อาญารัก ตอนที่ 3
สนลงเรือนใหญ่มา หน้าบูดบึ้งใจคอร้อนรุ่มไปหมดด้วยไฟริษยาสุมทรวง อกแทบระเบิด
“อยากจะถีบอีเนียนให้มันตกเรือนคอหักตาย แหม้...มันนั่งหน้าเชิดคลอเคลียพี่ขุนหยามหน้ากู อีช้อยมึงไปหาหมอเสน่ห์มาให้กูด่วน”
ช้อยร้อง “จุ๊ๆๆๆ”
ทองจันทร์ก้าวออกมา มีกบกับแมวเดินตามหลัง พูดถามลอยๆ
“ใครว่าจะหาหมอเสน่ห์ จะไปเอามาทำอะไรด่วนรึ”
สองคนตกใจมาก ยกมือไหว้แทบไม่ทัน
“ช้อยเองเจ้าค่ะ”
“เอ็งจะหาหมอเสน่ห์มาทำอะไรนางช้อย” ทองจันทร์ไม่เชื่อ
“เอ้อ มาเอ้อ...” สนอึกอัก
“มาทำเสน่ห์ให้เอ้อ พูดแล้วน่าอาย ช้อยอายมากเจ้าค่ะ”
“คือช้อย ช้อยมันไปหลงรักพ่อค้าขายตะพาบน้ำในตลาดค่ะ คุณแม่” สนบอก
“แต่เอ้อ... เอ้อ... คือเขามีเมียแล้ว” ช้อยทำเป็นอึกอัก
“ช้อยมันก็เลยอยาก เอ้ออยาก...”
สนพูดไม่ทันจบ ทองจันทร์พูดต่อให้ “อยากจะแย่งผัวเขา นางกบ นางแมว พวกเอ็งไปตลาดบ่อยๆ ไอ้พ่อค้าขายตะพาบน้ำมันหล่อเหลามากนักรึ”
กบกับแมวมองหน้าทำท่าจะอ๊วก
“หน้ามันหยั่งกับลิงเจ้าค่ะ” กบบอก
“ลิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ ชั่งตะพาบน้ำโกงกิโลด้วยเจ้าค่ะ” แมวว่า
สองคนประสานเสียง “ไอ้ลิงแก่อัปลักษณ์หน้าเลือดเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์หัวเราะขำใส่ช้อย “นางวัวเห็นแก่หญ้า ขี้ข้าเห็นแก่เงิน แย่งผัวเขานรกกินหัวเอาแน่”
ช้อยวางหน้าไม่ถูก
“กำนันแสงหายดี แต่แม่สนดูป่วยซะเอง หน้าตาอิดโรยแววตาแห้งแล้งเหมือนป่วยใจ เหมือนชีวิตไปเจอโศกนาฏกรรมมา” ทองจันทร์มองหน้าสน
สนกับช้อย สะดุ้งโหยง เมินไปทางอื่น ตอบไม่เป็นไปเลย
“ไปพักซะ จะได้มีเรี่ยวแรงมาช่วยจัดงานให้พ่อเทพกับเนียนเขา”
สองคนรีบเดินออกไป ไม่อยากต่อปากต่อคำกับทองจันทร์เพราะช่างจับผิด
กลับถึงเรือนเล็กสนนั่งคลั่งแค้น รอช้อยที่ให้ไปสืบความที่เรือนใหญ่ รอนานสองนาน สนนั่งคลั่งจนอ๊วก
“โอ๊ยกูจะอกแตกตาย ทุกคนในบ้าน กำลังสนุกกับงานแต่งของอีลูกชาวนากับผัวกู อีเนียนมึงมันตัวนำโชคร้ายหายนะมาให้กู”
ช้อยวิ่งกระหืดกระหอบตื่นเต้นเข้ามา
“คุณสนเจ้าขา ได้เรื่องแล้วเจ้าค่ะ”
“ว่ามา” สนตื่นเต้นตาม
“ตอนนี้นางเนียนมันกำลังแกงไก่ให้ท่านขุนรับประทาน มีนางกบกับนางแมวเป็นลูกมือ ประจบสอพลอนายว่าขี้ข้าพลอยกันยกใหญ่”
สนโมโหทุบช้อยดังพลั่ก
“ข้าไม่อยากฟัง เรื่องอีเสนียดหัวใจนี่ ข้าต้องการฟังเรื่องหมอเสน่ห์ทำให้พี่ขุนกลับมาหลงรักข้า แล้วเฉดหัวอีตัวเสนียดไปจากบ้านนี้”
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ช้อยนัดหมายแล้วเจ้าค่ะ”
“ดี”
“อ้อ...ตอนขากลับมาจากบ้านหมอเสน่ห์ ช้อยเจอไอ้เหิม”
“ไอ้คนทรยศ มันยังมีหน้ามาวนเวียนแถวนี้อีกรึ”
ช้อยพยักหน้า เล่าเรื่องราวให้สนฟัง
ในขณะที่ช้อยย่องออกมาจากบ้านหมอเสน่ห์ ระวังตัวแจ เหิมโผล่มาจะเอ๊
“จ๊ะเอ๊ นางช้อย”
“ว๊าย ไอ้เหิม เอ็ง เอ็งไปห่างๆ ชั้นนะ”
“อ้าว ทำไมทำท่ากลัวกันซะอย่างนั้น”
“ไม่ได้กลัวเอ็ง แต่แค้นเอ็งรังเกียจเอ็งไอ้คนทรยศ เอ็งหักหลังคุณสน”
“ข้าเนี่ยนะทรยศหักหลังคุณสน เอาอะไรมาพูด”
“ไปให้พ้น หรือมึงอยากโดนคุณสนบอกพ่อกำนันส่งคนมาฆ่ามึง”
“นี่ข้าทรยศยังไงบอกมาสิ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ะ”
ช้อยมองหน้าเหิมไม่ยอมบอก
“ถ้าไม่ได้ทรยศก็ดี แต่ถ้าทรยศระวังตัวเอาไว้ให้ดี หัวมึงจะกุดสักวัน”
แล้วช้อยก็วิ่งหนีมา เหิมงงๆ
สนได้ฟังแล้วก็ยิ่งแปลกใจ
“ทำไมไอ้เหิมมันพูดอย่างนั้น”
“พูดเหมือนมันไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเราเจ้าค่ะ รึมันจะเข้าใจผิด”
“จะเข้าใจผิดหรือเข้าใจถูกมันก็ผิด ไว้ใจไอ้เหิมไม่ได้อีกแล้ว เพราะมันกำความลับของเรา”
สนพูดพร้อมกับทำสีหน้าเหี้ยมเกรียม
“ตั้งสองเรื่อง แน่ะเจ้าค่ะ เรื่องสามปีก่อนกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น”
“กูไม่เว้นมันแน่ กูเอาปูนหมายหัวมันไว้แล้ว โทษฐานที่ร่วมทำให้ชีวิตกูตกต่ำล่มจม”
สนมีแผนร้ายในใจ
วันต่อมาบ่าวไพร่ทุกคนในบ้านภักดีภูบาล ต่างช่วยกันเตรียมงานแต่งของขุนภักดีกับเนียนโกลาหล ทั้งจัดบ้านช่อง เตรียมสถานที่อย่างแข็งขัน
ขุนภักดียืนดูอยู่เคียงข้างเนียน คอยชี้ให้เอกแทนและคนรับใช้ชาย จัดบริเวณบ้าน สนกับช้อยพากันมาแอบมองตาขวางด้วยความโกรธแค้น
“เนียนว่า จัดสวนวางต้นไม้แบบนี้ดีไหมจ๊ะ” ขุนภักดีถามความเห็นเนียน
“เอ้อ ดีค่ะ”
“ดีค่ะพี่ขุนสิจ้ะ”
“ดีค่ะพี่ขุน”
สนตาร้อนเป็นไฟ “ช่างออดอ้อนนัก กูอยากจะเอาขี้ม้า มาปาหน้าอีเนียนเหลือเกิน”
“ปาหน้ามันก็โดนหน้าท่านขุนด้วยสิเจ้าคะ ยืนหน้าแนบชิดติดกันยังกับใส่กาวดักหนูแน่ะเจ้าค่ะ”
“พี่ขุนไม่เคยมองหน้ากูเกินอึดใจ พี่ขุนทำเหมือนไม่มีกูในบ้านนี้ กูกลายเป็นเศษธุลีในบ้านไปแล้ว”
“ใจเย็นๆ จำเรื่องราวฝังความแค้นใส่ไว้ในหัวใจให้หมดเจ้าค่ะ รอโอกาสเจ้าค่ะ คุณสน”
ช้อยปลอบแกมเสี้ยม ตามสันดานชั่ว
อีกวันหนึ่ง เรียมกำลังชี้ให้ กบ แมว และคนใช้หญิง ทำความสะอาดเรือน เนียนนั่งข้างๆ เรียม มีขุนภักดีมานั่งด้วย ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เรียมพยักเพยิดบอกเนียน
“เนียนจ๊ะ เอาน้ำให้พี่เทพดื่มสิจ๊ะ”
“น้ำมะพร้าวหอมค่ะ พี่ขุน” เนียนเอาน้ำให้ ขุนภักดีดื่มชื่นใจ เนียนคอยพัดวี
“หอมมากดื่มแล้วชื่นไปถึงอกถึงใจ ขอบใจมากจ้ะเรียม ที่ช่วยดูแลทุกอย่างให้พี่ ขอบใจที่เมตตาเนียน”
สามคนยิ้มชื่น ดูปรองดองและมีความสุข
สนกับช้อยแอบมองอยู่ซุบซิบกันอย่างโกรธแค้น
“โอ๊ยกูอยากจะเสกให้อีเนียนกับอีเรียมกลายเป็นหมาเฝ้าศพผีเน่าในป่าช้า แหม เนียนจ๊ะเรียมจ๋า เออออห่อหมกกันดิบดี อีเรียมมันคงหวัง จะให้อีเนียนมีลูกให้พี่ขุนแล้วเตะกูตกกระป๋อง”
“คุณสนก็รีบมีได้เหมือนกันนี่เจ้าคะ”
“ช่างพูดออกมาได้อีช้อย เอ็งเคยเห็นพี่ขุนเฉียดกรายมาเรือนเราไหมตั้งแต่อีเนียนเหยียบบ้านนี้ มีแต่ไอ้มหาโจรนั่นต่างหากที่มัน...”
“ช้อย ช้อยขอโทษเจ้าค่ะ ช้อยไม่ได้ตั้งใจแทงใจดำคุณสน”
วันต่อมา คุณนายทองจันทร์กำลังชี้นิ้วให้ กบ แมว คนใช้หญิง ร้อยดอกไม้พวงมาลัย ทำบายศรี มีเนียนนั่งใกล้ๆทำไปด้วย
“ทำอย่างที่คุณเนียนเขาทำให้ดู ตั้งใจทำให้มันดีๆ นางแมวนางกบ ระวังกิริยาให้ดีในวันงานอย่าทำตัวเป็นม้าดีดกะโหลก”
สองคนรับคำ “เจ้าค่ะ” พร้อมๆ กัน
ระหว่างนั้นขุนภักดีเดินมานั่งข้างเนียน เอ่ยปากชม
“สวยจังเนียน”
“คนหรือว่าดอกไม้พ่อเทพ” ผู้เป็นแม่สัพยอกลูกชาย
“ทั้งสองอย่างครับคุณแม่ สามรวมทั้งคุณแม่ด้วย”
ทองจันทร์ตีแขนขุนภักดีดังเผียะ
“อย่ามาเหลวไหล แม่ไม่กินลูกยอของพ่อเทพดอก”
สนกับช้อยมาแอบดูกันอีก
“อ้วกๆๆๆ รดหน้าอีเนียนกับอีแก่” สนหงุดหงิด อ้วกมาทางช้อย
“นี่หน้าช้อยเจ้าค่ะ ไม่ใช่หน้าอีเนียนกับอีแก่”
“เป็นปี่เป็นขลุ่ย เจรจาพาทีรับกันเป็นลูกระนาด บาดเข้าไปในหัวใจกูแค่ไหน มีใครสนใจสักนิด” สนระบดระบาย
ทองจันทร์เหลือบไปเห็นสนกับช้อยทำลับๆ ล่อๆ ก็ร้องเรียก
“อ้าวแม่สนมาลับๆ ล่อๆ อยู่ทำไม มาสิมาช่วยกันทำบายศรี”
สนแสร้งทำท่าเป็นลม
“ว๊าย คุณสนเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ”
“เป็นลมก็พากลับไปเรือนดมยา กบ แมวไปช่วยกันหน่อย”
ขุนภักดีพูดเหมือนไม่สนใจใยดี
สนยิ่งแค้นคำรามในคอ “พี่ขุนใจร้ายกับสนแค่ไหนสนจะใจร้ายกับอีเนียนร้อยเท่าพันทวี”
กบกับแมวพากันเข้ามาช่วย แต่กลับถูกช้อยไล่
“ไม่ต้องนายกู กูช่วยเองได้”
วันต่อมาช่างตัดเสื้อเอาชุดมาให้เนียนมากมายหลายชุด แต่ละชุดล้วนสวยงาม เนียนมองอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่สงบนิ่ง ดวงตาของเนียนนั้นเปล่งประกายสดใสเต็มไปด้วยความสุข
“ชอบไหมจ๊ะเนียน” ขุนภักดีถาม
“ชอบที่สุดค่ะ พี่เทพ ขอบคุณมากนะคะพี่ช่าง สวยทุกชุดค่ะ”
“จะสวยมากขึ้นไปอีกถ้าคนสวยอย่างคุณเนียนสวมใส่เจ้าค่ะ”
สนกับช้อยแอบมองอยู่ ในใจร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความริษยา
“กูไม่อยากฆ่าอีเนียนก็ไม่ใช่กูแล้ว พี่ขุนทำหยั่งกับว่าเกิดมาเพิ่งจะได้เมียเป็นอีเนียนคนแรกในชีวิต อีช้อยกูอยากเจอหมอเสน่ห์ไวไว” สนว่า
“คืนเดือนมืดที่จะถึงนี่แหละเจ้าค่ะ คือวันที่หมอแกนัดไว้”
“เขาคิดเท่าไหร่”
“ห้าชั่ง เจ้าค่ะ”
“หน้าเลือดเหมือนไอ้เหิม”
“นี่ขนาดมันไม่รู้ว่ามาจากบ้านท่านขุนนะเจ้าคะ”
สนพยักหน้าเงียบๆ ในใจมีแผนร้าย
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าบอกมันว่าข้าคือใคร”
“แล้วจะบอกว่าคือใครเล่าเจ้าคะ” ช้อยงวยงง
ถึงคืนเดือนมืด สองคนมายืนอยู่ตรงหน้าหมอ หมอมองสนกับช้อยสายตากรุ้มกริ่ม
“ข้าชื่อเนียน มาจากบ้านท่านขุนภักดีภูบาลจ้ะหมอ” สนใช้ชื่อเนียน
“มาจากบ้านท่านขุนภักดีภูบาล เป็นอะไรกับท่านล่ะ คนสวย” หมอเสน่ห์ถาม
“เป็นคนที่ต้องการให้ท่านขุนมาหลงเสน่ห์มากที่สุด” ช้อยตอบแทน
หมอยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย
เวลาเดียวกันเนียนตัวจริงอยู่ในห้องนอน กำลังนั่งพนมมือสวดภาวนาถึงพ่อ
“พ่อจ๋า เนียนขอบคุณพ่อที่ทำให้ชีวิตของเนียนเปลี่ยนไปเหมือนความฝัน เนียนจะเป็นภรรยาที่ดีของท่านขุน เนียนจะดูแลเรื่องเจ็บไข้ของลูกแดงน้อย จะส่งให้ลูกเรียนสูงที่สุด เนียนสัญญาจ้ะ”
เนียนยิ้มเศร้า มีเสียงเคาะประตูห้อง
“เนียน เนียนจ๊ะ พี่เอง”
เนียนตกใจ
“ท่านขุน”
เนียนเดินมาเปิดประตู ขุนภักดีอ้าแขนโอบกอดเนียนไว้
“คิดถึงเนียนใจจะขาด พี่อยากกอดเนียนเหลือเกิน”
“เอ้อ... ยังไม่ถึงวันพรุ่งนี้นะคะ”
“พี่อดใจไม่ไหว”
“แต่...”
“พี่รู้ ว่าสาวบริสุทธิ์ผุดผาดไม่เคยต้องมือชายอย่างเนียน รู้สึกยังไง”
เนียนได้ฟังใจหล่นวูบ ละอายแก่ใจมาก
“พี่รู้ได้จากการแตะต้องแอบหอมแอบกอดเนียน เนียนสั่นเป็นลูกนกเพราะไม่เคยมือชาย พี่ภูมิใจในตัวเนียนเหลือเกิน”
เนียนยิ่งรู้สึกผิด ก้มหน้างุด ท่านขุนประคองเนียนด้วยสองมือ
“พี่ไม่ล่วงเกินเนียนไปมากกว่า มาขอกอดจูบบอกลาการเป็นว่าที่ภรรยาสามีของเราสองคน พี่จะอดทนจนถึงวันพรุ่งนี้ เนียนจ๋า พี่รักเนียนเหลือเกิน เอ่ยปากฝากรักพี่สักนิดให้พี่กลับไปนอนหลับฝันดีได้ไหม” ขุนภักดีพูดคำหวานจากใจ
“เอ้อ...เนียน เอ้อ...จะให้เนียนเอ่ยว่าอะไรคะ”
“เนียนรักพี่ขุนเหลือเกิน”
ขุนภักดีกอดเนียนไว้แน่นทำท่าว่าจะไม่ปล่อย ถ้าไม่ตอบ
“ค่ะ” เนียนขวยเขิน
“ค่ะ อะไร ทำไมไม่พูดต่อให้จบ”
“ค่ะ เนียนรักพี่ขุนเหลือเกิน”
ขุนภักดีฉวยโอกาสหอมแก้มสองข้าง “ชื่นใจ ขอบใจที่ทำให้พี่หลับฝันดี จะฝันถึงแต่เนียนทั้งคืน”
เนียนระทดระทวย ปล่อยตัวปล่อยใจให้ขุนภักดีกอดอยู่อย่างนั้น
ฝ่ายหมอเสน่ห์พาสนกับช้อยมาไหว้พระ เพื่อเริ่มพิธีกรรม
“แม่สนไหว้สิ่งศักดิ์เทวดาอารักษ์เสร็จแล้ว เชิญทำพิธีข้างในจ้ะ”
สนกับช้อยมองหน้ากัน สนพยักหน้าให้ช้อย จะก้าวตามหมอ
“เข้ามาได้คนเดียวจ้ะ คนติดตามไม่ต้องจ้ะ”
ช้อยชะงักสนพยักหน้าพลางกระซิบ
“ไม่ต้องห่วง ถ้ามีเสียงอะไรตึงตังดังไม่ชอบมาพากลเอ็งรีบเข้ามา”
ช้อยพยักหน้ารับรู้
ฟากเนียนดันตัวออกจากอกขุนภักดี ท่านขุนมีสีหน้าเสียดาย อาลัยอาวรณ์
“พี่อยากกอดเนียนแนบอกไว้อย่างนี้จนเช้า”
“ไม่เหมาะดอกค่ะ เอ้อ...เนียนเกรงใจ คุณเรียม กับคุณสน”
“เนียนกับคุณเรียม พูดจาทำนองเดียวกันเปี๊ยบ สมกับที่คุณเรียมรับเป็นน้องสาว เนียนจ๋าอย่ากังวล พี่จะดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด”
“ค่ะ เอ้อ... พี่ขุนกลับห้องเถิดนะคะ ดึกแล้ว”
“ก็ได้จ้ะ เฮ้อ พรุ่งนี้พี่จะเป็นเจ้าบ่าวที่โชคดีมีเจ้าสาวที่สวยที่สุด”
ขุนภักดีค่อยๆ ปล่อยตัวเนียนอย่างเสียดาย แล้วดึงกลับมาอีกมากอด
“หายใจไม่ออกแล้วค่ะ” เนียนว่า
“พี่เสียดายที่ต้องคลายอ้อมกอดจากเนียน พี่อาลัยอาวรณ์จริงๆ”
ขุนภักดีปล่อยเนียน ทำท่าร่าเริงเหมือนหนุ่มน้อยเดินผิวปากออกไป เนียนมองตาม รู้สึกไม่สบายใจ ขุนภักดีหันมาบอกเนียน
“รู้ไหมไม่มีสิ่งใดให้ผู้ชายเราภูมิใจที่สุด ที่ได้เป็นชายคนแรก รักแรก ของผู้หญิงที่เขารักและปรารถนา”
ว่าแล้วท่านขุนก็ผิวปากเดินจากไป เนียนบอกไม่ถูก รู้สึกผิดมากๆ
“พ่อจ๋า เนียนละอายใจเหลือเกิน ที่ปิดบังความจริงกับท่านขุน”
เนียนเริ่มกังวลเรื่องนี้
รากไม้รูปร่างเหมือนคนถูกชูขึ้นในมือ เด่นอยู่กลางแสงเทียน หมอเสน่ห์ยิ้มเจ้าเล่ห์ สนมองรากไม้อย่างตื่นเต้น
“อะไรน่ะหมอ”
“รากไม้นารีพิฆาต”
“รากไม้นารีพิฆาต มีไม้ชื่อนี้ด้วยรึหมอ”
“มันคือรากฝอยของต้นมักลีผล”
“มักลีผล มีต้นไม้นี้จริงหรือหมอ” สนซึ่งใช้ชื่อปลอมเป็นเนียนซักอีก
“จริงสิ แต่น้อยคนที่จะค้นพบ หายากหาเย็นเป็นที่สุด โบราณนานมาแล้วที่ เขาใช้สำหรับผู้หญิงที่ต้องการให้ผัวรักผัวหลง ใส่อาคมและเวทย์มนต์เสร็จได้ผลชะงัดนักแล ดูนี่สิแม่เนียนคนสวย”
หมอเสน่ห์ชี้ให้ดูน้ำที่กำลังเดือดในหม้อทองเหลือง น้ำสีข้นเข้มมากแลดูขลังปนน่ากลัว
หมอเอารากนารีพิฆาตจุ่มลงไปในน้ำเดือดสีข้นเข้ม โดยที่มือหมอไม่ได้รู้สึกร้อนสักนิด
“หมอ น้ำเดือดปุดๆทำไมหมอเอามือลงไปได้”
“ข้ามีเวทย์มนต์ ไม่อย่างนั้นจะทำเสน่ห์ได้ยังไงแม่เนียน”
หมอเอารากไม้กวนๆแล้วชูขึ้นมาให้สนดู
“น้ำนั่นใส่อะไรลงไป เหม็นจะตาย” สนถามอีก
“น้ำเลือดผีตายโหง ผีผู้หญิง กับน้ำมหาเสน่ห์ของข้า ดูน้ำที่หยดลงมาสิแม่เนียนข้นคลั่ก ยิ่งข้นยิ่งดี”
สนมองไปเห็นเมือกสีช้ำเลือดช้ำหนองไหลเยิ้มหล่นลงไปในหม้อ สนหวาดเสียวกลัวจนตัวสั่น
ทางด้านเนียนกลายเป็นนอนไม่หลับ ทั้งสุขใจทั้งทุกข์กลัวใครจะรู้ว่ามีลูกมีผัวมาก่อน
“ถ้าท่านขุนและทุกคนในบ้านนี้ รู้ประวัติของเรา ก็เท่ากับเราเป็นคนหลอกลวงเลวทราม เราคงชะตาขาด ท่านขุนเอาตายแน่ พ่อจ๋า เนียน ไม่กล้าหลอกลวงใครอีกต่อไปแล้วจ้ะ เนียนทำไม่ได้”
เสียงขุนภักดีที่บอกว่า ไม่มีอะไรที่ผู้ชายภูมิใจเท่ากับเป็นคนแรกและรักของผู้หญิงที่เขารักดังก้องในหัว
เนียน สะอื้นไห้ฮักๆ
“เนียนหลอกลวงท่านขุนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
เนียนหันไปเก็บของส่วนตัว เอาแค่ที่ติดตัวมาเท่านั้นใส่ลงไปกระเป๋าหวายเก่าๆ
เนียนตัดสินใจจะกลับบ้าน เดินหลบๆเลี่ยงๆ หันไปมองทางเรือนใหญ่
“ท่านขุนเจ้าขา เนียนลาก่อน เนียนต่ำต้อยสกปรกมีราคีเกินกว่าจะมาเป็นภรรยาของท่านขุน คุณท่าน คุณเรียมเจ้าขาเนียนขอโทษ”
เนียนหันกลับเจอเอกโผล่ออกมาดักหน้า
“เนียน เอ้อ คุณเนียน จะไปไหนน่ะ”
“พี่เอก เอ้อ...” เนียนตกใจมากเอากระเป๋าแอบหลัง “เนียน...เนียน...”
“จะหนีไปจากที่นี่ เพราะไม่ต้องการเป็นเมียท่านขุน” เอกดักคอ
“เอ้อเนียนไม่สบายใจจ้ะ เนียน รู้สึกว่า มันไม่ถูกต้อง” เนียนน้ำตาไหล
“ผู้หญิงทั้งเมืองสุพรรณล้วนพากันอยากเป็นเมียท่าน มีอะไรที่เนียนปิดบังไว้หรือเปล่า”
เนียนสะอื้นส่ายหน้าน้ำตานอง
“บางเรื่อง ถึงตายก็เอ่ยปากพูดไม่ได้”
“พี่เข้าใจ คนอย่างเนียนอ่อนโยน ใจอ่อน เห็นใจในความทุกข์ของคนอื่น แต่อดทนกับทุกข์ของตัวเองเป็นที่สุด ไม่บอกพี่ก็ไม่เซ้าซี้ถามจริง ถ้าไม่รักแล้วตอบรับท่านทำไม”
“เนียนไม่เคยโกหกท่านขุนเรื่องคำตอบ แต่…”
เอกสวนคำออกมา “แปลว่าเนียนก็รักท่าน”
“เอ้อ... จ้ะ”
“รักท่านแล้วเนียนจะทนเห็นท่านผิดหวัง อับอายขายหน้าคนทั้งเมืองสุพรรณหรือ ท่านขุนภักดีภูบาล เป็นหม้ายขันหมาก เนียนคิดว่าเนียนจะหนีพ้นจากท่านได้รึ อะไรที่เนียนพูดไม่ได้นั่นใช่ไหมที่ทำให้เนียน ไม่กล้าแต่งงานกับท่าน ลืมมันซะเนียน คิดถึงวันข้างหน้าให้ดีที่สุดนะเนียน”
เนียนกลั้นก้อนสะอื้น กลืนกินน้ำตา
เนียนกลับมายืนที่หน้าห้อง ถือกระเป๋าอยู่ จู่ๆ เรียมเข้ามาแตะแขน
“เนียน”
เนียนตกใจร้อง “ว้าย”
“พี่เอง เนียน ตกใจไปได้”
“คุณเรียม เอ้อ…”
“รู้ว่าเนียนนอนไม่หลับ พี่เองก็นอนไม่หลับ เนียนร้องไห้ เอ๊ะ”
เรียมเหลือบมองไปเห็นกระเป๋าหวายในมือเนียน
“เอ้อ...กระเป๋าใส่เสื้อผ้าเก่าของเนียนค่ะ”
เรียมชะงัก แปลกใจ “กระเป๋า เนียนกำลังจะ...”
“เนียน เนียนเอ้อ...” พูดได้เท่านั้นแล้วเนียนก็ร้องไห้ออกมา
เรียมตกใจ “เนียน ร้องไห้ทำไม เนียนเป็นอะไร ใครมาด่าว่าอะไรเนียนแม่สนใช่ไหม”
เนียนส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก
ด้านหมอเสน่ห์กับสนดำเนินการทำเสน่ห์ต่อไป
“ได้ยินว่าท่านขุนภักดีมีเมียหลายคน”
“จ้ะ”
“ได้ข่าวว่าท่านร่ำรวยเงินทองมากมาย”
“ใช่จ้ะ”
หมอเจ้าเล่ห์ยื่นปากกระซิบข้างหู “ห้าชั่งที่ตกลงไว้ตะแรก มันไม่สมเกียรติคนบ้านขุนภักดี”
“หมอ” สนฉุน
“ตอนตกลงไม่รู้ว่ามาจากไหนนี่นา ก็ตามใจ สำเร็จมาค่อนทางแล้วไม่ทำต่อก็ไม่เป็นอะไร แต่อาคมที่ใส่ไปแล้วส่วนหนึ่งมันจะถูกลมพัดลมเพย้อนกลับมาหาคนสั่งทำเสน่ห์ซะเอง ถ้าทำไม่จบ ไม่ได้ขู่ดอกนะ”
“นี่แหละขู่ ต้องการอีกเท่าไหร่”
“สองชั่ง”
สนกัดฟันรับคำ หมอเสน่ห์ยิ้มเจ้าเล่ห์สมใจ
ทางฝ่ายเนียนยังใจคอไม่ดี สองคนพากันมาอยู่ในห้องเนียนแล้ว เรียมเปิดกระเป๋าเนียนออก
“จะเอาเสื้อพวกนี้ไปให้กบกับแมวมันรึ”
“เอ้อ ค่ะ”
“ไม่เหมาะดอก พรุ่งนี้จะเป็นเจ้าสาวอย่าเที่ยวออกไปเดินนอกห้อง เกิดงูเงี้ยวเขี้ยวขอมันกัดแมลงสัตว์กัดต่อยเอา ป่วยขึ้นมา จะเสียการ”
“เนียนขอโทษค่ะ เนียน เอ้อ...” เนียนน้ำตาไหลพราก
“ร้องไห้อีกแล้วเนียน”
“เนียนอยากกลับบ้าน”
“ว่ากระไรนะ เหลวไหลน่าเนียน”
เรียมส่ายหน้าห้าม
หมอเสน่ห์พูดหลอกล่อเอาเงินสนต่อไป
“อยากเห็นวันข้างหน้าของแม่เนียนไหมล่ะ”
“อยากสิ”
หมอยกหินใส่คล้ายๆ คริสตัล ก้อนใหญ่พอสมควรมาให้สนดู
“หยกขาว จากถ้ำในป่าเดียวกับต้นมักลีผล รับไปดูสิ”
“ดูอะไร ไม่เห็นอะไรสักนิด”
สนรับมา หมอบดยาอะไรบางอย่างลงในชามเล็กๆ พลางส่งให้สน
“กินซะ จึงจะมองเห็นวันข้างหน้าที่ใจเราอยากจะให้เป็น”
“จริงรึ กินยานี่แล้วจะกำหนดวันข้างหน้าของตัวเองได้”
“แน่นอนรีบ กินยาแล้วมองลงไปที่ในหยกขาวนี่”
สนพยักหน้า หมอยั้งไว้
“อีกสองชั่ง สำหรับกำหนดวันดีๆ ที่แม่เนียนต้องการ แต่ถ้าไม่ต้องการก็ไม่ว่ากระไร”
สนอยากรู้แต่ก็ไม่พอใจหมอมากขึ้น
“ต้องการสิ”
หมอยื่นยาให้ สนกินเข้าไป หมอวางหยก สนเหมือนเคลิบเคลิ้ม หมอเอามือวนเวียนอยู่ตรงหน้าสน แล้ววนๆ
ที่หยกขาว
“สบตาข้า แล้วมองเข้าไป มองเข้าไป แม่เนียน อยากให้ชีวิตข้างหน้าเป็นเช่นไรก็จะได้สมใจเช่นนั้น”
สนเคลิ้มคล้อย เหมือนโดนสะกดจิต มองไปที่หยกขาว
ฝ่ายเรียมโอบเนียนไว้ เนียนร้องไห้เพราะละอายที่เหมือนหลอกลวง
“อย่าปดพี่เพราะแม่สนแน่ๆ บอกมาเถิด”
“ไม่เกี่ยวกับคุณสนดอกค่ะ ตอนนี้คุณสนเธอดีกับเนียนมาก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ เนียนคับอกคับใจอะไร”
“เนียนละอายแก่ใจค่ะ เนียน เนียน ไม่คู่ควรกับท่านขุน”
“พูดอะไรออกมาอย่างนั้น”
“เนียน ไม่ควรมาแบ่งปันความรักความสุขของคุณเรียมกับคุณสน”
“เนียน เราพูดกันแล้ว เราเข้าใจกันแล้ว”
“เนียนละอายแก่ใจ เนียน รู้สึกว่าตัวเองทำผิดมากค่ะ”
“เนียนคิดมากไปใหญ่แล้ว ลืมแล้วรึนายน้อมบอกฝากตัวเนียนไว้ตลอดชีวิต ถ้าเนียนกลับบ้านหมายความว่าเนียนกล้าผิดคำพูดที่ให้กับพ่อ พี่เทพคงเสียใจ ที่สุด พี่เทพรักเนียนมากรู้ตัวไหม”
เนียนอึ้งไป สับสนว้าวุ่นใจไปหมด ได้แต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น
ภาพในหยกขาวใสเป็นไปตามที่สนต้องการเห็น เป็นภาพหลอนที่สนมองเห็นจากมโนนึก สนเห็นภาพเนียนที่ถูกผูกเอามือโอบรอบต้นไม้ไว้ โดยมีขุนภักดีโบยด้วยแส้ม้า เนียนร้องไห้
ขุนภักดีโบยอย่างไม่ปราณี มีสนยืนเท้าสะเอวมองอย่างสะใจอยู่กับช้อย
“โบยมันเข้าไปค่ะ พี่ขุน โบยมัน มันคบชู้ต่อหน้าต่อตาคาเรือนพี่ขุน”
“มึงมีชู้ยอมรับมาซะดีๆ เนียน ใครคือชู้ของมึง” ขุนภักดีขึ้นเสียง
เนียนส่ายหน้าน้ำตาไหลพรากสะดุ้งเพราะแรงโบยของท่านขุน เนียนทำท่าจะสลบ
ท่านขุนชะงักใจอ่อนวูบ
“อย่ายั้งมือค่ะ โบยมันเข้าไป มันปากแข็ง ง้างปากมันออกมาค่ะ สนช่วยค่ะ”
สนวิ่งไปง้างปากเนียนยื่นหน้าไปด่าเบาๆ ได้ยินกันสองคน
“อีเนียน อีมารหัวใจ อีมารชีวิต อีมารความรัก สะใจไหมมึงกำลังตกนรกทั้งเป็นเพราะบังอาจมาแข่งบารมีกับกู”
พูดจบสนเอามะนาวยัดปากเนียนไว้ เนียนทุรุนทุรายเจ็บปวด
สนวิ่งไปฉวยน้ำเกลือจากช้อยมาสาดใส่เนียน
“อย่าเพิ่งสลบอีเนียน รอให้กูสาดน้ำเกลือลงบนแผลมึงก่อนจะได้รู้ว่าเจ็บแสบแค่ไหน”
จู่ๆ น้ำอาคมในหม้อโดนสนจ้วงมาสาดหน้าหมอเต็มๆ
“โอ๊ย แม่เนียน” หมอร้องลั่น
“อีเนียน มึงอย่าเพิ่งสลบ”
“แม่เนียน ทำไมมาสาดหน้าหมอ”
“อีเนียน มึงจำไว้ว่ากูอีสนไม่มีวันยอมพ่ายแพ้อีลูกชาวนาอย่างมึง” สนยังอยู่ในภวังค์
“อีสน อีเนียน อะไรกันนี่ ใครเป็นอีเนียนใครเป็นอีสน”
สนยืนหอบยังไม่คลายจากการโดนสะกดจิต “อีเนียนกำลังโดนพี่ขุนโบยด้วยแส้ม้า แต่ข้านี่แหละคุณนายสน” สนชี้ตัวเอง
หมอตะลึง “คุณนายสน”
สนยืนโงนเงนไปมายังมึนงงอยู่ หมอเขย่าตัวสนปลุก สนคอพับคออ่อนเอนกายในอ้อมกอดหมอเสน่ห์ หมอตาวาวลืมตัว
“ที่แท้คุณนายสน ไม่ใช่แม่เนียน อุแม่จ้าวคุณนายสน ช่าง ช่าง น่า...”
หมอก้มลงไปจะจูบสนอยู่แล้ว ช้อยพังประตูเข้ามา
“หมอทำอะไรคุณสนน่ะ”
หมอตกใจปล่อยสน
“จู่ๆ ก็เอาน้ำอาคมมาสาดหน้าข้า แล้วร้องด่าอีเนียน แล้วบอกว่าตัวคือคุณนายสน”
“อีเนียน อีเนียนกูเกลียดมึงกูต้องการให้มึงตายอย่างหมา” สนละเมอเพ้อออกมาอีก
“โธ่ คุณสน หมอทำอะไรนายชั้น”
“เจ้านายแม่ช้อยตะหากที่ทำเสียการหมด”
ช้อยตกใจ “เสียการหมด”
“เพราะปดข้าว่าชื่อเนียน” หมอหยิบรากไม้ขึ้นมา “รากไม้นารีพิฆาตนี่ หมอใส่เวทย์มนต์และอาคมจึงมีผลดีจำเพาะกับแม่เนียนเท่านั้น ไม่ใช่คุณนายสน”
ช้อยร้องเสียงหลง “อะไรนะ”
“ท่านขุนภักดีจะรักจะหลงแม่เนียนจนโงหัวไม่ขึ้น”
“หมอ” ช้อยตาเหลือก
“ต้องทำลายเวทย์มนต์เก่า แล้วทำใหม่ให้คุณนายสนอีกครั้ง”
หมอเสน่ห์เยื้อนยิ้มเจ้าเล่ห์ได้โอกาสปอกลอกเอาเงินอีก
ขณะเดียวกันเรียมเกลี้ยกล่อมเนียนจนเนียนยอมอยู่ต่อ เนียนปาดน้ำตา สงบจิตใจลงได้ ปัญหาในใจแก้ไขไม่ได้แล้ว
“เนียนกราบขอโทษ ที่ทำตัวโลเล อภัยให้เนียนด้วยนะคะ คุณเรียม”
“พี่เข้าใจเนียน พี่รู้ว่าเนียนไม่ต้องการทำให้คนอื่นเจ็บช้ำ พี่ดีใจที่มาทันเวลา ก่อนที่เนียนจะหนีทุกคนไปจากที่นี่”
“เนียนกราบนะคะ คุณเรียมอย่าบอกเรื่องโง่ๆ ที่เนียนทำลงไปให้ท่านขุนทราบ”
“ไม่บอกหรอกเนียน พี่ก็เหมือนกับเนียน อะไรที่พูดไปแล้ว คนอื่นไม่สบายใจพี่ไม่พูด”
“ขอบพระคุณค่ะ คุณเรียม คุณเรียมคือแม่พระของเนียน”
“สัญญานะเนียน จะไม่แม้แต่คิดอย่างนี้อีก”
“ค่ะ เนียนสัญญา”
เรียมโอบกอดเนียน
“นับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป บ้านของเราจะพบแต่ความสงบสุข ตลอดไป”
“ค่ะ”
เรียมโอบกอดเนียน ทั้งเอ็นดูและรักใคร่อย่างสนิทใจ
สองคนเดินมาด้วยกัน ช้อยประคองสน
“โชคดีที่ช้อยถีบประตูเข้าไปทันเวลา”
สนยังไม่คลายจากมนตร์สะกดจิตอยู่ “ข้าเห็นอนาคตอีเนียนแล้ว ช้อย มันโดนพี่ขุนโบย เพราะมันมีชู้ มันโดนโบยสลบแล้วสลบอีก พี่ขุนก็ไม่ปราณี ข้าเอาน้ำเกลือสาดมัน”
“คุณสนเอาน้ำเน่าช้ำเลือดช้ำหนองสาดหน้าไอ้หมอลามกนั่นต่างหาก”
“น้ำอาคม ช้อย” สนมองเลิ่กลั่ก นึกได้ “รากไม้นารีพิฆาตของข้าอยู่ไหน”
“ใช้ไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ หมอแกเก็บไว้เพื่อทำลายอาคมออกจากรากไม้นั่น”
“ทำลายไม่ได้นะ เอารากไม้นารีพิฆาตของกูมา”
สนปราดจะไปตีช้อย ช้อยถอยกรูด พยายามอธิบาย
“ฟังช้อยก่อนเจ้าค่ะคุณสน”
สนตบหน้าช้อยปราดเข้าค้นตัวดึงเสื้อผ้า
“เอาคืนกูมานะ”
ช้อยจึงตบหน้าสนเต็มแรง สนหน้าหงาย ได้สติ
สนมองรอบตัว “ช้อย” พลางเอามือกุมหน้า “นี่ที่ไหนรึ”
“ถึงบ้านแล้วเจ้าค่ะ”
“ถึงบ้าน” สนตกใจ “ไม่ได้ ข้ายังทำพิธีไม่เสร็จ ข้าต้องกลับเอารากไม้นารีพิฆาตมาพิฆาตพี่ขุน”
สนหันตัวกลับดึงดันจะไปให้ได้ ช้อยดึงไว้
อาญารัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ดึกแล้วคุณนายทองจันทร์ยังนอนไม่หลับ มีเสียงเคาะห้องดังขึ้น
“ใครน่ะ”
“ผมเองครับ คุณแม่”
ขุนภักดีเดินเข้ามาในห้อง หน้าตาเบิกบาน
“ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับรึ ทำยังกะไม่เคยมีเมียมาก่อน คนที่สามแล้วนะพ่อเทพ จะหยุดที่แม่เนียนได้หรือยัง พ่อขุนแผน” ทองจันทร์เหน็บแนมลูกชาย
“อย่าเรียกผมขุนแผน ผม หยุดแล้วครับ คุณแม่ หยุดจริงๆ”
“ขอให้จริงดังปากว่าเถิด แม่ละเบื่อผู้ชายมีเมียมาก”
“ทีคุณพ่อมีเมียมากเป็นสิบ ไม่เห็นว่าคุณแม่จะเบื่อคุณพ่อนะครับ”
“นี่ย้อนแม่รึ สมัยก่อนกับสมัยนี้ มันต่างกัน สมัยนี้เขามานิยมผัวเดียวเมียเดียวกันแล้ว”
ทองจันทร์หันหน้าหนีลูกชายมาทางหน้าต่าง
“เอ๊ะนั่นใครมาเดินอยู่มืดๆ ค่ำๆ ใคร ใครน่ะ”
ขุนภักดีชะเง้อมองตาม สีหน้าฉงน
“ใคร”
ที่ด้านล่างช้อยกับสนเดินกลับมาจากบ้านหมอเสน่ห์ ได้ยินเสียงเรียกถามสองคนตกใจ
“ตายแน่อีแก่มันเห็นเรา” สนบ่น
“ตายจริงๆ ท่านขุนอยู่ด้วยเจ้าค่ะ”
ช้อยผลักสนหลบหลังพุ่มไม้ แล้วรู้ว่าหนีไม่พ้น จึงโผล่ออกมาให้ทองกับท่านขุนเห็น
“ช้อยเองเจ้าค่ะ ใครไม่ทราบเจ้าค่ะ ช้อยเลยตามมาดูมันเจ้าค่ะ”
“มันไปทางไหน” เสียงทองจันทร์ถามดังมา
“ไปทางห้องแม่ เอ๊ย...คุณเนียนเจ้าค่ะ ช้อยไปก่อนนะเจ้าค่ะคุณท่าน”
แล้วช้อยก็หลบวูบ รีบสนพาลัดเลาะไปขึ้นเรือน
ทองจันทร์ได้ฟังไม่วายสงสัย
“ผู้ร้ายหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ดอกครับ”
เรียมเดินเข้ามาพอดี
“เรียมเองค่ะ คุณแม่”
“โล่งอก นึกว่าพ่อเทพดอดไปชิงสุกก่อนห่าม เนียนมันยังสาวยังแส้ อย่าไปทำให้มันตื่นตกใจเชียวนาพ่อเทพ” ทองจันทร์ปรามลูกชาย
“ครับ ผมทราบ”
“ผัวมาที เมียมาที นี่พากันนอนไม่หลับกันทั้งบ้านรึ”
“ผม ผมเอ้อ มาเดินตากลมน่ะครับ”
“ตากลมเดือนมืดๆ นี่นะ รึจะมาทวงของรับไหว้เนียน แม่ไม่ให้มันน้อยหน้าแม่สนแน่ แต่จะเทียบกับแม่เรียมไม่ได้ดอก”
“ขอบคุณครับ คุณแม่” ขุนภักดียิ้มกริ่ม
“คุณแม่กรุณาเรียมเหลือเกิน”
“กลับไปหลับไปนอนเถิดพ่อเทพ อย่าทำตัวเป็นสัมภเวสีร่อนไปมาทั่วบ้านอยู่เลย อย่านึกนะว่าไม่รู้ว่าพ่อขุนแวะห้องเนียนมาก่อน ถึงรู้ว่าไม่ใช่โจรที่ไหนมาขึ้นบ้าน”
ขุนภักดียิ้มเขินๆ
“คุณแม่รู้ทันผมอีกแล้ว”
ทางด้านสนร้อนรุ่มไม่เลิกรา
“ข้าจะกลับไปหาไอ้หมอลามกนั่น เอาเงินฟาดหัวมันเท่าที่มันต้องการ”
“มันคงจะได้ใจใหญ่นะเจ้าคะ”
“ให้มันได้ใจไป ให้มันตายใจให้มากที่สุด ให้มันเหิมเกริมไปว่ามันเหนือข้า รอข้าได้สิ่งที่ข้าต้องการก่อนเถิด”
“มันเป็นอีกคนที่กำความลับคุณสนเจ้าค่ะ”
“เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล เอ็งเคยได้ยินไหมช้อย”
“เพิ่งเคยนี่แหละเจ้าค่ะ แต่ก็เข้าใจความหมายเจ้าค่ะ คุณสนเก่งจริงๆ เจ้าค่ะ”
ช้อยสอพลอ สนหน้าตาดุดันน่ากลัวมาก
วันรุ่งขึ้นขุนภักดีแต่งตัวชุดไทยหล่อเหลา มีเอกเดินตามหลัง หน้าตาสดชื่น พากันมาบนเรือนใหญ่
เห็นทองจันทร์อยู่บนเรือนแล้ว
“เจ้าบ่าวมาแล้วครับ คุณแม่”
“เฮ้อ สมภารกินไก่วัด ซะละมากกว่า คิดแล้วก็น่าขันนะพ่อเทพ” ทองจันทร์กระแนะกระแหน
“โธ่ คุณแม่ครับ หน้าสิ่วหน้าขวานครับ ได้ฤกษ์แล้วนะครับ”
“ใจร้อนจริงนะ อีกตั้งพักใหญ่ แม่เรียมเขากำลังแต่งตัวให้เนียนอยู่”
ระหว่างนั้นเห็นสนกับช้อยเดินกระซิบกระซาบแต่งตัวสวยพากันมา
“ทำไมข้าต้องมาทนดูอีเนียนมีความสุข บนความทุกข์ของข้า” สนหน้าหงิก
“ความอดทนเท่านั้นเจ้าค่ะ จะทำให้คุณสนได้ท่านขุนคืนมา ยิ้มหวานทำตัวน่ารักน่าสงสารเจ้าค่ะ”
สนเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม “พี่ขุนขา สนมายินดีด้วยค่ะ”
“ขอบใจมากจ้ะสน”
“คุณแม่ขา มีอะไรให้สนช่วย สั่งสนนะคะ”
ทองจันทร์เขม้นมองไม่อยากเชื่อสายตา
“แม่สนเริงร่าเหมือนปลาได้น้ำไม่มีผิด ไปกินยาดีผีบอกที่ไหนมา ผิดกับวันก่อนลิบลับ เห็นนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นหูกระต่าย”
“เอ้อ” สนยิ้มแย้มทำเป็นกระซิบ “สนรักพี่ขุนนี่คะ สนเห็นพี่ขุนมีความสุข สนก็สุขไปด้วยค่ะ สนอยากให้ทุกคนสบายใจค่ะ บ้านเราจะได้สงบสุขค่ะ”
“ขอบใจ ลางดีสมเป็นวันดีของพ่อเทพ ไปดูทีรึว่าเนียนแต่งตัวเสร็จรึยัง” หญิงชราบอก
“ค่ะ”
สนรีบลุกเดินเข้าไปตามเนียน
“ขอบใจมากจ้ะสน”
ขุนภักดีมองตามสนไป รู้สึกสบายอกสบายใจที่เห็นเมียปรองดองกัน
ภาพในกระจกเงา เป็นเนียนที่สวยงามมาก และแต่งตัวเสร็จแล้ว มีเรียมคอยจับตัวเนียนส่องกระจกหมุนตัวไปรอบๆ
“สวยเหลือเกินเนียนของพี่” เรียมยิ้มแย้มเอ่ยชม
“สวยจนพูดไม่ออก บอกไม่ถูกเลยเจ้าค่ะ” กบบอกยิ้มๆ
“แล้วที่เอ็งบอกออกมานั่นเอ็งหรือใครนางกบ” แมวแขวะ
สนพรวดเข้ามา ตะลึงมองเนียนเพราะเนียนสวยมากจริงๆ
“อี...เอ้อ เนียน”
“แม่สน นึกไม่ถึงใช่ไหมว่าเนียนจะสวยงามปานนี้” เรียมว่า
สนคิดด่าอยู่ในใจ “อีเนียน” แต่ที่สนแสดงออกคือยิ้มยื่นมือออกไป “ค่ะ คุณเรียม เนียนสวยหรือเกิน มาสิจ้ะเนียน ชั้นรับอาสาพี่ขุนมารับเนียนออกไป”
นาทีนั้นสนแทบอยากกระชากคอเนียนขย้ำ
“เอ้อ...” เนียนมองเรียม
“ยังไปไม่ได้ พี่เทพนั่นแหละ ต้องผ่านประตูเงินประตูทองเข้ามาหาเนียนเอง แม่สนช่วยออกไปบอกทีสิจ๊ะ ชั้นต้องทำให้มันถูกต้องที่สุดจ้ะ”
สนหันกลับทำปากไม่มีเสียง
“อยากจะตบปาก”
สนเดินหน้าตึงออกไป
หมอเสน่ห์ มาด้อมๆ มองๆ ที่หลังบ้านภักดีภูบาล ได้ยินเสียงมโหรีปี่พาทย์ดังมาแว่วๆ
“นี่รึบ้านท่านขุนภักดีภูบาล กว้างขวางใหญ่โตเหลือเกิน”
หวานคนใช้ชายปราดมาดักไว้
“มาทำไรน่ะ”
“มาหาคนจ้ะ”
“คน ใคร หญิงรึว่าชาย”
“หญิงจ้ะ”
“สาวหรือแก่ คนใช้หรือคุณนาย”
“คุณนายสิหนุ่ม” หมอเสน่ห์บอกยิ้มๆ
“คุณนายคนไหน มีสามคนเชียวนะ”
“คุณสน เอ๊ะมีงานอะไรกันรึ เสียงมโหรีปี่พาทย์ ดังแว่วมาเพราะจริงๆ”
“งานแต่งงานภรรยาคนที่สามของท่านขุน”
“อ้อ ชื่ออะไรหรือ”
“คุณนายเนียน” หวานบอก
“อ้อ คุณนายคนนี้สวยมากใช่ไหม”
“ไม่สวยท่านขุนจะขอแต่งให้เป็นเมียรึ ลูกชาวนาแท้ๆ”
“สวยกว่าคุณนายสนไหม”
“สวยมากกว่า นิสัยดีมากกว่า เอ๊ะ รู้จักคุณนายสนด้วยรึ” หวานสงสัย
“ทำนองนั้นแหละ”
“มีธุระอะไรกับคุณนายสน”
“ชั้นเป็นหมอทำเสน่ห์”
“คุณนายสน จะทำเสน่ห์ นึกแล้ว”
หมอเสน่ห์รู้สึกว่าจะพูดกันมากไป เลยตัดบท “ฝากไปบอกแม่ช้อยด้วย ว่า หมอเสน่ห์มาหามีเรื่องด่วนเกี่ยวกับคุณสนที่ไปพบกันวันก่อน”
หมอเสน่ห์หันกลับไป หวานมองตาม หันกลับ วิ่งแจ้นไปทันที
พิธีการแต่งงานแบบไทยๆ ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน พอถึงการกั้นประตูเงินประตูทอง คุณนายทองจันทร์ทำหน้าขันตัวเอง
“นี่แม่จะเป็นฝ่ายไหนกันล่ะพ่อเทพ เนียนมันเด็กของแม่ แต่พ่อเทพเป็นลูกชายแม่”
“ตอนนี้คุณแม่ทำหน้าที่ฝ่ายชายเถิดค่ะ ส่วนเรียมจะเป็นฝ่ายหญิง”
สนอึดอัดขัดข้อง ด่าอยู่ในใจ
“สนุกกันเข้าไปเถิดมึง จะพินาศไม่รู้ตัว”
“ว่ายังไงว่าตามกันเลือดสุพรรณ พ่อเทพ ฝ่าด่านประตูเงินก่อน”
“เรียมขอไปกันเจ้าสาวก่อนค่ะ แม่สนมาสิจ๊ะ มาสนุกด้วยกัน”
สนมัวแต่ด่าอยู่ในใจ “รากจะแตก”
ช้อยสะกิดสน
ในที่สุดขุนภักดีก็ฝ่าประตูเงินประตูทองเข้าไปหาเนียน ท่านขุนเดินไป มีเอกถือถุงสีเงินในนั้นมีเงิน มาที่ประตูเงิน ประตูทอง เดินยิ้มย่องเคียงข้างมาทำท่าเจรจา สนถือเข็มขัดเงิน ขวางหน้าอยู่
ขุนภักดีมาถึงประตูทอง สาวๆ กันประตูทองด้วยเข็มขัดทอง ในที่สุดท่านขุนก็ผ่านเข้าไปได้
ขุนภักดีกับทองจันทร์พากันเข้ามาถึงห้องหอที่เรียมเก็บเนียนเอาไว้ เนียนก้มลงกราบแทบเท้าขุนภักดี มีเรียมกับทองจันทร์นั่งมองใบหน้ายิ้มแย้มให้
ขุนภักดีก้มลงไปประคองเนียน
ทางด้านสนเดินลิ่วลงจากเรือน มีช้อยตามมาติดๆ
“คุณสนเจ้าขา นั่นวิ่งหรือเดินเจ้าคะ”
หวานมาพอดีแทบจะชนเอากับสน เลยเจอด่า
“ไอ้เซ่อซ่า เอ็งเดินมา เอาตาไว้ข้างหลังรึ จะชนข้ายังไม่รู้ตัว
“ขอประทานโทษขอรับ คุณสน”
สนจำได้ “เอ ไอ้คนนี้เอ็งมีหน้าที่อยู่หลังบ้านนี่นา มาสะเออะอะไรหน้าบ้าน”
“คือ คือ...” หวานอึกอัก
“อึกอักทำไม พูดออกมาดังๆ”
“หมอทำเสน่ห์ให้มาบอกแม่ช้อยไปพบด่วน เรื่องที่คุณสนไปพบหมอเมื่อสามวันก่อน…”
สนกับช้อยตกใจ ช้อยตั้งสติได้ก่อนแหวใส่
“หยุดนะ ไอ้บ้าดันแหกปากตะโกนทำไม”
กบกับแมวได้ยิน ต่างหัวเราะกันคิกคักใส่ช้อย
“หมอทำเสน่ห์ ฮิฮิ”
“ขอให้ทำเสน่ห์สำเร็จนะช้อย” กบยั่ว
แมวเย้า “ขอให้แย่งไอ้ลิงแก่ถือไม้เท้ายักยัน มาจากเมียมันได้นะช้อย”
“อีปากกระโถน”
ช้อยโกรธจัด ดึงแขนสนรีบไปจากที่นั่น มีเสียงของกบกับแมวหัวเราะคิกคักไล่ตามหลัง
“ไอ้หวาน เอ็งตามข้ามานี่”
ช้อยหันมา ถลึงตามองตาเขียวปัด สนโกรธจนตัวสั่น
ส่วนภายในห้องหอ ขุนภักดีนั่งอยู่บนเตียง ส่วนเนียนนั่งที่พื้น ก้มหน้าก้มตา
“พี่ง่วงนอนแล้วจ้ะเนียน”
“เอ้อ ค่ะ”
“ค่ะก็ขึ้นมานอนบนเตียงสิเนียน”
“เอ้อ...”
“ถ้าเนียนไม่ขึ้น พี่อุ้มเอง”
ว่าแล้วท่านขุนก็ก้มลงไปฉวยเนียนอุ้มลอยขึ้นมา เนียนสุดเขินอาย
“เอ้อ เนียนขึ้นเองก็ได้ค่ะ”
“ช้าไปแล้วเนียน”
ขุนภักดีวางเนียนลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม เอนตัวมามองหน้าเนียนใกล้ๆ เนียนไม่กล้าสบตา
เนียนหลับตาลง ขุนภักดีประทับจูบลงบนเปลือกตาอย่างนุ่มนวล จากนั้นก้มหน้าลงไปอีกจนแนบชิดกัน
ทางด้านช้อยกำลังพูดอยู่กับหวานที่ดูเป็นกังวลมาก
“ชั้นบอกไปหมดแล้ว ว่าพูดกับหมอเสน่ห์ยังไงบ้าง ชั้นกราบละที่ปากพล่อยมากไปหน่อย คุณสนจะฟ้องท่านขุนให้โบยชั้นไหม”
สนเดินออกมา
หวานตกใจพนมมือไหว้ “คุณสน กระผม กระผมกราบขอรับ”
“ข้าไม่ฟ้องพี่ขุนดอก ข้าไม่ถือสาเอ็ง ที่ปากโป้ง แต่เอ็งต้องทำงานให้ข้าอย่างหนึ่ง”
“ทำอะไรได้ทั้งนั้นขอรับ” หวานก้มหน้าบอก
“เอาของนี่พร้อมกับจดหมายไปให้คนชื่อเหิม”
“ไปที่ไหนขอรับ”
“เขารออยู่ที่ท่าเรือ ใกล้วัดโน่น รีบไปสิ ก่อนที่ข้าจะไม่อภัยให้เอ็ง” สนบอก
“ขอรับ”
“นี่รางวัลของเอ็ง สองชั่ง”
หวานตาลุกโพลง
“สองชั่ง”
สนส่งเงินให้หวานพร้อมกับซองที่จะฝากให้เหิม หวานรีบไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานต่อมาเหิมรับจดหมายจากหวาน มาอ่านเหมือนได้ยินเสียงสนมาพูดข้างหู
“ไอ้เหิม เอ็งทำงานพลาดเรื่องอีเนียน เอ็งต้องแก้ตัว ไอ้หวานคนนี้มันปากสว่าง ฝากให้เอ็งช่วยทำให้มันหยุดปากสว่างเรื่องของข้าด้วย เอ็งรู้ใช่ไหมว่าทำอย่างไร เงินค่าจ้างของเอ็งสองชั่งอยู่ที่มันชิงเอาเองเถิด อ่านจดหมายจบ ทำลายทิ้งทันที.....สน”
เหิมเอาจดหมายมาจูบยิ้มสายตามองหวานแบบจะกินเหยื่อ
“นี่สนิทกับคุณสนถึงขนาดจูบจดหมายเลยรึนั่น”
“แล้วมึงจะสนใจไปทำไม ไอ้ปากสว่าง”
เหิมชักมีดออกมาแทงใส่ หวานล้มลง เหิมกระชากถุงเงินสองชั่งมาจากหวานที่ตกใจตาเหลือกค้าง
เหิมยกเท้าถีบหวาน ร่างกระเด็นลงน้ำดังตูม
วันรุ่งขึ้น เนียนเดินมากับขุนภักดีที่ท่าน้ำ ท่านขุนโอบเอวเนียนตลอดเวลา เรือทอดรออยู่
“พี่จะไปตรวจงานทางเรือ บ่ายๆ พี่จะรีบกลับมารับขวัญเนียน”
“ค่ะ”
“เมื่อคืน พี่มีความสุข จนเหลือจะเอ่ย ขอบใจเนียนจริงๆ”
“เอ้อ ค่ะ”
ขุนภักดีชี้แก้มตัวเอง
“จูบให้กำลังใจผัวมีแรงไปทำงานด้วยสิจ้ะทูนหัว”
“เอ้อ...”
“ยังอายกันอีกหรือนั่น เร็วรีบจูบพี่ ก่อนที่ไอ้เอกจะมา”
ขณะที่เนียนยื่นจมูกมาชนแก้มขุนภักดี ปรากฏว่าเอกโผล่หน้าพรวดมาจากในเรือที่จอดอยู่ แต่เนียนหอมไปแล้ว
“ไอ้เอก...” ขุนภักดีจะด่า
“กระผม ไม่รู้ ไม่...”
เอกอ้าปากค้าง
“ไม่อะไรพูดให้จบ ไม่งั้นโดนเตะตกเรือ พูดมาว่าเห็นอะไร”
“หะ เห็น โน่นขอรับ มีคนตายลอยน้ำมา ติดท่าบ้านเรา” เอกว่าพลางชี้มือไป
ขุนภักดีและเนียนตกใจ
ผู้คนอออยู่ริมน้ำใกล้เรือนของสน เห็นศพของนายหวานนอนหงาย ตาเหลือก มีรอยแทงที่อก ทุกคนมุงมองดู ขุนภักดี เอก และแทนอยู่หน้ากว่าคนอื่นๆ เนียนอยู่ข้างๆ ท่านขุน เบือนหน้าหนี
เอก แทน แมว และกบจำได้แม่นว่าคือหวาน
สี่คนประสานเสียง “ไอ้หวาน”
“นี่มันเป็นคนของข้ารึไอ้เอก” ขุนภักดีฉงน
“ขอรับท่านขุน แต่มันทำงานอยู่ที่สวนแนวเขตหลังบ้านขอรับ ท่านขุนจึงไม่ค่อยได้ปะหน้ามัน” เอกบอก
“เคยหรือไม่เคย มันก็คนของข้า ใครบังอาจมาทำร้ายคนของข้าไม่ได้แม้ว่ามันจะเป็นแค่คนสวน” ขุนภักดีโกรธ
แมวกับกบมองหน้ากันกระซิบพร้อมกันเบาๆ
“ปลาหมอตายเพราะปาก”
แต่ขุนภักดียังได้ยิน หันมามองหน้าสองคนแบบจะเอาเรื่อง
“คือไอ้หวานมันปากเสียขอรับท่านขุน มันชอบสอดรู้สอดเห็น ชอบเอาเรื่องของคนอื่นที่เขาไม่อยากให้เอ่ยปากไปขยายความ” เอกอธิบาย
แทนพูดเสริม “กระผมเคยเตือนมันแล้ว ว่าอย่าไปสนใจเรื่องคนอื่น มันก็หาฟังไม่”
สนกับช้อยแทรกผู้คนมามองดู สองคนลอบสบตากันด้วยสีหน้าสะใจ
“กรรมของไอ้หวานแท้ๆนะคะ พี่ขุน”
กบกับแมวมองหน้ากันแล้วหันไปมองช้อยกับสน
“จะไปลอยตายที่ไหนก็ไม่ไป ดั้นลอยมาตายใกล้เรือนคุณสนทำไมก็ไม่รู้” กบเอ่ยขึ้น
สนจ้องกบตาเขียว
“ไอ้แทนแกรีบไปแจ้งตำรวจมาตรวจพลิกศพ เสร็จธุระเอามันไว้ที่วัด จัดการตามพิธีทางศาสนาให้เรียบร้อย” ขุนภักดีสั่งการ
“ขอรับท่านขุน”
ขุนภักดีดึงมือเนียนมาโอบเอวให้เดินออก
“เนียนจ๋า อย่าไปมองมาก เดี๋ยวมันจะติดตา”
ขุนภักดีโอบเนียนเดินออกไป สนกับช้อยมองตามแล้วสบตากัน สนควักเศษเงินโยนลงไปใกล้ศพหวาน
“ไอ้แทน เอาเงินนั้นไปช่วยทำทานงานศพมัน”
สนชวนช้อยเดินออก
“ช่างเจาะจงลอยมาแถวนี้ เหมือนจะอวดตัวให้ใครอกสั่นขวัญแขวน”
กบรีบเอามือปิดปากแมว ส่ายหน้าห้ามเตือนเบาๆ
“อยากเป็นปลาหมอตายเพราะปากอีกตัวรึนางแมว”
สนหันกลับมาถลึงตาใส่กบกับแมว
คุณนายทองจันทร์ได้ยินข่าวหวานตายจากกบและแมว
“ไอ้หวานเอ๊ย ไปที่ชอบที่ชอบเถิดเอ็ง”
“เรียมแทบจะไม่เคยได้เห็นหน้าเจ้าหวานคนนี้ จำหน้ามันก็ไม่ได้” เรียมว่า
“มันพูดมากปากพล่อยเจ้าค่ะ มาทำงานวันแรกมันก็ทำคนสวนหลังบ้านชกกัน” กบบอก
แมวเสริม “มันชอบเอาเรื่องคนโน้นไปบอกคนนี้ เอาเรื่องคนนี้ไปเล่าคนโน้น เมื่อวานตอนมีงานอยู่บนเรือนใหญ่ มันก็วิ่งอ้าวมาเล่าเรื่องหมอเสน่ห์มาตามหานางช้อยเจ้าค่ะ”
“ไอ้หมอเสน่ห์คนนั้นก็แปลก มาตามหานางช้อย แต่ไพล่ไปเอ่ยถึงคุณส...” กบจะบอกว่าสน แต่พูดไม่ทันจบ
สนเดินเข้ามากับช้อย กระแอมมาก่อนตัว กบสะดุ้ง หันไปเจอสนจ้องตาเขียวปัด
“คุณแม่ขา นางช้อยมันมีอะไรจะเรียนคุณแม่ค่ะ” สนเอ่ยกับทองจันทร์
“อะไรรึ นางช้อย”
“คือเมื่อวานคุณสนเรียกไอ้หวานมาสืบสาวราวเรื่องได้ความว่า..เอ้อ…”
ช้อยหยุดปาก หันไปมองหน้าเนียน
“พูดมาสินางช้อย” ทองจันทร์บอก
“ไอ้หวานมันบอกว่า หมอเสน่ห์มาถามหาช้อยจริงเจ้าค่ะ แต่มาถามหาช้อยเพื่อให้ไปตามหาคุณเนียนอีกต่อเจ้าค่ะ”
ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะเนียนตกใจมาก
“ไม่จริง ชั้นไม่เคยรู้จักหมออะไรนั่น”
สนแทรกขึ้น เหน็บแนมจิกกัดอยู่ในที “สนก็ตำหนิมันไปว่าพูดอย่างนี้จะทำให้ใครเข้าใจว่าเนียนจะทำเสน่ห์ให้พี่ขุนรัก พี่ขุนหลง อย่างเนียนไม่ต้องทำ พี่ขุนก็โปรดปรานมากมาย ชี้ไม้ป็นนกชี้วิหกเป็นต้นเสา ใส่ร้ายกันแท้ๆ”
“นี่มันยังไงกัน จากหมอทำเสน่ห์ให้นางช้อยแย่งไอ้พ่อค้าตะพาบน้ำไหงไพล่มาเกี่ยวกับเนียนไปได้” ทองจันทร์สงสัย
“นั่นสิคะ สนถึงด่าเอา มันก็เลยแก้เกี้ยวว่า หมอเสน่ห์ไม่ได้พูดอย่างนั้น เพียงแค่ถามว่าที่นี่มีคนชื่อเนียนไหม เนียนจ้ะ ข้าเชื่อว่าเนียนไม่รู้จักหมอดอก แต่ไอ้หวานมันปากพาจนไปเอง”
สนใส่ไฟจบยิ้มมองไปทางเนียนที่ใจหายใจคว่ำอยู่ อย่างสะใจ เนียนหน้าซีดใจเสีย
“แม่สนก็อย่าให้วิธีพูดจาส่อเสียดเหมือนเสี้ยมเขาควายใช้ชนกันสิ บ้านมันจะไม่สงบ” ทองจันทร์ฉุน
“ชั้นไม่ต้องการเห็นสิ่งไม่ดี มาเกิดขึ้นกับคนดีๆ อย่างเนียน แม่สนพูดจาอะไรใช้สมองตรองก่อนพูดก็จะเป็นผลดีกับบ้านเรา” เรียมตำหนิ
“สนกราบขออภัยคุณแม่ กับคุณเรียม ขอโทษเนียนด้วย ที่พูดมานั่น เจตนาจะปกป้องคนดีอย่างเนียน ไม่ได้จะส่อเสียดยุแยงตะแคงรั่วดอกค่ะคุณแม่”
“สนจ้ะ ชั้นจะบอกให้เอาบุญ ไม่มีสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ ในโลก ยิ่งใหญ่เหนือกรรมที่ตนทำไว้ดอก ถ้าเนียนเขาคิดทำเสน่ห์เช่นนั้นจริง กรรมก็สนองเขา แต่ถ้าใครใส่ร้ายว่าเขาทำกรรมมันจะสนองเป็นสองเท่า” เรียมบอกอีก
ทุกคนเงียบไป สนอึ้งมองช้อยจ๋อยกันลงไปบ้าง
“เพื่อให้ความจริงปรากฏว่ากรรมของใครกันแน่ นางช้อย เอ็งไปตามหมอเสน่ห์มาพบข้าด่วน ข้าอยากสอบถามความจริงจากปากมัน” ทองจันทร์สั่ง
สนกับช้อยเสียววูบแอบสบตากัน สนพยักหน้า
“ช้อยเอ็งได้ยินคุณท่านกับคุณเรียมเอ่ยปากแล้ว เอ็งรีบไปจัดการไวๆ”
แมวกับกบมองหน้ากันยิ้ม อย่างรู้ทันสองนายบ่าว
พอกับมาถึงเรือนเล็ก สองคนเริ่มกังวล
“กรรมของอีช้อยอีกแล้ว คุณสนเอาขี้มาโยนใส่ช้อย ถ้าไอ้หมอบ้านั่นมันมายันกับคุณท่านกับคุณเรียม เราก็พินาศสิเจ้าคะ”
“เอ็งก็บอกว่าไอ้หมอนั้นมันหนีไปแล้ว โง่ไปได้”
“คุณสนว่าจะมีใครเชื่อเรื่องที่เราปั้นแต่งขึ้นมาไหมเจ้าคะ”
“น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน อย่างน้อยก็ต้องมีใครสงสัยว่าไอ้หวานเอาความลับของใครมาขยาย ถึงโดนฆ่าปิดปาก”
“แต่ความจริงมันไม่ได้หนี มันมาตามหาคุณสนน่ะเจ้าคะ” ช้อยเตือน
“ปิดปากมัน เอาเงินไปให้มัน ตามที่มันต้องการ บอกว่าอย่ามา ข้าจะไปหามันเอง ส่วนรากนารีพิฆาตที่ทำให้นางเนียนให้เก็บไว้อย่าทำลาย เอาเพียงแค่สลายอาคมออกก็พอ” สนบอก
“แต่หมอแกว่า รากไม้นั่นหายากและแพงมากนะเจ้าคะ”
“จะแพงแค่ไหน ข้าไม่สนใจ ให้หมอไปหารากไม้นารีพิฆาตรากใหม่มาให้ข้า เสียเท่าไหร่เท่ากัน”
“เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร แต่คุณสนเสียผัวให้อีเนียนไปแล้วนะเจ้าคะ ดูสิเจ้าคะ ท่านขุนแม้แค่ปรายตามาแลยังไม่มี”
สนของขึ้น “อีช้อย มึงอย่ายั่วกูนะ”
สนยกเท้าทำท่าจะถีบ ช้อยรีบตะครุบผ้าถุง
“อย่าเจ้าคะ ช้อยไม่อยากเป็นกุ้งยิง ช้อยปลงน่ะเจ้าค่ะว่ากรรมเป็นของอีช้อยทุกที”
“ช้อยเมื่อกี้ข้าพูดตกไปคำหนึ่ง ไม่ใช่แค่ปิดปากมัน แต่ฆ่าปิดปากมัน”
สนบอกนัยน์ตาวาวโรจน์
อาญารัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ตกตอนค่ำเนียนไม่สบายใจเรื่องที่สนเอามาพูด หวั่นไหวว่าหมอเสน่ห์มาถามหาจริงๆ ขุนภักดีมองเนียนรู้สึกได้ว่าเนียนกลุ้มใจ จึงเข้ามาโอบกอดเนียน
“เนียน กลุ้มใจรึ”
“เอ้อ เปล่าค่ะ เนียน เอ้อ ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
“อย่าบอกนะว่า..อยู่กินกันวันเดียวเนียนตั้งท้องแล้ว” ขุนภักดีเย้า
เนียนตกใจในคำหยอกล้อเล่นๆ ของผู้เป็นสามี
“พี่หยอกเล่นน่ะ พี่รู้ว่าเนียนกลุ้มใจเรื่องอะไร ไปกับพี่”
ขุนภักดีคว้าแขนเนียนเดินออกไป
“พี่ขุนจะพาเนียนไปไหนคะ”
ขุนภักดีพยักหน้า
“ไปทำให้เนียนเลิกกลุ้มใจ”
ขุนภักดีดึงแขนเนียนออกจากห้องไป
ในขณะที่สนนั่งครุ่นคิดหาทางเล่นงานเนียนไม่เลิกราอยู่นั้น
“อีเนียน มึงทำให้กูต้องสั่งฆ่าปิดปากไอ้หวาน มึงทำให้กูถลำลึก”
จู่ๆ ช้อยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“มาแล้ว...มาแล้ว เจ้าค่ะ คุณสน”
“ใครมา ไอ้หมอบ้านั่นรึ ไล่มันไป”
“ท่านขุนเจ้าค่ะ”
“พี่ขุนมาหาข้า ได้ผลจริงๆ พี่ขุนสงสัยอีเนียนแล้วละสิ”
สนวิ่งพรวดออกไปทันที ช้อยพยายามจะฉุด
“เดี๋ยวเจ้าค่ะ”
“เอ๊ะ อีนี่ อย่ามาขวางกันนะ กูจะไปหาผัวกู”
สนสะบัดผลักช้อยล้มวิ่งหน้าระรื่นออกนอกห้อง ช้อยตะกายลุกพยายามจะบอก
“โธ่คุณสน ไม่ฟังสักนิด เดี๋ยวก็กรรมของอีช้อยอีกจนได้”
ช้อยรีบลนลานตามออกไป
ขุนภักดีพาเนียนมาถึงตีนบันไดเรือนสน ในมือถือแส้หางม้ามาด้วย เนียนใจคอไม่ดี
“พี่ขุนถือแส้ม้า พาเนียนมาเรือนคุณสนทำไมคะ” เนียนถาม
“พามาสั่งสอนคนปากไม่ดี พูดจาดาบสองคม ทำให้คนอื่นล่มจมโดยเจตนา”
เนียนตกใจมาก แต่สนก็วิ่งพรวดมาถึงตัวขุนภักดี แล้วโผเขาโอบกอดท่านขุน โดยไม่ได้มองว่าเนียน
ก็อยู่ด้วย
“พี่ขุนมาหาสน ชื่นใจสนจริงๆ ขึ้นเรือนนะคะพี่ขุน ช้อยเอ็งรีบจัดฟูกให้เรียบร้อย”
ช้อยที่ตามลงมาไม่กล้าเอ่ยปาก พยายามชี้ให้ดูด้านหลังท่านขุนว่าเนียนมาด้วย ส่วนขุนภักดีดันสนออกจากตัว
แล้วดึงเนียนมาโอบไว้
“ไม่ต้องจัด พี่มาตำหนิสน เรื่องพูดจากระทบกระทั่งจิตใจเนียน”
สนชะงัก “พี่ขุน”
ส่วนเนียนยืนก้มหน้าหันหน้าไปทางอื่น
“เนียนไม่ต้องทำเสน่ห์เล่ห์กลให้พี่หลงรักดอก เนียนเขามีเสน่ห์ทั้งกายวาจาและหัวใจ พี่จึงหลงรักเขา สนอย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ว่าสนเป็นคนอย่างไร พี่ขอเตือน จำไว้ น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย สนควรลดความใจร้อนและอารมณ์แรงๆ ของสนลงบ้าง มิฉะนั้น สนกับพี่จะกลายเป็นแค่คนร่วมบ้านแต่ไม่อาจร่วมชีวิต กลับเนื้อกลับตัวซะ หาไม่สนอาจโดนแส้ม้าฟาดเป็นคนแรก”
เจอผัวด่าเป็นชุด สนตกตะลึง “พี่ขุน”
“เนียนรู้แล้วใช่ไหมว่าพี่พาเนียนมาทำอะไร”
ขุนภักดีโอบเนียนหันกลับเดินออกไป สนโกรธจัดผวาตามไปจะถีบเนียน ช้อยมาฉุดไว้ทัน
เนียนหันมามอง ใจหายวาบกับสายตาเคียดแค้นชิงชังของสนที่มองมา เนียนรีบหันกลับไป
ขุนภักดีหันมามองหลังเนียน เห็นสนลงนั่งยกมือไหว้ท่านขุน
“พี่ขุนเจ้าขา สนจะจำคำพี่ขุนใส่หัวเอาไว้ไม่ลืมเลือนทุกเวลาเจ้าค่ะ”
ขุนภักดีพยักหน้าให้สน ท่าทีพอใจ และเดินจากไป พอ 2 คนลับตัวไป ช้อยรีบเข้ามาหา แต่โดนสนถีบช้อยโครมใหญ่ระบายแค้น
“โอ๊ย ช้อยเจ็บนะเจ้าคะ”
“แต่กูง้างแล้วต้องถีบ อีช้อยทำไมไม่บอกกูว่าอีเนียนมันมาหยามกู กูจะได้ไม่ลงมารับหน้าให้พี่ขุนด่ากูต่อหน้ามันให้อับอายขายหน้า”
“โอ๊ย กรรมของอีช้อยจนได้ ไม่วายเว้นวันละสามเวลา”
“อีเนียน มึงทำกูจนตรอก...กูหมดทางถอย หมาจนตรอก มันก็ต้องหาทางเอาตัวรอด กัดดะ” สนคำราม
“เจ้าค่ะ คุณสน ช้อยอีกคนที่จะช่วยคุณสนกัดดะ ไม่เลือกหน้าอินทร์ หน้าพรหม ช้อยยอมตายถวายชีวิตเพื่อคุณสนเจ้าค่ะ”
สนโมโหโกรธา ก้มหน้าเอาหัวโขกพื้นร้องไห้ ก่อนที่สองนายบ่าวจะกอดกันกลม สนร้องไห้ช้อยน้ำตาไหล
ที่บ้านหมอเสน่ห์ เช้าวันรุ่งขึ้น มีผู้หญิงชื่อหวนมาทำเสน่ห์ แล้วก็เลยเล่าเรื่องหวานโดนฆ่าปิดปาก ให้หมอฟัง
“อะไรน่ะ แม่หวน ไอ้คนสวนบ้านท่านขุนภักดีโดนฆ่า”
“นัยว่าฆ่าปิดปาก เพราะดันไปปากโป้ง พูดเรื่องมิบังควรของเมียคนหนึ่งของท่านขุน เมื่อวานนี้” หญิงชื่อหวนบอก
หมออุทาน “แม่สน”
“คนนั้นแหละ” หวนพยักหน้า
“มันโดนฆ่าเมื่อไหร่” หมอซัก
“เมื่อวาน ศพงี้ลอยอืดตาแหกโพลง น่าสยดสยองจ้องมองหาคนสั่งฆ่า” หวนทำท่าขนลุกขนพองประกอบด้วย
จังหวะนั้นรากไม้นารีพิฆาตตกจากมือของหมอ ที่มีสีหน้าตกใจมาก
“เห็นกับตาเลยรึ” หมอซัก
“เปล่า ฟังเขาเล่าสู่กันมาที่ตลาด ว่าไอ้หวานโดนฆ่าปิดปาก”
“ฆ่าปิดปาก” หมออุทานอย่างตกใจ
“ลอยไปติดที่หน้าบ้านคุณสน เขาลือกันว่าสวยมากก็จริง แต่ดุร้ายอย่างนางเสือสมิง คนรับใช้ในบ้านกลัวกันหัวหดไปอยู่ที่หัวแม่ตีน”
หมอทำท่าจะลมใส่ “แม่หวนกลับไปก่อนเถิด”
“อ้าว แล้วเรื่องทำเสน่ห์ให้ผัวกลับมาหาข้าเล่า”
“เอาไว้ก่อน ข้าเพิ่งจะนึกออกว่า มารดาของพ่อข้าตาย”
หวนนั่งงงพยายามคิด เพราะหมอพูดสุ่มๆ ให้เข้าเรื่องเท่านั้น
“มารดาของพ่อหมอใครกันล่ะ อ้าว ก็ย่าหมอน่ะสิ แก่ปูนนี้ยังมีย่าเหลือให้เพิ่งตายอีกรึ”
หมอพยักหน้า โบกมือไล่หวน
“เอาเงินคืนไป”
หมอเสน่ห์ส่งเงินคืนให้ แล้วผลักไสหวนออกไปจากบ้านโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน เนียน เรียม สน และทองจันทร์ กำลังนั่งประดิดประดอยสลักผลไม้กันอยู่ตรงชานบนเรือนใหญ่
“ดีมากเนียน สลักได้สวยราวกับไปร่ำเรียนมาจากในวัง” ทองจันทร์ยิ้มพราย
“เรียนแป๊บเดียว ทำได้ดีขนาดนี้ ทำนานไป ฝีมือคงดีกว่าพี่นะเนียน” เรียมเย้า
“เอ้อ เนียนทำได้ไม่ดีเท่าคุณเรียมกับคุณท่านดอกค่ะ”
“อ้าว นางแมว นั่นชั้นให้แกะสลักดอกไม้ ไม่ใช่สลักตอไม้” ทองจันทร์หันไปทางสองบ่าวขาเม้าท์
“ก็มันยากนี่เจ้าคะ แล้วแมวก็มือห่างตีนห่าง ทำอะไรสวยงามไม่ขึ้นเจ้าค่ะ” แมวว่า
“นางกบก็พอกัน นั่นไส้เดือนกิ้งกือ ไม่ใช่ใบไม้ ฝึกนางพวกนี้ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา อ้าวแม่สน ไหนล่ะ ไอ้หมอเสน่ห์ นางช้อยไปตามมาหรือยัง”
“กำลังรีบไปตามแล้วค่ะ คุณแม่
สนแอบยิ้มกริ่ม คว้ามีดสลักผลไม้ไปนั่งข้างเนียน
“นั่นแม่สนจะทำอะไร”
“มาช่วยสลักผักผลไม้ ระหว่างรอช้อยมันพาหมอเสน่ห์มายันคำพูดของมันค่ะ”
ทองจันทร์กับเรียมงวยงง ส่วนเนียนก้มหน้าก้มตาทำเงียบๆ สนชำเลืองมองไปยังเนียน แววตาครุ่นคิดอะไรร้ายๆ
ฟากช้อยมาพบเหิม และช้อยส่งเงินให้พลางกำชับ
“คุณสนบอกว่า ให้รีบจัดการไวที่สุด”
“มีใครติดใจสงสัยอะไรบ้างไหม”
“ไม่มีดอก”
“ไม่ใช่เรื่องไอ้หวาน ข้าหมายถึงเรื่องนางเนียน”
ช้อยสะดุ้ง หน้าโพล้งกับหนักลอยมาหลอน
“ถามทำไม”
“ก็แปลกใจน่ะสิ ว่านางเนียนคนนี้มันโดนไอ้หนักข่มขืนแล้วทำไมท่านขุนไม่ระแคะระคายอะไรบ้าง ได้ยินว่า มันกลายเป็นคุณนายคนที่สามผัวรักผัวหลงยังกับลงเสน่ห์ ณ หน้าทองเอาไว้”
ช้อยอึ้งแล้วรีบเสไปพูดเรื่องอื่น
“อย่านอกเรื่อง”
“เอ...ก็ข้าไปตามมันอย่างที่เอ็งบอก มันก็บอกข่มขืนไปแล้วตั้งเจ็ดวันงั้นมันข่มขืนใครกันล่ะ”
ช้อยรีบตัดบท “เอ็งรีบทำตามคำสั่งคุณสน รีบไปจัดการไอ้หมอบ้านั่น ไวๆ เข้า”
“ชีวิตไอ้หวานมันเหมือนผักปลายังราคาสองชั่ง แต่ไอ้หมอคนนี้ห้าช่างมันยังน้อยไป” เหิมโก่งราคา
“เอ๊ะ ไอ้..เหิม เมื่อวานเอ็งก็รับจากไอ้หวานไปแล้วกำไรคุ้มค่า”
“อ๊ะ อ๊ะ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ เห็นไปถึงไส้ไก่ ถ้าข้าโดนจับวันไหนเผลอสาธยายอะไรออกมาละก้อ”
“ไฮ้...พูดแบบนี้ จะหักหลังคุณสนรึ” ช้อยชักฉุนมากขึ้น
“เปล๊า เสร็จงานนี้จะหนีไปให้ห่าง จะวางมือ ไม่ให้ใครสงสัยเอ็งกับคุณสนดอก ว่าจะไปตั้งบ่อนถั่วโปที่บางกอก แถวตรอกเยาวราช”
“เอ็งก็ไปเอาจากไอ้หมอปากหมาเหมือนชื่อมันนั่นสิ มันได้จากคุณสนไปแยะ”
เหิมยิ้มพยักหน้า ช้อยมองตามสีหน้าไม่พอใจมาก
“ไอ้เหิม มึงรู้จักนายกูน้อยไป”
ไม่นานต่อมา หมอเสน่ห์รับเงินจากช้อย พร้อมกับส่งรากไม้นารีพิฆาต ที่ทำผิดให้เนียนแต่สลายอาคมแล้ว ยื่นให้ช้อยท่าทีหวาดกลัว
“สลายอาคมเรียบร้อย ก็เหมือนกับรากไม้หายากแต่ไม่มีผลทางเสน่ห์อีกต่อไป”
“ขอบใจ อ้อคุณสนฝากมาถามว่าทำไมใจร้อนนักไปตามหาถึงบ้าน”
“เอ้อ เอ้อ ฝากขอโทษคุณสนด้วย คือที่ใจร้อนน่ะอยากรีบลงเสน่ห์ที่รากไม้นารีพิฆาตให้คุณสนไวๆ ขอโทษคุณสนสักพันครั้งเถิด”
“ก็รีบจัดการให้มันไวๆ จะให้คนมารับของค่ำนี้” ช้อยบอก
“แต่...เดี๋ยว ต้องไปหารากไม้ก่อน”
“ไม่มีแต่ ไม่มีเดี๋ยว”
ช้อยพูดเป็นเชิงขู่ มองตาดุ
“กูอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วจริงๆ”
หมอเสน่ห์พึมพำ กลัวมากๆ
บนเรือนใหญ่ ทุกคนกำลังสลักผักอย่างตั้งอกตั้งใจ และเพลิดเพลิน ยกเว้นสนที่หมายตาหมายใจจะทำอะไรบางอย่าง
เนียนก้มหน้าสลักผัก สนแอบมองเนียนจ้องเป๋ง ขณะที่เนียนกำลังยกมือที่ถือมีดแกะสลักขยับเปลี่ยนท่า สนรีบเอาศอกกระทุ้งข้อศอกเนียน พร้อมกันนั้นสนเอามืดกรีดลงไปที่สันมือตัวเอง ร้องดังลั่น
“ว๊าย”
เนียนตกใจร้อง “อุ๊ย”
สนทำทีเป็นกุมมือ มองหน้าเนียนพูดตัดพ้อ
“เนียนโกรธอะไรข้ารึ ถึงเอามีดมาเฉี่ยวสันมือข้า จนเลือดสาด”
เนียนตกใจ ทุกคนตกใจ
“ตายจริง ชั้น ชั้น...”
“อะไรกันรึ เนียน สน” ทองจันทร์เงยหน้ามาถาม
“สนก็ไม่ทราบค่ะ สนก้มหน้าก้มตาสลักผักอยู่ดีๆ เนียนก็ยกศอกมากระทุ้งสน จนมีดของเนียนมาบาดสันมือสน”
มือของสนเลือดไหลย้อยลงมาจริงๆ เนียนส่ายหน้าน้ำตาคลอ พูดไม่ออก ทองจันทร์กับเรียมมองหน้าเนียน กบกับแมวชี้กันให้ดูมีดสนที่มีเลือด
“เลือด”
สนรีบเอามีดตัวเองมาเช็ดชายผ้าสิ่นด้านในอย่างว่องไว
“เอ้อ เนียน”
“เนียนคงไม่ได้ตั้งใจ ข้าเข้าใจจ้ะ”
“ชั้นขอโทษคุณสน จริงๆ ชั้นจะไปเอายาเอาผ้ามาทำแผลให้นะคะ”
ขุนภักดีเดินออกมาพอดี
“คนรับใช้มีเต็มบ้าน ทำไมเนียนต้องทำเอง กบ แมว รีบพาคุณสนไปทำแผล”
พูดแค่นั้น แล้วท่านขุนก็ไม่มาดูด้วยซ้ำ กลับมาหยิบดอกไม้ที่เนียนสลักมาดู ส่วนเนียนน้ำตาคลอ
“สวยมากจ้ะเนียน เย็นนี้ น้ำพริกปลาทูจิ้มผักสลักของเนียน ต้องอร่อยที่สุดจ้ะ”
สนแค้นแทบกระอัก อยากจะฆ่าเนียนบัดเดี๋ยวนั้น กบกับแมวเอายามาให้ สนปัดทิ้ง
“ชั้นจะกลับไปให้ช้อยมันทำแผลให้ที่เรือนของชั้น สบายใจได้เลยนะเนียน ยังไงชั้นก็ไม่โทษว่าเนียนตั้งใจใช้มีดแทงชั้น”
สนหันกลับไป เนียนหน้าเสีย
“พี่ก็ไม่โทษจ้ะเนียน ขอบใจมากนะสนที่ทำตัวดีขึ้น”
สนสะอึก แต่สลัดหน้ากลั้นน้ำตาเดินออกไป แมวกระซิบกบ
“ข้าเห็นคุณสนยกมือไปกระแทกมีดคุณเนียนแล้วเอามีดจิ้มสันมือตัวเอง” แมวว่า
“ข้าก็เห็นแว้บๆ” กบบอก
“สลักผักกันต่ออย่ามัวแต่ซุบซิบนินทาเอ็งสองคนจะกลายเป็นปลาหมอตายเพราะปากพร้อมกันสองตัว”
ทองจันทร์เสียงดัง สองคนรีบเอามือกุมปากตัวเอง
ขณะที่ช้อยทำแผลที่สันมือให้สน ช้อยต่อว่าสน
“คุณสนเจ้าขา นี่กล้าลงทุนยอมเจ็บกรีดเนื้อตัวเอง ขนาดนี้หรือเจ้าคะ”
“ไม่กล้าลงทุนจะได้กำไรรึ ข้ายอมเจ็บตัว เจ็บหัวใจในวันนี้ ข้าต้องสร้างเหตุการณ์น้ำหยดลงหิน ให้หินมันกร่อนจนได้ เมื่อถึงวันนั้น ช้อยเอ๊ย หัวเราะทีหลังดังกว่า”
“โชคดีของช้อย ที่ไม่ต้องไปปดคุณท่านเรื่องไอ้หมอเสน่ห์”
ขาดคำของช้อย เสียงกบแมวร้องเรียกประสานเสียงดังขึ้น
“ช้อย ช้อย”
“คุณท่านให้หา ท่านจะสอบถามเรื่องให้ไปตามหมอเสน่ห์ได้ความว่ากะไร” กบตะโกนเข้ามา
“กรรมของอีช้อยมาอีกแล้วเจ้าค่ะคุณสน” ช้อยบ่น
สนฉุนขาด ฉวยกะละมังใส่น้ำล้างแผลสาดลงเรือนไปทางเสียง
“หมาที่ไหนมาเห่าเอะอะเรือนกู ไป ชู้วว ไปหอนที่อื่นๆ ไม่เห็นรึว่าช้อยมันกำลังทำแผลให้กูอยู่ เชิญพวกมึงขี่ม้าสามศอกไปฟ้องคุณท่านเลย กูจะฟ้องกลับว่ามึงมาห้ามให้อีช้อยทำแผลให้กูดูสิว่าท่านจะเชื่อใคร อีปากปลาหมอ”
ที่ด้านล่างเวลานั้น เห็นแมวกับกบวิ่งกระเจิงออกไปทันที
อยู่มาวันหนึ่งช้อยถือปิ่นโตหิ้วตามสนกับเนียนมาตามทางเดินไปวัด ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้านหมอเสน่ห์ สนเดินยิ้มกริ่ม ช้อยเดินฮัมเพลงตามหลังนาย
“ขอบใจมากนะเนียน ที่มาทำบุญกับข้าวันนี้”
“เรื่องทำบุญไม่ต้องขอบใจดอกคุณสน ชั้นสิต้องขอบคุณ คุณสนที่พามาทำบุญ”
“ก็แหมวันก่อนมันพลาดไปแล้ว เจ็บใจตัวเองไม่หาย ข้าอยากแก้ตัวน่ะ”
เนียนมองไปรอบๆ เห็นบ้านหมอเสน่ห์ แต่ไม่รู้ว่าบ้านใครอยู่ห่างออกไป
“แถวนี้ไม่ค่อยมีบ้านผู้คนเลยนะคะ”
“มี นั่นไงล่ะ บ้านหมอเสน่ห์ที่ว่า อยากแวะไปหาบ้างไหม” สนทำเป็นชวน
“ไม่ละคะ รีบไปวัดกันเถิดค่ะเดี๋ยวไม่ทันพระฉันท์เพล” เนียนบอก
“ใช่เจ้าค่ะ รีบไปเจ้าค่ะคุณสน อย่าสิคะ พระฉันท์เพล มันเป็นเวลาสำคัญนะเจ้าคะ”
สนหันมายิ้มให้ช้อยอย่างรู้กัน
ทางด้านหมอเสน่ห์กำลังหอบหิ้วข้าวของรีบร้อนลงเรือน เจอเอากับเหิมที่ยืนขวางหน้า
“เพลอย่างนี้มันเป็นเวลาสำคัญ ตะวันตรงหัว แดดเปรี๊ยงร้อนฉ่าจะรีบไปไหน หมอ”
“ไปงานศพมารดาของพ่อจ้ะ” หมอบอก ไม่รู้จักเหิม
“ไปงานศพแต่ทำยังกะจะย้ายบ้านงั้นเหละ” เหิมดักคอ
“เราไม่รู้จักกัน พ่อมีธุระอะไรกับชั้นเล่าถ้าไม่มีก็ขอทางด้วยจ้ะ”
“ไม่รู้จักดอก แต่ว่ามีธุระสำคัญ มีอะไรไหม”
หมอฉุนกึก “อุบ๊ะ ข่มขู่กันนี่หว่า”
“กูมาเอาของที่มึงต้องทำให้คุณสนให้เสร็จ มึงรีบเอามา” เหิมบอก
“ของมันหายากยังกะงมเข็มในมหาสมุทร ต้องรอก่อนจ้ะ”
“รอมึงกลับจากงานศพมารดาของพ่อมึงรึ มึงรีบกลับเข้าไปทำของเดี๋ยวนี้”
เหิมชักมีดออกมาหมอใจตัวสั่น
“กลัวแล้วจ้ะ”
ทางด้านทองจันทร์มาถามหาเนียน
“คุณเนียนไม่อยู่รึ นางแมว นางกบ”
“ไม่เห็นเลยตั้งแต่ช่วงสายๆ แล้วเจ้าค่ะ” แมวว่า
“เห็นเจ้าค่ะ เห็นเดินไปทางเรือนคุณสนเจ้าค่ะ” กบบอก
“ตายละวา เดินไปทางเรือนนั้น แล้วทำไมเอ็งไม่เดินตามไปเป็นเพื่อนคุณเนียน คนเรือนนั้นแค่เผลอกระพริบตาแผล่บมันก็แทงฉึกเข้าให้ไม่ทันรู้ตัวซะแล้ว คุณเนียนก็ซื่อจนไม่ทันผู้ทันคน ไปตามคุณเนียนมา”
“เจ้าค่ะ” สองคนวิ่งลงเรือนไปตามเนียนทันที
“อ๊ะๆ พวกเอ็งสองคนตัวติดกันรึ เอ็งไปสองคนแล้วใครจะอยู่กับข้า”
สองคนชะงักเท้า มองหน้ากันชี้กันเอง พูดพร้อมกัน
“เอ็งไป”
“นางกบ นางแมว” ทองจันทร์ชักโมโห
สองคนยังชี้กันอยู่ “ข้าอยู่”
“ยังอีก นางแมวไปนางกบอยู่”
เรียมเดินเข้ามาพอดี
“มีอะไรกันหรือคะ คุณแม่”
“เนียนหายไปไหนไม่รู้”
“อ้อ เห็นเดินไปทางเรือนแม่สนค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไร”
“คุณเรียมมาแล้ว งั้นเอ็งสองคนไป” ทองจันทร์บอก
สองบ่าวรีบลงเรือนไป ทองจันทร์กับเรียมแปลกใจว่าเนียนไปทำอะไรที่เรือนเล็กของสน
เวลาต่อมาสามคนเดินกลับจากวัด สนกับช้อยพยายามเลี้ยวลดไปทางเรือนหมอเสน่ห์ให้ใกล้ที่สุด
“เมื่อตอนขามาเราไม่ได้เดินมาทางนี้นี่คะคุณสน” เนียนท้วง
“ทางที่เราเดินมาแดดมันร้อน ทางนี้แหละร่มดี” สนบอก
“ชั้นมีร่มค่ะ”
เนียนยกร่มขึ้นมากางให้ ช้อยกับสนสบตา แล้วช้อยก็ทำตื่นเต้นตกใจชี้ไป
“ไฟไหม้ ไฟไหม้บ้านหมอเสน่ห์”
ที่แท้หมอโดนมัดอยู่ในบ้าน และไฟกำลังลุกท่วม หมอตาเหลือกร้องโวยวาย
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เนียนตกใจมาก สนทำตกใจไปด้วย
สนกับช้อยสบตากัน
“เราไปช่วยดับไฟกันดีกว่า”
สนกระชากเนียนวิ่งไปยังบ้านหมอ มีช้อยวิ่งตามหน้าระรื่น
สามคนวิ่งมาถึงหน้าบ้านหมอ เสียงหมอร้องโอดโอยดังมาจากในเรือน
“ตายแล้ว คุณสนเจ้าขา มีคนติดอยู่ในเรือนค่ะ”
สนกับช้อยมองหน้ากันอีก
“ตายจริงๆแน่ ช้อย เอ็งอยู่ช่วยคุณเนียนดับไฟ ข้าจะไปตามคนมาช่วยดับไฟ” สนบอก
“จะทันหรือคะ บ้านเราอยู่ห่างนะคะ” เนียนงงๆ
“ยังดีกว่าไม่ทำอะไรนี่นา” สนอ้าง
ว่าแล้วสนก็วิ่งออก ไม่สนทีท่าเงอะงะของเนียน
“น้ำอยู่ที่ไหนเล่าช้อยรู้ไหม”
ช้อยชี้ไปหลังบ้าน
“บ่อน้ำหลังบ้านนั่นไง คุณเนียนก็ไปตักเอาสิ อิชั้นเป็นห่วงคุณสน จะรีบไปตามไปดูแลคุณสน”
“เดี๋ยวสิ..ช้อย...”
ว่าแล้วช้อยก็วิ่งไปอีก เนียนยืนงง เสียงหมอยังร้องโอดโอยดังแว่วออกมา
“โธ่ ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน”
เนียนตัดสินใจวิ่งไปทางหลังบ้าน
เนียนวิ่งมาท่าทีตื่นตระหนก หันรีหันขวาง
“โธ่ โธ่ จะช่วยเขาได้ยังไง”
เนียนมาเจอถังน้ำขอบบ่อ รีบโยนลงไป แล้วสาวถังขึ้นมาก่อนจะหิ้วถังไปรดน้ำทางด้านหลัง แต่แทบไม่ทำ ให้ไฟลดลงไป
เนียนวิ่งกลับมาใหม่อีกครั้ง และกำลังยกถังน้ำสาดลงไป สักสามครั้ง เหิมกระโจนมาจากทางด้านหลังเนียน เข้ามารัดร่างเนียนเอาไว้
“แม่เนียนคนสวย สวยจนอดใจไม่ไหว”
เนียนตกใจมาก
“ว๊าย ปล่อยนะปล่อยชั้น”
“ปล่อยไม่ได้ดอก ครั้งก่อนใจไม่กล้าพอ แต่ครั้งนี้ โอกาสมันเหมาะเหม็ง จะข่มขืนแล้วโยนเข้ากองไฟให้ตายตามไอ้หมอลามกนั่นซะ”
เหิมไม่ฟังลากเนียนไปข้างบ่อน้ำ เนียนกรีดร้องลั่น เหิมเหวี่ยงเนียนลงไปกอง
“ปล่อยชั้นไปนะ ชั้นเป็นเมียท่านขุนภักดีภูบาล ถ้าพี่ชายทำร้ายชั้น พี่ชายต้องโดนจับเข้าตะราง”
เนียนขอร้อง เหิมส่ายหน้า
“อะไรก็ห้ามไอ้เหิมไม่อยู่แล้ว”
เหิมกระโดดคร่อมร่างเนียนทันที
ช้อยวิ่งมาทันสนที่ยืนรออยู่ ห่างบ้านหมอมาอีกหน่อย
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“เป็นผู้หญิงสวยที่โง่ที่สุดที่ช้อยเคยพบมา มันคงตักน้ำจนหมดบ่อกระมังเจ้าคะ”
“แต่ข้าว่ามันคงแค่ตักน้ำสามถังเท่านั้น ถ้าไอ้เหิมมันไม่ทันไปไหน มันจะถูกหวยโดยไม่รู้ตัว”
“จริงสิเจ้าคะ ไอ้เหิมหวยออกแน่เจ้าค่ะ”
“เอ็งว่าถ้ามันเจออีเนียนมันจะทำยังไงน้อ” สนสะใจนัก
“ก้มลงกราบกระมังเจ้าคะ คุณสน ช่างถามได้ มันก็ปล้ำสิเจ้าคะ อีเนียนมันก็ร้องว่าว๊าย อย่าทำชั้น ว๊ายอย่าทำชั้น” ช้อยหัวร่อร่า
“คนเลวอย่างไอ้เหิมมันก็หาฟังไม่”
“เหมือนที่มันไม่ฟัง ตอนที่คุณสนร้อง ว๊าย อย่าทำข้า ใช่ไหมเจ้าคะ”
“อีช้อย”
ช้อยหุบปาก เงียบในทันที
ส่วนที่หลังบ้านหมอเสน่ห์ เหิมกำลังก้มลงไปหาเนียน ทำท่าจะกระชากเสื้อแล้ว ทันใดเหิมก็โดนจิกหัวจนหน้าหงายจากด้านหลัง แล้วตบด้วยด้ามปืนกลับไปกลับมา
“ไอ้เดียรฉาน”
“ใครวะ”
“กูเอง” หนักคำราม
เหิมหันไปเห็น “ไอ้หนัก”
หนักซ้อมต่อเต็มแรง จนเหิมสลบคาที่
“ไอ้ใจเดียรฉานในร่างคน มึงไม่สมควรอยู่เป็นผู้คนอีกต่อไป มึงตาย”
เนียนเห็นคนที่มาช่วยดีใจเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
“พี่...”
“จุ๊ๆ อย่าเรียกชื่อพี่ อย่าให้ใครรู้ว่าเนียนเป็นน้องสาวของพี่ รีบกลับบ้านไปให้ไวที่สุด ไม่ต้องบอกเรื่องที่พบเห็นพี่กับใครเด็ดขาด”
“เนียนสงสารคนที่โดนไฟครอกเนียนไหว้ละพี่ ช่วยเขาเถิด เขาร้องโอดโอยน่าเวทนาเหลือเกิน” เนียนอุตส่าห์เป็นห่วงหมอ
“พี่ต้องฆ่าไอ้เดียรฉานตัวนี้ก่อนเอามันไว้ไม่ได้แล้ว มันจะข่มขืนเนียน”
“ช่วยชีวิตคนกำลังจะตาย สำคัญกว่าการฆ่าคนเลวคนนึงนะจ้ะ น้องกราบ น้องเวทนาเขา”
“น้องดีเกินไป มีใจมีปากเอาไว้เวทนาคนอื่น แต่คนอื่นมีใครเวทนาเมตตาน้องไหม จำไว้อย่าไว้ใจนางคุณสนคนนั้น กับอีบ่าวสอพลอคอสั้นนั่น”
เนียนตกใจ “พี่รู้จักคุณสน”
“ใครบ้างไม่รู้จักคุณสนคนสวย นิสัยเลวเมียท่านขุนภักดีภูบาล รีบกลับบ้านซะ ถ้าท่านขุนถามว่าไปโดนอะไรมา ก็บอกไปว่าโดนคนชื่อไอ้เหิมไล่ฉุดคร่าแต่ว่ามีคนมาช่วยเอาไว้ ถ้ามันโดนจับได้ความจริงชั่วๆ ที่มันทำจะหลุดออกมาจากปากชั่วๆ ของมันเอง”
หนักผลักไสเนียนให้ไป เนียนโผเข้ากอดพี่ชาย
“พี่หนักจ๋า ถึงไอ้เหิมคนนี้มันจะเลว สมควรตาย แต่ไม่ใช่หน้าที่ของพี่จะตัดสินประหารมัน ถึงกฎหมายยังไม่ไปถึงสักวันกฎแห่งกรรมก็ต้องไปถึง เนียนไม่อยากให้พี่ฆ่าใครตาย แดงน้อยก็คงไม่อยากมีลุงฆ่าคนตาย พี่ก็คงเสียใจมาก” ช้อยขอร้อง
สองพี่น้องกอดกันร้องไห้ หนักพยักหน้า
“พี่จะทำตามที่น้องขอร้อง ไปสิจ้ะน้องรัก”
เนียนผละวิ่งจากไปทั้งน้ำตา หนักน้ำตานองหน้า
“เพื่อพ่อ เพื่อน้อง เพื่อหลานของกู”
หนักหันมากระชากคอเหิมเอาน้ำสาดให้ฟื้น
“อย่า อย่าฆ่าชั้น” เหิมได้สติก็ร้องลั่น
“กูฆ่ามึงแน่ ถ้าผู้หญิงใจพระที่มึงจะฆ่าข่มขืนเขาไม่ขอร้องกูให้ไว้ชีวิตมึง”
“เนียนพูดเช่นนั้นจริงหรือ” เหิมอึ้ง
“กูอยากฆ่ามึงใจจะขาด ไม่เช่นนั้นก็จะไว้ชีวิตมึงเรอะ” หนักกระชากคอเหิม “ลุกขึ้นมา ตักน้ำ สาดเข้าไปให้มากที่สุดกูจะเข้าไปช่วยคนในบ้าน”
“เนียน ผู้หญิงใจพระ เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอ”
เหิมยืนงงไม่อยากเชื่อ หนักถีบส่ง เหิมวิ่งไปจ้วงน้ำมาสาด ส่วนหนักวิ่งลุยเข้าไปในบ้านทางด้านหลัง
อาญารัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ขณะที่สนกับช้อย เดินกลับมาถึงตรงท้ายบ้าน เจอกบ แทน และแมวที่กำลังจะไปตามหาเนียน แทนเห็นก่อน
“เจ้านายมาแล้ว คุณสนขอรับ คุณสนไปกับคุณเนียนใช่ไหมขอรับ”
“แล้วมันหนักหัวใคร หนักหัวเอ็งเร๊อะ เป็นคนรับใช้อย่าได้สะเออะมาสอบสวนเจ้านายไอ้แทน” สนโมโห
“คือคุณท่านกับคุณนายเรียม ให้เรามาตามคุณเนียนเจ้าค่ะ” แมวบอก
“แล้วอย่างไร เอ็งก็เชิญไปตามสิ เจ้านายคนโปรดของพวกเอ็งนี่” สนเยาะ
“คือว่าคุณนายเรียม ท่านเห็นคุณเนียนไปทางเรือนคุณสนเจ้าคะ” กบบอกอีก
“เจ้าแทนมันบอกว่า...” แมวพูดไม่ทันจบ
สนสวนขึ้นมา ตาเขียวปัดจ้องใส่แทน “ไอ้แทน”
แทนรีบส่ายหน้าลนลาน “กระผมไม่ได้บอกอะไรขอรับ ไม่ได้บอก ไม่เคยบอก”
“จำคำพูดของเอ็งไว้ให้ดี พูดแล้วอย่ากลับคำ ตามข้ามานี่ไอ้แทน”
สนกับช้อยเดินเชิดไป โดยมีแทนเดินตามหลัง แมวกับกบ ยืนงงมองหน้ากัน
“ก็ไอ้แทนมันบอกว่า คุณเนียนไปกับคุณสนไปถวายอาหารเพลพระ” กบบอก
“แล้วทำไมคุณเนียนไปไหนกับคุณสน ถึงไม่ได้กลับมาด้วยกันสักที” แมวว่า
“ประหลาดแท้”
สองคนประสานเสียง ชะเง้อรอหาเนียน
สนเดินมาถึงหน้าเรือน มองสบตากับช้อย
“เจ้าแทน เอ็งอยากได้เงินให้สักตำลึงสองตำลึงไหม” ช้อยถาม
“ใคร้จะไม่อยากได้เงิน” แทนว่า
“เอ็งต้องทำงานถึงจะได้เงิน” ช้อยบอก
“ข้าเป็นห่วงคุณเนียน จู่ๆ ก็พลัดหลงกันซะงั้น เอ็งช่วยไปตามหาคุณเนียนทางหลังบ้านทีรึ นางช้อยเอาให้ไอ้แทนสองตำลึง”
แทนยืนตะลึง ช้อยส่งเงินให้แทนจะตะครุบ
“ฟังข้าก่อน เรื่องไปตามหาคุณเนียนน่ะเล่าได้ แต่เรื่องเงินที่ให้เอ็งบอกใครไม่ได้ เพราะคุณท่านรู้เข้าโกรธตาย ว่าคุณสนสุรุ่ยสุร่ายใจดีมากเกินไป”
“ขอรับ คุณสน กระผมจะไม่เป็นปลาหมอตายเพราะปากขอรับ”
แทนดีใจ รีบออกไปทันที
“อ้อ ไอ้แทน ตอนฉันเดินตามหาคุณเนียนเห็นเหมือนไฟไหม้บ้านหมอเสน่ห์ ข้าตกใจกลัววิ่งหนีมา เอ็งลองไปดูสิ เผื่อจะเจอ คุณเนียนแถวนั้น”
สนพูดจบก็หันไปยิ้มให้ช้อย
ด้านเนียนวิ่งมา ยังไม่หายตื่นตกใจ
“ช่างน่ากลัวจริงๆ ขอให้พี่หนักช่วยคนที่อยู่ในบ้านได้ด้วยเถิด เจ้าประคู้นเอ๊ยอย่าเป็นอะไรนะ”
เนียนวิ่งไปหันไปมองทางด้านหลังไปด้วย แล้วเนียนก็สะดุดหกล้ม ฟากแทนวิ่งตะโกนมาเรื่อยๆ
“คุณเนียนขอรับ คุณเนียนขอรับ”
เนียนกระโผลกกระเผลกลุกขึ้น เสื้อผ้าเนื้อตัวยับเยินไปหมด ได้ยินเสียง แทนตะโกนเรียก
“คุณเนียนขอรับ คุณเนียนขอรับ”
เนียนวิ่งไปตามเสียง
“แทน”
“คุณเนียน นั่นนั่น ไปโดนอะไรมาขอรับ”
เนียนส่ายหน้าพูดไม่ออก
“ชั้นอยากกลับบ้าน”
เนียนไม่พูดเดินกลับบ้าน แทนเดินตาม คิดไปต่างๆ นานา
ด้านช้อยคุยกับสนเรื่องหมอเสน่ห์
“รายที่สองแล้วนะเจ้าคะคุณสน นี่คุณสนถลำเถลือกลงไปทุกทีแล้วจริงๆ นะเจ้าคะ”
“กูหยุดไม่ได้แล้วไอ้เหิมก็อีกคน เสร็จนาคราวนี้เห็นทีต้องฆ่าโคทิ้งซะแล้ว”
“คุณสน” ช้อยตกใจ
“เอ็งอย่าพูดมาก รีบไปทำตามแผนการน้ำหยดลงหินของข้าต่อไป”
“ทำยังไงเจ้าคะ คุณสน”
“รีบไปเรือนใหญ่ ใครพูดก่อนคำพูดคนนั้นน่าเชื่อกว่า”
“คุณสนจะไปพูดอะไรเจ้าคะ”
สนไม่ตอบช้อยเดินตามมาโดยเร็ว
เวลานั้นสนกำลังลอยหน้าอารมณ์ดีรายงานเท็จกับทองจันทร์และเรียม
“เนียนเขาอยากเอาของไปถวายเพลที่วัด ทดแทนที่วันก่อนไปไม่ถึง สนก็เลยจะแก้ตัวที่ทำผิดไว้กับเขา รีบตกปากรับคำไปเป็นเพื่อนค่ะ”
“แต่พอขากลับสิเจ้าคะ คุณเนียนขอเดินไปถ่ายทุกข์แล้วหายไปเลย” ช้อยสาระแนบอก
“ใครถามเอ็งนางช้อย อย่าสอด เวลานายพูดกัน” ทองจันทร์ด่า
“แหมมาตะเภาเดียวกับแม่สนเรื่องถ่ายทุกข์ทีเดียวนะ” เรียมดักคอ
“สนก็รออยู่เดินวนหาก็ไม่พบ พอดีสนเห็นบ้านไอ้หมอเสน่ห์มันไฟไหม้สนตกใจกลัว วิ่งหนีกลับบ้านมากับนางช้อยค่ะ สนมาถึงบ้าน ก็เลยจ้างเอ๊ย บังคับให้ไอ้แทนมันไปตามเนียนค่ะ”
แทนคลานเข่าเข้ามา ตามด้วยกบและแมวที่ตื่นเต้นตกใจ เนียนเดินตามมาสีหน้ายังตื่นตระหนก สนกับช้อยสบตากันแอบยิ้ม
“เนียน” ทองจันทร์กับเรียมอุทานพร้อมกัน
เนียนทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ เรียม แล้วเป็นลมล้มพับไป
“เนียน” ทองจันทร์กับเรียมอุทานพร้อมกันอีก
สนรีบถาม “เอ็งไปเจอคุณเนียนที่ไหนไอ้แทน”
“ห่างจากบ้านที่ไฟไหม้นั่นแหละขอรับ กำลังวิ่งมาจากทางนั้นขอรับไม่ทราบว่าไปเจออะไรมา” แทนว่าตามที่เห็น
“จริงเจ้าค่ะ ยังกับโดดหมามากัดเจ้าค่ะ” ช้อยผสมโรง
“หมาจนตรอกกระมังเจ้าค่ะ ถึงบ้ามากัดคนอย่างคุณเนียน” กบแค้นแทน
“หยุดเจรจาเหลวไหลนะ” ทองจันทร์เอ็ดเอา
“กบ แมว ช่วยกันประคองคุณเนียนเข้าไปที่ห้อง” เรียมสั่ง
สองคนรีบประคองเนียนไปที่ห้อง
“สนเข้าไปช่วยนะคะ”
“ขอบใจมาก แต่ไม่รบกวนดอกจ้ะแม่สน” เรียมห้ามไว้
“คุณแม่จะสอบถามอะไรสนอีกไหมคะ เรื่องไฟไหม้” สนถาม
“เห็นจะไม่ก่อนละ ข้าห่วงเนียนมากกว่าว่าไปเจอเรื่องร้ายๆ อะไรมาอีก”
“แต่ก็อยากจะตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมไปกับแม่สนทีไรเนียนถึงประสปเหตุไม่ดีมาทุกที” เรียมดักคอ
“ค่ะ สนเองก็ตั้งข้อสังเกตกับตัวเองทุกที ว่าทำไมสนถึงโชคร้ายอย่างนี้ทุกที คล้ายกับว่าสนนำโชคร้ายมาให้เนียน” สนทำทีเป็นตัดพ้อ
“แม่สนไม่ใช่ตุ๊กแก อย่ากินปูนร้อนท้อง”
ทองจันทร์เดินตามเนียนและเรียมเข้าไปอีกคน
สนนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอยู่บนเรือนมีช้อยกอดขาสนประจบ หัวเราะตาม
ช้อยยื่นหน้าไปล้อเลียนสนที่ถูกทองจันทร์ตำหนิ “ตุ๊กแก”
“สมน้ำหน้าอีเนียน สมมันคงเจอไอ้เหิมปล้ำเข้าให้แล้วละสิ ถึงรุ่งริ่งกลับมาขนาดนี้”
“ไอ้เหิมหวยออกสมใจอยากของมันแล้ว”
“อยากจะเห็นหน้าพี่ขุนนัก ตอนเจอสภาพเมียสุดที่รักสุดหวงโดนโทรมกลับมา”
“คุณสนเจ้าขา ช้อยว่าแววตาของคุณนายใหญ่ทองจันทร์เริ่มหวั่นไหวแล้วนะเจ้าคะ หินกร่อนแล้วเจ้าค่ะ”
สองคนกำลังหัวเราะร่วน แล้วมองไปเห็นขุนภักดี ทำให้สองคนหยุดหัวเราะค้างไปเลย
ขุนภักดีรีบเดินจ้ำอ้าวหน้าตาไม่สบาย หลังจากรู้เรื่องเนียนแล้ว เอกเดินตาม หลังต้อยๆ
“ทำไมถึงปล่อยให้เนียนไปกับสนจนได้ ต่อไปนี้ห้ามเด็ดขาด นายเอก”
“ขอรับ คุณเทพ”
สองคนรีบร้อนไปกันอย่างรวดเร็ว
สองคนอารมณ์เสียมากๆ
“ดูดู๋ ดู พี่เทพ กระหืดกระหอบ จะรีบไปดูอาการอีเนียน จะเหลือบตามาเรือนนี้ก็หามีไม่ กูอยากกัดลิ้นตาย”
“อย่าเพิ่งเจ้าค่ะ คุณสน คนที่จะตายไม่ใช่คุณสน แต่เป็นอีเนียนเจ้าค่ะ หนักแน่นไว้เจ้าค่ะ”
สนกัดฟันสะกดอารมณ์อย่างแรง
ขุนภักดีประคองเนียนเอาไว้แนบอก
“ไม่ต้องกลัวแล้วเนียน พี่จะส่งตำรวจไปตามจับไอ้คนที่มันมาทำร้ายเนียนของพี่มาลงโทษให้ได้ ไหนลองบอกชื่อมันมาสิ”
“เนียน เอ้อ เนียนได้ยินคนที่มาช่วยเนียนเรียกมันว่าไอ้เหิมค่ะ”
“ไอ้เหิม กูจะเอามึงเข้าตะราง พี่จะลงไปตรวจสุพรรณบุรีทุกตารางนิ้ว”
“ขอบพระคุณมากค่ะ พี่ขุน”
“อ้อ แล้วคนที่มาช่วยเนียนนั่นเล่า เขาเป็นใคร พี่อยากขอบใจ”
“เนียนไม่ทราบดอกค่ะ เขาเป็นคนที่จะมาช่วยดับไฟแต่ให้บังเอิญมาเจอเนียนกำลังโดนมันลวนลาม”
“ต่อไปนี้ห้ามไปไหนกับสนอีก แม้ว่าเขาจะชวน” ขุนภักดีสั่ง
“เอ้อ...”
“พี่รู้ว่าเนียนขี้เกรงใจ ไปกับพี่ พี่มีวิธียืนยันว่าสนกับเนียนจะไม่ไปด้วยกันอีกตามลำพัง”
ขุนภักดีไปฉวยแส้หางม้า แล้วดึงเนียนออกจากห้องไป
ส่วนช้อยกับสนกำลังปรึกษากัน
“ขอให้อีเนียนท้องเพราะโดนข่มขืน”
“ขอให้ท่านขุนจับได้ว่าท้องกับชู้”
ขาดคำขุนภักดีพาเนียนบุกขึ้นมาบนเรือน ในมือถือแส้ม้ามาด้วย
“พี่ขุน จะมาด่าสนอีกใช่ไหมคะ สนยอมรับผิดที่เนียนมาชวนไปวัดแล้วยอมไปด้วย ใช่ไหมเนียน” สนจ้องหน้าเนียนขณะถาม
เนียนอึกอัก “เอ้อ...”
“ถ้าเนียนอยากเห็นข้าโดนโบยว่าโกหก เนียนก็บอกพี่ขุนไปเลย ว่าข้าโกหก”
“คุณสน” ช้อยตกใจ ไม่คิดว่าสนจะใจกล้า
“เชิญพี่ขุนโบยสนค่ะ”
สนทำหมอบลงตรงหน้าขุนภักดี แต่แววตาดุดันเหลียวไปมองที่เนียน
“ว่ายังไงเนียน”
“คุณสนพูดความจริงค่ะพี่ขุน”
สนแอบถอนใจเฮือกพลางลอบยิ้ม
“พี่อยากได้ยินจากปากของทั้งเนียนและสน ยันกันว่าสนไม่ได้ยกเมฆเอาเองว่าเนียนชวนไป แม้ว่ามันจะไม่ใช่วิสัยของเนียนและพี่ก็ยังไม่ปักใจ แต่กลับคิดว่าเนียนกลัวสนจะโดนโบยเพราะโกหก”
“พี่ขุน” สนตกใจ
“ยิ่งทำให้พี่ซาบซึ้งน้ำจิตน้ำใจเนียนมากขึ้น ว่าเนียนยอมรับผิดเพื่อผู้อื่นพ้นโทษ”
“พี่ขุน” สนตกใจมากขึ้นอีก
“เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ ไม่ว่าใครจะชวนใคร ไม่ต้องไปด้วยกันโดยลำพังเด็ดขาด ส่วนไอ้คนที่ทำร้ายเนียนมันชื่อไอ้เหิม ไม่เกินวันนี้วันพรุ่งมันโดนจับเข้าตะรางแน่ สำหรับคนที่มาช่วยเนียน เสียดายที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ทั้งที่อยากจะขอบใจและตกรางวัลให้”
สนกับช้อยตื่นตกใจ
“มีคนมาช่วยเนียน” สนไม่อยากเชื่อ
“ค่ะ..คุณสน”
ขุนภักดีไม่รอให้สนซักถามต่อ พาเนียนหันกลับ
สนกับช้อยสบตากัน สงสัยคาใจมาก
“ใครกัน”
“ช้อยอีเนียนมันเอ่ยชื่อไอ้เหิม ถ้าไอ้เหิมมันโดนจับได้ มันประจานเราสองคนแน่ โอย... ข้าจะยิ่งกว่าโดนโบย ข้าจะตกนรกทั้งเป็น ช้อยเอ็งช่วยข้าด้วย”
สนเริ่มร้องไห้ออกมา ช้อยปลอบ
“ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ คุณสน ช้อยกำลังหาหนทาง ตั้งแต่ได้ยินอีเนียนเอ่ยชื่อไอ้เหิมแล้ว”
ในราวป่าแห่งหนึ่ง เวลาราวตีห้าของวันใหม่ เหิมกำลังโดนหนักข่มขู่
“แยกกันตรงนี้ แล้วมึงจำไว้ให้แม่นว่ากูไม่เคยข่มขืนผู้หญิงที่มึงมาจ้างวานให้ข่มขืน และกูไม่มีวันที่จะข่มขืนคนดีๆอย่างเขา จำไว้อีกว่า ถ้ามึงแตะต้องเขาอีก มึงจะถูกกูแร่เนื้อเอาเกลือทาโยนให้อีกากิน ส่วนที่มึงสารภาพมาว่าเคยข่มขืนอีสนนั่นมึง วันใดที่มึงโดนจับ วันนั้นมึงบอกตำรวจได้เลยว่าอีสนคือคนจ้างมึง มาข่มขืนเนียน แต่มันโดนซะเอง อีสนจ้างมึงฆ่าคนของท่านขุน อีสนจ้างมึงฆ่าหมอเสน่ห์ อย่าได้มาใส่ร้ายผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด ใครถามหาไอ้หมอเสน่ห์มึงบอกไปเลยว่าไม่เคยเห็น”
พูดจบหนักถีบหัวเหิมล้มลง แล้วหันกลับเดินออกไป
รุ่งเช้า ขณะที่เนียนหอบดอกไม้มากำใหญ่จากในสวนหลังบ้าน และกำลังจะขึ้นเรือนเพื่อเอาไปปักแจกัน สนวิ่งมาหา
“เนียน”
“อุ๊ย...คุณสน”
เนียนตกใจจะถอยเดินหนี
สนจ้องหน้าพูดทีเล่นทีจริง
“จะหนีไปตายรึ”
“คุณสนมีอะไรกับชั้นรึ”
“ก็แค่อยากขอบใจที่ช่วยปดพี่ขุน เรื่องข้าชวนไปทำบุญ”
“ชั้นไม่ชอบพูดหรือทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อนค่ะ”
“ถามจริงๆ เนียนคิดว่าพี่ขุนจะกล้าโบยข้าจริงๆ ไหม”
“ไม่กล้าคิดดอกค่ะ ว่าพี่ขุนจะคิดเช่นใด”
“แล้วเนียนคิดว่า พี่ขุนจะกล้าโบยเนียนไหม ถ้าเนียนมีชู้”
“คุณสน...ดอะไรอย่างนั้นคะ”
“พูดทีเล่นทีจริงไงละ ระวังตัวให้ดีด้วยเถิดเนียน ภัยมืดแอบอยู่รอบตัวเราทั้งนั้น”
พูดเท่านั้นสนก็เดินจากไป เนียนใจคอไม่ดี สนพูดจาให้น่ากลัว
ในราวป่าใกล้เปลี่ยว ใกล้กับท่าน้ำแห่งหนึ่ง เหิมย่องมองซ้ายขวา กำลังยื่นมือมาที่เรือเล็กที่ผูกไว้ข้างตลิ่งมีกิ่งไม้ทับเอาไว้ ตำรวจจำนวนหนึ่งก็กรูกันมาด้านหลังเหิม
“ไอ้เหิม ยกมือขึ้นเอ็งถูกจับแล้ว”
เหิมอึ้งค้าง แต่ก็ทำใจสู้ไม่คิดว่าตำรวจจริง
“ใครเหวยมาเล่นตลกกับไอ้เหิม”
“ตำรวจ” ตำรวจตะโกนบอก
“ตำรวจ” เหิมนึกไม่ถึง ก่อนจะหันมามอง
“อย่าขยับเยื้อน วางอาวุธ”
ตำรวจกรูมาจับอย่างรวดเร็ว เหิมไม่อาจดิ้นรนขัดขืนใดๆ ได้ เพราะเจ็บไม่มีเรี่ยวแรง ตำรวจช่วยจับเหิมมัดมือไพล่หลัง
ส่วนหญิงใจบาป สนนั่งคิดจะทำร้ายเนียนต่อไปยังไง
“ทำร้ายมันทีไร มันได้หน้ากลับไปห้าศอกทุกที”
เสียงช้อยตื่นเต้น วิ่งดังตึงตังเข้ามา
“คุณสนเจ้าขา หายนะมาเยือนแล้วเจ้าค่ะ”
“อีช้อยพูดจาหาเหามาใส่หัวกูทำไม”
ช้อยละล่ำละลัก “ไอ้เหิมโดนจับได้แล้วเจ้าค่ะ”
“หา”
สนตะลึง ทำท่าจะลมใส่ ช้อยปราดมาประคอง
ขณะที่ทั้งหมดกำลังนั่งร้อยมาลัย ประดิดประดอย
ทองจันทร์นั่งมองอยู่ “เนียนนั่งประดิษฐ์ลายใหม่รึ”
เนียนเขิน “ค่ะ เนียนเอ้อ ทดลองทำน่ะค่ะ เนียนขอโทษที่ไม่ได้ขออนุญาตคุณท่านก่อน”
“วุ๊ย ขอทกขอโทษอะไรกัน สวยดีออก”
“ดีจริงๆ ด้วยเนียน สอนแมวกับกบทำบ้างสิ” เรียมว่า
“แค่ร้อยมาลัยไปซื่อๆ ตรงๆ มันยังร้อยซะอย่างกับบ่วงผูกคอตาย”
“แหมคุณท่านเจ้าขาก้อ” กบโอดครวญ
“เอ็งมันมือห่างตีนห่าง ปากก็ห่าง”
แมววิ่งหน้าตั้งกระหืดกระหอบมานั่งแผละ หอบแฮ่กๆ ลิ้นห้อย
“นางม้าดีดกะโหลก ทะเร่อทะร่ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่มีมารยาท”
“ข่าวด่วนเจ้าค่ะ ข่าวด่วน ไอ้เหิมโดนท่านขุนจับตัวได้แล้วเจ้าค่ะ” แมวรายงาน
เนียนทำมาลัยหล่นจากมือ
ทองจันทร์ตบเข่าฉาด “ว่าแล้วมันจะพลาดมือพ่อเทพไปได้อย่างไรกัน”
“ไปเอาข่าวมาจากไหนแมว หรือว่าแค่ฟังเขาเล่ามา” เรียมถาม
“ก้อฟังไอ้แทนมันเล่ามาเจ้าค่ะ” แมวบอก
“ไปตามไอ้แทนมา” ทองจันทร์สั่ง
“มันไปแล้วเจ้าค่ะ มันจะออกไปดูหน้าไอ้เหิมเจ้าค่ะ” แมวบอกอีก
“กบก็อยากดูเจ้าค่ะ”
“เป็นสาวเป็นนางอยากไปดูหน้าผู้ชาย อยากได้มันเป็นผัวเร๊อะ” ทองจันทร์เหน็บ
กบยิ้มแห้งๆ เอกเดินดุ่มเข้ามา
“ท่านขุนให้มาเชิญ คุณเนียนไปชี้ตัวไอ้เหิมขอรับ”
เนียนมองหน้าเรียมกับทอง สองคนพยักหน้า
“เนียนขอตัวก่อนค่ะ คุณแม่ คุณเรียม”
เนียนถอยตามเอกออกไป
สองคนเดินลงบันไดมา ช้อยอยู่ใต้เรือนตาเหลือก
“กรรมของคุณสนแท้ๆ แล้ว”
ช้อยหันกลับวิ่งหกล้มหกลุก ไปชนเอาเนียนที่เดินลงบันไดมา
“ช้อย”
“มาแอบฟังอะไรน่ะ” เอกดักคอ
“เปล่า มาขุดหาไส้เดือน คุณสนอยากตกปลา”
แล้วช้อยก็วิ่งหนีไปทันที เอกส่ายหน้าตะโกนไล่หลัง
“ระวังจะตกไปเจอเอากรรมเก่าเข้านะ เชิญขอรับ คุณเนียน”
เอกพาเนียนนั่งเรือไปโรงพัก
“พี่เอกไม่ต้องเรียกคุณเนียนดอกจ้ะ เนียนอึดอัดจ้ะ”
“คุณเนียนอึดอัดแต่ กระผมตายแน่ ท่านขุนคุณท่าน คุณนายเรียมท่านสั่งเอาไว้นะขอรับ”
“ลับหลังพวกท่านกับคนอื่น เราก็พูดจากันเหมือนเดิม พ่อเราเป็นเพื่อนกันมาแท้ๆ”
“ขอบใจมากเนียน ที่ไม่เคยยกตนข่มคนอื่น ทั้งที่มีโอกาส ความดีของเนียนที่มีต่อผู้อื่นจะมีผลดีในภายหลัง”
“เนียนไม่หวังสิ่งใดดอกจ้ะ พี่เอก นอกจาก หวังให้ทุกคนที่เนียนรัก ห่วงใย คนที่เนียนเคารพ มีความสุข”
“ยังจะมีใคร้นอกจากท่านขุน คุณท่าน คุณนายเรียม
สีหน้าเนียน เศร้าหมองลงไปทันทีกลั้นน้ำตาเอาไว้ นึกถึงภาพหนักกอดตนตอนที่มาช่วยให้พ้นจากเหิม เนียนบอกอย่าฆ่าใคร เพื่อพ่อ เพื่อน้อง หรือเพื่อแดงน้อย
จากนั้นภาพแดงน้อยที่ได่เจอครั้งสุดท้ายที่เนียนแอบไปพบหลังงานศพพ่อ ผุดขึ้นมาอีก
เนียนดึงตัวเองกลับมา ถอนสะอื้น นิดหนึ่ง เอกมองหน้าเนียนแบบสงสัยว่าเนียนมีอะไรในใจแน่ๆ
“เนียนเศร้าเหมือนกำลังคิดว่าเนียนมีใครที่ต้องรักห่วงใยมากกว่าท่านทั้งสาม”
เนียนกลืนน้ำตาเข้าภายในดวงตา เมินหน้าหนี หันหลังส่ายหน้าให้เอก
สองนายบ่าวมายืนอยู่ที่ท่าน้ำ มองตามเรือของเนียนที่กำลังแล่นออกไปจากท่า
“มันไปแล้ว มันไปชี้ตัวไอ้เหิม ไอ้เหิมมันต้องสารภาพจนสิ้นไส้หมดพุง” ช้อยตื่นเต้น
“มันต้องไม่มีโอกาสได้สารภาพ”
“จะทำเช่นใดเจ้าคะ คุณสนที่จะให้มันไม่สารภาพ ในเมืองสุพรรณบุรี มีโจรคนใด ที่เจอท่านขุนแล้วมันไม่ขวัญหนีดีฝ่อ จนต้องเอ่ยปากสารภาพจนหมดเปลือก”
“ข้าก็จะไปโรงพักด้วย”
“คุณสน”
สนมีสีหน้าดุดันจริงจังมาก
เหิมโดนควบคุมตัว มีตำรวจหนาแน่น ขุนภักดีจ้องหน้าเหิมเขม็ง เหิมไม่หาญกล้าสบตาดุดันคู่นั้น ก้มหน้าหลบตา
“อย่าหลบตาข้า เวลาทำชั่วเหตุใดเอ็ง จึงใจบาปหยาบช้านักสบตาข้า แล้วพูดความจริงห้ามมดเท็จด้วยการตอบคำถามข้าทีละคำถามหันมามองหน้าข้าเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ”
เหิมหันมามองท่านขุน สายตาหวาดหวั่นเนื้อตัวสั่น
“เอ็งฆ่าไอ้หวานคนสวนของข้ารึ ตอบมา”
เหิมไม่ตอบ
“ตอบหรือไม่ตอบ ข้าก็ต้องหาพยานหลักฐานมัดเอ็งจนพาไปสู่หลักประหารจนได้ แต่ถ้าเอ็งฆ่ามันแล้วสารภาพ โทษเอ็งจะลดลง สบตาข้าแล้วพูดความจริงออกมา กฎหมายประเทศนี้มีความยุติธรรม พอพูดออกมา” ตอนท้ายขุนภักดีตวาดลั่น
“กระผม ฆ่า ไอ้หวานขอรับ”
จังหวะนั้นเอกพาเนียนเข้ามา เนียนมองเหิมแล้วเมินหน้าหนี ขณะที่เหิมมองเนียนก้มลงกราบที่พื้น
ทุกคนแปลกใจไม่น้อยที่เหิมก้มลงกราบเนียน
“ทุกคนออกไปให้หมด ให้เหลือเพียงชั้น กับคุณเนียน”
“ท่านขุนขอรับ” เอกเป็นห่วง
“บอกให้ออกไป”
ทุกคนจึงถอยออกไป
ทุกคนกำลังจับกลุ่มกันอยู่หน้าโรงพัก
“มันรับสารภาพหรือยัง พี่เอก” แทนถาม
“รับสารภาพแล้ว”
“อุเหม่...ว่าแล้วทีเดียวเชียว เอ๊ะ ทำไมท่านขุนให้ทุกคนออกมา”
“เอ็งกล้าดีก็ทะเร่อทะร่าเข้าไปถามท่านเอาเองสิ ข้าว่านะ ไอ้คนที่มันน่าจะฆ่าก็ปลาหมอที่ชื่อไอ้แทนนี่แหละ หุบปาก” เอกด่า
สนกับช้อยปราดมาพอดี
“คุณสน นางช้อย” แทนชะงัก
“มันอยู่ไหน” สนแหลมขึ้น
“มันที่กินได้รึ คุณสน” เอกยั่ว
“ไอ้เอก อย่ายั่วโมโห ข้าจะไปดูหน้าไอ้โจรใจทรามที่มันปล้ำเนียน”
เสียงทุกคนฮือฮาไปทั่ว เอกตกใจมาก
“มันไม่ได้พูดว่ามันทำเช่นนั้น แต่มันกำลังจะสารภาพว่าใครสั่งให้ฆ่าไอ้หวานตะหาก”
ช้อยร้องลั่น “ว๊าย คุณสนเจ้าขา รีบไปดูหน้ามันไวๆ เจ้าค่ะ”
สนเองก็ตกใจ รีบตามช้อยไปทันที เอกปราดมาขวาง
“ท่านขุน ไม่ให้ใครเข้าไปขอรับ คุณสน”
“ไอ้เอกอย่าบังอาจ เอ็งเป็นแค่คนติดตามพี่ขุน แต่ข้าคือคุณนายของท่านขุน ใครกล้าดีมาขวาง”
“ก็เท่ากับลวนลามกันชัดๆ เอาสิเอาสิ”
ช้อยว่าพลางทำท่าแอ่นอกใส่ เอกจำถอย ตำรวจก็ไม่กล้า
“นางช้อย อย่ามัวสะดิ้ง รีบไปขวางก่อนที่มันประจานเราป่นปี้”
สนกระซิบด่าแล้วกระชากช้อยวิ่งไป
“ทำไมจึงร้อนรนราวกับตุ๊กแกกินปูนไปได้”
ขุนภักดีสอบสวนความต่อ
“เอ็งไม่ต้องมากราบไหว้คุณเนียน”
“เพราะคุณเนียนขอชีวิตกระผมจากคนที่มาช่วยคุณเนียน กระผมสำนึกผิดเป็นที่สุดขอรับ”
ขุนภักดีหันมามองหน้าเนียนเป็นเชิงถามถาม
“พี่ไม่เข้าใจ”
“เพราะบ้านที่ไฟไหม้ มีผู้ชายติดอยู่ เนียนและเขาก็บังเอิญผ่านมาพบไฟไหม้ ตั้งใจจะช่วยคนในบ้านอยู่แล้ว เนียนเห็นว่าชีวิตของคนในนั้นสำคัญกว่าการฆ่านายเหิมค่ะ”
ขุนภักดียิ้ม ภูมิใจในตัวเนียน
“เนียน”
จู่ๆ สนกับ ช้อยพากันเข้ามา สนรีบด่าเหิมกลบเกลื่อน
“เอ็ง ไอ้คนถ่อย เอ็งทำร้ายคุณนายเนียน เอ็งไอ้คนชั่วคนเลว”
“สนพรวดพราดมาทำไม ออกไปซะ พี่กำลังจะเค้นความจริงจากไอ้เหิมออกไปกลับบ้านซะ”
“สนลืมตัวค่ะ คุณพี่ สนโกรธแค้นแทนเนียน จนต้องออกมาดูหน้า มาด่ามัน”
เหิมมองหน้าสน แค้นมาก เริ่มพูด
“ท่านขุนขอรับ กระผมเต็มใจและยินยอมสารภาพความจริง ทุกสิ่งอย่าง ที่ท่านขุนได้รับทราบมาก่อน ว่าใครจ้างฆ่าไอ้หวาน ใคร...จ้าง…” เหิมเน้นคำตอนท้าย
สนกับช้อยสะดุ้งโหยงใจหายวาบมองหน้ากัน
“ตายแน่ๆ”
“เอ้อ ไม่จริง เอ็งกำลังปดท่านขุน” สนเถียง
“จริงขอรับ คุณนาย มันคือความชั่วของตัวกระผม กับความชั่วของคนที่จ้างกระผม ถ้าไม่มีใครจ้างผม ตำรวจที่จับกระผมจะพบเงินค่าจ้างตั้งหลายชั่งในตัวกระผมรึ”
ขุนภักดีนิ่งฟัง เหิมมองท้าทายสน
“มันกำลังจะใส่ร้ายเนียน ว่าจ้างมันค่ะพี่ขุน” สนชิงพูด
“เหลวไหล”
“ใช่ขอรับ เหลวไหลแท้ๆ คุณเนียนไม่เคยรู้จักกระผม ไม่เคยพบกันมาก่อน”
“สารภาพมาให้หมด” ขุยภักดีบอก
“เงินนั่นคือค่าจ้างฆ่าไอ้หวานกับไอ้หมอเสน่ห์ แต่โชคดีที่มีคนมาช่วย มันให้รอดพันจากโดนไฟคลอกตาย”
สนกับช้อยตะลึง ร้องประสานเสียง
“หมอเสน่ห์รอดตาย”
“ทีนี้บอกมาว่าใครจ้างเอ็ง”
สนช้อยเอามือทาบอก เหิมแสยะยิ้ม ค่อยยกสองมือที่โดนผูกขึ้นทำท่าจะชี้มาที่สน
สนดักคอ “ว๊าย มันชี้เนียนค่ะพี่ขุน”
“ก็มันเพิ่งบอกว่าไม่เคยเจอเนียนมาก่อน”
สนช้อยมองหน้ากัน
เหิมเอ่ยขึ้น “ท่านขุน ขอรับ เพื่อให้คำพูดกระผมมั่นคงไม่ใช่โป้ปดมดเท็จ ผมขอสาบานต่อหน้าองค์พระ”
สนกะช้อยมองหน้ากันเริ่มใจชื้น
“ดี ให้มันสาบานค่ะ พี่ขุน เนียนเห็นด้วยใช่ไหม”
สนมองเนียนขอร้อง
“ค่ะ”
“เพื่อความสบายใจของทุกคน ข้าโอนอ่อนให้เอ็งทำพิธีสาบานว่าจะพูดแต่ความจริง”
สนกับช้อยถอนใจเฮือกๆ เบาๆ แต่เหิมจ้องหน้าทั้งสองเขม็ง แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง อาฆาต และพยาบาท อย่างเห็นได้ชัด
ไม่นานต่อมา สถานที่สาบานของเหิมจัดเตรียมเรียบร้อย ตรงมุมหนึ่งหน้าโรงพัก เหิมนั่งอยู่ตรงหน้าองค์พระพุทธรูป มีตำรวจคุมเชิงโดยรอบๆ เหิมพึมพำเบาๆ
“กูจะพูดความจริงให้ครบถ้วน อีสน อีช้อย มึงหลอกกู มึงส่งไอ้หนักผัวเจ็ดวันของมึงมาเล่นงานกู มึงแจ้งตำรวจมาจับกู มึงหักหลังกู กูจะประจานมึงสองคน โดยเฉพาะอีสน มึงเคยโดนกูข่มขืนมาแล้วพ่อมึงจับใส่ตะกร้าร่อนน้ำมาตบตาท่านขุน”
เหิมรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา กระหายน้ำจนเหงื่อไหลไคลย้อยไปหมด
ผู้คนจับกลุ่มมองมาที่เหิมซุบซิบกันไปมา
สนกับช้อยแอบมองจดสายตาจับจ้องที่เหิม สองนายบ่าวแต่งตัวกลมกลืนทำตัวเป็นชาวบ้าน เอาผ้าขาวม้าคลุมหน้าไว้เห็นแต่ดวงตาแอบมองห่างออกมา
“ตอนนี้แหละนางช้อย รีบไป อย่าให้มีพิรุธทีเดียว” สนสั่ง
“เจ้าค่ะ คุณสน รับรองว่าครานี้ ไอ้เหิมประจานใครไม่ได้อีกต่อไป”
ช้อยขยับผ้าขาวม้ามาคลุมปิดไว้ครึ่งหน้า
ช้อยเดินนวยนาดถือกระบอกน้ำ ตรงไปยังตำรวจคนหนึ่งที่อยู่ใกล้เหิมที่สุด
“พี่ชาย จ๋า...”
“มีอะไรรึ”
ช้อยใช้ชื่อเนียนมาอ้าง “คุณนายเนียนท่านมีเมตตา ท่านเวทนาไอ้เหิม เอาน้ำตาลสดมาให้มันดื่มให้ชื่นใจก่อนทำพิธีสาบาน”
ตำรวจแปลกใจ “ท่านขุนอนุญาตแล้วรึ”
“ก็ลองไปเอ่ยปากถามดูเองรึ ถ้าไม่กลัวโดนตำหนิ ว่าขวางความเมตตาคุณนายของท่าน” ช้อยพูดขึงขังน่าเชื่อถือสมบทบาท
ตำรวจพยักหน้า รับกระบอกน้ำตาลสดมาจากช้อย
“ส่งมา”
“คุณเนียนให้บอกว่าท่านฝากมา มันจะได้ระลึกพระคุณท่านก่อนตาย”
ตำรวจงง “ตายรึ”
“ไฮ้ ไม่ใช่ ชั้นหมายถึงตายในคุก”
ว่าแล้วช้อยก็วิ่งตื๊อกลับไปที่สนแอบอยู่ สองบ่าวนายยืนลับๆ ล่อๆ ใช้ผ้าขาวม้าคลุมหน้าเช่นเดิม
โปรดติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 4