิตรีบปราดเข้าไปดึงตัวเดือนพิไลออกมา
“ช่วยอย่ามุงคนเป็นลมครับ เดี๋ยวท่านรองจะยิ่งเป็นหนัก ออกมาครับ หรือกลับไปเลยได้ก็ดี โอ๊ะ ล้อเล่น”
“แล้วยัยทอม เอ๊ย ผู้หญิงคนนี้ล่ะ อยู่ด้วยทำไม” เดือนพิไลหันไปมองจุลลา
“ว่างๆ คุณจุลลาก็ไปเป็นหมอนวด” ครรชิตตบอก
“หา” จุลลา สืบสาย เดือนพิไลร้องออกมาพร้อมกัน
“เฮ้ย” ผีเถ้าแก่ตกใจ
“หมอนวดแผนโบราณครับ” ครรชิตรีบบอก
“หือ”
“อาการของท่านรองต้องใช้มืออาชีพ ไก่กาอาราเร่ไม่ได้ นวดเลยครับคุณจุลลา อย่ารอช้า” ครรชิตบอก จุลลายังอึ้ง “นวดสิครับ”
“เอ่อ ค่ะ นวดค่ะนวด”
ครรชิตกลับมายืนประจำตำแหน่งเดิมประกบเดือนพิไล เดือนพิไลจะเข้าไปอีกแต่ครรชิตยกมือปรามไว้ คุณนายเง็กแอบยักคิ้วให้ครรชิต สื่อว่าทำดีมาก ผีเถ้าแก่สังเกตการณ์ด้วยความสนุกสนาน
“อาเง็กกะลื้อรับมุกกันเก่งดีจริงๆ เล่นตลกอยู่คาเฟ่ไหนวะ” ผีเถ้าแก่ชมครรชิต ครรชิตปาดเหงื่อ
จุลลาช่วยนวดคุณนายเง็ก พลางครุ่นคิด มีอะไรแปลกๆ สืบสายเองก็คิดเหมือนกับจุลลา รู้สึกผิดปกติ ส่วนเดือนพิไลมัวแต่โกรธลมออกหู จนไม่มีสติคิดว่านี่คือแผน
“ถ้าเป็นอั๊วน้า โดนแบบนี้ อั๊วเผ่นแล้ว ไม่กล้าอยู่ให้เป็นตัวตลกหรอก อั๊วอายเค้า” ผีเถ้าแก่พูดกับเดือนพิไล แต่เดือนพิไลไม่ได้ยินและกำลังโกรธ คิดว่าจะเอาไงต่อดี

ร้านสบายท้อง ป้าลำยองประชิดอยู่หน้าจอทีวี ติดตามละครอย่างใกล้ชิด
“ทำไมไม่มีคนมาช่วยเลยวะ เฮ้ย ใครก็ได้ช่วยมันที มันแย่แล้ว มันกำลังจะตาย” ป้าลำยองตะโกนบอกคนในร้าน จำรัส ดารากลัวแขกแตกตื่น จำรัสรีบพุ่งเข้ามาปิดทีวี “คุณจำรัสใจร้าย” ป้าลำยองต่อว่าจำรัส
“จะให้ใจดีกับแกต่อไป คงไม่ไหวล่ะมั้ง มองไปรอบๆ ซิ เห็นอะไรมั้ย”
ป้าลำยองหันมองรอบๆ แขกมองมาที่ลำยองตื่นๆ แขกคนหนึ่งสั่งลีลาเก็บเงินทันที ทั้งที่ยังไม่อิ่ม
“แขกลุกหนี”
“เออ เพราะอาการอินเกาะขอบจอของแกนั่นแหละ”
“แย่จังนะคะ”
“มันแย่มาก ทีหลังจะดูละคร ไปดูหลังบ้านเลยนะ ฉันขอสั่ง”
แขกอีกโต๊ะเห็นจำรัสเสียงดัง สั่งมะขวิดเช็ดบิลอีก ดารารีบเข้ามาปรามจำรัส
“คุณก็อีกคน มองไปรอบๆ ซิ เห็นอะไรมั้ย” จำรัสเห็นแขกลุกหนี
“แขกลุกหนี”
“ค่ะ เป็นใคร ใครก็หนี เดี๋ยวนี้เป็นอะไรนักหนาคุณจำรัส นิดหน่อยก็อารมณ์เสีย วัยทองหรือไง”
“แอ็คติ้งนังลำยอง นี่เรียกว่านิดหน่อยเหรอ”
“เล่นใหญ่มากนะคะ” ลีลาบอก
“จริงๆ แล้วใหญ่มากกว่านี้ได้อีกนะคะ” ป้าลำยองบอก
“พอแล้ว” จำรัสบอกเสียงเข้ม
“เห็นมั้ย นี่ก็อีก จะหงุดหงิดอะไรตลอดเวลา ที่นี่กลายเป็นร้านสบายท้องกระทะร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่ มีแต่เสียงฉ่า ฉี่ เดือดปุดๆ ตลอดเวลา”
“พูดเลย ตั้งแต่คุณจูนไม่อยู่ครับ” มะขวิดบอก
ทุกคนอึ้ง หันไปมองจำรัส จำรัสหลบๆ ตา ไม่อยากให้ทุกคนรู้ว่าคิดถึงลูกมากมาย

สืบสายยื่นยาดมให้จุลลา แล้วตัวเองไปนวดเฟ้นคุณนายเง็กต่อ จุลลาช่วยอังยาดมให้คุณนายเง็กแทน สองคนผลัดกันยื่นยาดมเปลี่ยนกัน เพื่อให้อีกคนพักมือจากการนวด ผีเถ้าแก่ ครรชิตมองอย่างชื่นชม ผีเถ้าแก่หันมาข้างๆ เจอเดือนพิไลยังอยู่
“เฮ้ย ยังอยู่เรอะ”
ครรชิตหันมองเดือนพิไล
“อ้าว ยังไม่กลับเหรอครับ”
“เป็นห่วงคุณแม่”
“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มีทั้งบอสกับคุณจุลลาช่วยดูแลตั้งสองคนแน่ะ”
“อาหนูช่างเนี่ย เหมือนลูกสะใภ้ที่กำลังช่วยอาตี๋ปฐมพยาบาลอาแม่ผัวอยู่เลยนา” ผีเถ้าแก่บอก ขณะที่จุลลาส่งยาดมให้สืบสาย แล้วตัวเองก็นวดให้คุณนายเง็ก
“แน้ มีรับไม้ต่อกันด้วย ช่างเข้าขาเหมือนเกิดมาเพื่อจะเป็นคู่กัน”
จุลลาและสืบสายใจตรงกัน จับมือคุณนายเง็กข้างเดียวกันเพื่อจะนวด ทั้งสืบสายและจุลลาชะงัก อึ้ง มองหน้ากัน ครรชิตและผีเถ้าแก่พากย์รับกัน
“แน้ จับมือกันแล้ว”
“แน้ เปรี๊ยะปร๊ะ เปรี๊ยะปร๊ะ”
“แน้ ปิ๊ง ปิ๊ง ปิ๊ง ปิ๊ง”
สืบสาย จุลลาสะดุ้ง สะบัดมือคุณนายเง็กอย่างแรง คุณนายเง็กเจ็บจะร้อง แต่ไม่ทัน เพราะเดือนพิไลร้องออกมาก่อนด้วยความลืมตัว ไม่พอใจ
“โอ๊ย” ทุกคนชะงักหันมองเดือนพิไล เดือนพิไลหน้าเสีย รีบแก้ตัว “โอ๊ยยย พอดีนึกขึ้นได้ว่าคืนนี้มีนัดฟิตติ้งงานเดินแบบแฟชั่นวีค ลาล่ะค่ะ ฝากไว้ก่อนนะคะ เอ๊ย สวัสดีค่ะ”
เดือนพิไลไหว้ลาคุณนายเง็ก เดินออกไปอย่างหงุดหงิด
“อ้าว คุณมูน เดี๋ยวก่อน” สืบสายเรียก
“เห็นแฟนดีกว่าแม่ตัวเอง ใช้ไม่ได้” จุลลาต่อว่า สืบสายหันขวับมามองจุลลา
“นี่คุณ”
“ทำไม”
“ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อย่าพูด”
“ก็เห็นอยู่ เลยพูดเพื่อเตือนสติ ทำไม”
“ผมไร้สติตรงไหน เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้ไง แม่คุณนอนเป็นลมอยู่อย่างนี้ทั้งคนนะ ไม่ได้เรื่อง”
“จุลลา เธอกำลังเข้าใจผิดเรื่องฉันกับคุณมูน”
“ไม่ได้อยากเข้าใจถูก แต่อยากให้คุณทำในสิ่งที่ถูก คือดูแลแม่ ไม่ใช่ห่วงแฟน”
“เค้าไม่ใช่แฟนผม”
“ไม่ใช่แฟนแล้วควงมากินข้าวสองต่อสองเนี่ยนะ”
“สาม! ครรชิตอีกคน แต่นั่งคนละโต๊ะ”
“ถ้าไม่ใช่แฟน ครรชิตก็ควรจะได้นั่งร่วมโต๊ะ ไม่ใช่ถูกกำจัดไม่ให้เป็นก้างขวางคอ”
จุลลากับสืบสายเถียงกันไปมา ผีเถ้าแก่ดมยาดมตัวเองเฮือกกก ผู้จัดการร้านวิ่งเข้ามาพร้อมถ้วยยาหอม ครรชิตรับมาแต่ดื่มซะเอง คุณนายเง็กรีบแย่งยาดมมา เป็นลมจริงอีกรอบ
“เอิ่กกก”
“ท่านรอง/ หม่าม้า”
จุลลา สืบสายรีบเข้าไปดูคุณนายเง็ก
“ครรชิต ยาหอม” ครรชิตชูถ้วยเปล่า
“หมดแล้วครับ”
“ไอ้ครรชิต”

มุมหนึ่งในโรงแรม เดือนพิไลหงุดหงิด อกแทบระเบิด
“อ๊าย แผนสูงนักนะ คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าคิดจะกันฉันจากลูกชายแกน่ะ อ๊ายย ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้ รู้ไว้ซะ”
เดือนพิไลหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรออก “ฮัลโหล นี่! ตอนนี้ว่างเอาไฟล์รูปมาให้ฉันหรือเปล่า ต้องว่างสิ ไม่
ว่างไม่ได้”

สืบสายประคองเง็กเดินมา ครรชิตตามมา
“ครรชิต ไปเตรียมรถ เร็ว”
“ครับผม” ครรชิตรีบวิ่งออกไป
“หม่าม้าเดินไหวมั้ย”
“ไหวๆ”
“หม่าม้ารู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่ หม่าม้ามีธุระอะไร รออยู่ที่บ้านก็ได้”
“เอ่อ ม้าจะมางานเลี้ยงรุ่นที่นี่”
“งานเลี้ยงรุ่น ที่นี่เหรอ” สืบสายทำหน้าแปลกใจ
“ใช่ แต่ม้าดันดูวันผิด ไม่ใช่วันนี้”
“แล้วยัยจุลลามากับหม่าม้าได้ไง”
“ม้าให้อาหนูช่างมาส่ง กลัวมาขัดจังหวะ เอ๊ย มาเต้นกิจกรรมเข้าจังหวะกับเพื่อนๆ ม้าไม่ทัน” สืบสาย
ตกใจ ไม่พอใจ
“ซ้อนมอเตอร์ไซค์ของยัยทอมนั่นเนี่ยนะ หม่าม้า”
คุณนายเง็กตกใจ สืบสายไม่พอใจจุลลามากที่ทำให้คุณนายเง็กเสี่ยงอันตราย เตรียมเอาเรื่อง

จุลลาเตรียมตัวขี่มอเตอร์ไซค์กลับ อารมณ์เสีย
“คืนนี้ฉันต้องฝันร้ายแน่ๆ” จุลลาจะสตาร์ทมอเตอร์ไซค์แล้วนึกขึ้นได้ “เถ้าแก่ กลับฮวงซุ้ยไปแล้วหรือยังเนี่ย”
จุลลาหันมองรอบๆ ไม่เห็นวี่แววของผีเถ้าแก่ “เป็นผีนี่ดีเนอะ จะไปไหนมาไหน หายตัวแวบก็เรียบร้อย”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวต่อหน้าจุลลา ยืนหันหลังอย่างเท่ในชุดแจ็คเก็ตหนัง โพกหัวด้วยผ้าโพกหัว เหมือนแก๊งมอเตอร์ไซค์ สุดๆ อ่ะ
“เฮ้ย” จุลลาตกใจ ผีเถ้าแก่ค่อยๆ หันมา
“จะรีบไปไหน รออั๊วก่อน”
“เอาชุดมาจากไหนอ่ะเถ้าแก่”
“พอดีนึกขึ้นได้ ว่าอาตี๋เคยเผากงเต๊กมาให้ ไง...แหล่มมั้ยอาหนูช่าง”
“มาก”
“แต่ยังไม่ครบชุด ขาดหมวกกันน็อก”
“แล้วทำไมไม่ให้อาตี๋ของเถ้าแก่เผามาให้”
“มันเคยสัญญาว่าจะเผามาให้ แต่ช่วงหลังงานยุ่ง เลยลืม ลื้อช่วยไปเตือนอาตี๋หน่อยสิว่าอั๊วฝากมาบอก”
“น่าน รู้ทันนะว่าคิดจะเชื่อมสัมพันธไมตรีให้หนูกับนายหยวกนั่น หนูเตือนแล้วนะ ว่าถ้ายังไม่เลิกเชื่อม หนูจะลาออก”
“อั๊วจำได้ อั๊วไม่ลืม ไอ้หยา อย่าซีเรียสน่า ก็แค่พูดไปขำๆ”
“จะไปด้วยกันเปล่าหรือจะหายตัวไปเอง”
“แล้วอั๊วจะแต่งชุดนี้ทำไมวะถ้าจะหายตัวไปเอง มันต้อง ติดเบาะ”
จุลลาซิ่งมอเตอร์ไซค์ออกไปโดยมีผีเถ้าแก่ในชุดหนังนั่งเท่ติดเบาะออกไป

สืบสายเดินประคองคุณนายเง็กเข้าบ้าน ป้าเมี่ยงเข้ามาเห็นแปลกใจ
“พาหม่าม้าไปพักผ่อนก่อนนะป้าเมี่ยง หม่าม้า เป็นลม” สืบสายบอก
“จริงเหรอคะ”
“ตอนแรกก็ไม่ แต่ตอนหลัง...” คุณนายเง็กชะงัก เพิ่งนึกได้ว่าลืมตัว รีบแก้ตัว “ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเยอะอย่างนี้ เลยทำให้มื้อเย็นของอาตี๋ล้มไม่เป็นท่าเลย อาตี๋ หม่าม้าขอโทษ”
“ไม่เป็นไรครับหม่าม้า เรื่องทานข้าวไม่ได้สำคัญเท่าเรื่องหม่าม้าไม่สบาย ผมต้องดูแลหม่าม้าก่อน”
“จริงเหรออาตี๋ เรื่องอื่นไม่สำคัญแน่นะ”
“ครับ หม่าม้าไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมมา”
สืบสายผลุนผลันออกไปเลย คุณนายเง็กเป็นกังวล
“อาตี๋ไปเอาเรื่องอาหนูช่างแน่ๆ เลย ไม่ได้ ต้องโทรส่งสัญญาณเตือน”
คุณนายเง็กควานหามือถือในกระเป๋า
“งานเลี้ยงรุ่นสนุกมั้ย อาเง็ก” เสี่ยตงถาม
“สนุกอะไร ไม่ได้...” คุณนายเง็กอึ้ง หันขวับเห็นเสี่ยตงเดินหน้าบึ้งมาหา สายตาคาดคั้น รู้ทัน
“ไม่ได้มีงานเลี้ยงรุ่นจริงๆ ใช่มั้ย”
คุณนายเง็กตกใจ เอาไงดี

“เพื่อนลื้อโทรมาฝากบอกว่า จะนัดคุยเรื่องงานเลี้ยงรุ่นอาทิตย์หน้า”
“เหรออออ”
“เออ ลื้อไปหาอาตี๋มา ลื้อกำลังวางแผนขัดขวางการสานสัมพันธไมตรีระหว่างอาตี๋กับหนูมูน ลื้อผิดสัญญา”
“เหรออออ”
“เออ”
“เออ อั๊วผิดสัญญา แล้วลื้อจะทำไม”
“อั๊วก็จะผิดบ้างไง ลื้อไม่สนับสนุนหนูมูน อั๊วจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามลื้อ”
“ลื้อกล้าเหรอ”
“กล้าได้มากกว่าที่ลื้อคิด”
“แต่ลื้อจะไม่มีทางชนะ”
“งั้นก็มาลองดูสักตั้ง”
“ได้ งานนี้ไม่มีกฎเกณฑ์กติกา”
“แล้วลื้อจะต้องแพ้อั๊ว”
เสี่ยตงและเง็กท้าทายกัน ไม่มีใครยอมใคร

จุลลากำลังไขประตูเข้าบ้านพัก สะพายเป้อยู่ข้างหลัง จุลลาไขประตูเรียบร้อยจะเปิดเข้าไปแล้วชะงัก นึกขึ้นได้ หันไปหาผีเถ้าแก่ที่อยู่ในชุดหนังยืนเต๊ะจุ๊ยอยู่
“เมื่อยมั้ยเถ้าแก่”
“เมื่อยสิวะ ถามได้”
ผีเถ้าแก่ยืนปกติ หมดความเท่
“ชอบใส่ชุดแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ความใฝ่ฝันเลยล่ะ ใส่ชุดแบบนี้แล้วขี่รถแบบลื้อ แต่อั๊วมัวแต่ค้าขายเลยไม่เคยทำตามความฝัน อาตี๋อีรู้ใจอั๊ว จำไว้นะอาหนูช่าง ฝันอะไรไว้ต้องรีบทำ ชีวิตคนมันสั้น”
จุลลายิ้มอ่อนโยน เป็นมิตรมากขึ้น
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
“แค่เนี้ยะ”
“เอ๊า แล้วจะให้แค่ไหน หนูง่วง จะรีบนอน”
“แต่อั๊วไม่ต้องนอนนี่หว่า”
“ถามจริงเถอะเถ้าแก่ ทำไมไม่ไปเกิดใหม่สักที”
“จะไปได้ไง ห่วงอันเบ้อเริ่ม ถ้าอั๊วยังไม่หมดห่วง อั๊วก็ยังไปไหนไม่ได้”
ผีเถ้าแก่หมองลง จุลลานึกเห็นใจ

เดือนพิไลอยู่ในผับแห่งหนึ่งกำลังเปิดดูรูปในกล้องถ่ายรูปที่ให้ปาปาราซซี่ถ่ายไว้ ปาปาราซซี่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม รูปในกล้องเป็นรูปแอบถ่ายสืบสายประคองเดือนพิไลหลายช็อต ดูใกล้ชิด สนิทสนม เดือนพิไลยิ้มอย่างพอใจ
“ดีมาก เอาลงไปทุกรูปเลย ลงให้หมดทุกช่องทางในโซเชียลมีเดีย”
“ขอเงินค่าจ้างก่อนครึ่งนึง”
“อะไรกัน งานยังไม่เสร็จ มาขอเบิกเงินก่อนได้ไง”
“กันคุณเบี้ยว”
“นี่ เป็นแฟนคลับฉันมานาน แค่นี้ก็ไม่ไว้ใจกันเหรอ ไม่รักกันจริงนี่”
“รักน่ะรักครับ แต่นี่เป็นธุรกิจ ไม่เกี่ยวกัน ไม่งั้น จะไม่ลงและจะแฉซ้ำ”
“อย่ามาหัวหมอ”
“จะลองก็ได้นะครับ” เดือนพิไลเจ็บใจ เปิดกระเป๋าเงินหยิบแบงค์พันให้ห้าใบ “ขอบคุณครับ แล้วผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง จะได้รักกันต่อไปนานๆ” ปาปาราซซี่มองเครื่องดื่มบนโต๊ะ “เลี้ยงผมด้วยนะ สวัสดีครับ”
ปาปาราซซี่รับเงิน แต่ถือโอกาสจับมือเดือนพิไลเบาๆ เดือนพิไลรีบชักกลับ ทรงเดชเดินผ่านมาเห็นเดือนพิไลก็จำได้ ทรงเดชนึกแปลกใจที่เห็นเดือนพิไลจับมือกับผู้ชาย รีบเดินเข้าไปหาเดือนพิไลทันที ในจังหวะเดียวกับที่ปาปาราซซี่เดินออกไปอีกทาง
“สวัสดีครับคุณเดือนพิไล อ้าว แฟนกลับแล้วเหรอครับ” ทรงเดชทักเดือนพิไลแต่เดือนพิไลไม่รู้จักทรงเดช
“ไม่ใช่แฟน แต่เป็นแฟนคลับ แล้วคุณ ใครเนี่ย” ทรงเดชหน้าเสีย รีบคืนฟอร์ม
“ผมทรงเดช เป็นเพื่อนกับสืบสาย เจ้าของแบรนด์ที่คุณเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ไงครับ” เดือนพิไลเปลี่ยนท่าทีทันที ยิ้มหวาน
“อ๋อ เพื่อนคุณสืบ สวัสดีค่ะ”
ทรงเดชหัวใจพองโต ในขณะที่เดือนพิไลหวังตีสนิททรงเดชเพื่อประโยชน์ในการเข้าหาสืบสาย

ผีเถ้าแก่ยังยืนเศร้าอยู่หน้าบ้านพักจุลลา จุลลาเข้าไปจ้องตา
“เศร้าจริงป่ะเนี่ย”
“จริง”
“มองตาหนูสิ อย่าหลับใส่”
“มองอยู่ ไม่ได้หลับ”
“เออ จริง”
“นี่ถ้าไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อน อั๊วจะจับลื้อหักคอ หนอย”
“แล้วเถ้าแก่ห่วงเรื่องอะไร ถึงทำให้ไปเกิดใหม่ไม่ได้”
“อั๊วห่วงว่าอาตงอีจะขายโรงงาน ขายที่ ขายทุกอย่างที่อั๊วสร้างมาและอีกอย่าง...”
“จุลลา”
เสียงสืบสายดังแทรกเข้ามา จุลลา ผีเถ้าแก่ชะงักหันไปมองเห็นสืบสายเดินเข้ามา หน้าตาเอาเรื่อง
“ห่วงอาตี๋ของอั๊วนี่แหละ” ผีเถ้าแก่บอก สืบสายเดินมาหยุดตรงหน้าจุลลา “อีเป็นความหวังของอั๊ว แต่ถ้ามังกรไร้หัว หางก็ตีกันเอง ถ้าคานบนเอน คานล่างก็เบี้ยว ถ้าเสาเอกเฉียง เสาโทก็เฉ โรงงานอั๊วก็จะล่มสลาย คนตกงานเป็นเบือ ไหนจะลูกเมียของแต่ละคนอีก มันคือปฏิกิริยาลูกโซ่”
จุลลาอึ้ง หันมองผีเถ้าแก่ รู้สึกเห็นใจ
“จุลลามองฉัน” สืบสายบอก จุลลาถอนใจ ใจเย็นลง
“มีอะไรก็พูดมา”
“ฉันขอสั่ง ห้ามพาแม่ฉันซิ่งมอเตอร์ไซค์เธอออกไปข้างนอกอีก”
“แต่ขี่เล่นแถวนี้ได้ใช่ป่ะ”
“จุลลา ฉันซีเรียสนะ” จุลลาอึ้ง แปลกใจ
“ทำไมคราวนี้ไม่โวยวายเหมือนทุกที”
“ไม้แข็งคงใช้ไม่ได้กับคนอย่างเธอ ดื้อด้าน ยิ่งตียิ่งต้าน ถูกมั้ย”
“ก็ดี รู้จักนิสัยฉันไว้ จะได้คุยกันง่ายๆ หน่อย”
“ดีมากอาตี๋ จำไว้นะ อำนาจที่ปราศจากเหตุผลคืออำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตาคืออำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย เพราะฉะนั้นพูดดีต่อกัน เจรจาด้วยเหตุและผล” ผีเถ้าแก่บอกแต่สืบสายไม่ได้ยิน
“ฉันรู้ว่าเธอลำบากใจเพราะเป็นคำสั่งของท่านรอง แต่ฉันอยากให้เธอหาทางปฏิเสธ ฉันไม่อยากให้เธอเอาชีวิตแม่ฉันไปเสี่ยง เกิดอะไรขึ้นก็เนื้อหุ้มเหล็ก อันตราย” สืบสายบอก
“อีกำลังเตือนลื้อแบบอ้อมๆ เพราะเป็นห่วงลื้อด้วยนะเว้ยเฮ้ย อาหนูช่าง” ผีเถ้าแก่บอก
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น มีใครเจ็บ ก็ขอให้มีแค่เธอ ไม่ใช่แม่ฉันอีกคน”
“อ้าว เฮ้ย” จุลลากับผีเถ้าแก่อุทานออกมาพร้อมกัน
“นี่แช่งกันนี่”
“จะดีอยู่แล้วเชี้ยวว อาตี๋เอ้ย ปากเสียเหมือนใครวะ”
จุลลาชี้ไปที่ผีเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่รีบหลบ ไม่ยอมรับว่าตัวเองก็ปากเสีย
“จะมาพูดแค่นี้แหละ”
สืบสายรีบเดินออกไป จุลลาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธเต็มที่
“ใจเย็น อาหนูช่าง ใจเย็นๆๆ นั่นเจ้านาย ท่องไว้”
สืบสายชะงัก หันมาพูด
“เดือนพิไลไม่ใช่แฟนฉัน เข้าใจซะด้วย”
“มาบอกฉันทำไม”
“ฉันบอกทุกคน ไม่ได้บอกแค่เธอ อย่าสำคัญตัวผิด”
“เฮ้ย”
จุลลาเจ็บจี๊ดเมื่อโดนดอกที่สอง สืบสายออกไป จุลลาอกจะระเบิด
“ถ้ามันรกอกๆ มาก ก็ยกออก ยกออก ยกออก” ผีเถ้าแก่บอก

คืนนั้นระหว่างอยู่ในห้อง สืบสายล้มตัวลงนอน เปิดไอแพดอ่านข่าวธุรกิจต่างประเทศในอินเตอร์เน็ต รู้สึกว่าอ่านไม่รู้เรื่อง
“เป็นผู้หญิง บ้าบิ่นเกินชาย อ้อ ลืมไป ยัยนั่นเป็นทอม”
สืบสายหงุดหงิดตัวเองที่คิดถึงจุลลา ปิดไอแพด หรี่ไฟหัวเตียง นอน

ที่ฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่นั่งจิบน้ำชาสบายใจอยู่ในห้องชุดที่เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน นั่งดูทีวีจอแบน 52 นิ้ว ในจอทีวีคือภาพสืบสายกำลังปิดไฟหัวเตียงจะนอน
“ไอ้หยา อาหนูช่างอีไม่ได้เป็นอย่างที่ลื้อเข้าใจนา”
ผีเถ้าแก่หยิบรีโมทมาเปลี่ยนช่อง

ในห้องนอนจุลลา จุลลายืนมองชุดนอนลูกไม้ที่วางแผ่บนเตียง เห็นเป้เสื้อผ้าวางอยู่ข้างๆ ซึ่งจุลลารื้ออกมาเพื่อจัดเก็บเข้าตู้ จุลลาเซ็งมากรีบไปหยิบมือถือมากดเบอร์โทรออกแล้วรอสาย
ที่บ้านจุลลา จำรัสนั่งมองโทรศัพท์บ้านอย่างใจจดใจจ่อ ดารากำลังเตรียมของใส่บาตรตอนเช้า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จำรัสสะดุ้งจะรีบรับ แต่ชะงัก ปล่อยให้ดังต่อไป
“คุณจำรัส ทำไมไม่รับโทรศัพท์คะ” ดาราถามสามี
“รีบรับ เดี๋ยวมันคิดว่าเรารอโทรศัพท์มัน”
“แล้วรอจริงๆ หรือเปล่าล่ะ”
“เออน่า แม่ก็ มันก็ต้องมีกลยุทธกันบ้างสิ เดี๋ยวมันจะคิดว่าพ่อแม่คือลูกไก่ในกำมือ นึกจะโทรก็โทร จะไม่โทรก็หายไปไม่ติดต่อ ไม่ด้ายยย” ดาราเดินมารับเอง
“งั้นฉันรับเอง อาจจะเป็นสายคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกจูนก็ได้ คุณนี่!...ฮัลโหล”
จำรัสชะโงกไปฟังด้วยใกล้ๆ ขณะนั้นจุลลาถือชุดนอนลูกไม้อยู่
“แม่ จูนเองนะคะ”
“ลูกจูน” จำรัสรีบแย่งโทรศัพท์มา
“อะไรไอ้จูน ดึกดื่นจะโทรมาทำไมเนี่ย พ่อจะนอนแล้ว”
“ก็จูนจะคุยกับแม่ ไม่คุยกับพ่อ”
“เออ ทำยังกะฉันอยากคุยกับแก”
“โอ๋ อย่างอนน่า รู้นะว่ารอโทรศัพท์จูนอยู่ คิดถึงนะ จูนสบายดีทั้งกายและใจและยังไม่มีคนมาจีบ สบายใจยัง”
“เออ ดี! งั้นคุยกับแม่นะ พ่อจะไปนอน”
จำรัสคืนโทรศัพท์ให้ดารา ทำเป็นเดินจะไปนอน แต่ก็เลี้ยวมายืนฟังดาราคุยกับจูนอยู่ข้างหลัง ดารายิ้มรู้ทัน
“ลูกจูน เป็นยังไงบ้างคะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ยคะลูก”
“แม่ทำร้ายจูนอ่ะ ชุดนอนของจูนอยู่ไหน” ดาราทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เอ๊า ตายจริง นี่แม่ไม่ได้เอาชุดนอนจัดลงกระเป๋าให้ลูกจูนเหรอ”
“จูนไม่ใส่ผ้าม่านนอนนะแม่! ยังไงก็ไม่ใส่”

จุลลาอยู่ในชุดนอนลูกไม้ยืนมองตัวเองในกระจกอย่างไม่คุ้นเคย
“ใส่ไปก่อนก็ได้วะ”
จุลลาเดินไปที่เตียง
ผีเถ้าแก่ดูทีวีอยู่ในฮวงซุ้ย ในจอทีวีคือภาพจุลลาในชุดนอนลูกไม้กำลังเดินไปที่เตียง
“ไอ้หยา อาหนูช่างอีนี่สวยไม่ใช่เล่น เสียดายอาตี๋ไม่มีทางเห็นลื้อตอนเป็นผู้หญิง เห็นตอนเป็นช่างอย่างเดียว อั๊วจะทำยังไงดี”
เถ้าแก่หยิบป๊อบคอร์นในถังมากิน ใช้ความคิด

อีกด้านหนึ่งที่ผับ เดือนพิไลนั่งฟังทรงเดชโม้แล้วแอบเซ็ง
“สืบเค้าไว้ใจผม ผมก็เห็นใจเพื่อน สงสาร ไม่มีใครช่วย ลูกน้องก็ไม่ได้เรื่อง ทำงานกันไม่เป็น เหนื่อยอีกเยอะ”
“เหรอคะ แล้วยัยที่ดูทอมๆ หน่อยล่ะคะ เป็นลูกน้องทำงานใกล้ชิดสืบหรือเปล่า”
“อ๋อ ยัยจุลลา หัวหน้าแผนกซ่อมบำรุงคนนั้นเหรอ ไม่ได้ใกล้ชิดอะไรหรอก เค้าขึ้นตรงกับผม ทำไมคุณมูนถึงได้อยากรู้เรื่องยัยจุลลานั่นมากเป็นพิเศษ”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีได้เจอกันเมื่อตอนเย็น เลยนึกสงสัย”
“เจอที่ไหนครับ”
“เค้าพาคุณแม่คุณสืบสายมาที่ร้านอาหารที่มูนดินเนอร์กับคุณสืบค่ะ”
“ยัยนั่นเลียแข้งเลียขาท่านรองถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“คงจะอย่างนั้นล่ะค่ะ เห็นเอาอกเอาใจคุณแม่สารพัด ลูกหลานก็ไม่ใช่ แต่ทำตัวตีสนิท คงหวังจะไต่เต้าข้ามหัวคุณทรงเดชมั้งคะ”
“ยัยจุลลา”
เดือนพิไลยิ้มกริ่มที่ปั่นทรงเดชสำเร็จ หวังยืมมือทรงเดชแกล้งจุลลา
“คุยกับคุณตั้งนาน ดึกแล้วล่ะ มูนเห็นทีจะต้องขอตัวนะคะ”
ทรงเดชรีบจับมือเดือนพิไลเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิครับ ราตรีนี้ยังอีกยาวนานน้า”
“มูนมีถ่ายละครแต่เช้า คงยาวไม่ได้หรอกค่ะ ไว้เจอกันใหม่นะคะ”
เดือนพิไลแกะมือทรงเดชออก ยิ้มยั่ว ทรงเดชหัวใจพองโต เดือนพิไลเดินออกไป ทรงเดชมองตามตาเยิ้ม
“ไอ้ทรงเดช”
ทรงเดชหันไปเจอคิตตี้ยืนอยู่ด้วยท่าทางโกรธจัด ถือแก้วเครื่องดื่มในมือ สาดใส่หน้าทรงเดชโครม
“เฮ้ย อะไรวะ”
“อะไรล่ะ ยืมเงินฉันแล้วไม่คืน หนีลอยนวลเลยนะ นึกแล้วว่าแกต้องอยู่ที่นี่ ไอ้แมงดา”
ทรงเดชอายสายตาคน รีบลากคิตตี้ออกไปทันที

ทรงเดชพาคิตตี้ออกมาเจรจาสงบศึกนอกผับ
“ใจเย็นๆ สิจ๊ะ คิตตี้”
“ไม่เย็น มีกิ๊กใหม่เป็นดาราแล้วใช่มั้ย ฉันเห็นนะว่าจับมือถือแขนกัน”
“ไม่ใช่ กิ๊กเกิ๊กที่ไหน นั่นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัท”
“ไม่สน ตอนนี้ ใช้หนี้ฉันมาเลย ไม่งั้นฉันอาละวาดบุกถึงออฟฟิศแกแน่”
“โอ๊ย อย่าทำอย่างนั้น” ทรงเดชรวบมือของคิตตี้เอาไว้ เอามาหอม จูบ “คนรักกันไม่ทำร้ายกัน จริงมั้ย”
“ฉันเลิกรักแกตั้งนานแล้ว หลอกฉันว่าเป็นลูกผู้ดีมีเงิน จริงๆ แล้วก็มีแต่เปลือก”
“คิตตี้ อย่าเสียงดังได้มั้ย อายเค้า”
“เรื่องของแก แต่ฉันไม่อาย ถ้าไม่ใช้หนี้คืนฉันให้ครบห้าแสนภายในเดือนนี้ แกได้อายคนมากกว่านี้แน่”
“คิตตี้จะทำอะไร”
“จะแจ้งตำรวจจับแกฐานฉ้อโกง เพราะสัญญายืมเงินฉันมี แล้วฉันจะบุกไปประจานแกถึงที่ทำงาน ฉันจะแฉพฤติกรรมแกให้หมดว่าแกติดหนี้ชาวบ้านทั่วบ้านทั่วเมือง”
“นังคิตตี้”
ทรงเดชปราดเข้าไปจะทำร้ายคิตตี้ ชายฉกรรจ์สองคนเข้ามาประกบคิตตี้ ทรงเดชผงะ
“แกไม่มีทางได้แตะตัวฉันอีกแม้แต่ปลายเล็บ แกเห็นหน้าลูกน้องพ่อฉันมั้ย”
“เห็นจ๊ะ”
“เพิ่งออกจากคุกข้อหาฆ่าคนตาย”
“หือ”
“และแกคือศพต่อไป ถ้าไม่เอาเงินมาคืนฉัน จำได้มั้ย ฉันลูกใคร”
ทรงเดชจ๋อย คิตตี้เดินออกไปกับชายฉกรรจ์
“ซวยแล้ว ไม่น่าไปยุ่งกับลูกสาวมาเฟียเลย ทำไงดีวะ” ทรงเดชร้อนรน

ที่ฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่คิดแผนบางอย่างออก
“ก็ทำอย่างนี้ไง อั๊วคิดออกแล้ว” ผีเถ้าแก่กดรีโมทอีกครั้ง ภาพในจอทีวีแบ่งเป็นสองฝั่ง คือภาพสืบสายและจุลลาทั้งสองคนหลับสนิท “นอนหลับกันแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นขอให้ลื้อทั้งสองคนนอนหลับฝันดีน้า ฮ่าๆๆ”
ผีเถ้าแก่หัวเราะอย่างสบายอกสบายใจ ที่จอทีวีสืบสายและจุลลานอนหลับสนิท
จุลลาหลับอยู่ ได้ยินเสียงผีเถ้าแก่หัวเราะ จุลลาขยับรู้สึกตัว หงุดหงิด
“โอยยย เถ้าแก่ ไม่เอา หนูจะนอน ไม่คุยด้วย”
จุลลาเอาหมอนปิดหัว เสียงหัวเราะของเถ้าแก่หายไป จุลลารู้สึกว่าเหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างเตียง จุลลาเอาหมอนออก พลิกตัวกลับเห็นสืบสายยืนอยู่ มองมาที่จุลลางงๆ จุลลาเองก็ตกใจที่เห็นสืบสายอยู่ในห้องจะอ้าปากไล่ แต่ขยับปาก ขยับตัวไม่ได้ หนักอึ้ง
สืบสายค่อยๆ นั่งลงบนขอบเตียง เห็นจุลลาในชุดนอนสวยงามดูเป็นผู้หญิง ยิ้มอย่างพึงพอใจ จุลลาพยายามจะลุกขึ้น เพื่อจะไล่สืบสายออกไปจากห้อง แต่ก็ขยับตัวไม่ได้ ร้องก็ร้องไม่ออก สืบสายมองจุลลา สายตาอ่อนโยน เอื้อมมือมาปัดผมที่ยุ่งเหยิงให้ จุลลาตัวเกร็งไปหมด สืบสายชะงักมือ ค่อยๆ เท้าแขนคร่อมร่างของจุลลาไว้ โน้มตัวต่ำลงมา จุลลาตกใจ กลัว ออกแรงดิ้นสุดแรง หลับตาเบ่งพลังพร้อมตะโกน
“อย่านะคุณสืบสาย”
จุลลาทะลึ่งตัวลุกขึ้นได้ ลืมตาขึ้น ไม่เห็นสืบสายแล้ว จุลลามองไปรอบๆ ห้อง มีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟ
จุลลาล่วงรู้ได้โดยสัญชาติญาณจึงตะโกนลั่น
“เถ้าแก่” เงียบ ไม่มีการตอบรับ “ห้องนอนหนูห้ามใครเข้ามาทั้งนั้น ไม่ว่าเถ้าแก่หรือหลานชาย หนูบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าเถ้าแก่ทำอะไรแบบนี้อีก หนูจะไม่พูดด้วย และจะลาออก”
มีแต่ความเงียบแทนคำตอบ แต่จุลลารู้ดีว่าผีเถ้าแก่ต้องได้ยิน

สืบสายนอนลืมตาโพลงบนเตียง ดีดตัวขึ้น ด้วยความงงงวย
“ยัยนั่นใส่ชุดนอนผู้หญิง ไม่มีทางเป็นความจริงแน่นอน” สืบสายลูบหน้า สลัดความคิด “ฝันร้ายชัดๆ”
สืบสายล้มตัวนอนต่อ พยายามข่มตาให้หลับ
ผีเถ้าแก่หลบอยู่หลังโซฟา มองไปที่จอทีวี
“ไอ้หยา อาหนูช่างอีพูดจริงป่ะวะ เอาไงดีวะเนี่ย”
ผีเถ้าแก่ร้อนใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นที่มุมตอกบัตรโรงงานปาล์มโปรดักส์ แสบตอกบัตร เอาบัตรไปเสียบ เข่ง ถัด หยิก รอเข้าคิวตอกบัตรอยู่ข้างหลังแสบ
“เฮ้ย พี่จูนมาหรือยังวะ”
“ยังไม่เห็นเลยพี่”
“ในลักษณะของการยังมาไม่ถึง ฉันสันนิษฐานว่า ยังมาไม่ถึง และ...”
“ถ้ามึงไม่หยุดพูด กูต่อยปากแตก”
“แปลกแฮะ พี่จูนมาสายกว่าพวกเรา เมื่อคืนเจอศึกหนักหรือไงวะ”
“ศึกไรพี่แสบ”
“ต้องถามเจ้าตัว”
แสบและลูกน้องเป็นห่วงจุลลา

จุลลาจอดมอเตอร์ไซค์แบบผิดๆ ถูก เพราะความเหม่อลอย สติกระเจิงจากความฝันเมื่อคืน แสบและลูกน้องเดินเข้ามาเห็นอาการของจุลลาที่จอดมอเตอร์ไซค์ไม่เสร็จสักที ทุกคนแปลกใจ จุลลาจอดมอเตอร์ไซค์ได้ สะพายเป้ ก็สวมผิดสวมถูก
“เอาๆๆ พี่จูน”
“เฮ้ย” จุลลาตกใจ แสบและลูกน้องตกใจ สะดุ้ง คิดว่าจุลลาเห็นผี พรวดเข้ามาเกาะหลังจุลลา
“ว้าก อย่าบอกนะว่าพี่เห็นผีอีกอ่ะ”
“ไม่ได้เห็นผี”
“ก็เห็นตกใจ”
“ตกใจเสียงแกนั่นแหละ”
“แล้วไป แล้วตกใจทำไม”
“ตกใจก็คือตกใจ ไม่มีเหตุผล”
“วันนี้ตื่นสายเหรอพี่”
“เปล่า ตื่นเช้าปกติ แต่....หลงทาง”
“หา”
แสบและลูกน้องแปลกใจ

จุลลาเดินมา แสบและลูกน้องตามติด
“พูดเป็นการ์ตูน จากบ้านพักนายช่างมาโรงงาน มันใกล้ค่อดๆ แค่เลี้ยวเดียวก็ถึง พี่บ้าเปล่า”
“เออ ตอนนี้ใกล้บ้าแล้ว”
จุลลาเบรกเอี๊ยดกะทันหัน จนแสบและลูกน้องเบรกแทบไม่ทัน เกือบชน
“หยุดเดินทำไมเนี่ย”
จุลลาหันหน้ามา หน้าเสีย ไม่กล้าหันกลับ
“ทำไมต้องเจอตอนไม่อยากเจอด้วยวะเนี่ย”
“เจอผีเหรอพี่” เข่งตกใจ ทุกคนตกใจเตรียมโกย
“ว้าก”
“คน ไม่ใช่ผี โน่น”
แสบและลูกน้องหยุดโวย หันมองชัดๆ เห็นสืบสายและครรชิตกำลังเดินไปทางหนึ่ง
“เอ็มดีกับคุณเลขา ทำไมไม่อยากเจอเค้าล่ะพี่”
“อย่าเสียงดัง”
“แล้วทำไมต้องหน้าแดง หูแดงด้วยล่ะพี่”
“ร้อน”
“แล้วทำไมต้องจิกปลายเท้าด้วยล่ะพี่”
ท้าจุลลาพ้อยต์เท้าอยู่เป็นท่าผู้หญิงเวลาอายชัดๆ
“ว่าจะลองเต้นบัลเล่ต์ดู แต่เจ็บเนอะ ไม่ลองแระ” จุลลาเอาผมทัดหู
“แล้วทำไมต้องเอาผมทัดหูด้วยล่ะพี่”
“โอ๊ย ก็คนมันเขิน จะถามอะไรนักหนา” จุลลาลืมตัวโมโห เสียงดัง สืบสาย ครรชิตได้ยินหันมามอง
จุลลาตกใจหันไปมองเห็นสืบสายมองมา ทั้งสืบสายและจุลลาสบตากัน อึ้ง ภาพในความฝันขณะที่สืบสายโน้มตัวลงต่ำจนใกล้จะชิดใบหน้าของจุลลาเข้ามาในความของทั้งสองคน สืบสายและจุลลายืนนิ่งตัวแข็ง แสบและลูกน้อง รวมทั้งครรชิตสังเกตอาการของลูกพี่ตัวเองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเห็นเส้นใยพิเศษที่เรียกว่าสองคนนี้กำลังหวั่นไหวต่อกัน
“ฮั่นแน่”
ครรชิตและแสบพูดออกมาพร้อมกัน สืบสายและจุลลาสะดุ้ง สืบสายรีบเดินออกไป ครรชิตตาม จุลลารีบวิ่งเข้าโรงงานไปอีกทาง แสบและลูกน้องตามจุลลาไปเพื่อซักฟอกต่อ

จุลลาเข้ามาในห้องพักแผนกซ่อมบำรุง ชนโต๊ะ เก้าอี้โครมคราม แสบและลูกน้องตามมา จ้องจุลลา คาดคั้นหาความจริง
“พี่จูน ถามจริง เมื่อคืนไปโดนอะไรมา”
“ยังไม่โดน แต่เกือบ...” จุลลาชะงัก รู้ตัวว่าหลุดปาก “อุ๊บ”
แสบและลูกน้องเข้าไปซักฟอกทันที
“เกือบอัลไลลลล”
จุลลาอึกอัก รีบเบี่ยงประเด็น
“แล้วงานที่ต้องทำให้เสร็จวันนี้ จะเสร็จทันมั้ย”
แสบและลูกน้องดูเวลา ทุกคนสลายตัวทันที
“ทำงานๆๆ โว้ยยย”
“ถ้าทำไม่เสร็จ พวกแกเจอเล่นแน่ พูดเลย ทำจริง”
“ครับพี่”
จุลลาโล่งอก นั่งตั้งสติ พยายามรวบรวมประกอบจิตให้แข็ง จุลลามองไปรอบๆ มองหาผีเถ้าแก่
“ไม่กล้ามาสู้หน้าล่ะสิ เถ้าแก่”

สืบสายอยู่ที่ห้องทำงาน นั่งมองผ้าเช็ดหน้าของจุลลาในมือ ครรชิตยกกาแฟมาเสิร์ฟ วางไว้ใกล้ๆ มือถือของสืบสาย
“กาแฟมาแล้วนะครับบอส”
“อืม ขอบใจ” สืบสายบอกโดยไม่ได้หันมามอง สืบสายจะหยิบถ้วยกาแฟ แต่ดันไปหยิบมือถือมายกดื่ม ซูดดดด
“บอสครับ มือถือไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อดื่มนะครับ” สืบสายอึ้ง มองมือถือในมือ “มันเอาไว้ใช้ติดต่อสื่อสารผ่านสัญญาณดาวเทียมครับ การบริโภคมันจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้”
สืบสายวางมือถือลงเนียนๆ
“ฉันก็...เล่นมุกให้ขำๆ ไปงั้นแหละ”
“ไม่ใช่เพราะอาการเขินเพราะเห็นหน้าคุณจุลลาเมื่อกี้เหรอครับ”
“ไปทำงาน”
“ครับผม”
ครรชิตรีบออกไป สืบสายมองผ้าเช็ดหน้าจุลลา เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ผีเถ้าแก่เข้ามาเห็นสืบสายยิ้มแล้วอดยิ้มตามไม่ได้
“อั๊วไม่ได้เห็นลื้อยิ้มแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะอาตี๋” สืบสายหุบยิ้มทันที
“ยิ้มทำไม” สืบสายพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ
“อยากยิ้มก็ยิ้ม จะฝืนใจตัวเองทำไม น่าเบื่อไอ้พวกปากไม่ตรงกับใจ ว่าแต่นั่นผ้าเช็ดหน้าใคร” สืบสายมองผ้าเช็ดหน้า
“ควรจะเอาไปคืนเจ้าของสักที ไม่งั้นกลายเป็นผ้าขี้ริ้วแน่”
สืบสายลุกออกไป ผีเถ้าแก่นึกขึ้นได้
“ของอาหนูช่างนี่หว่า บ๊ะ ผ้าเช็ดหน้าแมนแท้ มิน่าล่ะ อาตี๋ถึงได้คิดว่าอีเป็นหัวหอม”
ผีเถ้าแก่รีบตามสืบสายไปทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น

จุลลาเดินมาจะตรวจงานลูกน้องที่กำลังซ่อมบำรุงเครื่องจักร ไม่เห็นแสบ
“แสบไปไหน”
“ไปลงทะเบียนพี่” เข่งบอก
“ลงทะเบียน ทะเบียนอะไร”
“ทะเบียนหัวใจ ให้น้องเค้าเห็นหน้าว่ามาแล้ว”
“ไอ้แสบ ส่วนตัวในเวลางานตลอด เดี้ยะ จะไม่ส่งเรื่องพิจารณาขึ้นเงินเดือน”
ทุกคนสะดุ้ง รีบขยันทำงานทันที จุลลาเดินออกไป เพื่อจะไปตามแสบให้มาทำงาน

น้ำหวานนั่งทำงานที่โต๊ะหน้าห้องทรงเดช แสบค่อยๆ เลาะไต่ผนังออฟฟิศเข้ามาหาน้ำหวาน น้ำหวานเห็นด้วยหางตา ทำไม่สนใจ ก้มหน้าทำงานต่อไป แสบค่อยๆ เลาะเข้ามาที่โต๊ะ เยี่ยมหน้าเข้าไปยิ้มหวานให้น้ำหวาน
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ น้องน้ำหวาน”
“กองไว้ตรงนั้น”
“อุ๊ย ใจสลายเลยอ่ะ เหมือนคำทักทายของพี่ไม่มีค่า”
“ใช่ เพราะไม่อยากได้”
“ไม่คิดจะรับเอาไว้พิจารณาหน่อยเหรอ”
“ไม่”
“ก็ได้ แล้วนายส่งเดชมายัง”
“ยัง เข้าบ่ายๆ โน่น เค้าบอกว่ามีประชุมกับซัพพลายเออร์ข้างนอก”
“แล้วทำไม ย้ายโต๊ะออกมาข้างนอกแล้วล่ะ ไหนไอ้ส่งเดชมันบอกว่าจะให้น้องนั่งข้างใน”
“ฉันบอกเค้าว่า ฉันเป็นโรคกลัวห้องแคบๆ ขืนให้อยู่ในนั้น มันจะชัก”
“สวยด้วย ฉลาดด้วย เหมาะมากที่จะเป็นแม่ของลูกพี่”
“แต่แกไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อของลูกฉัน”
“แรงอีกแล้ว ใจสลายรอบที่สอง”
“ถ้าขืนยังไม่ไป ได้ถูกซ้ำอีกเป็นรอบที่สามสี่ห้าหกเจ็ดแปด”
“เค้ายอม ว่าแต่ว่า...”
แสบสำรวจน้ำหวานไปทั้งตัว น้ำหวานตกใจ รีบเอามือปิดหน้าอก
“ไอ้พี่แสบ ไอ้ทะลึ่ง มองอะไร” น้ำหวานผลักแสบหน้าหงาย “มองนมฉันเหรอ นี่แน่ะ ไอ้ลากมกจกเปรต ไปเลยนะ ไปๆๆ”
น้ำหวานไล่ตีแสบกระเจิง แสบวิ่งไปชนจุลลาพอดี
“ไอ้แสบ ที่ที่แกควรอยู่ อยู่ตรงไหน”
“อยู่ในใจน้องน้ำหวาน”
“ยังอีก”
“ตอนนี้ถอยก่อนก็ได้ แต่ยังไง...น้ำของพี่จะทำให้หินของน้องกร่อนให้ได้สักวันหนึ่ง สู้เว้ย”
“ไอ้ทะลึ่ง”
แสบวิ่งเผ่นหนีออกไปทันที จุลลายิ้มเอือมๆ ให้น้ำหวาน แล้วตามแสบออกไป น้ำหวานหงุดหงิดแสบ แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้ เอ๊ะ...คล้ายๆ จะชอบนะ

แสบเดินเข้ามากับจุลลา
“ที่ไปเสนอหน้าให้ถูกด่าเพราะอยากจะเช็คว่าน้องถูกไอ้ส่งเดชมันทำมิดีมิร้ายบ้างหรือเปล่า”
“แล้วทำไมไม่ถามน้องเค้าไปตรงๆ”
“จะได้ถูกตบตั้งแต่ประโยคแรกสิ หาว่าไปยุ่งอะไรด้วย แค่นี้ก็เกลียดขี้หน้าฉันจะตายอยู่แล้ว”
“แต่ก็ยังไม่ถอดใจ”
“คนเราทำอะไรก็ต้องทำสุดๆ พี่ จนกว่าน้องจะพูดออกมาชัดๆ ว่าไม่อยากเห็นหน้า”
“ก็เห็นน้องเค้าพูดใส่หน้าแกทุกครั้งที่เจอ”
“จนกว่าน้องจะบอกว่าเกลียดขี้หน้าฉันเหมือนเกลียดขรี้”
“ได้ยินว่าเกลียดนะ แต่ยังไม่เคยได้ยินว่าเกลียดแกเหมือนอะไร”
“นั่นไง รอคำนั้นแหละ ตราบใดที่น้องยังไม่พูด ฉันก็จะไม่ถอดใจ”
“สรุป”
“จะเฝ้ารักเฝ้าห่วงเรื่อยไป แบบไร้ขีดจำกัดเพราะรักของพี่นั้นมันอันลิมิต”
สืบสายเข้ามา จุลลาผงะ พิงผนังปึงจนแสบตกใจ จุลลายืนนิ่ง ช็อต
“ช็อตอีกแล้วเหรอพี่จูน”
“เค้าเป็นอะไร” สืบสายถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ทราบครับ เห็นช็อตแบบนี้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วก็ยิ่งเป็นหนักตอนเจอบอส”
“ไอ้แสบ เงียบไปเลย” จุลลาต่อว่าแสบ
สืบสายมองจุลลา รวบรวมความกล้า สองคนมองหน้ากันเขิน แสบมองหน้าสืบสายและจุลลาไปมา พยายามตีความและทำความเข้าใจ

ครรชิตกำลังเดินผ่านพนักงานกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกำลังมุงดูหน้าจอคอมพิวเตอร์
“นี่ๆ ทำไมไม่ทำงาน เขาจ้างมาทำงานไม่ใช่ให้มาเป็นไทยมุง”
“คุณเลขามาดูนี่ก่อนเหอะ” พนักงานบอก
“ไม่เด็ด มีเฮ” ครรชิตรีบเข้าไปดู ครรชิตตกใจมาก “เฮ้ย เฮ้ยยยย”
เดือนพิไลเดินเข้ามา ครรชิต พนักงานอึ้ง ช็อก
“คุณสืบอยู่ที่ไหนคะ”

เดือนพิไลถามหาสืบสาย ครรชิตมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เห็นรูปแอบถ่ายเดือนพิไลกับสืบสายปรากฏหรา
ต่ อ จ า ก ต อ น ที่ แ ล้ ว

จุลลายังพิงผนังตัวแข็ง สืบสายพยายามเก๊กขรึม กลบความเขิน

“เป็นอะไร ทำไมไม่ยืนคุยดีๆ”
สืบสายถาม ผีเถ้าแก่ลอยผ่านมา
“ก็คนมันเขินนน” ผีเถ้าแก่รีบลอยผ่านไป จุลลาหันมองหาผีเถ้าแก่ แต่ผีเถ้าแก่ไม่อยู่แล้ว จุลลานึกฉุน
“ฉันถาม ก็ควรจะมองหน้าฉัน ว่าเป็นอะไร กลัวอะไรฉันนักหนา”
“เออ! นั่นเด่ะ เป็นอะไร เห็นบอสแล้วช็อต เมื่อเช้าก็ทีนึง” แสบบอก ผีเถ้าแก่ลอยเข้ามาอีกที
“ก็คนมันสะป๊าก พอสะป๊าก เจอหน้าก็ต้องช็อต” ผีเถ้าแก่รีบลอยผ่านไปอีก จุลลาหันมองหาผีเถ้าแก่อีก แต่ไม่เห็น คราวนี้ทนไม่ไหว โพล่งเลย
“แน่จริงก็ซึ่งๆ หน้าสิ หลบหน้ากันทำไม ไม่แมน”
ผีเถ้าแก่ปรากฏร่างข้างหลังสืบสายทันที ตึง
“อั๊วไม่หลบก็ได้ เพราะอั๊วแมนทั้งแท่ง”
“ฉันไม่ได้หลบหน้าเธอ” สืบสายบอก จุลลารู้สึกตัวว่าเผลอหลุด รีบแก้ตัว
“ฉันไม่ได้หมายถึงคุณ”
“แล้วพี่หมายถึงใคร” แสบถาม
“เออ ช่างมันเหอะ! ฉันพูดอะไร ลืมๆ ไปให้หมด”
“ลืมไม่ได้! อั๊วถูกลื้อกล่าวหาว่าไม่แมน อั๊วไปทำอะไรให้ลื้อ ไหนบอกมาซิ” ผีเถ้าแก่ถาม
“ไม่บอก”
สืบสาย แสบยิ่งงงหนักว่าจุลลาพูดอะไรกับใคร
“ไม่เจ๋งจริงนี่หว่า” ผีเถ้าแก่ปรามาส จุลลาถูกสบปรามาสก็ของขึ้น
“ที่เมื่อคืนหนูฝันเห็นนายหยวกเข้าห้อง แล้วก็เกือบจะจูบหนูเนี่ย มันฝีมือใคร”
ตึง! อึ้งกันไปทั้งสืบสายและแสบ ส่วนผีเถ้าแก่แอบอมยิ้มพอใจที่แผนยั่วให้จุลลาพูดออกมาสำเร็จ จุลลาเพิ่งรู้ตัวว่าพลาด เผลอหลุดปากพูดไป
“ทำไมเราฝันเหมือนกัน...” สืบสายถามอย่างลืมตัว
ตึง! จุลลาและแสบตกใจ พุ่งไปมองหน้าสืบสาย สืบสายและจุลลาสบตากัน ภาพในความฝันซ้อนลอยเข้ามาอีกครั้ง...สืบสายกำลังโน้มตัวเข้าไปหาจุลลา จนใกล้ชิดกันมาก...สืบสายและจุลลามองหน้ากัน สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนไหว

ที่ห้องทำงานสืบสาย ครรชิตวางแก้วน้ำให้เดือนพิไล
“ดื่มน้ำ นั่งรอบอสที่นี่สักครู่นะครับ”
“ขอบใจจ๊ะ”
ครรชิตยิ้มให้ ก่อนจะรีบออกไปทันที เดือนพิไลมองตามครรชิตอย่างไม่ไว้ใจ

คุณนายเง็กกำลังจะเดินทางไปฮ่องกง ถึงกับกรี๊ดลั่นใส่มือถือกับสิ่งที่ครรชิตโทรมารายงาน
“อีจะมาหาอาตี๋ทำไม หา” ครรชิตถึงกับหูชา
“ไม่ทราบได้ครับผม” เดือนพิไลเปิดประตูออกมาจากห้องสืบสายได้ยินครรชิตคุยกับคุณนายเง็กพอดี เลยหยุดแอบฟัง “แต่เธอคงมาหาบอส เพราะเรื่องภาพหลุดนั่นแน่ๆ ครับผม”
“ภาพหลุดอะไร”
“ภาพหลุดบอสกำลังตะกองกอดคุณเดือนพิไลอย่างแนบแน่น ซึ่งตอนนี้มันได้กลายเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ทั้งในสังคมออนไลน์ รายการออนแอร์ ทุกสื่อทุกสำนัก...”
“พอ” ครรชิตแทบหุบปากไม่ทัน ตกใจ มือถือแทบร่วง “ลื้อกักตัวอีไว้ อย่าให้เจออาตี๋ อั๊วจะไปเช็คบิลเอง”
“ครับผม! ผมจะไม่ไปตามบอสให้มาเจอคุณเดือนพิไล”
เดือนพิไลเจ็บใจที่ครรชิตกันท่า โทรฟ้องคุณนายเง็กจึงแอบย่องออกไปโดยที่ครรชิตไม่เห็น คุณนายเง็กกดวางสาย เจ็บใจ ครรชิตวางสาย เดินกลับเข้าไปในห้อง

สืบสายและจุลลายังจ้องหน้าเหวอกันอยู่ ที่รู้ว่าต่างคนต่างฝันเห็นถึงกัน ผีเถ้าแก่อมยิ้มพอใจอยู่ใกล้ๆ
“ฝันเห็นกันและกันแบบนี้ มันพรหมลิขิตชัดๆ” แสบบอก
“ใช่ พรหมลิขิต ไม่ใช่อั๊วลิขิต” ผีเถ้าแก่บอก
“แปลว่า บอสกับพี่จูนกำลัง...” แสบยิ้มล้อเลียน ผีเถ้าแก่ต่อให้
“กำลังมีความฝันร่วมกัน เพราะคิดถึงใครอีกคนอยู่ตลอดเวลา”
“สั้นๆ ปิ๊งกันชัวร์”
“ไม่จริง” สืบสาย จุลลาอึ้งเพราะพูดปฏิเสธพร้อมกัน จึงพูดใหม่แต่ก็พร้อมกันอีก “ไม่มีทาง”
สืบสาย จุลลาอึ้ง ที่ดันพูดพร้อมกันอีก
“ลิขิตฟ้า ชะตาคน ฝืนไม่ได้” แสบกับผีเถ้าแก่พูดออกมาพร้อมกัน สืบสาย จุลลา เด้งออกจากกัน รีบปฏิเสธทันควัน
“เป็นเพราะเธอสร้างเรื่องวุ่นวาย ทำให้ฉันเครียด เลยเก็บไปฝัน ไม่มีเหตุผลอย่างอื่น และฉันไม่คิดจะชอบทอม”
“ทอม”
“วะ อาตี๋! ไอ้ตาถั่ว อีแต่งตัวหญิงหวานสวยขนาดนั้น ยังคิดว่าเป็นทอมอีกเหรอวะ” ผีเถ้าแก่ต่อว่าหลานชาย จุลลาหันมองผีเถ้าแก่เลย จับได้แล้ว
“นั่นไง พลาดแล้ว” ผีเถ้าแก่ตกใจ ที่พลาด
“ไอ้หยา”
“ฉันไม่มีทางดูผู้หญิงพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง” สืบสายบอก จุลลาอึ้ง ผีเถ้าแก่สะดุดหูกับสิ่งที่สืบสายพูด เหมือนมีปมเรื่องผู้หญิงในใจ สืบสายรีบเลี่ยงทันที “ของใช้บ่งบอกรสนิยมเจ้าของ” สืบสายยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้จุลลา “เธอลืมไว้ที่ฉัน เอาคืนไป ยัยทอมกร่าง”
จุลลาคว้าผ้าเช็ดหน้าคืนมาจากสืบสายทันทีด้วยความฉุน
“ฉันไม่ใช่...” แต่สืบสายไม่ฟัง รีบเดินออกไป “คุณสืบสาย คุณสืบสาย”
สืบสายเดินลิ่วไป ไม่หันมา ผีเถ้าแก่อยากรู้ปมของสืบสายรีบหายตัวตามไป จุลลาเจ็บใจ หันไปจะเอาเรื่องผีเถ้าแก่ แต่ผีเถ้าแก่ไม่อยู่แล้วเห็นแต่แสบมองจุลลาตาขวางอยู่ จุลลาเซ็ง เดินหนีทันที แสบตาม

จุลลาเดินเซ็งมาพลางมองหาผีเถ้าแก่ ด้วยความฉุน อยากชำระ
“เถ้าแก่ เถ้าแก่ เถ้าแก่”
แสบรีบตามเข้ามา อยากสะสาง
“พี่จูน อัลไล ยังไง”
“ยังไง อะไร”
“พี่เป็นทอม จริงหรือเปล่า” จุลลาเซ็ง ขี้เกียจอธิบายเพราะคิดว่าไร้สาระ
“อย่ามาไร้สาระ บอกแล้วไง ว่าไม่คุยเรื่องส่วนตัวในเวลางาน”
จุลลาออกไปอย่างฉุนทันที ทิ้งแสบยืนคว้างสงสัยเรื่องจุลลาเป็นทอม
“งั้นเจอกันหลังเลิกงาน”

ครรชิตยืนอยู่กลางห้องที่ว่างเปล่า เพราะเดือนพิไลไม่อยู่แล้ว
“เจอซองขาวแน่...” ครรชิตบ่นแล้วพูดล้อเลียนคุณนายเง็ก “อาครรชิต อั๊วไล่ลื้อออก อ๊าย! คุณเดือนพิไล อยู่หนาย”
ครรชิตตระหนกตกใจ ไม่รู้ว่าเดือนพิไลไปไหน
ขณะนั้นเดือนพิไลเดินตามหาสืบสาย เข้าไปถามพนักงานคนหนึ่ง
“นี่ คุณสืบสายอยู่ในโรงงานหรือเปล่า เห็นมั้ย”
พนักงานเห็นเป็นดารา จำได้
“คุณเดือนพิไล”
“จำฉันได้ด้วยเหรอ” เดือนพิไลถามอย่างปลื้มๆ
“จำได้” พนักงานหันไปตะโกนบอกเพื่อนๆ “เฮ้ย มาดูเร็ว ดารา เดือนพิไล ดารา”
คนงานมองมาเห็นเดือนพิไล ดีใจ พากันเฮเข้ามารุมล้อม เดือนพิไลผงะ ไม่ได้อยากเจอรุมตอนนี้ เพราะอยากหาสืบสายก่อน
“จะขอลายเซ็นไว้ทีหลังได้มั้ย ตอนนี้ไม่ว่าง”
แต่คนงานไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟัง กรูกันเข้ามาดู บ้างเอามือถือถ่ายรูปเดี่ยวบ้าง รูปคู่บ้าง เดือนพิไลตกอยู่ในวงล้อม ไม่รู้จะฉีกออกไปยังไง เดือนพิไลเหลือบไปเห็นสืบสายกำลังเดินลิ่วออกไปจากโรงงาน เดือนพิไลดีใจ พยายามจะเรียกสืบสาย
“คุณสืบ”
แต่เดือนพิไลถูกคนงานรุมเบียดถ่ายรูปอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ทำให้เรียกหาและออกไปหาสืบสายไม่ได้ ขณะนั้นทรงเดชเดินบ่นมาจากทางหนึ่ง
“สักห้าแสนนะสืบนะ ไม่สิ ต้องเผื่อต่อ ขอยืมล้านนึงนะสืบนะ พอดีว่าไปเจอคอนโดน่าลงทุน ไม่น่าสงสาร เอาใหม่ พอดีญาติต้องผ่าตัดหัวใจ เออ เข้าท่า” ทรงเดชบ่นซ้อมขอยืมเงินสืบสาย ส่วนเดือนพิไลทนไม่ไหว เหวี่ยงใส่พนักงานที่รุมอยู่
“โอ๊ย เกิดมาไม่เคยเห็นดาราหรือไง บ้านนอก ถอยไป”
คนงานหยุดกึก ไม่พอใจ ทรงเดชได้ยิน รีบเดินมา
“ขอถ่ายรูปด้วยแค่นี้ ทำไมต้องด่า” คนงานถามอย่างไม่พอใจ
“ตัวจริงนิสัยไม่ดีเลย”
เดือนพิไลอึ้ง หน้าเสีย เพราะเห็นคนงานเป็นฝูงจ้องไม่พอใจ กลัวถูกรุม
“คือ ฉัน...”
“มีอะไรกัน ทำไมไม่ทำงาน มุงดูอะไรกันอยู่” คนงานเห็นทรงเดช รีบสลายตัว เดือนพิไลเห็นทรงเดช ยิ้มออก ทรงเดชเห็นเดือนพิไลก็ดีใจ “คุณเดือนพิไล”
“คุณทรงเดช”
“นี่...คิดถึงผมมากถึงขนาดต้องมาหาผมถึงที่นี่เลยเหรอครับ”
เดือนพิไลยิ้มแต่แอบแหวะที่ทรงเดชหลงตัวเอง

ครรชิตออกมาหน้าออฟฟิศเห็นคุณนายเง็กกำลังเดินมาพอดี ครรชิตผงะ จะหนี คุณนายเง็กเรียกเอาไว้
“ครรชิต”
“ครับผม ท่านรอง” ครรชิตยังไม่ยอมหันหน้ามา
“จะให้อั๊วคุยกับท้ายทอยลื้อหรือไง หันมา” ครรชิตหันมาหน้าเสีย เสียงอ่อย
“ครับผม ท่านรอง”
“กลัวอะไร อาตี๋ยังไม่ได้เจอยัยข้าวเหนียวบูดใช่มั้ย”
“คาดหวังเอาไว้ว่าคงยังไม่ได้เจอครับ”
“แล้วตอนนี้ยัยข้าวเหนียวบูดยังถูกกักตัวไว้ที่เดิมใช่มั้ย”
“อันนี้ไม่ต้องคาด ไม่อยู่แล้วครับผม”
“หมายความว่าไง”
“ผมเข้าไปในห้องอีกที เธอก็หายไปแล้วครับ คงแอบออกไปตอนที่ผมคุยโทรศัพท์กับท่านรอง ผมกำลังจะไปตามหาอยู่ครับ”
“จิกตัวอีมาคุยกับอั๊วให้ได้ ภายในเวลา...” คุณนายเง็กชะงักไป เพราะเห็นเสี่ยตงคุยกับนักข่าวกลุ่มหนึ่งเข้ามา คุณนายเง็กและครรชิตประหลาดใจ “เฮียตง พาใครมา”
“ดูลักษณะเหมือนจะเป็นนักข่าวนะครับท่านรอง” คุณนายเง็กตกใจ
“นักข่าว”
เสี่ยตงหันมาเห็นคุณนายเง็กก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะเจอ
“อาเง็ก ไหนอีบอกว่าจะไปฮ่องกง”

ห้องพักแผนกซ่อมบำรุง จุลลานั่งลงที่โต๊ะอย่างหงุดหงิด
“อย่าให้เจอนะ เถ้าแก่ ถูกคิดบัญชีแน่” จุลลาพยายามรวบรวมสมาธิทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ เตรียมวางแผนการซ่อมบำรุงเครื่องจักรของโรงงาน ก่อนจะนึกขึ้นได้ “จะวางแผนซ่อมบำรุงได้ยังไง ถ้ายังไม่เห็นแผนการผลิต”
จุลลาเปิดดูปฏิทินตั้งโต๊ะ “ขอไปตั้งหลายวันแล้ว ป่านนี้ยังไม่ได้ ทำงานเป็นป่ะเนี่ย เว้ย! เฮ้ย”
จุลลาปึงปัง เซ็งจัด เอนหลัง ยกเท้าพาดเก้าอี้อีกตัว พักสายตา แสบ เข่ง ถัด หยิก ชะโงกหน้าเข้ามาแอบดูจุลลา
“พวกแกเห็นอะไรมั้ย”
“เห็นพี่จูนไง”
“อย่ากวนน้ำให้ขุ่น พี่ขอร้อง”
“โทษพี่”
“พี่แสบ คิดมากไปหรือเปล่า เวลาแม่ฉันนอนดูทีวี แกก็นอนท่านี้ แต่แกก็มีผัว เบ่งลูกออกมาได้ตั้งสิบห้าคน”
“หลังๆ คิดว่าคงไม่ต้องเบ่ง”
“แค่หายใจออกก็หลุดออกมาแล้ว เฮ้ย! ไอ้ถัด แม่กู อย่าลามปาม”
“พวกแกหยุดทะเลาะกันเองก่อนได้ป่ะ ให้มาช่วยจับผิดว่าพี่จูนเป็นทอมหรือเปล่า”
“ยังไม่มีอะไรผิดธรรมชาติเลยนี่พี่แสบ ดูแกก็ปกติดี”
“ในลักษณะของความเป็นผู้หญิงห้าวไงพี่ ยังงี้แหละ”
แสบไม่เชื่อใคร เพราะเชื่อตัวเองไปแล้ว จึงต้องหาข้อผิดปกติให้ได้
“โปรดสังเกตอีกครั้งหนึ่ง แล้วตอบพี่อีกครั้ง ว่าใช่หรือไม่ใช่”
“ไม่ใช่”
“ดูก่อน ไอ้เวล”
แสบบังคับให้ลูกน้องแอบสังเกตท่าทางของจุลลาต่อ ทั้งๆ ที่ลูกน้องไม่รู้สึกเหมือนแสบเลย จุลลาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สืบสายคืนให้มาสะบัดออกดู
“จะซักซะหน่อยก่อนเอามาคืนก็ไม่ได้ ทำไมนายหยวกถึงได้พูดมั่นใจตัวเองสุดๆ ว่าดูผู้หญิงไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง”
“น่านไง มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ใช้ของที่ออกแบบมาสำหรับผู้ชาย” แสบบอก
“เหรอออ” ลูกน้องบอกออกมาพร้อมกัน
“แต่แม่ฉันก็ชอบเอาเสื้อแขนยาวพ่อมาใส่ตอนทอดกล้วยแขกขาย แกก็เป็นทอมเด่ะ ทอมอะไรลูกตั้งสิบห้า” หยิกบอก
“แกใส่เสื้อพ่อกันแดด แต่นี่คนละกรณี! ดูดีๆ”
แสบและลูกน้อง รีบตั้งอกตั้งใจสังเกตจุลลามากขึ้น
“แสดงว่าต้องเกิดการผิดพลาดมาก่อน นายนั่นเคยมีแฟนแล้วอกหัก ชัวร์” จุลลาบ่นออกมาเบาๆ

สืบสายยืนอยู่หน้าฮวงซุ้ย มองฮวงซุ้ย นิ่งนาน เพื่อสงบอารมณ์ในใจ ผีเถ้าแก่ยืนอยู่หน้าสืบสายรู้ดีว่าสืบสายมีเรื่องที่เก็บไว้ในใจ สงสารและเห็นใจสืบสาย
“อาตี๋ เอ้ย ลื้อมีเรื่องเศร้าเก็บอยู่ในใจใช่มั้ย อยากเล่าให้ก๋งฟังมั้ย” สืบสายเหมือนจะอ้าปากพูด แต่ก็เงียบอีก ได้แต่ถอนใจ “อั๊วรู้ ถ้าลื้อมาหาก๋งที่นี่ แปลว่าลื้ออยากคุยกับก๋ง” สืบสายอ้าปากจะพูด ก็เงียบอีก ผีเถ้าแก่ขี้เกียจลุ้น เมื่อย “หรือจะมาท้าแข่งยืนทนกับอั๊ว บ่องตง อั๊วไม่สู้ เมื่อย นั่งก่อนนะแล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
ผีเถ้าแก่เข้าไปล้วงเก้าอี้ชายหาดทะลุออกมาจากประตูฮวงซุ้ยมาตั้งใกล้ๆ ลงเอนหลัง สืบสายลังเลที่จะเล่าให้ผีเถ้าแก่ฟัง เสียงมือถือของสืบสายดังขึ้นมา สืบสายเห็นเบอร์หน้าจอเป็นเบอร์ของครรชิตจึงกดปิดเครื่องเลย

ครรชิตสะดุ้งที่สืบสายตัดสาย
“ตัดสายทิ้ง แล้วปิดเครื่องเลย บอสทำอะไรอยู่ที่ไหนเนี่ย”
ครรชิตพยายามติดต่อใหม่ อย่างร้อนใจ เดินออกไป
ขณะนั้นเสี่ยตงคอยอำนวยความสะดวกให้นักข่าวซึ่งกำลังเตรียมอุปกรณ์สำหรับการสัมภาษณ์อยู่ในห้องประชุม คุณนายเง็กเข้าไปลากเสี่ยตงออกมาจากกลุ่มนักข่าว
“เฮียพานักข่าวมาทำไม”
“ก็มาทำข่าวไง”
“ข่าวอะไร”
“ข่าวการตลาดเชิงรุกของอั๊ว ที่จะส่งผลดีต่อปาล์มโปรดักส์แน่นอน แล้วไหนลื้อบอกว่าจะไปฮ่องกง”
“อั๊วมีเรื่องให้จัดการด่วน”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องของอั๊ว” คุณนายเง็กมองเข้าไปในห้องประชุม “ทำไมหน้าตานักข่าวสายเศรษฐกิจคราวนี้ แปลกไป ไม่คุ้นหน้า”
“แสดงว่าเปลี่ยนคนไง มันจะมาหน้าเดิมๆ ทุกครั้งได้ไง มีลาออก เข้ามาใหม่กันบ้าง”
“ลื้อคิดจะมาเหนือเมฆ ทำอะไรลับหลังอั๊วเรื่องอาตี๋ใช่มั้ย”
“โอ๊ยย ลื้อก็ระแวงเกินไป อั๊วบอกแล้วไงว่ามันคือการแถลงข่าวแผนการตลาด เรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว อั๊วไปดูความเรียบร้อยของนักข่าวก่อนนะ ลื้อจะเข้ามาด้วยมั้ย”
คุณนายเง็กลังเล ก่อนจะตัดสินใจ
“อั๊วไม่สันทัดเรื่องการตลาด”
เสี่ยตงเดินเลี่ยงไป โล่งอก ที่พ้นจากการจับผิดของคุณนายเง็ก คุณนายเง็กมองตามอย่างไม่ไว้ใจ

ครรชิตกำลังอยู่กับโอเปอเรเตอร์ซึ่งคุยสายอยู่
“ค่ะขอบคุณค่ะ” โอเปอเรเตอร์วางสาย บอกครรชิต “เห็นตามหาบอสอยู่ในโรงงานค่ะ แต่ก็ยังไม่เจอเพราะไม่มีใครเห็นบอสเลยค่ะ”
“ขอบใจจ๊ะ”
คุณนายเง็กเข้ามาจิกครรชิต
“ถ้าลื้อไม่จกตัวยัยข้าวเหนียวบูดมาหาอั๊ว!ภายในสิบนาที ลื้อโดนไล่ออก”
“ครับผม”
คุณนายเง็กเดินออกไป ครรชิตปาดเหงื่อ เครียดกับภารกิจจะเอาหัวโขกเสา น้ำหวานเดินเข้ามาเห็นท่าทางของครรชิตก็แปลกใจ รีบเข้ามาถามครรชิต
“คุณเลขา มายืนเอาหัวโขกเสาเล่นทำไมคะ ว่างเหรอคะ”
“ก็อยากว่างบ้างอะไรบ้าง” ครรชิตเห็นน้ำหวาน เป็นตัวช่วยได้ ดีใจ “น้ำหวาน”
“คะ” น้ำหวานงง

ที่ฮวงซุ้ยเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่นั่งที่เก้าอี้ชายหาด ดูดค๊อกเทลแล้วสำลัก
“ค่อกๆๆ แก้วนี้ หวานแสบคอ ฮ่ายยย” ผีเถ้าแก่หันไปวางแก้วเปล่าบนโต๊ะ ซึ่งมีของกินเล่นหลายอย่างวางอยู่แล้วและเกลี้ยงทุกจาน “อั๊วกินของในตู้เย็นที่พวกลื้อเผากงเต๊กมาให้ตอนเช็งเม้งคราวที่แล้ว จะเกลี้ยงตู้แล้วนา ยังไม่ได้ฤกษ์อีกหรือไง”
สืบสายเดินมานั่งที่เก้าอี้ ซึ่งวางอยู่แล้ว ณ ตำแหน่งข้างๆ เก้าอี้ผ้าใบของผีเถ้าแก่พอดี จึงเป็นภาพสองหนุ่มนั่งคุยกัน
“เรื่องนี้ ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟัง นอกจากครรชิต ผมแทบจะไม่มีเพื่อนที่เมืองไทยเลย...นอกจากสืบสาย ก็ครรชิตนี่แหละที่ผมสนิทสนมด้วย”
“อาครรชิตนี่ อั๊วเห็นอีมานาน อีจริงใจดี แต่กับอาส่งเดชเพื่อนลื้อเนี่ย ก๋งยังไม่แน่ใจ ลื้ออย่าเพิ่งฟันธง ว่าอีไว้ใจได้ คำพูดของอีหวานหูเกินไป วาจาถ้าหวานนัก ความหมายมักจะขมขื่น”
“ผมเข็ดแล้ว กับการที่จะรักและไว้ใจใครสักคน”
“พูดเหมือนเคยอกหัก”
“ผมเคยรักผู้หญิงคนนึง ตอนเรียนที่เมืองนอก ผมไม่เคยรู้เลยว่าตลอดเวลาที่เราคบกัน เธอไม่ได้มีผมแค่คนเดียว”
“กลิ่นหอมที่รุนแรงของดอกไม้ มีไว้ดึงดูดภุมรินที่น่าเกลียด ลื้อหล่อทั้งกายและใจ อย่าไปแคร์ เปิดตาเปิดใจหารักครั้งใหม่ ไฉไลกว่าเดิม”
“จริงๆ ผมว่า ผมก็เกือบเปิดใจอีกครั้งแล้วนะก๋ง” สืบสายคิดถึงจุลลา
“นั่นไง ลื้อกำลังคิดถึงอาหนูช่าง อีเป็นผู้หญิงจริงๆ นะ เชื่อก๋ง” สืบสายลุกขึ้น
“ชาตินี้ อยู่เป็นโสด แต่งกับงานดีกว่าครับก๋ง โอเค ดีล ผมไปทำงานล่ะ วันหลังค่อยมาเยี่ยมใหม่นะก๋งนะ”
สืบสายโค้งคำนับก๋งแล้วเดินออกไป
“ลื้อดีลกับใครวะ ดีล?” ผีเถ้าแก่รีบหยิบไอแพ่ดมาเปิดหาคำแปล “แอ๊พพลิเคชั่น พจนานุกรมอังกฤษไทย ดีล...ใช้ในกรณีที่...โอเคตกลงตามนั้น! เฮ้ย อั๊วไม่ได้โอเคกะลื้อ”
ผีเถ้าแก่รีบหายตัวตามสืบสายไปทันที

มุมหนึ่งในโรงงาน ทรงเดชเดินโม้อยู่กับเดือนพิไลที่พยายามโทรหาสืบสาย แต่ก็ไม่ติดเพราะปิดเครื่อง ทรงเดชโม้โดยไม่ได้รู้เลยว่าเดือนพิไลไม่ได้ตั้งใจฟังจริงจังอะไร แค่ยิ้มให้เป็นระยะเพื่อรักษามารยาท
“เป็นธรรมดาของเจ้าของกิจการครับ นึกจะเข้าออฟฟิศตอนไหนก็มา”
“จะปิดเครื่องทำไม” เดือนพิไลบ่นอย่างหงุดหงิด
“นั่นไง ปิดเครื่อง แสดงว่ายังไม่ตื่น นายสืบเค้าตื่นสายเป็นประจำครับ”
“นี่คุณทรงเดช ที่คุณกำลังนินทาอยู่น่ะ เป็นเพื่อนคุณและเป็นเจ้านายคุณนะคะ” เดือนพิไลบอกอย่างไม่พอใจ
“อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดสิ ผมกับนายสืบ เราพูดถึงกันแบบนี้เสมอ เราจริงใจต่อกันครับ”
ทรงเดชส่งสายตาหวานให้เดือนพิไล เดือนพิไลอึ้ง นึกเคลิ้ม เสียงมือถือเดือนพิไลดังแทรกขึ้นมา เดือนพิไลสะดุ้ง ดึงตัวเองออกมา รีบดูเบอร์ที่หน้าจอมือถือ
“อุ๊ย ป๊าคุณสืบโทรมา ขอตัวนะคะ ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะคะ คุยกับคุณ สนุกพิลึก” เดือนพิไลพูดหยอดให้ความหวังแล้วรีบรับสายออกไป “ฮัลโหลค่ะป๊า มูนมาถึงแล้วค่ะ”
“สนุกพิลึก มันต้องแปลว่าสนุกมากแน่ๆ แสดงว่าคุณมูนกำลังสนใจเรา ขอโทษด้วยนะสืบ ที่เสน่ห์ฉันมันแรง”
เดือนพิไลเดินออกไปทางหนึ่ง ครรชิตเดินเข้ามาจากอีกทางโดยไม่เห็นเดือนพิไล ครรชิตมองหาเดือนพิไล
“คนงานบอก คุณเดือนพิไล เดินมาทางนี้กับคุณทรงเดช” ทรงเดชเดินออกไปอีกทาง ครรชิตหันมา ทรงเดชลับหายไปพอดี ครรชิตเซ็ง “ไปมุดอยู่ในท่อน้ำทิ้งหรือไงครับ คุณข้าวเหนียวมูนคร้าบ”
ครรชิตหัวเสียออกไป

เดือนพิไลคุยมือถือกับเสี่ยตง
“ยังไม่เจอคุณแม่ค่ะ”
“ดีมาก หนูรีบขึ้นมาที่ห้องประชุมเลยนะ คอยระวังให้ดีอย่าให้เจออาเง็ก”
“แล้วคุณสืบล่ะคะ ป๊าเจอคุณสืบหรือยัง”
“ตอนนี้ไม่ต้องสืบ ตงเอง ก่อนที่อาเง็กจะเลี้ยวมาขวางทางเจริญ”
“จะดีเหรอคะป๊า มูนเป็นผู้หญิงสาธารณะนะคะ”
“ผู้หญิงสาธารณะ?”
“หมายความว่า มูนเป็นผู้หญิง ที่เป็นบุคคลสาธารณะ สังคมจะมองเรื่องนี้ยังไง เหมือนมูนตบมือข้างเดียว มูนเสียหาย”
“ป๊าจะพูดแทนอาตี๋เองว่าหนูกับอาตี๋กำลังคบหาดูใจกัน การแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างที่เห็นในรูปเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพื่อเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีของหนูต่อสังคม เป็นไง ความคิดของป๊า ใช้ได้มั้ย”
“ป๊าคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยมูนไว้จริงๆ กราบขอบพระคุณป๊างามๆ ที่อกผึ่งผายของป๊ามากๆ นะคะ” เสี่ยตง ถึงกับเคลิ้ม
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ป๊าเต็มใจช่วยหนู”
เดือนพิไลยิ้มกริ่มกดวางสาย เดินลั้ลลาเข้าออฟฟิศไป
เสี่ยตงวางสาย กระหยิ่ม อยากเข้าห้องน้ำ
“อุ๊ย ตื่นเต้น ไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า”
คุณนายเง็กที่แอบฟังอยู่โผล่ออกมา โกรธเสี่ยตงมาก
“หึหึหึ คิดไว้อยู่แล้ว ว่าลื้อต้องมาแผนนี้ เหนือฟ้ายังมีเมฆ เหนือลื้อก็มีอั๊ว”
คุณนายเง็กตัดสินใจบางอย่าง รีบเดินเข้าไปในห้องประชุมทันที

น้ำหวานวิ่งหน้าตาเริ่ดเข้ามาที่แผนกซ่อมบำรุงเห็นแสบและลูกน้องแอบมองจุลลาอยู่ที่หน้าห้อง
“แอบดูอะไรกัน”
น้ำหวานถาม กลุ่มลูกน้องแสบตกใจ ล้มทับใส่แสบ ทั้งขบวนกลิ้งล้มไม่เป็นท่า จุลลาสะดุ้งตกใจ แปลกใจ
“อ้าว งานการมีไม่ทำนะพวกแก มาแอบดูอะไรอยู่ตรงนั้น”
“คือว่า...”
น้ำหวานตัดหน้า ผลักแสบกระเด็น
“อย่าไปสนใจเรื่องของมันเลยพี่จูน” น้ำหวานเข้าไปควงแขนจุลลา ลากออกไป “ตอนนี้มีเรื่องให้ช่วย”
แสบมองท่าสอดแขนประสานกันของจุลลาและน้ำหวานอย่างใจหาย น้ำหวานพาจุลลาวิ่งออกไป ผลักแสบกระเด็นอีกรอบเพื่อกำจัดออกไปให้พ้นทาง แสบมองตามอย่างร้าวรานใจ
“ไม่เห็นหัวยังไม่พอ ยังจะผลักไสให้พ้นทางรักตล้อดๆ พวกแกฟันธงได้หรือยังว่าพี่จูนเป็น...” แสบหันไปหาลูกน้อง ปรากฏว่าหายตัวไปหมดแล้ว แสบหันหาอีกทางเห็นลูกน้องกระจายกำลังไปหยิบกล่องเครื่องมือ และอุปกรณ์การทำงาน “ไปไหนกันวะ”
“ทำงานสิเพ่”
“โห...พูดซะรู้สึกว่าตัวพี่เลวมากที่อู้งาน”
“เออ เลว”
พวกลูกน้องออกไปทำงาน แสบทรุด
“ไม่มีใครเข้าใจแสบ ไม่มีใครเลย”
แสบกระเซอะกระเซิงไปหยิบเครื่องมือไปทำงาน

จุลลาเดินมากับน้ำหวาน
“ท่านรองกลัวว่าคุณข้าวเหนียวบูด เอ้ย คุณเดือนพิไลจะเข้าหาบอส เลยให้คุณเลขาหาทางสกัดทัพ”
“เดี๋ยวๆ เรื่องส่วนตัวของเจ้านาย มันมาเกี่ยวอะไรกับพนักงานอย่างเรา”
“เกี่ยวสิพี่จูน เพราะคุณเลขาให้น้ำหวานช่วยตามหาบอสกับคุณเดือนพิไล แล้วน้ำหวานก็เลยมาบอกให้พี่จูน ให้ช่วยน้ำหวานอีกที”
“นั่นมันงานของคุณเลขา”
“แต่คุณเลขาก็กินเงินเดือนจากเจ้านายคนเดียวกันกับเรา” จุลลาอึ้ง “กินข้าวหม้อเดียวกัน ก็ต้องช่วยเหลือกันเมื่อยามจำเป็น เตี่ยน้ำหวานเคยสอนไว้”
“ให้ช่วยอย่างอื่นก็พอว่า แต่ให้ไปยุ่งกับสองคนนั่น ให้ตายเหอะ”
“พี่จูนอย่าเรื่องมาก”
“เฮ่ย! โหดอ่ะ”
“เมื่อยามจำเป็น ไป ไปช่วยน้ำหวานตามหาบอสและคุณเดือนพิไลทางโน้น น้ำหวานจะไปทางนี้ ไม่ช่วย มีงอน”
น้ำหวานรีบออกไปทางหนึ่ง
“ขอโทษนะน้ำหวาน แต่จุดนี้ พี่ขอเหอะ ไม่อยากยุ่งด้วยจริงๆ” จุลลาหันกลับจะเข้าโรงงาน เจอสืบสายยืนอยู่ข้างหน้า “เฮ้ย”
“เห็นผีหรือไง” จุลลามองไปข้างหลัง มองดูว่าอยู่กับเดือนพิไลหรือเปล่า “หาใคร”
“หาคุณนั่นแหละ แล้วคุณข้าวเหนียวบูด เอ้ย เดือนพิไลล่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ”
“เดือนพิไล เดือนพิไลมาที่นี่เหรอ”
สืบสายแปลกใจ

เสี่ยตงยืนคว้างอยู่กลางห้องประชุมที่ว่างเปล่า เดือนพิไลเดินเข้ามา หน้าเสียเลย
“ไหนนักข่าวล่ะคะป๊า”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้ หมายความว่าไงคะ”
“ป๊าไปเข้าห้องน้ำแค่ไม่ถึงสิบนาที กลับมาก็ไม่มีใครแล้ว”
“อ้าว”
เดือนพิไลตกใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เสี่ยตงเองก็เครียด

จุลลาคุยกับสืบสาย
“ว่าจะไม่แล้วนะ” จุลลาตัดสินใจ ยุ่งก็ยุ่งเรื่องที่น้ำหวานไหว้วาน “แม่คุณกำลังตามหาตัวคุณให้ควั่ก ทีหลังจะไปไหนมาไหนก็บอกคนอื่นหน่อย ไม่ใช่ทำตัวติดต่อไม่ได้ รู้ป่ะ ทำคนอื่นเดือดร้อนขนาดไหน เดือดร้อนมาถึงฉันด้วย”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวแอบอยู่ข้างหลังสืบสาย ทำตัวลีบเล็ก เพื่อไม่ให้จุลลาเห็นและจุลลาก็ไม่เห็นจริงๆ
“ไม่เห็นไม่ได้ยินอั๊วสักแป๊บนะอาหนูช่าง เพราะสิ่งที่อั๊วจะคุยกับอาตี๋มันเรต ฉ.ฉิ่ง ว่ะ เฉพาะปู่กับหลาน อิอิอิ” ว่าแล้วผะเถ้าแก่ก็กระซิบกับสืบสาย “พิสูจน์สักนิดมั้ยว่าอีไม่ได้เป็นทอม” สืบสายอึ้ง คิดในหัว...เหมือนคำพูดดลใจของผีเถ้าแก่ “มองเข้าไปในดวงตาของอีสิ ลื้อจะเห็นความรู้สึกบางอย่างที่วูบไหวอยู่ในดวงตา ความรู้สึกของผู้หญิงที่มีต่อผู้ชาย”
สืบสายจ้องเข้าไปในตาของจุลลา จุลลาผงะ ตาเขียวปั๊ด
“มองไร”
สืบสายขำตัวเองที่คิดจะเจอสายตาวูบไหวของจุลลา แต่เจอท่าทีแข็งกระด้างแทน
“มันจะเขินบ้างไรบ้างไม่เป็นหรือไงวะอาหนูช่าง เอาใหม่อาตี๋ จับมือเลย” ผีเถ้าแก่กระซิบบอก
สืบสายมองไปที่มือของจุลลา แล้วจับมือจุลลาเลย
“เฮ้ย! ทำอะไร”
“เธอเดือดร้อนเพราะเรื่องของฉันมากหรือเปล่า”
“มาก แต่...ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้”
“ทำไมต้องปล่อย”
“ก็แล้วทำไมต้องจับ”
“เธอไม่ชอบ หรือชอบ”
“ไม่ชอบ”
“ไม่ชอบผู้ชาย”
“เออ” สืบสายคิดว่าจุลลายอมรับว่าเป็นทอมร้อยเปอร์เซ็นต์
“จบ” สืบสายปล่อยมือจุลลาเลยเพราะแน่ใจแล้วว่าจุลลาเป็นทอม
“ไอ้หยา สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารสิวะ อาตี๋” ผีเถ้าแก่ออกไปให้จุลลาเห็น “อาหนูช่างลื้อยอมให้อาตี๋สบประมาทได้ไง ว่าลื้อไม่ชอบผู้ชายแต่ชอบผู้หญิง”
“คุณนี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่า แค่เห็นฉันใช้ผ้าเช็ดหน้าแบบนั้นก็ตัดสินว่าฉันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ใจแคบได้ทุกเรื่องตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ”
“แล้วมีอะไรมายืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิด”
“เออ! ใช่” ผีเถ้าแก่เห็นด้วย จุลลาจึงหันมาพูดกับผีเถ้าแก่
“อยู่ข้างใครกันแน่เนี่ย”
สืบสายจับหน้าจุลลาด้วยสองมือประคอง
“หันหน้ามาคุยกับฉันนี่ ยายเพี้ยน! ทำไมชอบพูดกับใครก็ไม่รู้อยู่เรื่อย”
จุลลาอึ้ง เขิน ที่ถูกสัมผัส สืบสายเห็นสายตาวูบไหวของจุลลาก็อึ้ง จนผีเถ้าแก่เขินแทน

เดือนพิไลยังคุยกับเสี่ยตง
“ทำไมป๊าอ่อนยังงี้ล่ะคะ”
“อ่อน?” เดือนพิไลรีบแก้ตัว
“หมายถึง อ่อนใจมั้ยคะ ที่จู่ๆ มันก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ มูนมั่นใจค่ะว่าเรื่องนี้ ต้องมีใครชักใยอยู่เบื้องหลังแน่ๆ ใครที่ไม่ต้องการให้มูนกับคุณสืบพัฒนาความสัมพันธ์กัน”
“ใครจะเป็นคนกล้าสั่งให้นักข่าวกลับบ้านได้ถ้าไม่ใช่ อาเง็ก”
คุณนายเง็กเดินเข้ามา
“ใช่อั๊วเอง แล้วใครจะทำไม”
คุณนายเง็กตาเขียวใส่เสี่ยตง แล้วจ้องเดือนพิไลด้วยสายตาพิฆาต เดือนพิไลเจ็บใจ แต่จำเป็นต้องหลบตา ไม่อยากสู้ตาให้คุณนายเง็กเห็นความร้ายกาจ ครรชิตและน้ำหวานมาเจอกันหน้าประตูห้องประชุม มองเข้าไปในห้องประชุม เห็นเหตุการณ์พอดี
“อาเง็ก”
“อะไร ไอ้ตง”

ครรชิตและน้ำหวานมองหน้ากัน ซวยแล้ว เรื่องใหญ่แน่

 
อ่านต่อตอนที่ 4
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 4
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 4
ผีเถ้าแก่ต่อว่าจุลลาและสืบสายที่ยังสปาร์คกันอยู่นั่น “รู้บ้างมั้ย ชีวิตคนมันสั้น อยากหรือคิดจะทำอะไรก็อย่ามัวเสียเวลากับอคติที่พวกลื้อมี ไม่เข้าท่า ตกลงจะปรองดองกันได้หรือยัง หัวใจตรงกันขนาดนี้แล้ว” จุลลาผลักสืบสายกระเด็น เช็ดหน้าอย่างแรง แทบจะถลกหนังตัวเอง “รู้แล้วว่าไม่ชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่ควรรังเกียจเหมือนฉันเป็นตัวสกปรก” “เอ๊ะ บอกว่าไม่ใช่ ไม่ใช่! ต้องให้ทำยังไงถึงจะเชื่อ หา! ทำไมผู้ชายที่นี่ถึงได้ไร้สาระ วันๆ สร้างแต่เรื่อง มีแต่ปัญหา” “อย่าเหมารวมอั๊วสิวะ” ผีเถ้าแก่บอก จุลลาจึงหัยมาหาผีเถ้าแก่ “ตัวดีเลย”
กำลังโหลดความคิดเห็น