ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12
อรอุมาเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเครียดๆ ศิวะตามเข้ามาสวมกอดด้านหลัง
“อรจ๋า...อรอย่าไปเชื่อที่นังดาวพูดนะ อรก็รู้ว่าดาวร้ายกาจแค่ไหน ดาวอยากทำให้เราเลิกกัน แต่เราต้องทำให้ดาวเห็น ว่าไม่มีอะไรจะมาทำลายความรักของเราได้ ใช่ไหมจ๊ะที่รัก”
อรอุมายิ้มนิดๆ ศิวะจูบแก้มอรอุมาแล้วดึงไปสวมกอด ศิวะถอนหายใจโล่งอก ขณะที่อรอุมาหน้านิ่งเพราะกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์เดินหงุดหงิดออกมาจากในบ้านเดินตรงไปที่รถของประกายดาว
“ท่าทางจะเป่าปี่ใส่หูควาย แต่ช่างเถอะ เวรกรรมใครกรรมเวรมัน ถ้ายัยอรยังโง่เชื่อไอ้ศิวะ เราก็ช่วยอะไรไม่ได้” จิตสุภางค์พูดกับมิลินทร์ “เออ...แกพกปืนมาด้วยเหรอลินทร์”
“เปล่า ฉันเคยดูหนัง เวลาทำแบบนี้ดูน่ากลัวดี เลยทำมั้ง” มิลินทร์บอก
“เออ...เริ๊ด”
ประกายดาวหน้าเครียด
“ดาว..แล้วเรื่องแกจะเอายังไงต่อ ให้ฉันลงแก้ข่าวได้ไหม”
“ไม่ต้องหรอก ใครจะคิดยังไงกับฉันก็ช่าง ฉันห่วงแต่ความรู้สึกของคุณจันทรภานุคนเดียวเท่านั้น” ประกายดาวบอก
จันทรภานุขับรถเข้ามาจอดก่อนจะลงจากรถ เขากำลังจะเดินเข้าไปในห้าง แต่หันไปเห็นประกายดาวยืนอยู่
“คุณชายคะ ฉันอยากคุยกับคุณ”
“ผมขอพูดตรงๆ ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับคุณตอนนี้ ขอเวลาผมทำใจก่อนแล้วกัน”
จันทรภานุเดินไป ประกายดาวโพล่งขึ้น
“คุณจะด่าฉัน โกรธฉัน เกลียดฉันก็ได้ ฉันยอมรับผิดในสิ่งที่ฉันทำหมดแล้ว แต่อย่าเย็นชากับฉันแบบนี้ ฉันทรมานจะตายอยู่แล้ว สงสารฉันเถอะนะคะคุณชาย เราไม่ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้ แต่ฉันอยากให้คุณรู้สิ่งที่ฉันคิด แล้วฉันจะให้คุณเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าเรื่องของเราจะเป็นยังไงต่อไป”
“คุณมีอะไรก็ว่ามา”
“ฉันอยากให้คุณชายรู้ว่า...”
สุรีย์เดินเข้ามา “ชายไม่จำเป็นต้องรู้อะไรอีกแล้ว เพราะเราทุกคนรู้แล้วว่าเธอเป็นยังไง”
หญิงนิ่มเดินมากับสุรีย์ด้วย หญิงนิ่มไม่สบายใจและพยายามดึงแขนห้ามปรามสุรีย์
“หม่อมแม่ครับ...”
“ชายไม่ต้องห้ามแม่ ไหนๆ เจอตัวก็ดีแล้ว จะได้พูดกันไปให้รู้เรื่อง” สุรีย์บอก
“เอาไว้ใจเย็นกันก่อนดีกว่าครับ น้องหญิงคะ พาหม่อมแม่ขึ้นข้างบนเถอะค่ะ” จันทรภานุบอก
“แม่ไม่ไปไหนทั้งนั้น แม่จะต้องพูดกับผู้หญิงคนนี้ !” สุรีย์ยืนกราน
จันทรภานุไม่สบายใจ “หม่อมแม่...”
“คุณชายไม่ต้องห้ามหม่อมหรอกค่ะ ฉันต้องยอมรับในสิ่งที่ฉันทำ” ประกายดาวบอก
“ก็ดี ประกายดาว...ฉันเข้าใจความรู้สึกที่เธออยากมีลูก เพราฉันเองก็เคยอยากมีลูกเหมือนเธอ และฉันก็มีความสุขมากที่ลูกของฉันสมบูรณ์แบบอย่างจันทรภานุ แต่สิ่งที่เธอทำเธอคิดมันสร้างความอับอายให้ครอบครัวของเรา จันทรภานุต้องเป็นตัวตลกเพราะเธอ และสิ่งที่เธอผิดอีกอย่างคือ เธอไม่รู้ว่า...จันทรภานุเกลียดคนโกหกมากที่สุด”
“ฉันขอโทษ”
สุรีย์พูดต่อ “เอาเป็นว่าฉันจะไม่ถือโทษโกรธเคืองเธอ แต่เธอต้องออกไปจากชีวิตของเรา ถ้าอยากได้สเปิร์มไปหาจากที่อื่น คนที่วังนพรัตน์ไม่มีให้เธอ”
ประกายดาวต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่เพราะทั้งเสียใจทั้งอาย จันทรภานุมองประกายดาวอย่างห่วงใย
ประกายดาวขึ้นมาบนรถแล้วฟุบหน้าร้องไห้โฮกับพวงมาลัย
สุรีย์เปิดภาพถ่ายน้องน้ำหวานบนมือถือแล้วส่งให้จันทรภานุดู
“หนูน้ำหวาน ลูกสาวของคุณหญิงจันทิมา เพิ่งจบด้านอาหารมาจากสวิต”
“หม่อมป้าจะจับคู่ให้พี่ชายอีกแล้วเหรอคะ” หญิงนิ่มถาม
“ทำยังไงได้ ขืนปล่อยให้จันทรภานุโสดอยู่แบบนี้ เกิดไปเสียท่าพวกผู้หญิงประหลาดๆ ป้าก็แย่สิ จันทรภานุต้องไปเดทกับหนูน้ำหวาน”
“ถ้าหม่อมแม่ต้องการ ผมก็จะไปให้” จันทรภานุบอก
“ดีมากจ้ะลูกรัก เดี๋ยวแม่ไปโทรบอกคุณหญิงจันทิมาก่อนนะ”
สุรีย์เดินออกไปจากห้อง จันทรภานุถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ หญิงนิ่มสงสารจันทรภานุ
“ถ้าพี่ชายไม่อยากไป พี่ชายก็ไม่เห็นต้องตามใจหม่อมป้าเลยค่ะ”
“พี่ทำให้หม่อมแม่กลุ้มใจมามากแล้ว อะไรที่จะทำให้ท่านสบายใจขึ้นมาได้บ้าง พี่ก็จะทำ”
“แล้วพี่ชายจะยอมเสียพี่ดาวไปจริงๆ เหรอคะ”
“สิ่งที่เกิดขึ้นมันสร้างแผลให้พี่ ทำให้พี่ไม่แน่ใจว่าคุณดาวจะจริงใจกับพี่จริงหรือไม่ แล้วคนเรารักกันคบกันแต่ไม่เชื่อใจกัน มันจะมีความสุขได้ยังไง”
“เวลาอาจจะช่วยให้แผลหายก็ได้นะคะ” หญิงนิ่มว่า
“แล้วถ้ามันไม่หายล่ะคะ คุณดาวก็ต้องไม่มีความสุขกับความหวาดระแวงของพี่ ถ้าตอนนี้พี่รั้งคุณดาวไว้ก็เท่ากับว่าพี่เห็นแก่ตัว พี่ควรปล่อยคุณดาวไปเจอคนใหม่ที่พร้อมจะรักและเชื่อใจคุณดาวได้อย่างเต็มหัวใจไม่ดีกว่าหรือคะ”
หญิงนิ่มเถียงไม่ออกได้แต่นั่งกลุ้มใจ
หญิงนิ่มเดินเข้ามาในเฟรม เธอหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก
“คืนนี้พี่ดาวอยู่ไหมคะ”
เสียงกริ่งหน้าประตูห้องประกายดาวดังขึ้น ประกายดาวยิ้มและเดินไปเปิดประตูแต่คนที่มาคือ พงศ์จันทร
“อ้าว...คุณพงศ์”
พงศ์จันทรรีบพูด “นั่นไง คุณดาวยังไม่หายโกรธผมจริงๆ ด้วย ผมถึงต้องรีบมาแก้ตัว...เรื่องแผนล่าสเปิร์มไม่ได้หลุดมาจากผมนะครับ”
“ฉันรู้ค่ะ ฉันไม่ได้โกรธอะไรคุณเลยด้วย แต่ฉันแค่แปลกใจที่เห็นคุณมา ฉันคิดว่าจะเป็นน้องหญิงซะอีก”
“น้องหญิง หญิงนิ่ม ?”
“ค่ะ น้องหญิงโทรมาบอกว่าจะมาหาฉัน” ประกายดาวบอก
พงศ์จันทรตกใจ “หญิงนิ่มกำลังมา !”
ประกายดาวงง “ตกใจทำไมคะ”
หญิงนิ่มกำลังเดินเข้าไปในคอนโด นักข่าวที่ยืนอออยู่หน้าคอนโดหันมาเห็นหญิงนิ่ม
“คุณหญิงนิ่ม !”
นักข่าวกรูกันเข้าไปหาหญิงนิ่ม
“คุณหญิงครับ ขอสัมภาษณ์เรื่องแผนล่าสเปิร์มหน่อยครับ”
หญิงนิ่มอึกอัก “เอ่อ...”
“ในฐานะที่คุณหญิงเป็นน้องสาวคุณจันทรภานุ คุณหญิงรู้สึกยังไงคะที่ตอนนี้สาวๆ ทั้งประเทศต้องการสเปิร์มของคุณจันทรภานุ”
“เอ่อ...หญิง...หญิงไม่มีความคิดเห็นค่ะ”
“แล้วหม่อมสุรีย์ว่ายังไงบ้างคะ” นักข่าวถามต่อ
หญิงนิ่มไม่ตอบคำถาม “หญิงขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงนิ่มเดินหนีเข้าไปในล้อบบี้ แต่นักข่าวยังตามตื้อ
“แล้วคุณหญิงมาทำอะไรที่คอนโดคุณประกายดาวคะ”
หญิงนิ่มเดินเร็วมาที่ลิฟต์ นักข่าวกำลังเดินตามมา
“คุณหญิงคะ สัมภาษณ์หน่อยเถอะค่ะคุณหญิง”
หญิงนิ่มกำลังจะกดลิฟต์ ทันใดนั้นก็มีมือมาดึงแขนหญิงนิ่มเข้าไปในลิฟต์
หญิงนิ่มตกใจ “ว้าย !”
ในลิฟต์ หญิงนิ่มถูกพงศ์จันทรโอบกอดจนแนบชิดกำแพงข้าง พงศ์จันทรกดปิดลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดพอดีกับที่นักข่าววิ่งมาทำให้นักข่าวไม่เห็นว่าหญิงนิ่มอยู่ไหน
พงศ์จันทรยังยืนคร่อมร่างหญิงนิ่ม ทั้งสองสบตากัน แล้วหญิงนิ่มก็ผลักพงศ์จันทรออก
“ถอยไป !”
“ขอบคุณสักคำก็ไม่มี ใจดำ” พงศ์จันทรว่า
หญิงนิ่มไม่ตอบโต้ เธอกดปุ่มลิฟต์ชั้นต่อไปที่ลิฟต์กำลังไปถึง
“ไหนว่าจะมาหาคุณดาวไง ห้องคุณดาวอยู่ชั้น 10 นะคุณ”
“ฉันเปลี่ยนใจ”
ลิฟต์จะเปิด พงศ์จันทรกดปิดลิฟต์
หญิงนิ่มไม่พอใจ “เอ๊ะ !”
“ถ้าคุณลงไปตอนนี้ คุณต้องเจอพวกนักข่าวรุมนะ”
“ก็ยังดีกว่าอยู่ใกล้นาย”
“ทำไม ? กลัวผมรู้เหรอว่าชอบผม”
หญิงนิ่มเม้มปากด้วยความโมโห
“ผมล้อเล่น คุณหญิง..คุณคิดยังไงกับเรื่องแผนล่าสเปิร์ม”
“ทำไมฉันต้องตอบคุณ”
“ไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ผมขอบอกนะ ผมรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ผมเคยพยายามจะเป็นเป้าหมายคนแรกของคุณดาวด้วย แต่ผมทำไม่สำเร็จ เพราะคุณดาวรักคุณชายจันทร์ รักจากหัวใจจริงๆ ไม่เกี่ยวกับสเปิร์ม คุณหญิง...ถ้าคุณยังอยากได้คุณดาวเป็นพี่สะใภ้เหมือนเดิม ผมอยากขอให้คุณลืมของเราไปก่อน แล้วเรามาร่วมมือกัน”
หญิงนิ่มนิ่งไป
อรอุมานั่งหน้าเครียดตึงเมื่อนึกถึงเรื่องที่ประกายดาวเคยบอก
เสียงประกายดาวดังในหัวอรอุมา “รู้ตัวบ้างไหมอรอุมา เธอกำลังถูกไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ใช้ความรักที่เธอมีให้เอามาปิดหูปิดตาเธอ เธอถึงทำเรื่องเลวร้ายสร้างเวรสร้างกรรมไว้กับเพื่อนรักของเธอเอง”
“คุณคบกับคุณรสมานาน คุณน่ารู้จักคุณรสดีที่สุด ว่าเธอเป็นยังไง คุณรสโหยหาความรักความอบอุ่นมาตลอด จนได้มาเจอกับผู้ชายที่รู้จุดอ่อนของเธอ แล้วมันก็หลอกให้เธอรัก หลอกให้มีความหวังว่าจะเลิกกับเมียที่มันด่าเช้าด่าเย็น แถมยังบอกว่ามันไม่เคยรักเมียมันเลย คุณรสถึงยอมทำเรื่องเลวร้ายกับคุณ แต่แล้วมันก็ไม่เคยทำในสิ่งที่มันพูด แถมยังไม่รับผิดชอบลูกที่เกิดมาจากสเปิร์มของมันด้วย”
อรอุมาตกอยู่ในความคิดของตัวเอง แล้วใครบางคนก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าอรอุมา อรอุมาแหงนหน้ามอง
“ฉันคิดว่าเธอจะไม่กล้ามาซะอีก” อรอุมาว่า
คนที่มาหาอรอุมาคือ รติรส
“ฉันไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว เธอมีอะไรจะถามฉันก็ว่ามา” รติรสบอก
“ฉันอยากรู้เรื่องระหว่างเธอกับศิวะอย่างละเอียด”
“ทำไม ? อยากตาสว่างแล้วเหรอ” รติรสถาม
พงศ์จันทรเปิดประตูเข้ามาในห้อง หญิงนิ่มเดินตามเข้ามา ทั้งสองเห็นประกายดาวยืนทอดสายตาออกไปที่หน้าต่างอย่างเศร้าๆ
“ถ้าให้ผมเดา คุณจันทรภานุก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม” พงศ์จันทรถาม
หญิงนิ่มพยักหน้า
“แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ช่วยพวกเขา จริงไหม ?”
พงศ์จันทรกระแอมทำให้ประกายดาวรู้ตัวจึงหันหน้ามา
“น้องหญิง เป็นยังไงคะ โดนนักข่าวรุมหรือเปล่า” ประกายดาวถาม
“เกือบค่ะ”
“ก็ถ้าผมไม่ได้ลงไปช่วยสิ โดนรุมทึ้งแน่”
หญิงนิ่มค้อนเพราะหมั่นไส้พงศ์จันทร
“คุณดาวครับ ผมกับคุณหญิงตกลงกันแล้ว เราจะร่วมมือกันช่วยให้คุณกับคุณชายได้ปรับความเข้าใจกัน”
ประกายดาวยิ้มดีใจ
อรอุมาสะพายกระเป๋าเล็กๆ กลับเข้ามาในบ้านหลังจากเพิ่งไปคุยกับรติรสจนเจอศิวะโผล่มาปิดตาอรอุมาจากด้านหลัง
อรอุมาตกใจ “ว้าย !”
“ผมเองครับที่รัก...ผมมีอะไรเซอร์ไพร้สคุณ ตามผมมา”
ศิวะพาอรอุมาเดินไปทางโต๊ะอาหาร
ศิวะพูดเสียงหวาน “ห้ามขี้โกงแอบมองนะครับ”
ศิวะปิดตาอรอุมาพาเดินมาหยุดยืนตรงที่หนึ่งแล้วเปิดตา ทำให้เห็นว่าสิ่งที่ศิวะเซอร์ไพร้สอรอุมาคือ โต๊ะอาหารดินเนอร์ใต้แสงเทียน
ศิวะเอ่ยถาม “ชอบไหม”
“ค่ะ”
ศิวะจับมืออรอุมา “อรครับ...ผมอยากให้คุณลืมเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่ ขอโอกาสให้ผมได้ไหม”
“ได้ค่ะ แต่คุณต้องสัญญา ว่านับจากวินาทีนี้ไป คุณจะไม่โกหกฉันอีก”
“ผมสัญญา”
“ถ้าคุณผิดคำพูดล่ะคะ” อรอุมาถาม
“คุณจะทำอะไรกับผมก็ได้” ศิวะบอก
อรอุมายิ้ม ศิวะเลื่อนเก้าอี้ให้อรอุมา อรอุมานั่งลงพร้อมวางกระเป๋าไว้บนตัก ศิวะเดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
“ทานกันเลยนะ ผมสั่งสเต็คมาจากร้านโปรดของคุณเลยนะ”
อรอุมายิ้มหวานแต่ใจกำลังนึกถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกับรติรส
อรอุมานึกถึงตอนที่เธอกับรติรสคุยกัน
“ตอนไปโรงแรมจันทรภานุ เวลาเธอไปนวด ศิวะก็เข้าไปหาฉันบ่อยๆ” รติรสบอก
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้โกหก” อรอุมาถาม
รติรสหยิบมือถือออกมาเปิดแล้วส่งให้อรอุมาดู
“หวังว่าเธอจะจำหัวเตียงที่โรงแรมได้”
อรอุมาดูแล้วมือสั่นเทาเพราะทั้งโกรธทั้งเสียใจ
อรอุมาตัดสินใจถามศิวะ
“ศิวะคะ วันหลังเราไปเที่ยวเชียงใหม่กันอีกนะคะ ฉันอยากไปพักที่โรงแรมของคุณจันทรภานุ สวยดี”
“ครับ”
ระหว่างนั้นอรอุมาก็ล้วงหยิบปืนสั้นออกมาจากในกระเป๋า แต่ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเป็นปกติไม่มีพิรุธใดๆ เพราะอรอุมายังต้องการจะให้โอกาสศิวะอยู่
“เราไปกันสองคน เราก็ไม่ต้องเอาห้องที่มีประตูเชื่อมแล้ว” อรอุมาบอก
ศิวะสะอึกแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ทานสเต็คสิครับ ผมสั่งมาจากร้านโปรดของคุณเลยนะ”
อรอุมาไม่สนใจสิ่งที่ศิวะพูด เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
“ศิวะคะ ตอนไปเชียงใหม่ คุณแอบไปหารสบ้างหรือเปล่า”
“คุณถามทำไม”
“ฉันให้โอกาสคุณอยู่ค่ะ ถ้าคุณอยากเริ่มต้นใหม่กับฉันจริงๆ คุณต้องบอกฉัน ว่ายังไงคะ คุณไปหารสบ้างหรือเปล่า”
ศิวะอึกอัก
อรอุมาจ้องศิวะโดยในใจลุ้นขอให้เขาไม่โกหก
มืออรอุมากระชับปืนสั้น โดยให้ปลายกระบอกปืนหันไปทางเป้าศิวะ ศิวะวางมีดกับส้อมแล้วเอนหลังพิงกับเก้าอี้ด้วยท่าทางเครียด
“ผมจะบอกความจริงกับคุณ”
อรอุมายิ้ม “ดีค่ะ ฉันชอบความจริง”
ปืนในมืออรอุมาลดต่ำลง
“คุณฟังผมดีๆ นะ ที่เชียงใหม่...ผมกับรสไม่ได้มีอะไรกันเลย ที่จริงรสก็อ่อยผมตลอด แต่ผมเกรงใจคุณ ผมไม่ทำ ถึงยังไงผมก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของคุณ ผมไม่...”
ศิวะยังพูดไม่ทันจบ เสียงปืนก็ดังปัง !
ศิวะสะดุ้งสุดตัวก่อนจะล้มตกเก้าอี้ ศิวะก้มลงไปมองที่หว่างขาตัวเองก็เห็นเลือดไหลนองเป็นทางยาว
“อร ! อร...”
อรอุมาลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนดูสภาพของศิวะอย่างเลือดเย็น
“คุณบอกเองนะคะ ถ้าคุณโกหก ฉันจะทำอะไรกับคุณก็ได้ ฉันให้โอกาสคุณแล้ว...ถ้าคุณพูดความจริงว่าคุณกับรสมีอะไรกัน ฉันจะไม่โกรธคุณเลย แต่สุดท้ายคุณก็ยังโกหกฉันอย่างหน้าด้านๆ คุณไม่เคยรักฉันอย่างที่ประกายดาวพูดจริงๆ”
ศิวะดิ้นทุรนทุราย “อ๊าก ! เจ็บ”
“เจ็บเหรอ ? เวลาฉันเจ็บปวดช้ำใจเพราะ "มัน" ฉันทรมานกว่านี้หลายเท่า ในเมื่อมันสร้างปัญหามากนัก ก็อย่ามีมันซะเลย จะได้ไม่ต้องมีผู้หญิงคนไหนตกเป็นเหยื่อความมักมากของคุณอีก”
ศิวะร้อง “ช่วย...ด้วย...”
อรอุมาหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมากดโทรหา "โรงพยาบาล"
“ในฐานะอดีตภรรยา ฉันช่วยคุณได้แค่นี้ ลาก่อน”
อรอุมาโยนมือถือให้ศิวะแล้วเดินออกไป ศิวะตะเกียกตะกายคลานไปเอาโทรศัพท์มือถือ
ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ตกใจหลังจากฟังเรื่องที่รติรสเล่า
“ไอ้ศิวะโดนยิงน้องชาย โอ้ว...แม่เจ้า ยัยอรใจเด็ดชะมัด” จิตสุภางค์ชม
“อรคงหมดความอดทนแล้วจริงๆ ถึงกล้าทำแบบนั้น พอยิงศิวะเสร็จ อรก็นั่งคอยให้ตำรวจมาจับ อรโดนข้อหาพยายามฆ่า แต่ตอนนี้อรประกันตัวออกมา ส่วนคดีก็ต้องสู้กันต่อไป” รติรสเล่า
“สะใจดีแท้ นี่แหละน้า..ผลกรรมของความมักมาก ไม่รู้จักพอ”
มิลินทร์ถาม “เอ๊ะ ว่าแต่คุณกับยัยอรดีกันแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ เราเข้าใจกันแล้ว อรให้เงินฉันมาก้อนหนึ่งด้วย เขาอยากจะชดเชยให้ในสิ่งที่อรทำกับฉัน ฉันตั้งใจว่าจะบินไปอยู่ที่อเมริกา ฉันมีญาติอยู่ที่นั้น ฉันขอบคุณพวกคุณมากนะคะสำหรับความช่วยเหลือ” รติรสพูดกับประกายดาว “โดยเฉพาะคุณ..ถ้าไม่ได้คุณ ป่านนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณได้ยังไง”
“แค่คุณเริ่มต้นชีวิตใหม่ ลืมเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านมา แค่นี้ก็เป็นการตอบแทนฉันแล้วค่ะ”
รติรสยิ้มอย่างรู้สึกดี
“คนดีอย่างคุณต้องได้รับแต่สิ่งดีๆ ฉันขอให้คุณปรับความเข้าใจกับคุณจันทรภานุได้ในเร็ววันนะคะ คุณสองคนจะได้กลับมารักกันเหมือนเดิม”
“ฉันก็ภาวนาขอให้เป็นอย่างงั้นค่ะ” ประกายดาวบอก
ประกายดาวมีสีหน้าและแววตามุ่งมั่น
จันทรภานุแต่งตัวหล่อเนี้ยบแต่หน้าตาไม่ได้มีความสุขขณะกำลังออกไปดินเนอร์กับสาว สุรีย์กับนมพรเดินออกมาจากอีกทางแล้วเรียกไว้
“ชาย”
จันทรภานุขานรับ “ครับ”
สุรีย์ส่งกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ให้จันทรภานุ
“แม่ฝากให้หนูน้ำหวานด้วย บอกว่าเป็นของขวัญต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่”
“ไม่เร็วไปหรือครับหม่อมแม่”
“แล้วจะช้าทำไมล่ะจ๊ะ แล้วถ้าหนูน้ำหวานถามเรื่องประกายดาว ชายต้องบอกว่าไม่รู้จัก ไม่สนิท เข้าใจไหมชาย”
จันทรภานุนิ่งไม่ตอบ
“ไปได้แล้วจ้ะ เป็นผู้ชายไม่ควรให้ผู้หญิงคอย”
จันทรภานุรับกล่องกำมะหยี่แล้วเดินออกไป สุรีย์มองตามอย่างกังวล
“ขึ้นไปไหว้พระกันเถอะนม ไปขอพรให้ท่านช่วยดลใจให้ชายชอบหนูน้ำหวาน ประกายดาวจะได้ออกไปจากชีวิตเราสักที”
สุรีย์เดินกลับเข้าไปด้านใน นมพรเดินตามพลางส่ายหน้าเหนื่อยใจ
หญิงนิ่มซุ่มแอบอยู่ด้านหนึ่งมองตามจันทรภานุ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
“นายพงศ์ พี่ชายออกไปแล้ว”
พงศ์จันทรคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเดินเข้าไปหาประกายดาว
“คุณชายออกมาจากวังแล้ว คุณพร้อมนะ”
“ค่ะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังอีก ฉันกับคุณชายจะเป็นยังไงต่อไป คืนนี้ฉันต้องหาบทสรุปให้ได้”
ประกายดาวมุ่งมั่น
ช่างทำผมให้น้ำหวานเสร็จก็ออกปากชม
“ว้าวๆๆ น้องน้ำหวานสวยมาก สวยที่สุดในปฐพีค่ะ คืนนี้น้องน้ำหวานจะไปดินเนอร์กับใครเอ่ย”
“คุณจันทรภานุค่ะ” น้ำหวานตอบ
“นั่นแน่ อยากได้สเปิร์มคุณจันทรภานุอีกคนใช่ม้า ขอเผื่อพี่บ้างได้ไหมคะ พี่อยากมีลูกเฟอร์เฟ็คๆ”
“พี่น่ะ น่าเกลียด น้ำหวานไปนะคะ” น้ำหวานเดินออกไป
ผู้หญิงที่นั่งม้วนผมอยู่ข้างๆ ลดหนังสือพิมพ์ลงทำให้เห็นว่าเป็นนันทินี !
“คุณจันทรภานุไปเดท !”
ณ ร้านอาหารฝรั่งสุดหรู จันทรภานุกับน้ำหวานนั่งกินอาหารฝรั่งเศสซึ่งต้องใช้ส้อม มีด และอุปกรณ์การกินหลายคู่ จันทรภานุมองการกินของน้ำหวานก็เห็นน้ำหวานใช้อุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว
จันทรภานุมองกิริยาการรับประทานอาหารของน้ำหวาน แต่เขากลับนึกถึงผู้หญิงอีกคน
ภาพตอนที่ประกายดาวเต้นบ้าๆ บอๆ แวบเข้ามาในหัวของจันทรภานุ
จันทรภานุยิ้มกับตัวเอง น้ำหวานจับบริเวณก้านแก้วไวน์วางลงบนโต๊ะหลังจากจิบเสร็จแล้ว แล้วก็หยิบผ้าบนตักขึ้นเช็ดมุมปากด้วยสีหน้าดื่มด่ำกับการรสชาติอาหารสุดๆ
“จิบไวน์โซวินญองบลองเวลาทานสเต็คปลาแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ คืนนี้เราจะไปต่อที่ไหนกันดีคะคุณชาย แต่น้ำหวานขอเตือนเอาไว้ก่อนเลยนะ น้ำหวานกลับดึกไม่ได้ แต่กลับเช้าได้” น้ำหวานส่งสายตายั่วยวนให้จันทรภานุ
จันทรภานุพูดอย่างสุภาพ “ผมต้องขอโทษด้วย คืนนี้ผมต้องกลับไปเคลียร์งาน”
น้ำหวานหน้าแตก บ๋อยเดินเข้ามา
“ขอประทานโทษครับคุณผู้หญิง รถของคุณสัญญาณกันขโมยดังครับ”
น้ำหวานพูดกับจันทรภานุ “ขอตัวสักครู่นะคะ”
น้ำหวานหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกไป จันทรภานุเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลายกว่าตอนอยู่กับน้ำหวาน
สัญญาณกันขโมยของรถน้ำหวานดัง น้ำหวานเดินมาแล้วล้วงหยิบรีโมทรถในกระเป๋ามากดปิดสัญญาณ ก่อนจะหันหลังกำลังจะกลับเข้าไปในร้าน แต่ก็ชนเข้ากับใครบางคน
“ว้าย !”
คนที่ชนรวบตัวน้ำหวานไว้ในอ้อมกอด ทำให้เห็นว่าเขาคือพงศ์จันทร
“ขอโทษครับ”
พงศ์จันทรใช้สายตาพิฆาตจ้องน้ำหวาน น้ำหวานยิ้มเขิน
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12 (ต่อ)
จันทรภานุนั่งคอย สักพักมือถือของจันทรภานุก็ดังขึ้น จันทรภานุหยิบขึ้นมาดูเห็นหน้าจอมือถือเป็นข้อความมาจากน้ำหวาน ว่า "กลับแล้ว ปวดหัว" จันทรภานุแปลกใจ
พงศ์จันทรขับรถโดยมีน้ำหวานนั่งข้างๆ จู่ๆ พงศ์จันทรก็เบรครถเอี๊ยด น้ำหวานตั้งตัวได้จากการหัวทิ่ม
“จอดทำไมคะ” น้ำหวานถาม
“ผมนึกขึ้นได้ว่าผมมี...”
“มีนัดเหรอคะ”
“มีแฟนแล้ว ตะกี้ความจำผมเละเลือนคิดว่าตัวเองโสด แต่ตอนนี้นึกได้แล้วว่าหัวใจไม่ว่าง ต้องขอโทษด้วย ผมพาคุณไปต่อไม่ได้”
น้ำหวานขยับปากจะพูด แต่พงศ์จันทรขัดจังหวะ
“อ่อ... ผมว่าสวยๆ สาวๆ อย่างคุณกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ดีกว่า ดึกๆ เสือสิงห์กระทิงแรดออกหากิน เดี๋ยวจะตกเป็นเหยื่อ โชคดีนะครับ”
พงศ์จันทรลงจากรถ น้ำหวานอ้าปากค้าง
พงศ์จันทรลงมาจากรถแล้วเดินมาจากรถของน้ำหวานก่อนจะพูดกับตัวเอง
“คุณดาว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของคุณแล้วนะ”
จันทรภานุเซ็นต์บัตรเครดิตเสร็จก็ส่งสลิปคืนให้พนักงาน พนักงานเดินออกไป จันทรภานุลุกขึ้นกำลังจะออกไปแต่พบประกายดาวยืนอยู่ตรงหน้า จันทรภานุแปลกใจ
ประกายดาวเอ่ย “คุณชายคะ ฉันอยากคุยกับคุณ”
“ทำไมคุณรู้ว่าผมอยู่ที่นี่” จันทรภานุถาม
“คุณชายก็รู้ ถ้าฉันต้องการอะไร ฉันก็ต้องทำให้ได้ แล้วตอนนี้ฉันก็ต้องการคุยกับคุณให้รู้เรื่องสักที”
จันทรภานุมองประกายดาว
นันทินีเดินฉับๆ มาหน้าร้านอาหารฝรั่งเศส
“ฝันไปเถอะนังน้ำหวานน้ำเน่า ถ้าฉันไม่ได้คุณชาย ชะนีหน้าไหนก็ต้องไม่ได้”
นันทินีกำลังจะผลักประตูเข้าไปในร้านแต่เห็นประกายดาวยืนอยู่กับจันทรภานุ
“นังดาว!” นันทินีนึกได้ “ต้าย...มาสะกัดดาวรุ่งเร็วกว่าฉันอีกนะยะ แกสะกัดนังน้ำเน่าฉันก็จะสะกัดแก ฮ่าๆๆ”
นันทินีกำลังจะเข้าไปในร้าน แต่ถูกใครบางคนโผล่เข้ามาดึงแขนไว้
นันทินีตกใจ “ว้าย !”
นันทินีเซก่อนจะหันไปเห็นว่าเป็นหญิงนิ่ม
“น้องหญิง !? มาทำอะไรที่นี่คะ”
“มาทานอาหารค่ะ พี่นันล่ะคะ จะไปไหน”
“พี่หิวค่ะ พี่อยากทาน Cod with Chive Butter Sauce ม้ากมาก”
นันทินีจะเข้าไปในร้านแต่หญิงนิ่มห้าม
“ไปทานร้านอื่นเถอะค่ะ หญิงเลี้ยงเอง”
“ไม่ค่ะ พี่จะทานที่นี่”
นันทินีกับหญิงนิ่มยื้อกันไปมา
ประกายดาวกำลังจะพูดกับจันทรภานุ
“ถ้าคุณพยายามมากขนาดนี้ ผมก็ยินดีจะคุยกับคุณ”
ประกายดาวยิ้มแต่แล้วก็หันไปเห็นนันทินีกับหญิงนิ่มกำลังยื้อกันไปมาอยู่ที่หน้าร้าน
ประกายดาวนิ่วหน้า
จันทรภานุกำลังจะหันไปมองตาม แต่ประกายดาวดึงแขนจันทรภานุเอาไว้
จันทรภานุงง “ไปไหน”
“ฉันต้องการคุยกับคุณชายตามลำพังค่ะ”
ประกายดาวดึงมือจันทรภานุให้เดินออกไป
หญิงนิ่มยื้อยุดห้ามไม่ให้นันทินีเข้าไปในร้าน แต่นันทินีก็จะเข้าให้ได้
“หญิงพาไปทานร้านอื่นค่ะ มีสเต็คเนื้อโกเบชิ้นละสองหมื่น หญิงเลี้ยงเองค่ะ”
“ไม่ต้องเอาของกินมาล่อ พี่ไม่ได้เห็นแก่กิน พี่เห็นแก่ผู้ชาย ปล่อย ! พี่จะไปหาคุณจันทรภานุ” นันทินีมองเข้าไปในร้าน
นันทินีเห็นว่าจันทรภานุกับประกายดาวหายไปแล้ว
“หายไปไหน”
นันทินีจะเข้าไปข้างใน แต่หญิงนิ่มขวางเอาไว้
“พี่นันกลับไปเถอะ ยังไงๆ หญิงก็ไม่ให้พี่นันเข้าไปหาพี่ชาย พี่ดาวกับพี่ชายต้องปรับความเข้าใจกัน เขาสองคนจะได้กลับมารักกันเหมือนเดิม”
“กินปลาบ้างนะคะคุณน้อง จะได้ฉลาดสักที นังดาวมันสตรอเบอรี่ มันแกล้งทำดีเพื่อจะมารีดสเปิร์มของคุณจันทรภานุ ยังจะอยากได้มันเป็นพี่สะใภ้อีก โง่ !”
“หญิงโง่ก็ยังดีกว่าให้พี่ชายตกนรกไปทั้งชีวิต กลับไปเถอะค่ะพี่นัน อย่าพยายามตื้อพี่ชายอีกเลยะ พี่ชายไม่ได้รักพี่นัน ไม่มีวันจะรักด้วย ถ้าพี่นันตื้อพี่ชายไม่เลิก พี่ชายจะไม่ใช่แค่ไม่รัก แต่จะเกลียดพี่นันเลยด้วย”
“เกลียดไม่กลัว กลัวไม่ได้กิน ถอยไป !”
นันทินีผลักหญิงนิ่มอย่างแรงจนหญิงนิ่มกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้น นันทินีจะเข้าไปในร้าน แต่หญิงนิ่มโผเข้าไปกอดขานันทินี
“อย่าเข้าไป !”
“โอ๊ย ! อีนังน้องหญิง พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม !”
นันทินีฟาดมือตบหน้าหญิงนิ่มเต็มแรง หญิงนิ่มกระเด็นและปล่อยมือออกจากขานันทินี นันทินีดูมือตัวเองข้างที่ตบหญิงนิ่ม
“แหม่...ไม่คิดว่าได้ตบอีพวกเลือดสีน้ำเงินจะสะใจขนาดนี้ ไหนๆ จะไม่ได้ร่วมวงศาขณาญาติกันแล้ว ขออีกทีก็แล้วกัน”
นันทินีกระโดดคร่อมร่างหญิงนิ่มแล้วง้างมือจะตบ แต่พงศ์จันทรโผล่มาคว้าแขนนันทินี แล้วกระชากนันทินีเข้าไปชิดก่อนจะตะคอกใส่หน้านันทินี
“อย่าแตะต้องหญิงนิ่ม !”
พงศ์จันทรผลักนันทินีจนนันทินีกระเด็นล้มไปชนกระถางต้นไม้ล้มระเนระนาด
“ว้าย !” นันทินีร้อง
พงศ์จันทรปราดเข้าไปดูหญิงนิ่ม หญิงนิ่มหน้าซีดและมีเลือดซิบที่มุมปาก
นันทินีด่า “ไอ้บ้า ! ไอ้รังแกผู้หญิง ! ไอ้ไม่เป็นสุภาพบุรุษ !”
“ถ้าคุณเป็นผู้ชาย ผมชกหน้าคุณไปแล้ว” พงศ์จันทรบอก
“ทำโชว์แมน รู้หรอกว่าคิดอะไรอยู่ กลับบ้านไปเอาหน้าต้มข้าว รอกินกับไข่แดงของนังนี่เลยไป”
พงศ์จันทรจะพุ่งเข้าไปใส่นันทินี นันทินีผงะด้วยความกลัว เธอรีบคว้ากระเป๋าสะพาย แต่ยังไม่วายปากดี
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้ตุ๊ดๆๆ” นันทินีวิ่งหนีออกไป
พงศ์จันทรย่อตัวดูแผลที่มุมปากของหญิงนิ่ม
“เจ็บมากไหม”
หญิงนิ่มส่ายหน้า “ฉันคิดว่าคุณจะไปกับน้องน้ำหวาน ไม่กลับมาซะอีก”
“คุณอยู่ที่นี่ ผมจะไม่กลับมาได้ยังไง”
พงศ์จันทรสบตาหญิงนิ่มอย่างมีความหมาย หญิงนิ่มหลบสายตาพงศ์จันทรแล้วมองเข้าไปในร้าน
“พี่ดาวกับพี่ชายเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
พงศ์จันทรก็อยากรู้เหมือนกัน
ประกายดาวดึงมือจันทรภานุเข้ามาหลบหลังพุ่มไม้ ประกายดาวแอบมองเข้าไปในร้านประหนึ่งเป็นสายลับ
“ถ้ากลัวใครจะมาเห็นมากนัก มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ” จันทรภานุบอก
“ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเดือดร้อน” ประกายดาวพูด
“ไม่เป็นไร ผมเดือดร้อนอีกไม่นาน เดี๋ยวคนก็จะลืม”
“แล้วคุณชายล่ะคะ จะลืมได้หรือเปล่า”
“ได้สิ เวลาจะทำให้ผมลืม...ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น ลืมด้วยว่าเคยรักคุณ”
ประกายดาวใจหายวาบ
“คุณจะให้ฉันทำยังไง คุณถึงจะยกโทษให้ฉัน”
“ถ้าผมไม่ยกโทษให้คุณ ผมไม่มายืนอยู่ตรงนี้”
“งั้นเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรือคะ ฉันสัญญา ฉันจะไม่โกหก ไม่ทำให้คุณผิดหวังในตัวฉันอีกแล้ว”
“ครั้งหนึ่งผมเคยรักผู้หญิงคนหนึ่ง มันเป็นความรักที่ดีมาก แต่แล้วมันก็ถูกทำลายลง เพราะความไม่จริงใจ ผมให้โอกาสเธอแก้ตัว เพราะผมเชื่อว่าความรักของผมจะทำให้เธอรู้จักความจริงใจ แล้วมอบมันกลับคืนมาให้ผม เราจะได้รักกันตลอดไป แต่สุดท้ายผมก็รู้ว่าความรักเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้ โดยเฉพาะกับคนไม่จริงใจ ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้วประกายดาว”
จันทรภานุหันหลังจะเดินไป ประกายดาวมองตามจันทรภานุแล้วน้ำตาก็ไหลพรากเมื่อนึกถึงเรื่องราวดีๆ ระหว่างเขากับเธอ
ประกายดาวปล่อยโฮ
“คุณชาย !”
ประกายดาวโผวิ่งเข้าไปสวมกอดจันทรภานุจากทางด้านหลัง จันทรภานุยืนนิ่งปล่อยให้ประกายดาวกอด
ประกายดาวกอดจันทรภานุแล้วเอาหน้าแนบแผ่นหลังของเขาก่อนจะหลับตาร้องไห้สะอึกสะอื้น ปล่อยให้ร่างกายและหัวใจอยู่กับผู้ชายคนนี้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“สักวันฉันจะลืมคุณเช่นกันค่ะ”
ประกายดาวปล่อยแขนแล้วหันหลังเดินออกไปอย่างเข้มแข็ง จันทรภานุเหลียวกลับไปมองตามอย่างเศร้าสร้อย
ประกายดาวในสภาวะอกหักเดินอย่างมุ่นมั่นไปหน้าร้าน สวนกับพงศ์จันทรและหญิงนิ่ม
พงศ์จันทรถาม “คุณดาว เป็นยังไงบ้าง”
ประกายดาวไม่ตอบแต่เดินจากไป พงศ์จันทรกับหญิงนิ่มแปลกใจและเป็นห่วง
ประกายดาวเดินออกไปนอกร้าน ผู้หญิงสาวสองคนลงจากรถแล้วหันมาเห็นประกายดาว
“นั่นประกายดาวสาวล่าสเปิร์มนี่ อ้ายๆๆ ไอดอลของฉัน หยิบป้ายไฟมาเร็วแก๊”
ประกายดาวไม่สนใจอะไร เธอมุ่งมั่นเดินต่อไป
ประกายดาวเดินๆ ไปเรื่อยๆ ผ่านตลาด สะพานพุทธ ฯลฯ
จันทรภานุขับรถมาด้วยความเศร้า ประกายดาวเดินอยู่ริมถนน รถจันทรภานุใกล้จะวิ่งผ่านประกายดาว
แต่ทันใดนั้นก็มีรถเมล์วิ่งแทรกมาตรงกลาง ทำให้จันทรภานุกับประกายดาวมองไม่เห็นกัน รถจันทรภานุเคลื่อนออกไป ประกายดาวก็ยังมุ่งมั่นเดินต่อไป
รถมิลินทร์ขับมาเบรคเอี๊ยดริมทางเท้า มิลินทร์กับจิตสุภางค์ลงจากรถแล้ววิ่งย้อนมาหาประกายดาวที่นั่งซึมอยู่ริมถนน
มิลินทร์ถาม “ไอ้ดาว มานั่งทำอะไรตรงนี้”
“ปวดขา” ประกายดาวบอก
“สม กระแดะเดินมาซะไกล จะไปลงแข่งเดินทนหรือไงยะ” จิตสุภางค์ว่า
“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมอกหักแล้วต้องเดิน” ประกายดาวบอก
“อกหัก ? สรุปว่าแกกับคุณชาย...”
จิตสุภางค์พูดต่อ “เกมส์โอเว่อร์”
ประกายดาวปล่อยโฮ สองเพื่อนสาวกอดปลอบใจ
สุรีย์วางสายโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
“ชายนะชาย ทำให้แม่ขายหน้าอีกแล้ว เมื่อคืนทิ้งหนูน้ำหวานไปได้ยังไง ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย”
“แต่พี่ชายบอกว่าน้องหนูน้ำหวานหายไปเองนะคะ พี่ชายไม่ได้ทิ้งซะหน่อย” หญิงนิ่มบอก
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนกันเลย ทำไมนะ...ผู้หญิงดีๆ ไม่รู้จักมอง ทำไมต้องไปรักไปชอบผู้หญิงไม่จริงใจอย่างประกายดาวด้วย”
“ความรักบังคับกันไม่ได้หรอกค่ะหม่อมป้า คนบางคนเราไม่อยากรัก แต่หัวใจก็ดันรักซะถอนตัวไม่ขึ้น”
“หญิงกำลังมีความรักหรือเปล่า”
หญิงนิ่มอึกอัก
จู่ๆ เสียงหัวเราะของนันทินีก็ดังขึ้นจากหน้าวัง ทุกคนหันไปมอง
นมพรสงสัย “เสียงใคร”
สุรีย์ หญิงนิ่ม และนมพรเดินออกมาจากในวังก็เจอนันทินียืนหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆ ลูกคนขายน้ำเต้าหู้สะใจโว้ย”
“ท่าทางพี่นันจะบ้าไปแล้ว โทรเรียกรถพยาบาลเถอะค่ะ”
“ถ้าจะมีคนบ้าคงเป็นคนวังนี้มากกว่า เอาใครไม่เอาดันไปลูกสาวคนขายข้าวขาหมูที่ตอแหลเก๊งเก่งมาเป็นลูกสะใภ้ เอ๊ะ หรือคนตอแหลเหมือนกันก็ต้องอยู่ด้วยกัน”
หญิงนิ่มไม่พอใจ “มันจะมากไปแล้วนะคะพี่นัน”
“แหม...ตั้งแต่มีแฟนเป็นคาสโนว่า ทำเก่งนะคะ ระวังจะเสียตัวฟรี แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน”
หญิงนิ่มโมโห “พี่นัน !”
“ออกไปจากวังฉันเดี๋ยวนี้ แล้วห้ามกลับมาเหยียบที่นี่อีก ไม่อย่างงั้นฉันจะ...”
“จะแจ้งตำรวจหรือคะ” นันทินีถาม
“เอาน้ำร้อนมาสาด”
“จัดไปตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ” นมพรวิ่งกลับเข้าไปข้างในแล้วตะโกน “ใครอยู่แถวนี้ เอาน้ำร้อนมาเร็ว”
นันทินีชักกลัว
“ไม่ต้องมาไล่หรอกย่ะ ฉันไปแน่ แล้วฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีก เพราะที่นี่มีแต่คนโง่ๆ ไม่เหมาะสมที่คนฉลาดอย่างฉันจะต้องมาเหยียบ ขอให้มีความสุขกับสะใภ้ตอแหลและหลานเขยบ้ากามนะเพคะ”
นันทินีย่อตัวถอนสายบัวอย่างกวนประสาท ทันใดนั้นก็มีน้ำสาดใส่นันทินีโครมใหญ่จากนมพร
“น้ำร้อนไม่มี เอาน้ำธรรมดาก่อนแล้วกัน” นมพรบอก
นันทินีร้องกรี๊ด
ประกายดาวสะพายกระเป๋ากล้องเพราะเพิ่งกลับมาจากทำงาน หน้าตาของประกายดาวหงอยๆ พอเดินมาถึงห้องเธอก็ไขกุญแจเปิดเข้าไป เสียงเพลงสุดมันดังกระหึ่มอยู่ในห้อง ประกายดาวแปลกใจก่อนจะพบจิตสุภางค์กับมิลินทร์ที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันกำลังเต้นอย่างสุดเหวี่ยง
“ดาวกลับมาแล้ว ไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้ วันนี้วันศุกร์คืนปล่อยผี เดี๋ยวเราออกไปหาที่แดนซ์ลืมโลกกัน” มิลินทร์บอก
จิตสุภางค์เต้นเข้ามาใกล้มิลินทร์กับประกายดาว
“เฮ้ยๆ ฉันเพิ่งค้นพบ หมวกนี้เป็นหมวกวิเศษ ใครใส่แล้วต้องแดนซ์”
จิตสุภางค์เอาหมวกที่ตัวเองสวมใส่หัวมิลินทร์ มิลินทร์สะดุ้งเหมือนถูกไฟช็อต
“เหย...หยุดไม่อยู่จริงๆ ว่ะ ไอ้ดาวเอาไป”
มิลินทร์วางหมวกบนหัวประกายดาว แต่ประกายดาวเฉยก่อนจะถอดหมวกวางบนโต๊ะ
“ฉันไม่ไปนะ ถ่ายรูปมาทั้งวัน เหนื่อย อยากพัก”
ประกายดาวเดินเข้าห้องแล้วปิดประตู จิตสุภางค์กับมิลินทร์เซ็ง
“ฉันหมดมุขจะช่วยให้มันหายเศร้าแล้วนะ” มิลินทร์บอก
“งั้นคงต้องทำวิธีสุดท้าย” จิตสุภางค์ว่า
“ทำอะไร”
“ทำใจ ปล่อยให้เวลาช่วยเยี่ยวยาไอ้ดาวแล้วกัน”
มิลินทร์พยักหน้าเห็นด้วยแต่เพื่อนทั้งสองก็ยังกลุ้มใจ
ประกายดาวนอนเศร้าเพราะคิดถึงจันทรภานุ
วันต่อมา จันทรภานุเดินคุยงานกับทีมงาน ระหว่างนั้นจันทรภานุก็มองไปที่มุมหนึ่งในห้างแล้วก็นึกถึงประกายดาว
จันทรภานุนึกถึงตอนที่ประกายดาวล้มในอ้อมกอดของเขา
จันทรภานุสะบัดหน้าไล่ความคิดของตัวเองแล้วทำงานต่อ
จันทรภานุทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดถึงประกายดาว หญิงนิ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องพอเห็นท่าทางเศร้าของจันทรภานุเธอก็มองอย่างสงสาร
หญิงนิ่มถอนหายใจเศร้าๆ ระหว่างนั่งกินข้าวกับพงศ์จันทรที่ร้านอาหาร
“คุณเคยถามฉัน ว่าพี่ชายมีข้อเสียอะไร ตอนนี้ฉันรู้แล้ว”
“อะไร?” พงศ์จันทรถาม
“พี่ชายใจแข็งมาก” หญิงนิ่มบอก
“ก็ดีกว่าผู้ชายใจอ่อนง่ายอย่างผมนะ แต่ตอนนี้หัวใจผมเข้มแข็งแล้วนะ ผู้หญิงที่ไหนก็เข้ามาไม่ได้ นอกจากคุณ”
“ไปหลอกเด็กอมมือเถอะ ! ใจแข็งดีกว่าใจอ่อนก็จริง แต่ถ้าใจแข็งแล้วทำให้ชีวิตไม่มีความสุข ใจอ่อนลงมาบ้างก็ได้”
“บอกตัวเองด้วยนะ” พงศ์จันทรบอก
“อะไรนะ”
“เปล่าครับ เอาเป็นว่าเรื่องคุณชาย คุณสบายใจเถอะ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่คุณชายกับคุณดาวจะได้รู้ว่าเขาสองคนรักกันจริงหรือเปล่า ถ้าเขารักกันจริงๆ ความรักจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง”
วันต่อมา ประกายดาวเดินคุยโทรศัพท์กับแดนดินมาจากหน้าคอนโดโดยกำลังจะเข้าไปข้างใน
“ดาวจองตั๋วเรียบร้อยแล้วนะพี่ดิน บอกน้องฟ้ากับพี่วัลย์ให้เอาเสื้อผ้ากันหนาวไปเยอะๆ นะ ยุโรปอากาศเย็น” ประกายดาวฟังแล้วตอบ “ทำจงทำใจอะไรเล่า ดาวก็แค่อยากพาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากัน แค่นี้นะ”
ประกายดาววางสายแล้วถอนหายใจเศร้าๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในคอนโด พนักงานของคอนโดเดินเข้ามาหาประกายดาว
“คุณดาวคะ มีแขกมารอพบค่ะ”
“ใครคะ”
เด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งนั่งคอยอยู่ที่โซฟา พอหันมาเห็นประกายดาวเธอก็รีบวิ่งมาหา
“สวัสดีค่ะพี่ดาว ขอถ่ายรูปคู่อัพลงเฟชก่อนนะคะ” วัยรุ่นสาวส่งมือถือให้พนักงาน “ถ่ายให้หน่อยค่ะ”
“ใจเย็นๆ นะคะน้อง น้องๆ มาหาพี่มีธุระอะไรหรือคะ” ประกายดาวถาม
“หนูเพิ่งถูกผู้ชายทิ้งค่ะ หนูจะไม่มีความรัก ไม่มีแฟนอีก แต่หนูจะมองหาผู้ชายหล่อๆ แล้วไปขอสเปิร์มเขามาทำลูกเหมือนพี่ดาว พี่ดาวให้คำแนะนำหนูหน่อยนะคะ”
ประกายดาวอึ้ง
วันต่อมา แดนดินลงจากรถกระบะ
“เอาต้นไม้มาส่งครับ” แดนดินตะโกนบอก
คนในบ้านยังไม่ทันออกมา ผู้หญิงท้องแก่คนหนึ่งก็เดินอุ้ยอ้ายมาจากบ้านข้างๆ
“คุณเป็นพี่ชายของยัยประกายดาวสาวล่าสเปริมใช่ไหม”
“ครับ”
“ฝากไปด่าน้องสาวคุณด้วยนะ เพราะไอ้ความคิดล่าสเปิร์มบ้าๆ ถึงทำให้ชีวิตฉันปั่นป่วน พอนังพวกผู้หญิงหน้าด้านรู้ว่าฉันท้องแฝดสาม ก็วิ่งโร่มาเข้าคิวขอสเปิร์มผัวฉันกันยาวเหยียด อีผัวฉันก็ไปให้สเปิร์มสนุกสนานเลยสิ บ้านช่องไม่กลับ”
แดนดินทำหน้าไม่ถูก ระหว่างที่ถูกผู้หญิงด่า รถยนต์คันหนึ่งวิ่งผ่านโดยมีสติกเกอร์ติดหลังรถว่า "บ่องตง ! เห็นหน้าเธอแล้วอยากเจอเสปิร์ม” แดนดินหันไปเห็นสติกเกอร์นั้นก็อ้าปากค้าง
แดนดินทุบประตูห้องประกายดาวปังๆๆ ประกายดาวเปิดประตู
“ไอ้ดาว ! แกรูไหมว่าวันนี้ฉันต้องเจออะไรบ้าง "บ่องตง ! เห็นหน้าเธอแล้วอยากเจอสเปิร์ม", "ถ้านายแน่ขอแค่สเปิร์ม" , "สเปิร์มนี้ดีฝุดๆ" , "เชื่อเลยว่าหน้าอย่างนี้ สเปิร์มต้อง...น่าร๊อกอ่ะ"
“ดาวเจอแรงกว่า” ประกายดาวบอก
“อะไร” แดนดินถาม
"ขอหนึ่งตัว ความเป็นผัวไม่ต้อง"
“อุ้ย! แรงจริง แต่ของฉันแรงกว่าตรงที่โดนด่าว่ามีน้องสาวเป็นบ้า”
“จริงเหรอ”
“เออดิ ไหนแกบอกว่าเรื่องนี้มันจะเงียบไปเอง แล้วนี่อะไร ตอนนี้ผู้หญิงทั้งบ้านทั้งเมืองกำลังจะบ้าตามแกไปหมดแล้ว วิ่งไล่ขอสเปิร์มผู้ชาย ไม่ใช่แค่นั้นนะ แต่พวกบรรดาเมียๆ ก็เดือดร้อน ที่ต้องคอยระวังไม่ให้ใครมาขอสเปิร์มผัวเขา แกเห็นผลจากไอ้ความคิดบ้าๆ ของแกหรือยังดาว แกจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ แกต้อง...”
“หยุด ! ดาวรู้แล้ว ดาวสำนึกผิดแล้ว และดาวก็กำลังจะจัดการกับเรื่องนี้แล้วด้วย”
“แกจะทำยังไง”
ประกายดาวไม่ตอบ
อภิเชษฐ์ตักอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย ต้นอ้อก็นั่งกินอยู่ด้วย อภิเชษฐ์เงยหน้าเห็นว่าจันทรภานุที่นั่งตรงข้ามแทบจะไม่แตะอาหารเลย อภิเชษฐ์เลยพาลกินไม่ลง เขาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกแล้วรอฟังสาย
“ฮัลโหลคุณดาว มีคนอยากคุยด้วย”
อภิเชษฐ์ส่งมือถือให้ จันทรภานุเหวอ แต่แล้วก็เห็นหน้าจอมือถือเป็นหน้าหลักเพราะอภิเชษฐ์ไม่ได้โทรออก
จันทรภานุโมโห “ไอ้เชษฐ์ !”
“ดีใจเก้อเลยอะดิ๊”
“ผู้กองจะไปแกล้งคุณชายทำไม”
“ผมไม่ได้แกล้ง ผมแค่อยากให้ไอ้ชายยอมรับใจตัวเองสักที”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“แกอยากได้ความจริงใจจากคนอื่น แต่แกก็ยังไม่มีความจริงใจให้ตัวเองเลย ชาย...ฉันรู้นิสัยแกดี ถ้าตัดสินใจอะไรไปแล้ว แกก็จะทำสิ่งนั้นไปตลอด เหมือนที่มันเคยผิดหวังเรื่องคุณแพท แกก็ตัดสินใจว่ามันจะไม่รักใครง่ายๆ แกจะหนีให้ห่างจากคนโกหก ไม่จริงใจ ตอนนี้แกก็เลยต้องหนีห่างจากคุณดาว ทั้งๆ ที่ใจแกโหยหาคุณดาวจะตายอยู่แล้ว”
“ฉันไม่อยากเสียใจอีก” จันทรภานุบอก
“แล้วตอนนี้แกไม่เสียใจเลย?” อภิเชษฐ์ถาม
จันทรภานุเถียงไม่ออก
“ชาย...ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวมากพอที่จะมานั่งแบกความทุกข์เอาไว้หรอกนะเพื่อน อะไรที่ทำแล้วมีความสุขโดยไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ทำไป อย่าเอาชีวิตไปติดไว้กับอดีตหรืออนาคต ชีวิตมีแต่วันนี้เท่านั้น”
จันทรภานุคิดตาม
“ไม่ว่าคุณดาวจะเข้าหาแกเพราะหวังอะไรก็ตาม แต่จงเชื่อสายตาอันแหลมคมของฉัน ฉันจับผิด จับพิรุธคนร้ายมาไม่ต่ำกว่าร้อยคน แค่กระพริบตา ฉันก็รู้แล้วว่าคนๆ นั้นคิดอะไรอยู่ ฉันนั่งยันนอนยันให้เลยว่า...คุณดาวเป็นคนดีมาก”
“ใช่ค่ะ” ต้นอ้อพูด “และฉันก็ชื่นชมคุณดาวมากด้วยที่เธอจริงใจต่อความรู้สึกของตัวเอง เธออยากมีลูก เธอก็กล้าหาญพอที่จะคิดหาทางทำให้ตัวเองมีลูกให้ได้ ไม่เหมือนฉัน...”
ต้นอ้อยังไม่ทันพูดอะไร เธอหันไปเห็นประกายดาวออกรายการ "ผู้หญิงถึงผู้ชาย" บนทีวีของร้าน
“คุณดาว !”
จันทรภานุกับอภิเชษฐ์มองตาม
แอนตี้ พิธีกรในรายการพูด “นี่ล่ะค่ะ ประกายดาวสาวล่าสเปิร์มตัวจริงเสียงจริง”
ประกายดาวยิ้มให้กล้อง ผู้ชมในห้องส่งถือป้ายไฟ "สาวล่าสเปิร์ม" และปรบมือ
บนเวที แอนตี้สัมภาษณ์ประกายดาว โดยที่มิลินทร์กับจิตสุภางค์ยืนดูอยู่ด้วย
“ว้าว...มีแฟนคลับมาเชียร์เยอะเลยนะคะ วันนี้คุณดาวมีข่าวดีอะไรมาบอกเราเอ่ย ถึงได้ติดต่อกับทีมงานว่าอยากจะมาขอออกรายการ หรือว่าคุณดาวได้สเปิร์มจากหนุ่มฮอท เฟอร์เฟ็คมาแล้ว”
“เปล่าค่ะ ที่ดาวมาวันนี้ ดาวจะมาบอกว่า เรื่องที่ดาวเคยพูดว่าดาวอยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามี ดาวไม่เชื่อเรื่องชีวิตคู่ ดาวเปลี่ยนความคิดไปนานแล้ว” ประกายดาวบอก
“แต่คุณดาวเคยให้สัมภาษณ์ไว้แบบนั้น”
“ถ้าได้ดูคำให้สัมภาษณ์ดาวตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ใช่ดูเฉพาะส่วนที่ตัดต่อมาครึ่งๆ กลางๆ ทุกคนก็จะรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ดาวเคยคิดมาก่อนที่ดาวจะรู้จักผู้ชายคนหนึ่ง เขาคนนั้นทำให้ความคิดของดาวเปลี่ยนไป เพราะสอนให้ดาวรู้จักความรักที่แท้จริง สอนให้ดาวรู้จักคุณค่าของชีวิตที่เกิดมาสมบูรณ์แบบ”
“สมบูรณ์แบบ โอ๊ะโอ...พูดถึงเขาคนนั้นชิมิคะ” แอนตี้ถาม
ประกายดาวไม่ตอบ
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12 (ต่อ)
จันทรภานุตั้งใจฟัง
ประกายดาวพูดต่อ “คำว่าสมบูรณ์แบบไม่ใช่เรื่องของรูปร่างหน้าตา เงินทอง เปลือกภายนอก แต่สมบูรณ์แบบในแง่ความรักจากครอบครัว มันจะดีจริงหรือคะ ถ้าคุณเกิดมาหล่อเป๊ะเหมือนอั้มอธิชาติ สวยเซี้ยะเหมือนเจนนี่เทียนโพธิ์สุวรรณ ฉลาดเป็นกรดเหมือนสตีฟจ๊อบ แข็งแรงบึกบึนเหมือนบัวขาว แต่คุณไม่เคยรู้ว่าคุณเกิดมาจากใคร แล้วเด็กจะคิดยังไง ถ้ารู้ว่าเขาเกิดมาจากการสเปิร์มที่แม่ไปวิ่งล่ามาไม่ได้เกิดจากความรักของพ่อแม่เหมือนเด็กคนอื่น ดาวอุปถัมภ์เด็กกำพร้าหลายคน พวกเขาสอนให้ดาวรู้ว่า ถ้าเลือกเกิดได้ พวกเขาขอเกิดมีพ่อแม่ ไม่ได้มีใครอยากเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า แต่พวกเขาเลือกเกิดไม่ได้”
“แต่ถ้าแต่งงาน ต้องหย่าร้าง กลายเป็นแม่ม่ายผัวหย่า มันเจ็บปวดนะคะ” แอนตี้บอก
“เกิดมาเป็นเด็กไม่มีพ่อ เจ็บปวดกว่าค่ะ เราในฐานะพ่อแม่สามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกได้ จงทำเถอะค่ะ ถ้าคุณคิดว่ารักเขาอย่าหยิบยื่นความขาดให้ลูกของคุณเลย”
“แสดงว่าตอนนี้คุณดาวตัดสินใจที่จะไม่ล่าสเปิร์ม แต่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของคุณดาว”
“ค่ะ ลูกของดาวจะต้องเกิดจากความรักของดาวกับคนที่ดาวรักและรักดาวเท่านั้น”
แอนตี้ถามต่อ “ตอนนี้คุณดาวเจอเขาคนนั้นแล้วใช่ไหมคะ”
ประกายดาวเศร้า
“ค่ะ ดาว "เคย" เจอเขาแล้วค่ะ ดาวถึงอยากขอให้ทุกคนเชื่อดาว อย่าไปล่าสเปิร์มของใครเลย เพราะวันหนึ่งคุณอาจจะเผลอรักเขาขึ้นมา แล้ววันนั้นคุณจะเป็นคนที่เสียใจมากที่สุด”
จันทรภานุเริ่มใจอ่อน
“ถามใจตัวเองดีๆ นะชาย แกจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตแกจริงๆ เหรอ” อภิเชษฐ์ว่า
“ถ้าฉันทำอย่างงั้น ฉันคงโง่มาก”
จันทรภานุเริ่มยิ้มออก
แอนตี้พูดต่อ “ถ้างั้นข่าวเม้าท์ที่ว่าคุณดาวเตรียมจะบินไปล่าสเปิร์มของหนุ่มตาน้ำข้าวก็ไม่จริงสิคะ”
“ไม่จริงค่ะ ดาวจะบินไปเที่ยวพักผ่อน”
“ไปเมื่อไหร่คะ”
“เร็วๆ นี้ค่ะ”
จันทรภานุ อภิเชษฐ์ และต้นอ้อตกใจ
“มัวช้าอะไรอยู่ล่ะเพื่อน ไปโลด” อภิเชษฐ์บอก
จันทรภานุยิ้มแล้วรีบลุกออกไป
มิลินทร์นั่งดูประกายดาวอัดรายการ สักพักมือถือของประกายดาวก็สั่นที่หน้าจอขึ้นว่า "จันทรภานุ" มิลินทร์เห็นก็ตื่นเต้น
“คุณชาย !” มิลินทร์รับสาย “ค่ะคุณชาย ดาวยังอัดรายการอยู่ คุณชายมีธุระอะไรกับดาวหรือคะ”
จันทรภานุวางสายขณะเดินฉับๆ ไปที่รถ อภิเชษฐ์กับต้นอ้อเดินตามมา
อภิเชษฐ์ถาม “ว่าไงบ้าง”
“คุณดาวบินสี่โมงเย็น” จันทรภานุบอก
“อีกสองชั่วโมง แสดงว่าคุณดาวถ่ายรายการเสร็จปุบก็ต้องรีบไปสนามบินทันที งั้นซิ่งไปเลยเพื่อน”
“ตอนนี้รถติดไม่ขยับ รถคุณชายซิ่งไม่ทันหรอกค่ะ” ต้นอ้อบอก
อภิเชษฐ์กับจันทรภานุแปลกใจ
จันทรภานุใส่หมวกกันน็อคนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ เพราะไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซต์วินมาก่อนเลย
“ตกลงจะให้พาไปไหน” คนขี่ถาม
จันทรภานุยังไม่ตอบแต่เขาใช้เสิร์ชหาตำแหน่งที่อยู่ของห้องอัดรายการ หน้าจอมือถือพิมพ์ในหน้ากูเกิ้ลว่า "แผนที่ ห้องอัด รายการผู้หญิงถึงผู้ชาย" จันทรภานุดูแล้วบอก
“ไปเหม่งจ๋ายครับ”
มอเตอร์ไซต์เร่งคันเร่ง จันทรภานุแทบหงายหลัง
ต้นอ้อกำลังเดินเข้าร้าน อภิเชษฐ์เดินตามมาขวางหน้า
“เดี๋ยวหมวด”
“คะ ?”
“หมวดมีเรื่องกลุ้มใจหรือเปล่า บอกผมได้นะ หมวดเป็นลูกน้องผม ถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้ ผมก็จะช่วย”
ต้นอ้อจ้องหน้าอภิเชษฐ์แล้วตัดสินใจพูด
“ฉันแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งค่ะ”
“ว่าแล้ว ! ถึงว่าชอบนั่งยิ้มคนเดียว ว่าแต่ใครคือผู้โชคร้ายคนนั้น ?”
ต้นอ้อเชิดหน้า
“ผมล้อเล่น หมวดชอบใครล่ะ บอกผมสิ เดี๋ยวผมช่วยชงให้หมวดสมหวังกับเขา”
ต้นอ้อเซ็ง
“วันหลังอย่าไปคุยอวดใครอีกนะคะว่ามีสายตาแหลมคม เพราะขนาดฉันอยู่ใกล้ผู้กองทุกวัน ผู้กองยังไม่รู้เลยว่าฉันชอบใคร” ต้นอ้อเดินออกไป
อภิเชษฐ์มองตามแล้วคลี่ยิ้ม
“เมื่อไหร่จะเลิกปากแข็งสักที ผมใจจะขาดอยู่แล้ว”
มอเตอร์ไซด์แล่นมาจอด จันทรภานุกอดเอวคนขี่แน่น โดยที่สภาพของจันทรภานุทั้งมอมแมม หัวฟู ชายเสื้อหลุดจากเอวไม่เหลือมาดคุณชายเลย จันทรภานุลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคแล้วล้วงกระเป๋าเงิน
“เท่าไหร่ครับ” จันทรภานุถาม
“เจ็ดสิบ”
จันทรภานุเปิดกระเป๋าตังค์ก็เห็นว่ามีแต่บัตรเครดิตและแบงค์พัน จันทรภานุหยิบแบงค์พันส่งให้วินมอเตอร์ไซค์
“ไม่ต้องทอนครับ”
จันทรภานุวิ่งเข้าไปข้างใน คนขี่มอเตอร์ไซต์จูบแบงค์พันด้วยความดีใจ
จันทรภานุวิ่งเข้ามาในห้องสตูดิโอแล้วหอบแฮ่กๆ จิตสุภางค์กับมิลินทร์หันไปเห็นจันทรภานุ
“คุณจันทรภานุ ! ไปฟัดกับใครมาวะ”
“คุณจันทรภานุมาจริงๆ ด้วย”
“แกรู้ได้ไงว่าคุณชายจะมา”
“คุณชายโทรมาหาไอ้ดาวถามเรื่องดาวไปเมืองนอก ฉันก็เลยโกหกว่าไอ้ดาวจะไปเย็นนี้ แต่ความจริงแล้วมันไปพรุ่งนี้ คิคิๆๆ”
จันทรภานุเดินเข้ามาหาสองสาว
“สวัสดีค่ะคุณจันทรภานุ มาหาไอ้ดาวเหรอคะ”
“ครับ” จันทรภานุตอบ “ผมมีเรื่องต้องปรับความเข้าใจกับคุณดาว”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์มองหน้าอย่างรู้กันว่ามีข่าวดีแน่ๆ มิลินทร์หันไปหาโปรดิวเซอร์แล้วกระซิบบอกอะไรบางอย่าง โปรดิวเซอร์พยักหน้ารับอย่างชอบใจแล้วเขียนบนกระดาษ
แอนตี้กับประกายดาวยืนคู่กัน แอนตี้กำลังพูดปิดรายการ
“ต้องขอบคุณคุณดาวมากนะคะที่วันนี้ให้เกียรติมาออกรายการ "ผู้หญิงถึงผู้ชาย"
แอนตี้อ่านป้ายที่โปรดิวเซอร์ถือซึ่งเขียนว่า "เซอร์ไพร้ส" โปรดิวเซอร์ชี้ไปที่จันทรภานุ แอนตี้ยิ้มเพราะเก็ททันที
“ท้ายรายการนี้นะคะ แอนตี้มีแขกรับเชิญพิเศษที่จะมาช่วยคุณประกายดาวคอนเฟิร์มว่ามีความรักดีแค่ไหน ขอเชิญพบกับคุณจันทรภานุ”
ประกายดาวตกใจ “คุณชาย...”
“ขอเชิญขึ้นมาเวทีเลยค่ะคุณชาย”
จันทรภานุอึ้งและละล้าละลังไม่กล้าขึ้น
จิตสุภางค์กับมิลินทร์พร้อมใจกันผลักจันทรภานุขึ้นไปบนเวที จิตสุภางค์ขยับปากบอกแอนตี้แบบไม่มีเสียง
แอนตี้พูด “โอ๊ะโอ...คุณจันทรภานุมาดเนี้ยบหายไปไหนคะเนี่ย”
“ผมก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่บังเอิญถูกสอนมาให้รู้จักดูแลตัวเองให้เรียบร้อย แต่ตัวตนของผมไม่ได้เรียบร้อย ไม่ได้เฟอร์เฟ็คอย่างที่ใครคิด” จันทรภานุมองประกายดาว “ผมเอาแต่ใจ เผด็จการ ชอบนอนละเมอตกเตียง มีปัญหาสุขภาพ เพราะเคยไม่ยอมกินผักซะท้องผูกลำไส้มีปัญหา ทุกวันนี้ยังต้องหาหมอทุกๆสามเดือน คุณรู้อย่างนี้แล้ว คุณยังจะอยากมีลูกกับผมอยู่ไหม”
“ต่อให้คุณชายเฟอร์เฟ็คแค่ไหน แต่ถ้าเราไม่ได้รัก มันก็ไม่มีความหมายค่ะ” ประกายดาวบอก
“ผมรักคุณ เรากลับมารักกันเหมือนเดิมได้ไหม”
ประกายดาวอึ้ง คนในห้องส่งส่งเสียงฮือฮา
“แต่คุณจะแน่ใจได้ยังไง ว่าคุณจะให้อภัยฉันจริงๆ” ประกายดาวถาม
“เรื่องที่ผ่านมา ผมจะไม่ลืม แต่ผมจะมองมันในแง่ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันทำให้เราได้รู้จักกัน ทำให้เราได้รักกัน ส่วนเรื่องที่ผมเคยทำไม่ดีกับคุณ ผมขอให้คุณลืม แล้วจำเอาไว้อย่างเดียวว่า...ชีวิตผมขาดคุณไม่ได้”
ทุกคนที่อยู่ในรายการปรบมือ
ภาพความรักหวานชื่นของประกายดาวและจันทรภานุฉายอยู่ในจอทีวี ศิวะที่นอนดูทีวีอยู่กำลังโกรธแค้นมาก
เขานึกถึงตอนที่ประกายดาวแฉให้อรอุมาฟัง
“รู้ตัวบ้างไหมอรอุมา เธอกำลังถูกไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ใช้ความรักที่เธอมีให้เอามาปิดหูปิดตาเธอ เธอถึงทำเรื่องเลวร้ายสร้างเวรสร้างกรรมไว้กับเพื่อนรักของเธอเอง”
เขานึกถึงตอนที่อรอุมากำลังจะยิงเป้าของเขา
“คุณไม่เคยรักฉันอย่างที่ประกายดาวพูดจริงๆ”
อรอุมายิงเป้าศิวะดังเปรี้ยง !
ศิวะปาแก้วใส่กำแพงจนแตก แต่เขาออกแรงมากไปทำให้แผลที่เป้าสะเทือน
“โอ๊ย !”
ศิวะงอตัวด้วยความเจ็บมากซึ่งก็ยิ่งทำให้ศิวะแค้นประกายดาวมากขึ้น
“อีดาว ถ้ากูไม่มีความสุข มึงก็ต้องไม่มี !”
ประกายดาวไหว้หม่อมสุรีย์ แต่สุรีย์เมินไม่ยอมรับไหว้ จันทรภานุนั่งข้างประกายดาว
จันทรภานุปราม “หม่อมแม่คะ”
“แม่เป็นคนจริงใจน่ะชาย ถ้าแม่ไม่อยากรับไหว้ใคร แม่ก็ไม่รับ” สุรีย์บอก
“หม่อมคะ ดาวจะไม่ขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา เพราะดาวกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่ดาวขอโอกาสให้ดาวได้แก้ตัว ดาวสัญญาค่ะ ว่าปัจจุบันและในอนาคต ดาวจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวดาวอีก”
ประกายดาวมองสุรีย์
“นมพร” สุรีย์เรียก “ช่วยไปหยิบพวงมาลัยที่ฉันร้อยไว้มาให้ที ฉันจะไหว้พระ”
สุรีย์ลุกออกไปทันที ประกายดาวจ๋อย จันทรภานุกุมมือประกายดาวเพื่อปลอบใจ
สุรีย์กำลังเดินขึ้นห้อง จันทรภานุเดินตามมา
“หม่อมแม่ครับ...”
“ชายไม่ต้องพูดอะไรแทนผู้หญิงคนนั้นอีก ชายอยากจะรักก็รักไป แต่แม่ไม่รัก แม่รักคนไม่จริงใจไม่ลงจริงๆ อย่าบังคับใจแม่อีกเลย” สุรีย์เดินขึ้นห้องไป
จันทรภานุมองตามอย่างเหนื่อยใจ
ประกายดาวนั่งซึมอยู่ในห้อง จันทรภานุเดินเข้ามายื่นแก้วน้ำส้มให้เธอ
“อดทนไว้นะ สักวันหม่อมแม่จะต้องรักคุณเหมือนที่ผมรัก”
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตฉันจะต้องมาปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้เหมือนในละคร”
“หม่อมแม่น่ารัก”
“หือ...อย่างอนสิคะ ฉันไม่ได้ว่าหม่อมสุรีย์ร้ายกาจเหมือนในละครสักหน่อย ฉันเข้าใจค่ะว่าทำไมหม่อมสุรีย์ถึงยังไม่ชอบฉัน ถ้าฉันมีลูกอย่างคุณชาย ฉันก็คงหวงมากๆ เหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันรักคุณชาย ฉันจะทำเพื่อคุณ ฉันจะทำให้หม่อมสุรีย์รักฉัน”
จันทรภานุยิ้ม
“ด้วยการดีดน้ำมันพรายใส่” ประกายดาวบอก
จันทรภานุหุบยิ้ม ประกายดาวสวมกอดแบบอ้อนๆ
“โอ๋ๆ ฉันล้อเล่นค่ะ ฉันจะรักคุณชายมากๆ สักวันหม่อมสุรีย์จะได้แน่ใจว่าฉันรักคุณชายม้ากมาก ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
ประกายดาวจะลุกขึ้น แต่จันทรภานุดึงแขนประกายดาวให้เธอมานั่งบนตัก
“ง้อแค่เนี่ย ? ผมยังไม่หายงอนเลยนะ ง้อผมอีกสิ ผมชอบเวลาคุณง้อ คุณน่ารักเหมือนลูกแมว”
ประกายดาวเขิน “ไม่เอาหรอกค่ะ ง้อมากๆ เคยตัว”
“ง้อเถอะนะ ถ้าผมไม่อยู่ให้ง้อ แล้วจะเสียใจ”
“ไม่เอา อย่าพูดแบบนี้อีก คุณชายห้ามไปไหน ต้องอยู่กับฉัน”
“ผมอยู่กับคุณเสมอประกายดาว”
จันทรภานุหอมแก้มประกายดาว ประกายดาวหลับตาพริ้ม จันทรภานุเคลื่อนหน้ามาจูบประกายดาวอย่างแผ่วเบา ประกายดาวรู้สึกตัวเบาหวิวเหมือนจะลอยได้ เธอจึงต้องยกแขนรวบโอบคอจันทรภานุเอาไว้ มือจันทรภานุเคลื่อนไหวอยู่บนแผ่นหลังของประกายดาว
ทั้งคู่กำลังจูบกันอย่างดื่มด่ำ แต่จังหวะที่ประกายดาวลืมตา เธอก็เหลือบขึ้นไปเห็นรูปเตี่ยกับม้าบนฝาผนังพอดี ตาของเตี่ยกับม้าเหมือนกำลังจ้องประกายดาวกับจันทรภานุ ประกายดาวสะดุ้งโหยงแล้วรีบลุกขึ้นจากตักของจันทรภานุ
“เอ่อ... คุณชายกลับไปได้แล้วค่ะ ฉันง่วง...หง่าว” ประกายดาวแกล้งหาวปากกว้าง
จันทรภานุอมยิ้มเพราะรู้ว่าประกายดาวเป็นอะไร
“ผมกลับก็ได้” จันทรภานุเดินไปหยุดหน้ารูปเตี่ยกับม้า “ผมขอโทษนะครับ ที่ล่วงเกินคุณดาวไปนิด ก็ลูกสาวคุณพ่อคุณแม่น่ารักเหลือเกิน ผมอดใจไม่ไหวจริงๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เราจะไม่มีอะไรกันมากไปกว่านี้ จนกว่าเราจะแต่งงานกัน”
ประกายดาวทั้งเขินทั้งขำ “คุณชายน่ะ กลับไปได้แล้วค่ะ”
ประกายดาวดึงแขนจันทรภานุให้ออกไปจากห้อง
จันทรภานุขึ้นรถแล้วขับออกไป ใครบางคนที่แอบอยู่บริเวณหน้าคอนโดมองตามรถจันทรภานุไป
จันทรภานุขับรถ เขามองไปข้างหน้าก็เห็นร่างคนนอนอยู่บนพื้น จันทรภานุจอดรถแล้วรีบลงไปดูถึงเห็นว่าเป็นคนนอนคว่ำหน้าโดยมีผ้าคลุมท่อนบนอยู่
“คุณ คุณครับ”
คนนั้นไม่ขยับ จันทรภานุตัดสินใจค่อยๆ ดึงผ้าคลุมออกก็พบว่ามันเป็นแค่หุ่น ! จันทรภานุแปลกใจ ทันใดนั้นเขาก็ถูกท่อนไม้ฟาดเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง จันทรภานุทรุดฮวบแล้วสลบเหมือดทันที ศิวะยืนถือท่อนไม้และแสยะยิ้มร้าย
ประกายดาวปิดโคมไฟกำลังจะเข้านอน มือถือของเธอมีสายของจันทรภานุโทรเข้ามา ประกายดาวรับสาย
“ถึงวังแล้วหรือคะ” ประกายดาวฟังแล้วตกใจ “ศิวะ !”
มิลินทร์คุยโทรศัพท์กับประกายดาว
“ศิวะจับคุณจันทรภานุไป ?! จับทำไมวะ เรียกค่าไถ่เหรอ”
ประกายดาวคุยโทรศัพท์พร้อมขับรถมาจอดเลียบริมทาง
“ไม่น่าใช่ มันบอกว่ามันอยากเคลียร์กับฉัน”
“เคลียร์กับแกก็เคลียร์ดิ แล้วจะเอาคุณชายไปเป็นตัวประกันทำไม ไม่ชอบมาพากลแล้วนะแก แกโทรแจ้งตำรวจเถอะ”
“ศิวะสั่งว่าไม่ให้บอกใคร ถ้ามันรู้ มันจะฆ่าคุณชาย”
“ไอ้นี่มันปอดแหกจะตาย มันไม่กล้าหรอก”
“แล้วถ้ามันกล้าล่ะ แกไม่ต้องเป็นห่วง ไอ้ศิวะมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
ประกายดาวลงจากรถ
“แค่นี้ก่อนนะลินทร์ ฉันมาถึงที่นัดแล้ว เดี๋ยวฉันจะส่งข่าวไป”
ประกายดาวมองหาว่าศิวะอยู่ไหน ทันใดนั้นก็มีขวดกลิ้งมาจากใต้ท้องรถ ประกายดาวก้มลงไปดูก็เห็นเป็นแค่ขวดเปล่าๆ
ทันใดนั้น ศิวะก็โผล่มาโปะยาสลบประกายดาวจากทางด้านหลังโดยที่ประกายดาวยังไม่ทันตั้งตัว เธอพยายามดิ้นสุดแรงเกิดและเสียงร้องอู้อี้ก่อนจะค่อยๆ สลบไป ศิวะยิ้มร้าย
ประกายดาวนั่งสลบคอพับ สักพักเธอก็ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมาในสภาพตาปรือเพราะฤทธิ์ยายังทำให้มึนงง ประกายดาวมองไปรอบห้องก็เห็นว่าเป็นตึกร้างเก่าทรุดโทรมและเห็นจันทรภานุยืนสลบถูกมัดติดกับเสาอยู่ ประกายดาวตาสว่างขึ้นมาทันที
“คุณชาย !”
ประกายดาวจะไปหาจันทรภานุแต่ก็ลุกไม่ได้ เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองถูกมัดติดกับเก้าอี้ ประกายดาวพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกแต่ก็ไม่สำเร็จ
“คุณชาย คุณชายคะ”
จันทรภานุไม่รู้สึกตัว ประกายดาวมองไปที่คอเสื้อจันทรภานุก็เห็นรอยเลือดอยู่บนปกคอเสื้อ ประกายดาวไม่รู้ว่าเลือดมาจากไหนแต่แค่เห็นว่าเป็นเลือดก็ตกใจมากแล้ว
“เลือด !” ประกายดาวตะโกนเรียก “คุณชาย ! คุณชาย ! ตื่นสิคะคุณชาย”
เสียงหัวเราะหึๆ ของศิวะดังขึ้น ประกายดาวหันไปก็เห็นศิวะยืนอยู่
“ศิวะ นายทำอะไรคุณชาย”
“ยังไม่ได้ทำ แต่กำลังจะทำ หาพวกเข้าสมาคม...ขันที ทีนี้ไอ้คุณชายไม่ใช่แค่ทำลูกไม่ได้ เป็นผัวมึงยังไม่ได้เล้ย” ศิวะว่า
ศิวะดึงปืนออกมาจากเอวตัวเอง
“อย่านะศิวะ ! ฉันรู้ว่านายเสียสูญเพราะสูญเสียมันไป แต่นายต้องตั้งสติให้ดี ถ้านายทำร้ายคุณจันทรภานุ นายต้องเจอข้อหาพยายามฆ่า นายต้องเป็นขันทีขี้คุก ไม่สมเพชตัวเองหรือไง”
ศิวะตบหน้าประกายดาวดังผัวะ
“กูเป็นแบบนี้ก็เพราะมึง ! มึงทำให้กูสูญเสียความเป็นชาย ชีวิตกูไม่เหลืออะไรแล้ว กูจะไม่มีความสุขอีกแล้ว กูตายทั้งเป็นก็เพราะมึงอีดาว”
“ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เรื่องนั้น ถึงนายจะไม่มีมัน แต่นายยังมีลมหายใจ มีชีวิต แต่ถ้านายทำร้ายคุณจันทรภานุ นายจะไม่เหลืออะไรเลยแม้กระทั่งความเป็นคน” ประกายดาวว่า
“กูไม่มีอะไรต้องเสียอีก มึงก็ต้องสูญเสียเหมือนกู มึงต้องชดใช้ให้กูอีประกายดาว !”
ศิวะชักปืนออกจากเอวแล้วเล็งไปไปที่เป้าของจันทรภานุ เขาหรี่ตากะระยะ ประกายดาวร้อง
“ศิวะ ฉันขอร้อง อย่ายิง นายต้องการอะไรบอกฉัน ฉันให้ทุกอย่าง นายจะเอาเงินไหม สักร้อยล้านเป็นไง ฉันมีให้นะ นายจะฆ่าฉันก็ได้ !”
ปัง ! ศิวะยิงปืนออกไป ประกายดาวกรี๊ดและร้องไห้
“คุณชาย ! คุณชาย !!”
ศิวะหัวเราะสะใจ
“นี่แค่เผาหลอกนะ ถ้าเผาจริงจะสะใจขนาดไหน ฮ่าๆๆ”
ประกายดาวหยุดร้องไห้แล้วมองไปที่กำแพงก็เห็นกำแพงเป็นรูเพราะศิวะไม่ได้ยิงจันทรภานุ แต่ยิงกำแพง ประกายดาวโล่งใจ ศิวะหัวเราะพร้อมกับเดินมายืนหน้าประกายดาวโดยหันหลังให้จันทรภานุ
“ถามจริงเป็นห่วงไอ้คุณชายหรือเป็นห่วงสเปิร์ม”
“ถ้านายรู้จักความรัก นายจะไม่เป็นแบบนี้” ประกายดาวว่า
“กูเคยรักมึง แต่มึงก็ไม่รักกู กูถึงต้องไปแต่งงานกับอีนังอรอุมา...อีผู้หญิงเอาแต่ใจ คอยแต่เอาเงินฟาดหัวกู เพื่อให้กูง้อ แต่ไม่เคยสนใจเลยว่ากูต้องการอะไร แล้วดูมันทำไว้กับกูซิ”
ประกายดาวมองข้ามไล่ศิวะไปที่จันทรภานุ จันทรภานุหรี่ตาขึ้นข้างหนึ่งมาสบตาประกายดาวก่อนจะพยักหน้านิดๆ เพื่อส่งสัญญาณ
ศิวะเห็นว่าประกายดาวมองไปข้างหลังจึงหันหลังไปมองตาม จันทรภานุแกล้งสลบ ประกายดาวร้องไห้โฮเพื่อดึงความสนใจของศิวะ
“ฮือ !!”
ศิวะหันกลับมามองประกายดาว
“ฉันไม่เคยรู้เลยว่าตอนอยู่กับอร นายต้องทุกข์ใจมากขนาดนี้ ฉันคิดว่านายมีความสุข...เหมือนตอนที่เราคบกัน”
จันทรภานุค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองเพื่อคอยเช็คว่าศิวะจะหันมาไหม ระหว่างนั้นเขาก็แก้เชือกที่มัดมือไปด้วย
ประกายดาวพูดต่อ “ศิวะ...ฉันไม่เคยลืมเรื่องของเราเลยนะ ถึงมันจะน้อยนิด แต่มันก็อยู่ในความทรงจำของฉัน เราตกลงเป็นแฟนกันวันแรก คือที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา วันศุกร์ที่ 23 กันยาปี 48 เวลาหกโมงเย็นยี่สิบนาที”
“ปี48 ? ไม่น่าใช่ กูว่าน่าจะปีเมื่อ..” ศิวะจะนับนิ้ว
“อย่าเถียงฉัน เรื่องนี้ฉันความจำดีกว่านาย วันเกิดฉัน นายยังจำไม่ได้เลย วันนั้นนายหล่อมาก นายขอฉันเป็นแฟน”
“อีบ้า ! มึงต่างหากที่ขอกูเป็นแฟน”
“บ้า ฉันไม่เคยขอผู้ชายเป็นแฟน นายนั่นแหละขอฉัน”
“มึงบอก กูเป็นผู้ชายคนแรกที่มึงขอเป็นแฟน มึงขอ”
“นายขอ”
เชือกที่มือจันทรภานุเริ่มหลุดแล้ว
ศิวะไม่พอใจ “โว้ย !!! กูจะมาเถียงกับมึงเพื่ออะไรเนี่ย กูจะยิงไข่ไอ้จันทรภานุ”
ศิวะจะหันไปยิงจันทรภานุแต่ประกายดาวร้องกรี๊ด ศิวะชะงักแล้วหันกลับมามองประกายดาว
“เด็ก !” ประกายดาวมองต่ำไปข้างๆ ตัวศิวะ “ศิวะ ฉะ...ฉันเห็นเด็กผมจุกยืนอยู่ข้างๆ นาย”
ศิวะก้มมองตามประกายดาวแต่ไม่เห็นอะไร
“เขาต้องเป็นวิญญาณลูกของนายกับคุณรสที่แท้งไปแน่ๆ” ประกายดาวว่า “มิน่า...นายถึงเจอเรื่องแย่ๆ ต้องเพราะผลกรรมที่นายทำให้เขาไม่ได้เกิดแน่ๆ นายต้องทำบุญให้เขานะศิวะ ไม่งั้นเขาอาจจะขี่หลังนายไปตลอดชีวิต”
“หยุดพูด !”
“จริงนะศิวะ เขาร้องไห้ไม่หยุดเลย เขาคงไม่อยากให้พ่อทำผิดอีก นายไม่สงสารลูกนายบ้างหรือไง”
“กูบอกให้หยุดพูด !”
ศิวะปราดเข้าไปตบหน้าประกายดาวอย่างแรง จันทรภานุเผลอร้องออกมา
“อย่า !”
ศิวะชะงักแล้วหันไปมองจันทรภานุ จันทรภานุจ้องหน้าศิวะอย่างเอาเรื่อง
“ถ้านายแตะต้องคุณดาวซ้ำอีกแค่ครั้งเดียว นายเห็นดีกับฉันแน่” จันทรภานุโกรธจัด
“อ๋อ อีดาว...ที่มึงเพ้อเจ้อมายาวเหยียด เพราะมึงรู้ใช่ไหมว่าไอ้จันทรภานุฟื้นแล้ว ฉลาดกันนัก อย่ามีลูกสืบพันธ์กันอีกเลย”
ศิวะเล็งปืนจะยิงจันทรภานุ จันทรภานุแก้เชือกที่เหลืออย่างเร็วแต่เหมือนเชือกจะยังไม่ยอมหลุด
ประกายดาวร้องห้าม “ศิวะอย่า !!”
ศิวะยิงปืนปัง เชือกที่มือจันทรภานุหลุดพอดีพร้อมๆ กับเสียงปังที่ดังขึ้น จันทรภานุกระโดดหลบกระสุนได้ทันอย่างเฉียดฉิว ประกายดาวร้องกรี๊ด
ศิวะหันไปจะยิงจันทรภานุ จันทรภานุลุกขึ้นมารวบปืนศิวะทำให้ร่างจันทรภานุโดนเป้าศิวะ ศิวะเจ็บปวดมากแต่ก็อดทนไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งสองยื้อแย่งปืนกันไปมา
ประกายดาวเป็นห่วง “คุณชายระวังค่ะ”
จันทรภานุกับศิวะยื้อแย่งปืนกัน ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังปัง จันทรภานุกับศิวะสะดุ้งและตาเหลือก แต่ยังไม่รู้ว่าใครโดนยิง
“คุณชาย คุณชายเป็นอะไรไหมคะ คุณชาย !” ประกายดาวร้องถาม
ประกายดาวดิ้นจะไปหาจันทรภานุให้ได้ทำให้ล้มทั้งเก้าอี้ทั้งคน ประกายดาวเจ็บจากแรงกระแทกแล้วถึงเห็นว่าเลือดไหลออกมาจากท้องตนเอง ประกายดาวเริ่มเจ็บ จันทรภานุกับศิวะเห็นก็ตกใจ
“คุณดาว !”
จันทรภานุชกศิวะและเตะหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายศิวะกระเด็นไปทางเสาทำให้เป้ากระแทกเสา ศิวะเจ็บมากจนทรุดล้มลงอย่างไม่มีแรง
จันทรภานุปราดเข้าไปหาประกายดาว
“คุณดาว ! คุณดาว !”
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12 (ต่อ)
จันทรภานุเดินงุ่นง่านไปมาอย่างร้อนใจ มิลินทร์ จิตสุภางค์ และแดนดินก็นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วย ทุกคนเป็นห่วงประกายดาว สุรีย์กับหญิงนิ่มวิ่งเข้ามา
“ชาย ! ชายเป็นอะไรไหมลูก”
“ผมปลอดภัยดีครับ” จันทรภานุตอบ
“ถ้าชายไม่เป็นอะไรแล้ว กลับวังกันเถอะนะ แม่กลัวมีนักข่าวมาเห็นชายเฝ้าผู้หญิงคนนั้นอยู่อย่างนี้ แล้วจะเอาไปเขียนข่าวเสียๆ หายๆ อีก”
แดนดินไม่พอใจ “กรุณาพูดถึงน้องสาวผมดีๆ หน่อยนะครับหม่อม อย่าลืมว่าน้องสาวผมอุตส่าห์เสี่ยงตายไปช่วยลูกชายหม่อม”
“ทำดีหวังผล” สุรีย์ว่า
แดนดินสวน “ผลอะไร”
“เป็นสะใภ้วังนพรัตน์”
“ทำไมครับ เป็นสะใภ้วังนพรัตน์แล้วจะบินได้ ดำดินได้ หรือว่าจะมีหูเพิ่มอีกข้าง”
สุรีย์โกรธ “นี่ !”
“หม่อมครับ เราสองคนพี่น้องเป็นคนธรรมดามีความสุขดีแล้วครับ ไม่เคยจะอยากเอายศฐาบรรดาศักดิ์มาให้เมื่อยคอ เดินไปไหนก็ต้องเชิดคอ เราพอใจในสิ่งที่เราเป็นแล้วครับ”
“งั้นก็อย่ามายุ่งกับลูกชายฉันสิ” สุรีย์บอก
จันทรภานุปราม “หม่อมแม่”
“ไม่เป็นไรครับคุณชาย ได้คุยกันตรงๆ ก็ดีเหมือนกัน หม่อมครับ...น้องสาวผมอาจจะเคยทำอะไรแปลกๆ ไปบ้าง แต่สิ่งที่มันทำเพราะมันอยากมีลูก ไม่ได้อยากเป็นสะใภ้วังนพรัตน์ แล้วดาวก็รักคุณจันทรภานุ ต่อให้คุณชายเป็นแค่ คุณจันทร์ นายจันทร์ หรือไอ้จันทร์ ดาวก็รัก”
มิลินทร์เสริม “ใช่ค่ะ ขนาดลินทร์บอกว่าให้ดาวโทรแจ้งตำรวจ รอให้ตำรวจไปช่วยคุณชาย ดาวก็ไม่ยอม เพราะกลัวว่าศิวะจะทำร้ายคุณชาย ดาวห่วงคุณชายมากกว่าห่วงตัวเองอีก”
“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะสั่งให้ดาวเลิกรักคุณชาย เราทุกคนจะได้สบายใจ แต่ตอนนี้ ผมโคตรจะแน่ใจว่าน้องสาวผมรักคุณชายมาก รักแบบที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ผมอยากเห็นมันมีความสุข ถ้าวันนี้มันรอด ผมขอให้หม่อมเปิดใจกับน้องสาวผมได้ไหม ยอมให้มันได้พิสูจน์ตัวเองว่ามันจริงใจและรักคุณชายมากแค่ไหน แล้วถ้าวันหนึ่งมันทำให้หม่อมผิดหวัง ผมจะไปลากคอมันกลับมาตีให้ตายเอง” แดนดินพูดหนักแน่น
สุรีย์นิ่งไปแต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร หมอก็ออกมาจากในห้อง
จันทรภานุเข้าไปถาม “หมอครับ คุณดาวเป็นยังไงบ้างครับ”
“ปลอดภัยดีแล้วครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
ทุกคนดีใจ
“ผมเข้าไปหาคุณดาวได้ไหมครับ” จันทรภานุถาม
“ครับ”
จันทรภานุวิ่งเข้าไปในห้องทันที จิตสุภางค์กับมิลินทร์เดินตามเข้าไป สุรีย์ หญิงนิ่ม และแดนดินยืนมองอยู่หน้าห้อง
สุรีย์เห็นจันทรภานุกอดและจับมือประกายดาวด้วยความรักสุดหัวใจ
“ถ้าไม่เห็นแก่น้องสาวผม ก็เห็นแก่คุณชายเถอะครับ” แดนดินบอก
สุรีย์ยังนิ่งเฉยโดยอยากจะคาดเดาว่าเธอกำลังคิดอะไร
จันทรภานุปิดแฟ้ม เก็บของกำลังจะออกไปจากห้องทำงาน แต่สุรีย์เดินเข้ามา
“ชายจะไปไหน”
“ไปเยี่ยมคุณดาวครับ หม่อมแม่มีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
“แม่ตัดสินใจแล้ว ชายต้องแต่งงาน ไม่งั้นเราตัดขาดกัน”
จันทรภานุไม่สบายใจ
วันต่อมา จันทรภานุประคองประกายดาวมานั่งที่ม้านั่งกลางสวน จันทรภานุประคบประหงมประกายดาว โดยจันทรภานุถือกล่องใส่ขนมคัพเค้กมาด้วย
“ค่อยๆ นั่งครับ เดี๋ยวสะเทือนแผล”
“ฉันหายดีแล้วค่ะ ถ้าไม่เชื่อให้ฉันไปเตะไอ้ศิวะในคุกให้ดูเลยก็ได้”
“อโหสิกรรมให้เขาเถอะครับ ตอนนี้เขาก็รับผลกรรมของเขาไปแล้ว”
“ค่ะ ว่าแต่คุณชายพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ ทำไมไม่พากลับคอนโด”
จันทรภานุเครียด “ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ แต่กินขนมก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน” จันทรภานุพูดพร้อม
เปิดกล่องขนม
“ฉันก็สงสัยอยู่ว่าคุณชายถือกล่องอะไรมา”
“คุณบ่นตลอดว่าอยากกินขนมเค้ก ตอนนี้คุณหายแล้ว ผมก็ต้องรีบให้รางวัลสิ”
“ไม่ป้อนฉันเหรอคะ”
“ผมอยากให้คุณทานเอง”
ประกายดาวรับขนมคัพเค้กและช้อนมาตักกิน ประกายดาวชำเลืองมองจันทรภานุแล้วนึกถึงอดีต
เธอนึกถึงตอนที่เคยคุ้ยหาแหวนในเค้ก แต่ไม่เจอ
ประกายดาวอมยิ้มแล้วคิดในใจ
“นั่นแน่...คิดจะหลอกให้เราตายใจ ไม่คิดว่าจะใช้แผนนี้ขอเราแต่งงานใช่ม้า”
ประกายดาวตักเค้กกินและควานหาของในเค้กแต่ก็ไม่มีแหวน
จันทรภานุถาม “คุณหาอะไรครับ”
“ปะ...เปล่าค่ะ ฉันอิ่มแล้ว ตกลงคุณชายมีอะไรจะคุยกับฉันคะ”
จันทรภานุยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ก็มีเสียงเด็กร้องไห้งอแง
“ฮือๆๆ”
ประกายดาวกับจันทรภานุหันไปก็เห็นเด็กกระโดดจะเอาลูกโป่งที่ลอยติดอยู่บนต้นไม้ ประกายดาวกับจันทรภานุลุกขึ้นไปหาเด็ก ประกายดาวย่อตัวลงไปโอ๋เด็ก
“โอ๋ๆๆ ไม่ต้องร้องนะคะ เดี๋ยวพี่เอาลูกโป่งให้”
จันทรภานุเอื้อมมือจับปลายเชือกลูกโป่ง ส่วนประกายดาวเล่นอยู่กับเด็ก จันทรภานุเดินเข้ามายื่นลูกโป่งให้ประกายดาว ประกายดาวรับแล้วพูดกับเด็ก
“ลูกโป่งมาแล้ว”
แต่จันทรภานุไม่ยอมปล่อยมือ ประกายดาวแปลกใจ เด็กน้อยวิ่งออกไป ประกายดาวมองตามแล้วเรียก
“น้องคะ”
ประกายดาวจะปล่อยมือจากเชือกลูกโป่ง แต่จันทรภานุใช้มืออีกข้างจับมือประกายดาวแล้วพลิกฝ่ามือประกายดาวให้หงาย
จันทรภานุเอ่ยถาม “พร้อมหรือยัง”
ประกายดาวงง “อะไรคะ”
จันทรภานุคลายมือข้างที่กำเชือกลูกโป่งออก แหวนที่สอดอยู่ในเชือกลูกโป่งไหลลงสู่ฝ่ามือ ประกายดาวอึ้ง
จันทรภานุพูด “แต่งงานกับผมนะ”
ประกายดาวพูดไม่ออกและจะร้องไห้
“ตกลงเถอะนะ ไม่งั้นหม่อมแม่จะตัดขาดกับผม”
ประกายดาวแปลกใจ
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา
สุรีย์พูดกับจันทรภานุ
“แม่ตัดสินใจแล้ว ชายต้องแต่งงาน ไม่งั้นเราตัดขาดกัน”
จันทรภานุไม่สบายใจ
“หม่อมแม่ครับ...”
สุรีย์พูดขัดคอ “ชายต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้” สุรีย์ส่งมือถือให้จันทรภานุ
จันทรภานุรับมือถือไปดูก็เห็นว่ารูปในมือถือเป็นรูปของประกายดาว
สุรีย์ยิ้ม
“ถ้าเชื่อในการตัดสินใจของชาย ถ้าชายรักผู้หญิงคนนี้ แสดงว่าเธอดีพอที่แม่จะรักด้วย”
จันทรภานุกอดสุรีย์
ประกายดาวยิ้มทั้งน้ำตา
“ค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณชาย”
จันทรภานุจับแหวนไว้แล้วปล่อยให้ลูกโป่งลอยไป เขาบรรจงใส่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของประกายดาว ประกายดาวโผกอดจันทรภานุ
ที่งานแต่งงานในสวนของประกายดาวกับจันทรภานุ บนเวทีมีตัวอักษร D&J รอบๆ ตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีขาว ที่มุมอาหาร เชาจกของกินเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ จิตสุภางค์โผล่มาห้ามสามี โดยที่ลูกๆ ทั้งหมดของจิตสุภางค์ก็มาด้วย
“เฮียเชา ! เขาให้กินน้อยๆ เป็นมารยาท กินซะปอบลง ใครเห็นเข้าเขาจะหาว่าเมียไม่สั่งสอน” จิตสุภางค์ว่า
“ก็มันอร่อยนี่ ของโปรดผมทั้งนั้น” เชาบอก
“ชอบเหรอ งั้นเอาใส่ถุงเก็บไปกินที่บ้าน” จิตสุภางค์ดึงถุงพลาสติกออกจากกระเป๋า
“ไม่มีใครน่ารักเหมือนเมียผมอีกแล้ว เดี๋ยวคืนนี้ให้รางวัล ไม่ต้องป้องกันด้วย เราจะได้มีน้องให้ไอ้ตัวเล็กอีก”
“มีลูกอีก !”
บรรดาลูกๆ ยั้วเยี้ยของจิตสุภางค์เกาะเป็นลิงเป็นค่าง จิตสุภางค์โมโหจึงเอาถุงพลาสติกยัดปากเชา
“ไอ้บ้า ! พูดออกมาได้ว่าจะมีลูกเพิ่ม แค่คิดก็ขนลุกแล้ว”
จิตสุภางค์จูงลูกเดินหนีไป เชางงแต่ก็วิ่งตามไปง้อเมีย
อภิเชษฐ์ที่ยืนอยู่ในงานมองไปด้านหนึ่งก็เห็นต้นอ้อใส่ชุดราตรีสั้น แต่งหน้าแต่งตา ทำผมเป๊ะเดินเข้ามาในงาน อภิเชษฐ์ตะลึงและไม่อาจละสายตาได้ แต่จู่ๆ ต้นอ้อที่สวมรองเท้าส้นสูงก็เท้าพลิก ต้นอ้อล้มลง
อภิเชษฐ์ตกใจ “หมวด !”
อภิเชษฐ์ปราดเข้าไปหาและหัวเราะ
ต้นอ้อโกรธ “ขำมากไหมคะผู้กอง”
ต้นอ้อลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ไหวเพราะเจ็บข้อเท้า
“ไม่ขำแล้วก็ได้” อภิเชษฐ์บอก
จู่ๆ อภิเชษฐ์ก็ช้อนตัวต้นอ้อแล้วเดินออกไป ต้นอ้อเหวอ
อภิเชษฐ์อุ้มต้นอ้อมานั่ง
“ผู้กองปล่อยฉันได้แล้ว อายเขา”
อภิเชษฐ์วางต้นอ้อลง ต้นอ้อถอดรองเท้าส้นสูงแล้วก็ร้องซีดเพราะเจ็บ
“ไม่น่าหาเรื่องเลย” ต้นอ้อบอก
“รู้หรือยังว่าหมวดไม่ได้เกิดมาเพื่อสวย”
“ใช่ซี ผู้กองถึงไม่เคยมองฉัน”
“ยอมรับแล้วเหรอว่าชอบผม”
ต้นอ้ออึกอัก “เอ่อ...”
“ยอมรับมาเถอะ ผมจะได้ยอมรับบ้างว่าผมก็ชอบหมวด”
ต้นอ้ออึ้ง “ไม่ตลกนะผู้กอง”
“ก็ไม่ตลกน่ะสิ ผมชอบหมวดมานานแล้วด้วย แต่ผมไม่กล้าบอก กลัวแห้ว”
“แล้วมาบอกอะไรตอนนี้”
“หมวดสวยขนาดนี้ ใครจะอดทนใจไหว”
ต้นอ้อเขิน อภิเชษฐ์ยิ้ม
วงดนตรีเครื่องสายที่มีทั้งไวโอลีนและเชลโล่เริ่มบรรเลง แขกนั่งประจำที่ สุรีย์นั่งข้างหน้า จันทรภานุยืนอยู่หน้าสุดคู่กับบาทหลวง จันทรภานุมองไปที่ทางเดินด้วยสีหน้าตกตะลึง
จันทรภานุเห็นประกายดาวในชุดเจ้าสาวสวยพริ้งค่อยๆ เดินเข้ามาในงาน แขกทุกคนยิ้มปลื้มใจกับประกายดาว โดยเฉพาะมิลินทร์และจิตสุภางค์ที่ร้องไห้กระซิกๆ เพราะดีใจกับเพื่อน
ประกายดาวเดินเข้าไปหาแดนดินที่คอยอยู่กลางทางเดิน ประกายดาวเห็นหน้าแดนดินก็น้ำตาเอ่อจะร้องไห้ แดนดินกอดน้องสาวแล้วก็จะร้องไห้เหมือนกัน
“แกสวยมาก สมแล้วที่เป็นน้องสาวฉัน”
ประกายดาวหัวเราะทั้งน้ำตา แดนดินจูงมือพาประกายดาวไปส่งให้จันทรภานุ จันทรภานุจับมือประกายดาว ทั้งสองยืนจ้องหน้ากัน พงศ์จันทรกับหญิงนิ่มยืนคู่กัน พงศ์จันทรกระซิบถามหญิงนิ่ม
“ทำยังไงคุณถึงจะยอมแต่งงานกับผม”
“พิสูจน์สิว่ารักฉันจริง” หญิงนิ่มบอก
พงศ์จันทรสะกิดสุรีย์แล้วพูด
“หม่อมสุรีย์ครับ...ผมรักหญิงนิ่ม นมพรครับ...ผมรักหญิงนิ่ม”
พงศ์จันทรเริ่มบอกคนที่อยู่รอบๆ หญิงนิ่มรีบห้าม
“พอแล้ว ฉันเชื่อแล้ว แต่ยังไม่แต่งนะ ขอดูไปก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ นานแค่ไหนผมก็รอได้”
หญิงนิ่มเขิน จันทรภานุสวมแหวนให้ประกายดาวเสร็จก็บรรจงจูบประกายดาวแผ่วเบา
ประกายดาวคิดในใจ “เฮ้อ...จะมีใครน่าอิจฉาไปกว่าประกายดาวอีกน้า...มีทั้งงานที่ดี ชีวิตที่สนุก มีสามีที่เฟอร์เฟ็คที่สุดในโลก !”
จิตสุภางค์ที่นั่งอยู่ในงานหันหน้ามาพูด
“ผัวฉันก็เฟอร์เฟ็คย่ะ”
เชาที่อยู่ข้างหลังกำลังแอบกินขนมในถุงอย่างมูมมาม
ประกายดาวคิดในใจต่อ“สามีใครใครก็รัก อะๆ เอาใหม่ก็ได้..สามีฉันเฟอร์เฟ็คที่สุดในสายตาของฉัน เพราะเขารักฉันมาก”
จันทรภานุจูบมือประกายดาวต่อหน้าแขกในงาน
“ประกายดาวคิดต่อ “แล้วเขาคนนี้แหละค่ะที่จะทำให้ฉันสมบูรณ์แบบ เขาจะให้สิ่งที่ฉันรอคอยมาตลอด อ้าย! ตื่นเต้น”
กลีบกุหลาบวางบนเป็นรูปหัวใจอยู่บนเตียงนอน จันทรภานุในชุดแต่งงานถอดพวงมาลัยคล้องคอวางบนโต๊ะ
“คุณดาว ทำไมเข้าห้องน้ำนานจัง เป็นอะไรหรือเปล่า”
ประกายดาวในชุดเจ้าสาวยืนพิงประตูห้องน้ำด้วยความตื่นเต้นมาก
“มะ..ไม่เป็นค่ะ ชุดมันรุ่มร่ามก็เลยทำอะไรไม่ค่อยสะดวก”
“ให้ผมช่วยถอดไหม” จันทรภานุถาม
ประกายดาวรีบบอก “ไม่เป็นไร ! ฉันถอดเองได้ค่ะ”
จันทรภานุยิ้มเพราะเริ่มรู้แล้วว่าประกายดาวเป็นอะไร
“งั้นก็ออกมาเร็วๆ นะ ผมรออยู่”
ประกายดาวหน้าแดงวาบ เธอยืนทำใจ
“อย่าไปกลัวสิประกายดาว ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ต้องเข้มแข็ง ต้องสู้เพื่อลูก สู้ๆ”
ประกายดาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วเดินออกไปจากห้อง
ประกายดาวเดินออกมาแต่ไม่เห็นจันทรภานุ
“คุณชายคะ คุณชาย อ้าว..หายไปไหน”
จันทรภานุโผล่มาสวมกอดประกายดาวทางด้านหลัง ประกายดาวตกใจจนล้มหงายลงบนเตียง จันทรภานุลงไปนอนคร่อมร่างประกายดาว ประกายดาวตื่นเต้นมาก
“เขินเหรอ”
“คุณชายคะ ฉันอาบน้ำก่อนดีกว่า”
ประกายดาวดันตัวเองลุกขึ้น จันทรภานุดึงตัวมากอด
“ผมอาบด้วย งั้นไม่ให้ไป”
ประกายดาวเขิน “คุณชายน่ะ...”
“ดาว...คุณอยากมีลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย”
ประกายดาวตื่นเต้น “คุณชายสั่งได้เหรอคะ”
“สั่งไม่ได้ แต่สัญญาว่าจะมีลูกกับคุณจนครบทั้งชายหญิง เอาสักสิบสองคนดีไหม หญิงหกชายหก ให้พวกเขาออกมาเป็นพยานรักของเรา ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน”
จันทรภานุเชยคางประกายดาวขึ้นแล้วจุมพิตลงบนฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ประกายดาวหลับตาพริ้ม
จันทรภานุถอนปากออกแล้วมองตาประกายดาวอย่างจริงใจ
“ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องรู้”
“รู้อะไรคะ”
“รู้ว่ามีลูกด้วยวิธีไหน...ดีที่สุด”
ประกายดาวหน้าแดงวาบ จันทรภานุโน้มตัวไปจูบประกายดาว ทั้งสองล้มตัวลงไปบนเตียง
หลายวันต่อมา จันทรภานุกับประกายดาวไปปีนหน้าผาด้วยกัน
“ประกายดาวคิดในใจ “อูย...ไม่อยากจะเซด มันดีจริงๆ ด้วยค่ะคุณขา คิดอะไรกันคะ...ฉันหมายถึงความรักของฉันกับคุณจันทรภานุค่ะที่ดีมาก แล้วมันก็เพิ่มขึ้นทุกวัน...ทุกวัน”
วันต่อมา เครื่องตรวจครรภ์ในมือประกายดาวขึ้นสองขีด ประกายดาวดีใจจนน้ำตารื้น
“ประกายดาวคิด “เวลาผ่านไปไม่ถึงสามเดือน สเปิร์มของคุณจันทรภานุก็แสดงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ ฉันท้องค่ะ”
จันทรภานุอ้วกพุ่งใส่ถังขยะเล็กๆ เพราะแพ้ท้องแทนเมีย หน้าตาของเขาสโลสเลเพราะอาเจียนหนักมาก ประกายดาวลูบหลังให้จันทรภานุด้วยความสงสาร จันทรภานุยิ้มแล้วนอนหนุนตักประกายดาว เขาเอาหน้าแนบกับท้องของประกายดาวแล้วเล่นกับลูก ประกายดาวมีความสุขมาก
หลายเดือนผ่านไป ประกายดาวลูกที่เป็นทารก จันทรภานุเล่นกับลูกด้วย
“ประกายดาวคิดในใจ “นี่ไงคะ ผลิตผลของฉันกับคุณจันทรภานุ น่ารักที่สุดในโลกเลย อุ้ย! ลืมอวด ฉันตั้งชื่อลูกว่าจันทร์เหมือนคุณพ่อเขาค่ะ ถึงจะมีคนคัดค้าน เพราะกลัวงง แต่อย่าคิดว่าจะห้ามฉันได้ ก็แหม..ความสุขของดาวดวงน้อยอย่างฉันคือได้ครอบครองพระจันทร์สองดวงนี่คะ ตั้งแต่นี้ไปฉันมอบชีวิตและความรักให้กับพวกเขา ตอบแทนที่พวกเขาทำให้ชีวิตของฉันสมบูรณ์แบบ”
ประกายดาวมองจันทรภานุที่กำลังเล่นกับลูกอย่างซึ้งใจจนน้ำตาไหล จันทรภานุเงยหน้าขึ้นมาเห็นประกายดาวร้องไห้ก็ยกมือปาดน้ำตาให้และจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา
ประกายดาวคิดต่อ “อุต๊ะ ! ลืมบอกไปอีกอย่างค่ะ ลูกของฉันแข็งแรงมาก พัฒนาการดีเยี่ยม ทำท่าจะพูดได้ตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบ ดังนั้นประกายดาวสาวล่าสเปิร์มขอการันตีไว้ตรงนี้เลยว่า...สเปิร์มของคุณจันทรภานุเป๊ะเว่อร์”
ประกายดาวหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหันหน้ามายิ้มแล้วกระพริบตา..ปิ๊ง !
- จบบริบูรณ์ -