ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 12
ตอนเย็นของวันเดียวกันนั้น กร้าวอยู่ในห้องทำงานที่ออฟฟิศ กำลังดูเอกสารสัญญา ที่ลลิตาหลอกให้อสิตเซ็น และหวนคิดนึกถึงคำพูดของลุงชาติ ที่เคยเตือนสติ
“คิดบ้างมั้ยว่าหลังจากแก้แค้นสำเร็จแล้ว ชีวิตของหนูนุชจะเป็นยังไงต่อไป”
กร้าวเครียดจัด รู้สึกผิดต่ออนุชเอามากๆ
ขณะเดียวกันอนุชกระวนกระวายรอกร้าวอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่สบายใจเรื่องที่ลลิตาพูด
กร้าวเดินเข้ามา เพิ่งกลับมาถึง อนุชเห็นรีบเข้าไปหากร้าว
“วันนี้พี่ลิต้ามา พี่ลิต้าบอกว่าคุณแต่งงานกับฉันเพื่อผลประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็จะเลิกกัน คุณวางแผนอะไรไว้กันแน่”
กร้าวบ่ายเบี่ยง
“ลิต้าก็แค่อยากให้เรามีปัญหากัน”
อนุชไม่เชื่อ
“ฉันอยากคุยกับพี่สิตและพี่อร เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน”
“จะโทร.บอกให้พี่สาวคุณพาตำรวจมาจับผมอีกเหรอ”
“ฉันแค่เป็นห่วงพี่สิต ฉันยอมอยู่ที่นี่ แลกกับความปลอดภัยของพี่สิต ฉันอยากจะแน่ใจว่าคุณรักษาสัญญา”
กร้าวพูดใส่หน้าอนุช “ไม่ต้องห่วง อสิตยังต้องใช้กรรมอีกนาน ไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“คุณกร้าว!”
อนุชโกรธ รีบเดินหนีออกไปทันที กร้าวไม่สบายใจ รีบตามไป
อนุชตรงดิ่งเข้ามาในครัว คว้ามีดจะทำร้ายตัวเอง กร้าวตามมาเห็น รีบมาห้าม
“หยุดนะ”
“ปล่อยฉัน ฉันอยากจะรู้ว่าถ้าฉันใกล้ตาย คุณจะยอมให้ฉันออกไปจากบ้านนี้มั้ย”
กร้าวกับอนุชยื้อยุดกันไปมา
“อย่าทำบ้าๆ นะ”
“ปล่อย”
กร้าวแย่งมีดไปได้ โกรธที่อนุชคิดจะทำร้ายตัวเอง กร้าวลากอนุชออกไป
“มานี่”
กร้าวลากอนุชเข้ามาในห้องนอน พร้อมเชือกในมือ อนุชดิ้นรนขัดขืน
“จะทำอะไร ฉันจะไปหาพี่สิตกับพี่อร คุณไม่มีสิทธิ์ขังฉันแบบนี้”
กร้าวจับอนุชมัดมือสองข้างไว้กับเตียงนอน มัดมือไว้ด้วยกัน ไม่ได้มัดแยกกัน
“อยู่อย่างนี้แหละจะได้ไม่ทำร้ายตัวเองอีก”
อนุชดิ้นรน
“ปล่อยฉัน คนบ้า ฉันเกลียดคุณ เกลียดๆๆๆ”
อนุชโกรธกร้าวมาก
กร้าวออกมาจากห้อง ปิดประตูแล้วยืนพิงประตูอยู่อย่างนั้น ไม่สบายใจที่ต้องทำถึงขนาดนี้
ส่วนอนุชพยายามจะแก้เชือกแต่แก้ไม่ได้ อนุชเจ็บมือและท้อ ซุกหน้าลงกับมือที่ถูกมัด
อนุชใจไม่ดี ห่วงอสิตและอรชา
“โธ่ พี่สิต...พี่อร”
อนุชร้องไห้ กังวลใจเรื่องพี่ทั้งสองคน
ค่ำคืนนั้นอรชาเดินกระวนกระวายอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ห่วงอสิต
“ตั้งนานแล้วหมอยังไม่ออกมา ไม่รู้พี่สิตเป็นยังไงบ้าง อรใจคอไม่ดีเลยค่ะ”
“คุณอร ใจเย็นๆก่อนนะครับ” ปรารภปลอบ
“อรเย็นไม่ไหวหรอกค่ะคุณรภ ถ้าพี่สิตเป็นอะไรไปอรจะทำยังไง”
ปรารภเข้ามากุมมืออรชา “คุณสิตต้องไม่เป็นอะไรครับ”
ด้านชายธงเห็นอรชาและปรารภให้กำลังใจกัน จึงเดินเลี่ยงออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ปรารภจูงมืออรชามานั่ง
“เรามาช่วยกันภาวนาให้คุณสิตปลอดภัยนะครับ ตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้”
อรชาสบตาปรารภ รับรู้ถึงความห่วงใย จึงรู้สึกอบอุ่น และสงบลงได้บ้าง
ชายธงเดินเข้ามาอีกมุม ไม่สบายใจกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น ชายธงนึกถึงธาริน หยิบโทรศัพท์มากดไล่ดูรายชื่อ ไปหยุดที่ชื่อธาริน ซึ่งมีรูปธารินด้วย
ชายธงคิดหนักว่าจะโทรหาธารินดีหรือไม่ เมื่อนึกถึงคำพูดของธาริน
“พี่ชายธงไม่เคยบอกรินสักคำว่าพี่ชายธงคิดอะไร ทำอะไร พี่ชายธงไม่เคยให้ความสำคัญกับริน”
ชายธงพิมพ์ข้อความส่งให้ธาริน ความรู้สึกของชายธงยามนั้น เคยชินกับการที่ไปไหนทำอะไรก็มีธารินอยู่ข้างๆ พอธารินไม่อยู่ก็เริ่มคิดถึง
ธารินนั่งเศร้าอยู่ที่บ้าน เสียงโทรศัพท์ดังเตือนว่ามีข้อความส่งมา จึงเปิดอ่านข้อความ แต่ต้องตกใจ
“อยู่โรงพยาบาล”
ธารินรีบโทรหาชายธง ห่วงจนลืมว่าโกรธกัน
พอชายธงรับสาย ธารินถามเป็นชุด
“พี่ชายธงเป็นอะไรคะ ทำไมต้องไปโรงพยาบาล พี่ชายธงอย่าตายนะ”
ชายธงขำ
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
ธารินโล่งอก
“เกิดเรื่องกับพี่สิต พี่ชายของนุช พี่ก็เลยมาช่วย”
ธารินหมั่นไส้ ออกอาการงอน
“นุชอีกแล้วเหรอคะ เมื่อไรจะเลิกยุ่งกับบ้านนี้ซะที”
ชายธงชักหงุดหงิด “ไหนบอกว่ามีอะไรให้บอกไง พอบอกความจริงก็งอนอีก จะเอายังไงกันแน่ พี่ทำตัวไม่ถูก ถ้าบอกแล้วมีปัญหา วันหลังจะได้ไม่บอก”
ธารินเจื่อน
“รินขอโทษค่ะ”
“พี่ก็ขอโทษด้วยที่ผ่านมามีอะไรไม่เคยบอก ต่อไปนี้พี่จะบอก รินจะได้สบายใจ เราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน”
ธารินรู้สึกดีขึ้น
“ขอบคุณค่ะ”
ชายธงยิ้ม
“แล้วก็...พี่ดีใจที่รินเป็นห่วงพี่”
วินาทีนั้นชายธงรู้สึกดีอย่างประหลาดที่รู้ว่ามีคนๆ หนึ่งที่คอยเป็นห่วงเขาอยู่เสมอ
ครู่ต่อมาหมอเจ้าของไข้เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน อรชาและปรารภรีบลุกไปหา ชายธงเดินกลับมารีบเข้าไปฟังอาการ
“คุณหมอคะ พี่ชายดิฉันเป็นยังไงบ้าง”
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ”
“คุณอสิตเป็นอะไรครับคุณหมอ” ปรารภซัก
“เกิดจากการได้รับยาเกินขนาดครับ โชคดีที่พวกคุณพาคนไข้มาทันเวลา ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียว คนไข้อาจเสียชีวิตได้”
อรชาใจหายวาบ “พี่สิต... ใครเอายาอะไรให้พี่สิตกิน! หรือว่าจะเป็น...”
ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนอยู่ที่บ้านวิชเวทย์แล้ว อรชาโกรธจัดเขย่าตัวลลิตา อาละวาดโวยใส่ลลิตา
“พี่สิตไปทำอะไรให้ ทำไมพี่ลิต้าต้องวางยาพี่สิตด้วย”
ลลิตาดิ้นรน
“ปล่อยฉันนะนังอร”
ลลิตาผลักอรชา จนอรชาเซจะล้ม ปรารภรีบประคอง
“เกิดบ้าอะไรขึ้นมา ไหนล่ะหลักฐาน”
อรชา ปรารภและชายธงพูดไม่ออก ลลิตาเหยียดยิ้มพูดเย้ย
“ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็อย่ามาปรักปรำกัน”
อรชาเถียง “ไม่มีเหตุผลที่พี่สิตจะกินยาฆ่าตัวตาย”
ลลิตาย้อน “มีสิ สิตเป็นหนี้มหาศาล เลยกินยาฆ่าตัวตายหนีหนี้”
“ไม่จริง พี่สิตใช้หนี้หมดแล้วจากเงินสินสอดที่คุณกร้าวให้นุช”
“อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ได้รู้กัน ไป ไสหัวพวกแกออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว” ลลิตาตะเพิดทุกคน
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านพี่ลิต้า”
“สิตยกบ้านหลังนี้ให้ฉันแล้ว ฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ออกไปให้หมด ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจจับพวกแกข้อหาบุกรุก ออกไป”
ลลิตาหันไปสั่งการ์ดซึ่งลลิตาเรียกมาดูแลบ้าน การ์ด 2-3 คนทำท่าจะใช้กำลัง
ชายธงใจร้อนตามเคย ปราดเข้าไปจะสู้กับพวกการ์ด
“ก็ลองดูสิ”
ปรารภรีบห้ามชายธง
“อย่าครับคุณชายธง”
ปรารภประคองอรชา ดึงชายธงออกจากบ้านไป ชายธงเจ็บใจ แต่ต้องไป
ลลิตายิ้มร้าย สะใจที่ไม่มีใครทำอะไรเธอได้
3 คนอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง อรชาร้องไห้ ปรารภปลอบโยน ชายธงสงสาร
“พี่สิตก็ยังไม่ฟื้น ยายนุชก็อยู่ในมือคุณกร้าว ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง แล้วยังเรื่องหนี้ที่พี่ลิต้าพูดถึงอีก อรไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วตอนนี้” อรชาครวญคร่ำ
“ผมก็อยากรู้ว่าคุณกร้าวกับลิต้ากำลังทำอะไรกันแน่”
อรชาหยิบมือถือมาเปิดรูปที่อนุชส่งมา
“ถ้าเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างวิชเวทย์กับศุภกาญจน์ เราอาจจะรู้ว่าคุณกร้าวทำแบบนี้ทำไม แต่เสียดายที่ตอนนี้ไม่มีใครบอกได้”
ชายธงเปิดภาพในมือถือตัวเอง ขยายภาพดูหน้าแต่ละคน แล้วเห็นหน้าลุงชาติชัดขึ้น ชายธงเพ่งดูหน้าลุงชาติที่เลือนลางแล้วนึกได้
“ผมรู้แล้ว ผู้ชายคนนี้คือลุงชาติ...ป๋าของนุช”
อรชากับปรารภสนใจขึ้นมาทันทีสามคนจ้องภาพในมือถือ เป็นภาพชาติสมัยที่ยังหนุ่มแน่น
วันต่อมาอนุชฟุบหน้าหลับอยู่ ทั้งที่มือยังถูกมัด เสียงเจาะประตูเพื่อทำกลอนล็อคนอกห้องดังขึ้น
อนุชรู้สึกตัวตื่นขึ้น เห็นกร้าวเดินเข้ามา
อนุชมองอย่างระแวง “จะทำอะไร อย่าเข้ามานะ”
กร้าวแกะเชือกที่มัดมือออก อนุชดีใจ
“คุณเปลี่ยนใจ ให้ฉันไปหาพี่สิตแล้วใช่มั้ย”
“ผมเปลี่ยนใจ แต่ไม่ใช่ให้คุณไปหาพี่ชายคุณ ต่อไปนี้ถ้าผมไม่อยู่บ้าน คุณต้องอยู่แต่ในห้องนี้”
พูดจบกร้าวก็เดินออกไป อนุชตาม แต่ไม่ทัน กร้าวปิดประตู ล็อคจากด้านนอก อนุชเปิดไม่ได้ ทุบประตู ตะโกนบอกกร้าวด้วยความโมโห
“ฉันไม่ใช่นักโทษ คุณไม่มีสิทธิ์มาขังฉัน ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
ลูกน้องกร้าวเก็บเครื่องมือลงกล่อง กร้าวกำชับหนักแน่น
"เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้หนีออกไปได้”
อนุชทรุดลงนั่งหน้าประตู ครวญคร่ำอย่างน่าเวทนา
“พี่สิต พี่อร...พวกพี่เป็นยังไงบ้าง”
อนุชได้แค่ทอดถอนใจ ห่วงอสิตและอรชา
ในตอนกลางวันของวันเดียวกัน 4 คน นั่งอยู่มุมหนึ่งในสวนของบ้านทานตะวัน ชาติมองรูปสมัยวัยหนุ่มของตัวเองในมือถืออรชา ชายธงถามอย่างร้อนใจ
“ผู้ชายคนนี้คือคุณลุงใช่ไหมครับ”
ชาติถอนใจ พยักหน้ารับแล้วส่งมือถือคืนให้อรชา
“ในอดีตมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ ทำไมคุณกร้าวถึงจงใจทำร้ายทุกคนในวิชเวทย์” ชายธงซัก
ชาติหนักใจ ไม่รู้จะพูดยังไง อรชาพยายามขอร้อง
“ตอนนี้ครอบครัวอรกำลังจะย่อยยับคามือคุณกร้าวแล้ว คุณลุงกรุณาบอกอรเถอะค่ะว่าคุณกร้าวทำแบบนี้ทำไม”
ปรารภช่วยขอร้องอีกแรง “ขอร้องเถอะนะครับคุณลุง”
ชาติมองอรชาอย่างเห็นใจ ตัดสินใจเล่า
“เรื่องมันเกิดขึ้นนานมาแล้ว...” ชาติมองหน้าอร “ตอนนั้นพ่อของกร้าวกับพ่อของหนูเป็นเพื่อนรักกัน แต่ดันมารักผู้หญิงคนเดียวกัน คือชื่น น้องสาวของลุง แม่ของเจ้ากร้าว”
ชาติเริ่มเล่าเรื่องให้สามคนฟัง ทุกอย่างยังแจ่มชัดในความจำของชายชรา
โดยตอนนั้นกาญจน์เดินมาหยุดยืน สีหน้ากลุ้มใจ ประสิทธิ์เดินเข้ามาหาจับบ่ากาญจน์เป็นเชิงปลอบ ขณะที่กาญจน์หันมองไป เห็นว่าเป็นประสิทธิ์ยิ่งรู้สึกผิด
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อน ว่าแกก็รักชื่น....ฉัน....ฉันรู้สึกผิดต่อแกจริงๆ”
“ของแบบนี้มันบังคับใจกันไม่ได้...แต่แกอย่าลืมสิ นอกจากแกจะเป็นหุ้นส่วน แกยังเป็นเพื่อนของฉันด้วย เราต้องร่วมกันทำให้รัตนกิจรุ่งโรจน์”
ประสิทธิ์ยื่นมือให้ กาญจน์จับมือประสิทธิ์ ยิ้มให้อย่างขอบคุณ
เสียงชาติเล่าเรื่องในอดีตต่อ
“กาญจน์ไม่รู้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มนั้น ประสิทธิ์เก็บความเคียดแค้นไว้ รอวันที่เขาจะเอาคืน”
เล่าถึงตอนนี้ชาติมองเหม่อออกไป สะท้อนใจเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว
“แล้วเขาก็เริ่มแผนแก้แค้น ด้วยการโกงและฮุบกิจการไปคนเดียว กาญจน์ต้องเปลี่ยนจากการเป็นหุ้นส่วน กลายไปเป็นลูกหนี้”
พวกอรชาที่นั่งฟังอยู่ต่างก็เหลือบมองหน้ากัน รู้สึกไม่สบายใจ
ชาติหันมาทางอรชา
“ชื่นพยายามขอร้องพ่อของหนูหลายครั้ง เรื่องหนี้สิน”
เหตุการณ์ในบ้านมโนรมย์ตอนกลางวันเมื่อครั้งอดีตผุดขึ้นในความคิดของชาติ
เวลานั้นชื่นเข้ามาขอร้องประสิทธิ์
“ขอร้องเถอะค่ะประสิทธิ์ คุณก็ได้รัตนกิจไปแล้ว... ปลดหนี้ให้เราเถอะค่ะ”
“เธอคงลำบากมากสินะ”
ชื่นก้มหน้าเศร้า
ประสิทธิ์เข้ามาประคองหน้าชื่น มองสบตา
“เลิกกับมันสิ แล้วมาอยู่กับฉัน”
ชื่นตกใจผละออกมา “อ .. อะไรนะคะ”
“เธอได้ยินแล้วนี่ ฉันจะเลี้ยงดูเธออย่างดี”
“แต่คุณแต่งงานแล้วนะคะ!”
“ก็ช่างประไร เธอเลิกกับมัน ฉันก็เลิกกับเมีย แล้วเราสองคนจะได้มีความสุขด้วยกัน”
ประสิทธิ์เข้ามาลูบเนื้อตัวชื่นอย่างหื่นโหย ชื่นสะบัดออก ตบหน้าประสิทธิ์ทันที
“เลวที่สุด! หักหลังเพื่อนยังไม่พอ ยังทรยศเมียของคุณเอง ฉันทนกัดก้อนเกลือ กับกาญจน์ยังดีกว่าอยู่กับคนอย่างคุณ”
ประสิทธิ์เจ็บทั้งหน้าที่โดนตบ ทั้งเจ็บใจ โมโหเลือดขึ้นหน้า ขึ้นเสียงกับชื่น
“แกมันโง่! อยากลำบากจนตายก็เรื่องของแก ฉันจะรอดูว่าจะหยิ่งไปได้ซักกี่น้ำ!”
ชาติเล่าต่อ
“กาญจน์พยายามสู้ แต่ไม่ว่าจะหันไปหยิบจับอะไรเป็นต้องล้มเหลว...ชื่นสงสารกร้าวซึ่งยังเด็กนัก ยังต้องมีอนาคต...สุดท้าย ชื่นตัดสินใจไปขอร้องพ่อหนูอีกครั้ง แต่ครั้งนั้น...”
เสียงของชาติขาดหายไป เพราะเจ็บปวดกับเหตุการณ์ครานั้นที่ทำให้ชื่น แม่กร้าวโดนประสิทธิ์พ่ออนุชจับไปข่มขืน
เล่าถึงตอนนี้ ชาติได้แต่ถอนใจ อรชา ปรารภ ชายธงต่างสลดด้วยความสะเทือนใจ
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง คุณกร้าวถึงได้แค้นพวกเราสามพี่น้อง” อรชารู้เหตุผลแล้ว
ชายธงนึกเป็นห่วงอนุช “นุชอยู่ในมือนายกร้าวแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง”
ชาติได้แต่ถอนใจ เป็นห่วงอนุชเช่นกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เวลาผ่านไป จากกลางวัน ล่วงเข้าตอนกลางคืน ทั้งสองเดินลับๆ ล่อๆ เข้ามาที่หน้าบ้านกร้าว มองเข้าไปยังตัวบ้าน
“นายกร้าวคงยังไม่กลับ... เราบุกเข้าไปพานุชออกมาเลยดีไหมครับ” ชายธงเอ่ยขึ้น
“บุ่มบ่ามเข้าไปอย่างนั้นไม่ได้! นายกร้าวจ้างคนไว้ พวกนั้นมืออาชีพ เราสู้พวกมันไม่ได้หรอก”
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะครับ พี่กับพี่อรก็ทั้งพาตำรวจมาแล้ว ยังพานุชออกมาไม่ได้”
“เราต้องหาทางช่วยนุชออกมาแน่ แต่ทำอะไรต้องรอบคอบ…”
ปรารภพูดไม่ทันขาดคำ เห็นไฟหน้ารถคันหนึ่งส่องเข้ามา
“มีคนมา หลบก่อน!”
ปรารภกับชายธงรีบหาที่ซ่อนตัว
ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 12 (ต่อ)
กร้าวมองจากในรถเห็นด้านหลังชายธงแวบๆ ก่อนจะหายไปที่มุมหนึ่ง กร้าวกดรีโมท พอรั้วบ้านเปิด ก็ขับรถเข้าบ้านไป
ประตูรั้วปิดลงอีกครั้ง ชายธงกับปรารภออกมาจากที่ซ่อน
“งั้นวันนี้เราดูลู่ทางกันก่อน แล้วค่อยมาช่วยนุช”
“ดี พี่เห็นด้วย แยกกันเดินดูรอบๆ ว่ามีทางไหนที่จะพานุชออกมาได้”
ชายธงพยักหน้ารับ แยกกับปรารภไปคนละทาง
ขณะที่ชายธงเดินมองรอบๆ รั้ว พอเดินผ่านไป จึงเห็นว่ากร้าวออกมาจากที่ยืนหลบอยู่ในบ้าน
กร้าวมองตามชายธงไปด้วยความสงสัย
“ชายธง”
กร้าวเกิดความคิดอะไรบางอย่าง ยิ้มกับตัวเองแล้วรีบกลับเข้าไปในบ้าน
ครู่ต่อมาชายธงเดินมาที่ด้านข้างตัวบ้าน มองขึ้นไปแล้วชะงัก ยิ้มดีใจ เห็นอนุชเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ที่ระเบียง
“นุช...”
ชายธงอยากจะหาทางเรียกอนุช แต่กลัวกร้าวได้ยิน
อนุชยังคงยืนเหม่อมองท้องฟ้า ทอดถอนใจ รำพึงรำพัน
“คุณพ่อคะ...เราไปทำอะไรให้เขากันแน่ เขาถึงได้จ้องทำลายเราแบบนี้...”
อนุชได้ยินเสียงประตู สะดุ้งหันไปมอง
กร้าวเดินเข้ามาในห้อง อนุชชักสีหน้าไม่พอใจ เมินหน้าหนี กร้าวเข้ามากอดอนุชทางด้านหลัง
อนุชสะดุ้ง ตกใจ
“ทำอะไรน่ะคุณกร้าว ปล่อยนะ”
ชายธงที่มองอยู่นอกรั้วเห็นสองคนกอดกันก็เจ็บใจ
“ไอ้กร้าว”
ฝ่ายกร้าวรู้ว่าชายธงมองอยู่ก็ยิ้มสะใจ อนุชพยายามดิ้นหนี
“ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อย”
“กลับมาเหนื่อยๆ ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยไม่ได้รึไง” กร้าวทำทีเป็นอ้อน
“จะบ้าเหรอ ไปไกลๆ เลยนะ”
“มีเมียสวยขนาดนี้ ใครจะยอมไป”
กร้าวช้อนอุ้มพาอนุชเข้าห้อง
ชายธงเห็นประตูระเบียงปิดลง ม่านก็ปิดด้วย เห็นเงากร้าวกอดอนุช โดยดูออกว่าอนุชดิ้นรน
ชายธงทนไม่ไหว จะปีนเข้าไปช่วยอนุช ปรารภเข้ามาเห็นพอดี รีบมาห้ามไว้
“ชายธง หยุด! จะทำอะไร!?”
“ไอ้กร้าวมันทำร้ายนุช”
ชายธงพยายามจะปีนเข้าไปอย่างไม่ฟังเสียง ปรารภดึงรั้งไว้
“ใจเย็นชายธง! เข้าไปตอนนี้เขาได้เรียกตำรวจจับเราข้อหาบุกรุก จะช่วยนุชต้องรอบคอบและอดทนกว่านี้”
ชายธงหยุดชะงัก ได้แต่มองกลับขึ้นไปยังระเบียงอย่างเจ็บใจ
กร้าวปิดม่าน แต่ยังกอดล็อคเอวอนุชไว้ด้วยมืออีกข้าง
“คุณกร้าว ปล่อยฉันนะ ทำอะไรของคุณ”
กร้าวหันกลับมา มือยังโอบเอวอนุชอยู่
“แค่คิดถึง อยากอยู่ใกล้ ไม่ได้หรือไง”
อนุชผลักกร้าวออก
“ฉันรู้ว่ามันไม่จริง ที่คุณทำทั้งหมดเพราะเรื่องในอดีตของพวกคุณพ่อคุณแม่ใช่ไหม!”
กร้าวชะงัก
“มันเกิดอะไรขึ้น พวกเราไปทำอะไรให้คุณ!”
กร้าวขึ้นเสียง “หยุด! เลิกถามได้แล้ว!”
อนุชคาดคั้น “คุณก็บอกมาสิ พวกฉันไปทำอะไรให้ คุณถึงจ้องจองล้างจองผลาญพวกเราอย่างนี้”
“อยากรู้นักใช่ไหม”
กร้าวกระชากนุชไปที่เตียง ทำท่าจะขืนใจ อนุชดิ้นหนี แต่ดิ้นไม่หลุด
“คุณกร้าว คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
กร้าวไม่หยุด ระบายความโกรธลงที่อนุช
อนุชตกใจ หวาดผวา และเริ่มร้องไห้ “คุณกร้าว ปล่อยฉัน....คุณกร้าว...”
อนุชร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว กร้าวชะงัก
แต่แล้วภาพจำตอนชื่นผู้เป็นแม่ที่ร้องขอความเมตตาจากประสิทธิ์ผุดขึ้นมาหลอกหลอน
อนุชร้องไห้ “อย่าทำอย่างนี้ คุณกร้าว ปล่อยฉัน”
กร้าวเจ็บปวด รีบลุกผละออกไป อนุชนอนร้องไห้ แม้จะโล่งใจ แต่ยังหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าเกิดไรขึ้น
กร้าวหนีเข้ามาในห้องน้ำ ยืนอยู่ใต้ฝักบัว ปล่อยให้น้ำราดรดเรือนร่างแกร่งกำยำ เพื่อชำระความแค้นในใจ แต่มันก็ไม่หายไปได้ กร้าวกำหมัด ทุบกำแพงดังปัง
“เราสมควรล้างแค้นให้แม่ไม่ใช่เหรอ แต่ทำไม...ทำไม”
กร้าวแค้นตัวเองที่ทำร้ายอนุชไม่ลง
เช้าวันใหม่หมอมาตรวจอาการทั่วไปของอสิต เปิดเปลือกตา ส่องไฟฉาย อรชาเข้ามายืนใกล้ๆ เป็นห่วงพี่ชายมาก
“คุณหมอคะ ทำไมป่านนี้พี่สิตยังไม่ฟื้นอีกคะ”
“สภาพคนไข้แย่มาก อาจต้องใช้เวลาฟื้นตัว แต่อาการทั่วไปจัดอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่ต้องห่วงนะครับ”
อรชาพยักหน้ารับแล้วไหว้ขอบคุณหมอ
“ค่ะคุณหมอ ขอบคุณนะคะ”
หมอรับไหว้แล้วออกไป อรชาหันกลับมามองอสิต แล้วทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง
“พี่สิต...อรอยากให้พี่สิตฟื้นเร็วๆ อรมีเรื่องมากมายที่ต้องบอกพี่สิต...”
อรชารู้สึกเศร้าว้าเหว่ จนน้ำตารื้นขึ้นมา ซบหน้าลงที่เตียงพี่ชาย ร้องไห้สะอึกสะอื้น มือข้างหนึ่งเข้ามาแตะไหล่ เธอเงยหน้ามอง ปรารภยิ้มให้กำลังใจ
ปรารภกับอรชาอยู่ที่ห้องอาหารในโรงพยาบาล พนักงานวางจานอาหารตรงหน้า อรชาเงยหน้ามองปรารภ หน้าเบ้ไม่อยากกิน
“ทานซักหน่อยนะครับคุณอร”
“แต่อรไม่อยากกินอะไรเลยค่ะ”
“ตอนนี้ทั้งพี่สิตทั้งนุชอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ถ้าคุณอรเป็นอะไรไปอีกคนคงแย่...”เขายิ้มอบอุ่นให้ “ทานหน่อยเถอะนะครับ”
อรชาฝืนใจหยิบช้อน แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน เธอหยิบมาดูแล้วเงยหน้าบอกปรารภ
“ชายธง...”
ชายธงคุยมือถือกับอรชาอยู่ที่บ้าน
“ผมจะบุกไปที่บ้านนายกร้าววันนี้ นายกร้าวออกจากบ้านเมื่อไหร่ ผมจะเข้าไปช่วยนุช”
อรชาเป็นห่วง
“จะดีเหรอชายธง ถ้าคนของคุณกร้าวเจอเข้า...” อรชาหันมาบอกปรารภ “ชายธงจะบุกเข้าไปช่วยนุชวันนี้ค่ะ”
ปรารภหน้าเครียดเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะระวังตัว”
ปรารภบอกอรชา
“บอกให้ชายธงรอก่อน เดี๋ยวผมจะรีบตามไป”
ชายธงได้ยินรีบบอกมาทางโทรศัพท์
“ไม่ต้องครับ ผมไปคนเดียวดีกว่า ถ้าพลาดพลั้งอะไรไปจะได้เดือดร้อนคนเดียว”
เธียรมายืนแอบฟัง หน้าเครียด
ชายธงเดินออกมา พอดีกับที่ธารินถือตะกร้าขนมกำลังเข้ามาที่บ้าน
“พี่ชายธง...ทำอย่างกับรู้ว่ารินจะมา ออกมาต้อนรับ”
“พอดีพี่มีธุระ ต้องรีบไป ตามสบายนะ”
ชายธงจะเดินออกไป ธารินรีบดึงแขนไว้
“เดี๋ยวก่อนสิคะ พี่ชายธงจะไปไหน” ธารินชูตะกร้าขนมขึ้นมา “รินทำขนมมาฝากพี่ชายธงตั้งเยอะ”
“รินกินไปก่อน เดี๋ยวพี่กลับมา”
ธารินเห็นชายธงไม่ใส่ใจเธอเลยก็หมดความอดทนโพล่งออกมา
“จะไปหาอนุชใช่ไหมคะ!”
ชายธงชะงัก
“พี่เลิกยุ่งกับพวกวิชเวทย์ซะทีเถอะค่ะ!”
“พี่ขี้เกียจทะเลาะ”
ชายธงสะบัดแขน เดินออกไป ธารินมองตามอย่างน้อยใจ เธียรมองอยู่ทีประตูบ้านอย่างหนักใจ ก่อนจะผลุบกลับเข้าไปในบ้าน
กร้าวเดินเข้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะเลขา หยิบเอกสารและซองจดหมายต่างๆขึ้นมาดู กรวิกเข้ามา เห็นกร้าวก็ชะงัก แกล้งทำหน้าเย็นชาใส่ กร้าวยิ้ม ส่ายหน้า
“อย่าบอกนะ ที่ไม่มาทำงานหลายวันเพราะยังโกรธอา”
“นกเป็นแค่เลขา มีสิทธิ์โกรธเจ้านายด้วยเหรอคะ”
กร้าวจับมือกรวิกขึ้นมากุมไว้ หญิงสาวอึ้งๆ ใจอ่อนยวบ
“ใครบอกว่านกเป็นแค่เลขา...นกยังเป็นนกน้อย หลานที่น่ารักของอาเสมอ”
กรวิกผิดหวัง
“เป็นได้แค่นั้นเหรอคะ”
“ถึงจะเป็นแค่อาหลาน แต่นกก็เป็นคนสำคัญของอาเสมอนะ”
กรวิกเจ็บปวด เบือนหน้าหนีซ่อนน้ำตา พอดีโทรศัพท์ออฟฟิศดังขึ้น กรวิกกลั้นน้ำตา พยายามทำเสียงให้ปรกติตอนรับสาย
“สวัสดีค่ะ...ใช่ค่ะ...ใครต้องการเรียนสายด้วยคะ...”
กรวิกทำหน้าฉงน กร้าวแปลกใจ
“ใครเหรอนก”
กรวิกเอามือปิดโทรศัพท์บอกกร้าว
“เสียงผู้ชายค่ะ บอกว่าเป็นผู้หวังดี...”
กร้าวแปลกใจ รีบดึงโทรศัพท์มาคุย
“สวัสดีครับ ผมกร้าว ศุภกาญจน์...”
เธียรโทรมาบอกว่าชายธงกำลังบุกไปที่บ้านกร้าวเพื่อพาอนุชออกมา
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ขอบคุณมากที่โทรมาบอก”
กร้าววางสาย หน้าเครียด กรวิกสงสัย
“มีอะไรรึเปล่าคะอากร้าว”
กร้าวฝืนยิ้ม ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไร อามีธุระต้องรีบไป อาไปก่อนนะ”
กร้าวหันมาจากกรวิกสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขึ้งเครียดอีกครั้ง เดินออกไป
ปรารภเดินมาส่งอรชาที่ หน้าบ้านมโนรมย์ เสียงมือถือปรารภดังขึ้นเขากดรับสาย
“ว่าไง มีอะไร”
อรชาหยุดมองปรารภ
“ได้...ไม่เป็นไร มีปัญหาอะไรนายตัดสินใจแทนฉันได้เลย”
ปรารภวางสายหันมาบอกอรชา
“ไม่มีอะไรครับ งานมีปัญหานิดหน่อย”
อรชาเป็นห่วง
“ช่วงนี้อรรบกวนคุณมากเหลือเกิน”
“ผมเต็มใจครับ”
“แต่อรควรจะเข้มแข็งกว่านี้ จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณ”
ปรารภหัวเราะ
“ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมเต็มใจ”
อรชายังเกรงใจ
“คุณรภจะกลับไปทำงานเลยก็ได้นะคะ”
ปรารภชะงัก คิดว่าโดนไล่
“ครับ...ถ้าคุณอรอยากอยู่คนเดียว”
อรชาตกใจ เพราะไม่ได้คิดจะไล่
“คุณรภ...!”
ปรารภฝืนยิ้ม
“ผมรู้ครับ ว่าคุณอรอ่อนโยนเกินกว่าจะไล่ใครตรงๆ ผมแค่อยากดูแลคุณอร...แต่ถ้าคุณอรเห็นว่าผมเกะกะ ผมก็เข้าใจครับ”
ปรารภหันกลับ เดินออกไป อรชามองตาม อึ้ง ค้าง
ปรารภเดินคอตกกลับออกมา แต่อรชารีบตามมาคว้ามือดึงไว้
“อรไม่เคยเห็นคุณรภเกะกะเลยนะคะ”
ปรารภชะงัก หันกลับมา อรชาสบตาตัดสินใจบอกเผยความอ่อนแอในใจ
“คุณรภอยู่ด้วยอรรู้สึกอบอุ่น...ตอนนี้ที่นี่ไม่เหลือใครแล้ว ไม่รู้ว่าชายธงจะช่วยนุชออกมาได้ไหม แต่อรไม่อยากให้คุณรภต้องกลุ้มใจไปด้วย”
ปรารภดีใจ กุมมืออรชา
“ผมยินดีกลุ้มใจไปกับคุณอรครับ”
ทั้งสองสบตากัน มีรอยยิ้มอบอุ่นใจ ทันใดนั้นเสียงลลิตาสั่งแหวนดังเข้ามา
“ขนไปทิ้งให้หมด”
อรชาและปรารภแปลกใจ...ลลิตาสั่งแหวนให้เอาของอรชามาทิ้งหน้าบ้าน อรชาและปรารภเข้ามา
“นี่มันของอร พี่ลิต้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับของๆ อร”
“บ้านนี้เป็นของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ ต่อไปนี้แกไม่ต้องมาเหยียบบ้านนี้อีก”
“ไม่ อรไม่ไป ที่นี่บ้านอร”
ลลิตาโกรธตบหน้าอรชา
“โอ๊ย”
“พูดดีๆ ไม่ชอบ อยากเจ็บตัวใช่มั้ย”
ลลิตาเงื้อมือจะทำร้ายอรชาอีก ปรารภจับมือลลิตาไว้
“ปล่อยฉันนะ”
ปรารภตบหน้า ลลิตาตกใจโกรธ
“ไอ้รภ แกตบหน้าฉันทำไม ฉันเป็นญาติแกนะ แกต้องเข้าข้างฉันถึงจะถูก”
“ถึงเป็นญาติ ถ้าทำผิด ผมก็ไม่เข้าข้าง ลิต้าทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว”
“ออกไปจากบ้านฉันให้หมด ออกไป” ลลิตาหันไปสั่งการ์ด “ไล่พวกมันออกไปให้หมด”
ปรารภรีบพาอรชาออกจากบ้านไป
ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ปรารภพาอรชามาในสถานที่แห่งหนึ่ง อรชาสะท้อนใจร้องไห้น้ำตาไหลพราก
“แม้แต่บ้านตัวเอง อรยังกลับไปไม่ได้”
ปรารภปลอบ
“ผมว่าช่วงนี้คุณอรพักที่โรงพยาบาลไปก่อนดีกว่าครับ คุณอรจะได้เฝ้าคุณสิตและเพื่อความปลอดภัยของคุณอรเองด้วย”
“แล้วจะปล่อยให้พี่ลิต้าครอบครองบ้านวิชเวทย์เหรอคะ”
“ถอยหนึ่งก้าวมาตั้งหลัก ไม่ได้หมายความว่าเรายอมแพ้นะครับค่อยๆ คิดหาทางแก้ปัญหากันดีกว่า”
อรชาคล้อยตาม
“ขอบคุณนะคะ”
ปรารภและอรชาสบตากัน อรชาซึ้งใจที่ปรารภคอยอยู่ข้างๆ เธอเสมอ
ชายธงกระโดดเข้ามาในรั้วบ้านกร้าว ลูกน้องสองคน กำลังเดินมาทางนั้น ชายธงรีบหลบ ลูกน้องได้ยินเสียงสวบสาบ หันมอง
“อะไรวะ”
ชายธงที่แอบอยู่รู้ว่าลูกน้องรู้ตัว ก้มหยิบก้อนหินแล้วปาไปอีกทาง ลูกน้องได้ยินเสียงอีกทางก็หันมอง แต่ไม่เห็นอะไร ลูกน้องหันไปถามเพื่อน
“ทำไมได้ยินเสียงเหมือนมีใคร”
“ก็นกหนูตามเรื่องล่ะวะ จะมีใคร”
ลูกน้องทั้งสองเดินออกไปอย่างไม่ติดใจสงสัย ชายธงออกมาจากที่ซ่อน รีบหลบเข้าบ้านไป
ชายธงแอบเข้าบ้านมาอย่างรีบร้อน แต่ต้องเบรกเอี๊ยดเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังเดินมา เขารีบหาที่ซ่อน ขำเดินผ่านไป ไม่เห็น ชายธงออกมาจากที่ซ่อน รีบขึ้นบันไดไป...ชายธงขึ้นมา มองรอบๆอย่างระวังตัวที่ประตูห้องอนุช เห็นว่ามีสายยู คล้องกุญแจไว้ เขาเดินไปที่ห้องนั้น คอยหันมองอย่างระวังตัว
อนุชนั่งกอดเข่าอยู่ในห้อง ทั้งเบื่อทั้งเศร้า ได้แต่ครุ่นคิด เสียงประตูเปิด อนุชหันไปมองแล้วต้องตกใจ ชายธงเข้ามา
“ชายธง มาที่นี่ได้ยังไง!”
“เราแอบพวกลูกน้องของนายกร้าวเข้ามา นุชต้องหนีจากที่นี่!”
“เกิดอะไรขึ้นชายธง รู้เรื่องที่ให้สืบแล้วรึยัง ตกลงคุณกร้าวต้องการอะไร!”
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยนุช รีบหนีไปจากที่นี่ก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า!”
ชายธงดึงมืออนุช รีบพาออกไป
ชายธงกับอนุชหนีลงมาด้านล่าง แต่ดันเจอขำที่เดินกลับมาพอดี อนุชเข้าไปหา
“ขำ! มาตั้งแต่เมื่อไร”
“คุณชาติให้ขำมาช่วยงานที่นี่ค่ะ แล้วนี่คุณนุชจะไปไหน!”
ชายธงรีบเข้ามาล็อคตัว ปิดปากขำไว้ อนุชตกใจ
“ชายธง จะทำอะไรน่ะ!”
“จะให้ขำไปบอกพวกลูกน้องนายกร้าวหรือไง!...ขอโทษนะขำ แต่พวกเราจำเป็น”
ชายธงลากขำกลับขึ้นไปชั้นบน อนุชมองตามอย่างเป็นห่วง
“ชายธง อย่าทำอะไรรุนแรงนะ!”
“ไม่ต้องห่วง แค่จะพาขำไปไว้ที่ห้องนุช มันมีกุญแจล็อคจากด้านนอก”
อนุชมองตามชายธงที่พาขำขึ้นบันไดหายไป อนุชรำพึง
“ขอโทษนะ ขำ...”
อนุชหันกลับมาแล้วต้องตกใจ กร้าวพาตำรวจ 2 คนเข้ามา กร้าวมองอนุชด้วยสีหน้าขึงขัง
ส่วนชายธงรีบร้อนลงบันไดมา แต่ไม่เห็นอนุชก็แปลกใจ จึงเดินออกไปมองหา
“นุช...นุช...”
จู่ๆ ตำรวจก็เข้ามารวบตัวชายธงล็อคไว้จากด้านหลัง ขณะที่กร้าวพาอนุชเดินออกมา ชายธงแค้นที่หลงกล
“ไอ้กร้าว!”
กร้าวแจ้งกับตำรวจทันที
“นายนี่มาดูลาดเลาที่บ้านผมหลายหนแล้ว คงจ้องขโมยเมียผมอยู่ รบกวนคุณตำรวจช่วยพาออกไปทีเถอะครับ”
ตำรวจรับทราบ แล้วลากชายธงออกไป อนุชตามไป อ้อนวอนขอร้องด้วยความเป็นห่วง
“คุณตำรวจ ขอร้องเถอะค่ะ อย่าทำอะไรรุนแรงนะคะ”
กร้าวตามมาดึงอนุชไว้ พูดเหน็บด้วยความหึงหวง
“เป็นห่วงกันจริงนะ!”
กร้าวเข้ามานั่งในห้องรับแขก อนุชเดินมากับขำ เธอเป็นคนไปปล่อยขำออกมา
“ขอโทษนะขำ”
ขำพยักหน้าและยิ้มให้อย่างเข้าใจ แล้วออกไป อนุชหันมามองกร้าว เดินเข้าไปหา
“คุณกร้าว ฉันขอร้อง อย่าเอาเรื่องชายธงเลยนะ”
กร้าวหันมองอนุชอย่างไม่พอใจ แล้วหันกลับไป อนุชยิ่งร้อนใจ เข้ามาขอร้องอีก
“ชายธงทำไปเพราะเป็นห่วงฉันเท่านั้นเอง อย่าให้เขาต้องเดือดร้อนเพราะฉันเลยนะคุณกร้าว”
กร้าวยิ่งหึงหวงโดยไม่รู้ตัว
“ดูเหมือนมันจะเต็มใจเดือดร้อนเพราะคุณนะ”
“ขอร้องล่ะคุณกร้าว ถอนแจ้งความเถอะนะ แล้วคุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้”
กร้าวจ้องหน้าอนุช ทั้งโกรธทั้งรัก
“ทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ”
อนุชชะงัก ชักนึกหวั่น กร้าวชี้ที่ปาก
“จูบผมก่อน”
อนุชทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ เพราะเขาทำเหมือนเธอไม่มีหัวใจจะบังคับให้ทำอะไรก็ได้
“ตกลงจะทำไหม หรือจะให้ชายธงนอนในคุกซักคืน”
อนุชเจ็บใจ แต่ต้องยอมเข้ามา ยื่นหน้าเข้ามา ใกล้จะจูบ แต่น้ำตาร่วงเผาะ กร้าวฉุน ผละออกไป
“ถ้าฝืนใจนักก็ไม่ต้อง”
อนุชรีบดึงมือกร้าวไว้ กลัวเขาจะไม่ยอมช่วยชายธง
“คุณกร้าว...”
กร้าวใจอ่อนยวบแล้ว แต่ก็ยังตีหน้ายักษ์ ดึงมืออนุชออกมาหยุดยืน แล้วหยิบมือถือออกมา
“ครับหมวด... ผมอยากจะขอถอนแจ้งความนายชายธง...ช่างมันเถอะครับ เป็นเรื่องเข้าใจผิด...ขอบคุณมากครับ”
กร้าววางสาย หันมองอนุชแล้วหันออกไป
ค่ำนั้น กร้าวนั่งอ่านเอกสารงาน หน้าเคร่งเครียด อนุชถือถาดใส่ชามขนม กับน้ำส้มคั้นเข้ามามอง แล้วยกมาให้
“ฉันทำผลไม้ลอยแก้วมาให้ พักทานก่อนนะคะ”
กร้าวมองอย่างสงสัย
“มีแผนอะไรอีก”
อนุชถอนใจ
“ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันอยากขอบคุณ ที่คุณไม่เอาเรื่องชายธง”
กร้าวได้ยินว่าอนุชทำเพื่อชายธงยิ่งไม่พอใจ ก้มหน้าดูงานต่อ
“ยกออกไป ผมไม่กิน”
อนุชหน้าเสียพยายามง้อ
“งั้นดื่มน้ำส้มหน่อยนะ ฉันเพิ่งคั้นมา”
กร้าวเงยหน้ามองอย่างเย็นชา
“อย่าพยายามทำอะไรตอบแทนผมอีกเลย เพราะมันยิ่งทำให้รู้ว่าคุณเห็นชายธงสำคัญกว่าผม ซึ่งเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย!”
อนุชชักโมโห
“ที่เราต้องแต่งงานกันเป็นเพราะอะไรคุณก็น่าจะรู้ดี ความจริงเราต่างก็ไม่ได้รักกัน อย่าลืมว่าคุณเป็นคนพูดเองว่าเห็นฉันเป็นแค่นางบำเรอ!”
“นางบำเรอ...ก็ใช่...”
กร้าวลุกขึ้นมา ย่างสามขุมเข้าหา อนุชเห็นท่าทีเขาก็ชักกลัวขยับถอยหลัง
“งั้นคุณก็น่าจะรู้หน้าที่...เพราะมันไม่ใช่การทำขนมหรือคั้นน้ำส้มแน่นอน”
กร้าวเดินเข้าหาอย่างรุกราน จนอนุชหลังชนกำแพง ไม่สามารถหนีไปได้อีก เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ เธอได้แต่มองอย่างกลัวๆ พอดีขำเข้ามาเห็นเข้า ก็ร้องอย่างตกใจ
“ว้าย!”
กร้าวผละออก ขำยิ้มแหยๆ
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ...ขำยังไม่ชินซะที ลืมไปว่าอยู่ในบ้านคู่รักข้าวใหม่ปลามัน”
อนุชสบโอกาส รีบชิ่งหลบออกไปทันที
วันต่อมา พอลลิตาโทร.เช็คอาการอสิตกับทางโรงพยาบาล แล้วก็ต้องตกใจ
“ว่าไงนะ คุณอสิตพ้นขีดอันตรายแล้ว”
ลลิตาวางสาย กังวลร้อนรนไปหมด
“ทำไมมันไม่ตายๆ ไป!”
ลลิตากังวล คิดหาทางเอาตัวรอด
ลลิตาตรงดิ่งมาหากร้าวที่บริษัท พูดจาออดอ้อน
“คุณกร้าวขา ตอนนี้คุณได้ทุกอย่างของวิชเวทย์ตามที่คุณต้องการแล้ว เราไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ”
กร้าวสงสัย เพราะยังไม่รู้ว่าลลิตา กรอกยา หวังฆ่าอสิต
“ทำไมต้องไปจากที่นี่ มีอะไรรึเปล่า”
ลลิตาท่าทางมีพิรุธอึกอัก
“ปละ เปล่า ไม่มีอะไรค่ะ ลิต้าแค่อยากอยู่กับคุณ อยากไปที่ๆ มีแค่เราสองคน”
ลลิตาออดอ้อน กร้าวมองนิ่งๆ แต่พอมองออกว่าต้องมีอะไรผิดปกติ ลลิตาจะจูบ กร้าวนิ่ง เหมือนจะยอม จนเธอเข้ามาใกล้
“นะคะคุณกร้าว ไปจากที่นี่ ไปที่ๆ มีแค่เราสองคน”
จู่ๆ กร้าวก็ผลักเธอออก เขย่าตัวลลิตาคาดคั้น
“คุณก่อเรื่องอะไรไว้ บอกผมมาเดี๋ยวนี้!”
ลลิตาหน้าเสีย
กร้าวตกใจมากพอรู้เรื่อง
“อสิตเข้าโรงพยาบาล” เขานึกรู้ “ฝีมือคุณใช่มั้ย คุณทำอะไรเขา”
ลลิตายืนยันเสียงแข็ง
“ลิต้าไม่ได้ทำ...สิตเขารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ทั้งเรื่องที่เราจะขายบริษัทรัตนกิจกับคฤหาสน์มโนรมย์และเรื่องหนี้ร้อยล้าน ก็เลยกินยาฆ่าตัวตาย”
กร้าวอึ้ง
“คุณก็รู้ว่าสิตเป็นคนอ่อนแอ”
กร้าวเครียด
“แล้วเขาเป็นอะไรรึเปล่า”
“ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ แต่ยังไม่ฟื้น”
กร้าวเครียด มองหน้าลลิตา
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่ฝีมือคุณ”
“ลิต้าไม่รู้เรื่องจริงๆ สิตไล่คนของคุณกลับบ้าน ไล่ลิต้าออกจากห้องแล้วเขาก็...”
ลลิตาบีบน้ำตา ออดอ้อน
“ลิต้ากลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย ไหนๆ พรุ่งนี้จะเซ็นสัญญาขายหุ้นรัตนกิจแล้ว เรารีบขายมโนรมย์ แล้วไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ”
กร้าวมีสีหน้าเครียดเคร่ง ไม่สบายใจที่เรื่องบานปลายเกินควบคุม
ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 12 (ต่อ)
เย็นนั้นพอกร้าวกลับเข้าบ้านมา ก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอน อนุชเห็นหน้าก็งอนที่ขังตนไว้ในห้อง เธอจะเดินหนีออกจากห้อง กร้าวดึงแขนรั้งไว้
“จะไปไหน”
“คุณบอกเองว่าถ้าคุณไม่อยู่บ้าน ฉันต้องอยู่แต่ในห้อง ตอนนี้คุณกลับมาแล้ว ฉันจะไปยืดเส้นยืดสายบ้าง”
อนุชจะออกไป กร้าวดึงมากอดไว้ เพราะรู้สึกผิดต่อเธอที่ทำให้เกือบสูญเสียพี่ชายไป อนุชงง คิดว่าเขาจะล่วงเกินอีก เลยผลักไสออก
“คุณจะทำอะไร”
“ช่วยอยู่นิ่งๆ สักครู่ได้มั้ย”
กร้าวกอดนิ่งๆ อนุชอึ้ง เลิกขัดขืน ยืนนิ่งให้เขากอดโดยดี
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ”
กร้าวพูดไม่ได้ จำต้องโกหก
“เปล่า ไม่มีอะไร”
กร้าวไม่สบายใจ อนุชงง ไม่เข้าใจว่าเขามาอารมณ์ไหน
เช้าวันใหม่อนุชออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวเสร็จแล้ว ออกมาเจอกร้าวยืนหน้าเข้ม รออยู่หน้าห้องน้ำ เขาแต่งชุดสูท อนุชตกใจ
“คุณกร้าว”
กร้าวสั่งนิ่งๆ
“เปลี่ยนเสื้อซะ”
กร้าวก้าวเข้ามาใกล้ อนุชถอยหนี ระแวง
“คุณจะทำอะไร”
“ให้คุณทำหน้าที่ภรรยาไง”
อนุชคิดว่ากร้าวจะปลุกปล้ำอีก
“อย่าเข้ามานะ”
“อะไรของคุณ ผมแค่บอกให้คุณเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้ผมจะพาคุณไปข้างนอก คุณคิดว่าผมจะทำอะไร”
อนุชหน้าแตก กร้าวขำนิดๆ แล้วออกจากห้องไป อนุชดีใจที่จะได้ออกจากบ้าน
อรชาและปรารภเดินคุยกันมา ปรารภถือถุงของกินของใช้ที่เพิ่งไปซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต โทรศัพท์ดังขึ้น อรชารับสายดีใจ
“ว่าไงนะคะ พี่สิตฟื้นแล้ว”
อรชายิ้มกับปรารภ
อรชาเข้ามากอดอสิตที่ยังนอนอยู่บนเตียง เธอร้องไห้ออกมา
“ตอนที่พาพี่สิตออกมาจากบ้าน อรคิดว่าจะต้องเสียพี่สิตไปแล้ว”
อสิตลูบหัวน้องสาวปลอบอ่อนโยน
“พี่ก็หายแล้วไง จะร้องไห้ทำไม”
ปรารภถามอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”
อสิตชะงัก สีหน้าเจ็บปวด อรชากลัวคำตอบ มองหน้ากับปรารภ
“ลิต้าใช่ไหมครับ”
อสิตพยักหน้ารับน้ำตารื้น
“เขาหมดรักพี่แล้ว เลยคิดกำจัดพี่ให้พ้นทาง จะได้รักกับคุณกร้าวได้อย่างเปิดเผย”
อรชาแย้ง
“คุณกร้าวไม่ได้รักพี่ลิต้าค่ะ แต่ที่เขาทำทั้งหมดเพราะต้องการแก้แค้นวิชเวทย์”
อสิตแปลกใจ
“แก้แค้นวิชเวทย์”
“ค่ะ คุณกร้าว...”
อรชาจะเล่า แต่ทนายโทร.เข้ามือถืออรชาพอดี เธอกดรับสาย
“อะไรนะคะ!”
อรชารีบบอกอสิตในท่าทีตื่นตกใจ
“คุณกร้าวเชิญผู้ถือหุ้นมาเป็นสักขีพยานการในขายรัตนกิจ!”
กร้าวพาอนุชมาที่บริษัทรัตนกิจ อนุชสงสัย
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ไปดูให้เห็นกับตาตัวเองเลยดีกว่า”
อนุชระแวง ไม่สบายใจ...กร้าวพาอนุชเข้ามาในห้องประชุม มีคนรออยู่เต็มไปหมด ทั้งผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ในบริษัท และผู้ที่จะมาซื้อหุ้นจากลลิตา ซึ่งเป็นหุ้นใหญ่ของวิชเวทย์ ลลิตาเขม่น ไม่พอใจอนุช กร้าวแนะนำ
“คุณอนุช วิชเวทย์ ภรรยาของผมครับ”
อนุชมองเขาด้วยความสงสัยว่าเขาจะทำอะไรกันแน่ ลลิตาไม่พอใจ แต่จำต้องยิ้มแย้มทักทายอนุช
“นุชจ๋า นั่งนี่สิจ๊ะ”
อนุชจึงนั่งลงข้างลลิตา ใต้โต๊ะ ลลิตาแกล้งเหยียบเท้าอนุชด้วยรองเท้าส้นเข็ม อนุชเจ็บ ลลิตายิ้มร้าย ทำนิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลลิตาขยี้เท้าเต็มแรง อนุชเจ็บ พยายามจะขยับเท้าหนี แต่ทำไม่ได้ เลยแกล้งยกเท้าอีกข้างเตะเท้าลลิตาจนรองเท้าลลิตากระเด็นไปโดนผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง
“ว้าย” ลลิตาตกใจ
ผู้ถือหุ้นเก็บรองเท้ามาคืนให้ ลลิตาหน้าเสีย
“ขอโทษค่ะ”
ลลิตาเสียหน้า โกรธจัด อนุชยิ้มเย้ย กร้าวตัดบท
“มากันพร้อมแล้ว เชิญลงนามในสัญญาได้เลยครับ”
อนุชสงสัย
“ลงนามอะไรคะ”
ลลิตายิ้มเย้ย
“อะไรกัน ไม่รู้เหรอ วันนี้เราจะเซ็นสัญญาขายรัตนกิจ”
อนุชตกใจมาก
“ขายรัตนกิจ!”
“ใช่ ฉันได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินการแทนอสิตในการทำธุรกรรมทุกอย่างของรัตนกิจ ส่วนเธอก็มาร่วมลงชื่อเป็นพยานในฐานะวิชเวทย์คนหนึ่ง”
อนุชโกรธ ผุดลุกขึ้น
“นุชไม่เชื่อว่าพี่สิตจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ นุชจะคุยกับพี่สิต!”
“ไม่มีประโยชน์ เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เซ็นสัญญาเท่านั้น”
อนุชทำอะไรไม่ได้ มองกร้าวอย่างขอคำอธิบาย กร้าวจำต้องนิ่ง อนุชเสียใจและโกรธหนีออกจากห้องไป ทุกคนในที่ประชุมต่างแปลกใจ
“ขอตัวสักครู่นะครับ”
กร้าวตามอนุชไป ลลิตาไม่พอใจอนุช
กร้าวตามมาดึงไว้ อนุชพยายามสะบัด
“ปล่อยฉัน”
แต่กร้าวไม่ปล่อย
“กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้!”
“ไม่! ฉันไม่ยอมให้คุณทำลายรัตนกิจที่คุณพ่อของฉันสร้างมากับมือ”
กร้าวโกรธ
“สร้างมากับมืองั้นเหรอ ถ้าไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า”
“ทำไม ฉันไม่รู้อะไร”
กร้าวไม่ตอบ แต่ฉุดกระชากลากถูเธอออกไป
กร้าวฉุดลากอนุชมาที่มุมหนึ่งในบริษัท
“กลับเข้าไป”
“ไม่!”
อนุชขัดขืนแล้วตะโกน
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
กร้าวรีบปิดปากอนุช ไม่อยากให้ใครสงสัย แล้วขู่
“อย่าลืมว่าคุณสิตอยู่กับผม ถ้าอยากให้พี่ชายคุณปลอดภัย คุณต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง!”
“คุณขู่ฉันเหรอ”
กร้าวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทำท่าจะโทร.ออก
“ผมไม่ได้ขู่”
อนุชห่วงอสิต จึงจำต้องหยุดร้อง
“อย่านะ ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรพี่สิต อย่าขายรัตนกิจ ฉันขอร้อง”
“คุณขอผมมากเกินไป ผมให้คุณได้ข้อเดียวเท่านั้น เลือกเอาระหว่างชีวิตของพี่ชายคุณกับรัตนกิจ คุณจะเลือกอะไร”
อนุชเครียด
“ฉันเลือกไม่ได้!”
กร้าวดุ
“คุณต้องเลือก!”
“ไม่!”
“งั้นผมเลือกให้”
กร้าวทำทีเป็นโทร.สั่งให้ลูกน้องทำร้ายอสิต เป็นแค่การโกหกหลอกอนุช
“ฮัลโหล”
อนุชรีบกดวางสาย
“อย่า! ฉันยอมแล้ว ตกลง ฉันจะกลับเข้าไป”
อนุชร้องไห้ เจ็บใจ จะออกไป
“เดี๋ยว!”
กร้าวเช็ดน้ำตาให้ ใจอ่อนยวบ แต่ทำเป็นปากแข็ง
“เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย ถ้าเห็นน้ำตาคุณ!”
อนุชนั่งนิ่ง หน้าเศร้า เจ็บปวดใจที่สุดที่ต้องมาลงชื่อเป็นพยานในการซื้อขายบริษัทรัตนกิจ คู่ค้าเซ็นก่อนแล้วเลื่อนเอกสารไปตรงหน้ากร้าวและลลิตา กร้าวและลลิตาเซ็น แล้วเลื่อนเอกสารไปตรงหน้าอนุช เธอหยิบปากกา จ้องเอกสารตรงหน้าอย่างสะเทือนใจมองกร้าวด้วยความโกรธเกลียด เจ็บใจ
อนุชจรดปากกา กำลังจะเซ็นเป็นพยาน
อสิตเข็นรถมาพร้อมอรชาและปรารภมาถึงบริษัท ทั้ง 3 คนรีบร้อนเข้าไปในบริษัท รปภ. ซึ่งเป็นคนของกร้าวเห็นพวกอสิต ก็รีบโทร.รายงานกร้าว
อนุชเซ็นเป็นพยาน กร้าวและลลิตายิ้มให้คู่ค้า เลขากร้าวเก็บเอกสารสัญญา ทุกฝ่ายลุกขึ้นจับมือกัน โทรศัพท์ดัง กร้าวรับสายตกใจ
“มาที่นี่เหรอ ขอบใจ”
กร้าววางสาย
“เสร็จธุระแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ลลิตารีบถาม
“จะรีบไปไหนล่ะคะ”
กร้าวกระซิบลลิตา
“อสิตกำลังขึ้นมาที่ห้องนี้”
ลลิตาตกใจมาก กร้าวหันไปหาอนุช
“ไปกันเถอะ”
กร้าวแตะแขน อนุชสะบัด โกรธเดินออกไปเอง กร้าวตามไป ลลิตาหน้าเสีย แล้วนึกได้ แกล้งทำท่าจะเป็นลม ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ รีบประคอง
“คุณลิต้า!”
“เอ่อ ลิต้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย”
ผู้ถือหุ้นจึงประคองลลิตาออกจากห้องไป
อสิต อรชาและปรารภรอลิฟต์อย่างกระวนกระวายใจ พอลิฟต์มา อสิต อรชา ปรารภรีบเข้าลิฟต์
แต่พอลิฟต์ปิด ลิฟต์อีกตัวก็เปิดออก กร้าวและอนุชออกมาจากลิฟต์ คลาดกันจนได้
อสิต อรชาและปรารภมาถึงห้องประชุม พวกผู้ถือหุ้นที่เหลืออยู่ต่างฮือฮาแปลกใจที่อสิตมา
“ไอ้กร้าวกับลิต้าอยู่ที่ไหน!”
“กลับไปแล้วครับ”
อสิตมองไปเห็นเอกสารบนโต๊ะก็คิดว่าเป็นสัญญา รีบเข็นรถไปที่โต๊ะประชุม
“ไหน สัญญาบ้านั่นอยู่ไหน”
อสิตอาละวาดฉีกทำลายกระดาษบนโต๊ะทั้งหมด พวกพนักงานและผู้ถือหุ้นต่างตกใจ เข้ามาห้าม อสิตดิ้นรน ไม่ให้ใครจับตัวได้ จนล้มลงจากรถเข็น
“ผมไม่ขายรัตนกิจ ผมไม่มีวันขายบริษัทของพ่อผม”
อรชาและปรารภมาห้ามอสิต อรชาเจ็บปวด
“พอเถอะค่ะพี่สิต เรามาไม่ทัน”
“ไม่! รัตนกิจต้องเป็นของวิชเวทย์! เอารัตนกิจคืนมา เอาคืนมา...”
อสิตทำใจไม่ได้ โวยวายเสียงดังลั่น
ลลิตารีบร้อนเก็บของออกจากบ้าน กลัวความผิดที่วางยาอสิต
“อยู่ไม่ได้แล้ว!”
กร้าวดึงอนุชกลับมาบ้าน อนุชสะบัด
“คุณร่วมมือกับพี่ลิต้าขายรัตนกิจ คุณทำแบบนี้ทำไม รัตนกิจมีคุณค่าสำหรับพวกเรา เป็นบริษัทที่คุณพ่อสร้างมากับมือ แต่คุณทำลายมันหมดสิ้น”
อนุชทุบตีเขาด้วยความโกรธ กร้าวจับมือเธอไว้
“สร้างมากับมือเหรอ พ่อคุณไม่ได้สร้างรัตนกิจมาคนเดียว”
“หมายความว่าไง”
“พ่อคุณกับพ่อผมเคยเป็นเพื่อนรักกัน เป็นหุ้นส่วนสร้างรัตนกิจมาด้วยกัน แต่พ่อคุณใช้วิธีสกปรก โกงรัตนกิจไปคนเดียว”
อนุชตกใจ ไม่อยากเชื่อ
“ไม่จริง คุณโกหก”
“ผมพูดเรื่องจริง”
“พ่อฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“ไม่ใช่แค่นี้หรอก มากกว่านี้พ่อคุณก็ทำได้ พ่อคุณไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณคิดหรอก”
“อย่ามาว่าพ่อฉัน คุณไม่มีสิทธิ์”
กร้าวเขย่าตัวอนุช
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ พ่อคุณมันเห็นแก่ตัว ทำได้ทุกอย่างแม้แต่หักหลังเพื่อน”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากฟัง หยุด!”
อนุชตบหน้า กร้าวชะงัก อนุชเสียใจ รีบหนีออกไป กร้าวเจ็บปวดเมื่อพูดถึงเรื่องในอดีต
อนุชร้องไห้เข้ามาในห้องนอน เธอเสียใจและตกใจกับเรื่องที่เขาบอก
“ไม่จริง คุณพ่อไม่ใช่คนแบบนั้น”
อสิต อรชาและปรารภมาถึงบ้าน บริเวณหน้าบ้าน มีชายหญิง 2-3 คนซึ่งเป็นเจ้าของใหม่ที่ซื้อบ้านจากลลิตา กำลังดูบ้าน อสิตเข้าไปถาม
“พวกคุณเป็นใคร มาทำอะไรในบ้านผม”
“ฉันซื้อบ้านนี้จากคุณลิต้า”
อสิต อรชาและปรารภต่างตกใจ
“พี่ลิต้าขายมโนรมย์!”
“โกหก ออกไป ผมไม่ขาย ไป๊”
อสิตไปเปิดสายยางฉีดน้ำไล่ชายหญิงกลุ่มนั้นจนกระเจิงออกจากบ้านไป
อรชา อสิต ปรารภและทนายนั่งคุยกันในห้องรับแขกบ้านวิชเวทย์ อสิตตกใจ
“ต้องย้ายออกภายในหนึ่งเดือน!”
อสิตเครียด อรชาพยายามแย้ง
“แต่พวกเราไม่รู้เรื่องด้วย พี่ลิต้าทำโดยพลการ”
ทนายน้ำเสียงจริงจัง
“คุณลลิตามีเอกสารทุกอย่าง รวมทั้งเอกสารมอบอำนาจจากคุณอสิต”
“ลิต้าหลอกให้พี่เซ็นเอกสารทั้งหมด พี่ผิดเองที่หลงเชื่อลิต้า พี่ผิดเอง”
อสิตเสียใจ เอาแต่โทษตัวเอง อรชาสงสารพี่ชายจับใจ
ครู่ต่อมาอรชากับปรารภช่วยกันประคองอสิตมานอนบนเตียง
“พี่สิต เป็นยังไงบ้างคะ”
“พี่ไม่เป็นไรแล้ว อรกับรภออกไปเถอะ”
อรชาชะงักเป็นห่วง
“แต่...”
อสิตสวนทันที
“ออกไปเถอะอร พี่ขออยู่คนเดียว”
อรชามองอสิตอย่างเป็นห่วง ปรารภพยักหน้าชวนอรชาออกไป พอทั้งสองออกไปแล้ว อสิตอาละวาดทำลายข้าวของใกล้ตัวด้วยความเจ็บใจที่โดนคนที่รักหักหลัง
อรชาเดินมองบ้านอย่างอาลัย ปรารภตามมาด้านหลัง มองอย่างเห็นใจ
“อรโตมาที่นี่ อยู่ที่นี่มาตลอด...” เธอเอามือแตะเสาบ้าน แตะต้นไม้ “อรรักทุกอย่างที่นี่...แต่วันนี้ อรไม่ใช่เจ้าของมันแล้ว”
อรชาซบหน้าลงกับเสาตรงระเบียงบ้าน ร้องไห้ ปรารภสงสารเข้ามาจับไหล่เธอหันมา ทั้งสองสบตากัน อรชารู้ถึงความห่วงใย ซบหน้าร้องไห้กับอกเขา ปรารภลูบผมเธอปลอบ
“คุณรภ...อรไม่เหลืออะไรแล้ว”
“คุณอรอาจจะไม่เหลือบ้าน ไม่เหลือบริษัท...แต่คุณอรพูดไม่ได้หรอกครับว่าไม่เหลืออะไร”
อรชาผละออกมา มองสบตาปรารภ
“คุณอรยังเหลือชีวิตที่ต้องสู้ต่อ คุณอรยังเหลือผม ที่จะไม่ไปไหน...ผมจะอยู่เคียงข้าง จะดูแลคุณอรอย่างนี้ตลอดไป”
อรชาอึ้ง
“คุณรภ...”
“แต่งงานกับผมนะครับ ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณอร”
อรชาอึ้งไป ค่อยๆ ผละหันหลังจากเขา
“คุณยังไม่ลืมคุณกร้าว...” ปรารถนึกรู้
“อรรู้ว่าเขาเป็นคนเลว ที่ผ่านมา เขาแค่ต้องการใช้อรเป็นเครื่องมือล้างแค้น...แต่อรเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อ มีหัวใจ...จะให้อรลืมเขาง่ายๆ อรทำไม่ได้ค่ะ”
ปรารภผิดหวัง แหวนมาแอบมองอยู่มุมหนึ่ง
ลลิตาอยู่ที่บ้านกร้าว คุยมือถือที่แหวนโทร.มารายงาน
“แล้วสิตเป็นยังไงบ้างนังแหวน ช้ำใจตายไปรึยัง”
อนุชเดินเข้ามาได้ยินพอดี ลลิตาฟังมือถือแล้วหัวเราะสะใจ อนุชทนไม่ไหว เข้ามากระชากมือถือลลิตาปาทิ้ง
“ยัยนุช ทำบ้าอะไร!”
“พี่ลิต้าต่างหาก เป็นบ้าอะไร ฟังความทุกข์ของคนเคยรักแล้วยังหัวเราะหน้าตาเฉย!”
“ใครบอกว่าฉันเคยรักพี่ชายเธอ”
อนุชอึ้ง
“พี่ลิต้า...”
“ฉันแค่ต้องการคนโง่ๆ สักคนมาเลี้ยงดูฉัน...แล้วที่ผ่านมา พี่ชายเธอก็เป็นชายโง่คนนั้น”
อนุชโกรธ กำมือแน่น...ด้านหลังอนุช กร้าวเข้ามายืนมองอยู่ ลลิตาเห็นกร้าวยืนเฉย ไม่เข้ามาปกป้องอนุชก็ยิ่งได้ใจ ยิ่งยั่ว
“ทำไม รับไม่ได้เหรอ เอาซี่ ตบเลย ดูว่าถ้าคุณกร้าวมาเห็นเขาจะเข้าข้างใคร”
“ฉันไม่อยากเปลืองมือ ไปแตะต้องผู้หญิงอย่างเธอ!”
อนุชหันกลับไปจึงเห็นกร้าวยืนมองอยู่ด้วยสีหน้าเฉยชาไม่คิดจะปกป้องเธอเหมือนทุกครั้ง อนุชยิ่งน้อยใจ ทั้งโกรธลลิตาจึงวิ่งหนีไป
โปรดติดตาม "ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง" ตอนที่ 13