บ่วงบาป ตอนที่ 3
เช้าวันใหม่ รำพึงและพระยาเทวราชกำลังรอถวายเพลพระบนศาลาภายในวัด จวงกำลังจัดสำรับอยู่ ระหว่างนั้นเห็นคุณหญิงมณีเดินขึ้นมาบนศาลา มีแจ่มถือของถวายพระตามมาด้วย
คุณหญิงมณียกมือไหว้ท่านเจ้าคุณ
“ท่านพระยา”
รำพึงยิ้มไหว้คุณหญิงมณี
“สวัสดีค่ะคุณหญิง”
“บังเอิญจริงๆนะครับที่มาเจอคุณหญิงที่นี่” พระยาเทวราชว่า
“ดิฉันก็มาถวายเพลทุกวันพระล่ะค่ะ ยังเคยคุยกับหนูรำพึงว่าจะมาถวายด้วยกันสักครั้ง”
พระยาเทวราชมองรำพึงที่ยิ้มเนียนทำซื่อมาก พระยาเทวราชคิดว่า รำพึงจะใช้วัดเป็นสถานที่มาพบกับขุนพิทักษ์จึงหลอกถามคุณหญิงมณี
“แล้วนี่ขุนพิทักษ์ไม่ได้มาด้วยเหรอ”
“พ่อพิทักษ์ยุ่งกับงานศพหลายวัน ดิฉันก็เลยปล่อยให้พักน่ะค่ะ หนูรำพึงน่ารักนะเจ้าคะ รู้จักเข้าวัดเข้าวา น่าปลื้มใจแทน”
พระยาเทวราชมองรำพึงอย่างสงสัยหนักว่า รำพึงกำลังจะทำอะไร
ในเวลาต่อมา พระยาเทวราชกับคุณหญิงมณีเดินลงมาจากศาลาด้วยกัน มีรำพึง แจ่ม จวงเดินตามมา
“ภัตตาหารที่คุณหญิงป้านำมาถวายวันนี้ รสชาติดีมากเลยนะคะ ฝีมือรำพึงเทียบไม่ติดเลย”
“หนูรำพึงก็พูดเกินไป”
“กระผมเองก็ยังไม่เห็นว่าใครจะทำอาหารได้รสเลิศไปกว่าคุณหญิง”
“คุณพ่อคะ งานเลี้ยงต้อนรับท่านเจ้ากรมคนใหม่ ถ้าได้คุณหญิงมาเป็นแม่งานเรื่อง อาหารคงจะดีไม่น้อยนะเจ้าคะ”
“ป้าก็แก่มากแล้ว ถึงจะยินดีช่วยงานบ้านเมือง แต่สังขารจะพารับผิดชอบงานใหญ่ขนาดนั้นไม่ไหวน่ะสิ”
“รำพึงเองก็ความรู้ยังน้อย จะอาสาช่วยงานคุณป้า ก็กลัวจะพาลเป็นตัวถ่วงซะเปล่าๆ”
คุณหญิงมณีคิดแล้วบอกพระยาเทวราช
“เอาอย่างนี้ ดิฉันรับเป็นแม่งานก็ได้ค่ะ แต่ขอรำพึงมาช่วยอีกแรงนะคะ ท่านพระยา”
พระยาเทวราชชะงักไป เพราะรู้ตัวว่าเสียรู้รำพึงซะแล้ว รำพึงยิ้มอย่างผู้มีชัย พระยาเทวราชต้องฝืนยิ้มรับคำคุณหญิงมณี
บริเวณศาลาในสวนบ้านพระยาเทวราชจวงพูดขึ้น
“ในที่สุด คุณรำพึงก็หาทางเจอกับท่านขุนพิทักษ์ได้แล้ว”
“โดยที่ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป”
“ทูนหัวของบ่าว ฉลาดที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
รำพึงยิ้มพอใจ
บนเรือน พระยาเทวราชนั่งสนทนากับขุนไวพิชิตพล
“คุณรำพึงอาสาช่วยงานคุณหญิงมณีจัดงานต้อนรับเจ้ากรมคนใหม่หรือขอรับ”
“จะว่าอาสาก็ไม่ใช่ คุณหญิงท่านออกปากขอไปช่วยเองต่างหาก”
พระยาเทวราชมีท่าทีคิดมากจนขุนไวสังเกตเห็น
“ท่านเจ้าคุณกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่เหรอขอรับ”
“ที่ฉันเรียกท่านขุนมาพบเพราะมีเรื่องจะแจ้ง เกี่ยวกับตำแหน่งงานผู้ช่วยเจ้ากรมคนใหม่ ตอนนี้มีคนที่มีคุณสมบัติพออยู่สองคน หนึ่งในนั้นคือท่านขุนเองนั่นแหละ”
ขุนไว ยิ้ม
“แล้วอีกคนล่ะครับ”
พระยาเทวราชมีท่าทีคิดหนัก
ขุนไวพิชิตพลเดินลงมาจากบ้านพระยาเทวราช เห็นรำพึงนั่งยิ้มอย่างมีความสุขที่ศาลา ขุนไว เดินเข้าไป พอรำพึงเห็นก็หน้าบึ้งทันที
“ถ้าคนที่เดินมาเป็นไอ้พิทักษ์ น้องรำพึงคงไม่หุบยิ้มแบบนี้สินะ”
“น้องก็แค่ตกใจที่คุณพี่โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงต่างหากล่ะคะ”
“หวังว่าเรื่องที่น้องรำพึงอาสาช่วยงานคุณหญิงมณี คงไม่ใช่แผนที่น้องวางไว้เพื่อจะได้ใกล้ชิดไอ้พิทักษ์นะ”
รำพึงทำงอนบอก
“นี่เหรอคะที่บอกว่ารักน้องนักรักน้องหนา กลับมาพูดจาหมิ่นเกียรติกันขนาดนี้”
รำพึงเดินไปด้วยความโกรธ ขุนไว ขวางไว้ น้ำเสียงและท่าทีอ่อนลง
“แต่น้องทำให้พี่คิดมาก น้องไปช่วยงานคุณหญิงมณีก็เท่ากับน้องต้องเข้าไปในบ้านของไอ้พิทักษ์ จะให้พี่วางใจได้อย่างไร”
รำพึงน้ำเสียงน้อยใจบอก
“น้องทำก็เพราะอยากช่วยงานบ้านเมือง อีกอย่างคุณหญิงท่านออกปากเองด้วยซ้ำ”
ขุนไว รู้สึกผิด
“พี่ขอโทษ พี่รักน้องมากเหลือเกิน จนความหึงความหวงมันล้นหัวใจพี่”
ขุนไว จับมือรำพึงขึ้นมา
“อีกไม่นาน พี่ก็จะได้เป็นผู้ช่วยท่านเจ้ากรม มียศ มีศักดิ์เหนือไอ้ขุนพิทักษ์นั่น น้องจะได้ไม่ต้องชายตามองมันอีก”
รำพึงเหวอ
“คุณพี่ได้รับแต่งตั้งแล้วหรือคะ”
“ยัง แต่มีเพียงพี่กับไอ้พิทักษ์ที่มีศักดิ์พอที่จะเป็น แล้วน้องคิดว่าผู้ใหญ่จะเลือกใครระหว่างพี่กับมัน ถึงตอนนั้นพี่จะมาสู่ขอน้องกับท่านพระยา”
ขุนไว จุมพิตไปที่มือของรำพึงแล้วจากไป รำพึงมองเหยียด
“คุณพี่พิทักษ์ไม่มีทางยอมแพ้แกหรอก”
ส่วนบนเรือน คุณหญิงมณีคุยอยู่กับขุนพิทักษ์ที่นอนเอกเขนกอยู่บนตั่ง
“ไม่เอาขอรับ! ทุกวันนี้ลูกก็สุขสบายดีอยู่แล้ว เงินเราก็มีเยอะแยะ จะต้องไปหาเรื่องใส่ตัวทำไม”
คุณหญิงมณีบอก
“ตระกูลของเรารับใช้แผ่นดินมาแต่ไหนแต่ไร ที่เราอยู่อย่างมีเกียรติจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะแผ่นดินนี้มอบเกียรตินั้นให้แก่เรานะลูก”
“ก็เพราะไอ้เกียรตินี่ไม่ใช่รึครับ คุณพ่อถึงได้ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องมาตาย”
คุณหญิงมณีอึ้งจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ถ้าลูกคิดได้ ลูกคงรู้ว่าพ่อของลูกทำเพื่อใคร คนเราทำผิดแล้วก็ควรแก้ไขนะลูก”
“บางทีการแก้ไขที่ดีที่สุดคือการไม่หาเรื่องใส่ตัวนะขอรับ”
ขุนพิทักษ์แกล้งหลับไม่สนใจ คุณหญิงมณีเหนื่อยใจกับลูกชายคนนี้
สีหน้าของขุนพิทักษ์เต็มไปด้วยความขัดแย้งในใจ ที่มุมหนึ่ง ชุ่มได้ยินทุกอย่างก็รู้สึกสงสารคุณหญิง
ในเวลากลางคืน ภายในห้องทำงาน พระยาเทวราชนั่งตรวจหนังสือราชการอยู่ รำพึงเดินถือกาน้ำร้อนและถ้วยใส่ชาเข้ามาวาง
“ชาฝรั่งเจ้าค่ะคุณพ่อ”
“ทำไมไม่ใช้ชาจีนอย่างทุกครั้ง”
รำพึงตักใบชาใส่ถ้วยแล้วเทน้ำร้อน และพูดไปด้วย
“ลูกคิดว่าถ้ามีชาให้เลือกถึงสองรสชาติ ถ้าไม่ลองทั้งสองแบบ เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะคะว่า ชาจีนกับชาฝรั่งอย่างไหนดีกว่ากัน”
พระยาเทวราชมองรำพึงอย่างรู้ทัน
รำพึงชงชาเสร็จยกให้พระยาเทวราช พระยาเทวราชรับไว้แล้ววาง ไม่คิดจะกิน
“ถึงอย่างไร พ่อก็ชอบชาจีนมากกว่า ดีไม่ดีอย่างไรเราก็คุ้นกับรสชาติ ชาฝรั่งน่ะ สวยแต่รูปจูบไม่หอม ไปชงชาจีนมาให้พ่อ”
รำพึงมีท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“ถ้าแค่เรื่องชาคงไม่มีใครว่าคุณพ่อได้ที่เลือกชาจากความพอใจส่วนตัว แต่หากเป็นเรื่องเลือกคน”
พระยาเทวราชสวนทันที
“ถ้าคนที่ลูกพูดถึงคือขุนพิทักษ์กับขุนไวล่ะก็ คงไม่มีใครกังขาหรอกถ้าพ่อจะเลือกขุนไว”
รำพึงอึ้ง
“คุณพ่อคะ”
พระยาเทวราชขัดเสียงแข็ง
“นี่มันเรื่องการบ้านการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงอย่างลูกจะเข้ามายุ่ง”
“ลูกก็หวังว่านี่จะเป็นแค่การบ้านการเมือง ไม่เกี่ยวกับการเลือกคู่ครองให้ลูกนะเจ้าคะ”
รำพึงเดินออกไปอย่างหัวเสีย พระยาเทวราชมองอย่างกลุ้มใจ
เวลากลางคืน ขุนพิทักษ์นอนคิดถึงเรื่องที่คุยกับแม่อยู่ที่ท่าน้ำในบ้าน
“ก็เพราะไอ้เกียรตินี่ไม่ใช่รึครับ คุณพ่อถึงได้ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องมาตาย”
คุณหญิงมณีอึ้งจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ถ้าลูกคิดได้ ลูกคงรู้ว่าพ่อของลูกทำเพื่อใคร”
ขุนพิทักษ์พลิกตัวอย่างหงุดหงิดเพราะว่าคำพูดคุณหญิงมณียังดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา แล้วก็เห็นชุ่มกำลังถือตะกร้าตรงไปที่ท่าน้ำ ขุนพิทักษ์มองอย่างสนใจ
ในเวลากลางคืน ที่นอกเมือง ชุ่มเดินเข้ามาในกระท่อม นายอยู่นอนซม มีนางเย็นคอยเช็ดตัวดูแล
“แม่จ๋า”
“นังชุ่ม เอ็งมาได้ยังไง แล้วเอ็งเรียนขออนุญาตคุณหญิงหรือเปล่า”
ชุ่มส่ายหน้า
“ฉันคิดถึงพ่อกับแม่ก็เลยแอบออกมา แล้วจะรีบกลับก่อนรุ่งจ๊ะ พ่อเป็นอะไรจ๊ะแม่”
“เป็นไข้มาหลายวันแล้ว พ่อเอ็งทำงานไม่หยุดเลย คงอยากจะเก็บเงินไปไถ่ตัวเอ็งกับไอ้สมออกมา”
ชุ่มกอดนายอยู่ด้วยความเป็นห่วง
“โธ่...พ่อ”
ขุนพิทักษ์ยืนมองอยู่จากด้านนอกเห็นทุกอย่าง
ในเวลาต่อมา ชุ่มเดินออกมา นางเย็นตามออกมาส่ง
“ระวังตัวนะลูก”
ชุ่มกอดนางเย็น
“ฉันรักแม่นะ”
นางเย็นกอดชุ่มตอบ
“แม่ก็รักเอ็ง”
“ฉันไปล่ะ”
นางเย็นกลับเข้าไป ชุ่มรีบเดินออกมา ขุนพิทักษ์เข้ามาจับชุ่มไว้ ชุ่มตกใจสะบัด
“เฮ้ย!”
ขุนพิทักษ์รวบตัวชุ่มมาปิดปาก
“ข้าเอง !”
ชุ่มตกใจ
“ท่านขุน ท่านมาที่นี่ได้ยังไง”
“ก็ข้าเห็นเอ็งทำลับ ๆ ล่อ ๆ ออกมากลางดึก ก็เลยตามมารอดูว่าเอ็งจะก่อเรื่องอะไรอีก”
“รอจนฟ้าจะสางเลยนี่นะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์กลัวจะโดนจับได้ว่าห่วงเลยบอกว่า
“ข้าจะกลับตั้งนานแล้ว แต่นึกได้ว่าแถวนี้มันผีดุ”
ชุ่มชะงัก หน้าเสีย
“ผี”
“เออสิ หัวโกร๋นกันไปหลายคนแล้ว ข้าก็เลยรอให้เอ็งเดินเป็นเพื่อนข้ากลับเรือน”
ชุ่มเซ็ง
“ข้านึกว่าท่านขุนรอเพราะมีน้ำใจห่วงข้าซะอีก”
ขุนพิทักษ์ยิ้ม
“แล้วจะต่อล้อต่อเถียงข้าอีกนานไหม ข้าง่วงเต็มทีแล้ว ไป”
ขุนพิทักษ์จะเดินนำ ชุ่มยังมองอย่างละล้าละลัง
“ข้าง่วง!”
ขุนพิทักษ์ไม่รอคำตอบ คว้ามือชุ่มให้เดินตามไปทันที ชุ่มเดินตามอย่างเขินๆ
ไม่นานนัก ขุนพิทักษ์ลากชุ่มเข้ามาที่หน้าเรือนทาส
“ถึงแล้ว...”
ชุ่มมองมือตัวเองที่โดนจับอย่างเขินๆ
“เจ้าค่ะ ท่านขุนก็...”
ขุนพิทักษ์มองตามเห็นมือตัวเองจับมือชุ่มอยู่ ก็รีบปล่อยมือและเปลี่ยนเรื่องพูด
“เอ็งรักพ่อกับแม่ดีนะ”
“เจ้าค่ะ อะไรที่ทำให้พ่อกับแม่สบายใจข้าจะทำสิ่งนั้น เห็นพ่อแม่มีความสุข ข้าก็สุขไปด้วย เหมือนท่านขุนที่ทำทุกอย่างเพื่อคุณหญิงไงเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ทำหน้างงว่า ตนเองทำอะไรเพื่อคุณหญิงมณี
“ก็พรุ่งนี้ท่านขุนต้องไปคัดเลือกที่กรมไม่ใช่เหรอเจ้าคะ”
“สู่รู้! เอ็งสอดรู้สอดเห็นเรื่องของข้างั้นรึ”
ชุ่มกลัวโดนดุ ทำหาวใส่
“ดึกแล้ว ข้าไปนอนก่อนนะเจ้าคะ”
ชุ่มยิ้มให้ขุนพิทักษ์ฯ
“คุณหญิงรักท่านขุนฯมากนะเจ้าคะ ทุกคนในบ้านคงดีใจถ้าท่านขุนฯ จะได้เป็นผู้ช่วยกรมสืบต่อจากท่านพระยา”
ชุ่มยิ้มแล้วจะไป แต่ขุนพิทักษ์คว้าแขนชุ่มไว้
“เดี๋ยว ทุกคนที่ว่ารวมถึงเจ้าด้วยหรือเปล่า”
ชุ่มเก้อเขิน ขุนพิทักษ์ดึงชุ่มเข้ามาใกล้ แล้วค่อย ๆยื่นหน้าเข้าไป
ชุ่มตัดสินใจชี้ไปทางอื่น “เฮ้ย !”
ขุนพิทักษ์หันขวับไป ชุ่มรีบดึงมือออกแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที
“นังชุ่ม!”
ขุนพิทักษ์ไม่ตาม ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มเอ็นดู และเดินกลับเรือนไป
สมเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง มองตามขุนพิทักษ์ไปอย่างไม่สบายใจ
ชุ่มกำลังจะล้มตัวนอน สมเดินเข้ามา ชุ่มตกใจหันมาเห็นเป็นสมก็โล่งใจ
“พี่สม! เข้ามาเงียบๆ ข้าตกใจหมด”
“คิดว่าเป็นท่านขุนหรือไง”
“พี่สม! พูดอะไรแบบนั้น”
“เอ็งไปไหนมาถึงกลับมากับท่านขุนตอนใกล้สางแบบนี้”
“ฉันไปหาพ่อกับแม่ ขากลับเจอกับท่านขุนพอดี ฉันสาบานได้”
สมมองอย่างไม่เชื่อ แล้วพูดอย่างหนักใจ
“เอ็งควรจะอยู่ห่างท่านขุนไว้ ท่านเป็นชายเอ็งเป็นหญิง ถ้าเอ็งยิ่งเข้าใกล้ท่านขุนเท่าไร เอ็งจะมีแต่เสียกับเสีย”
“ทำไมพี่สมพูดอย่างนี้”
“ข้ารู้ว่าเอ็งเข้าใจที่ข้าพูด ข้าขอเถอะนังชุ่ม ทาสอย่างเราก็อยู่ส่วนทาส อย่าได้ไปข้องเกี่ยวกับนาย ข้าไม่อยากเห็นใครมาทำร้ายเอ็งอีก”
ชุ่มนิ่งคิดตามที่พี่ชายพูด แต่เหมือนในใจยังสับสนอะไรบางอย่าง
ขุนพิทักษ์กำลังจะเดินไปที่ห้องตนเอง เสียงคุณหญิงมณีดังมาจากห้องพระ เขาหยุดฟัง
“คุณพี่คะ... คุณพี่คงอยากให้ลูกมีหน้าที่การงานที่ดีก่อนที่จะออกเรือน น้องพยายามแล้วแต่ลูกไม่ยอม น้องขอโทษนะคะที่ทำให้ความหวังของคุณพี่เป็นจริงไม่ได้”
คุณหญิงมณีปาดน้ำตา ขุนพิทักษ์หันกลับมา นึกถงคำพูดของชุ่ม
“คุณหญิงรักท่านขุนฯมากนะเจ้าคะ ทุกคนในบ้านคงดีใจถ้าท่านขุนฯจะได้เป็นผู้ช่วยกรมสืบต่อจากท่านพระยา”
ขุนพิทักษ์หันมองคุณหญิงมณีอีกครั้งอย่างคิดหนัก
ตอนสาย ขุนพิทักษ์แต่งตัวเต็มยศนั่งทานอาหารเช้าอยู่อย่างอารมณ์ดี คุณหญิงมณีกับแจ่มเดินขึ้นเรือนมาเห็น
“จะไปไหนแต่เช้าล่ะพ่อพิทักษ์”
“เช้าที่ไหนขอรับคุณแม่ นี่สายจนจะเที่ยงแล้ว”
“ปกติ แม่ไม่เคยเห็นลูกตื่นก่อนเที่ยงเลยนี่”
ขุนพิทักษ์ ยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินมาหาคุณหญิง
“ลูกว่าจะไปรับการคัดเลือกเป็นผู้ช่วยเจ้ากรมอย่างที่คุณแม่ต้องการไงขอรับ”
คุณหญิงมณีอึ้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วยิ้มอย่างปลื้มใจ
“จริงหรือลูก แม่ดีใจจริงๆ แต่นี่มันสายแล้วนะลูก เค้านัดไปรายงานตัวตอนเช้าไม่ใช่เหรอ”
ขุนพิทักษ์เหวอ
ขุนพิทักษ์วิ่งออกมาอย่างรีบร้อน ร้องโหวกเหวกสั่งไอ้สม
“ไอ้สม ไอ้สมโว้ย! เอาม้ามาให้ข้าเร็ว”
ที่หน้าเรือน เห็นชุ่มจูงม้ายืนรออยู่
“ม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
“เอ็งรู้ได้ยังไงว่าข้า...”
“ข้ารู้ว่าท่านขุนก็รักคุณหญิงท่านไม่น้อยเหมือนกัน”
ขุนพิทักษ์รับสายจูงม้ามา แล้วพูดอย่างเอ็นดู
“เอ็งนี่มันสู่รู้”
“เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์รีบควบม้าออกไป ชุ่มมองตามอย่างเป็นปลื้มที่ขุนพิทักษ์แล้วตัดสินใจ
คุณหญิงมณียืนอยู่บนเรือนมองมาที่ชุ่ม แจ่มเข้ามาหันมองคุณหญิงมณี
“น่าปลื้มใจนะเจ้าคะ ที่ท่านขุนยอมไปคัดเลือกตามที่คุณหญิงขอร้อง”
“อาจจะไม่ใช่ข้าที่ทำให้พ่อพิทักษ์เปลี่ยนใจ”
“แล้วใครล่ะเจ้าคะที่ทำให้ท่านขุนยอมเปลี่ยนได้”
คุณหญิงมณีมองที่ชุ่มอย่างเคร่งเครียด
ภายในห้องประชุมที่กรม ขุนไวพิชิตพลนั่งอยู่กับพระยาเทวราช และข้าราชการในกรมอีกสองคน
“ขุนพิทักษ์คงจะไม่มาแล้วล่ะมั้ง”
ขุนไว แอบยิ้มในชัยชนะของตัวเอง
ขุนพิทักษ์ควบม้าอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อรีบไปให้ทันเวลา
ด้านขุนพิทักษ์ไมตรีรีบวิ่งเข้าไปในตึกกรม ขณะนั้น พระยาเทวราช กับขุนไวพิชิตพลเดินออกมา ขุนพิทักษ์ วิ่งเข้าไปไหว้พระยาเทวราช
“กระผมมารายงานตัวครับ”
ขุนไว ยิ้มสมเพช
“ถ้ายังรักษาเวลาไว้ไม่ได้ จะรับผิดชอบการงานได้อย่างไร”
“เป็นความผิดของกระผมเองขอรับ แต่นั่นไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่ากระผมจะไม่มีความสามารถในการทำงานนะขอรับ”
“ให้โอกาสขุนพิทักษ์สักครั้งเถอะขอรับ” ขุนไว ว่า
“ไม่ต้องมาช่วยพูดแทนข้า สอพลอ!”
“ไอ้พิทักษ์!”
ทั้งสองคนจะเข้าใส่กัน แต่พระยาเทวราชห้ามไว้ซะก่อน
“ให้เกียรติที่นี่บ้างท่านขุน อย่ามาทำตัวเช่นนักเลงข้างถนนที่นี่”
ขุนไว พยายามคุมสติ
“ขอประทานโทษครับ กระผมแค่ต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า กระผมพร้อมในทุกด้านในการรับตำแหน่งผู้ช่วยกรมครั้งนี้ ไม่ใช่ได้ตำแหน่งมาเพราะคู่แข่งมารายงานตัวไม่ทันเวลา”
“ถ้าเช่นนั้น ไอ้ไว... ข้าขอท้าเอ็ง มาวัดกันซักตั้ง เดิมพันตำแหน่งนี้กัน ถ้าข้าแพ้ เอ็งเอาตำแหน่งไป แล้วข้าไปจากที่นี่ไม่กลับมาอีก เอ็งกล้าพอรึเปล่า”
ขุนไว อึ้งมองพระยาเทวราช พระยาเทวราชนิ่งไม่พูดอะไร
ขุนไว เข้าไปพูดใกล้ๆ
“ได้ เอ็งจะได้ไปให้พ้นหน้าข้าสักที น้องรำพึงจะได้เป็นของข้าโดยชอบธรรม ที่ไหน เมื่อไหร่ว่ามาเลย”
“เอาอย่างนี้ ในงานเลี้ยงต้อนรับเจ้ากรมคนใหม่ ฉันจะจัดงานประลองขึ้นระหว่างท่านทั้งสอง ใครชนะจะได้เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมคนใหม่”
“หากใครแพ้ จะต้องไปให้ไกลจากเมืองนี้และไม่กลับมาอีก! ขุนไว บอก
ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างเคียดแค้น สีหน้าเหมือนอดใจรอวันประลองแทบไม่ไหว
คุณหญิงมณีพารำพึงเดินดูบ่าวในเรือนทำงาน
“พ่อพิทักษ์เค้าออกไปรายงานตัวตั้งแต่สายๆแล้วล่ะจ้ะ ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ด้วยศักดิ์ของคุณพี่พิทักษ์ จะต้องได้รับตำแหน่งอย่างแน่นอน”
“ขอบใจนะจ๊ะ ได้หนูรำพึงมาช่วยป้าดูแลงานต้อนรับท่านเจ้ากรมคราวนี้ป้าคงเบาแรงขึ้นเยอะ”
“เรื่องการบ้านการเรือนคงต้องให้คุณป้าช่วยแนะนำหลานอีกเยอะค่ะ”
คุณหญิงมณียิ้มรับ
ชุ่มเดินถือผ้ามาแล้วถูพื้น จวงเห็นชุ่มจึงสะกิดรำพึงให้มอง แล้วทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างมีแผนร้าย
“บ่าวบ้านนี้ดูคล่องแคล่วดีนะคะ”
“ทำได้แค่งานเช็ดๆถูๆเท่านั้นแหละจ้ะ จะไปหวังพึ่งให้ทำงานปราณีตเหมือนคนอื่นเขาท่าทางจะยาก” คุณหญิงมณีว่า
“ให้คุณรำพึงสอนงานมันสิเจ้าคะ บ่าวที่บ้านก็ทำงานเป็นกันทุกคน ก็เพราะคุณรำพึงนี่แหละเจ้าค่ะ” จวงบอก
คุณหญิงมณีมองรำพึงเป็นเชิงถาม รำพึงยิ้ม คุณหญิงมณีจึงหันไปเรียกชุ่ม
“นังชุ่ม...มาทางนี้หน่อยซิ”
“เจ้าค่ะ”
ชุ่มคลานเข่าเข้ามาตรงหน้าคุณหญิงมณี
“เอ็งโชคดีแล้วนะที่คุณรำพึงเมตตาจะสอนงานให้เอ็ง”
ชุ่มมีสีหน้าไม่สบายใจ คุณหญิงมณีสังเกตเห็น
“ทำไมเอ็งไม่รีบขอบคุณคุณรำพึงล่ะ”
รำพึงพูดกับชุ่ม
“ชุ่มจ้ะ ไม่ต้องกลัวฉันหรอกนะจ้ะ ฉันไม่ใช่เสือใช่สาง”
ชุ่มจำใจ
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
รำพึงยิ้มอย่างใจดี แต่แววตาแฝงไปด้วยความร้ายกาจ
บริเวณเรือนครัว ชุ่มกำลังล้างหม้อล้างไห ได้ยินผ่องกับผาดที่หั่นผักพลางซุบซิบกัน
“คุณรำพึงอาสามาช่วยงานคุณหญิงท่านแบบนี้ คงอยากเป็นคุณผู้หญิงของท่านขุนตัวซี้ตัวสั่นน่ะสิ” ผ่องว่า
สมเข้ามาได้ยินหยุดยืนฟัง
“นังชุ่ม เอ็งไม่ร้อนใจบ้างเหรอที่คุณรำพึงมาประกาศตัวขนาดนี้” ผาดถาม
“ทำไมฉันจะต้องร้อนใจด้วย เรื่องของเจ้านายไม่เกี่ยวอะไรกับบ่าวอย่างฉันสักนิด” ชุมว่า
“แต่เอ็งกับท่านขุน”
สมแทรกขึ้น
“ถ้าพวกเอ็งไม่เลิกปากมาก ปากพวกเอ็งจะแตกไม่รู้ตัว”
สมกระแทกเท้าปึง!
ผ่องกับผาดสะดุ้งแล้วพากันยกผัก ยกมีดเลี่ยงไปที่อื่น
“ชุ่ม เอ็งต้องระวังตัวนะ” สมบอก
“ไม่มีอะไรหรอกพี่สม ถ้าข้าไม่ยุ่งกับเขา เขาคงไม่มาทำอะไรข้าหรอก”
ชุ่มก้มหน้าล้างไหล้างหม้อต่อไป สมมองอย่างเป็นห่วง
บ่วงบาป ตอนที่ 3 (ต่อ)
ฝ่ายผ่องกับผาดเลี่ยงมานั่งอีกมุมของโรงครัว สายตามองทางชุ่มกับสม
“นังชุ่มมันไม่เห็นจะเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย” ผาดว่า
รำพึงกับจวงเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง
“นังผ่องเอ็งแน่ใจเหรอว่านังชุ่มน่ะจะได้เลื่อนขั้นเป็นเมียท่านขุน” ผาดถาม
“เมื่อคืนข้าเห็นกับตาว่า ท่านขุนน่ะเดินจูงมือนังชุ่มมาส่งที่เรือนกลางดึก ถ้าไม่มีอะไรกันจะจับมือถือแขนกันขนาดนั้นเหรอวะ” ผ่องบอก
“คุณรำพึงมีบุญวาสนาเป็นถึงลูกพระยา สุดท้ายก็แพ้ทาสอย่างนังชุ่ม สะใจว่ะ” ผาดว่า
จวงหันไปมองรำพึงเห็นนายหญิงยืนกำมือแน่น สีหน้าแค้นสุดชีวิต
รำพึงพึมพำกับตัวเอง
“นังชุ่ม!”
“เข้าไปตบมันเลยไหมเจ้าคะ คุณรำพึง” จวงบอกแล้วจะพุ่งไป แต่รำพึงคว้าไว้
“เอ็งคอยฟังคำสั่งจากข้า อย่าสะเออะทำนอกเหนือคำสั่งข้า จำไว้”
“เจ้าค่ะ”
รำพึงมองไปทางชุ่มที่ล้างหม้อไหอย่างโกรธแค้น
ในเวลาต่อมา ขุนพิทักษ์ไมตรี ขี่ม้าเข้ามาที่หน้าเรือน ทาสชายวิ่งเข้ามารับ
“นังชุ่มอยู่ไหน!”
“ที่ครัวขอรับ” ทาสชายบอก
ขุนพิทักษ์ ส่งม้าให้ทาสชายแล้วรีบเดินไปทางไปครัว คุณหญิงมณียืนมองจากด้านบน แจ่มก้าวเข้ามายืนข้าง ๆ
“แปลกนะเจ้าคะ ท่านขุนกลับมาถึงก็เรียกหานังชุ่ม เดี๋ยว อิฉันจะไปดูให้นะเจ้าคะ ว่านังชุ่มมันก่อเรื่องอะไรอีก”
“ไม่ต้อง! เอ็งให้คนไปดูที่กรมสิว่า ตกลงใครได้ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้ากรม”
“ไม่รอถามท่านขุนเหรอเจ้าคะ” แจ่มบอก
“ข้าสั่ง!”
แจ่มสะดุ้งแล้วรีบไป
“เจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีมองตามทางที่ขุนพิทักษ์ เดินไปอย่างกังวล
รำพึงเดินเข้ามาในเรือนครัว จวงเดินตามท่าทางกร่างเต็มที่
“อ้าวๆ มัวแต่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ได้ ถึงว่าสิ คุณหญิงถึงต้องให้คุณหนูของข้ามาช่วยงาน ก็เพราะว่าบ่าวเรือนนี้มีแต่พวกไม่ได้เรื่องแบบนี้นี่เอง” จวงว่า
รำพึงสีหน้าอ่อนโยนบอก
“จวง เอ็งพูดจาแบบนี้ เดี๋ยวพวกบ่าวที่นี่ก็กลัวข้ากันเสียหมด”
“ไม่ต้องสนหรอกเจ้าค่ะคุณรำพึง ขี้ข้ายังไงก็เป็นขี้ข้าวันยังค่ำ ถ้ามันไม่ฟังนายก็โบยมันสิเจ้าคะ” จวงบอก
บ่าวไพร่ต่างมองจวงด้วยสายตาหมั่นไส้ รำพึงหันไปเห็นชุ่ม
“ชุ่มจ๊ะ ข้ามีอะไรจะใช้เอ็งหน่อย”
ผ่องกับผาดและบ่าวไพร่คนอื่นๆมองกันอย่างลุ้นๆ
“เจ้าค่ะ แต่ข้าขอเอาจานชามพวกนี้ไปคว่ำก่อน”
ชุ่มลุกออกไป รำพึงเหลือบสายตามองจวง จวงรู้หน้าที่ทันทีตามไปดึงชุ่มไว้
“หยุดนะนังชุ่ม คุณหนูข้าเรียกใช้เมื่อไหร่ เอ็งต้องมาทันที” จวงบอก
ในจังหวะที่จวงกำลังจะถึงตัวชุ่ม สมแกล้งเตะเข่งใส่จวงจนจวงล้มคว่ำ
“นี่เอ็งแกล้งข้ารึ !”
“โทษที ลมมันพัดน่ะ ข้าจะเอาตีนเกี่ยวไว้ก็ไม่ทัน”
“ข้าไม่เชี่อ ... คุณหนูเจ้าคะ ดูมันทำกับบ่าวสิเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ เข้ามาไม่ทันเห็นรำพึงก็เรียก
“นังชุ่ม!”
ทุกคนชะงัก รำพึงหันมอง ขุนพิทักษ์เหวอที่เห็นรำพึง
“น้องรำพึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สักครู่แล้วค่ะ คุณพี่มีธุระกับนังชุ่มเหรอคะ”
ขุนพิทักษ์ รีบหาทางออกทันที
“อ๋อ... แม่ฝากให้ข้ามาเรียกเอ็ง รีบไปหาแม่ข้าเร็ว”
ชุ่มรีบออกไป
“คุณป้าให้คุณพี่มาเรียกบ่าวเหรอคะ”
ขุนพิทักษ์ แก้ตัว
“ข้างบนไม่มีบ่าวสักคน ไม่รู้หายหัวไปไหนกันหมด”
รำพึงมองอย่างพินิจ ขุนพิทักษ์ รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“สาย ๆ แบบนี้ แดดไม่ค่อยร้อนไปเดินเล่นกันดีไหม”
รำพึงยิ้มเก็บท่าทีไม่เซ้าซี้
“ค่ะ”
ขุนพิทักษ์ พารำพึงเดินออกไป
จวงเดินตามแล้วหันมามองสมด้วยท่าทีเคียดแค้น สมทำเมินไปทางอื่นเก็บของไปตามเรื่องตามราวไม่สนใจ
ไม่นานนัก ขุนพิทักษ์ไมตรีก็มาเดินเล่นอยู่กับรำพึงที่บริเวณสระบัว มีจวงตามมาห่างๆ
“ขอบใจน้องรำพึงมากนะที่อาสามาช่วยแม่พี่”
รำพึงเงียบไม่ตอบ ส่งสายตาให้จวงออกไป จวงรู้หน้าที่รีบฉากออกไปทันที
ขุนพิทักษ์ หันมองเห็นรำพึงกรีดน้ำตาไหลอาบแก้ม ขุนพิทักษ์จับรำพึงหันมาถาม
“น้องรำพึง เจ้าร้องไห้ทำไม พี่ทำอะไรให้ขุ่นเคืองใจรึ”
“จวงบอกกับน้องว่า บ่าวที่เรือนนี้ต่างพากันพูดให้เซ็งแซ่ว่า น้องเป็นถึงลูกพระยาแต่ด้อยค่ากว่าทาสอย่างนังชุ่ม”
“ไม่จริง”
“ถ้าไม่มีมูล พวกบ่าวมันก็คงไม่ลือหรอกค่ะ มันคงรู้คงเห็นการกระทำของคุณพี่ มันถึงเอามาพูดกันได้”
ขุนพิทักษ์ ร้อนตัว
“นังคนไหนมันพูด บอกพี่มา พี่จะลงหวายให้หลังมันขาด!”
“คุณพี่ทำแบบนั้น น้องก็จะยิ่งตกเป็นขี้ปากบ่าวไพร่ว่า สิ่งที่พวกบ่าวมันพูดเป็นความจริง เราถึงต้องโกรธ ต้องลงโทษพวกมัน”
รำพึงร้องไห้ ขุนพิทักษ์ บอก
“ในเมื่อมันไม่เป็นความจริง น้องจะเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้ทำไม”
“น้องทนไม่ได้ค่ะที่รู้ว่า น้องไม่ใช่คนที่สำคัญที่สุดของคุณพี่”
“ไม่จริง ไม่มีใครสำคัญกับพี่เท่าน้องรำพึง”
รำพึงน้ำตาร่วงไม่หยุด
รำพึงหันหลังเดินไปที่ขอบสระ ขุนพิทักษ์ เข้าไปกอดไว้จากด้านหลัง
“บางทีกอดของพี่อาจทำให้น้องอุ่นใจ”
รำพึงปลดมือของขุนพิทักษ์
“น้องไม่อยากเจ็บไปกว่านี้อีกแล้ว ถ้าน้องไม่ได้มีค่าในสายตาคุณพี่ น้องก็จะไม่ฝืนเจ็บอีกต่อไป บางทีน้องควรจะมอบหัวใจให้กับคนที่รักและเห็นค่าของน้องจริง ๆ”
“น้องจะให้พี่ทำยังไงน้องถึงจะเชื่อว่าพี่มีน้องเพียงคนเดียว เชื่อพี่นะ...พี่รักน้องรำพึง”
รำพึงสงบลง ขุนพิทักษ์ ค่อยๆบรรจงจูบลงที่ริมฝีปาก แต่ยังไม่ทันได้จูบ เสียงชุ่มดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“ท่านขุนเจ้าคะ”
ชุ่มยืนอยู่ห่างออกไปไม่มาก ขุนพิทักษ์ หันมาตามเสียงเรียก รำพึงมีสีหน้าโกรธจัด
“มีอะไรรึ”
“คุณหญิงเป็นลมเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ”
ขุนพิทักษ์ วิ่งไปที่เรือน ทิ้งรำพึงไว้ให้อยู่กับชุ่ม ทั้งคู่มองหน้ากัน ชุ่มชิงเดินหนีรำพึงไปเสียก่อน รำพึงยิ่งโมโห จวงรีบเข้ามาปลอบ
“ทำไมเอ็งไม่เข้าไปกันนังชุ่มไว้หะ !”
“นังนี่มันร้ายกาจมากเจ้าค่ะ จวงไม่เห็นเลยว่ามันมาตั้งแต่ตอนไหน จวงว่ามันตั้งใจจะเข้ามาขัดจังหวะคุณรำพึงแน่ๆเจ้าค่ะ”
รำพึงแค้น
“นังชุ่ม!”
รำพึงรีบเดินตามไป จวงเดินตาม
ขุนพิทักษ์ วิ่งขึ้นมาบนเรือนตรงเข้าไปหาคุณหญิงมณี แจ่มกำลังถือยาดมให้คุณหญิง บ่าวอีกคนกำลังใช้พัดสานพัดวีคุณหญิงมณีอยู่ข้างหลัง ชุ่มตามหลังมาด้วย
รำพึงกับจวงเดินตามขึ้นมา ขุนพิทักษ์ ตรงเข้าไปจับมือคุณหญิง
“คุณแม่เป็นอะไรไปขอรับ”
รำพึงเห็นว่าคุณหญิงมณีเป็นลมจริงก็รีบเข้าไปช่วยประคองอีกด้าน
“คุณป้า”
คุณหญิงมณีลืมตาขึ้นมาหันไปทางขุนพิทักษ์ แล้วถาม
“จริงรึที่ว่าลูกจะประลองกับพ่อไว”
“ขอรับ กระผมกำลังจะมาแจ้งให้คุณแม่ทราบ”
รำพึงมองขุนพิทักษ์ อย่างอึ้ง ๆ ที่รู้เรื่อง
“แล้วลูกจะบอกแม่หรือเปล่า เรื่องที่ลูกเดิมพันกับพ่อไวไว้”
“เดิมพันอะไรเหรอคะคุณพี่”
“ถ้าใครชนะจะได้ตำแหน่งผู้ช่วยกรม ส่วนคนแพ้จะต้องออกไปจากเมืองนี้”
รำพึงตกใจ
“คุณพี่ แล้วถ้าคุณพี่แพ้ล่ะคะ”
“พี่ไม่มีวันแพ้ไอ้ไว คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะขอรับ ลูกจะนำชัยชนะมาฝากคุณแม่เอง”
รำพึงกับคุณหญิงมณีมองขุนพิทักษ์ อย่างไม่มั่นใจ ชุ่มมองอย่างหวั่นๆ
ในเวลาต่อมา รำพึงเดินหน้าบึ้งตั้งแต่ลงจากเรือมาถึงหน้าเรือนพระยาเทวราช จวงวิ่งตามมา
รำพึงมองไปเห็นขุนไวพิชิตพลเดินลงบันไดมาแล้ว รีบเดินเข้ามาหารำพึง ขุนไว เดินคุยโดยที่รำพึงไม่สนใจ
“น้องคงรู้เรื่องที่พี่เดิมพันกับไอ้พิทักษ์แล้ว”
“ค่ะ”
“อันที่จริงท่านพระยายกตำแหน่งให้พี่แล้วด้วยซ้ำ”
รำพึงหยุดแล้วถาม
“แล้วทำไมคุณพี่ยังต้องแข่งกันอีก”
“พี่จะให้น้องได้เห็นว่าพี่ชนะไอ้พิทักษ์อย่างขาวสะอาด วันที่มันแพ้แล้วต้องระเห็จออกจากเมืองนี้ ถึงตอนนั้นน้องจะได้ยอมรับพี่อย่างเต็มใจ แล้วทันทีที่พี่ได้ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้ากรมพี่จะให้ท่านเจ้ากรมมาสู่ขอน้อง”
“ให้คุณพี่ชนะอย่างแท้จริงก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยคุยเรื่องนี้”
รำพึงเดินขึ้นเรือนไป จวงรีบวิ่งตามขึ้นไป ทิ้งให้ขุนไว ยืนคิดเรื่องผู้ชนะอยู่คนเดียว
คุณหญิงมณียังนอนเอนอยู่บนตั่ง มีชุ่มคอยพัดวี แจ่มเอายาหอมส่งให้ ขุนพิทักษ์ นั่งอยู่ข้างๆ
“ทำไมต้องเดิมพันเช่นนี้ ลูกน่าจะคิดถึงใจแม่บ้าง”
“ที่ลูกทำก็เพื่อความฝันของคุณพ่อและเป็นความต้องการของคุณแม่นะครับ”
“แล้วถ้าลูกแพ้ แม่จะทำอย่างไร โทสะมันจะพาลูกไปสู่ทางลำบากนะ”
“ถ้าลูกไม่ท้ามัน ลูกก็คงเสียตำแหน่งนี้ไปแล้ว นี่ไม่ว่าลูกจะทำเช่นไรก็ไม่เคยถูกในสายตาคุณแม่เลยสักครั้ง”
คุณหญิงมณีอึ้ง
“พิทักษ์”
ขุนพิทักษ์ เสียใจที่ว่าแม่ แต่ก็ไม่พูดอะไรเดินออกไป คุณหญิงมณีก็เสียใจเช่นกัน ชุ่มมองตามอย่างสงสาร
บนเรือนพระยาเทวราช จวงตามเข้ามาในห้องนอน รำพึงจับหมอนเขวี้ยงมาที่หน้าจวง
“ว้าย!” จวงร้องแล้วหลบอย่างหวุดหวิด
“คุณรำพึงเจ้าคะ”
จวงมองรำพึงที่ยืนกำมือแน่นด้วยความแค้น
“แค้นเรื่องอะไรเจ้าคะ”
“แค่เรื่องขุนไวกับคุณพ่อที่คอยกีดกันข้ากับคุณพี่ก็หนักหนาแล้ว ยังมีนังชุ่มที่จ้องจะแย่งคุณพี่ของข้าอีก”
“นังนี่มันอึดยิ่งกว่าควายนะเจ้าคะ โดนตบไปคราวที่แล้วยังไม่รู้จักกลัวเกรง”
“งั้นข้าจะต้องซ้ำให้มันสำนึก!”
รำพึงยิ้มร้าย จวงมองอย่างรอคำบัญชา
ผ่านเวลามาในช่วงเย็น ชุ่มลงมาจากเรือน สมก็รีบเข้าไปหา
“พี่สม ท่านขุนกลับมาหรือยังจ๊ะ”
“ออกไปโรงเหล้าตั้งแต่บ่าย กว่าจะกลับก็คงใกล้รุ่งล่ะมั้ง เอ็งถามทำไม”
“ก็เป็นห่วง”
“นังชุ่ม ข้าเตือนเอ็งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับท่านขุน ข้าไม่อยากให้เอ็งต้องเสียตะ(ตัว).....เสียใจ”
“ทำไมข้าจะต้องเสียใจ ข้าห่วงเพราะท่านขุนเป็นลูกคุณหญิงผู้มีพระคุณของเรา”
สมมองนิ่งแล้วบอก
“ถ้าเอ็งคิดได้แบบนั้นก็ดี”
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าไปช่วยงานในครัวก่อนนะ”
ชุ่มพูดจบก็รีบเดินเลี่ยงไป สีหน้าชุ่มสับสนกับคำพูดของพี่ชาย สมมองตามน้องสาวด้วยสีหน้าเครียด
ในเวลากลางคืน บริเวณหน้าเรือนคุณหญิงมณี ชุ่มยังเดินวนเวียนอยู่ที่หน้าเรือน ชะเง้อมองรอขุนพิทักษ์ไมตรีอย่างเป็นห่วง
ขุนพิทักษ์ เดินเมามาแต่ไกลจนเข้าที่หน้าเรือน แล้วเซจะล้มชุ่มรีบไปประคองไว้
ขุนพิทักษ์ เสียงอ้อแอ้ด้วยความเมา
“ไม่ต้องๆข้าเดินเองได้ ข้าทำอะไรด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องมาช่วย!”
“ไม่ช่วยได้ไงเจ้าคะ แค่เดินก็จะล้มอยู่แล้วเนี่ย” ชุ่มบอก
“แม้แต่เจ้าก็ไม่เชื่อข้าเหรอว่าข้าชนะไอ้ขุนไวได้ ไม่มีใครเชื่อข้าสักคน ตั้งแต่แม่ข้า แล้วก็เอ็ง”
ขุนพิทักษ์ เอาหน้ามาใกล้แล้วยิ้ม ชุ่มเหวอแล้วเขิน
“จะว่าไปเจ้าก็งามเหมือนกันนะ”
ขุนพิทักษ์ ทำท่าจะจูบชุ่ม ชุ่มตกใจผลักขุนพิทักษ์ ร่วงลงไปกับพื้น ตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่
ขุนพิทักษ์ มองชุ่มด้วยสายตาเบลอและเห็นลาง ๆ แต่ได้ยินทุกคำพูดของชุ่ม
“ถึงใครจะบอกว่าท่านเลว แต่ข้ารู้ว่า เนื้อแท้ของใจท่านก็รักและพยายามทำทุกอย่างเพื่อคุณหญิง ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องชนะการต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน ข้าเชื่อท่าน”
ขุนพิทักษ์ยิ้มนิด ๆ เหมือนได้น้ำทิพย์ชโลมใจ ชุ่มนั่งมองขุนพิทักษ์หลับไปอยู่อย่างนั้น
เช้าวันใหม่ รำพึงกับจวงขึ้นจากเรือ เจอขุนไวพิชิตพลยืนอยู่บนท่าน้ำบ้านคุณหญิงมณี รำพึงอึ้งทันที
“พี่เอาเครื่องเทศจากพระคลังเมืองมาให้คุณหญิง”
“ไม่น่าเชื่อนะเจ้าคะว่าคุณพี่จะกล้ามาหาคุณหญิง ทั้งที่เดิมพันกับลูกชายท่านไว้อย่างนั้น”
“คุณหญิงท่านเป็นผู้ใหญ่พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ท่านยังอนุญาตให้พี่อยู่เป็นเพื่อนน้องรำพึงจนกลับเลย”
รำพึงหน้าเหวอ
“อย่าเลยค่ะ คุณพี่พิทักษ์มาเห็นเข้าคงได้วางมวยกันอีก”
ขุนไว หัวเราะ
“ไอ้พิทักษ์น่ะเหรอจะทำอะไรพี่ได้ ป่านนี้มันยังเมาไม่ตื่นเลยล่ะมั้ง”
รำพึงถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วเดินไป ขุนไว เดินตาม รำพึงหันกลับมาต่อว่าทันที
“หยุดทำให้น้องลำบากใจเสียทีเถอะค่ะ”
ขุนไว อึ้งไป
“พี่ทำให้น้องลำบากใจตรงไหน”
“ก็ตรงที่คุณพี่มากับน้องนี่ไงคะ พวกบ่าวไพร่มันจะคิดยังไง ที่น้องพาคนที่เป็นศัตรูกับเจ้าของบ้าน เข้ามาเย้ยถึงที่”
“พี่ว่าน้องคิดมากไป”
รำพึงทำน้อยใจ
“น้องทราบแล้วว่าคุณพี่มีความรักและห่วงใยเกียรติของน้องเพียงแค่นี้”
รำพึงเดินไป ขุนไว จะตามแต่ชะงักไปด้วยรู้สึกผิด แล้วกลับลงเรือไป
รำพึงแอบมองแล้วยิ้มอย่างผู้มีชัย
บ่าวไพร่ในเรือนคุณหญิงมณีกำลังพากันเตรียมงานกันอย่างวุ่นวาย ทั้งกวาดลานบ้าน ถูพื้น ร้อยมาลัย จัดดอกไม้ เตรียมเครื่องปรุงอาหาร
ที่โรงครัว รำพึงกำลังยืนดูบ่าวคนหนึ่งกวนน้ำเชื่อมอยู่ โดยมีจวงคอยพัดวี ดูแลอยู่ไม่ห่าง
รำพึงพูดกับบ่าวคนหนึ่งว่า
“เตาเอ็งไฟมันแรงไป เอาไฟออกอีกหน่อย เวลากวนน้ำเชื่อมมันจะได้เหนียวได้ที่”
“เจ้าค่ะ”
รำพึงเดินออกจากเตากวนน้ำเชื่อมมาดูบ่าวอีกคนร้อยมาลัย รำพึงหยิบมาลัยพวงหนึ่งขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นมาลัยที่ใช้ดอกพุดร้อย
รำพึงพูดกับบ่าวคนที่สอง
“นี่มันมาลัยอะไรของเอ็ง ทำไมถึงใช้ดอกพุดร้อย”
“ทำไมล่ะเจ้าคะ...บ่าวก็ร้อยเหมือนทุกทีล่ะเจ้าค่ะ”
รำพึงพูดเสียงอ่อนโยน
“เอาไปทิ้งนะ... แล้วต่อไปนี้ให้ใช้ดอกมะลิร้อยเท่านั้น”
“แต่ที่เรือนนี้ใช้ดอกพุดร้อยมาตลอดนะเจ้าคะ”
รำพึงยิ้มสบตาจวง
“คุณรำพึงสั่ง เอ็งก็ต้องทำตาม!” จวงตะคอกใส่ทันที
บ่าวที่ทำงานอยู่แถวนั้นต่างซุบซิบที่รำพึงทำตัวเหมือนเจ้าของเรือน จวงสังเกตเห็นก็เบ่งใส่ทาสพวกนั้นทันที
“รึพวกเอ็งมีปัญหากับว่าที่คุณผู้หญิงคนใหม่ของเรือนนี้”
พวกบ่าวมองจวงอย่างหมั่นไส้
บ่าวคนที่สองพูดอย่างจำใจ
“เปล่าจ้ะ ฉันจะเอาไปทิ้งเดี๋ยวนี้ล่ะ”
จวงมองดูบ่าวคนอื่นที่ทำงานอยู่รอบๆ ทุกคนต่างพากันหลบหน้าจวง จวงยิ้มอย่างเหนือกว่า รำพึงเหลือบไปเห็นชุ่มที่ลับมีดเสร็จแล้วถือถาดมีดกำลังเดินมาทางรำพึง รำพึงสะกิดให้จวงดู จวงมองรำพึงอย่างรู้กัน
รำพึงได้ทีแกล้งเอาขาขัด ทำให้ชุ่มเสียหลักล้มลงจนถาดมีดคว่ำลง มีดกระจายเต็มพื้น รำพึงยิ้มเยาะชุ่มอย่างซะใจ จวงทำโวยวาย
“นังชุ่ม! เอ็งตั้งใจจะฆ่าคุณรำพึงของข้ารึ”
จวงพูดจบก็เอาตีนกระทืบขาชุ่มทันที ชุ่มทั้งเจ็บ ทั้งตกใจและอึ้งไป บ่าวคนอื่นจะเข้ามาช่วยแต่จวงขวางไว้
“ไม่ใช่เรื่องของพวกเอ็ง”
พวกบ่าวมองรำพึงอย่างโกรธแค้น
“จวงพอเถอะ ฉันไม่อยากเอาเรื่อง”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ คุณรำพึงใจดีเกินไป มันจะได้ใจนะเจ้าคะ”
จวงจะกระทืบซ้ำ แต่คราวนี้ชุ่มหลบได้และไม่ยอม ถีบขาของจวงกลับจนเสียหลักล้มลง
“นังนี่! เอ็งสู้ข้าเหรอ”
จวงเข้าไปจะซ้ำ ชุ่มสู้จวง ทั้งสองยื้อยุดกันไปมา รำพึงยืนดูอยู่อย่างใจเย็น จนกระทั่งชุ่มได้จังหวะแล้วผลักจวงกระเด็นไปโดนรำพึง จนทำให้รำพึงล้มไปโดนถ้วยน้ำพริก ถ้วยน้ำพริกที่วางอยู่คว่ำใส่ รำพึงรำพึงกรีดร้องลั่น
“บ่าวขอโทษเจ้าค่ะคุณหนู...นังชุ่มมันผลักบ่าวมา”
รำพึงทั้งเหม็น ทั้งแสบร้อน บ่าวไพร่ในครัวมองรำพึงแล้วแอบหัวเราะกันคิกคัก รำพึงทั้งเจ็บทั้งอาย
ในจังหวะนั้นแจ่มเข้ามาพอดี
“นี่มันอะไรกัน!”
บ่าวไพร่อ้ำอึ้งกันไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“ก็นังชุ่มของป้าแจ่มน่ะซิ จะฆ่าคุณหนูของข้า!” จวงว่า
แจ่มหันไปมอง เห็นชุ่มอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเช่นกัน จวงประคองรำพึงลุกขึ้น
“แล้วคุณรำพึงเป็นอะไรมากมั้ยเจ้าคะ”
“ข้าต้องการพบคุณป้า”
รำพึงเหลือบมองไปทางชุ่มด้วยสายตาแค้น
“นังชุ่ม ตามมา!”
ทาสคนอื่น ๆ มองตามชุ่มแล้วรู้ว่าเกิดเรื่องแน่
บนเรือน รำพึง ชุ่ม จวง แจ่ม นั่งกันอยู่ต่อหน้าคุณหญิงมณี
“ป้าต้องขอโทษหนูรำพึงด้วยนะ ที่คนของป้าก่อเรื่องทำให้หนูรำพึงต้องเจ็บตัว”
คุณหญิงมณีพูดกับชุ่ม
“เอ็งก็เหมือนกันนังชุ่ม ชอบก่อเรื่องอยู่เรื่อย กราบขอโทษคุณรำพึงเขาเสีย”
ชุ่มจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น แต่โดยรำพึงแย่งพูดเสียก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า”
“ถ้าเช่นนั้นป้าจะจัดการลงโทษมันให้ แล้วสั่งห้ามไม่ให้มันไปวุ่นวายกับหนูอีก”
รำพึงยิ้มสวยบอก
“ไหนๆหลานก็รับปากคุณป้าไว้แล้วว่าจะสอนงานให้มัน ถ้าอย่างนั้นให้เป็นหน้าที่ของหลานแล้วกันนะคะ”
คุณหญิงมณีไม่รู้จะปฎิเสธอย่างไร ชุ่มมีสีหน้าหวั่นๆ
“ก็ได้จ้ะ ว่าแต่หนูรำพึงจะจัดการกับมันอย่างไรรึ”
บ่วงบาป ตอนที่ 3 (ต่อ)
รำพึงกับจวงเดินเข้ามาที่สระบัว ชุ่มเดินตามเข้ามา
จวงหันมาสั่ง
“คุณรำพึงอยากได้สายบัว เอ็งต้องลงไปเก็บกับข้า ไปเอาเรือมา”
ชุ่มมองอย่างลังเลเพราะว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็ต้องเดินไปลากเรือมา
รำพึงพูดเบา ๆกับจวง
“เอ็งแน่ใจนะ ว่ามันว่ายน้ำไม่เป็น”
“แน่เจ้าค่ะ จวงได้ยินพวกบ่าวมันคุยกันว่า นังชุ่มมันเคยจะจมน้ำแต่ท่านขุนมาช่วยไว้”
รำพึงยิ้มเหี้ยม
“เอ็งรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง”
จวงสายตาร้ายมากบอก
“จวงจะกดหัวมันด้วยมือจวงเองเลยค่ะ”
ชุ่มดึงเรือมาจนใกล้ตลิ่ง รำพึงเหลือบมองไปทางชุ่ม จวงหันไปสั่งทันที
“ลงไปสิ!”
ชุ่มมองรำพึงอย่างไม่ไว้ใจ แต่จำต้องก้าวลงไป จวงยิ้มแล้วหันไปมองรำพึงและก้าวตามลงไปในเรือ ชุ่มค่อยๆ พายเรือออกไปกลางสระ
“รีบเก็บเร็ว ๆ สิวะ อย่าให้คุณรำพึงต้องรอนาน” จวงบอก
ชุ่มเอื้อมมือไปเก็บสายบัว จวงชี้ให้เก็บต้นนั้นต้นนี้ จนชี้ไปที่ต้นบัวซึ่งอยู่ห่างไปจนต้องยื่นตัวเพื่อเอื้อมไปเก็บให้ถึง
“เร็ว ๆ สิ นังชุ่ม!”
บนฝั่ง รำพึงยิ้มอ่อนโยนแต่สายตาร้ายมาก
บนเรือ จวงเห็นว่า ชุ่มยื่นตัวออกไปเกินครึ่งตัวก็ใช้สองมือจับที่ขอบเรือแล้วก็โยกเรือให้เอียงไปทางชุ่ม ชุ่มที่นั่งไม่สมดุลย์อยู่แล้วแค่โยกนิดเดียวชุ่มก็ตกลงไปในน้ำ ตูม!
ชุ่มตกใจตะเกียกตะกาย
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
จวงเมื่อจัดการพลิกเรือจนคว่ำแล้วว่ายเข้าฝั่งทันที
ชุ่มตะเกียกตะกายพยายามจะช่วยตัวเองให้โผล่พ้นน้ำด้วยความหวาดกลัว
ในเวลาเดียวกัน ขุนพิทักษ์ไมตรีเดินลงจากเรือน ท่าทางเพิ่งตื่นนอนไม่นาน แจ่มกำลังจะขึ้นไปบนเรือน
“ตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ ทานอะไรหน่อยมั๊ยเจ้าคะ เดี๋ยวแจ่มจัดการให้”
“เออแจ่ม เมื่อคืนข้าเข้ามานอนได้ยังไง”
“คงต้องถามนังชุ่มมันเจ้าค่ะ อิฉันลงมาก็เห็นมันอยู่กับท่านขุนเลยช่วยกันแบกท่านขุนเข้าห้องนี้ล่ะเจ้าค่ะ”
แจ่มเดินออกไป ขุนพิทักษ์ นึกถึงคำพูดของชุ่มเมื่อคืน ...
“ถึงใครจะบอกว่าท่านเลว แต่ข้ารู้ว่าเนื้อแท้ของใจท่านก็รักและพยายามทำทุกอย่างเพื่อคุณหญิง ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องชนะการต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน ข้าเชื่อท่าน”
ขุนพิทักษ์ ยิ้มและเดินไปที่ครัว
บริเวณสระบัว จวงว่ายเข้ามาที่ริมตลิ่งแล้วรีบเข้าไปนั่งอยู่ที่ขารำพึง
“เอายังไงต่อเจ้าคะ”
“รีบไปเรียกให้คนมาช่วยสิ”
“หะ!”
“แต่เอ็งเหนื่อยขนาดนี้คงไปเองไม่ไหว ข้าจะประคองเอ็งไป เอ็งค่อย ๆ เดินนะนังจวง”
รำพึงยิ้ม จวงเข้าใจทันที
“เจ้าค่ะ จวงเดินไม่ค่อยไหวเลยค่ะคุณ กว่าจะกลับมาไม่รู้นังชุ่มจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”
“ไป...”
รำพึงยิ้มอย่างสะใจแล้วประคองจวงไป ชุ่มยังตะเกียกตะกายอยู่ในสระบัว
แจ่มเข้ามาที่ครัวสั่งพวกบ่าวไพร่
“จัดสำรับให้ท่านขุนเร็วเข้า!”
บ่าวพากันกุลีกุจอรีบทำ เสียงรำพึงดังขึ้น
“ช่วยด้วย!”
ทุกคนหันมองเห็นรำพึงประคองจวงเข้ามา แจ่มตกใจถาม
“คุณรำพึงเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ แล้วนังจวงทำไมตัวเองถึงเปียกโชกแบบนี้”
จวงตัวสั่นงันงกบอก
“ก็นังชุ่มน่ะสิ มันลงเรือไปกับข้า แล้วมันก็ทำเรือล่ม ข้าต้องว่ายน้ำเอาชีวิตรอดแทบตาย”
“แล้วนังชุ่มล่ะ นังจวง”
ขุนพิทักษ์ เข้ามาได้ยิน
“ข้าก็ไม่รู้ พอเรือล่มข้าก็รีบว่ายน้ำขึ้นฝั่งมาเรียนคุณรำพึงว่าเกิดเรื่องนี่แหละ”
ขุนพิทักษ์ตกใจเรียกเสียงดัง
“นังจวง !”
รำพึงสบตากับจวงแต่ยังเก็บความตกใจไว้ได้ดี ขุนพิทักษ์ เข้ามาหาจวง ถามเสียงดังมาก
“เรือล่มที่ไหน!”
จวงตกใจรีบบอก
“ที่สระบัวเจ้าค่ะ!”
ขุนพิทักษ์ได้ยินปุ๊บก็ออกวิ่งไปทันที สมรีบวิ่งตามไป
“คุณพี่!” รำพึงร้องเรียก
รำพึงกับจวงรีบตามไป แจ่มจะตามเห็นคนอื่นๆ มองตาม
“ถ้าใครตามมา ข้าเอาตายแน่!”
บ่าวคนอื่นนิ่งไม่กล้าตาม มีแจ่มคนเดียวที่วิ่งตามไป
ส่วนที่สระบัว ชุ่มพยายามตะเกียกตะกายจะว่ายน้ำเข้าฝั่ง แต่ดันหายใจเอาน้ำเข้าไป จนสำลักน้ำ
ขุนพิทักษ์วิ่งสุดฝีเท้าด้วยความห่วงใยในตัวชุ่ม
ร่างชุ่มค่อยๆ จมลงใต้น้ำอย่างทรมาน จังหวะที่ชุ่มใกล้จะหมดลมก็มีมือผู้ชายเข้ามาล็อกตัวชุ่มแล้วลากเข้าหาฝั่ง
ร่างของชุ่มถูกวางลงบนพื้นฝั่ง ชุ่มสำลักน้ำ มือของขุนไวพิชิตพลเข้ามาตบ ๆ หน้าชุ่ม
“เอ็งเป็นยังไงบ้าง”
ชุ่มยังมีอาหารเบลอ พยายามจะตั้งสติ สายตาที่เบลอ ๆ ของชุ่ม เห็นหน้าลาง ๆของขุนไว
“ใคร...ใครช่วยข้า”
ขุนไว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชุ่ม
“เอ็งไม่เป็นไรใช่ไหม”
ขุนพิทักษ์ วิ่งเข้ามาถึงเห็นขุนไว กำลังวางมือคล่อมตัวและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชุ่ม ขุนพิทักษ์ โมโห
“ไอ้ไว!”
ขุนไว หันมายังไม่ทันตั้งตัว ขุนพิทักษ์ ก็กระชากตัวขึ้นมาชกหน้าอย่างเต็มแรง ขุนพิทักษ์ ก้าวไปยืนตรงหน้าบอก
“อย่าแตะต้องคนของข้า!”
ขุนไว โดนชกก็เลือดขึ้นหน้า เข้าเตะตัดขาขุนพิทักษ์ จนเสียหลักหงายหลังลง ขุนไว พุ่งเข้าไปคล่อมแล้วต่อยขุนพิทักษ์ ผัวะ ๆ
ขุนพิทักษ์ ยังไม่ยอมแพ้เตะจนขุนไวล้มไปด้านข้าง ขุนพิทักษ์ตามไปเล่นงาน ชุ่มที่เริ่มจะตั้งสติได้ พยายามจะลุกขึ้นมาห้าม
“ท่านขุน...อย่า”
สมวิ่งเข้ามาตรงไปประคองชุ่ม
“ชุ่ม...เอ็งเป็นยังไงบ้าง”
“พี่สม...ห้ามท่านขุนที”
รำพึงกับจวง แจ่มวิ่งเข้ามาเห็นทั้งคู่ต่อยกันก็ตกใจ
“ว้าย ท่านขุนพิทักษ์กับขุนไวต่อยกันเจ้าค่ะ” จวงว่า
“ท่านขุนหยุดเถอะเจ้าค่ะ ท่านขุน” แจ่มบอก
ขุนไว ชกจนขุนพิทักษ์ล้มไปข้าง ๆ ชุ่ม ขุนพิทักษ์ จะลุก ชุ่มใช้แรงที่เหลือทั้งหมดเข้ากอดขุนพิทักษ์ ฯ ไว้
“อย่าเจ้าค่ะ อย่า...ท่านขุนไวช่วยบ่าวไว้”
ขุนพิทักษ์ จะพุ่งเข้าหาขุนไวอีก
“ช่วยอะไร ก็ข้าเห็นมันกำลังลวนลามเอ็ง!”
รำพึงทนไม่ไหว
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคะ! นี่มันเรื่องอะไรกันคะ สู้กันด้วยเรื่องอะไรคะ”
“เพราะพี่ไปรู้ความลับของมันล่ะสิ ว่ามันมีเมียทาสซ่อนอยู่” ขุนไว บอก
รำพึงมองชุ่มอย่างตาขวาง ชุ่มหลบตา
“นังชุ่มจะเป็นเมียข้ารึไม่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง นี่มันบ้านข้า ทาสทุกคนในบ้านนี้เป็นของข้า เอ็งไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!”
รำพึงกำมือแน่นด้วยความโกรธมากที่ได้ยิน จวงเหลือบมองนายหญิงอย่างหวั่นๆ
“ไม่น่าเชื่อ ว่าทาสคนนึงจะทำให้คนระดับท่านขุนถึงกับต้องสู้กัน”
“ไอ้สม! เอาดาบมาให้ข้า ข้าจะเอาเลือดไอ้ขุนไวมาล้างบ้าน”
“อย่านะคะ วันประลองใกล้จะถึงแล้ว เอาไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันเถอะค่ะ ท่านขุนไวกลับไปก่อนเถอะ”
“น้องต้องกลับไปกับพี่ด้วย”
รำพึงแค้นที่ปฏิเสธขุนไว ไม่ได้ ไม่งั้นเรื่องวันนี้ไม่จบแน่ รำพึงพูดกับพิทักษ์ฯ
“น้องลาก่อนค่ะ คุณพี่”
รำพึงออกไปกับขุนไว อย่างไม่เต็มใจนัก รำพึงหันกลับมามองชุ่มด้วยความแค้น ขุนพิทักษ์ มองตาขวาง
“ชุ่ม มันเกิดอะไรขึ้น” สมถาม
“ข้า...”
ขุนพิทักษ์ มองอย่างผิดหวัง
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเอ็งจะนัดไอ้ขุนไวเข้ามาเล่นรักถึงในบ้านข้า”
ชุ่มตกใจมองขุนพิทักษ์ ด้วยความน้อยใจ
“ท่านขุน...ชุ่มมันไม่มีทางทำเลวแบบนั้นแน่” สมบอก
“ข้าเห็นด้วยสองตาของข้า ไอ้สม เอ็งสั่งสอนน้องเอ็งให้ดี ให้มันสงวนตัวเสียบ้าง!”
ขุนพิทักษ์ เดินไป ชุ่มร้องให้เสียใจ สมกอดชุ่มด้วยความสงสาร
ในเวลาต่อมา รำพึงขึ้นจากเรือได้ก็จะรีบเดินขึ้นเรือนพระยาเทวราชอย่างอารมณ์เสีย จวงรีบตามไป ขุนไว รีบตามขึ้นมาเช่นกัน
“ที่นี้น้องรำพึงก็รู้แล้วสิว่าไอ้ขุนพิทักษ์มันมีเมียทาสซ่อนอยู่อีกคน”
“เรื่องนั้นน้องรู้มานานแล้วค่ะ”
“น้องถึงได้ทำร้ายนังชุ่มมัน”
รำพึงตกใจ
“คุณพี่พูดเรื่องอะไร”
“หรือไม่จริง”
“นังจวงมันโกรธแทนน้องต่างหาก เพราะน้องโดนทาสอย่างนังชุ่มหยามเกียรติ จวงถึงได้ทำผิดไปแบบนั้น”
รำพึงส่งสายตาให้บ่าวคนสนิท จวงรู้หน้าที่ทันที
“ใช่เจ้าค่ะ นังชุ่มมันเที่ยวป่าวประกาศว่า ท่านขุนพิทักษ์ทั้งรักทั้งหลงมัน เหนือกว่าคุณรำพึง นังจวงคนนี้ยอมไม่ได้จริงๆ”
ขุนไว มองรำพึงอย่างวิเคราะห์
“น้องผิดที่ห้ามปรามคนของน้องไม่ได้ แต่ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้ น้องคงโดนประนามที่เข้าข้างคนของตัวเอง คุณป้าคงตำหนิน้อง แล้วคงเสื่อมเสียมาถึงคุณพ่อ ถ้าเป็นแบบนั้นน้องคง...”
รำพึงเริ่มน้ำตาริน ขุนไว ตัดสินใจ
“พี่จะไม่ให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป”
รำพึงไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะที่คุณพี่เข้าใจน้อง”
“ขึ้นเรือนเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ”
“ค่ะ”
รำพึงหันหลังให้ขุนไวแล้วเดินขึ้นเรือนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
รำพึงเดินขึ้นมาบนเรือน จวงเดินตามติดพลางหันมองด้านหลังจนแน่ใจว่าขุนไว กลับไปแล้ว
“เพราะท่านขุนไวแท้ๆ มาช่วยนังชุ่มไว้ ไม่อย่างนั้นมันก็จมน้ำขาดใจตายไปแล้ว เสียดายจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“เอ็งเห็นไหมว่าคุณพี่พิทักษ์ห่วงนังชุ่มมากแค่ไหน”
“ไม่แค่ห่วงนะเจ้าคะ หวงมากด้วยเจ้าค่ะ ที่ต่อยตีกับขุนไวก็คงเพราะหึงเลือดขึ้นหน้า”
“นังจวง!”
จวงสะดุ้ง รู้ว่าพูดผิดไปแล้ว
“คือ จวงก็พูดไปตามที่เห็นน่ะเจ้าค่ะ”
“ถ้าปล่อยให้มันได้ใกล้ชิดกับคุณพี่มากไปกว่านี้ สักวันข้าคงต้องเสียคุณพี่ไปจริงๆ”
“หน้าตานังชุ่มมันก็งามใช่ย่อย”
รำพึงตวัดตามอง จวงสะดุ้ง
“แต่ทาสอย่างมันก็งามสู้คุณรำพึงของบ่าวไม่ได้เลยเจ้าค่ะ”
รำพึงยิ้มคิดวิธีออก
“แล้วถ้าหน้ามันไม่งามล่ะ”
จวงมองรำพึงว่า หมายความว่ายังไง
ในเวลากลางคืน ชุ่มนอนร้องไห้อยู่ที่นอกชานของเรือนทาส เมื่อนึกถึงคำพูดของขุนพิทักษ์
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเอ็งจะนัดไอ้ขุนไวเข้ามาเล่นรักถึงในบ้านข้า”
ชุ่มตกใจมองขุนพิทักษ์ ด้วยความน้อยใจ
“ท่านขุน...ชุ่มมันไม่มีทางทำเลวแบบนั้นแน่”
“ข้าเห็นด้วยสองตาของข้า ไอ้สม เอ็งสั่งสอนน้องเอ็งให้ดี ให้มันสงวนตัวเสียบ้าง!”
ขุนพิทักษ์ เดินไป
ชุ่มนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนสมเดินเข้ามาเห็นก็รำพึงกับตัวเอง
“ก็ดี ข้าว่าอย่างน้อยขุนพิทักษ์เค้าคงไม่มายุ่งกับเอ็งอีกแล้วล่ะ”
ชุ่มยังร้องไห้ต่อไป สมมองน้องอย่างสงสาร
ภายในโรงเหล้า เวลากลางคืน ขุนพิทักษ์ นั่งกินเหล้าอยู่ มีหญิงสาวสองคนนั่งคลอเคลียและรินเหล้าให้ แต่ขุนพิทักษ์ไม่ได้สนใจ กลับเหม่อลอยคิดถึงชุ่ม... ภาพที่ขุนไว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชุ่ม ทำให้เขาโกรธจนขว้างแก้วลงพื้นแตกกระจาย สองสาวตกใจ
ขุนพิทักษ์ หันมองสองสาวแล้วลากทั้งสองขึ้นห้องไป สองสาวหัวเราะคิกคักๆ
เช้าวันใหม่ ชุ่มกำลังลับมีดอยู่ที่ท่าน้ำ ชุ่มใช้น้ำราดล้าง ๆ แล้ววางอันที่ลับเสร็จแล้วก่อนจะหันไปหยิบมีดอันใหม่มาจะลับ แต่ทันใดนั้นก็มีเท้ามาเหยียบมือชุ่มอยู่เต็มแรง ชุ่มร้องลั่น! แล้วเงยหน้าขึ้นมา เห็นว่าเป็นจวงยืนอยู่กับรำพึง
ชุ่มพยายามจะดึงออก แต่จวงยิ่งเหยียบหนัก “โอ๊ย!”
รำพึงเข้ามานั่งตรงหน้าชุ่ม ยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ใช้มือบีบแก้มของชุ่มเต็มแรง
“เอ็งนี่มันเสน่ห์แรงจริง ๆ นะ คิดจะรวบทั้งคุณพี่ทั้งขุนไวเลยรึ”
“ข้าไม่เคยคิดแบบนั้นไ
รำพึงบีบหนักขึ้น
“แต่จะว่าไปเอ็งมันก็สวยนะ ถ้าหน้าสวย ๆ ของเอ็งเป็นแผล”
รำพึงหยิบมีดขึ้นมา ชุ่มตกใจผลักรำพึงจะลุก จวงเข้ามาตบชุ่มจนล้มคว่ำ
ผ่องเดินผ่านมาเห็นจึงแอบดู เห็นจวงจิกหัวชุ่มขึ้นมาแล้วตบหน้าชุ่มลงไปกอง
“ฤทธิ์มากนักนะเอ็ง”
ผ่องรีบวิ่งออกไปหาคนช่วย
ผ่องวิ่งมาตามทางอย่างรีบๆ ทันใดนั้นผ่องก็วิ่งจนไม่ได้ดูทางจนทำให้วิ่งชนกับขุนพิทักษ์ที่พึ่งกลับบ้านมา
“นังผ่อง!”
ผ่องท่าทางลนลาน
“ท่านขุนเจ้าคะ...คือ”
ขุนพิทักษ์ รอฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
บริเวณท่าน้ำ ชุ่มจะลุกแต่จวงเข้ามาล็อกตัวไว้
“จับมันให้แน่น ๆ”
รำพึงหยิบมีดขึ้นมาเงื้อจะฟัน แต่ชุ่มฮึดสุดแรง ใช้ขาที่ว่างกระแทกที่ขาจวงแล้วศอกใส่ท้องจวงเต็มแรง จวงตัวงอร่วงลงพื้นปล่อยมือจากชุ่ม
ชุ่มยกมือขึ้นจับมือรำพึงที่ถือมีดไว้พยายามยับยั้งเต็มที่ รำพึงกดมือลง สองคนยื้อกันสุดแรง มือรำพึงข้างที่ว่างจิกหัวชุ่ม
“คิดจะสู้เหรอ”
ชุ่มเจ็บจนหน้าหงาย มือจะหลุด ตัดสินใจใช้มือที่ว่างจิกหัวรำพึงด้วยเหมือนกัน
“โอ้ย!”
รำพึงเห็นว่าขุนพิทักษ์ วิ่งเข้ามาทางด้านหลังชุ่ม รำพึงปล่อยมือที่จิกหัวชุ่มมาจับมือชุ่ม รำพึงร้องขึ้นมา “อย่านะ นังชุ่ม อย่าทำข้า! อย่าทำข้า ช่วยด้วย ช่วยด้วย!” แ
ชุ่มงง จังหวะที่รำพึงร้องก็จัดการพลิกปลายมีดเข้าหาตัวเอง แล้วก็จับมือเหวี่ยงไปมา
“น้องรำพึง!”
ชุ่มตกใจหันไปทางขุนพิทักษ์ รำพึงฉวยโอกาสนั้นเหวี่ยงมือแล้วปล่อยมีดให้กระเด็นไป รำพึงทิ้งตัวล้มลงไป ทั้งที่มือของชุ่มอีกมือยังจิกหัวรำพึงอยู่
“โอ้ย!”
ขุนพิทักษ์ รีบเข้าไปดึงตัวชุ่มออกมาแล้วเหวี่ยงชุ่มลงไปกองกับพื้นที่ไม่ห่างกันนัก
“นังชุ่ม เอ็งทำบ้าอะไร!”
ชุ่มงง
“ท่านขุนเจ้าคะ...คุณรำพึง”
รำพึงสบตากับจวง จวงรู้หน้าที่ แล้วแหกปากเข้ามาฟ้องตัดหน้าชุ่ม
“ท่านขุนเจ้าคะ นังชุ่มมันจะฆ่าคุณรำพึงเจ้าค่ะ!”
ชุ่มเหวอไป
บริเวณลานบ้านคุณหญิงมณี ชุ่มนั่งคุกเข่าเผชิญหน้ากับขุนพิทักษ์น โดยมีรำพึงนั่งอยู่กับจวงที่ใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดแขนรำพึงอย่างประคบประหงม
“แค่คุณรำพึงเค้ามาปรามเอ็งไม่ให้ยุ่งกับไอ้ขุนไว เอ็งถึงกลับจะฆ่าจะแกงกันเลยรึ”
ชุ่มน้อยใจบอก
“ถ้าท่านขุนเชื่ออย่างนั้นแล้ว ท่านขุนจะมาถามข้าอีกทำไม”
ขุนพิทักษ์ เริ่มโมโห
“ก็ข้าถามเอ็งอยู่นี่ว่ามันจริงหรือไม่!”
“เรื่องไหนล่ะเจ้าคะ เรื่องที่ข้าแอบคบหากับขุนไว หรือเรื่องที่ข้าคิดจะฆ่าคุณรำพึง”
ขุนพิทักษ์ ชะงักนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่ออย่างไม่เจาะจง
“ก็เรื่อง...ก็ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ”
“ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าใคร”
รำพึงมองชุ่ม สายตาราวกับจะฆ่าซะให้ตาย ชุ่มมองตอบไม่หลบตา
“ส่วนอีกเรื่อง ท่านขุนคิดเอาเองเถอะเจ้าค่ะ ว่าอยู่ๆคนอย่างขุนไวจะมาคบหากับทาสในเรือนท่านขุนได้ยังไง”
ขุนพิทักษ์ชะงักไป และมีท่าทีอ่อนลง รำพึงมองอย่างไม่พอใจแล้วแกล้งทำเสียงอ่อนโยน
“ชุ่มจ๊ะ ที่เธอทำร้ายฉันคุณพี่ก็เห็น ถ้าเธอไม่ยอมรับ ฉันก็คงบังคับเธอไม่ได้ การโกหกคนอื่นเพื่อให้พ้นผิดฉันเข้าใจได้ แต่ชุ่มจะโกหกตัวเองได้เหรอ”
ชุ่มมองรำพึงอย่างไม่อยากจะเชื่อในความร้ายกาจ
“ถ้าเอ็งยอมรับ แล้วขอโทษคุณรำพึงดีๆ ข้าเชื่อว่าเค้าจะเมตตาเอ็งนะชุ่ม”
รำพึงยิ้มใจดีให้ขุนพิทักษ์
ชุ่มรู้สึกแค้นกับรอยยิ้มนั้น
“ข้าไม่ขอโทษ เพราะข้าไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ชุ่ม!”
“ใจเย็นๆเถอะค่ะคุณพี่ อย่าให้ถึงกับต้องลงหวายกันเลย”
ขุนพิทักษ์ คิดได้
“ถ้าไม่โดนหวายซะบ้าง มันคงไม่ยอมรับ”
ชุ่มอึ้ง รำพึงแอบยิ้มชอบใจ
ชุ่มถูกจับมัดไว้กับเสาฃ ขุนพิทักษ์ ยืนถือหวายอยู่ด้วยสีหน้านิ่งขึง ส่วนรำพึงและจวงยืนอยู่อย่างสะใจ พวกบ่าวในเรือนก็มานั่งล้อมด้วยความหวาดเสียว
“ถ้าเอ็งยอมรับความจริง ข้าจะไม่โบยเอ็ง”
ชุ่มนิ่ง ขุนพิทักษ์ ง้างไม้จะโบย สมวิ่งมาขวางไว้
“กระผมขอเถอะขอรับ มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ”
“ไอ้สม เอ็งเป็นแค่บ่าว กล้าขวางข้างั้นรึ”
“ถ้าจะโบย โบยกระผมแทนเถอะขอรับ”
“พี่สมถอยไป”
ชุ่มมองหน้าขุนพิทักษ์ น้ำตาคลอแล้วบอก
“โบยข้าเลยเจ้าค่ะ เพราะยังไงข้าก็ไม่ยอมรับ และยังไงท่านขุนก็ไม่มีวันเชื่อคำพูดของทาสอย่างข้า”
ขุนพิทักษ์ เห็นสายตาของชุ่มก็ใจอ่อน
“คุณพี่”
“พี่กำลังคิดว่าเรื่องทั้งหมดอาจเป็นการเข้าใจผิด”
รำพึงทำเสียงเศร้าบอก
“ถ้าคุณพี่คิดเห็นเป็นเช่นนั้น น้องก็ยอมตามคุณพี่เจ้าค่ะ เราไปกันเถอะจวง”
รำพึงน้ำตารื้นจะออกไป ขุนพิทักษ์เข้าไปรั้งไว้
“น้องรำพึงจะไปไหน”
“กลับบ้านเจ้าค่ะ คงเป็นกรรมของน้องเองที่หวังดีกับคนอื่นมากไป จนทำลายเกียรติของตัวเอง”
ขุนพิทักษ์ ทำอะไรไม่ถูก
“แล้วน้องจะให้พี่ทำอย่างไร น้องบอกพี่มาสิ”
“ไม่ต้องทำอย่างไรแล้วล่ะค่ะ เท่านี้น้องก็เห็นแล้วว่าคุณพี่ให้ความสำคัญกับน้องมากกว่าทาสอย่างนังชุ่มหรือไม่”
“พี่...”
ขุนพิทักษ์ คิดหนัก
รำพึงเห็นขุนพิทักษ์ ยังไม่จัดการก้บีบน้ำตาร่วงอีก
“น้องลาแล้วค่ะ”
“เดี๋ยว! รำพึง”
ขุนพิทักษ์ เดินไปหาชุ่มแล้วง้างไม้
“หวังว่าเอ็งจะเข้าใจข้านะชุ่ม” ขุนพิทักษ์ พูดเบาๆ
“ท่านขุนขอรับ” สมอ้อนวอน
“ถอยไป ไอ้สม”
“พี่สมจ๊ะ พี่อย่าต้องเดือดร้อนด้วยเลย ชุ่มทนได้”
สมจำใจถอยออกไป ขุนพิทักษ์ จำใจโบยวายที่หลังชุ่ม ชุ่มกัดฟันไม่ร้อง แต่เจ็บปวดหนัก
ชุ่มมองขุนพิทักษ์อย่างเจ็บช้ำ รำพึงมองอย่างสะใจ สมมองรำพึงอย่างเกลียดชัง
บ่วงบาป ตอนที่ 3 (ต่อ)
สมประคองชุ่มที่น้ำตาร่วงรินด้วยความเสียใจเข้ามาในเรือนทาส ชุ่มอ่อนแรงและเจ็บปวดจากแผลที่ถูกโบย สมหันมามองชุ่มเห็นน้องสาวน้ำตาอาบสองแก้ม จึงวางชุ่มลงนั่งกับพื้น แล้วใช้มือปาดน้ำตาให้
“ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าคุณรำพึงนะพี่สม ข้า...”
“ข้าเชื่อว่าเอ็งไม่ได้ทำ” สมบอก
ชุ่มยิ่งร้องไห้ สมมองแล้วเจ็บแค้นแทนน้อง ลุกขึ้นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วจะไป ชุ่มรีบดึงมือไว้
“พี่จะไปไหน”
“ข้าจะไปบอกคุณหญิงว่าพวกมันเคยตบตีเอ็ง แล้ววันนี้มันก็ใส่ร้ายเอ็ง”
ชุ่มยื้อหนักบอกห้าม
“อย่าพี่”
“เอ็งกลัวว่าคุณหญิงจะเข้าข้างคุณรำพึงใช่ไหม”
ชุ่มส่ายหน้า
“สักวันทุกคนจะรู้ความจริง ข้าเชื่อว่าคุณหญิงท่านยุติธรรมพอ”
“แต่ท่านขุนไม่ยุติธรรมกับเอ็ง”
ชุ่มคิดถึงตอนที่ขุนพิทักษ์โบยตน ก็ยิ่งร้องไห้หนัก
“บ่าวอย่างเรา พูดความจริงไปใครจะเชื่อ”
สมมองชุ่มที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวด แค้นที่ช่วยอะไรน้องสาวไม่ได้
ด้านขุนพิทักษ์สีหน้าไม่สบายใจนัก มือข้างที่โบยชุ่มกำแน่น ขุนพิทักษ์เจ็บปวดใจ ขณะเดินนำมาที่ท่าน้ำ รำพึงแอบสังเกตอาการ
“คุณพี่คะ น้องต้องขอบคุณคุณพี่มากนะคะที่กู้เกียรติให้กับน้อง คุณพี่ทำให้น้องรู้ว่า น้องสำคัญกับคุณพี่มากแค่ไหน”
รำพึงพูดพลางเข้ามาไหว้ที่อก ขุนพิทักษ์ ชะงัก แล้วนิ่งไม่ตอบ
“งั้นเย็นนี้น้องจะทำอาหาร”
“พี่จะไปส่งที่ท่าน้ำนะ”
รำพึงอึ้ง
“แต่”
ขุนพิทักษ์ตัดบทแบบเนียนๆ
“ถ้าท่านพระยาเห็นน้องกลับเรือนช้าจะเป็นห่วงนะ”
ขุนพิทักษ์ โอบประคองเป็นเชิงบังคับให้เดิน รำพึงอึ้งต้องเดินตาม จวงรีบตาม บริเวณท่าน้ำ รำพึงไม่อยากก้าวลงเรือและพยายามจะดึงเวลา
“น้องยังไม่ได้ลาคุณป้า”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวพี่บอกให้... จวง ลงเรือ!”
จวงตกใจรีบกระวีกระวาดก้าวลงเรือหน้าแทบจะทิ่ม
“แล้วพี่จะไปหานะ”
เรือของรำพึงค่อย ๆ แล่นห่างออกไป รำพึงหันกลับไปมองที่ท่าเรือแต่ไม่เห็นขุนพิทักษ์แล้ว รำพึงชะเง้อมอง จวงเห็นท่าทางรำพึงก็ใส่ไฟทันที
“คนรักกันแทนที่จะอยากยื้อให้อยู่ด้วยกันนาน ๆ นี่คงเป็นห่วงนังชุ่มจนต้องรีบไปดูอาการมันแน่ๆ เจ้าค่ะ”
รำพึงกำมือแน่น ยิ่งคิดยิ่งแค้น
“นังชุ่ม...เอ็งจะเป็นมารหัวใจข้าไปถึงไหน!”
ขุนพิทักษ์ ร้อนรนจะเดินไปเรือนทาส เสียงคุณหญิงดังขึ้น
“พ่อพิทักษ์!”
ขุนพิทักษ์ ชะงักหันกลับ เห็นคุณหญิงมณีเดินเข้ามามีแจ่มตามหลัง แจ่มเห็นขุนพิทักษ์มองก็หลบตาแล้วปลีกตัวออกไป
“คุณแม่คงทราบเรื่องแล้ว”
“ลูกเชื่อเหรอว่า ชุ่มมันจะทำแบบนั้นกับหนูรำพึง”
“ไม่เชื่อขอรับ”
“ถ้าไม่เชื่อแล้วลูกโบยมันทำไม”
“ลูกจำเป็นขอรับ”
ขุนพิทักษ์เห็นคุณหญิงมณีจะถามต่อ จึงตัดบท
“ลูกขอไปดูชุ่มก่อน”
“ไม่ต้อง แม่ให้แจ่มมันไปดูให้แล้ว ลูกบอกมาสิว่ามันเกิดเรื่องนี้ได้ยังไง”
ขุนพิทักษ์มองคุณหญิงมณีผู้เป็นมารดาอย่างหนักใจ
ที่ในเรือนทาสเวลานั้น สมมีสีหน้าอยากจะเล่าให้แจ่มฟังมาก
“ก็เพราะ...”
ชุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่ร้องห้ามไม่ให้พูด
“พี่สม!”
“ทำไม มีอะไรถึงบอกข้าไม่ได้หะ นังชุ่ม!” แจ่มว่า
“เอ็งจะยอมเจ็บตัวโดยไม่ผิดแบบนี้ไม่ได้!” สมบอก
“เจ็บแค่นี้ข้าทนได้ อย่าทำให้คุณหญิงต้องวุ่นวายเพราะเรื่องของข้าเลยนะพี่สม”
สมมองสายตาอ้อนวอนของชุ่มแล้วจำต้องเงียบ
“ชุ่ม คุณหญิงท่านเป็นคนยุติธรรมนะ ถ้าเอ็งมีเรื่องอะไร” แจ่มบอก
ชุ่มรีบตัดบท
“ไม่มีอะไรจริง ๆจ๊ะน้าแจ่ม มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ”
“ชุ่ม...”
“ฉันขอนอนก่อนนะจ๊ะน้า”
ชุ่มทำเพลียหลับตา แจ่มได้แต่มองสมที่หันหน้าหนีอย่างขัดใจ มองชุ่มที่ไม่ยอมเล่าอย่างสงสัย
บนเรือน พระยาเทวราชรับดาบจากขุนไวพิชิตพล
“กระผมรับดาบจากช่างตีดาบมาครบตามจำนวนที่ต้องการแล้วขอรับ”
“ดี...แล้วท่านขุนเตรียมตัวสำหรับการประลองไปถึงไหนแล้ว”
“กระผมทุ่มสุดชีวิตขอรับ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้นอกจากเรื่องงาน ยังมีเรื่องของหัวใจเป็นเดิมพันด้วย กระผมอยากพิสูจน์ให้หญิงที่กระผมรักเห็นว่ากระผมจริงใจกับเธอมากเพียงใด ท่านพระยาคงทราบว่า กระผมกับขุนพิทักษ์มีหญิงในดวงใจเป็นคนคนเดียวกัน”
“ฉันรู้ แต่รำพึงรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ว่าประลองกันเพื่ออะไร”
“น้องรำพึงทราบดีขอรับ และครั้งนี้หากใครแพ้จะต้องไปจากเมืองนี้”
พระยาเทวราชยิ้มบอก
“ฉันหวังว่า ท่านขุนจะเป็นผู้ชนะ”
ขุนไว ยิ้มรับอย่างยินดีที่พระยาเทวราชแสดงออกว่าสนับสนุน
รำพึงกับจวงเดินขึ้นมาพอดี
“รำพึ เย็นนี้ลูกตั้งสำรับเพิ่ม ขุนไวจะทานข้าวกับเราด้วย”
ขุนไว ยิ้มอย่างยินดีอีกครั้ง รำพึงมองอย่างสงสัยในท่าทีของพระยาเทวราช
เวลากลางคืน บนเรือนคุณหญิงมณี แจ่มลงนั่งที่พื้นตรงหน้าคุณหญิงกับขุนพิทักษ์ไมตรีที่รอฟังเรื่องราว แจ่มมีสีหน้าหนักใจ
“บ่าวทั้งบังคับ ทั้งขอร้องนังชุ่ม แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรเลยเจ้าค่ะ เอาแต่นอนร้องไห้”
ขุนพิทักษ์ ร้อนใจถาม
“แล้วมันเป็นยังไงบ้าง”
“เนื้อแตกทั้งหลังเลยเจ้าค่ะ บ่าวว่าคงจะเจ็บมาก”
ขุนพิทักษ์ หน้าเสีย ลุกขึ้นทันทีจะเดินออกไป
“ลูกจะไปไหน” คุณหญิงมณีถาม
ขุนพิทักษ์ ชะงักอึกอักแล้วก็ทำเสียงดัง
“กระผมเบื่อ! จะไปข้างนอก”
ขุนพิทักษ์ พูดจบก็เดินออกไปเลย คุณหญิงมณีมองตาม
“น่าสงสารนังชุ่มนะเจ้าคะ ช่วงนี้มันคงดวงตก มีแต่เรื่องเจ็บตัวแล้วก็มีเรื่องกับคุณรำพึงบ่อยมาก ทั้งที่ปกตินังชุ่มมันไม่เคยมีปัญหากับใครเลยนะเจ้าคะ”
คุณหญิงมณีคิดตาม
ที่เรือนทาส ชุ่มนั่งหันหลังให้ประตูแล้วควักยาในถ้วยบดยา ก่อนจะพยายามเอื้อมมือไปทาด้านหลังอย่างยากลำบาก มือชุ่มแตะยาลงบนแผลแล้วสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด
ชุ่มนึกถึงภาพที่ขุนพิทักษ์โบยชุ่ม ชุ่มกัดฟันไม่ร้อง แต่เจ็บปวดหนัก
ขุนพิทักษ์เข้ามาในห้อง มองชุ่มที่จะควักยาแต่มือขุนพิทักษ์ มาคว้าถ้วยยาไป ชุ่มตกใจหันไปเห็นเป็นขุนพิทักษ์ ก็จ้องนิ่ง
“เอ็งเจ็บมากไหม”
ชุ่มมองขุนพิทักษ์ ด้วยสายตาเฉยชา ขุนพิทักษ์ ควักยาจะแตะที่แผลแต่ชุ่มเบี่ยงตัวหนี ขุนพิทักษ์ ขยับตาม แต่ชุ่มขยับไปนั่งพิงฝาเมินมองไปทางอื่น
“ชุ่ม...”
ชุ่มนิ่งไม่ตอบรับ ไม่แม้แต่จะหันมองมา
“ชุ่ม ข้าทาแผลให้ หันมา ข้าจะทาแผลให้ นังชุ่ม!”
ชุ่มนิ่งเงียบเมินหน้าไปทางอื่น จนขุนพิทักษ์ ต้องจับชุ่มหันมา
ขุนพิทักษ์ ชะงักอึ้งที่เห็นว่าหน้าชุ่มเต็มไปด้วยน้ำตา ชุ่มมองอย่างเย็นชา ขุนพิทักษ์ปล่อยมือจากชุ่ม
ชุ่มลงนอนหันหลังร้องไห้ด้วยความน้อยใจและเจ็บปวด ขุนพิทักษ์จนใจจำต้องถอยออกไปอย่างรู้สึกผิด
รำพึงเดินตามมาส่งขุนไวพิชิตพลถึงเรือที่ท่าน้ำบ้านพระยาเทวราช
“รสชาติอาหารฝีมือน้องอร่อยมาก พี่ดีใจเหลือเกินที่อีกไม่นานพี่จะได้น้องมาคู่เคียง”
ขุนไวจับมือ รำพึงอยากจะดึงออก แต่ขุนไวกระชับจับไว้ไม่ยอมปล่อย
“น้องรังเกียจพี่”
“ไม่ใช่นะคะ น้องเกรงว่าคุณพ่อมาเห็นเข้าจะไม่งาม”
ขุนไว ยิ้มพอใจบอก
“ไม่ต้องกลัว ท่านพระยายินดีกับเราสองคนด้วยซ้ำ เมื่อพี่ชนะไอ้พิทักษ์คราวนี้ พี่จะรีบให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอน้องทันที !”
ขุนไว ยิ้มอย่างมีความสุข แล้วปล่อยมือจากรำพึงลงเรือไป รำพึงมองตามอย่างครุ่นคิด
“คุณพ่อยินดีด้วย”
บนเรือน พระยาเทวราชอ่านเอกสาร รำพึงยกแก้วชามาให้พระยาเทวราช
“น้ำชาค่ะคุณพ่อ”
“อืม...”
รำพึงมองพระยาเทวราชแต่ยังไม่ยอมออกไป
“มีอะไร”
“การดวลของขุนไวกับคุณพี่พิทักษ์น่ะค่ะ ทั้งสองคนทำเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาจริงใจกับลูกมากแค่ไหน”
พระยาเทวราชพูดต่อ
“โดยมีตัวลูกเป็นเดิมพัน”
“คุณพ่อรู้”
พระยาเทวราชพยักหน้า
“ถ้าครั้งนี้ใครเป็นผู้ชนะ ลูกจะแต่งงานกับคนนั้น”
รำพึงมั่นใจว่าขุนพิทักษ์จะชนะ ขณะที่พระยาเทวราชคิดว่า ขุนไวจะชนะ
“ค่ะ”
“พ่ออนุญาต!”
รำพึงดีใจออกนอกหน้าบอก
“จริงนะคะ ถ้าคุณพี่พิทักษ์ชนะ คุณพ่อ...”
พระยาเทวราชตัดบทบอก
“แต่ถ้าขุนไวชนะ ลูกก็ต้องแต่งงานไม่มีข้อแม้เหมือนกัน”
รำพึงคิดนิดนึงก่อนตอบ
“ตกลงค่ะ”
“ถือว่าลูกให้คำมั่นแล้วนะ”
พระยาเทวราชเดินออกไป จวงที่แอบฟังรีบเข้ามาอย่างร้อนใจ
“คุณรำพึงเจ้าคะ ไปสัญญาแบบนั้นถ้าเกิดท่านขุนพิทักษ์แพ้ล่ะเจ้าคะ”
รำพึงมีสีหน้ามุ่งมั่น
“ไม่มีทาง คุณพี่ต้องเอาชนะขุนไวได้แน่ๆ!”
ภายในโรงเหล้า ขุนพิทักษ์ เมามาย สาว 2 คนคอยรินเครื่องดื่มให้ไม่ขาดตอน รอบ ๆข้างก็มีชาวบ้านคนอื่นๆ พากันเฮฮา
“เติมสิ เติม!”
สาวทั้ง2 คนพยายามเข้ามาคลอเคลีย
ขุนพิทักษ์ ปัดอย่างไม่ใยดี
“อย่ามายุ่งกับข้า!”
สาวๆยังนัวเนียไม่เลิก ขุนพิทักษ์ รำคาญผลักสาวออกไป จนสาวร่วงจากบนที่นั่งลงไปนอนกองกับพื้น
“ไปให้พ้น ไป!”
ขุนพิทักษ์ ปาไหเหล้าแตกเพล้ง! สาว ๆ รีบพากันจูงมือหนีไปอย่างหวั่นๆ ขุนพิทักษ์ ทิ้งตัวลงนอนด้วยความเมามาย
“นังชุ่ม..ชุ่ม”
ขุนพิทักษ์ เมาจนหมดสติ
เช้าวันใหม่ ที่เรือนคุณหญิง แจ่มยกสำรับขึ้นมา ชุ่มยกน้ำดื่มตามขึ้นมาแล้วช่วยแจ่มจัดสำรับ คุณหญิงมณีเดินออกมาจากห้อง
“พ่อพิทักษ์ล่ะ”
“ยังไม่กลับเรือน ตั้งแต่เมื่อวานเจ้าค่ะ”
คุณหญิงถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม
“ข้าจะไปทำบุญ เอ็งไปเตรียมเรือสิ”
“อ้าว...แล้วสำรับเช้า”
“ข้าไม่หิว”
คุณหญิงเดินเข้าห้องไป แจ่มถอนใจเดินลงเรือนไป ชุ่มมองตามคุณหญิงด้วยความเป็นห่วง
เช้าวันเดียวกันที่บ่อน ไก่ที่ถูกปล่อยลงสนามชนขุนพิทักษ์ไมตรีและนักพนันต่างพากันเชียร์ลั่น
“อย่างนั้นแหละ!”
ขุนพิทักษ์ เล่นการพนันอย่างเมามัน ลูกน้องของขุนไวพิชิตพลยืนมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบออกไป
เวลาเดียวกัน ขุนไวที่พันผ้าที่ข้อมือเพื่อจะซ้อมต่อยมวย ฟังบ่าวเข้ามารายงาน
“ดี คอยจับตาดูมันไว้”
ลูกน้องขุนไว รับคำสั่งแล้วรีบออกไป
“เตรียมรับความพ่ายแพ้ไว้ได้เลย ไอ้พิทักษ์!”
ขุนไวเดินไปที่ต้นกล้วย ขุนไวเตะ ๆ ๆ จนลำต้นสั่นคลอน ขุนไวซ้อมด้วยความมุ่งมั่น
ในเวลาต่อมา ขุนพิทักษ์ กำลังเล่นกำถั่ว แต่เสียพนันเลยหงุดหงิด
ขุนไวต่อยกับลูกน้องที่เป็นคู่ซ้อมอย่างคล่องแคล่ว ฉับไว ชั้นเชิงมวยดูเก่งมาก
บริเวณใกล้ท่าน้ำ ขุนไว เห็นเรือของคุณหญิงมณีกำลังจะไปวัดแล่นผ่าน เสียงการซ้อมของขุนไว ดังมา
คุณหญิงมณีเขม้นมองอย่างสนใจ
แจ่มยื่นหน้าดู
“นั่นท่านขุนไวนี่เจ้าคะ”
คุณหญิงมณีมองไปเห็นขุนไว รุกไล่คู่ซ้อมอย่างหนัก ใช้ท่าหมุนจระเข้ฟาดหางจนคู่ซ้อมกระเด็น
“ตายแล้ว...ขุนไวซ้อมหนักขนาดนี้ ท่านขุนของแจ่มจะไหวหรือเจ้าคะคุณหญิง”
คุณหญิงมณีเครียด
ในเวลาต่อมา ชุ่มออกมาที่หน้าเรือนเห็นคุณหญิงมณีเดินกลับเข้ามา มีแจ่มรีบเดินตามเข้ามาพร้อมกับข้าวของที่จะนำไปทำบุญที่วัด ชุ่มแปลกใจ
“ทำไมกลับเร็วจังเจ้าคะ”
“ข้าเหนื่อย อยากพัก”
คุณหญิงมณีเดินขึ้นเรือนไป
“มีอะไรกันเหรอพี่แจ่ม แล้วของพวกนี้จะเอาไปทำบุญไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
แจ่มหนักใจบอก
“ท่านคงเครียด กลัวท่านขุนจะแพ้ขุนไวน่ะสิ เฮ้อ...”
“ทำไมเหรอจ๊ะ มีเรื่องอะไร”
ชุ่มถามอย่างสนใจ
ที่โรงเหล้าเวลากลางคืน ขุนพิทักษ์กระแทกแก้วลงอย่างเมามาย สาว ๆ พยายามจะเข้ามานั่งคลอเคลีย
“ไปให้พ้น ไป!”
ขุนพิทักษ์ รำคาญผลักออกไปแล้วลุกขึ้นเดินไป
ในเวลาต่อมา ขุนพิทักษ์ เดินเข้ามาจะขึ้นเรือน แต่ชะงักแล้วตัดสินใจเดินไปทางเรือนทาส
ขุนพิทักษ์ เดินมาทางเรือนทาสจะตรงไปหาชุ่ม มีเสียงคนอาบน้ำอยู่ที่ท่าน้ำ ขุนพิทักษ์ ชะงักเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปดูตามเสียง
ขุนพิทักษ์ เห็นชุ่มกำลังนั่งอาบน้ำอยู่ที่ท่าน้ำเพียงลำพัง ชุ่มค่อย ๆ ลูบที่แขนอย่างช้า ๆ ขุนพิทักษ์ มองเคลิ้ม ลืมตัวจะก้าวเข้าไปแต่เหยียบกิ่งไม้เสียงดัง ชุ่มตกใจหันกลับมา
“ใครน่ะ”
ขุนพิทักษ์ ก้าวเข้ามา
“ข้าเอง”
ชุ่มเห็นว่าเป็นขุนพิทักษ์ ก็รีบลุกขึ้นเอาผ้ามาคลุมตัว ชุ่มจะรีบเดินไปแต่ขุนพิทักษ์ รีบเดินมาขวางไว้
“ชุ่ม เอ็งเป็นยังไงบ้าง”
ชุ่มไม่ตอบจะเดินหนีอย่างเดียว ขุนพิทักษ์ยังก้าวตามมาขวาง ชุ่มตัดสินใจผลักขุนพิทักษ์จะรีบเดินไป
“ข้าไม่ได้คิดว่าเอ็งผิด แต่ข้าจำเป็นต้องโบยเอ็ง!”
ชุ่มชะงักแต่ยังไม่หันมา
“ชุ่ม...ข้าขอโทษ”
ชุ่มแปลกใจที่ได้ยินคำขอโทษ แต่ความน้อยใจทำให้ยังไม่หันไป ชุ่มจะเดินไปอีก ขุนพิทักษ์ก้าวเข้าไปขวางจับสองแขนไว้
“ชุ่ม..เอ็งพูดกับข้าสิ”
ชุ่มมองนิ่ง ขุนพิทักษ์อึดอัด ชุ่มแกะมือ ขุนพิทักษ์ทนไม่ไหว
“ขอแค่เอ็งยอมพูดกับข้า...จะให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอม!”
ชุ่มชะงักหันมามองขุนพิทักษ์อย่างใช้ความคิด
“ถ้าข้าขอก็จะให้จริงเหรอเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์กระตือรือร้นบอก
“จริงสิ”
“ท่านขุนพูดแล้วอย่าคืนคำนะเจ้าคะ”
ชุ่มยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ
โปรดติดตาม "บ่วงบาป" ตอนที่ 4