อาญารัก ตอนที่ 12
สนกับช้อยและทานตะวันช่วยกันจับเนื้อทองกดหน้าลงกับต้นมะขาม มัดมือทั้งสองข้างโยงไว้กับต้นมะขาม ขุนภักดีลงมือโบยหลังเนื้อทองจนเลือดไหลซิบๆ
“กูจะฆ่ามึง มึงมันใจร้ายอยากฆ่าลูกกูให้ตายทำไม” ขุนภักดีทั้งโกรธแค้นผสมเมากึ่มๆ
พวกบริวารยืนมองท่าทีตื่นตระหนก
“ไม่จริงค่ะ หนูไม่เคยคิดเช่นนั้น” เนื้อทองเถียง
“อีปากแข้ง อีลูกโจรดำ มึงจะรับสารภาพไหมว่ามึงจงใจฆ่าลูกกู”
“หนูไม่ได้ทำค่ะ”
“นางผู้ร้ายลูกชู้มันใจดำ พี่ขุนขา มันหนังหนาหน้าด้านหน้าทนทั้งแม่ทั้งลูกค่ะ ตีมันเบาไปมันถึงไม่สารภาพ” สนยุส่ง
“แรงๆ สิคะ โบยมันตีมันแรงๆ กว่าเดิมให้มันรู้จักเจ็บ รู้จักเลิกด้านทน รับสารภาพว่ามันต้องการให้หนูตาย” ทานตะวันใส่ไฟเป็นการใหญ่
ขุนภักดียุขึ้น บันดาลโทสะฟาดแส้ลงไปบนหลังติ๋วแรงขึ้นๆ “อีลูกชู้มึงจะยอมรับผิดไหม”
“หนูไม่ผิด คุณหนูอี๊ดเป็นคนชวนหนูพายเรือเล่นค่ะ” เนื้อทองบอก
“โกหกแกใส่ร้ายฉัน แกว่ายน้ำเก่ง แต่ฉันว่ายน้ำไม่เป็น มันใส่ร้ายหนูค่ะคุณพ่อ อย่าหยุดค่ะ”
“หมดแรงเมื่อไหร่สนช่วยอีกแรงคะ พี่ขุน เลวแบบนี้เอาไว้ไม่ได้ค่ะ” สนทั้งเสี้ยมทั้งยุ
“ใช่คนอย่างมึงเอาไว้ไม่ได้ มึงใส่ร้ายลูกกู มึงสมควรตาย”
สน ช้อย และอี๊ดประสานพลังชั่ว “แกสมควรตายๆๆๆ”
ขุนภักดีฟาดไม่ยั้งเหมือนคนบ้าคลั่ง แดงน้อยมาถึง ปราดมาหาท่านขุนยกมือไหว้
“ท่านขุนครับ น้องติ๋วไม่ได้โกหกครับ”
“พี่แดงน้อยใจร้าย พี่แดงน้อยหลงรักมัน เข้าข้างมันไม่ดูดำดูดีค่ะ คุณพ่ออย่าไปฟังพี่แดงน้อย” ทานตะวันตะบึงตะบอนใส่
“ใช่ แดงน้อยไม่รู้อะไรไม่ต้องมาเข้าข้างนังลูกชู้ คนอย่างท่านขุนภักดีภูบาล เกลียดนักนังคนแพศยายั่วผู้ชายให้เข้าข้างแบบนี้” ขุนภักดีพาลใส่แดงน้อย
“ท่านขุนครับ กรุณาเถิดครับ ฟังผมสักนิด”
“ไม่ฟัง เงียบไปเลยนะแดงน้อยนี่มันเรื่องในบ้านของฉัน”
แดงน้อยจึงเงียบไปทันที
ขุนภักดีหน้ามืดตามัวฟาดเนื้อทองต่อไป เนียนวิ่งมาถึงกระโดดมานอนขวางโอบทับลูกเอาไว้
“หนูติ๋วของแม่ โธ่...”
สนกะช้อยและทานตะวันสบตากัน
“เหยื่อมาอีกราย แล้วคุณหนูอี๊ด”
“ลูกรักของแม่ อย่าทำลูกอิฉัน ตีฉันฆ่าอิฉันให้ตายแต่อย่าทำลูกอิฉัน ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ”
“นังเนียน แกอย่ามาขวางฉันจะทำโทษลูกแกให้สาสมกับความเลวความใจร้ายของมัน”
“แกสั่งสอนลูกแกให้ทำร้ายหนูอี๊ด แกกับลูกริษยาหนูอี๊ด” สนด่า
ช้อยตาม “จริงเจ้าค่ะ ช้อยเห็นเวลามันสองคนแม่ลูกมองคุณหนูสายตางี้อาฆาตมาดร้ายทีเดียวเจ้าค่ะ”
ปิดท้ายด้วยทานตะวัน “นังแม่มันสะเออะมาก็ดีแล้วค่ะ คุณพ่อตีมันทั้งแม่ทั้งลูกค่ะ”
“โบยมันเข้าไปค่ะพี่ขุนมันท้าทายอำนาจพี่ขุนค่ะ”
ขุนภักดีโกรธหนักฟาดลงไปบนหลังสองแม่ลูกที่พยายามปกป้องให้กันและกัน
“แม่จ๋าหนูทนได้ แม่อย่ามาเจ็บตัวกับหนูเลยจ้ะ”
“ไม่จ้ะ แม่ต้องปกป้องหนูเท่าชีวิตของแม่”
“มึงสองแม่ลูกไม่ต้องเกี่ยงกันตายเกี่ยงกันเจ็บ กูจะตีมึงทั้งสองคนเอาให้ตายทั้งแม่ทั้งลูก”
แดงน้อยสงสารใจแทบขาด “โธ่ น้าเนียน น้องติ๋ว”
กบสะกิดแดงน้อยที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะสงสารสองแม่ลูก
“ทำอะไรสักอย่างสิคะ คุณแดงน้อย”
“ฉันพยายามแล้วแต่ท่านขุนไม่ฟัง จะทำยังไงดีล่ะ จริงสิ เทิดศักดิ์ ฉันจะไปตามเทิดศักดิ์ที่บ้านท่านผู้กำกับ”
แดงน้อยวิ่งกลับออกไป ฝ่ายท่านขุนกระหน่ำโบยจนเนื้อทองกับเนียนเลือดสาด แต่สองแม่ลูกกัดฟันกรอดไม่
ร้องสักแอะ
“อดทนไว้ เขาอยากเห็นเราร้องไห้ร้องขอชีวิต แต่เราไม่ผิด ทำไมเราต้องขอความเมตตาจากเขา”
“จ้ะแม่เนียน เราไม่ผิดเราไม่ร้องขอความเมตตาจากใคร”
“ต๊าย พวกมันไม่ยอมร้องสักแอะ มันจะเอาชนะพี่ขุนว่ามันไม่เจ็บค่ะ” สนยุอีก
ขุนภักดียิ่งโกรธ “พวกมึงไม่ร้อง แปลว่าพวกมึงไม่เจ็บ ดีละ มึงจะเอาชนะกู กูก็จะเอาชนะมึง กูต้องการให้พวกมึงร้องขอชีวิต ร้อง ร้องสิ”
สองคนแม่ลูกไม่ร้องสักคำ เอาแต่ส่ายหน้าแล้วกอดกันเอาไว้ แล้วมองมาที่ท่านขุนน้ำตาไหลพรากแต่ไม่มีคำวิงวอน จนท่านขุนชะงักนิดหนึ่ง สนรีบใส่ไคล้ทันที
“ต๊ายมันจ้องหน้าด่าพี่ขุนในใจค่ะ”
“มันส่งสายตาอาฆาตแค้นเกลียดชังใส่หนูอี๊ดค่ะ หนูกลัวค่ะ” ทานตะวันออกอาการตกใจ
ท่านขุนผู้หูเบา ของขึ้นอีก โบยเต็มแรง
“นี่แน่ะ มึงจ้องตาอาฆาตลูกกูมึงด่ากูในใจ
สนและทานตะวันผู้ไม่รู้กำลังทำบาปมหันต์ ยิ้มเยาะสองแม่ลูก
ด้านทองจันทร์กับเรียมนั่งพนมมือฟังท่านพระครูเทศนา มีแมวนั่งถัดไป
“คนที่ทำตัวเหมือนหมาป่าคอยตามล่าลูกแกะ เขาเรียกว่าเดียรฉาน จิตวิญญาณไม่สมประกอบ หารู้ไม่ว่าที่ลูกแกะเขายอมแพ้เพราะอำนาจของตนเอง ไม่ใช่ยอมสบายเพราะกลัวเกรง แต่กรรมเวรไม่เคยยอมแพ้และยอมสยบให้ผู้ใด เวรกรรมที่ก่อไว้จักต้องได้รับการชำระเสมอ แม้ว่าผู้ที่ถูกทำร้ายทำเขาจะให้อภัยไปแล้วก็ตามที ที่นี้แหละแม้ยังเป็นมนุษย์เดินดินกินน้ำพริกอยู่บนโลกใบนี้ ไฟนรกก็จะถาโถมมาทับตัวทับหัวใจอยู่ทุกเมื่อชั่วยาม จนกว่าชีวิตจะดับสิ้นแล้วลงสู่นรกแท้จริง”
“สาธุ” สามคนเปล่งวาจาพร้อมเพรียง
“เจริญพรนะโยม”
เอกวิ่งพรวดเข้ามาหน้าตาอยากจะตาย
“ขอประทานอภัยท่านพระครูขอรับ คุณท่านขอรับ คุณนายเรียมขอรับ”
“ไอ้เอกเอ็งทำหน้าเหมือนหนีนรกมาจากไหนรึ”
“พรวดพราดมามีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านรึ นายเอก”
“ขอรับ เนียนกับหนูติ๋วกำลังโดนท่านขุนโบยใกล้สลบคาแส้ม้าแล้วขอรับ”
“โธ่เอ๊ย” เรียมกะทองจันทร์ครวญ
“มันเรื่องราวบ้าอะไรกัน”
“รีบกลับไปก่อนเถิดค่ะ คุณแม่ ให้นายเอกเล่าไปตามทางเดินกลับบ้านนะคะ”
“กราบลาท่านพระครูเจ้าค่ะ”
สองคนก้มลงกราบรวมทั้งแมวและเอกด้วย เรียมกะแมวช่วยกันประคองทองจันทร์ลงศาลาไป ทั้งหมดสีหน้าหวาดหวั่น
“กว่าเราจะเดินกลับไปถึง สองแม่ลูกนั่นมิตายแล้วหรอกรีแม่เรียม แม่ละกลัวใจพ่อเทพจริ๊งจริง ลูกคนนี้อะไรดีหมด เลวที่หูเบานี่แหละ” หญิงชราส่ายหัว
“ถ้าพี่เทพหลงลืมตัวขนาดฆ่าสองคนนั่นตาย พี่เทพก็ต้องกลายเป็นฆาตกรแล้วค่ะ”
“ถ้าไม่มีคนห้ามแถมยังมีแต่คนยุ กระผมว่าจะบานปลายใหญ่โตแน่ขอรับ” เอกบอก
“คุณหนู เอ๊ยคุณสนเธอก็ช่างเจรจาให้ท่านขุนเกิดโทสะจะตายไปเจ้าค่ะ” แมวว่า
“ยิ่งตอนนี้มีคุณหนูอี๊ดเป็นต้นตอ ถึงขั้นเอาไม่อยู่แน่ๆ ขอรับ” เอกบอกอีก
ทองจันทร์ยิ่งอยากรู้ “ก็บอกมาสิว่ามันเกิดอะไรกัน
“คุณหนูอี๊ดกับหนูติ๋วพากันไปพายเรือเล่น แล้วเรือล่ม คุณหนูเธอบอกว่าหนูติ๋วจงใจชวนเธอไปล่มเรือแล้วหลอกฆ่าให้ตายขอรับ”
“เหลวไหล”
“ใส่ร้ายกันชัดๆ”
ท่านพระครูเอ่ยขึ้น “พายุร้ายเมฆหมอกดำกำลังครอบงำบ้านภักดีภูบาล เมื่อใดที่มืดมิดถึงสุด เมื่อนั้นเมฆหมอก จะค่อยมลายหายสิ้น วันนั้นฟ้าสีทองย่อมผ่องอำไพ คนใดที่ถูกทำร้ายทำลาย จะสิ้นกรรม ใครผู้ก่อกรรมโดยเจตนาจะถึงวาระไปสู่นรก ใครที่ก่อกรรมโดยไม่เจตนาต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้ แล้วความสุขสงบจะกลับมาสู่บ้านภักดีภูบาล ยาวนานตราบที่ผู้มีอำนาจไม่ขาดเมตตาในหัวใจ รีบกลับไปเยียวยาสองคนนั่นเถิดโยม เจริญพร”
ทั้งหมดยกมือขึ้นจบหัวไหว้อีกครั้ง
แดงน้อยมาตามเทิดศักดิ์ สองหนุ่มพากันวิ่งออกมาจากหน้าบ้านผู้กำกับอย่างเร่งร้อน
“คุณพ่อของกันท่านหูเบาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องของน้าเนียน และน้องติ๋ว ท่านจะเชื่อฟังคำพูดของน้องอี๊ดกับคุณแม่สนโดยไม่สนใจไตร่ตรองว่าถูกหรือผิด ขอเพียงให้พูดออกมาท่านก็เห็นด้วย”
“รีบไปไวๆ เถิดป่านนี้น้องติ๋วกับน้าเนียนคงสาหัสสากรรจ์ถึงที่สุดแล้ว โน่นมอเตอร์ไซค์พ่วง”
สองคนรีบโดดขึ้นมอร์เตอร์ไซค์พ่วงขับออกไปโดยเร็ว ด้วยสีหน้าวิตกมาก
ใต้ต้นมะขามข้างเรือนใหญ่ สองแม่ลูกกำลังจะหมดสติน้ำตาแห้งเหือดหายเพราะตกในไปหมดแล้ว มีแต่ดวงตาที่ยังมั่นคง สะดุ้งทุกรอยหวาย แต่ตายังจับจ้องที่ท่านขุนและทานตะวันจนแม้แต่ขุนภักดีกับทานตะวันยังหวั่นไหวกับสายตาสองแม่ลูก
“มึงหยุดจ้องตากูสักทีได้ไหม อีเนียน อีติ๋ว”
สนสะกิดกระซิบบอกทานตะวัน
“บอกให้มันหยุดทำไมกันคะคุณพ่อ ก็ฟาดตามันให้บอดเลยสิคะ”
“ใช่ค่ะ มันกำลังสาปแช่งพี่ขุนในใจ” สนยุต่อ
ขุนภักดีชะงักนิดหนึ่งแล้วเงื้อแส้สุดมือ เสียงมอเตอร์ไซค์พ่วงดังเข้ามาจอด พร้อมเสียงเทิดศักดิ์ตะโกนลั่นขณะที่เสียงรถไม่ทันดับดี
“คุณพ่อหยุดตีน้าเนียนกับน้องติ๋วนะครับ”
ขุนภักดีชะงักอีก ที่กำลังจะฟาดลงไปจึงยังทันได้ลงมือ
สามชั่วแห่งบ้านภักดีภูบาล สน ช้อย และทานตะวันมองหน้ากันอย่างขัดใจ
“ไอ้ลูกเวร” สนพึมพำ
“พี่เทิดศักดิ์มาทำไมไม่รู้”
เทิดศักดิ์ปราดมาถึงมีแดงน้อยยืนวงนอกเทิดศักดิ์มาถึงปลายแส้ท่านขุนที่ตะหวัดลงไปไว้
“อย่ามายุ่งกับพ่อ อีสองแม่ลูกนี่มันต้องการให้น้องของลูกตาย แต่มันไม่ยอมสารภาพผิด พ่อต้องโบยมันให้พูดออกมาให้ได้”
“ถึงโบยให้ตายหนูก็สารภาพไม่ได้เจ้าค่ะ เพราะหนูไม่ได้ทำผิด” เนื้อทองบอก
“อีเนียนมึงสั่งสอนลูกให้รู้บ้างว่าใครเป็นใคร สั่งให้ลูกมึงรับผิดเดี๋ยวนี้”
“ต่อให้โบยเนียนจนตาย เนียนก็สั่งให้ลูกยอมรับผิดในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำไม่ได้ดอกเจ้าค่ะ” เนียนว่า
“อวดดี อวดกำแหงกันทั้งแม่ทั้งลูก หลีกนะเทิดศักดิ์”
ขุนภักดีโกรธขึ้นมาอีก ผลักเทิดศักดิ์ แล้วฟาดลงไปที่สองลูกโดนทั้งคู่แรงมาก
“ให้มันรู้ไปว่าพวกมึงใจเด็ดใจเพชรกันนัก อยากตายมากกูจะให้ตายสมใจ”
สองแม่ลูกสะท้านไปร่าง เนื้อทองทนความเจ็บไม่ไหวแม้ไม่ปริปากร้องแต่ก็สลบไปแล้ว
“แม่เนียนจ๋า”
“ลูก... ลูกหนูติ๋วลูกแม่ หนูติ๋ว”
เนียนร้องไห้ ซบหน้ากับตัวลูกโอบไว้แน่น หันมามองขุนภักดี
“ลูกอิฉันสลบไปแล้ว ตีอิฉันแทนลูกให้สลบไปอีกคนสิเจ้าคะ”
“มันฮึดสู้ค่ะ ตีพวกมันอีกค่ะ ตีอย่ายั้งค่ะ” ทานตะวันบอกอีก
“น้องอี๊ด บ้าไปแล้วหรือ ทนดูให้สองคนนั่นเจ็บเพราะน้องได้ยังไงพูดความจริงกับคุณพ่อสิ ว่าน้องชวนเขาไม่ใช่เขาชวนน้อง” เทิดศักดิ์สุดทน
“ทำไมหนูต้องพูดเพื่อช่วยเหลือมัน”
“เมตตาธรรม ศีลธรรม จริยธรรมประจำใจของคนที่มีความเป็นคนไงอี๊ด ทำไมทุกคนรวมทั้งคุณแม่สน จึงยืนทนดูความโหดร้ายหน้าตาเฉยราวกับว่านี่คือเรื่องปกติของบ้านเรา แล้วต่อไปเราจะอยู่กันได้อย่างไร”
เทิดศักดิ์น้ำตาคลอ หันไปทางขุนภักดี ซึ่งท่านขุนเริ่มอึ้ง
“นี่ไม่ใช่การชำระโทษนะครับ นี่คือการพยายามฆาตกรรมที่ทารุณโหดร้าย ที่สุดที่มนุษย์กระทำต่อกัน นี่มันเป็นวิธีที่บ้านท่านพระยาชอบทำกันนักหนา หรือว่าคุณพ่อลืมเสียแล้ว”
ท่านขุนอาย “หยุดนะตาเทิด แกเอาเรื่องบ้านท่านเจ้าพระยามาพูดทำไม”
เทิดศักดิ์จ้องหน้า “เตือนใจคุณพ่อครับ”
ขุนภักดีโกรธจัด เงื้อมือจะตบหน้าเทิดศักดิ์
“ตบสิครับ ตบแล้วนึกให้ออกว่า คนที่เขาไม่ได้ทำความผิดเช่นคุณพ่อกับผม แล้วโดนแส้ม้าตีจนหลังลายหลังแตกจนสลบที่บ้านท่านเจ้าพระยานั่นถูกต้องไหม สมควรไหม ผมไม่ได้ทำของท่านเสียหายแต่ท่านบังคับให้ผมยอมรับ ผมก็ยอมรับไม่ได้ ผมโดนตีจนสลบ ยายเอมมาทายาให้ผม แล้วแกก็เล่าเรื่องของคุณพ่อให้ผมฟัง ผมน้ำตาตกเพราะสงสารคุณพ่อที่ไม่ได้ทำผิดแต่ต้องรับโทษ”
เทิดศักดิ์พูดพอได้ยินแค่สองคน ขุนภักดีหน้าซีด มือที่จะตบหน้าเทิดศักดิ์สั่นสะท้านร่างโงนเงนเพราะเจ็บช้ำผสมกับเมาแต่เริ่มมีสติ
ภาพจำตอนโดนเจ้าพระยาโบยจนสลบ มีเมียน้อยตะโกนร้องไห้กล่าวหาว่าหลอก ให้เข้ามาหาแล้วปล้ำผุดขึ้นมาอีก
ขุนภักดีตัวสั่นพึมพำออกมา
“ผมไม่ผิด มาโบยผมทำไม”
เทิดศักดิ์กลายเป็นตกใจห่วงพ่อประคองไว้
“มือคุณพ่อเย็นเฉียบ แถมเดินเซ คุณพ่อเป็นอะไรครับ”
“พ่อไม่ได้เป็นอะไร ขอบใจมาก ลูกไปแก้มัดเนื้อทองพาสองแม่ลูกนั่น ไปดูแลใส่ยาด้วย” ประโยคหลังขุนภักดีพูดชัดทุกคนได้ยิน
“แก้มัด คุณพ่อบ้าไปแล้ว หนูไม่ยอมคุณพ่อต้องตีมันอีก”
สนกระซิบบางอย่าง ทานตะวันวิ่งไปกระชากแส้มาจากท่านขุนทำท่าจะตีสองคน
ขุนภักดีดึงแส้ออกมาส่งให้เทิดศักดิ์
“พอแล้วลูกเอ๋ย พอกันที พ่อลงโทษมันมากเกินพอแล้ว”
แดงน้อยกับเทิดศักดิ์ปราดมาช่วยกันแก้มัดทานตะวัน จากนั้นเทิดศักดิ์อุ้มทานตะวันขึ้นมา ส่วนแดงน้อยเข้าประคองเนียน พากันออกไป มีกบติดตามไป
“เทิดศักดิ์ นี่ลูกเห็นนังลูกชู้ลูกขี้ข้าดีกว่าน้องของตัวเอง ไปปกป้องมันทั้งที่มันจะฆ่าน้อง”
“ใครจะฆ่าใครกันแน่ ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กันแน่ ถ้า คนบงการโดนโบยมันคงรีบสารภาพ ใช่ไหมยัยช้อย”
เทิดศักดิ์อุ้มเนื้อทองผ่านหน้าสามคนไป แดงน้อยกับกบประคองเนียนผ่านไปเช่นกัน
ขุนภักดีมองตามสองแม่ลูกแล้วถอนใจ ก่อนจะหันกลับเดินออกไปเงียบๆ ทานตะวันผวาจะเรียกพ่อสนห้ามไว้
“เรากำลังเสียเปรียบมันใจเย็นๆ ค่ะ”
ทานตะวันที่ยามนี้กลายเป็นคนเลวทรามต่ำช้า เพราะสนสั่งช้อยเสี้ยมถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ ที่ไม่ได้ดั่งใจ
ทั้งสี่กลับจากวัดเดินมาจนถึงหลังบ้าน เจอกับกบกำลังมาหายาสมุนไพรในเรือนหลังบ้านพอดี ทองจันทร์เรียกไว้
“นางกบ”
“เจ้าค่ะ”
“เนียนกับหนูติ๋วเป็นยังไงบ้าง” เรียมถาม
“หนูติ๋วน่ะถึงสลบ เนียนก็ร่ำๆ จะสลบเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ท่านขุนเลิกโบยแล้วเจ้าค่ะ”
“โหดร้ายเหลือเกิน แม่จะรีบไปดูพวกมัน”
“ค่ะ เรียมไม่นึกเลยว่าพี่เทพจะทำได้ลงคอ หนูติ๋วน่ะ เลือด...” เรียมแค้นจนจะหลุดคำว่าในอกออกมา
“ใช่เจ้าค่ะ เลือดสุพรรณขนานแท้ ไม่ปริปากร้องขอความเมตตาแม้ว่ากำลังจะสลบทั้งแม่ทั้งลูก”
“พ่อเทพบ้าไปแล้ว เล่นงานกันถึงขั้นสลบ อำมหิตเกินไปจริงๆ”
“รีบไปกันเถิดค่ะคุณแม่”
ทั้งหมดรีบเดินไปต่อ
สองแม่ลูกนอนซมอยู่บนเรือนทองจันทร์ พิษไข้จากบาดแผลเริ่มออกฤทธิ์ มีแดงน้อยกับเทิดศักดิ์นั่งเฝ้าหน้าจ๋อยมาก
ติ๋วฟื้นแล้ว แต่นอนนิ่งเงียบไม่พูดจาไม่มีน้ำตา เนียนโอบจับมือลูกไว้ อีกมือก็เฝ้าแต่ลูบไล้ลูกราวกับทำ
แล้วลูกจะหายเจ็บปวด ได้มองหน้าลูกส่งสายตาสงสารจับใจแล้วเนียนก็ก้มลงจูบติ๋ว
“ไม่เป็นไรแล้วนะลูกรักทูนหัวของแม่”
แดงน้อยกับเทิดศักดิ์นั่งมองน้ำตาซึม
“ผมพยายามจะบอกท่านขุนแล้วว่า น้องอี๊ดว่ายน้ำเป็นแต่เธอแกล้งตบตาคนอื่น ท่านก็ไม่ฟัง ผมนี่แหละที่เป็นคนช่วยเธอมาที่ท่าน้ำ เพราะคิดว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น แต่พอมาถึงท่าน้ำเธอลืมตัวโผเข้าฝั่งเองปีนไปตะโกนใส่ร้ายน้องติ๋วแล้วแกล้งสลบ”
“ผมขอโทษน้องติ๋วกับน้าเนียนด้วยที่น้องสาวผมช่างเป็นเด็กเลวทรามต่ำช้า”
“อย่าไปว่าเธอเลยค่ะ น้าไม่ถือโทษโกรธเธอแม้แต่น้อย”
“ทั้งที่ทำกับน้องติ๋วขนาดนี้หรือครับ” เทิดศักดิ์แปลกใจ
“อีกหน่อยเธอจะเลิกทำเองค่ะ สักวันเธอไม่ทำแน่ๆ ค่ะ” เนียนว่า
แดงน้อยยิ่งทึ่ง “น้าเนียนมองทุกคนในแง่ดีเสมอ ผมเกิดมาเพิ่งเคยพบคนจิตใจประเสริฐอย่างนี้”
“ขอบใจมากที่เห็นน้าประเสริฐ คำพูดของคุณทำให้ความเจ็บปวดทั้งกายและใจของน้าหายเป็นปลิดทิ้งค่ะขอบใจที่สุด”
เนียนยื่นมือมาที่แดงเหมือนอยากจะจับ แดงน้อยจับมือเนียนไว้บีบเบาๆ
“น้าเนียนเป็นเช่นนั้นจริงๆ นะครับ แม่แพรกับลุงโพล้งก็เคยบอกผมว่าถ้าผมเจอน้าเนียนแล้ว จะรู้ว่าน้าเนียนดีงามเพียงใด ผมดีใจที่พบกันครับ”
เนียนถอนสะอื้นออกมาด้วยความปลื้มปีติ ยิ้มทั้งน้ำตา
“ลุงโพล้ง แม่แพรและแดงน้อยพูดเหมือนใจผมไม่มีผิด และผู้ที่เป็นอย่างน้าเนียนอีกคนก็คือน้องติ๋ว ผมขอโทษมากๆ ด้วยที่คุณพ่อเป็นคนหูเบาวู่วามไม่ฟังเหตุฟังผลผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่อง โหดร้ายแบบนี้อีก” เทิดศักดิ์บอก
ระหว่างนี้ทองจันทร์ก้าวขึ้นมาบนเรือน มีเรียม กบ แมว และเอกตามติดเข้ามา ทองจันทร์กับเรียมเห็นสภาพสองแม่ลูกถึงกับส่ายหน้า
“โธ่เอ๊ย ยัยติ๋วของฉัน พ่อเทพนะพ่อเทพ ช่างทำได้ลงคอ เป็นเด็กเท่าตาเทิดจะตีให้กบาลแยก”
เรียมมานั่งข้างสองแม่ลูกน้ำตาไหลริน
“เนียนจ๋า ฉันขอโทษ ฉันผิดมหันต์ที่เลี้ยงลูกของ...” เรียมจะหลุดปากว่าเนียน รีบแก้ “เอ้อ เลี้ยงหนูอี๊ดไม่ดี ฉันเสียใจจริงๆนะเนียน หนูติ๋วจ๋า นายแม่เสียใจนายแม่ขอโทษที่ปกป้องหนูติ๋วไม่ดี ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว จะไม่ยอมใครทำร้ายหนูได้แม้แต่ปลายก้อย นายแม่จะต่อสู้กับความอยุติธรรมที่มากร้ำกรายหนู”
สองคนยกมือไหว้เรียมและทองจันทร์
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“นี่พ่อเทพเขานึกว่าเนื้อคนคือหนังวัวหนังควายหนังช้างหรืออย่างไรกัน”
ทองจันทร์หันรีหันขวางมาเจอเอาเทิดศักดิ์แล้วพาล เมินหน้าหนีไม่ยอมมอง
“แดงน้อย เข้ามาใกล้ๆย่า มีอะไรจะถาม”
“ครับ...คุณย่า”
เทิดศักดิ์กระเถิบตามแดงน้อย
“ตาเทิดแกไปห่างๆ ฉันชังน้ำหน้า ไม่อยากจะเห็นหน้าพวกคนใจร้ายเกลียดแกเหลือเกิน”
“อ้าว มาเกลียดผมทำไมกันครับ” เทิดศักดิ์งง
“แกเป็นลูกแม่สน จอมยุแยงตะแคงรั่ว”
ทองจันทร์โบกมือไล่ห้ามเข้าใกล้ เรียมแตะหน้าผากเนียนติ๋ว
“มีไข้ทั้งสองคน นายเอกรีบขับรถไปรับหมอมาดูแลสองคนนี้เดี๋ยวนี้”
“ได้ขอรับ”
“อย่าลำบาก อย่ารบกวนเลยเจ้าค่ะ เราสองคนกินยาสมุนไพรทายาแล้วอีกวันสองวันเราก็อาการดีขึ้นเองเจ้าค่ะ” เนียนว่า
“นี่ อย่ามารู้ดี หรือว่าเห็นฉันเป็นแม่ของพ่อเทพเห็นแม่เรียมเขาเป็นแม่ของเด็กอีบ้านั่น ก้อเลยไม่อยากจะข้องแวะ” ทองจันทร์ฉุน
เนียนไม่ทันได้อ้าปากพูดต่อ เรียมแก้ตัวให้ ส่วนเอกพรวดออกไปด้วยความดีใจแล้ว
“เนียนไม่ได้คิดเรื่องแม่ๆ ลูกๆ อะไรนั่นดอกค่ะ คุณแม่ แต่เนียนเกรงใจจริงๆ ต่างหาก เนียนฉันขอตัวไปชำระความหนูอี๊ดสักหน่อย”
เนียนกะเนื้อทองประสานเสียง “อย่าเจ้าค่ะ”
เรียมหันมามองสองคนอย่างอ่อนใจ
“ก็เป็นกันเสียอย่างนี้ หนูอี๊ดถึงเสียคนจนจะไม่ใช่ผู้ใช่คนอยู่แล้ว ขอโทษนะเนียนที่ต้องพูดความจริงออกมาอย่างนี้”
“คุณแม่ผมต่างหากครับที่ทำให้น้องอี๊ดเสียคน จนไม่เหลือความเป็นผู้ดี มีเมตตาทั้งที่เกิดมามีครบทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวคือเมตตาปราณี”
“ขาดเมตตาปราณีแม้อย่างเดียวแต่มันคือการขาดที่ยิ่งใหญ่ทำลายชีวิตคนได้” ทองจันทร์ว่า
เรียมดึงเนื้อทองมาโอบกอดแนบอกน้ำตาคลอขณะมองหน้าเนียน สองคนสบตากันลึกซึ้ง
“ขอโทษอีกครั้ง...ขอโทษจากหัวใจจริงๆ”
เรียมลุกออกไป เทิดศักดิ์ปราดมานวดทองจันทร์ที่บึ้งตึงใส่
“บอกว่าให้ไปให้พ้น รังเกียจ แกมันลูกบัวแล้งน้ำ บัวเต่าถุย”
แต่เทิดศักดิ์กลับไม่ไป แถมกอดทองจันทร์เอาไว้แน่น
“ผมเป็นไผ่ลอดกอต่างหากครับคุณย่า”
ทองค้อนขวับหยิกหมับเบาๆ ไม่น่าเจ็บ แต่เทิดศักดิ์ร้องลั่น
“โอ๊ย”
แล้วแกล้งนอนหนุนตักทองจันทร์ไปเลย
ฝ่ายขุนภักดียืนซึมมองมือทั้งสองของตัวเอง ภาพตัวเองเฆี่ยนตีสองแม่ลูกจนติ๋วสลบแต่ไม่ยอมรับความผิดผุดขึ้นมาในหัวอีกครา
ท่านขุนถอนใจ เหตุการณ์ในอดีตตอนที่เจ้าพระยามาขอโทษที่เข้าใจขุนภักดีตอนวัยรุ่นผิด และตักเตือนให้ใช้เหตุผลไตร่ตรองก่อนถ้าจะลงโทษใคร ผุดขึ้นมาแทนที่
ยิ่งคิดขุนภักดียิ่งเสียใจ
“ผมพลาดอีกแล้วจนได้ ทุกอย่างสายเกินไปแล้วขอรับ ท่านพระยา ผมเสียใจ” ท่านขุนถอนใจซ้ำแล้วซ้ำอีก
เรียมก้าวเข้ามา หน้าตาเอาเรื่อง เพราะคับแค้นยิ่งนัก
“ถอนใจเพราะยังตีสองคนแม่ลูกนั่นไม่ตายหรือคะพี่เทพ”
“อย่ามาประชดประชันกันอีก พี่ พี่…”
“พี่เทพเกือบกลายเป็นฆาตกร จำที่เรียมพยายามย้ำเตือนได้ไหมคะว่า เนียนไม่ได้เป็นชู้กับใคร และถ้าเนียนไม่ได้มีชู้ก็แปลว่าหนูติ๋ว เป็นลูกของพี่เทพ พี่เกือบฆ่าลูกฆ่าเมียตัวเองตายโดยที่ไม่มีความผิดเพราะหูเบา ฟังความข้างเดียว”
“พี่...พี่เอ้อ พี่ ไม่ได้ตั้งใจ จะโหดร้ายมากมายอย่างนั้น”
“แต่พี่ก็โหดร้ายถึงที่สุด หนูติ๋วแกไม่รู้หรอกว่าพ่อแกคือใคร แต่เนียนน่ะรู้แน่นอน และเนียนก็ต้องรู้ต่อไปอีกว่าเด็กสองคนเป็นพี่น้องกัน แล้ววิสัยของคนอย่างเนียน จะรังเกียจหรือสอนให้ลูกเกลียดชังหนูอี๊ดเพื่ออะไร”
“พอทีเรียม พี่ไม่ต้องการฟังเรียมประณามพี่ เดี๋ยวนี้ตั้งแต่มีลูก เรียมเปลี่ยนไปมาก กล้าหาญว่าพี่สู้กับพี่ ไม่ยอมพี่”
“เพราะเรียมแก่ตัวลง เรียมไม่อยากทนเห็นความอยุติธรรม ทั้งที่พี่เทพคือตัวอย่างของความเป็นธรรมความถูกต้องของคนทั้งเมืองสุพรรณ ถ้าใครรู้ความจริงว่าพี่เทพคือผู้ทำร้ายความยุติธรรมเสียเอง เราจะอยู่ที่นี่กันต่อไปได้ยังไง จะมองหน้าผู้คนได้ยังไง ลูกของเราจะถูกตราหน้าว่ามีพ่อที่หูเบา โบยลูกเมียตัวเองจนสลบ แถมเจตนาโบยให้ถึงตาย”
พูดเท่านั้นเรียมจะเดินออกจากห้อง
“เรียมจะไปไหน”
“ไปเรือนแม่สนค่ะ จะไปตามหาหนูอี๊ด เพราะต้องการรู้ความจริงทั้งสองฝ่ายเพื่อเอามาไตร่ตรองว่าฝ่ายไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน อ้อ..อีกปะการที่อยากต่อว่า ทำไมพี่เทพไม่ยอมฟังแดงน้อยที่เขาพยายามบอกว่า ลูกสาวเราว่ายน้ำเป็น แต่แกล้งทำว่ายน้ำไม่เป็น”
ขุนภักดีใจแป้ว “จริงหรือนี่”
“ไม่มดเท็จแน่นอนค่ะ ทีแรกแดงน้อยสำคัญผิดพามาที่ท่าน้ำ แกลืมตัวกระโดดขึ้นฝั่งตะโกนขอความช่วยเหลือ จากนั้นแกล้งสลบให้สมจริงให้คนมาช่วย เรียมอายแดงน้อยแทนพี่ขุน แทนลูกเราจริงๆ”
เรียมเดินหนีออกไป ท่านขุนให้นึกสับสน
“ถ้าเนียนไม่มีชู้ แล้วคืนวันนั้นไอ้เสือหนักมันมาทำไม ถ้าไม่ได้มาพลอดรักกับเนียน ปัดโธ่เว๊ย ทำไมอะไรอะไรมันถึงคลุมเครืออย่างนี้”
ท่านขุน ตบโต๊ะเครื่องแป้งจนของหล่นกระจาย
ส่วนสนกำลังสอนทานตะวันในการเป็นคนชั่วต่อไป
“หนูอี๊ดอย่าหยุดแค่นี้ทีเดียวนะคะ เล่นงานมันต่อไป”
“หนูจนปัญญาแล้วค่ะ พวกมันโชคดีอยู่ตลอดเวลา กำลังจะเสียท่าต้องมีคนมาช่วย คุณพ่อเองก็ดูแปลกๆทำท่าราวว่าเกลียดอีเนียน แต่ก็ดูก็ห่วงๆ มันไปด้วย”
“ถูกเลย หนูอี๊ด พี่ขุนไม่ลังเล ป่านนี้อีเนียนมันโดนไล่ไปตายที่ไหนนานแล้ว”
“อีกไม่นานหนูก็จะไปเรียนทำผมที่ฝรั่งเศสแล้ว เวลาแทบไม่เหลือให้เล่นงานมัน ฝากแม่สนจัดการมันเองเถิดค่ะ”
สนอึ้ง “อ้าว...”
อี๊ดปัดไปให้สนง่ายๆ ช้อยพรวดพราดมาหาอี๊ด
“คุณหนูอี๊ดขา คุณแม่ตามหาตัวให้ควั่กแล้วค่ะ”
“ตายจริง คุณแม่มาเอาเรื่องหนูแน่ คุณแม่น่ะเข้าข้างอีสองแม่ลูกนั่น ตลอดเวลา หนูไม่อยากเผชิญหน้าคุณแม่ อย่าบอกว่าหนูอยู่นะคะ”
แต่เรียมก็มาแล้ว และเดินขึ้นมาเงียบๆ หน้าตาไม่พอใจมาก
“แต่แม่รู้ว่าหนูอยู่ หนูอี๊ด แม่มีเรื่องจะสอบถามหนู”
“แต่ เอ้อ เอ้อ..” ทานตะวันหันไปมองสน
“แม่บอกว่าแม่มีเรื่องจะพูดกับหนู ตามแม่มา มาเดี๋ยวนี้
เรียมไม่มองหน้าสนและช้อย ดึงแขนอี๊ดออกไปทันที อี๊ดร้องไห้เรียมก็ไม่สน เรียมหันมามองสนกับช้อยยิ้มนิ่งๆ
“ขอบใจมากนะสนที่พยายามอบรมสั่งสอนลูกแทนฉันเสมอ นับจากนี้ขอเสียที ไม่ต้องชี้แนะหนูอี๊ดอีกแล้ว ช้อยแกก็เหมือนกัน ถ้ายังอยากมีที่ซุกหัวนอน ก็เจียมเนื้อเจียมตัวเป็นเสียบ้าง ไอ้เรื่องทำตัวเป็นนายว่าขี้ข้าพลอยนั่น สักวันมันจะย้อนมาลงโทษตัวแกเอง”
สนหน้าตึง ช้อยก้มหน้างุด
“อีคุณนายปลาตายน้ำตื้น อยากโง่ให้ลูกแกมาเชื่อฟังฉันเอง คอยดูสิ”
“โธ่ คุณสนเจ้าขา ยังจะมีเรื่องให้คอยดูอีกหรืเจ้าคะ แต่ก่อนแต่ไร คุณนายเรียมเคยเหยียบเรือนนี้สักครั้งไหม นี่คือครั้งแรก ไม่ใช่เรื่องเล็กนะคะ ช้อยว่า เธอเอาจริง หยุดความเคลื่อนไหวก่อนดีกว่าค่ะ”
สนส่ายหน้า
“เอ็งก็หยุดหายใจด้วยสิ ข้าก็คนจริงไม่แพ้มันดอก”
ช้อยเสียววาบ
อาญารัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ไม่นานต่อมา หมอตรวจอาการเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองแม่ลูก
“ผมฉีดยาแก้ปวดให้แล้ว มียาแก้ไข้แก้อักเสบ ยาทาแผลให้เรียบร้อยครับคุณท่าน รับประทานตามที่ผมเขียนไว้นะครับ”
“ขอบใจมากย่ะหมอ...อีกนานไหมกว่าจะหาย” ทองจันทร์ถาม
“ร่างกายแข็งแรงอย่างนี้ คงฟื้นเร็วนะครับ แต่ ทางด้านจิตใจผมไม่มั่นใจ คงต้องให้กำลังใจกันมากสักหน่อยครับ ผมขอตัวก่อน”
“นายเอกไปส่งหมอ”
“ขอรับ...คุณท่าน เชิญครับหมอ”
สองคนออกไป เทิดศักดิ์เขยิบมาใกล้ๆ อีก
“ระหว่างที่ผมยังไม่กลับบางกอกผมจะมาดูแลเรื่องยาที่คุณหมอสั่งให้เองครับ น้าเนียน”
“กันก็จะมาดูแลน้องติ๋วอีกคน นะครับ คุณย่า”
“ไม่ให้ดู เกลียดแกมาก ไม่อยากให้มาเหยียบเรือนฉันอีกต่อไป ฮึ” ทองจันทร์ประชด โกรธพ่อมาลงเอากะลูก
“ทำไมครับ...ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“แกไม่ได้ทำแต่พ่อแกทำ ทำตัวเป็นคนใจร้าย มารังแกเด็กของย่า ถึงสองคน ฉันจึงต้องเกลียดแก”
“โธ่ คุณย่า ผมอุตส่าห์ไปห้ามคุณพ่อจนเกือบโดนตบหน้านะครับ”
“จริงครับ คุณย่า” แดงน้อยช่วย
“ไหนว่ามันจะตบหน้าแก แล้วทำไมมันเชื่อแก จนหยุดโบยสองคนนี่”
เทิดศักดิ์กระซิบบอก “ผมเตือนสติเรื่องที่บ้านท่านพระยาน่ะสิครับ คุณพ่อหน้าเหลือแค่เนี้ย” เทิดศักดิ์ทำมือประกอบ
ทองจันทร์หัวเราะร่าชอบอกชอบใจ “อุเหม่ แกเก่งจริง เจอไม้นี้ พ่อแกหน้าซีดแน่ๆ”
“ครับคุณย่า จากหน้าแดงด้วยความโกรธกลายเป็นหน้าขาวเหมือนผ้าอ้อมเด็ก”
ทองจันทร์ดึงเทิดศักดิ์เข้ามากอด
“หายเกลียดแกแล้ว แถมรักมากๆ ด้วย ย่าจะให้รางวัลแก”
“จริงนะครับ แพงนะครับ”
“แพงแค่ไหนล่ะ”
“ผมอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ ครับ บอกแล้วว่าแพง”
“จะแพงสักกี่บาทกี่สตางค์กันเล่า”
“กี่หมื่นกี่แสนถึงจะถูกต้องครับ” เทิดศักดิ์อำ
“ไม่สนใจ จะให้ซะอย่าง ให้เป็นรางวัลที่เมตตากรุณาปราณี มีน้ำใจ และกำลังจะไปทำหน้าที่เป็นตำรวจตรวจ ข..” ทองจันทร์จะบอกว่า...ขี้หมา
เทิดศักดิ์รู้ทัน “แน่ะ..คุณย่าอย่าพูดนะครับ ตำรวจจับแน่ะ”
“เถิดน่า ตำรวจที่ไหนกล้าจับคุณนายทองจันทร์แม่ท่านขุน ย่าหมวดเทิดศักดิ์ เอาเป็นว่าย่าจะพาไปเดินเลือกซื้อด้วยกัน แล้วคุณนายทองจันทร์จะนั่งรถเก๋งคันโก้ราคาเป็นแสนกลับจากบางกอกมาสุพรรณ จะโบกมือให้คนข้างถนนตลอดทาง” ทองจันทร์บอกเสียงระรื่นเบิกบาน
“โบกมือนั่นมันนางงาม แต่คุณย่านะนาง...ไม่พูดดีกว่าครับ”
ทองจันทร์ชอบอกชอบใจตีแขนเผียะ
“นี่แน่ะ...จะว่าย่าเป็นนางงอม”
แดงน้อยพลอยหัวเราะไปด้วย เนียนกับเนื้อทองอมยิ้มตามทั้งที่เจ็บ
ทานตะวันร้องไห้พะอืดผะอม มีขุนภักดีหน้าตึง เครียดมองจ้องหน้าอย่างไม่พอใจ เรียมนั่งมองเงียบๆ
“ทำไมลูกจึงทำเช่นนั้น หนูอี๊ด”
“หนูไม่รู้ หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำสักหน่อย”
“เพราะหนูตั้งใจจะทำมากๆ ทำให้เขาโดนโบยจนตาย” เรียมว่า
“หนูรู้ไหมว่าพ่อเสียหายมากมาย ที่ทำสิ่งไม่ถูกต้องลงไป”
“มันก็แค่คนรับใช้ คนอาศัย คนไม่มีที่ทางจะไปไหน เราจะทำยังไง กับมันก็ได้หนูไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหน”
“เราเป็นเจ้านายเขา แต่ไม่ได้เป็นจ้าชีวิตเขานะลูก จึงมีสิทธิ์ทำยังไงกับเขาก็ได้ เราก็คน เขาก็คน คนเหมือนกัน”
“คุณแม่ชอบดุด่าว่ากล่าวหนู คุณแม่ไม่รักหนู”
“แล้วหนูเล่า รักแม่บ้างไหม ทำไมเชื่อคนอื่นมากว่าแม่ บอกมาต่อหน้าพ่อกับแม่สิว่าเรื่องการไปพายเรือเล่น นี่หนูคิดเองหรือมีใครวางแผนให้
สองคนจ้องหน้าลูกสาวแสบ ทานตะวันเอาแต่ส่ายหน้า
“ถ้าหนูไม่บอกความจริง พ่อจะถือว่าหนูวางแผนเองทั้งหมดและพ่อจะลงโทษหนู”
“คุณพ่อ”
“ลูกเกือบทำให้พ่อเป็นฆาตกรเพราะรักลูก เมื่อพ่อทราบความจริง พ่อต้องลงโทษลูกเพื่อไม่ให้ทำเรื่องเช่นนี้ต่อไป”
“รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีจ้ะ” เรียมบอก
“คุณพ่อจะตีหนู”
“แน่นอน..เว้นเสียว่าลูกจะบอกพ่อว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร”
เรียมบอกทางเลือกให้ “เลือกเอาระหว่างการโดนตีด้วยก้านมะยม สิบทีกับการพูดความจริง”
ทานตะวันร้องไห้ไปกอดท่านขุน ส่ายหน้าไปมา เรียมหันไปคว้าก้านมะยมกำใหญ่มาถือท่าทีเอาจริง
“หนูจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้อีก หนูไม่ยอมโดนตีด้วยก้านมะยมดอกค่ะ คุณพ่อ...คุณแม่”
สองคนมองหน้ากัน พยักหน้า
“ดีมากลูกรัก”
ทานตะวันเริ่มเล่า
วันต่อมาเทิดศักดิ์กำลังต่อว่าสน ส่วนช้อยรู้แกวพยายามจะเลี่ยง แต่เจอเรียกไว้
“เวรกรรมตามทันคนทำผิดทั้งนั้นไม่ว่าจะพยายามซ่อนเร้นปิดบัง แค่ไหนก็ไม่อาจหลีกพ้นกรรมได้ เรื่องที่เกิดขึ้นร้ายแรงมาก และผมจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นกับใครที่นี่อีก ผมจับทันทีจำไว้”
“นี่แม่นะ แกกำลังจะมาขู่เข็ญว่าแม่ทำผิดอะไรให้ได้ใช่ไหม”
“มาเตือนสติ มายับยั้งผม ไม่อยากจับแม่ จับญาติจับคนในบ้านตัวเองเข้าตะรางครับคุณแม่สน”
ช้อยกำลังจะเลี่ยง
“ยัยช้อย ฉันกำลังพูดด้วยไม่ได้ยินหรือ หรือว่าอยากจะลองดีกับฉัน”
“ไม่บังอาจดอกเจ้าค่ะ”
“เรื่องนายแช่มนั่น ฉันยังไม่เคยพูดว่าที่แท้มันก็ลูกของช้อย หนีทหารแต่เอามาตบตาว่าเป็นญาติคุณแม่สน เขามีความผิดไม่น้อย และอาจมากกว่านั้น ระวังเถิดจะโดนจับ ตอนนี้ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครในบ้านรู้ เพราะแม่ของฉันคือผู้ช่วยเหลือนายแช่ม แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะครับคุณแม่สน”
เทิดศักดิ์ซึ่งใส่ชุดตำรวจลงเรือนไป สนหันมาด่าช้อย
“เอ็งทำให้ข้าโดนลูกชายด่า”
“ด่าช้อยตะหากค่ะ ว๊าย วันนี้วันอะไรหนอ มาอีกรายแล้วเจ้าค่ะ หน้าตาราวกับจะมาฆ่าแกงใครกิน”
สนชะโงกมองตามไปแต่ต้องตาเหลือก
“พี่ขุน”
สนหน้าเสีย
“คุณหนูอี๊ด ปัสสาวะมาให้คุณสนแน่ๆ ค่ะ” ช้อยมั่นใจ
“อีงูพิษ”
สองคนเตรียมตัวรับท่านขุน ช้อยจะหนีสนกระชากไว้ ขุนภักดีเดินขึ้นมาหน้าบึ้งตึง
“บังอาจนัก มาสอนลูกฉันให้เป็นโจรใจดำอำมหิต”
สนนิ่ง ส่วนช้อยสั่นไปหมดทั้งตัว
ด้านเนียนกับเนื้อทองค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว เนียนทายาให้ลูกปากก็พูดไป
“แม่มีเรื่องจะขอหนู แต่แม่รู้ว่ามันยากที่หนูจะให้”
“หนูให้แม่ได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งชีวิตของหนู แม่จะขออะไรหนูจ๊ะ”
“ขอให้หนูอภัยให้คุณหนูอี๊ดกับท่านขุน”
เนื้อทองนิ่งไปเงียบสนิท เนียนน้ำตาคลอ เนื้อทองก็น้ำตาคลอ พอดีแดงน้อยเดินเข้ามาดูอาการ
“สวัสดีครับ น้าเนียน สวัสดีครับ น้องติ๋ว ค่อยยังชั่วกันหรือยังครับ”
“ค่ะ” สองคนบอก
“ขอบคุณมากค่ะ” เนียนมองเพ่ง “เอ๊ะ แต่งตัวหิ้วกระเป๋ามาด้วย จะเอ้อ…”
“ครับ ผมจะกลับบางกอกครับ”
เนียนเผลอตัว “โธ่ จะจากกันไปแล้วหรือนี่”
เนื้อทองอธิบาย “พี่แดงน้อยเขาต้องไปเตรียมตัวเรื่องเรียนต่อต่างประเทศจ้ะแม่”
เนียนน้ำตาร่วงพรู
“แม่จ๋า” เนื้อทองตกใจ
“น้าเนียน เป็นอะไรครับ” แดงน้อยก็ตกใจ
เนียนรู้ตัว “เอ้อ...คือน้าคิดถึงลูกชายของน้า”
เนื้อทองตกใจไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน “แม่”
“เนื้อทองมีพี่ชายหรือครับ”
“ใช่จ้ะ”
“เอ้อ ... เขาไปไหนแล้วครับ”
“เอ้อ เอ้อ....”
แล้วเนียนก็สุดกลั้นไว้ได้ ร้องไห้มากขึ้นมือไม้สั่น อยากจะจับอยากจะโอบกอดแดงน้อยใจแทบขาด
“แม่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับหนูมาก่อนว่าหนูมีพี่ชาย”
“เรื่องบางอย่างแม่ไม่อยากพูดถึง พูดแล้วมันตื้นตันใจ อยากแต่จะร้องไห้คุณแดงน้อยขา น้าเห็นหน้าคุณทีไรใจหายคิดถึงลูกชายที่พลัดพรากจากกันมานานมากร่วมยี่สิบกว่าปีทุกที”
“ถ้าเช่านั้น น้าเนียนให้ผมเป็นลูกแทนเขาสิครับ นะครับ แม่เนียน”
เนียนปลื้มปิติจนเหลือเอ่ยมือสั่นยื่นไปจะโอบแดงน้อยแล้วชะงัก
“ลูกเอ๊ย..คุณแดงน้อยไม่รังเกียจน้าหรือคะ น้าเป็นคนรับใช้เท่านั้น”
“แม่ผมจะเป็นใครก็ได้ขอให้เป็นแม่ผม ผมก็รักใคร่เคารพเทิดทูนไว้เหนือหัวจนวันตายครับ แม่เนียน กอดลูกสิครับ แม่เนียน กอดให้หายคิดถึง”
“แดงน้อยลูกรักของแม่ แดงน้อยของแม่”
เนียนโผเข้ากอดแดงน้อย กอดแนบแน่น แดงน้อยโอบกอดตอบ เนียนพร่ำรำพัน มีเนื้อทองมองน้ำตาคลอตื้นตันใจกับความสุขของแม่
“ผมมีความสุขเหลือเกินครับแม่เนียน อ้อมกอดของแม่ช่างอบอุ่นบ่งบอกถึงความรักที่มีต่อผม อย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน”
“แม่ก็เช่นกันลูกรัก แดงน้อยรู้ไหมว่า ลูกชายของแม่คนนั้น เขาเหมือนแดงน้อยราวกับคนเดียวกัน”
“แม่ในฝันของผมก็ช่างหน้าตาเหมือนน้าเนียนราวกับคนเดียวกันครับ”
เนื้อทองนั่งยิ้มมองสองคน
อี๊ดแอบมองเนียนกับแดงน้อยกอดกัน
“อีเนียนจะเอาพี่แดงน้อยเป็นชู้ หนอยแน่ะ นึกว่าจะแย่งพี่แดงน้อยไว้ให้อีติ๋ว ที่แท้ก็จะเอาเสียเอง อีไก่แก่แม่ปลาช่อน มีผัวมาหลายคนก็ไม่อิ่มสักที คิดจะแย่งพี่แดงน้อยของฉัน ไม่มีวันดอกอีเนียนไปฟ้องแม่สนดีกว่า”
ส่วนสนกำลังแก้ตัวกับท่านขุนไปแบบน้ำขุ่นๆ
“สนไม่เคยสอนไม่ได้อบรมหนูอี๊ดให้เป็นอย่างที่เห็นนะคะ แต่หนูอี๊ดแกน้อยใจว่าไม่มีใครรักแกแม้แต่คุณย่า ก็เอาแต่พะเน้าพะนอเด็กติ๋วคุณพี่เรียมก็ยกเด็กติ๋วให้เท่าเทียมแถมบางครั้งเหนือกว่า แกมีปมด้อยหนีร้อนมาพึ่งเย็น สนก็แค่ปลอบใจ”
“ปลอบจนลูกฉันกลายเป็นเด็กริษยาปองร้ายคนอื่นงั้นรึ”
“แหม..พูดก็พูดนะคะพี่ขุน คือหนูอี๊ดน่ะ แกไปเรียนที่บางกอกสิบกว่าปี แกไปจำอะไรมาจากบางกอกบ้างก็ไม่ทราบ มาเจอสนก็แค่ปิดเทอม เวลาเพียงเล็กน้อย สนจะไปสอนอะไรให้แกได้หนักนะคะ แกก็คงกลัวว่าใครๆ จะรักแกน้อยกว่าเด็กติ๋ว ดีไม่ดีพาลยกสมบัติให้มันไปด้วยน่ะค่ะ แกวางแผนของแกคนเดียว ถ้าสนรู้สนห้ามแล้วค่ะ”
“แต่หนูอี๊ดบอกว่าสนเป็นคนวางแผนทั้งหมด แม้กระทั่งสอนแกให้ว่ายน้ำเป็นตบตาคนอื่น”
“ต๊าย อกอีสนจะแตกตาย สนว่ายน้ำเป็นซะที่ไหนกันคะ จะไปสอนใครได้ ใช่ไหมช้อย”
“ใช่เจ้าค่ะ...วันก่อนคุณสนตกน้ำป๋อมแป๋มที่ริมคลองบ้านเรา ช้อยต้องตะโกนให้เรือที่ผ่านมาช่วยชีวิตเอาไว้ไม่งั้นตายไปแล้วนะเจ้าคะ”
ท่านขุนเริ่มมึน “ตกลงใครพูดความจริง ใครพูดโกหกกันแน่”
สนฉวยธูปใกล้มือมาทำท่าจะจุด
“สนสาบานต่อหน้าฟ้าดินได้ค่ะ”
“ไม่ต้อง ใครทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจตน ลูกอี๊ดกำลังจะไปเมืองนอกสามปี ในอีกไม่กี่วัน ขอความสงบสุขเกิดในบ้านฉันได้ไหม”
ขุนภักดีพูดจบกระแทกเท้าปังๆ ลงเรือนไป สนหันหน้ามามองช้อย สองคนประสานเสียง
“เกือบไป”
“ขอบใจเอ็งมากที่รับกระแสจิตที่ข้าส่งไปให้พูดว่าอย่างไรเรื่องว่ายน้ำ”
“ก็ช้อยรักคุณสนนี่เจ้าคะ ช้อยต้องปกป้องคุณสน สุดชีวิตเจ้าค่ะ”
“แต่แหม...อีเด็กอี๊ดมันร้ายกาจ พอจวนตัวมันย้อนกลับมาเล่นงานข้าอยากจะสั่งลามันก่อนไปเรียนต่อนัก”
ไม่ทันขาดคำเสียงทานตะวันดังเข้ามาเสียงหวาน
“แม่สนจ๋า แม่สนจ๋า”
สองคนมองหน้ากันอย่างระอา
ฝ่ายเนียนลูบหัวแดงน้อยที่ก้มลงกราบแทบตักเนียน
“ไปดีมาดีนะลูก ไปสามปีแม่คนนี้กับน้องเนื้อทองรออยู่ จะสวดมนต์ทุกคืนให้ปลอดภัย กลับมาเป็นใหญ่เป็นโตนะลูกนะ”
“ขอบพระคุณครับ แม่เนียน ผมอยู่ทางโน้นก็จะสวดมนต์ให้แม่เนียนกับน้องติ๋วปลอดภัยและมีความสุขกลับมาเมื่อไหร่จะรีบมากราบที่ตักของแม่เนียนทันทีครับ”
“ขอบใจมากขอบใจที่สุด ที่ให้ความสุขกับน้า คุณแดงน้อยไปกราบลาคุณท่านด้วยสิคะ หนูติ๋วจ๋าพาพี่แดงน้อยไปกราบลาคุณท่านสิลูก”
“ค่ะ เชิญค่ะ พี่แดงน้อย”
เนื้อทองพาแดงน้อยไป
ทานตะวันฟ้องสนฉอดๆๆ
“แม่สนคิดเหมือนหนูไหมคะ ว่าอีเนียนมันกำลังจะแย่งพี่แดงน้อยไปจากหนู”
สนกับช้อยสบตากันระอากับเรื่องแดงน้อย
“แหม คงจะไม่…” ช้อยรำคาญ
สนสะกิดขยิบตา ช้อยหยุด
“อับปรีย์แท้ๆ ค่ะ หนูอี๊ด เอ้อ..ว่าแต่ว่า คุณหนูไม่น่ามาที่เรือนนี้อีกนะคะ คุณแม่เพิ่งจะสั่งห้ามนี่คะ”
“ก็ทนไม่ไหวแล้วนี่คะ มันมากอดกับพี่แดงน้อยตำหูตำตาบนเรือนคุณย่าเลยนะคะ”
“ทำไมไม่ไปฟ้องคุณย่าเล่าคะ มาฟ้องแม่สน เดี๋ยวแม่สนก็โดนถลกหัวหงอกอีก คุณพ่อเพิ่งมาด่าลงจากเรือนไปแหม่บๆ เพราะหนูไปฟ้องว่าแม่สนชี้แนะวางแผน”
“หนูเปล่านะคะ แต่คุณแม่ต่างหากที่ คาดคั้นจับเรื่องราวมาปะติดปะต่อคนที่พูดมากที่สุด ก็พี่เทิดนั่นแหละฟ้องคุณแม่ฟ้องคุณพ่อ แม่สนก็เห็นว่าคุณพ่อเปลี่ยนใจทันทีที่พี่เทิดไปกระซิบกระซาบอะไรก็ไม่รู้”
“ใช่แล้วค่ะ คุณสน” ช้อยว่า
“ไอ้ลูกสาระเลว มันใส่ร้ายแม่ แถมมาด่าว่าแม่ มันรักนางเนื้อทองมากกว่าแม่บังเกิดเกล้า”
“อีติ๋วมันเป็นคู่รักบังเกิดเกล้าของพี่เทิดศักดิ์ไงคะ ชี้นกเป็นไม้ เห็นงูก็บอกว่าปลา พี่เทิดเชื่อมันหมด แม่สนเรียกพี่เทิดมาด่าได้เลยค่ะว่าอกตัญญูบุพการี หนูมาบอกแค่นี้แหละค่ะ ถ้าคุณแม่คุณพ่อรู้หนูจะโดนเลื่อนการไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส”
อี๊ดพูดจบเดินไปเฉยๆ สนมองตามด่าอี๊ดกับช้อย
“เออแน่ะ....อีเด็กโง่ หาสัมมาคารวะไม่พบ ไปไม่ลามาไม่ไหว้”
“เพราะเธอเห็นคุณสนเป็นแค่เมียน้อยพ่อมีไว้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายความชั่วร้าย ไงเจ้าคะ”
“เจ้าปะคู้น ขอให้มันเครื่องบินตกตาย ระหว่างทางไปฝรั่งเศส”
“ขอให้สมปากเจ้าค่ะ”
สองคนพนมมือ
ทองจันทร์ยื่นพระให้แดงน้อย
“ขอให้หลานแดงน้อยประสพโชคชัย อย่ามีภยันตรายใดๆ มากล้ำกราย ขอให้เรียนสำเร็จกลับมาเป็นเจ้าคนนายคนนะหลาน”
แดงน้อยกราบรับพร
“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ คุณย่า”
“พระพุทธรูปองค์นี้ให้หลานเอาไว้กราบไว้บูชา เรานับถือศาสนาพุทธพระท่านจะนำทางเราไปสู่ที่ถูกที่ชอบ ระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของท่าน จิตใจเราจะได้เบิกบานในการมุ่งหน้าไปสู่ความดี มีเมตตา ย่าให้พรไปนี่เพราะคิดว่าแดงน้อยคือหลานแท้ๆ ของย่าคนหนึ่งนะหลาน”
“เป็นพระคุณอย่างสูงครับ ผมจะจำคำสอนคุณย่าใส่ใจไว้ตลอดเวลาครับ”
เนียนทนไม่ได้ตามมานั่งมองแดงน้อยลาทอง ด้วยความสุขสมหวังแต่ใจหายห่วงใยคิดถึงลูก
“อ้าวเนียน ตามมานั่งมองแดงน้อยเขาราวกับจะกลืนกินเขาเข้าไปให้ได้”
“เอ้อ เนียน.. เนียน...”
“แม่เนียนเขาเห็นพี่แดงน้อยแล้วคิดถึงลูกชายเจ้าค่ะ คุณท่าน”
“ว่าอะไรนะ นี่เนียนแกมีลูกชายที่ไหนขึ้นมาอีกคนแล้วล่ะ”
“ก้อ เอ้อ ลูกชายของเนียนกับสามีคนที่ตายไปตั้งแแต่ลูกของเนียนยังเด็กน่ะเจ้าค่ะ”
“ชีวิตของเขาช่างเหมือนกับผมเหลือเกินครับ แม่เนียน”
“อ้อ นี่เลยตั้งตัวเป็นแม่เป็นลูกกัน แดงน้อยขาดแม่ เนียนขาดลูก ประจวบเหมาะกันดีแท้ๆ”
“ความจริงเนียนไม่บังอาจ แต่ คุณแดงน้อยเขาอนุญาตเนียนแล้วเจ้าค่ะ
จังหวะนี้ เทิดศักดิ์เข้ามาพอดี”
“จะไปบางกอกกันหรือยังขอรับ ท่านผู้ว่าแดงน้อย กระผมนั่งรอขับรถจะไปส่งท่านเป็นนานสองนาน ที่ไหนได้ท่านมาแอบแย่งความรักของคนแถวนี้ไปจากผมหมดแล้ว”
“เหลวไหล ใครแถวนี้จะมารักกันมากกว่าแก”
“น้าเนียนคนหนึ่งแหละ ดูมองแกเข้าสิ ยังกับมองลูกยังไงยังงั้น”
“เอ้อ...” เนินเขิน “รีบไปกันเถิดค่ะ”
แดงน้อยลุกขึ้นเดินออกกับเทิดศักดิ์ เนียนมองตาม แดงน้อยหันมามอง แล้วพูดราวกับรู้ใจ
“แม่เนียน ไปส่งผมที่รถนะครับ”
เนียนเขิน เนื้อทองยิ้มทองจันทร์หัวเราะ เทิดศักดิ์แซวเอา
“แม่เนียนหรือ นี่กันหูเฝื่อนหรือเปล่า”
“เอาไว้เล่าในรถเถิด หมวดเทิดศักดิ์ เชิญครับ แม่เนียน น้องติ๋ว”
“ไม่ต้องมาเขินมาอาย อยากไปจนเนื้อเต้นออกมาให้สายตาคนชราอย่างฉันเห็นแล้วไม่ต้องมาทำนิ่ง ไปสิเนียน ยัยติ๋ว”
แดงน้อยยื่นมือไปให้เนียนจับ เนียนที่นั่งให้ลูกชายจูงมือเดินออกไป มีเทิดศักดิ์ส่ายหน้าขำๆ เนื้อทองเดินตามไปยิ้มๆ
“ทำไมมันไม่เป็นแม่ลูกกันสามคนจริงๆ เสียเลยหนอ จะได้ลงเอยกันด้วยความสุขแท้จริงสักที เนียนเอ๊ย”
ทองจันทร์ยิ้มอย่างเอ็นดู เห็นแดงน้อยจูงเนียนไป ขณะที่เนียนหันมาจูงเนื้อทองอีกที สามคนเดินไปด้วยกัน
เทิดศักดิ์เดินตามพยักหน้าหงึกๆ
ฟากทานตะวันแอบมองสามคนเดินจูงมือกันผ่านหน้าไปด้วยความเคียดแค้น
“ดูพวกมันทำ บาดตาบาดใจเหลือเกิน”
ทานตะวันขยับออกไป แต่ก็ชะงักเพราะเห็นเทิดศักดิ์เดินตามมาด้วย
“พี่เทิดศักดิ์อีกแล้ว”
ขณะจะถอยหลังหลบ แต่เทิดศักดิ์ก็เห็นจนได้ เทิดศักดิ์ซึ่งเวลาไม่พอใจมักจะเรียกชื่อเต็มเรียกดังลั่น
“ทานตะวัน”
เสียงเรียกชื่อทานตะวันทำให้เนียนกับเนื้อทองและแดงน้อยหันมามอง เนียนดีใจเห็นลูกสาวคนโตเผลอยิ้ม
“คุณหนูอี๊ด”
ทานตะวันเมินหน้าไม่มองเนียนและเนื้อทอง แต่พูดกับแดงน้อย
“พี่แดงน้อยหอบกระเป๋าจะกลับบางกอกหรือคะ”
“ครับ..พี่จะกลับแล้ว”
“ไม่เห็นบอกหนูอี๊ด เลยว่าจะกลับแล้ว”
“ก็เธอมัวไปหมกตัววางแผนอะไรอยู่ที่ไหน ใครเขาจะไปเห็น”
“พบกันแล้ว พี่เลยขอบอกลา ตรงนี้เสียเลย ลาก่อนนะครับ น้องอี๊ด ขอให้น้องอี๊ด ไปฝรั่งเศสและเรียนจบด้วยดีนะครับ โชคดีนะครับ”
“แหม..ความจริงเราน่าจะได้เลี้ยงส่งกันสักนิด” ทานตะวันว่า
“ขอบคุณมากครับ..แต่ไม่เป็นไรครับ อีกสามปีพบกันใหม่นะครับ”
ทานตะวันรู้สึกว่าอาลัยอาวรณ์แดงน้อยมาก ที่สุดตัดสินใจเดินเข้ามาหา แล้วดึงมือแดงน้อยมาจากมือของเนียน
“ขอหนูอี๊ดอวยพรพี่แดงน้อยบ้างนะคะ ขอให้พี่แดงน้อยเรียนจบ กลับมาพร้อมหนูอี๊ดพอดีนะคะ”
“ฟังเธอพูดเข้าสิทานตะวัน มันจะเป็นไปได้ยังไง แดงน้อยรีบไปกันเถิด แกต้องรีบไปจัดการเรื่องพาสปอร์ตนี่นา ไป”
เทิดศักดิ์มาดึงแขนแดงน้อยออกไปจากทานตะวัน พลางยิ้มให้เนียนกับเนื้อทอง
แดงน้อยสบตาเนียน เนียนสบตาตอบ หน้าจ๋อย
เทิดกับแดงน้อยขึ้นรถ พากันออกไป เนียนยืนมองจนลับสายตา เนื้อทองยืนอยู่ข้างๆแม่ ไม่ขัดใจ อยากให้แม่ความสุข
ทานตะวันยังไม่มองสองคนแม่ลูก แต่พูดขึ้นมาลอยลม
“ทุเรศบอกไม่ถูก แก่แล้วไม่ดูตัวเอง อยากมีผู้ชายหนุ่มมาเคียงข้าง เชอะ น่าไม่อายแท้ๆ”
“คุณหนูอี๊ด” เนียนเสียใจ
“ฉันไม่ได้ว่าแก อยากรับเองก็ช่วยไม่ได้”
ทานตะวันเดินเชิดออกไป เนียนมองตาม เนื้อทองชักไม่พอใจ
“หนูไม่ยอมให้เขามาว่าแม่เนียนเสียๆ หายๆ แบบนี้อีกแล้ว”
เนื้อทองอ้าปากขยับตัว
“คุณ...”
เนียนเอามือปิดปากลูกมือหนึ่ง และดึงแขนไว้มือหนึ่ง
“แม่ขอไว้แล้วไงลูกจ๋า ขอเถิดนะ อย่าให้ความสุขที่แม่เพิ่งได้รับมลายไปหมดตอนนี้เลยจ้ะ ถ้ารักแม่อย่าไปยุ่งกับเขานะจ๊ะ”
เนื้อทองจึงไม่เดินไปพูดอะไรกับทานตะวันอีกเลย
ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างนั้นหนักมาแอบดูลูกและหลาน ทั้ง เทิดศักดิ์ แดงน้อย เนื้อทอง แล้วหนักใจกับนิสัยทานตะวันเอามากๆ
“โธ่ เนียน เราสองคนช่างอาภัพเหลือเกิน ที่ไม่อาจแสดงตัวกับลูก ว่าเป็นแม่เป็นพ่อของเขา เทิดศักดิ์ของพ่อ ใส่ชุดนายร้อยตำรวจตรี ช่างโก้แท้ๆ”
ทานตะวันเดินผ่านพุ่มไม้ที่หนักซ่อนอยู่
“อีเนียนอีติ๋ว ฉันเกลียดแกสองคนที่สุด แกแย่งพี่แดงน้อยไปจากฉัน พี่เทิดศักดิ์ก็ช่างไม่รู้สึกรู้สมบ้างสักนิด โง่กันไปหมดแล้วจริงๆ”
ทานตะวันสบถแล้วเดินผ่านไป หนักส่ายหน้า
“เด็กคนนี้ช่างน่าเกลียดผิดพี่ผิดน้อง น่าเสียดายแท้ๆ”
หนักแอบย่องตามอี๊ดไป
ทานตะวันมานั่งไม่สบอารมณ์อยู่มุมหนึ่งคนเดียว โกรธเนียนกับเนื้อทอง สนเดินมานั่งข้างๆ
“มานั่งซึมอยู่ตรงนี้นี่เอง โกรธใครอีกแล้วหรือคะ”
“อีเนียนอีกแล้วค่ะ มันเดินจูงมือพี่แดงน้อยไปส่งถึงรถ มันออกนอกหน้าจนน่าตบ”
“แล้วทำไมไม่ตบมันไปตามใจอยากเล่าคะ”
“ถ้าไม่มีพี่เทิดศักดิ์อยู่ตรงนั้น หนูทำแน่คะ”
“เทิดศักดิ์นี่ยังไม่โดนแม่สนด่าให้เจ็บสักที ก่อนไปนอกไปสั่งลาตบมันทั้งแม่ทั้งลูกดีไหมคะ”
“หนูเหนื่อยเต็มทนแล้วค่ะ พักเรื่องงี่เง่านี่เอาไว้ก่อน รอหนูเรียนจบกลับมา หนูจะมาเล่นงานพวกมันใหม่ แม่สนอยู่ทางนี้ เล่นงานมันแทนหนูไปพลางๆก่อนเถิดค่ะ หนูใจคอไม่ดี เพราะกังวลเรื่องพี่แดงน้อย หนูไปก่อนนะคะ”
ทานตะวันเดินไม่สบอารมณ์ออกไป
สนยิ้มเยาะเดินบ่นดังๆ ไม่คิดว่าจะมีใครมาได้ยิน
“อีเด็กหน้าโง่ แกคงนึกละสิว่าฉันเป็นมิตรแท้ของแก เชอะ อีโง่ แกนี่แหละ ศัตรูตัวฉกาจหมายเลขหนึ่ง แกมีสิทธิ์ในทรัพย์สินของภักดีภูบาล ฉันต้องทำให้แกพลาด เพื่อให้ทุกอย่างเป็นของลูกชายฉันคนเดียวเท่านั้น”
แล้วสนก็สะดุ้ง เพราะมีเสียงใครคนหนึ่ง พูดพร้อมกับหัวเราะดังมากๆ
“ไอ้ความคิดหมาๆ แบบนั้นก็ไม่ถูกดอกนะ นางสนคนสารเลว”
“ใครน่ะ ว๊าย แก แก”
หนักก้าวออกมา สนมองแล้วเสียววูบ สัญชาญาณค่อนข้างมั่นใจ และคิดว่าเป็นหนัก
“เราไม่ค่อยได้เจอกัน หน้าฉันก็มักปิดบังๆ ก็ผัวเจ็ดวันของคุณนายไงล่ะ”
สนถอยกรูดใจหายวับ
“ไอ้เสือหนัก แกมาทำไม”
“มาแอบดูลูกชายฉันบ้างสิ คิดถึงเขาใจจะขาด ยังจะหลานอีกสองคน แดงน้อยกับหนูติ๋ว”
“แกกล้าดีเกินไปแล้ว ฉันจะเรียกให้เทิดศักดิ์มาจับแก”
“เขาขับรถไปแล้วกับแดงน้อย แกกล้าดีนักก็ไปเรียกตำรวจมาจับฉัน พอเขาจับฉัน ฉันก็จะประจานว่า ฉันคือชู้ของแก มีลูกกับแกหนึ่งคน คือเทิดศักดิ์ เชิญแกไปเลยสิ เชิญ คุณนายสนคนสวยใจทราม”
หนักถลันเข้ามากระชากสน ดันให้ไป แต่สนกลับไม่ไปหันมาวิงวอนหนัก
“เสือหนักไหว้ละ แกกับไปเสียเถิด อย่าให้ใครมาพบเจอเห็นแกได้ไหม”
“เห็นก็ช่างมันปะไร แกมันโกหกพกลมเก่งจะตาย แกก็บอกมันสิว่าฉันเป็นอะไรกับแกดีล่ะ เป็นญาติเป็นพี่ เป็นพ่อเป็นอะไรก็ได้ยกเว้น เป็นชู้ เป็นพ่อเทิดศักดิ์”
สนตะแบง “แกอย่ามาตู่ เทิดศักดิ์ไม่ใช่ลูกแก เขาคือลูกท่านขุน”
“โกหก แกลืมยายอ่อนแล้วรึ ยายอ่อนมันรู้ว่าแกไม่ได้ท้องกับท่านขุน แกจ้างยายอ่อนให้ไปจากบ้านท่านขุน เพราะกลัวจะปูดว่าลูกของแกคือลูกชู้ ชู้คนนั้นคือฉัน ไงละนางคนเลว แกจะเลวไปถึงไหน หา โชคดีที่ลูกฉันเป็นคนดีไม่เลวร้ายเหมือนแก”
สนต้องยอมจำนน “ก็ได้ แต่ฉันขอละ อย่าบอกใครว่าแกเป็นพ่อของลูกฉัน”
“หมามันยังรักลูก เสือหนักน่ะศักดิ์ศรีดีกว่าหมามากนัก เสือมันกินเนื้อสัตว์อื่น แต่ไม่มีวันกินเนื้อลูกของมันดอก ฉันไม่ทำร้ายลูกพยัคฆ์เสือใหญ่ ถึงร้ายกาจอาจหาญปานไหน ก็ไม่ทำร้ายลูกเมีย แต่เมียชั่วอย่างแกเสือหนักไม่รับปาก”
“อย่างนั้นก็กลับไปสิ”
“ยังก่อน ฉันจะรอแอบดูลูกใส่ชุดนายร้อยตำรวจตรีจนกว่าจะสาสมใจ”
สนร้องลั่น “ไม่นะ ไม่ได้”
หนักทำนั่งขึงไม่รู้ไม่ชี้ สนแทบบ้าตาย กบเดินมาพอดี หนักรีบเดินไปให้เห็นแต่สนหลบ
“ใครน่ะ”
“ฉันเป็นญาติคุณนายสน มาเยี่ยมลูกชายคุณนาย อยากเห็นหน้าหลาน” หนักบอก
“อ๋อ คุณเทิดศักดิ์ไปบางกอก ต้องรอมืดๆ แล้วละน้า”
หนักแนะนำตัว “น้าสินจ้ะ”
“จ้ะน้าสิน ขอตัวก่อนนะ จะรีบไปรับใช้คุณท่าน”
กบเดินออกไปแล้ว หนักจึงเดินย้อนกลับมาหาสนที่แอบอยู่ สนถอนหายโจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
“จะให้ฉันรอลูกที่ไหน ไปที่เรือนท่านขุนดีไหม” หนักแกล้งถาม
“อย่านะ รีบไปเรือนฉันให้ไวที่สุด”
หนักหัวเราะครื้นเครงเบิกบานเป็นที่สุด ในขณะที่สนกำลังจะบ้าตาย
อาญารัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
เทิดศักดิ์มาส่งแดงน้อยถึงร้านกาแฟแล้ว
“ผมพานายอำเภอในอนาคตมาส่งให้แล้วครับ ลุงโพล้งแม่แพร”
โพล้งกับแพรรีบมาถามแดงน้อยเรื่องการไปบ้านภักดีภูบาล เพราะอยากรู้เรื่องเนียน
“ไปพักผ่อนที่บ้านเทิดศักดิ์มา สนุกสนานมากสินะ แดงน้อย”
“ไหนเล่าเรื่องของเนียนกับหนูติ๋วให้แม่แพรฟังสิ เขาสบายดีอยู่หรือ”
แดงน้อยพูดไม่ออก สบตา เทิดศักดิ์
“ลุงโพล้ง แม่แพรครับ ขอตัวกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
“สวัสดี” สองคนรับไหว้พร้อมกัน
แพรงง “เลยลากลับเอาดื้อๆ ซะอย่างงั้น”
“ผมขอตัวไปสั่งเสียเทิดศักดิ์ก่อนนะครับ”
แดงน้อยเดินตามเทิดศักดิ์ออกไป มีแพรกับโพล้งมองตาม สองคนสงสัย
“ตอนที่เราถามทุกข์สุขของเนียน ดูสองคนนั่นแปลกๆ นะตาโพล้ง”
“ถึงว่าละสิ เทิดศักดิ์สบตาแดงน้อย แล้วตัดบทลากลับทันที ยังไงกันหว่า”
“ฉันว่าต้องเป็นเรื่องไม่สู้จะดีแน่นอน” แพรว่า
สองคนพยักหน้ากันหงึกๆ
สองคนคุยกันอยู่ข้างรถ แดงน้อยบอกเทิดศักดิ์
“กันรู้สึกเป็นห่วงแม่เนียนกับน้องติ๋วอย่างบอกไม่ถูก เกรงว่าทั้งสองคนนั่นจะ..เอ้อ...”
เทิดศักดิ์ยื่นมือให้เพื่อนจับพูดต่อให้
“จะโดนลงโทษอีก กันรับรองด้วยเกียรติ์ของตำรวจไทย ว่าจะพิทักษ์ปกป้องสองคนนั่นเต็มความสามารถ แกลืมแล้วหรือว่า กันรักน้องติ๋วมากและหวังจะแต่งงานกับเธอ กันปกป้องเธอสำเร็จมาแล้ว”
แดงน้อย พยักหน้าเศร้าๆ
“กันรู้ ก็ขอฝากฝังแกด้วยก็แล้วกัน สามปีที่จากไปกลัวว่ากลับมาแล้วอะไรอะไรอาจเปลี่ยนแปรไปในทางร้ายๆ ได้”
“คนที่จะก่อเหตุร้ายได้หนึ่งคนคือน้องอี๊ด แต่น้องอี๊ดก็จากไปสามปีเหมือนกัน ดูแลตัวแกเองเถิดแดงน้อย ตั้งสติตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดสมดังที่ใจแกปรารถนา”
“ขอบใจ แต่กันยัง เอ้อ..” แดงน้อยเกรงใจเพื่อน
“ไม่ต้องกังวล กันรู้ว่าคุณแม่สนเกลียดสองคนนั่นมาก กันก็ปรามเอาไว้แล้วทั้งยัยช้อยด้วย กันเองก็กำความลับของคุณแม่และยัยช้อยเอาไว้ด้วยคงจะไม่กล้าดอก”
“ขอบใจมากเพื่อนรัก กันเลยขอลาแกตรงนี้ โชคดีนะเพื่อน”
“โชคดีเช่นกัน เขียนจดหมายถึงกันบ้าง”
เทิดศักดิ์ยื่นมือให้แดงน้อยจับอีก แดงน้อยจับตอบ จากนั้นสองคนก็โอบกอดกัน น้ำตาคลอ
ด้านทองจันทร์กินข้าว มีเนื้อทองกับเนียนดูแล ทองกินไปช้าๆแล้วหยุดชะงักมองสองคนที่ดูซึมๆ
“ฉันอิ่มแล้ว”
“คุณท่านรับประทานนิดเดียว นะเจ้าคะ”
“หรือว่าหนูกับแม่แม่เนียนทำอาหารไม่ถูกปากเจ้าคะ”
“ฉันกินข้าวคนเดียวมันไม่สนุก มันอับเฉาโรยรา มันกินไม่ลง”
“แมวไปเชิญคุณหนูอี๊ดมารับประทานด้วยนะเจ้าคะ” แมวว่า
“อย่าทีเดียวเชียวนะ ขืนมานั่งกินด้วย ฉันยิ่งกินไม่ลง ชังน้ำหน้านัก เนียน มานั่งกินกับฉัน ยัยติ๋วมานั่งกินกับย่านะ”
เนียนกะเนื้อทองมองหน้ากัน
“มันจะไม่ดีนะเจ้าคะ” เนียนเกรงใจตามประสา
เนื้อทองก็ด้วย “เกิดใครมาเห็นเข้า”
ทองจันทร์หงุดหงิด “ทำยังกับพวกแกไม่เคยกินข้าวกับฉัน”
“แหมคุณท่านเจ้าขา ก็ตอนนั้นคุณแดงน้อยเธอมากินด้วยนี่เจ้าคะ กรณียกเว้นเจ้าค่ะ”
“ฉันไม่มีกรณีใดๆทั้งสิน ต่อไปนี้ฉันต้องการกินข้าวกับเนียนและหนูติ๋ว สองคนแม่ลูกเข้าใจฉันไหม ไม่รู้หรือว่าฉันเหงา”
เนียนกะเนื้อทองมองหน้ากัน แล้วบอก “เจ้าค่ะ” พร้อมกัน
“เขยิบเข้ามานั่งข้างฉันซ้ายขวา”
แมวเขยิบด้วย
“เขยิบมาทำไมนางแมว จะมาร่วมวงไพบูลย์รึ”
“เปล่าเจ้าค่ะ แค่จะเขยิบมาจัดอาหารให้เจ้าค่ะ”
“แล้วไป แกน่ะได้รับเกียรติเป็น ขาไพ่กิตติมศักดิ์ของชั้นแล้วนี่นา”
ทองจันทร์ยิ้มย่องขึ้นมา ดูสนุกสนานหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมาใหม่ ตักโน่นตักนี่กินอย่างมีความสุข เนียนกับเนื้อทอง
ยิ้มย่องสบายใจตามไปด้วย
สามคนพ่อแม่ลูกเดินมาหยุดหน้าเรือนทองจันทมร์ มีกบตามมาด้วยได้ยินเสียงทองหัวเราะมีความสุข
ทานตะวันหน้าเซ็งๆ
“นั่นคุณแม่หัวเราะร่าเริงอะไรกันนะ”
“แว่วว่าหาเพื่อนรับประทานอาหารได้สองคนเจ้าค่ะ” กบบอก
ทานตะวันฉงน “ใคร”
“แว่วว่าน่าจะเป็นเนียนกับหนูอี๊ดเจ้าค่ะ”
ทานตะวันโมโห “แย่มาก”
เรียมยิ้มแย้ม ดีใจ “ดีออกจะตายไป คุณแม่จะได้ไม่เหงา”
“หนูไม่อยากขึ้นไปกราบลาคุณย่าแล้วค่ะ คุณพ่อ คุณแม่”
“ทำไมรึ” ขุนภักดีแปลกใจ
“ขึ้นไปให้สองคนนั่นมันเยาะเอาสิคะ ว่ามันกำลังขึ้นหม้อของคุณย่า” ทานตะวันหน้าคว่ำ
“อย่าทำตัวมีปัญหา มีข้อแม้สิลูก หนูจะไปตั้งสามปี คุณย่าท่านคงคิดถึงหนูแย่” เรียมว่า
“คุณย่าน่ะหรือจะคิดถึงหนู ไม่ได้ยินคุณย่าหัวเราะหรือคะ คุณย่ามีหลานใหม่มีต้นห้องคนใหม่แล้วค่ะ”
ขุนภักดีเตือน “หนูอี๊ด ธรรมเนียมไทย ไปลามากราบนะลูก คุณย่าไม่มีวันรักคนอื่นมากกว่าหลานตัวเองดอก”
“แต่มีเรื่องกันทีไร คุณย่าเข้าข้างมันทุกที”
“คุณย่าจะเข้าข้างหนู ทุกคนจะเข้าข้างหนู ถ้าหนูทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไปสิคะ ลูกอี๊ด ไปกราบลาไปกราบขอพรคุณย่า”
เรียมแตะแขน ท่านขุนจูงทานตะวัน ทั้งสามพากันขึ้นไปบนเรือน
แมวมองตามหลังทำหน้าเบื่อทานตะวัน
ฟากแพรน้ำตาไหลพราก หลังฟังเรื่องเนียนจากแดงน้อยจบ
“โธ่เนียนเอ๊ย ทำไมเวรกรรมไม่จบไม่สิ้นสักทีหนอ แถมยังลุกลามไปถึงรุ่นลูกรุ่นเต้า แดงน้อยเอ๊ย จำไว้นะหลาน แม่เนียนคนนี้มีพระคุณต่อหลานเป็นที่สุด กลับมาจากเมืองนอกอย่าได้ละเลยทอดทิ้งเขาทีเดียว”
“เขาเหมือนจะมีบุญแต่โดนกรรมบังมานานหนักหนายี่สิบกว่าปีแล้ว ลุงอยากให้เขามีความสุขสมหวังสักที”
“ลุงโพล้งกับแม่แพรหมายความว่า อยากให้แม่เนียนพบลูกชายสักที ใช่ไหมครับ”
สองคนสะดุ้งโหยงร้อง
“ไฮ้”
“น้าเนียนบอกผมเองว่าพลัดพรากจากลูกชาย ตอนเขาสามสี่ขวบ ลูกชายแม่เนียนหน้าตาเหมือนผมไม่มีผิด”
สองคนมองหน้ากัน นึกหวาดเสียว
“แล้วยังไงอีก” รีบซักพร้อมเพรียง
“คุณย่าของเทิดศักดิ์บอกว่า ถ้าจับผมน้องติ๋วแม่เนียนไปเดินตลาดตามลำพังสามคน คนต้องนึกว่าแม่พาลูกชายลูกสาวมาเดินตลาด เพราะหน้าตาพิมพ์เดียวกันเป๊ะ แปลกมากใช่ไหมครับ”
“แปลกที่สุด” สองคตนว่า
“อ้อ..แล้วที่แม่แพรบอกว่าน้าเนียนมีพระคุณต่อผมที่สุด ผมอยากทราบครับ”
“กับมาแล้วค่อยทราบเถิดนะ” แพรตัดบท
แดงน้อยไม่ติดใจต่อไป แต่สองคน หนักอกหนักใจ
ด้านหนักนั่งรอเงียบๆ ช้อยที่โดนสนบังคับให้เอาอาหารมาให้หนักกินลับๆ ล่อๆ กลัวมาก
หนักเห็นทางหางตาไวๆ หนักกระชากปืนออกมา
“ใครน่ะ”
ช้อยทำอาหารตกกระจาย
“ว้าย”
“แกทำอะไรน่ะ”
“ฉัน ฉัน เอ้อ ฉัน คุณสนให้ฉันเอาอาหารมาให้ เสือ..เอ้อ แก เอ๊ย..คุณกินจ้ะ”
หนักมองพื้น “จะให้ลงไปเลียกินเหมือนหมางั้นรึ ไปบอกนายแกนะว่า แม้แต่น้ำหรือต้นไม้ใบหญ้าบ้านแกของพวกแก ฉันก็ไม่แตะ เพราะพวกแกมันงูสารพัดพิษ เห็นแกกับงูอยู่คู่กันฉันตีพวกแกก่อนงูจะบอกให้ ฉันรู้ทันว่า นายกับแกแอบใส่ยาพิษในอาหารหวังจะให้ฉันตาย ไม่โง่กินเข้าหรอก แกนั่นแหละทำแผนนายแกเสียหายหมด”
หนักหัวเราะดุๆจ้องหน้าช้อย ช้อยระย่อส่ายหน้า
“เปล่านะจ้ะ”
“พิสูจน์ไหมล่ะ”
หนักปราดไปคว้าช้อย แล้วกดช้อยลงที่พื้น
“ไม่นะ อย่านะ กลัวแล้วจ้ะ”
“กินสิ กินเข้าไป ถ้าแกไม่กล้ากินก็สารภาพว่ามียาพิษในนั้น ใช่ไหม ถามว่าใช่ไหม”
หนักจิกหัวช้อยเงยขึ้นมา จ้องตาช้อย
“จริงจ้ะ”
หนักเหวี่ยงช้อยออกไป สีหน้าดุดันมาก
“ชาติชั่ว”
ช้อยกลัวจนตัวสั่น ยกมือพนมไหว้
ฝ่ายทองจันทร์ส่งซองเงินค่อนข้างหนาให้ทานตะวัน
“นึกว่าจะไม่มาลาย่าเสียแล้ว”
ทานตะวันกำลังกราบลงบนตัก สีหน้าค่อยสดชื่นขึ้นมาบ้าง เรียมกับท่านขุนนั่งยิ้ม
“ต้องมาสิครับ คุณแม่ ไม่มาได้ยังไง”
“แต่หนูอี๊ดมัวแต่จัดข้าวของค่ะ คุณแม่” เรียมแก้ตัวให้
เนียนกับเนื้อทองนั่งห่างออกมาก้มหน้าสถานเดียว แมวกะกบแอบกระซิบกระซาบ
“โดนบังคับให้มาน่ะไม่ว่า”
“มาช้าดีกว่าไม่มานะ อีกสามปีกลับมาย่าจะอยู่ถึงไหม”
“ถึงสิคะ คุณย่า แข็งแรง ด่าเป็นไฟขนาดนี้อายุยืนค่ะ”
กบแมวหัวเราะกันอีก เรียมกะขุนภักดีหัวเราะไปด้วย ทองจันทร์หันมาทำตาเขียวใส่กบแมว
“แกสองคนหัวเราะอะไรรึ”
สองคนเงียบกริบ
“ขอบพระคุณมากค่ะ คุณย่า ซองหนามาก ถึงแสนไหมคะ” ทานตะวันประจบ
“แสนนั่นมันใช้จนเรียนจนจบแล้วหลานเอ๋ย นี่ก็หลักหมื่น ให้พ่อเขาเอาไปแลกเป็นเงิน ฝาลัง ก่อนไปเรียนนะหลานนะ”
“เงินฟรังก์ครับ คุณแม่ ไม่ใช่เงินฝาลัง”
แมวกับกบหัวเราะคิกคัก ทองจันทร์หันมาทำตาเขียวใส่อีกครั้ง
ขุนภักดีที่ปรายตามองสองแม่ลูกหลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดลอยๆ
“ค่อยยังชั่วกันแล้วรึ”
สองคนตกใจ ไม่มีใครกล้าตอบ
“ถามใครรึ พ่อเทพไม่ออกชื่อแล้วใครจะรู้ว่าถามใคร” ทองจันทร์ว่า
เรียมรีบตัดบทให้ “พี่เทพถามเนียนกับหนูติ๋วจ้ะ ตอบสิจ๊ะ”
เนียนกะเนื้อทองบอก “เจ้าค่ะ”
“เจ้าค่ะ กลัวพิกุลจะหล่นจากปาก เจ้าค่ะแปลว่าค่อยยังชั่วหรือแย่ลง” ขุนภักดีหงุดหงิด
เนียนกับเนื้อทองมองหน้ากัน อีกครั้ง เรียมพยักหน้าให้เนียน ประมาณว่าตอบสิ
“ค่อยยังชั่วเจ้าค่ะ”
เรียมยิ้ม กบกะแมวแอบยิ้ม ทานตะวันแอบค้อน
“ถามช้าดีกว่าไม่ถาม” ทองจันทร์ยิ้มๆ
ทุกคนวางหน้าไม่ถูก แต่บรรยากาศโดยรวมก็ดีขึ้น
ที่เรือนสน หนักกำลังชี้หน้าด่าสนเป็นการใหญ่
“ความจริงฉันมาเพื่อคุยเรื่องน้องสาวฉัน แต่แกมันเลวหาสิ่งใดมาเปรียบไม่ได้แท้ๆ คิดจะให้ฉันตายให้ได้”
“ใช่..ฉันต้องทำทุกวิถีทางให้แกตายให้ได้ ถ้าสบโอกาส แกนั่นแหละรนหาที่ตาย ถ้าวันใดที่ฉันเกิดจนตรอกขึ้นมา ฉันจะไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ชื่อเสียงที่จะเสียหายของลูกชายว่ามันมีพ่อเป็นไอ้เสือหนัก”
“คนอย่างแกมันไม่เคยรักใคร แม้แต่ลูก แกรักแต่ตัวแกเอง เออแฮะ ฉันฆ่าแกให้ตายตอนนี้ดีกว่า จะได้หยุดยั้งเรื่องราวเลวร้ายที่แกจะสร้างขึ้นมาอีก”
หนักเดินย่างสามขุมเข้าหาสน สนถอยกรูด
“อย่านะ”
“ความจริงฉันไปบวชเรียนปลงแล้ว แต่แกนี่แหละ กระตุ้นฉันให้คิดว่าชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อความสงบสุขของบ้านหลังนี้ แกสมควรตาย”
สนถอยกรูด แต่มองไปแล้วร้องอย่างดีใจ
“ลูกเทิดศักดิ์”
นั่นทำให้หนักหยุด
“ลูกของฉัน”
“แกรีบหลบไปก่อนนะ”
แต่เทิดศักดิ์เห็นเสียแล้ว
“นั่นใครอยู่กับคุณแม่สน”
หนักพูดเบาๆ กับสน “ฉันไม่บอกเขาหรอกว่าฉันคือพ่อของเขา แกแนะนำเขาสิว่าแกกับฉันเป็นญาติกัน”
เทิดศักดิ์ปราดมายืนข้างแม่ มองหนักแบบเขม้นมอง
“เทิดศักดิ์จ้ะ นี่นี่...”
“ลุงสินนี่นา ลุงสินของแดงน้อยใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้ว เทิดศักดิ์ ลุงเป็นญาติของแม่เทิดศักดิ์”
“ลุงเขาเป็นคนสวนแตง ผ่านมาก็เลยแวะมาเยี่ยมเราจ้ะ”
เทิดศักดิ์รีบยกมือไหว้หนัก
“สวัสดีครับ คุณลุง ต้องขอโทษด้วย ที่เมื่อสักครู่ผมเสียงดังใส่ เพราะตกใจเกรงว่าใครจะมาทำร้ายคุณแม่สน”
หนักหัวเราะเย้ยหยัน
“แม่ของหลานน่ะ ไม่มีใครหาญกล้ามาทำร้ายดอก เขาเก่งมาก ลุงเองยังขยาด”
เทิดศักดิ์หัวเราะเห็นด้วย
ทั้งหมดพากันลงมาจากเรือนทองจันทร์แล้ว
“หนูยังไม่ได้ลาแม่สนเลยนะคะ” ทานตะวันว่า
“เอ้อ ฝากแม่ลาให้ก็ได้จ้ะ”
“ไปกับพ่อก็ได้ ยังไงแม่สนเขาก็เป็นผู้ใหญ่”
“คุณสนไม่ว่างดอกเจ้าค่ะ” กบบอก
ท่านขุนฉงน “ทำไม”
“มีญาติผู้ใหญ่มาหาคุณสนเจ้าค่ะ” กบบอกอีก
“ใครรึ หรือว่ามาจากบ้านกำนันแสง” ขุนภักดีงงหนัก
“อย่าไปรบกวนเลยค่ะ พี่เทพ”
ขุนภักดีพยักหน้า ทานตะวันจึงไม่ได้ไปลาสน ทั้งที่ยังอยากไปอยู่ดี
สามคนพ่อแม่ลูก อยู่ด้วยกันบนเรือนสน เทิดศักดิ์ดีใจมากที่ได้พบหนักที่ตนรู้จักในชื่อ สิน จึงพูดคุยด้วยอย่างดี
“เสียดายที่ผมเพิ่งไปส่งแดงน้อยกลับบางกอก เขาเลยไม่ได้พบคุณลุงสิน”
“ลุงก็เสียดายที่ไม่ได้พบเขา”
“เสียดายที่ไม่มีโอกาสบอกเขาว่าที่แท้ ผมกับเขาก็เป็นญาติกันจริงๆ เพราะเขาและผมต่างเป็นหลานของคุณลุง”
“ทำไมถึงไม่มีโอกาส”
“คุณลุงคงไม่ทราบว่าเขากำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอกครับ”
“แหม..เป็นลุงเป็นหลานกันแบบไหน ทำไมไม่รู้เรื่องราวของหลาน ทำยังกับต้องคอยหลบหน้าหลานไปได้”
สนแกล้งเหน็บเอา หนักกระแอม เทิดเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้อ คุณลุงสินครับ คุณลุงมีพระดีๆ ไหมครับ”
สายตาหนักมองดูที่คอเทิดศักดิ์ยิ้มๆ
“องค์ที่มีอยู่นั่นดีที่สุดแล้วหลานชาย ไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว”
“เทิดศักดิ์เขาอยากมีไว้คุ้มครองตัวเอง เผื่อจะเจอเสือหนัก จะได้จับมันให้ได้ไม่ว่าจับตายหรือจับเป็น”
หนักกระแอมอีก
“ผมเคยเจอเขามาแล้ว เขาดูไม่เหมือนเสือเหมือนสาง แต่นั่นแหละครับ ยังไงผมก็ต้องจับเขาตามหน้าที่”
“ใช่จับปราบฆ่ามันให้ตายไปไวๆ เลวอย่างมันอยู่ไป มันก็หนักแผ่นดิน” สนว่า
“แม่ของหลานเขาเคยมีความหลังกัน เขาจึงอยากให้ตายไปไวไว เขาจะได้หายเจ็บใจ เพราะว่าเขากับแม่ของหลานเคยเอ้อ.. เคย ..ฮะแอ้ม”
“นี่คุณแม่รู้จักเสือหนักด้วยหรือครับ” เทิดศักดิ์สงสัย
“เหลวไหล...ลุงของลูกเพ้อเจ้อบ้าบอสติไม่ดี ชอบแกล้งแม่ต่อหน้าคนอื่นอย่าได้เชื่อคนบ้าทีเดียวนะลูก”
“ตามใจหลานเถิดจะเชื่อแม่หรือว่าจะเชื่อลุง” หนักว่า
“ผมเชื่อลุงครับ”
สนเผลอหลุดปาก “ไอ้ลูกเวร”
หนักชักโกรธ “ด่าลูกรึนั่น”
“เปล่านี่...เอ้อ ลูกรักจ๋า แม่ลืมไปว่าทิ้งกุญแจเซฟไว้บนเรือน ในห้องนอนช่วยไปหยิบมาให้แม่ที เพราะดีไม่ดีไอ้เสือหนักมาป้วนเปี้ยนแถวนี้มันจะปล้นเอา”
“ได้ครับ คุณแม่สน”
เทิดศักดิ์เดินออกไป สองคนหันมาจ้องหน้ากันเอาเรื่องต่อ
“แกต้องการอะไรกันแน่”
“ต้องการมาสั่งแกว่าอย่ามาทำร้ายน้องฉันหลานฉันอีก ถ้าฉันรู้แกตายแน่ นี่คือคำขาด ถ้าแกอยากลองดีก็ตามใจ แกอย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าแกทำอะไรลงไปบ้าง ไอ้เสริมที่แกไปเช่าเรือมันก็รายงานเรื่องแผนล่มเรือฆ่าหลานฉัน”
“ไอ้คนทรยศ” สนโมโห
“คงทรยศน้อยกว่าแก เป็นไหนๆ จะรับปากไหม”
“ตกลง ฉันรับปาก แต่แกก็ต้องรับปากฉันว่าจะไม่มาที่นี่อีก”
“ตราบใดที่แกไม่ทำร้ายน้องกับหลานของฉัน”
สนจำใจรับปาก
แดงน้อยจัดกระเป๋าวางเตรียมไว้เรียบร้อย แพรกับโพล้งประกบซ้ายขวา น้ำตาแพรนองหน้า
“ลุงสินจะทราบไหมว่าผมกำลังจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก”
“ไม่ทราบดอก เพราะเขาหายเงียบไปนานแล้ว”
“แต่เอาแน่กับเขาไม่ได้หรอก คิดว่าไม่ทราบ จู่ๆ ก็ทราบขึ้นมาเสียอย่างนั้น”
“ผมอยากพบลุงก่อนไปสักครั้ง แต่คงหมดโอกาส เพราะผมจะไปมะรืนนี้ แล้วถ้าลุงมาตอนที่ผมไม่อยู่ แม่แพรกับลุงโพล้ง วานบอกลุงด้วย ว่าผมขอบพระคุณที่ส่งเสียผม เมตตาผมจนกระทั่งผมมีวันนี้ ผมจะไม่ลืมพระคุณ และต้องการตอบแทนพระคุณลุงให้ถึงที่สุด”
สองคนมองหน้ากัน เศร้าๆ
ส่วนเทิดศักดิ์ถือกุญแจเซฟที่หาอยู่พักใหญ่ลงมาให้สน
“นี่ครับกุญแจ เซฟ เอ๊ะ คุณลุงสินหายไปไหนแล้วครับ
“มันเอ๊ย...เขากลับไปแล้ว ช่างเถิด ไปเสียได้ก็ดี”
“ดูท่าว่าคุณแม่จะไม่ชอบเขา”
“ก็มันเป็นคนไม่ดี มันขี้เมา มันชอบไถเงิน มันมานี่จะมาไถเงินแม่นี่แม่ฟาดหัว ไปพันนึงมันเลยรีบไป”
“เอ๊ะ ผมเห็นเขาใส่สร้อยทองเส้นเบ้อเริ่ม ทำไมถึงมาไถเงินคุณแม่”
“ทองปลอมเอาไว้ตบตาคนอื่นน่ะสิ”
“แปลกมากๆ”
สนเมินหน้าหนี ไม่อยากพูดต่อ
ขณะเดียวกันเนียนนั่งใจลอยคิดถึงแดงน้อย
“แม่ใจลอยไปบางกอกหรือจ๊ะ” เนื้อทองถาม
“เอ้อ...”
“แม่คงคิดถึงพี่แดงน้อย หนูเข้าใจจ้ะว่าที่แท้เพราะแม่มีลูกชายที่เป็นพี่หนู แต่แม่จากกับเขามานานมาก แม่จึงเอาพี่แดงน้อยมาทดแทน ทำไมแม่ไม่ไปหาพี่ชายของหนูบ้างเล่าจ๊ะ”
“แม่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เพราะญาติขอพ่อเขาเอาไปเลี้ยง เราขาดการติดต่อกันมานานแล้วจ้ะ”
“ตั้งแต่เขาอายุเท่าไหร่จ๊ะ”
“สี่ขวบ”
“แค่สี่ขวบ เอ...ทำไมแม่ถึงได้รู้ว่าพี่ชายของหนูคนนั้นหน้าตาเหมือนพี่แดงน้อยจ้ะ ในเมื่อแม่ไม่ได้พบเขานานมาก”
“แม่..ก็เอ้อฝันถึงเขา วาดภาพเขาเอาเอง พอเห็นหน้าแดงน้อยแม่ก็เหมาเอาเองว่าเขาหน้าเหมือนแดงน้อยจ้ะ”
“ก็จริงนะคะ เพราะพี่แดงน้อย กับหนูก็หน้าตาเหมือนกัน”
“เขาจากไปถึงสามปีช่างเนิ่นนานเหลือเกิน เขากลับมาจะหน้าตาเป็นยังไงบ้างหนอ”
“แม่เอาแต่พูดถึงพี่แดงน้อย จนหนูอิจฉาแล้วนะจ้ะ อีกสามปีหนูก็จะมาเป็นครูอยู่ที่นี่ ถ้าแม่ไม่อยากอยู่ เราจะไปอยู่ที่อื่นด้วยกันดีไหมจ๊ะ”
“ไม่ดีแน่จ้ะ ไม่ว่าเราจะยากดีมีจนเพียงไหน บุญคุณต้องทดแทนของแม่ที่มีต่อบ้านภักดีภูบาล ไม่มีวันหมดสิ้นดอก คุณท่านชรามากแล้ว หนูกับแม่ต้องอยู่ดูแลรับใช้ท่านจ้ะ แม่ขอร้อง”
“จ้ะ หนูเชื่อแม่”
เนื้อทองกอดไว้
“ป่านนี้คุณท่าน รอหนูไปอ่านหนังสือให้ฟังแล้ว ไปสิจ๊ะลูก”
เนียนกอดส่งท้ายให้ลูกลุกไปหาทองจันทร์ พอเนื้อทองไปแล้ว เนียนก็มองออกไปที่นอกหน้าต่าง มองไปท้องฟ้ามีดาวเต็มระยิบระยับ
“แดงน้อยของแม่ ทูนหัวของแม่ แม่คงคิดถึงลูกทุกเวลานาทีตลอดสามปีที่ลูกต้องจากไป แม่จะตั้งตารอลูกกลับมาพร้อมกับความสำเร็จ มาเป็นเจ้าคนนายคนที่เมืองสุพรรณ มาเป็นแก้วตาดวงใจของแม่นะลูก”
เนียนยิ้มทั้งน้ำตา
เทิดศักดิ์เดินทางมาพบกำนันที่สวนแตง ศรีประจันต์
“กำนันครับ ผมมาตามหาคนชื่อ สิน”
“สินไหนล่ะ”
“สินเอ้อมีอายุแล้วครับ ประมาณสี่สิบกว่า หน้าตาดี ผิวขาว สูงใหญ่ พูดจาสุภาพ”
“ที่สวนแตงนี่มีสินอยู่สองคน คนหนึ่งเพิ่งตายไป อีกคนหนึ่งเป็นเด็กเพิ่งจะเกิด”
เทิดศักดิ์อึ้งพึมพำ
“คุณแม่สนโกหกอีกแล้ว ทำไม”
เทิดศักดิ์งงมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมสนจึงโกหกไปทุกเรื่อง
อาญารัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ถึงวันเดินทางของแดงน้อย สามคนอยู่ที่สนามบินดอนเมืองแล้ว แดงน้อยใส่สูทดูหล่อเหลายิ่งขึ้น มีกระเป๋าแฮนด์แบกใบย่อมติดตัว โพล้งกับแพรกำลังกอดลาอย่างอาลัยอาวรณ์ โพล้งตาแดงๆ ส่วนแพรร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร
“ไปอยู่คนเดียวตามลำพังจะกินจะอยู่ยังไง เดี๋ยวก็อดตายกันพอดี” โพล้งบ่น
“อาหารก็ไม่ใช่อย่างบ้านเรา กินแต่ขนมปัง กับเนย มันไหวหรือลูกเอ๊ย ใครจะซักจะรีดเสื้อผ้าให้ ใครจะกวาดบ้านถูบ้านให้ ฮือๆๆๆ”
โพล้งเอ็ดเอาเพราะแพรร้องไห้ดังมากขึ้น “อย่าร้องไห้ดังๆ สิ อายเขายัยแพร แกร้องแบบนี้ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกันฮือๆ”
“ลุงโพล้ง แม่แพรครับ ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ ผมต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมให้ได้เพื่ออนาคตของผม ไม่ต้องห่วงผมดอกครับ”
“ก็แม่แพรน่ะไม่ห่วงแล้ว ไอ้โพล้งมันมาพูดให้แม่กลัวนี่นา”
“อ้าว ไหงมาโทษกันโทษเอง ก็ตัวแกเองนั่นแหละมาปรับทุกข์กับฉัน อุ๊บ๊ะ”
ยินเสียงใครคนหนึ่ง มาทักจากด้านหลัง
“คนเขาจะไปดีมาร้องไห้ร้องห่มส่งกันทำไมหา”
สามคนหันขวับไปมอง แดงน้อยดีใจมาก สองคนก็ดีใจด้วย เมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“ลุงสิน”
โพล้งจะหลุดปาก “พี่หนะ...”
ถูกแพรกระทืบเท้าเต็มแรง
“พี่สิน”
แดงน้อยยิ้มแป้น “ลุงรู้ว่าผมจะไปวันนี้”
“รู้สิ ลุงถึงมาส่งหลาน ลุงดีใจมาก มีความสุขมากที่เห็นหลานมีแต่ความดี และความสำเร็จ”
“ขอบพระคุณมากครับ ผมก็ดีใจ คิดตลอดเวลา ว่าลุงจะมาส่งผมไหม ในที่สุดลุงก็มาให้ผมสมหวัง ผมไม่อยู่สามปีลุงดูแลตัวเองดีๆ นะครับ”
“ลุงจะพยายาม แต่หลานเอ๊ย อะไรอะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอน สามปีนี่ บางทีลุงอาจ...จะ...” หนักอึกอักตอนท้าย
แดงน้อยสวนออกมา “เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่สบายหรือครับ มาอยู่กับแม่แพรลุงโพล้งสิครับ”
หนักส่ายหน้า แล้วหนักก็หน้าเปลี่ยนไป พร้อมๆ กับขยับหมวดให้ปิดหน้าหลุบต่ำลงมา
แพรกระซิบ “ตำรวจมา”
“มาตั้งสามสี่คน” โพล้งตาโต
“ลุงขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนถ้าลุงออกมาไม่ทันหลานไปขึ้นเครื่องบิน ขอให้โชคดีนะหลาน”
หนักโอบบ่าแดงน้อย ตบเบาๆ แล้วผลุนผลันเดินหายไป
ตำรวจสามคนเดินผ่านมาหยุดส่ายตามองๆ พลางมองมาที่พวกแดงน้อย แล้วเดินหายไป
เสียงเรียกให้ไปตรวจพาสปอร์ตและขึ้นเครื่องบินดังขึ้น
“เขาเรียกแล้ว”
“ลุงสินยังไม่กลับมา” แดงน้อยชะเง้อมอง
“ไปเถิด ไม่ต้องห่วงเขาหรอกแดงน้อย รีบไปสิ”
สองคนกอดลาแดงน้อยอีกครั้ง ส่วนหนักหลบมุมแอบมองแดงน้อย น้ำตาซึม
ฟากเนื้อทองก้มลงกราบทองจันทร์ เนียนนั่งยิ้มมองใกล้
“หนูไปเรียนไม่นานหรอกเจ้าค่ะ ปิดเทอม หนูจะกลับมารับใช้เจ้าค่ะ”
“มาดูแล ย่า อย่าเรียกว่ามารับใช้ อ้อ บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียก คุณย่า อย่ามาเรียกคุณท่าน เนียน สั่งลูกแกสิ”
“เจ้าค่ะ หนูติ๋ว เรียกคุณท่าน เอ๊ย..คุณย่าสิจ๊ะ”
“เจ้าค่ะ คุณย่า”
ทองจันทร์ส่งซองให้หนึ่งซอง
“ย่าให้ค่าขนม เดือนละสามร้อยบาท”
“คุณย่า เจ้าขา หนูได้ทุนแล้วเจ้าค่ะ”
“อย่าอวดดี ทุนนั่นมันก็หนักไปทางทุนเล่าเรียน ไม่ใช่ทุนค่าขนมเนียน สั่งลูกแกสิ”
“รีบรับสิหนูติ๋ว”
“ขอบพระคุณมากค่ะ คุณย่า”
“ย่าจะให้ไอ้เอกมันส่งไปให้ใช้เดือนละสามร้อยบาททุกเดือน”
“เป็นพระคุณตอบแทนไม่มีวันหมดเจ้าค่ะ” เนียนซาบซึ้งยิ่งนัก
“หนูจะไม่ใช้ให้หมดเจ้าค่ะ หนูจะแบ่งเก็บไว้ฝากธนาคารออมสินเจ้าค่ะ”
“รู้จักคิดดีมาก ไม่เหมือนหนูอี๊ด มันคิดจะเอาเงินหมื่นของย่าไปซื้อเสื้อผ้าใส่ให้หมด เขาจะไปพรุ่งนี้แล้วสินะ”
ทองจันทร์หัวเราะขำๆ ไม่ได้โกรธเคืองอะไร ฝ่ายเนียนใจหล่นวูบ อาวรณ์ลูกสาวแฝดคนโต
วันต่อมา เนื้อทองแต่งตัวโก้ เก๋ สไตล์ฝรั่งๆ มีเรียมกับขุนภักดีเดินจูงมือมาที่โรงรถ เทิดศักดิ์กับสนมาด้วย เอกมาเปิดท้ายรถใส่กระเป๋าใบแรก กบและแมวยกกระเป๋าเดินทางมาอีกสองใบ ใส่ท้ายรถแทบไม่พอ
ระหว่างนี้เนียนมาลับๆ ล่อๆ แอบมองทานตะวัน น้ำตาคลอ พึมพำเบาๆ
“หนูอี๊ดของแม่ เดินทางปลอดภัยนะลูก ขอพระคุ้มครองลูกด้วยเถิด แม่จะตั้งตารอลูกกลับมาอีกสามปีข้างหน้า”
ทานตะวันเหมือนรู้ว่ามีคนแอบมอง หันขวับมา
“นังเนียนมาแอบดูฉันอีกแล้ว ไปให้พ้นนะ”
สน เทิดศักดิ์และคนอื่นๆ หันไปตามเสียงทานตะวัน สนผละจากเทิดศักดิ์ ไปดึงแขนเนียนออกมา
“แกแอบมาทำพิธีเสกควายธนู ใส่หนูอี๊ดให้ไปมีเหตุร้ายที่เมืองนอกใช่ไหม” สนคิดไปได้
“ฉันไม่ทำอะไรเลวร้ายอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“งั้นแกมาแอบดูฉันทำไม” ทานตะวันแหวใส่
“น้าเนียนอาจจะอยากมาอวยพรให้น้องอี๊ดเดินทางปลอดภัยก็ได้ ใช่ไหมครับน้าเนียน”
“เอ้อ ค่ะ”
ทานตะวันแว้ดใส่ตามเคย “แกสติเสียหรือนังเนียน ฉันไม่ใช่ลูกแก สักหน่อย และฉันก็ไม่มีวันอยากให้แกมาอวยพรฉัน”
เรียมดุเอา “หนูอี๊ด คนเขาหวังดี ทำไมต้องไปขุ่นเคือง เนียนจ้ะ ถ้าอยากอวยพรหนูอี๊ดก็ตามสบายเถิดจ้ะ”
“คุณแม่ เข้าข้างมันอีกแล้ว”
“คุณพี่ทำให้มันได้ใจเกินไปแล้วนะคะ” สนหมั่นไส้
“แล้วเธอเล่าสน เธอคือคนที่ทำให้หนูอี๊ดได้เข้าใจผิดๆ เสมอ” เรียมแดกดัน
“คุณนายแม่พูดถูกแล้ว คุณแม่สน น้องอี๊ด กับการอวยพรให้โชคดีมีชัยทำไมมันถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่โต”
“ถ้าเป็นคนอื่น มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่เป็นมัน หนูถือว่ามันไม่มีเกียรติพอที่จะมาตีเสมออวยพรหนู ขอร้อง ถ้าแกหวังดีกับฉันจริงไสหัวไปให้พ้น ให้ฉันเดินทางด้วยความสบายใจได้ไหม”
เนียนน้ำตาร่วงพรู “เจ้าค่ะ คุณหนู”
“ฉันไม่ได้ตาย แกจะมาร้องไห้ทำไม นังบ้า”
“หยุดนะ หนูอี๊ด เนียนจ๊ะ อภัยให้เด็กไม่มีความเมตตาปราณีคนนี้ด้วยเถิดจ้ะ”
เนียนชะงักฟังแล้วรีบเดินออกไปยกมือปาดน้ำตา
“หยุดก่อน”
เนียนหยุด
“ขอบใจที่มาอวยพรหนูอี๊ด”
“คุณพ่อ” ทานตะวันหน้าคว่ำ
เรียมยิ้ม คนอื่นยิ้ม ยกเว้นสนกับทานตะวัน
“ขึ้นรถกันได้แล้ว”
ทุกคนจึงขึ้นรถ เนียนเดินร้องไห้ออกไป
รถแล่นออกจากโรงรถ เนียนหันกลับมาผวาตามไปมองที่ประตู มองไปน้ำตาท่วมใจกบใบหน้า กบกะแมวมองเนียนแปลกใจมาก เนียนมองรถจนลับสายตาไป
เวลาผ่านไป ที่วิทยาลัยการเรือน เนื้อทองกับเพื่อนใส่ชุดนักเรียนการเรือนเสื้อขาวแขนยาว กระโปรงสีน้ำเงิน เสื้อปกบัวมีโบว์ผูกรอบคอมารวบเป็นหูกระต่ายด้านหน้า
เนื้อทองและเพื่อนเรียนทำอาหาร ตามมาด้วยการเรียนสลักผักผลไม้
วันต่อมาเนื้อทองกับเพื่อนประดิษฐ์จัดดอกไม้ เนื้อทองและเพื่อนถักผ้าเช็ดหน้าผ้าปูโต๊ะเสื้อหนาว ทุกการเรียนเนื้อทองมุ่งมั่นตั้งใจ
ไม่ต่างจากแดงน้อยที่เดินถือตำราออกมาจากตึกเรียน นั่งสบายในสวนสวย ยิ้มกับเพื่อนพูดภาษาฝรั่งกันไปด้วยทั้งหมดถือตำราเรียน เดินมาถึงที่จอดจักรยาน พากันขี่จักรยานแยกย้ายโบกมือให้ ก็ตามกันกลับไปหอพัก
วันต่อมาแดงน้อยอยู่ในหอพัก กำลังทำอาหารง่ายๆกินๆ ง่ายๆ มีขนมปังแซนด์วิชโปะกันเข้าไป
อีกวันแดงนั่งอ่านตำราแล้วหยิบกระดาษมาเขียนจดหมาย
“กราบเท้าลุงโพล้งและแม่แพรที่เคารพรักสูงสุด ผมกำลังตั้งใจศึกษา เล่าเรียนเพื่อคุ้นเคยกับการใช้ภาษา บัดนี้พูดคุยกับคนอื่นรู้เรื่องดีมีเพื่อนมากมายแล้ว”
โพล้งกับแพรอยู่ที่ร้านกาแฟไทยเจริญ แพรกำลังพยายามอ่านจดหมาย
“แดงน้อยมันเขียนจดหมายมาจากเมือง มองๆ พริกๆ มะนาวดอง เลยนะตาโพล้ง”
“เมืองบ้าอะไรของแกยัยแพร มองๆ พริกๆ มะนาวดอง นี่มันผักสวนครัวหลังร้านเราแล้วแหละ”
“แกอย่าขัดคอ ถ้าอยากจะฟังต่อ ไม่เช่นนั้นฉันจะอ่านในใจ แกก็รู้ว่าแดงน้อยเขียนมาว่ายังไง สมน้ำหน้าไอ้คนไม่ยอมเรียนหนังสือ”
“ได้ทีขี่แพะไล่นะ อ่านต่อไปสิ”
แพรอ่านไม่คล่องอย่างเก่า เหมือนเด็กหัดอ่านหนังสือ “ที่นี่อากาศหนาวกว่าบางกอกมาก คิดถึงแม่แพรกับลุงโพล้งเป็นที่สุด ฝากบอกลุงสินด้วยว่าคิดถึงมาก อยากกินน้ำพริกปลาทูฝีมือแม่เหลือเกิน” อ่านมาถึงตอนนี้ แพรป้ายน้ำตา “แม่แพรควรบ่นก่นด่าลุงโพล้งให้มากๆ เรื่องที่แกชอบไปกินเหล้าเมายา อย่าให้มากเกินสมควรใช้งานแกให้หนักๆ จะได้ไม่มีเวลาเหลวไหล”
โพล้งขัดหู โพล่งขึ้นทันที “เฮ้ย นี่ไม่ใช่คำพูดแดงน้อยแล้ว ยัยแพรแกหลอกด่ากันนี่นา”
“ก็ฉันอ่านต่อเติมเอาที่คิดว่าแดงน้อยอยากจะเขียนตะหาก”
“ยัยแพรขี้โกง ยัยแพรแก่แล้วยังหาผัวไม่ได้ไม่มีใครยอม”
“ไอ้โพล้ง...เดี๋ยวเขวี้ยงด้วยฝาหมอข้าวหัวแตก”
โพล้งหัวเราะขำ
ส่วนทานตะวันแต่งตัวเป็นสาวปารีเซียง กำลังเรียนซอยผมให้ฝรั่งที่มาเป็นหุ่น ฝีมือชำนาญแล้ว
สามปีต่อมา
ที่หน้าวิทยาลัยการเรือน เนื้อทองเดินออกมาเจอเทิดศักดิ์ ที่มาจอดรถคันสวยรออยู่
“น้องติ๋ว”
“พี่เทิดศักดิ์สวัสดีค่ะ”
“พี่มารับไปฉลอง”
“วันเกิดหรือคะ”
“ดูนี่สิ” เทิดศักดิ์ชี้ดาวบนบ่า ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเป็นสองดวง
สองคนนั่งรถมาด้วยกัน
“พี่เทิดศักดิ์เป็นร้อยตำรวจโทแล้ว ก้าวหน้าเร็วมากนะคะ”
“จ้ะ พี่เป็นหนุ่มประจำกองปราบ ที่โจรสยองขวัญ แต่สาวๆ หมายตาจ้ะ”
“พี่เทิดยอตัวเอง แต่พี่เทิดก็เก่งจริงๆ ค่ะ แม่เนียน กับคุณย่ายังชมเปาะ”
“ยังไม่จบจ้ะ พี่กำลังจะย้ายไปประจำที่สุพรรณบุรีแล้วจ้ะ”
“หรือคะ หนูก็กำลังจะสมัครไปเป็นครูที่สุพรรณเหมือนกันค่ะ”
“แดงน้อยก็กำลังจะกลับมา แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมาอยู่สุพรรณไหม เพราะมหาบัณฑิตเกียรตินิยมจากนอกอย่างเขา ใครๆ ก็หมายตาอยากเอามาร่วมด้วย”
“ได้ยินคุณนายแม่มาบอกกับคุณย่า ว่า คุณหนูอี๊ดก็กำลังจะกลับมาเปิดร้านทำผมค่ะ”
เทิดศักดิ์ยิ้มเรียกเนื้อทองเสียงหวาน
“น้องติ๋วขา...”
เนื้อทองหันมายิ้มให้
“คะ”
เวลาต่อมา ภายในร้านอาหารตกแต่งในสไตล์สวยคลาสิคในบางกอก สองคนนั่งกินอาหารด้วยกัน เทิดศักดิ์สบตาเนื้อทองมองด้วยความรัก เนื้อทองยิ้มเขินๆ
“พี่มีอะไรจะบอก”
“เอ้อ บอกมาสิคะ”
“พี่ รักน้องติ๋วมากที่สุด”
“ทราบแล้วค่ะ ว่าพี่เทิดรักหนูติ๋วมาก พี่เทิดคอยปกป้องคุ้มครองหนูมา ตั้งแต่หนูจำความได้ จนกระทั่ง เอ้อ...เดี๋ยวนี้” เนื้อทองชักเริ่มเข้าใจในความหมาย
“และภายภาคหน้า จ้ะ น้องติ๋วครับ พี่ไม่ทราบว่าน้องติ๋วเข้าใจคำว่ารักของพี่เป็นเอ้อ... เป็นเช่นไร”
“เอ้อ...ก็เป็นแบบพี่น้องกันไงคะ” เนื้อทองพยายามเลี่ยง
เทิดศักดิ์แอบหันมาถอนใจเฮือกใหญ่
“น้องติ๋วเข้าใจผิดแล้วครับ”
อาหารมาพอดี
“หนูหิวมากเลยค่ะ เรามาฉลองยศร้อยโทพี่เทิดกันก่อนดีกว่านะคะ”
เทิดศักดิ์แอบถอนใจอีกเฮือก เนื้อทองทำก้มหน้าก้มตากิน
แดงน้อยกับเพื่อนใส่ชุดครุยรับปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย เสร็จแล้วออกมาถ่ายรูปด้วยกันกับเพื่อนๆ ถ่ายกับอาจารย์ฝรั่งบ้าง อาจารย์หลายคนมาจับมือแสดงความยินดีกับแดงน้อย
ขณะเดียวกันที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ทานตะวันกับเพื่อนๆ แต่งตัวสวยเป๊ะ ผมสวยนำสมัย ในงานรับประกาศนียบัตรจากอาจารย์ สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เทิดศักดิ์ขับรถพาเนื้อทองกลับมาจากบางกอก หลังเรียนจบ มีเนียนรอรับอยู่ เนื้อทองลงมาจากรถมาไหว้เนียน
“แม่เนียนจ๋า หนูเรียนจบแล้ว รับประกาศณียบัตรแล้ว ไม่มีห่างจากแม่เนียนไปไหนอีกแล้วจ้ะ”
เนียนโอบกอดลูกไว้
“แม่ดีใจมาก ต่อไปนี้ เราไม่ต้องแยกจากกันอีกแล้วนะจ๊ะ”
“สวัสดีครับ น้าเนียนครับ ผมอีกคนที่ไม่ต้องแยกจากใครที่นี่ เช่นกัน”
“คุณเทิดศักดิ์จะเลิกเป็นตำรวจแล้วหรือคะ”
“ผมจะย้ายมาประจำการที่นี่ครับ ผมจะมาจับเสือหนักตามที่ตั้งใจไว้”
เนียนใจหายวับ
“เอ้อ..หนูติ๋วจ้ะ รีบไปกราบคุณท่าน เรียนท่านว่าหนูเรียนจบแล้วเถิดจ้ะ”
“ไป..พี่ก็จะไปกราบด้วยคน ผมจะถือกระเป๋าให้น้องติ๋วด้วยครับ”
พูดจบเทิดก็ฉวยกระเป๋าของเนื้อทองรีบเดินไปกับสองแม่ลูก
ช้อยแอบมอง
“อีสองแม่ลูกนี่มันเสน่ห์แรงเหลือเกิน”
ช้อยรีบผละไปฟ้องสน
ฟากสนนั่งวางมาดคุณนายเหมือนรอใครอยู่ ช้อยพรวดเข้ามา
“พรวดพราดเข้ามาทำไม แก่แล้วนะแก กิริยามารยาทยังกุ๊ยไม่เลิกสักที”
“ก็ช้อยมีเรื่องร้อนใจแทนคุณสนมาบอกนี่คะ”
“มีอะไรอย่ามากวนอารมณ์เบิกบานของฉัน ฉันกำลังนั่งรอดูดาวบนบ่าดวงที่สองของลูกเทิดศักดิ์ จะรับขวัญที่ลูกกลับมาประจำที่บ้านเรา”
“ทั้งดาวทั้งคนบินปร๋อไปกับอีสองแม่ลูกนั่นแล้วค่ะ”
สนรู้ทันที “อีเนียน อีติ๋ว”
“ค่ะ พากันเสนอหน้ากราบคุณท่านกันแล้วค่ะ”
“มันชวนลูกฉันละสิ”
“ไม่ได้ชวนด้วยคำพูดหรอกค่ะ แต่ชวนด้วยทีท่า ค่ะ” ช้อยสอพลอตามสันดานคนใจชั่ว
“มันยั่วยวนลูกฉัน” สนตาวาววับ
“ต้องตัดไฟแต่ต้นลม โดยเร็วซะแล้ว ไปเรือนคุณท่านค่ะ”
“โง่หรือแก อีแก่นั่นมันเกลียดฉันจะเป็นจะตาย ประจบมันเท่าไหร่ก็หลอกมันไม่สำเร็จ ฉันต้องวางแผนดีๆ ไม่ให้ลูกชายฉันไปเอานังติ๋วมาเป็นสะใภ้”
สนวางแผนอีกแล้ว ลืมคำพูดหนักสนิทว่าอย่าเล่นงานสองคน
“ลืมคำพูดเสือหนักแล้วหรือคะ คุณสน”
“ฉันมีวีธีน่า ไม่ทำโฉ่งฉ่างเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
ช้อยพยักหน้า
ขณะที่ทองจันทร์กำลังคลี่ผ้าปูโต๊ะ ซึ่งเนื้อทองถักให้อย่างสวยงามตรงหน้า
“สวยมากฝีมือละเอียดมาก หนูติ๋ว ย่าจะเอามาปูโต๊ะรับแขกบ้านเรา”
“ยังมีอีกเจ้าค่ะ คุณย่า หนูถักเสื้อหนาวมาให้คุณย่าใส่หน้าหนาวด้วยเจ้าค่ะ”
เนื้อทองหยิบเสื้อหนาวถักสีครีมสวยงามออกให้ดู ทองจันทร์รีบรับมาดูดีใจมาก
“ปลื้มใจมาก ปลื้มใจที่สุด มัวแต่ทำให้ย่าแล้วทำให้แม่หรือเปล่า”
“ทำสิเจ้าค่ะ ทำให้คุณนายแม่ด้วยเจ้าค่ะ”
เทิดศักดิ์เข้ามาเหล่ ถามยิ้มๆ
“แล้วของพี่เล่าครับ”
“อ้าว เรามาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยหือ ตาเทิดศักดิ์ ตลกเอาของเขานี่นา”
“คุณเทิดศักดิ์ไม่ไปกราบคุณแม่ก่อนหรือคะ”
“ผมอยากกราบคุณย่าก่อนนี่ครับ ผมคิดถึงคุณย่า อยากมากอดให้หายคิดถึง”
เทิดศักดิ์กอดทองจันทร์แถมจูบแก้มอีกฟอดใหญ่ ทองจันทร์หัวเราะชอบใจ
“วุ๊ย ตาเทิดทำแก้มย่ามีราคีตอนอายุจะเจ็ดสิบ อย่ามาประจบเปลี่ยนอีกหรือน่ะ”
“หรือว่าคุณย่าไม่ดีใจที่ผมติดสองดาวบนบ่าแล้วนะครับ”
ทองจันทร์เขม้นมองแล้วยิ้มปลื้มใจ
“จริงแฮะ ย่าดีใจด้วยนะ จะเอาอะไรล่ะ”
เทิดศักดิ์มองเนื้อทอง แล้วยื่นหน้าไปกระซิบหญิงชรา
“เป็นเถ้าแก่ขอผู้หญิงให้ผมครับ”
ทองจันทร์ตีแขนดังเพี๊ยะ
“เหลวไหลน่า”
“จริงๆ นะครับ”
“เขารู้ตัวแล้วรึ”
“กึ่งๆ ฮะ”
“ไปพูดกับเขา กับแม่เขาให้รู้เรื่องก่อนแล้วย่าจะจัดการให้ ไป ไป๋ ไปหาแม่เรา ป่านนี้มันนั่งสาปแช่งย่ากับสองคนนี้แล้ว โทษฐานแกมาเรือนย่าก่อนไปหามัน”
“น้องติ๋วจะไปสมัครเป็นครูโรงเรียนไหนพี่จะพาไปเองนะครับ”
เทิดศักดิ์หัวเราะไม่เดือดร้อน แล้วถอนตัวเดินลงเรือนไป
ทองจันทร์ส่ายหน้า เนียนกับเนื้อทองยิ้มมองตาม
สนวิ่งถลามาโอบกอดเทิดศักดิ์ น้ำตาย้อยน้ำตาร่วงแสร้งร้องไห้ดีใจเวอร์
“มาถึงบ้านทั้งทีไม่รีบมาหาแม่ ปล่อยให้แม่ตั้งตารอ แม่คิดถึงนะ แม่อยากเห็นดาวบนบ่าสองดวงของลูก”
“ขอบคุณครับ คุณแม่สน เอ้อ คุณแม่ดีใจจริงๆ หรือดีใจไปอย่างนั้นครับ”
“เอ๊ะ...ทำไมพูดกับแม่แบบนี้ แม่เสียใจนะ” สนค้อนวงใหญ่
“ผมกลัวใจคุณแม่สน ผมจับได้สองครั้งแล้วว่าคุณแม่สนโกหกผม”
“โกหกอะไรกัน”
“เรื่องแรก เรื่องนายแช่มลูกชายยัยช้อย คุณแม่ก็โมเมมาว่าเขาเป็นญาติผม สามปีก่อน คุณแม่ก็ปดว่าลุงสินเป็นญาติเรา”
“เอ๊ะ..นี่จะมาจับผิดแม่ทำไม ก้อ...”
“ก้อเขาไม่ได้เป็นญาติเรา และเขาก็ไม่ได้อยู่สวนแตง ผมไปสืบมาแล้ว”
“นี่แกจ้องจับผิดแม่มาเป็นปีๆ แกเกลียดแม่มากนักหรือ” สนน้อยใจจริงๆ
“ผมรักคุณแม่สนมาก ผมเทิดทูนคุณแม่ที่สุด แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไม คุณแม่สน มีลับลมคมนัยปิดบังอะไรมากมาย ลุงสินคนนั้นเป็นอะไรกับเรากันแน่ครับ คุณแม่”
สนหน้าซีด ตอบไม่ถูก
“ก็เป็นคนรู้จักธรรมดาทั่วไป แต่แม่ อาจจำผิดว่าเขาอยู่สวนแตง พอใจหรือยัง”
“ยังครับ ที่ลุงสินคนนั้นบอกว่าแม่กับเสือหนักเหมือนเคยรู้จักกันนั่นเล่าครับ ผมอยากทราบความจริง”
จู่ๆ สนทำทีเหมือนจะอาเจียนอีก อ๊วกจนจะเป็นลม
“โอ๊ย ปวดหัว ปวดหัวคลื่นไส้อยากอาเจียน”
แล้วสนก็ทำท่าจะเป็นลมล้มลงไป
“คุณแม่”
ช้อยปราดออกมา ร้องเสียงดัง
“คุณสน คุณสนเป็นลมบ้าหมูค่ะ เครียดมากชักเลยนะคะ”
สนรับลูกหรี่ตามองช้อย แล้วชักเอาๆ อย่างสมบทบาท
“คุณแม่”
เทิดศักดิ์ปล่อยสนให้ช้อยแล้วพรวดออกไป
“จะทิ้งคุณแม่ไปไหนคะ คุณเทิดศักดิ์” ช้อยนักแสดงสมบทเรียกไว้
“ฉันจะไปตามคุณหมอ”
“ไปตามทำไมคะ ทิ้งไว้ตรงนี้กลับมาอาจไม่ทันการนะคะ”
เทิดศักดิ์ละล้าละลัง แล้วหันกลับมาอุ้มสน
“จะอุ้มคุณแม่ไปไหนคะ” ช้อยตาเหลือก
“อุ้มไปให้หมอตรวจ จะได้ไม่ต้องทิ้งคุณแม่สนไว้กับช้อย”
เทิดศักดิ์อุ้มสนออกไป ช้อยเอามือลูบอกใจหายใจคว่ำ สนหันกลับมามองหน้าช้อยตาเขียวพูดไม่มีเสียง
“อีสาระแน”
หมอที่มาตรวจรักษาคนของบ้านภักดีภูบาลเป็นคนตรวจสน กำลังมองสนตรวจหัวใจ วัดความดัน สนไม่กล้าชักตรงหน้าหมอเพราะกลัวจับได้
เทิดศักดิ์วางหน้าสงบนิ่ง
“คุณแม่ผมเป็นอะไรมากไหมครับ”
“หมอยังไม่แน่ใจ ว่าแต่หมวดแน่ใจหรือครับว่าคุณแม่ชัก”
“ครับ ชักกระแด่วๆ เลยครับ”
“แปลกมาก”
“สงสัยว่าโรคลมบ้าหมอของคุณแม่จะกลัวหมอ เลยหยุดชักเอาดื้อๆ หรือว่ามีใครมาทำคุณไสย์ใส่คุณแม่”
“หมอไม่เคยเรียนรู้ทางนี้ มาก่อน แต่หมอไม่เชื่อหรอกว่าคุณไสย์มีจริง”
“สรุปว่าคุณแม่ปลอดภัยแล้ว ผมพาคุณแม่กลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับคุณหมอ”
“ครับ”
“แต่คุณแม่ยังไม่ฟื้น หรือว่าคุณแม่จะหลับไปแล้ว”
สนแอบปรือตาอย่างหงุดหงิด
“หรือจะพาไปนอนพักที่โรงพยาบาลสักคืน”
สนรีบปรือตาขึ้นมาทำงงงวย
“ที่นี่ที่ไหน”
“คลินิกคุณหมอประจำบ้านเราครับ คุณฟื้นแล้ว คุณหมอบอกว่าคุณแม่ปกติดี เรากลับบ้านเถิดครับ”
สนทำเงอะงะ เทิดศักดิ์ประคองแม่ลงจากเตียงพยาบาล สนแอบทำหน้าจะบ้าตาย
ที่เรือนครัวคุณนายทองจันทร์ สองแม่ลูก กำลังจัดอาหารให้ทองใส่บาตรพระ จัดดอกไม้ให้ด้วย
“เก่งจริงลูกสาวแม่”
“หนูมีพื้นฐานดีก่อนไปเรียน เพราะมีครูดีคือแม่เนียนไงจ้ะ หนูถึงเรียนรู้ได้เร็วมากจนอาจารย์ชม”
“หนูจัดเสร็จแล้ว รีบไปรับคุณท่านไปที่ท่าน้ำนะลูก แม่จะเอาถาดอาหารตามไป”
“จ้ะแม่เนียน”
พอเนื้อทองเดินออกไป เนียนจัดของเสร็จถือถาดสนเดินเข้ามา
“ประจบสอพอตอกลั่นกันดีแท้ๆ ทั้งแม่ทั้งลูก”
“ขอตัวก่อนค่ะ ฉันจะเอาของไปให้คุณท่านใส่บาตรที่ท่าน้ำ”
“มันเรื่องของแก แต่เรื่องของฉัน มันสำคัญมาก”
“อะไรหรือคะ”
“แกกับลูกของแก กำลังจะมาจับลูกเทิดศักดิ์ ของฉัน ยอมรับมาสิ”
“ลูกฉันเพิ่งเรียนจบ กำลังจะไปสมัครงาน ไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องจับใครหรอกค่ะ”
สนแว้ดใส่
“โกหก แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แกผ่านโลกมามีผัวไปกี่คนแล้ว แกดูไม่ออกหรือว่าลูกฉันกับลูกแกคิดอะไรกันอยู่”
“ลูกฉันและลูกคุณโตมากพอที่จะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่สมควร ค่ะ” เนียนว่า
“ถ้าอย่างนั้น ขอบอกกับแกเอาไว้ตรงนี้ว่า ลูกแกต่ำต้อยเกินกว่าจะมาเป็นคุณนายของลูกชายชั้น และแกก็ชั่วร้ายแพศยาไม่มีราคาจะมาเป็นแม่ยายลูกชายฉัน”
เนียนตกใจมาก
“คุณสน”
“แกมันจองล้างจองผลาญฉันมานานเต็มทนแล้ว ทุกวันนี้ฉันสาปแช่ง ให้ไอ้เสือหนักชู้ของแก โดนลูกชายฉันจับตาย อยู่ทุกวัน”
เนียนยืนอึ้งพูดไม่ออก สนเดินออกมากระแทกเสียงถาม อาหารใส่บาตรตกกระจาย แมวสวนเข้ามาพอดี
“ว๊าย”
แมวถูกสนผลักเซไปจนเกือบล้ม
“อีพวกนกสองหัว ช่วยลูกพี่แกเก็บของใส่ถาดไปให้เจ้านายแกใส่บาตรสิ”
สนสะบัดตัวเดินหนีไป แมวมองตาม โกรธแทนเนียน
“คางคกขึ้นวอ สักวันจะตกวอตาย”
ส่วนเนียนได้แต่เม้มปากแน่นอย่างคับแค้นใจ
ติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 13