รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 12
สายวันต่อมา...พิชชาเดินเข้ามาในห้อง จิราพัชรนั่งซึมที่โต๊ะเธอมองเขา อย่างลังเลใจ แต่ก็เตรียมทำความสะอาดเหมือนปกติ
“ขออนุญาตนะคะ”
พิชชาเก็บข้าวของ กระป๋องเบียร์ที่วางเกลื่อน จิราพัชรคว้าข้อมือเธอไว้ พิชชาตกใจเล็กๆ จิราพัชรรู้สึกตัว ค่อยๆปล่อยมือจากเธอ พิชชานิ่งอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะปล่อยอารมณ์ที่แท้จริงของตัวเองออกมา
“พัชรคะ ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเสียใจที่มันเป็นแบบนี้”
จิราพัชรมองพิชชา ไม่มีอารมณ์ใดบนสีหน้าของเขา
“คิดว่ากับคุณ มันจะลงเอยดีกว่านี้ ฉันผิดเอง ที่เอาเปรียบคุณ ฉันเองก็เจ็บปวด ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายคุณ”
“งั้นก็อย่าทำสิ”
พิชชาพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าเธอจะรักเขา ผมไม่สน ให้ใจต้องเจ็บปวดกว่านี้ ผมก็ยอมรับได้ ผมต้องการแค่คุณเท่านั้น คุณเท่านั้นเอง”
พิชชาซาบซึ้งสิ่งที่เขามีให้ แต่หัวใจของเธอยังคงยึดอยู่กับพาทิน
สุนทรีตากผ้าอยู่ที่ลาน จิราพัชรจอดรถ เขาเดินเข้าไปหา ยกมือไหว้
“สวัสดีครับ ผมมาหา คุณสุนทรี แช่มช้อยครับ”
สุนทรีแปลกใจ
“ฉันเอง มีอะไร”
“ผมชื่อพัชรครับ”
พงษ์เดินลงมาจากในบ้าน เห็นพัชรก็จำได้
“เฮ้ย แกเองเหรอ”
พงษ์เดินเข้าหาถกแขนเสื้อจะหาเรื่อง
“ทำแสบนะมึง”
สุนทรีตวาด
“ไอ้พงษ์ จะทำอะไร”
“คราวที่แล้วมันพาพิชชาหนีไป”
จิราพัชรตาเขม็งมอง พงษ์รู้สึกถึงรังสีอำมหิต เขาเลยได้แต่ยืนหยั่งเชิง จิราพัชรหันไปหาสุนทรีเปลี่ยนท่าที
“มีที่พอจะนั่งคุยกันส่วนตัวไหมครับ”
สุนทรีคิดกวาดตามอง ผายมือเชิญเขาไปที่โต๊ะม้าหินใกล้ๆ
“ตรงนี้ได้ไหมคะ”
“ครับ”
สุนทรีเดินนำไปที่โต๊ะม้าหิน ทั้งคู่นั่งลงคุยกัน พงษ์ยืนฟังอยู่ข้างๆ จิราพัชรหยิบนามบัตรยื่นให้ สุนทรีรับมามองรายละเอียดบนนามบัตร พงษ์ยื่นหน้ามามองด้วย
“กรรมการบริหารโรงแรม”
สุนทรีมองพงษ์ที่เข้ามายุ่ง พงษ์ถอยกลับไปยืนที่เดิม
“แล้วมีอะไรกับฉันเหรอคะ”
“คือ ผมจะมาสู่ขอพิชชาครับ”
สุนทรีทั้งตกใจและแปลกใจ
“นี่แกทำพิชชามั้นท้องเหรอ”
สุนทรีฟาดมือไปที่พงษ์ไม่นับให้หยุดปาก
“แกไปให้ไกลๆ ได้ไหม”
พงษ์เดินหนีให้ห่างรัศมีมือสุนทรี จิราพัชรคุยต่อ
“พิชชาไม่เสียหายแบบนั้นหรอกครับ ผมมานี้เพื่อขออนุญาตแต่งงานกับเธอครับ”
สุนทรียังตั้งตัวไม่ติด
“จะแต่งงานกับพิชชาเหรอ คุณคุยกับเจ้าตัวหรือยังคะ”
พงษ์สอดขึ้น
“จะต้องคุยอะไรอีกล่ะแม่ ให้มันแต่งไปเถอะ เขารวยออก”
สุนทรีโมโหที่พงษ์ยังคงวุ่นวาย เธอหันรีหันขวางมองหา ก่อนจะหยิบก้อนหินเล็กๆที่อยู่บนพื้นขึ้นมา พงษ์รู้แกวรีบวิ่งหนีไป จิราพัชรไม่แน่ใจว่า พิชชาจะพอใจหรือเปล่าที่เข้ามารุกทางแม่
สุนทรีนั่งมองนามบัตรของจิราพัชร คิดเรื่องพิชชา กังวลเรื่องฐานะของตัวเอง คิดหาทางออกให้เรื่องนี้
จิราพัชรกลับมาที่โรแรมเขานั่งคิดไม่ตกเรื่องพิชชา แพนเดินจากอาคารผ่านสวน เห็นจิราพัชร ก็เดินเข้าไปหา จิราพัชรมองเธอ เขาไม่พูดอะไร
“ไปไหนมา”
จิราพัชรยังเหม่อคิด ไม่อยากตอบนัก
“ฉันไปบ้านพิชชามา”
แพนชะงัก
“อะไรนะ บ้านพิชชา พี่ไปทำไม”
“บ้านเขาซอมซ่อจริงๆ”
แพนรู้สึกหมันไส้ที่พิชชาดูน่าสงสารในสายตาของเขา จิราพัชรเห็นแววตาของแพนก็รู้ว่าเธอคิดอะไร
“ฉันรู้น่า ว่าเธอก็เคยอยู่แบบนั้นมาก่อน” เขาถอนใจ “แต่คนที่ลำบากมาก่อนแล้วสบายทีหลัง กับที่ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่างแล้วไม่เหลืออะไร มันต่างกันนะ”
แพนรู้สึกเสียใจที่จิราพัชรเปรียบเทียบ โดยไม่รู้ว่าความรู้สึกข้างในของเธอเป็นยังไง
“ใช่ คนที่ไปที่ไหนใครๆ ก็รัก กับคนที่อยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครต้องการ มันต่างกันจริงๆ”
จิราพัชรรู้สึกถึงน้ำเสียงของแพนที่น้อยใจ แต่เขาคิดแต่เรื่องของพิชชา
“ฉันจะแต่งงานกับเขา ฝากบอกพ่อกับแม่เธอด้วยว่าฉันจะเข้าไปกราบท่าน สู่ขอพิชชา”
จิราพัชรลุกขึ้นเดินจากไป แพนร้องเรียกเขา
“พี่พัชร”
จิราพัชรหยุดตามเสียงเรียก แพนไม่พูดอะไรต่อ เขาจึงเดินจากไป แพนเสียใจน้ำตาคลอ ไม่ได้เสียใจเพราะเขารักคนอื่น แต่เสียใจที่พิชชายังเป็นคนที่ชนะเธอมาตลอด
อ่านต่อหน้า 2
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 12 (ต่อ)
พจนินท์และสุนทรีนั่งที่ห้องรับแขก สุนทรียกแก้วน้ำขึ้นจิบ
“คุณได้เจอแพนแล้วเหรอคะ”
สุนทรีพยักหน้ารับ ท่าทางเกรงใจพจนินท์
“ขอโทษนะคะที่ไปเจอกับเขา โดยไม่ได้ขอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็ไปเจอพิชชามาเหมือนกัน”
สุนทรียกแก้วน้ำขึ้นจีบอีก ท่าทางอึกอัก
“คือฉันมาหาคุณ เพราะเรื่องของพิชชา คือมีคนมาขอแกแต่งงานน่ะค่ะ”
พจนินท์เดาออกว่าคงเป็นจิราพัชร
“พัชรเหรอคะ”
“ค่ะ คือฉันไม่ทันคิด คุณคงรู้จักเขาแล้ว”
“ค่ะ เขาเป็นเพื่อนของพาทินมาตั้งแต่เรียนที่อเมริกา”
“ค่ะ แล้วเขานิสัยดีหรือเปล่าคะ เขาไปหาฉันบอกว่าจะขอแต่งงานกับพิชชา คุณว่าไงคะ ฉันตัดสินใจไม่ถูก”
พจนินท์คิดถึงเวลาที่ผ่านไป
“ไม่คิดเลยว่า พิชชาโตพอจะมีครอบครัวได้แล้ว”
คำพูดของพจนินท์ทำให้สุนทรีสะอื้นอยู่ภายใน
“ฉันต้องขอโทษด้วย ที่ไม่ได้ทำอะไรให้แกได้เลย”
สุนทรีก้มหน้าพูดไม่ออกเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ในอก
“ฉัน...น่าจะปล่อยให้แกไปกับคุณ”
พจนินท์เองก็รู้สึกแบบเดียวกัน
“ฉัน...ส่งให้แกเรียนต่อไม่ได้...อนาคตก็มีให้แกได้แค่นี้จริงๆ”
พจนินท์น้ำตาไหล สงสารพิชชา
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ ถ้าคุณไม่ได้ให้ความรักกับแก แกยังคงร่าเริงและเข้มแข็งแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องขอบคุณ คุณจริงๆ ที่ดูแลมาขนาดนี้”
สุนทรียังคงก้มหน้า ไม่กล้าประสานตาพจนินท์เพราะเรื่องในใจที่จะขอ
“ฉันรู้ว่ามันคงฟังไม่ค่อยดีนัก...แต่คุณจะรับพิชชากลับไปเป็นลูกของคุณได้ไหมคะ”
พจนินท์คิดไม่ถึงว่า สุนทรีจะขอเรื่องนี้กับเธอ สุนทรีรีบพูดต่อ
“ผู้ชายเขามีฐานะดี ฉันไม่อยากให้มีเรื่องติดขัดเรื่องฐานะ ทำให้เสียเรื่องพี่ชายเขาก็เกเร ฉันก็ซอมซ่อแบบนี้” สุนทรีน้ำตาไหล “แกดีเกินกว่าจะมาเป็นลูกของฉันตั้งแต่แรกแล้ว”
พจนินท์อึ้งฟังสิ่งที่อยู่ในใจของสุนทรี
“ฉันคิดแบบนี้มาตลอด ทุกครั้งที่มองดูพิชชา ฉันก็เสียใจที่ไม่ปล่อยแกไปขอร้องนะคะ ฉันอยากให้แกมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ถ้าคุณรับแกเป็นลูกบุญธรรม ทางฝ่ายโน้นจะได้ไม่ปฏิเสธแก ได้ไหมคะ”
สุนทรีคุกเข่าขอร้อง พจนินท์มองสุนทรีที่ร้องไห้ขอร้องเธอ ด้วยความเข้าใจ พจนินท์รู้สึกดีใจ
“คุณพูดจริงเหรอคะ...แน่ใจแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ”
สุนทรียังคงสะอื้น พจนินท์กุมมือปลอบใจเธอ
แพนนั่งรอที่ม้าหิน คิดเรื่องที่จิราพัชรทำ เสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามาจอด สุนทรีในมือถือถุงที่ซื้อของกลับมาจากในเมือง ลงจากมอเตอร์ไซค์เดินเข้าบ้านมา
“แม่”
สุนทรีหันไปมองเห็นแพน เธอยืนมองอยู่ครู่ใหญ่ รู้ว่าแพนมาเรื่องอะไร แพนเดินเข้าไปหา
“พี่พัชรมาหาแม่...เรื่องพิชชาใช่ไหม”
สุนทรีไม่ตอบ เธอเดินไปที่ม้าหิน แพนเดินตาม สุนทรีนั่งลงที่ม้าหิน หยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่อยู่ในถุงให้แพน
“เอา”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ”
“แกจำไม่ได้เหรอ”
สุนทรีมองกระป๋องนั่นคิดถึงอดีต
“เมื่อก่อนนี้ แกอยากจะกินน้ำกระป๋องพวกนี้ แต่ฉันไม่มีปัญญาซื้อให้ แกก็เลยไปขโมยที่ร้านชำ จนถูกจับได้”
“จะรื้อฟื้นขึ้นมาเพื่ออะไร”
“แม่โมโหตีแก ทั้งๆที่เสียใจ”
แพนฟังความในใจที่สุนทรีพูด ท่าทีของเธอค่อยคลายลง
“แม่ทำให้แกต้องกลายเป็นเด็กขี้ขโมย เพราะซื้อให้แกกินไม่ได้ เพราะโชคชะตา ทำให้แกต้องมาอยู่กับแม่ที่ยากจน พิชชาเองก็เหมือนกันที่ต้องมาลงเอยอยู่กับแม่”
“แล้วไงล่ะ ที่แม่พูดมาทั้งหมด เพื่อให้ฉันอ้าแขนรับพิชชากลับมาอยู่ที่บ้านฉันเหรอ”
สุนทรีส่ายหน้า
“ไม่มีใครผิดหรอกที่ถูกสลับตัว คงเพราะโชคชะตามันทำให้เป็นแบบนี้”
สุนทรีจับมือของแพนเอาไว้
“อย่าถือโทษโกรธพิชชาเลยนะ แม่ขอเถอะ”
แพนน้อยใจที่ยังไง พิชชาก็ถูกเห็นใจมากกว่าเธอ ดึงมือตัวเองออกจากสุนทรี
“ฉันไม่มีวันยอมหรอก ทำไมต้องยอมด้วย”
แพนเสียใจที่ใครๆ ก็เห็นพิชชาดีกว่า
“ฉันได้สิ่งที่เป็นของฉันกลับมาแล้ว แต่ยายนั่นต้องมาแย่งมันกลับไปหมด”
แพนเริ่มน้ำตาไหล
“มันควรเป็นของฉันไม่ใช่เหรอ”
สุนทรีเห็นอาการของแพน ที่เริ่มสะอื้น เธอพยายามปลอบใจ
“แม่รู้ว่าเธออาจจะไม่เคยมีเสื้อผ้าสวยๆใส่ ต้องทนใส่ของมือสองมาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่เองที่จน มันดีที่สุดเท่าที่แม่จะหามาได้แล้ว แม่เองก็พยายามจนสุดความสามารถของแม่แล้ว”
แพนยังคงสะอื้นเมื่อคิดถึง ชีวิตในตอนนั้น สุนทรีเองก็กลั้นอารมณ์ลึกๆข้างในไม่อยู่ น้ำตาไหลออกมา
“แพนเอ๋ย กับพิชชาน่ะ เรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันแล้วไปเถอะนะ ได้ไหม”
แพนส่ายหน้าไม่ยอมรับ
“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม”
แพนเช็ดน้ำตาลุกเดินกลับไปที่รถ
“แพน”
สุนทรีร้องเรียก แต่แพนไม่ฟังอะไรอีกแล้ว สุนทรีนั่งเสียใจที่ตัวเองช่วยทั้งพิชชาและแพนไม่ได้
อ่านต่อหน้า 3
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 12 (ต่อ)
เย็นนั้น ดนัยนั่งดูวีดีโอที่ถ่ายเรือประมงที่จอดที่ริมหาดอยู่ แพนขับรถมาจอดที่ริมรั้ว ลงจากรถมองเข้ามาในสตูดิโอ ดนัยมองแพนที่ยืนที่รั้ว
“มาหาใครครับ”
ดนัยเดินพาแพนขึ้นมา บนระเบียงชั้นบน
“เป็นน้องสาวของทินเหรอ”
แพนดูเฉยชา ไม่ตอบอะไร เธอมองไปรอบๆ
“นั่งรอบนนี้สะดวกกว่า จะเอาอะไรไหม”
แพนส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ถ้าจะดื่มอะไร ก็ตามสบายนะ หยิบเอาในตู้เย็นได้เลย”
แพนพยักหน้ารับ ดนัยเดินลงบันไดไป แพนนั่งที่เก้าอี้รับแขก นั่งนิ่งมองทะเลอยู่พักใหญ่ นึกถึงเรื่องที่สุนทรีพูด น้ำตาก็ไหล แพนรู้สึกตัวเช็ดน้ำตากลับมาคุมอารมณ์ของตัวเอง เธอมองบรรยากาศรอบๆ ห้อง เห็นกระเป๋าสะพายของพาทินวางที่เก้าอี้ เธอมองมันอยู่พักหนึ่งตัดสินใจหยิบมันมาดู ในกระเป๋ามีของที่จะใช้สอนหนังสือ แพนหยิบสมุดบันทึกและใช้สเก็ตช์ภาพ ออกมาเปิดดูไปเรื่อยๆ เห็นข้อความนัดหมายข้อความช่วยจำ ที่ท้ายเล่มมีรูปถ่ายคู่กันของพาทินกับพิชชา และกระดาษจดหมายของพิชชาที่พับเอาไว้ แพนเปิดออกอ่าน เริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
พิชชาและจิราพัชรเดินเข้าประตูรั้วบ้านมา
“แม่บอกให้นัดคุณมาด้วย มีเรื่องอะไรเหรอ”
จิราพัชรยิ้มเก้อๆ
“ผมเองก็ไม่รู้ แต่ก็ดีเหมือนกันผมจะได้บอกกับท่าน เรื่องจะขอคุณแต่งงาน”
พิชชานิ่งไม่แสดงท่าทีอะไร จิราพัชรรู้ว่าเธอไม่ชอบที่เขารวบรัด พิชชาเดินเข้าไปในบ้าน
ในบ้าน...ทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตา พงศกรเอ่ยขึ้น
“วันนี้พ่อดีใจ ที่เราได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน”
พจนินท์ยิ้มดีใจ พงศกรพูดต่อ
“ที่นัดมาเพราะมีข่าวดีจะประกาศ”
พงศกรจับมือพจนินท์ พยักหน้าให้ภรรยาเป็นคนบอกข่าว พจนินท์ยิ้ม มองหน้าพิชชา
“พิชชาจ๊ะ พาทิน แพน”
พาทินเห็นพจนนิท์ที่ดูดีใจมาก จนเขาอดสงสัยไม่ได้
“มีอะไรเหรอครับแม่”
“แม่จะรับพิชชาเป็นลูกบุญธรรม”
พิชชาใจหาย คาดไม่ถึง พาทินเช่นกัน จิราพัชรและแพนหันไปมองทั้งคู่ พจนินท์ยิ้มแย้มบอก
“พิชชาจะเป็นลูกของพ่อกับแม่ตามกฎหมาย”
แพนสีหน้าเปลี่ยน ลุกขึ้นไม่เห็นด้วย
“แม่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
พจนินท์ไม่คิดว่าแพนจะแย้ง
“ทุกคนรู้หรือเปล่าว่าพิชชา เขารักพี่ทินแบบไหน”
พิชชาและพาทินกังวลในสิ่งที่แพนจะพูด
“สองคนเขาเป็นแฟนกัน”
พจนินท์และพงศกรตะลึง ทั้งคู่นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง พาทินและพิชชาเองก็วางสีหน้าและทำตัวไม่ถูก พงศกรตั้งสติกลับมา
“แพน ลูกพูดเรื่องอะไร”
พจนินท์ไม่เข้าใจ
“มันยังไงกัน”
พจนินท์หันไปมองพิชชาและพาทิน
“ใครรักอะไร”
จิราพัชรไม่รู้ว่าจะแก้ไขเรื่องตรงหน้านี้ยังไง พงศกรถามอย่างไม่เข้าใจ
“แพน เรื่องมันยังไง”
แพนหยิบจดหมายของพิชชาออกมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปบนห้อง พงศกรหยิบจดหมายที่แพนวางไว้บนโต๊ะ เปิดออกดู เขาและพจนินท์อ่านเนื้อความในจดหมาย พิชชาตกใจที่ทั้งคู่อ่านจดหมายนั้น พงศกรหันไปมองพาทิน
“ทิน นี่มัน...”
พาทินนั่งนิ่งก้มหน้าไม่กล้าสบตาพงศกร พิชชาออกตัวรับผิด
“พ่อคะ ฟังก่อนค่ะ พี่เขาไม่ได้ผิดนะคะ หนูเป็นคนรักพี่เขาเอง แต่...แต่ พี่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะคะ”
พาทินฟังพิชชาออกรับแทน เขารู้สึกเจ็บปวด พจนินท์มองลูกชาย
“พาทิน”
“มันจริงหรือเปล่า....รักกันจริงๆ เหรอ”
พาทินเก็บความรู้สึกไว้ข้างในไม่ไหว
“จริงครับ”
อรอินทุ์เสียใจที่เขายอมรับ พิชชาเสียใจที่ทำให้ทุกคนลำบากใจ ลุกเดินออกมาจากบ้าน
พิชชานั่งร้องไห้ที่สวน พาทินเดินตามออกมานั่งลงข้างๆ พิชชาเช็ดน้ำตา
“พี่คะ พี่ยอมรับทำไม”
“พี่ไม่อยากโกหกแล้ว”
“พี่คะ”
“พิชชา”
พาทินมองหน้าพิชชา
“ไปกันเถอะ ที่ไหนก็ได้”
พาทินยื่นมือชวน พิชชาน้ำตาคลอ ลังเลตัดสินใจไม่ถูก มองมือพาทินที่ยื่นชวน เธอเอื้อมมือจับมือเขาตอบรับ
พาทินพาพิชชาเดินมาตามถนน จิราพัชรเดินออกมาจากบ้าน เขามองไปรอบๆ ไม่พบพาทินและพิชชา เขาเห็นรถของพาทินยังจอดอยู่ ฉุกคิดว่าทั้งคู่คงตัดสินใจบางอย่าง
“พิชชา”
จิราพัชรเร่งฝีเท้าออกตามทั้งคู่
พาทินกับพิชชาเดินมาตามถนน รถกระบะคันหนึ่งขับมาตามทาง พาทินโบกเรียก รถจอด เขาเดินเข้าไปคุยกับคนขับ ทั้งคู่ขึ้นไปนั่งที่ท้ายกระบะ รถค่อยๆ วิ่งออกไป จิราพัชรวิ่งออกมาจากทางเข้าบ้าน เห็นทั้งคู่นั่งรถจากไป เขาวิ่งตามอยู่พักใหญ่ จนรถเลี้ยวลับตาไป
พาทินและพิชชา เดินเข้ามาทั้งคู่มองไปรอบๆ ห้องว่างๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ เหมือนครั้งที่แล้ว
“คราวนี้น่าจะอยู่หลายวัน เราคงต้องไปซื้อของใช้มาบ้างนะ”
พิชชาพยักหน้าเห็นด้วย
พิชชากับพาทิน เดินเลือกซื้อของและชมบรรยากาศผู้คนระหว่างทาง พิชชาเดินผ่านแผงขายเสื้อผู้ชาย เธอเดินเข้าไปเลือกดู หยิบมาทาบกับตัวพาทิน อยู่หลายตัวตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกตัวไหน
“ตัดสินใจไม่ถูก ฉันไม่เคยซื้อเสื้อผ้าของผู้ชาย พี่เลือกเองนะ”
“ไม่เอา เธอเลือกมาเถอะ”
“เดี่ยวไม่ถูกใจนะ”
“พี่เชื่อรสนิยมเธอ เลือกอันไหนมาพี่ก็ใส่ได้ทั้งนั้นแหละ”
พิชชาฟังพาทินแล้วยิ่งตัดสินใจยาก เธอหันไปเห็นราวแขวนเสื้อของผู้หญิงเดินเข้าไปเลือก
“งั้นตัวนี้นะ”
อ่านต่อหน้า 4
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 12 (ต่อ)
พิชชายกเสื้อผู้หญิงทาบที่ตัวเขา พาทินค้อน เขาหยิบเสื้อผ้าผู้ชายที่เธอเลือกดูในตอนแรกทาบที่ตัวเธอ
“งั้นพี่เลือกตัวนี้ให้เธอ”
เจ้าของร้านมองสองคนเล่นกันที่หน้าร้าน พาทินหันไปเห็น เกรงใจคว้าเสื้อที่พิชชาและเขาถือค้างไว้ในมือส่งให้เจ้าของร้าน
“เท่าไหร่ครับ”
บ่ายนั้น พาทินกับพิชชา ช่วยกันจัดห้อง เอาของใช้ที่ซื้อจากตลาดออกมา เขาหยิบเสื้อของพิชชาออกมาทาบตัว ทั้งคู่ต่างก็มีความสุข
พาทินกับพิชชากับเสื้อผ้าชุดใหม่ เดินเล่นชมบรรยากาศฟาร์มม้า ทั้งคู่ยืนที่รั้วมองม้าในคอกกินหญ้า พาทินมองพิชชาที่ดูสดใส มีรอยยิ้มบ่อยกว่าที่เขาเห็นปกติ
“ตั้งแต่ เรากลับมาเจอกัน ที่นี่พี่เห็นเธอยิ้มบ่อย มากกว่าปกติ”
พิชชาหันมายิ้มให้เขา
“นี่ไง เธอยิ้มอีกแล้ว”
“ดีไหมล่ะ”
“ก็ดีสิ พี่อยากเห็นเธอยิ้ม มีความสุขแบบนี้ตลอดไป”
พิชชาคิดถึงความทรงจำที่นี่เมื่อครั้งที่เธอมาใช้ชีวิต
“พอพวกพี่และพ่อแม่ไปแล้ว ฉันไม่มีความสุขเลย แต่พอแม่พาฉันหนีหนี้มาทำงานอยู่ที่นี่ เราค่อยมีชีวิตที่สงบ ตอนเช้าแม่ทำงาน ฉันช่วยงานแล้วค่อยไปโรงเรียนแถวๆนี้ เย็นกลับมาก็วิ่งเล่น”
“ดีจัง”
“ที่นี่ฉันมีแฟนคนแรกด้วยล่ะ”
“จริงเหรอ”
“อือ เขียนจดหมายหาเขาทุกวันเลย ร้องไห้คิดถึงทุกคืนด้วย”
“ทำเธอร้องไห้ด้วย ใครเหรอ”
“บอกไม่ได้หรอก เป็นความลับ ฉันสลักชื่อเขาบนต้นไม้ด้วย”
“ต้นอะไร”
พิชชาส่ายหน้าปฏิเสธ
“มายิ้งฉุบกัน ถ้าแพ้เธอต้องบอกนะ”
พิชชารู้สึกสนุก
“ก็ได้”
พิชชาบริหารนิ้วเหมือนครั้งเด็กๆ พาทินมองพิชชารู้เท่าทันว่า เธอต้องแพ้เขาแน่ ทั้งคู่เป่ายิ้งฉุบกัน พิชชาออกก้อนหิน แพ้พาทิน เธอหน้ามุ่ย
“ต้นอะไร”
“ต้นที่ฉันนั่งพิงหลังแล้วรู้สึกสบาย ต้นนั้นล่ะ”
“โกงกันนี่ งั้นมาอีกรอบนึง”
“ได้”
คราวนี้พิชชาออกกรรไกร ชนะพาทิน พาทินตะลึงไม่คิดว่าเธอจะออกกรรไกร พิชชาหัวเราะได้ที
“พี่คิดว่าฉันจะออกก้อนหินไปตลอดเหรอ”
“อืม”
พาทินเบะปาก พิชชาเห็นท่าของเขาก็รู้ว่าเขาไม่ชอบใจ เธอยิ้มที่แกล้งยั่วเขาได้
“ถ้าพี่ชนะ พี่จะถามอะไรต่อ”
“ต้นไม้นั้นอยู่ตรงไหน”
พิชชาหัวเราะที่พาทินยังจดจ่อกับต้นไม้นั่น
“พี่หึงเหรอ”
“ไม่เลย”
“แล้วถ้าพี่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน พี่จะทำไมมันเหรอ”
“ก็จะไปลบชื่อนั้นทิ้ง”
“พี่อ่ะ นิสัยไม่ดี”
พาทินหัวเราะที่ทำให้เธอโกรธแล้วพูดคำที่เขาคุ้นเคยออกมา ทั้งคู่เดินต่อ ไปตามทาง พิชชากังวลขึ้นมาอีก
“พี่คะ จำได้ไหมวันเกิดของฉัน”
พาทินคิดๆ
“จำได้สิ....อีกสองวัน”
พิชชานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“เรากลับหลังวันนั้นนะ”
พาทินไม่รับปาก เขาอยากยืดเวลาให้นานกว่านี้
“พี่คะ ทุกคนเป็นห่วงเรานะคะ”
“พี่รู้ แต่ถึงพวกเขาจะโกรธ ไม่ยกโทษให้ ก็ช่างปะไร”
พิชชามองพาทินที่ดูเย็นชาขึ้นมาทันที
“พี่ยอมทิ้งทุกอย่าง เพื่อจะอยู่กับเธอ”
“พี่คะ”
“พี่ยอมยอมทุกอย่าง ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนมันได้”
พิชชาหนักใจกับพาทินในท่าทีและความคิดของเขา
ค่ำนั้น พาทินนอนไม่หลับ เขากังวลคิดถึงเรื่องวันข้างหน้า พาทินลุกขึ้นจากที่นอน นั่งมองพิชชาที่หลับสนิท อยู่ข้างๆ พาทินมองใบหน้าของหญิงสาวยามหลับ เหมือนอยากจะจดจำทุกรายละเอียดบนใบหน้าของเธอ สายตาเขาดูเศร้า
จิราพัชรนั่งดื่มเหล้าไปหลายขวด เขาเมามายกดโทรศัพท์หาพิชชา มีแต่เสียงให้ฝากข้อความ
“พิชชา...รีบกลับมานะ ผมรอคุณอยู่นะ” เขาน้ำตาซึมเสียใจ เสียงดังขึ้น “รีบกลับมาหาผมเดี๋ยวนี้นะ”
จิราพัชรทั้งเสียใจ ทั้งโกรธและเมามาก
“ผม...ผมรักคุณมากนะพิชชา”
จิราพัชรคิดอะไรไม่ออกได้แต่ร้องไห้
เช้าวันต่อมา...สุนทรีกวาดลานบ้านพัก จิราพัชรจอดรถ เดินเข้าไปหา ยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
สุนทรี จิราพัชรและพงษ์ นั่งคุยกัน
“อะไรนะ พิชชาหนีตามใครนะ ทำไมต้องหนีตามเขาไปด้วย”
พงษ์แทรกขึ้น
“นึกแล้วเชียวว่า เรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ มิน่าไอ้นั่นถึงมาต่อยฉัน ไม่ได้เป็นพี่แท้ๆสักหน่อย มันก็ยังยอมไปอยู่กับเขา”
สุนทรีและจิราพัชรหันไปมองพงษ์ที่สอดแทรกเข้ามา
“ทำไมเล่าแม่ ไม่ต้องมองฉันแบบนั้นหรอก ไม่แสดงความเห็นก็ได้”
พงษ์ลุกขึ้นถอยฉากออกมาฟังอยู่ห่างๆ สุนทรีหันมาถามจิราพัชร
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
จิราพัชรลำบากใจที่จะพูดถึงสาเหตุ สุนทรีมองเขาก็เดาออกว่าน่าจะจริง
“จริงเหรอเนี่ย...มันไม่ถูกต้องเลยนะ แต่คุณแน่ใจแล้วจริงๆเหรอ”
สุนทรีต้องยอมรับว่าจริงจากท่าทีของจิราพัชร เธอเสียใจที่พิชชาต้องเกิดเรื่องอีก
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมต้องมีกรรมแบบนี้นะ”
จิราพัชรรู้ว่าสุนทรีเป็นห่วงพิชชาไม่น้อยไปกว่าเขา
“ผม...จะจัดการเรื่องนี้เองครับ แต่ตอนนี้ คุณน้าพอจะนึกออกไหมครับว่า พิชชาอาจจะไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง”
สุนทรีมึนงง จับต้นปลายนึกอะไรไม่ออก
“คุณน้า ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะพาเธอกลับมาให้ได้”
สุนทรีมองจิราพัชร หวังพึ่งเขาช่วยพิชชา
โปรดติดตาม รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 13