นางร้ายสายลับ ตอนที่ 12
ดิ่งหันไปเห็นสุรีกานต์กำลังเดินมาทางนี้เลยรีบชวนกสิณหลบออกไป
“ยัยโซ่กำลังเดินมาทางนี้แล้วครับ เรารีบหลบไปจากตรงนี้กันก่อนดีกว่า”
สุรีกานต์เดินมาหานฤเบศกับซัน เห็นเขาถูกซันใส่กุญแจมือไว้ก็ขำใหญ่
“ทำไมคุณถึงอยู่ในสภาพนักโทษแบบนี้ล่ะ”
“ก็หลานคุณน่ะสิ แสบไม่แพ้อาเลย”
สุรีกานต์หันไปยิ้มเอ็นดูหลาน ซันยิ้ม ยักคิ้วให้สุรีกานต์ๆขำ
“จะมีใครนะ โชคดีได้เห็นสารวัตรนฤเบศถูกใส่กุญแจมือเป็นนักโทษเหมือนฉันบ้าง”
นฤเบศมองสุรีกานต์ที่ดูมีความสุขมาก ด้วยความหมั่นไส้
“เลิกขำเลย ผมอยากเช็คเมลจัง ผมจะหาคอมได้จากที่ไหน”
ซันรีบยกมือขึ้น
“ซันครับ”
ในห้องนอนซัน...นฤเบศเช็กดูอีเมลโดยมีสุรีกานต์และซันยืนอยู่ข้างหลังหน้าจอมีอีเมลจากทีมเดอะซันที่ส่งเข้ามาในอีเมลของเขา จึงรีบคลิกดู
“แกะรอยหลักฐานบางอย่างจากข้อมูลที่สายลับเนปจูน โหลดมาจากโน้ตบุ๊กพลูโตคราวก่อนได้แล้ว”
นฤเบศ รีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไปทันที รับทราบ ผมกำลังจะรีบกลับไป ก่อนจะคลิกส่ง นฤเบศหันมาบอกสุรีกานต์
“ผมต้องไปแล้วล่ะ”
สุรีกานต์รีบถามทันที
“แล้วฉันล่ะ”
“หลบอยู่ที่นี่ต่อไป เพื่อความปลอดภัย”
“แต่ฉันก็เป็นหนึ่งในสมาชิกทีมเดอะซันเหมือนกันนะ ให้ฉันไปเถอะ…”
“คราวนี้มันอันตรายมาก เชื่อผมสักครั้งนะ”
“ไหนๆ คุณก็ยอมฉันมาตลอด คราวนี้คุณก็ยอมฉันอีกสักครั้งไม่ได้เหรอ ถือว่าฉันขอร้องเหมือนกัน ให้ฉันไปด้วยเถอะนะ นะ”
นฤเบศถึงกับพูดไม่ออกกับความดื้อของสุรีกานต์ ซันมองอย่างสังเกต
หน้าบ้าน...ทุกคนยืนส่งสุรีกานต์ กับนฤเบศขึ้นรถกลับกรุงเทพ
“จู่ๆ ก็ต้องรีบกลับไปถ่ายละครต่อ แม่ยังไม่หายคิดถึงเลย” สายทิพย์ต่อว่าลูกสาวแบบงอนๆ
สุรีกานต์โผเข้าไปกอดแม่ สายทิพย์กอดลูกสาวเอาไว้แน่น
“แล้วโซ่จะหาเวลาว่างกลับมาบ้านอีกนะคะ สัญญาว่าคราวหลังจะอยู่นานๆ เลย”
ดิ่งยิ้มให้น้องสาว
“กลับไปคราวนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ อย่าทำงานให้มันหนักมากนัก เข้าใจมั้ย”
สุรีกานต์ยิ้มตอบ
“รู้แล้วน่าคุณพี่ชาย”
สุรีกานต์หันไปทางพ่อ ผละจากแม่เข้าไปกอดพ่อบ้าง
“โซ่รักพ่อนะ เพราะฉะนั้น เชื่อใจได้เลย ว่าโซ่จะไม่มีวันทำให้พ่อเสียใจเด็ดขาด”
“พ่อขอโทษ ที่ไม่เชื่อใจลูก ทั้งๆ ที่ลูกของพ่อเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่ต้องทุกข์ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่พ่อก็ยัง…”
“โซ่เข้าใจค่ะ แล้วโซ่ก็รู้ด้วยว่าพ่อรักโซ่มากแค่ไหน”
กสิณกอดลูกสาวแน่นด้วยความรัก สุรีกานต์ผละจากพ่อแล้วก็หันไปหาซัน
“อาฝากดูแลทุกคนด้วยนะซัน”
“ไม่ต้องเป็นห่วงฮะ ซันจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดเลย”
ทุกคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข กสิณหันมาหานฤเบศ
“ฝากคุณดูแลลูกสาวผมด้วยนะ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดี สามารถปกป้องยัยโซ่ได้”
“ครับ ผมจะคอยคุณแลคุณโซ่เป็นอย่างดี”
“งั้นเดี๋ยวโซ่กับพี่เบ็ตตี้ไปก่อนนะคะ”
สุรีกานต์กับนฤเบศยกมือไหว้ลาทุกคน แล้วเดินไปขึ้นรถ โดยมีสายตาทุกคนมองตามส่ง นฤเบศกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์ จู่ๆ ซันก็วิ่งไปเคาะกระจกรถ นฤเบศเลื่อนกระจกรถลงมา ซันกระซิบบางอย่างที่ได้ยินกันแค่สองคน สุรีกานต์มองอย่างสงสัย อยากรู้มากว่านฤเบศกับซันกระซิบอะไรกัน
นฤเบศขับรถ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ท่าทางมีความสุข สุรีกานต์มองอย่างสงสัย
“มัวแต่ยิ้มอยู่นั่นแหละ บอกมาได้แล้วว่าเมื่อกี้คุณซุบซิบอะไรกับซัน”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องระหว่างผมกับซัน ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“แต่ฉันอยากรู้ แล้วคุณก็ต้องบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ด้วย”
“โอเคๆ บอกแล้วก็ได้”
นฤเบศยอมเล่า...ก่อนหน้านี้ที่เขากำลังสตาร์ทเครื่องยนต์ จู่ๆ ซันก็วิ่งไปเคาะกระจก เขาเลื่อนกระจกรถลง ซันก็กระซิบบางอย่างที่ได้ยินกันแค่สองคน
“อาครับ ก่อนอาจะไป อาบอกผมได้มั้ยว่าอาเป็นแฟนกับอาโซ่รึเปล่า”
สุรีกานต์ตกใจและร้อนใจมากเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าของเขา
“แล้วคุณตอบซันไปว่าไง”
“ก็ตอบไปว่า ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน”
สุรีกานต์โล่งอก แต่จู่ๆ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“เดี๋ยวนะ ไอ้ที่บอกว่าตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันหมายความว่าไง พูดแบบนี้เหมือนตอนนี้ยัง แต่อนาคตไม่แน่อย่างนั้นแหละ”
“ไม่รู้ คุณก็คิดเอาเองสิ”
นฤเบศอมยิ้มหันไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถ สุรีกานต์นั่งหน้าเหวอๆ ค่อยๆ แอบยิ้มเขินออกมาโดยไม่รู้ตัว
นฤเบศขับรถมาจอดหน้าบ้าน เปิดประตูลงจากรถ กำลังจะเดินไปเปิดประตูรั้วก็เจอป้ามลเปิดประตูรั้วออกมาจะไปตลาด
“คุณหนู หายไปไหนมาคะเนี่ย ป้าเป็นห่วงแทบแย่เลย” ป้ามลดีใจมาก
“พอดีมีงานสำคัญที่ต้องจัดการน่ะครับ ยุ่งๆ มือถือหายอีกเลยไม่ได้โทรบอกป้ามลเลย”
ป้ามลมองสำรวจ
“โถ คุณหนูของป้า ช่วงนี้คงจะทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลากินเวลานอนเลยสินะ ถึงได้ดูซูบไปแบบนี้ …ไปค่ะ เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า เย็นนี้ป้าจะทำของอร่อยๆ ให้ทาน”
ป้ามลเข้าไปคล้องแขนนฤเบศจะพาเข้าบ้าน แต่ก็ต้องตกใจและแปลกใจมากเมื่อเห็นสุรีกานต์โผล่มายืนยิ้มแป้นอยู่ข้างๆ นฤเบศ
“เอ๊ะ นี่คุณ …”
ป้ามลหันไปมองหน้านฤเบศ อย่างต้องการคำตอบว่าสุรีกานต์มากับเขาได้ยังไง
นฤเบศ สุรีกานต์ ป้ามล นั่งประจันหน้ากันอยู่ในห้องรับแขก
“อะไรนะคะ คุณสุรีกานต์จะมาอยู่ที่นี่”
“ครับ แค่ชั่วคราวน่ะครับ”
“ถึงจะแค่ชั่วคราว แต่เป็นผู้หญิงจะย้ายมาอยู่บ้านผู้ชายที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแบบนี้ มันไม่งามเลยนะคะ”
สุรีกานต์เห็นสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี กลัวนฤเบศจะเผลอพูดความจริงออกไปจึงรีบชิงตอบแทน
“พอดีว่าตอนนี้โซ่กำลังถ่ายละครเกี่ยวกับสายลับอยู่น่ะค่ะป้า ก็เลยขอมาเรียนรู้ชีวิตสายลับจากคุณสารวัตรที่บ้านชั่วคราว เพื่อให้เข้าถึงบทบาทน่ะค่ะป้า”
ป้ามลมองอย่างจับผิด
“แน่ใจเหรอคะ ว่าคุณกำลังพูดความจริง”
สุรีกานต์ถึงกับหน้าเหวอ ไปต่อไม่ถูก เมื่อถูกจับโกหกได้ นฤเบศไม่มีทางเลือก เลยตัดสินใจพูดขึ้นน้ำเสียงจริงจัง
“โอเคครับ ผมบอกความจริงก็ได้”
สุรีกานต์ชะงักหันไปมองนฤเบศอย่างตกใจ คิดว่าเขากำลังจะบอกความจริงกับป้ามลจริงๆ นฤเบศยื่นแขนไปโอบไหล่สุรีกานต์ แล้วยื่นมืออีกข้างไปคว้ามือเธอมากุมไว้
“คือว่าผมกับคุณสุรีกานต์…เราเป็นแฟนกันครับ”
สุรีกานต์เหวอแต่รีบปรับอารมณ์ไม่ให้พิรุธ ป้ามลก็เหวอด้วย
“ตอนนี้คุณสุรีกานต์กำลังมีข่าวไม่ค่อยดีนัก ซึ่งผมยืนยันได้ว่าข่าวทั้งหมดที่ออกมามันไม่ใช่ความจริงเลย เพราะฉะนั้น ในฐานะที่ผมเป็นแฟนเธอ ผมก็ต้องทำหน้าที่ปกป้องเธอไม่ใช่เหรอครับ”
“โดยการพาเธอหลบข่าวฉาวมาอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่ครับ และผมก็อยากให้ป้าช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วย ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าคุณสุรีกานต์อยู่ที่นี่ โดยเฉพาะนักข่าว ตอนนี้เราต้องการความเป็นส่วนตัวมากจริงๆ ครับ”
“ตอนนี้ป้างงไปหมดแล้ว บอกป้าได้มั้ยคะว่าคุณหนูกับคุณสุรีกานต์ไปรักกันตอนไหน ทำไมป้าไม่เห็นเคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”
นฤเบศหันไปมองหน้าสุรีกานต์ที่ยังไม่หายอึ้ง เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าตอนไหน...รู้ตัวอีกที มันก็รักไปแล้ว”
สุรีกานต์ชะงักมองสบตาเขาที่มองมา รู้สึกได้ว่าคำพูดของเขาออกมาจากใจจริงๆ
นฤเบศเดินนำสุรีกานต์เข้ามาในห้องนอนแขก
“เมื่อกี้ผีอะไรเข้าสิงเหรอ ถึงบอกป้ามลไปแบบนั้น”
“เอาน่า แค่เป็นแฟนกันหลอกๆ ป้ามลจะได้เลิกซักซะทีไง...แต่ถ้าคุณคิดอยากเป็นแฟนผมขึ้นมาจริงๆ ก็บอกผมได้นะ” นฤเบศพูดเล่น แต่สายตาแพรวพราว
สุรีกานต์เขิน รีบคว้าหมอนบนเตียงไปฟาดใส่เขาเต็มแรงแบบไม่ยั้งมือ
“โอ๊ยคุณ ตีผมทำไมเนี่ย ผมเจ็บนะ”
“ก็ตีให้ผีมันออกไง จะได้เลิกพูดจาไม่เข้าหูคนฟังซะที”
นฤเบศหัวเราะขำๆ
“โอเคๆ ผมไม่แกล้งแล้วก็ได้ เชิญอาบน้ำพักผ่อนให้สบายละกัน”
นฤเบศอมยิ้มแล้วเดินออกไปจากห้อง สุรีกานต์เผลอยิ้ม บิดหมอนในมือด้วยความเขิน แต่พอรู้สึกตัวว่ากำลังเคลิ้มก็รีบโยนหมอนทิ้งลงบนเตียง
“นี่เราเขินอีตาสารวัตรนั่นเหรอเนี่ย”
สุรีกานต์ส่ายหัวอย่างรับตัวเองไม่ได้
นฤเบศโทรหาทีมเดอะซัน
“นี่ผมเองนะ”
จ่ายมเป็นคนรับสายดีใจมาก
“สารวัตร...” จ่ายอมหันบอกคนอื่นๆ “สารวัตรติดต่อกลับมาแล้ว”
อัศวิน ปรีติ ประเสริฐ รีบลุกจากที่นั่งตัวเองมารอฟังข่าวที่โต๊ะทำงานของจ่ายม ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“สารวัตรเป็นไงบ้างครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วคุณโซ่ล่ะครับ”
“ผมกับคุณดาราปลอดภัยดี คืนนี้ทุกคนมารวมตัวกันที่บ้านผมหน่อยนะ”
“ได้ครับสารวัตร แล้วเจอกันครับ”
จ่ายมวางสาย ทุกคนมองหน้ากันอย่างโล่งใจที่นฤเบศกับสุรีกานต์กลับมาแล้วอย่างปลอดภัย องอาจที่หยุดยืนมองผ่านบานประตูกระจกเข้ามาเห็นทีมเดอะซันดีใจ เหมือนมีข่าวดีก็มองอย่างสงสัย
มังกรนั่งอ่านแฟ้มงานอยู่ที่โต๊ะ องอาจเดินเข้ามารายงาน
“มีอะไร”
“ผมมีข่าวพวกทีมเดอะซันมารายงานครับ”
มังกรชะงักสนใจขึ้นมาทันที
“ผมแอบเห็นไอ้พวกนั้นรับโทรศัพท์จากใครบางคน ท่าทางคงจะเป็นข่าวดี เลยสงสัยว่าไอ้สารวัตรนฤเบศมันอาจจะติดต่อกลับมาแล้วก็ได้”
มังกรหัวเสีย โยนแฟ้มงานลงบนโต๊ะ
“โธ่เว้ย ทำไมมันถึงดวงแข็งอย่างนี้วะ”
“แล้วเราจะเอายังไงดีครับ”
“จะเอายังไง ก็ต้องรีบจัดการพวกมันสิ ถ้าขืนปล่อยเรื่องนี้ไว้ ได้เจ๊งกันหมดแน่ ฉันขอปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อเลี้ยงกำธรก่อน ส่วนแก คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกมันไว้อย่างให้คลาด ถ้ามีข่าวอะไรเพิ่ม รีบมารายงานฉันทันที”
“ครับสารวัตร”
มังกรสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
แก้วดารานั่งคุยอยู่กับเกี๊ยวกุ้งที่มุมหนึ่งในห้อง
“อะไรนะคะ จะให้พี่ไปสืบเรื่องโซ่จากนังวุ้น นังพาย โอ๊ย นังสองคนนั่นมันคงยอมบอกหรอก”
“ไม่บอก พี่เกี๊ยวก็ต้องหาทางทำให้บอกให้ได้สิคะ”
“แล้วคุณน้องแก้วจะอยากรู้ไปทำไมว่าโซ่อยู่ที่ไหน หายไปแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่ต้องมาคอยทำแต้มแย่งคุณกวินกับคุณน้องแก้วไง”
“แต่แก้วอยากรู้ค่ะว่าตอนนี้มันอยู่ไหน แล้วแก้วก็จะต้องรู้ให้ได้ด้วย ถ้าพี่เกี๊ยวสืบเรื่องนี้มาให้แก้วไม่ได้ เงินเดือนเดือนนี้เอาไปแค่ครึ่งเดียวก็แล้วกันนะคะ”
เกี๊ยวกุ้งหงุดหงิดที่ถูกแก้วดาราข่มขู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ วุ้นกรอบกับพายไก่ เดินคุยกันกระหนุงกระหนิงมาพอดี เกี๊ยวกุ้งกับแก้วดารารีบปรับโหมด เกี๊ยวกุ้งแสร้งหยิบไอแพดขึ้นมาเลื่อนเปิดดูข่าวกอสซิปดารา
“อุ๊ยตาย...มีข่าวคุณโซ่อีกแล้วค่ะน้องแก้วขา นางร้ายฉายเดี่ยว ออกลายเบี้ยวกองละคร หลบข่าวฉาว อุ๊ยนี่ด้วยค่ะ ลือหึ่งนางร้ายสาวเบอร์หนึ่ง ป่องเงียบย่องทำแท้ง”
แก้วดาราเสริม
“ใจร้ายจัง สงสารพี่โซ่จังเลยนะพี่เกี๊ยว เขียนข่าวอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้”
วุ้นกรอบกับพายไก่ชะงัก ปรี๊ดมาก
“ข่าวบ้าข่าวบออะไรกัน ไหนเอามาดูซิ”
วุ้นกรอบยื่นมือจะฉกไอแพด เกี๊ยวกุ้งรีบเบี่ยงหลบ
“หลบแบบนี้ เจตนาไม่ดีชัดๆ แน่จริงก็เอามาให้พวกฉันดูสิ” พายไก่ท้าทาย
เกี๊ยวกุ้งลอยหน้าลอยตาไม่ให้ วุ้นกรอบกับพายไก่หมั่นไส้จะพุ่งเข้าหา แก้วดาราเข้าขวาง
“แหม ใจเย็นๆ สิคะ พี่วุ้น พี่พาย ข่าวแย่ๆ แบบนี้อย่าอ่านให้รกหูรกตาเลยค่ะ”
วุ้นกรอบสวน
“ฉันว่ามันคงรกสมองชั่วๆ ของใครบางคนแถวนี้มากกว่ามั้ง ไม่งั้นคงไม่มานั่งปั้นข่าวเม้าท์กันเองอยู่แถวนี้ได้หรอก”
เกี๊ยวกุ้งโกรธ
“แกว่าใครชั่วห๊ะ นังวุ้น”
แก้วดาราแกล้งปราม
“อย่าค่ะพี่เกี๊ยว…” เธอหันไปยิ้มหวานกับวุ้นกรอบ “จริงๆก็ไม่แปลกเลยนี่คะพี่วุ้นที่จะมีข่าวแบบนี้ออกมา ในเมื่อพี่โซ่เล่นหายเงียบไปแบบนี้ ใครๆ เขาก็ต้องนึกว่าเป็นเพราะเรื่องไม่ดีกันทั้งนั้นแหละค่ะ ว่าแต่พี่โซ่ไม่ได้ติดต่อมาหาพี่วุ้นกับพี่พายบ้างเลยเหรอคะ”
วุ้นกรอบกับพายไก่ชะงัก เพราะสุรีกานต์ไม่ได้ติดต่อมาจริงๆ แต่ก็ทำกลบเกลื่อน
“ใครบอก เจ๊โซ่เพิ่งโทรมาบอกฉันอยู่เลยว่าสบายดี” พายไก่โกหกไป
วุ้นกรอบเสริม
“ใช่ พอดีช่วงนี้ เจ๊ไปเที่ยวพักผ่อนตระเวนทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พวกสัมภเวสีผีเร่ร่อนแถวนี้อยู่น่ะ สาธุ ขอให้ผลบุญที่ทำไปส่งผลให้ผีร้ายมันเลิกตามหลอกหลอนกันซะทีเถอะ”
เกี๊ยวโกรธจี๊ด
“ปากดีอย่างนี้ต้องจัดให้สักดอก”
แก้วดาราจะด่าต่อแต่เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นชื่อริชาร์ดเป็นคนโทรมาก็ยิ้มหน้าบานออกมารีบเดินปลีกตัวออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกทันที เกี๊ยวกุ้งถึงกับหน้าเหวอเพราะขาดพวก
“เอ้า เข้ามาสิ จะเอาดอกไหนดีล่ะ” วุ้นกรอบคว้าโถแจกันแก้วใบใหญ่แถวนั้นขึ้นมาถือเตรียมพร้อมไว้ “...ดอกแก้ว”
พายไก่ยกกรรไกรตัดผ้าขึ้นมาง้างชับๆกลางอากาศ
“หรือว่าดอกกรรไกร”
เกี๊ยวกุ้งไม่กล้าแหยม รีบถอยหนี แล้ววิ่งออกไปทันที วุ้นกรอบและพายไก่หัวเราะตามหลัง แต่สักพักวุ้นกรอบก็เปลี่ยนมาเป็นหน้าเครียด
“ว่าไปฉันก็ชักเป็นห่วงเจ๊แล้วนะเนี่ย เขาหายไปไหนของเค้านะ”
พายไก่เครียดตาม
“นั่นน่ะสิ”
แก้วดารารับโทรศัพท์ริชาร์ดมุมหนึ่ง ในกองละครตะวันสีรุ้งเสียงหวานแหวว
“ดินเนอร์คืนพรุ่งนี้เหรอคะ อ๋อ ได้ค่ะ สำหรับคุณ แก้วว่างเสมอ แล้วเจอกันนะคะ”
แก้วดาราวางสายจากริชาร์ดแล้วยิ้มอย่างมีแผน เธอหันหลังจะเดินกลับ ก็ถึงกับชะงักเมื่อเห็นเนธานยืนหน้าตึงอยู่ตรงหน้า
“ธาน...มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เนธานหึง
“มาทันได้ยินคุณรับนัดผู้ชายคนอื่นก็แล้วกัน”
“อย่าหึงไม่เข้าเรื่องเลยน่า ระหว่างเรา มักก็แค่สนุกๆขำๆไม่คิดผูกพัน จำไม่ได้แล้วเหรอไงคะ”
แก้วดาราจะเดินหนี เนธานรีบรั้งแขนเอาไว้
“นี่ผมคงเจอผู้หญิงรักสนุกตัวแม่เข้าแล้วสินะ”
“คุณมันก็ไม่ต่างอะไรจากแก้วนักนี่ค่ะ ไม่งั้นจะยอมทิ้งยัยนางเอกค้างปีนั่นมาเดินตามติดแก้วต้อยๆ แบบนี้เหรอ...แล้วอีกอย่าง จำไว้เลยนะคะว่าแก้วไม่ได้เป็นของๆ ใคร และคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของแก้วด้วย”
แก้วดาราพูดจบก็สะบัดหน้าเดินไปทันที เนธานมองตามหลังแก้วดาราไปอย่างแค้นใจมาก
นฤเบศและทีมเดอะซัน นั่งประชุมงานกันในห้องทำงานเล็กๆ ของนฤเบศที่ถูกจัดขึ้นมาเป็นห้องประชุมชั่วคราว บนโต๊ะมีโน้ตบุ๊ก เอกสาร หลักฐานต่างๆ สำหรับการประชุม ปรีติคลิกโชว์แผนภูมิกราฟหน้าจอ
“แผนภูมิกราฟอันนี้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่เราได้มาจากโน้ตบุ๊กของริชาร์ดครับ เสียดายที่คุณโซ่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลมาได้เพียง 40 % ไม่งั้นเราคงได้รู้อะไรมากขึ้นกว่านี้แน่”
อัศวินเสริม
“จะเห็นได้ว่าแผนภูมิกราฟพวกนี้แสดงยอดปริมาณการผลิตสินค้าบางอย่างซึ่งมีข้อมูลตัวเลขตรงกับเอกสารออเดอร์สินค้าของบริษัทเดอะเค ซิตี้ ที่ถูกปริ้นท์ออกมาอยู่ในมือของทุกคนขณะนี้ด้วยครับ”
ทุกคนมองดูเอกสารในมือด้วยความสนใจ
“ผมคิดว่าหลักฐานเหล่านี้เหมือนจิ๊กซอว์ตัวเล็กๆ ที่ถ้าเราสามารถเอามาเชื่อมโยงต่อกันได้ ก็จะทำให้มองเห็นความจริงมากขึ้น” นฤเบศออกความเห็น
“โดยเฉพาะ” ปรีติคลิกรูปมงคล “นายมงคลคนนี้ครับสารวัตร เขาคือตัวกลางของบริษัทเดอะ เค ซิตี้ที่ทำหน้าที่ติดต่อธุรกิจกับริชาร์ดโดยตรง”
ประเสริฐเสริม
“และเขาก็คือคนที่จะทำให้เราเชื่อมโยงต่อไปถึงนายกวิน ซึ่งเป็นเจ้านายของเขา”
สุรีกานต์ขัดขึ้น
“คุณกวินเป็นคนดี เขาไม่มีทางเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่”
นฤเบศหันไปมองสุรีกานต์อย่างหงุดหงิด ที่ออกโรงปกป้องกวินอย่างออกนอกหน้า
“ตอนนี้ยังไม่มีใครผิดหรือถูก ทุกคนเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ได้ยินแบบนี้แล้วหวังว่าคุณคงสบายใจขึ้นนะคุณสายลับ”
สุรีกานต์เถียงไม่ออก จึงรีบหุบปาก นฤเบศหันไปคุยกับที่ประชุมต่อ
“โจทย์สำคัญในตอนนี้ คือเราต้องรู้ให้ได้ว่าพลูโตซ่อนยา CN1 เอาไว้ที่ไหน และมันมีกำหนดการที่จะกระจายยานรกพวกนี้ออกไปเมื่อไหร่ เราจะได้ตามสกัดแผนการชั่วร้ายของพวกมันได้ทัน” นฤเบศหันไปสั่งอัศวิน “ผู้กองอัศวิน ช่วงนี้ผมอยากให้คุณจับตาดูความเคลื่อนไหว ของสนามกอล์ฟเดอะเคซิตี้นี้เอาไว้ด้วยนะ ถ้ามีเรื่องอะไรผิดปกติรีบรายงานผมทันที”
“ได้ครับสารวัตร”
ปรีติแทรกขึ้น
“ยังมีอีกเรื่องนึงครับสารวัตร ผมลองตรวจสอบระบบฐานข้อมูลขององค์กรเมื่อคืนก่อน พบว่าหมวดองอาจล็อกอินเข้ามาค้นหาข้อมูลบางอย่างด้วยครับ”
นฤเบศชะงัก
“ข้อมูลอะไร”
“ข้อมูลเกี่ยวกับเซฟเฮ้าส์ลับของทีมเดอะซันครับ”
นฤเบศรับฟังหน้านิ่ง พอจะนึกรู้ว่าองอาจทำงานให้ใคร จ่ายมพูดขึ้น
“พวกเรากำลังคิดว่าสารวัตรมังกร คือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรือสินค้าที่หลุดผ่านด่านไปได้ เรื่องเซฟเฮ้าส์ลับที่ถูกตามไปถล่ม หรือแม้แต่เรื่องที่มันส่งคนไปตามล่าสารวัตรกับคุณโซ่ถึงบ้านสวนยังกับมีแผนที่อยู่ในมือ”
สุรีกานต์ครุ่นคิดสงสัยหันไปหาปรีติ
“หมวดคะ พอจะมีรูปของสารวัตรมังกรคนนี้มั้ยคะ”
ปรีติพยักหน้า และเปิดไฟล์รูปมังกรขึ้นมา สุรีกานต์ตะลึงอย่างจำได้
“ใช่จริงๆ ด้วย”
ทุกคนหันไปมองสุรีกานต์เป็นตาเดียว ใบหน้ามีแต่เครื่องหมายคำถาม
“หมอนี่แหละที่โทรนัดฉันออกไปพบ แล้วขู่เรียกเงิน 20 ล้านเพื่อแลกกับความลับเรื่องการเป็นสายลับและความปลอดภัยของทุกคน”
นฤเบศหน้านิ่ง นึกไปถึงความเลวร้ายของมังกรอย่างกังวลใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 12 (ต่อ)
นฤเบศกับสุรีกานต์เดินคุยกัน หลังจากที่ทีมเดอะซันกลับไปแล้ว
“รู้อย่างนี้ แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป”
“ถึงสารวัตรมังกรจะเป็นตำรวจ แต่ในเมื่อเขาทำความผิด ผมก็จะเอาผิดกับเขาให้ได้ แต่ก่อนจะไปถึงตอนนั้น ก็คงต้องหาหลักฐานมัดตัวเขาให้ได้ก่อน”
“ฉันเอาใจช่วยให้คุณหาหลักฐานมามัดตัวสารวัตรมังกรให้ได้เร็วๆ ก็แล้วกัน”
นฤเบศยิ้ม
“ขอบคุณนะ สำหรับกำลังใจจากคุณ”
“แล้วนี่ฉันต้องหลบอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน”
“ก็จนกว่าผมจะจับคนร้ายเข้าคุกได้สำเร็จ แล้วปิดคดีนี้ได้ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณ”
“แต่ฉันลางานมานานแล้วนะ แถมยังไม่ได้ติดต่อหาใครเลย ป่านนี้ทุกคนคงเป็นห่วงฉันแย่แล้วแน่ๆ เลย”
“รวมถึงคุณกวินของคุณด้วยสินะ”
สุรีกานต์ถึงกับชะงัก รู้ตัวว่ากำลังถูกประชดแดกดัน เธอประชดกลับ
“แน่นอน”
นฤเบศใจแป้ว
“คงคิดถึงเขามากล่ะสิ”
“ก็ไม่เห็นแปลกนี่ ถ้าฉันจะคิดถึงเพื่อนดีๆ อย่างคุณกวิน”
“ดูคุณมั่นใจจังเลยนะ ว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ”
“ถึงหลักฐานที่เรามีอยู่ตอนนี้ จะทำให้คุณกวินดูเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะมีส่วนพัวพันกับคดีนี้ แต่ถึงยังไง ฉันก็มั่นใจว่าคุณกวินไม่มีทางเกี่ยวข้องกับขบวนการของริชาร์ดเด็ดขาด”
“ก็ขอให้มันเป็นอย่างที่คุณคิดก็แล้วกัน”
“แล้วคุณล่ะ ตอนนี้คิดถึงใครอยู่ อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ”
“คุณเป็นหมอดูตาทิพย์เหรอไง ถึงได้รู้ใจใครไปซะหมด”
“ก็ไม่เห็นจะเดายากเลยนี่ ผู้หญิงในชีวิตคุณก็เห็นมีอยู่แค่คนเดียว”
นฤเบศหยุดเดิน แล้วหันกลับไปจ้องตาสุรีกานต์อย่างมีความหมาย
“แล้วแน่ใจเหรอว่าคุณรู้จริง”
สุรีกานต์อึกอัก พูดไม่ถูก
“แน่สิ…ก็น้องไหมของคุณไง”
นฤเบศมองหน้าสุรีกานต์แล้วถึงกับส่ายหน้า
“ผิด”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
นฤเบศยักไหล่ ไม่ตอบ เดินหนีเข้าบ้านไปก่อน สุรีกานต์มองตามหลังอย่างหงุดหงิดใจ รีบสาวเท้าเดินตาม ตะโกนถามตามหลัง
“เฮ้ยคุณ ตอบฉันมาก่อนสิ อย่าเดินหนีไปแบบนี้นะ คุณ…”
ค่ำนั้น...กวินใส่ชุดนอนเดินเข้ามาในครัว เปิดตู้เย็นจะหยิบขวดน้ำมาออกมาดื่ม เหลือบไปเห็นกล่องเค้กที่แพรไหมให้จึงหยิบออกมา ที่กล่องเขียนไว้ว่า ‘ห้ามกิน’ กวินถึงกับยิ้มขำตัวเองออกมา คิดถึงแพรไหม...ก่อนหน้านี้แพรไหมยื่นถุงใส่กล่องเค้กให้
“รับนี่ไว้แทนคำขอบคุณของไหมด้วยก็แล้วกันนะคะ”
กวินยิ้มรับกล่องเค้กไป
“ขอบนะคุณครับ”
กวินกับแพรไหมเผลอสบตากัน ยิ้มเขิน...กวินมองกล่องเค้กที่ยังเก็บไว้ แล้วยิ้มออกมา
แพรไหมใส่ชุดนอนยืนมองดาวอย่างเหงาๆ อยู่ตรงระเบียงห้องนอน เสียงมือถือดังขึ้น แพรไหมเดินกลับไปในห้อง หยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นเป็นสายจากกวินก็ยิ้มออกมาแล้วกดรับสายเสียงใส
“ค่ะ คุณวิน”
“ผมโทรมากวนคุณไหมหรือเปล่าครับเห็นว่าดึกแล้ว”
“ไม่เลยค่ะไหมกำลังดูดาว คืนนี้ดาวสวยดีนะคะ คุณวินลองเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าสิคะ”
กวินเงยหน้ามองตาม
“จริงด้วย คนเรานี่ก็แปลกนะครับ เวลามีความรักก็มักจะชอบดูดาว เวลาเหงา เศร้า ก็ชอบดูดาว ยิ่งเวลาอกหักต้องมานั่งร้องไห้กับดวงดาวทุกที”
แพรไหมแซวๆ
“แล้วคืนนี้คุณวินจะดูดาวด้วยเหตุผลอะไรดีค่ะเนี่ย เหงา เศร้า อกหัก หรือว่ากำลังมีความรัก”
กวินยิ้มขำๆ
“ไม่รู้สิครับ ตอนนี้ความรู้สึกมันชักเริ่มสับสน จนบางครั้งก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่ากำลังรู้สึกยังไงกันแน่”
แพรไหมแอบเขิน
“เอ่อ แล้วนี่คุณวินติดต่อคุณโซ่ได้หรือยังคะ”
“ยังเลยครับ สงสัยคุณโซ่คงอยากอยู่เงียบๆ เลยไม่ยอมติดต่อกลับมาหาใครเลย คุณไหมล่ะครับ ได้เจอคุณเบศแล้วหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ จะว่าไปก็แปลกเหมือนกันนะคะ คุณโซ่กับพี่เบศหายตัวไปพร้อมๆ กัน”
“ผมว่าบางที ตอนนี้พวกเขาอาจจะอยู่ด้วยกันก็ได้ครับ”
แพรไหมแปลกใจ
“ทำไมคุณวินถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ”
“ก็คุณเบศเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณโซ่ คุณเบศก็อาจจะอยู่กับคุณโซ่เพื่อคอยดูแลเธอก็ได้ครับ”
แพรไหมงง
“พี่เบศน่ะเหรอเป็นผู้จัดการส่วนตัวคุณโซ่”
วันใหม่...แพรไหมขับรถมาจอดหน้ารั้วบ้าน แล้วลงไปกดกริ่ง มองเข้าไปว่ามีใครอยู่หรือเปล่า ป้ามลซึ่งกำลังปัดฝุ่นทำความสะอาดอยู่ที่ห้องรับแขกได้ยินเสียงกริ่ง หันไปมองเห็นรถที่จอดอยู่หน้าบ้านจำได้ว่าเป็นรถแพรไหมก็ยิ้มดีใจออกมา
“คุณไหม”
ป้ามลกำลังจะเดินออกไปเปิดประตูบ้านให้แพรไหม แต่ก็โดนนฤเบศที่โผล่มารั้งตัวเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวครับป้า ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง”
ป้ามลหันมองงงๆ ว่าเรื่องอะไร
นฤเบศกับแพรใหม่นั่งอยู่ด้วยกันที่ห้องรับแขก
“ตอนแรกคิดว่าจะไม่เจอพี่เบศซะแล้ว ช่วงนี้เห็นคุณพ่อบอกว่าพี่เบศกำลังยุ่งมาก อยากรู้จังเลยคะว่าพี่เบศกำลังทำงานสำคัญอะไรอยู่” แพรไหมมองจับผิด
“ไหมก็รู้ว่างานของพี่เป็นความลับ บอกใครไม่ได้หรอก”
“ไหมล้อเล่นน่ะค่ะ แล้วไหมก็รู้ด้วยว่างานของพี่เบศต้องสำคัญมากจริงๆ” แพรไหมน้อยใจ “ไม่งั้นพี่เบศคงมีเวลารับสายไหม หรือไม่ก็โทรกลับหาไหมบ้าง”
“พี่ขอโทษนะ ที่ไม่ได้รับสาย แล้วไม่ได้ติดต่อกลับ รวมถึงเรื่องงานประกวดเค้กที่พี่ไม่ได้ไปให้กำลังใจไหมด้วย”
“ไหมเข้าใจค่ะ แล้วไหมก็ไม่โกรธด้วย พี่เบศไม่ต้องคิดมากนะคะ”
ป้ามลยกน้ำมาเสิร์ฟให้แพรไหม
“น้ำตะไคร้ค่ะคุณไหมป้าเพิ่งทำเมื่อเช้านี้เอง เห็นว่าอากาศเปลี่ยนๆก็เลยต้มให้ คุณหนูดื่ม”
“ขอบคุณค่ะป้ามล อ้อ” แพรไหมหยิบกล่องใส่เครปเค้กที่เอามายื่นให้ “ไหมทำเครปเค้กอร่อยๆ มาฝากป้ามลกับพี่เบศด้วยค่ะ”
ป้ามลมองเครปเค้กที่แพรไหมทำมาฝากอย่างชื่นชม
“แหม เค้กน่าทานมากๆ เลยค่ะคุณไหม คุณไหมนี่ทั้งเก่ง ทั้งน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ เลยนะคะ ถ้ามีผู้ชายคนไหนมองข้ามคุณไหมไปรักผู้หญิงคนอื่นได้ลงคอ ป้าว่าผู้ชายคนนั้นต้องรีบไปตรวจเช็คสายตาแล้วล่ะค่ะ”
แพรไหมยิ้มเขินที่ถูกชม ในขณะที่นฤเบศถึงกับทำหน้าไม่ถูกเพราะรู้ตัวว่าป้ามลจงใจเหน็บ
“เดี๋ยวอยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันนะคะคุณไหม ป้าจะทำของโปรดให้ทานค่ะ”
นฤเบศชะงัก
“ป้า”
แพรไหมหันมองมองนฤเบศอย่างงงๆ
“พี่เบศไม่อยากให้ไหมอยู่ต่อเหรอคะ”
“อ๋อ เปล่าครับ พี่แค่จะบอกป้ามลว่าให้ทำกับข้าวให้สุดฝีมือน่ะครับ”
แพรไหมเปลี่ยนเป็นยิ้มออกมา แม้จะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างก็ตาม นฤเบศหันไปส่งสายตาดุใส่ป้ามล จนป้ามลถึงกับหน้าจ๋อย
สุรีกานต์หลบมุมแอบมองนฤเบศกับแพรไหม ที่นั่งกินข้าวพูดคุยกันอยู่อย่างมีความสุขด้วยความหมั่นไส้
“แหม สวีทกันจังเลยนะ ชิ”
ป้ามลเดินออกมาจากในครัว เห็นสุรีกานต์ที่ยืนหลบมุมแอบมองอยู่ก็เดินเข้าไปหาหยุดยืนข้างหลัง
“คุณหนูบอกให้คุณหลบอยู่แต่ในห้องไม่ใช่เหรอคะ”
“รู้แล้วน่า ก็แค่จะมาแอบดู...”
สุรีกานต์รู้สึกตัว นึกได้ รีบหันไปมองด้านหลัง เห็นป้ามลที่ยืนมองอยู่หน้านิ่ง ก็ยิ้มแหยๆ ออกมา
“เอ่อ ว่าคุณไหมกลับหรือยังน่ะค่ะ”
“อย่าบอกนะคะว่าคุณหึงคุณหนูกับคุณไหม”
ป้ามลมองมาด้วยสายตาคาดคั้นอย่างสงสัย สุรีกานต์ตั้งตัวไม่ทันเลยเล่นตามน้ำแสร้งทำเสียงน่าสงสารให้สมจริง
“มันก็ต้องมีกันบ้างไม่ใช่เหรอคะป้า โซ่กับคุณสารวัตรเราเป็นแฟนกัน แต่โซ่กลับต้องมาเห็นเขาอี๋อ๋ออยู่กับผู้หญิงอื่นแบบนี้ เป็นใครจะไม่หึงบ้างล่ะคะ”
ป้ามลเห็นสีหน้าแววตาของสุรีกานต์แล้วคล้อยตามเชื่อสนิท แอบเห็นใจสงสารหัวอกผู้หญิงด้วยกัน จู่ๆ แมลงสาบตัวหนึ่งก็ค่อยๆ คลานขึ้นมาบนหลังเท้าของสุรีกานต์ ป้ามลเห็นแมลงสาปแล้วตกใจร้องบอกสุรีกานต์
“อุ๊ย...แมลงสาบ”
สุรีกานต์รีบก้มลงไปมอง เห็นแมลงสาบแล้วถึงกับตาโต ตกใจ ร้องกรี๊ด
นฤเบศกับแพรไหมนั่งกินข้าวกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร เสียงสุรีกานต์กรี๊ดดังลั่น
“อ๊าย”
นฤเบศกับแพรไหม เงยหน้าขึ้นมามองตากันอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เสียงใครน่ะคะพี่เบศ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
แพรไหมรีบลุกจากเก้าอี้โดยมีนฤเบศรีบลุกตามไปติดๆ
สุรีกานต์กระโดด โหยงเหยง ด้วยความขยะแขยงแมลงสาบ
“อ๊าย...แมลงสาบ...แมลงสาบ”
ป้ามลหันไปเห็นนฤเบศกับแพรไหมที่กำลังเดินตรงมาทางนี้แล้วก็รีบบอกสุรีกานต์
“คุณหนูกับคุณไหมมาทางนี้แล้ว คุณรีบหลบก่อนเถอะค่ะ”
สุรีกานต์เลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก เห็นสถานการณ์จวนตัว เลยรีบวิ่งเข้าไปหลบหลังประตูในห้องครัว นฤเบศกับแพรไหมมาถึง ก็เจอแต่ป้ามลที่ยืนรอรับหน้าอยู่ นฤเบศผสมโรงทำเนียน
“ป้าร้องอะไรเหรอครับ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีป้าเจอแมลงสาบน่ะค่ะ เลยตกใจ ร้องดังไปหน่อย”
แพรไหมไม่อยากจะเชื่อ
“เสียงร้องเมื่อกี้เป็นเสียงป้ามลเหรอคะ”
“ค่ะ เสียงป้าเอง”
“แต่ไหมว่าเสียงเมื่อกี้มัน…”
ป้ามลทำหน้าไม่ถูก นฤเบศรีบเปลี่ยนเรื่อง
“พี่ว่าไม่มีอะไรหรอก เราไปกินข้าวกันต่อดีกว่า”
“แต่ไหม…”
นฤเบศพยายามพาแพรไหมให้เดินออกมา แต่จังหวะนั้น เธอเหลือบไปเห็นปลายเท้าของสุรีกานต์ที่โผล่ออกมาจากหลังประตู
“เดี๋ยวค่ะพี่เบศ”
แพรไหมเดินตรงไปที่ประตูห้องครัว นฤเบศเริ่มหน้าเครียดคิดว่าแพรไหมจะเห็นอะไรเข้าแล้ว สุรีกานต์รู้ตัวรีบเก็บปลายเท้ากลับเข้าไปหลังประตู พยายามยืนตัวลีบ หายใจแทบไม่ทั่วท้อง เพราะกลัวแพรไหมจะเห็น แพรไหมเดินเข้าไปใกล้ประตูครัว ในที่เธอก็สังเกตเห็นเงาของสุรีกานต์ที่สะท้อนอยู่บนบานหน้าต่างกระจกในห้องครัวเข้าจนได้ แพรไหมถึงกับหน้าชา พยายามข่มความเสียใจเอาไว้ แล้วชักหน้ากลับมา ทำเป็นไม่เห็นอะไร แสร้งยิ้ม
“ไม่มีอะไรจริงๆ ด้วย สงสัยไหมคงคิดมากไปเอง ไหมขอตัวกลับก่อนนะคะ ลืมไปว่าต้องไปซื้อผงโกโก้กับกระดาษรองอบที่ร้านหมดพอดี”
“แต่ไหมยังทานข้าวไม่เสร็จเลยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไหมอิ่มแล้ว”
พูดจบแพรไหมก็รีบเดินออกไปทันที นฤเบศเห็นเงาสุรีกานต์ที่สะท้อนอยู่บานหน้าต่างกระจก ก่อนรีบเดินตามแพรไหมออกไป
นฤเบศเดินมาส่งแพรไหมที่รถ
“ไหมไปนะคะพี่เบศ”
“ขับรถดีๆ ล่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะพี่เบศ สำหรับความห่วงใยที่มีให้ไหมเสมอ”
นฤเบศยิ้ม
“ก็เราเป็นน้องสาวพี่นี่นา”
แพรไหมหน้าเจื่อน คำว่าน้องสาวเหมือนมาซ้ำให้ยิ่งรูสึกเจ็บปวดใจเข้าไปอีก แพรไหมเปิดประตูรถเข้าไปนั่งในรถ มองออกไปนอกหน้าต่างรถ เห็นนฤเบศกำลังยืนโบกมือลาก็ถึงกับน้ำตาร่วงลงมาด้วยความเสียใจ และผิดหวัง แพรไหมสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับออกไป นฤเบศยืนมองตามหลังรถแพรไหมที่ขับออกไปอย่างเป็นห่วงความรู้สึก
นฤเบศเดินกลับเข้ามาในบ้าน สุรีกานต์กับป้ามลนั่งอยู่ที่โซฟา สุรีกานต์รีบลุกขึ้นเดินไปหา แกล้งทำเป็นเหมือนเพิ่งลงมาจากข้างบนเพราะยังไม่รู้ว่านฤเบศเห็นแล้วว่าเธอแอบขัดคำสั่งเขาลงมาข้างล่าง
“คุณแพรไหมกลับไปแล้วเหรอ”
นฤเบศเดินเลยสุรีกานต์ไปซักป้ามล
“เสียงร้องเมื่อกี้ เป็นเสียงป้ามลแน่เหรอครับ”
สุรีกานต์หันไปมองป้ามลอย่างคาดเดาไม่ถูกเลยว่าป้ามลกำลังคิดอะไรอยู่
“แน่สิคะคุณหนู ป้าตกใจแมลงสาบ ก็เลยร้องเอะอะโวยวายขึ้นมาแบบนั้น”
สุรีกานต์รู้สึกผิด เลยรีบสารภาพ
“ความจริงคนที่กรี๊ดคือฉันเอง ไม่ใช่ป้ามลหรอก”
นฤเบศแกล้งตีหน้า ขรึมดุใส่สุรีกานต์
“หมายความว่าคุณขัดคำสั่งผมงั้นเหรอ”
สุรีกานต์เถียงไม่ออก
“ก็ฉัน …”
ป้ามลรีบห้าม
“พอเถอะค่ะ อย่าทะเลาะกันเลย ที่คุณสุรีกานต์ทำไป ก็เพราะหึงคุณหนูเท่านั้นเอง”
นฤเบศชะงัก
“หึงเหรอ”
สุรีกานต์อยากจะร้องไห้
“ป้า...”
“เมื่อกี้คุณบอกบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าหึงคุณหนูกับคุณไหม หรือว่าคุณโกหกป้า”
สุรีกานต์ถึงกับพูดไม่ออก อายจนหน้าแดง นฤเบศอมยิ้มออกมา สุรีกานต์เห็นแล้วหมั่นไส้สุดๆ
“ในที่สุด ความจริงก็เปิดเผยออกมาจนได้”
นฤเบศพูดแล้วก็เดินอารมณ์ดีออกไป สุรีกานต์ได้แต่ฮึดฮัดขัดใจที่แก้ตัวอะไรไม่ได้เลย ป้ามลจะลุกออกไปอีกคนสุรีกานต์เห็นแล้วก็รีบเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะป้า ขอบคุณนะคะที่ออกรับแทนโซ่ ตอนแรกนึกว่าป้าไม่ชอบโซ่ซะอีก”
“คุณคิดถูกค่ะ แต่ตอนนี้ป้าถือคติ คุณหนูรักใครป้าก็ต้องรักด้วย”
ป้ามลบอกแล้วก็ลุกไปอีกคน สุรีกานต์ถึงกับอมยิ้มออกมา
แก้วดาราเข้าฉากกับเนธาน อายอดจ้องอยู่ที่จอมอนิเตอร์อย่างลุ้นๆ แก้วดาราเสียงสั่น แต่ไม่มีน้ำตา
“ขอบคุณนะคะภูมิบดินทร์ ที่คุณยอมคืนอิสระให้กับรุ้ง”
“ผมรู้ว่าการที่เราต้องทนอยู่กับคนที่เราไม่ได้รัก หรือคนที่ไม่ได้รักเรา มันทรมานแค่ไหน คุณร้องไห้มาเยอะแล้ว ต่อไปนี้ผมขอให้คุณมีแต่รอยยิ้ม แล้วก็มีแต่ความสุขนะครับ ทอรุ้ง”
แก้วดารายืนนิ่งไม่อยู่ในอารมณ์เศร้าซักนิด เนธานเลยนิ่งตามต่อบทไม่ถูก อายอดลุ้นตัวโก่ง แต่แก้วดาราก็ไม่เล่นต่อ อายอดหงุดหงิด
“คัท”
แก้วดารากับเนธานผละออกจากกันอย่างเซ็งๆ อายอดเดินเข้ามาหาแก้วดารา
“ซีนนี้ทอรุ้งต้องร้องไห้นะแก้ว แล้วธานก็ค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ แต่ทำไมไม่มีน้ำตาซักหยดเลยห๊ะ”
“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวแก้วจะพยายามดูใหม่อีกครั้งนะคะ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวเอาใหม่อีกรอบละกัน”
อายอดหันหลังจะเดินกลับไปที่จอมอนิเตอร์ แก้วดาราหงุดหงิดแอบมองนาฬิกาข้อมือเห็นใกล้ถึงเวลานัดกับริชาร์ดแล้วก็ยิ่งกังวล แต่จู่ๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างนึกแผนการบางอย่างได้
“โอ๊ย”
แก้วดาราแกล้งเอามือกุมศีรษะ ทำเป็นเวียนหัวเซจะล้ม เนธานอยู่ใกล้ๆ เลยรีบประคองเอาไว้ เกี๊ยวกุ้ง อายอดและทีมงานคนอื่นๆ แตกตื่นเข้ามาดูแก้วดารา
“เป็นอะไรรึเปล่า” อายอดถามอย่างเป็นห่วง
“แก้วเวียนหัวน่ะค่ะอา” แก้วดาราหันไปขยิบตารู้กันกับเกี๊ยวกุ้ง “โลกมันหมุนติ้วเลย”
เกี๊ยวกุ้งรีบเสริม
“สงสัยจะพักผ่อนน้อย น้ำในหูไม่เท่ากันน่ะคะ เกี๊ยวบอกให้น้องแก้วไปหาหมอก่อน แต่น้องแก้วก็ไม่ยอมบอกจะมากองถ่ายให้ได้ กลัวคนอื่นเสียเวลา”
แก้วดาราทำเป็นพยักหน้ารับคำเกี๊ยวกุ้ง เนธานแอบมองอยู่แน่ใจว่าแก้วดาราป่วยการเมืองแน่ๆล
“แก้วไหวค่ะพี่เกี๊ยว”
แก้วดาราทำท่าจะยืนเอง แต่ก็ทรุดลงไปอีก เนธานรีบประคองไว้ อายอดส่ายหน้า
“สภาพขนาดนี้คงไม่ไหวแล้วละมั้ง”
เกี๊ยวกุ้งหันมาถาม
“แล้วเอาไงดีคะอายอด”
“พาแก้วไปหาหมอเหอะ” อายอด หันไปบอกทีมงาน “วันนี้ถ่ายฉากที่ไม่มีแก้วไปก่อน”
อายอดเดินออกไปอย่างหงุดหงิด แก้วดาราแอบยิ้มสบตากับเกี๊ยวกุ้ง เนธานเห็นเข้าพอดีรู้ทันแก้วดารา เกี๊ยวกุ้งรีบเดินไปเก็บของให้ พอคล้อยหลังเกี๊ยวกุ้ง เนธานก็เข้าไปหาแก้วดาราทันที
“คุณนี่เล่นละครได้เก่งทั้งหน้าฉาก หลังฉากเลยนะ”
แก้วดาราชะงักที่เนธานรู้ทัน แต่ก็ปั้นหน้ายิ้ม
“ขอบคุณสำหรับคำชม ไม่งั้นจะเรียกว่ามืออาชีพได้เหรอ ขอตัวนะแก้วอยากพักผ่อน”
“จะรีบไปพักผ่อน หรือว่าจะรีบไปนอนกับใครกันแน่”
แก้วดาราโมโหแต่พยายามข่มอารมณ์
“แก้วจะไปทำอะไรกับใครมันเรื่องส่วนตัวของแก้ว ยังไงแก้วก็ต้องขอบคุณคุณด้วยนะคะ ที่ช่วยให้ละครของแก้วสมจริงขึ้นเยอะ”
แก้วดาราเดินผละออกไปทันที เนธานได้แต่มองตามอย่างหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้
เนธานเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด วุ้นกรอบกับพายไก่ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์จับกลุ่มเม้าท์กันอยู่ก็หันไปมอง
“ว่าไงคะ คุณพระรองรูปหล่อ มาตบแป้งเติมหน่อยมั้ยคะ”
วุ้นกรอบคว้าอุปกรณ์เครื่องสำอาง จะพุ่งเข้าไปหาแต่เนธานตวัดตามามองแบบไม่สบอารมณ์มาก จนวุ้นกรอบเบรกเอี๊ยดแทบไม่ทัน
“อุ้ย...กำลังติสต์ งั้นก็ตามสบายนะคะ”
วุ้นกรอบเดินเจี๋ยมเจี้ยมไปนั่งที่เดิม พายไก่สมน้ำหน้า
“เป็นไงล่ะแก จะตบแป้ง แต่หวิดโดนเขาตบคว่ำแทนแล้วมั้ยล่ะ”
เนธานไม่ได้ใส่ใจสีหน้าหงุดหงิดเพราะยังโมโหแก้วดาราไม่หาย วุ้นกรอบกับพายไก่เปิดหนังสือพิมพ์หน้าบันเทิงอ่านต่อ
“โอ้ แม่เจ้า จริงเหรอเนี่ย” วุ้นกรอบอ่านข่าว “พระเอกหน้าตี๋ช่อง ตรู๊ด โดนฟัน ตรู๊ด...”
พายไก่ขัดขึ้น อารมณ์เสีย
“นี่แกจะเซ็นเซอร์ให้มันเสียอารมณ์ทำไมเนี่ย”
วุ้นกรอบมองค้อนพายไก่ อ่านข่าวใหม่
“พระเอกหน้าตี๋ช่อง 6 โดนแฉคลิปหลุด ชายรักชาย สนั่นโลกไซเบอร์”
เนธานตะลึง รีบเงี่ยหูฟัง พายไก่ช็อค
“ไม่จริง...คนนี้ ฉันทั้งรักทั้งหลงเลยนะแก ทุ่มโหวตสุดตัวสุดหัวใจตอนประกวด The gentlemen จนป่านนี้ยังใช้ค่าโทรไม่หมดเลย”
“จริงไม่จริงก็มีภาพหลุดออกมานี่แหละ ขนาดคลิปหลุดกับสาวนักแสดงบางคนยังแทบไม่เหลือราคาให้ใครจ้างงาน แล้วนับประสาอะไรกับคลิปบำเรอสวาทชายชาติทหารด้วยกันเอง เห็นทีจะถูกสอยลงจากบัลลังก์ก็คราวนี้แหละ”
เนธานนั่งหน้าเครียดมาก คิดถึงเรื่องของตัวเอง
ค่ำนั้น เนธานกับอุษณะนั่งคุยอยู่ตรงโต๊ะมุมหนึ่งของร้านเหล้า
“นายมีเรื่องอะไรกับฉันงั้นเหรอ ถึงได้นัดมาเจอกันที่นี่” อุษณะถามอย่างสงสัย
“จำเรื่องเมมโมรี่การ์ดที่หายไปได้มั้ย”
“มันก็อยู่ที่นายไม่ใช่เหรอ”
“ผมรู้ว่าคุณคิดว่าผมเป็นคนขโมยไป แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นคนขโมยมันไปจริงๆ”
อุษณะยิ้ม ไม่เชื่อ
“ถ้าไม่ใช่นาย แล้วมันจะเป็นใคร”
“ผมคิดว่าตอนนี้ เมมโมรี่การ์ดอยู่ที่โซ่”
อุษณะแปลกใจ
“โซ่เหรอ...โซ่มาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”
เนธานสารภาพ
“ผมบอกนิลให้ไปขโมยรูปพวกนั้นที่บ้านคุณเองแหละ แต่นิลกลับใช้ให้โซ่จัดการเรื่องนี้แทน”
“แสดงว่าตอนนี้รูปพวกนั้นตกอยู่ในมือคนอื่นอย่างนั้นเหรอ”
“ก็เพราะคุณนั่นแหละ ถ้าตอนนั้นคุณไม่ขู่ให้ผมกลัวว่าจะเอารูปไปให้นักข่าว เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก”
อุษณะหงุดหงิด
“โธ่เอ้ย บ้าชิบ”
“ถ้าใครก็ตามที่เปิดเผยเรื่องนี้ออกมา มันไม่ใช่แค่ผมแน่ๆ ที่จะเดือดร้อน แต่ซุปเปอร์สตาร์อย่างคุณก็จะพังไปด้วยเหมือนกัน แล้วอีกอย่าง นอกจากเรื่องรูปพวกนั้นแล้วคุณลองนึกดูสิ ว่าในกระเป๋ากล้องใบนั้นยังมีอะไรซุกซ่อนอยู่อีกบ้าง”
เนธานจ้องหน้าอุษณะนิ่ง
อ่านต่อหน้าที่ 3
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ในอดีต...เนธานหน้าตาเคลิบเคลิ้มอยู่ในห้องนอนอุษณะเพราะเสพยาเข้าไป เขานอนเปลือยอกอยู่บนเตียง อุษณะนั่งกดดูรูปสวีทหวานที่ถ่ายด้วยกันจากกล้องถ่ายรูปอยู่ที่ข้างเตียง อุษณะยิ้มพอใจ เก็บกล้องถ่ายรูปไว้ในกระเป๋ากล้อง แล้วคว้าซองยาเสพติดชนิดใหม่ราคาแพงที่วางไว้ข้างๆ ยัดใส่ลงไปที่ช่องด้านหน้ากระเป๋ากล้อง โดยมีสายตาของเนธานมองดูตลอดเวลา
เมื่อนึกถึงอดีต อุษณะหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“คุณเก็บมันไว้ในนั้น แล้วคุณก็ใช้มันทุกครั้งเวลาที่เรา…” เนธานชะงักไม่พูดต่อ “ผมคิดว่าคุณก็คงไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูตำรวจหรอกนะ จริงมั้ย”
อุษณะครุ่นคิดอย่างหนักใจ
“งั้นนายก็รีบหาทางไปเอาเมมโมรี่การ์ดกลับคืนมาให้ได้สิ”
“ผมเคยลองแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ แล้วอีกอย่างช่วงนี้โซ่ลางานไม่มากองเลย”
“แล้วพลอยนิลล่ะ สองคนนั้นเป็นเพื่อนรักกัน ยัยนั่นต้องรู้แน่ๆ ว่าโซ่อยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้นิลกับโซ่กำลังผิดใจกันอยู่ นิลไม่น่าจะรู้เรื่องโซ่แน่ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ผมกับนิลก็เลิกกันแล้ว ผมคงกลับไปสืบเรื่องนี้จากนิลไม่ได้หรอก”
“เลิกกันได้ ก็คืนดีกันได้ ถึงพลอยนิลจะไม่รู้ว่าตอนนี้โซ่อยู่ที่ไหน แต่ฉันรู้ว่ายัยนั่นมีกุญแจสำรองคอนโดของโซ่แน่ๆ”
เนธานชะงักครุ่นคิด
“กุญแจสำรองเหรอ”
ริชาร์ดนั่งรออยู่ที่โต๊ะดินเนอร์สุดหรูของร้านอาหารในโรงแรม แก้วดาราเดินเข้ามาในชุดราตรีสุดเซ็กซี่ ริชาร์ดมองอย่างพอใจ แก้วดาราเดินมานั่งที่โต๊ะ ริชาร์ดยื่นดอกกุหลาบให้
“สำหรับผู้หญิงที่สวยที่สุดในค่ำคืนนี้ครับ”
แก้วดารารับดอกไม้
“คุณคงจะให้ดอกไม้แบบนี้กับผู้หญิงทุกคนสินะคะ”
“ไม่หรอกครับ ผมให้เฉพาะคนที่พิเศษเท่านั้น”
ริชาร์ดจ้องตาแก้วดาราหวานเยิ้ม แก้วดาราก็หว่านเสน่ห์สุดฤทธิ์นั่งลง
“คุณติดต่อสุรีกานต์ได้หรือยัง”
แก้วดาราชะงัก แต่ปั้นหน้ายิ้ม
“คุณถามถึงพี่โซ่ทั้งๆ ที่อยู่กับแก้วแบบนี้ แก้วน้อยใจนะคะ”
“ผมขอโทษครับ ที่เสียมารยาทกับคุณ”
“แก้วล้อคุณเล่นน่ะค่ะ...ตอนนี้พี่โซ่ยังลางานเหมือนเดิม แถมไม่ได้ติดต่อใครด้วย”
ริชาร์ดนิ่วหน้าอย่างอารมณ์เสีย
“ทำไมคุณถึงอยากเจอพี่โซ่นักละคะ”
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอนิดหน่อยน่ะครับ”
“คงจะเป็นเรื่องสำคัญมากสินะคะ”
“ก็ทำนองนั้น ถ้าผมอยากให้คุณช่วยตามหาตัวเธอให้ผมหน่อย จะได้มั้ยครับ รับรองว่าถ้าคุณทำสำเร็จ ผมยินดีจะตอบแทนน้ำใจคุณเต็มที่”
แก้วดาราตาวาวแต่ทำไว้เชิง
“ตกลงค่ะ ที่แก้วรับปากนี่ ไม่ได้เห็นแก่ค่าตอบแทนจากคุณหรอกนะคะ แต่แก้วอยากช่วยคุณจริงๆ ริชาร์ดยิ้มรู้ทัน
“ขอบคุณครับ”
“งั้นตอนนี้ เราเปลี่ยนมาคุยเรื่องของเราบ้างดีกว่านะคะ เพราะแก้วอยากให้เรารู้จักกันให้ลึกซึ้งมากกว่านี้แล้ว”
แก้วดาราเลื่อนมือไปลูบไล้มือริชาร์ดเบาๆ สบตาริชาร์ดแบบเชิญชวนเต็มที่
ริชาร์ดกับแก้วดารามาจบกันที่เตียง แก้วดารากำลังนั่งติดกระดุมเสื้ออยู่บนเตียง ริชาร์ดที่อยู่ในชุดคลุม เข้ามาคลอเคลีย
“ทีนี้คุณคงรู้จักผมลึกซึ้งพอแล้วนะ”
แก้วดาราทำเขินเอียงอาย
“พอเถอะค่ะ แก้วอายจนไม่กล้าจะมองหน้าคุณแล้ว”
“คุณสวยไปทั้งตัวขนาดนี้ ไม่เห็นน่าอายตรงไหน มีแต่น่าชมทั้งนั้น”
แก้วดาราเอามือแตะปากห้ามริชาร์ดไว้
“อย่ามาปากหวานเลยค่ะ คุณคงจะพูดอย่างนี้กับผู้หญิงมาหลายคนแล้วใช่มั้ยล่ะคะ” แก้วดาราแกล้งทำหน้าน้อยใจ “โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่คุณกำลังตามหาด้วยความคิดถึงที่สุดคนนั้น”
ริชาร์ดยิ้มๆ คลายอ้อมกอดจากแก้วดารา แล้วเดินไปหยิบเช็คที่โต๊ะ มายื่นให้แก้วดารา
“อะไรคะ”
แก้วดารารับเช็คมามองเห็นเป็นเช็คเงินสดห้าแสนบาทก็ตาโตอย่างพอใจ แต่แล้วก็แกล้งทำหน้าไม่พอใจ
“นี่คุณคิดว่าแก้วเป็นผู้หญิงแบบนั้นเหรอคะ”
ริชาร์ดเข้ามาสวมกอด
“อย่าเพิ่งโมโหสิครับ ผมจะกล้าตีราคาผู้หญิงของผมได้ยังไง นี่เป็นค่าใช้จ่ายของคุณในการช่วยตามหาตัวสุรีกานต์ต่างหาก แล้วถ้าคุณช่วยผมได้สำเร็จล่ะก็ ผมจะตอบแทนคุณมากกว่านี้อีก”
แก้วดารา มองเช็คในมือแล้วลอบยิ้มอย่างพอใจ
วันใหม่...พลอยนิลนั่งหน้าเครียดอยู่บนโซฟา พี่บีนั่งข้างๆ เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่สามเครื่องดังไม่ขาดสาย จนไม่รู้จะรับเครื่องไหนก่อนดี พี่บีกดรับโทรศัพท์แทบไม่ทัน
“สวัสดีค่ะ ตอนนี้ไม่ยังสะดวกให้สัมภาษณ์นะคะ”
พี่บีรับเครื่องที่สอง
“ยกเลิกอีเว้นท์เหรอคะ”
พี่บีรับเครื่องที่สาม
“แคนเซิ่ลงานเดินแบบ”
พลอยนิลได้ยินทุกประโยคก็หน้าเครียดขึ้นเรื่อยๆ พี่บีรับเครื่องที่หนึ่งอีกรอบ
“ไม่ต่อสัญญาพรีเซ็นเตอร์...เอ่อ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”
พลอยนิลกรี๊ดระบายอารมณ์ออกมาอย่างทนไม่ไหว อาละวาดปาหมอนบนโซฟาจนหมดทุกใบ พี่บีรีบคุยโทรศัพท์ต่อ
“เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เรื่องนี้อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเลยค่ะ เดี๋ยวบีจะรีบพาน้องนิลเข้าไปพบคุณแมทธิวเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” พี่บีกดวางสาย
“จะไปง้อมันทำไม ไม่จ้างก็ไม่ต้องจ้าง นิลไม่แคร์”
“ที่น้องนิลบอกว่าไม่แคร์นี่มันเงินเจ็ดหลักเลยนะคะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีก พลอยนิลทำท่าจะปรี๊ดอีก พี่บีรีบปิดโทรศัพท์ทุกเครื่อง พลอยนิลเครียด
“เพราะนังแก้วดาราคนเดียว ที่ทำให้นิลต้องเป็นแบบนี้”
“อย่าเอาแต่โทษคนอื่นเลยค่ะ ทุกอย่างมันเป็นเพราะเราทำตัวเองทั้งนั้น ถ้ารู้จักควบคุมอารมณ์ก็ไม่เกิดเรื่องหรอก”
พลอยนิลฉุนกึก
“พี่บี”
พี่บีขัดขึ้น
“หยุดอาละวาด แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวดีกว่าค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงเรามีนัดกับคุณแมทธิว ในเมื่อตอนนี้เรายังมีโอกาสอยู่ เราก็ควรรีบคว้ามันไว้นะคะ”
พี่บีพูดจบก็เดินออกไป พลอยนิลอึ้งไปอย่างเถียงไม่ได้
พลอยนิลเดินออกมาที่ลานจอดรถพร้อมกับพี่บี
“เจอคุณแมทธิว นิลต้องพูดกับเค้าดีๆนะ ห้ามวีนห้ามเหวี่ยง บอกเค้าว่าคราวนี้ น้องนิลจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ส่วนพี่ก็จะแถมออกอีเว้นท์เพิ่มต่างจังหวัดอีกสามครั้ง”
“นิลรู้แล้วน่า”
เนธานเดินเข้ามาเรียกพลอยนิล
“นิล”
พลอยนิลถึงกับชะงัก หันไปหาเนธาน สีหน้านิ่ง เรียบเฉย ก่อนจะเดินต่อไปพร้อมพี่บี เนธานเดินตาม
“เดี๋ยวก่อนสินิล”
พลอยนิลชะงักหยุดเดิน แต่ยังไม่หันหน้ามา
“มีอะไร”
เนธานเดินมาดักหน้า
“ผมเห็นข่าวเลยมาหา ผมเป็นห่วงนิลนะ”
พลอยนิลยังหน้านิ่ง ยืนฟังเนธานพูดต่อไป
“ผมรู้ว่าผมทำผิดกับคุณไว้มาก ตอนนี้ผมสำนึกแล้ว ผมขอโทษ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ”
พลอยนิลแววตาหวั่นไหววูบหนึ่ง แต่แล้วก็รีบกลับมานิ่งเหมือนเดิม
“แค่นี้ใช่มั้ย ขอตัวนะ”
“เดี๋ยวนิล” เนธานหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมา “ผมตั้งใจซื้อมาให้นิล ให้ผมสวมให้นะ”
พลอยนิลมองแหวนหน้านิ่ง พี่บีมองลุ้นว่าพลอยนิลจะตัดสินใจยังไง พลอยนิลยื่นมือไป เนธานยิ้มออกมาอย่างดีใจ พี่บีหน้าเครียด เนธานรีบสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้ เนธานสวมแหวนเสร็จ พลอยนิลก็ยกมือขึ้นมาดูแหวนที่นิ้ว แล้วค่อยๆ ถอดออกมา
“ของอะไรที่มันได้มาง่ายๆ เราก็มักจะตัดใจทิ้งมันได้ง่ายๆเหมือนกัน”
พลอยนิลปล่อยแหวนทิ้งลงบนพื้น เนธานยิ้มค้าง
“คุณว่าจริงมั้ย...ไปกันเถอะค่ะพี่บี”
พลอยนิลหันหลังเดินฉับๆ ออกไป พี่บีรีบเดินตาม เนธานตะโกน
“ยังไงผมก็จะรอ ผมจะรอจนกว่านิลจะเห็นใจผม”
พี่บีรีบพาพลอยนิลไปที่รถ เพราะไม่อยากให้พลอยนิลใส่ใจคำพูดเนธานอีก เนธานได้แต่มองตามอย่างหงุดหงิด นึกถึงตอนที่นั่งคุยกับอุษณะเมื่อคืน
“ฉันเคยรู้มาว่าคอนโดนั่นเป็นของพลอยนิลมาก่อนที่มันจะถูกขายต่อให้กับโซ่ แล้วสองคนก็สนิทกันมากจนเข้านอกออกในได้หมด นิลต้องมีกุญแจสำรองหรือไม่ก็คีย์การ์ดเข้าห้องโซ่แน่ๆ”
“พูดแบบนี้ อย่าบอกนะว่าคุณจะให้ผม…”
“ถ้าอยากได้ของที่ถูกขโมยไปกลับคืนมา บางทีเราก็อาจจะต้องใช้วิธีการแบบเดียวกันก็ได้ จริงมั้ย”
เนธานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ถ้าไม่ติดเรื่องนี้ล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าฉันจะกลับไปหาเธอพลอยนิล”
กวินกับแพรไหมนั่งคุยกันที่โต๊ะนั่งภายในร้าน
“งานเลี้ยงครบรอบ 40 ปีของบริษัทเหรอคะ”
“ครับ ปีนี้ผมไม่อยากเน้นเป็นทางการมาก เลยอยากจัดเป็นงานปาร์ตี้ให้ทุกคนได้มาสนุกกันมากกว่า ในงานจะจัดเป็นซุ้มอาหาร ทั้งของคาว ของหวานแบบนานาชาติ ไว้คอยบริการแขกด้วยนะครับ”
“ฟังดูน่าสนุกจังเลยนะคะ ว่าแต่แล้วคุณวินอยากให้ไหมช่วยอะไรเหรอคะ”
“ผมอยากให้คุณไหมช่วยทำเค้กวันเกิดให้กับบริษัทของเราน่ะครับ รวมถึงขนมที่จะจัดเลี้ยงในงานด้วย แต่ไม่รู้ว่าคุณไหมจะสนใจมาช่วยผมเหรอเปล่า”
แพรไหมยิ้มกว้าง
“สนใจสิคะ แล้วก็ยินดีมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณคุณกวินมากเลยนะคะที่ให้ไหมได้โปรโมทร้านอีกแล้ว”
กวินเห็นแพรไหมยิ้มสดใสน่ารักก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
นฤเบศ สุรีกานต์ และทีมเดอะซันนั่งประชุมกันท่าทางเคร่งเครียดอยี่ในห้องทำงานที่บ้าน อัศวินรายงานข่าวที่สืบมาได้
“บริษัทเดอะเคซิตี้จะมีงานเลี้ยงครบรอบ 40 ปีบริษัทอาทิตย์หน้า และพลูโตก็คือหนึ่งในแขกวีไอพีที่จะมาร่วมงานครั้งนี้ด้วยครับ”
ปรีติเสริม
“ผมลองเช็ครายชื่อแขกที่มาร่วมงานทั้งหมดดูแล้ว มีรายชื่อของแขกหลายคนที่เคยไปร่วมงานสัมมนาของริชาร์ดที่กระบี่ด้วยครับ”
จ่ายมครุ่นคิด
“รวมพลกันขนาดนี้ ผมว่ากลิ่นชักจะไม่ค่อยดีแล้วนะครับสารวัตร”
ประเสริฐหันมาถาม
“เป็นไปได้มั้ยครับสารวัตรว่าพลูโตจะมีการนัดส่งยากันในงานนี้”
“แต่ฉันว่า ตอนนี้พลูโตมันต้องระวังตัวมากขึ้นแน่ แล้วงานที่มีคนพลุกพล่านขนาดนี้ มันไม่น่าจะกล้าส่งยานะ เพราะเสี่ยงเกินไปที่จะถูกจับได้” สุรีกานต์ออกความเห็น
นฤเบศขัดขึ้น
“มันก็ไม่แน่หรอก ถ้าหากว่าเจ้าของงานครั้งนี้จะไม่ได้อยู่ในลิสต์ของผู้ต้องสงสัยด้วย”
สุรีกานต์ไม่ค่อยพอใจ
“นี่คุณกำลังสงสัยว่า คุณวินอาจจะจัดงานนี้ขึ้นมาบังหน้าเพื่อช่วยให้พลูโตกระจายยางั้นเหรอ”
“เรื่องนี้เรายังสรุปไม่ได้ จนกว่าเราจะรู้ความจริง เอาเป็นว่า ภารกิจครั้งนี้ผมอยากให้ทุกคนจับตาดูทั้งริชาร์ด นายกวิน นายมงคล เอาไว้อย่าให้คลาดสายตา เราต้องรู้ให้ได้ ว่าพวกมันมารวมตัวกันในงานนี้เพื่ออะไรกันแน่”
ทุกคนสีหน้าครุ่นคิด
ริชาร์ด พ่อเลี้ยงกำธร มงคล และมังกรนั่งประชุมกันอยู่ที่บ้านพ่อเลี้ยงกำธร
“คนของผมรายงานว่า หมู่นี้ลูกน้องของไอ้นฤเบศ มีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบหายไป ไม่ค่อยเข้าสำนักงานบ่อยๆ อาจจะเป็นไปได้ว่าไอ้นฤเบศกับสุรีกานต์มันจะกลับมาสมทบกับทีมของมันแล้ว และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมว่าพวกมันคงกำลังแอบซุ่มสืบความเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่เงียบๆ แน่” มังกรบอก
ริชาร์ดยิ้มให้มังกร
“คบคนอย่างคุณไม่เสียแรงจริงๆ...ผมอยากให้คุณช่วยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกมันต่อไป ทำให้มันตายใจที่สุด ให้มันคิดว่าเราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพวกมัน”
มังกรยิ้มรับ
“ไม่มีปัญหา แต่งานนี้ มันก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายบ้างนะคุณริชาร์ด”
“คุณไม่ต้องห่วง เสร็จงานนี้เมื่อไหร่ ผมจะตอบแทนคุณอย่างงามเลยทีเดียว” ริชาร์ดหัน
ไปพูดกับคนอื่นๆ “ส่วนเรื่องงานอาทิตย์หน้า ผมอยากให้ทุกคนทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดี เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด” ริชาร์หันไปทางมงคล “ส่วนทางคุณเรียบร้อยดีใช่มั้ย”
“เรียบร้อยดี”
ริชาร์ดลุกขึ้น พ่อเลี้ยงกำธรและมังกรลุกขึ้นยืนส่ง ริชาร์ดเดินออกไป มงคลเดินตาม พอคล้อยหลังริชาร์ด พ่อเลี้ยงกำธรก็ชักสีหน้าขึ้นมาทันที
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะพ่อเลี้ยง” มังกรถามอย่างสงสัย
“หมั่นไส้ไอ้พวกที่ดีแต่ชอบออกคำสั่ง”
“คุณหมายถึงริชาร์ดน่ะเหรอ ผมคิดว่าคุณกับเขาสนิทกันซะอีก”
“จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้ปลื้มอะไรกับไอ้ฝรั่งขี้นกนั่นนักหรอกนะ แต่เห็นแก่ผลประโยชน์ที่จะตามมาหรอก เลยยอมคบค้าสมาคมกับมัน ท่าทางมันดูเจ้าเล่ห์ จะเล่นตุกติกกับเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
มังกรยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็ไม่เห็นจะยากนี่ เราก็หาทางเล่นตุกติกกับมันซะก่อน”
พ่อเลี้ยงกำธรชะงักมองมังกร ต่างคนต่างยิ้มร้ายๆอย่างทันกัน
ริชาร์ดกับมงคลนั่งคุยกันมาในรถ
“สารวัตรมังกรคนนี้ ไว้ใจได้แน่เหรอ”
“ถึงจะไว้ใจไม่ได้ แต่ถ้าเรายังต้องใช้งานอยู่ มันก็จำเป็นต้องเสี่ยง”
“แต่ผมกังวลว่าเขาอาจจะรู้เรื่องของเรามากเกินไป อีกอย่างสารวัตรคนนี้พ่อเลี้ยง
กำธรแนะนำมา แสดงว่าต้องสนิทสนมกันดี ถ้าเกิดสองคนนั่นสมคบคิดกันหักหลังเราขึ้นมา จะทำยังไง”
“คนที่รู้เรื่องของคนอื่นมากเกินไป ไม่เคยมีใครอายุยืนหรอกคุณมงคล รอให้สารวัตรมังกร กับไอ้พ่อเลี้ยงกระจอกนั่นช่วยงานเราให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเถอะ แล้วผมจะลองคิดดูว่าควรจัดการกับคนรู้มากยังไงดี”
ริชาร์ดยิ้มร้าย
พลอยนิลเดินคุยโทรศัพท์มาตามทางเดินคอนโดอย่างดีใจ
“จริงเหรอคะพี่บี ตกลงคุณแมทธิวเค้าต่อสัญญาพรีเซนเตอร์นิลไปอีกสองปีเหรอคะ สัญญาค่ะว่าจะทำงานให้ดีที่สุด ค่ะๆ ขอบคุณค่ะพี่บีมากเลย”
พลอยนิลวางสาย เปิดกระเป๋าหยิบกุญแจไขเข้าไปในห้อง เธอแปลกใจที่เห็นห้องเปิดไฟสลัว จุดเทียนโรแมนติค ทันใดเนธานก็เข้ามารวบตัวเธอจากด้านหลัง พลอยนิลตกใจรีบสะบัดตัวออก
“เข้ามาได้ยังไง”
เนธานชี้ไปที่กุญแจห้องที่พลอยนิลถืออยู่ แล้วชูของตัวเองขึ้นมา
“บังเอิญว่ากุญแจนี่มันก็ก๊อปกันไม่ยากซะด้วย”
“เลว ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะธาน แล้วทิ้งกุญแจไว้ด้วย”
“ไม่ ผมจะออกไปก็ต่อเมื่อนิลให้อภัยผม แล้วเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“คิดได้เนอะ ฉันจบแล้ว ไปตามทางคุณเถอะ”
เนธานกระชากแขนดึงนิลเข้ามาอย่างแรง
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ”
“คุณอยากจบก็เป็นเรื่องของคุณ แต่ผมไม่จบ ชัดมั้ย”
เนธานกระชากพลอยนิลจนหน้ามาใกล้ชิดกัน ก่อนใช้กำลังลงมือปลุกปล้ำ
“ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย”
เนธานดันร่างพลอยนิลล้มไปลงบนโซฟา
พลอยนิลสวมเสื้อคลุมยืนมองวิวกรุงเทพเบื้องหน้า เนธานเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง เอียงหน้าหอมแก้ม
“ขอบคุณนะนิล ที่ยอมให้อภัยผม”
“รักษาโอกาสสุดท้ายจากนิลเอาไว้ให้ดีๆ ก็แล้วกันค่ะธาน เพราะถ้าธานทำให้นิลเสียใจและผิดหวังในตัวธานอีก ธานจะไม่มีวันได้โอกาสจากนิลอีก เนธานได้ฟังแล้วถึงกับหน้าเจื่อนแต่เสแสร้งทำหวาน
“ธานสัญญาจะไม่มีวันนั้นอีกจ๊ะ”
นฤเบศ สุรีกานต์ และทีมเดอะซัน ประชุมวางแผนงานกันอยู่ที่โต๊ะในบ้าน
“ผู้กองอัศวิน หมวดประเสริฐ และจ่ายม คุณสามคนจะต้องปลอมตัวเป็นบริกรและพนักงานรับรถแฝงตัวอยู่ในงานของนายกวิน ผมให้คนติดต่อและเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนหมวดปรีติ คุณประจำการที่รถปฎิบัติการของเรา” นฤเบศบอกแผนการ
“แล้วฉันล่ะ” สุรีกานต์ถามขึ้น
“คุณอยู่กับผม เรา 2 คนจะปลอมตัวเป็นสามีภรรยา ลูกค้าวีไอพีของสนามกอล์ฟที่แคนเซิ่ลมาร่วมงานไม่ได้”
“แล้วเขาจะไม่สงสัยเหรอที่อยู่ดีๆ แคนเซิ่ลไปแล้ว แต่กลับเปลี่ยนใจมางาน”
“ไม่ต้องห่วง ผมจัดการเคลียร์ทุกอย่างไว้แล้ว ไม่มีใครสงสัยแน่”
ปรีติกำลังดูข้อมูลแขกที่มาร่วมงาน
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะครับสารวัตร สามีภรรยาลูกค้าวีไอพีที่แคนเซิ่ลมีแค่คู่เดียว และที่สำคัญ เป็นชาวต่างชาติ... อย่าบอกนะครับว่า สารวัตรกับคุณสุรีกานต์จะ...”
นฤเบศพยักหน้า
“ใช่ เราจะปลอมตัวเป็นสองคนนี้ มิสเตอร์แอนด์มิสซิส สมิธ”
ปรีติหันรูปในคอมพิวเตอร์ให้ทุกคนดู เป็นรูปสามีและภรรยาชาวต่างชาติ รูปร่างพอๆ กับนฤเบศและสุรีกานต์ ผู้ชายมีหนวดเครา ผู้หญิงผมบลอนด์ตาสีฟ้า มีไฝที่มุมปาก สุรีกานต์ตาโตหันขวับไปมองนฤเบศ เขาพยักหน้าจริงจัง
ในงานเลี้ยงที่สนามกอล์ฟกวินยามค่ำคืน...บรรยากาศงานปาร์ตี้เอ้าท์ดอร์หรูหรา มีแขกมาร่วมงานอย่างคึกคัก มีอาหารเครื่องดื่ม รวมถึงขนมคัพเค้กที่ตกแต่งหน้าเค้กเป็นรูปสนามกอล์ฟและอุปกรณ์กอล์ฟซึ่งแพรไหมเป็นคนทำวางเรียงรายมากมาย กวินยืนต้อนรับ จับมือทักทายแขก ริชาร์ดเดินเข้ามาในงานอย่างสง่า มีมงคลเดินนำหน้าพามาหากวิน
“สวัสดีครับคุณกวิน” ริชาร์ดรับของขวัญจากบอดี้การ์ดมอบให้กวิน “ยินดีด้วยนะครับ”
“ขอบคุณมากนะครับ ที่สละเวลาให้เกียรติมาร่วมงาน”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เรามันคนกันเอง อีกอย่างงานเลี้ยงครบรอบ 40 ปีบริษัทคุณกวินทั้งที ผมจะไม่มาได้ยังไงล่ะครับ ต่อให้ยุ่งขนาดไหน ผมก็ต้องหาเวลามาให้ได้อยู่แล้ว”
ริชาร์ดเหลือบไปสบตามงคลแบบรู้กัน กวินไม่ทันสังเกต เพราะหันไปมองแขกคนอื่นที่เดินเข้ามาในงาน
“งั้นตามสบายนะครับคุณริชาร์ด ผมขอตัวไปรับแขกก่อน”
มงคลยิ้มแย้มบอก
“กวินไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวอาดูแลคุณริชาร์ดเอง”
“งั้นรบกวนคุณอามงคลด้วยนะครับ”
กวินเดินผละไป ไม่ไกลจากตรงนั้น แพรไหมกับองุ่นยืนอยู่ตรงโซนขนมหวานมองกวินอยู่ องุ่นปลื้มมาก
“วันนี้คุณกวินหล๊อหล่อ หล่อกว่าที่เคยเห็นทุกวันเลย เสื้อผ้าหน้าผม เป๊ะมาก แถมยังรอยยิ้มพิฆาตนั่นอีก โอ๊ย...ใจละลาย”
แพรไหมยิ้มขำ
“น้อยๆ หน่อยองุ่น มองตามซะจนคอจะเคล็ดอยู่แล้ว”
“แหม ก็วันนี้คุณกวินหล่อจริงๆ นี่คะ องุ่นเป็นแฟนคลับคุณกวินเต็มตัวแล้วนะคะ อยากดูละครคุณกวินจะแย่อยู่แล้ว”
แพรไหมเห็นท่าทางกรี๊ดกร๊าดเพ้อๆ ขององุ่นก็ส่ายหน้ายิ้มๆ จ่ายมปลอมตัวมายืนบริการอยู่ตรงซุ้มอาหาร ส่วนอัศวินในมาดบริกร เสิร์ฟเครื่องดื่มให้แขกผู้หญิงในงาน...รถลีมูซีนแล่นมาจอดตรงพรมแดงหน้างาน ประเสริฐที่ปลอมตัวเป็นพนักงานรับรถเปิดประตูให้ นฤเบศกับสุรีกานต์ในมาดชาวต่างชาติลูกค้าวีไอพี ก้าวลงมาจากรถอย่างสง่างาม นฤเบศสบตากับประเสริฐแว๊บเดียว ก็กลับไปสนใจสุรีกานต์ที่ควงแขนแสดงความรักสุดๆ แขกบางคนมองมาอย่างสนใจ สุรีกานต์เสียงหวานจ๋อย
“Darling, let's go!”
นฤเบศอึ้งๆกับมาดอันเหลือรับ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็โดนสุรีกานต์ลากเข้างาน ประเสริฐแอบหลุดยิ้มแต่ก็รีบกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม
“ไม่ต้องเล่นจริงขนาดนี้ก็ได้” นฤเบศกระซิบ
สุรีกานต์ยิ้มหวาน กระซิบตอบ
“คุณมากับนางร้ายเบอร์หนึ่งของประเทศนะ ไม่สมจริงได้ยังไง เสียชื่อฉันหมด ถึงจะไม่มีใครรู้ว่าเป็นฉันก็เถอะ”
สุรีกานต์ไม่สนใจสีหน้าเถียงไม่ออกของนฤเบศ เดินไปทักทายกลุ่มแขกชาวต่างชาติ
“Hi Everybody!”
กลุ่มแขกชาวต่างชาติมองงงๆ แต่ก็ยิ้มให้ทักทายกลับ นฤเบศอึ้งไปรีบกระซิบเตือน
“อย่าทำตัวให้เด่นมากนะคุณ เดี๋ยวคนสงสัย”
สุรีกานต์กระซิบกลับ
“รู้แล้วน่า”
สุรีกานต์ยิ้มพูดจ้อกับชาวต่างชาติ สร้อยคอของสุรีกานต์มีกล้องฉายภาพบรรยากาศในงานส่งไปที่หน้าจอบันทึกภาพในรถตู้สายลับ ปรีติดูแลควบคุมอยู่
อ่านต่อหน้าที่ 4
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ริชาร์ดและมงคลยืนพูดคุยเรื่องธุรกิจกันอยู่ นฤเบศกับสุรีกานต์ที่กำลังเดินสำรวจภายในงานเดินมาเจอริชาร์ดกับมงคลพอดี สุรีกานต์ตาวาว
“คุณ พลูโตอยู่นั่นไง เราเข้าไปใกล้กว่านี้ได้รึเปล่า”
“อย่าเพิ่งเลย รอสังเกตพวกมันอยู่ห่างๆก่อนดีกว่า ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่ามีคนของพวกมันแฝงอยู่ในงานเยอะแค่ไหน ถ้าพลาดขึ้นมา เราจะเสียเปรียบ”
ริชาร์ดกับมงคลเหมือนรู้สึกว่ามีคนมองอยู่ ก็หันมองมาทางสุรีกานต์และสารวัตรนฤเบศ สุรีกานต์ตกใจเลยรีบหลบสายตาวูบ เป็นจังหวะที่บริกรผ่านมาพอดี สุรีกานต์เลยรีบยกแก้วไวน์มาสองแก้วแล้วหันมาสวีทหวานชนแก้วกับนฤเบศ มงคลยังคงมองมาทางนฤเบศและสุรีกานต์อย่างแปลกใจ
“นั่นมิสเตอร์กับมิสซิสสมิธนี่”
“มีอะไรรึเปล่า” ริชาร์ดถาม
“อ๋อ เปล่าหรอก สองคนนั่นเป็นลูกค้าวีไอพีของเรา ตอนแรกบอกว่ามาร่วมงานไม่ได้ แต่ตอนนี้มาผมก็เลยแปลกใจนิดหน่อย”
ริชาร์ดพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ใส่ใจอะไร หันไปคุยกับมงคลต่อ สุรีกานต์และนฤเบศยังแกล้งทำตัวกระหนุงกระหนิง แต่จริงๆ แล้วแอบจับตามองริชาร์ดและมงคลไปด้วย
“คุณว่าพวกนั้นจะจำเราได้หรือเปล่า”
“ตอนนี้ยังจำไม่ได้ แต่ถ้าคุณยังเยอะนอกหน้าอย่างนี้ ไม่นานคงรู้แน่”
ขณะที่สุรีกานต์ค้อนหมั่นใส้นฤเบศที่ชอบจิกกัด กวินเดินเข้ามาทักพอดี
“Good evening! Mr. and Mrs. Smith”
สุรีกานต์และนฤเบศชะงัก สุรีกานต์แอบทั้งลุ้นทั้งเกร็งกลัวกวินจะจับพิรุธได้
“I’m really glad that you can come. It’s been very long time since we have met. I’ve received your email. You said that you had to Singapore, didn’t you?”
สุรีกานต์เหล่ไปมองนฤเบศ ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกได้ เพราะคิดว่าเขาคงฟังไม่รู้เรื่อง สุรีกานต์ยิ้มหวาน รีบตอบ
“Oh! Yes, we have been there already. Luckily, we have done our work early, so we can come to congratulate on your success.”
“Thanks for coming, I’m appreciate it.”
สุรีกานต์ยิ้มรับ ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ แขกต่างชาติก็เดินมาทักกวิน คนทั้งกลุ่มหันไปพูดคุยทักทายด้วย สุรีกานต์เห็นทุกคนไม่สนใจพวกเขาแล้วเลยหันไปหานฤเบศกระซิบเสียงเบา
“ฉันรู้ว่าภาษาอังกฤษคุณคงไม่ค่อยเท่าไหร่ คุณอยู่เฉยๆ ล่ะกัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”
นฤเบศเลิกคิ้วมองสุรีกานต์ ยังไม่ได้ตอบอะไร กวินก็หันกลับมาทางพวกเขา
“How about your hotel business?”
สุรีกานต์เหงื่อตกเพราะไม่แน่ใจในรายละเอียดธุรกิจของมิสเตอร์สมิธสักเท่าไหร่ นฤเบศจึงรีบตอบไป
“The total income is increasing at the moment and now we have a big plan to increase the number of branches from Singapore to Malaysia and Philippine. For Thailand, Kaoyai is my target.”
สุรีกานต์อึ้งที่นฤเบศพูดคล่องปร๋อ ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นเมื่อพิธีกรเดินขึ้นมาบนเวที ทุกคนเลยต้องหันไปมองทางเวทีแทน สุรีกานต์เห็นว่าทุกคนมองไปทางเวที เลยหันไปหานฤเบศอีกครั้ง เธอกระซิบเบาๆ
“คุณฟังออก แล้วก็พูดคล่องขนาดนี้ทำไมไม่บอกกันก่อน”
“ก็ไม่มีจังหวะให้บอกนี่”
“แล้วข้อมูลเมื่อกี้คุณไม่ได้มั่วใช่มั้ย เกิดเขาไปเจอกันทีหลังซวยแน่”
“ผมไม่ใช่คุณนะ ก่อนปฏิบัติงานผมทำการบ้านมาอย่างดี ข้อมูลเป๊ะ”
สุรีกานต์เบ้หน้าใส่อย่างหมั่นไส้ เซ็งที่เสียหน้า นฤเบศได้แต่ยิ้มขำ ก่อนทั้งคู่จะหันไปมองเวทีต่อ
“สวัสดีครับแขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเลี้ยงฉลองครบรอบ 40 ปีบริษัทเดอะเคซิตี้ ขอเรียนเชิญ คุณกวิน กฤษดาอภินันท์ ประธานกรรมการบริหารขึ้นมากล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการด้วยครับ”
สปอตไลท์ส่องมาทางกวิน เสียงปรบมือเกรียวกราว กวินยิ้มเขินๆ แล้วเดินไปทางเวที สุรีกานต์ก็ปรบมือให้จนนฤเบศหันมองอย่างหมั่นไส้ แพรไหมยืนปรบมือยิ้มๆ มองกวินด้วยความชื่นชม
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานในวันนี้นะครับ ก่อนอื่นเลยผมอยากให้ทุกท่านได้ชมพรีเซ็นเทชั่นที่บอกเล่าทุกเรื่องราวตลอด 40 ปีมานี้ของเดอะเคซิตี้ แน่นอนว่าพวกคุณทุกคนเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมา เชิญรับชมได้เลยครับ”
ไฟหรี่ลง และบนจอก็เริ่มฉายพรีเซ็นเทชั่นของบริษัท มีเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจกับริชาร์ดด้วย ริชาร์ดกับมงคลยืนมองจออยู่ มงคล ปากก็คุยกันไปด้วย
“คุณว่าไอ้พวกตำรวจนั่นจะแฝงตัวมาในงานนี้หรือเปล่า พวกนั้นต้องรู้แน่ว่าคุณมา”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมวางกำลังไว้ทั่วงาน ถ้ามีใครน่าสงสัยคนของผมจะรีบรายงานทันที แต่จริงๆ ถ้าพวกมันอยู่ในงานนี้ก็ดีสิ งานสำคัญของเราจะยิ่งราบรื่น”
ริชาร์ดกับมงคลสบตากัน ยิ้มร้ายอย่างรู้กัน สุรีกานต์กับนฤเบศหูผึ่ง ขมวดคิ้วมองหน้ากันอย่างสงสัย พรีเซ็นเทชั่นจบ ทุกคนปรบมือ พิธีกรชายประกาศ
“และนี่ก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดของเดอะเคซิตี้ในตลอด 40 ปีที่ผ่านมานะครับ ก่อนจะไปสนุกสนานกัน คุณกวินมีอะไรจะกล่าวปิดท้ายสักหน่อยมั้ยครับ”
“ขอให้ทุกคนสนุกสนานกันเต็มที่ งานนี้ถือเป็นคำขอบคุณจากผมที่พวกคุณอยู่เคียงข้างเป็นกำลังสำคัญให้กับเดอะเคซิตี้จนเดินทางมาถึงปีที่ 40 ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อจนมาถึงรุ่นผม และผมหวังว่าเราทุกคนจะได้เดินทางร่วมกันอีกในปีต่อๆ ไป ขอบคุณมากครับ”
แขกทุกคนในงานปรบมือกันกระหึ่ม กวินยิ้มออกมา
แก้วดาราเดินเข้ามาในงานอย่างเฉิดฉาย ด้วยชุดสวยที่โดดเด่นสุดๆ พร้อมกับคุยมือถือกับเกี๊ยวกุ้งไปด้วย
“พี่เกี๊ยวเอารูปโรงพยาบาลที่หมอฉีดยาให้แก้วที่เราถ่ายกันเล่นๆเมื่อเดือนที่แล้วโพสต์ลงไอจีแก้วตอนนี้เลย นังวุ้นนังพายมันยิ่งหาทางเล่นงานเราหาว่าเราโกหกที่ว่าไม่สบายต้องออกมาจากกองก่อน ฮิๆแต่เราก็โกหกจริงๆนี่เนอะ”
แก้วดารามัวแต่คุยมือถือเพลิน ขณะเดินผ่านมุมที่จัดอาหารแล้วเผลอชนกอบแก้วที่กำลังเดินเลือกขนมใส่จาน จนทำให้ขนมเกือบหกใส่ชุด แก้วดาราโวยวาย
“ว๊าย เดินดีๆ หน่อยสิ เกิดเปื้อนชุดฉันขึ้นมาจะทำยังไงห๊ะ”
แก้วดารารีบก้มดูความเรียบร้อยของชุด โดยไม่สนใจกอบแก้วที่ทำท่าจะล้มเลย แพรไหมอยู่ตรงนั้นพอดี เห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้าไปประคองกอบแก้วไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นอะไรมากจ้ะ เจ็บข้อเท้านิดหน่อย”
“งั้นนั่งพักตรงนี้สักครู่ดีกว่าค่ะ”
แพรไหมหันมองแก้วดารา เห็นแก้วดาราขยับชุดให้เข้าที่ แล้วเชิดหน้ายิ้มหวานเดินเฉิดฉายต่อ ไม่สนใจจะมาขอโทษหรือดูดำดูดีกอบแก้วเลย แพรไหมมองตามขมวดคิ้วไม่ชอบใจ กอบแก้วก็มองแก้วดาราอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา หันกลับมายิ้มให้แพรไหมแทน
“ขอบใจนะหนู เป็นลูกค้าหรือตัวแทนของบริษัทไหนล่ะ”
“เปล่าหรอกค่ะ หนูชื่อแพรไหม เป็นคนทำเบเกอรี่ให้กับงานนี้”
กอบแก้วมองแพรไหมรู้สึกประทับใจ ในความน่ารักมีน้ำใจของเธอ
กวินถูกรุมล้อมจากสื่อที่มาทำข่าว แก้วดาราเดินเข้ามาเห็นกวินอยู่ท่ามกลางนักข่าวก็รีบเดินเข้าไปทันที ก่อนจะส่งเสียงหวาน
“สวัสดีค่ะพี่วิน”
นักข่าวหันไปมองตามเสียง ฮือฮามากเมื่อเห็นแก้วดาราเดินฝ่าฝูงสื่อเข้ามา แล้วพยายามเข้าไปใกล้ชิดกวิน นักข่าวรีบรัวชัตเตอร์กันใหญ่
“ยินดีด้วยนะคะ แก้วรีบออกมาจากกอง ไม่ได้เตรียมของขวัญมาให้ พี่วินไม่โกรธแก้วนะคะ”
กวินงงๆ ว่ามาได้ยังไง
“เอ่อ ไม่โกรธหรอกครับ น้องแก้วงานยุ่งมาก แต่ยังอุตส่าห์สละเวลามาร่วมงาน พี่ต้องขอบคุณมากกว่า”
“แหม พี่วินก็ เรามันคนคุ้ยเคยกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ถ้าเป็นงานพี่วิน ต่อให้ยุ่งแค่ไหน แก้วก็ต้องมาอยู่แล้วค่ะ”
กวินยิ้มรับ แก้วดาราพยายามใกล้ชิดทำตัวสนิทสนมเหมือนเป็นแฟนกวินให้นักข่าวได้ถ่ายรูปรัวๆ สุรีกานต์กับนฤเบศยืนมองอยู่ไม่ไกล สุรีกานต์เบ้ปากหมั่นไส้ นฤเบศเห็นอาการนั้นพอดี
“ต่อมอิจฉากำเริบหรือไงคุณ”
“อิจฉาอะไร”
นฤเบศยิ้มเยาะ
“คนปากแข็ง”
“ก็ดีกว่าพวกกวนประสาทละกัน” สุรีกานต์เชิ่ดใส่
ริชาร์ดยืนมองแก้วดาราที่ควงแขนกวิน ให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ก็ยิ้มออกมาอย่างสมเพช พิธีกรชายประกาศ
“ขอขัดจังหวะพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่านสักครู่นะครับ แต่ตอนนี้ถึงเวลาไฮไลท์สำคัญในค่ำคืนนี้แล้วครับ ขอเรียนเชิญคุณกวินให้เกียรติเปิดฟลอร์เต้นรำหน่อยครับ”
กวินยิ้มขอตัวกับสื่อมวลชน แล้วปลดแขนแก้วดาราออก แก้วดาราคิดว่าเขาจะยื่นมือให้เธอเลยยืดตัวเตรียมจะวางมือลงไปเต็มที่ แต่กวินกลับเดินผ่านเธอไปแทน แก้วดาราหน้าแตกเพล้ง หันมองตามกวินไป กวินเดินไปหยุดที่กอบแก้วที่ยืนอยู่กับแพรไหมไม่ไกล กอบแก้วส่ายหน้า
“ถ้าจะมาชวนแม่ ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าแม่เจ็บขานะ ไปเต้นกับเราไม่ไหวหรอก”
“อ้าว คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
แก้วดาราช็อคที่รู้ว่ากอบแก้วเป็นแม่กวิน ในขณะที่แพรไหมมองกอบแก้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ที่กอบแก้วเป็นแม่ของกวิน
“ไม่เป็นไรมากแล้วจ้ะ ดีที่ได้หนูแพรไหมช่วยดูแลแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนแม่ เออ” กรอบแก้วหันไปพูดกับแพรไหม “งั้นน้ากวนหนูแพรไหมเป็นคู่เต้นให้กวินหน่อยได้มั้ยจ้ะ”
แพรไหมหน้าตื่น
“หา...หนูเหรอคะ”
“จ้ะ ให้เกียรติเต้นรำกับกวินแทนน้าหน่อยนะจ้ะ”
แพรไหมอึกอัก หันไปมองกวิน กวินยิ้มให้ โค้งแล้วยื่นมือไปหา แพรไหมเขิน ยิ้มให้กวินและกอบแก้วแล้ววางมือตอบรับ กวินพาแพรไหมเดินเข้าสู่ฟลอร์ กอบแก้วมองตามยิ้ม แล้วบังเอิญสบตากับแก้วดาราที่มองมาพอดี แก้วดาราหน้าซีดยิ้มเจื่อนๆ ให้ กอบแก้วยิ้มเย็น เชิดหน้าหันไปมองตรงฟลอร์แทน นักข่าวกรูกันไปตรงฟลอร์เต้นรำ ทิ้งให้แก้วดาราดาราหงุดหงิดที่เสียหน้า
แก้วดาราเดินอารมณ์เสียมาตามทาง ริชาร์ดเดินมาดักหน้า ตอนแรกแก้วดาราจะอ้าปากด่าแต่พอเห็นว่าเป็นริชาร์ดก็ตาโตตกใจ
“ริชาร์ด คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“ผมต้องถามคุณมากกว่ามั้ง ผมทำธุรกิจอยู่กับคุณกวิน มางานนี้ก็คงไม่แปลก แต่คุณนี่สิ อ้อ ลืมไป คุณกวินก็ไปเป็นนักแสดงด้วยนี่นะ ถือว่าเป็นคนในวงการเดียวกัน”
แก้วดารารีบออกตัว
“พี่วินกำลังเล่นละครคู่กับแก้วน่ะค่ะ แก้วเลยแวะมาแสดงความยินดี”
“ผมไม่ได้จะว่าอะไรคุณสักหน่อย คุณจะชอบใครอยากจะไปเฟลิร์ทกับใครก็เรื่องของคุณ ผมไม่แคร์หรอก”
แก้วดารายิ้มออก
“แหม เจอคนแฟร์ๆ แบบเดียวกันนี่ดีจังเลยค่ะ แบบนี้คงคบกันได้ยาว”
แก้วดารายิ้มยั่ว ริชาร์มองก็กระตุกยิ้มแอบสมเพช
“ว่าแต่เรื่องคุณสุรีกานต์ไปถึงไหนแล้ว”
แก้วดารามองจับผิด
“แก้วชักสงสัยซะแล้วสิค่ะ ทำไมคุณถึงอยากเจอพี่โซ่ขนาดนั้น”
“ผมมีเรื่องต้องสะสางกับเขานิดหน่อย เอาเป็นว่าถ้าคุณพาสุรีกานต์มาหาผมได้ ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้”
แก้วดารายิ้มออกมาอย่างพอใจ ริชาร์ดมองแก้วดาราแล้วลอบยิ้มสมใจ
กวินเต้นรำกับแพรไหมกลางฟลอร์ ท่ามกลางความสนใจของทุกคน แพรไหมกับกวินเต้นพริ้วเข้าขากันมาก
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณไหมจะเต้นเก่งขนาดนี้”
“เห็นอย่างนี้ไหมเท้าไฟนะคะ” แพรไหมหัวเราะ “คุณวินก็เหมือนกันเต้นเก่งเหมือนกัน”
“ผมไม่ยอมแพ้คุณไหมหรอก ไม่งั้นผมเสียหน้าแย่”
กวินกับแพรไหมหัวเราะกัน บรรยากาศหวานโรแมนติกเหมือนอยู่ในในโลกส่วนตัว...ที่ข้างฟลอร์ นฤเบศจับตามองริชาร์ดอยู่ แต่สุรีกานต์คิดว่ามองกวินกับแพรไหมก็ยิ้มเยาะ
“ว่าแต่ฉัน คุณนั่นแหละที่อิจฉา”
“มั่วแล้ว คุณต่างหากที่อิจฉาหึงหวงจนไม่มีสมาธิทำงานแล้วมาโบ้ยให้ผม”
สุรีกานต์อ้าปากจะเถียงต่อ แต่นฤเบศยกมือบอกให้หยุด พอหันกลับไปมองที่เดิม ริชาร์ดกลับหายไปแล้ว
“นั่นไง มัวแต่เถียงกับคุณ ได้เรื่องเลย”
นฤเบศกวาดตามองทั่วงานก็ไม่เจอริชาร์ด สุรีกานต์ก็ช่วยมองหาแต่ก็ไม่เห็นเหมือนกัน
“เดี๋ยวผมจะตามหาเอง คุณกลับไปรอที่รถเลย ระวังตัวด้วย”
“แต่…”
นฤเบศเข้มมาก
“ไปรอที่รถ...เดี๋ยวนี้”
สารวัตรนฤเบศรีบผละไปทันที สุรีกานต์หน้าหงิก
“จิกๆ ชาติก่อนเกิดเป็นไก่หรือไงนี่”
สุรีกานต์เดินโมโหจำใจจะกลับไปที่รถตู้สายลับตามคำสั่ง แต่กลับชนกับแก้วดาราที่กำลังอารมณ์เสียจะออกจากงานพอดี
“โอ๊ย แขนฉัน อุ๊บส์”
สุรีกานต์รีบปิดปากพอเห็นว่าคนที่ชนคือแก้วดารา... แก้วดาราก็ชะงักไปเมื่อได้ยินภาษาไทยจากฝรั่งตรงหน้า สุรีกานต์พยายามก้มหน้าก้มตา ทำเนียนเป็นฝรั่งต่อ
“Ouch! Sorry, I’m in a hurry. Are you alright?”
“I’m ok.” แก้วดาราตอบไป
สุรีกานต์พยักหน้าจะรีบเดินหนี แก้วดาราขมวดคิ้วรู้สึกคุ้นๆ ทั้งเสียงทั้งท่าทาง เธอลองแกล้งเรียกดู
“พี่โซ่”
สุรีกานต์ชะงักกึก แก้วดารายิ้มสมใจที่สุรีกานต์หลุดเผยความจริงออกมา รีบเดินเข้าไปดักหน้า
“เป็นพี่โซ่จริงๆ ด้วย เห็นหายหน้าหายตาไม่ยอมออกสื่อ แต่ก็ยังอุตส่าห์ลงทุนปลอมตัวมางานพี่วินนะคะ ความพยายามเป็นเลิศจริงๆ”
สุรีกานต์เจ็บใจที่ตัวเองเสียรู้แก้วดาราจนได้ ตัดสินใจเผชิญหน้าสบตากับแก้วดารา
“พูดจบแล้วใช่มั้ย งั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิคะ”
แก้วดารารีบฉุดแขนสุรีกานต์ไว้
“พอดีแก้วมีเรื่องอยากจะปรึกษาพี่โซ่นิดหน่อยน่ะค่ะ เรื่องพี่นิลกับเนธาน”
สุรีกานต์เก็บอาการ
“เรื่องอะไร”
“แก้วไม่สะดวกคุยตอนนี้น่ะค่ะ พอดีมีสื่อรอสัมภาษณ์อยู่ พี่โซ่ไปรอแก้วอีกที่ได้มั้ยคะ เดี๋ยวสัมภาษณ์เสร็จแล้วแก้วตามไป”
สุรีกานต์มองไม่ไว้ใจ
“ทำไมฉันต้องเชื่อเธอด้วย”
“ไม่เชื่อก็ตามใจนะคะ แต่แก้วจะบอกว่านี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย พี่นิลเพื่อนรักของพี่โซ่อาจจบชีวิตนางฟ้าในวงการบันเทิงไปได้เลย”
แก้วดารากดดัน สุรีกานต์ไม่ไว้ใจแก้วดารา แต่ก็กลัวแผนแตกแล้วนำความเดือดร้อนมาให้ทีม อีกใจก็เป็นห่วงพลอยนิลจริงๆ จึงตัดสินใจตอบตกลง
“ได้ แล้วเธอจะให้ฉันไปเจอที่ไหน”
แก้วดารายิ้มสมใจ
“ไปรอแก้วตรงถนนทางออกจากลานจอดรถนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
แก้วดารายิ้มหวานแล้วเดินจากไป ทิ้งให้สุรีกานต์ยืนครุ่นคิดกังวล ก่อนจะถอนหายใจเฮือก
“ขอโทษนะทุกคน แต่ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ”
สุรีกานต์แตะปุ่มปิดกล้องที่สร้อยคอ แล้วเดินไปอีกทาง
นฤเบศเดินตามหาริชาร์ดแต่ก็ต้องหลบวูบ เมื่อเห็นมงคลยืนคุยโทรศัพท์ท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ นฤเบศแนบตัวกับกำแพงแล้วตั้งใจฟัง
“ที่โกดังเป็นไงบ้าง เรียบร้อยดีใช่มั้ย...โอเค เดี๋ยวฉันจะโทรหาอีกที”
มงคลวางสาย ริชาร์ดก็เดินเข้ามาหาพอดี
“เป็นไงบ้าง”
“เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ตอนนี้ของเข้าโกดังหมดแล้ว”
ริชาร์ดยิ้มสมใจ โทรศัพท์ริชาร์ดดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเบอร์แก้วดาราก็ขมวดคิ้วสงสัย แล้วกดรับ
“ว่าไงครับคุณแก้ว”
ริชาร์ดฟังบางอย่างจากปลายสายก็เบิกตากว้างแล้วยิ้มร้ายอย่างสะใจ
“ขอบใจมาก ไว้เรียบร้อยเมื่อไหร่ ผมจะทำตามที่สัญญาไว้กับคุณ”
ริชาร์ดวางสาย หันไปเห็นมงคลทำหน้าสงสัย
“เดี๋ยวผมต้องกลับแล้ว มีเรื่องต้องไปจัดการต่อ”
“งั้นไปลากวินก่อนล่ะกัน”
ริชาร์ดพยักหน้ารับ เดินตามมงคลไป นฤเบศมองตามทั้งคู่ที่กำลังเดินเข้าไปในงานอย่างสงสัย ขมวดคิ้วมุ่น แล้วรีบเดินตามทั้งคู่ไป
นฤเบศเดินเข้ามาในงานเลี้ยง เห็นริชาร์ดกำลังจับมือลากวิน เสร็จแล้วมงคลก็เดินออกมาส่ง
ริชาร์ดกระซิบ
“พวกตำรวจมันแฝงตัวอยู่ในงาน คุณระวังตัวด้วยแล้วกัน”
มงคลระวังตัวขึ้นมา รีบสอดส่องรอบๆ ทันที
“อย่าทำให้มีพิรุธ ถ้าเป็นไปได้ก็จัดการพวกมันซะ แล้วรีบรายงานผมด้วย”
นฤเบศที่แฝงตัวเดินตามริชาร์ด เห็นท่าทางกระซิบกระซาบกันก็สงสัย นฤเบศแตะหูฟัง
“เดอะซัน 1 เรียกทีมเดอะซัน พลูโตกำลังจะออกจากงาน มันกำลังจะไปที่ไหนสักที่ต่อ ทุกคนเจอกันที่ลานจอดรถ ด่วนที่สุด”
บอดี้การ์ดเปิดประตูให้ริชาร์ดขึ้นรถ แล้วรถลีมูซีนของริชาร์ดก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว นฤเบศโผล่ออกมาจากที่ซ่อน มองตามอย่างร้อนใจ ทีมเดอะซันวิ่งมาหาจากมุมต่างๆ
“รีบตามมันไป”
นฤเบศพูดไปก็วิ่งนำไปที่รถ จ่ายมที่วิ่งตามหันมองซ้ายขวา
“เนปจูนล่ะครับ”
“ผมให้ไปรอที่รถแล้ว”
นฤเบศพูดจบก็ชะงักเอะใจ แตะหูฟังถามไปทางปรีติ
“เดอะซัน 1 เรียกเดอะซัน 3 เนปจูนอยู่ที่รถแล้วใช่มั้ย”
ไม่มีการตอบรับ นฤเบศหยุดวิ่ง พาให้ทุกคนหยุดตามไปด้วย
“เดอะซัน 1 เรียกเดอะซัน 3 ได้ยินแล้วตอบด้วย”
ยังคงเงียบ นฤเบศเริ่มร้อนใจ
“เดอะซัน 1 เรียกเนปจูน คุณอยู่ที่ไหน ได้ยินแล้วตอบด้วย”
ทุกคนเริ่มมองหน้ากันอย่างกังวล นฤเบศครุ่นคิดว่าจะทำยังไงต่อ แต่เสียงปรีติในหูก็ดังขึ้น
“เดอะซัน 3 เรียกทีมเดอะซัน เนปจูนไม่ได้อยู่ที่รถ”
นฤเบศหน้าตื่น
“อะไรนะ”
“สัญญาณจากกล้องดับไป เช็ครอบๆ รถและบริเวณข้างเคียงแล้ว ไม่มีเนปจูนครับ”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างกังวล นฤเบศหน้าเครียดร้อนใจมาก
สุรีกานต์ยืนรอแก้วดาราอย่างกระวนกระวายใจ รถลีมูซีนของริชาร์ดขับมาจอดเทียบ สุรีกานต์ขมวดคิ้วคุ้นๆ ประตูรถเปิดออก สุรีกานต์ก้มหน้าลงมามอง สบตากับริชาร์ดที่นั่งยิ้มร้ายอยู่ในรถ สุรีกานต์ตกใจมาก ทำท่าจะหนี แต่บอดี้การ์ดริชาร์ดที่อ้อมเข้ามาด้านหลังก็เข้าปิดปาก จับตัวสุรีกานต์ไว้อย่างรวดเร็ว สุรีกานต์ดิ้นสุดกำลัง จนแขนของบอดี้การ์ดคนนึงไปกระแทกปุ่มเปิดสัญญาณ GPS ที่สร้อยคอโดยที่สุรีกานต์ไม่รู้ตัว สุรีกานต์ต้านแรงไม่ได้ ถูกฉุดขึ้นรถไปได้สำเร็จ รถลีมูซีนเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
จบตอนที่ 12