xs
xsm
sm
md
lg

บ่วงบาป ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บ่วงบาป ตอนที่ 2

ที่บนเรือนภายในงานศพท่านเจ้าคุณ บรรยากาศเศร้าสร้อย ในจังหวะที่พระสวดอยู่นั้น จู่ๆมีแมวดำกระโดดลงมาบนโลงศพดังโครม! หลวงตามั่นตากระตุก ลืมตาขึ้น ผู้คนตกใจ คุณหญิงมณีใจคอไม่ดี

“คุณพี่”
“ก็แค่แมวครับคุณแม่ อย่าตกใจไปเลย” ขุนพิทักษ์บอก

ส่วนในเรือนทาส รำพึงกับจวงช่วยกันจับชุ่มแล้วรุมตบ จวงเหวี่ยงชุ่มลงไปกระแทกพื้นแล้วขึ้นคร่อมตบ ๆ ๆ จนชุ่มเจ็บตัวสู้ไม่ไหว
“ปล่อยข้านะ”
รำพึงลืมตัว
“จับมันขึ้นมา!”
จวงจิกหัวชุ่มขึ้นมา รำพึงจับหัวชุ่มแล้วเหวี่ยงกระแทกกับไม้ฝาเรือน โป๊ก! จวงตกใจร้อง
“คุณเจ้าขา”
ชุ่มร่วงลงกับพื้น นอนนิ่งจนจวงใจเสีย
“มันจะตายไหมเนี่ย”
“ก็เอาผ้าออกดูสิ นังโง่!”
จวงดึงผ้าออก ชุ่มมึนมองไปรอบๆ เห็นภาพรำพึงกับจวงเบลอ ๆ
“หัวแข็งนัก !”
“คุณเจ้าขา เราหายมานานแล้วรีบกลับไปที่เรือนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวคนจะสงสัย”
รำพึงมองชุ่มอย่างชิงชัง

บนเรือน … หลวงตามั่นมองไปที่โลงศพ แล้วพึมพำกับตัวเอง
“บ่วงบาปกำลังเริ่ม ท่านพระยาฯ...”

ที่เรือนทาส รำพึงสะบัดหน้าออกไป จวงตาม ชุ่มเบลอจนสลบไปไม่ได้สติ

รำพึงเดินยิ้มกระหยิ่มขึ้นกำลังเดินมายังเรือนคุณหญิงกับจวง
“มันคงจำฝังกะโหลกไปอีกนาน แต่ถ้ามันฟ้องคุณหญิงล่ะเจ้าคะ”
“มันไม่เห็นหน้าเอ็งกับข้า มันจะฟ้องได้ยังไง แต่ถ้ามันกล้าฟ้อง... ระหว่างลูกพระยากับทาสชั้นต่ำ คุณหญิงจะเชื่อใคร”
“ทูนหัวของบ่าว หลักแหลมจริง ๆเจ้าค่ะ”
จังหวะนั้นเอง ขุนพิทักษ์ ก็โผล่ออกมาขวางหน้ารำพึง
“อุ๊ย คุณพี่”
จวงเห็นก็เลยถอยฉากออกไปดูต้นทางให้
“น้องไปอยู่ที่ไหนมา ปล่อยให้พี่คิดถึง”
“อย่ามาปากหวานเลยเจ้าค่ะ เมื่อกลางวันยังไปนอนกกนางทาสอยู่เลย”
“นางทาสที่ไหนจะมาสู้น้องรำพึงของพี่”
ขุนพิทักษ์ ไม่เพียงพูด แต่ดึงรำพึงมากอด
“คุณพี่ปล่อยน้องนะเจ้าคะ ไม่อายผีสางบ้างหรือ”
“จะต้องอายทำไม ผีสางก็รู้ว่าพี่รักน้องแค่ไหน”
ขุนพิทักษ์ พูดแล้วก็หอมแก้มนวลของรำพึง รำพึงใจสั่นสะท้าน
“น้องจะเชื่อได้อย่างไรว่าคุณพี่จะรักน้องเพียงคนเดียว”
“เชื่อพี่เถอะ....หัวใจพี่มีน้องเพียงคนเดียว”
“คุณพี่กล้าเอาชีวิตเป็นเดิมพันรึคะ”
ขุนพิทักษ์ไมตรีชะงักกับคำพูดของรำพึง
“ถ้าคุณพี่ไม่กล้าก็หมายความว่า คำที่พูดมาเป็นเพียงลมปากแล้วจะให้น้องฝากชีวิตไว้ได้อย่างไร”
รำพึงผละตัวออกไป ขุนพิทักษ์รั้งตัวรำพึงไว้
“พี่เอาชีวิตเป็นเดิมพันว่า พี่จะรักและยกย่องน้องรำพึงเพียงคนเดียว”
สายตาของรำพึงดูจริงจังมาก แต่เสียงของจวงก็มาขัดบรรยากาศ ขุนพิทักษ์ ดึงร่างรำพึงหลบ ลงไปนอนที่พื้น
“ท่านขุนไว ท่านจะไปไหนเจ้าคะ”
“ข้าก็มาตามหาคุณรำพึงสิวะ ท่านพระยาฯเรียกหาแล้ว”
“คุณรำพึงไปที่เรือนแล้วเจ้าค่ะ”
บริเวณพื้นสนาม ขุนพิทักษ์อยู่บนตัวรำพึง
ขุนพิทักษ์ คลอเคลียที่ข้างแก้ม
“พี่อยากอยู่แบบนี้ไปจนตาย ไม่อยากปล่อยน้องเลย”
รำพึงเคลิ้มแต่ยังมีสติ
“ถ้าพี่ไม่ปล่อยน้องไปตอนนี้ คุณพ่อต้องเล่นงานคุณพี่แน่ๆ”
“แล้วพี่จะมีโอกาสได้กอดน้องแบบนี้อีกเมื่อไหร่”

ทางฝั่งขุนไว จะเดินกลับไปทางเรือน แต่หันมาเห็นจวงมีอาการแปลกๆ
“เป็นอะไรนังจวง มองไปในพุ่มไม้ทำไม มีอะไร”
ขุนไว จะขยับเข้าไป แต่จวงดึงไว้ ขุนพิทักษ์ ตกใจ รีบพารำพึงมุดลอดสวนไป
“ไม่มีอะไรเลย เจ้าค่ะ รีบไปเถอะเจ้าค่ะท่านขุนฯ เดี๋ยวทั้งท่านพระยาฯและคุณรำพึงจะคอยเรานะเจ้าคะ”
“ข้าไม่เชื่อเอ็ง”
“เชื่อเถอะเจ้าค่ะ จวงไม่โกหก”
ขุนไว มองไปที่พุ่มไม้แล้วเดินตรงเข้าไป จวงอกสั่นขวัญหาย
“แย่แล้ว”
ขุนไว แหวกพุ่มไม้ จังหวะนั้น แมวตำตัวหนึ่งกระโดดโจนมา
“ไอ้แมวบ้า!”
แมวมองจ้องหน้าขุนไว จวงขำคิกคัก
“ขำอะไร”
“เปล่าเจ้าค่ะ ก็จวงบอกแล้วว่าไม่มีอะไร ท่านขุนฯก็ไม่เชื่อ”
ขุนไวพิชิตพล หัวเสียเดินกระแทกผ่านหน้าจวงไป จวงเดินไปแหวกพุ่มไม้ดู แต่ไม่เห็นใครแล้ว

“หายไปไหน ผีลักซ่อนรึเปล่าวะเนี่ย”

ที่เรือนทาสเวลานั้น ชุ่มเจ็บปวดไปทั่วกายค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าตาเต็มไปด้วยคราบเลือด สมเดินเข้ามาเห็นน้องก็ตกใจ

“ทำไมเอ็งเป็นอย่างนี้”
ชุ่มร้องไห้กอดสม
“เพราะเราเป็นทาส ใครๆถึงทำกับเราตามอำเภอใจได้หรือพี่สม”
“ใครทำอะไรเอ็ง เอ็งบอกข้า”
“ฉันไม่เห็นหน้าพวกมัน แต่ฉันได้ยินเสียง”
ชุ่มสีหน้าครุ่นคิด
“คุณรำพึง”
“คุณรำพึง ลูกสาวพระยาเทวราชน่ะเหรอ ทำไมเขาต้องทำเอ็งขนาดนี้”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่พี่เชื่อฉันนะ เป็นคุณรำพึงจริง ๆ”
“ถ้าเอ็งยืนยันแบบนั้น! ข้าจะไปเรียนคุณหญิง”
ชุ่มดึงสมไว้
“อย่าเลยพี่สม คุณหญิงมีเรื่องทุกข์ใจมากพอแล้ว อีกอย่างทาสอย่างเราพูดไปจะมีใครเชื่อ ช่างมันเถอะพี่ เจ็บแค่นี้ ชั้นทนได้”
สมจะไม่ยอม แต่ชุ่มดึงมือสมไว้ สมกอดน้องด้วยความสงสาร


คุณหญิงมณีเดินลงมา มองการสั่งการของแจ่มในการเตรียมน้ำสำหรับน้ำขึ้นไปรับแขก
“เร่งมือกันหน่อย”
“คุณหญิง ต้องลงมาเองหรือเจ้าคะ” แจ่มถาม
“น้ำสำหรับรับรองแขกพร่องแล้ว พวกเอ็งมัวแต่ต้วมเตี้ยมกันจนข้าทนไม่ไหว”
“บ่าวจะรีบจัดการนำขึ้นไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีจะกลับขึ้นเรือน แต่ชะงักที่เห็นขุนพิทักษ์ไมตรีกับรำพึงเดินเคียงคู่กันเข้ามา
“คุณหญิงคะ มีสิ่งใดให้รำพึงช่วยแบ่งเบาไหมคะ”
“น้องรำพึงอย่าเรียกคุณแม่พี่ด้วยคำเหินห่างแบบนั้นสิจ๊ะ เรียกท่านว่าคุณแม่จะดีกว่านะ”
ทุกคนมองอึ้ง
“พ่อพิทักษ์...”
ขุนพิทักษ์ สั่งบ่าว
“อ้ายอีทั้งหลายจงฟังไว้ อีกไม่นานน้องรำพึงจะต้องมาเป็นนายหญิงของที่นี่ พวกเอ็งจงเชื่อฟังและปฏิบัติต่อน้องรำพึงดังเช่นเจ้าเรือนคนหนึ่ง”
รำพึงยิ้มหน้าเชิดนิด ๆ อย่างทระนง
ขณะที่คุณหญิงช้ำใจที่ลูกชายสนใจแต่เรื่องความรักในขณะที่พ่อเพิ่งตายไป
“พระกำลังจะเริ่มสวดแล้ว แม่ว่าเราขึ้นไปข้างบนจะดีกว่านะ”
“ค่ะ...คุณแม่”
คุณหญิงมณีสีหน้าเครียด ขุนพิทักษ์พารำพึงเดินตามหลังไป

ผ่องตบเข่าฉาด!
“นั่นไง ข้าว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้”
“ท่านพระยายังไม่ทันจะได้เผา นี่ท่านขุนจะรู้สึกโศกเศร้ากับการจากไปของท่านพระยาบ้างไหม” ผาดว่า
แจ่มตบปากผาด
“พูดมาก เรื่องของเจ้านายพวกเอ็งไม่เกี่ยว รีบทำงานไป ไม่งั้นข้าจะฟ้องให้ท่านขุนสั่งโบยพวกเอ็งให้หลังลายเชียว”
ทาสสะดุ้งก้มหน้าก้มตาทำงาน แจ่มมองตามรู้ สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องยุ่ง

บนเรือน ขุนไวพิชิตพลเดินขึ้นเรือนมาขณะที่พระกำลังสวดใกล้จบ ขุนไวเห็นรำพึงนั่งฟังพระอยู่กับพระยาเทวราช ซึ่งถัดไปเป็นขุนพิทักษ์ ขุนไวจึงเดินไปนั่งข้างๆรำพึงอีกด้านหนึ่ง ทำให้รำพึงอยู่ตรงกลางระหว่าง ขุนพิทักษ์กับขุนไว ทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างไม่ละสายตา
“คุณรำพึงหายไปไหนนานเชียวครับ”
“ก็ไปดูอาหารเลี้ยงผู้คนสิคะ ท่านขุนฯคิดว่ารำพึงจะไปไหนได้”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี”

เวลาต่อมา ผ่องกับผาดนั่งอยู่ที่พื้น กลางเรือนทาส
“เอ็งสองคนบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าใครทำนังชุ่ม” แจ่มว่า
“ข้าไม่รู้จริงๆนะป้าแจ่ม ข้าเอาข้าวมาให้มันแล้วพวกข้าก็ไป” ผ่องบอก
“เอ็งอย่ามาโกหก หรือจะต้องให้เรื่องถึงคุณหญิง”
“อย่านะป้าแจ่ม พวกข้าไม่รู้จริงๆ” ผาดบอก
สมพยุงชุ่มออกมา
“อย่าไปเอาความพี่ผ่องกับพี่ผาดเลยจ้ะป้า”
ผ่องกับผาดมองหน้าชุ่ม แจ่มถาม
“ใครทำเอ็ง ทำไมเอ็งไม่บอกข้าวะ จะได้ให้คุณหญิงท่านจัดการ”
“ฉันไม่อยากให้คุณหญิงท่านไม่สบายใจ”
แจ่มมองชุ่มอย่างสงสาร แล้วพึมพำ
“ใครน่ะ...นังชุ่ม...ใครมันใจร้ายใจดำทำกับเอ็งอย่างนี้”
ชุ่มมีสีหน้าชอกช้ำ

เวลายามเช้า รำพึงอยู่ในห้องนอน นั่งยิ้มมองกระจกอย่างมีความสุข เห็นภาพในกระจกเป็นเรื่องราวตอนที่ขุนพิทักษ์อิงแอบแนบชิดกับตัวเอง
“เชื่อพี่เถอะ...หัวใจพี่มีน้องเพียงคนเดียว”
ขุนพิทักษ์พูดแล้วก็หอมไปที่แก้มนวลของรำพึง รำพึงใจสั่นสะท้าน
“คุณพี่กล้าเอาชีวิตเป็นเดิมพันรึคะ”
รำพึงผละตัวออก ขุนพิทักษ์ รั้งตัวรำพึงไว้
“พี่เอาชีวิตเป็นเดิมพันว่าพี่จะรักและยกย่องน้องรำพึงเพียงคนเดียว”
คำพูดขุนพิทักษ์ที่ประกาศต่อหน้าบ่าวไพร่ดังก้อง
“อ้ายอีทั้งหลายจงฟังไว้ อีกไม่นานน้องรำพึงจะต้องมาเป็นนายหญิงของที่นี่ พวกเอ็งจงเชื่อฟังและปฏิบัติต่อน้องรำพึงดังเช่นเจ้าเรือนคนหนึ่ง”

รำพึงดึงตัวเองกลับมา ยิ้มหน้าเชิดนิดๆ อย่างทระนง
ภาพในกระจกกลับเป็นใบหน้าของรำพึงที่กำลังยิ้มร้าย พูดกับตัวเองอย่างหมายมั่น

“นับต่อแต่นี้ชีวิตคุณพี่จะเป็นของน้อง!”

จวงเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นรำพึงนั่งอยู่หน้ากระจก

“งามเหลือเกินเจ้าค่ะ คุณรำพึงของบ่าว”
รำพึงยิ้มมองตัวเองอย่างมั่นใจในความสวย
“ดอกไม้ที่ข้าให้เตรียม เรียบร้อยมั้ยนังจวง”
“บ่าวให้คนเตรียมใส่เรือไว้เรียบร้อยแล้ว คุณรำพึงจะเอาดอกไม้เยอะแยะ ไปทำอะไรเจ้าคะ”
“ข้าจะเอาไปให้ที่เรือนคุณหญิงมณี ใช้จัดในงานคืนนี้”
“แหม...คุณรำพึงของบ่าวทั้งงามทั้งดีขนาดนี้ ถ้าคุณหญิงได้คุณรำพึงไปเป็นสะใภ้ คงเชิดหน้าชูตาน่าดู”
รำพึงหันมายิ้มมองในกระจก
“อีกไม่นานหรอก”
ริมฝีปากแดงชาดของรำพึง ยิ้มอย่างผู้มีชัย

เช้าวันเดียวกัน ขุนพิทักษ์ไมตรีเอนกายอยู่บนเตียง นึกถึงคำที่รำพึงพูดไว้กับตน
“อย่ามาปากหวานเลยเจ้าค่ะ เมื่อกลางวันยังไปนอนกกนางทาสอยู่เลย”
“นางทาสที่ไหนจะมาสู้น้องรำพึงของพี่”

แล้วก็นึกถึงคำพูดของคุณหญิงมณี
“น้องรำพึงมาหรือขอรับ…อยู่ที่ไหนล่ะขอรับคุณแม่”
“เขากลับไปแล้วล่ะ หลังจากที่เห็นลูกนอนอยู่กับนังชุ่ม”
“นังชุ่ม”

บนเตียง ขุนพิทักษ์ รำพึงชื่อออกมา
“นังชุ่ม?!”

บนเรือน ขุนพิทักษ์ไมตรีเปิดประตูออกมาก็เห็นภาพที่บ่าวไพร่กำลังเตรียมข้าวของเพื่องานสวดศพอีกคืน บ้างก็จัดดอกไม้ บ้างก็เช็ดถูเรือน
“นังผ่อง” ขุนพิทักษ์เรียก
“เจ้าคะท่านขุนฯ”
“นังชุ่มอยู่บนเรือนรึเปล่า”
“ท่านขุนฯมีอะไรกับนังชุ่มรึเจ้าคะ”
“ไม่ใช่กงการอะไรของเอ็ง”
ผ่องหงอไป กลัวขุนพิทักษ์จะเอาเรื่อง
“นังชุ่มไม่ได้อยู่บนเรือนเจ้าค่ะ”
“แล้วมันอยู่ไหน”

บริเวณบคงบัวในสวน ชุ่มที่ยังมียังมีรอยช้ำบนใบหน้า กำลังแกะเชือกเรือเพื่อจะไปเก็บบัว บริเวณนั้นมีเด็กๆเล่นอยู่ริมตลิ่งใกล้ๆ ชุ่มค่อยๆลอยเรือออกไปเก็บบัว
ขุนพิทักษ์ไมตรีเดินตรงมาที่บึงบัว
จังหวะนั้นไอ้ดำที่ว่ายน้ำออกไปไกล กำลังจะจมน้ำ
“ไอ้ดำ! พี่ชุ่ม ไอ้ดำจมน้ำ! ช่วยด้วย พี่ชุ่ม ช่วยด้วย” ไอ้แดงบอก
ชุ่มที่เก็บบัวหันไปตามเสียง เห็นเด็กกำลังดำผุดดำว่ายใกล้จมน้ำ

ทางฝั่งขุนพิทักษ์ ที่เดินมาในระยะใกล้ได้ยินเสียงเด็กเรียกชุ่มให้ช่วย
“ข้าว่ายน้ำไม่เป็น! ไอ้แดง รีบวิ่งไปตามคนมาเร็ว”
ไอ้แดงรีบวิ่งไป ชุ่มมองที่ไอ้ดำที่กำลังจะจมน้ำก็ลังเล ชุ่มพยายามจะเอาไม้พายยื่นไปแต่มันก็ไกลเกิน
“โธ่เอ๊ย!”
แค่เสี้ยววินาที ชุ่มตัดสินใจกระโดดลงน้ำไปช่วยเด็ก ขุนพิทักษ์ เห็นชุ่มกระโดดลงไปช่วยเด็ก
ชุ่มว่ายน้ำสะเปะสะปะจนไปถึงไอ้ดำ เด็กเกาะชุ่มแน่น ชุ่มพยายามสุดชีวิตว่ายพาเด็กไปใกล้เรือที่สุด ชุ่มเหวี่ยงเด็กจนเด็กเปะปะไปจับที่ขอบเรือจนสำเร็จ
ขุนพิทักษ์มองชุ่มที่ช่วยเด็กอยู่อย่างรู้สึกถูกใจในความกล้า
เด็กปล่อยมือจากชุ่ม เด็กใช้สองมือเกาะขอบเรือแน่น ชุ่มตั้งสติได้ก็พุ่งตัวขึ้นมาแล้วพยายามจะว่ายเข้าไปที่เรือ ชุ่มพยายามจะใช้มือจับเรือ แต่กลับเป็นการผลักเรือให้ออกไป ชุ่มพยายามจะคว้าแต่เรือไปไกล ชุ่มหมดแรงไม่ไหวกำลังจะจมน้ำ
ขุนพิทักษ์ เห็นท่าไม่ดีรีบกระโดดลงน้ำไปช่วย
ชุ่มหมดแรง สำลักน้ำ ร่างกำลังจมลง ขุนพิทักษ์ ว่ายเข้ามาใกล้ๆ และตวัดร่างชุ่มเข้าแนบตัว และพาชุ่มลอยเหนือน้ำ

ในเวลาต่อมา รำพึงก้าวขึ้นเรือนคุณหญิงมณี ผ่องกับผาดเห็นก็ให้สะดุ้งแอบหวาดกลัว บ่าวต่างๆเห็นแล้วต่างหมอบคลาน จวงพูดขึ้น
“คุณรำพึงเอาดอกไม้มาช่วยงาน พวกเอ็งไปเอาที่เรือหน่อย”
บ่าว ๒- ๓ คนเดินลงเรือนไป...
ผ่องกับผาดแอบซุบซิบกัน
“คุณหญิงยังไม่วางท่าขนาดนี้” ผ่องว่า
“จะพูดทำไม เดี๋ยวก็โดนหวายหรอก”
“ก็มันจริงนี่หว่า”
รำพึงตวัดตาไปเห็น จวงรีบจัดการแทนรำพึง
“เอ็งสองคนมีปัญหาอะไร”
ผ่องผาดมองหน้ารำพึงที่ยิ้มสวยแต่ดูน่ากลัวมากกว่าใจดี
ทั้งคู่พูดขึ้น
“เปล่า”
จวงอ้าปากจะด่าต่อ แต่รำพึงจับจวงไว้
รำพึงแสร้งทำใจดี หันไปถามผ่องผาด
“คุณหญิงไม่อยู่รึ”
“คุณหญิงไปวัดเจ้าค่ะ”
“แล้วท่านขุนล่ะ”
ผ่องกับผาดตาโตดูมีพิรุธ รำพึงจับสังเกตได้
“เอ่อ...คือ...” ผ่องอึกอัก
“พวกเอ็งมีอะไรปิดบังคุณรำพึง อยากโดนหวายหรือไง” จวงว่า
ผ่องกับผาดอึกอัก รำพึงที่ดูอ่อนโยน แต่น้ำเสียงฟังแล้วชวนขนหัวลุกมาก
“คุณพี่อยู่ที่ไหน”
“อยู่...อยู่ที่บึงบัวเจ้าค่า”

รำพึงสงสัยว่า ขุนพิทักษ์ไปทำอะไรที่นั่น!

ขุนพิทักษ์ไมตรีวางชุ่มลงที่พื้นบนฝั่ง ชุ่มสำลักน้ำออกมา แต่ยังสลบอยู่ ใบหน้าของชุ่มมีรอยฟกช้ำเล็กน้อยและเปียกไปด้วยหยดน้ำ แต่สวยเป็นธรรมชาติ ขุนพิทักษ์ พินิจมองหน้านั้นอยู่นาน

ขุนพิทักษ์ก้มลงไปฟังเสียงหายใจ เป็นจังหวะที่ชุ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาก็ตกใจ! เมื่อพบว่าขุนพิทักษ์ซบอยู่ที่อก ชุ่มผลักขุนพิทักษ์ออกไป
“ท่านขุนฯจะทำอะไรข้า”
“สภาพแบบนี้ข้าจะทำอะไรเอ็งได้”
ชุ่มหันไปดูที่เรือ
“ไอ้ดำ”
ชุ่มจะเข้าวิ่งลงไปหาเรือขุนพิทักษ์ดึงมือชุ่มไว้
“จะทำอะไร”
“ข้าจะไปช่วยไอ้ดำ”
“ป่านนี้มันวิ่งปร๋อไปแล้ว เอ็งต่างหากที่จะเอาตัวไม่รอด ว่ายน้ำไม่เป็นยังจะทำเก่งลงไปช่วยมันอีก”
“ถ้าข้าไม่ช่วย ไอ้ดำต้องตายแน่ๆ”
“เอ็งยอมเสี่ยงตายเพื่อมันงั้นรึ”
“ท่านทนเห็นคนตายไปต่อหน้าโดยที่ท่านไม่คิดจะทำอะไรเลยได้หรือเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ มองชุ่มที่กล้าพูดกับเขาไม่เหมือนคนอื่น ดวงตาใสๆของชุ่มที่เขาไม่อยากละสายตา
“เจ้านี่มันปากดี ไม่รู้รึว่าข้าเป็นใคร อยากหลังลายรึไง”
“ข้ารู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านจะมาโบยข้าได้ยังไง”
“ปากแบบนี้ไง หน้าถึงได้เขียวช้ำ คงหาเรื่องเขาไปทั่วสิท่า”
ชุ่มนึกถึงภาพที่ถูกคลุมหน้าตบทำร้ายไม่นับ
ชุ่มน้ำตาคลอ ขุนพิทักษ์เห็น
“ใช่ ข้ามันชอบหาเรื่องใส่ตัว”
ชุ่มรีบลุกขึ้นแต่ด้วยความเร็ว ชุ่มหน้ามืดล้มลง ขุนพิทักษ์ รับชุ่มไว้ในอ้อมแขน
รำพึงและจวงยืนเฝ้าดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น! รำพึงกำหมัดแน่น
“ร้ายนักนังชุ่ม! สำออยเพื่อจะได้แนบชิดคุณพี่”
“แบบนี้มันต้องตบล้างน้ำเจ้าค่ะ จวงจัดการเอง”
จวงจะเข้าไปจัดการ แต่รำพึงจับไว้
“ไม่ใช่ตอนนี้”
รำพึงมองภาพตรงหน้าอย่างเคียดแค้น ขุนพิทักษ์ ยังไม่ปล่อยชุ่ม ทั้งสองประสานสายตากัน แววตาที่แฝงความกลัวของชุ่ม ทำให้ขุนพิทักษ์เอ็นดู
“ข้าช่วยเอ็ง ๒ ครั้งแล้วนะ เอ็งคงต้องตอบแทนข้าบ้าง”
ขุนพิทักษ์ โน้มหน้าเข้าไปใกล้หมายจะหอม แต่ชุ่มรีบผละตัวออกมา
“ถ้าจะให้ข้าตอบแทน ท่านขุนฯเอาชีวิตข้าไปยังดีกว่า ที่ท่านจะมาทำกับข้าแบบนี้”
ชุ่มน้ำตาไหลเอ่อวิ่งออกไป ขุนพิทักษ์ มองตามด้วยความสนใจในตัวชุ่มที่ไม่สนใจเขาแม้แต่นิดเดียว
รำพึงแววตาคมกริบ มองตามชุ่มด้วยความเคียดแค้น

ในเวลาต่อมา คุณหญิงมณีขึ้นเรือนมา ตามมาด้วยแจ่ม
“ให้คนไปตัดดอกบัวมานะแจ่ม ฉันจะถวายพระ”
“บ่าวสั่งให้นังชุ่มไปเก็บบัวมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเจ้าค่ะ” แจ่มบอก
“เออ แล้วนังชุ่มมันเป็นยังไงบ้างแจ่ม ข้ายังไม่ได้ถามไถ่มันเลย มันคงจะขวัญเสีย”
ผ่องที่ถือพานดอกไม้เข้ามา ก็ตกใจจนทำพานหล่น แจ่มมองหน้าผ่อง กับผาด ทั้ง ๒ คนแอบหลบตา แจ่มไม่กล้าบอกเรื่องที่มีคนบุกทำร้ายชุ่ม
“ก็...ก็อยู่ดีเจ้าค่ะ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับนังชุ่มเลย”
คุณหญิงมณีจับสังเกตแจ่ม
“เอ็งมีอะไรปิดข้า”
“ปะ..เปล่าเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ”
คุณหญิงมณีกำลังจะคาดคั้นแจ่ม แต่จังหวะนั้น ขุนพิทักษ์ไมตรีเดินขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าอมยิ้ม
“ทำไมตัวเปียกปอนมาอย่างนั้นล่ะพ่อพิทักษ์”
“ลูกลงน้ำไปช่วยคนของคุณแม่มา”
“ใครเป็นอะไร” คุณหญิงถาม
“นังชุ่มไงขอรับคุณแม่ มันจมน้ำ”
“นังชุ่ม!” สมโพล่งขึ้น
สมได้ยินรีบลงเรือนไปทันที
“แล้วมันเป็นอย่างไรบ้างลูก”
“ไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ ลูกไปช่วยมันไว้ทัน”
คุณหญิงมณีโล่งใจ เปลี่ยนเรื่องมาคุยเรื่องเมื่อวาน
“ถือว่าทำบุญเถอะลูก แม่แค่เกรงว่า เจ้าจะไปเอาความมันเรื่องเมื่อวาน แม่รู้นิสัยลูกดี พวกทาสกลัวกันหงอ”
“แต่เห็นทีจะไม่ใช่นังชุ่มคนนี้ ดูท่ามันฉลาดนัก”
แจ่มถาม
“มันทำอะไรให้ท่านขุนขัดใจรึเจ้าคะ แจ่มจะไปกำราบมันเอง”
ขุนพิทักษ์ยิ้ม
“ไม่มีอะไร มันก็แค่เป็นคนกล้าต่างจากคนอื่น”
แจ่มกับคุณหญิงมณีมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างแปลกใจ
ผ่องกับผาดเห็นได้จังหวะ เลยรีบรายงาน
“เออ...คุณหญิงเจ้าคะ คุณรำพึงเอาดอกไม้มาช่วยงานเจ้าค่ะ” ผ่องว่า
“น้องรำพึงมารึ”
ผาดบอก
“เจ้าค่ะ อ้าวไม่เจอกันหรือเจ้าคะ บ่าวบอกไปว่าท่านขุนฯอยู่ที่บึงบัว”
“แล้วทำไมไม่รีบบอกข้า!”
ขุนพิทักษ์ รีบวิ่งลงไปจากเรือน
“แปลก” แจ่มพูดขึ้นลอยๆ
“อะไรนังแจ่ม”
“ท่านขุนฯไม่เคยชมทาส แต่กลับชมนังชุ่ม”

คุณหญิงมณีชะงักคิดตาม

บ่วงบาป ตอนที่ 2 (ต่อ)

ภายในเรือนทาส ชุ่มเปียกปอนนั่งขดตัวร้องไห้ จังหวะนั้น จวงเดินเข้ามายืนค้ำหัวชุ่ม

“มันยังสำออยไม่เลิกเลยเจ้าค่ะ คุณรำพึง”
ชุ่มเงยหน้ามาเห็นรำพึง กับจวงก็ตกใจ
“เอ็งนี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” รำพึงว่า
จวงจิกหัวชุ่ม
“ท่านขุนเป็นของคุณรำพึงจำไว้”
“ปล่อยข้า...โอ้ย”
จวงกระชับมือจิกลงน้ำหนักหัวชุ่มอีก รำพึงจิ้มไปที่รอยช้ำ
“เอ็งคงจะเจ็บมาก เจ็บแล้วมันก็น่าจะจำใส่กระโหลกบ้าง”
“ข้าทำผิดเรื่องอะไร ทำไมคุณรำพึงต้องทำกับข้าถึงขนาดนี้”
“ข้าทำอะไรเอ็ง เอ็งนี่เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะ”
ชุ่มมองรำพึงที่สีหน้ายิ้ม ๆ ชุ่มมั่นใจว่าใช่ก็พูดซื่อ ๆ หยั่งถาม
“ถ้าอย่างนั้นข้าคงเข้าใจผิด ดีเลยเจ้าค่ะข้าจะได้ขอให้คุณหญิงช่วยหาตัวคนที่ทำร้ายข้าถึงเรือนนอน”
รำพึงตาวาวโรจน์มองจวง
“เอ็งคิดจะขู่นายข้างั้นรึ”
จวงลากชุ่มมาที่โอ่งแล้วจับชุ่มกดน้ำลงไป แล้วจับเงยขึ้นมา ชุ่มหายใจแทบไม่ออก
“จำไว้ อย่าคิดตีเสมอกับคุณรำพึง!”
“ข้าเปล่า”
ชุ่มโดนจับกดน้ำอีก... “อุ๊บ”
สีหน้าชุ่มที่โดนจับกดน้ำ ดูทรมานมาก
สมเดินเข้ามาเห็นรำพึงทำร้ายน้องอยู่ ก็วิ่งเข้าไปกระแทกรำพึงที่ขวางทางอยู่
“โอ้ย!”
สมไม่สนใจเข้าไปผลักจวงจนล้มแล้วประคองชุ่มที่สำลักน้ำขึ้นมา
“ไอ้สม ทำคุณรำพึงได้ยังไง เอ็งไม่ตายดีแน่ ข้าจะฟ้องคุณหญิง”
“ฟ้องเลย ถ้าเอ็งอยากให้คุณหญิงรู้ว่าใครทำร้ายน้องข้า”
รำพึงตกใจ
“คิดจะใส่ร้ายข้าเพื่อให้ท่านขุนสงสารยกน้องเอ็งเป็นเมียบ่าวหรือยังไง”
“กระผมกับน้องไม่เคยคิดมักใหญ่ใฝ่สูง! แต่กระผมก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะโดนรังแกจากผู้ที่ได้ชื่อว่าลูกพระยา คุณหญิงจะต้องรู้เรื่องนี้”
“คิดว่าคุณหญิงจะเชื่อคำพูดทาสอย่างเอ็งหรือไง”
สมอึ้ง ประกาศกร้าว
“ถ้าใครหน้าไหนคิดจะทำร้ายนังชุ่มอีก กระผมจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
“ทาสอย่างเอ็งจะทำอะไรได้”
“ถ้าอยากรู้จะลองดูก็ได้ขอรับคุณรำพึง”
รำพึงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
จังหวะนั้นเองที่ขุนพิทักษ์ เข้ามา
“น้องรำพึง!”
รำพึงรีบปรับสีหน้าทันที
“คุณพี่”
“มาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่ขึ้นไปบนเรือน”
“น้องรู้ว่านังชุ่มมันจมน้ำ น้องก็เลยมาดูว่า มันเป็นอะไรมากรึเปล่า มีอะไรบ้างไหมที่น้องพอจะช่วยเหลือได้บ้าง”
จวงเสริม
“ใช่เจ้าค่ะ คุณรำพึงยังว่าจะจัดยามาให้นังชุ่มกันไข้กินด้วยนะเจ้าคะ”
ชุ่มกับสมมองรำพึงอย่างไม่อยากเชื่อว่า จะเปลี่ยนหน้าได้เร็วขนาดนี้
ขุนพิทักษ์ พูดกับชุ่ม
“เอ็งนี่โชคดีจริงๆนะนังชุ่ม รอดตายและยังได้รับน้ำใจจากน้องรำพึง”
ชุ่มมองขุนพิทักษ์ อย่างเจ็บปวด
“ต่อไปข้าจะไม่ทำให้พวกท่านต้องลำบากมาเมตตาข้าแบบนี้อีก”
“เก่งให้มันเหมือนปากเถอะนังชุ่ม” ขุนพิทักษ์ บอก
ขุนพิทักษ์ มองชุ่มอย่างถูกใจ รำพึงสังเกตเห็น
ชุ่มกับรำพึงมองหน้ากันไม่วางตา
“เอ็งนี่มันพยศจริงๆ ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อย”
ชุ่มซึ้งใจ
“เจ้าค่ะ”
สมกัดฟันจ้องหน้ารำพึง
“กระผมจะดูแลน้องให้ดี ไม่ให้มีภัยมาถึงตัวแบบนี้อีกขอรับ”

รำพึงตวัดตาไปมองสม แววตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาตที่รำพึงมีต่อสองพี่น้อง

ภายในห้องนอน เวลากลางวัน รำพึงเขวี้ยงหมอนไปที่โต๊ะเครื่องแป้งจนกวาดข้าวของหน้ากระจกล้มระเนระนาด

“มันร้ายทั้งพี่ทั้งน้อง!”
“คุณรำพึงว่ามันจะบอกคุณหญิงรึเปล่าเจ้าคะ”
“ไม่หรอก...คนอย่างไอ้สมมันคงไม่หาเหาใส่หัว หรือแม้ถึงบอก คุณพี่ก็ต้องปกป้องข้าอยู่แล้ว”
“จริงด้วยเจ้าค่ะ เพราะท่านขุนฯหลง...”
“นังจวง!”
“เอ้ย.....รักคุณรำพึงของบ่าวจะแย่”
รำพึงสงบลงแต่ยังเคียดแค้น เมื่อนึกถึงใบหน้าของสมและชุ่ม
“ตามันกล้านัก”
“เแต่มันคงไม่กล้าอีกแล้วล่ะเจ้าค่ะ โดนไปขนาดนั้น”
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ เพราะถ้ามันยังกล้ากำแหงกับข้า ข้าไม่เอามันไว้แน่”
รำพึงจิกนิ้วลงฝ่ามืออย่างแรงด้วยความอาฆาต จวงเห็นอาการก็มีทีท่าแขยง

บริเวณร้านขายผ้าในตลาด ผ้าผืนงามอยู่ในมือของขุนไวพิชิตพล แววตาของขุนไว เป็นประกายเมื่อนึกถึงรำพึง
“ผ้าแพรผืนงามสำหรับหญิงงามอย่างคุณรำพึง”
แต่ขุนไวต้องชะงัก เพราะเสียงขุนพิทักษ์ยังดังก้องอยู่ในหัว

ขุนพิทักษ์ดึงผ้าแพรผืนน้อยออกมา
“แต่แพรผืนนี้น้องรำพึงมอบให้ข้า กลิ่นดอกฟ้ายังติดอยู่ที่ปลายจมูก ใครกันแน่วะที่จะไม่ได้เชยชมดอกฟ้า”

“เมื่อเอ็งรุกถึงขนาดนี้ ข้าจะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไปแล้ว..ไอ้พิทักษ์”
ขุนไวพิชิตพล ลูบผ้าผืนงามอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่น แววตาแห่งการต่อสู้ผุดขึ้นในดวงตาของขุนไว การแย่งชิงให้ได้มาซึ่งความรักกำลังเริ่มต้นขึ้น

คุณหญิงมณีเดินเข้ามาที่เรือนทาส บ่าวไพร่ทำความเคารพกันทั้งเรือน คุณหญิงตรงไปที่เรือนของชุ่ม แจ่มร้องเรียก
“นังชุ่ม คุณหญิงมาหาเอ็ง”
แจ่มเรียก แต่ชุ่มไม่ออกมา
“เอ๊ะยังไง นังนี่คุณหญิงอุตส่าห์มาถึงเรือนทาส เอ็งยังจะตะมอยทำอะไรอยู่ ไม่รีบออกมา”
“แจ่ม เข้าไปดูมันสิ มันเป็นอะไรรึเปล่า”
“เจ้าค่ะคุณหญิง”
แจ่มเดินขึ้นเรือนไป ด้านใน แจ่มเห็นชุ่มนอนคู้ตัวอยู่
“นังชุ่ม คุณหญิงเรียกให้หาเอ็งยังกล้านอนสันหลังยาวอยู่ได้ยังไง มันน่านัก”
แจ่มเข้าไปเขย่าตัว แจ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนจากตัวชุ่ม
“นังชุ่ม เอ็งเป็นไข้รึนี่”
แจ่มรีบออกไปบอกคุณหญิงมณีที่ด้านนอก สมเข้ามาสมทบพอดี
“คุณหญิงเจ้าขา นังชุ่มไข้ขึ้นเจ้าค่ะ ตัวร้อนอย่างกับไฟ”
“นังชุ่ม!” สมร้องขึ้น
สมรีบวิ่งขึ้นไปดูน้องสาวที่ด้านใน คุณหญิงมณีตามไปติดๆ สมเข้าไปประคองน้อง
“ชุ่ม นังชุ่ม”
ชุ่มรู้สึกตัว ลืมตาตื่นเห็นคุณหญิงมณีอยู่ตรงหน้า ชุ่มยกมือไหว้
“เอ็งไหวมั้ยนังชุ่ม”
“ไหวเจ้าค่ะคุณหญิงฯ คุณหญิงจะให้ข้าทำอะไร ข้าทำได้เจ้าค่ะ”
“คุณหญิงจะให้มันทำอะไร กระผมขอทำแทนเองขอรับ” สมบอก
“เออ ดูมัน คนน้องไข้ขึ้นขนาดนี้ยังจะทำเก่ง ส่วนคนพี่ก็รักน้องห่วงน้องจนไม่ฟังความก่อน นังชุ่มมันไข้ขึ้นขนาดนี้ข้าคงไม่ใจดำให้มันทำงานหรอกไอ้สม”
“คุณหญิงท่านทราบว่าเอ็งจมน้ำ ท่านเป็นห่วงก็เลยอยากมาดูด้วยตัวเอง” แจ่มบอก
“เขาว่าเอ็งช่วยชีวิตเด็ก อวดเก่ง เลยต้องมาเป็นแบบนี้”
คุณหญิงมณียิ้มให้ชุ่มด้วยความเอ็นดู
“แจ่ม หายาให้มันด้วยนะ อย่าปล่อยให้เป็นนาน ถ้ายาสมุนไพรไม่หาย ไปเอายาฝรั่งที่บนเรือน”
“เจ้าค่ะ คุณหญิง”
“ส่วนเอ็งไอ้สม คืนนี้ผลัดเวรกับคนอื่น ไม่ต้องเฝ้าเรือจะได้มาดูแลน้อง”
“ขอบพระคุณขอรับคุณหญิง”
สมไหว้คุณหญิงมณี แต่ชุ่มขัดขึ้นมาก่อน
“อย่าให้พี่สมต้องเสียงานเพราะบ่าวเลยเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณียิ้ม
“ดูฤทธิ์มันสิ นังแจ่ม”

คุณหญิงมอง ๒ พี่น้องคู่นี้อย่างเอ็นดู

ที่บนเรือน คุณหญิงมณีลงนั่งสีหน้ายังยิ้มๆ เมื่อคิดถึงชุ่ม

“นังแจ่ม..ถ้านังชุ่มหายป่วย ข้าอยากให้เอ็งฝึกนังชุ่มให้ขึ้นมาช่วยงานบนเรือน”
“นังชุ่มเหรอเจ้าคะ”
“แล้วก็จัดการให้มันดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย หน้าตาผมเผ้าดูไม่ได้เลย ตัวรึก็กระดำกระด่างอย่างกับลูกหมาตกโคลน”
“บุญของนังชุ่มมันจริงๆที่คุณหญิงเมตตา”
“หมาที่มันกตัญญูต่อเจ้าของ ไม่ควรรึที่ข้าจะให้มันมารับใช้ใกล้ตัว ในเมื่อข้ารู้ว่า มันจะต้องภักดีกับข้าเท่าชีวิต เหมือนเช่นที่เอ็งเป็น”
แจ่มยิ้มปลื้ม
“บ่าวดีใจเจ้าค่ะ ที่คุณหญิงเห็นความภักดีของบ่าว”
คุณหญิงมณีมองแจ่มอย่างพอใจ

ในเวลากลางคืน รำพึงนอนอยู่ที่เตียง พระยาเทวราชยืนอยู่ข้างเตียง
“รำพึงเวียนหัวนิดหน่อยค่ะคุณพ่อ เห็นทีคืนนี้ลูกคงไปงานศพท่านพระยาฯกับคุณพ่อไม่ได้”
“ไม่เป็นไร พ่อมีขุนไวไปด้วยอยู่แล้ว ลูกนอนพักผ่อนให้หายดีซะก่อนเถอะ”
“ค่ะ”
“จวงเอ็งดูแลลูกข้าให้ดี ถ้าอาการไม่ดีก็รีบตามหมอมาดู”
“เจ้าค่ะ”
พระยาเทวราชเดินออกไป

ที่หน้าเรือน ขุนไวพิชิตพลยื่นผ้าแพรให้พระยาเทวราช
“ขอบใจแทนรำพึงด้วยนะ เดี๋ยวให้บ่าวเอาไปให้รำพึงที่ห้อง”
จวงรับแล้วเดินขึ้นเรือนไป ขุนไว ถามอย่างแปลกใจ
“แล้วคุณรำพึงไม่ได้ไปงานคืนนี้ด้วยกันหรือครับ”
“นอนป่วยอยู่ในห้องน่ะ”
ขุนไว ตกใจ
“คุณรำพึง เป็นอะไรมากรึเปล่า กระผมจะไปตามหมอมาให้”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกท่านขุน”
“กระผมเป็นห่วงคุณรำพึงเหลือเกินครับ”
ขุนไว อยากเดินเข้าไปในเรือน แต่พระยาห้ามไว้
“ฉันเป็นพ่อ ฉันย่อมห่วงลูกยิ่งกว่าใคร ดังนั้นฉันว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น”
ขุนไวพิชิตพลจำต้องนิ่งไป
“ครับ”
“ถ้างั้นก็ไปกันได้แล้ว”
ขุนไว มองขึ้นไปบนเรือนอย่างเป็นห่วงเป็นใย

รำพึงสะบัดผ้าห่มพรึ่บ ลุกขึ้น จวงเปิดประตูเข้ามาพร้อมผ้าแพรของขุนไว
“อ้าวคุณรำพึงลุกมาทำไม ป่วยอยู่นะเจ้าคะ” จวงว่า
“ใครป่วย...อย่าโง่น่านังจวง”
“อ้าว...แล้วทำไมคุณรำพึงต้องแกล้งป่วย”
“ข้าก็จะทำให้คุณพี่คิดถึงข้าจนแทบสำลักไงล่ะ อยากไปยุ่งกับนังชุ่มดีนัก”
“ใครจะคิดถึงใครจนสำลักกันแน่”
“นังจวง...หุบปากไปเลย”
จวงหน้าจ๋อยแล้วรีบเอาใจ
“ของกำนัลจากขุนไวเจ้าค่ะ”
จวงวางผ้าลงบนเตียง รำพึงปลายตามองเพียงนิดเดียว ในใจเธอตอนนี้ไม่มีพื้นที่เหลือให้ใครนอกจากขุนพิทักษ์ไมตรีเพียงคนเดียว
บริเวณเรือนทาส แจ่มเอายาฝรั่งให้ชุ่มกิน
“เอ็งนี่มีบุญนักนังชุ่ม ยาฝรั่งเนี่ยทาสอย่างเราไม่มีใครได้กินง่ายๆนะโว้ย”
“คุณหญิงท่านมีเมตตากับข้าจริงๆ”
“ก็ใช่น่ะสิวะ เจ้านายเรือนนี้มีเมตตากับทาสอย่างพวกเรามาก ทั้งท่านพระยาฯแล้วก็คุณหญิงของข้า เสียก็แต่ลูกชายที่เกเรเหลือกำลัง”
ชุ่มรู้ว่าแจ่มหมายถึง ขุนพิทักษ์ ชุ่มพลิกตัวนอนไม่พูดสิ่งใดต่อ แจ่มเดินออกไปปล่อยให้ชุ่มนอนคิดถึงท่านขุนฯเกเรของแจ่มต่อไป
“ท่านขุนนี่หรือ..เป็นคนร้าย”

ชุ่มนอนคิดแล้วหลับตาลงพยายามไม่นึกขุนพิทักษ์

ในงานศพท่านเจ้าคุณ เรือนคุณหญิงมณี เวลากลางคืน ขุนพิทักษ์ไมตรีเดินลงมารอรับรำพึง แต่ไม่เห็นมา ขุนพิทักษ์ ไหว้แขกผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน จนเห็นพระยาเทวราชเดินมา ขุนพิทักษ์รีบเข้าไปรับ

“กราบขอบพระคุณจริงๆที่ท่านพระยามางานไม่เคยขาด”
“ท่านพระยาฯเป็นคนสำคัญฉันจะไม่มาได้อย่างไร”
“แล้วนี่น้องรำพึงไปไหนเสียขอรับ”
“รำพึงป่วยนิดหน่อย ฉันก็เลยให้อยู่บ้าน ฉันขึ้นเรือนก่อนนะ”
ขุนพิทักษ์มีสีหน้าผิดหวังและเป็นห่วง
“เชิญขอรับ”
ขุนไวพิชิตพลเดินผ่านหน้าขุนพิทักษ์ ทั้งสองคนจ้องตากัน ก่อนขุนไวจะยิ้มมุมปากเหมือนเยาะขุนพิทักษ์ก่อนเดินขึ้นเรือนไป
ขุนพิทักษ์ หัวเสียเห็นทาสเดินมาท่าทางคล้ายชุ่ม
“นังชุ่ม”
แต่ทาสไม่หยุด ขุนพิทักษ์จึงไปดึงแขนให้หันมา แต่เป็นทาสหญิงอื่น
“นังชุ่ม ข้าเรียกไม่ได้ยินรึ”
“เผื่อนเจ้าค่ะ ไม่ใช่นังชุ่ม”
“แล้วนังชุ่มมันไปไหน”
“นังชุ่มมันนอนซมพิษไข้ขึ้นอยู่ที่เรือนเจ้าค่ะ”
บ่าวเดินไปทำงานต่อ
“ป่วย หรือ สำออยกันแน่”
ขุนพิทักษ์เดินตรงไปยังเรือนทาส

ที่เรือนทาส ชุ่มนอนหนาวอยู่และได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าเรือน ชุ่มนึกว่าสม
“แขกหมดท่าแล้วหรือพี่สม”
ขุนพิทักษ์ ที่ยืนอยู่หน้าเรือน ไม่รู้ทำอย่างไร เลยเออออไปด้วย ทำเสียงกระแอม กระไอ
“อะ..เออ”
“ พี่ช่วยเข้ามาหยิบน้ำให้ฉันหน่อยได้มั้ย ฉันลุกไม่ไหว”
ขุนพิทักษ์ เปิดประตูเรือนเห็นชุ่มนอนซมอยู่ ก็เก้ๆกังๆหาขันน้ำที่วางอยู่ถือมาใกล้ๆชุ่ม แล้วประคองชุ่มขึ้นมา
“ท่านขุน...”
ชุ่มพยายามจะดิ้นรนแต่พิษไข้ทำให้แรงที่มีน้อยเหลือเกิน
“อย่าเพิ่งอวดเก่ง กินน้ำซะก่อน เดี๋ยวก็ได้แห้งตาย”
ขุนพิทักษ์ ดันขันไปที่ปากชุ่ม ชุ่มจำต้องดื่ม
“ว่าง่ายๆแบบนี้ ค่อยน่ามองหน่อย”
ชุ่มไอสำลักน้ำ ขุนพิทักษ์ หัวเราะในความเปิ่น ท่านขุนฯ ประคองให้นั่งชุ่มพิงฝา
ชุ่มหน้าแดงด้วยความอาย
“ไง...ไข้งอมแบบนี้จะมีฤทธิ์อะไรกับข้าอีก”
“ท่านขุนไม่ควรมาที่นี่นะเจ้าคะ ใครมาเห็นท่านจะถูกครหาเอาได้”
ขุนพิทักษ์ หัวเราะ
“นานๆ ข้าจะเจอบ่าวอย่างเอ็ง ที่ไม่ได้เห็นข้าเป็นยักษ์เป็นมาร กลัวข้าเป็นพัลวัน”
บรรยากาศอึดอัดเข้ามาปกคลุม ชุ่มตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ท่านขุนไม่ขึ้นเรือนไปต้อนรับแขกเหรื่อเหรอเจ้าคะ คนจะติฉินให้คุณหญิงร้อนหูนะเจ้าคะ”
“เอ็งนี่แปลก ชอบไล่ข้าซะจริง รู้มั้ยผู้หญิงทั้งเมืองจ้องแต่จะเป็นเมียข้า”
“ข้ามีเรื่องอื่นที่น่าทำมากกว่าจ้องจะเป็นเมียใครสักคน”
“นังนี่ มันสำคัญตัวนัก เรื่องอะไรที่เอ็งว่าน่าทำมากกว่าจะเป็นเมียข้า”
“ก็ทำงานเก็บเงินมาก ๆ จะได้ไถ่ตัวพี่สม แล้วก็กลับไปอยู่พร้อมหน้ากับพ่อแม่เจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์ มองชุ่มด้วยแววตาที่บอกไม่ถูก เขารู้สึกสบายใจ
“เอ็งรักพ่อแม่ดีนะ”
“ลูกคนไหนไม่รักพ่อแม่ก็อกตัญญูสิเจ้าคะ หรือว่าท่านขุนไม่รัก” ขุนพิทักษ์สะอึก
ขุนพิทักษ์ รีบเบรกทันที
“พอได้แล้ว นี่เอ็งไม่ได้ด่าข้าอยู่ใช่ไหม”
ชุ่มหน้าซื่อ ๆ ไม่ได้คิดด่า ขุนพิทักษ์ เห็นหน้าซื่อแล้วก็เปลี่ยนใจไม่พูด
“ข้าไปดีกว่า คุยกับเอ็งแล้วปวดหัว”
ขุนพิทักษ์ ออกไป ชุ่มล้มตัวลงนอน หลับตาด้วยพิษไข้ แต่ขุนพิทักษ์ เดินกลับมาห่มผ้าห่มให้ แล้วใช้นิ้วไล้แก้มชุ่มนิด ๆ อย่างแกล้ง ๆ
“ไว้ข้าจะมาเล่นกับเอ็งใหม่”
ขุนพิทักษ์ เดินจากไป ชุ่มลืมตาแอบมองตามไป ชุ่มจับหัวใจตัวเองที่เต้นตูมตาม

แขกผู้ใหญ่ขึ้นเรือนมา คุณหญิงมณีกำลังจะเข้ามารับแขก แต่ขุนพิทักษ์ชิงเข้ามาไหว้แขกผู้ใหญ่ซะก่อน
“ขอบคุณมากขอรับที่มาร่วมงาน”
แขกผู้ใหญ่รับไหว้ ยิ้มแล้วเดินไป ขุนพิทักษ์ ยืนรอรับแขกคนต่อไป แจ่มเข้ามาข้างคุณหญิงมณี
“แจ่มตาฝาดหรือเปล่าเจ้าคะคุณหญิง ท่านขุนมาต้อนรับแขก...”
คุณหญิงมณีเห็นจังหวะที่ขุนพิทักษ์ เดินออกมาจากที่ส่งแขกเข้าไปในงาน คุณหญิงมณีเข้าไปหา
“คุณพ่อคงจะดีใจนะที่เห็นลูกออกหน้าเป็นธุระอย่างนี้ บอกแม่ได้ไหมว่าอารมณ์ดีเรื่องอะไร”
“กระผมไม่อยากให้คนติฉินให้คุณแม่ร้อนหู”
ขุนพิทักษ์ ยิ้มนึกถึงชุ่ม แขกเข้ามาขุนพิทักษ์พาแขกขึ้นเรือนไป แจ่มตามไปช่วยจัดของ
เผื่อนเดินมาทางคุณหญิงมณีพอดี
คุณหญิงมณีถามเผื่อน
“รู้ไหมว่าเมื่อครู่พ่อพิทักษ์ไปไหนมา”
“ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่เห็นถามถึงนังชุ่ม”

เผื่อนเดินออกไปทำงานต่อ คุณหญิงมณีมองตามอย่างสงสัย

บ่วงบาป ตอนที่ 2 (ต่อ)

คืนพระจันทร์ข้างแรม ภายในห้องนอนคุณหญิงมณี แจ่มจัดที่ทางเตรียมที่นอนให้คุณหญิงมณี

“แปลกจริงๆ อย่างที่เอ็งว่า”
“เรื่องท่านขุนฯ ออกมาต้อนรับแขกเหรอเจ้าคะ ท่านขุนฯอาจจะทำเพื่อท่านพระยาฯก็เป็นได้นะเจ้าคะ” แจ่มว่า
แจ่มเดินออกไป คุณหญิงมณียังครุ่นคิดไม่วาย
“หวังว่าข้าจะคิดมากไปเอง”

ภายในห้องนอน ขุนพิทักษ์ นั่งมองดวงจันทร์ ภาพเหตุการณ์ของเขากับชุ่มเข้ามาในหัว

ที่บึงบัว ใบหน้าของชุ่มยังมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย เปียกไปด้วยหยดน้ำ แต่สวยเป็นธรรมชาติ ขุนพิทักษ์ พินิจมองหน้านั้นอยู่นาน
ขุนพิทักษ์ ก้มลงไปฟังเสียงหายใจ เป็นจังหวะที่ชุ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาก็ตกใจ!!

ที่เรือนทาส
“ท่านขุนไม่ขึ้นเรือนไปต้อนรับแขกเหรื่อเหรอเจ้าคะ คนจะติฉินให้คุณหญิงร้อนหูนะเจ้าคะ”
“เอ็งนี่แปลก ชอบไล่ข้าซะจริง รู้มั้ยผู้หญิงทั้งเมืองจ้องแต่จะเป็นเมียข้า”
“ข้ามีเรื่องอื่นที่น่าทำมากกว่าจ้องจะเป็นเมียใครสักคน”
“นังนี่ มันสำคัญตัวนัก เรื่องอะไรที่เอ็งว่าน่าทำมากกว่าจะเป็นเมียข้า”
“ก็ทำงานเก็บเงินมาก ๆ จะได้ไถ่ตัวพี่สม แล้วก็กลับไปอยู่พร้อมหน้ากับพ่อแม่เจ้าค่ะ”

ขุนพิทักษ์ ยิ้ม ๆ มองไปที่ดวงจันทร์ภาพของชุ่มกลับชัดเจนขึ้นมาในห้วงคำนึง เขากำลังจะเปลี่ยนเสื้อ แล้วผ้าของรำพึงก็หล่นลงพื้น ขุนพิทักษ์ หยิบขึ้นมาดูคิด ๆ

เช้าวันใหม่ ผ้าแพรผืนงามของขุนไวพิชิตพลถูกรำพึงจับเขวี้ยงไปที่ประตู เป็นจังหวะที่จวงเปิดประตูเข้ามาโดนไปเต็มๆ
“โอ้ย...คุณรำพึงเป็นอะไรเจ้าคะ”
“นังจวง เอ็งดูคุณพี่สิ ป่านนี้ยังไม่มาหาข้าเลย นี่คุณพี่ไม่คิดถึงข้าเลยหรือไร”
“ใจเย็นๆเจ้าค่ะคุณรำพึง คือว่า ท่านขุนพิทักษ์”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทน ข้าไม่อยากได้ยินชื่อนี้”
“ก็ได้เจ้าค่ะ งั้นจวงจะได้ไปบอกให้ท่านขุนพิทักษ์กลับเรือนไป”
ดวงตารำพึงวาวโรจน์
“หรือว่าคุณรำพึงจะแต่งตัวสวยๆลงไปพบท่านขุนฯเจ้าคะ”
จวงหยั่งเชิงรำพึง
“สู่รู้นักนะ”
รำพึงยิ้มดีใจที่เป็นไปตามแผน

ศาลากลางสวน บ่าวนำชาเสิร์ฟให้กับขุนพิทักษ์ไมตรีนั่งอยู่ตรงหน้ารำพึง
“ถ้าคุณพี่ตั้งใจมาหาคุณพ่อ คุณพ่อไปราชการแล้วเจ้าค่ะ คุณพี่ต้องไปหาคุณพ่อที่กรม”
รำพึงพูดเปิดทางและแอบประชด ขุนพิทักษ์จับมือรำพึง
“น้องก็รู้ว่าใจของพี่อยู่ที่น้องคนเดียว”
“อย่ามาทำปากหวานให้น้องตายใจเลยเจ้าค่ะ ใครจะรู้...คุณพี่อาจจะแอบมีใครเก็บไว้ที่เรือนก็เป็นได้”
“พี่จะแอบเก็บใครไว้ได้”
“ให้มันจริงเถอะเจ้าค่ะ”
จวงเดินถือถาดขนมมาเห็นเข้า จึงแกล้งกระแอมให้เจ้านายเป็นสัญญาณ
“ขนมมาแล้วเจ้าค่ะ”
รำพึงยิ้ม แต่ก็ดึงมือออกอย่างมีจริต
“บ่าวไพร่มากมาย น้องจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน”
จวงเดินเอาขนมมาเสิร์ฟให้ขุนพิทักษ์
“ขนมอลัว พี่ไม่ได้เห็นมานาน”
“คุณรำพึงทำเองกับมือเลยนะเจ้าคะท่านขุน”
“นังจวง มีอะไรต้องทำก็ไปทำได้แล้ว อย่าจุ้นจ้าน”
“เจ้าค่ะคุณรำพึง”
จวงเดินออกไป
“อลัว เป็นขนมชาววังที่ได้สูตรมาจากเมืองโปรตุเกสหาทานได้ยาก น้องเลยอยากทำให้คุณพี่ทานเจ้าค่ะ”
“น้องรู้ความหมายของขนมชนิดนี้รึเปล่า”
“มันมีความหมายว่า เสน่ห์ดึงดูดใจ”
รำพึงหยิบขนมป้อนขุนพิทักษ์ ขุนพิทักษ์ใช้ริมฝีปากสัมผัสมือรำพึง
“แต่เสน่ห์ของมันไม่ได้ครึ่งเสน่ห์ของน้อง”
จังหวะนั้นเองที่ขุนไวพิชิตพลเดินมาเห็น ขุนไว หัวเสียที่ครั้งนี้ขุนพิทักษ์มาเหยียบถึงถิ่น

“คุณรำพึงต้อนรับแขกดีถึงเพียงนี้เชียวเหรอ”

รำพึงกับขุนพิทักษ์หันขวับ รำพึงรีบชักมือกลับ

“น้องรำพึงคงเลือกว่าควรต้อนรับใคร แบบไหนมากกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นท่านพระยาฯคงไม่พอใจเป็นแน่ ถ้ารู้ว่าคุณรำพึงแสดงกิริยาอันไม่เหมาะแก่การเป็นหญิงงาม โดยเฉพาะกับคนที่ฉวยโอกาสอย่างขุนพิทักษ์”
“ไอ้ไว!”
ขุนไว จ้องหน้าขุนพิทักษ์ไม่ลดละ
รำพึงฉุนกึก
“ขุนไว ท่านไม่มีสิทธิ์มาเอ่ยเช่นนี้กับข้า!”
ขุนไว สวนขึ้นทันที
“แล้วท่านพระยามีสิทธิ์หรือเปล่า”
รำพึงหันขวับไปมองขุนไว ข้อนี้เป็นจุดที่ขุนไว ชนะตน รำพึงพยายามข่มอารมณ์
“ท่านขุนฯมาถึงเรือนมีธุระอะไรคะ”
“ท่านพระยาฯให้พี่มาเอาเอกสาร”
“ที่แท้ก็หมารับใช้” ขุนพิทักษ์ไมตรีบอก
ขุนไว ตวัดตามองแล้วก้าวเข้าไปกระชากคอขุนพิทักษ์
“แต่ก็ยังดีกว่าหมาขี้เรื้อนที่เจ้าบ้านเขาไม่อยากได้”
ขุนพิทักษ์ ผลักอกขุนไว แล้วถีบล้มทันที
“ตีนหมาขี้เรื้อนหนักพอจะปิดปากคางคกขึ้นวออย่างเอ็งได้มั้ยวะไอ้ไว”
ขุนไวพิชิตพลพุ่งเข้าหาขุนพิทักษ์ไมตรี ทั้งคู่ต่างปะทะหมัดกันนัว แต่สุดท้ายรำพึงมาขวางไว้
“ถ้าคิดจะวางมวยกัน เชิญไปที่อื่น!”
ขุนไว ชะงัก รำพึงหันไปหาขุนพิทักษ์
“คุณพี่คะ คุณพี่กลับไปก่อนเถอะค่ะ น้องจะให้จวงไปส่ง คืนนี้น้องจะไปฟังสวดกับคุณพ่อค่ะ”
“พี่จะรอน้องที่เรือน”
ขุนพิทักษ์ เดินออกไปแล้วตวัดตามอง ขุนไวฮึดฮัด
“คุณรำพึงทำแบบนี้ดูจะเข้าข้างมันเกินไป”
รำพึงรีบตัดบท
“เอกสารอะไรคะที่คุณพ่ออยากได้ ดิฉันจะไปหยิบให้”
รำพึงทำหูทวนลม ขุนไวพิชิตพลได้แต่กลั้นความไม่พอใจ

ขุนไวพิชิตพลเดินฉับๆถือเอกสารออกมาจากเรือนไปยังท่าเรือริมน้ำเรือนรำพึงด้วยความโมโห
“ไอ้พิทักษ์...เอ็งชนะข้าแค่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด แต่เรื่องอื่นข้าจะไม่แพ้ รำพึงจะต้องเป็นของข้า!”
ตาของขุนไว เต็มไปด้วยความแค้นและมุ่งมั่น

ที่เรือนทาส เวลากลางวัน สมป้อนข้าวชุ่ม
“พี่สม ข้ากินเองได้”
ชุ่มดึงถ้วยจากมือสมมากินเอง สมมองสภาพน้อง
“ข้าจะบอกคุณหญิง ว่าคุณรำพึงทำร้ายเอ็ง”
ชุ่มมองหน้าสม
“อย่านะพี่สม”
“เอ็งโดนสองหนแล้วนะนังชุ่ม ข้าไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแน่”
“พี่สม ฉันขอร้อง ฉันไม่อยากหาเรื่องร้อนใจไปให้คุณหญิงท่าน ท่านดีกับเราเหลือเกินนะพี่สม”
“แต่เอ็งโดนทำร้ายจะให้ข้าอยู่เฉยได้ยังไง”
ชุ่มกอดสม
“พี่สม เชื่อฉันนะ ทำดีต้องได้ดี คนทำชั่วสักวันจะโดนกรรมสนองเอง เรื่องแค่นี้ข้าทนได้ อย่าให้ข้าต้องเป็นต้นเหตุให้พี่เดือดร้อน อย่าให้ข้าเป็นคนเนรคุณทำให้คุณหญิงต้องวุ่นวายเพราะข้าเลยนะพี่ ข้าขอ”
ชุ่มน้ำตาเปื้อนหน้า สมมองหน้าน้องอย่างสงสาร สองพี่น้องกอดกันที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมของตัวเอง

ที่เรือน พระยาเทวราชตบรำพึง ผัวะ! รำพึงถลาเข้าไปหาจวงที่ต้องรีบรับไว้ด้วยความตกใจ
“เป็นถึงลูกพระยา ทำตัวไม่ผิดกับหญิงงามเมือง”
“ไม่จริงนะคะคุณพ่อ ลูกไม่ได้ทำตัวเลวอย่างนั้น ขุนไวกล่าวหาลูก”
“ไม่มีมูล แล้วจะมีคนพูดแบบนั้นได้อย่างไร จำเป็นอะไรที่ขุนไวจะต้องสร้างเรื่องเท็จ!”
“คุณพ่อคะ ขุนพิทักษ์เธอมาหาคุณพ่อต่างหาก คุณพี่อยากจะมากราบขอบคุณ คุณพ่อ เรื่องงานศพท่านพระยาฯ”
“แต่ก็ไม่จำเป็นต้องป้อนอะไรกัน มันไม่งาม!”
รำพึงเจอทางตันรีบหาทางออกโดยใช้อารมณ์
“ที่ลูกทำแบบนั้น เพราะคุณพี่ยังดูเสียใจอยู่มาก ลูกก็แค่อยากเอาใจให้คุณพี่พอยิ้มได้ แต่ท่านขุนฯ คนโปรดของคุณพ่อมาถึงก็ปึงปัง ไม่ฟังอะไร จะวางมวยท่าเดียว”
“ขุนไว ไม่ใช่คนโปรดของข้า ข้าก็แค่เห็นว่า เขาเป็นคนเอาการเอางาน ไม่จับจดเหมือนคนหนุ่มทั่วไป”
พระยาเทวราชมองรำพึงแล้วส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
“เห็นทีต้องจับเจ้าขังไม่ให้เจอขุนพิทักษ์อีก”
พระยาเทวราชพูดจริงจัง รำพึงต้องหาทางทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรงไปมากกว่านี้
รำพึงน้ำตาคลอ
“ขุนไวจะมองลูกว่าเป็นหญิงเช่นไร ที่เพียงแค่ลมปากของเขาก็ทำให้คุณพ่อลงโทษลูกแบบนี้ เพราะแม้แต่พ่อยังเชื่อว่าลูกจะทำตัวเลวเช่นนั้น แล้วจะให้คนอื่นมองว่าลูกนั้นดีไปได้อย่างไร”
รำพึงร้องไห้ ทำให้พระยาเทวราชรู้สึกผิด
พระยาเทวราชมีท่าทีอ่อนลง
“แต่เจ้าอย่าลืมว่า เจ้าเป็นหญิงใกล้ชิดชายมากเกินไป คนจะครหาได้”
“ลูกจะระวังค่ะ”
พระยาเทวราชถอนใจบอก
“คืนนี้เจ้าไม่ต้องไปงานที่บ้านท่านพระยาฯ ถือว่าทำโทษที่เกิดเรื่องวันนี้”
พระยาเทวราชเดินขึ้นบันไดเรือนไป
“คุณพ่อคะ...”
รำพึงโกรธ ขุนไวยพิชิตพล
“ท่านขุนพิทักษ์รอเก้อแน่เจ้าค่ะ คุณรำพึง” จวงว่า
รำพึงตบระบายอารมณ์ ผัวะ!
“นังจวง นังบ้า!”
รำพึงเดินปึงปังขึ้นเรือนไป ส่วนจวงบ่นอุบ 

“อ้าว ไหงมาลงที่จวงล่ะนี่”

เวลายามเย็น ชุ่มมาซักผ้าอยู่ที่ท่าน้ำ

“นังชุ่ม เอ็งมาทำงานทำไม หายดีแล้วเหรอ” บ่าวถาม
“หายแล้วจ๊ะพี่เผื่อน ฉันอยากมาช่วยงานบ้าง นอนมานานแล้วมันไม่ดี”
เผื่อนกับบ่าวพากันเดินออกไป ชุ่มลงมือซักผ้า แต่จังหวะนั้นชุ่มทำผ้าหลุดมือ ชุ่มลุกจะคว้าผ้า แต่กลับหน้ามืดเพราะยังไม่หายดี ชุ่มจะเป็นลม มีมือแข็งแรงมารับไว้ ทั้งสองล้มไปกองกับพื้นด้วยกัน
“ไง...ยังไม่หายไข้แล้วทำอวดดี ข้าต้องคอยช่วยเจ้าอีกกี่ทีเนี่ย”
ชุ่มอยู่ในอ้อมกอดมองหน้าขุนพิทักษ์ไมตรี และรีบลุก แต่ด้วยหน้ามืดจึงลุกไม่ขึ้น
ขุนพิทักษ์ อุ้มชุ่มขึ้นมา ชุ่มตกใจ
“ปล่อยข้า...ท่านขุน!”
“เอ็งนี้มันน่าจับโยนน้ำซะให้เข็ด จะได้ไม่ต้องมาปากเก่งแบบนี้”
“ปล่อยข้าเจ้าค่ะ”
ชุ่มดิ้น
“ถ้ายังดิ้นไม่หยุด ข้าจะจูบให้หยุดดิ้นเลย!”
ชุ่มหยุดดิ้นทันที ไม่กล้าหือ ขุนพิทักษ์ มองยิ้ม
“แน่จริงก็เก่งให้ตลอดสิ”
ชุ่มกลัวไม่รู้จะทำไง ตัดสินใจกัดแขนขุนพิทักษ์
“โอ้ย”
ขุนพิทักษ์ จำต้องปล่อยชุ่ม ชุ่มได้ทีจะวิ่งหนี ท่านขุนฯดึงรั้งไว้
“นังชุ่มเอ็งกล้ากัดข้าเหรอ เอ็งนี่มันร้ายนัก”
“ท่านขุนจะทำร้ายข้านี่เจ้าคะ”
“ข้าทำอะไรเจ้า”
“ก็ท่าน ฉวยโอกาสกับข้า”
ขุนพิทักษ์ ถอนใจไม่อยากเถียงด้วย
“เอ็งกับข้านี่จะมีทางญาติดีกันได้มั้ยเนี่ย”
ขุนพิทักษ์ มองชุ่มไปอย่างเอ็นดูในความร้ายปนซื่อของชุ่ม
“ถ้าท่านทำแบบนี้คงไม่มีวันหรอก”
“แล้วข้าต้องทำอย่างไร”
“ท่านก็ต้องปล่อยข้าก่อน”
“แต่เอ็งต้องไม่วิ่งหนีข้า”
ชุ่มพยักหน้า ขุนพิทักษ์ตัดสินใจปล่อย ชุ่มได้ทีวิ่งหนีไปทันที
“ชุ่ม เอ็งหลอกข้า...เอ็งนี่มันพยศจริงๆ”
ขุนพิทักษ์ ขำกับความแก่นแก้วของชุ่ม

เรือนคุณหญิงมณี เวลากลางคืน ผู้คนมางาน พระสวด ขุนพิทักษ์ไมตรีมองหารำพึง จนแขกลากลับ
พระยาเทวราช กับขุนไวพิชิตพลเดินออกจากงาน ขุนพิทักษ์ วิ่งตามมา
“ท่านพระยาฯ ขอรับ น้องรำพึงไปไหนเสียล่ะครับ อาการป่วยก็ดีขึ้นแล้วไม่ใช่หรือครับ ทำไมวันนี้ก็ไม่เห็นมา”
“ก็น่าจะรู้ว่าเพราะใคร”
ขุนพิทักษ์ หันขวับไม่พอใจ พระยาเทวราชปราม
“ท่านขุนฯ … ไข้กลับนะพ่อพิทักษ์ ไม่รู้ว่าวันนี้ที่หลานไปเยี่ยมไปทำอะไรไว้ รำพึงถึงเป็นขึ้นมาอีก”
ขุนพิทักษ์มองขุนไว รู้ว่าเป็นคนฟ้องแน่ ขุนไว สู้ตาไม่หลบ
“ที่แท้ก็ป่วยเพราะลมปาก!”
ขุนไวพิชิตพลสวนทันที
“หรือไม่ก็พวกลมเพลมพัด พาของสกปรกเข้าไปถึงเรือน”
เพียงเท่านั้น ขุนพิทักษ์ไมตรีก็สุดทน ชกโครมเข้าไปที่หน้าขุนไว! ทุกคนตกใจ
แต่แปลก!ที่คราวนี้ขุนไวไม่ตอบโต้
“อย่าเก่งแต่ปาก ลุกขึ้นมา”
พระยาเทวราชไม่พอใจบอก
“ขุนไวเขาก็แค่วินิจฉัย ทำไมพ่อพิทักษ์ต้องเอามาเป็นอารมณ์ แล้วอีกอย่าง...น่าจะเกรงใจชั้นบ้าง!”
ขุนไว รีบแทรก
“กระผมยอมให้ไอ้พิทักษ์หยามศักดิ์ศรี ยังดีกว่าให้คนโจษจันว่า กระผมในฐานะคนของท่าน มาต่อยตีกันเยี่ยงทาสให้ท่านพระยาระคายใจ”
“สอพลอ!”
“พ่อพิทักษ์!” พระยาเทวราชเสียงแข็ง
ขุนพิทักษ์ชะงักกึก
“อย่าให้มันเกินเส้นไป! ถ้าควบคุมอารมณ์ตนเองยังไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะรุ่งเรืองในหน้าที่การงานเลย”
ขุนไวพิชิตพลส่งสายตาเยาะ แต่ขุนพิทักษ์ต้องควบคุมอารมณ์หันไปขอโทษพระยาเทวราช
“กระผมกราบขอโทษขอรับ”
“ฉันจะถือว่าไม่เคยมีเหตุนี้เกิดขึ้น และฉันจะไม่เอ่ยให้คุณหญิงได้รู้ แค่งานศพท่านพระยา คุณหญิงก็โศกเศร้ามากพอแล้ว”
พระยาเทวราชมองขุนพิทักษ์ด้วยความผิดหวัง ก่อนเดินออกไป แต่ขุนพิทักษ์เรียกไว้
“ท่านพระยาขอรับ”
พระยาเทวราชหยุดฟัง
“วันพรุ่ง กระผมจะไปกราบขอสมาท่านพระยาอีกครั้งนะครับ”
ขุนไวพิชิตพลรู้ทัน รีบขัดขึ้นมา
“พูดให้ตรงกับใจ มันถึงเรียกว่า ลูกผู้ชาย”
ขุนพิทักษ์ไมตรีอึ้งไป
“ถ้าหลานคิดว่าจะไปเยี่ยมแม่รำพึง ฉันว่าอย่าเพิ่งเลย ช่วงนี้ฉันไม่ให้รำพึงพบใครทั้งนั้น จนกว่าจะหายดี”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะขอรับ ที่กระผมจะไปหาน้องรำพึงได้”
“ไม่มีกำหนด”
พระยาเทวราชพูดจบก็เดินออกไป ขุนไวพิชิตพลยิ้มเยาะ
“ได้ยินชัดแล้วนะ...ไม่มีกำหนด!”

ขุนไวเดินตามออกไป ขุนพิทักษ์ไมตรีขัดใจหนัก ความรักของเขามีอุปสรรคมากมายขึ้นทุกที!

เวลากลางคืน รำพึงเดินไปมาในห้องนอนด้วยความหงุดหงิดใจ จวงมองตามไปจนเวียนหัว

“ข้าต้องมาติดอยู่ในเรือนแบบนี้ เพราะขุนไวขี้ฟ้องนั่นแท้ๆ”
“คุณรำพึงกังวลเรื่องนังชุ่มใช่ไหมเจ้าคะ”
รำพึงหงุดหงิด
“เอ็งไม่เห็นสายตาที่คุณพี่มองนังทาสนั่นรึ”
จวงสอพลอ
“ท่านขุนคงเห็นมันเป็นแค่นางบำเรอเท่านั้นล่ะเจ้าค่ะ”
อย่างไรเสียคุณรำพึงของบ่าวก็เป็นที่หนึ่งเสมอ
“ข้าไม่ได้อยากเป็นแค่ที่หนึ่ง แต่ข้าต้องการจะเป็นหญิงเดียวในชีวิตของคุณพี่ คุณพี่เป็นของข้า และข้าจะไม่ยอมแบ่งให้ใครเด็ดขาด”
รำพึงมองไปที่นอกหน้าต่าง แต่แววตาในคืนนี้กลับไม่มั่นใจ

ภายในห้องพระ เวลากลางคืน ขุนไวพิชิตพลกราบพระหลังสวดมนต์เสร็จ ก็แตะที่มุมปากที่ยังมีรอยฟกช้ำจากการปะทะ พลางนึกถึง
พระยาเทวราชเสียงแข็ง
“ขุนพิทักษ์!”
ขุนพิทักษ์ชะงักไป
“อย่าให้มันเกินเส้นไป! ถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองยังไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะรุ่งเรืองในหน้าที่การงานเลยนะท่านขุน!”

มือขุนไวฯยังแตะที่มุมปาก
“มีกระดูกชิ้นโตอย่างพระยาเทวราชมาขวางคอเอ็งไว้เยี่ยงนี้ อย่าหวังว่าจะมีชัยเลย...ไอ้พิทักษ์!”

ที่เรือนคุณหญิง เวลากลางคืน ขุนพิทักษ์ไมตรีกับคุณหญิงมณีนั่งมองบ่าวที่กำลังช่วยกันเก็บของหลังเสร็จงาน
“คุณแม่ขอรับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วกระผมขอตัวนะขอรับ”
ขุนพิทักษ์ฯ จะลุกไป แต่เห็นชุ่มเดินขึ้นมาก็ชะงัก
แจ่มหันมาเห็นชุ่มเดินขึ้นมาก็ถาม
“นังชุ่ม! ขึ้นมาทำไม เอ็งไม่สบายอยู่ ทำไมไม่นอนพัก”
“ทุกคนช่วยกันทำงานอยู่จะให้ข้านอนกินแรงคนอื่น ได้ยังไงล่ะจ๊ะ”
ขุนพิทักษ์ฯ หัวเราะบอก
“ยืนจะไม่ไหวยังอวดเก่ง”
“อะไรที่ตอบแทนผู้มีพระคุณได้ ข้าก็จะทำ”
คุณหญิงมณีบอก
“ไว้ให้เอ็งหายดีก่อนแล้ว...”
คุณหญิงยังพูดไม่ทันจบ ขุนพิทักษ์ฯ ก็แทรกขึ้น
“อย่าไปขัดมันเลยครับคุณแม่ กระผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่า นังชุ่มมันจะอวดเก่งได้สักกี่น้ำ”
ชุ่มมองขุนพิทักษ์แล้วฮึด ฝืนใช้เรี่ยวแรงไปช่วยเก็บกวาดเรือน ขุนพิทักษ์ฯยิ้มมองตาม ชอบใจความดื้อของชุ่ม
“เมื่อกี้จะเข้าไปนอนแล้วไม่ใช่รึลูก”
“กระผมอยากนั่งรับลมอีกสักประเดี๋ยวครับคุณแม่”
คุณหญิงมณีนั่งมองสายตาของขุนพิทักษ์ฯที่มองไปทางชุ่มอย่างไม่วางตาและจับสังเกต

เช้าวันใหม่ที่ท่าอาบน้ำเรือนคุณหญิง แจ่มสั่งบ่าวให้ขัดตัวชุ่ม หัวหูกระเซอะกระเซิงตัวเปียกโชก ชุ่มร้องโอดครวญ
“โอ้ย!”
“แหกปากเข้าไป แก้วหูข้าจะแตกอยู่แล้ว”
“ก็มันเจ็บนี่จ๊ะป้า ทำไมต้องขัดแรงขนาดนี้ด้วย”
“ก็แล้วทำไมขี้ไคลเอ็งมันเยอะขนาดนั้นล่ะวะ แล้วดูสิ..เป็นสังกะตังทั้งหัว นังผาดเอ็งเอาหวีเสนียดสางให้ทุกเส้นเลยนะ”
แจ่มหยิบหินขัดเท้าส่งให้นังเผื่อน
“นังเผื่อน เอ็งขัดตีนมัน เอาหนังตีนออกให้หมด อย่าให้เหลือ”
เผื่อนรับหินขัดไปขัดเท้าชุ่ม คราวนี้ชุ่มทั้งร้อง ทั้งจักจี๊ที่เท้า ชุ่มดิ้นดุกดิกๆแล้วหัวเราะ
“ฮ่าๆ...โอ้ยป้าจ๋า พอเถอะ”
“พวกเอ็งจับนังชุ่มให้มันอยู่นิ่งๆ หน่อยสิวะ”
บ่าวคนหนึ่งบอก
“ก็จับอยู่นี่ไงป้า แต่นังคนนี้แรงมันเยอะนัก”
สมเดินผ่านมาเห็นน้องก็ยิ้มขำขัน ชุ่มหันขวับไปถลึงตาใส่
“พี่สมยิ้มอยู่ได้มาช่วยฉันหน่อยสิ”
“เรื่องนี้ข้าช่วยเอ็งไม่ได้จริงๆว่ะ นังชุ่มเอ๊ย ฮ่าๆๆ”
แล้วสมก็เดินจากน้องสาวไป
“พี่สม! อย่าเพิ่งทิ้งกันสิจ๊ะ พี่สม”
บ่าวทั้ง ๔ คนจับชุ่มกางแขน กางขา รุมขัดตัว ขัดเท้า และสางผมชุ่ม

จนชุ่มร้องเสียงดังอ้าปากกว้าง “โอ๊ย”

บ่วงบาป ตอนที่ 2 (ต่อ)

คุณหญิงมณีและขุนพิทักษ์ไมตรีนั่งบนตั่งที่บนเรือน หันมองไปตามเสียงร้อง “โอ้ย” พร้อมกัน ขุนพิทักษ์เอ่ยถามผู้เป็นมารดา

“เสียงใครร้องเหมือนถูกเชือด”
คุณหญิงมณียิ้ม
“คงจะเป็นนังชุ่มน่ะลูก ตอนนี้คงกำลังสังคายนากันอยู่ แม่จะให้นังชุ่มขึ้นมาทำงานบนเรือน”
ขุนพิทักษ์มองอย่างแปลกใจ “หืม...”
“ก็ลูกเองที่บอกว่ามันฉลาด”
ขุนพิทักษ์ยิ้มแก้เก้อ
“มันปากกล้าจะตายไปขอรับ”
ขุนพิทักษ์แอบอมยิ้มเมื่อนึกถึงชุ่ม คุณหญิงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“พิทักษ์..ลูกปักใจกับหนูรำพึงแน่แล้วหรือ”
“น้องรำพึงงามพร้อมขอรับ”
“ใบหน้างดงามเป็นแค่ภายนอก สำคัญว่าใจของลูกมั่นคงกับหนูรำพึงหรือเปล่า”
ขุนพิทักษ์คิดนิดนึงแล้วบอก
“ตอนนี้ลูกก็ยังไม่ได้มีใครอื่นนอกจากน้องรำพึง”
“ลูกแน่ใจนะ”
ขุนพิทักษ์มองอย่างสงสัย
“คุณแม่ถามเหมือนว่า กระผมจะมีหญิงอื่นในใจ”
คุณหญิงมณีเปลี่ยนเรื่อง
“แม่ก็แค่ถามดู ก่อนจะมีเรือน...แม่อยากให้ลูกบวชเรียนเสียก่อน”
ขุนพิทักษ์ได้ยินถึงกับวางช้อน
“คุณแม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ถ้าลูกอยากบวชลูกจะบอกคุณแม่เอง ไม่ต้องมาหว่านล้อมลูกหรอกขอรับ...ลูกอิ่มแล้ว”
ขุนพิทักษ์ลุกเดินลงเรือนไป คุณหญิงมณีได้แต่ถอนใจ

ภายในห้องนอนของรำพึง จวงโดนหมอนปาใส่เข้าอย่างจัง
“โอ๊ย! คุณรำพึงทำจวงทำไมเจ้าคะ”
“คุณพี่ไม่ได้ติดต่อข้ามาหลายวันแล้วนะนังจวง ทำไมป่านนี้คุณพี่ยังไม่คิดถึงข้า”
“ท่านขุนพิทักษ์อาจจะถูกกีดกันก็ได้นะเจ้าคะ ยิ่งมีท่านขุนไวประกบท่านพระยาฯอยู่ทุกวันแบบนี้”
“ข้าจะไม่ฟังคำสั่งคุณพ่ออีกแล้ว ข้าจะไปหาคุณพี่!”
จวงตกใจ รีบดึงมือไว้
“จะดีหรือเจ้าคะ”
“ดีหรือไม่ข้าตัดสินใจเอง วันนี้..ข้าต้องเจอคุณพี่ให้ได้”
รำพึงแววตามุ่งมั่น คิดแผนการณ์ในใจ

ภายในโรงบ่อน ขุนพิทักษ์ไมตรีแทงถั่วโปอย่างเมามัน นายบ่อนเดินเข้าไปหาแล้วยื่นจดหมายให้ ขุนพิทักษ์รับมาเปิดอ่าน

“ชะเง้อคอรอคอยวันลอยเลื่อน
น้ำตาเปื้อนแก้มน้องไม่ผ่องใส
คอยเห็นพักตร์พี่เจ้าเฝ้ารอใจ
หากเปลี่ยนไปพี่จงแจ้งแถลงคำ
น้องจะรอฟังคำของพี่ยา
คำสัญญาพี่ให้ไว้ใจกลืนกล้ำ
ขอพี่มาตามทางสาส์นหนุนนำ
หากคืนคำขอแพรกลับดับสัญญา”

ขุนพิทักษ์ได้อ่านดังนั้นก็เกิดอาการร้อนใจ
“ใครให้เอ็งมา”
นายบ่อนชี้ไปยังผู้หญิงที่เอาผ้าคลุมหัวรออยู่ตรงหลืบประตู เมื่อหันมาเป็นจวงนั่นเอง
ขุนพิทักษ์รีบเดินออกไป

ภายในเรือนพระยาเทวราช รำพึงเดินลงมา เห็นพระยาเทวราชนั่งจิบน้ำชาอยู่
“คุณพ่อเจ้าคะ เมื่อเช้าพ่อค้าสำเภาจีนฝากบ่าวมาแจ้งว่า ผ้าที่คุณพ่อสั่งซื้อมาถึงแล้ว ลูกขอไปรับผ้านะเจ้าคะ”
“แล้วนังจวงไปไหน”
“ลูกให้มันไปซื้อดอกไม้ที่ตลาดแล้วตามไปเจอลูกที่ร้านผ้าเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็เอาบ่าวคนอื่นไปด้วย เผื่อจะได้ช่วยหยิบจับอะไร”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ นังจวงคนเดียวก็พอแล้ว”
พระยาเทวราชหันมองลูกสาวอย่างไม่มั่นใจว่า รำพึงพูดความจริงเรื่องไปรับผ้า
“จะทำอะไร ให้สำนึกไว้เสมอว่าเป็นลูกพระยาไม่ใช่วางตัวอย่างไพร่ตามสายเลือด!”
รำพึงสายตาแข็งกร้าวขึ้นทันที แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมอ่อนโยน
“ลูกจำคำสั่งสอนของคุณพ่อเสมอค่ะ”
“รับผ้าเสร็จแล้วก็รีบกลับเรือน”
“เจ้าค่ะ”
พระยาเทวราชหันไปสั่งบ่าว
“เอ็งไปบอกคนเตรียมเรือให้ลูกข้า”

บ่าวเดินออกไปทำตามสั่ง สีหน้าของรำพึงมีแววดีใจที่ชนะ ทำแผนการสำเร็จไปเปลาะหนึ่ง

ขณะที่รำพึงเดินมาที่ท่าน้ำเพื่อจะลงเรือ ทุกย่างก้าวของรำพึงที่เดินไปที่เรือมีเสียงของพระยาเทวราชตามมาราวกับตำหนิติเตียน เพราะรำพึงรู้ว่า ตนเองกำลังจะไปวิ่งไล่ตามผู้ชายอย่างขุนพิทักษ์ไมตรี

“จะทำอะไร ให้สำนึกไว้เสมอว่าเป็นลูกพระยาไม่ใช่วางตัวอย่างไพร่ตามสายเลือด!”
รำพึงกำมือแน่น พูดกับตัวเอง
“คำก็ไพร่ สองคำก็ลูกทาส สักวัน..ข้าจะไปให้พ้น พ่อจะเหยียบย่ำใจข้าอีกไม่ได้”
รำพึงก้าวลงเรืออย่างตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อ

ขุนไวพิชิตพลยืนอยู่ที่ท่าน้ำฝั่งตลาด กำลังสั่งคนงานให้ซื้อของ เขาหันไปทางฝั่งน้ำเห็นเรือของบ้านรำพึง แล่นผ่านมา ลมพัดผ้าม่านหน้าต่างจึงเผยให้เห็นรำพึงนั่งอยู่ในเรือ
“นั่นคุณรำพึงนี่...คุณรำพึงจะไปไหน”
ขุนไวพิชิตพลมองตามเรือที่ค่อยๆลอยไป
ภายในเรือ รำพึงพูดกับคนเรือ
“เอ็งบ่ายหัวเรือไปท่าน้ำท้ายหมู่บ้าน ข้ายังไม่ไปร้านผ้าตอนนี้ แล้วห้ามปริปากบอกใครนะ ไม่เช่นนั้นข้าเอาตาย”
“ขอรับ”
คนเรือบังคับเรือบ่ายหน้าไปอีกทาง ขุนไว สงสัยมองตามเรือที่เปลี่ยนทิศทาง

เรือแล่นมาจอดเทียบท่าที่ท่าน้ำ จวงเดินมารับ รำพึงมีผ้าคลุมหัวเดินขึ้นมาจากเรือ จวงเรียกคนเรือ
“ไอ้กลิ่น เอาอัฐนี่ไป แล้วเอ็งก็ไปอยู่ไกลๆ เดี๋ยวเสร็จแล้วข้าไปเรียก”
“จ๊ะ แม่จวง” กลิ่นบอก
“ทางนี้เจ้าค่ะคุณรำพึง”
จวงเดินนำรำพึงไป

บริเวณริมน้ำ ขุนพิทักษ์ไมตรียืนหันหลังอยู่ เสียงรำพึงดังขึ้น
“คุณพี่เอาแพรมาคืนน้องรึเปล่าเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์หันมาเห็นรำพึงจึงรีบวิ่งเข้าไปกอด
“พี่รอน้องรำพึงอยู่ทุกคืน แต่น้องก็ไม่เห็นมาฟังพระสวดพร้อมท่านพระยา พี่เสียอีกที่นึกว่าน้องปันใจไปให้ไอ้ไวมันแล้ว”
รำพึงดันอกขุนพิทักษ์ออกอย่างมีจริต
“ก็อาจเป็นได้นะเจ้าคะ เพราะท่านขุนไวเช้าถึงเย็นถึง ถ้ายังสม่ำเสมออยู่เช่นนี้น้องคง...”
ขุนพิทักษ์พูดแทรกขึ้นมา
“ถ้าน้องเลือกไอ้ไว พี่คงต้องตรอมใจตาย”
“ก็คุณพี่หายหน้าไปเช่นนี้จะให้น้องคิดยังไง น้องคิดได้เพียงคุณพี่คงเจอหญิงอื่นที่คู่ควรกว่าน้อง”
ขุนพิทักษ์ชะงักเพราะคำนั้นทำให้เขานึกถึงหน้าของชุ่มขึ้นมา รำพึงจับสังเกตได้
“หรือคุณพี่มีใจเป็นอื่นจริงๆ”
“พี่มีน้องเพียงคนเดียว”
“พิสูจน์สิเจ้าคะ ว่าคุณพี่มีใจรักน้องจริง”
ขุนพิทักษ์มีสีหน้าเหมือนถูกกดดัน
“พี่จะทำยังไงได้เล่า ดูท่านพระยาจะไม่ค่อยชอบหน้าพี่เท่าไรนัก”
“คุณพี่ก็ต้องดีให้พอสิเจ้าคะ เพื่อให้คุณพ่อน้องยอมรับ ทำให้คุณพ่อยอมให้อิสระกับน้องเสียที”
“อิสระกับน้อง”
“ค่ะ ให้คุณพ่อยอมปล่อยให้เราสองคนได้รักกัน หรือคุณพี่เห็นว่าน้องไม่มีค่าที่ควรให้เกียรติ”
“ทำไมน้องถึงคิดแบบนั้น”
“ทั้งน้องและคุณพี่เป็นถึงลูกเจ้าพระยา แต่กลับต้องเจอกันอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ราวกับความรักของเราเป็นสิ่งผิด น้องรู้สึกว่าตัวเองน่ารังเกียจที่ทำตัวราวกับหญิงใจง่าย ถ้ามีใครรู้ น้องคงโดนดูถูกว่าทำตัวไม่ต่างจากหญิงงามเมือง”
ขุนพิทักษ์จับมือ
“น้องรำพึง”
ขุนพิทักษ์รู้สึกอึดอัดใจ
“ถ้าคุณพี่ยังไม่เดินหน้า น้องก็จะไม่รอคุณพี่อีกต่อไป”
“ไม่ พี่ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น พี่จะทำทุกทางเพื่อให้เราได้ครองคู่กัน”
รำพึงใช้จริตซบไปที่หน้าอกของขุนพิทักษ์ฯ
“น้องหวังเพียงว่า คุณพี่จะไม่ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับน้อง ว่าชีวิตของคุณพี่เป็นของน้องเพียงคนเดียว !”
ขุนพิทักษ์ไมตรีมีสีหน้าไม่มั่นใจ แต่รำพึงมีสีหน้าอย่างผู้เป็นต่อ
จังหวะนั้นเอง ที่หลังต้นไม้ ขุนไวพิชิตพลแอบฟังอยู่ รับรู้ทุกสิ่งที่ขุนพิทักษ์กับรำพึงพูดกัน! ขุนไว กำหมัดแน่นด้วยความช้ำใจ!

ภายในสวนบ้านคุณหญิงมณี เวลาเย็น แจ่มกำลังฝึกชุ่มให้คลานเข่าอย่างเรียบร้อย ชุ่มพยายามคลานตามแบบที่ถูกสอนแต่ยังมีท่าทางกระโดกกระเดก แจ่มจึงตีเข้าไปที่ขาชุ่ม
“หัวเข่าเอ็งน่ะหนีบให้ชิดสิ”
“โอ้ย! เจ็บนะจ๊ะป้า”
“ก็ตีให้เจ็บไง มันจะได้จำ”
ชุ่มพยายาม แต่ยังคลานอย่างเก้งก้าง
“อย่างนี้หรือจ๊ะป้า”
แจ่มตีเข้าไปที่ขาอีกเพี๊ยะ ! ใหญ่
“ดูมัน กระโดกกระเดกเป็นลิงเป็นค่าง ข้าล่ะเหนื่อยกับเอ็งจริงๆนังชุ่ม”
ชุ่มหน้ามีสีหน้าเหนื่อยใจ แล้วก้มหน้าก้มตาคลานไปเรื่อยๆ จนหัวไปชนกับขาของชายคนหนึ่ง ชุ่มนึกว่าเป็นสม จึงไม่หลบแถมยังชนเข้าไปอีก
“หลบไปสิพี่สม เดี๋ยวฉันก็ถูกป้าแจ่มตีอีก”
“เอ็งจะขวิดข้าอีกนานไหมนังชุ่ม”
ชุ่มจำเสียงขุนพิทักษ์ได้จึงเงยหน้าขึ้นมา
ขุนพิทักษ์เห็นชุ่มที่ถูกแปลงโฉม ก็ตะลึงกับความเปลี่ยนแปลง!
ขุนพิทักษ์ย่อตัวนั่งลงมาจนหน้าประชิดกับหน้าชุ่ม ชุ่มตกใจเด้งตัวหงายหลังล้มไม่เป็นท่า
“ว้าย”
ขุนพิทักษ์เห็นท่าชุ่มก็หัวเราะออกมา
“ลูกศิษย์ป้าแจ่มคนนี้เปลี่ยนไปเยอะนะ แต่ดูท่าทางจะไม่ได้ความเหมือนเดิม มีลูกศิษย์แบบนี้ คนเป็นครูเสียชื่อหมด”

ขุนพิทักษ์หัวเราะ ชุ่มอ้าปากจะเถียง แต่แจ่มยกมือขึ้นมาจะตี ชุ่มรีบหุบปากทันที

จวงขึ้นจากเรือตรงท่าน้ำเรือนพระยาเทวราช โดยถือผ้าไหมพับหนึ่งในมือ รำพึงกำลังก้าวขาตามขึ้นมา ขุนไวพิชิตพลยื่นมือให้จับ รำพึงจำต้องจับมือขุนไวเพื่อพยุงตัวขึ้นจากเรือ

“ไปรับผ้าตั้งนาน ได้มาพับเดียวเองหรือครับคุณรำพึง หรือเพราะยังไม่มีผ้าแบบใหม่ๆมาให้เลือก กระผมได้ยินว่าอีกสักสามสี่วัน สำเภาจากจีนลำใหม่ถึงจะมาเทียบท่า”
“แหม ผ้าพับที่เลือกมาก็งามเหลือเกินแล้วเจ้าค่ะ จะซื้อมาทำไมเยอะแยะ” จวงว่า
ขุนไว หัวเสียแล้วยิ้มเยาะ
“ข้าไม่ได้พูดกับเอ็ง! ข้าว่าเอ็งควรจะคิดหาคำแก้ตัวดีๆ กับท่านพระยาฯ จะดีกว่ามาตอแยกับข้านะ”
รำพึงหวั่นใจเมื่อเห็นว่า ขุนไว รู้อะไรบางอย่าง
“จวงเอ็งขึ้นเรือนไปก่อน”
“เจ้าค่ะคุณรำพึง”
จวงเดินออกไปแบบมองหน้ามองหลังอย่างระแวง
“ท่านขุนฯอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ ไม่ต้องอ้อมค้อม”
ขุนไว เข้าไปกระชากตัว บีบแขนของรำพึงแน่นด้วยความโกรธ
“ไอ้พิทักษ์มันมีอะไรดีนักหนา คุณรำพึงถึงได้ลักลอบไปหามัน ถ้าท่านพระยาฯรู้ ไอ้พิทักษ์ไม่ตายดีแน่”
รำพึงสีหน้าตระหนกที่ขุนไวพิชิตพลรู้เรื่อง เธอสั่งน้ำตาให้ออกมา ขุนไว เห็นน้ำตารำพึงก็ใจอ่อนแต่ยังไม่ปล่อยแขนรำพึง
“หากคุณพ่อรู้เรื่องก็คงจะส่งดิฉันกลับพระนคร แต่..ถ้าท่านขุนฯไม่อยากเจอดิฉันแล้ว ก็ทำตามแต่ใจไปเถอะค่ะ”
ขุนไว ดึงรำพึงมากอดอย่างใจอ่อนแล้วตัดพ้อ
“ทำไมคุณรำพึงไม่เห็นใจกระผมบ้าง ปันใจไปให้แต่ไอ้พิทักษ์ กระผมมีอะไรที่สู้มันไม่ได้ กระผมรักคุณรำพึงไม่น้อยไปกว่ามันเลย”
รำพึงค่อย ๆ ผละออก มองสบตาขุนไว แล้วใช้มือแตะที่ใบหน้าขุนไว เหมือนจับแก้ม แล้วค่อยๆ ลากลงมาวางที่อกขุนไว ตรงบริเวณหัวใจ
“ดิฉันไม่ทราบเลยว่าท่านขุนจะมีใจให้กับดิฉันถึงเพียงนี้ ดิฉันเข้าใจว่าท่านขุนขวางดิฉันกับพี่พิทักษ์ เพราะท่านขุนกับพี่พิทักษ์เป็นอริกัน ไม่ใช่เพราะรักดิฉัน ดิฉันต้องขอโทษที่เข้าใจท่านขุนผิดมาตลอด เพราะผู้หญิง...ถ้าจะเลือกชายสักคนเป็นคู่ชีวิต ย่อมต้องการคนที่แสดงออกว่า เขารักและทุ่มเทต่อผู้หญิงคนนั้นมากเพียงใด”
ขุนไวพิชิตพลหลงเชื่อ
“เป็นความผิดของกระผมเองที่ทำให้คุณรำพึงเข้าใจผิด ต่อไปนี้กระผมจะทำให้คุณรำพึงได้เห็นว่ากระผมรักคุณรำพึงมากเพียงใด”
“ถ้าเช่นนั้น ดิฉันขอให้ท่านขุนกล้าหาญและชนะขุนพิทักษ์ได้ด้วยตัวของท่านขุนฯเอง ไม่ใช่เอาคุณพ่อของดิฉันมาเป็นข้ออ้างในการเอาชนะ”
“ถ้าเช่นนั้นกระผมจะสู้กับไอ้พิทักษ์ให้ถึงที่สุด แต่หากมันเป็นอะไรไป คุณรำพึงคงไม่ตำหนิกระผม และเมื่อนั้นกระผมคงจะได้ครอบครองใจคุณรำพึงเสียที”
รำพึงยิ้มหวานเชื่อม
“รำพึงหวังว่าเรื่องที่ท่านขุนแอบเห็นในวันนี้ จะไปไม่ถึงหูคุณพ่อนะเจ้าคะ”
รำพึงเดินหนีไป แต่ขุนไว คว้ามือเธอไว้พูดอย่างมีเงื่อนไข
“ถ้าจะได้ยินคุณรำพึงเรียกกระผมว่าคุณพี่ให้ชื่นใจ”
รำพึงมีหน้าตาไม่อยากทำ แต่จำต้องทำ
รำพึงค่ะ...คุณพี่
ขุนไว ยิ้มบอก
“ชื่นใจจริงๆ น้องรำพึงของพี่”
“ยังค่ะ น้องยังไม่เป็นของใครตราบที่ยังไม่มีผู้ชนะ”
รำพึงบีบมือขุนไวอย่างมีความหมายแล้วฝืนยิ้มหวาน ก่อนจะค่อยๆถอนมือออก แล้วเดินหันหลังไปด้วยแววตาเหยียดหยาม ในขณะที่ขุนไวพิชิตพลยิ้มอย่างมีความหวังในหมากเกมนี้

ชุ่มคลานเข่าแบบเก้ๆกังๆในมือถือโถข้าวไปถึงขุนพิทักษ์ที่นั่งรออยู่บนตั่ง
“วันนี้ข้าจะได้กินข้าวไหม”
ชุ่มยิ่งพยายามคลานจนสะดุดหน้าจะทิ่ม ขุนพิทักษ์ตกใจรีบ
“มันคลานลำบากนี่เจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ยื่นมือไปชิงโถข้าวมาจากมือชุ่ม
“เอามานี่ข้าตักเอง”
“หิวมากใช่ไหมเจ้าคะ”
“ข้ารำคาญต่างหาก เอ็งมันชักช้า”
ชุ่มยิ้มน่ารักบอก
“ไม่ต้องเขินหรอกเจ้าค่ะ มือท่านขุนสั่นขนาดนั้น”
ขุนพิทักษ์ตกใจมองมือตัวเองเห็นว่ามือก็เป็นปกติ
“มือข้าไม่ได้สั่นสักหน่อย”
ขุนพิทักษ์เงยหน้ามองเห็นชุ่มแอบอมยิ้มขำ ๆ
“นี่เจ้าแกล้งข้าเหรอ”
ชุ่มยิ้มอย่างซื่อใสถาม
“แกล้งอะไรเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์มองรอยยิ้มสดใสของชุ่มต่างจากความสวยที่ปรุงแต่ง
“ชุ่ม เอ็งนี่มันไม่เคยรู้ทุกข์รู้ร้อนกับใครเขาเลยนะ”
“รู้สิเจ้าคะ ข้ารู้ว่าพ่อกับแม่ต้องลำบากเพียงไรเพื่อให้ข้ากับพี่ชาย มีที่ซุกหัวนอน รู้ว่าคุณหญิงเป็นผู้มีพระคุณท่วมหัว และก็รู้ว่าควรอยู่ให้ห่างท่านขุนฯไว้ให้มากๆ”
“อ้าว แล้วข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย”
“ก็ถ้าข้าไม่อยากเจ็บตัวก็ต้องอยู่ห่างๆ คนที่ชอบแกล้งข้า”
ขุนพิทักษ์อึ้ง ๆ ที่โดนย้อนเข้าตัว
“เอ็งนี่มันฉลาดพูดนัก”
“ถ้าข้าฉลาดจริง ข้าคงจะหาทางมาไถ่ถอนตัวเองให้เป็นไทได้เสียที ไม่ต้องมาเป็นทาสอยู่เช่นนี้”
“เอ็งอยู่บ้านข้าไม่มีความสุขรึ”
“สุขใดก็ไม่เท่ากับอิสระของตนหรอกเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ได้ยินคำนี้ก็กลับชะงัก
“สำหรับเจ้า แบบไหนถึงเรียกว่าอิสระหรือนังชุ่ม”
“ก็...ไม่ต้องโดนบังคับ อยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจเหมือนท่านขุนไงเจ้าคะ อยากจะทำอะไรก็ทำตามใจ ไม่ต้องสนใจว่าใครจะเป็นยังไง แค่ท่านขุนพอใจก็พอ”
“นังชุ่ม นี่เอ็งยกข้าเป็นเยี่ยงอย่างหรือว่าหลอกด่าข้ากันแน่”
ชุ่มแอบอมยิ้ม แล้วยิ้มกว้าง
“เจ้าค่ะ”
ชุ่มรีบออกไป ขุนพิทักษ์มองตามแล้วยิ้มชอบใจ

“เอ็งนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ”

ตกเวลากลางคืน ภายในห้องนอนรำพึง จวงทำท่าอยากรู้ อยากเห็นเรื่องที่รำพึงเล่า

“เจ็บใจนัก ขุนไวขู่ข้าว่าจะฟ้องคุณพ่อเรื่องวันนี้”
“แต่ดูท่านพระยาฯก็ยังไม่รู้เรื่องนี่เจ้าคะ” จวงว่า
รำพึงยิ้มที่มุมปาก
“จะฟ้องได้อย่างไรล่ะ”
“ทำไมล่ะเจ้าคะ”
“ออกไป! ข้าจะนอนแล้ว”
“อ้าว...”
จวงเดินออกไปจากห้องอย่างสงสัยในคำพูดของรำพึงที่เล่าไม่หมด
“เจอคำลวงเข้าไปก็หลงข้าจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ผู้ชายอย่างขุนไวไม่มีวันจะคู่ควรกับคนอย่างรำพึง!”
รำพึงยิ้มเหยียดดวงตาแฝงแววร้าย

ภายในเรือนทาส เวลาเดียวกัน ชุ่มนวดให้สมผู้เป็นพี่
“พี่สม ข้าว่าท่านขุนฯก็ไม่ได้มีนิสัยเลวร้ายเหมือนที่ใครๆเขาว่ากันนะพี่”
“เอ็งยังไม่เห็นตัวจริงของท่านขุนฯน่ะสิ ทางที่ดีอยู่ให้ห่างๆไว้ จะดีกับตัวเอ็งที่สุด”
“น่าสงสารท่านขุนฯ คงจะไม่มีมิตรดีๆเลยสักคน ถ้าทุกคนคิดกันเช่นนี้”
“เออ ... อย่าเพ้อเจ้อไปเลย เข้าเรือนไปนอนได้แล้ว”
ชุ่มเดินเข้าไปในเรือนทาส สมมองตามน้องอย่างรู้สึกเป็นห่วง

ภายในห้องเก็บศพ เรือนคุณหญิงมณี ในกลางคืน คุณหญิงมณีจุดธูปไหว้พระยาสุรเดชไมตรี
“ดิฉันไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร หวังเพียงแต่ว่าลูกของเราจะดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควร ขอให้ลูกยอมบวชเรียนก่อนจะออกเรือน และขอให้ลูกได้คู่ครองที่เป็นคนดีนะคะ คุณพี่”
คุณหญิงมณีปักธูปลง ทันใดนั้นลมก็พัดทำให้เทียนดับไปในทันที คุณหญิงเห็นเช่นนั้นแล้ว ยิ่งวิตกกังวลรู้สึกเหมือนลางร้ายกำลังจะคืบคลานเข้ามา

วันใหม่ พระยาเทวราชนั่งอ่านหนังสืออยู่ โดยมีรำพึงนั่งร้อยพวงมาลัยอยู่ใกล้อย่างอึดอัด
“คุณพ่อคะ คุณพ่อให้รำพึงอยู่แต่ในบ้านมาหลายวันแล้ว รำพึงอยากจะขออนุญาต”
“ถ้าคิดจะไปเรือนคุณหญิงมณี พ่อไม่อนุญาต คิดว่าพ่อไม่รู้เหรอว่าเจ้ามีใจให้กับขุนพิทักษ์”
รำพึงชะงักแล้วตัดสินใจถาม
“ทำไมล่ะเจ้าคะคุณพ่อ พี่พิทักษ์พร้อมทั้งรูป ทรัพย์สมบัติและหน้าที่การงาน”
“เจ้าก็รู้ว่าสิ่งเหล่านั้น ขุนพิทักษ์ได้มาจากมรดกตกทอด มิได้สร้างขึ้นด้วยตนเอง หนำซ้ำยังไม่สนใจการงาน ติดการพนัน ผู้หญิง”
ขุนไวพิชิตพลกำลังจะเดินขึ้นเรือน ก็ชะงักที่ได้ยินเสียงพระยาเทวราช
“หากพระยาเทวราชจะมีเขยสักคนต้องเป็นผู้ที่ไม่มีมลทินติดตัว ดังเช่นขุนไว”
ขุนไว ยิ้มอย่างพอใจ จวงหันไปที่บันไดเห็นขุนไว มาพอดี
“ท่านขุนไวมาเจ้าค่ะ”
พระยาเทวราชกับรำพึงเปลี่ยนท่าทีทันทีในทันที ขุนไว เข้ามาแล้วกราบพระยาเทวราช
“ตามสบายเถอะพ่อไว มาเช้าขนาดนี้คงจะมีเรื่องด่วนสินะ”
“ขอรับ”
ขุนไว แอบหันมามองรำพึงแล้วส่งสายตาหวานให้ รำพึงยิ่งรู้สึกอึดอัด
“งั้นลูกขอตัวกลับห้องนะเจ้าคะ จะได้ไม่รบกวนคุณพ่อทำงาน”
“ไม่ได้มีเรื่องหนักหนาอะไรที่คุณรำพึงจะรู้ไม่ได้หรอกครับ”
พระยาเทวราชพยักหน้าให้รำพึงอยู่ต่อ เธอนั่งลงอย่างเสียอารมณ์ ยิ่งเห็นแววตาและรอยยิ้มหวานๆของขุนไว ก็ยิ่งไม่สบอารมณ์
“มีเรื่องอะไรรึ”
“เจ้าคุณเทพให้กระผมมารายงานว่า ทางพระนครได้กำหนดวันที่เจ้ากรมคนใหม่จะเดินทางมารับตำแหน่งแล้วขอรับ”
“เมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้าขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นวานท่านขุนเรียนเจ้าคุณทั้งหลายมาประชุมกันในเร็ววันนี้ด้วยนะ เห็นทีงานเลี้ยงต้อนรับคงต้องใหญ่น่าดู”
รำพึงฟังแล้วนึกบางอย่างได้ จะหาทางใช้งานนี้เปิดทางให้ตนเองและขุนพิทักษ์ได้เจอกัน
“คุณพ่อเจ้าคะ วันพรุ่งนี้เป็นวันพระ ลูกขอออกไปถวายเพลที่วัดนะเจ้าคะ”
“ทำไมอยู่ๆถึงอยากไปวัดขึ้นมาล่ะ”
พระยาเทวราชมองรำพึงอย่างเค้นหาความจริง รำพึงแกล้งทำสีหน้าเศร้าๆ
“ลูกไม่สบายเจ้าค่ะ เมื่อคืนลูกฝันถึงคุณแม่ จึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ทำบุญให้คุณแม่นานแล้ว”
พระยามีท่าทีไม่สบายใจกับคำพูดของรำพึง แต่หันไปเห็นสายตาขุนไว ที่สนใจฟังอยู่ พระยาจึงขัดไม่ได้
“ตามใจ !”
รำพึงยิ้ม แต่พระยาเทวราชยังแคลงใจอยู่
“กระผมขอไปทำบุญด้วยนะขอรับ” ขุนไวบอก
“คุณพี่ต้องไปเรียนเชิญเจ้าคุณทั้งหลายไม่ใช่เหรอคะ”

ขุนไวชะงักเห็นจริงด้วย รำพึงยิ้มชนะอย่างเนียนๆ

โปรดติดตาม "บ่วงบาป" ตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น